#แว่นดุ : (ตอนที่ 16) จูบ ...หน้าที่ 7 [10/02/18]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #แว่นดุ : (ตอนที่ 16) จูบ ...หน้าที่ 7 [10/02/18]  (อ่าน 28229 ครั้ง)

ออฟไลน์ Jintajam

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 ที นายหรือป่าว  :katai1:

ออฟไลน์ W2P5

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
เพื่อนกัสนี้ชักยังไงยังไงล่ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รู้สึกว่ามีคนสองคนที่พัวพันเรื่องแย่ๆกับกัส
คนที่หนึ่งคือที ที่แอบถ่ายกัสกับเซน
ที คงเห็นที่กัส ถูกเพื่อนเลวข่มขู่ที่ห้องน้ำแต่ไม่ช่วย

อีกคนคือ  พี่ซิน เพราะมีโอกาสจับมือถือของเซนมากที่สุด
คงเห็นคลิป และเข้าหากัสเพราะคลิปกัสที่อยู่ในมือถือน้องชาย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kachettt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
    • Twitter
แว่นดุ 7.2
โหดร้าย



เช้าวันนี้ผมรู้สึกไม่สดใสเอาซะเลย...เมื่อคืนทั้งคืนผมแทบจะไม่ได้หลับ ไม่ใช่เป็นเพราะอ่านหนังสือหรอกนะแต่มันเป็นเพราะข้อความแชทต่างหากที่เป็นเหตุผลทำให้ผมไม่สามารถข่มตาหลับลงไปได้


เท่าที่ผมสังเกต พักหลังมานี้ผมมักจะเจอเรื่องไม่ดีหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับตัวผมและเจ้าแว่น ผมไม่อยากคิดไปเองหรอกนะ  ว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่บรรยากาศรอบตัวผมในตอนนี้หลายๆเรื่องมันเกี่ยวข้องกับผมและเจ้าแว่นแทบทุกเรื่อง


ทางที่ดีผมคิดว่าตอนนี้สิ่งที่ควรทำมากที่สุดในตอนนี้คือการหลีกเลี่ยงที่จะอยู่กับเจ้าแว่นให้มากเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าหากผมพลาดพลั้งอยู่กับมันละก็ คลิปบ้าๆพวกนั้นได้เกลื่อนออกไปทั่วเน็ตแน่ๆ


“ไอ้กัส ทำไมมึงมาช้าจัง”
“ไอ้ที!”


เมื่อผมได้ยินเสียงจากคนคุ้นเคย ผมจึงรีบวิ่งปรี่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเข้าไปกอดเพื่อนรักทันทีที่เห็น มันเป็นที่พึ่งสุดท้ายของผมเลยก็ว่าได้


เพราะมันเป็นเพื่อนที่ผมสนิทมากๆมาตั้งแต่สมัยมัธยม ถึงจะมีทะเลาะกันอยู่บ้างแต่มันก็ไม่เคยโกรธผม หนำซ้ำยังเป็นฝ่ายมาง้อผมตลอดอีก


จะให้ไปหาเพื่อนนิสัยแบบนี้ได้อีกที่ไหนละ ว่าไหม...


“มึงเป็นไรวะ...ทำไมขอบตาดำขนาดนี้ แถมมึงยังดูโทรมมากเลยด้วย”

“...อะ...เอ่อพอดีกูไม่ได้นอนอะ”

“ไอ้สัดฟิตโคตร จะกวาดเอหรือไงวะ แค่นี้ทรานสคริปมึงมีแต่เอยังไม่พอหรือไง แบ่งให้กูบ้างก็ได้นะแหม”

“ไม่พอหรอกเว่ย นอกจากกูจะได้เกียรตินิยมลำดับที่หนึ่ง ถึงจะพอ”


ผมพูดยิ้มๆแกมหยอกล้อเหมือนเดิมให้บรรยากาศคงความเป็นปกติที่สุด ทั้งๆที่ใจผมมันไม่ได้ปกติเลยสักนิด


อันที่จริงนิสัยของผมมักจะเป็นแบบนี้อยู่เสมอนั่นแหล่ะ ผมน่ะเป็นพวกชอบเก็บความรู้สึกเอาไว้ที่ตัวเองคนเดียวอยู่เสมอ

 
ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนที่ผมสนิทมากอย่างไอ้ที ผมไม่เคยบอกเล่าเรื่องราวความเครียดในลึกๆของจิตใจให้มันฟังเลยด้วยซ้ำ


จะมีก็แต่เพียงเรื่องราวเล็กๆเท่านั้นที่ผมมักจะมาปรึกษากับมันอยู่เสมอ จะว่าไปไอ้ทีมันก็ไม่เคยมีเรื่องเครียดอะไรมาระบายให้ผมฟังสักเท่าไหร่นะ โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว


ถึงผมจะเป็นเพื่อนกับมันมาตั้งแต่มัธยม แต่ผมไม่เคยเห็นพ่อแม่มันเลยสักครั้ง ส่วนใหญ่มันจะกลับบ้านด้วยรถที่มีคนมาคอยรับ น่าจะเป็นลูกน้องของพ่อมันนั่นแหล่ะ


แต่เอาเถอะ เข้าเรื่องของผมต่อ ที่ผมไม่ยอมบอกเล่าเรื่องราวที่ผมเครียดมากๆในหัวให้มันฟัง เพราะผมมีเหตุผลของตัวเอง มันเป็นเพราะผมไม่อยากให้มันต้องมารับเอาความเครียดจากผมไปต่างหากล่ะ


ถึงจะบอกว่าไม่อยากให้มันแบกรับเรื่องเครียดไปจากผม แต่สำหรับเรื่องพวกนี้ผมชักจะเริ่มทนไม่ไหวแล้วนี่สิ...มันทั้งอึดอัด และแถมยังจะพาลให้ผมปวดหัวปวดท้องอยู่บ่อยๆ

มันเริ่มกลายเป็นความเครียดมากขึ้นทุกที หลังสอบเสร็จผมคงต้องหาเวลาคุยกับมันสักหน่อยแล้ว


เผื่อว่ามันอาจจะมีคำแนะนำที่สามารถช่วยผมให้หลุดพ้นจากเรื่องราวพวกนี้ไปได้ ก็มันเป็นเพื่อนของผมนี่นะ ทำไมผมจะระบายเรื่องอึดอัดไม่ได้ล่ะ



.
.

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมสอบเสร็จไปได้ด้วยดี จะเหลืออยู่แค่วิชาเดียวตอนเช้าของวันพรุ่งนี้เท่านั้น ที่มีการสอบน้อยเพียงไม่กี่วันแบบนี้ มันเป็นช่วงสอบมิดเทอมนะครับ  บางวิชาจึงไม่มีการจัดสอบ เลยทำให้มีตัวสอบแค่เพียงนิดหน่อยเท่านั้น ลองมาเป็นสอบไฟนอลสิ มีหวังหัวระเบิดหูตาแฉะแน่


ยอมรับตรงๆเลยนะว่าเมื่อคืนผมอ่านหนังสือไม่ค่อยรู้เรื่อง จะเพราะอะไรเสียอีกละอย่างที่บอกไปตอนแรกเพราะผมมัวแต่คิดเรื่องคลิปนั่นน่ะสิ


โชคดีที่ผมมันเป็นคนหัวดีอยู่แล้ว เลยทำให้สามารถทำข้อสอบในวันนี้ได้ไม่ยาก อีกอย่างหนึ่งเป็นเพราะผมอ่านหนังสือล่วงหน้ามาแล้วหลายวันอยู่

ผมคิดเอาไว้ล่วงหน้าน่ะว่าควรอ่านทีละนิดจะได้ไม่หนักเอาวันสุดท้าย มันจึงเป็นผลที่ทำให้ผมสามารถทำข้อสอบผ่านไปได้ด้วยดีแบบนี้...


เมื่อผมเดินออกมาจากห้องสอบพร้อมกับเพื่อนรักอย่างไอ้ที เห็นมันทำท่าจะกลับทันทีทันใดเสียอย่างนั้น ผมเลยเอ่ยชวนมันกลับด้วยซะเลย


“ไปไหนต่อเปล่าไอ้ที กลับกันเลยไหม?”

“โทษทีว่ะมึง พอดีกูมีนัดว่ะ”

“ใครวะ ญาติมึงหรอ”

“ไม่เชิงอะ เออเดี๋ยวกูขอแยกตรงนี้เลยแล้วกัน”

“อ...เออได้ดิ โชคดีมึง และก็พรุ่งนี้อย่าลืมนะ ยังมีสอบอีกวิชานึงอะ”

“เออไม่ลืม ใจมากไปละ”


เป็นเพราะผมเห็นมันรีบร้อนจะไปแบบนั้นคงจะเป็นเรื่องด่วนละมั้ง จึงไม่อยากถามอะไรให้มันมากความ...ผมคิดว่าไอ้ทีมันยิ้มร่าดูมีความสุขแปลกๆนะ คนสำคัญหรือเปล่าถึงได้รีบออกไปขนาดนี้ นานครั้งนะครับที่ผมจะได้เห็นมันยิ้มอะไรแบบนี้


ยิ้ม...เป็นยิ้มที่เหมือนในห้องสมุดตอนนั้นเลยแฮะ

อันที่จริงผมรู้สึกแปลกอยู่นิดหน่อย มันเป็นเพราะผมไม่เจอไอ้แว่นเลยตลอดทั้งวันนี้ ปกติมันจะตามมาวอแวผมอยู่เสมอ อย่างน้อยๆนิดหน่อยมันก็เอา


แต่เอาเถอะ ถือว่าดีแล้วที่มันไม่โผล่หน้ามาที่นี่ เพราะถ้ามันมาละก็ มีหวังผมได้ซวยแน่ คงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าซวยเรื่องอะไร...ก็เรื่องคลิปนั่นไง...




ครั้งนี้ผมจำเป็นต้องเดินกลับหอมาคนเดียว ซึ่งปกติผมมักจะเดินกลับพร้อมๆไอ้ที แต่วันนี้มันไม่ว่างนี่นะก็มันขอตัวแยกออกไปก่อนยังไงล่ะ

อีกอย่างผมมันก็คนมีเพื่อนไม่เยอะอยู่แล้วด้วย จะว่าไม่มีเลยดีกว่า อย่างที่ผมเคยไปผมไม่ค่อยสุงสิงกับใครมากนัก จะมีก็แค่ไอ้ทีเท่านั้นแหล่ะที่ผมมักจะสนิทสนมเป็นพิเศษ ทำอะไรก็ทำด้วยกัน จะไปไหนก็มักจะไปด้วยกันอยู่เสมอ...


ผมเงยหน้ามองท้องฟ้ามือทั้งสองข้างจับสายกระเป๋าสะพายเดินไม่รีบเร่งมากนักไปตามทางที่ปูด้วยปูนสีขาว

รอบๆข้างไม่มีอะไรนอกจากป่ารกร้างขนาดกว้างที่มีหญ้าขนขึ้นสูงเต็มไปหมด ถนนทั้งสายไม่มีรถแล่นผ่านซึ่งมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

นานๆทีถนนสายนี้จะมีรถแล่นเพราะมันเป็นทางลัดที่สามารถเชื่อมต่อกับหอของผมและมหาลัยได้ มันจะเร็วกว่าถ้าหากผมเลือกเดินในเส้นทางลัดนี้


แต่วันนี้ผมเดินคนเดียวเลยรู้สึกเปล่าเปลี่ยวนิดหน่อย ใจหนึ่งมันก็กลัวว่าจะมีโจรวิ่งออกมาจากป่าปล้นจี้ผมหรือไม่ อีกใจก็คิดว่าคงไม่มีเพราะแถบนี้มันแทบไม่มีคนเลยต่างหาก


ทว่าผมกลับรู้สึกแปลกๆยังไงชอบกล เนื่องจากตอนที่ผมกำลังเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ กลับรู้สึกได้ถึงใครบางคนกำลังเดินตามผมจากด้านหลัง


ใจของผมเต้นตึกตักและทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงการย่ำเท้าจากคนด้านหลังเร่งรี่มากขึ้นจนเกือบจะใกล้ตัวผมอยู่แล้ว ในขณะที่ผมก็เร่งฝีเท้าเดินไปข้างหน้าให้เร็วมากยิ่งขึ้นเช่นกัน


ไม่กล้า....ไม่กล้าหันกลับไปมอง

น่ากลัวเกินไปจริงๆ... รู้แบบนี้ผมเลือกนั่งวินกลับหอเสียยังดีกว่า



“ไอ้กัส...”
ผมสะดุ้งสุดตัวในขณะที่เร่งฝีเท้าเดิน เพราะมีเสียงเรียกชื่อผมจากด้านหลัง เสียงแบบนี้มันคุ้นมาก  ผมจึงหันกลับไปมองทันที แต่คนที่ผมเห็นกลับเป็นไอ้คนนั้น! มันคือคนที่หาเรื่องผมเมื่อวันก่อน ไอ้กลุ่มนี้อีกแล้ว


แล้วพวกมันตามผมมาทำไม อีกอย่างพวกมันมากันสามคน! หมายความว่ายังไงกัน

หลังจากที่ผมรับรู้ว่าเป็นพวกมัน ผมรีบหันหน้ากลับทันทีพร้อมกับสาวเท้าเร่งรีบจนกลายเป็นการวิ่งหนีอย่าไม่คิดชีวิต พวกมันต้องไม่ได้มาดีแน่


แต่มันไม่ทันเสียแล้ว...ไอ้คนตัวใหญ่ที่ผมเคยเหยียบเท้ามันในห้องน้ำ วิ่งเข้ามาขวางทางตรงหน้าของผมพอดี หน้าตาของมัน...ผมจำมันได้ดีเลยละ..



“พวกมึงตามกูมาทำไม”
ผมเป็นคนเปิดประโยคพูดขึ้นมาก่อน อย่างน้อยๆพวกมันก็เป็นเพื่อนภาคของผม ในความคิดของผมคิดว่าพวกมันก็เป็นนักศึกษาเหมือนกัน คงไม่คิดจะทำเรื่องไม่ดีแน่ๆ


แต่พวกมันไม่ได้ตอบคำถามของผมแต่อย่างใด กลับยิ้มออกแปลกๆและหัวเราะคิกคักเหมือนเป็นเรื่องสนุกสนาน จนผมรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งสันหลัง


ผมเลือกที่จะเดินถอยห่างจากพวกมันไปตามทางด้านข้างที่มีป่ารกทึบด้วยสันชาตญาน ที่ผมต้องขยับตัวไปตามทางด้านข้างเพราะพวกมันกำลังล้อมตัวผมเอาไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

จะมีก็แต่ข้างทางฝั่งนี้เท่านั้นที่ผมจะพาตัวเองให้ออกห่างจากพวกมันได้บ้าง


บริเวณแถวนี้ก็เปลี่ยวมากมากอยู่แล้ว อย่าถามถึงคนเลย มันไม่มีใครผ่านมาสักคนด้วยซ้ำ ท้องฟ้าจากเดิมที่เป็นแสงสลัวสีส้มยามเย็นที่ผมคิดว่าสวย ตอนนี้กลับมืดครึ้มอย่างรวดเร็วเมื่อตะวันลับขอบฟ้าไป เสียงนกจิ้งหรีดร้องโหยหวนน่ากลัว...


ใช่ผมกำลังกลัว แต่ผมยังพอมีความกล้าที่จะเปล่งเสียงออกไปถามพวกมันหวังจะเตือนสติให้พวกมันรู้สำนึกว่าไม่ควรทำกับผมแบบนี้

“กูถามว่าพวกมึงตามกูมาทำไม!”

“ตัวสั่นเป็นลูกนกเลยว่ะ กลัวหรอ ทีตอนอยู่กับเพื่อนทำไมไม่กลัวแบบนี้ล่ะ”

“ไอ้พวกหมาหมู่ แน่จริงมึงก็ตัวต่อตัวกับกูดิวะ อย่ารุมแบบนี้”

“ตัวต่อตัวแน่! มึงกับกูเนี่ยแหล่ะที่ตัวต่อตัว ตัวเปลือยๆด้วย5555”


เสียงหัวเราะของไอ้คนที่พูดมันน่ากลัว...ผมรับรู้ได้ว่ามันไม่ได้พูดเล่นหรือคิดจะข่มขู่อะไรทั้งนั้น แต่...มันพูดจริง สีหน้าของมันเอาจริงแน่ๆ


ผมเสียววูบไปทั้งแนวสันหลัง รู้สึกคลื่นเหียนอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นเพราะสายตาของไอ้หมอนั่นที่กำลังตวัดมองโลมเลียตัวผมไปทั้งตัว


ในขณะที่มันพูดยังเลียริมฝีปากไปด้วย ไม่เพียงแต่พูดเท่านั้นมันยังสาวเท้าก้าวเข้ามาหาจนตัวของผมชิดติดป่าหญ้าด้านหลัง ไม่มีทางหนีอีกต่อไปแล้ว...


“อย่าเข้ามา ออกไป!”

“ทีแบบนี้ล่ะกลัว แต่ก็ดี น่าตื่นเต้นดีเหมือนกัน”

“กูบอกให้มึงออกไปไง อย่าเข้ามานะ! ไม่งั้นกูจะตะโกนให้คนช่วย”

“ตะโกนไปสิ ถ้ามึงกล้าก็ตะโกนดังๆเลย ใครจะมาช่วยมึง แถวนี้เปลี่ยวอย่างกับป่าช้า”

“ช...ช่วยด้วย!!! อุ้กกก”

“ไอ้สัด ตะโกนทำเชี่ยอะไรวะ!”


ผมถูกมันต่อยเข้าที่ช่วงท้องอย่างแรงจนจุกเสียดไปหมด ไม่มีแม้แต่การเปล่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

แค่ผมจะเปล่งเสียงพูดยังแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ มันจุกจนบอกไม่ถูก ขณะที่ตัวของผมงอง้ำสองมือกอบกุมช่วงท้องเอาไว้

แม้แต่เข่าก็ยังไม่มีแรงหยัดยืนทรงตัว พาลให้ล้มลงทรุดกระแทกกับพื้นดินที่เต็มไปด้วยกรวดหินสีน้ำตาลแดง


เจ็บท้อง...เจ็บเหลือเกิน ผมไม่เคยทำอะไรมันก่อนด้วยซ้ำ มันต่างหากที่เข้ามาหาเรื่องผม แล้วทำไมถึงได้ทำกับผมแบบนี้




...ทว่าผมกลับต้องเบิกตากว้างทันที...

พวกมันคนหนึ่งสอดมือเข้ามาที่บริเวณใต้รักแร้ของผมทั้งสองข้างพยายามจะจับผมลากให้เข้าไปอยู่ในป่ารกข้างทาง ซึ่งบริเวณฝั่งนี้ไม่มีกำแพงกั้น ด้านหลังที่ผมถูกลากมันทั้งมืดทั้งน่ากลัว

หญ้าสีเขียวต้นใหญ่บาดมือของผมจนเลือดออกเป็นรอยแผลเล็กๆ


ผมพยายามเปล่งเสียงพูดออกมาอีกครั้งหลังจากที่จุกบริเวณช่วงท้องอยู่นาน

“อย่า...อย่าทำอะไร...กู..”

“โทษทีว่ะ กูกำลังต้องการพอดีเลย แต่ไม่คิดเลยนะเนี่ย พอดูมึงใกล้ๆแบบนี้มึงมันโคตรขาว”


ไอ้คนที่มันมีปัญหากับผมเดินตามเข้ามาในป่าหญ้าที่ผมถูกลาก พร้อมกับพูดจนผมรู้กลัว...มันน่ากลัวเกินไปแล้ว

แต่จู่ๆมือถือของผมกลับสั่นอยู่ภายในกางเกง มีคนกำลังโทรเข้ามาหาผม ไอ้คนที่ลากผมมามันปล่อยให้ผมนอนราบกับกองหญ้า และพวกมันก็เดินเข้าไปจับกลุ่มพูดคุยอะไรสักอย่างอยู่ข้างๆ


โอกาส....แบบนี้มันคือโอกาสที่จะหนีเอาตัวรอด เป็นเพราะมือถือที่สั่นมันทำให้ผมตั้งสติได้อีกครั้ง

อีกทั้งพวกมันยังปล่อยให้ผมนอนแน่นิ่งอยู่บนหญ้าโดยไม่คิดใส่ใจเท่าไหร่นัก


เมื่อสบโอกาสผมจึงรีบลุกขึ้นอย่างไวและวิ่งหนีออกมาผ่านป่ารกร้างออกไป ถ้าหากผมวิ่งไปที่ถนนพวกมันจะเห็นผมได้ชักเจนมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากผมวิ่งผ่าป่าไปละก็ พวกมันไม่น่าจะตามผมเจอ


ผมวิ่งออกมาตอนที่พวกมันเผลอ ได้ยินเสียงตะโกนตะหวาดดังลั่นป่าหญ้า ผมจึงรีบวิ่งหนีออกมาด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี

ถึงจะเจ็บแต่ผมก็วิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต ผมต้องรอด...ในสมองของผมคิดแต่เพียงแค่นี้เท่านั้น


ผมวิ่งหนีออกมาไกลพอสมควร จนแน่ใจแล้วว่าพวกมันไม่ได้ตามมา ข้างหน้าของผมมีร้านค้าเก่าๆที่ปิดแล้ว ผมจึงวิ่งเข้าไปแอบใกล้ถังขยะในมุมมืดข้างร้านค้า


ตอนนี้น้ำตาของผมเอ่อนองเต็มสองแก้ม ไม่เหลือเคล้าคนกล้าอีกเลย


ผมรีบกดรับสายเรียกเข้าที่โทรมาหาผมอีกครั้งทันที หลังจากที่เลิกโทรไปหนึ่งครั้งในขณะที่ผมกำลังวิ่งหนีเอาตัวรอด...คนที่โทรมาหาผมมันคือไอ้แว่น


“เซน...อึก...เซนช่วยด้วย”

“พี่กัส! พี่เป็นอะไร!”

“ช่วย...ช่วยพี่ด้วย”

“ผมอยู่แถวหน้าหอพี่ ตอนนี้พี่อยู่ไหน...”

“ซอย...ทางลัดไปหอ ร้านค้าเก่าๆเป็นสังกะสี...”

“ผมกำลังไป อย่าตัดสายนะ รอผมก่อน”

“อื้อ...อึก...”



ผมนั่งรอคนในสายไม่นานมากนัก แต่ในระหว่างที่รอผมก็มองซ้ายทีขวาทีด้วยความหวาดระแวงพวกมัน... เพราะถ้าพวกมันตามรอยมาเจอผมก่อนที่เซนจะมาถึง คราวนี้ผมคงไม่รอดแน่


แสงไฟของรถยนต์คันหนึ่งสาดส่องมาทางผม...มันคือรถของเซน ผมจำได้!

...เซนขับรถมาจอดข้างหน้าผมทันที ส่วนเจ้าตัวรีบวิ่งลงมาจากรถอย่างรวดเร็วพุ่งตรงมายังผมที่นั่งกอดเข่าอยู่ข้างถังขยะในมุมมืดไม่ยอมลุกออกไปไหน เหมือนบริเวณตรงนี้เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดของผมแล้ว


“พี่...ไปกันเถอะครับ ผมมารับแล้ว”

ผมไม่ยอมลุกขึ้น เพราะในสมองของผมตอนนี้มันตีกันไปหมด ทั้งกลัวว่าพวกนั้นจะตามมา และกลัวว่าจะโดนปล่อยคลิปทุเรศนั่น


ยิ่งผมเห็นหน้าเซนผมก็ยิ่งกลัว...กลัวว่าถ้าหากผมเข้าใกล้มันอีกครั้ง คลิปนั่นจะต้องว่อนไปทั่วในเน็ตเป็นแน่

“พี่ซินอยู่ไหน อยากเจอพี่ซิน”

ผมพูดชื่อของพี่ซินเพราะพี่เขาเป็นคนผมอยู่ด้วยแล้วน่าจะปลอดภัยจากเหตุการณ์บ้าๆนี่ที่สุด

“ไปกับผม!”

“ไม่เอา...เรียกพี่ซินมาที”


หมับ!

เซนพุ่งเข้ามาที่ตัวของผม และกระชากแขนของผมให้ลุกขึ้นยืน มันไม่แรงมากเท่าไหร่ แต่เพราะตัวผมตอนนี้มันไม่มีแรงเหลืออยู่เลยต่างหาก

น้ำตาของผมล้นเอ่อไหลออกมาจากดวงตาเป็นทางยาวอาบแก้มอีกครั้ง หลังจากที่หยุดไปได้ไม่นาน

 พอหันไปมองช่วงแขนของตัวเองที่มีมือของเซนจับอยู่ ผมจึงรีบสะบัดแขนออกและตะคอกออกไปเพราะควบคุมสติไม่ได้ทันที


“อย่าจับ!”

“เออ! เดี๋ยวโทรเรียกให้พี่ซินมาหา พอใจยัง!”

หลังจากที่เซนพูดจบ ผมถูกดันตัวให้เข้าไปนั่งในรถและเซนก็ขึ้นมามาประจำที่คนขับ จากนั้นก็ขับรถมุ่งหน้าไปที่คอนโดของเจ้าตัวอย่างรวดเร็ว


ผมนั่งนิ่งไม่กล้ามองออกไปทางไหนเลย ทั้งด้านหน้าด้านข้าง ผมเอาแต่นั่งมองไปที่มือของตัวเองที่มีร่องรอยถลอกเป็นบาดแผลเลือดซึมเป็นทางยาวเหมือนโดนอะไรบาดเต็มไปหมด...



เมื่อเวลาผ่านไปเกือบสิบนาที ผมเหมือนคนตั้งสติได้ เพราะความเงียบบนรถรวมไปถึงตอนนี้ผมปลอดภัยแล้ว ผมจึงเอ่ยคำพูดออกไปเพราะก่อนหน้านี้ผมทำตัวบ้าไม่น้อย...

“ขอโทษ...”

“ช่างมันเถอะ ผมก็ต้องขอโทษเหมือนกัน ทั้งๆที่พี่เป็นแบบนี้...ผมยังตะคอกใส่พี่อีก”


ผมก้มหน้าจนคางแนบชิดอก ไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก นอกจากรอให้รถจอดสนิทนิ่ง...


ตอนนี้ผมถึงคอนโดของเซนแล้ว โดยเซนเดินลงมาจากรถก่อนคนแรกและเดินอ้อมมาที่ประตูที่ผมนั่ง จากนั้นก็ช่วยพยุงตัวผมพาขึ้นไปบนห้อง

มันค่อนข้างทุลักทุเลนิดหน่อยเพราะผมเจ็บที่ช่วงท้องและหัวเข่า จึงทำให้ผมไม่มีแรงที่จะพยุงตัวด้วยแรงของตัวเองมากนัก



ภายในห้อง..

เซนพาผมมานั่งที่โซฟาตัวยาวและพูดขึ้น

“พี่นั่งอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวผมโทรหาพี่ซินให้...”

“ไม่เอา อย่าโทร”

“ก็ตอนแรกพี่บอก...”

“พี่..พี่อยากอยู่แค่กับเซนสองคน...พอแล้ว”


มันจริงอย่าที่ผมพูดออกไป ใช่...ผมอยากอยู่กับเซนจริงๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน หลายๆเรื่องที่ผมมักจะคิดถึง ผมจะคิดถึงเซนก่อนเสมอไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตามแต่


อย่างเหตุการณ์ในวันนี้ถ้าเซนไม่โทร ไม่มาหา ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเป็นยังไงบ้าง คงจะถูกไอ้พวกนั้นทำเรื่องทุเรศไปแล้วด้วย...


“อย่าร้องไห้นะครับ...พี่ไม่ต้องกลัวแล้วนะ”


เจ้าแว่นมันพุ่งตัวเข้ามากอดผมทันทีที่ผมร้องไห้ ผมไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็นนอกจากแม่...เพราะผมมักจะเก็บเอาความรู้สึกต่างๆไว้กับตัวเอง และไม่อยากให้ใครต้องมาเห็นว่าผมมันเป็นพวกคนอ่อนแอ ไม่อยากให้ใครต่อใครต้องมารู้สึกแย่ตามผมไปด้วย


แต่ในเวลานี้ คนที่เห็นทั้งหมดของผมทั้งด้านนอกและด้านในที่พยายามปกปิด ตัวตนของผมที่จริงๆแล้วมันก็เป็นแค่คนอ่อนแอคนหนึ่งเท่านั้น

คนที่เห็นมันคือเซน...

ผมกำลังเปิดใจให้กับเซน...


.
.
หลังจากที่ผมร้องไห้ไปพักใหญ่จนในที่สุดผมก็หยุดร้อง ในระหว่างที่ผมร้องไห้ เซนหยิบผ้าชุบน้ำมาค่อยเช็ดคราบเปื้อนดินตามแขนและมือของผมไปด้วย ไม่คิดเลยว่าเซนจะเป็นห่วงผมมากขนาดนี้...


จากที่ผมลอบมองตาของมัน ในนั้นเต็มไปด้วยความสงสารและเป็นห่วง ผมรู้สึกถึงมันได้ดีเลยล่ะ..


พอผมตั้งสติได้ ความกลัวในตอนแรกที่มี เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ

เมื่อผมนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เลวร้ายและคำพูดจากปากของพวกมันที่เปล่งออกมาต่างๆนาๆ


ไอ้สารเลวสามคนนั้น!

มือของผมกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ทั้งที่มีบาดแผลอยู่ในมือแท้ๆแต่กลับไม่สนใจความเจ็บปวดเลยแม้แต่นิด สันกรามขึ้นรูปเพราะกำลังกัดฟันระบายความโกรธที่มีอยู่เต็มอกออกมา..


ทว่าผมกลับรับรู้ได้ถึงสัมผัสอ่อนโยนและอุ่นไปทั่วทั้งมือ เซนกำลังลูบมือของผมเบาๆและแกะเอามือที่กำแน่นออก ผมเริ่มผ่อนคลายลงเพราะสัมผัสอ่อนโยนของคนตรงหน้า


“พี่พอจะเล่าให้ผมฟังได้หรือเปล่า ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

เซนพูดพร้อมกับเอายาที่ไปหามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ นำมาทาที่ฝ่ามือของผม

มันคงจะเห็นว่าผมคลายความโมโหและหวาดกลัวลงไปจนเกือบหมดแล้ว เลยกล้าพูดเปิดบทสนทนาที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผมเผชิญผ่านมาเมื่อตอนช่วงค่ำ

“จำไอ้พวกที่ตามพี่มาจากห้องน้ำได้ไหม พวกมันจะข่มขืน....”

“ไอ้พวกสวะ!”

ผมยังไม่ทันพูดจบประโยคดีด้วยซ้ำ แต่เซนกลับกำมือของตัวเองแน่นและเปล่งเสียงพูดออกมาลอดไรฟันด้วยความโกรธ

ผมไม่เคยเห็นเซนโกรธแบบนี้มาก่อน อาจเป็นเพราะผมเพิ่งรู้จักกับเซนด้วยละมั้ง แต่เท่าที่ผมเห็นตอนนี้มันกำลังโกรธมากเลยล่ะ

“ถ้าเซนไม่โทรมาหา พี่คง...”

“พี่กัส... อย่าคิดแบบนั้นเลยนะ ไม่ว่ายังไง ผมต้องไปช่วยพี่ทันอยู่แล้ว ไม่มีทางที่จะเกิดเรื่องแบบนั้นแน่!”

เซนเปลี่ยนน้ำเสียงให้อ่อนลงทันทีที่ผมพูดจบ ผมเห็นมันเงยหน้ามามองและใช้มือลูบที่หลังมือของผมเบาๆและพูดคำพูดที่ทำให้ผมรู้สึกสบายใจมากขึ้นออกมา ผมยิ้มรับและใช้มืออีกข้างวางทับมือของมันเอาไว้เช่นกัน

“ขอบใจนะ ขอบใจที่มาช่วย”

“ไม่ต้องห่วงนะครับ เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่ผมดีกว่า”

“พี่ซินหรอ...หมายความว่าไง”

“ก็พี่ผมเป็นตำรวจ พวกมันไม่รอดแน่”

จะว่าไปผมก็เพิ่งรู้ตอนนี้ว่าพี่ซินเป็นตำรวจ และที่มาร้านเหล้าในคืนนั้นก็คงเป็นเพราะมาทำธุระอย่างที่พี่ซินว่าจริงๆ ธุระที่ว่าคือธุระของตำรวจสินะ


ผมใจชื้นขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยในตอนนี้ ผมก็อยู่ในความดูแลของตำรวจเรื่องราวและเหตุการณ์น่ากลัวพวกนั้นคงจะไม่เกิดขึ้นง่ายๆอีกแล้ว ผมหวังว่าจะเป็นแบบนั้น...





:beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:

มีคนเดาถูกคนนึงค่ะ
จำได้ว่ามีคนเดาเอาไว้ว่าจะโดนข่มขืน
ซึ่งถูกต้องเลย...
ส่วนพี่กัสก็เริ่มเปิดใจรับเซนเข้ามาแล้วนะคะ
ตอนหน้ามี nc แง้งงงงง(อีกแล้ว) 5555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2017 21:10:44 โดย kachettt »

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 ชอบเรื่องนี้อ่ะะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2017 21:15:48 โดย PKT »

ออฟไลน์ Jintajam

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 พี่กัสเริ่มเปิดใจแว้วว  :กอด1:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ใครอ่ะ. อยากรู้,,,

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :hao4:


สุดท้ายคนที่ไว้ใจ ร้ายที่สุด

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
นั่งยัน นอนยัน ยืนยัน เป้าชี้ไปที่ทีคนเดียวเท่านั้น  :o211:

ออฟไลน์ kachettt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
    • Twitter
แว่นดุ 8
ความเชื่อใจ




“พรุ่งนี้พี่ต้องไปสอบแต่เช้า”

ผมเปิดบทสนทนาอีกครั้งหลังจากที่นั่งเงียบไปได้สักพัก ซึ่งในตอนนี้เซนกำลังเปลี่ยนที่ทายาจากมือของผมเป็นบริเวณหัวเข่าแทน ในตอนแรกผมจะทำเองแต่ถูกสายตาดุๆมองใส่ผม ทำให้ต้องยอมว่าง่ายให้มันทาอยู่แบบนี้


“คืนนี้พี่กัสนอนที่นี่เถอะ ผมเป็นห่วง ถ้าพี่กลับหอไป พวกมันอาจจะตามพี่ไปก็ได้ ผมว่ามันอันตราย”


พอเซนพูดขึ้นมาแบบนั้น ผมเลยเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที จริงอยู่บางทีพวกมันอาจจะรู้จักหอของผมก็ได้ ขนาดที่ผมเดินกลับหอพวกมันยังเดินตามมาได้เลย มันน่าอันตรายอย่างที่เซนว่าจริงๆ


“อืม...ก็ได้ อา...จริงสิ พี่ขอถามอะไรหน่อย”


ถึงผมจะรู้สึกแปลกๆอยู่บ้างและเก็บเอาความสงสัยนี้เอาไว้กับตัวเองตั้งแต่เมื่อวาน คนที่ส่งคลิปมาข่มขู่ผมบอกให้ผมเลิกยุ่งกับเซน ท่าทางการพูดแบบนี้หมายถึงคนที่ต้องหวงเซนหรือเปล่า ด้วยเพราะความสงสัยของผมที่มีอยู่มาก เลยอดไม่ได้ที่จะถามออกไป


เพราะอย่างน้อย ผมจะได้ลอบสังเกตท่าทางการพูดของเซนด้วย เผื่อว่าเซนจะเปิดเผยอะไรออกมาให้ผมสามารถเก็บไปวิเคราะห์ได้


“อะไรหรอครับ”


“...ยังไม่มีแฟนจริงๆหรอ”


“อีกแล้ว พี่กัสเป็นอะไร ทำไมคุยเรื่องนี้บ่อยจัง”


มันไม่ได้ตอบผมแต่เลือกที่จะเฉไฉไปทางอื่นแทน ผมคิดว่าการเลี่ยงตอบแบบนี้ก็คงจะมีคนที่ชอบๆกันอยู่ละมั้ง อาจจะคุยๆกันแต่ยังไม่ตัดสินใจที่จะเป็นแฟนกันก็ได้


อีกอย่างช่วงหลังมานี้ เซนมันก็ไม่ได้ลวนลามผมมากมายเหมือนแต่ก่อนเท่าไหร่ เพราะถ้าเป็นปกติเหมือนตอนแรก เซนคงไม่ยอมแน่ถ้าหากว่าผมไม่อยากทำ อย่างน้อยๆมันก็ต้องเอาเรื่องคลิปมาอ้างใส่ผม


แต่ช่วงหลังมานี้กลับแตกต่างออกไป เซนเลือกที่จะไม่บังคับผมเหมือนอย่างที่เคยเป็น 


มีคนที่คุยกันอยู่แล้วสินะ คนๆนั้นถึงได้หวงเอามากถึงขนาดนี้ และคลิปนั่นก็คงเอามาจากมือถือของเซน เพื่อนำมาข่มขู่ให้ผมเลิกยุ่งเกี่ยวกับคนของเขา ถ้าผมคิดไม่ผิดก็คงจะเป็นแบบนี้...



ทำไมพอคิดถึงตรงนี้แล้วผมกลับรู้สึกแปลกชอบกล คงเพราะตัวเองเป็นแค่คู่นอนของเซนล่ะมั้ง นี่ผมกำลังหวังอะไรอยู่อย่างนั้นหรอ


ผมรู้สึกปวดหนึบที่อกข้างซ้าย จนต้องกุมทับและลูบเบาๆเพื่อให้คลายความรู้สึกทรมานลง มันไม่ได้รู้สึกปวดภายนอก แต่มันเป็นความรู้สึกภายในจิตใจต่างหาก



“พี่กัสเป็นอะไร ลูบอกทำไม...”


“ปวดอกข้างซ้าย ไม่รู้เป็นอะไร สงสัยจะโดนกระแทกตอนหนีมาละมั้ง”


ผมมองไปที่เซนและตอบกลับไป อันที่จริงผมไม่ได้ปวดเพราะโดนกระแทกอะไรหรอก แต่มันปวดและเจ็บเพราะอย่างอื่นมากกว่า
แต่...


เซนเหมือนจะรู้ว่ากำลังพูดโกหก เพราะเซนมองมาที่ผมด้วยสายตาที่ผมเองต้องวูบไหว เลยจำเป็นต้องเบนสายตาออกไปมองทางอื่นแทน


สายตาแบบนี้หมายความว่ายังไง รู้อย่างนั้นหรอ


“ขอผมดูหน่อยได้ไหม....”

ผมไม่ได้ปฏิเสธคำขอของคนตรงหน้า ได้แต่ทำเพียงแค่นั่งนิ่งๆหันหน้ากลับมามองเซนอีกครั้ง ตาของเราทั้งคู่ผสานกัน ไม่มีใครละสายตาออกไป


ตอนนี้เซนนั่งอยู่ที่พื้นพรมด้านล่าง ส่วนตัวผมนั่งอยู่บนโซฟาด้านบน เหตุผลที่พวกเรานั่งกันคนละระดับกันแบบนี้เป็นเพราะเซนต้องทายาที่เข่าให้กับผม เพราะถ้าหากเรานั่งในระดับเดียวกันจะไม่สามารถทายาได้อย่างถนัด


ผมมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าจนตอนนี้เซนละมือออกจากเข่าของผม และเปลี่ยนเป็นเอื้อมมือขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาเปรอะเปื้อนคราบสีเขียวของใบหญ้า บางส่วนก็เปื้อนคราบดินสีแดงจางๆ เซนเริ่มปลดกระดุมจากเม็ดที่อยู่ด้านล่างไล่เรียงขึ้นไปด้านบนทีละเม็ด


ทว่าคนตรงหน้าไม่ได้ปลดกระดุมหมดทุกเม็ด แต่เหลือเอาไว้เพียงสองเม็ดด้านบนเท่านั้น ผมเห็นเจ้าตัวมองมาที่ช่วงท้องของผมที่มีรอยช้ำจากการถูกกระแทกหมัดเป็นรอยแดงปื้น


มือหนาอุ่นร้อนเอื้อมขึ้นมาลูบไล้สัมผัสที่ผิวเนื้อบริเวณหน้าท้องตามรอยแดงอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน จนผมต้องครางออกมาเสียงต่ำในลำคอ มือหนาลูบไล้วนไปวนมา และไล่ขึ้นมาสูงเรื่อยจนถึงแผ่นอกด้านซ้ายของผม


“ปวดตรงนี้หรอครับ”

“อืมมม”


ผมตอบรับคำพูดในลำคอ พร้อมกับเอนตัวพิงหลังไปกับโซฟานุ่ม ผมเบนสายตาลอบมองเซนเป็นระยะ เห็นเจ้าตัวขยับเปลี่ยนท่าเป็นคุกเข่า พร้อมกับลูบไล้ฝ่ามือไปมาที่แผ่นอกของผม


ทั้งผมและเซนเราต่างมองตากันไม่ได้ละจากกันไปไหน น่าแปลกที่ผมกลับไม่ปฏิเสธสัมผัสน่ารำคาญแบบนี้ ทั้งๆที่ผมควรจะปฏิเสธออกไปแท้ๆ แต่ทำไมกันนะ...


“ผมทำให้พี่หายปวดได้นะ...”


“ทำสิ ทำให้หายปวดที”


เมื่อผมพูดร้องขอจบ เซนขยับตัวลุกขึ้นมาและจับตัวผมให้นอนราบไปกับโซฟาตามแนวยาว พร้อมกับใช้มือแหวกสาบเสื้อของผมออกกว้างเผยให้เห็นหน้าท้องขาว และตุ่มไตสีสดชูชันล่อต่อสายตาของคนตรงหน้า


ผมนอนมองเห็นสายตาเจ้าตัวจ้องมองมายังช่วงตัวของผม ด้วยสายตาไม่ต่างอะไรกับคนหิวโซ ไม่ทันไรคนตรงหน้าก็ก้มหน้าลงมาจนชิดอกของผม และอ้าปากแลบลิ้นชื้นชุ่มไปด้วยน้ำลายสีใส ตวัดแลบเลียยอดอกสีสดข้างซ้ายขึ้นลงไปมา จนผมสั่นสะท้านเฮือกเพราะความรู้สึกกระสันซ่าน


“อ๊ะ...อื้อ”


“ผมจะทำให้พี่หายปวด ดีไหม...”


“อื้อ...อา”


เซนเงยหน้าขึ้นมาพูดหลังจากที่ผมส่งเสียงครางรับสัมผัสออกไปเมื่อครู่ เห็นเจ้าตัวยิ้มพร้อมกับแลบลิ้นเลียมุมปาก จากนั้นก็ก้มหน้าลงละเลียดชิมยอดอกของผมอีกครั้ง

โดยเป็นข้างซ้าย...ข้างเดิม มันระเรงลิ้นวนไปมารอบวงป้านสีอ่อนพร้อมกับดูดเม้มดูดดึงสลับกับตวัดลิ้นเลีย จนผมต้องแอ่นอกรับกับริมฝีปากที่กำลังดูดดึงยอดอก...


เจ้าตัวละออกจากอกข้างซ้ายของผมและเปลี่ยนเป็นอกข้างขวาบ้าง ผมสัมผัสได้ว่าเซนกำลังสอดมือเข้ามาใต้แผ่นหลังของผม จากนั้นก็ดันหลังให้แอ่นขึ้นมาเป็นสะพานโค้งเพื่อรับกับริมฝีปากอุ่นร้อนชุ่มชื้นของคนตรงหน้า ผมร้องครางเสียงหลงทันที...


“ม...ไม่ไหว เซน...พี่...ไม่ไหวแล้ว”


“ปวดตรงไหนอีกไหมครับ..”


เซนละริมฝีปากออกจากยอดอกข้างขวาและเงยหน้าขึ้นมามองผม จนจมูกแทบจะชนกับจมูกของผมอยู่รอมร่อ นัยน์ตาของเซนดำขลับสะท้อนภาพใบหน้าของผมอยู่ในดวงตาทั้งคู่...


“ปวดตรงนี้”


ผมตอบและจับเอามือของเซนดึงลงไปด้านล่างลำตัวของผม พร้อมกับวางมือของเจ้าตัวทาบทับลงกับกลางกายของตนเอง


“หึ...ช่วยไม่ได้นะ พี่ยั่วผมเอง”

“พรุ่งนี้ปลุกด้วยแล้วกัน”

“รับทราบครับพี่กัส...”


เซนไม่รอช้า เริ่มบดคลึงฝ่ามือลงกับกางเกงนักศึกษาของผมทันที ผมรู้สึกปวดหนึบไปทั่วทั้งกลางกายจนต้องระบายออกมาด้วยการบิดส่ายช่วงสะโพก บ้างก็เด้งรับ บ้างก็บิดหนีความทรมานวาบหวาม


 อึดอัด...จังเลย


“อย่าแกล้งพี่สิ”

“ไม่แกล้งยังไงไหว...”


เซนพูดเสียงนุ่มพร้อมกับโน้มหน้าลงมาที่บริเวณซอกคอของผม และแลบลิ้นเลียที่ต้นคอ จากนั้นก็ขบเม้มแรงๆจนรู้สึกเสียวแปลกๆ ต้องทิ้งร่องรอยเอาไว้แน่เลย...


ผมเห็นเจ้าตัวละใบหน้าออกไปและยิ้มให้ผมจนตาหยี จากนั้นก็ขยับตัวลงไปจากโซฟา พร้อมกับขยับตัวผมให้เปลี่ยนท่าเป็นนั่งพิงโซฟาแบบปกติ


ผมลอบมองเซนที่กำลังปลดเข็มขัดกางเกงของตัวเองออก และรูดซิบกางเกงของตัวเองลง พร้อมกับควักเอาแกนกายขนาดใหญ่ออกมาต่อหน้าต่อตาผม


“ช่วยทำให้มันแข็งแรงกว่านี้ทีสิครับ”


ผมไม่ได้ตอบเอาแต่นั่งมองกลางกายของคนตรงหน้า ที่ตอนนี้เจ้าของแกนกายขนาดใหญ่ขยับเดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ผมลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอสองสามที

เมื่อส่วนปลายแตะชนเบาๆที่ริมฝีปากของผม น้ำเหนียวใสยืดติดตามริมฝีปากของผม เมื่อขยับแกนกายออกไปทางอื่น


ไม่รอช้าอะไรอีกแล้ว ผมอ้าปากแลบลิ้นออกมาและแตะชิมไปที่ส่วนปลายของเซนทันที ส่วนมือของผมจำกุมบริเวณส่วนโคนเอาไว้  ผมได้ยินเซนครางต่ำในลำคอ ก็ยิ่งรู้สึกย่ามใจ เริ่มละเลงลิ้นกระดกขึ้นลงไปมาบริเวณรูของส่วนปลายยอดระรัวเร็ว


จากนั้นก็อ้าปากครอบรับส่วนปลายขนาดใหญ่เข้าไปเต็มปาก ส่วนนั้นมันเข้าได้ไม่ถึงกลางกายด้วยซ้ำเพราะขนาดที่ใหญ่เกินปากของผมจะรับไหว จึงทำได้เพียงใช้มือข่วยสาวรูดและปากช่วยดูดกลืนและละเลงลิ้นเลียเท่านั้น ผมทำซ้ำๆไม่นานนัก จนเจ้าตัวจับหัวของผมแน่นและกระแทกแกนกายเข้ามาในปากของผมแรงๆมันเข้ามาลึกจนแทบสำลักออกมาแต่ไม่สามารถดึงปากออกได้เพราะเซนไม่ยอม


“อ่า....ปากพี่อุ่นมาก”

“อื้อ อื้อ อื๊อ อื้อ”


เซนกระแทกเข้ามาในปากของผมซ้ำๆอยู่สามสี่ทีและถอนกายออกอย่างรวดเร็ว พร้อมกลับถอดกางเองออกไปพร้อมกับกางเกงชั้นในของผมอย่างรวดเร็ว ผมมองซากกางเกงที่ถูกเจ้าตัวปาออกไปอีกทาง

จากนั้นผมต้องหันกลับมามองคนตรงหน้าอีกครั้ง


เนื่องจากมันดันขาผมให้อ้าแบะออกกว้างจนเผยให้เห็นส่วนกลางกายที่ขึ้นรูปแข็งขืนมีน้ำใสไหลซึมส่วนปลายจนมันเลื่อม จากนั้นเซนก็ใช้กลางกายที่ส่วนปลายลื่นชื้นของตัวเองนำมาถูไถไปมาที่ช่องทางด้านหลังของผม และพยายามสอดแยงเข้ามองแบบตื้นๆไปมา


“พี่...ผมไม่ไหวแล้ว ขอนะ”

“อื้อ อ๊ะ!”


ผมยังไม่ทันอนุญาตเลยด้วยซ้ำเจ้าเด็กนี่มันก็แทรกแกนกายของตัวเองเข้ามาในตัวผมทันที แต่ครั้งนี้มันทำเบาเอามากๆ เพราะมันค่อยๆแทรกเข้ามาทีละนิดจนสุดความยาว จนผมไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลยทั้งๆที่ไม่มีสารหล่อลื่นช่วยด้วยซ้ำ


จากนั้นเจ้าตัวก็ค่อยถอนแกนกายออกและสอดเข้าไปใหม่อย่างช้าๆและเนิบนาบ จนผมเสียวสันหลังและปลายเท้าไปหมด  ยิ่งทำแบบนี้มันยิ่งรู้สึกเสียวกว่าทำแบบแรงๆเป็นไหนๆ เพราะว่ามันรู้สึกทุกการกระทำสัมผัสผ่านผนังด้านในเลยนี่สิ


“อื้อ อ้า อ้ะ อ๊า”

“แบบนี้เสียวกว่าทำเร็วๆหรือเปล่า”

“อื้อ ส...เสียวกว่า”

“และถ้าแบบนี้ล่ะ”

“อ๊า!! อ๊ะ อ๊ะ”


ผมร้องเสียงหลงออกมาทันที เพราะเจ้าตัวถอนแกนกายจนเกือบหลุดเผยให้เห็นส่วนปลายบานใหญ่และเสียบสอดแทรกเข้ามาใหม่สุดโคนมันเร็วมาก เจ้าตัวทำซ้ำๆแบบนี้อยู่หลายครั้ง จนผมร้องออกมาไม่เป็นคำ


ผมถูกกระแทกอยู่นานเกือบห้านาที จู่ๆเซนก็หยุดกะทันหันกลางคัน จากนั้นก็ช้อนอุ้มตัวผมขึ้นมาทั้งที่ยังคงสอดแทรกแกนกายอยู่ในตัวของผม มันใช้แขนสอดเข้ามาที่ช่วงข้อพับขาของผมอย่างละข้างจนผมตัวลอย รีบใช้มือคล้องคอเจ้าตัวเอาทันทีเพราะกลัวตก...


“จะทำอะไร! เอาออกไปก่อน!”


ผมตกใจร้องเสียงหลงเพราะท่าทางแบบนี้ผมกลับยิ่งรู้สึกว่าแกนกายของมันแทรกเข้ามาได้ลึกขึ้นกว่าปกติมาก


“จะพาไปเช็ดตัวในห้องน้ำ”

“เอาออกก่อนสิ และค่อยพาไป”

“ก็ผมยังไม่เสร็จ แต่เดินไปถึงห้องน้ำน่าจะเสร็จพอดีนะ พี่ว่ามั้ย”

“ไอ้เด็กวิปริ...! อ๊ะ อ๊ะ อ๊า!”


หลังจากที่ผมก่นด่าไปได้ยังไม่ทันหมดคำพูดดี มันกลับแกล้งทำเป็นเดินเพื่อให้ก้นของผมกระเด้งลงมากระแทกเข้ากับกลางกายของมันพอดิบพอดี


ท่วงท่านี้แกนกายมันเข้ามาลึกมากกว่าปกติมาก ส่วนเซนมันยิ่งลำพองใจพอเห็นผมครางเสียงหลงยิ่งพาผมเดินไปที่ห้องน้ำ ทั้งๆที่ยังอยู่ในท่านี้เสียอย่างนั้น แต่มันกลับเดินช้าเอามากๆเหมือนจะแกล้งผมอย่างนั้นแหล่ะ

 หลังจากนั้นมันก็เริ่มกระแทกกายถี่ยิบระรัวเร็วไปพร้อมๆกับเดินไปด้วย จนในที่สุดทั้งผมและมันปลดปล่อยออกมาพร้อมกันแถวบริเวณหน้าห้องน้ำ...


“ไม่ได้ทำนานๆแล้วพอได้ทำมันรู้สึกดีแบบนี้นี่เอง”

“เอาออกเดี๋ยวนี้เลย ง่วงแล้ว”

“อยากทำอีก”

“หยุดเลยนะไอ้แว่น!”

“ล้อเล่น ไปเอาออกกันในห้องน้ำดีกว่า”

“อื้อ อ้า! เอาออกตอนนี้! ไม่ใช่...อ้ะ”


ที่ผมร้องออกมาเพราะเซนมันดันพาผมเข้าไปในห้องน้ำทั้งๆที่ยังคงคาแกนกายเอาไว้ในตัวผมนี่แหล่ะ พอยิ่งเดิมมันก็ยิ่งกระแทกให้แรงขึ้นจนผมรู้สึกแปลกๆ ให้ตายเถอะ! ผมเกลียดมันที่สุดเลย!



:beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:

มาอัพแล้วนะคะ
ดราม่ายังไม่จบอย่าเพิ่งฆ่าเราน้า5555
ขอสปอยหน่อยนึงนะคะ
คนที่ปล่อยข่าวลือไม่ได้มีคนเดียวจ้า.. งิิงิงิงิ
บ้ายบาย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
สุดท้ายแล้ว จะถูกทุกคนทำร้าย?

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เดี๋ยววว อย่าเพิ่งหื่นน เราอยากรู้ใครเป็นคนทำำำำ แต่ที่แน่ๆ 1ในนั้นอาจเป็นที เราชื่อในเซ้นส์ของเรา อ่านมาเยอะะะ เพื่อนสนิทนี่ละน่ากลัว 555555  :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
พี่กัสบอกน้องเซนเลย ว่าโดนขู่เรื่องคลิป น้องเซนจะได้ช่วยหาผู้ร้ายนะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
หน่วง ๆ รักหวานปนขม...กลิ่มม่ามาแต่ไกลเลย  :sad4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ใครหว่า มีทีคนหนึ่งละ โอ้ย ปวดหมอง รอหลานคนแต่งเฉลยแล้วกัน  :really2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:  ดีที่เซนมาช่วยกัสทัน
ดีที่กัส ก็พยายามช่วยตัวเองก่อน
เพราะบางคนพอกลัวแล้ว มืออ่อน ตีนอ่อน ไม่มีแรง
เลยช่วยให้ตัวเองรอดพ้นวิกฤต ยากไปเลย

พอรู้ว่าพี่ซิน เป็นตำรวจ
คนที่ถ่ายคลิป น่าจะเป็นที สินะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Jintajam

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :laugh:



ลูกดก แน่นอน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kachettt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
    • Twitter
แว่นดุ 8.1
แปลกใจ





ในช่วงเช้าของวันถัดมา ผมตื่นขึ้นตอนเซนปลุกประมาณเจ็ดโมง วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายแล้วด้วย โชคดีที่วิชาเลือกที่ลงเรียนไปไม่มีสอบมิดเทอมเหมือนของคนอื่น จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้สอบเสร็จไวกว่าปกติ



ส่วนไอ้ทีมันเหลือสอบตัวนี้ตัวสุดท้ายเหมือนผมนี่แหล่ะ ดีเหมือนกันจะได้ออกไปหาอะไรกินหลังสอบเสร็จซะเลย


อีกอย่างผมมีเรื่องจะปรึกษากับมันด้วย เป็นหลายๆเรื่องที่ผมรู้สึกเครียด หลายๆเรื่องที่ผมไม่เคยบอกกับมัน เพราะกลัวมันจะรู้สึกไม่ดี แต่คราวนี้ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะบอกมันทุกเรื่องที่ผมเคยปิดบังเอาไว้


อย่างน้อยในตอนนี้...ผมยังมีเพื่อนที่สนิทและสามารถร่วมทุกข์ร่วมสุขกันได้อย่างมันซะอย่าง บางทีถ้าผมได้พูดออกไปมันอาจจะยอมเปิดใจระบายเรื่องของตัวให้ผมฟังบ้างก็ได้ เหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนและปลดปล่อยความรู้สึกค้างคาใจละนะ


โชคดีที่อาการบาดเจ็บของผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ถลอกและตึงขานิดหน่อยเท่านั้น ส่วนช่วงท้องจะรู้สึกปวดบ้างเป็นระยะ แต่ไม่ได้ปวดบ่อยตลอดเวลา


โดยวันนี้ผมจึงจำเป็นต้องสวมชุดนักศึกษาของเซนออกมาสอบ  ดีหน่อยที่ขนาดเอวของมันไม่ได้ใหญ่ไปกว่าผมนัก ผมจึงใส่เสื้อผ้าของมันได้สบาย


เซนขับรถพาผมมาส่งที่มหาลัย ในตอนแรกผมบอกมันว่าไม่ต้องมาส่งเพราะผมจะมาเอง แต่กลับถูกมันดุนี่สิพูดแต่ไม่ยอมๆอย่างเดียว ผมเลยจำเป็นต้องยอมมากับมันอย่างที่เห็น


ท่าทางของเซนดูเป็นห่วงผมไม่น้อยเลยล่ะ แต่แปลกที่วันนี้มันกลับไม่สวมชุดนักศึกษาออกมา ด้วยความสงสัยผมจึงเอ่ยถามขึ้นในรถ


“ไม่มีสอบหรอ”

“สอบเสร็จตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ”

“ถึงว่าสิ ทำไมไม่ใส่ชุดนักศึกษา”

“ปกติผมก็ไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาหรอกนะ”

“เออเชื่ออยู่ เพราะชุดที่นายใส่ไม่น่าเรียกว่าชุดนักศึกษาเลยสักนิด”

“ทำไมพูดเจ็บงี้อะ”

“หรือว่าไม่จริง นักศึกษาบ้าอะไรใส่กางเกงวอร์มมาเรียน บ้า!”

“ก็คณะผมไม่ได้เคร่งเรื่องชุดเหมือนคณะพี่นี่”


ผมเลือกที่จะไม่ตอบเพราะไม่อยากเถียงมัน จะเรียนคณะไหนก็ช่างเถอะ แต่ไอ้การใส่กางเกงวอร์มมาเรียนเนี่ยมันเป็นภาพติดตาผมเป็นบ้า



ผมเบนสายตาและหันหน้าหนีมันทันที จนได้ยินเสียงหัวเราะจากมันเบาๆ ผมจึงเลือกที่จะไม่สนใจเสียงบ้านั่นและนั่งนิ่งๆมองเวลาในหน้าจอมือถือ


ทว่า...ดันมีคนโทรเข้ามาพอดิบพอดี ซึ่งมันเป็นไอ้ทีเพื่อนของผมเอง


“ว่าไงมึง”

“ไอ้กัสมึงอยู่ไหนแล้ววะ กูรอมึงนานแล้วเนี่ย”

“ใกล้ถึงแล้วมึง โทษทีที่มาช้านะเว้ย”

“เออๆเดี๋ยวกูยืนรอหน้าตึกนะ”

“ได้ดิ เห้ยเดี๋ยว กูเห็นมึงละ รอกูตรงนั้นแหล่ะ!!

“ไหนมึงวะ.....อ..เออ...เจอละ”


ด้วยความที่เห็นมันพูดเสียงขาดๆหายๆ ผมเลยเลยตัดสายไปเอง และบอกให้เซนจอดรถ จากนั้นก็รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงมาหาไอ้ทีที่ยืนรอหน้าบึ้งอยู่ คงจะโกรธที่ผมมาช้าละมั้ง...


“พี่กัส!”


เสียงของเซนเรียกผมจากด้านหลัง ทำให้ต้องหันกลับไปมองทันที ผมเห็นเซนกำลังยกมือที่ถือกระเป๋าของผมอยู่


อา...จริงสิ ผมลืมกระเป๋าเพราะความรีบร้อนลงมาจากรถ


ผมจึงเดินเร่งๆเข้าไปหาเซนทันที โชคดีหน่อยที่วันนี้คนไม่เยอะ เพราะมันใกล้เวลาเข้าสอบแล้ว เลยทำให้คนไปรอกันอยู่บนตึกหมด แถวนี้เลยไม่มีใคร ผมเลยไม่ค่อยกลัวเรื่องการเข้าใกล้เซนสักเท่าไหร่ เพราะแถวนี้มีเพียงแค่ไอ้ทีเพื่อนของผมเท่านั้น


“ถ้าไม่มีปากกาไปสอบจะทำไงพี่กัส”

“โทษทีพอดีรีบไปหน่อย ส่งกระเป๋ามา จะรีบไปแล้วเดี๋ยวไม่ทัน”


พอผมแบมือเพื่อรับเอากระเป๋าจากคนตรงหน้า เซนมันกลับไม่ยื่นกระเป๋ามาให้ผม แต่ดันเดินเข้ามาใกล้และยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูของผมเสียงเบาจนผมรู้สึกแปลกๆ


“ขอให้สอบได้นะครับ ฟู่ว!”

“ไอ้แว่น! ตุ่บ”

“โอ๊ย! ขอโทษครับพี่”


มันน่าไหมล่ะ ก็มันไม่ได้กระซิบผมอย่างเดียวแต่ดันเป่าลมเขามาในหูของผมด้วย ผมละเกือบเอามือยกมาบังหูแทบไม่ทัน  เลยใช้ศอกกระทุ้งไปที่ท้องของไอ้เด็กตรงหน้าทันที



“จะเล่นกันอีกนานไหม จะถึงเวลาสอบแล้วนะ”


จู่ๆเสียงทักจากคนข้างหลังก็เอ่ยขึ้นมา จนผมรีบหันหน้ากลับไปพร้อมกับดึงเอากระเป๋าที่อยู่ในมือของเซนออกมาด้วย


ผมมองไปที่ไอ้ที มันมองผมด้วยสายตานิ่งๆเหมือนคนกำลังโกรธ ใครจะไม่โกรธได้ล่ะก็ผมดันมัวแต่เล่นกับเซนจนปล่อยให้ไอ้ทีมันยืนรออยู่คนเดียวแบบนี้


ทว่าวูบหนึ่ง ผมเห็นไอ้ทีมันไม่ได้มองมาทางผม แต่มันกลับมองผ่านผมไปด้านหลัง เหมือนกำลังมองเซนอยู่ สายตาของไอ้ทีแปลกไป...


มันเหมือนกับคนที่กำลังจะร้องไห้เลย


ผมจึงรีบเดินเข้าไปหาไอ้ทีทันที ไม่อยากให้มันทำหน้าแบบนี้ ถ้าจะร้องไห้เพราะผมเป็นต้นเหตุผมไม่ต้องการแบบนั้น


ผมสาวเท้าเร่งๆเข้าไปหามันพร้อมกับจับมือมันขึ้นมาลูบ มือของไอ้ทีเย็นเฉียบจนผมรู้สึกเย็นตาม แต่มันไม่ได้มองที่ผม ไอ้ทีกำลังมองไปที่เซนอีกแล้ว...


จากนั้นมันก็บีบมือผมกลับ แต่แรงบีบมันแรงมากจนผมต้องรีบพูดออกมาให้มันได้สติ


“ไอ้ทีกูขอโทษ ปล่อยมือกูก่อน”

“ขึ้นไปสอบกันเถอะ”


มันปล่อยมือของผมและก็หันหลังเดินนำผมไป โดยไม่ได้มองหน้าผมสักนิด ทำไมเวลามันโกรธแล้วน่ากลัวแบบนี้นะ หรืออาจเป็นเพราะผมไม่ค่อยเคยเห็นมันโกรธ ขนาดเวลาทะเลาะกันมันยังไม่เป็นถึงขนาดนี้เลย


ตลอดทางที่ผมเดินตามมันมา สายตาของผมลอบมองที่หลังมือของตัวเอง ตอนนี้มันขึ้นรอยแดงเป็นรอยนิ้วมือจางๆสีอ่อน ผมรู้สึกชาที่ฝ่ามือมาก เลยหงายมือขึ้นมาดู ในมือของผมมีรอยแผลถลอกจากเมื่อวานด้วย

พอยิ่งโดนบีบแรงๆมันก็ยิ่งเจ็บ แถมยังมีเลือดซึมออกมาตามแผ่นพลาสเตอร์แปะแผลอีกต่างหาก


“โกรธกูหรอ...กูขอโทษที่ปล่อยให้มึงรอ”

“ไม่เป็นไร กูต้องขอโทษมึงเหมือนกัน เจ็บหรือเปล่า”

“ม...ไม่ ไม่เจ็บ มึงบีบไม่แรงขนาดนั้น”


ผมจำใจโกหกไปทั้งๆที่มันเจ็บมาก ตอนที่มันบีบไอ้ทีไม่ทันสังเกตเลยหรอว่าผมเป็นแผลที่ฝ่ามือ หรือว่ามันไม่มีสติเพราะความโกรธ คงจะเป็นอย่างหลังนั่นแหล่ะ แต่เอาเถอะ แผลแค่นี้มันไกลหัวใจจะตายไป


ตลอดทางเดินมันพูดกับผมบ้างนิดหน่อย แต่ไม่ได้หันมามองผมขณะที่พูดเลย ในเมื่อมันก็ขอโทษผมเหมือนกันก็น่าจะไม่คิดอะไรแล้วละ




.
.
เมื่อผ่านการสอบข้อเขียนที่มีแต่เขียนจริงๆทำเอามือของผมชาไปหมด แทบจะเขียนไม่ได้ ให้ตายเถอะโคตรทรมานเลยสำหรับวันนี้


ผมเดินออกมาจากห้องสอบอย่างเนือยๆและกวาดสายตามองหน้าห้องเพื่อมองหาไอ้ที เพราะผมคิดเอาไว้ว่าจะชวนมันไปหาอะไรกินสักหน่อย แต่ผมกลับหามันไม่เจอนี่สิ ไปไหนของมัน หรือว่าจะเข้าห้องน้ำ...


พอผมคิดได้ก็เดินเข้าไปในห้องน้ำชายทันที แต่ในนี้กลับไม่มีใครเลยสักคน มันไปไหนของมันเนี่ย ผมอดสงสัยไม่ได้เลยหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหามัน ไม่นานมันก็รับสายของผม


“ไอ้ทีมึงอยู่ไหน”

“กูออกมาแล้ว”

“อ้าว...กูนึกว่ามึงจะรอกู เออมึงว่างเปล่า มีเรื่องจะปรึกษานิดหน่อยว่ะ”

“โทษทีมึงตอนนี้กูไม่ว่าง แต่เย็นนี้น่าจะว่างนะ ถ้างั้นเดี๋ยวกูโทรหามึงอีกทีแล้วกัน”

“ได้ดิ อย่าลืมนะมึง”

“อืม”


ผมยกมือถืออกมาจากหูและมองไปที่หน้าจอด้วยรอยยิ้ม กลับไปเป็นเหมือนปกติแล้ว ในตอนแรกผมเครียดแทบตาย นึกว่ามันยังโกรธผมอยู่เลยออกไปก่อน ตอนโทรหาในใจก็กลัวว่ามันจะไม่รับสายผมซะแล้ว


เอาไว้เย็นนี้ก่อนแล้วกัน ผมว่าจะเปิดใจคุยกับมันสักหน่อย ไหนๆก็สอบเสร็จแล้วด้วย คงไม่มีเรื่องอะไรมาให้เครียดอีกแล้วละ เผื่อบางทีทั้งผมและมันจะได้สนิทกันมากขึ้นกว่านี้...





18.30 น.

ห้องสีขาวสะอาดตา ภายในห้องถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย จากเดิมที่เคยมีกองหนังสือเปิดอ้าทิ้งไว้ และกองพะเนินเป็นกลุ่มๆจนแทบไม่มีที่ว่างสำหรับทางเดิน ตอนนี้หนังสือทุกเล่ม หรือแม้แต่ชีทเรียนทุกละฉบับถูกเก็บเข้าที่ไว้อย่างดีเรียบร้อย



ห้องที่กล่าวถึงเป็นห้องของผมเอง ผมกลับมาที่นี่ตั้งแต่ช่วงบ่าย พอเปิดประตูเข้ามาถึงกับต้องถอนหายแรงๆ สภาพห้องที่แทบไม่น่าเรียกมันว่าห้อง ถ้าจะนึกเปรียบก็คงจะเปรียบได้เหมือนกองขยะเสียมากกว่า ผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าตอนที่ตัวเองอ่านหนังสืออยู่ทำไมไม่มีความรู้สึกเอะใจอะไรบ้าง ว่าสภาพห้องมันสกปรกแบบนี้


สำหรับผมตอนนั้นคงจะหมกมุ่นกับการตั้งใจอ่านหนังสือแน่ๆ ถึงได้มองข้ามสภาพห้องนอนของตัวเองไปแบบนี้ พอผมตัดพ้อกับตัวเองพักใหญ่ก็เริ่มจัดเก็บหนังสือต่างๆให้เข้าที่ จนตอนนี้กลับมาสะอาดเอี่ยมอีกครั้ง


ตอนนี้ผมกำลังนอนเหยียดกายผ่อนคลาย พร้อมกับสวมเสื้อยืดกางเกงบอลขาสั้นสีกรมท่า มองมือถือของตัวเองที่ปรากฏหน้าจอแสดงข้อความแชทของคนนิรนามคนนั้น คนที่ผมไม่รู้จักว่าเขาเป็นใคร


ผมพยายามคิดอยู่นานและพยายามคาดเดาออกไปต่างๆนานา ว่าใครเป็นคนทำเรื่องแบบนี้กันแน่ แม้ในใจของผมจะมีอยู่คนหนึ่งที่ผมคิดสงสัยเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจรู้ได้อีกว่าเขาเป็นใคร

ซึ่งคนที่ผมเล็งเอาไว้จะต้องเป็นคนที่เซนกำลังคุยอยู่แน่ๆ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า คนที่เซนคุยอยู่เป็นใครนะสิ


ทว่าในขณะที่ผมนอนมองไปที่เพดานห้องสีขาวมือข้างหนึ่งวางแนบลงมาบริเวณหน้าผาก มือถือที่ผมวางเอาไว้ข้างตัวบนเตียงสีขาวสะอาดกลับส่งเสียงร้องขึ้น ผมหันหน้ากลับไปมองและหยิบมือถือขึ้นมาดู


....ไอ้ทีโทรมาแล้ว....


“ว่าไงมึง”

“เออไอ้กัส ตอนนี้กูว่างแล้ว มึงออกมาหากูที่หอนะ ขึ้นมาที่ห้องกูได้เลยเพราะประตูเข้าหอกูมันเสียพอดี”

“ตอนนี้เลยปะวะ”

“เออตอนนี้เลย มาเลยนะ”

“ได้ๆกูจะออกไปละ”

“เจอกัน”



ผมกดวางสายและยิ้มสบายใจขึ้นมาทันที พอได้ยินเสียงไอ้ทีมันพูดอย่างสบายใจก็รู้สึกโล่งขึ้นมาเสียอย่างนั้น ผมคงยังไม่หายกังวลแน่ๆ แต่วันนี้แหล่ะ เรื่องที่ผมกังวลทั้งหมดจะได้ออกไปจากอกของผมเสียที

คล้ายๆกับคำพูดว่าอะไรนะ...ยกภูเขาออกจากอกหรือเปล่า


ผมหยิบเอามือถือยัดใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลังและหยิบเอาเงินไปด้วย พร้อมกับตรวจตรามองห้องให้รอบๆว่าลืมปิดประตูระเบียงหรือไฟห้องน้ำหรือเปล่า เมื่อตรวจความเรียบร้อยภายในห้องจนครบผมก็เดินออกมาจากหอมุ่งหน้าไปยังหอของไอ้ทีทันที




ตอนนี้ผมอยู่ที่หน้าหอของเพื่อนแล้ว แต่สายตาของผมดันเหลือบไปเห็นรถยนต์ที่แสนจะคุ้นเคย...เหมือนรถของเซนจัง แต่ผมเลือกที่จะไม่ใส่ใจอะไร เพราะในเมื่อประเทศไทยไม่ได้มีคนรวยแค่เซนคนเดียวนี่นา คนอื่นอาจจะซื้อรถยี่ห้อแบบเดียวกับเซนมาขับบ้างก็ได้นี่


ผมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจและสาวเท้าเดินไปยังประตูหอพักซึ่งมันก็พังจริงๆอย่างที่ไอ้ทีว่า เพราะผมเปิดเข้ามาได้อย่างง่ายดายโดยไม่จำเป็นที่จะต้องใช้คีย์การ์ดเปิดเลยด้วยซ้ำ ผมเดินเข้ามาไม่รีบเร่งมากเพราะห้องของเพื่อนผมอยู่แค่ชั้นสอง


แต่ทว่าเมื่อผมเดินขึ้นมายังชั้นสองกลับเห็นแสงไฟลอดผ่านออกมาจากห้องของไอ้ที นี่มันไม่ได้ปิดประตูห้องหรอกหรอ..

อันตรายจะตายไป...


ด้วยความเป็นห่วงผมรีบเดินมุ่งหน้าไปยังห้องของไอ้เพื่อนตัวดีทันที แต่ทว่าเมื่อกำลังใช้มือผลักประตูเปิดเข้าไปด้านในกลับต้องชะงักมือค้างเอาไว้อยู่แบบนั้น...



...เสียงของเซน...
 
ทำไมเซนถึงได้มาอยู่ที่นี่กันล่ะ....







:beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:

สปอยไปเมื่อตอนที่แล้ว
ว่าคนร้ายไม่ได้มีคนเดียว...
จากตอนนี้น่าจะรู้แล้วนะคะว่าใคร
ส่วนเหตุผลที่ทำจะมีบอกไว้ในตอนพิเศษ
ซึ่งตอนพิเศษจะมาหลังจากตอนหน้าอีก 1 ตอนค่ะ

ขอให้สนุกน้าาาา บุยบุ้ย

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ไม่นะ อย่าบอกว่า.เซนรู้เรื่องด้วย ม๊ายยย

ออฟไลน์ valenpinkpink

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หรือว่าทีกับเซนเคยคบกัน!!

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ที ตั้งใจให้กัสไปเจอเซน ให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างเซนกับที

ที ชอบเซน อาจขอคบเซน เพื่อมีเซ็กส์เท่านั้น
ก่อนหน้าที่เซนจะมีอะไรกับกัส

ที เลยโกรธกัส ที่จริงทีโกรธผิดคนไหม
แต่โกรธเซนไม่ได้เพราะเซนไม่ได้เป็นอะไรกับที
ทีเลย ทำร้ายกัส ถ่ายคลิปกัส ให้กัสอับอายแทน
แต่ถ้ากัส รู้เห็นว่าเซนกับที มีไรกัน มันก็ทำให้กัสเลิกกับเซนได้

อีกคนที่ปล่อยข่าวกัส ใครกันนะ
เป็นคนที่แอบชอบกัสหรือเปล่า
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ทีนี่ร้ายชะมัด,,,

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ว่าแล้ว เฮ้อออ  :เฮ้อ: เวลามีเรื่องแบบนี้สงสัยเพื่อนสนิทไว้ก่อนเลยร้ายสุดละ สงสารกัสจริงๆ  :z6: :z6: ทีกับเซนล่วงหน้า

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออออออ  :katai1:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :m16:


หอกข้างแคร่ !!

ออฟไลน์ A_bookworm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ค้างมากอ่าาาา :z3: :z3: :z3: :z3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด