[เรื่องสั้น] In Time, I'll Find You (One Shot) (END)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] In Time, I'll Find You (One Shot) (END)  (อ่าน 1887 ครั้ง)

ออฟไลน์ Fuyuki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2017 00:08:08 โดย Fuyuki »

ออฟไลน์ Fuyuki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: [เรื่องสั้น] In Time, I'll Find You 14.10.2017
«ตอบ #1 เมื่อ14-10-2017 22:49:00 »

                   In Time, I’ll Find You by Night Rain

            เขาระแคะระคายเรื่องนี้มานานมากแล้ว
            รู้สึกได้ตั้งแต่ยังเรียนอยู่เกรด 10 ว่าพ่อมีความลับ ไม่แน่ใจว่าแม่สงสัยเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า แต่ถ้ารู้ แม่ก็ปกปิดความรู้สึกได้อย่างแนบเนียนทีเดียว
            พฤติกรรมของพ่อแปลกไปมากตั้งแต่กลับจากพักร้อนหลังงานสัมมนาศิลปะกรีกโบราณประจำปีที่กรุงเอเธนส์ พ่อเริ่มใช้เวลาอยู่นอกบ้านมากขึ้นและกลับบ้านดึกจนผิดวิสัย อีกทั้งยังดูมีความสุขกระชุ่มกระชวยอยู่ตลอด ต่างจากอาจารย์มหาวิทยาลัยด้านประวัติศาสตร์คลาสสิคผู้เคร่งขรึมที่เขารู้จักมาตั้งแต่เกิด เขาลองหลอกถามดูหลายครั้งแต่ทุกครั้งพ่อจะแค่ยิ้มตอบแล้วเลี่ยงไปพลิกหน้ากระดาษเก่าคร่ำครึของสารานุกรมภาษากรีกโบราณ
            ยิ่งเวลาผ่านไปพ่อก็ยิ่งหมกมุ่นกับตำนานคลาสสิคจนดูคล้ายศาสตราจารย์สติเฟื่องเข้าไปทุกที และมักจะพึมพำชื่อของใครสักคนด้วยสีหน้าอมยิ้มจนตัวเขาเริ่มวิตก
            หรือพ่อจะมีผู้หญิงอื่น!
            ชายหนุ่มเก็บงำความสงสัยที่คับแน่นอยู่เต็มอกเอาไว้เพียงลำพัง และคอยจับตาดูพ่อทุกฝีก้าวจนหากจะเรียกว่าจ้องจับผิดก็คงไม่ห่างไกลจากความเป็นจริงเท่าไหร่นัก
            เขาจับตาดูพ่อมาตลอดเจ็ดปีเต็ม ซุกซ่อนความสงสัยและวิตกกังวลไว้เนิ่นนาน และไฟในอกที่ถูกสุมมานานปีย่อมเป็นเหมือนระเบิดเวลารอเพียงเหตุการณ์เล็กๆ มาสะกิดให้ทุกอย่างระเบิดตูมออกมา
            ภาพพ่อนั่งคุยอย่างสนิทสนมกับเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่มีเสี้ยวหน้าหวานซึ้งในร้านขนมชื่อดังคือคือสลักที่ถูกดึงรั้งจนใกล้หลุดจากขั้ว
            เขาแอบซุ่มอยู่ในเงามืด เฝ้ามองร่างสูงโปร่งของพ่อหายลับไปในอาคารที่พักกับเด็กร่างเพรียวบางในชุดลำลองที่เหมือนมีประกายเรืองรองบางอย่างซึ่งเขาหาคำจำกัดความไม่ได้
            ชายหนุ่มโกรธจนหน้ามืด ความผิดหวังประดังประเดเข้ามาจนตั้งตัวไม่ติดหากไม่ใช่เพราะเพื่อนสนิทรั้งแขนเขาไว้ล่ะก็...คงสนุกไม่หยอก
            เขายอมกลับมาสงบใจที่บ้าน แต่คืนนั้นกลับข่มตานอนไม่หลับ กระสับกระส่ายรอพ่อเหมือนหนูติดจั่น คอยเงี่ยหูฟังเสียงรถของพ่ออยู่ตลอด
           ในที่สุด เสียงไขประตูบ้านก็ดังขึ้น…
           ...เมื่อเข็มสั้นของนาฬิกาชี้พาดไปที่เลขหนึ่งพอดิบพอดี

           เพราะเหตุนี้ชายหนุ่มจึงหักพวงมาลัยเข้าที่จอดรถหน้าอาคารซึ่งกุมความลับดำมืดของพ่อเอาไว้
           อาคารทรงโคโลเนียลสีขาวสะอาดตาดูเหมาะกับรสนิยมของศาสตราจารย์โบลตันมากพอที่เขาจะเชื่อว่าพ่อซุกผู้หญิงคนอื่นไว้ที่นี่จริงๆ
           ชายหนุ่มกระชับเสื้อโค้ต ก้าวเร็วๆ ฝ่าหิมะเข้าไปกดอินเตอร์คอมหน้าตึก ดีที่วันนั้นเขาทันเห็นเลขที่พ่อกดจึงสามารถพาร่างสูงของตัวเองมายืนเคาะประตูห้อง 403 อย่างก้าวร้าว เสียงเคาะรัวดังฟังดูไร้มารยาท แต่ทรอยไม่ใส่ใจ เขามีเรื่องต้องคุยกับเด็กคนนั้น และถ้าหล่อนยังไม่มาเปิดประตูภายในอีกสิบวินาทีล่ะก็ ความอดทนของเขาคงถึงขีดสุด
            ขณะที่กำลังชั่งใจว่าจะยอมถูกแจ้งข้อหาบุกรุกดีหรือไม่ บานประตูสีขาวก็แง้มออก
            ชายหนุ่มรีบแทรกตัวเข้าไปในห้องทันที ก้าวผ่านร่างเพรียวที่เขาเห็นเพียงแวบเดียวด้วยหางตาเข้าไปในห้องสีขาวสะอาดตา เมื่อเห็นว่าในห้องมีเพียงเฟอร์นิเจอร์สีอ่อนและของตกแต่งไม่กี่ชิ้นก็รู้สึกพอใจขึ้นมาเล็กน้อยที่รู้ว่าพ่อไม่ได้ทุ่มเงินให้กับแม่นี่มากอย่างที่กังวล แต่ก็ไม่ช่วยดับพายุในใจเขาได้
            ระเบิดเวลาในใจเขาถูกดึงสลักออกในที่สุด
            “ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ขอเตือนเลยนะ เลิกยุ่งกับพ่อผมได้แล้ว!” ไม่รอให้เจ้าของห้องเอ่ยถาม ชายหนุ่มก็เปิดประเด็นทันทีด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ทรอยเลื่อนสายตาสำรวจรอบห้องอีกครั้ง ห้องนี้เป็นห้องชุดขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่ดูสะอาดเป็นระเบียบ ของตกแต่งที่มีล้วนเป็นวัตถุโบราณสไตล์กรีกเช่น แจกันเขียนสีที่เรียกกันว่า แอมโฟรา หรือรูปสลักหินเล็กๆ แขวนผนัง ดูสวยงามแต่ไม่ใช่รสนิยมที่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะเลือกมาแต่งบ้าน
            ชายหนุ่มพิจารณา ‘รังรัก’ ของพ่อจนแทบลืมไปว่าตนตั้งใจจะมาสะสางเรื่องคาใจกับเด็กสาว เมื่อนึกขึ้นได้จึงออกจะแปลกใจไม่น้อยที่ไม่ได้ยินเสียงหวานใสเถียงกลับมา
            เพราะสิ่งที่เข้ากระทบโสตประสาทคือเสียงนุ่มชวนฟังของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
            ทรอยจึงรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางศีรษะ
            ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัวเมื่อหันกลับไปปะทะใบหน้าหวานซึ้งของเด็กหนุ่มร่างเพรียวบาง ผู้มีผิวสีน้ำผึ้งสวยกับดวงตาสีเขียวมะกอกกลมโตที่ทำให้เขาแทบหยุดหายใจ
            ให้ตายเถอะ เด็กคนนี้มีเสน่ห์ดึงดูดอย่างร้ายกาจ เหมือนกวางตัวน้อยที่เชื้อเชิญให้กระโจนเข้าขย้ำจนจมเขี้ยว
            “ใครครับ”
            หนุ่มน้อยคนนั้นจ้องเขาด้วยตาโตน่าหลงใหล ทรอยอึ้งไปนิด สะบัดศีรษะไล่ความคิดแล้วกอดอก แสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์
            “รู้จักศจ. โรเบิร์ต โบลตันใช่ไหม” เขารีบถามให้แน่ใจ เริ่มสงสัยตัวเองว่าสมองหรือจอประสาทตาเสื่อมขั้นรุนแรงจนถึงขั้นมองเด็กหนุ่มเป็นเด็กสาวไปได้จริงๆ หรือ อาจเพราะรูปร่างสูงโปร่งและทรงผมที่ค่อนข้างยาวทำให้เขาที่มองผ่านกระจกหน้าร้านขนมเห็นอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง
            เด็กหนุ่มนิ่งไปอึดใจก่อนจะพยักหน้ารับช้าๆ “ใช่ รู้จัก...ร็อบ”
            คราวนี้อารมณ์ที่เริ่มเย็นกลับยิ่งพุ่งสูงเป็นพายุเพลิง เด็กคนนี้ไม่เพียงรู้จักพ่อเขาแต่ยังเรียกชื่ออย่างสนิทสนม นี่มันชักไปกันใหญ่แล้ว
            “คุณ...เป็นใคร” วิธีพูดของเด็กหนุ่มเนิบช้า ทอดเสียงนุ่มแต่กลับเอ่ยออกมาอย่างติดขัดคล้ายไม่ชินกับภาษาอังกฤษ ฟังแล้วแยกสำเนียงไม่ออกว่ามาจากที่ไหน
            “ชื่ออะไร” ทรอยเอ่ย เด็กหนุ่มทำหน้างง
            “หมายถึงข้า...เอ่อ...ผมเหรอ”
            “ก็เออสิ” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด เด็กคนนั้นทำท่านึกอยู่สักพักถึงตอบได้
            “ไฮลาส”
            ทรอยเลิกคิ้ว ชื่อของอีกฝ่ายฟังดูเหมือนหลุดออกมาจากตำนานโบราณจนอดแขวะไม่ได้
            “ไฮลาส เด็กในสังกัดเฮอร์คิวลีสรึไง”
            เด็กไฮลาสนั่นนิ่งไปอีก ท่าทีทั้งชวนมองและชวนหงุดหงิดใจในเวลาเดียวกัน
            “ข้า...ผมไม่รู้ว่าคุณหมายถึงอะไร แต่นั่นเป็นคำภาษาละติน ชื่อจริงของท่านคือเฮราคลีส และใช่ ผมเคยรับใช้ท่าน”
            ได้คำตอบแบบนี้ สิ่งเดียวที่ทรอยทำได้คือจ้องอีกฝ่ายเหมือนเห็นตัวประหลาด

            เขาแวะมาหาเด็กนั่นอีกจนได้
            ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าจะอยู่ให้ห่าง ทั้งๆ ที่สัญชาตญาณบอกเขาว่าเด็กคนนี้อันตราย ที่ว่าอันตรายนั้นหมายถึงเสน่ห์เหลือร้ายของที่ดึงดูดเข้าให้เข้าใกล้อย่างไม่อาจปฏิเสธได้นั่นล่ะ เหมือนหลุมดำที่มีอำนาจดูดกลืนดาวฤกษ์ดาวเคราะห์ในแกแลคซีให้ตกสู่วังวนอันล้ำลึก
            หลังจากการพบกันครั้งแรกที่ไม่โสภานักในวันนั้น ดวงหน้าหวานๆ ของไฮลาสถึงขั้นตามไปหลอกหลอนเขาในความฝัน เขาเลิกคิดถึงเด็กคนนั้นไม่ได้เลย และเมื่อเริ่มคิดทบทวนเพื่อปะติดปะต่อเรื่องราว กลับยิ่งกังวลใจหนักขึ้นเมื่อความจริงข้อหนึ่งกระแทกเข้าจู่โจมความรู้สึกนึกคิดจนตั้งตัวไม่ถูก
            ถ้าพ่อสนิทกับเด็กนั่นขนาดนั้น เป็นไปได้ไหมที่จะมีอะไรเกินเลยไม่ถูกครรลองคลองธรรม หลายปีที่ผ่านมาพ่อใช้เวลากับเด็กคนนั้นในห้องชุดนั่นน่ะหรือ
            ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงขับรถมาที่ห้องของไฮลาสอีกครั้ง หมายมาดในใจว่าครั้งนี้จะต้องถามอีกฝ่ายให้รู้เรื่อง จะเค้นความจริงทั้งหมดจากริมฝีปากหยักสวยนั่นให้ได้
            “สวัสดีครับ” เสียงนุ่มทักมาทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าไป กลิ่นหอมที่ลอยมาเตะจมูกทำให้รู้ว่าเด็กหนุ่มคงกำลังเตรียมอาหารอยู่ในห้องครัว ทรอยลอบกลอกตา รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อวางกล่องอาหารจีนที่อุตส่าห์ซื้อมาเผื่ออีกฝ่ายลงบนโต๊ะแล้วเดินไปชะโงกดูสิ่งที่ร่างเล็กกำลังตั้งใจทำอยู่บนเตา
            “ข้า...ผมทำสตูกรีกแบบที่คุณชอบอยู่นะ ใกล้เสร็จแล้ว” ทรอยเลิกคิ้ว ไฮลาสคงเข้าใจผิดคิดว่าเขาคือพ่อสินะ ถึงได้พูดอย่างสนิทสนมขนาดนั้น คิดได้ดังนั้นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จึงแต้มลึกที่มุมปากเมื่อแผนพิสูจน์สิ่งที่คาใจแบบรวบรัดผุดขึ้นมาในห้วงคิดในวินาทีนั้นเอง
            แขนแข็งแรงอย่างหนุ่มนักกีฬามหาวิทยาลัยเอื้อมออก โอบกระชับเอวเล็กของคนตรงหน้าแล้วกดจมูกลงกับเรือนผมสีเข้มหยักเป็นคลื่นสวยนั่น
            ถ้าพ่อกับเด็กนี่ไม่มีอะไรกัน แน่นอนว่าไฮลาสต้องตกใจร้องโวยวายจนน่าขันแน่ๆ
            ทว่าเหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อเด็กหนุ่มยังคงนิ่ง แม้มือที่กำลังคนสตูว์จะชะงักไปนิด แต่กลับไร้วี่แววคนตกใจจนออกงิ้วอย่างที่ทรอยจินตนาการไว้แต่แรก
            อย่างนี้หมายความว่าอย่างไร พ่อ...กับเด็กคนนี้...เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ อย่างนั้นเหรอ!
            เงียบไปนานหลายอึดใจจนชายหนุ่มเริ่มใจไม่ดี วงหน้าเนียนใสของเด็กไฮลาสจึงค่อยๆ เอี้ยวมา ดวงตาสีมะกอกเบิกกว้าง หากอีกฝ่ายไม่ร้องด้วยความเจ็บ ทรอยคงไม่รู้ว่าตัวเองเผลอกอดรัดร่างเล็กจนแน่น
            “คุณทรอย!” แขนเรียวเสลาเหมือนรูปปั้นนั้นผลักเขาออกด้วยเรี่ยวแรงที่น่าตกใจ เด็กหนุ่มถอยกรูดหลังชนประตูตู้เย็น ดูๆ ไปก็เหมือนลูกกวางจนตรอก ทั้งน่ารักและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน
            ชายหนุ่มยกยิ้มชอบใจ
            “ทำไม นึกว่าพ่อรึไง” เขาเผลอพูดไม่ดีอีกแล้ว กล่าวหาเด็กนั่นด้วยข้อหา ‘ชู้’ ของพ่อไม่เลิกรา
            ไฮลาสหน้าตึง เชิดคางใส่เขา ท่าทีคล้ายเจ้าชายน้อยถูกขัดใจแถมยังมองเขาตาขวางอีกด้วย
            ทรอยเลิกคิ้ว กวาดตาพิจารณาร่างเพรียวตรงหน้าอย่างเปิดเผย เขาเพิ่งสังเกตเดี๋ยวนั้นเองว่ารูปร่างที่ดูเหมือนผอมบางของไฮลาสแท้จริงแล้วมีมัดกล้ามกระชับด้วยเช่นกัน ดูคล้ายรูปสลักเด็กเลี้ยงแกะของแบร์เธล ธอร์วาลด์เซนกำลังจ้องตรงมาที่เขา เรือนผมสีเข้มหยักศกยาวระต้นคอยิ่งส่งเสริมความหมดจดงดงาม แม้จะอยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลมกางเกงอยู่บ้านสบายๆ แต่กลับดูคล้ายมีรัศมีเรืองรองของความเยาว์วัยและความงามสมบูรณ์แบบอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
             ไฮลาสเป็นเหมือนภาพจินตนาการที่มนุษย์มีต่อเทพเจ้ายุคโบราณ
             “ข้า...ผมบอกคุณแล้วนะ ว่าผมกับร็อบเป็นเพื่อนกัน” เสียงของเด็กหนุ่มดึงทรอยออกจากภวังค์ เขาเพิ่งตระหนักว่าตัวเองเผลอจ้องเด็กหนุ่มนานจนเกินไป
            “อ้อเหรอ” ทรอยรู้สึกแปลกใจที่ตัวเองตอบไปแบบนั้น คงเป็นเพราะกลไกการป้องกันความกระดากตามธรรมชาติมนุษย์
            “งั้นเล่าเรื่องตัวนายกับพ่อให้ฉันฟังสิ เอาแบบละเอียด ถ้าฉันจับได้ว่านายโกหกหรือปิดบังอะไรล่ะก็ นายเจอดีแน่”
            สีหน้าของไฮลาสดูงงงันกับสิ่งที่ได้ยิน ราวกับไม่เข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อเท่าไหร่นัก นานทีเดียวกว่าเด็กคนนั้นจะขยับตัวขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์ในห้องครัวที่สะอาดเอี่ยมเหมือนในแคตตาล็อคเครือบริษัทเฟอร์นิเจอร์ชื่อดังจากสวีเดน
            “คุณอยากรู้จริงหรือ”
           พระเจ้าช่วยเถอะ อย่าจ้องเขาด้วยสายตาแบบนั้นได้ไหม หัวใจเขาเหมือนจะกระเด็นออกมานอกออกให้ได้เพราะดวงตาคู่สวยเหมือนอัญมณีคู่นั้น
           ทรอยรีบกลอกตากลบเกลื่อนดึงตัวเองออกจากภวังค์สะกด “เล่ามา อย่าลีลา”
           ไฮลาสจ้องเขา คลี่ยิ้มจางๆ เป็นปริศนาก่อนจะเริ่มเอ่ย “ร็อบเป็นคนดี”
           ดวงตาสีเขียวเหมือนเหม่อมองไปยังอดีตแสนไกล ไฮลาสมีแววตาที่ลึกล้ำเกินกว่าเด็กวัยมัธยมปลายควรจะมี ราวกับเด็ก
หนุ่มผ่านชีวิตมายาวนาน ไม่แน่ว่าคำตอบของทุกสิ่งที่เขาสงสัยอาจอยู่ในเรื่องราวที่เด็กหนุ่มกำลังจะเล่าก็เป็นได้
           “เขาเป็นคนแรกที่พูดกับผมในรอบพันปี”

           ไฮลาสคือชื่อของเจ้าชายแห่งไดรโอพีส เจ้าชายกำพร้าที่พระบิดาถูกสังหารด้วยน้ำมือของวีรบุรุษเฮราคลีสหรือที่ผู้คนในยุคปัจจุบันรู้จักกันดีในชื่อละตินว่า เฮอร์คิวลีส
            เขาจำได้ดี ความทรงจำเหล่านั้นยังแจ่มชัดเหมือนเหล็กที่ถูกเผาไฟจนร้อน ตรึงตรา ไม่มีวันลบเลือน
            นับตั้งแต่พระบิดาสิ้นพระชนม์ เฮราคลีสได้รับเขาไปเลี้ยงดูอย่างดี สอนศาสตร์ต่างๆ ที่บุรุษแห่งชนชาติกรีกพึงได้เรียนรู้ เขาเทิดทูนเฮราคลีสยิ่งกว่าผู้ใด ไม่ว่าวีรบุรุษผู้นั้นจะเอื้อนเอ่ยสิ่งใด ไฮลาสก็พร้อมจะเชื่ออย่างไร้ข้อกังขาและพร้อมจะบุกน้ำลุยไฟไปกับท่าน
             การที่เขาได้เป็นส่วนหนึ่งของคณะอาร์โกนอตก็เป็นเพราะเฮราคลีส
             เย็นวันหนึ่ง เมื่อเรืออาร์โกอันลือชื่อแห่งตำนานขนแกะทองคำเข้าจอดเทียบท่าที่เมืองไมเซีย เจสัน หัวหน้าวีรบุรุษอาร์โกนอตออกปากให้เขาไปตักน้ำสะอาดสำหรับดับกระหายในมื้อเย็น
             แรกทีเดียวไฮลาสไม่พอใจเป็นอย่างมาก รู้สึกเหมือนถูกหยามเกียรติให้ทำงานของเด็กรับใช้ แต่แท้จริงแล้วในใจลึกๆ กลับเข้าใจสถานการณ์ของตนเองเป็นอย่างดี
             เขายังเยาว์นัก ทั้งอ่อนวัยเกินกว่าจะเป็นนักรบและขลาดเขลาเกินกว่าจะได้รับอนุญาตให้รับรู้ในเรื่องที่ทุกคนจะปรึกษาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
              หน้าที่ตักน้ำจึงเหมาะสมกับเขาอย่างที่สุด
              ทว่าผู้ใดเลยจะรู้ว่าการตักน้ำจากน้ำพุจะพลิกชะตาชีวิตของตนได้เช่นนี้
              วินาทีที่เขายื่นคนโททองเหลืองลงแตะผิวน้ำ ฝ่ามือซีดขาวทว่าเรียวงามของนางพรายกลับโผล่ขึ้นมา เขาไม่นึกเอะใจสักนิด ด้วยว่ายุคสมัยของเขานั้นเวทมนตร์และพลังอำนาจของเทพเจ้ายังแก่กล้า การพบเจอสัตว์ประหลาด นางไม้หรือแม้กระทั่งเทพยังเป็นเรื่องสามัญเสียจนไม่มีอะไรให้ตระหนก
              เพราะเหตุนี้ไฮลาสจึงไม่ระวังตัวว่านางพรายเจ้าของน้ำพุใสแจ๋วจนเห็นก้นบ่อนั้นจะฉุดกระชากเขาลงไปในน้ำ
              ทั้งเปียกโชก หนาวเหน็บและหวาดกลัว เด็กหนุ่มตะเกียกตะกายขึ้นสู่ผิวน้ำ ทว่านางพรายกอดรัดเขาแน่นไม่ปล่อย เจ้าชายหนุ่มจึงดิ้นทุนรนทุรายเมื่ออากาศในปอดลอยล่องเป็นฟอง
              ไฮลาสตระหนัก ณ บัดนั้นเองว่าชีวิตของเขาคงจบลงในน้ำใสบริสุทธิ์นี้เอง ไร้วีรกรรมกล้าหาญให้ผู้คนขับขานสืบไป
แล้วความเจ็บปวดทรมานก็ยุติลง
               เมื่อลืมตาขึ้น เจ้าชายหนุ่มคาดว่าตนต้องยืนอยู่ริมฝั่งสีดำอันหดหู่ของแม่น้ำอเครอน ปราการด่านแรกของยมโลกและต้องเฝ้ารออย่างไร้จุดหมายไปอีกนับร้อยนับพันปีจนกว่าเครอนจะยอมให้วิญญาณที่ไม่ได้รับการทำพิธีศพอย่างถูกต้องขึ้นเรือข้ามฟากไป
               ทว่ากลับพบว่าร่างของตนนอนราบอยู่บนผืนหญ้าเขียวขจีข้างบ่อน้ำพุ รอบกายมีพฤกษานานาพันธุ์แตกกิ่งชูช่ออวดสีสัน ดูงดงามราวกับสวนสวรรค์
               นางพรายสารภาพกับเขาภายหลังว่านางหลงรักดวงหน้างดงามและความเยาว์วัยของเขา ลุ่มหลงมากเสียจนเปลี่ยนเขาให้เป็นอมตะ ไม่แก่เฒ่า ไม่มีวันตาย
                ไฮลาสไม่นึกยินดีในความอมตะที่ได้รับมาแม้แต่น้อย เพราะการมีชีวิตเหนือกฎเกณฑ์ของธรรมชาติคือความทุกข์ทนไร้ที่สิ้นสุด

                 ทรอยไม่แน่ใจว่าตัวเขาอยากรับรู้เรื่องที่เพิ่งได้ฟังจากปากของไฮลาสหรือไม่
                 อันที่จริง เขาควรถามตัวเองว่า ‘เชื่อ’ เด็กนั่นหรือไม่ต่างหาก
                 ตลอดยี่สิบเอ็ดปีที่ผ่านมา เขาพบเจอเรื่องประหลาดที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้มาหลายครั้ง จนเรียกได้ว่า ‘เชื่อ’ ว่ามีเรื่องราวลี้ลับอีกมากมายที่ยังซุกซ่อนอยู่ในความผันแปรเฉียบพลันของโลกศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด
                 ทว่าสิ่งที่ได้รับรู้เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมานั้นเรียกได้ว่าเกินจะรับไหว ชวนให้สับสนว้าวุ่นเสียจนเล่นเอานอนไม่หลับต้องพาตัวเองไปค้นข้อมูลเพิ่มเติมในห้องสมุดส่วนตัวของพ่อ
                 ไฮลาสบอกเขาว่าตนไม่ใช่คนของยุคปัจจุบัน
                 เด็กตัวร้ายนั่นอ้างว่าตนคือเจ้าชายไฮลาส หนึ่งในคณะวีรบุรุษอาร์โกนอตในตำนานชื่อก้องโลกอย่าง เจสันและขนแกะทองคำ
                 ไฮลาส ‘คนนั้น’ นั่นแหล่ะ!
                  เด็กหนุ่มเล่าเรื่องการผจญภัยอย่างละเอียดราวกับเคยอยู่ในเหตุการณ์จริง อีกทั้งเรื่องที่ถูกใช้ไปตักน้ำในไมเซียจนถูกนางพรายประจำน้ำพุฉุดลากไปก็ตรงกับในตำนานไม่ผิดเพี้ยน
                  ที่ต่างออกไปคือเรื่องราวหลังจากนั้น
                  ไฮลาสอ้างว่าถูกกักขังให้อยู่ในพื้นที่รอบน้ำพุเท่านั้นด้วยมนตร์ของนางพราย
                   วันคืนผ่านไปไม่อาจนับ นานเสียจนลืมเลือนโลกภายนอกไปเกือบหมดหัวใจ แต่ความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกยุคต่างๆ ไฮลาสบอกว่ามนตร์ของนางพรายค่อยๆ เสื่อมลงในที่สุดเมื่อความบริสุทธิ์ของผืนดินและธรรมชาติถูกทำลาย เด็กหนุ่มไม่ได้พบนางพรายตนนั้นอีก และใช้ชีวิตเพียงลำพังในดินแดนรกร้างห่างไกล
                   ไฮลาสบอกว่าเขาเคยอยากจากโลกนี้ไปเพราะไม่อาจทนต่อความเปลี่ยนแปลงรอบตัวได้ แต่ความเป็นอมตะยับยั้งเขาจากความตายที่ปรารถนา ได้แต่เฝ้าดูสัตว์น้อยใหญ่ที่แวะเวียนมาหาแหล่งน้ำค่อยๆ ล้มหายตายจากไปทีละตัวจนในที่สุดผืนป่าที่เคยกว้างใหญ่ก็แทบไม่เหลือต้นไม้อยู่อีก
                    ทรอยยกนิ้วขึ้นคลึงสันจมูก ปิดหนังสือหนาหนักของพ่อแล้วมองออกไปยังท้องถนนยามค่ำคืน
                    เด็กคนนั้นอยู่คนเดียวมานับพันปีอย่างที่พูดจริงหรือ
                    แต่ไม่ว่าสิ่งที่ไฮลาสพูดจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ชายหนุ่มต้องยอมรับว่ารู้สึกดีใจที่พ่อของตนเป็นคนพบตัวไฮลาส
                    เขาพอจะนึกภาพออกถึงเหตุการณ์ที่ศาสตราจารย์สติเฟื่องเกิดอาการ ‘กรีกโบราณขึ้นสมอง’ เดินสำรวจพื้นที่ไปทั่วจนพลัดหลงกับคนอื่นแล้วโผล่พรวดไปเจอเด็กหนุ่มผู้เป็นอมตะในดินแดนที่แดดจัดจ้าจนแสบผิวสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนได้คร่าวๆ
                    ศาสตราจารย์ผู้หลงทางกับเด็กหนุ่มจากอดีตอันไกลโพ้นช่างเป็นสองชีวิตที่ไม่น่ามาพบเจอกันได้เลย
แต่โชคชะตามักเล่นตลกเสมอ
                    ไฮลาสไม่ได้อธิบายว่าพ่อใช้วิธีไหนพาเด็กหนุ่มที่ไม่มีเอกสารระบุตัวตนอะไรเลยข้ามประเทศกลับมายังเกาะอังกฤษได้อย่างไร บอกเพียงแค่ว่าหลังจากนั้นโรเบิร์ต โบลตันให้เขาอยู่ที่ห้องนั้นและคอยดูแลในทุกเรื่องแลกกับเรื่องราวยุคกรีกโบราณที่ไฮลาสรู้
                     เขาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าข้อมูลหลายอย่างที่พ่อนำไปทำวิจัยหรือสอนเด็กนั้นได้มาจากคำบอกเล่าของไฮลาสผสมกับการค้นคว้าเพิ่มเติม
                     พ่อเชื่อสนิทใจว่าเด็กคนนั้นคือเจ้าชายกรีกผู้มีชีวิตอมตะ
                     เอาเถอะ เขาจะไม่ห้ามพ่อ อย่างน้อยไฮลาสได้ยืนยันเสียงแข็งมาแล้วว่าไม่มีอะไรเกินเลยมากไปกว่าการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อกัน เด็กหนุ่มเล่าเรื่องกรีกโบราณ พ่อก็สอนสิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิตในโลกดิจิตอลให้รู้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ อย่างอาหารการกิน การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ไปจนถึงเรื่องยากอย่างภาษาและเทคโนโลยี
                ทรอยไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมหัวใจเขาต้องพองฟูเหมือนยกภูเขาออกจากอกเมื่อได้ยินแบบนั้น
                ซ้ำร้ายไปกว่านั้น กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนผมของไฮลาสยังกระตุ้นให้เขากลับไปหาเด็กนั่นอีกเป็นครั้งที่สาม

                วินาทีที่เปิดประตูเข้าไป ใบหน้าหวานของคนในห้องก็แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มกว้างราวกับรออยู่ก่อนแล้ว
ทรอยรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นผิดจังหวะไปวูบหนึ่ง จนต้องรีบกระแอมกลบเกลื่อนแล้วยื่นกล่องขนมไปให้
               “ได้ข่าวว่าชอบมูสน้ำผึ้ง”
                เจ้าของห้องกะพริบตาเหมือนตกใจ “ใช่แล้ว ร็อบบอกคุณหรือ”
                ทรอยแทบจะกลอกตาเมื่อได้ยืนชื่อพ่อ ถึงแม้เขาจะไปเปิดอกคุยกับพ่อจริงดังที่อีกฝ่ายว่าก็เถอะ แต่มันทำให้เขาหงุดหงิดใจพิลึก ศาสตราจารย์โบลตันดูช็อคพอสมควรที่ความลับถูกเปิดเผย เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพ่อจะกลัวทำไม ในเมื่อไม่ได้กินตับเจ้าชายหลงยุคนั่นสักหน่อย

             “พ่อครับ” ชายหนุ่มเปรยขึ้นกลางโต๊ะอาหาร วันนี้แม่ออกไปเตรียมงานการกุศลตั้งแต่เช้าตรู่ เหลือเพียงเขากับพ่อนั่งรับประทานอาหารเช้าสไตล์อังกฤษแท้กันตามลำพัง ทรอยจึงถือโอกาสนี้เปิดประเด็นเรื่องไฮลาส
              “หืม” โรเบิร์ต โบลตันขานรับหลังหนังสือพิมพ์รายวันที่กำลังกางอ่านอยู่ทำให้อ่านสีหน้าไม่ได้
              “ผมรู้เรื่องห้อง 403 นะ” เสียงทุ้มของลูกชายสะท้อนก้องในห้องสีเบจ คนเป็นพ่อสะดุ้ง เผลอทำหนังสือพิมพ์ตกแล้วจ้องหน้าลูกชายเหมือนเห็นผี
              “ว่าไงนะ!”
              ทรอยประสานมือบนโต๊ะ โน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยด้วยท่าทีสบายๆ รู้ดีว่าท่าทีแบบนี้แหล่ะกดดันพ่อได้ชะงัด
              ศาสตราจารย์โบลตันไม่เคยเอาชนะการรีดความจริงจากลูกชายได้เลย
              “ผมบอกว่า ผมรู้เรื่องห้อง 403 แล้วและผมได้คุยกับคนในห้องนั้นแล้วด้วย”
              ศาสตราจารย์วัยกลางคนหน้าถอดสี
              “ลูกรู้ได้ยังไง”
              “ไม่สำคัญหรอกครับ สิ่งสำคัญก็คือผมอยากรู้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับเด็กคนนั้น” ทรอยเดาะลิ้น เอื้อมมือไปหมุนแก้วกาแฟตัวเองเล่น ทำสงครามประสาทกับพ่อ เขาตวัดตาขึ้นสบตาผู้เป็นพ่อนิ่งนานก่อนกล่าวต่อด้วยถ้อยคำที่เหมือนเอาหมอนยัดนุ่นไปอุดปากอุดจมูกคนฟัง
               “พ่อนอนกับเด็กคนนั้นรึเปล่า”
               ศาสตราจารย์โบลตันทำหน้าเหมือนจะเป็นลม รีบออกปากปฏิเสธ “เห็นแก่พระเจ้าเถอะ ทรอย พ่อไม่ทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด ไฮลาสเป็นเพื่อน เพื่อนชาวกรีกโบราณหนึ่งเดียวที่พ่อมี พ่อไม่เคยแตะต้องเขาเลย”
               ทรอยหรี่ตา โรเบิร์ตจึงรีบเสริมว่า “โอเค มีกอดบ้าง แต่กอดแบบเพื่อน เข้าใจไหม พ่อไม่นอกใจแม่แกหรอกนะ รู้ไว้ด้วย”
               ทรอยปั้นหน้านิ่งทั้งๆ ที่อยากหัวเราะเต็มแก่ พ่อจะรู้ตัวไหมนะ ว่าตัวเองน่าขันขนาดไหนตอนให้การปฏิเสธน่ะ โอเค เขาเชื่อแล้วว่าพ่อไม่เกินเลยกับไฮลาส แต่นิสัยขี้แกล้งที่แก้ไม่หายก็ทำให้อยากแกล้งพ่ออีกเล็กน้อย
               “สาบานต่อพระเจ้าสิพ่อ”
               “พ่อสาบาน ไม่มีอะไรระหว่างพ่อกับไฮลาส” ชายวัยกลางคนขยับแว่น ท่าทีจริงจัง ยกมือขึ้นเอ่ยคำสาบานแล้วถอนใจยาว ทรอยคลี่ยิ้มให้พ่ออย่างพอใจ
               “โอเค ผมเชื่อ งั้น คำถามสุดท้าย ทำไมต้องหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้”
               คราวนี้คนถูกถามไม่มีท่าทางหวาดกลัวอีก ซ้ำยังกลอกตาใส่เขาด้วยซ้ำ
               “ขืนมีใครรู้เรื่องนี้ พ่อก็ตายสิ ลักลอบเข้าเมืองแบบนี้ติดคุกหัวโตเลยนา”
               เพราะเจอเหตุผลนี้ของพ่อเข้าไป สุดท้ายทรอยที่คิดว่าจะปั้นหน้านิ่งจนจบการสอบสวนก็หลุดหัวเราะออกมาจนได้


               (มีต่อ)

ออฟไลน์ Fuyuki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: [เรื่องสั้น] In Time, I'll Find You 14.10.2017
«ตอบ #2 เมื่อ14-10-2017 22:51:57 »

                การที่พ่อเอ่ยคำสาบานต่อพระเจ้าทันทีอย่างไม่ลังเลโดยที่ไม่ลืมเล่านิสัยใจคอและความชอบของเจ้าชายหนุ่มให้ลูกชายรับรู้ ทำให้ทรอยเข้าใจไฮลาสมากขึ้น
                มูสน้ำผึ้งจากร้านขนมชื่อดังในเมืองจึงเปรียบเสมือน ‘คำขอโทษ’ ที่ทรอยไม่ยอมเอ่ยออกมาตรงๆ
                “ปรับตัวเข้ากับโลกดิจิตอลได้รึยังล่ะ” ชายหนุ่มเลี่ยงการตอบคำถามด้วยคำถาม พลางถือวิสาสะนั่งลงบนโซฟาสีครีมข้างเด็กหนุ่มผิวสีน้ำผึ้ง
                “ดีขึ้นแล้วล่ะ ข้า...ผมพอจะเข้าใจอะไรมากขึ้น แต่หลายอย่างก็ยากเกินไป” เด็กหนุ่มกดเปลี่ยนช่องรายการโทรทัศน์ไปด้วยเหมือนจะยืนยันคำพูดว่าปรับตัวเข้ากับโลกยุคใหม่ได้พอสมควรแล้วนับตั้งแต่โรเบิร์ต โบลตันลักลอบพาตัวเขากลับมาอังกฤษเมื่อเจ็ดปีก่อน
                 คนฟังชี้นิ้วใส่เหมือนจับผิด “เรื่องวิธีการพูดยังต้องฝึกอีกพอดูเลยนะ ขืนหลุดพูดข้าเจ้าแบบสมัยก่อน คนอื่นเขาได้หาว่าบ้า”
                 ไฮลาสพยักหน้ารับ เกาแก้มด้วยท่าทีน่ารักจนทรอยเผลอเม้มปาก
                 “ตอนคุยกับพ่อพูดภาษาอะไร”
                 “กรีกน่ะ” เด็กหนุ่มตอบทันที แน่นอนว่ากรีกของเขาย่อมหมายถึงกรีกแบบที่ใช้กันเมื่อพันกว่าปีก่อน ข้อดีของการบ้าประวัติศาสตร์คลาสสิคของพ่อคือทำให้สื่อสารกับบุคคลหลงยุคได้สินะ แบบนี้เขาควรลองเรียนดูบ้างดีไหม
                 “แต่คุยกับฉันต้องใช้อังกฤษ” ทรอยแกะถุงชีโตสรสเผ็ดที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างถือวิสาสะ “ฉันพูดกรีกไม่ได้หรอก”
                 “หืม? ร็อบไม่สอนหรือ” อีกฝ่ายซักไซ้ ชายหนุ่มปรายตามอง
                 “สอนสิ แต่ลืมไปหมดแล้ว ฉันไม่ได้เรียนคลาสสิคเหมือนพ่อนี่”
                 “แล้วคุณเรียนอะไร” ไฮลาสถามเขยิบเข้าใกล้เขาเล็กน้อยอย่างสนอกสนใจ บริเวณที่แขนอีกฝ่ายแตะโดนโดยไม่ตั้งใจนั้นเหมือนมีไฟฟ้าสถิตจนทรอยชักแขนกลับแทบไม่ทัน
                 “พูดไปนายก็ไม่รู้เรื่องหรอก” เขาบอกปัด ไม่อยากสร้างความสับสนให้เจ้าชายหลงยุคมากไปกว่านี้
                 “ลองบอกมาก่อนสิ” เจ้าชายน้อยยังตื๊อ ทรอยจึงยกมือยอมแพ้แล้วเฉลย
                 “วิศกรรมหุ่นยนต์น่ะ”
                 คราวนี้คนอยากรู้ถึงกับนิ่งไป ไม่เข้าใจในสิ่งที่เพิ่งได้ฟัง เขาพอจะเดาได้อยู่หรอกว่าคนจากยุคเทพเจ้าจะมาเข้าใจอะไรกับคำว่าหุ่นยนต์ มือหนาถึงได้ล้วงหยิบมือถือออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วลากนิ้วผ่านหน้าจอสัมผัสเพื่อเปิดรูปให้เด็กน้อยอ่อนต่อโลก(สมัยใหม่)ได้ดู
                 “ไอ้สีขาวๆ เป็นปล้องๆ นั่นแหล่ะ หุ่นยนต์”
                 ไฮลาสชะโงกตัวมามอง ใกล้เสียจนเขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนผมของอีกฝ่าย เป็นความใกล้ที่ชวนให้ใจหวิว
เขาแกล้งโน้มหน้าลงบ้าง แสร้งทำเป็นสนใจเลื่อนภาพให้ดูแต่กลับลอบมองเสี้ยวหน้าหวานชวนมองของไฮลาส
                  ทรอยคิดว่าตัวเองคงจะเริ่ม ‘ชอบ’ คนตรงหน้าไม่มากก็น้อย เป็นความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นช้าๆ อย่างไม่มีสัญญาณใดๆ มาก่อน
                  “อันนี้ไม่เห็นเป็นปล้วง” เด็กหนุ่มชี้บอก ชายหนุ่มหัวเราะเสียงห้าวกับการออกเสียงผิดที่น่ารักเป็นบ้า
                  “ปล้อง ไม่ใช่ปล้วง หุ่นยนต์น่ะมีได้หลายแบบ เข้าใจไหม ไว้วันหลังฉันเอา Star Wars ให้นายดูแล้วกัน”
                  คนฟังพยักหน้ารับแล้วหันขวับขึ้นมาสบตาเขาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
                  จังหวะนั้นเองที่ริมฝีปากอุ่นๆ ของเขาโฉบผ่านเรียวปากหยักสวยโดยไม่ตั้งใจ
                  ทั้งเขาทั้งไฮลาสผละออกจากกันเหมือนถูกไฟช็อต มือเรียวของอดีตเจ้าชายแตะริมฝีปากตัวเองไว้ พวงแก้มปรากฏริ้วแดงน่ารักน่าเอ็นดู ทรอยอมยิ้ม ยื่นมือไปลูบศีรษะอีกฝ่าย เห็นท่าทีตกใจได้น่าแกล้งขนาดนั้น คนนิสัยไม่ดีอย่างเขาก็นึกอยากแกล้งขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
                  “ไม่เคยจูบเหรอ”
                  คนถูกถามเบือนหน้าไปทางอื่น แม้ไม่ตอบแต่ท่าทีก็บอกชัดซึ่งทำให้ทรอยยิ่งมีความสุข แม้จะแปลกใจพอสมควรที่เด็กหนุ่มยังอ่อนประสบการณ์ในเรื่องรักๆใคร่ๆแบบนี้ เพราะหากเขาจำไม่ผิดวัฒนธรรมกรีกโบราณยกย่องความรักระหว่างบุรุษ ถือเป็นความรักที่บริสุทธิ์ที่สุด เด็กหนุ่มหน้าสวยมักเป็นที่โปรดปรานของบุรุษผู้มีฐานะทางสังคม อีกทั้งนักประวัติศาสตร์ต่างเชื่อกันว่าไฮลาสคือคนรักของวีรบุรุษเฮราคลีส
                  แต่ท่าทีเขินอายที่เห็นอยู่ตรงหน้าเป็นความจริงแน่แท้ ไฮลาสไร้เดียงสาไปทุกเรื่อง...โดยเฉพาะเรื่องหัวใจ
ทรอยคลี่ยิ้ม แขนแข็งแรงเอื้อมออกรั้งร่างโปร่งเข้าใกล้ให้ศีรษะซบลงกับไหล่กว้างของตัวเอง ไฮลาสตัวแข็งเป็นหินเลยทีเดียว
                 หรือจะแกล้งแรงเกินไปนะ
                 “จะเกร็งทำไมเล่า ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
                 คนนั่งตัวเกร็งไม่ตอบแต่ไม่ได้เขยิบหนี
                 “มะรืนนี้แต่งตัวดีๆ ล่ะ เดี๋ยวมารับไปเที่ยวตอนบ่าย” ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาพูดแบบนั้นออกไป และด้วยนิสัยไม่ชอบถูกขัดใจ ชายหนุ่มจึงรีบตัดบทรวบรัดไม่ให้เด็กหนุ่มได้เอ่ยปฏิเสธ
                 “แล้วเจอกันวันเสาร์”
                 เขาอยากทำมากกว่านี้แต่กลัวจะทำให้เจ้าชายหนุ่มจะช็อคตายไปเสียก่อนจึงแค่กดจมูกลงที่กะหม่อมของร่างเพรียวแล้วกลับบ้านมาด้วยอารมณ์สุขใจล้นปรี่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

                 เขาคิดถูกจริงๆ ที่พาไฮลาสมาที่นี่
                 โบราณวัตถุมากมายในบริติชมิวเซียมทำให้เด็กหนุ่มมีความสุขมากจนความรู้สึกทั้งหมดแสดงออกมาทางสีหน้าและแววตา ดวงตาสีมะกอกเป็นประกายขณะที่จ้องมองรูปสลักหินอ่อนหรือแอมฟอราเขียนลายส้มดำสไตล์กรีกโบราณ เขาพอจะเข้าใจว่าการได้อยู่ท่ามกลางงานศิลปะในยุคเดียวกับตน แม้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะผุพังไปตามกาลเวลาก็ตามดูเหมือนเป็นสิ่งเดียวที่ใกล้เคียงกับการ ‘กลับบ้าน’ มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในสถานการณ์เช่นนี้
                 “มาดูตรงนี้สิ” ชายหนุ่มดึงความสนใจของคนตัวเล็ก เขากวักมือเรียกให้อีกฝ่ายมาดูรูปสลักหินอ่อนพาร์เธนอนขนาดยักษ์ ไฮลาสแทบจะวิ่งข้ามห้องโถงมาทีเดียว
                 “มันเคยงดงามไร้ที่ติ” เด็กหนุ่มเปรย ไล่สายตาไปตามรอยกะเทาะผุพังและรอยยับของผืนผ้าที่แกะสลักได้เหมือนจริงจนน่าขนลุก ดูๆไปก็เหมือนมนุษย์ที่เคยมีลมหายใจแต่ถูกทำให้กลายเป็นหินจนอดนึกถึงตำนานเมดูซาไม่ได้ ทรอยลอบมองเด็กหนุ่มที่กำลังสนอกสนใจกับรูปสลักตรงหน้าแล้วยิ้มจางๆ
                 “ฉันรู้” เขาพึมพำตอบปล่อยให้ไฮลาสหันจมดิ่งสู่ห้วงอดีตล้ำลึกอีกครั้งจนกระทั่งถึงเวลาปิดพิพิธภัณฑ์
            “ชอบหรือเปล่า” เขาถาม ถือวิสาสะเอื้อมมือใหญ่ไปดึงมือเรียวของไฮลาสมากุมไว้ยามที่ทั้งคู่เดินกลับไปยังลานจอดรถ แรกทีเดียวเจ้าชายหนุ่มทำหน้าตาตื่นแต่ไม่กล้าชักมือกลับ ได้แต่ขอให้เขาปล่อยมืออย่างสุภาพแต่ชายหนุ่มกลับแกล้งหลอกไปว่าเป็นเรื่องปกติของสังคมสมัยใหม่ ไม่มีอะไรต้องกังวล เด็กหนุ่มจึงได้ผ่อนคลายลงและยอมให้เขากุมมือตัดผ่านลานกว้างไปจนถึงตัวรถ
            “นี่ ไฮลาส” เขาเปรยขึ้นขณะเลี้ยวรถเข้าจอดหน้าตึกทรงโคโลเนียล เจ้าของชื่อหันมามองเขาด้วยดวงตาโตสุกใส
            “มีอะไรเหรอ”
            เขาเหลือบมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่แววตาที่เคยสดใสอยู่เสมอกลับหม่นแสงลงเล็กน้อยทั้งๆที่ตลอดทั้งวันเจ้าชายหนุ่มก็ดูจะมีความสุขดี การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยนั้นไม่อาจรอดพ้นสายตาช่างสังเกตของทรอยไปได้
            “คิดถึงบ้านเหรอ” บ้านในที่นี้หมายถึงอาณาจักรกรีกโบราณ รากฐานของอารยธรรมยุโรปมากมาย
            คนถูกถามพยักหน้า สีหน้าหมองลง “ข้า เอ่อ ผม...ห้ามตัวเองแล้วแต่บางทีก็อดคิดถึงไม่ได้จริงๆ”
            ด้วยเพราะน้ำเสียงเจือความร้าวลึกและเศร้าระทมอย่างที่เขาไม่มีวันเข้าใจได้ทำให้ทรอยนึกสงสารไฮลาสจับใจ เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าหากตนต้องทนใช้ชีวิตยาวนานไร้กาลเวลาเช่นนั้นจะเข้มแข็งได้สักครึ่งของเด็กหนุ่มหรือเปล่า ยิ่งได้ลอบมองเสี้ยวหน้าหวานแลดูอมทุกข์แบบนั้น ก็คล้ายมีแรงกระตุ้นบางอย่างสั่งให้เขาเอี้ยวตัวไปเพื่อมอบจุมพิตปลอบประโลมไว้ข้างแก้มใสของเจ้าชายหนุ่ม
            ไฮลาสสะดุ้งสุดตัว ใบหน้าหวานสวยขึ้นสีแดงเรื่อก่อนจะรีบเบือนหน้าไปมองนอกหน้าต่างตลอดทางจนกระทั่งถึงที่พัก

                  “เปิดเครื่องเล่นดีวีดีสิ วันนี้ฉันเอาหนังมาให้ดูแก้เบื่อ”
                  ทรอยบอก ปลดแจ็กเก็ตแขวนไว้กับตะขอแขวนเสื้อข้างประตูห้องแล้วก้าวยาวๆมานั่งข้างคนที่กำลังขีดเขียนลงในสมุดวาดภาพอย่างใจจดจ่อ ไฮลาสใช้เวลาประมวลผลคำสั่งของเขาครู่หนึ่งถึงได้เอื้อมไปเปิดอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ที่วางอยู่บนโต๊ะวางโทรทัศน์ สมุดวาดเขียนขาดพกพาวางอยู่ข้างตัว
                  “วาดอะไรอยู่น่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม ชะโงกไปหมายจะดูรูปภาพในกระดาษแต่กลับถูกมือเรียวชิงคว้าสมุดนั่นตัดหน้าไปเสียก่อน
                  “อย่าดูนะ” ไฮลาสขู่ฟ่อ กอดสมุดไว้แนบอก พวงแก้มขึ้นสีแดงเรื่อจนมีพิรุธ
                  “ขี้หวง” เขาต่อว่าไปไม่จริงจังนัก แต่เด็กหนุ่มกลับรีบซ่อนสมุดไว้ใต้โซฟาด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน
                  “ไหนว่าจะดูหนังไง” อีกทั้งรีบเปลี่ยนเรื่องจนผิดวิสัย เขาชักอยากรู้แล้วสิว่าสมุดนั่นมีความลับอะไร “จะดูเรื่องอะไรล่ะ”
                  “Star Wars น่ะมีหุ่นยนตร์เพียบเลย นายจะได้ทำความรู้จักกับวิชาที่ฉันเรียน”
                  “หุ่นยนตร์อยู่ในหนังด้วยเหรอ”
                  “อือฮึ แต่ในหนังเป็นเรื่องของโลกอนาคตน่ะ เทคโนโลยีสมัยนี้ยังผลิตอะไรไม่ได้ล้ำขนาดนั้น” ชายหนุ่มอธิบาย เปิดกระป๋องเบียร์ที่ซื้อมากระดกไปหนึ่งอีก ไฮลาสไม่ตอบ อาจเพราะไม่รู้จักหรือฟังไม่ทัน แต่สายตาเลื่อนไปมองภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏบนจอพลาสม่า
                 “ตัวนั้นน่ารักดี” นิ้วเรียวชี้ไปที่หุ่นยนตร์ตัวหนึ่งในเรื่อง
                 “ตัวนั้นชื่ออาร์ทูดีทู” เขาบอกอีก คอยอธิบายคำถามที่คนหลงยุคยิงมาเป็นระยะๆจนกระทั่งถึงช่วงกลางเรื่อง ชายหนุ่มลุกจากโซฟาไปหยิบกล่องกระดาษขนาดประมาณแก้วทัมเบลอร์ที่แอบซ่อนไว้ตอนเดินเข้ามากลับมายื่นให้คนช่างสงสัย
                 “ตั้งชื่อให้ตัวนี้หน่อยสิ”
                 เด็กหนุ่มตาเป็นประกาย อาจเพราะได้รับการปูทางเรื่องหุ่นยนตร์จากภาพยนตร์ที่นั่งดูอยู่เมื่อครู่จึงทำให้ใบหน้าหมดจดนั้นไม่แสดงอาการตกใจหรือสงสัยเมื่อได้รับหุ่นยนตร์รูปร่างอ้วนกลมตัวเท่าแก้วน้ำเป็นของขวัญ
                 “ลองเปิดดูสิ กดตรงนี้นะ” ทรอยชี้ปุ่มกดเล็กๆข้างลำตัวเจ้าหุ่นยนตร์ตัวเล็ก ไฮลาสทำตามอย่างกระตือรือร้นส่งผลให้หุ่นตัวนั้นขยับตัว ส่วนหัวที่เขาทำไว้ให้ลีบกว่าช่วงตัวเพื่อเลียนแบบแจกันแอมโฟราทอแสงสีส้มจางๆ เจ้าหุ่นจ้องไฮลาสนิ่งจนเจ้าชายหนุ่มมองมาทางทรอยเพื่อขอความช่วยเหลือ
                 “ลองบอกว่าเหงาหรือคิดถึงบ้านดูสิ” เขาเสนอ ไฮลาสยกหุ่นตัวนั้นขึ้นมา ยืดออกสุดแขนคล้ายกลัวว่าหากพูดผิดไปจะถูกยิงลำแสงใส่ ทรอยลอบยิ้มกับท่าทีไร้เดียงสาของเด็กหนุ่ม
                  “ฉัน...คิดถึงบ้าน”
                  สิ้นเสียงนุ่มนั้น เจ้าหุ่นสีขาวก็เริ่มทำงาน ลำตัวสีขาวล้วนค่อยๆปรากฏเม็ดสีส้มและดำเรียงตัวกันเป็นลวดลายของภาพวาดทิวทัศน์และสภาพบ้านเมืองกรีกโบราณตามที่นักประวัติศาสตร์จำลองไว้ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างตกใจและยิ่งเบิกกว้างจนเหมือนจะถลนออกมาเมื่อมีเสียงสังเคราะห์ดังออกมาจากตัวหุ่นเป็นภาษากรีกโบราณ
                   “ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้า”
                   ไฮลาสอุทานออกมาทันที ดวงตาคู่สวยจ้องตรงไปที่หุ่นยนตร์ในมือซึ่งลวดลายทิวทัศน์เปลี่ยนไปเป็นภาพชายฝั่งแสนสวยของกรีซในยุคปัจจุบัน สีสันค่อยๆแต่งแต้มขึ้นในภาพจนดูคล้ายคลื่นที่สาดเข้ากระทบฝั่งนั้นขยับได้จริง แต่แล้วภาพก็เปลี่ยนไปอีกเมื่อเจ้าหุ่นส่งเสียงแปลกๆ และภาพเสี้ยวหน้าหวานซึ้งที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วก็ปรากฏชัดบนลำตัวของเจ้าหุ่นตัวอ้วน เป็นภาพที่ทรอยแอบถ่ายเจ้าตัวเอาไว้ คนแอบถ่ายตกใจกับความผิดพลาดของระบบจนร้องออกมาเสียงดัง
                   ไฮลาสคงจะตกใจมากกับเสียงห้าวลึกของชายหนุ่มเนื่องจากหุ่นยนตร์ที่ทรอยสร้างให้พิเศษนั้นร่วงลงกับพื้น ดีที่พื้นบริเวณนั้นมีเบาะรองนั่งหนานุ่มวางอยู่จึงไม่เสียหายอะไร แต่ก็เล่นเอาชายหนุ่มใจหายใจคว่ำเลยทีเดียว
                    “จะบ้าเหรอ! ถ้าพังนี่ซ่อมกันยาวเลยนะ ถนอมๆบ้างสิ คนเขาอุตส่าห์ทำมาให้” เขาเผลอตวาดใส่อีกฝ่ายด้วยความหงุดหงิด ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือสีหน้าปลื้มปีติจนเอ่อล่นออกมาในรูปแบบของน้ำใสๆที่คลอคลองอยู่ในดวงตา
                   “ไฮลาส ฉัน...” ยังไม่ทันจะเอ่ยจนจบประโยค ร่างโปร่งของเด็กหนุ่มก็พุ่งเขากอดเขาไว้แน่น ทรอยตกใจไม่น้อยทั้งเรื่องกอดและเรื่องน้ำตาจนแทบตั้งตัวไม่ถูก ได้แต่ลูบหลังอีกฝ่ายแก้เก้อ
                   ผ่านไปพักใหญ่ทีเดียวกว่าไฮลาสจะยอมคลายอ้อมกอดและยืดตัวขึ้นสบตาเขาด้วยใบหน้านองน้ำตา
                   สองสายตาประสาน เนิ่นนานเสียจนชายหนุ่มใจเต้นรัวตั้งใจจะเอื้อมไปเช็ดคราบน้ำตาออกให้
                   ทว่ารู้ตัวอีกที ใบหน้าของตนก็โน้มลงต่ำ ใกล้ดวงหน้าหวานเพียงปลายจมูกแตะกัน และนั่นทำให้เขาห้ามใจตัวเองไม่อยู่
                   รสจูบนครั้งนั้นอ่อนหวาน หยั่งเชิง อ้อยอิ่งเสียจนลืมเวลา
                   นานทีเดียวกว่าเขาจะผละออก
                   ดวงตาสีมะกอกคู่นั้นไหวระริก แววตาสับสน แต่เพียงอึดใจ มือเรียวกลับรั้งใบหน้าเขาเข้าหายามที่เรียวปากได้รูปแตะสัมผัสแผ่วเบา
                   แล้วความอ่อนโยนในทีแรกก็เปลี่ยนเป็นร้อนฉ่าดั่งไฟ

                  (มีต่อ)

ออฟไลน์ Fuyuki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: [เรื่องสั้น] In Time, I'll Find You 14.10.2017
«ตอบ #3 เมื่อ14-10-2017 22:52:35 »

                   ทรอยกลับไปแล้ว
                   ไฮลาสคิด รู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว รสจูบร้อนแรงที่ชายหนุ่มมอบให้ยังติดตรึงอยู่บนเรียวปาก หากเขาไม่เอ่ยห้าม ริมฝีปากอุ่นร้อนซุกซนนั่นคงไล้ลงต่ำมากกว่าแค่แผ่นอก
                   เด็กหนุ่มสับสนเหลือเกิน ความรู้สึกล้นปรี่ยามถูกเขาสัมผัสนั้นน่าตกใจจนแทบรับไม่ได้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาเผลอไผลให้ชายหนุ่มร่างสูง บุตรชายศาสตราจารย์โรเบิร์ตเข้ามาตีสนิทได้ถึงเพียงนี้
                   ใกล้ชิดเสียจนหวั่นใจว่าจะเป็นความรัก
                   ในยุคที่เขาถือกำเนิด ความรักระหว่างบุรุษมิใช่เรื่องผิด ความรักที่แท้จริงคือความรักที่บุรุษมีต่อบุรุษอีกผู้หนึ่ง ความรักระหว่างบุรุษสตรีนั้นมีไว้เพื่อการดำรงเผ่าพันธุ์เท่านั้น
                   แต่ร็อบเคยบอกเขา อาจารย์มหาวิทยาลัยแสนดีคนนั้นเคยบอกเขาว่าความรักระหว่างเพศเดียวกันไม่เป็นที่ยอมรับนักในสังคมปัจจุบัน แม้จะมีผู้คนมากมายเรียกร้องเพื่อสิทธิที่เท่าเทียม
                   ไฮลาสถึงได้หวั่นใจ
                   หากเขายินยอมจะรัก หากทรอยรู้สึกแบบเดียวกับเขา ชายหนุ่มจะถูกสังคมหยามเหยียดหรือไม่
                   เขาไม่ต้องการเป็นต้นเหตุให้ชื่อเสียงของชายหนุ่มต้องมัวหมอง
                   ในเวลาเช่นนี้ เขาควรรับมือกับอนาคตอย่างไรดี
                   เด็กหนุ่มก้มลงหยิบสมุดวาดภาพออกมาจากใต้โซฟา รีบก้าวเร็วๆไปที่เตียงนอนบางทีคำตอบอาจไม่ปรากฏในวันนี้ สิ่งที่เขาควรทำคือพักผ่อนคลายความเหนื่อยล้า
                   เจ้าชายหนุ่มพลิกหน้ากระดาษจนถึงหน้าที่วาดค้างไว้ก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้ามาดวงตาสีเขียวจับจ้องที่รูปภาพซึ่งเขาบรรจงจรดปลายดินสอลงไปอย่างตั้งใจและพิถีพิถัน สิ่งที่เขาไม่ยอมให้ทรอยได้เห็นแต่แรก
                   เพราะเขาวาดภาพใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มผู้เข้ามาทำให้หัวใจของเขาพองฟูในอก คนที่ประดิษฐ์เจ้าหุ่นยนตร์ตัวจิ๋วที่สามารถฉายภาพทิวทัศน์กรีกโบราณเพื่อให้เขาคลายความเหงาและความโหยหาอดีต
                   เป็นผู้ชายที่อบอุ่นอะไรเช่นนี้
                   เด็กหนุ่มเหลือบมองดวงจันทร์ที่ทอแสงกระจ่างอยู่บนฟากฟ้าอีกครั้ง เขาควรจะพักผ่อนเสียที
                   ราตรีนี้ เขาจะเข้าสู่ห้วงนิทรา…
                   พร้อมกับหุ่นยนตร์สีขาวและภาพวาดใบหน้าของชายหนุ่มชื่อทรอย

                  ความสัมพันธ์ของเขากับไฮลาสไม่คืบหน้าไปมากกว่าที่เป็นอยู่แม้เวลาจะล่วงเลยมานับปีแล้วก็ตาม
ที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะเขาไม่กล้าเข้าหา แต่เพราะกลัวว่าหากรุกหนักเกินไปอย่างที่ใช้ได้ผลกับสาวๆ สมัยใหม่นั้นอาจทำให้เขาสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจจากเจ้าชายหนุ่มได้ ดังนั้นทรอยจึงเลือกที่จะรอ
                  เขาไม่แน่ใจควรนิยามความสัมพันธ์ครั้งนี้ว่าอย่างไร แต่ความอบอุ่นหัวใจยามได้อยู่ใกล้กันนั้นสุขล้นจนเขาแทบลืมหายใจ เขาได้แต่หวังว่าไฮลาสเองจะรู้สึกแบบเดียวกันในไม่ช้า
                  ดังนั้นหลังจากการระดมสมองกันในหมู่เพื่อนสนิทผู้รู้เรื่องเขากับไฮลาสตั้งแต่ต้น เจ้าเพื่อนสมองใสจึงออกความคิดเห็นให้เขาหาโอกาสพาเด็กหนุ่มไปเปิดหูเปิดตานอกเมืองบ้าง บางทีบรรยากาศร่มรื่นของชนบทอาจส่งผลต่อความโรแมนติกไม่มากก็น้อย
                  ทรอยจึงตัดสินใจจะลองเสี่ยงดูสักครั้ง
                  ดังนั้นชายหนุ่มจึงขับรถพาเจ้าชายจากอดีตอันไกลโพ้นออกไปนอกเมือง ไม่เพียงเพื่อหลีกหนีจากความวุ่นวายจอแจของเมืองหลวง แต่เพื่อความเป็นส่วนตัวอีกด้วย ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาถึงทุ่งหญ้าเขียวขจีใกล้ลำธารเล็กๆ มีดอกไม้ป่าหลากพันธุ์หลากสีสันบานแซมอยู่ตรงโน้นตรงนี้จนคล้ายภาพวาดชนบทของจิตรกรยุคอิมเพรสชัน
                 ไฮลาสดูจะเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน เด็กหนุ่มมาสารภาพกับเขาในภายหลังว่าเพิ่งได้ออกมาเที่ยวนอกเมืองครั้งนี้เป็นครั้งแรกเนื่องจากโรเบิร์ตกลัวว่าหากพาออกนอกเมืองอาจถูกตำรวจจับได้ เจ้าชายหนุ่มจึงต้องใช้ชีวิตในพื้นที่จำกัดในลอนดอนมานานหลายปี
                 ทรอยจึงไม่ว่าอะไรเมื่อเด็กหนุ่มจะวิ่งเล่นซุกซนลัดเลาะไปตามลำธารอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย เพราะการได้เห็นรอยยิ้มมีความสุขแต่งแต้มบนใบหน้าหวานนั้นคือความสุขของชายหนุ่ม
                 “หิวหรือยังน่ะ” เขาตะโกนถามคนที่วิ่งขึ้นเนินหญ้าไปไกลลิบๆ เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบ ทรอยแทบจะมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวนั้นด้วยซ้ำแต่ก็พอจะคาดคะเนได้จึงได้รีบวิ่งตามขึ้นไปบนเนิน ปลดเป้ลงจากหลังแล้วลงมือจัดแจงสถานที่สำหรับปิกนิกโดยมีเจ้าชายหนุ่มคอยช่วยจัดนู่นนี่จนเสร็จ
                 “มีมูสน้ำผึ้งด้วยเหรอ” คนหน้าหวานทำตาโตเมื่อชายหนุ่มหยิบมูสน้ำผึ้งมาวางบนผ้า ทรอยพยักหน้ารับ
                 “อยากกินล่ะสิ”
                 ไฮลาสผงกศีรษะอย่างกระตือรือร้น
                 อันที่จริง ชายหนุ่มอยากให้จัดการแซนวิชให้เสร็จก่อนถึงค่อยกินมูสเป็นของหวานล้างปาก แต่ดูท่าจะต้องยอมให้คนที่จ้องกระปุกมูสตาละห้อยนั้นได้กินขนมหวานก่อนของคาวเสียแล้ว
                “เอ้าๆ จะกินก็กิน แต่ก่อนกินน่ะ รอเดี๋ยวได้ไหม” ทรอยรีบห้ามทัพไว้ก่อนที่มูสกระปุกใหญ่นั้นจะหายไปเพราะคนข้างๆ มือใหญ่ปักเทียนเล่มเล็กๆ ไว้กลางกระปุกแล้วประคองไปให้ไฮลาส
                “อธิษฐานสิ”
                คนฟังมองหน้าเขาเหมือนไม่แน่ใจในสิ่งที่ตนได้ยิน
                “อธิษฐานเลย” เขาเอ่ยซ้ำอีก เผลอยกมือลูบท้ายทอยแก้เขิน “คือ...ฉันไม่รู้น่ะนะว่านายเกิดวันไหน เพราะฉะนั้นเลยอยากให้ถือซะว่าเป็นการฉลองวันเกิดนายครั้งแรกกับฉันก็แล้วกัน โอเคนะ”
                เด็กหนุ่มสบตาเขา ก่อนจะยิ้มออกมา “ผมเองก็จำวันเกิดตัวเองไม่ได้แล้วเหมือนกัน” แล้วหลับตาลงอธิษฐานก่อนเป่าเทียนตามที่เขาบอกวิธี
                ไฮลาสจะรู้บ้างไหมนะ ว่ามูสกระปุกนี้นี้ เขาลงมือเข้าครัวเองตั้งแต่เช้าตรู่
                ชายหนุ่มมองคนตรงหน้าที่เริ่มตักมูสเข้าปากแล้วลอบยิ้ม เห็นอีกฝ่ายมีความสุขมากขนาดนี้เขาก็ดีใจ แต่จะผิดไหมนะหากเขาเองก็อยากได้ความสุขในแบบของเขาเหมือนกัน
                 ชายหนุ่มจึงโน้มตัวเข้าหาคนที่ยังเอร็ดอร่อยกับเค้กน้ำผึ้งเหมือนเด็กเล็กๆ ชายหนุ่มตวัดตามองเศษมูสที่เปื้อนอยู่มุมปากของอีกฝ่ายแล้วตัดสินใจโฉบแตะความหวานละมุนนั้นด้วยริมฝีปากอุ่นๆของตน
                 ไฮลาสสะดุ้ง เผลอปล่อยช้อนหลุดจากมือ
                 “ทรอย…” สีหน้าของเด็กหนุ่มดูตกใจไม่น้อย แต่ไม่มีท่าทีรังเกียจ ตรงกันข้าม พวงแก้มใสนั้นกลับซับสีเลือดฝาดขึ้นทีละนิด ดูน่ารักจนละสายตาไม่ได้
                 ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้มีคำพูดใดต่อมาอีกเมื่อมือใหญ่รั้งใบหน้าหวานเข้าใกล้ยามที่กดจูบลงไปอย่างอ่อนโยน
                 เนิ่นนานเหมือนกาลเวลาหยุดหมุน เขาขบเม้มกลีบปากของไฮลาสเบาๆ แล้วยอมผละออกอย่างอ้อยอิ่งเพื่อรอดูท่าทีของเจ้าชายหนุ่ม
                 “ไฮลาส” น้ำเสียงของเขาจริงจัง ดวงตาสีฟ้าสบกับตาสีเขียว ทรอยตัดสินใจแล้ว อย่างน้อยได้พูดออกไป ดีกว่าเก็บความลับนี้ไว้ให้ตายจากกัน
                 คำตอบจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญเลย
                 “เรามาลองคบกันดูไหม”
                 ไฮลาสจ้องเขาอยู่แบบนั้น นานเสียจนเขาเริ่มไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเข้าใจคำถามหรือเปล่า หรือว่าตกใจจนสมองหยุดประมวลผลชั่วคราวกันแน่ ชายหนุ่มจึงสูดหายใจเข้าลึก ตั้งสติก่อนลองเอ่ยปากอีกครั้ง
                 “นายกับฉัน เรามาเป็นคนร...” ท้ายประโยคถูกกลบหายไปด้วยกลีบปากหยักสวยที่จู่โจมเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว ทรอยเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะใจกล้าได้ถึงขนาดนี้ แต่มานึกอีกที นี่อาจไม่ใช่ความกล้า แต่เป็นความซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองแบบไม่ปิดบังของเจ้าตัวก็เป็นได้
                  ความคิดนั้นทำให้ชายหนุ่มหัวใจพองฟูจนเผลอรวบตัวเจ้าชายหนุ่มมากอดไว้แน่น
เมื่อริมฝีปากเป็นอิสระอีกครั้ง เขาจึงไม่ลังเลที่จะไล้มันไปกับแก้มเนียนใสเรื่อยไปจนถึงใบหูแล้วกระซิบเสียงแผ่ว
                  “นั่นถือว่าตกลงใช่ไหม”
                  เขาผละกลับมาจ้องดวงตาสีเขียวสุกใสเหมือนลูกแก้วของคนตรงหน้า ไฮลาสแก้มแดงเรื่อ เม้มริมฝีปากนิดๆเหมือนกำลังประหม่าพลางหลุบตาลงจนแพขนตาหนานั้นแทบจะแนบแก้ม
                  ทรอยจึงถือวิสาสะแตะปลายคางเล็กนั่น บังคับให้หันกลับมาสบตาอย่างเลี่ยงไม่ได้
                  “ว่าไง หืม?”
                  ไฮลาสยังนิ่ง พวงแก้มเป็นสีแดงดูน่ามองและน่าหมั่นเขี้ยวจนทรอยอยากโน้มลงไปตักตวงความสุขอีกสักหน่อยแต่ก็ห้ามตัวเองไว้ เขาอยากได้รับคำยืนยันจากเจ้าตัวเสียก่อน และตอนนี้การรอคอยกลับทรมานเขาทั้งเป็น
                  ในที่สุด เรียวปากของเจ้าชายหนุ่มก็คลี่ออกเป็นรอยยิ้มงามจับตา ถึงจะไม่พูดออกมาแต่สายตาที่ทอดมองนั้นสื่ออกทุกอย่าง ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงจังหวะหัวใจที่เต้นแรงของเด็กหนุ่มตอนที่มือเรียวดึงมือเขาไปวางไว้เหนือตำแหน่งหัวใจ
                   ...แทนคำตอบที่เขาอยากได้ยินมากที่สุด
                   เขาสบตาเด็กหนุ่มอีกครั้งราวกับจะขอคำยืนยันในความคิดของตน แต่เด็กหนุ่มกลับอมยิ้ม พึมพำประโยคสั้นๆที่เขาฟังอย่างไรก็ไม่ใช่ภาษาอังกฤษออกมาแล้วรีบเบือนหน้าไปทางอื่นเหมือนกำลังเขินจัด
                   “อะไรน่ะ เมื่อกี้หมายความว่ายังไง”
                   ไฮลาสคลี่ยิ้มปริศนา ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมเฉลยจึงถูกลงโทษเป็นจูบร้อนแรงที่แทบจะหลอมเขากลายเป็นขี้ผึ้ง

                    เจ้าชายหนุ่มไม่มีวันบอกคนรักที่คบกันมาเกือบปีแล้วหรอกว่าสิ่งที่เขาพูดในทุ่งหญ้าวันนั้นคืออะไร และทรอยก็มีความตื๊อที่น่าเหลือเชื่อ จนบัดนี้หากเขาเอนศีรษะไปซบไหล่ชายหนุ่มเวลาดูโทรทัศน์เมื่อไหร่ล่ะก็จะถูกตั้งคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าสิ่งที่พูดแปลว่าอะไร
                    และทุกครั้ง ไฮลาสจะทำแค่ยิ้ม ยืดตัวขึ้นจูบแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่แล้วบอกให้ไปลองคิดดู
                    คำตอบของเขาไม่ยากอะไรเลย ถ้าทรอยแค่ลองค้นในสารานุกรมภาษากรีกโบราณ
                    เพราะสิ่งที่เด็กหนุ่มเอ่ยในวันนั้นก็คือ
                    ‘ข้ารักเจ้า’


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Fuyuki's Talk

สวัสดีค่ะ Fuyuki นะคะ เพิ่งเคยลงเล้าครั้งแรกตื่นเต้นมากค่ะ เรื่องสั้นเรื่องนี้จริงๆ แล้วเคยชนะประกวดหัวข้อ 'เหนือธรรมชาติ' ของสำนักพิมพ์ Silver Castle ได้รวมเล่มกับนักเขียนอีก 8 ท่านมาก่อนค่ะ แต่เพราะเห็นว่าหมดสัญญาแล้ว ฟุยุจึงคิดว่าควรเอามาลงเล้าให้ได้อ่านกันค่ะ

ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: [เรื่องสั้น] In Time, I'll Find You (One Shot) (END)
«ตอบ #4 เมื่อ15-10-2017 00:21:20 »

คือบั่บ สนุกมากกกกก o13 เนื้อเรื่องโฟลว์สุด การบรรยาย ภาษา. สมกับได้รางวัลจริงๆค่ะ :katai2-1: โอยชอบ เหมือนอ่านนิยายโรแมนซ์กรีกโบราณ ฮืออออออออออออ อยากอ่านเป็นเรื่องยาว  :katai1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: [เรื่องสั้น] In Time, I'll Find You (One Shot) (END)
«ตอบ #5 เมื่อ26-02-2018 20:32:41 »

น่ารักมากเลยค่ะ อ่านแล้วคิดถึงความกรีกอย่างรุนแรง น่าสงสารเจ้าชายน้อยมากเลย โดดเดี่ยวมาเป็นพันๆปี ขอบคุณมากนะคะ ชอบมากเลย  :mew1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: [เรื่องสั้น] In Time, I'll Find You (One Shot) (END)
«ตอบ #6 เมื่อ26-02-2018 20:55:50 »

น่าร๊าก..กกกกกกกก  :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด