#แว่นดุ : (ตอนที่ 16) จูบ ...หน้าที่ 7 [10/02/18]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #แว่นดุ : (ตอนที่ 16) จูบ ...หน้าที่ 7 [10/02/18]  (อ่าน 28113 ครั้ง)

ออฟไลน์ kachettt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
    • Twitter
แว่นดุ 8.2
ค้นพบความจริง




...เสียงของเซน...

ทำไมเซนถึงได้มาอยู่ที่นี่กันล่ะ....


ด้วยความสงสัย ผมจึงตัดสินใจที่จะไม่ผลักประตูเข้าไป แต่เลือกที่จะแอบฟังเสียงพูดคุยของคนสองคนด้านในแทน เสียงที่เล็ดลอดออกมาไม่ได้ดังมากนักแต่ก็ไม่ถึงกับฟังไม่ออก


“เรื่องที่นายใช้ให้พี่ปล่อยรูปพวกนั้น เป็นไงบ้าง ถูกใจนายหรือเปล่า” เสียงของไอ้ทีพูดขึ้น

“ก็ดี....”

“แน่นอนละนะ แต่ว่าให้พี่ไปรอถ่ายรูปกลางดึกแบบนั้น แถมยังต้องกลับเองอีก ไม่เห็นจะคุ้มอะไรเลย”

“แล้วพี่อยากได้อะไรละ”

“คืนนี้นอนที่นี่ได้ไหม.......อ่าจริงด้วยสิ ลืมบอกไป พี่ส่งคลิปไปขู่มันแล้วนะ”

“เดี๋ยว...คลิปนั้นน่ะหรอ”

คลิปอย่างนั้นหรอ...


ในขณะที่ผมฟังคนสองคนนั้นพูดคุยกันในห้อง คิ้วของผมขมวดมุ่นเป็นปม และมันทำให้รู้สึกอื้อไปหมด พยายามคิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องล้อเล่นหรือเป็นเพียงแค่เรื่องโกหกแต่...มันกลับไม่ใช่


เพราะมันคือเรื่องจริง...



ในตอนนี้สองเท้าของผมกำลังเดินถอยออกห่างจากประตูห้องทีละนิด น้ำตาเม็ดใสค่อยๆไหลร่วงออกมาจากหางตาหนึ่งหยดก่อนที่มันจะพรั่งพรูออกมาเรื่อยๆจนเลอะอาบแก้มทั้งสองข้าง


ทั้งๆที่พยายามจะกลั้นมันเอาไว้ไม่ให้ไหลอยู่แล้วเชียว แต่ดันกลับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่


ทันทีที่ตั้งสติได้ ผมรีบหันหลังกลับและสาวเท้าเดินอย่างรวดเร็วออกมาจากหอ จนถึงบริเวณถนน สายตาของผมหันกลับไปมองยังรถยนต์คันหรูที่ก่อนหน้านี้ ผมเคยคิดว่ามันเหมือนรถของเซน....


ซึ่งมันไม่ได้แค่เหมือนเลยด้วยซ้ำ แต่เป็นมันเป็นรถของเซนต่างหาก ผมเบนสายตากลับมาอีกครั้งและมุ่งหน้าเดินออกมาโดยไม่คิดจะสนใจมันอีก



ในขณะที่กำลังเดินกลับมายังหอของตัวเองด้วยความรู้สึกเลื่อนลอย ในหัวสมองคิดอะไรเยอะแยะหลายอย่างเต็มไปหมด


ทั้งเรื่องรูปถ่ายที่ผมถูกประจาน โดยที่รูปถ่ายนั่นเป็นเพราะเซนสั่งให้เพื่อนของผมถ่าย และแน่นอนไอ้ทีมันก็เป็นคนเอาไปลงและไหนจะเป็นข้อความกับคลิปข่มขู่บ้านั่นอีก


ทำไมกันล่ะ ทำไปเพื่ออะไร และทำไมถึงได้ทำกับเพื่อนของตัวเองแบบนี้ มันยังเห็นผมเป็นเพื่อนของมันอยู่หรือเปล่า หรือว่ามันไม่เคยเห็นผมเป็นเพื่อนเลยกันแน่


แวบหนึ่งในหัวของผม คิดอยากจะเดินกลับไปและผลักประตูเข้าไปในห้องของไอ้ที อยากจะถามมันดังๆว่าทำแบบนี้กับผมไปทำไม ทำไปเพื่ออะไร แต่ทุกคำพูดที่ผมคิดกลับค่อยๆจางหายไปจนหมด เพราะคำว่าเพื่อนรัก...


เพื่อนที่ผมมีเพียงแค่คนเดียว เพื่อนที่ผมรักมากที่สุด เพื่อนที่ผมคิดว่าจะหาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้วบนโลกใบนี้ แต่ผมกลับถูกมันหักหลัง


การถูกหักหลังจากคนที่เชื่อใจนี่มันไม่ตลกเอาซะเลย...



ส่วนเซนผมไม่อยากนึกถึงคนๆนี้เลยด้วยซ้ำ เขาต้องการแก้แค้นอย่างนั้นหรอหรือว่าอะไรกันแน่ โกรธกันมากถึงขนาดที่ต้องทำกันขนาดนี้เลยหรือไง...


ทำกันได้เจ็บแสบดีเหมือนกันนี่ เพราะตอนนี้ผมมันไม่ต่างอะไรกับคนตายทั้งเป็นเลยยังไงล่ะ


เพราะมันทำให้ผมโดนคนนินทา ทำให้ผมเกือบโดนข่มขืน ทำให้ผมรู้สึกหวาดกลัวหวาดระแวงผู้คน และที่สำคัญ มันทำให้ผมไม่เหลือแม้กระทั่งเพื่อน!



ในตอนที่เซนทำดีกับผม คงเป็นเพราะจะเข้ามาหลอกให้ตายใจอย่างนั้นละสินะ และก็จริงอย่างที่มันต้องการเลยล่ะ
ผมตายใจสุดๆไปเลย


แถมยังไว้เนื้อเชื่อใจคนอย่างมันอีก ยอมให้คนอย่างมันเห็นสิ่งที่ตัวผมเองอ่อนแอมากที่สุด!



ผมเดินออกมาจนเกือบถึงหอของตัวเอง ทว่ามือถือที่ถูกเก็บเอาไว้ในกระเป๋ากลับส่งเสียงดังขึ้น


ผมเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาและมองไปยังหน้าจอเพื่อดูว่าใครเป็นคนโทรหาผม


...พี่ซิน...


“ครับ...”

“กัสหรอครับ วันนี้สอบเสร็จแล้วใช่ไหม ว่างหรือเปล่าไปหาอะไรทานกันดีไหมครับ”

ชั่วขณะหนึ่ง ผมคิดจะตอบกลับไปว่าขออยู่คนเดียวดีกว่า แต่การที่อยู่คนเดียวมันจะได้อะไรขึ้นมาล่ะ อย่างน้อยผมควรอยู่กับใครสักคนที่รู้สึกสบายใจไม่ดีกว่าหรือ พอคิดได้แบบนี้จึงตอบตกลงไปทันที


“พี่มารับผมที่หอ ss นะครับ”


“พี่อยู่แถวนี้พอดีเลย เดี๋ยวไปรับนะ”


“ครับ”


น่าแปลกที่ผมหยุดร้องไห้ไปได้สักพักแล้ว จริงอย่างที่ใครๆเคยพูดเอาไว้ ว่าคนเราหากเจอเรื่องราวที่มันน่าเจ็บปวดบ่อยๆซ้ำๆ จิตใจมันจะรู้สึกเข้มแข็งมากขึ้นและสามารถก้าวผ่านเรื่องราวเลวร้ายได้อย่างรวดเร็วกว่าปกติ


และในตอนนี้ผมกำลังเป็นนั้นอยู่ใช่หรือเปล่า ใช่ว่าเรื่องเมื่อครู่ผมจะไม่รู้สึกเสียใจ ภายในใจของผมยังคงเจ็บปวดอยู่ แต่ผมแค่ไม่อยากแสดงมันออกมาเท่านั้นเอง เราควรจะเข้มแข้งเอาไว้ไม่ใช่หรอ..


เพราะในเวลานี้คนที่เคยให้ความไว้วางใจเอาไว้ คนๆนั้นมันดันย้อนกลับมาทำร้ายตัวผม....


ไม่น่าเลยไอ้กัส... ไม่น่าให้ความเชื่อใจกับใครไว้เลยจริงๆ


เป็นคนโง่ที่ดันไปยอมเปิดเผยจุดอ่อนของตัวเองให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้มันเห็น จนมันเลือกที่จะทำร้ายเราได้อย่างถนัดมือจนเจ็บสาหัสแบบนี้..



ท้องฟ้าในเวลานี้มืดสนิทจนเห็นดวงดาวหลากหลายดวงส่องแสงแวววับอยู่บนท้องฟ้าระยิบระยับไปหมด บางดวงก็ส่องแสงริบหรี่ บางดวงก็ส่องแสงสว่างไสวมากเสียจนต้องจ้องมองมันนานๆ บางดวงจับกลุ่มกันเป็นก้อนเล็กและช่วยกันส่องแสงเพื่อให้ตัวเองโดดเด่นล่อสายตาให้อดที่จะมองไม่ได้


“ขนาดดาวมันยังมีเพื่อนเลย” ผมพูดลอยๆกับตัวเองเสียงเบาหวิว

“พูดอย่างกับตัวเองไม่มีเพื่อนอย่างนั้นแหล่ะ”


ผมสะดุ้งตกใจจนหลุดออกจาภวังค์ความคิด แรงสะกิดและน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟังเอ่ยทักทาย ผมละสายตาออกจากกลุ่มดาวกลุ่มนั้นและมองคนที่เอ่ยทักเมื่อครู่ 


...พี่ซิน...

“ว่าไง ทำไมพูดเหมือนตัวเองไม่มีเพื่อนอย่างนั้นล่ะ หื้ม”

“ก็ผมไม่มีเพื่อนจริงๆนี่ครับ”


มันคือความจริง...ตอนนี้ผมเหมือนคนไม่มีเพื่อนอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับเพื่อนอย่างไอ้ที แต่การที่มันทำกับผมแบบนี้ยังสามารถเรียกว่าเพื่อนได้อีกหรอ



สู้ผมอยู่คนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียวยังจะดีซะกว่า คนนิสัยอย่างผมไม่มีใครเขาอยากมาคบหาด้วยหรอก


“พูดเป็นเล่นไป แล้วคืนนั้นที่ร้าน มากับใคร ถ้าไม่ใช่มากับเพื่อน”

“ก็นั่นแหล่ะครับ”

“ก็นั่นไงเพื่อน”


ผมพูดไม่ออก พี่ซินกำลังพูดจาก่อกวนผมอยู่รึเปล่านะ พอมองหน้าเขากลับไม่มีเคล้าความกวนสักนิด มีแต่ความอบอุ่นแปลกๆออกมาเต็มไปหมด คนๆนี้ยิ้มได้ตลอดเวลาเลยหรือไง


“มองแบบนี้....ทำไมครับน้องกัส”

“ป...เปล่า ผมไม่ได้จะหาเรื่องพี่นะ”

“5555 ถ้างั้นเราไปกันเลยไหม”


ผมไม่ได้ตอบ ได้แต่ทำเพียงแค่พยักหน้ารับ ซึ่งเป็นความหมายโดยนัยว่าตกลง ผมเดินตามพี่ซินซึ่งเขาเดินนำหน้าไปก่อนแล้ว


แต่ผมกลับไม่รู้ตัวเลยว่าทั้งตัวเองและพี่ซินกำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนๆหนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไหร่นัก


“ไปคอนโดพี่แล้วกัน ว่าจะทำอาหารอร่อยๆให้กิน”

“....คอนโดเหรอครับ”


ผมชะงักทันทีที่ได้ยิน และถามออกไปเสียงเบาจนแทบไม่มีเสียงเปล่งออกมา แต่เป็นเพราะอยู่บนรถเลยทำให้พี่ซินสามารถได้ยินเสียงของผมได้อย่างสบาย


“ใช่...พอดีพี่อยู่กับน้องชายน่ะ เจ้าเซนไง คืนนั้น...ที่พี่ใช้ให้ไปส่งกัสที่หอนะครับ เห็นว่ารู้จักกันแล้วพี่ก็สบายใจหน่อย กัสจะได้ไม่อึดอัด”


เซน...ไอ้แว่นนั่น!


ในตอนแรกผมก็อยากไปอยู่หรอกนะ แต่พอรู้ว่าพี่เขาจะพาไปคอนโดผมก็เริ่มรู้สึกอยากเปลี่ยนใจขึ้นมา  ไม่อยากเห็นมัน แม้แต่หน้าผมก็ไม่อยากเห็น


“พี่อยากให้กัสไปนะ อย่างน้อยๆเราจะได้รู้จักกันมากขึ้นกว่าเดิมไงครับ”

“ได้ครับ ถ้างั้นพี่ซินช่วยสอนผมทำอาหารด้วยนะ ผมอยากทำเป็น”

“ได้สิ ลองหันหลังไปดู พี่ซื้อของมาเพียบเลย”


ผมหันหน้าไปมองด้านหลังของรถทันทีที่พี่ซินแนะนำ เยอะจริงๆด้วย มีผักหลากหลายชนิดเต็มไปหมด และไหนจะเป็นขนมนมเนยต่างๆ พี่ซินเหมือนพ่อบ้านเลยแฮะ


น่าแปลกที่ผมกลับรู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คงเพราะว่าการพูดคุยเล่นสนุกของพี่ซินนั่นแหล่ะ ที่ทำให้ผมลืมเรื่องที่กังวลออกไปได้บ้าง


ส่วนเหตุผลที่ผมตัดสินใจไปกับพี่ซิน เป็นเพราะท่าทางของเขาดูเหมือนจะอยากให้ผมไปด้วยมากเลยล่ะ แน่นอนว่าผมไม่อยากขัด


อีกอย่างผมมาในฐานะคนรู้จักของพี่เขา และมันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเซนอยู่แล้ว อีกทั้งคืนนี้เซนอาจจะไม่กลับไปที่คอนโดก็ได้....


เพราะอะไรน่ะหรอ ก็เพราะว่าต้องให้รางวัลกับเพื่อนของผมที่ทำงานให้สำเร็จลุล่วงไงล่ะ




ตอนนี้ผมมาอยู่ที่คอนโดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันเป็นที่ที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีเลยล่ะ เอาเถอะ อย่าพูดเรื่องของคนๆนั้นจะดีกว่า ผมควรจะสนใจกับผักใบเขียวตรงหน้านี่เสียก่อน และนี่จะต้องทำยังไงกับมันบ้างละเนี่ย


“ผมต้องทำไงบ้างอะครับ”


อดไม่ได้ที่จะถามออกไป หลังจากยืนจ้องผักใบเขียวหลากหลายชนิดอยู่นาน บางชนิดผมรู้จักมันเป็นอย่างดี แต่บางชนิดผมเคยเห็นอยู่บ้างแต่ไม่รู้จักชื่อของมันสักเท่าไหร่


“ล้างให้พี่หน่อยนะ อันดับแรกกัสต้องตัดรากของมันออกมาก่อน พอตัดเสร็จแล้ว กัสก็เอาต้นไปล้างดินออกให้หมด แต่อย่าเพิ่งทิ้งรากนะครับ ช่วยล้างดินออกให้ด้วยนะ เดี๋ยวพี่จะใช้”


ผมฟังการอธิบายประกอบท่าทางของพี่ซินจนเข้าใจเป็นอย่างดี ความจริงมันก็ไม่ได้ยากอะไรนี่นา แต่ที่ผมสงสัย ทำไมต้องเก็บรากเอาไว้ด้วยล่ะ


“รากมันกินไม่ได้ไม่ใช่หรอครับ ผมว่าควรทิ้งไปน่าจะดีกว่า”

“ไม่ได้นะกัส เก็บเอาไว้ใส่น้ำซุป มันจะหอม”

จริงหรอ..ความรู้ใหม่เลย เพิ่งรู้ว่ารากมันมีหน้าที่แบบนี้ด้วย ผมเคยเรียนเกี่ยวกับสรีระวิทยาของพืช ซึ่งรากมีหน้าที่แค่ดูดซับธาตุอาหารต่างๆในดินและน้ำ ไม่คิดว่าจะสามารถนำมาทานได้แบบนี้


“ให้ตายเถอะ...”

“มีอะไรหรอครับพี่ซิน”

“พี่ลืมซื้อของ2-3อย่างน่ะครับ และมันจำเป็นต้องใช้ด้วย ขาดไม่ได้จริงๆเดี๋ยวจะไม่อร่อย”

“ถ้างั้นให้ผมไปซื้อให้ไหม”

“อย่าดีกว่า กัสรอพี่อยู่ที่คอนโดก่อนนะ แล้วก็ล้างผักไปพลางๆก่อน เดี๋ยวพี่กลับมา โอเคไหม”

“ก็ได้ครับ”


ผมไม่ได้ขัดอะไรอยู่แล้ว อีกอย่างผมขับรถยนต์ไม่เป็นด้วย ถ้าผมอาสาลงไปซื้อมาเองจะได้กลับมาอีกตอนไหนก็ไม่รู้ มีหวังคงจะไม่ได้กินอาหารวันนี้แน่


หลังจากที่พี่ซินออกไปแล้ว ผมก็หันกลับวุ่นวายอยู่กับผักตรงหน้าอีกครั้ง โดยทำตามที่พี่ซินสอนเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้
แต่ทว่า...


ผมรู้สึกได้ว่าเหมือนมีคนกำลังเข้ามาในห้อง พี่ซินลืมอะไรหรือเปล่านะ ผมหันซ้ายหันขวามองของที่ซินอาจจะลืมไว้แต่ก็ไม่พบ จึงเดินออกมาจากห้องครัวและตะโกนถามออกไป


“พี่ซินลืมอะไรหรือเปล่าครับ ให้ผมช่วยหา....เซน....”


ผมเรียกชื่อไม่ผิดหรอก...เซนจริงๆ บุคคลที่อยู่ตรงหน้าของผม ในตอนนี้คือเซน ซึ่งกำลังหยุดยืนมองหน้าผมด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป


ผมขมวดคิ้วงุนงงกับคนตรงหน้า แต่ผมต้องเลือกที่จะละสายตาหนีออกมาก่อนและหันกลับเข้าไปในครัวดังเดิม ทำเหมือนคนไม่รู้เรื่องราวอะไรมันน่าจะดีกว่า...


ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ ตอนนี้เวลานี้เซนควรที่จะอยู่ที่หอของทีไม่ใช่หรอ และทำไมถึงได้กลับมาที่นี่ได้ ถ้ารู้ว่าจะเจอกันแบบนี้ ผมเลือกปฏิเสธพี่ซินไปตั้งแต่แรกซะก็ดี ไม่น่ามาที่นี่เลย อยากกลับไปอยู่ที่หอของตัวเองชะมัด


“ทำเหมือนคนไม่รู้จักกันไปได้นะพี่”


หลังจากที่ผมหันหน้ากลับมาสนใจล้างพักต่อ เซนก็พูดขึ้นและเดินตามเข้ามา


พอได้ยินแบบนั้น ผมกลับรู้สึกไม่อยากคุยด้วยเสียอย่างนั้น ภายในใจกำลังนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องของเพื่อนสนิทเมื่อตอนค่ำที่ผ่านมา มันก็พาลยิ่งรู้สึกไม่อยากเสวนาด้วยเข้าไปใหญ่ 


ผมไหวไหล่ไม่สนใจคำพูดนั้นทำให้มันเหมือนเป็นอากาศที่ลอยผ่านไปเสียดื้อๆและใช้มือหยิบผักขึ้นมาล้างต่อ


“ผมพูดกับพี่อยู่นะ!”


ผมละมืออกจากผักตรงหน้าและเอื้อมมือไปปิดก๊อกน้ำ จากนั้นก็หันไปหาบุคคลที่กำลังขึ้นเสียงใส่ผม


“มีอะไร นายอยากจะพูดอะไร”


“ผมเห็นพี่กัสขึ้นรถพี่ผมมา ไม่คิดว่าจะพากันมาถึงที่นี่ ไหนเคยบอกว่าไม่ชอบพี่ผมไง”


เพราะความที่เป็นคนขี้รำคาญอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอกับคนที่ไม่อยากพูดคุยด้วยมาพูดใส่แบบนี้ก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ จึงโพล่งพูดออกไปอย่างที่ใจคิดทันที


“อย่ายุ่ง!”

“ว่าไงนะ!?”




:beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:

ตอนแรกว่าจะลงตอนพิเศษให้อ่านในตอนถัดไป
แต่พออ่านๆดูแล้วถ้าเอามาคั่นกลางมันจะไม่ค่อยโอเค
ถ้างั้นต้องปล่อยให้สงสัยกันไปก่อนนะคะ
ว่าทำไมเซนถึงทำแบบนี้ 55555
ปริศนาก็ยังคงอยู่ต่อไปปปปป
หลังจากนี้พี่ซินจะมีบทมากขึ้นแล้วค่ะ
มีศึกชิงนางนิดหน่อย แต่บอกล่วงหน้าไว้ก่อนว่าไม่ 3P เด้อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2017 18:19:51 โดย kachettt »

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ตกลงไม่ใช่เซนใช่มัเย แต่เป็นซินที่อยู่ในห้อง

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ใจร้ายยยยยยยย รอเฉลยใจจะขาด

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เจ็บตรงเพื่อนนี่แหละ :o12:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เพื่อนรักหักเหลื่ยมโหด  :beat: :z6: :fcuk:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เหมือที กับเซน ตกลงกันเรื่องแอบถ่ายกัสกับเซน
แต่พอทีพูดถึงคลิป ทำไมเซน เหมือนไม่รู้เรื่องด้วย

ว่าไป กัส น่าจะแฉ ไปตอนได้ยินเลย
ดูซิ สองคนจะทำหน้าตาอย่างไร
จะได้รู้กันไปเลยจะๆ
คนหนึ่งก็เพื่อนเลว แทงเพื่อนข้างหลัง
อีกคนก็หลอกกันชัดๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
เดาว่าเซนอาจจะอยากให้กัสอ่อนแอแล้วตัวเองจะเป็นคนสำคัญคอยปลอบรึอีกส่วนคืออยากแก้แค้น

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 o18

ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร จริงๆ

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
โอ๊ย มันปวดใจ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kachettt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
    • Twitter
แว่นดุ 8.3
โมโห




“อย่ายุ่ง!”

“ว่าไงนะ!?”


อยู่ๆเซนก็เดินเข้ามาหาผมและทำท่าจะเอื้อมมือมาจับที่ต้นแขน แต่ด้วยความที่ผมไหวตัวทันจึงเบี่ยงตัวหลบออกมาก่อน ทำให้เซนไม่สามารถจับผมได้


“อย่ามาจับ”

“เป็นอะไรอีก ทำไมเพิ่งมาหวงเนื้อหวงตัวเอาตอนนี้”

“อย่าให้ต้องพูดย้ำ ว่าอย่ามายุ่....อื้อ!”


เพี๊ยะ!


ทันทีที่เซนกระชากผมไปจูบ ผมผลักเจ้าตัวให้ออกห่างอย่างรวดเร็ว พร้อมกับฟาดฝ่ามือไปบนหน้าของเซนอย่างแรงจนเกิดเสียง ทำให้ใบหน้าของเซนสะบัดหันไปอีกทางตามแรงมือที่ฟาดตบ


มือข้างที่ใช้ฟาดกระทบกับใบหน้าของเซน ตอนนี้มันกำลังสั่น ทั้งร้อนและก็ชาไปหมด ผมตกใจตัวเองอยู่ไม่น้อยเพราะผมไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะลงไม้ลงมือกับคนตรงหน้าแบบนี้ได้


“พี่ตบหน้าผมหรอ...”


ผมลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอแห้งผาก พร้อมกับมองหน้าของเซน โดยที่ตอนนี้เขากำลังทำหน้าตาแปลกใจอย่างถึงที่สุด อีกทั้งยังเอามือกุมข้างแก้มที่เพิ่งถูกผมวาดตบไปเมื่อครู่


ผมละสายตาออกมาและเลือกที่จะหันหน้าเดินหนีไปทางห้องของพี่ซินทันที โดยไม่มีคำกล่าวขอโทษใดๆ ตอนนี้ผมอยากอยู่คนเดียวมากกว่า ไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับใครอีกแล้ว โดยเฉพาะคนอย่างเซน


แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ถึงแม้ว่าเซนจะนิ่งไปนานหลังจากที่ผมตบหน้าไป เซนกลับเดินตามผมและขยับตัวมาขวางประตูห้องอย่างรวดเร็วจนตัวผมเองไม่ทันได้ตั้งตัว


“จะไปไหน!”

“ออกไปห่างๆ”

“พี่ฟังผมก่อน ตอนนี้พี่กำลังเครียดกับเรื่องคลิปใช่หรือเปล่า พอดีว่าผมเป็นคนส่งมันไปเอง ก็แค่จะแกล้งพี่เล่นเท่านั้นแหล่ะ”


หลังจากได้ฟังประโยคของคนตรงหน้าแล้ว ผมยิ่งรู้สึกปวดหนึบไปทั่วทั้งอกข้างซ้าย คำพูดโกหกหลอกลวงพวกนี้ยังจะกล้าพูดมันออกมาได้อีกหรือไง

 กล้าพูดมันออกมาได้อย่างไม่อายปาก


บอกว่าแกล้งเล่นอย่างนั้นหรอ หรือว่าจงใจที่จะทำกันแน่ พูดมันออกมาได้ยังไงว่าแกล้งเล่น คิดว่าโง่มากเลยสินะ...


“แกล้งกันเล่นหรอ...ตลกหรือไง”

“ผมขอโทษ ผมจะไม่เล่นอะไรพิเรนแบบนี้อีกแล้ว”


ในตอนแรกผมคิดว่าตัวเองมันจะโง่ที่จะหลงเชื่อคนแบบเซนอีกหรือเปล่า แต่พอมาคิดอีกทีในตอนนี้ผมคิดว่าเซนต่างหากที่โง่...นายนี่มันโง่จริงๆเลย

เพราะผมรู้ความจริงทั้งหมดแล้วต่างหากล่ะ


“อยากจะทำอะไรก็แล้วแต่นาย...อยากจะปล่อยคลิปก็ปล่อยไป เห็นว่าอยากจะประจานกันมากเลยนี่นา ทำไปเลย ไม่จำเป็นต้องเอามันมาขู่หรอก คนอย่างนายมันทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วไม่ใช่หรอ”


ที่ผมพูดแบบนี้ออกไปเพราะตอนนี้ตัวผมเองมันแทบจะไม่เหลืออะไรแล้วต่างหาก


“พี่กำลังพูดอะไร!” เซนตวาดเสียงกร้าว

“นายกับฉันสองคนกลับไปเหมือนตอนที่เราไม่รู้จักกันจะดีกว่านะ...”

“ไม่! พี่เป็นอะไร ก็บอกแล้วไงว่าผมแกล้....”

“เลิกพูดโกหกสักทีได้ไหม! พูดความจริง! อย่าโกหก! พูดมันออกมาทั้งหมดเลย! ว่านายคิดจะทำอะไรกันแน่! นายต้องการแก้แค้น! นายต้องการให้ฉันอับอายเหมือนที่นายเคยเป็น! นายต้องการให้ฉันไม่มีเพื่อน! พูดออกมาสิ!!!!”

“ไม่....ไม่ใช่....ไม่ใช่นะพี่กัส...พี่ฟังผมก่อน!”


แรงบีบที่ช่วงแขนเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆตามแรงอารมณ์ของคนตรงหน้า เซนมีสีหน้าเคร่งเครียดจนผิดปกติและแรงบีบที่ช่วงแขนก็รุนแรงมากขึ้นด้วย

 แน่นอนว่าผมเจ็บแต่เลือกที่จะไม่แสดงมันออกมาให้คนอย่างเซนเห็น


ทำเพียงแต่พยายามขืนตัวให้หลุดออกจากกำมือนั่น แต่พยายามเท่าไหร่มันก็ไม่หลุดซักที


“เลิกยุ่งกันซักทีได้ไหม ขอร้อง อยากจะทำอะไรก็ทำไป แต่ขอ....ขออย่างเดียว เลิกยุ่งเกี่ยวกันซักที”


เอาอีกแล้ว...น้ำตาของผมไหลออกมาอีกแล้ว วันนี้ผมร้องไห้อีกแล้ว ทำไมจะต้องมาร้องไห้ให้กับคนพวกนี้ด้วย


ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนที่มันทรยศความเชื่อใจ ถึงแม้ว่าคนเราจะให้โอกาสคนได้ถึงสามครั้ง แต่สำหรับผมมันมากเกินพอ แค่ครั้งเดียวก็มากเกินพอแล้ว...


“ไม่เลิกยุ่ง!! เข้าใจไหมว่าไม่เลิก! มานี่!”

“อึก...ปล่อย! ปล่อยนะเซน”


เซนกระชากแขนของผมอย่างแรงและเปิดประตูห้องนอนของตัวเองออก จากนั้นก็โยนผมเข้าไปด้านใน


เป็นเพราะผมยังไม่ทันได้ตั้งตัวดี ทุกการกระทำมันเกิดขึ้นไวมาก จึงเป็นเหตุที่ทำให้ผมพลัดหกล้มอยู่กลางห้อง


“เจ็บนะ!”


ที่เจ็บมันเป็นเพราะผมยังไม่หายดี เมื่อวานเพิ่งโดนต่อยท้องอย่างแรง และไหนจะมือที่โดนบีบเมื่อเช้านั่นอีก

ตอนนี้ก็ดันมาโดนผลักให้ล้มกระแทกพื้นจนจุกไปหมด อาการเจ็บที่ช่วงท้องที่คิดว่ากำลังจะหาย มันกลับมาเจ็บอีกครั้งเพราะแรงกระแทกเมื่อครู่


ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่ปิดประตูลงอย่างแรง ตอนนี้สีหน้าของเซนเปลี่ยนไป...ไม่เหมือนเซนที่ผมเคยรู้จักเลยด้วยซ้ำ เซนดูจะโกรธเอามากๆ โกรธกว่าครั้งไหนๆ


ผมไม่เข้าใจ มันน่าจะพอใจเซนแล้วไม่ใช่หรอ ในเมื่ออยากประจานผมนัก ทำไมไม่ประจานมันให้รู้แล้วรู้รอดไป ส่วนผมก็ปล่อยๆไปมันก็แค่นั้นเอง


ตอนนี้ร่างสูงกำลังเดินเข้ามาหาผมอย่างช้าๆไม่เร่งรีบ

ในขณะที่ผมกำลังถดกายหนีไปด้านหลังเรื่อยๆจนแผ่นหลังกระแทกเข้ากับเตียงนอนหมดสิ้นหนทางหนี


“กลัวทำไม...เมื่อคืนนี้เรายังทำกันอยู่เลย ห้องนี้ก็เป็นห้องของเราสองคนไม่ใช่หรอ และเมื่อกี้คืออะไร จะไปเข้าห้องพี่ซินแบบนั้นหมายความว่ายังไง... หรือว่ากลับมาก็เอากันไปแล้วน่ะห๊ะ!”


“....พูดแบบนี้ พูดแบบนี้ได้ยังไง!!” ผมตะคอกกลับเสียงดังด้วยความโกรธ



หมับ!

เซนพุ่งตัวเข้ามาประชิดตัวผมและบีบคางแน่นให้เงยหน้าขึ้นมอง เล่นเอาผมเจ็บกรอบหน้าไปหมด เซนจ้องมองที่หน้าของผมพร้อมกับยิ้มร้าย

จนผมไม่อาจสู้สายตาน่ากลัวนั้นได้ ทำให้ต้องเบนสายตาหนีไปทางอื่น



 “เจอพี่ซินไม่กี่ชั่วโมง นี่ถึงขั้นเกลียดผัวตัวเองแล้วหรอ”


น้ำตาของผมไหลออกมาเป็นสายผ่านแพขนตาที่กำลังพับปิดสนิทในขณะที่เบนหน้าไปทางอื่น คำพูดทำร้ายจิตใจพวกนั้นผมไม่เคยโดยใครพูดใส่แบบนี้มาก่อนเลยแม้แต่คนเดียว

แต่เซนเป็นใครมาจากไหนถึงได้กล้าพูดถ้อยคำพวกนี้ออกมา


 ยังไงก็ไม่ยอมหรอก ไม่ยอมอีกแล้ว สำหรับคนๆนี้ ผมจะไม่ยอมให้มันอีกแล้ว !


“ไอ้....ชั่....อึ่ก”


ผมกลืนก้อนคำพูดทั้งหมดลงคอเพราะถูกบีบที่สันกรามแน่นมากขึ้นกว่าจนแทบเปล่งเสียงออกมาไม่ได้ มันเจ็บไปหมด


“เราควรจะมีเซ็กส์กันอีกซักรอบนะ จะได้เตือนความจำสักหน่อย เมื่อวานมันคงจะไม่ถึงใจพี่สักเท่าไหร่ คืนนี้ผมจะทำให้ถึงใจเลยเป็นไง”


เซนสะบัดหน้าของผมทิ้งจนหันไปอีกข้างหลังจากที่พูดจบประโยค ส่งผลให้หน้าของผมฟุ่บลงไปกับพื้นพรมอย่างไม่ทันตั้งตัว

จากนั้นเซนก็ลุกขึ้นกระชากแขนและโยนผมไปที่เตียงนอนที่อยู่ด้านหลังพร้อมกับขยับตัวขึ้นมาคร่อมทับร่างกายของผมอย่างรวดเร็ว


ผมไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะขัดขืนคนตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ ไม่มีสักนิด...


ผมพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงฮึดสุดท้ายทั้งหมดเพื่อพูดเตือนสติคนข้างบนว่าอีกเดี๋ยวพี่ชายของเขาจะกลับมา อย่างน้อยๆมันอาจจะช่วยให้พอเรียกสติอยู่บ้างจะได้ไม่คิดทำเรื่องคาวๆพวกนี้


“อีกเดี๋ยว.....พี่ซิน...จะกลับมา”

“กลัวอะไร กลัวพี่ผมเข้ามาเห็นตอนเราทำรักกันหรอ หรือว่ากลัวจะจับพี่ผมไม่ได้เพราะเห็นเราสองคนกำลังทำเรื่องแบบนี้กันแน่!”


ความหวังทั้งหมดที่คิดเอาไว้ถูกคนตรงหน้าพังทลายลงจนหมดสิ้น คนๆนี้ทิ้งคำพูดทำร้ายจิตใจและดูถูกผมเอาไว้จนเต็มอก แน่นอนว่าผมจะจดจำมันเอาไว้

และไม่มีทางที่จะลืม... ไม่มีทาง!


“นายมัน! นายมันชั่วซะยิ่งกว่าไอ้บ้าพวกนั่นซะอีก !!”

“ก็ดูเอาแล้วกันว่าผมมันชั่วกว่าหรือเปล่า!”

“อึ่กอื้อ!!”


เซนก้มหน้าลงมาพยายามจะจูบ แต่เพราะผมไม่ยอมเปิดปากให้สอดลิ้นเข้ามาได้เหมือนทุกครั้ง เพราะครั้งนี้ผมไม่ยอมง่ายๆ
ถ้าจะให้เรียกสิ่งที่เซนกำลังทำมันคงไม่ต่างอะไรกับการขืนใจ...


และยิ่งในเวลานี้ผมยิ่งไม่ยอม น้ำตาของผมไหลออกมาเป็นสายไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆเลยแม้แต่น้อย ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำเพราะร้องไห้อย่างหนัก แพขนตาอาบชุ่มไปด้วยน้ำ ลมหายใจหอบถี่ด้วยความเกร็งเครียด


คนตรงหน้าคนนี้...น่ากลัว


“เปิดปากสิวะ!”


ผมส่ายหน้าหวือทั้งน้ำตา ไม่ยอมทำตามคำสั่ง อีกทั้งยังพยายามกัดริมฝีปากให้แน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม 


หลังจากที่ผมปฏิเสธไม่ยอมทำตาม เซนเอื้อมมือมาบีบคาของผมแน่นจนเจ็บเหมือนกำลังพยายามที่จะทำให้ยอมเปิดปากออกอย่างที่ต้องการ


เซนก้มหน้าจูบผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เซนกัดที่ริมฝีปากด้านบนของผมไปด้วย จนมันเจ็บแสบระบมไปหมด ผมร้องเสียงหลงทันทีที่ทนไม่ไหวเพราะถูกขบกัดลงมาอย่างแรง


และตอนนี้มันกลายเป็นโอกาสของเซนที่จะสอดลิ้นเข้ามาอย่างง่ายดาย พยายามเกี่ยวกระหวัดลิ้นของผมเพื่อที่จะให้ผมรู้สึกวาบหวามตามแรงอารมณ์ของมัน


แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ร่วมกับคนตรงหน้าแม้แต่นิด ไม่มีเหลืออยู่เลย


ทั้งหมดทั้งมวลมันมีแต่ความกลัว...และอยากหลุดออกไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด


ร่างกายของผมเกร็งเครียดหนักขึ้นกว่าเดิม อาจเป็นเพราะหลายวันนี้ผมถูกทำร้ายจิตใจมามากจนเกินพอดีอีกทั้งยังพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกต่างๆเอาไว้จนเกือบเหมือนคนเก็บกดแบบนี้ ความเครียดทั้งหมดจึงพรั่งพรูออกมาในเวลาเดียวกัน


มือของผมกอบกำผ้าปูที่นอนจบยับยู่ ลำคอเกร็ง แหงนเชิดใบหน้าขึ้นสูง ดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้างอาบชุ่มไปด้วยน้ำตาที่ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดไหล สองขาตั้งชัน ปลายเท้าจิกพื้นที่นอน ร่างกายทั้งร่างสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด


ผมลอบมองออกไปที่บริเวณประตูห้องด้วยสายตาเศร้าหมองเหม่อลอย คาดหวังแต่เพียงว่ามันจะมีคนมาเปิดมันออกและพาผมออกไปจากคนๆนี้


ในขณะที่เซนละริมฝีปากออกมาจากปากของผมมาได้สักพักและเปลี่ยนมาซุกไซร้บริเวณซอกคอของผมแทน


จากนั้นเขาก็กระชากเอาเสื้อของผมหลุดออกจนมันขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดี เศษผ้าบางส่วนลอยเกลื่อนไปตามพื้นห้องนอน บางส่วนก็เกาะติดอยู่กับร่างกายของผม


เซนพยายามจะปลุกเร้าร่างกายของผมให้ตื่นตัวอีกครั้ง แต่ทำเท่าไหร่ผมก็ไม่รู้สึก...


ผมได้ยินเสียงคำรามอย่างไม่ถูกใจเท่าไหร่นัก เพราะเซนพยายามเล่นกับร่างกายของผมแต่ร่างกายผมมันกลับไม่ตอบสนองอะไรกลับไปเลย จนทำให้เซนหงุดหงิดแบบนี้
 


ทว่าความต้องการของผมเป็นจริง ในขณะที่ผมกำลังมองไปที่ประตูบานเดิมและเลิกที่จะขัดขืนปล่อยให้ไอ้ตัวกักขฬะมันเล่นกับร่างกายของผมไป


ตอนนี้ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างแรง ผมมองไปหาบุคคลที่เปิดประตูเข้ามาอย่างร้อนใจด้วยน้ำตานองหน้าและเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเท่าที่จะเปล่งออกไปได้


“พี่ซิน....ช่วยด้วย”


ผมเห็นสายตาของพี่ซินกำลังตกใจไม่น้อย เพราะภาพที่เขาเห็นคงเป็นภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่นัก...


พี่ซินชะงักไม่ถึงวินาทีก็รีบพุ่งตัวเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว



“ไอ้เซน!”

ผั๊วะ!!


ทันทีที่เซนถูกกระชากตัวออกไปก็ถูกหมัดกระแทกเข้ากับใบหน้าอย่างแรงจนถลาฟุ่บไปกับพื้นห้อง


พี่ซินมองมาทางผมด้วยสายตาขอโทษ...เขามองที่ช่วงตัวของผมที่เต็มไปด้วยรอยฉีกขาดของเสื้อยืดเพราะมันขาดวิ่นเนื่องจากถูกกระชาก


บริเวณช่วงอกเต็มไปด้วยร่องรอยแดงจ้ำเป็นจุดๆ บางที่ก็เป็นรอยฟันจากการขบกัดจนแดง แม้แต่ช่วงคอก็แทบไม่มีเหลือพื้นที่ว่างให้เห็นผิวเนื้อจริง


ผมพยายามตะเกียกตะกายขยับลุกไปติดหัวเตียงลากเอาผ้าห่มผืนหนามาคลุมเนื้อตัวด้วยแรงมือที่สั่นเทา มองไปยังสองคนตรงหน้า


ตอนนี้พี่ซินละสายตาออกไปจากผมและหันกลับไปมองน้องชายของตัวเองที่กำลังนั่งฟุบอยู่ที่พื้นห้อง


“มึงทำบ้าอะไร! ไอ้เซน!”


เสียงตะหวาดดังลั่นห้อง ยิ่งทำให้ผมสะดุ้งตกใจหนักกว่าเดิม น้ำตาไหลรื้นออกมาไม่ขาดสาย พลันส่ายหน้าหวือเหมือนคนไม่ได้สติ


“ผม...คือ...ผมโมโห”


“ออกไป!!”


“แต่ว่า...”


ผมสะดุ้งทันทีที่สายตาปะทะเข้ากับสายตาของเซนที่กำลังนั่งฟุบลงกับพื้น เพราะเซนกำลังมองมาทางผม แต่ครั้งนี้สายตาของเซนเปลี่ยนไป ไม่มีเคล้าความน่ากลัวเหมือนอย่างตอนแรกหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย

แววตาของเซนมันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดทั้งหมด


แต่ผมเลือกที่จะเบนสายตาหนีไปทางอื่นแทน เพื่อที่จะลบล้างความรู้สึกที่ถูกส่งผ่านมาให้พวกนั้นออกไป...



“บอกให้ออกไป!”


ทันทีที่พี่ซินพูดคำสุดท้าย เปรียบเหมือนเป็นคำพูดเด็ดขาด ผมหันหน้ากลับมาและลอบมองเซนอีกครั้ง เห็นเซนลุกขึ้นยืนและมองผมชั่วขณะหนึ่ง


 จากนั้นก็สาวเท้าเดินออกไปจากห้องทันที เหลือเอาไว้เพียงแค่ผมและพี่ซินเท่านั้น





เวลาผ่านไปนานอยู่เหมือนกันกว่าจะได้ยินคำพูดแรกออกมาจากปากของพี่ซิน เหมือนพี่เขาจะรู้ว่าผมกำลังตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ถึงไม่ได้พูดอะไรออกมาและปล่อยให้ความเงียบเป็นตัวเยียวยาความรู้สึกของผม


“กัส....”

“ผมไม่เป็นไร”


เพราะรู้ว่าพี่ซินกำลังจะถามว่าอะไร ผมจึงชิงพูดขึ้นมาก่อนอีกฝ่าย แน่นอนว่าตอนนี้ผมไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ อย่างน้อยผมก็ไม่ได้บาดเจ็บเจียนตาย มันก็แค่เจ็บที่ใจก็เท่านั้น มันเป็นบาดแผลที่มองไม่เห็น...



หลังจากที่ผมพูดออกไป พี่ซินก็ขยับตัวเดินไปหยิบเอาชุดที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าออกมาและเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับนั่งลงข้างๆ


“เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่และพักที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวพี่มา”


ทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบก็ทำท่าจะลุกขึ้นยืนและหมุนตัวออกไป แต่เพราะผมที่กำลังกลัว...กลัวว่าถ้าหากอยู่คนเดียวแล้วเซนเกิดนึกบ้าแบบนั้นขึ้นมาอีก ผมอาจจะโดนแบบเดิมอีกก็ได้


พอคิดได้แบบนั้น ก็รีบเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อของพี่ซินเอาไว้ เพื่อบอกเป็นนัยว่าไม่อยากให้พี่เขาออกไปแต่อยากให้อยู่ด้วยกันแทน


แต่เหมือนพี่ซินจะรู้ว่าผมกำลังกลัวอะไรอยู่ เขาเลยพูดขึ้นและใช้มือลูบเบาๆที่หลังมือของผมจนเริ่มรู้สึกผ่อนคลายลง


“พี่ไม่ให้เซนเข้ามาหรอก ไม่ต้องกลัวนะ”


ผมพยักหน้ารับเพราะเชื่อว่าพี่ซินคงจะไม่ยอมให้น้องชายเข้ามาในห้องนี้อย่างที่พูดเอาไว้แน่ๆ


หลังจากที่พี่ซินออกไป ผมหยิบเอาเสื้อผ้าที่ถูกเตรียมไว้ให้ขึ้นมาสวมใส่จนเสร็จ และตรวจตราร่างกายของตัวเองนิดหน่อย หลังจากนั้นไม่นานนักก็ผล็อยหลับไปเพราะความอ่อนล้า





:beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:

ขอให้สนุกกกกก
ขอโทษที่หายไปหลายวันค่ะ
มาอัพแล้วน้าาาาา

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
อยากรู้จะแย่แล้ว เซนเกี่ยวข้องกับแผนการร้ายๆพวกนั้นจริงไหม~~~~

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อีกและ ทำไมกัสไม่พูดล่ะว่าได้ยินแล้ว รู้แล้ว
ที่เซน ที คุยกัน กั๊กอีก  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

แต่ที คงสมใจแล้ว
ให้กัส รู้ความสัมพันธ์ของตัวเองกับเซน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
คืออะไร คกลงมีนเป็นแผนอะไรยังไง.  อยากรู้,,,

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เป็นไปได้ไหมที่ ทีจะเป็นคนช่วยเซนไว้ตอนเด็กๆ ทำให้สนิทกันมาตลอด จนเซนมาเจอกัส เลยขอให้ทีช่วย ผสมกับที่รักเซนเลยร่วมมือด้วย อันนี้คนแก่เดาเอาล้วน ๆ  :katai3:

ออฟไลน์ Jintajam

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 ตอนนี้พี่ซินหล่อมากๆเลย  :-[ :-[

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kachettt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
    • Twitter
ตอนพิเศษ
ทีระวิท



ในห้องเรียนสี่เหลี่ยมสีขาวสะอาดตา เด็กชายวัย 12 ปี มีชื่อว่า ทีระวิท หรือเรียกง่ายๆสั่นๆว่า ที กำลังนอนฟุ่บใบหน้าลงไปกับโต๊ะไม้ที่เปรอะคราบปากกาลบคำผิดมากมาย ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนในห้องที่กำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็หยอกล้อกัน บ้างก็นั่งจับกลุ่มเล่นตบแปะ เหลือทิ้งไว้เพียงเด็กชายคนนี้ที่นอนรอเวลาเลิกเรียนอยู่เพียงคนเดียว



กริ๊งงงงงงงงงง


เสียงเตือนหมดคาบเรียนสุดท้ายดังขึ้น เด็กๆที่เล่นกันอย่างสนุกสนานในตอนแรก หยุดชะงักกิจกรรมลงทันทีและต่างลุกขึ้นยืนแยกย้ายกันไปคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายกันจ้าละหวั่น  ไม่ต่างอะไรกับผึ้งแตกรัง


ส่วนเด็กหนุ่มที่นอนฟุ่บหน้าลงกับโต๊ะที่ไม่สนใจจะเล่นกับใครแม้สักคนเดียว ค่อยๆเงยหน้าขึ้น พร้อมกับยกแขนข้างที่มีนาฬิกาสีดำรุ่นใหม่ยี่ห้อดังเพื่อดูเวลา เด็กหนุ่มถอนหายใจเล็กน้อย เอื้อมมือคว้าเอากระเป๋าขึ้นมาสะพายและเดินออกจากห้องพร้อมกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน


ในขณะที่สองเท้าเล็กก้าวเดินไปด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย ทว่ามือถือในกระเป๋ากางเกงสีดำกำลังสั่น เด็กน้อยชะงักเท้าหยุดเดินและเอื้อมมือหยิบมันขึ้นมารับสาย


“ครับพ่อ”

“ที...วันนี้ไปรับช้าหน่อยนะ รอที่ห้องสมุดไปก่อนนะลูก”

“ครับ”


อีกแล้วหรอ...ไหนว่าวันเกิดปีนี้จะพาไปกินเค้กไง


เด็กหนุ่มถอนหายใจยาวเหยียดและหันหน้าเดินกลับเข้าไปในโรงเรียนอีกครั้ง มุ่งหน้าเดินไปยังห้องสมุดที่ยังคงเปิดให้บริการอยู่ โดยห้องสมุดจะปิดในช่วงเวลาประมาณหนึ่งทุ่มตามเวลาที่เด็กนักเรียนเลิกเรียนพิเศษพอดี


ในห้องสมุดเต็มไปด้วยหนังสือเกี่ยวกับการเรียนมากมาย เพราะโรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนประจำจังหวัด ซึ่งดูจะเน้นเรื่องเรียนเป็นพิเศษ ตัวเขาเองก็เช่นกัน แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไงเกรดเฉลี่ยที่มักจะตั้งเป้าเอาไว้ก็ไม่เคยได้มันมาสักที แม้จะเรียนพิเศษมาตั้งแต่ป.1 จนพ่อตัดสินใจให้เลิกเรียนเมื่อตอนป.5 ที่ผ่านมา


อยากทำให้พ่อรู้สึกภูมิใจว่ามีลูกชายที่เรียนเก่งบ้างจัง..เด็กน้อยพึมพัมกับตัวเองในใจ





18:30 น.


จู่ๆเสียงมือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่นขึ้นมาอีกครั้ง พ่อคงมารับแล้วสินะ เด็กน้อยยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกในรอบวันสำหรับวันนี้ แต่ทว่าเมื่อกดรับสายกลับต้องหุบยิ้มลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย


“หนูทีจ๊ะ...คุณพ่อติดประชุม เดี๋ยวน้าไปรับหนูทีเองนะจ๊ะ”

“....ไม่ต้อง! จะกลับเอง!”


เด็กน้อยกดวางสายมือถือลงทันทีและยัดเก็บใส่กระเป๋ากางดังเดิม มือหนึ่งเอื้อมหยิบเอากระเป๋าที่วางเอาไว้ข้างลำตัวขึ้นมาสะพาย และสาวเท้าก้าวเดินออกจากห้องสมุดมุ่งหน้าออกจากโรงเรียน


ก่อนที่ใครคนหนึ่งที่ตนเองไม่อยากเห็นหน้าจะมารับเสียก่อน


สองเท้าเล็กเดินออกมาจากโรงเรียน สองมือกำสายกระเป๋าแน่น ขอบตาแดงก่ำเนื่องจากเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหยกๆ จะไม่ให้เขาร้องได้อย่างไร ในเมื่อพ่อให้น้าผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมียน้อยของพ่อออกมารับเองแบบนี้


แม่ที่เพิ่งเสียไปได้ไม่ถึงปีด้วยซ้ำ พ่อกลับมีคนใหม่มาควงได้อย่างไม่อายสายตาคนและคนที่พ่อเอามาควงกลับเป็นน้องสาวแท้ๆที่เป็นแฝดกับแม่ของเขาอีก ไม่มีใครรู้ว่าแม่ของเขาตายไปแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเมียใหม่ของพ่อเป็นน้องสาวแท้ๆของแม่ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากผม


ใครหลายๆคนมักอิจฉาผมที่เกิดมาเพียบพร้อม ทั้งฐานะร่ำรวย ไม่ว่าจะอยากได้อะไรก็มักจะได้ตามใจคิดและปารถนา แม้แต่คุณครูที่สอนยังไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากดุหรือว่ากล่าว


เพราะแบบนี้เลยทำให้คนอย่างผมไม่มีเพื่อนเลยสักคน แต่ถึงจะมีก็คบหากันได้ไม่นานนักหรอก เป็นผมเองที่ทำให้เพื่อนไม่อยากเข้ามาพูดคุยด้วย


ทีระวิทเดินออกมาไกลพอสมควร แถวนี้มักจะคุ้นตาเป็นอย่างดีเพราะมันเป็นตลาดที่พ่อของทีระวิทเป็นเจ้าของ ตลาดแห่งนี้ถ้าหากเป็นตอนกลางวันจะมีร้านค้ามาตั้งขายของสดต่างๆเต็มสองข้างถนน จนต้องสร้างกฎไม่ให้มีรถยนต์ขับผ่าน เนื่องจากคนสัญจรไปมาหนาแน่นจนเกินพอดี


แต่ทว่า...จู่ๆผมก็ได้ยินเสียงร้องไห้อยู่แถวบริเวณข้างหน้า เสียงใครกัน เสียงผีหรอ?


เด็กน้อยหยุดเท้าลงทันที ไม่กล้าเดินต่อ เวลาผ่านไปไม่นานเสียงร้องไห้ก็เงียบลง จากนั้นมีเด็กสามคนที่รุ่นราวคราวเดียวกับผมวิ่งหอบกระเป๋าหัวเราะชอบใจออกมาจากซอยมืดนั้น


สงสัยหูคงจะฝาดไปเอง ทีระวิทคิดแบบนั้นและจึงก้าวเท้าเดินต่อไป โดยเลิกที่จะสนใจเรื่องเสียงร้องไห้นั่น


ฮือ....ฮือ


อีกแล้ว เสียงร้องไห้อีกแล้ว แต่เสียงร้องไห้ที่ว่า มันดังออกมาจากซอยมืดที่เด็กสามคนนั้นวิ่งออกมานี่นา พอคิดได้แบบนั้นนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปในซอยแคบทันทีอย่างไม่รอช้า
 


“พี่กัสหรอ...”



นั่นคือคำพูดคำแรกที่ผมได้ยินจากปากของเด็กชายตัวเกือบเปลือยเปล่า เหลือไว้เพียงกางเกงชั้นในสีขาว เสื้อผ้าที่ควรจะอยู่บนตัวกลับตกหล่นอยู่ข้างๆกระจัดกระจาย สองมือของเด็กคนนั้นกอดกระเป๋าไว้ที่หน้าอกแน่นไม่ยอมปล่อย


ผมจำเด็กคนนี้ได้ เด็กแว่นคนนี้...เป็นลูกของคุณลุงเฉลิม!!


“เซน? นั่นใช่เซนหรือเปล่า?”

“ใคร... ไม่ใช่พี่กัสหรอ”

“ไม่ใช่ มาเดี๋ยวพี่ช่วยนะ”


ทันทีที่พูดกลับไปทีระวิทรีบพุ่งตัวเข้าไปหาร่างกึ่งเปลือยตรงหน้าทันที พร้อมกับหยิบเศษเสื้อผ้าข้างตัวเด็กชายผิวคล้ำ ยื่นเข้าไปให้เพื่อจะได้ใส่เอาไว้ก่อนที่จะมีคนมาให้ความช่วยเหลือ

 
ไม่ทันที่เด็กน้อยใส่ชุดเสร็จดีด้วยซ้ำ มีรถตำรวจสองคันวิ่งมาจอดอยู่แถวหน้าปากซอยแคบอย่างรวดเร็ว แสงไฟสาดสว่างวาบไปทั่วบริเวณ พร้อมกับตำรวจที่เปิดประตูรถลงมา


“ปลอดภัยแล้วนะ ตำรวจมาแล้ว”

“ขอบคุณมากครับ...พี่ที”


เด็กคนนี้รู้จักชื่อของเขาด้วยหรอ...

ไม่เคยเลย ไม่เคยรู้สึกใจพองโตเท่านี้มาก่อนเลย ทำไมกันนะ รอยยิ้มที่มักเกิดขึ้นยากบนใบหน้าของเด็กอย่างทีระวิทตอนนี้มันกลับเกิดขึ้นมาอย่างง่ายดายเพียงแค่เด็กแว่นคนนี้พูดชื่อของเขาเท่านั้น

ไม่เคยรู้สึกมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย ทีระวิทได้แต่รู้สึกอิ่มเอมในใจ...



หลังจากเรื่องในวันนั้น ผ่านไปแล้วเกือบสองอาทิตย์


ภายในบ้านหลังใหญ่...

“ลูกรู้ไหม ตั้งแต่วันที่ลูกช่วยหนูเซนที่ตรอกวันนั้น คุณเฉลิมเขาชมลูกไม่ขาดปากเลยนะ”

“จริงหรอครับพ่อ...แต่ว่าช่วงนี้ทีไม่เห็นน้องเซนเลย น้องเซนไม่ได้เรียนที่โรงเรียนเดิมแล้วหรอครับ”

“ทียังไม่รู้อีกหรอลูก เจ้าเซนน่ะย้ายโรงเรียนมาได้อาทิตย์นึงแล้ว ไปเรียนกับพี่ชายที่กรุงเทพเลยนะ”



ทีชะงักนิ่งและไม่มีเสียงพูดเปล่งออกมาอีก...

เป็นเรื่องราวของเด็กชายชื่อเซนที่ทำให้รู้สึกน่าน้อยใจแปลกๆ อย่างน้อยๆก็น่าจะมาบอกกันบ้างไม่ใช่หรอ ว่าจะไปเรียนที่อื่นแบบนี้ แล้วจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ล่ะ แต่เอาเถอะเซนเป็นลูกคุณลุงเฉลิม ยังไงก็ต้องได้เจอกันอีกบ่อยๆแน่




1 ปีผ่านไป...


วันเปิดเทอมสำหรับการเรียนมัธยมในโรงเรียนประจำจังหวัดแห่งเดิม วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนจะน่าเบื่อ แต่ทว่าสายตาดันเหลือบไปเห็นเด็กผู้ชายหน้าใหม่ตัวขาวแถมยังรุ่นราวคราวเดียวกันอีก ว่าแต่คนๆนั้นกำลังทำอะไรอยู่กันนะ


เด็กชายผิวขาวที่เขากล่าวถึงกำลังเดินด้อมๆมองๆบริเวณใต้ต้นมะม่วง เหมือนกำลังหาอะไรสักอย่าง


ซึ่งตอนนี้ ไม่รู้ว่าตนเองเดินเข้ามาอยู่ใต้ต้นมะม่วงต้นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหมือนกัน เผลอเดินมาดูเจ้าคนขาวคนนี้อย่างนั้นหรอ ทีได้แค่คิดในใจ แต่สองเท้ากลับหยุดเดินและยืนจ้องมองคนตรงหน้าที่กำลังงุ่นง่านอยู่กับการหาของ


จู่ๆอีกฝ่ายมันก็ตะโกนดังลั่นและแถมยังขยับตัวยืนขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนเขานั้นยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยสักนิด


“อ๊ะ! เจอแล้ว! เจ้าหนอนน้อย”

“เหวอออออ!”


ทันทีที่เจ้าคนขาวนั่นเจอสิ่งที่ตนเองกำลังหาอยู่นาน กลับลุกขึ้นพรวดพลาดและหันหน้าเดินมาที่ทียืนมองอยู่พอดี จนเป็นเหตุให้ทีล้มหงายหลังก้นจูบพื้นอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้


“ไม่ได้ตั้งใจ”

ดูท่าทางแล้วน่าจะอายุเท่ากันเลยแฮะ สีหน้าที่ตอบออกมาแบบนั้นไม่ได้ดูรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย ให้ตายเถอะ

“ไม่เป็นไร แล้วในมือของนายถืออะไรอยู่หรอ”


ด้วยความที่อยากรู้อยากเห็นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงชะโงกหน้าไปมองสิ่งที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย แต่ฝ่ายนั้นดูเหมือนจะไม่อยากให้ยุ่งกับของของตัวเองเท่าไหร่นัก เพราะในขณะที่เขาชะโงกหน้าไปมอง อีกฝ่ายก็ขยับมือหนีทันที แต่ก็ไม่วายที่จะตอบกลับมา ยังดีที่มันตอบ...


“หนอนที่เลี้ยงไว้น่ะ มันดันหลุดออกจากกล่องตอนเปิดมาดูอะดิ”

“ประหลาด”

“ใช่ เราประหลาด”


เป็นเรื่องที่น่าแปลก ถ้าหากเป็นในยามปกติละก็ คนที่ได้ยินคำพูดจำพวกนี้จากเขาจะต้องโกรธคนอย่างเขาไปแล้ว อย่างน้อยก็อาจจะโดนมองแบบโกรธๆ หรือไม่บางทีก็เดินหนีไม่ก็ด่าว่าไม่มีมารยาทเหมือนทุกครั้ง


แต่เจ้าคนขาวคนนี้กลับตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่ไม่คิดอะไรและออกจะนิ่งเฉยด้วยซ้ำ แปลกคน..


“นายมีไรพูดอีกเปล่า งั้นไปแล้วนะ” 

ดูท่าทางของหมอนั่นมันคงจะไม่อยากเสวนากับเขาสักเท่าไหร่ แต่เพราะอะไรไม่รู้ที่ทำให้เขาเลือกที่จะทักและถามชื่อออกไปเสียอย่างนั้น นี่ก็นับเป็นเรื่องน่าแปลกใจสำหรับตัวเขาเองเช่นกัน


“เดี๋ยวก่อน ชื่ออะไร”

“...กัส”


ในตอนแรกอีกฝ่ายทำท่าทางอึกอักเหมือนจะไม่กล้าตอบ แต่สุดท้ายก็ตอบกลับมาจนได้ พอสิ้นสุดคำพูด คนที่ชื่อกัสก็เดินออกไปพร้อมกับกอดกล่องหนอนที่อ้างว่าเลี้ยงไว้ออกไปด้วย


แต่ว่าชื่อนี้...คุ้นๆเหมือนได้ยินที่ไหนมาก่อนเลย



“พี่กัสหรอ...”



คงไม่ใช่คนที่เซนเรียกในคืนนั้นหรอกมั้ง คนชื่อกัสมีตั้งมากมายหลายคนบนโลกใบนี้


คาบเรียนที่หนึ่งสำหรับการเรียนในวันแรก ปกติวันแบบนี้ควรจะน่าเบื่อ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ทีระวิทไม่เบื่ออีกต่อไป เมื่อเจ้าคนผิวขาวชื่อกัสคนนั้น จู่ๆก็มาขอร้องให้คนอย่างเขาเป็นเพื่อนด้วย 


เป็นคนที่แปลกอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ ในตอนแรกไม่ได้พูดอะไรออกไปหลังจากที่โดนร้องขอมาหรอกนะ แต่หลังจากที่ไม่ได้ตอบกลับไปนั่นล่ะ เจ้าตัวมันก็ทำหน้าบูดเสียอย่างนั้น


ไม่เข้าใจจริงๆ เด็กนักเรียนที่เรียนกันอยู่ในห้องนี้มีกันอยู่ตั้งหลายคน แต่เจ้านี่กลับเลือกที่จะเข้าหาคนอย่างเขา เอาเถอะไหนๆก็ไหนๆแล้ว จะยอมเป็นเพื่อนให้ก็แล้วกัน


“จริงหรอ? พูดแล้วห้ามคืนคำนะ สัญญาก่อน!”


ไม่เข้าใจว่าจะทำท่าทางดีใจแบบนั้นไปเพื่ออะไร ทำอย่างกับคนไม่เคยมีเพื่อนอย่างนั้นแหล่ะ พอคิดถึงจุดนี้ ตัวเขาเองก็ไม่เคยมีเพื่อนเหมือนกันนี่นา จะบอกว่าหมอนี่เป็นเพื่อนคนแรกก็คงไม่แปลกอะไรสินะ


“ไม่คืนคำ”


ยอมรับตรงๆเลยว่าภายในใจก็แอบรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย การมีเพื่อนครั้งแรกมันก็ออกจะรู้สึกแปลกๆเหมือนกัน ต้องเริ่มยังไง คุยยังไง เดินไปกินข้าวด้วยกันไหม อะไรแบบที่คนอื่นทำกันมันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก


หลังจากการเรียนในวันแรกที่คิดว่าจะเบื่อ กลับกลายเป็นวันที่ทีสนุกสนานมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะการที่ได้เพื่อนคุย ได้เพื่อนไปกินข้าว หรือแม้กระทั่งเพื่อนที่ไปเข้าห้องน้ำด้วยกัน มันทำให้ทีระวิทรู้สึกไม่เหงาเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา


ณ ตอนนี้ทั้งทีระวิทและกัสก็ยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่มาตลอด อาจจะมีทะเลาะกันอยู่บ้างช่วงแรกๆ แต่แปลกที่การทะเลาะกันแต่ละอย่างไม่เคยทำให้ทั้งเขาและเพื่อนอย่างกัสลดความสนิทสนมลงได้


จวบจนมาถึงตอนช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัย...


ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทีเครียดที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะทีระวิทยังสอบไม่ติดมหาลัยที่ตัวเองคาดหวังเอาไว้ ผิดกับกัสที่สอบติดไปตั้งแต่รอบรับตรงแล้ว ก็หมอนั่นมันเรียนเก่งและแถมยังหัวดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร


หลายครั้งที่ทีระวิทมักจะขอการบ้านลอกอยู่เสมอ เพราะยามที่เอากลับไปทำที่บ้านไม่เคยทำได้เลยสักครั้ง บางครั้งกัสก็ทำให้หงุดหงิดเพราะมันไม่ค่อยให้ลอก เอาแต่อ้างว่าหัดทำเองบ้างจะได้เรียนเก่งๆ


บางทีการพูดจาเถรตรงของกัสในบางครั้งก็ทำให้ทีระวิทรู้สึกโกรธเคืองไม่น้อย


แต่เพราะเป็นทีระวิท...คนที่มักจะเก็บความรู้สึกได้เป็นอย่างดี ค่อยๆเก็บเอาความรู้สึกเจ็บปวดที่เต็มไปด้วยความอิจฉาปะปนอยู๋ในใจกองสุมรวมเอาไว้ทีละเล็กทีละน้อย จนตอนนี้มันเริ่มเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ


สักวันมันจะต้องระเบิดออกมาแน่....




ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ยอมรับว่าตนกำลังอิจฉาที่กัสสอบติดคณะที่ตัวเขาเองก็อยากเข้าเหมือนกัน แต่เพราะความสามารถที่มีมันไม่มากพอ ถึงแม้จะไปสอบพร้อมกันกับกัส รายชื่อที่ถูกประกาศผลกลับไม่มีชื่อของเขาอยู่ในนั้น


มันน่าโมโห...ยิ่งกัสโทรมาถามว่าสอบติดเหมือนตนเองหรือเปล่า ก็ยิ่งทวีความรู้สึกไม่ดีมากขึ้นไปอีก ได้แต่ปิดซ่อนความรู้สึกพวกนั้นเอาไว้ในอกและตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงติดตลก ว่าเขายังสอบไม่ติด


เพราะความที่หัวไม่ดีเป็นทุนเดิมทำให้ต้องบากหน้าไปพบกับพ่อที่ไม่ค่อยอยากจะขอร้องให้ช่วยเหลือเสียเท่าไหร่ เพราะในยามที่ตนไปพบกับพ่อก็มักจะเจอกับน้าสาวผู้ซึ่งเป็นน้องสาวของแม่แท้ๆคอยนั่งประกบอยู่ผู้เป็นพ่อของทีระวิทอยู่เสมอ


“ว่าไงที มีอะไรหรือเปล่า”

“ผมขอคุยกับพ่อแค่คนเดียวได้ไหมครับ”

แน่นอนว่าน้าสาวไม่ได้ติดใจอะไรนอกจากยิ้มและเดินออกไปจากห้องหลังจากที่เขาเอ่ยคำร้องขอนั้น โดยที่พ่อได้แต่ส่ายหัวระอากับนิสัยของเขา ทำไมต้องใส่ใจด้วยล่ะ ไม่สนหรอก....ใครจะคิดยังไง


“ไหนว่ามาสิ”

“ผมอยากจะขอ...”

“ขออะไรล่ะ”

“อยากขอเข้ามหาลัยนี้ และก็คณะนี้ พ่อช่วยได้ไหม”


แน่นอนว่าพ่อทำหน้านิ่งไปครู่ใหญ่ คงจะอึ้งไม่น้อยที่โดนร้องขอในเรื่องแบบนี้ ช่วยไม่ได้ในเมื่อพยายามแล้วแต่มันเข้าไม่ได้นี่นะ อย่างน้อยก็จะได้ไม่อายคนอย่างกัส หมอนั่นจะได้เลิกถามเขาเสียที ว่าติดหรือยัง มันน่ารำคาญ


“พ่อช่วยได้ แต่ต้องมีข้อแม้หนึ่งข้อ”

“อะไรล่ะครับ ผมทำได้หมดนั่นแหล่ะ”

“เลิกเรียกคุณน้าว่าน้า แต่เรียกว่าช่วยเรียกว่าแม่จะได้ไหม”


เป็นคำพูดที่บาดลึกเข้าไปในจิตใจ มันเจ็บปวดข้างในส่วนลึกไปหมด นี่พ่อต้องการอะไรกันแน่ ผู้หญิงคนนี้มันมีดีอะไรทำไมถึงต้องแคร์นักแคร์หนาขนาดนั้น รักมันมากขนาดนี้เลยหรอ แล้วแม่ของเขาล่ะ


ถึงแม้ว่าจะคิดอะไรในหัวต่างๆนาๆ แต่ทีระวิทเลือกที่จะตอบตกลง เพราะสิ่งที่ตนเองต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือมหาลัยแห่งนั้น และจะต้องเป็นคณะนั้นด้วย จึงจำให้ต้องยอมเรียกคนที่ไม่เคยคิดจะเรียกแบบนั้น




หลังจากที่มีรายชื่อในคณะที่ตนเองต้องการ แน่นอนว่าเขาจะต้องโทรไปอวดให้กัสมันรู้สักหน่อย ถึงแม้ว่าเขาจะได้เข้ามาในวิธีที่แสนจะสกปรก แต่มันก็เป็นหน้าเป็นตาให้กับตัวเองได้ไม่น้อยเลยทีเดียว


“ว่าไงไอ้ที มึงได้มหาลัยยัง”


คำถามเดิมๆที่มักจะบาดลึกในจิตใจเขาเสมอ แต่ตอนนี้เขากลับยิ้มร่าเพราะความสุขที่มีมากมายต่างหาก คำถามพวกนั้นไม่สามารถบาดลึกเข้ามาภายในจิตใจของคนอย่างทีระวิทได้อีกแล้ว


“ติดแล้ว”

“เห้ยจริงดิ ที่ไหนคณะอะไร บอกมาเลยนะ!”

“ที่เดียวกับมึงแหล่ะ คณะเดียวกับมึงด้วย”

“เอาจริงดิ ดีใจด้วยนะไอ้ที กูเห็นมึงอยากเข้ามานานแล้ว สอบก็ตั้งหลายครั้ง คราวนี้เป็นคราวของมึงแล้วจริงๆ”

ย้ำกันอยู่ได้ ไอ้เรื่องสอบหลายครั้งนั่น ทำไมล่ะ หรือว่ากำลังจะอวดว่าตัวเองสอบติดภายในครั้งเดียวอย่างนั้นหรอ 

“อือ โทรมาบอกว่าติดแล้ว ไว้เจอกันที่มหาลัยนะ”

“ได้เลย เจอกันนะมึง”




1 ปีผ่านไป
ณ ตึกเรียนของคณะหนึ่ง เด็กนักศึกษามากมายที่เพิ่งทำการสอบเสร็จต่างจับกลุ่มเดินออกมาจากตึกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุข เนื่องจากในวันนี้เป็นวันสอบไฟนอลวันสุดท้ายของมหาวิทยาลัยแห่งนี้


“แม่งทำไม่ค่อยได้เลยว่ะ มึงทำได้ป่าวไอ้กัส”

เสียงพูดของทีระวิทที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดใจ เพราะอุตส่าห์อ่านหนังสือมามากมายแต่กลับไม่มีออกสอบเลยสักตัวเดียว เพราะแบบนั้นถึงได้แสดงอาการไม่พอใจออกมาขนาดนี้


“ไม่ยากนะ เหมือนในชีทอาจารย์อะ”

“ชีทไหนวะ ทำไมกูไม่มี”

“อ้าวมึงไม่มีทำไมไม่บอกกูอะ เขาอ่านชีทนี้กันทั้งนั้น กูก็นึกว่ามึงมีแล้ว”

“จริงดิ”


อีกแล้ว มักจะเป็นตัวเขาอีกแล้วที่มักจะตามคนๆนี้ไม่ทันอยู่เสมอ เมื่อตอนช่วงกลางเทอม กัสมันก็สอบได้คะแนนติดท้อปอันดับต้นๆของคลาส จนอาจารย์เรียกเข้าไปพบและยื่นข้อเสนอให้ทุนวิจัยกับมัน แต่มันกลับปฎิเสธเรื่องดีๆแบบนั้นเสียดื้อๆ


อาจารย์คนอื่นๆก็ดูจะชอบมันไม่น้อย ผิดกับเขาที่อาจารย์มักจะลืมว่ามีตัวตนอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าจะนั่งชิดติดกับกัสสักเท่าไหร่ อาจารย์ก็ไม่เคยเอ่ยชื่อเลยหรือเรียกขานสักครั้ง


ความรู้สึกแปลกๆแบบนี้มันสุมอยู่ในอกจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่รอมร่อ เริ่มชักจะทนไม่ไหวเข้าไปทุกที



ช่วงปิดเทอมใหญ่ ทีระวิทกลับมาพักผ่อนที่บ้านของตนเอง นักศึกษาคนอื่นๆก็เช่นกัน แต่การกลับมาพักผ่อนที่บ้านในช่วงปิดเทอมนี้มันช่างเป็นอะไรที่ทีระวิทรู้สึกอิ่มเอมใจไม่น้อย


เมื่อคุณลุงเฉลิมพาลูกชายมาที่บ้านถึงสองคน คนหนึ่งเป็นพี่มีชื่อว่าซิน หล่อเหลาเอาการอยู่เหมือนกันเขาเคยเห็นอยู่บ้างในบางครั้ง แต่คนๆนั้นไม่ใช่คนที่เขากำลังสนใจเลยแม้แต่น้อย


เพราะคนที่เขากำลังมองอย่างไม่ละสายตาคือชายรูปร่างสูงสีผิวคล้ำแทนสวมแว่นซึ่งเป็นผู้น้อง เขาจำชื่อคนๆนี้ได้เป็นอย่างดีไม่มีวันที่จะลืมไปได้.....เซน......


มันเป็นโอกาสดีที่จะทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับเซนมากยิ่งขึ้น เมื่อเซนขอตัวไปเดินเล่นในสวนหลังบ้าน แน่นอนว่าเขาอาสาพาไปเดินชมด้วยตัวเอง จนพ่อเอ่ยปากชมว่าดูเป็นมิตรผิดปกติ เพราะในยามปกติเขามักไม่สนใจอะไรเลยด้วยซ้ำ แม้แต่ต้นไม้ในสวนก็ไม่เคยได้เข้าไปแตะต้องหรือพยายามจะทำความรู้จักกับมัน

 
“พี่ที ต้นนี้คือต้นอะไรหรอครับ”


เสียงเข้มทุ้มต่ำแต่ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลอย่างบอกไม่ถูกของคนตรงหน้าที่กำลังหันหลังให้กับเขาอยู่นั้น เอ่ยทักขึ้นมา จนทำให้เกิดอาการลนลานที่จะตอบ


“พี่ที ได้ยินไหมครับ”

...ยื่นหน้าเข้ามาแบบนี้หมายความว่ายังไง มันออกใกล้จนเกินพอดีไปเสียหน่อย


“ได้ยิน พอดีกำลังนึกอยู่น่ะ”

“ถ้านึกไม่ออกก็ไม่เป็นไร ผมไม่ได้สนใจมันแล้วละ”


ตอนเด็กกับตอนโตช่างแตกต่างอะไรขนาดนี้ ตอนเด็กดูจะเป็นเด็กที่มักจะโดนแกล้งอยู่เสมอจนถึงขนาดต้องย้ายโรงเรียนถึงสองโรงเรียนด้วยกัน


แต่พอโตเป็นหนุ่มกลับกลายเป็นคนนิ่งขรึมเสียอย่างนั้น ออกจะดูน่าค้นหาเสียด้วย แตกต่างจากเดิมไปมากเหลือเกิน


“จริงด้วยสิ เซนจะขึ้นปีหนึ่งแล้วนี่นา เลือกเอาไว้หรือยังว่าจะเข้าที่ไหน”

“ว่าจะเข้าที่กรุงเทพ”

แปลกคน...ไหนว่าคุณลุงเฉลิมบอกว่าเซนสอบติดที่มหาลัยที่เขาเรียนไง แล้วทำไมจึงเลือกไปเรียนกรุงเทพกัน

“เห็นว่าสอบติดที่มหาลัยเดียวกับพี่ คิดว่าจะเข้าที่นี่เสียอีก”

“พอดีว่าไม่ค่อยชอบสถานที่ตั้งของมหาลัยน่ะครับ มันออกจะร้อนเกินไปหน่อย”


น่าเสียดาย...เพราะในตอนแรกที่รู้จากปากของคุณลุงเฉลิมเห็นท่านพูดเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าลูกชายจะเข้าเรียนที่นี่อย่างแน่นอน แต่พอได้ถามเอากับเจ้าตัวกลับเปลี่ยนเองเสียดื้อๆ


ทว่าจู่ๆมือถือในกระเป๋ากางเกงยืนสีเข้มของทีระวิทก็ดังขึ้น ทำให้ทีต้องรีบคว้ามันขึ้นมาและกดรับสายทันทีโดยไม่ได้มองหน้าจอแต่อย่างใด


“ฮัลโหล”

“ใคร...กัสหรอ”


ในตอนที่ทีระวิทคุยกับคนในสายก็ดันเหลือบสายตาไปมองกับเซนที่หันมามองอยู่ก่อนแล้ว มองแบบนี้ออกจะแปลกๆนิดหน่อย เพราะตัวเขาเองแทบจะทำอะไรไม่ถูกเลยนี่สิ


“ใช่ แล้วเป็นไงบ้าง” อีกฝ่ายถาม

“สบายดี บ้านก็อยู่ในตลาด แต่แกทำตัวเหมือนคนเหงาไปได้”


ในขณะที่พูดคุยกับเพื่อนที่อยู่ในสาย เซนก็ยังคงจ้องมองเขาอยู่อย่างไม่ละสายตา จนทำให้ต้องเบนสายตาหนีไปทางต้นไม้แทน ถึงแม้ว่าจะเบนสายตาหนีก็แล้วแต่เซนก็ยังไม่เลิกมองเลยด้วยซ้ำ ให้ตายสิ..


“ช่วยแม่ขายของหนักมาก ไม่มีเวลาเลย โทรมาหาจะถามว่ามึงอยากกินขนมปะเดี๋ยวเอาไปให้”

“บ้านกูไม่กินขนมว่ะ โทษทีนะไอ้กัส”


คำโกหกคำโตถูกพูดออกไป ถึงแม้ว่าเซนจะมองอยู่ก็ตาม ช่วยไม่ได้เพราะเขาไม่อยากให้กัสเข้ามายุ่งวุ่นวายกับบ้านของเขาเลยน่ะสิ ไม่อยากให้เข้ามาเห็นเรื่องราวน่าสะอิดสะเอียนของพ่อและผู้เป็นแม่ปลอมๆนั่น


และยิ่งเป็นกัสด้วยแล้ว ก็ยิ่งไม่อยากให้เข้ามายุ่งวุ่นวายไปกันใหญ่


“อ้าวหรอ ไม่เป็นไร โทรมาถามแค่นี้แหล่ะ บายนะ” ทีกดตัดสายทันทีโดยไม่มีคำกล่าวเอ่ยลาแม้แต่นิด


ทว่าเซนกลับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดจะเย็นชาเอาเสียมากๆ ใบหน้าเต็มเกลื่อนไปด้วยความรู้สึกสงสัยใคร่รู้ และเต็มไปด้วยความไม่เชื่อเสียเต็มประดา


“ผมเพิ่งรู้ว่าคนบ้านนี้ไม่กินขนม พ่อผมหอบขนมมาให้เต็มเลยนะเมื่อเช้า”

“เอ่อ...ก็พ่อเซนเอาขนมมาให้แล้วไง มันเยอะอยู่แล้วน่ะ”

“อย่างนั้นเองหรอ”


ถึงแม้ว่าทีจะพูดออกไปเพื่อแก้ต่าง แต่ใบหน้าของเซนก็ยังคงเต็มไปด้วยความไม่เชื่ออยู่อย่างนั้น รู้สึกไม่ดีนิดหน่อยแฮะ เปลี่ยนเรื่องคุยท่าจะดีกว่า แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว กลับต้องชะงักเพราะโดนแทรกคำถามขึ้นมาก่อน


“เพื่อนที่พี่คุยด้วยเมื่อกี้ เขาเรียนที่เดียวกับพี่หรอ”

“อ่อ...ไอ้กัสน่ะหรอ ใช่มันเรียนคณะเดียวกับพี่นี่แหล่ะ มีอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่จะถามเฉยๆ”


แปลกคน จู่ๆก็โพล่งถามขึ้นมาซะอย่างนั้น พอตอบก็หันหลังเดินดูต้นไม้ต่อทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แน่นอนว่าเขาเองเดินตามไปเหมือนเดิม


ทีระวิทลอบมองใบหน้าของเซนเป็นระยะ สีหน้าดูผ่อนคลายขึ้นกว่าเดินเยอะเลย เพราะอะไรกันนะ บางทีก็อยากคิดเข้าข้างตัวเองบ้างเหมือนกันว่าเมื่อตอนที่คุยโทรศัพท์กับเพื่อนตอนนั้น เซนดูจะสนอกสนใจเขามากเป็นพิเศษ พอคิดได้แบบนี้กลับรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาชอบกล


“พี่ทีเป็นอะไร ร้อนหรอ เข้าบ้านก่อนดีไหม”

“ไม่เป็นอะไร อยากดูตรงไหนอีกหรือเปล่า เดี๋ยวพี่พา...”

“ไม่แล้วอะ อากาศมันร้อน เข้าบ้านกันเถอะพี่ ดูท่าพี่น่าจะร้อนเหมือนกันนะ หน้านี่แดงเชียว”


ทีระวิทถึงกับชะงักนิ่งรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบของตัวเองนั้นหยุดหมุนเอาเสียดื้อๆ เพราะเซนมองหน้าของเขาและยิ้มน่ะสิ ไม่เคยเห็นเซนยิ้มใกล้ๆแบบนี้มาก่อนเลย


ตั้งแต่วันนั้น...วันที่เซนมาที่บ้านของทีระวิท ทุกอย่างรอบๆตัวของเขาเริ่มเปลี่ยนไป ทีระวิทมักจะชอบเป็นคนอาสาไปรดน้ำต้นไม้ด้วยตัวเองอยู่เสมอ ทั้งดูแลรักษาพวกมันด้วยมือของตัวเอง รวมทั้งศึกษาเกี่ยวกับพันธุ์ไม้ต่างๆ


ภายในใจก็วาดหวังว่าเซนอาจจะมาที่บ้านของเขาอีกครั้ง เพราะนั่นคงเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้บอกเล่าว่าต้นไม้แต่ละต้นนั้นชื่อว่าอะไรโดยไม่ขัดข้องเหมือนอย่างที่แล้วมา


แต่รอแล้วรอเล่า จวบจนเปิดเทอม เซนก็ไม่ได้แวะเวียนมาที่บ้านของทีระวิทอีกเลย จะมีก็เพียงแต่ลุงเฉลิมและลูกชายคนโตเท่านั้น ครั้นจะเอ่ยปากถามถึงเซนมันก็ออกจะดูผิดสังเกตไปหน่อย เลยปล่อยเลยตามเลยมาหลายต่อหลายครั้ง



กระทั่งวันนี้...วันที่ทำให้คนอย่างทีระวิทแปลกใจมากที่สุด เขาเห็นเซนที่หอสมุดในมหาวิทยาลัยของตนเอง แต่ที่น่าแปลกใจมากกว่านั้น เซนอยู่กับกัสเพื่อนของเขา




:beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:

เอาตอนพิเศษมาคั่นกลางไปก่อนนะคะ
จะได้รู้กันสักที
ว่าเหตุผลของเซนและทีที่ทำกับกัสแบบนั้น
ขอให้สนุกจ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-11-2017 15:44:37 โดย kachettt »

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อ้ออออ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดสินะ สินะะะะะะ แหม้ จะสงสารทีดีไหมนี่ เฮ้ออมมมม แสดงว่าที่คบกับกัสมานี่ก็ไม่จริงใจตลอดเลยสินะ อิจฉากัสมาตลอด พอมีเรื่องเซนมาเลยทำให้ระเบิดดด กรณีแบบนี้ในชีวิตจริงก็มีนะเนี่ย 55555  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ทำไมทีเป็นคนแบบนี้ล่ะ???

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ว่าแล้วต้องเป็นอย่างที่เดา รู้จักกันจริง ๆ ด้วย แต่ที่ผิดคาดคือเรื่องของทีที่มีต่อกัส มีความหลังอย่างนี้นี่เอง แต่ยังเดาไม่ออกว่าเซนกับทีมีอะไรมากกว่าที่เห็นปะ
สงสารกัสจริง ๆ ไม่รู้ตัวเองเลยว่าจะได้สร้างศัตรูไว้ถึง 2 คน ถ้ารู้ความจริงว่าเป็นอย่างไร คงช็อคมากๆ เลย  :o7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อืม....ทีทำตัวเองเองนะ..อึมครึมจัง  :sad4:

ออฟไลน์ Jintajam

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 ทำไมยิ่งรู้นิสัยทีแล้วยิ่งเกลียด หึ :angry2: :m31:

 :pig4:  :pig4:

ออฟไลน์ kachettt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
    • Twitter
ตอนพิเศษ 2
แผนการของทีระวิท



กระทั่งวันนี้...วันที่ทำให้คนอย่างทีระวิทแปลกใจมากที่สุด เขาเห็นเซนที่หอสมุดในมหาวิทยาลัยของตนเอง แต่ที่น่าแปลกใจมากกว่านั้น เซนอยู่กับกัสเพื่อนของเขา



เขากำลังลอบแอบมองเซนที่กำลังพูดคุยกับอยู่กับกัสแถวบริเวณซอกชั้นหนังสือ ดูท่าทางเหมือนจะรู้จักกันอยู่นิดหน่อย แต่สิ่งที่ทำให้ทีระวิทรู้สึกแปลกใจไม่น้อยมันคือตอนที่เซนฉวยจับช่วงแขนของกัสเอาไว้



ใจของทีระวิทกระตุกวูบและรู้สึกโหวงแปลกๆ  ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมต้องถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนั้น หรือว่าทั้งสองคนจะมีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆโดยที่เขาเองไมรู้



ไม่สิ...แล้วทำไมกัสถึงไม่เคยบอกเขากันล่ะ หรือว่ากำลังปิดบังเขาอยู่กันแน่


ทันทีที่เห็นเหตุการณ์แบบนั้น ทีระวิทจึงรีบส่งเสียงเรียกกัสออกไป แน่นอนว่าอย่างน้อยต้องทำให้สองคนนั้นแยกออกจากกันเสียตั้งแต่ตอนนี้


พลันสองเท้ารีบเดินเร่งไปหาและแกล้งทำเป็นเอ่ยทักทายเหมือนเรื่องปกติและทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรก่อนหน้านั้น


“ไอ้กัส...ทางนี้...มึงทำไมมาช้....น้องเซน?”


ทั้งๆที่ไม่ได้เจอกันมานานร่วมเกือบสามเดือนได้แล้ว แต่เซนกลับมองมาทางเขาด้วยสายตาที่แปลกไปแบบนั้น อีกทั้งยังทำสีหน้าเหมือนคนไม่อยากคุยด้วยอีก


แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นทีระวิทก็ยังจะชวนพูดคุยเพื่อแสดงให้อีกคนที่ยังคงอยู่ในวงสนทนาแต่ไม่มีบทบาทได้รับรู้ว่าเขานั้นสนิทชิดเชื้อกับเซนมากมายแค่ไหน


จนเขาแน่ใจว่าอีกคนที่คงสถานะเหมือนตนเองเป็นส่วนเกินทำท่าจะเดินออกไป แต่เซนกลับดึงรั้งแขนของอีกฝ่ายเอาไว้แบบนั้น ทีระวิทรู้สึกชาหนึบในอกไม่น้อยที่เห็นภาพความสนิทสนมตรงหน้าของทั้งสองคนอย่างต่อหน้าต่อตา


แต่ทีระวิททำอะไรไม่ได้ นอกจากทำเป็นมองไม่เห็นและทำเป็นไม่สนใจ



ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดีของทีระวิทก็จริง แต่อะไรหลายๆเรื่องที่ทำให้คนอย่างเขารู้สึกติดค้างอยู่ภายในใจ เซนบอกว่ารู้จักกับกัสมาตั้งนานแล้วอย่างนั้นหรอ แล้วมันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน


ไหนจะท่าทางการพูดคุยกับเพื่อนของเขาที่ดูออกจะสนิทสนมกันเกินพอดีแบบนี้อีก ยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกหน่วงในอกเป็นบ้า มันทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นก้างขวางคอเสียเองอย่างนั้น


แต่เอาเถอะ อย่างน้อยๆวันนี้ก็ทำให้ได้รู้ว่าเซนก็เรียนที่นี่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทั้งๆที่ในตอนแรกเจ้าตัวบอกกับเขาเองแท้ๆว่าจะไปเรียนต่อที่กรุงเทพ แต่สุดท้ายทำไมถึงได้โผล่มาเรียนที่นี่


พอคิดไปถึงว่ามันดีแล้วไม่ใช่หรอ เพราะตัวเขาอาจจะได้พบกับเซนบ่อยมากขึ้น และไม่แน่ว่าอาจจะสามารถกระชับความสัมพันธ์ได้มากขึ้นไปพร้อมๆกันด้วย พอคิดได้แบบนี้หัวใจก็รู้สึกพองโตไม่น้อยเลยทีเดียว


ทีระวิทเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวจนหลงลืมเรื่องราวตะขิดตะขวงใจในตอนแรกไปเสียสนิท






หลังเลิกเรียนคาบเย็น

ทีระวิทกำลังจะเดินกลับหอพร้อมๆกับกัสเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่ทว่าวันนี้ดันมีเพื่อนในห้องเข้ามาทักเอาไว้ก่อน มันชวนให้ไปร้านเหล้าด้วยกัน เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของเพื่อนคนที่ชวน


จะว่าไปเขาเองไม่เคยไปร้านเหล้ามานานแล้วเลยเลือกที่จะตอบตกลงว่าจะไปในทันที จนกัสต้องหันมามองด้วยสายตางงๆ ก็คนอย่างเขาไม่ได้ไปร้านเหล้าบ่อยๆนี่นะ ไม่แปลกหรอกที่กัสมันจะมองด้วยสีหน้าแปลกใจแบบนี้



แต่ทว่าเหตุการณ์ในค่ำคืนนี้ต่างหาก ที่มันกลับทำให้คนอย่างทีระวิทรู้สึกเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด


ในตอนที่เขากำลังออกไปส่งเพื่อนชายคนละคณะที่รู้จักมักจี่กันตอนที่เรียนวิชาเลือก โทรศัพท์มือถือก็สั่นขึ้นพอเอื้อมหยิบขึ้นมาดู ในหน้าจอที่โชว์หรามันขึ้นเป็นเบอร์แปลกที่เขาไม่รู้จัก แต่เขาก็ยังคงตัดสินใจรับสายเพราะในใจคิดว่าอาจมีเรื่องฉุกเฉินได้


“ครับ”

“พี่ทีหรือเปล่า นี่เซนนะ”


ทันทีที่รู้ว่าปลายสายเป็นใครที่เป็นคนโทรเข้ามา หัวใจของเขารู้สึกเต้นรุนแรงอย่างบอกไม่ถูก เพราะมันทั้งดีใจและมีความสุขมากในเวลาเดียวกัน



“ใช่ นี่พี่ทีเองมีอะไรหรือเปล่า ทำไมโทรมาดึกจังล่ะ”


เพราะความที่ดีใจเสียเต็มอก ทำให้เกิดอาการลนลานอยู่มากจึงพูดถามออกไปจนแทบเรียบเรียงคำพูดไม่ถูกแบบนั้น


“พี่ทีช่วยอะไรผมหน่อยสิ ได้ไหม”

“ให้ช่วยอะไร พอดีพี่อยู่ข้างนอกน่ะ แถวหอc”

“พอดีเลย พี่รู้จักคอนโดxxไหม มันอยู่ใกล้กับที่พี่อยู่พอดีเลย”

“รู้จัก ว่าแต่เซนมีเรื่องอะไรให้พี่ช่วยล่ะ บอกมาได้เลย”

“พี่ทีมาหาแถวคอนโดผมหน่อยสิ”


หมายความว่ายังไง ให้เขาไปหาที่คอนโดอย่างนั้นหรอ น้ำเสียงของอีกฝ่ายก็ดูจะผ่อนคลายเอามากๆและยังพูดด้วยน้ำเสียงสบายใจนั่นอีก ไม่แปลกเลยถ้าหากตัวเขาเองจะรู้สึกดีอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้


“ด....ได้สิ ได้! แล้วให้พี่ไปมาหามีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

“ช่วยรอแถวหน้าคอนโดของผม และก็แอบถ่ายรูปพี่กัสกับผมให้หน่อย”


ทุกอย่างพลันหยุดนิ่ง จากเดิมที่ยิ้มมีความสุขในขณะที่กำลังพูดคุยอย่างออกรสในตอนแรก สำหรับเวลานี้ทุกอย่างหยุดชะงักลงเสียดื้อๆ รอยยิ้มที่มีในตอนแรกพลันหุบลงฉับพลันในทันที


เหมือนกับคนที่กำลังไต่ขึ้นที่สูงแต่กลับถูกผลักตกลงมายังพื้นจนเจ็บจุกไปหมดทั้งตัว



มันหมายความว่ายังไง สิ่งที่เซนสั่งให้เขาช่วย ทำไมถึงต้องไปแอบถ่ายระหว่างกัสกับเซนด้วย แล้วทำไมกัสถึงได้จะไปอยู่ที่คอนโดของเซนกันล่ะ เรื่องพวกนี้มันหมายความว่ายังไงกัน


เพราะความรู้สึกสงสัยที่มีอยู่เต็มอกไปหมด ทีระวิทอดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่าเพราะอะไร ทำไมถึงต้องให้เขาทำอะไรแบบนี้


“ทำไมล่ะ...”

“เดี๋ยวเล่าให้ฟังทีหลัง แต่ช่วยถ่ายให้ผมหน่อย นะครับ”

“แล้วถ้าพี่บอกว่าไม่ทำล่ะ”

“ผมไม่รู้จะขอร้องใครได้อีกแล้วนะครับพี่ที พี่อยากได้อะไรบอกผมมาได้เลย ถ้าพี่ทำสำเร็จผมจะพาพี่ไปเลี้ยงข้าวเลยดีไหม”


เพราะคำพูดขอร้องจากอีกฝ่าย...มันทำให้ทีระวิทไม่อาจปฏิเสธได้ เขาไม่เคยได้พูดคุยยาวนานแบบนี้กับเซนมาก่อนเลยด้วยซ้ำ นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกของเขา ที่ได้พูดคุยอย่างยาวนานแบบนี้


ถ้าจะบอกว่าดีใจก็ต้องยอมรับว่าตนเองรู้สึกดีใจไม่น้อยและยังออกปากขอร้องให้เขาช่วยเหลืออีกฝ่ายด้วยซ้ำ แต่ถึงกระนั้น เรื่องที่อีกฝ่ายร้องขอให้ช่วยมันเป็นเรื่องที่เขาเองไม่อยากจะทำสักเท่าไหร่


ไม่ใช่ว่าเขาทำไมได้แต่เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกัสต่างหาก



อีกอย่างเขาไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องแอบถ่ายกัสและเซนด้วย ทำไปเพื่ออะไรอย่างนั้นหรอ นั่นยังคงเป็นความสงสัยที่ทีระวิทไม่สามารถคลายมันออกได้ด้วยตนเอง เพราะความอยากรู้เหตุผลของอีกฝ่ายจึงทำให้ต้องตอบตกลงที่จะทำตามที่คนปลายสายต้องการ



“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ แต่ต้องบอกเหตุผลกับพี่ด้วย ส่วนเรื่องสิ่งตอบแทนที่เซนจะให้ พี่จะบอกอีกที”

“ได้เลยครับ ถ้างั้นแค่นี้ล่ะ”


ทีระวิทยอมทำตามที่เซนร้องขอให้ช่วยในก่อนหน้านี้ โดยการไปซุ่มแอบถ่ายเซนและกัสที่บริเวณหน้าคอนโด ซึ่งภาพที่ทีเห็นมันยิ่งเพิ่มและเติมเต็มความรู้สึกที่พยายามเก็บซ่อนเอาไว้ภายในจิตใจระหว่างตัวเขาและเพื่อนอย่างกัส


ทีระวิทยอมรับตามตรงเลยว่าไม่ค่อยชอบใจกัสมาอยู่ก่อนแล้ว อาจจะเป็นเพราะความอิจฉาที่กัสมักจะทำอะไรหลายๆอย่างได้ดีเสมอ ผิดกับคนอย่างเขาที่ไม่ว่าจะพยายามทำอะไร หรือพยายามตั้งเป้าหมายอะไรไว้ ก็มักจะล้มเหลวไม่เป็นท่าอยู่ตลอด



แม้แต่เรื่องนี้ก็ด้วย เพราะมันเป็นเรื่องของความรู้สึก ซึ่งคนอย่างทีระวิทจะไม่ยอมแพ้ให้ง่ายๆแน่ เขายอมให้กัสได้ถ้าเป็นเรื่องอื่น แต่ถ้าเป็นเรื่องของเซนแล้ว เขาจะไม่มีทางยอมให้อย่างเด็ดขาด



เซนเป็นคนที่ทีระวิทรู้สึกชอบมานานมากแล้ว ชอบมาก่อนที่กัสจะชอบด้วยซ้ำ ทำไมคนอย่างเขาถึงได้มั่นใจเรื่องนี้น่ะหรอ เพราะว่ากัสไม่เคยพูดถึงเซนเลยสักครั้งและคนอย่างกัสไม่เคยคิดที่จะจริงจังอะไรกับใครสักคนด้วย



วันๆก็เอาแต่กินเหล้าเข้าร้านเป็นประจำ อีกทั้งยังหอบหิ้วเอาคนที่อยู่ในร้านมานอนด้วยไม่เคยซ้ำหน้า ยิ่งกัสเป็นแบบนี้เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าไม่มีทางที่จะชอบเซนอย่างแน่นอน


แต่ดูตอนนี้สิ หมอนั่นกำลังจะแย่งของๆเขาไป แย่งไปโดยที่แทบไม่จำเป็นจะต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ เขาไม่เข้าใจว่ากัสมีดีอะไรทำไมเซนถึงได้ดูจะชอบพอกัสถึงขนาดนี้


แต่ถึงอย่างนั้นไม่ว่ายังไง เรื่องนี้เขาไม่อาจยอมให้ได้...ยอมให้ไม่ได้จริงๆแม้ว่าจะเป็นเพื่อนของเขาก็ตาม




ในคืนวันนั้น ภาพที่ทีระวิทถ่ายมามันเต็มไปด้วยภาพระหว่างกัสและเซน โดยรูปภาพที่แสดงเป็นเซนที่กำลังจูงมือกัสให้ขึ้นไปด้านบนคอนโด ท่าทางของเซนดูโมโหและมีอารมณ์รุนแรงไม่น้อย เหมือนกับว่าทั้งสองคนกำลังทะเลาะกันอยู่


แต่เขาไม่สนหรอก จะทะเลาะกันหรืออะไรกันก็แล้วแต่ เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเหตุผลที่เซนให้ถ่ายรูปพวกนี้เอาไว้ เซนทำมันไปเพื่ออะไรต่างหาก





ช่วงบ่ายของอีกวัน


ภายในห้องมืดมีแสงสว่างเล็ดลอดออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากผ้าม่านสีเข้มที่ถูกใช้เพื่อปิดบังแสงแดดในยามกลางวันส่งผลให้ห้องนอนขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่มากจนเกินพอดียังคงความมืดเฉกเช่นในเวลากลางคืน



แม้ว่าในเวลานี้เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าแล้ว ทีระวิทยังคงนอนเหยียดกายอยู่บนที่นอนอย่างเกียจคร้าน เหตุผลที่ยังคงนอนอยู่แบบนี้คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจากเขานอนดึกจนเกินไป



เมื่อคืนแทบทั้งคืน ทีระวิทไม่สามารถที่จะข่มตาลงและนอนหลับได้เลย กว่าจะได้หลับก็ปาเข้าไปตอนเช้าเสียแล้ว ตอนนี้เลยกลับกลายเป็นว่าต้องมาตื่นเอาตอนช่วงบ่ายแทน



ทีระวิทนอนกวาดสายตามองไปรอบๆห้องนอนธรรมดาของตนเอง ในตอนแรกพ่อของเขาอยากให้อยู่หอพักที่ดีกว่านี้ แต่ด้วยเพราะตัวเขาเองไม่อยากรบกวนพ่อมากนัก


เนื่องจากพ่อเสียเงินค่าเข้ามหาลัยแห่งนี้ไปหลายแสน มันทำให้ทีระวิทอดรู้สึกผิดไม่ได้และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทีระวิทขออยู่หอพักในราคาธรรมดาไม่แพงมากแบบนี้แทน



พอลืมตาขึ้นมาได้สักพัก ทีระวิทก็เอื้อมมือไปหยิบเอาโทรศัพท์ที่วางเอาไว้ข้างกายและกดเปิดหน้าจอเพื่อดูเวลา แต่ภาพแรกที่ฉายปรากฏอยู่บนหน้าจอมือถือมันกลับเป็นภาพที่เขาเป็นคนถ่ายมันเองกับมือเมื่อคืน


รูปภาพที่ฉายชัดเป็นภาพของคนสองคน โดยที่คนหนึ่งเป็นคนที่เขารู้สึกหลงรักมานาน และอีกคนเป็นเพื่อนที่เขาสนิทด้วยมากที่สุด เพราะรูปภาพที่เขากำลังมองอยู่โดยที่ไม่ได้ละสายตาไปทางไหนมันกลับทำให้ทีระวิทรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งอก มือที่จับมือถือเอาไว้พลันกำแน่นจนเส้นเลือดบนมือขึ้นเป็นรอยปูดโปนเพราะแรงในการเกร็งมือ


ทันทีที่ไม่สามารถทนมองรูปภาพพวกนั้นได้อีก ทีระวิทออกจากหน้าจอและกดโทรหาคนๆหนึ่งแทบจะทันที เขารอสายไม่นานเท่าไหร่นักคนปลายก็กดรับ


“ฮัลโหล” ปลายสายพูด

“เซนนี่พี่ทีพูดนะ ไหนว่าจะมาคุยกันไง”

“ตอนนี้เลยหรอ”

“แล้วตอนนี้ได้ไหมล่ะ”

“คืนนี้ได้ไหม”

“คืนนี้ก็แล้วกัน”

“อืม...ได้”

“อา..จริงสิพี่มี...”


ทีระวิทกำลังจะพูดต่อแต่กลับถูกตัดสายใส่เสียก่อน เขากำโทรศัพท์ที่อยู่ในมือแน่นจนเจ็บฝ่ามือไปหมด ตัดสายกันทิ้งอย่างไม่ใยดีกันเลย กำลังอยู่กับไอ้เพื่อนชังของเขาล่ะสินะถึงได้ออกมาตอนนี้ไม่ได้


เขาไม่อยากคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา ยอมรับว่าหลังจากที่ถ่ายภาพที่เซนต้องการเสร็จแล้ว


เป็นตัวเขาเองที่ยังคงยืนมองอยู่บริเวณหน้าคอนโดแห่งนั้น เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าทั้งสองคงจะมีอะไรที่ดูจะมากว่าแค่คนรู้จักกัน แล้วมันก็เป็นจริงอย่างที่เขาคิดไม่มีผิด


ทีระวิทอดที่จะคิดไปทางด้านลบไม่ได้เลยจริงๆ เพราะความรู้สึกต่างๆที่พยายามเก็บซ่อนมันเอาไว้ตอนนี้มันเริ่มค่อยๆออกมาทีละนิดจนเขาไม่อาจควบคุมมันเอาไว้ได้ ความรู้สึกที่ว่าพวกนั้นมันคือความรู้สึกที่มีต่อเพื่อนชังอย่างกัส...




เวลาประมาณ 19.00 น.

ก๊อก ก๊อก ก๊อก


ทีระวิทที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ภายในห้องรีบหันหน้าไปยังประตูห้องของตัวเองทันที เนื่องจากเสียงเคาะเมื่อครู่ทำให้เขาเลิกสนใจหนังสือตรงหน้า เขารู้อยู่แล้วว่าใครเป็นคนเคาะประตูห้อง จะเป็นใครได้อีกถ้าไม่ใช่เซน


เหตุผลที่เซนรู้จักหอพักและห้องของทีระวิท ก็เพราะทีระวิทบอกที่เอาไว้ในแชทระหว่างเซนและเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรถ้าหากเซนจะมาที่ห้องของเขาได้อย่างไม่มีความผิดพลาด


ทีระวิทลุกขึ้นยืนและเดินไปเอื้อมมือเพื่อเปิดประตูเพื่อต้อนรับคนที่รออยู่ด้านนอก และแน่นอนว่าเขาคิดไม่ผิด คนที่เขาอยากพบมารออยู่บริเวณหน้าห้องของเขาจริงๆ ทันทีที่เปิดประตูต้อนรับเซนก็เดินเข้ามาด้านในด้วยใบหน้านิ่งเรียบเหมือนเคย


ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มทักทายกลับมาอย่างที่เขาส่งไปให้เลยแม้แต่นิดเดียว


เขาลอบมองอีกคนที่เพิ่งเข้ามา ตอนนี้เซนกำลังเดินไปนั่งที่ปลายเตียงพร้อมกับเงยหน้ามองมาทางเขาด้วยท่าทางสบายๆ


“รู้ใช่ไหมว่าที่พี่เรียกมาเพราะอะไร”


ทีระวิทเป็นคนเริ่มประโยคสนทนาขึ้นมาก่อนเป็นคนแรก หลังจากที่โดนเซนมองมาด้วยสายตาที่เขาเองก็อ่านไม่ออกเช่นกัน ว่าสายตาคู่นั้นกำลังคิดอะไรอยู่ ยอมรับว่าตอนนี้เขาเองที่กำลังกดดันอยู่ไมน้อยแต่ก็พยายามที่จะผ่อนคลายตัวเองลงด้วยการขยับตัวลงไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะหนังสือ


“ผมรู้ และผมก็รู้ความลับของพี่ด้วย”

“ความลับอะไร?”


ความลับอย่างนั้นหรอ ความลับอะไร เขาไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้ากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ หน้าตาของเขาในตอนนี้คงจะแตกตื่นไม่น้อยเลยทำให้อีกฝ่ายที่กำลังนั่งมองอยู่ถึงกับยิ้มมุมปากออกมาแบบนั้น


“พี่ไม่ชอบพี่กัส...”


ทันทีที่ได้ยินประโยคสั้นๆออกมาจากปากของคนตรงหน้ามันทำให้เขารู้สึกอึ้ง รู้ได้ยังไง เขาไม่ได้แสดงออกถึงขั้นโจ่งแจ้งขนาดนั้น แล้วเซนทำไมถึงรู้เรื่องนี้ได้กันล่ะ แต่ที่สำคัญกว่านั้นเพื่อนชังของเขาจะรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า


“อย่าพูดเป็นเล่น นั่นเพื่อนสนิทพี่นะ”

“โกหกไม่เนียนก็ยังจะโกหก ผมไม่ได้อ่อนหัดเหมือนพี่กัสหรอกนะถึงได้ดูพี่ไม่ออก จะบอกอะไรให้ ผมน่ะเคยโดนคนเกลียดมาตั้งมากมาย มองดูพี่แค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าใจของพี่มันคิดอะไรอยู่ ถ้าจะให้พูดสั้นๆง่ายๆเลยก็คงจะอิจฉาใช่หรือเปล่าล่ะ”


แน่นอนว่าเป็นเขาเองที่ยังคงนิ่งอยู่ พยายามทำตัวให้ปกติที่สุดและไม่สั่นเกร็งแต่พยายามเท่าไหร่มันก็ไม่สามารถเก็บทันได้มิด จนทำให้คนตรงหน้าจับสังเกตได้อีกครั้ง


“พี่ไม่ต้องพยายามปิดหรอกน่า...เพราะยังไงเดี๋ยวพี่ก็จะได้ทำสิ่งที่พี่อยากจะทำแล้ว รู้อะไรไหมถ้าพี่ยอมทำตามที่ผมบอกเราสองคนก็จะมีแต่ได้กับได้นะ”

“กำลังพูดเรื่องอะไร”

“ทำให้คู่แข่งของพี่อับอายยังไงล่ะ”


ทีระวิทนิ่งอึ้ง จริงอยู่ว่าเขาเคยคิดที่จะทำเรื่องพวกนี้แต่เขาไม่อาจทำได้ลง เพราะยังไงกัสก็ยังคงเป็นเพื่อนของเขาและอีกอย่างเขายังไม่ได้เกลียดถึงขั้นที่จะต้องทำอะไรขนาดนั้น


แต่พอมีเรื่องราวหลายๆอย่างที่กองสุมกันจนเต็มอกแบบนี้ ทั้งความรู้สึกต่างๆที่เขาเองไม่คาดคิดว่าจะสามารถคิดกับกัสแบบนี้ได้มันกลับมีอยู่เต็มอกไปหมด เขากำลังคิดที่ว่าสิ่งที่เซนเสนอมานั้นมันน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว


“ถ้าพี่คิดจะทำ...ก็โพสต์รูปที่พี่แอบถ่ายเมื่อคืนนี้ลงกลุ่มคณะของพี่ไปซะ”


แน่นอนว่าเขาจะได้ไปเต็มๆถ้าหากทำแบบนั้นลงไป เพราะกัสจะต้องเครียดรวมไปถึงการเรียนอาจจะตกต่ำลง และเป็นทีระวิทเองที่จะสามารถไล่ตามคนอย่ามันทัน รวมไปถึงถ้าหากปล่อยรูปออกไป กัสจะต้องโดนมองไม่ดีอย่างแน่นอน


ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็เขาจะรู้สึกสะใจไม่น้อยเลยล่ะ


แต่....แล้วทำไมเซนถึงอยากให้เขาประจานออกไปแบบนั้นกันล่ะ หรือว่าเซนเองก็ไม่ชอบกัสอย่างนั้นหรอ เพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาสงสัยเลยอดไม่ได้ที่ถามออกไปตรงๆตามใจคิด


“ทำไมเซนถึงอยากให้พี่ประจานรูปพวกนั้นล่ะ เซนไม่ชอบกัสหรอกหรือไง”


มันคือความสงสัยที่เขาเองกำลังสงสัยอยู่ไม่น้อย เพราะถ้าหากเซนชอบกัสก็ไม่ควรที่จะทำให้กัสเจ็บปวดไม่ใช่หรือไง แต่ทำไมกันล่ะ ทำไมถึงเลือกที่จะทำวิธีนี้


“ก็เพราะชอบ ถึงต้องทำแบบนี้”


เพราะชอบ...


รู้สึกเจ็บ เจ็บในใจเหลือเกิน เพราะชอบอย่างนั้นหรอถึงได้ทำ หรือว่าถ้าหากภาพพวกนั้นหลุดออกไปคนส่วนใหญ่ที่เคยเข้าหากัสเป็นประจำถ้าหากได้เห็นภาพรสนิยมแปลกประหลาดและชวนเด็กแว่นขึ้นบนคอนโดคงจะรู้สึกแปลกๆไม่น้อย เป็นเพราะแบบนี้สินะ เซนถึงได้เลือกที่จะทำเหตุผลก็เพื่อกำจัดคนพวกนั้นออกไป


แต่เหมือนจะคิดผิดไปหน่อย...


“พี่สงสัยมานานแล้วแต่ไม่เคยถามเลย กัสใช้คนเดียวกับเมื่อตอนเด็กที่เซนเรียกใช่หรือเปล่า”

“ไม่คิดว่าพี่จะจำได้ว่าผมเคยเรียก ใช่แล้วล่ะ...คนเดียวกัน”


จริงด้วยสินะ สิ่งที่เขาสงสัยมันเป็นแบบนี้นี่เอง เคยรู้จักกันมาก่อนตั้งแต่เด็กจริงๆด้วย เพราะแบบนี้เซนถึงได้เรียกหากัสในยามคับขันตอนนั้น คงจะชอบตั้งแต่ตอนเด็กแล้วล่ะสิ


แน่นอนว่าในอกของเขามันเริ่มชาไร้ความความเจ็บปวดมากขึ้นทุกที ในตอนแรกยังคงเจ็บอยู่แต่สำหรับตอนนี้ความรู้สึกของอกข้างซ้ายมันเริ่มชาหนึบไปทั่ว จนแทบไม่มีความรู้สึกอะไรอีกแล้ว


“จริงสิ...ผมมีอีกเรื่องให้ช่วย แต่พี่อย่าเพิ่งทำเอาไว้ถ้าผมบอกพี่ค่อยทำก็แล้วกัน”


ตอนนี้ทีระวิทแทบไม่ได้ยินสิ่งที่คนตรงหน้าพูดเลยแม้แต่นิด จับใจความพี่พูดยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เขากำลังเหม่อลอยเพราะความรู้สึกหลายๆอย่างประดังเข้ามา ทั้งเจ็บ ทั้งทรมาน และที่สำคัญมันเริ่มจะชินชาจนไม่มีความรู้สึก


“พี่ได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่า”

“ได้ยินสิ ว่าแต่เรื่องอะไรล่ะ”

“เดี๋ยวผมจะส่งคลิปไปให้ในแชท ผมอยากให้พี่ทีส่งไปขู่พี่กัสว่า ห้ามไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่นอีกนอกจากเซน”


ดูท่าทางในการพูดของเซนแล้วคงจะชอบอีกคนไม่น้อยเลย เขาอิจฉากัสเหลือเกิน อิจฉาที่มีคนที่ชอบอีกฝ่ายมากมายขนาดนี้และยังให้ความสำคัญมากอีกต่างหาก


ทำไมคนๆนั้นถึงไม่ใช่เขากันนะ ทำไมถึงต้องเป็นกัสด้วย สำหรับทีระวิทแล้วถ้าเป็นคนอื่นเขาจะไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเท่านี้เลย
ทุกสิ่งทุกอย่างที่กัสมักจะได้ มันจะเป็นสิ่งทีระวิทเองก็อยากได้เช่นกัน


แต่ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เล่นตลกกับเขาเพราะสำหรับทีระวิทแล้วไม่ว่าจะพยายามไขว่คว้าสักเท่าไหร่เขาจะไม่มีทางได้มันมาครอบครอง



เหมือนกับตอนนี้....หัวใจของเซน ทีระวิทก็ไม่สามารถได้มันมาครอบครองเช่นกัน

แล้วถ้าเป็นวิธีสกปรกล่ะ...เขาจะได้มันมาครอบครองหรือเปล่า



“เซนชอบกัสมากขนาดนี้เลยหรอ”


รู้ทั้งรู้ว่าถ้าถามออกไปคำตอบที่ได้รับกลับมาจะต้องทำให้เขาเจ็บปวดอย่างแน่นอน แต่เพราะอยากได้ยินคำพูดที่ทำให้ตัวเองมั่นใจจึงกลั้นใจที่จะถามออกไปทั้งอย่างนั้น


“ชอบ...ชอบมาก”

“แล้วรู้หรือเปล่าว่ากัสชอบเซนไหม”

ทันทีที่เขาพูดประโยคหลังออกไป เท่าที่สังเกตอีกฝ่ายซึ่งดูเหมือนจะชะงักไปไม่น้อย ท่าทางของเซนดูนิ่งอึ้งอยู่เหมือนกัน เขาคงจะพูดอะไรที่ดูจะเสียดแทงใจอีกฝ่ายไม่น้อยเลยสินะ


ตอนนี้เหมือนเขาจะรู้แล้วว่าจุดอ่อนของเซนและกัสมันอยู่ตรงไหน


ทว่าเซนนิ่งไปได้ไม่นานมากนักก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆติดจะเย็นชาไม่น้อย


“ไม่รู้”

“ตั้งแต่ที่พี่รู้จักกับกัสมา พี่ยังไม่เคยเห็นกัสมันจริงจังกับใครเลยนะและคู่นอนที่กัสมันเลือกก็มีไม่ซ้ำหน้า เห็นแบบนี้แล้ว เซนยังจะชอบคนแบบนี้อยู่อีกหรอ”


อย่างน้อยก็ขอได้พูดอะไรซักอย่างออกไป ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเพื่อนชังของเขามันเป็นคนยังไง รู้จักกันมาก็ตั้งนานนม เรื่องของความรักความชอบของมันดูออกง่ายจะตายไป


“ถึงพี่กัสจะเป็นแบบนั้นและไม่ได้ชอบผมในตอนนี้ แต่ในวันข้างหน้าผมจะทำให้เขาหันกลับมาชอบผมให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยทางไหนหรือวิธีที่จะสกปรกขนาดไหนก็ตาม”


อย่างนั้นเองหรอกหรอ ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมแพ้ล่ะสินะ

รู้สึกเจ็บปวดในใจไม่น้อยเลยสำหรับคนอย่างทีระวิท จะไม่ให้เจ็บปวดได้อย่างไรกัน ในเมื่อคนที่ตัวเองชอบมาตลอดดันมาบอกกับปากของตัวเองว่าชอบใครอีกคน

 

ไม่อยากจะคิดเลยว่าการที่รักเขาข้างเดียวแบบนั้นมันจะมีพิษร้ายแรงถึงขนาดนี้



แต่ก็จริงอย่างที่เซนพูด ตัวทีระวิทเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม เขาจะต้องทำให้เซนมาชอบเขาให้ได้แต่ตอนนี้เวลานี้เขาจะต้องกำจัดกัสออกไปให้พ้นทางเสียก่อน



เซน รู้อะไรไหมว่านายกำลังคิดผิด



เซนคิดผิดแล้วที่ให้เขาเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้เองกับมือ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรที่เซนเลือกให้เขาเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้ แต่ขอบอกเลยว่า เซนคิดผิดไปแล้วจริงๆ 



.
.
หลังจากวันที่เซนเข้ามาขอให้ทีระวิทช่วยปล่อยข่าวลือของกัสให้แพร่กระจาย ทีระวิทก็เริ่มโพสต์รูปภาพโดยใช้ไอดีที่ปลอมแปลงขึ้นมาใหม่ในการปล่อยภาพในกลุ่มเฟสบุกของคณะ


ทันทีที่เขาปล่อยภาพลงไปในกลุ่ม ไม่นานก็เกิดแจ้งเตือนขึ้นมามากมาย ทั้งความเห็นเอ่ยแซว ทั้งความเห็นแสดงความยินดี แต่ความเห็นที่ค่อนข้างเยอะที่สุดที่ถูกส่งเข้ามาใต้รูปภาพที่ทีระวิทเป็นคนโพสต์


มันคือความเห็นที่เสียดสีและคำพูดคำจาที่หยาบคายและหยาบโลนเกี่ยวกับเรื่องรักร่วมเพศ


ทีระวิทยอมรับว่าสิ่งที่เขาได้ทำลงไปมันเป็นสิ่งที่ผิดและไม่ถูกต้องเลยแม้แต่น้อย แต่เขาตัดสินใจแล้ว และคิดไตร่ตรองมาอย่างดีแล้วว่าจะทำ และไม่มีทางที่จะหยุดทำอย่างเด็ดขาด เพราะอย่างน้อยผลพลอยได้ที่เขาจะได้รับมันย่อมคุ้มค่า


ถึงแม้ว่าเซนจะเป็นคนบอกเองกับปากว่าที่ทำลงไปก็เพราะจะให้คนเลิกเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกัส แต่ในความคิดของเขามันกลับกันต่างหาก ถ้ากัสรู้เรื่องพวกนี้ กัสจะต้องพยายามถอยห่างจากเซนอย่างแน่นอน


ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคนอย่างกัสเป็นคนยังไง หมอนั่นมันรักตัวเองเสียยิ่งกว่าอะไร ถ้าตัวเองถูกนินทาขนาดนั้นมันคงจะทำตัวเป็นปกติได้อยู่หรอก



:beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:

คนมันจะร้ายก็คือร้าย
คนมันจะร้ายไม่สนหรอกว่าผลลัพธ์จะออกเป็นยังไงจะออกมาในรูปแบบไหน
เมื่อมันถูกความอิจฉาริษยาเข้าครองงำไปทั้งตัวและหัวใจแบบนี้
แต่จะถึงจุดหนึ่งจุดที่รู้ตัวว่ากำลังเสียคนที่ดีและรักมากที่สุดไป
มันจะรู้เองว่า ตัวของมันเองนั้นทุเรศแค่ไหน ถึงตอนนั้นมันอาจจะสายไปแล้วก็ได้ใครจะไปรู้

ปล.จะหายไปยาวๆมาอัพอีกทีวันที่ 8 พ.ย นะคะ
ไรท์เตอร์จะไปรับปริญญาแล้วค่ะ เย้ๆๆๆๆๆ



ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ที เพื่อนสนิท คิดร้าย

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
เพื่อนลายต่อหลายคนต่อให้ดีด้วยแค่ไหนก็ไม่สำนึกว่าเราดี เราที่ไม่รู้ไม่เห็นใจของเพื่อนจึงโดนทำร้ายแสนสาหัส

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ยินดีกับนักเขียนด้วยค่ะ  :pig4: :pig4:  ส่วนทีในตอนจบก็คงจะไม่เหลืออะไรเลย ทั้งเพื่อน และคนที่ชอบ และเซนก็โนคอมเม้นนะจ๊ะ สองคนนี้ควรได้คู่กันเพราะศีลเสมอกันเหลือเกิน 5555

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สงสารหลานกัสจัง ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองไม่เหลือใครแล้ว มีแต่คนจ้องจะทำร้าย  :กอด1:

ยินดีกับหลานคนแต่งด้วยจ้า  :L2: :3123:

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ยินดีกับความสำเร็จอีกก้าวของไรท์ค่าาา

ออฟไลน์ Jintajam

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารกัสจัง  :katai1:  :katai1:

ยินดีกับไรท์ด้วยนะคะ  :L2:  o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด