[Special] Truth or Dare #เกมท้ารัก :SpecialVIII:Playing With Fire [11.12.2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Special] Truth or Dare #เกมท้ารัก :SpecialVIII:Playing With Fire [11.12.2018]  (อ่าน 175991 ครั้ง)

ออฟไลน์ tarn-pm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ baniola

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านรวดเดียวจบ 9 ตอนเลย วางไม่ลง
ใช้ภาษาได้น่าหลงใหลเว่อ ฮือออ น้องพิชญ์ดีมาก
ส่วนอิพี่เต เป็นคนเลวที่เกลียดไม่ลง555555555
แต่น้องนี่เกิดมาเพื่อไล่ตามจริง จะมีวันที่น้องเป็นคนคุมเกมส์บ้างไหมหนิ
ได้แต่ลุ้นให้มีวันนั้นบ้าง

น้องจะทำอะไรต่อไปรอติดตามนะคะ
เป็นกำลังใจให้คุณมะกอก✌

ออฟไลน์ BitterCucumber

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
จะต้องเอามีดกรีดกันให้เป็นแผลเหวอะหวะอีกกี่ร้อยกี่พันครั้งถึงจะพอใจ ห้ะ?? TT อินเหลือเกินนนนนนน

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
สรุปอ่านไปอ่านมาน้องไม่ต้องบินขึ้นไปหาแล้วค่ะ พี่เตตกลงมาเอง 55555555555555555

ออฟไลน์ nnnnnnni

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ๊ยยยยยย แซ่บ
คือดี คือชอบภาษา  สำนวนการเขียนดีมาก  o13 o13
ลุ้นต่อออออ :mew3:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 :katai2-1:

ออฟไลน์ galeiiue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบบบ รอนะคะ :mew1:

ออฟไลน์ Rungsai

  • ใครบอกว่ารุ้งมีเจ็ดสี :D
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เอาแล้วววววววววววว

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
10

ผลจากการให้สัญญา คือความเย็นชาที่พี่ใช้ทดสอบความสัมพันธ์
   
ไม่ยินดียินร้าย... ห่างเหิน... บอกเป็นนัยว่าใกล้ถึงเวลาตัดขาด... บังคับให้ก้าวลงรถไฟในสถานีถัดไป
   
รวดเร็วจนน่าสับสน แต่มันเป็นสิ่งที่ผมเคยเตรียมใจ...
   
‘เราคบกันไหม’ จึงตัดสินใจเอ่ยถาม... คำถามเดิมเพื่อเริ่มความสัมพันธ์ครั้งใหม่
   
‘คบแบบที่คนอื่นเขาคบกัน’ ไม่มีแล้วการหลบซ่อน ลับเร้น... แค่เป็นเช่นคู่รักทั่วๆ ไป
   
แรงขับเคลื่อนของความสัมพันธ์ไม่ใช่ความตื่นเต้น มีเพียงความรัก... ที่ตรงข้ามกับความเร้าใจ
   
‘เอาสิ’ ผมคลี่ยิ้มเมื่อพี่ตอบรับง่ายดาย

...แม้จะถูกทำร้ายอีกครั้งในประโยคต่อไป
   
‘กูจะได้ทำกับมึงเหมือนคนอื่นสักที’
   
‘...’
   
เอาเถอะ ไม่เป็นไร...

อย่างน้อยผมได้โอกาสฉุดรั้งความสัมพันธ์... ได้มีโอกาสครอบครองกลางแสงไฟ... เพียงสักครั้ง

...แม้จากนี้จะเริ่มต้นสู่การนับถอยหลังก็ตาม
   





ผมมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าของร่างสูงที่ยืนสูบบุหรี่อยู่นอกระเบียง เปลี่ยนความหงุดหงิดเป็นควันสีเทาให้สายลมพัดจนเจือจาง ทว่ากลิ่นนิโคตินยังคงคละคลุ้งอยู่ในอากาศ เด่นชัดในทุกๆ ก้าวที่ผมเข้าใกล้

อดไม่ได้ที่จะเบือนสายตาจากรอยข่วนบนผิวขาวที่ ‘คนอื่น’ ทิ้งไว้ ให้ความสนใจเพียงกลุ่มควันอ้อยอิ่งที่ปกคลุมเสี้ยวหนึ่งของใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงทอดมองออกไปที่ไหนสักแห่งที่ผมไม่อาจรู้ได้
 
เขาดูเหมาะกับมัน... อันที่จริงดูคล้ายจะเป็นสิ่งเดียวกัน
      
พิษร้าย ที่ค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาในลมหายใจ... ทำลายปอด กัดกินอวัยวะภายในอย่างช้าๆ... กว่าจะรู้ตัวก็บุบสลายเกินกว่าจะแก้ไข
      
รู้ตัวอีกที... ก็เสพติดเกินกว่าจะถอนตัวได้
      
“ขอบุหรี่หน่อย” รวบผมที่ยาวประบ่าขึ้นลวกๆ ก่อนจะเท้าแขนลงที่ระเบียง เอ่ยพร้อมรอยยิ้มร้าย ไร้ความรู้สึกผิดแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นต้นเหตุความหงุดหงิดของอีกฝ่าย
      
เขาเลิกคิ้ว มองผมนิ่งนาน ก่อนจะแสยะยิ้ม
      
ไม่มีคำตำหนิ แถมไม่ได้หยิบบุหรี่มวนใหม่ให้ กลับยื่นมวนเดิมที่ถูกเผาไหม้ไปกว่าครึ่งมาจ่อริมฝีปาก... ผมยื่นหน้าเข้าไปงับในตำแหน่งเดียวกับที่เขาทิ้งร่องรอยอุ่นชื้นเอาไว้ สูดควันเข้าปอดแล้วปล่อยออกโดยที่สายตายังคงจับจ้องเข้าไปในดวงตาสีเดียวกับท้องฟ้ายามราตรี
      
มีคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ ก่อนจะได้คำตอบในเวลาเดียวกัน
      
ทำไมผมถึงยังวิ่งตาม... ทำไมยังตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ซ้ำๆ ทั้งที่เขาเอาแต่หนีไป... ทำไมต้องฝืนตัวเองมากมายเพื่อให้ได้เขาคืนมา... ทำไม...
      
เพราะเป็นรักแรกจึงฝังใจ? หรือเพราะเขาพิเศษมากกว่าใครๆ?
      
ไม่ใช่...
      
เพราะผมไม่เคยทนต่อสายตาดึงดูดของเขาได้เลย ไม่เคย... แม้สักครั้ง
      
กระทั่งตอนนี้ก็เหมือนกัน
      
สายตาคู่เดิมที่เต็มไปด้วยความเย็นชา เย้ยหยัน... ทว่าแสนท้าทาย กดผมไว้แทบเท้า ในขณะเดียวกันกลับเยินยอ ทะนุถนอมผมไม่ต่างจากเจ้าชาย
      
แค่คิดว่าเขาใช้สายตาแบบนี้ล่อลวงใครต่อใคร ก็เล่นเอาหงุดหงิด และติดกับไปพร้อมๆ กัน   
      
เพราะงั้น มันคงไม่แปลก ถ้าผมจะทะเยอทะยานอีกนิด วางเดิมพันกับเกมไร้สาระที่เหนี่ยวรั้งเราไว้ด้วยกัน
      
“ท้าหรือจริง?”
      
คิ้วหนาเลิกขึ้นสีหน้าประหลาดใจ คงเพราะตามกติกามันไม่ใช่คราวของผมที่จะเป็นฝ่ายถาม
      
“ท้า”

แต่เขาก็ยังเป็นเขา... แสวงหาความท้าทายมากกว่าจะสนใจกฎเกณฑ์ไหนๆ

...เป็นเหตุผลชั้นดีที่สนับสนุนว่าการไล่ตามผู้ชายคนนี้มันเหนื่อยยิ่งกว่าอะไร
    
ผมถึงได้ใช้ทางลัดตลอดมา

“นอนกับผม”

“...”

“ผมขอท้า...!”

ไม่ทันได้เอ่ยย้ำ ร่างของผมก็ถูกคว้าด้วยฝ่ามือหนา... บุหรี่ที่คาบไว้ถูกทดแทนด้วยนิโคตินปลายลิ้นที่ขมปร่า

เพียงพริบตา แผ่นหลังของผมก็ปะทะกับเตียงอย่างรุนแรง







เขาใช้รสจูบแสนร้ายกาจ และสัมผัสจากนิ้วหยาบกร้านที่ตรึงผมไว้

ริมฝีปากบดเบียดลึกล้ำ เรียวลิ้นที่หยอกเย้าราวเหล็กร้อนที่กำลังหลอมแม้จิลเงินให้หลอมละลาย

เร่งเร้า สลับอ้อยอิ่ง... ขมปร่าด้วยรสนิโคติน แต่กลับหวานล้ำเสียยิ่งกว่าน้ำตาล

บรรจงป้อนจนแทบลำสัก ก่อนยื้อยุดกลับให้ทรมาน... สารเสพติดที่ค่อยๆ ซึมซ่านผ่านหยาดน้ำที่เชื่อมเราไว้ด้วยกันมอมเมาจนแทบคลั่งก่อนเคลื่อนคล้อยลงต่ำ...

สู่ลำคอ... และแผ่นอกที่แอ่นรับความรู้สึกวาบหวาม

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่กระดุมทั้งหมดถูกกระชากเปิดทางให้ริมฝีปากร้อนพรมจูบลงไป ชายเชิ้ตหลุดลุ่ยเชื้อเชิญให้ฝ่ามือหนาสอดเข้ามาด้านใน รุกล้ำสาบเสื้อ ลูบไล้ทั่วแผ่นหลังก่อนช่วงชิงจังหวะวูบไหว ใช้มืออีกข้างรั้งซิปกางเกง... เผยส่วนปลั่งร้อนด้วยราคะข้นคลั่งกลางลำตัว

“อืม...”

เผลอหลุดเสียงครางอย่างอดไม่ได้เมื่อร่างสูงใช้เข่าดันขาทั้งสองข้างให้แยกออก ก่อนจงใจโถมทับให้ส่วนเดียวกันได้สัมผัส...ผิวกางเกงยีนหนาไม่อาจซุกซ่อนส่วนที่คับแน่นไม่แพ้กัน

ได้ยินเสียงคำรามแผ่วจากเจ้าของริมฝีปากที่ยังสาละวนกับยอดอก เมื่อผมอาสารูดซิป...ปลดปล่อยให้ส่วนร้อนของคนตัวโตคลายความอึดอัด... ลดปราการเหลือเพียงผิวชั้นในบาง... แทบไม่รู้สึกถึงขวางกั้นเมื่อเสียดทาน

ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศไม่อาจกลบทับไอร้อนจากสองร่าง อบกลิ่นราคะแผ่ซ่าน... ความต้องการทบทวี กระตุ้นอีกเพียงนิดคงไม่อาจหลบหนี... ถูกพาจมดิ่งสู่ห้วงหรรษายามราตรี

โชคดี... ที่นี่ไม่ใช่ท่าร่วมรักที่ผมโปรดปราน

ตุบ!

จึงถือโอกาสที่ไฟปรารถนาครอบงำอีกคนจนไร้แรงป้องกัน หยัดกาย พลิกกลับ... เป็นฝ่ายขึ้นคร่อมทับเหนือร่างหนาไว้ พร้อมหยุดคำทัดทานด้วยริมฝีปากและเรียวลิ้นที่จาบจ้วงล่วงล้ำ แม้ไม่อาจร้อนแรงเท่า... เพียงรสจูบบางเบา... อ่อนหวาน... เนิ่นนาน

“พี่ทำผมโกรธ” ผละจูบเมื่ออีกฝ่ายตกหลุมพราง เคลิบเคลิ้มกับจังหวะเนิบช้าที่ผมบรรจงป้อนให้

คิ้วเข้มขมวดอย่างขัดใจ “เรื่องอะไร”

ผมหัวเราะกับทั้งความงุ่นง่านและความไม่แยแสต่อความผิดที่ตัวเองทำลงไป

“เด็กคนนั้น...” ก้มลงกระซิบชิดริมฝีปากพร้อมทำโทษคนหลงลืมด้วยการกัดริมฝีปากล่าง...เพียงหลาบจำ ก่อนฝังจูบหนักๆ อีกครั้ง “ผมไม่ชอบให้พี่ยุ่งกับใคร”

ที่ผ่านมาแม้ตอนคบกันผมไม่เคยแสดงความหึงหวงเลยสักครั้ง แต่คราวนี้และต่อไปผมไม่คิดอดกลั้น

“หึ” ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอขณะที่ฝ่ามือหนายกขึ้นมาเกลี่ยแก้มพลางเอ่ยถาม “แล้วมึงจะห้ามกูยังไง”

ตอกย้ำด้วยสายตาว่าไร้สิทธิ์ แต่ผมไม่คิดจะใส่ใจ

ไม่มีสถานะให้หึงหวง? ก็อาจใช่...

แต่... แล้วยังไง?

“ผมจะล่ามพี่ไว้” คลี่ยิ้มตอบพลางทาบฝ่ามือลงบนหลังมือใหญ่ สอดประสานนิ้วทั้งห้าแล้วเหยียดไว้เหนือหัว โน้มตัวลงประทับริมฝีลงกับลำคอแกร่ง...ขบเม้มจนขึ้นสี ตีตราซ้ำๆ อย่างเอาแต่ใจ

แต่เพียงเท่านี้คงไม่อาจ ‘ล่าม’ เขาไว้ได้...

ผมจึงเริ่มขั้นต่อไปด้วยการทาบริมฝีปากลงบนริมฝีปากร้อนจัดอีกครั้ง ฝังจูบอ้อยอิ่ง ก่อนเปลี่ยนเป็นโอนอ่อน... ตอบรับจังหวะเร่งเร้าหวังเอาใจ ต่างเริ่มรุกไล่ป้อนรสสัมผัสล้ำลึกอย่างไม่มีใครยอมใคร...

เสียงหอบหายใจดังก้อง มือหยาบกร้านที่ไม่ถูกประสานเคลื่อนสะเปะสะปะอีกครั้ง บีบคลึงทั่วผิวจนขึ้นรอยช้ำ ก่อนแทรกตัวผ่านชายผ้าเข้ามา...นวดเค้นสะโพก...ปลุกเร้าความปรารถนา และผมก็ไม่คิดอิดออดที่จะตอบรับ โหมเชื้อไฟ... กดตัวลงทับส่วนที่กำลังขยายด้วยราคะก่อนเริ่มขยับเชื่องช้า... แม้ผ่านผิวผ้าทว่าไม่อาจลดทอนความเร้าใจ

เสียงคำรามเล็ดรอดผสานรสจูบที่ทวีความรุนแรงบ่งบอกว่าเขากำลังจะทนไม่ไหว... ถึงเวลาที่ผมจะใช้ลูกเล่นสุดท้าย...

แกรก~!

“...!” เครื่องพันธนาการเด็กเล่นถูกเอามาใช้หลังเบี่ยงเบนความสนใจ...ไฟปรารถนาครอบงำจนอีกฝ่ายไร้การป้องกัน

รู้ตัวอีกที... แขนข้างหนึ่งก็ถูกล็อกติดกับหัวเตียง

“บอกแล้ว... ผมจะล่ามพี่ไว้” เอ่ยย้ำเจตนาอีกครั้งหลังผละริมฝีปากออกมา คลี่ยิ้มให้เจ้าของใบหน้าคมที่ขมวดคิ้วตั้งคำถาม ก่อนลุกขึ้นนั่งมองผลงานตัวเองอย่างชอบใจ

“น่ารักดีเนอะ” เขี่ยนิ้วกับส่วนโซ่ที่เชื่อมกุญแจมือพลาสติกสีชมพูพลาสเทลพลางยิ้มกว้าง

"เห็นขายอยู่ข้างทางเลยแวะซื้อมา" ส่งสายตายียวนให้เสือร้ายที่ตกหลุมพราง

“เล่นอะไร” เขาถอนหายใจทำท่าจะกระชากแขนตัวเองออกจากพันธนาการ

“เดี๋ยวเจ็บหรอก” ผมปราม แต่ไม่คิดห้าม มองเขาดิ้นรนอยู่สักพัก ก่อนเจ้าตัวจะหันกลับมาสบตาผมอีกครั้ง

“พิชญ์”

“...” ยิ่งเห็นเขางุ่นง่านผมยิ่งยิ้มกว้าง

...แต่ไม่ทันไรก็ต้องชะงัก

“คุณพิชญ์...”

“...”

เช่นเดียวกับที่ผมใช้คำเรียกปีนเกลียวทุกครั้งที่หงุดหงิด เตวิชญ์ก็มักจะเติมสรรพนามชวนห่างเหินนำหน้าชื่อผมเพื่อแสดงความไม่พอใจเช่นกัน

มันคล้ายการหยอกเย้าเอาคืนระหว่างเรา... ซึ่งผมไม่คิดว่าเขาจะจำได้ด้วยซ้ำ

การได้ยินอีกครั้งจึงทำให้ผมหวั่นไหวชั่วขณะ และเขาคงคาดไว้ว่ามันจะได้ผล... ผมจะยอมอ่อนให้เขาเช่นวันวาน

...แต่ทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้น

เช่นคราวนี้ที่ผมเพียงหัวเราะเบาๆ ก่อนโน้มตัวลงกดจูบหนักๆ ลงบนริมฝีปากบาง “รู้ไหม... เวลาพี่หงุดหงิดแบบนี้มันน่ารักชะมัด”

“หึ...” เขาชะงักไปสักพัก แล้วเริ่มหัวเราะบ้าง สีหน้างุ่นง่านเริ่มคลาย มุมปากบางเผยยิ้มร้าย “มึงเปลี่ยนไปจริงๆ”

ประโยคนั้นทำให้ผมเลิกคิ้ว ทิ้งตัวลงนอนตะแคงข้างเขาก่อนกระซิบถาม

“แล้วพี่ชอบแบบไหนมากกว่า”

“...” ดวงตาสีรัตติกาลหันกลับมาประสาน ทว่าไม่มีคำตอบให้สิ่งที่ผมสงสัย

ระหว่างพิชญะที่ว่าง่าย กับอีกคนที่ไม่ยอมเป็นของตาย... น่าสนใจนะว่าเขาจะเลือกแบบไหน

แต่ยังไงซะ... ทั้งสองก็คือคนเดียวกัน

ดังนั้นต่อให้เลือกเพราะด้านหนึ่ง... ตัวตนอีกด้านก็พร้อมจะตามติดไปอยู่ดี ถูกไหม?

“พรุ่งนี้ผมจะมาไขให้” ตัดสินใจจบบทสนทนาเพียงเท่านี้ แล้วลุกขึ้นล้วงลูกกุญแจออกมาจากกระเป๋า... แน่นอนว่าไม่ได้จะยื่นให้เขา แต่ยังใจดีพอจะเผยที่ซ่อนด้วยการรวบเส้นผมให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนซุกซ่อนมันลงไป

"ฝันดีนะครับ" คลี่ยิ้มทิ้งท้ายก่อนก้าวออกจากห้อง ปิดประตูตามหลังโดยไม่คิดหันกลับไปมองว่าเขากำลังทำสีหน้าแบบไหน

ผมทิ้งตัวพิงประตูด้วยความอ่อนล้าไร้ที่มา เผลอถอนใจขณะก้มสำรวจร่างกายตัวเอง กระดุมเสื้อที่ถูกปลดเผยให้เห็นร่องรอยที่เขาฝากไว้ ความร้อนจากริมฝีปากที่พรมจูบทั่วร่างยังแจ่มชัด...รสสัมผัสยังคงทิ้งไว้คล้ายควันที่ยังไม่จาง...

เถ้าราคะยังคงปลั่ง คั่งค้างอยู่ในร่างด้วยไม่ได้รับการระบายจนสุดทาง...

นึกโกรธตัวเองเหมือนกันที่หลงปล่อยให้ความต้องการถลำลึกไปขนาดนั้น แต่เมื่อคิดว่าความปรารถของอีกคนก็กำลังชูชันไม่ต่างกันก็เปลี่ยนเป็นขบขัน

เอาเถอะ... อย่างน้อยก็ไม่ได้มีแค่ผมที่ทรมาน






ถ้าคิดว่าเขาจะรอให้ผมเป็นคนปลดเปลื้องพันธนาการให้... คุณคงต้องคิดใหม่

ทิฐิของเตวิชญ์สูงเกินไป และกุญแจมือเด็กเล่นก็อ่อนหัดเกินกว่าจะล่ามเขาไว้ได้จริง

ไม่แปลกใจเลยที่เห็นเขายืนอยู่ตรงหน้ากลางดึก พร้อมกับผ้าห่มผืนหนาที่คลุมร่างให้... แผ่วเบาราวไม่อยากให้รู้สึกตัว แต่เพราะตื่นง่ายเป็นทุนเดิมผมจึงงัวเงียขึ้นมา ในจังหวะที่ร่างสูงนั่งคุกเข่าลง ควานหาลูกกุญแจในเส้นผมของผมอย่างเบามือ

ไม่ทันไรก็ได้ในสิ่งที่ต้องการ พันธนาการถูกปลดทิ้งอย่างไม่ไยดี

“หึ” หลุดหัวเราะเบาๆ เมื่อสุดท้ายเขาก็หาทางหลุดพ้นจนได้ เจ้าของใบหน้าคมเลิกคิ้วประหลาดใจ ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวคล้ายขอโทษที่ทำให้ตื่น

“ไปนอนในห้องนอนแขกไป” เขาว่า คงเห็นว่าโซฟาไม่อาจทำให้หลับสบาย ผมคลี่ยิ้มส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเอาแต่ใจ

“ผมไม่อยากนอนทับที่ใคร”

...แค่คิดว่าในห้องนั้นมีกลิ่นของเขาปะปนกับใครต่อใคร ก็ชวนฟุ้งซ่านจนหลับไม่ไหว

“ทำไมถึงใจร้ายนัก” อาจเพราะยังก้ำกึ่งระหว่างความฝัน ผมจึงพึมพำถามออกไป

ไม่ทันคิดว่ามันเป็นกรเปิดเปลือยความรู้สึกที่ควรซุกซ่อนไว้... เปิดโอกาสให้เขาได้ทำร้าย

“แล้วทำไมถึงดันทุรัง” ฝ่ามือที่ลูบหัวแผ่วเบา ช่างสวนทางกับความบาดลึกในข้อความ

“...”

“...” สุดท้ายเราทำได้เพียงจ้องตากันนิ่งงัน ปล่อยทิ้งคำถามที่ไร้คนตอบอยู่อย่างนั้น ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายคลี่ยิ้มแล้วหลับตาลงอีกครั้ง

จมลึกสู่ความฝันที่เขาปีนขึ้นมากอดผมไว้ กระซิบว่าพอแล้ว...ผมไม่ต้องพยายามอีกต่อไป...

เกมจบแล้ว... เขายอมแพ้

...แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่ผมได้รับคือสายตาคู่เดิมที่ยังคงจ้องนิ่งนาน

...และรอยจุมพิตที่ฝังลงมาบนหน้าผากอย่างเงียบงัน







ผมไม่แน่ใจนักว่าตัวเองชอบว่ายน้ำไหม...

ความรู้สึกที่ถูกโอบล้อมด้วยสายน้ำมันชวนให้ผ่อนคลาย ขณะเดียวกันความทรงจำก็ยังย้ำเตือนเสมอว่ามันอันตราย

“ทำอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นผมแหวกว่ายอยู่กลางสระในเช้าตรู่โดยไม่ได้รับอนุญาต

ผมหันไปตามต้นเสียงก่อนว่ายเข้าไปหา หยุดลงขอบสระพร้อมกับเจ้าของฝีเท้าที่ยืนอยู่ตรงหน้า 

“กำลังรอเสื้อผ้าแห้ง” ว่าพลางชี้ไปทางห้องซักผ้าที่ถือวิสาสะใช้งานเพราะรู้ว่าเขาคงไม่ว่าอะไร ตอบแทนที่ผมเองก็เคยให้เขายืมใช้เครื่องซักผ้าที่ห้องเหมือนกัน

เจ้าของใบหน้าคมขมวดคิ้วก่อนถอนหายใจ ร่างสูงเดินกลับเข้าไปในห้องตัวเองอีกครั้งแล้วกลับมาพร้อมผ้าขนหนูหนึ่งผืนและเสื้อผ้าของเขา

“ขึ้นมาก่อนเป็นหวัด”

อืม จริงของเขา ถ้ายังรอคงต้องใช้เวลานับชั่วโมง และผมคงไม่อาจแช่ตัวอยู่ในสระได้นานขนาดนั้น

...แต่จะให้ขึ้นตอนนี้ก็ไม่ได้เหมือนกัน

“พิชญ์” เสียงทุ้มเข้มขึ้นเมื่อเห็นผมยังรั้งรอ ผมหัวเราะ ก่อนถอยออกมาจากขอบสระ ให้เขารู้ว่าเพราะอะไร...

ผมมีเสื้อผ้าชุดเดียว และเรื่องเมื่อคืนก็ทำให้มันสกปรกเกินกว่าจะใส่ต่อได้... โดยเฉพาะชุดชั้นใน

ถึงแม้จะมีสายน้ำช่วยบดบัง แต่เขาคงมองเห็นง่ายดาย... ร่างกายเปล่าเปลือยที่หลบเร้นอยู่ภายใต้ความโปร่งใส

ผมคลี่ยิ้มแล้วว่ายกลับไปที่ขอบสระอีกครั้ง สบเจ้าของดวงตาสีรัตติกาลที่ขมวดคิ้วนิ่งค้างก่อนเอ่ยคำถาม

“ท้าหรือจริง”

เช้าเกินกว่าจะเล่นเกม แต่เขาไม่คิดขัดใจ ร่างสูงย่อตัวลงนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งตรงหน้าผมจ้องนิ่งนานเพื่อขุดค้นความต้องการ

แต่สุดท้ายเลือกเอ่ยคำตอบที่ไม่ต้องเดา

“ท้า”

ผมยิ้มรับ ก่อนเท้ามือลงกับสระ ยกตัวขึ้นอีกนิดจนปลายจมูกแตะปลายคางมน คลี่ยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่องรอยสีกุหลาบหลายตำแหน่งที่ลำคอแกร่ง ก่อนช้อนสายตากลับมาสบตา... เพื่อกระซิบคำท้าแสนง่ายดาย

“ข้าวเช้า”

เดิมทีคิดจะท้าให้เขาเปลื้องผ้ากระโดดลงมาว่ายน้ำด้วยกัน... แต่แบบนั้นคงอันตรายเกินไป... ผมคงอดใจไม่สานต่อเรื่องเมื่อคืนไม่ไหว

อีกอย่าง การว่ายน้ำแต่เช้าทำให้ผมเสียพลังงานเยอะจนกระเพาะเริ่มส่งสัญญาณให้หาอะไรเข้าปากทดแทน

“อยากกินอะไร” เขาชะงักไปนาน ก่อนหัวเราะเบาๆ และเอ่ยถามขณะที่ผมถอยกลับมา ฝังร่างลงน้ำถึงครึ่งอกอีกครั้ง

“ไข่ดาวกับไส้กรอกก็ได้ ผมเห็นมีอยู่ในตู้เย็น” ยิ้มทะเล้นให้ร่างสูงที่ลุกขึ้นยืน เขายักไหล่น้อยๆ ราวบอกว่าไม่มีปัญหา ก่อนหันหลังกลับไป

ผมจึงอาศัยจังหวะนั้นดีดตัวขึ้นจากสระ...ให้ร่างเปลือยเปล่าได้สัมผัสอากาศ ไม่กังวลสักนิดว่าเขาจะหันกลับมา บอกแล้วว่าทิฐิของเตวิชญ์สูงเกินไป

เว้นเสียแต่ว่า...

“พี่เต” เขาชะงัก และเมื่อผมไม่ยอมเอ่ยความต้องการสักทีเขาจึงหันมาเลิกคิ้วถาม

น่าเสียดาย... มันเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมดึงผ้าขนหนูขึ้นมาพันเอวไว้พอดิบพอดี

แต่ความสั้นเหนือเข่าก็แทบไม่เหลือพื้นที่ให้จินตนาการ

“ไข่ดาวไม่สุกนะครับ” ปล่อยให้เขาสำรวจเพียงชั่ววินาทีสั้นๆ ก่อนรั้งสายตาคู่นั้นขึ้นจากรอยสักตรงเชิงกรานเหนือขอบผ้าที่พันไว้อย่างหมิ่นเหม่แล้วเอ่ยความต้องการ

"หึ" เจ้าของดวงตาสีรัตติกาลแสยะยิ้มมุมปากครั้งหนึ่งก่อนหันกลับไป คำว่า ‘ตัวแสบ’ ถูกนิยามด้วยน้ำเสียงพึมพำที่ไม่อาจเล็ดรอดหูของผมไปได้ ประกายงุ่นง่านในแววตาที่เขาทิ้งไว้เรียกให้ผมยิ้มกว้างอย่างได้ใจ

บอกแล้วไง เวลาเขาหงุดหงิดน่ะ น่ารักจะตาย







------------------------------------------------------------
ยัยตัวแสบจะเข้ามาป่วนในชีวิตพี่เขาอย่างเต็มรูปแบบแล้วค่ะ  :hao7:
ขัดใจตรงไหน หรือมีอะไรบกพร่องติติงได้เสมอเลยนะคะ
น้อมรับทุกความคิดเห็นค่ะ

ฝาก #เกมท้ารัก ด้วยนะคะ ^^

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2017 03:15:24 โดย makok_num »

ออฟไลน์ Zestful

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่เตคือดีอ่าาา
นุ้งพิชญ์ก็แซ่บลืม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 10 P.4 [17.12.2017]
« ตอบ #99 เมื่อ: 17-12-2017 02:43:25 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
โอ๊ยยยยยย น้องพิชญ์!!!!!!ทำไมทำตัวน่าตีขนาดนี้นะ โอ๊ยยย อยากหยิกกกกก

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ฉันหลงรักเต

ขอตอนต่อไปรัวๆเลยได้ไหมคะ

ออฟไลน์ CLShunny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ไหนคะ ไหน ไหนคำว่าพี่เตน่ารัก ชั้นอ่านมานี่ลุ้นแล้วลุ้นอีกกับความชาเย็นเย็นชาของเค้า ชั้นจะบ้าตาย คยสองคนนี้มีอะไรมาเล่นทุกตอนจริงๆ ชั้นลุ้นกว่าพระนางของเรื่องอีก ชั้นนนนชอบบบบบบบบบบบบบบบ

ออฟไลน์ bmine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
พี่เตเสร็จแน่ๆค่ะ ฟันธง พี่เตจะมึน ซึน นิ่ง ใจร้ายขนาดไหน นังน้องไปไกลกว่าพี่เต1ก้าวเสมอ 5555555 จะรอดูวันที่พี่เตเชื่องค่าา

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พิชญ์แซ่บมากกกกกก ชอบ รอวันที่พี่เตจะแพ้น้องพิชญ์

ออฟไลน์ Rungsai

  • ใครบอกว่ารุ้งมีเจ็ดสี :D
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
แซ่บเด้อออออออ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :pig4:

ออฟไลน์ plearnly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ใจร้ายซะให้พอนะพี่เต แล้วถ้าช่วงหวานขอให้หวานให้สุดบ้าง

ออฟไลน์ prawan25

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ๊ยยยยยย!!

พิชญ์คือแสบมากกกก
ทำแม่หัวใจจะวาย 5555.

เริ่มสงสารพี่เต ที่ต้องรับมือกับความแสบของน้องพิชญ์แล้ว
แต่พี่ต้องอย่ายอมน้องนะ น้องแสบมาพี่ต้องหาทางเอาคืน 55555.

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
น้องแสบมาก  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 10 P.4 [17.12.2017]
« ตอบ #109 เมื่อ: 18-12-2017 10:51:43 »





ออฟไลน์ khungyf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบนะคะ ชอบความแซ่บของน้องพิชญ์ ความกร๊าวใจของพี่เต (เราไปหวีดในแท็ก #เกมท้ารัก ในทวิตให้ทุกตอนเลย555)
เป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอซัก 50 ตอน  พร้อม boxset เริ่ดๆนะคะ เรารอเปย์อยู่ จุ๊บๆ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
 :pig4:

ออฟไลน์ mirage

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ชอบทุกครั้งที่ต่างฝ่ายต่างถามว่าท้าหรือจริง มันดูเย้ายวน ท้าทายและก็ซ่อนความหวังหรือบางอย่างไว้ลึกๆ อยากรู้ว่าพี่ผ่านอะไรมา ทำไมถึงเป็นแบบนี้หรือเป็นอยู่แล้ว ส่วนน้องก็รู้ตัวเองดีแต่ก็พร้อมเสี่ยง เหมือนเดินอยู่บนบัลลังค์ที่ฐานร้าว ยิ่งใหญ่แต่ไม่สามารถรักษาสิ่งที่ตนเองครอบครองได้
เป็นกำลังใจให้ค่ะ

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ QueenPlai

  • twitter - @khunhappymoon gmail - JangPlailiiz@gmail.com
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อยากมีน้องพิชญ์เป็นของตัวเอง :z3: :hao7:

ออฟไลน์ hhellob

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบมากกกกก เอาใจช่วยน้องพิชญ์น้า พี่เตใจอ่อนไว ๆ

ออฟไลน์ pipoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • https://twitter.com/dokpeepo
พี่เตใจร้ายอะนอนกับคนอื่น

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
น้องพิชญ์ลูกแม่ ทำไมแซ่บอะไรขนาดนี้ คือดีมากก
ไม่อยากให้พี่เตแล้ววว ไม่รักก็ช่างเขา มาหาแม่มาา

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ทั้งแซ่บทั้งแสบเลยนะน้องพิชญ์ :interest:

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
11

   
“กูเห็นนะ” คนมาใหม่เอ่ยประโยคทักทายที่ทำให้ผมหันไปเลิกคิ้ว แต่คำตอบกลับเป็นถุงพลาสติกใบใหญ่ที่โยนมาปะทะอกผมพอดิบพอดี
   
“มาช้าไปป่ะ จะกลับแล้วเนี่ย” ผมบ่น แกะถุงพลาสติกที่เผลอรับไว้ ข้างในบรรจุสารพัดขนมขบเคี้ยว เสบียงสำหรับคืนนี้ พี่เจดยักไหล่เหมือนช่วยไม่ได้ ก่อนจะหยิบบุหรี่จากกระเป๋าออกมาจุดไฟ
   
“รอยที่คอมึง” เอ่ยต่อประโยคที่ผมเกือบลืมไปแล้ว เล่นเอางงไปพักก่อนจะเบิกตากว้างยกมือขึ้นมาปิดคอตัวเองทั้งที่ไม่ทัน 

ถึงจะผ่านมาสามวัน แต่รอยจางๆ ที่หลงเหลืออยู่ก็สังเกตได้ ขนาดมีผมช่วยบังยังโดนทัก อีกคนคงไม่รอดเหมือนกัน
   
“ไอ้เตก็มี” พี่เจดหัวเราะพลางสูดควัน มองลงไปชั้นล่างที่เด็กปีหนึ่งกลุ่มใหญ่กำลังทำงานกันอยู่กลางคอร์ทของตึกรูปตัวยู โปรเจ็กต์สุดท้ายของเทอมที่ต้องทำงานเป็นกลุ่ม สร้างยูนิตฟังก์ชั่นรองรับกิจกรรมตามอิริบถพื้นฐานต่างๆ
   
แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นมี ‘เขา’ ที่กำลังขะมักเขม้นกับการยกแท่งไม้มาทาสีในสภาพที่เรียกได้ว่าเกือบจะมอมแมม
   
“...” ผมไม่รู้จะพูดอะไร ก็เลยได้แค่ยืนนิ่งมองไปยังจุดเดียวกันให้พี่รหัสปะติดปะต่อเรื่องต่อไป
   
“ตกลงมึงสองคนนี่ยังไง?” แสร้งหยิบบุหรี่ออกมาคาบไว้ให้ปากไม่ว่างจะได้ไม่ต้องตอบคำถาม
   
แต่ความเงียบก็คือคำตอบที่เดาง่าย
   
“จริงๆ กูก็ได้กลิ่นตุๆ มาสักพัก กูไม่ค่อยเห็นมึงยุ่งกับใคร”
   
ผมไม่ใช่คนโลกส่วนตัวสูง ใครชวนไปไหนก็ไป คุยเล่นได้ แต่ไม่ชอบผูกสัมพันธ์... ถูกใจคนยากน่ะ
   
“ไม่ใช่เพราะมันหล่อแน่ๆ อ่ะ ก่อนหน้านี้มีคนหน้าตาดีเยอะแยะมาเสนอตัวให้มึงก็ไม่แยแส” อย่างพี่เจดก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกใจ
   
เป็นพวกที่ภายนอกเหมือนจะไม่มีอะไร แต่หลายครั้งก็ชอบทำให้ประหลาดใจ
   
“แฟนเก่า?”
   
นี่ไง...
   
ผมแทบสักควัน เบิกตากว้างมองคนข้างตัวราวกับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ พี่รหัสตัวโตเลยหัวเราะเสียงดัง
   
“พวกมึงเคยเรียนที่เดียวกัน” เบาะแสแรกถูกเอ่ยพร้อมกลุ่มควันสีขาวและเสียงซี้ดปากเบาๆ เค้นเอาเบาะแสถัดไปออกมา
“แล้วสายตาที่มึงมองมันก็ดู... อาลัยอาวรณ์?”
   
ให้ตาย ไอ้พี่เคราควรไปตั้งสำนักอ่านใจ
   
ผมยังไม่ได้พูดอะไรสักคำแต่พี่มันกลับวิเคราะห์ได้เป็นฉากๆ ราวกับมีอดีตร่วมกัน... ได้ไงวะ?
   
“ที่สำคัญคือไอ้เต...” ทำท่าจะเอ่ยเบาะแสสุดท้ายแต่กลับชะงักไป ชี้นิ้วคีบบุหรี่ไปยังคนข้างล่างที่กำลังขะมักเขม้นกับการทาสีไม้ หรี่ตาเหมือนไม่แน่ใจ “มันดูเปิดใจกับมึง”
   
ผมแค่นหัวเราะ ถ้านั่นเรียกว่าเปิดใจ มันคงเป็นประตูที่แม้แต่แมลงตัวจ้อยก็เล็ดลอดเข้าไม่ได้
   
“ปาบอกกูว่าไอ้เตเป็นแฟนที่แปลกที่สุดเท่าที่เคยคบ”
   
ผมเลิกคิ้ว เอ่ยคำถามแรกออกไป “ยังไง?”
   
“มันไม่เคยสบตาเลยนอกจากตอนเลิกกัน” ผมพยายามนึกภาพ แต่ทุกครั้งที่คุยกันผมไม่ค่อยเห็นเขาละสายตาไปไหน ราวกับตั้งใจจะใช้สีรัตติกาลนั้นล่อลวงให้ผมดิ่งลึกลงไป

“เป็นเวลาเดียวที่มันแสดงความจริงใจ” พี่เจดหัวเราะเบาๆ ควันสีขาวขุ่นพรูพร่างออกมาจากรูจมูก “ไม่เคยละเลย แต่ก็ไม่ใส่ใจ เหมือนหุ่นยนต์อ่ะ ถูกตั้งโปรแกรมคำว่าแฟนไว้แค่ไหนก็ทำแค่นั้น ลืมใส่ความรู้สึกลงไป”

ผมแค่นหัวเราะอีกรอบ ทอดสายตามองร่างสูงที่ยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อจนสีที่ติดอยู่กับมือเลอะแก้มเป็นขีดเด่นชัด

“ผมว่าเขากำหนดจุดเริ่มต้นกับจุดจบไว้ตายตัว” ละเลียดควันลงปอดพร้อมเอ่ยข้อสันนิษฐาน พี่เจดหัวเราะลั่น

“โคตรจะหุ่นยนต์” คนตัวโตดับบุหรี่ที่เกือบถึงก้นกรอง หยิบมวนใหม่ขึ้นมาจุด ให้ควันสีขุ่นเป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนา
ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงทำเหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำได้แค่ละเลียดควันเข้าปอดครั้งสุดท้าย บี้บุหรี่ลงที่เขี่ยแล้วเท้าแขนกับหน้าต่างอย่างเสียดาย... หมดโควต้าการอัดนิโคติน

“เขาบอกว่าไม่มีทางคบคนเก่า ส่วนผมกำลังวิ่งตามอดีตอยู่ ตลกไหม” สายตาทอดมองใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงเปื้อนสี นึกอยากจะยื่นมือออกไปเช็ดออกให้ แต่ปล่อยไว้แบบนี้ก็น่ารักดี “เหมือนกำลังวิ่งสวนทางกัน แต่ก็คิดว่าต้องมีสักจุดที่เจอกันจนได้”

“หึ” พี่เจดหัวเราะ เอื้อมมือมาจับหางม้าผมเขย่าเบาๆ “โคตรมึงเลย”

“หมายความว่าไง” พอได้ยินคำถามพี่เจดทำหน้าเหมือนจะบอกว่ามึงไม่รู้เหรอว่าตัวเองเป็นยังไง อะไรแบบนั้น

“ก็มึงมันพวกเลือกมาก เลือกแล้วจะเอาให้ได้ ดื้อด้านชิบหาย”

คราวนี้ผมหัวเราะตาม ...ก็จริง

บอกแล้วว่าถูกใจคนยาก ทั้งชีวิตมีไม่กี่คนหรอกที่อยากจะแคร์ พอเจอแล้วก็ไม่อยากยอมแพ้... เป็นข้อดีหรือเสียผมไม่แน่ใจ

รู้แต่ว่าคงเสียใจกว่าถ้าปล่อยมือง่ายๆ

“พี่ว่าหัวผมแข็งพอจะพังกำแพงได้ไหม” ไม่เชิงคำถาม แค่อยากได้คำยืนยัน... คำตอบที่ต้องการมีแค่อย่างเดียว

“หัวแตกเปล่าๆ” พี่เจดว่า ดับบุหรี่ที่ยังสูบได้ไม่ถึงครึ่งลงกับที่เขี่ยข้างตัว ผมขมวดคิ้ว แต่รู้ว่าคนอย่างพี่เจดไม่เคยตัดกำลังใจใคร ถึงได้รอให้พี่มันเล่นตัว แกล้งสูดอากาศหายใจลึกแล้วเอ่ยออกมา “กำแพงมันหนาเกิน หัวมึงไม่แข็งพอ
หรอก อย่างน้อยก็ต้องมีหมวกกันน็อค”

ผมหัวเราะ หันไปมองไอ้พี่เคราที่ยักไหล่กวนตีนก่อนจะยิ้มบางๆ ให้

“แล้วอีกอย่าง มึงฉลาดกว่าเอาหัวไปพังกำแพง ถูกไหม” รอยยิ้มแบบคุณพ่อที่ทำให้ผมยิ้มตามได้ด้วยความสบายใจ

“ป๊าน่ารักว่ะ” แกล้งเอ่ยฉายาที่ตัวเองลอบตั้งให้แทนเครายักษ์ที่ใครต่อใครนิยามตามหน้าตาแต่ขัดนิสัย

“ป๊าพ่องสิ” ไอ้พี่เคราโวยกลับ ผลักหัวผมจนแทบโขกกรอบหน้าต่างก่อนจะผละออกไป “กูไปทำงานต่อละ แบ่งขนมไอ้เตด้วยแล้วกัน มันยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลยมั้ง”

ผมพยักหน้ารับปาก โบกมือส่งแล้วหันกลับไปมองคนที่อยู่ด้านล่างอีกครั้ง ตอนนี้เด็กๆ คนอื่นเหมือนกำลังจะแยกย้าย มีน้องคนหนึ่งบอกให้เขาพักก่อนแต่ร่างสูงยังทาสีส่วนของตัวเองไม่เสร็จเลยยังไม่ไปไหน ผมยิ้ม ยกมือเท้าคางมองเขาที่ก้มหน้าก้มตาทีสีอย่างตั้งใจเกินไป คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน และสำรวจซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้แน่ใจว่าสีที่ทาทั่วแท่งไม้ พอเสร็จงานก็เอาอุปกรณ์ไปล้าง

...ขั้นตอนธรรมดา แต่กลับดูดีทุกท่วงท่าเมื่อเป็นเขา โดยเฉพาะตอนที่ร่างสูงยกมือบิดขี้เกียจช้าๆ  จนชายเสื้อลอยขึ้นมา อวดกล้ามเนื้อเหนือขอบกางเกง

ผมหลุดหัวเราะเบาๆ ปีนออกนอกหน้าต่างลงไปนั่งห้อยขาตรงคอนกรีตที่ยื่นออกมาเป็นกันสาด อย่างที่พี่เจดว่า ผมจะไม่โง่เอาหัวชนกำแพง แค่ใช้ความอดทน...ผสมลูกเล่นนิดหน่อย ไม่ให้ความพยายามน่าเบื่อเกินไป

ผมหยิบโทรศัพท์ออกมา หาเบอร์ที่ได้มานานแล้วแต่ไม่เคยมีโอกาสได้ใช้ กดโทรออกแล้วรอ สายตายังคงมองร่างสูงที่อยู่ต่ำลงไปสามชั้น เขาหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ามองเบอร์ที่ไม่น่าจะเมมไว้ เลิกคิ้วประหลาดใจนิดหน่อยแล้วตัดสินใจกดรับ

“ท้าหรือจริง” ผมยิงคำถามโดยไม่คิดแนะนำตัว

ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอลอดออกมา เขาวางอุปกรณ์รวมไว้กับของคนอื่นๆ ก่อนจะออกมาหยุดยืนอยู่ในตำแหน่งที่ตรงกับที่ผมนั่งพอดี

[ ท้า ] เสียงทุ้มไม่ได้บ่งบอกถึงความกระตือรือร้น แต่ก็ไม่ได้เบื่อหน่าย ผมเลยกระตุ้นด้วยคำท้าเร้าใจ

“รับหน่อย” บอกสั้นๆ หลุดขำเมื่อเห็นคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ “ชั้นสาม”

เขาเงยหน้าขึ้นมา และเมื่อสบตาผมก็ขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่า

“สาม”

[ เล่นอะไร ] เสียงทุ้มเข้มขึ้นบ่งบอกว่าอารมณ์เขาเปลี่ยน ผมเลยยิ้มกว้างตอบไป

ไม่ได้เล่นสักหน่อย

“สอง”

[ พิชญ์... ] สีหน้าเขาดูตกใจ แต่ผมไม่เปิดโอกาสให้ได้ห้ามอะไร

“หนึ่ง...”

“พิชญ์!”

ดวงตาเรียวคมเบิกกว้างเมื่อหมดเวลานับถอยหลัง ผมยิ้มทิ้งท้าย ก่อนทำตามคำท้าอย่างไม่ลังเลใจ

ปล่อยมือ... ได้เวลากระโดดลงไป

เกิดเสียงลมปะทะ เสียงแหวกอากาศตามหลัง... ลอยคว้างอยู่กลางอากาศพร้อมๆ กับถูกแรงโน้มถ่วงฉุดกระชาก รวดเร็วเพียงพริบตา

ตุบ! ตุบ!

เสียงสองสิ่งกระทบพื้นพร้อมกัน...

หนึ่งคือถุงเสบียงที่ผมเพิ่งทิ้งลงไป อีกหนึ่งคือโทรศัพท์ในมือของร่างสูงที่ขาข้างหนึ่งก้าวมาข้างหน้า แขนยื่นออกคล้ายกับตั้งใจจะรับไว้ แต่เมื่อเห็นว่าสิ่งที่กระโดดลงไปไม่ใช่ตัวผมก็ชะงักไป เกือบจะได้ยินเสียงถอนหายใจขณะที่มือหนายกขึ้นมากุมขมับนวดช้าๆ ราวข่มอารมณ์

ผมหัวเราะเบาๆ ชะโงกหน้ามองผลงานตัวเอง ปากถุงที่มัดแน่นส่งผลให้บรรดาขนมที่พี่เจดเอามาให้ปลอดภัย ผมกดตัดสายโทรศัพท์ที่ไม่มีประโยชน์ แล้วเปลี่ยนเป็นใช้เสียงตะโกน

“พี่พลาด”

“...”

“คืนนี้ผมไปห้องพี่นะ มีอะไรจะให้ดู”

“...” ไม่ทันเอะใจว่าเขานิ่งเกินไป ความสนุกที่แกล้งคนตัวสูงได้เหือดหาย เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาสบตา... สีหน้าเปลี่ยน
ไปจากทุกครั้ง

มันควรจะเป็นแววตาขบขันและรอยยิ้มร้าย... ริมฝีปากที่สบถพึมพำ บ่นที่ผมทำให้ตกใจ แต่ไม่ใช่

เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำ มุมปากไร้รอยยิ้มร้าย... ดวงตาสีรัตติกาลที่ฉ่ำวาวฉายความโกรธชัดจนผมชะงัก... ความโกรธที่ผมแน่ใจว่าไม่เคยเห็นมัน

และในเศษเสี้ยวความโกรธนั้นมีบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ

บางอย่างที่คล้ายซากปรักหักพัง...

บางอย่างที่แหลกสลาย...




อาจจะคิดไปเองก็ได้…

ผมมาที่ห้องเตวิชญ์เพื่อเตรียมสิ่งที่บอกไว้ เขาขอตัวไปอาบน้ำล้างคราบสีและเหงื่อไคลจากการทำงานทั้งวัน เราไม่ได้คุยอะไรกันมากมาย แต่บรรยากาศรอบตัวไม่ใช่ความอึดอัดใจ ผมเลยไม่แน่ใจนักว่าเขาโกรธผมอย่างที่คิดไหม

“ทำอะไร” ผมหันไปตามต้นเสียง เจ้าของห้องที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินออกมาในสภาพเปลือยอก รอยแผลเป็นยังคงดึงดูดสายตา ผ้าขนหนูพาดบ่าซับน้ำที่หยดลงมาจากเส้นผมที่หยดลงไป

“สระผมตอนนี้เดี๋ยวก็ไม่สบาย” แทนที่จะตอบผมกลับมุ่งความสนใจไปที่หัวเขา เขาเองก็ไม่สนใจคำพูดของผมเหมือนกัน ร่างสูงเดินมาหยุดตรงหน้าเครื่องฉายโปรเจ็กเตอร์จนเกิดเงาสมบูรณ์แบบกระทบกับฉากที่เป็นผนังขาว

น่าถ่ายรูปเก็บไว้ชะมัด

“ดูหนังกัน” ผมคลี่ยิ้ม ต่อโน้ตบุ๊คเข้ากับเครื่องฉาย เข้าเว็บสตรีมมิ่งชื่อดังแล้วกดเลือกหนังในโปรแกรม “พี่แพ้ ดังนั้นผมเลือก” ผมบอกถึงเขาจะดูไม่ใส่ใจ เดินมานั่งโซฟาหลังผมพลางเช็ดหัวตัวเองไปพลางๆ

“ไม่ง่วงหรือไง” เขาถาม ตอนนี้ตีสามกว่าแล้ว แต่ผมยังกระตือรือร้นอยู่กับเครื่องฉายโปรเจ็กเตอร์ที่ยืมมาได้

“รอผมพี่แห้งไง” ตอบติดตลก พลางคลิกหนังที่อยากดู เมื่อเห็นมันฉายอยู่บนผนังสูงโดยไม่ติดขัดอะไรจึงถดตัวขึ้นมานั่งข้างเขาบนโซฟา

“Inception?” มันเป็นหนังเก่าของผู้กำกับคนโปรดที่ผมดูหลายรอบ และคิดว่าเขาก็คงเคยดูแล้วเช่นกัน

“จุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมอยากเป็นสถาปนิกเลยนะ” ผมอำ เขายิ้มขำ... แน่นอนว่าไม่เชื่อกัน

“ผมว่ามันเจ๋งดีที่ได้เข้าไปดีไซน์ฝัน” พอหนังฉายไปสักพักผมก็พูดขึ้นมา คนข้างตัวหันไปแกะห่อขนมที่พี่เจดให้สองสามห่อ ช่วยสร้างบรรยากาศ

“ผมเช็ดให้ไหม” ผมถามเมื่อเห็นมือหนาดึงผ้าขนหนูคลุมหัวไว้ลวกๆ ก่อนควักขนมกินเหมือนหิวโซมาจากไหน

เขายักไหล่ หยิบขนมห่อหนึ่งลุกขึ้นย้ายมานั่งที่พื้นตรงหว่างขาอย่างว่าง่าย ผมหัวเราะ วางมือลงบนผ้าชื้นแล้วนวดเบาๆ อยากจะดูหนังไปพลางแต่กลิ่นแชมพูจากคนข้างล่างมันดึงดูดเกินไป

...หนังต้องใช้สมอง พอหลุดนิดเดียวก็ปะติดปะต่อไม่ได้ เพราะงั้นเลยหันมาสนใจอีกคนเต็มรูปแบบซะก็คงค่าเท่ากัน

แม้ไม่เห็นหน้าแต่ท่าทางนิ่งๆ มือหนาที่หยุดล้วงขนมกินก็บ่งบอกว่าเขากำลังตั้งใจ... ทำไมน่ารัก

ปล่อยให้เขาดูหนัง มือก็ทำหน้าที่ไปเรื่อยๆ จนผมเปียกหมาดเริ่มแห้ง เป็นช่วงที่หนังเข้าไคลแม็กซ์น่าตื่นเต้น แต่ผมก็ไม่อาจละสายตาจากคนตรงหน้าได้อยู่ดี อาศัยโอกาสที่อีกคนไม่รู้ตัวลอบสำรวจไปทั่วไม่รู้เบื่อ จุดยิ้มเล็กๆ เมื่อเห็นลำคอขาวยังมีรอยอย่างที่พี่เจดว่า

ตลอดสามวันที่ผ่านมาแม้ยุ่งจนไม่ได้คุยกัน แต่ทุกครั้งผมไม่เคยเห็นเขาพยายามปกปิดมันทั้งที่ดึงดูดสายตา เกิดคำถาม คำนินทา แต่ผมคิดว่าเขาคงไม่ใส่ใจ ยิ่งเป็นแบบนั้นผมยิ่งอยากทำซ้ำ... ตีตราลงไป

ให้กลีบกุหลาบผลิบาน จับจองพื้นที่บนร่างกายเขาไปตลอดกาล

“ถ้าออกแบบฝันได้มึงจะออกแบบอะไร”

“ฮะ?” หลุดสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกถาม ยิ่งชะงักเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาสบตา

“ถ้าออกแบบฝันได้ มึงจะออกแบบอะไร” เอ่ยย้ำ ดวงตาคู่ที่จับจ้องเหมือนรอฟัง ผมนิ่งไปนานก่อนจะยิ้มขำ ทำท่าคิดแล้วยิ้มกว้าง

“มาแชร์ฝันก็ไหม” เหมือนในหนัง มีเครื่องมือบางอย่างที่ทำให้คนอื่นเข้าไปอยู่ในฝันอีกคนได้ เห็นอีกฝ่ายเลิกคิ้ว ท่าทางไม่เข้าใจ ผมเลยขยับลงไปนั่งข้างๆ ถือวิสาสะจับมือหนาแล้วหลับตา

“เพี้ยนหรือไง” เขาหัวเราะหน่ายๆ ผมเลยลืมตาขึ้นมาอีกรอบเร่งเร้าให้เขาทำตาม

“เร็ว” เขาขมวดคิ้วเหมือนชั่งใจแต่สุดท้ายสีรัตติกาลพร่างพราวก็ถูกทดแทนด้วยเปลือกตาที่ปิดลง ผมลอบยิ้มขำ หลับตาอีกครั้ง

“ผมหลับแล้ว พี่อ่ะ” ไม่เมคเซ้นซ์สัด คนหลับที่ไหนจะมาป่าวประกาศ

ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ มือหนากระชับมือผมขึ้นอีกนิด ก่อนเอ่ยตามน้ำ “เออ”

“ในฝันผมมีบ้านหลังหนึ่ง พี่เห็นไหม” ผมอมยิ้ม เริ่มคิดว่านี่มันเพี้ยนอย่างที่เขาว่า

“บ้านแบบไหน” ไม่คิดว่าเขาจะยังเล่นตาม ผมเงียบ นึกคิด พยายามอธิบายเพื่อให้ภาพในหัวตรงกัน

“เป็นวงกลม ผนังทำด้วยกระจก เฟอร์นิเจอร์สีขาวทั้งหมด พี่เห็นไหม”

“นั่นบ้านเหรอ” เขาถาม น้ำเสียงข้องใจ ผมหัวเราะพยักหน้าให้ทั้งที่อีกฝ่ายไม่เห็น

“ตอนนี้พี่อยู่ตรงไหน” ผมถามบ้าง

“ในสวน” ผมยิ้มกว้าง

“อ้อ สวนกุหลาบ ระวังหนาม” ระบุชนิดดอกไม้ให้เสร็จสรรพ ในหัวเกิดภาพบ้านประหลาดรูปวงกลมที่โอบล้อมด้วยสวนดอกไม้อันตราย

“สีอะไร?” แต่อีกคนไม่ได้ใส่ใจข้อนั้น เขาเอ่ยถามถึงสีของมันผมจึงระบายลงไป

“สีแดงแล้วกัน ตัดกับบ้านดี” ภายนอกลูกบอลคริสตัลถูกแต่งแต้มสีสันลงไป “ทีนี้ กลางสวนมีทางเดินหินเล็กๆ แคบหน่อย แต่เดินได้” ผมชี้ทาง เขาเงียบไปสักพัก ก่อนเอ่ยถาม

“กูต้องเคาะประตูไหม” ผมหัวเราะดังกว่าเก่าแล้วยักไหล่

“ไม่เป็นไร เข้ามาได้เลย ผมอยู่ตรงระเบียงชั้นสองนะ ผ่านห้องนั่งเล่นแล้วขึ้นบันไดเหล็กมา บนนี้มีสระว่ายน้ำด้วย พี่น่าจะชอบ” เขาเงียบ ผมกำลังนึกภาพร่างสูงเดินขึ้นบันไดอย่างที่ว่า

“มึงกำลังทำอะไร”

ในความคิดผมหันกลับไปหาเขา ส่งยิ้มให้ “กำลังรอพี่”

“รอทำไม” คิ้วเข้มขมวดอยู่ในความคิด

“จะพาไปดวงจันทร์” ผมบอกไปแบบนั้น แต่ไม่รู้ว่าคนได้ยินทำสีหน้ายังไง “จริงๆ บ้านหลังนี้คือยานอวกาศล่ะ นาซ่ายังไม่รู้ พี่อย่าบอกใครนะ” ผมพูดติดตลก ได้ยินเสียงหัวเราะตอบรับเบาๆ จึงเอ่ยต่อไป

“ตอนนี้เครื่องยนต์กำลังทำงาน มันกำลังลอยตัวขึ้นช้าๆ ลอยเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ” ผมเห็นภาพตัวเองยืนอยู่ตรงขอบระเบียงวงกลม มองสวนกุหลาบสุดลูกหูลูกตาค่อยๆ ห่างออกไป...

กระทั่งกลายเป็นจุดเล็กๆ จึงเปลี่ยนเป็นเงยหน้ามองท้องฟ้ายามราตรี ดวงดาวพร่างพรายเริ่มขยายตัวและไกลห่างออกไป สุดท้ายเหลือเพียงดวงจันทร์ลูกโตที่ขยายใหญ่ เปล่งแสงนวลสุกใสอยู่ตรงหน้า

“ถึงแล้ว ผมจอดยานห่างออกมานิดหน่อย เราต้องทอดสะพานออกไป สะพานเหล็กดีไหม จะได้แข็งแรง” ผมขอความเห็นแต่เขาไม่ตอบอะไร ในมโนสำนึกสะพานเหล็กของผมกำลังก่อร่าง ทอดตัวเองไปเทียบฝั่งที่ดวงจันทร์

“ไปกันยัง” ผมถาม ในหัวกำลังก้าวขาหนึ่งออกไป

...แต่กลับถูกห้ามไว้

“อย่า...” มือหนากระชับมือผมแน่นดึงเข้าหาตัวคล้ายจะฉุดไม่ให้ผมก้าวขาจริงๆ “ยังไกลไป”

“...” สะพานเหล็กที่คิดว่าแข็งแรงสั่นสะท้าน ชิ้นส่วนหลุดร่อนร่วงกราวสู่ความเวิ้งว้าง

“จากตรงนี้มึงก็เห็นว่าในนั้นไม่มีอะไร... แค่ก้อนกินหน้าตาน่าเกลียด ไม่มีแสงในตัวเอง แถมหนาวเกินไป”

“...” จริงอย่างที่เขาว่า ภาพจันทร์นวลกลับกลายเป็นก้อนหินชืดดำ พื้นผิวขรุขระไร้ชีวิตจิตใจ

เราต่างคนต่างเงียบสักพัก ผมรู้สึกว่าฝันสลาย... และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยการเอ่ยย้ำคำถาม

“ในหนัง ถ้าจะปลุกต้องตกลงไปใช่ไหม” เขาไม่ได้บอกว่าเรากำลังจะตก แต่ผมเห็นภาพลูกบอลคริสตัลกำลังร่วงหล่นลงไป... ด่ำดิ่งสู่ความเวิ้งว้าง เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ถูกแรงโน้มถ่วงฉุดกระชากสู่ผิวดิน...

สวนกุหลาบไม่อาจแบกรับ... ลูกบอลคริสตัลแตกกระจาย

ผมลืมตา เห็นเขากำลังมองอยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบาย

“เป็นฝันที่สนุกดี”

แต่ไม่ใช่ฝันดี...

ผมหัวเราะ ส่ายหน้าพลางยกขาขั้นมานั่งชันเขาสบตาเขา ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็หาทางหนีผมได้เสมอเลยจริงๆ นะ

...เพราะแบบนี้ไงถึงยังปล่อยมือไม่ได้

“คราวหน้าผมจะเข้าไปในฝันพี่บ้าง” อยากรู้ว่าข้างในนั้นมีอะไร อยากรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร

เขาจ้องหน้าผมนิ่ง สีหน้ายากจะอธิบาย ดวงตาสีรัตติกาลมองลึกคล้ายจะค้นหาอะไรบางอย่างก่อนจะคลี่ยิ้มร้าย

“หลับตาสิ”

เอื้อมมือมาจับมือผมเหมือนที่ทำก่อนหน้านี้ บ่งบอกว่าเรากำลังจะแชร์ความฝันกันอีกครั้ง

 “...” ผมหลับตาลงอย่างว่าง่าย ในหัวไม่มีภาพอะไร กำลังรอให้เขาพาผมไปยังโลกจินตนาการ

“...” แต่รออยู่นานเขากลับไม่เอ่ยอะไร ความรู้สึกบอกว่าเขาขยับเข้ามาใกล้ ก่อนนิ้วเย็นเฉียบจะแตะลงมาบนใบหน้าผม ทาบลงบนแก้มแผ่วเบา

“พี่เต...” ผมกำลังจะทักท้วงเพราะการกระทำชัดเจนว่าเขาไม่ได้หลับตา

“ท้าหรือจริง” แต่เขากลับเอ่ยคำถามที่ทำเอาผมชะงักไป

“ท้า” นานแล้วที่เขาไม่ได้เป็นฝ่ายท้า และผมอยากรู้ว่าเขาต้องการอะไร

“ห้ามลืมตา”

ไม่คิดว่ามันจะง่ายจนน่าประหลาดใจ ผมแทบไม่ต้องทำอะไร แค่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นปล่อยให้นิ้วเรียวเกลี่ยเบาๆ ที่ผิวแก้ม ลากผ่านใต้ตา ไล่ตามสันจมูก ร่องจมูก...และกลีบปาก ทุกสัมผัสเป็นไปอย่างเชื่องช้า... ชวนให้อึดอัดใจ

ความทรมานคือการที่ผมไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้... ไม่ได้เห็นว่าเขากำลังทำหน้ายังไง ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร

“...” ขณะที่ในหัวกำลังสับสนพยายามหาความหมาย สัมผัสร้อนจากลมหายใจก็เข้ามาใกล้ ผมตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นโครมคราม รู้สึกอึดอัดจนหวังให้เขาเอ่ยอะไรออกมาสักคำ แต่ก็ไม่

เขายังคงเงียบงัน ปล่อยให้ลงหายใจรดแก้มผมอยู่อย่างนั้นราวแกล้งกัน

และเขาคงต้องการแกล้งผมจริงๆ... เมื่อผมเริ่มจินตนาการถึงริมฝีปากร้อนจัดที่ลงประทับ โหยหาสัมผัสของเขาจนเกือบทนไม่ไหว... เขาก็ผละออกไป

ฝ่ามือที่ถูกจับไว้ทดแทนด้วยความว่างโหวงน่าใจหาย...ตามมาด้วยเสียงจุดไฟ กลิ่นบุหรี่ยี่ห้อโปรดของเขาฟุ้งกระจาย...

เด่นชัด ก่อนค่อยๆ เจือจาง

...สิ่งสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้คือเสียงฝีเท้าที่ห่างออกไป และเสียงปิดประตูห้องนอนที่ผมไม่อาจย่างกราย

ผมตัดสินใจลืมตา กลิ่นบุหรี่หายไป... พบเพียงเศษซากของมันที่ถูกดับทิ้งไว้บนโต๊ะกระจกข้างตัวก็ได้แต่หัวเราะ มองบานประตูที่ไม่มีแม้แต่แสงไฟลอดออกมาแล้วถอนหายใจ
   
สมเป็นเตวิชญ์... ร้ายเสมอต้นเสมอปลาย

   




‘เป็นอะไรกับพี่เตอ่ะ’ ตลอดทั้งอาทิตย์ผมเจอคำถามนี้จนเหนื่อยหน่าย

สายตาสงสัย คำนินทา กระทั่งท้าพนันว่าผมกับเขาจะเลิกกันภายในกี่วัน... ข่าวลือฟุ้งกระจาย

ผมไม่ตอบอะไร ไม่มีเหตุผลที่ต้องตอบคำถามใคร ก็แค่ใช้ชีวิตอย่างที่เป็นมา

‘มึงไม่มาดูแข่ง’

พี่ดูไม่พอใจเมื่อผมเดินมาหา สนามบาสร้างผู้คน เหลือเพียงร่างสูงยึดครองแป้นแต่เพียงผู้เดียว เรือนผมลู่ชื้นกับชุดบาสชุ่มเหงื่อบ่งบอกว่าการแข่งที่พี่ว่าเพิ่งจบได้ไม่นาน
   
‘ผมไม่ชอบบาส’ ...สารภาพ
   
เคยถูกบังคับให้ไปดูการแข่งไม่กี่ครั้ง พบว่าเสียงในสนามมันน่ารำคาญและการต้องมานั่งร่วมกับ 'คนอื่น' ของพี่ที่ข้างสนามมันน่าหงุดหงิดใจ เพราะงั้นผมถึงเลือกเซฟตัวเองไว้ ขัดขืนคำชวนพี่ เพื่อให้ตัวเองสบายใจ
   
แต่แทนที่จะโกรธพี่เลิกคิ้วประหลาดใจ หัวเราะเบาๆ ก่อนเดินเข้ามาใกล้
   
‘ชู้ตสิ’
   
ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจ ท่าทางคงแสดงออกว่าไม่อยากด้วยพี่ถึงได้เสนอใหม่
   
‘ถ้าลงจะให้รางวัล’
   
‘...’ ผมไม่ได้ถามว่ารางวัลอะไร แค่เป็นรางวัลจากพี่มันก็น่าสนใจ
   
วางกระเป๋ากับกระดานวาดรูปที่สแตนก่อนจะเอื้อมมือรับลูกกลมสีส้มมาถือไว้ เดินไปยืนหลังครึ่งวงกลมที่พี่ชี้บอก เงยหน้ามองแป้นไกลลิบ แล้วโยนลูกบาสออกไป
   
ตุบ...
   
ไม่มีปาฏิหาริย์หรอก ผมอ่อนหัดเกินไป เสียงลูกบาสกระทบพื้น ไม่ใกล้ความคาดหวังใดๆ ทำให้พี่หัวเราะเบาๆ ก่อนเดินไปเก็บลูกบาสมาถือไว้ เรียวขายาวก้าวมายืนตรงหน้าผม ยกยิ้ม... ดูไม่ออกระหว่างซ้ำเติมหรือพอใจ
   
รู้แค่ว่าผมไม่ค่อยเสียใจเท่าไหร่
   
‘ลืมบอก... ว่าถ้าไม่ลงก็มีบทลงโทษเหมือนกัน’

‘…!’ ผมได้แต่ยืนนิ่งตอนที่พี่โน้มตัวลงมา จรดริมฝีปากประทับ กดย้ำเนิ่นนาน ไล้ลิ้นเลียกลีบปากผมครั้งหนึ่งแล้วผละออกไป
   
คำสารภาพออกจากปากคนเจ้าเล่ห์ว่าผมจะชู้ตเข้าหรือไม่

...รางวัลกับบทลงโทษก็เป็นอย่างเดียวกัน






---------------------------------------------------
จริงๆ อยากให้ตอนนี้อธิบายนิสัยของตัวละครให้ชัดเจนอีกนิด แต่... นิดไปมั้ยนะ 5555
ออกแนวเวิ่นเว้อนิดหน่อย แต่ขอให้น้องพิชญ์พักแป๊บนะคะ ตอนที่แล้วหัวใจจะวาย
ตอนหน้าก็ไม่รู้ว่าทิศทางจะไปทางไหน สปอยล์อะไรไม่ได้เลย 5555
ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ  :hao7:

ปล. เผื่อใครไม่เคยดู Inception เป็นหนังเกี่ยวกับการจารกรรมความฝันน่ะค่ะ อารมณ์ว่าเข้าไปอยู่ในฝันร่วมกับเป้าหมายแล้วขโมยบางอย่างมา หรือฝังความคิดบางอย่างลงไป สนุกมาก ตอนแรกคิดไว้แค่ว่าอยากให้เขาดูหนังกัน มีฉากที่เครื่องโปรเจ็กเตอร์ฉายเงาพี่เต อาร์ตๆ อารมณ์นั้น 5555 แต่วันก่อนกลับมาดู Inception เลยได้ไอ้เดียฉากแชร์ฝันเพิ่มมา ชอบมากเลยค่ะ หวังว่าคนอ่านจะชอบด้วยนะ

ฝาก #เกมท้ารัก เหมือนเดิมนะคะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-12-2017 20:01:09 โดย makok_num »

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
กรี๊สๆๆ ตอนนี้ยาวววว  :impress2:
ชอบตอนแชร์ฝันกันมากเลยค่ะะะ555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด