[เรื่องสั้น] เพลง(รัก)... ไม่รู้จบ | เป็นทุกอย่าง 2.1 |
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] เพลง(รัก)... ไม่รู้จบ | เป็นทุกอย่าง 2.1 |  (อ่าน 1427 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ppkhth

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************







[เรื่องสั้น] Secret Love
[เรื่องสั้น] ✕ MY UNCLE ✕
[เรื่องสั้น] ✩ เล่นสวาท ✩
[เรื่องสั้น] ♡ เมื่อพี่สาวผมเป็นสาววาย... (ಥ_ಥ) ♡

เรื่องยาวเรื่องแรก...
[ 37 ℃ ] อุ่นรัก...พี่เลี้ยง ♡。◕‿◕。





ชี้แจง
ปกติ หรือไม่ปกติ ก็เป็นคนคนชอบฟังเพลงแล้วนึกถึงเรื่องราวของคนสองคนอยู่แล้ว
จู่ ๆ ก็เกิดปิ๊งไอเดียออกตอนทำโปรเจกต์แบบไฟจี้หาง
เลยตั้งใจว่าจะแต่งเรื่องสั้นจากเพลงค่ะ
จั่วชื่อเรื่องเป็นเพลง ตอนอ่านก็ลองเปิดเพลงฟังกันดูนะคะ 55555
Enjoy Reading ka :)
 





Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-10-2017 12:47:13 โดย Ppkhth »

ออฟไลน์ Ppkhth

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

-เป็นทุกอย่าง-





'น้ำ... มึงเป็นทุกอย่างสำหรับกูจริง ๆ '


เป็นเพื่อนเธอไปดูหนัง...อยู่ด้วยกันตอนเธอเหงา
ฟังทุกเรื่องราวที่เธอระบาย...ยาวจนเช้าฉันก็ยังยินดี
แม้ไม่ใช่คนพิเศษ...ไม่ได้สำคัญสำหรับเธอ


"ไอ้น้ำ กูอยากไปดูหนัง"

"มึงก็ไปดิ"

"มึงไปกับกูดิ" พีรพัฒน์พูดอย่างเอาแต่ใจ 

"เห็นไหมว่ากูทำงาน"

"น่าาา~ ไปเป็นเพื่อนพี่พีหน่อยนะจ๊ะน้องน้ำ เดี๋ยวพี่พีเลี้ยงเองนะ" ร่างกระตึ๋งหนึ่งของพีรพัฒน์สวมกอดร่างที่นั่งโต๊ะคอมพ์ไม่ยอมหันมามองเจ้าตัวสักนิด แถมยังเอ่ยปากไล่

"รำคาญว่ะพี" อรรนพขืนตัวกางแขนออกให้เพื่อนสนิทปล่อยออก "กูไม่ว่างมึงจะไปก็ไปเองดิ"

"มึงอ่ะ" คนตัวเล็กวางท่างอนตุ๊บป่องย้ายไปนั่งกอดอกอยู่ปลายเตียงแทน

อรรนพเหล่มองเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กแล้วแอบถอนหายใจออกมา ไม่ใช่ว่าไม่อยากไปด้วยหรอกแต่งานยังคาอยู่แบบนี้ อีกทั้งตั๋วหนังที่อยู่ในมือมันก็ไม่ได้คิดจะชวนเขาไปแต่แรก เพราะใจจริงมันตั้งใจชวนแฟนเด็กมันไปดูต่างหาก ทว่าทุกอย่างดันพังลงไม่เป็นท่า...เมื่อคนรักรุ่นน้องติดลงสำรวจข้อมูลทำวิทยานิพนธ์ปีสุดท้าย ผลเลยมาตกอยู่ที่เขาแทน

ห้องนอนสีทึบตกอยู่ในความเงียบอยู่นานจนความอดทนอันน้อยนิดของพีรพัฒน์หมดลง

"จำไว้เลยนะไอ้น้ำ"

ว่าแล้วเจ้าตัวก็ลุกขึ้นจากปลายเตียงของเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยออกจากห้องไปโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูห้องเสียงดังปัง คนที่ยังเคลียร์งานตัวเองไม่เสร็จจึงถอนหายใจออกมาเสียงดังได้เสียที และถอดแว่นออกวางไว้กับเครื่องพีซีที่เข้าสู่โหมดสลีปไปเรียบร้อยแล้ว

ร่างสูงลุกจากเก้าอี้ล้อเลื่อนยืนขึ้นเต็มความสูง บิดขี้เกียจคลายกล้ามเนื้อจากการนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่หน้าคอมพ์นานให้กระดูลั่น มือที่จับแต่เมาส์และแป้นคีย์บอร์ดคว้าผ้าเช็ดหน้าเดินเข้าห้องน้ำจัดการล้างหน้าล้างตาให้พอสดชื่น

ทั้งที่วันนี้เขาต้องแก้ไขโปรแกรมนี้ให้เสร็จพร้อมใช้งานในวันพรุ่งนี้ แต่ก็ยังเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบกางเกงยีนส์ขึ้นมาใส่ทับบ๊อกเซอร์ และเปลี่ยนจากเสื้อยืดตัวเก่าเป็นเชิ้ตสีดำ ทาครีมบำรุงไม่ให้ดูโทรมจนเกินไป จัดทรงผมให้พอเข้าที่เข้าทาง ใส่นาฬิกาที่เพื่อนสนิทซื้อให้ในวันเกิด

โอเค เท่านี้ก็ออกไปข้างนอกได้แล้ว

อรรนพเปิดประตูห้องนอนไม่เจออีกคนที่อาศัยอยู่ด้วยกัน เลยไปเคาะประตูหน้าห้องมันแทน

'ก๊อก ๆ'

ยืนรอไม่ถึงสองวิเจ้าของห้องก็แสดงตัวพร้อมกับหน้างอง้ำราวเด็กไม่รู้จักโต แต่พอเห็นว่าอรรนพอยู่ในชุดพร้อมออกไปข้างนอก ใบหน้านั้นจึงแสดงถึงความปรีดีดูลิงโลดจนเผลอคลี่รอยยิ้มออกจนเต็มแก้ม

"ไปดูหนังกัน!"

"เออ จะไปก็แต่งตัวเร็ว ๆ "

ถึงไม่อยากไป แต่สุดท้ายเขาก็ยอมมันอยู่ดีนั่นแหละ



เป็นคนโทรปลุกตอนเช้า...คอยเฝ้าถามและห่วงใย
อยากที่จะรู้ว่าเธอเป็นไง...ในเวลาที่เธอไม่เหลือใคร
แม้เธออาจไม่เห็นกัน...ในบางวันที่เธอไม่ทุกข์ใจ



"น้ำมึงไม่กลับบ้านบ้างวะ ป้านีกับฟ้าถามหามึงบอกให้กลับบ้านบ้าง"

คนกินมาม่าคัพไม่ได้สนใจคนที่บ่นกระปอดกระแปดหลังจากกลับบ้านไปเมื่อวานนี้ เพราะบ้านเขาทั้งสองคนอยู่ใกล้กัน และรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ พ่อแม่เองก็สนิทกันทำให้พวกเขามักจะเล่นด้วยกันเสมอ เพราะพีรพัฒน์เป็นน้องเล็กของบ้านร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรงนักเพราะออกก่อนกำหนด ส่วนเขาเป็นลูกคนกลางห่างจากพี่คนโตสี่ปี ห่างจากน้องสาวอีกหกปีถูกแม่ให้พามารู้จักกับเด็กตัวกะเปี๊ยกขี้มูกย้อย นั่นคือจุดเริ่มต้นของ 'ไอ้น้ำ' กับ 'ไอ้พี'

พวกเขาเรียนจบกันได้และใกล้จะรับปริญญากันแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ย้ายออกจากคอนโดที่ซื้อไว้เพราะเขาเองก็อยู่ที่นี่จนชินแล้วส่วนพีรพัฒน์พอเห็นว่าเขาไม่กลับบ้านจึงขอแม่อยู่ต่อและแน่นอนว่าคนที่ทุกคนโอ๋อย่างมันขออะไรแม่มันก็แทบฝากฝังให้เขาดูแลมันเหมือนลูกในไส้

เรื่องค่าใช้จ่ายพวกเขาก็ยังคงหารครึ่งกันเท่าเดิมเพราะเรียนจบมาอรรนพก็เลือกทำงานฟรีแลนซ์คือเอากลับมาทำที่บ้าน พีรพัฒน์เองก็เหมือนกันแต่รายนี้ไม่ค่อยรับงาน มันบอกว่าทำงานทั้งวันทั้งคืนแบบเขาคงได้ใช้เงินในห้อง ICU แต่พอปลายเดือนเงินหมดก็มักจะมาอ้อนวอนให้เขาเลี้ยงนั่นเลี้ยงนี่ตลอด

"กูเพิ่งกลับไปเมื่อสิ้นเดือน ไว้สิ้นเดือนอีกค่อยไป" อรรนพพูดก่อนคีบเส้นเข้าปากแล้วสูดเสียงดัง

"กินมั่ง"

"อยากแดกก็ต้มเอง"

คำตอบของอรรนพถูกเมินสนิทมือเรียวเล็กผิดจากอีกคนดึงแก้วมาม่าที่เหลือ แย่งตะเกียบจากมาสูดเส้นเข้าปากก่อนกระดกซดน้ำเสียงดังพอกันจนหมดแล้วค่อยวางคืนเจ้าของ

"อย่างก ๆ ได้ข่าวว่างานที่แล้วได้มาเหนาะ ๆ สามหมื่นแค่มาม่าถ้วยเดียวมึงงกเหรอน้ำ หืมมม มึงงกเหรอ" ไอ้ตัววุ่นถาม

"แล้วหมาตัวไหนโยนงานนี้ให้กูเองล่ะห้ะชายพี หือออ หมาตัวไหน"

อรรนพย้อนกลับ เพราะงานนี้เป็นงานที่คนตัวเล็กรับมาแล้วเอามาให้เขาทำแทนอ้างว่าช่วงนี้พักผ่อนน้อยเกินไปทำให้ขอบตาคล้ำและโทรมมันเลยโยนงานนี้มาให้เขาทั้งที่เขาเองก็แทบไม่ได้หลับได้นอนพอกัน

ใครว่าทำงานฟรีแลนซ์สบาย บอกเลยว่าไม่สักนิดถึงเงินจะดีแต่ก็ต้องแลกด้วยเวลาทั้งสุขภาพร่างกายอีก แล้วยิ่งคนที่ห่วงหล่ออย่างคุณชายพีแล้วล่ะก็นะ

"มึงก็รู้ว่ากูนอนน้อยไม่ได้เดี๋ยวขอบตาดำ" มันชี้นิ้วให้ดูขอบตามัน

"แล้วกู" เลยชี้ให้มันดูขอบตาเขาบ้าง ดำกว่ามันไปหลายเท่านัก

"เอาน่า ๆ วันนี้งานเสร็จแล้วช้ะ?(วิบัติเพื่อเสียง)"

"เออ"

"พอดีเลย พรุ่งนี้กูเพิ่งนัดกับสยามไปดูรองเท้าที่เซ็นทรัล มึงไปกับกูด้วยนะ"

"มีเวลาว่างทำไมไม่นอนวะ"

"เหงา คิดถึงพวกมัน นานจะได้รวมตัวด้วยขาดมึงก็เหงาตายห่า" เจ้าตัวเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ แต่เขาก็รู้ว่าจริง "ว่าไง ไปป่ะ"

"เออ" รับคำง่าย ๆ 

"เด็กดีที่สุด" ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นยีหัวเพื่อนตัวโตประหนึ่งเห็นเขาเป็นเจ้าโกลเด้น รีทรีฟเวอร์(Golden Retriever) ที่เลี้ยงเอาไว้ที่บ้าน

"เดี๋ยวมึงจะโดน"

ขู่ไปอย่างนั้น เพราะพีรพัฒน์รู้ดีว่าเขาไม่ทำมันอยู่แล้ว

.

.

"ไอ้เชี่ยน้ำ ตาโหลฉิบหายยยย พี้ยามาเหรอมึงฮ่า ๆ "

ธนพนธ์หัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อเห็นหน้าเพื่อนที่อดหลับอดนอนสามวันสามคืนติดทำให้ขอบตาเขียวคล้ำอย่างเห็นได้ชัดแม้จะสวมแว่นกรอบสีขำพรางไว้บ้าง ทำให้คนที่คีพลุคอยู่เสมอตวัดสายตามองเพื่อนวัยเด็กอีกคน

พีรพัฒน์รู้ความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนของพวกมันทั้งสองคนแล้วก็ช็อคไปพักใหญ่ก่อนจะถามเขาว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ซึ่งเขาเองก็ได้แต่บอกว่าไม่รู้ ช่างมันเถอะจนมันเลิกถามไปเอง แต่ถึงจะรู้ว่าเป็นเกย์แต่พวกเขาก็ยังคบกับฉันท์เพื่อนอยู่ดี

"หนวกหู" เป็นสยามที่นั่งเล่นเกมอยู่ยัดแซนด์วิสเข้าปากแฟนตัวเอง

"เชี่ยหยาม!"

"บอกว่าหนวกหูไง"

สยามเหล่สายตาคมใส่คนข้างกายก่อนกลับไปสนใจกับเกมในมือถือต่อ ส่วนคนข้าง ๆ เขานั้นก็ไม่ได้ต่างกัน หลังจากไปหิ้วรองเท้าจากช็อปมาได้คนละคู่สองคู่พวกเขาก็มาหาที่นั่งพักในคาเฟ่เล็ก ๆ สั่งของกินเล่นมาสองสามอย่างแล้วนั่งถามไถ่สารทุกข์สุกดิบหรือกาเรื่องคุยสัพเพเหระไปเรื่อย เว้นก็แต่สองคนที่นัดแนะกันมาก่อนนี่แหละเอาแต่นั่งเล่นเกมตั้งแต่หย่อนก้นลงเก้าอี้

"กูจะลบเกมมึงทิ้ง" ธนพนธ์พูดอย่างเซ็ง ๆ มองหน้าเขาอย่าขอความคิดเห็น

"หยามมึงดันป้อมไป เดี๋ยวกูจะไปล่อมัน"

คราแรกก็จะไม่ออกความเห็นอะไรหรอก แต่พอได้ยินคนด้านข้างมัวแต่สนใจเกมอีกคนแล้วมันก็...

"กูก็ว่างั้น"

อรรนพนั่งได้สักพักก็ชักจะปวดเบาขึ้นมา เลยมาเข้าห้องน้ำคนเดียวระหว่างที่เดินกลับอยู่ก็บังเอิญเจอใครบางคนที่ไม่อยากเจอเสียด้วยสิ

"อ้าวพี่น้ำ" เธอเดินเข้ามาทักพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน "พี่พีมาด้วยเปล่าคะ"

"อืม" อรรนพตอบแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตรเช่นทุกที

"เออ งั้นฉันไปหาพี่พีก่อน แกสองคนจะไปกับฉันป่ะ"

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันรอที่..."

"โอเค ๆ เดี๋ยวมา" บอกกับเพื่อนก่อนหันมาพูดกับเขา "ไปกันค่ะพี่น้ำ"

เขาพยักหน้าน้อย ๆ แล้วยิ้มให้สองสาวเพื่อนของเธอก่อนจะเดินนำฐิติกาญจน์ หรือปิม แฟนของเพื่อนเขานั่นเอง ระหว่างทางที่เดินมาก็คุยกับเขามาเรื่อย ๆ

 “พี่น้ำคะ รู้ไหมเพื่อนปิมมันชอบพี่มากเลยนะ...จนมันคะยั้นคะยอให้ปิมมาขอเบอร์พี่ให้มัน แต่ปิมก็บอกให้มันมาขอเอง นี่สงสัยยัยอันจะเขินจนไม่กล้ามาขอสักที”

"อ้าว เป็นงั้นไป พี่ดูน่ากลัวเหรอ"

"ไม่ได้น่ากลัวหรอกค่ะ แต่พี่พีน่ะสิไปบอกกับเพื่อนปิมว่าพี่น้ำเจ้าชู้"

"เชื่อไอ้พีมัน มันเพ้อเจ้อ"

"ปิมก็เชื่ออย่างนั้นค่ะ" เธอป้องปากหัวเราะ

อรรนพเหลือบมองหญิงสาวด้วยใบหน้ายิ้มน้อย ๆ ตามที่เจ้าตัวชอบทำเสมอ ปิม แฟนสาวของพีรพัฒน์เป็นคนน่ารัก สูงไม่ถึงหนึ่งร้อยหกสิบตามสเป็กคนตัวเล็กอย่างมัน เป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะมองโลกในแง่ดี สดใสร่าเริงจนเขาเองยังชอบคนลักษณะแบบนี้เช่นกัน

เขาสองคนเดินคุยกันมาตลอดทางโดยรักษาระยะห่างเอาไว้พอประมาณจนมาถึงโต๊ะ ธนพนธ์ดูตกใจที่เห็นหน้าแฟนของเพื่อนตัวเล็กทั้งยังเดินมาพร้อมกับเขาอีก ส่วนสยามนั้นแค่เหลือบมองแค่แป๊บเดียวก็สนใจเกมในจอต่อจะมีก็แต่คนที่ติดเกมจนฝังหัวนั่นแหละที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว

"พี่พี!"

"เชี่ย!" อุทานออกมาอย่างลืมตัว

"พี่พีพูดไม่เพราะนะคะ" ฐิติกาญจน์หัวเราะเมื่อเห็นว่าแกล้งแฟนสำเร็จ

"ปิมมาได้ไงครับ ไหนว่าจะไปปากเกร็ดกับเพื่อน" เมื่อเห็นแฟนตัวเองโทรศัพท์ที่ค้างเกมอยู่ในมือก็ถูกส่งให้อรรนพทันที และเขาก็รับมาเล่นต่ออย่างรู้หน้าที่

"พายัยอันกับ ยัยบีมาซื้อของค่ะ แล้วพี่พีมาทำอะไรคะ"

"มาซื้อรองเท้าครับ นัดเจอพวกนี้มันด้วย"

พวกนี้ที่ว่าหมายถึงธนพนธ์กับสยามที่จู่ ๆ นั่งหยอกกันเสียอย่างนั้น จนเขาชักจะทนไม่ไหว...

"เหม็นความรัก"

"อิจฉาล่ะสิมึง เหม็นคนโสด"

ก็โสดรอมึงนี่ไง...ควาย

ใบหน้าหล่อแต่โทรมเงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์ก่อนจะก้มลงเล่นต่ออย่างไม่ใส่ใจแม้หูกำลังทำงานได้อย่างดีเยี่ยม ได้ยินมันคุยอะไรงุ้งงิ้งกับแฟนสาวอยู่หลายประโยคแต่เสียงเบาจนจับรูปประโยคแทบไม่ได้

"เออ พวกมึงเดี๋ยวกูว่าจะไปกับปิมเลยนะ"

"อ้าวเหรอ? น้องเขาไปทำงานป่ะไม่ได้ไปเที่ยว" ธนพนธ์เอ่ยถามแทน

"ไปเก็บข้อมูลที่ปากเกร็ดค่ะพี่แบงค์ แต่พี่พีเขาบอกว่ามีแต่ผู้หญิงอันตรายค่ะ"

"ก็จริงนี่ครับ ให้พี่ไปขับรถให้นะ ๆ "

"ปากบอกว่าเหงาอยากเจอเพื่อนเจอฝูง พอเจอแฟนแล้วชิ่งเลยนะสัส" ลูกเจ้าของร้านทองว่าขำ ๆ ก่อนโบกมือไล่ "ไปไหนก็ไปเลย เดี๋ยวกูพาน้องน้ำกลับไปส่งเอง"

"แต๊งกิ้วจ้ะเพื่อนแบงค์ กูไปก่อนนะสยาม น้องน้ำฝากดูโทรศัพท์พี่ด้วยนะจ๊ะ บ๊ายบาย" ว่าแล้วก็เดินโอบไหล่แฟนมันออกไป

น้องน้ำพ่อง...

ใบหน้าหล่อพร้อมความโทรมเผยหน้าเซ็งออกมาแบบไม่อยากเกร็งกล้ามเนื้อ อยากจะวางโทรศัพท์สีดำรุ่นล่าสุดทิ้งแต่เจอสายตาดุ ๆ ของสยามทำให้ต้องฝืนเล่นต่อไปจนจบเกม

ธนพนธ์ชอบบอกว่าเขาเป็นคนฉลาด และรู้ทันคนอื่นเสมอ เขาเองก็ชอบคำชมนี้อยู่เหมือนกันมันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองสามารถควบคุมอะไรได้หลายอย่าง หรือกระทั่งนั่งมองเพื่อนแอบรักเพื่อนอีกคนโดยไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยจนเวลาผ่านพ้นไปหลายปีจนมันเอ่ยปากถึงได้ยอมช่วย

แต่พอเป็นเรื่องของตัวเองแล้วอรรนพคิดว่าเขาไม่ได้เป็นคนฉลาดหรือทันคน เขาแค่วิเคราะห์สถานการณ์ได้ดีในระดับหนึ่ง แต่กลับไม่ฉลาดพูดฉาดทันคนแถมยังถูกชักจูงได้ง่ายดายเพียงแค่คนนั้นเป็นพีรพัฒน์...

"ไง จ๋อยเลยสิมึง"

"จ๋อยพ่อง" เขาวางโทรศัพท์ในมือทันทีเมื่อป้อมที่อุตส่าห์กันไว้แตก

"มึงนี่ไม่น่าเป็นคนดีได้ขนาดนี้ว่ะ" เพื่อนผิวสีแทนพูดขึ้นบ้าง

"กูดูเป็นแบบนั้นเหรอ"

"แสดงเป็นเพื่อนที่แสนดีได้เนียนขนาดนี้ยังกล้าพูด" อีกคนพูดเสริม เพราะมันก็รู้จักกับเขากับพีรพัฒน์มาไม่ใช่น้อย ทุกการกระทำย่อมอยู่ในสายตาของมันเสมอ

"กูไม่ได้เป็นคนดี"

“เหรอ? แล้วที่ทำตัวเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงไปวัน ๆ นี่คือ?”

เอาเป็นว่าทุกคนก็รู้กันอยู่แล้วว่าเขาคิดยังไงกับเพื่อนที่คบกันมาแต่เด็ก แต่ที่เขาทำไม่ใช่การแสดงเป็นเพื่อนที่แสนดีหรอก อรรนพไม่ใช่คนดีขนาดนั้น

อรรนพดันแว่นให้เข้าที่ก่อนคิดหาคำตอบว่าสิ่งที่เขาทำนั้นคืออะไร

"ก็แค่เป็นทุกอย่างที่มันขอนั่นแหละ"

มันก็แค่ความสุขเล็กน้อยที่เขาพร้อมจะทำให้มันได้เสมอ





ทำได้แค่เพียง...แค่ทุกๆอย่างที่เธอขอ
จะนานเท่าไรไม่ว่าเมื่อไร...ก็พร้อมจะยอมทำให้เธอ



"พีไม่ได้คุยกับใครพีทำงาน.... ปิมอย่างงี่เง่าดิ"

เสียงแหบห้าวของคนตัวโปร่งบางกำลังยืนคุยโทรศัพท์ตรงระเบียง ความจริงอรรนพไม่ใช่คนไม่มีมารยาทมาแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์ เพียงแต่เขาหิวน้ำและน้ำในห้องก็หมดขวดพอดีจึงออกมากินในครัว แต่ไม่คิดว่าจะเจอกับแจคพ็อตเข้าเต็ม ๆ แถมดูเหมือนฝ่ายนั้นจะลืมแม้กระทั่งปิดกระจกบานเลื่อนให้สนิททำให้เสียงตะโกนเมื่อครู่เล็ดลอดเข้ามา

"พีไม่ได้จะว่าปิม แต่พีทำงานอยู่จริง ๆ "

"ก็แล้วแต่ปิมแล้วกัน"

"อยากเลิกก็ตามใจ"

อรรนพเมินสายตาจากเพื่อนเมื่อมันหันกลับมาแล้วเจอเขาเข้าพอดี อรรนพจึงก้าวขาไปห้องครัวเพื่อดื่มน้ำอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก

อ่า... ดูเหมือนว่าจะได้ยินอะไรที่ไม่สมควรเข้าแล้วสิ

"มึงได้ยินเมื่อกี้ใช่ไหม"

เสียงแหบเอกลักษณ์เอ่ยถามด้านหลัง คาดว่าคงจะคุยจบแล้ว

"อือ กูออกมากินน้ำ ไม่ตั้งใจจะแอบฟัง"  ดื่มน้ำหมดแก้วค่อยตอบกลับไป และไม่ลืมที่จะริน้ำใส่แก้วแล้วยื่นให้อีกฝ่าย

"ช่างแม่งเหอะ คนบ้าอะไรงี่เง่าฉิบหาย"

พีรพัฒน์รับแก้วแล้วดื่มต่อไม่ได้สนใจว่าแก้วนั้นจะเป็นแก้วเดียวกับที่คนร่วมห้องดื่มไปเมื่อครู่นี้ แต่ชีวิตประจำวันพวกเขาก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วจึงไม่รู้สึกว่ามันแปลกอะไรที่ใช้ของร่วมกัน

ส่วนเรื่องที่เขาได้ยินนั้นมันเป็นเรื่องส่วนตัวที่เขาไม่อยากออกความเห็นอะไรทั้งสิ้น ต่อให้แฟนของอีกฝ่ายเป็นคนที่เขาคิดว่าดี แต่ผู้หญิงก็คือผู้หญิง นิสัยติดระแวง จับผิดพิรุธย่อมมีติดตัวอยู่ไม่มากก็น้อย

"ผู้หญิงแม่งปัญญาอ่อน!"

"อืม" ได้แต่รับคำสั้น ๆ

"น่ารำคาญเหี้ย ๆ เลิกกันแล้วก็ดี"

"อืม"

"มึงว่างั้นป่ะ"

"อืม"

"กวนตีนกูเหรอ"

"อืม"

"เป็นควายใช่ไหม?"

"มึงสิควาย" อรรนพเปลี่ยนคำตอบทันควัน ถึงที่ตอบมันไปจะไม่ได้ใส่ใจอะไรแต่ก็มีสติอยู่ตลอดเวลา

"มึงแม่ง"

ปากสีสดของมันขมุบขมิบด่าอยู่แน่ ๆ อรรนพก็ไม่เข้าใจว่าทั้งที่มันก็สูบบุหรี่เหมือนกับเขาและเพื่อนคนอื่น แต่ทำไมปากยังเป็นสีพีชเหมือนคนสุขภาพดีห่างไกลสารนิโคตินได้ถึงขนาดนี้

"งั้นกูไปทำงานต่อละ" หลายต่อหลายนาทีพวกเขายืนกันเฉย ๆ สุดท้ายอรรนพก็ขอไปทำงานที่ค้างไว้ต่อ ต่อให้ยังไม่ถึงกำหนดแต่ก็เร่งทำไว้ก่อนจะได้ไม่ต้องตายในวันเดดไลน์

"เดี๋ยวดิ"

"อะไรอีก" ทำหน้าเหม็นเบื่อกับความเอาแต่ใจของมัน

"ไปสูบบุหรี่เป็นเพื่อนหน่อย"

สุดท้ายเข้าก็ยอมมานั่งบริจาคเลือดให้ยุงนอกระเบียง พร้อมเบียร์คนละกระป๋องและบุหรี่คนละตัว นั่งทอดอารมณ์ไปเรื่อยเปื่อยฟังเสียงงุ้งงิ้ง ๆ ฟังบ้างไม่ฟังบ้างซึ่งนั่นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

ตอนนี้เขาก็เหมือนพี่อ้อย พี่ฉอด แห่งศูนย์บรรเทาทุกข์ความรัก

"กูนะทำงานไม่ได้หลับได้นอน ทำไม่น้องไม่เข้าใจกูวะ"

"..."

"เป็นแฟนกันไม่เชื่อใจกันบ้างเลย ตลอดเวลามึงก็เห็นว่ากูเคยมีใครที่ไหน"

"..."

"มีแค่มึงนี่แหละ ที่เข้าใจกูที่สุด"

อรรนพทำหน้าที่แค่รับฟัง ไม่พูดแย้ง ขัด หรือยุยงอะไรทั้งสิ้น บุหรี่มวนแล้วมวนเล่าถูกสูบจนเหลือเพียงก้นกรองสีเทาเหมือนตะกอนความรู้สึก ความคิดของเขาล่องลอยไปกับความมืดของท้องฟ้า และไฟนีออนจากตึกในเมืองหลวง

นั่งเหม่ออยู่นานจู่ ๆ แขนข้างซ้ายก็เกร็งตัวอัตโนมัติเมื่อได้รับน้ำนักจากอย่างใดอย่างหนึ่ง หันไปมองจึงเห็นเรือนผมเส้นใหญ่ของคนข้าง ๆ

พีรพัฒน์หลับไปแล้ว... ทั้งยังนอนซบแขนของเขาอีก ร่างสูงจึงกระถดตัวเองให้ต่ำลงมาหน่อยก่อนจะจัดท่าทางให้พีรพัฒน์ซบให้ตรงตำแหล่งไหล่แทนจะได้ถนัดยิ่งขึ้น

เป็นหมอนแล้วกันตอนนี้

"งืม..."

อรรนพมองเจ้าของเสียงเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเพียงแค่ขยับท่าทางให้สบายขึ้นจึงไม่คิดปลุกแม้ว่าไหล่ข้างซ้ายจะชาจนร้อนเพราะถูกอิงมาสามชั่วโมง

เห้อ...

ตั้งแต่เด็กจนโต เคยตามใจมันอย่างไง ตอนนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น

อรรนพไถหน้าจอโทรศัพท์ด้วยมือข้างที่แขนว่างดูพวกนกฮูกพร่ำเพ้อกันในแอพพลิเคชั่นนกสีฟ้า เจออันไหนถูกใจก็รีกดรีทวีต มีบ้างที่ตอบเมนชั่นคุยกับธนพนธ์หรือสยามที่ยังไม่หลับไม่นอนคาดว่าคงทำงานหามรุ่งหามค่ำเพราะมันสองคนทำงานที่บริษัทเดียวกัน ชะตาเด็กวิทย์’คอมจะฟรีแลนซ์ หรืองานบริษัทเอกชนสภาพชีวิตก็ไม่ต่างกันนักหรอก

เขาถ่ายรูปตัวเองกับพีรพัฒน์ที่กำลังฟุบหน้าลงที่ไหล่ของเขาแล้วทวีตรูปพร้อมแคปชั่น

‘เป็นทุกอย่างให้มึงได้หมด เป็นอะไรก็ได้เป็นหมอนก็ได้’

คนตัวโตกว่าหัวเราะเบา ๆ รู้สึกว่าตัวเองกำลังถ่ายรูปอวดแฟนกับเพื่อนในโซเชียลเป็นเด็กน้อยทั้งที่อายุก็ยี่สิบสามแล้ว

อีกไม่ถึงชั่วโมงพระอาทิตย์ก็คงจะขึ้นถึงตอนนั้นแล้วค่อยปลุกมันก็ได้มั้ง

ไม่บ่อยเสียหน่อยที่จะได้อยู่ใกล้กันในระยะนี้นาน ๆ


เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว
แม้ว่าเธอไม่เคยเป็นอะไรกับฉันเลย
ฉันก็แค่คนหนึ่ง...ที่เธอต้องการในบางครั้ง
ได้อยู่ตรงนี้ก็ดีแค่ไหน
...จะหวังอะไรให้มากมาย

TBC.




เรื่องนี้เป็นเรื่องแยกออกมาจากเรื่องเล่นสวาทนะคะ
เอามาลงที่นี่แทนค่ะ
อีกสองตอนก็ปั่นอยู่น้าาา ปั่นพอ ๆ กับงานตอนนี้ค่ะ 55555


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-10-2017 12:43:38 โดย Ppkhth »

ออฟไลน์ Ppkhth

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

-เป็นทุกอย่าง-




“น้ำ... ไปเที่ยวกันป่ะ”




เป็นคนที่เคยแอบรัก...เป็นคนที่เคยแอบหวัง
เป็นคนที่เธอให้ความสำคัญในวันที่เธอไม่เหลือใคร
เป็นให้เธอได้ทุกอย่าง...แต่ก็เหมือนไม่มีความหมาย



สถานีขนส่งหมอชิตสอง เวลา 07.10 น. เต็มไปด้วยผู้คน แม้จะไม่หนาตาเหมือนช่วงวันหยุดยาวหรือเทศกาลก็ตามที ร่างสูง 184 เซนติเมตรยืนรอรถด้วยท่าทีสงบนิ่ง ต่างจากพีรพัฒน์ที่นั่งก้มหน้านิ่งคาดว่าน่าจะหลับเพราะตื่นเช้ากว่าปกติอยู่มาก หากเป็นวันอื่น ๆ กว่าจะตื่นก็สายโด่ง ไม่ก็เที่ยงวันไปแล้วโน่นแหละ
 
เมื่อรถจอดประจำที่แล้วจึงปลุกคนตัวเล็กนั่งสัปหงกให้ตื่นแล้วรีบขนเป้ใบใหญ่จุเสื้อผ้าไว้สำหรับเจ็ดวันหกคืนทั้งสัมภาระจุกจิกใส่ใต้ท้องรถก่อนขึ้นไปนั่งรอบนรถรอรถออกจากท่า คนที่เพิ่งเคยนั่งรถทัวร์ครึ่งแรกดูตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยกับรถปรับอากาศสองชั้นครั้งแรก

การเดินทางครั้งนี้ไปกันแค่สองคนเนื่องจากธนพนธ์และสยามหยุดกะทันหันไม่ได้ แต่บอกว่าถ้ายื่นลาพักร้อนได้ก็จะตามมาทีหลัง เพราะคงจะเป็นห่วงเพื่อนที่อยู่ในอาการอกหักต้องการที่พักใจ ถึงมองดูแล้วพีรพัฒน์จะยังยิ้ม หัวเราะเหมือนปกติแต่เขาก็รู้ดีว่ามันคือแผลอักเสบที่ยังสาหัส

“มึงนั่งเฉย ๆ ได้ไหม” เอ่ยถามอย่างนึกรำคาญคนขอนั่งริมหน้าต่างที่ยังขยุกขยิกเดี๋ยวเปิดม่านดูข้างนอกที ชะโงกมองที่นั่งอื่นที

“มึงไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยเหรอ นั่งรถทัวร์ครั้งแรกเลยนะเว้ย”

“ไม่อ่ะ ตอนเด็กกูเคยนั่งไปทัศนะศึกษามึงลืมแล้วเหรอ? มีแต่มึงนั่นแหละที่มัวห่วงเล่นตากแดดจนไม่สบายสุดท้ายเลยอดไป”

“อย่าขยี้พี่ขอ”

พูดถึงวัยเด็กแล้วพีรพัฒน์ก็หน้าง้ำงอลงเพราะตัวเองในตอนนั้นป่วยง่ายทำให้เล่นกลางแดดนิดหน่อยก็พาลจะเป็นไข้เอาเลยทำพลาดโอกาสไปทัศนะศึกษานอกโรงเรียนอยู่บ่อยครั้ง หนำซ้ำตอนอยู่ม.ปลายก็มัวไปเที่ยวกับครอบครัว ขึ้นมหาวิทยาลัยก็ไม่มีรับน้องนอกสถานที่ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่คนตัวเล็กได้นั่งรถทัวร์

“เอ้า” อรรนพยื่นแผงยาสีเหลือที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าขมไปให้

“อะไรอ่ะ” พีรพัฒน์รับมาแบบงง ๆ

“ยาแก้เมารถ” ก่อนอธิบายเพิ่ม “มึงเพิ่งนั่งรถทัวร์ครั้งแรกกินกันไว้ก่อนเดี๋ยวต้องขึ้นเขาอีก”

ความใส่ใจเล็กน้อยทำให้คนเพิ่งอกหักใจชื้นขึ้นมาบ้าง พีรพัฒน์แกะยาเข้าปากและรับน้ำที่เปิดฝารออยู่แล้วมาดื่มตาม เรียวปากสีสดนั้นยิ้มบางให้เพื่อนสนิทที่คอยดูแลตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ๆ แม้กระทั่งตอนนี้อรรนพก็ยังคอยเอาใจใส่อยู่เสมอ

“มองเหี้ยอะไร”

...ถึงจะปากหมาไปหน่อยก็เถอะ

“มองควาย”

“มึงสิควาย เงียบได้แล้วรถกำลังจะออกแล้ว”

อรรนพดันแว่นสายตาให้เข้าที่ก่อนยื่นหูฟังที่แกะสายพันยุ่งเหยิงออกตอนไหนไม่รู้ให้คนติดฟังเพลงเวลานั่งรถทางไกล แล้วค่อยเอนหลังกับเบาะพร้อมหลับตาลง

“ท่าเยอะสาดดดด”

รถทัวร์บริษัทเพชรประเสริฐขับออกจากสถานีขนส่งหมอชิตมุ่งหน้าสู่เพชรบูรณ์ ส่วนปลายทางของทริปพักผ่อนหัวใจคือ...ภูทับเบิก

.

.

.

รถทัวร์จอดเทียบท่า บขส.เพชรบูรณ์ตอนเวลาบ่ายโมงกว่านิดหน่อย เขาทั้งสองคนลงรถด้วยท่าทางอ่อนเพลียเนื่องจากนั่งรถทางไกลเป็นเวลานาน รถเที่ยวนี้สิ้นสุดปลายที่ตัวเมืองเพชรบูรณ์เท่านั้น แต่อรรนพได้วางแผนไว้แล้วว่าเขาต้องนั่งรถสองแถวเพื่อไปหล่มสักและเช่ารถไปภูทับเบิก เกิดเป็นความวุ่นวายขนาดย่อมเล่นเอาคนไม่เคยเดินทางด้วยรถโดยสารบ่นอุบ

“มึงอยากมาแบบนี้ไม่ใช่เหรอวะ” อรรนพเริ่มเซ็งแล้วเหมือนกันระหว่างรอรถ ร้อนทั้งร้อน แถมยังต้องมานั่งฟังไอ้คนอยากมาบ่นอีกด้วย

“ก็ในกระทู้พันติ๊บมันบอกว่ามาแบบชิก ๆ คูล ๆ อ่ะ กูจะไปรู้เหรอว่ากว่าจะเป็นฮิปสเตอร์มันต้องขนาดยุ่งยากนี้อ่ะ”

ไอ้ตัวดียังบ่นกระปอดกระแปด เขาก็ทำได้แค่ส่ายหน้ากับความคิดของมัน ก็ว่าอยู่ว่าทำไมถึงอยากมารถโดยสารทั้งที่เขาแย้งแล้วก็ยังไม่ฟัง สยามก็บอกว่าเอารถส่วนตัวมาสบายแถมยังใช้เวลาเร็วกว่า หนำซ้ำยังแวะได้สะดวกอีกด้วยก็ไม่เชื่อ เออดี เจอเข้ากับตัวจะได้รู้

แต่ก็ยังคงมีความโชคดีอยู่บ้าง วันธรรมดาที่ไม่ใช่วันหยุดหรือเสาร์-อาทิตย์รถสองแถวออกทุก ๆ สิบนาทีเขาทั้งสองคนจึงรอรถไม่นาน

รถสองแถวคันส้มวิ่งเอื่อย ๆ เทียวรับคนเป็นป้าย ๆ ไอร้อนของแดดยามบ่ายรวมถึงเมฆฝนลอยต่ำชวนให้บรรยากาศร้อนอบอ้าว ระหว่างรถวิ่งผ่านพระพุทธมหาธรรมราชา พีรพัฒน์ก็ยกกล้องมิลเลอร์เลสขึ้นถ่ายได้หลายช็อต และยังคุยกับคนนั้นทีคนนี้ทีเหมือนสนิทกันมานานทำให้เสียงจอแจดังขึ้นตลอดทาง

พอถึงหล่มสักก็ไปนำรถที่โทรมาเช่าไว้ล่วงหน้าออก เป็นรถกระบะขึ้นเขาสี่ประตูการขับค่อนข้างต่างกับตอนขับรถอีโค่คาร์อยู่ไม่น้อยแต่ไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว

เริ่มแรกไปร้านขนมจีนชื่อดังแห่งหนึ่งตามคำบอกเล่าของป้าบนรถโดยสารคันเดียวกันว่าอร่อยซึ่งไม่ผิดหวังจริง ๆ อร่อยสมคำโฆษณา พอกินอิ่มก็แวะกินกาแฟอีกครึ่งชั่วโมงก่อนจะเดินทางไปยังภูทับเบิกในฤดูฝน...

และฝนก็ตก....

“น้ำ มึงขับไหวแน่นะ” พีรพัฒน์อดถามไม่ได้

เมฆฝนที่เคลื่อนตัวต่ำเมื่อก่อนหน้านี้ตกลงหนักจนแทบมองไม่เห็นทาง อรรนพขับรถมาถึงกลางเขาและตอนนี้หมอกลงหนาจนแม้เปิดไฟตัดหมอกแล้วยังมองเห็นเพียงท้ายรถของคันข้างหน้ารำไร คาดว่าตอนนี้ภูทับเปิกคงรถติดไม่ต่างอะไรจากแถวเกษตร-นวมินทร์เป็นแน่

“ขับไหว แค่มองไม่ค่อยเห็นมึงก็ช่วยกูดูด้วย” อรรนพดันแว่นให้เข้าที่

“เออ”

ฝนตกเป็นห่าลงแค่ช่วงสั้น ๆ แต่เกิดหมอกในระยะยาว รถบนเขาทุกคันคลานขึ้นมาพักที่จุดชมวิวบางส่วน บางส่วนก็ขับขึ้นหาที่พักกันยกใหญ่ กลิ่นคลัชกลิ่นยางชวนปวดหัวคลุ้งตลอดเส้นนับเป็นอีกประสบการณ์ที่แปลกใหม่ และเขาอยากให้ผ่านไปเร็ว ๆ

“น้ำ...”

“อะไร”

“กูขอโทษนะ” พีรพัฒน์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าปกติ อรรนพจึงละสายตาจากทางหมอกข้างหน้าเหลือบมองเจ้าของเสียงแวบหนึ่ง

“เรื่อง?”

“กูพามึงมาลำบาก...”

“อย่าปัญญาอ่อนไอ้พี” ถึงจะลำบากอยู่นิดหน่อยก็เถอะ แต่ “กูเต็มใจมากับมึงเอง ไม่ต้องเสียงสั่นขนาดนั้น กูขนลุก” น้ำเสียงสั่นเหมือนคนอ่อนแอไม่เหมาะกับมันเลยให้ตาย 

คนเสียงสั่นเมื่อถูกว่า น้ำตาที่เหลือจะคลออยู่ก็หายไปเปลี่ยนเป็นดวงตาอยากจะถีบไอ้คนขับเสียมากกว่า

“กูไม่ได้เสียงสั่น สัด!”

.

.

.

หลังจากคลานบนเขาเป็นเวลานาน พอถึงที่พักทั้งอรรนพ และพีรพัฒน์ก็หลับราวกับซ้อมตาย เพราะการเดินทางที่ยาวนานทำให้รู้สึกเหนื่อแม้กระทั่งจะลากสังขารไปอาบน้ำกันไม่ไหว แค่เช็คอิน และขนสัมภาระที่เอามาเข้าบ้านพักที่จองไว้ได้ทั้งสองก็จับจองเตียงขนาดหกฟุตพอหาฝั่งตัวเองแล้วทิ้งตัวลงทั้งอย่างนั้นจนสายของอีกวัน

อรรนพตื่นแล้วจึงลุกขึ้นควานหาแว่นที่ถอดเอาไว้บนเตียงเมื่อวานมาใส่ ภาพข้างหน้าชัดขึ้นสิ่งแรกที่ทำคือมองไปยังอีกฟากของเตียงเมื่อเห็นเพื่อนตัวเล็กยังหลับสบายอยู่จึงลุกไปอาบน้ำแปรงฟันจนเรียบร้อยดีแล้วจึงออกจากห้องไปนั่งหน้าระเบียงแทน

บ้านพักที่เขาจองไว้ตั้งอยู่บริเวณริมผา ด้านหน้าเป็นที่สำหรับกางเต็นท์ แต่ดูเหมือนจะบางตากว่าเมื่อวานอยู่ไม่น้อยเพราะเป็นช่วงฤดูฝนแถมเมื่อวานฝนก็ตกหนักทั้งยังลมแรงอีกคงจะเก็บเต็นท์กันไปบ้างแล้วล่ะนะ คราวแรกพีรพัฒน์ก็จะจองเต็นท์นั่นแหละยังดีที่ห้ามเอาไว้ไม่อย่างงั้นคงได้งอแงอีกยาวแน่

ตอนนี้ก็สายมากแล้ว ทะเลหมอกที่ไอ้คนยังนอนอุตุอยู่อยากดูหายไปหมดแต่ทว่าอากาศยังดีมีม่านหมอกปกคลุมอยู่จาง ๆ แดดไม่แรงมากให้บรรยากาศที่เย็นสดชื่นต่างจากกรุงเทพลิบลับ อรรนพเดินไปยังห้องอาหารแบบบุฟเฟ่ เขาปิ้งขนมปังสี่แผ่น และชงกาแฟซองสำเร็จรูปสองแก้วโชคดีที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีคนอยู่เท่าไหร่ น่าจะไปดูไร่กะหล่ำปีกันหมด(จากคำบอกเล่าของพนักงาน)

อาหารเช้าอย่างง่ายถูกนำกลับไปกินที่บ้านพักซึ่งพีรพัฒน์เองก็ตื่นแล้วเช่นกัน แต่ยังไม่ได้อาบน้ำนั่งสะลึมสะลืออยู่หน้าระเบียง

“ไปไหนมา”

“หาเสบียง”

“อือ...” ว่าแล้วก็ทำท่าจะสัปหงก

“ไปอาบน้ำก่อนไป”

“ไม่เอา”

“งั้นไปแปรงฟัน”

“อือ” คนตัวเล็กกว่าลุกขึ้นกลับเข้าไปในห้องอย่างว่าง่าย

กาแฟพร่องไปกว่าครึ่งแก้วแล้วพีรพัฒน์ถึงออกมาอีกครั้งพร้อมกับชุดใหม่ และผ้าเช็ดผม กายมีกลิ่นสบู่ลอยฟุ้งทำให้รู้ว่าอาบน้ำแล้วมานั่งข้าง ๆ มือเรียวเล็กคว้าแก้วกาแฟที่ไม่เหลือความร้อนแล้วกระดกเข้าปากรวดเดียวหมดรวมทั้งจัดการขนมปังปิ้งทาแยมรสส้มไว้ทั้งสองแผ่น

“มึงตื่นมาดูหมอกทันป่ะ” ถามทั้งที่ขนมปังยังคาปาก

“ทันก็เหี้ยละ”

“งั้นพรุ่งนี้ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเลยนะ”

“แล้วแต่มึงเหอะ” อรรนพทำหน้าหน่าย ๆ ไม่ค่อยอยากจะเชื่อมันเท่าไหร่ “แล้วจะไปไหนมั้ย?”

“ไม่อ่ะ ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปดูไร่กะหล่ำแต่ไว้พรุ่งนี้ดีกว่า”

“อืม”

“...”

“...”

ใบหน้าขาวอมชมพูดอย่างคนสุขภาพดีมองวิวด้านนอกอย่างรู้สึกสงบ ทำให้อรรนพมองตามไปพบว่ามันสวยจริง ๆ แต่ภาพวิวมันก็ไม่สามารถดึงความสนใจของเขาได้เท่ากับคนข้างกาย

“น้องน้ำ”

“อะไรชายพี”

“เบื่อกูป่ะ”

“เบื่อ”

“สัด คิดบ้างก็ได้” คนตัวเล็กแยกเขี้ยวใส่ ก่อนจะฉีกยิ้มร่าเริงออกมาพร้อมยกกล้อง DSLR ของเขาที่ไม่รู้ว่าไปแอบรื้อมาจากกระเป๋าตอนไหนขึ้น “ไปถ่ายรูปกัน”



ทำได้แค่เพียง...แค่ทุก ๆ อย่างที่เธอขอ
จะนานเท่าไรไม่ว่าเมื่อไร ก็พร้อมจะยอมทำให้เธอ


อรรนพถูกลากจากบ้านพักมาที่ไร่ริมผาจุดชมวิวซึ่งเป็นที่ ๆ คนพลุกพล่านไม่น้อยถึงจะไม่มีทะเลหมอกแล้วแต่ด้วยความสวยงามทางธรรมชาติทำให้ทุกคนต่างถ่ายรูปเก็บภาพกัน รวมถึงของที่ตอนนี้ก็อยู่ในกลุ่มนักท่องเที่ยวพวกนั้นด้วย

“ตรงนี้ ๆ ”

คนเอาแต่ใจลากเขาให้ไปถ่ายรูปบริเวณที่คนน้อยที่สุด เพื่อให้ได้รูปที่สวยที่สุดคือลงจากผาไปหน่อย ปกติแล้วไม่ค่อยมีคนลงมามากนักเพราะอาจจะกลัว แต่ก็มีบ้างที่ลงมาเก็บรูปกันซึ่งพวกเขาเองก็เช่นกัน

มือเรียวแบบคนไม่ได้ทำงานหนักดันแว่นให้เข้าที่ก่อนยกกล้องขนาดกลางขึ้นถ่ายอย่างชำนาญ เก็บภาพความสวยงามทางธรรมชาติจนพอใจแล้วจึงหันเลนส์กล้องไปทางร่างเล็กที่ยังเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปจากกล้องขนาดพกพาของตัวเองอยู่ ไม่รู้ว่าเขาลั่นกดชัตเตอร์ไปกี่ครั้งกว่าจะรู้ตัวว่าต้องหยุดก็ตอนที่กล้องมิลเลอร์เลสหันกลับมากดชัตเตอร์ใส่เขาเหมือนกัน

“โอ้ว ใช้ได้” เจ้าตัวลดกล้องมาเช็ครูป

“ไหนเอามาดู”

“เอาของมึงมาแลก”

“ไม่เห็นอยากดู” ถ้าให้ดูก็รู้ดิว่าถ่ายรูปมันไปไม่ต่ำกว่าห้าสิบรูป

แม่ง...

“จิ๊!” เสียงเดาะลิ้นดังอย่างขัดใจ “ไหน ๆ แล้วก็ถ่ายให้กูหน่อย แบตหมดแล้วอ่ะ” สมควรหมดอยู่หรอก เมื่อวานถ่ายรูปไปตั้งเยอะแถมเมื่อคืนก็ไม่ได้ชาร์จมันอีก

“เออ ๆ ”

หลังจากนั้นอรรนพก็ได้รูปมาอีกไม่รู้กี่รูปต่อกี่รูป ทั้งรูปที่พีรพัฒน์บอกให้ถ่าย และรูปที่อยากจะถ่าย พอเริ่มเที่ยงแดดจ้าจนแสบตาเจ้าตัวก็เปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นตะลอนกิน และตะลุยถ่ายรูปจนแบตแดงนั่นแหละถึงได้หยุด

“มึงทำไมถ่ายรูปสวยจังวะ หึ้ย”

ร้านกาแฟที่บางตาที่สุดเป็นตัวเลือกแรกที่พวกเขาสองคนตัดสินใจรีแล็กซ์ กล้องที่เขาหวงไว้ในคราแรกตอนนี้ตกอยู่ในมือของคนตัวเล็กซ้ำรูปบางรูปยังถูกลบเหตุผลเพราะนายแบบไม่ชอบ

“กูเก่ง”

“ทำเป็นคุย ที่มึงถ่ายรูปได้เก่งแบบนี้ไม่ใช่เพราะกูเหรอ”

“ก็จริง...ก็ตอนนั้นมึงอยากถ่ายรูปมากจนชวนกูไปซื้อกล้อง และชอบให้กูถ่ายให้จนต้องมาขายต่อกู”

พูดแล้วทำให้นึกถึงตอนอยู่ปีสอง ตอนนั้นเป็นยุคที่เริ่มมีการถ่ายรูปมาแชร์กันมากขึ้นทำให้คุณชายพีที่รักการอ่านกระทู้สีน้ำเงินเกิดอยากได้กล้องจนถึงต้องไปขอคุณหญิงแม่ให้ซื้อให้ แต่พอได้มาแล้วกลับถ่ายไม่ได้ดั่งใจเสียทีเลยชอบใช้อรรนพเป็นคนถ่ายให้ตลอดจนกลายเป็นงานอดิเรกของเขาไปโดยปริยายและตัดสินใจซื้อกล้องต่อจากเพื่อนทันทีเมื่อมันบอกว่าขายต่อ

“เออ ฮ่า ๆ ตอนนั้นกูเซ็งนี่ ถ่ายเท่าไหร่ก็ไม่ดีสักที เทแม่ง”

“สุดท้ายมึงก็ไปซื้อแบบมิลเลอร์เลสมาแทน”

“ตอนแรกกูก็ไม่อยากซื้อหรอก แต่ปิมชอบให้ถ่าย...” จู่ ๆ เสียงนั้นก็แผ่วลงก่อนจะปรับให้เหมือนเดิม “อีกอย่างกล้องมันปรับอัตโนมัติ กูถ่ายรูปสวยขึ้นแล้วนะรู้ยัง”

รอยยิ้มฝืนผุดขึ้นบนใบหน้าคนตัวเล็กทำให้อรรนพถอนหายใจ ไม่ได้ตั้งใจจะสะกิดแผล เขาแค่นึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ เท่านั้นแต่ว่าปัจจุบันมันมีอิทธิพลจนเขาไม่สามารถทำให้อีกคนรู้สึกดีขึ้นได้

“โทษที”

“ไม่เป็นไร กูแค่เผลอคิดถึง”

“แล้วจะไปไหนต่อมั้ย?”

“วันนี้เหนื่อยละ เดี๋ยวต้องเดินลงอีกสองโค้งอีก” ทำหน้ายู่ “ขี้เกียจอ่ะ”

“ไม่ใช่เพราะมึงอยากมาเหรอ” ทั้งเดินหาของกินทั้งถ่ายรูปจนเพลิน รู้ตัวอีกทีพวกเขาก็ขึ้นมาอยู่อีกจุดชมวิวอีกจุดแล้ว

“นั่นสิ” เสียงแหบเอกลักษณ์เจ้าตัวหัวเราะเบา ๆ ทั้งลุกขี้เกียจเป็นสัญญาณบอกให้อรรนพลุกตาม เตรียมกลับที่พัก

เคยมีสักครั้งที่ไม่ตามใจไหมล่ะ



เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว แม้ว่าเธอไม่เคยเป็นอะไรกับฉันเลย
ฉันก็แค่คนหนึ่ง ที่เธอต้องการในบางครั้ง
ได้อยู่ตรงนี้ก็ดีแค่ไหน...


ตั้งแต่เด็กจนถึงวันนี้ไม่ว่าพีรพัฒน์อยากทำอะไร ลูกชายของเพื่อนสนิทแม่ก็มักจะตามใจอยู่เสมอแม้จะมีเรื่องยุ่งยากตามมาทีหลังอรรนพก็มักจะรับผิดชอบร่วมกัน หรือบางทีก็ออกรับแทนไปเสียหมดทำให้พีรพัฒน์เคยตัว เพราะโดนตามใจตั้งแต่พ่อ แม่ พี่ชาย พี่สาว รวมไปถึงบ้านใกล้เรือนเคียงอีกด้วย และนั่นก็ทำให้ไอ้ตัวดีมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเองเป็นหลัก

แต่ถึงอย่างนั้นพีรพัฒน์ก็ไม่ใช่คนที่ก้าวร้าว หรือนิสัยเสีย ส่วนหนึ่งก็มาจากครอบครัวที่ดี และมีเพื่อนคอยห้ามอยู่บ้างหากเรื่องบางเรื่องมันไม่ดี อรรนพกับธนพนธ์ก็มักจะดึงให้คนตัวเล็กอยู่ในความดูแลตลอด เพราะอย่างแรกคือตัวเล็กและร่างกายอ่อนแอเป็นจุดศูนย์รวมของการกลั่นแกล้ง อย่างที่สองพอโตขึ้นมาหน่อยใบหน้าเรียวได้รูปดูหล่อและสวยได้ในเวลาเดียวกัน ผิวขาวอมชมพูแบบลูกคุณหนูทำให้สัตว์ในตัวของนักเรียนชายล้วนอยากจะขย้ำ และสุดท้ายคืออรรนพไม่อยากให้อีกคนละสายตาไปแม้แต่วินาทีเดียว ซึ่งตัวพีรพัฒน์เองเมื่อโตขึ้นก็เรียนรู้ที่จะอยู่เป็นมากขึ้นเช่นกัน

“มึงปิดเครื่องเหรอพี”

“ห้ะ? อือ” เจ้าตัวพยักหน้าพรางกระดกกระป๋องเบียร์เข้าปากชมบรรยากาศด้านนอกระเบียง

“แม่มึงโทรหากู ไอ้หยามกับไอ้แบงค์ก็ห่วงมึง”

เขาสองคนกลับมาถึงบ้านพักก็บ่ายแก่ ๆ จัดการชาร์จแบตกล้องไว้สำหรับถ่ายรูปในตอนเช้าวันพรุ่งนี้และนอนพักกันอีกงีบหนึ่ง พอตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอพีรพัฒน์แล้วมีแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่เป็นน้าพิมพ์ หรือแม่ของอีกคนโทรมาถามเพราะไอ้ตัวดีติดต่อไม่ได้ พอวางสายไปก็มีสายเข้าเป็นของสยามโทรมาบ่นด้วยอีกคน

“เหรอ... ช่วงนี้กูไม่อยากเปิดเครื่องอ่ะ”

“เออ...กูบอกแม่มึงไปแล้วว่าโทรศัพท์มึงแบตหมด ส่วนไอ้แบงค์กับสยามมันก็ด่าใหญ่ว่าเกิดอินดี้อะไร”

“ฮ่า ๆ ”

“ทำคนอื่นเป็นห่วงแล้วยังมานั่งขำ” ร่างสูงโปร่งนั่งลงข้าง ๆ ด้วยความที่ระเบียงมันไม่ได้มีพื้นที่กว้างระยะห่างของพวกเขาก็แค่มีกระป๋องเบียร์กั้นไว้เพียงสิบกระป๋อง

“ห่วงทำไม กูมากับมึงมีอะไรน่าห่วงอีกเหรอ”

“นั่นสิ กูดูแลมึงยิ่งกว่าเด็กปัญญาอ่อนอีก”

“สัด มึงนี่เพื่อนหรือพ่อกูกันแน่”

อรรนพหัวเราะเบา ๆ กับคำเปรียบเปรยนั่น เขาไม่ได้อยากเป็นเพื่อน หรือพ่อมันสักหน่อย ที่อยากเป็นมันมากกว่านั้นต่างหาก

“หรืออยากเป็นผัวกู” เสียงแหบโพล่งออกมาไม่บอกกล่าวทำเอาอรรนพแทบสำลักน้ำลาย

“ห้ะ!?”

“เอ๊า! ก็น้องน้ำยังไม่มีแฟนช้ะ เผื่อเกิดอารมณ์เปลี่ยวขึ้นมาแล้วปู้ยี่ปู้ยำชายพีขึ้นมาล่ะ ตัวยิ่งบอบบางเหมือนผู้หญิงอยู่ด้วย เง้ออออ คนอื่นก็บอกบ่อย ๆ ว่าเราเหมาะสมกัน ง่อวววววว เขินจุง” ยกมือขึ้นกอดอกกางนิ้วปิดที่ตำแหน่งหัวนมสองข้างบิดไปบิดมาราวสาวน้อยเขินอายเป็นภาพประกอบ

“...”

“ทำหน้ารังเกียจแบบนั้นหมายความว่าไง”

“ช่างเถอะ” สายตาแสร้งไร้อารมณ์ใต้กรอบแว่นเสมองไปทางอื่นปกปิดความรู้สึก พร้อมหยิบเบียร์กระป๋องใหม่มาเปิดแล้วกระดกเข้าปาก

ชายหนุ่มลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

เรื่องบางเรื่องเก็บไว้ให้ลึกที่สุดได้ยิ่งดี








TBC





ไม่ได้ทำการโฆษณาแต่อย่างใดค่ะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ยิ่งใกล้..ยิ่งมองไม่เห็น ชายพีอ่ะตื่นซักที  :m16:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด