The Color of Love : ​Pink Loved ความรักสีชมพู (The End)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Color of Love : ​Pink Loved ความรักสีชมพู (The End)  (อ่าน 27195 ครั้ง)

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #90 เมื่อ03-12-2017 21:25:02 »

หมอไวท์ถ่ายรูปซีใช่ป่ะ

ออฟไลน์ สาว801

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #91 เมื่อ03-12-2017 21:43:37 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #92 เมื่อ04-12-2017 19:14:30 »



White Lie 2 : แอบมอง (ธนาคินxภัทรกร)

เสี้ยวใบหน้าอันหล่อเหลาของหมอไวท์ ริมฝีปากสีชมพู ผิวเนียนขาวสมกับเป็นลูกผู้ดีช่างน่าหลงใหล ซีเองก็ชำเลืองมองคนข้างๆเป็นบางครั้ง

“สวัสดีคะพี่หมอ”เสียงหวานของเบนซ์เอ่ยขึ้นเมื่อขึ้นรถได้

“สวัสดีครับน้องเบนซ์”หมอไวท์เอ่ยขึ้นก่อนจะชำเลืองตามองไปยังด้านหลัง ซีเองก็แอบมองปฏิกิริยาคนข้างๆเช่นกัน

“พี่หมอทานรัยยังคะ”เบนซ์เอ่ยถามพร้อมยกกล่องแซนวิสที่แม่ทำมาให้เป็นประจำ

“ยังครับ”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ก่อนที่เบนซ์จะยื่นแซนวิสแบคอนรมควันให้กับหมอไวท์

“นี่คะ คุณแม่เบนซ์ทำมา อร่อยนะคะ”เบนซ์เอ่ยขึ้น หมอไวท์ยกยิ้มหวานขึ้นก่อนจะรับแซนวิสไว้แต่หมอไวท์ไม่ชอบแบคอนสักนิดเลยเขาเกลียดแบคอนที่ดูยังไงก็แทบจะไม่มีประโยชน์ แต่แซนวิสนี้เป็นของที่เบนซ์ให้ทำให้หมอไวท์จึงไม่กล้าปฏิเสธ

“เบนซ์ชอบเบคอนหรอ ไม่กลัวอ้วนหรือไง”หมอไวท์เอ่ยถาม

“เปล่าคะ แต่ที่คุณแม่ทำมาเพราะลูกรักของแม่ชอบกิน หนูเลยต้องจำใจชอบกินไปด้วย เพราะถ้าไม่ชอบกินก็อดอ่าคะ”เสียงเบนซ์โวยขึ้นอย่างน่ารัก

“หรอ เบนซ์มีพี่หรือน้องหล่ะแม่ถึงได้รักมากอ่ะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้น

“หนูอ่ะลูกคนเดียวคะ”เบนซ์เอ่ยขึ้นพร้อมกับยืนหน้ามาระหว่างหมอไวท์และซีที่นั่งด้านหน้า จนหมอไวท์เองหน้าแดงฉ่าออกมา

“แต่ไอ้ที่บอกลูกรักของคุณแม่คือไอ้อ้วนนี่ไงคะ ไอ้อ้วนนี่แม่งชอบเบคอนเข้าเส้นคะ แดกอะไรมักจะไม่พ้นเบคอน”เบนซ์เอ่ยขึ้นพร้อมหันมองซีที่ทำหน้ายักษ์ใส่เพื่อสาว

“ก็คนมันชอบนี่นา”ซีเอ่ยขึ้น

“ก็เพราะชอบง่ะ มึงถึงได้อ้วนขนาดนี้อ่ะ”เบนซ์เอ่ยขึ้น ซียกมือตีหัวเบนซ์เบาๆไม่จริงจังนักเพราะทั้งสองมักจะเล่นกันแบบนี้เสมอ หมอไวท์มองทั้งสองแล้วยกยิ้มออกมากับความน่ารักของทั้งสอง

“สองคนสนิทกันจังเลยนะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้น

“เราสองคนอ่ะยิ่งกว่าสนิทอีกคะ ไอ้อ้วนอ่ะมันเป็นเหมือนทั้งเพื่อน ทั้งพี่และก็พ่อของหนูไปแล้วหล่ะ”

“เพราะมึงเป็นซะอย่างงี้ไง กูกลัวว่ามึงจะไม่มีผัวก่อนจะโดนฆ่าตาย”ซีเอ่ยขึ้น เบนซ์ยกมือขยี้หัวซีไปมาเมื่อโดนว่า

“โอ๊ยๆๆ ไอ้เบนซ์กูขับรถอยู่ เดี๋ยวเหอะ”ซีเอ่ยออกมา เบนซ์ก็ย้ายตัวไปนังข้างหลังอย่างว่าง่ายก่อนจะยกแซนวิสจ่อที่ปากให้ซีอย่างที่เคยทำประจำ

“กลางวันนี้พี่มีเรียนยาวจนถึงค่ำเลย เอาไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้นเมื่อซีมาส่งที่คณะแพทย์

“แล้วกลับยังไงครับ ให้ผมรอไหม”ซีเอ่ยขึ้นอย่างจริงใจ เขาเองก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้วและที่สำคัญซีเองอยากจะอยากมารับหมอไวท์ด้วยเป็นเพราะอะไรไม่มีใครรู้

“ไม่เป็นไรครับ พี่กลับดึกอ่ะเอาไว้เจอกันนะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้นก่อนจะรีบลงรถไป ทั้งซีและเบนซ์ก็ไม่ได้ติดใจอะไรก่อนจะขับรถออกไป

ทางด้านหมอไวท์ที่รีบเดินเข้าคณะแพทย์และดิ่งเข้าไปที่ห้องน้ำเพื่อรอให้ทั้งสองขับรถออกไปก่อนเขาจึงพาร่างสูงเดินออกมาและเรียกแท็กซี่เพื่อตรงไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลนัก

เวลาผ่านไปเกือบสองทุ่มที่หมอไวท์เคลียงานเสร็จ ที่อยู่เคลียงานก็เพราะเขาจะได้มีเวลามากขึ้นที่จะได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อนใหม่ทั้งสอง

“สองทุ่มแล้วหรอเนี้ย”หมอไวท์เอ่ยขึ้นเมื่อยกนาฬิการาคาแพงขึ้นมาดู ก่อนจะยกมมือถือขึ้นมาดูเช่นกัน

“หึ...น่ารักชะมัดเลย”หมอไวท์เอ่ยขึ้นก่อนจะส่งสติ๊กเกอร์กลับให้ปลายทางที่ส่งมาเมื่อตอนทุ่มกว่าๆ ก่อนจะยกมือถือกดเข้าหาที่บ้าน

“หนูพิ้งค์ อยู่ไหนครับ”เสียงหมอไวท์เอ่ยถามน้องชายคนเล็กเมื่อรับสายทันที

(“อยู่มหาลัยอยู่เลยอ่า เฮียมีอะไรหรือเปล่าฮะ”)

“เจ้าเลิฟขับรถให้มั้ย”

(“อื้ม ก็อยู่ข้างๆเนี้ย”)

“งั้นบอกเจ้าเลิฟมารับเฮียที่โรงพยาบาลด้วยนะ เฮียไม่ได้เอารถมา”

(“ได้ฮะ เฮียรอแปบนะอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงนะ”)



หมอไวท์วางสายจากน้องชายเรียบร้อยก็กดสายหาซีเพื่อที่พรุ่งนี้จะไม่ต้องให้ชายหนุ่มไปรับที่คอนโดเพราะวันนี้เขาจะกลับไปนอนบ้าน

(“ครับ”)

“ซี พี่หมอเองนะ”

(“อ่าครับ เลิกเรียนแล้วหรอครับ จะให้ซีไปรับหรือยังไง”)

“เปล่าๆ พี่จะบอกว่าพรุ่งนี้ไม่ต้องมารับพี่ที่คอนโดนะ”

(“อ้าว ทำไมครับ”)

“พอดีพี่มีเรียนเช้ามากอ่ะ”

(“ผมไปรับได้ครับ ว่าแต่เช้ากี่โมงครับ”)

“เช้ามากๆเลย พี่เกรงใจเดี๋ยวพี่ไปเองดีกว่าเนอะ เอาไว้ตอนเที่ยงพี่ไปหาที่คณะนะ”

(“เอางั้นหรอครับ”)

“อื้ม ฝากบอกเบนซ์ด้วยนะ”

(“ครับ”)

ซีวางสายจากหมอไวท์ด้วยความรู้สึกหน่วงแปลกที่ใจ ตอนแรกก็ดีใจที่หมอไวท์โทรมาหาแต่เมื่อคิดๆดูคือหมอไวท์อยากจะบอกผ่านตัวเองเพื่อให้เบนซ์รู้

“นี่อย่าบอกว่ากูหลงรุ่นพี่อย่างหมอไวท์อ่ะ ไม่ใช่แน่นอน”ซีเอ่ยกับตัวเองก่อนจะเปิดประตูห้องเข้าไปแต่ก็ต้องตกใจที่ตอนนี้ห้องเขากลับสะอาดสะอ้านเพราะความเป็นจริงแล้วซีเป็นคนที่ไม่เรียบร้อยเลยสักนิด

“เชี่ยแระ...”ซีเอ่ยพร้อมวิ่งออกไปที่หน้าประตูห้องเพื่อดูว่าเป็นห้องตัวเองหรือเปล่า

“ก็ใช่นี่หว่า แล้วนี่อะไรกันว่ะ”ซีสบถกับตัวเองเบาๆพร้อมเกาหัวแล้วเดินเข้าห้องไปอย่างงวยงง

“เซอร์ไพร์สสสสส...”เสียงหวานของคนในห้องเอ่ยขึ้น จากมุมห้องพร้อมกระโดดกอดร่างสูงโปร่งของซี

หมับ

ฟอด ฟอด ฟอด

“อื้อ คิดถึงจังเลยเจ้าแก้มยุ้ยของมัมมี๊”ซียกยิ้มกว้างทันทีเมื่อรู้ว่าคนที่มาจัดเก็บห้องให้ตอนนี้คือใคร แม่แท้ๆของเขานี่เอง ซึ่งแม่ของเขาต้องไปทำงานที่เมืองนอกหลายเดือนกว่าจะกลับและทุกครั้งที่กลับมาจะต้องแวะหาซีก่อนเสมอก่อนจะไปที่บ้านเพื่อหาลูกคนเล็กที่ตอนนี้อยู่กับอดีตสามีของเธอ

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับแล้วมากี่วัน”ซีเอ่ยถามผู้เป็นแม่

“เพิ่งกลับมา ไม่อยากบอกซีหรอก เดี๋ยวซีก็ต้องขับรถไปรับมัมมี๊อีกเสียเวลา”

“โธ่ ไม่ลำบากเลยครับ”ซีเอ่ยอ้อนแม่ของตัวเอง หัวกลมหนุนที่ตักนุ่มของผู้เป็นแม่มือแสนอบอุ่นกำลังลูบไล้ไปทั่วกล่มผมนุ่มนั้นไปมา

“เจ้าวายรู้ยังครับว่ามัมมี๊มาอ่ะ”

“ยังเลย เอาไว้เซอร์ไพร์สพรุ่งนี้ แล้วป๋าเป็นไงมั้งหล่ะ”

“ก็ดีครับ ดูแลเราสองคนดีมากและกำลังรอสาวสวยลาออกจากงานเพื่อจะได้มาอยู่ด้วยทั้งชีวิตอยู่ครับ”ซีเอ่ยบอกผู้เป็นแม่

“หึๆ แล้วเลิกบ้างานแล้วหรอไงถึงจะรออยู่กับมี๊ตลอดชีวิตอ่ะ”

“ไปดูเอาเองครับ เพราะป๋าอ่ะเปลี่ยนไปเยอะนับจากที่มัมมี๊ไปทำงานต่างประเทศอ่ะ”

“เอาไว้มี๊คิดดูก่อนดีกว่า ว่าผู้ชายที่บ้างานขนาดนั้นจะมีเวลาให้มี๊บ้างหรือเปล่า” ซียกยิ้มหวานออกมาก่อนที่แม่จะจับที่แก้มพร้อมลูบไปมา

“แก้มยุ้ยไปแระ อ้วนไปไหมเราสงสัยเจ้าเบนซ์เลี้ยงดี”

“เปล่าเลย ไอ้บ้านั่นเอาแต่แย่งกินสิไม่ว่า แต่แม่งกินยังไงมันก็ไม่อ้วนเลยสักนิด”

“เบนซ์เป็นแฟนได้หรือยังหล่ะลูก มัมมี๊ว่าหนูเบนซ์น่ารักที่สุดแล้วนะ”ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น ซียิ้มอ่อนๆออกมาก่อนจะเอ่ยขึ้น

“มี๊ครับ ถ้าซีไม่ได้เป็นอย่างที่มี๊คิดและหวัง มี๊กับป๋าจะเสียใจไหม”ซีเอ่ยขึ้นจนผู้เป็นแม่ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเข้าใจว่าที่ลูกชายคนโตพูดคือเรื่องอะไร

“หมายความว่ายังไงหรอ”ซีลืมตามองผู้เป็นแม่ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“เปล่าครับ ซีแค่เพ้อเจ้อไปงั้นหล่ะ หิวแระไปหารัยทานดีกว่าครับพรุ่งนี้ไปรับตัวแสบที่บ้านป๋ากัน” ซีเอ่ยขึ้นอย่างกลบเหลื่อน

“เดี๋ยวครับ เป็นแบบนี้ทุกทีถ้าซีมีอะไรปิดบังมี๊”ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นอย่างรู้ทันก่อนที่ซีจะซบใบหน้าลงที่ตักอีกครั้ง

“สมกับเป็นมัมมี๊ของลูกจริงๆ รู้ทันไปหมด”ซีเอ่ยขึ้น

“งั้นว่ามา ว่าเรื่องอะไรที่ป๋าและมี๊จะรับได้หรือไม่ได้อ่ะ”ผู้เป็นแม่คาดคั้นเอาคำตอบจากลูกชายคนโต ซีลุกขึ้นนั่งพร้อมถอนหายใจออกมาดังๆก่อนจะเอ่ยขึ้น

“มี๊ จะเสียใจไหมถ้าซี...ชอบ”ยังไม่ทันที่ซีจะเอ่ยต่อ เสียงผู้เป็นแม่ก็เอ่ยสวนกลับทันที

“ชอบผู้ชายอ่าหรอ...”

“มี๊ รู้...”ซีเอ่ยขึ้นอย่างตกใจที่แม่ของตัวเองรู้ว่าที่จริงแล้วเขาชอบผู้ชาย ซีไม่กล้าจะบอกพ่อกับแม่เพราะกลัวว่าพ่อแม่จะเสียใจ

“รู้สิ อยากรู้ไหมว่ารู้ตั้งแต่ตอนไหน”

“มี๊รู้ตั้งแต่ตอนไหนครับ”

“ก็ตั้งแต่ที่ลูกชายแม่เพ้อหาพี่ชายคนหนึ่งที่เคยเจอตอนเรียนว่ายน้ำไง ตอนเด็กๆวันที่แม่พาไปเรียนว่ายน้ำที่สโมสรของคุณป๋าไง” ซีหวนคิดถึงวันนั้น และมันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่เขาหลงชอบผู้ชายด้วยกัน และต้องเป็นรุ่นพี่ที่เรียนว่ายน้ำคนนี้คนเดียวเท่านั้น ที่ทำให้หัวใจเขาเพ้อหาและตอนนี้รุ่นพี่คนนั้นจะเป็นยังไงมั้ง จะทีแฟนหรือเรียนอยู่ที่ไหนหรือยังนะ

สิบสามปีก่อน สระว่ายน้ำสโมสรทหารอากาศ

“พี่เก้งฝากลูกชายน้องด้วยนะคะ พอดีน้องซีไม่ค่อยสบาย เป็นภูมิแพ้บ่อยๆ น้องเลยอยากให้ออกกำลังกายบ้างคะ”

“ได้เลยยุรี เดี๋ยวพี่จะดูแลให้เอง”

“เดี๋ยวมี๊รอที่ข้างสระด้านโน้นนะครับ”

“ฮะ มี๊”ซีเอ่ย ร่างกลม ตัวขาว แก้มที่ยุ้ยแสนน่ารักของซีทำให้พี่ๆเพื่อนๆรอบสระยกยิ้มให้

“ใครอยู่ตรงนั้นอ่ะ มารับน้องใหม่ไปที่ห้องแต่งตัวหน่อยแล้วพามาที่สระว่ายน้ำนะ”อาจารย์สอนว่ายน้ำเอ่ยขึ้น ร่างสูงข้างสระวิ่งเข้ามาหา ใบหน้าหล่อเหลา รอยยิ้มบาดใจนักทำให้เด็กน้อยอย่างซีปลื้มใจนัก เพราะความที่ตัวเองตัวเตี้ยทำให้เก็บของที่ล๊อเกอร์ไม่ได้

“มาพี่เก็บให้ แล้วเวลาเสร็จแล้วบอกพี่นะ เดี๋ยวพี่มาเอาให้เอง เพราะพี่ตัวสูงกว่าแก้มยุ้ยเยอะเลย”

“เค้าไม่ได้ชื่อแก้มยุ้ยนะ เค้าชื่อน้องซี”

“ครับๆ ว่าแต่รีบไปเถอะ เดี๋ยวอาจารย์บ่น”

เรื่องราววันนั้นเป็นอะไรที่ซีตรึงในใจมาตลอด และประทับใจเสมอ ซีไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครอีกนับจากวันนั้น จนวันที่เขาได้เจอหมอไวท์เขากลับรู้สึกว่าเขาต้องขอโทษพี่ชายนั้นเสียแล้ว เพราะความรู้สึกที่มีให้พี่ชายตัวสูงคนนั้นถูกผู้ชายตัวสูงอย่างหมอไวท์วันนี้กลบไปแล้ว

“พี่ชาย ซีขอโทษนะครับ ที่แอบนอกใจพี่”ซีเอ่ยขึ้นกับรูปภาพสมัยเด็กที่ถ่ายร่วมกันที่ข้างสระน้ำ รุ่นพี่ร่างสูงคนนั้นยังคงยืนกอดคอเด็กแก้มยุ้ยอยู่ ซึ่งตอนนี้ซีก็ยังคงไว้ซึ้งแก้มยุ้ยนี้เพื่อให้รุ่นพี่คนนั้นได้จับมันอีกครั้งถ้ามีโอกาส



หลายวันแล้วที่ซีไม่ได้เข้าไปรับหมอไวท์ เพราะหมอไวท์มักจะไลน์มาบอกเขาเสมอว่ามีเรียนเช้าและเลิกเลปดึก ซีเองก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไร เพราะบางครั้งพี่หมอไวท์ก็แวะมาทานข้าวที่คณะอยู่บ้าง

“พี่มีรายงานเยอะมากช่วงนี้คงไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยนะ”หมอไวท์เอ่ย วันนี้เขาแวะมาทานข้าวกลางวันกับซีและเบนซ์

“ไม่เป็นคะ แค่คุยไลน์กลุ่มของเราสามคน แค่นี้ก็โอเคแล้ว พี่หมอพักผ่อนและดูแลสุขภาพด้วยนะคะ”เบนซ์เอ่ยขึ้นเสียงหวาน

“ครับผม น่ารักที่สุดเลยนะเรา อ่ะพี่ยกหมูกรอบให้ครับ”หมอไวท์เอ่ยขึ้นพร้อมตักหมูกรอบให้เบนซ์ โดยมีซีนั่งมองอยู่ด้วยรอยยิ้มแห้งๆที่แปะบนใบหน้า

“เบนซ์อ่ะไม่ชอบสามชั้นอ่า ไขมันมันและทำให้อ้วนอ่ะ พี่หมอใจร้ายจริงๆเลยฮ่าๆๆ”หญิงสาวเอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราะออกมา

“ไม่อ้วนหรอก แบบนี้หล่ะกำลังน่ารักเลย”หมอไวท์เอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราะออกมา

“ไม่เอาอ่ะ พี่หมอกินเถอะ หนูเอาคะน้าดีกว่าเนอะ ไม่อ้วนด้วย”หญิงสาวเอ่ยพร้อมตักคะน้าใส่ปากตัวเอง ท่าทางของทั้งสองดูสนิทกันมาก สนิทเสียจนคนที่สามอย่างซีรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินไปซะแล้ว

“ไอ้เบนซ์ พี่หมอเอาน้ำอะไรไหมเดี๋ยวจะไปซื้อน้ำ”ซีเอ่ยขึ้น เพราะขืนนั่งอยู่เขากลายเป็นส่วนเกินไปเลย

“เอาน้ำเปล่า”หมอไวท์เอ่ย

“กูเอาน้ำแดงนะ”เบนซ์เอ่ยขึ้น

“อย่ากินน้ำอัดลมหรือน้ำหวานมากรู้ไหม ซีเอาน้ำเปล่ามาให้เบนซ์และซีด้วยก็ดื่มน้ำเปล่านนะ พี่ไม่อยากให้กินน้ำอัดลม”หมอไวท์เอ่ยขึ้นความใส่ใจและอบอุ่นที่ถูกถ่ายทอดมาจากหมอไวท์ทำให้ซีรู้สึกว่าตัวเองตกหลุ่มรุ่นพี่คนนี้ไปเสียแล้ว

สายตา รอยยิ้มและใบหน้าที่ดูดีไปทุกกระเบียดนิ้วของหมอไวท์ที่กำลังหัวเราะร่าเริงอยู่กับเพื่อนสาวคนสนิทช่างดูสมกันดี ซีคิดแบบนั้น ให้ตัวเองคิดว่าหมอไวท์คือคนดีที่เข้ามาให้รู้จักก็พอแล้ว

.......................

"เคยถามหัวใจตัวเองไหมว่าแค่แอบมองเขามีความสุขแล้วหัวใจมีความสุขตามหรือไม่"

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #93 เมื่อ04-12-2017 19:21:31 »

โธ่ ชักสงสารซี

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #94 เมื่อ04-12-2017 20:35:46 »

ตกหลุมรักว่าไม่ง่าย แอบรักนี้โครตจะยาก ฮ่าๆๆๆๆๆ
เอาพี่ชายของแก้มยุ้ยออกโรงมาหน่อย อิอิ

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #95 เมื่อ05-12-2017 08:41:05 »

White Lie 3 : โกหก (ธนาคินxภัทรกร)
[/size]

รถคันสวยวิ่งเข้ามาเทียบหน้าโรงเรียนดังแห่งหนึ่ง ซีที่วันนี้มาส่งน้องชายตัวเองเพราะวันนี้ต้องไปทานข้าวกับพ่อและแม่ที่ทั้งคู่หันกลับมาคุยกันอีกครั้ง
“เย็นนี้พี่มารับนะ”ซีเอ่ยบอกน้องชาย
“ครับผม แล้วย่าลืมไปเอาของที่ป๋าสั่งไว้นะครับ”วายเอ่ยย้ำพี่ชายอีกครั้ง
“เอ่อ รู้แล้วรีบๆไปได้แล้ว เดี๋ยวพี่จะสาย”ซีเอ่ยบอกน้องชาย
“เจอกันเย็นนี้ครับ”วายเอ่ยขึ้นพร้อมกับวิ่งเข้าโรงเรียนไป ซีมองน้องชายตัวเองเดินเข้าโรงเรียนจนลับตาก่อนจะขับรถออกไป
ซีขับรถมาจอดที่คณะตัวเอง ที่ประจำของเขาวันนี้เขาไม่ได้ไปรับเบนซ์และหมอไวท์เพราะว่าต้องไปรับไปส่งวาย ระหว่างที่ซีเตรียมตัวลงรถพลันสายตาก็ไปเห็นร่างสูงของหมอไวท์ที่กำลังยกหนังสือกองโตให้หญิงสาว รอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้าทั้งคู่ทำให้ซีเข้าใจตัวเองมาขึ้นว่าอย่าหลงรุ่นพี่คนนี้ใหมากกว่านี้
“ไอ้ซี มานานยังว่ะ”เสียงหวานที่เอ่ยจากเพื่อนรัก ซีที่พยายามเดินเลี่ยงไม่อยากเจอภาพที่รู้สึกเจ็บมากกว่านี้ แต่ก็รอดพ้นสายตาของเพื่อนรักไปได้
“เพิ่งมาอ่ะ สวัสดีครับพี่หมอ”ซีเอ่ยพร้อมยกมือไหว้รุ่นพี่ สายตาพยายามหลบสายตาของหมอไวท์ให้มากที่สุด
“กินรัยยังมึง แม่กูฝากแซนวิสมาให้ลูกรักอย่างแก อ่ะ”เบซ์เอ่ยขึ้น ซีรับกล่องแซนวิสไปและยกยิ้ม
“ฝากขอบคุณคุณแม่ด้วยนะ ว่าแต่มากับพี่หมอหรอ”ซีเอ่ยถาม
“เปล่า เพิ่งเจอกันตรงข้างหน้าเนี้ยอ่ะ ว่าแต่คุณมี๊มึงกลับมาอยู่ไทยถาวรแล้วหรอ”
“อื้ม ดีใจชะมัดเลยอ่ะ”ซีเผลอเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ รอยยิ้มที่ยกยิ้มขึ้นเป็นอะไรที่จริงใจมากเวลาซีดีใจจะเผลอยิ้มน่ารักแบบนี้ออกมาเสมอ
“เวลามึงทำท่าดีใจ มึงนี่ตุ๊ดชะมัดเลย ฮ่าๆๆ”เบนซ์เอ่ยหยอกเล่นเพื่อนรักก่อนจะที่ซีจะยกมือยีหัวกลมของเบนซ์ไปมาพร้อมเสียงหัวเราะของทั้งคู่
“พี่ว่า เดี๋ยวพี่ไปคณะก่อนนะ เอาไว้เที่ยงๆพี่มาทานข้าวด้วย”หมอไวท์เอ่ยขึ้น เขายืนตรงนี้นานไม่ไหวแล้วเพราะวีนนี้มีเคสช่วงเก้าโมงด้วย ขืนยืนอยู่เขาต้องละลายเพราะใบหน้าน่ารักและรอยยิ้มหวาน
“ได้คะ ไอ้ซีมายกหนังสือที่กูเอามาทำรายงานที่พี่หมอดิ”เบนซ์เอ่ยสั่ง เป็นแบบนี้เสมอสำหรับซีและเบนซ์ ซีเดินไปหอบหนังสือจากอ้อมกอดของหมอไวท์
อึก
กลิ่นน้ำหอมที่แสนยั่วยวน ชาเนลราคาแพงซีสัมผัสได้ ใบหน้าของซีร้อนขึ้นกว่าเดิมเมื่อหมอไวท์โน้มตัวเพื่อยกหนังสือให้ซี แต่ปลายจมูกของหมอไวท์กลับชนเข้าที่หน้าผากของซี แม้ไม่จงใจนักแต่ก็รู้สึกว่าหมอไวท์สูดกลิ่นนั้นเช่นกัน
“ร้อนหรอมึง ไม่สบายหรือเปล่า”เบนซ์เอ่ยขึ้นถามเพื่อนรักเมื่อเห็นหน้าซีแดงมาก
“ไหนพี่ดูสิ”เสียงหมอไวท์เอ่ยขึ้น ไม่เอ่ยเปล่าเมื่อมือของหมอไวท์กำลังแตะที่หน้าผากของซี ลำคอที่แห้งผาดของซีมันดูเจ็บไปหมดพอๆกับใจที่เต้นแรง ฝามือนิ่มแสนอบอุ่นทำเอาซีใจเต้นแรง
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับสงสัยอากาศมันร้อนครับ”ซีเอ่ยขึ้นก่อนจะเบี่ยงตัวออกเล็กน้อยเพราะขืนอยุ่แบบนี้หัวใจทำงานหนักแย่เลย
“งั้นเอาไว้เจอกันตอนเที่ยงนะครับ ป่ะไอ้เบนซ์”ซีเอ่ยพร้อมเดินจ้ำอ้าวไปทันที
“ไอ้อ้วนรอกูด้วย”เบนซ์เอ่ยขึ้นก่อนจะหันไปบอกหมอไวท์ที่ยืนงงอยู่
“เอาไว้เอจกันตอนเที่นงนะคะพี่หมอ”เบซ์เอ่ยพร้อมวิ่งตามเพื่อนรักออกไป
“ไอ้อ้วนรอกูด้วย...”เสียงโวยของเบนซ์เอ่ยพร้อมพาร่างบางวิ่งตามเพื่อนไป
“น่ารักจัง”หมอไวท์เอ่ยออกมาเบาๆก่อนจะเดินออกไป
เที่ยงกว่าแล้วหมอไวท์เองยังคงตรงคนไข้อยู่ วันนี้คนไข้เยอะมากจริงๆจนหมอไวท์ลืมเวลาที่จะไปทานข้าวกับรุ่นน้องสองคนนั้น
“อ้า...คนไข้เหลืออีกเยอะไหมครับ”หมอไวท์เอ่ยขึ้นถามพยาบาลเวร
“เหลืออีกสองรายคะ คุณหมอจะให้สั่งข้าวเลยไหมคะ”พยาบาลเวรเอ่ย
“ไม่ต้องครับเดี๋ยวผมลงไปทานที่โรงอาหารก็ได้ครับ ผมขอพักสักห้านาทีแล้วเรียกคนไข้เข้ามาเลยนะครับ”
“คะคุณหมอ”พยาบาลเวรเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินออกไป หมอไวท์ยกมือถือขึ้นมากดเบอรืหารุ้นน้องทันที กลัวว่าทั้งสองจะรอ
(“ครับพี่หมอ”)
“ซีหรอ”
“ครับพี่หมอ พี่หมอจะทานอะไรครับซีจะได้สั่งไว้ให้”ซีเอ่ยขึ้นเพราะธรรมดาหมอก็มักจะโทรหาซีเสมอ
“พี่จะบอกว่าวันนี้พี่คงไปทานข้าวด้วยไม่ได้นะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้น เสียงปลายสายเงียบลงทันทีก่อนจะ
“ครับ”ซีเอ่ยขึ้น
“เอาไว้เย็นนี้ไปทานข้าวกันไหม”หมอไวท์เอ่ยขึ้นถาม
(“เย็นนี้ซีมีนัดทานข้าวกับที่บ้านอ่ะครับ”)
“หรอ งั้นพรุ่งนี้จะไปรับพี่ไหม”หมอไวท์เอ่ยถาม
(“วันนี้ซีต้องไปนอนที่บ้านครับ”)
“อ่อ งั้นไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่นั่งแท็กซี่มาก็ได้”หมอไวท์เอ่ยขึ้นเสียงเบาลงจนซีรู้สึกแปลกๆว่าอยากแคร์ผู้ชายคนนี้
(“เอางี้ดีกว่า พี่หมอรอซีที่ห้องนั้นหล่ะเดี๋ยวซีไปรับพี่ที่คอนโดนะครับ”)
“ซีสะดวกหรอ ไม่สะดวกไม่เป็นไรนะพี่ไปเองได้”หมอไวท์เอ่ยขึ้น
(“ไม่เป็นไรครับ เอาไว้เจอกันพรุ่งนี้เช้านะครับ”)ซีเอ่ยก่อนจะวางสายไปเพราะกลัวว่าหมอไวท์จะเปลี่ยนใจ
รอยยิ้มที่ผุดขึ้นหลังจากที่หน้าดูไม่สบอารมณ์เมื่อสักครู่ทำเอาเพื่อสนิทเอ่ยถามอย่างกวนๆขึ้นมาหลังจากไปซื้อข้าวกลับมา
“ใครโทรมาว่ะ ทำไอ้หน้าอ้วนหงิกเมื่อกี้หายไปเลย”
“ไอ้บ้า แล้วซื้ออะไรมาแดกเนี้ย”ซีเอ่ยขึ้นถามอย่างอารมณ์ดี
“นี่ของกูกับพี่หมอ ของมึงไปซื้อเองเว้ย”เบนซ์เอ่ยขึ้น ซีหุบยิ้มเล็กน้อยเมื่อเพื่อนเอ่ยถึงอีกคน
“ไอ้เบนซ์มึงชอบพี่หมอหรอว่ะ”ซีเอ่ยถามเพื่อนตรงๆ
“เอ่อดิ กูว่าพี่หมอเป็นผู้ชายที่แม่ง ทั้งหล่อ ทั้งสุภาพและโคตรอบอุ่นเลยอ่ะ สาวๆที่ไหนก็ชอบป่าวว่ะ”เบนซ์เพ้อขึ้นทำให้ซียิ่งหน่วงที่อกอย่างบอกไม่ถูก
“พี่หมอไวท์โทรมาบอกว่ามาไม่ได้ มีธุระด่วนอ่ะ”ซีเอ่ยบอก
“อ้าวหรอ นี่กูซื้อผัดผักโมของโปรดพี่หมอไว้เลยนะเนี้ย”เบนซ์เอ่ยขึ้น
“แฟนพันธ์แท้นะมึง รู้ได้ไงเขาชอบผักโขมอ่ะ”
“ไม่รู้อ่ะเห็นพี่หมอชอบบ่นมึงว่าแดกแต่มันๆหมูๆกูก็คิดว่าพี่แกชอบผักอ่าดิ”เบนซ์เอ่ยขึ้นพร้อมทำหน้าเซ็งทันที
“แล้วนี่กูจะแดกหมดไหมว่ะ”เบนซ์เอ่ยขึ้นเพราะรู้ดีว่าเพื่อนรักคนนี้คงไม่กินผักแบบนี้แน่ๆ
“เอามากูแดกเอง”ซีเอ่ยพร้อมดึงจานข้าวมาก่อนที่จะตักเข้าปากไป แม้ไม่อร่อยกับผักที่แสนเกลียดเพียงแค่คิดก็แทบอ้วกแล้วแต่เขาคิดว่าพี่หมอคงชอบให้เขากินผักมากกว่า
“เห้ย มึงแดกได้จริงอ่ะ”เบนซ์เอ่ยถามอย่างไม่เชื่อว่าเพื่อนรักจะกินผักเข้าไปได้ และก็แทบไม่เชื่อกับใบหน้าที่ตอนนี้แสดงออกมาเมื่อซีตักผักเข้าปาก
“กิน...ห้ามคายนะมึงฮ่าๆๆ”เบนซ์เอ่ยออกมาและบังคับซีกินจนหมด
“เอ้อวันก่อนมึงไปดูหนังคนเดียวเป็นไงมั้งว่ะ หนังสนุกไหม”เบนซ์เอ่ยถามเพื่อนรัก
“สนุกดี แต่กูมัวแต่มองหน้าคนข้างๆว่ะ แม่งน่ารักมากเลยว่ะแต่เสียดาย มีผัวแระ ฮ่าๆๆ”ซีเอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราออกมา
“มึงนี่ก็เนอะเจอแต่คนที่มีแฟนตลอดเลย”เบนซ์เอ่ยขึ้นเพราะมันคือเรื่องจริง ซีไม่ว่าจะถูกใจใครสักคนก็มักมีแฟนแล้วเสมอ
ช่วงเย็นซีขับรถมารับน้องชายของตัวเองที่โรงเรียนและวันนี้เขากลับเจอกับเพื่อนของน้องชายอย่างรอยด์ เขาชอบความน่ารักของรอยด์คนที่เขาเคยเจอที่โรงหนัง
“พี่ซี นี่เพื่อนของวาย ชื่อ....”ยังไม่ทันที่วายจะเอ่ยแนะนำรอยด์เสียงซีก็เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มและท่าทางดีใจ
“คุณรอยด์”
“คุณซี”
ทั้งสองทักทายกันอย่างคุ้นเคยจนวายเองสงสัยจึงถามขึ้นว่ารู้จักกันได้ยังไง และพากันมานั่งคุยกันที่ร้ายไอศกรีมข้างๆโรงเรียน ซึ่งตอนแรกรอยด์เองก็ตั้งใจรอธนาคิม แต่ซีบอกว่าใกล้ๆนี่เอง
“ไม่คิดว่าจะเจอคุณรอยด์ที่นี่ และไม่คิดว่าจะเป็นเพื่อนกับเจ้าหัวเล็กด้วย”ซีเอ่ยขึ้น
“เราสองคนเพิ่งเป็นเพื่อนสนิทกันช่วงที่ผมเพิ่งย้ายมานี่หล่ะครับ”รอยด์เอ่ยขึ้น
“อ้าว แล้วคุณรอยด์เคยเรียนที่ไหนมาก่อนหรอครับ”ซีเอ่ยถาม
“ผมย้ายมาจากซิคาโก้ครับ”
“ว้าว ไกลจังนะครับ แต่เราสองคนก็ได้มาเจอกัน”ซีเอ่ยออกมา เหมือนคนมุขเสี่ยวๆ เพราะซีออกจะเป็นคนตลอกหน่อยๆ งายหันมองพี่ชายทันทีก่อนจะแตะที่เท้าพี่ชายตัวเอง
ปึก
“โอ๊ย ไอ้หัวเล็กมาแตะพี่ทำไมว่ะ”ซีหันไปดุน้องชาย
“รอยด์อ่ะ เพื่อนสนิทเค้าอย่ามารุ่มร่ามนะ”วายเอ่ยบอกพี่ชาย ทั้งสองจึงทำสงสครามขนาดย่อมเล็กน้อยจนรอยด์หัวเราะออกมากับความน่ารักของพี่น้องคู่นี้
“ผมอยากมีพี่ชายแบบคุณซีจังครับ”รอยด์เอ่ยขึ้น ซีจึงยิ้มหวานใหห้ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ผมยินดีครับ แต่ที่จริงไม่อยากเป็นพี่ชายเลย สำหรับคุณรอยด์”ซีเอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มหวานออกมา
ซีขับรถพาน้องชายมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ทั้งสองดีใจมากที่พ่อและแม่ของเขากำลังคืนดีกันและครอบครัวของเขาก็กำลังกลับมามีความสุขอีกครั้ง
“วายมีความสุขที่สุดเลยรู้ไหม”เสียงน่ารักของน้องชายของซีเอ่ยออกมา
“มี๊ก็มีความสุขมาก”หญิงสาวคนเดียวของโต๊ะเอ่ยก่อนที่ซีจะเอ่ยขึ้น
“งั้นมาถ่ายรูปกันหน่อยครับ ป๋ากอดเมียหน่อยสิ ใกล้ๆกันหน่อย”
“ก็ป๋าเขินนะเนี้ย”
“จะเขินอีกหรอมีซีกับเจ้าวายสองคนแล้วยังจะเขินอีกหรอครับเนี้ยฮ่าๆๆ”ซีเอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราะออกมาก่อนจะถ่ายรูปไว้เป็นที่เตือนความจำว่าเคยมีความสุขที่สุดของชีวิต
เวลาเกือบห้าทุ่มซีขับรถมาถึงคอนโดของตัวเอง ซึ่งที่บ้านก็บอกให้เขาค้างที่บ้านแต่เขากลับไม่ยอมค้างเพราะพรุ่งนี้เขาต้องไปรับหมอไวท์
ติ้งติง
ซี : พรุ่งนี้ให้ผมไปรับกี่โมงครับ
White : สักแปดโมงไหวไหม
ซี : ไหวครับ
White : ต้องไปรับเบนซ์ด้วยไหม
ซี : ไอ้เบนซ์ไปเองครับ พรุ่งนี้มันมีเข้าชมรมเช้าก่อน
White : งั้นแปดโมงเจอกันนะ
ซี : ครับพี่หมอ
White : ฝันดีนะ
ซี : ฝันดีเช่นกันครับ
White : สติ๊กเกอร์ จุ๊บ จุ๊บ
ทำเอาซีตกใจเล็กน้อยหน้ากลับขึ้นสีทันที ร้อนผ่าวไปหมดก่อนที่จะยกรูปถ่ายหัวเตียงขึ้นมาและเอ่ยกับรูปถ่ายนั้นก่อนนอนเช่นกัน
“แล้วเมื่อไหร่เราจะได้เจอกันครับ”ซีเอ่ยขึ้นก่อนจะเอารูปถ่ายมากอดแนบอก
“พี่ครับ ผมหลงรักพี่ชายคนนี้ไปแล้ว พี่อย่าเพิ่งโกรธแก้มยุ้ยนะครับ”ซีเอ่ยขึ้นกับรูปถ่ายก่อนจะหลับไป
...
..
หลายวันแล้วที่ซีดูจะมีความสุขกับครอบครัวและพี่หมอไวท์เพราะเขาได้อยู่ใกล้พี่หมอคนที่เขาเผลอแอบหลงรักโดยไม่รู้ตัวแต่รู้เพียงว่าถ้าเบนซ์ชอบพี่หมอเขาก็ควรหลีทางให้เพื่อนรัก
“ซีเลี้ยวซ้ายตรงหน้านะและก็จอดที่รั้วสีเงินนั้นนะครับ”เสียงวายเอ่ยบอกพี่ชาย
“ว้าว บ้านคุณรอยด์ใหญ่จังเลยอ่ะ”ซีเอ่ยขึ้นพร้อมทำตาโต
“พี่ซี พี่ซี ประตูเปิดแล้ว”เสียงตื่นเต้นของวายเอ่ยขึ้นเมื่อประตูค่อยๆเปิดออก
“คุณเกรย์ให้เชิญคุณเข้าไปครับ”รปภ หน้าหน้าบ้านเอ่ยบอก ซีขับรถเข้าไปในบ้านและเดินตามสาวใช้เข้าไปในบ้านระหว่างที่รอรอยด์เดินลงมา
“ว้าว ว่าข้างนอกสวยแล้วนะ ข้างในสวยกว่าอีกอ่ะ”วายเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินดูรอบๆบ้านที่ตกแต่งอย่างสวยงาม
“อย่าซน อย่าจับดิวาย เดี๋ยวของเขาแตกหรอก”ซีเอ่ยบอกน้องชาย
“พี่ซีดูนี่ดิ รูปนี้เหมือนของพี่ซีเลย”วายเอ่ยขึ้นพร้อมชี้มือไปยังรูปถ่ายที่ตั้งโชว์อยู่ ซีรีบเดินไปดูทันทีก่อนที่จะตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อรูปถ่ายถัดมาคือรูปถ่ายของใครคนหนึ่งที่ซีรู้จักดี เขาควรดีใจที่เจอบ้านพี่หมอไวท์แต่ที่ต้องนิ่งสนิทคือ รูปถ่ายชุดครุยแพทย์มหาวิทยาลัยของอเมริกทำให้ซีกลืนน้ำลายลงคอแสนฝืด ก่อนที่รอยด์จะเดินลงมาจากชั้นบน และพากันไปนั่งที่ศาลาข้างนอกบ้าน
“รอยด์ว่าเราไปนั่งข้างนอกกันเถอะครับ พอดีวันนี้เจ้าของบ้านอยู่หลายคน รอยด์เกรงใจพวกเขาครับ”รอยด์เอ่ยขึ้น ทั้งซีและวายจึงเห็นด้วย แต่ยังไม่ทันที่ทั้งหมดจะเดินออกไป เสียงของเจ้าของบ้านคนรองก็ดังขึ้น
“จะไปไหนกัน”ธนาคิมเอ่ย ซีหันมองตามก่อนที่จะหลบสายตาเมื่อเห็นหมอไวท์เดินเข้ามาด้วย ซีใบหน้าซีดทันทีหัวใจกลับเต้นแรงเกินกว่าจะรับได้ ไม่ได้สนใจรอยด์และธนาคิมที่กำลังลากกันขึ้นข้างบน
“กลับกันเถอะวาย พี่ปวดหัวใจ”ซีเอ่ยขึ้น ไม่ได้มองหมอไวท์เลยสักนิดจนวายเอ่ยขึ้น
“ครับพี่ซี พี่หมอกลับก่อนนะครับ”วายเอ่ยขึ้นพร้อมยกมือไว้หมอไวท์ที่กำลังเดินดิ่งเข้าไปหาซี แต่ซีกลับเดินหนีขึ้นรถก่อนจะขับออกไป
“พี่ซีเป็นอะไรไป พี่ซีรู้จักพี่หมอใช่ไหมครับ”วายเอ่ยขึ้นถามพี่ชาย
“อย่ารู้เลย เดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้านนะ”
“อ้าวแล้วไม่เข้าบ้านหรอ”
“พี่มีธุระต่ออ่ะ เอาไว้พี่จะมาค้างด้วยบอกป๋ากับมี๊ด้วยนะ”ซีเอ่ยขึ้น วายเองก็ไม่ได้ถามอะไรพี่ชายต่อนักก่อนจะกดรับโทรศัพท์เพื่อนรักอย่างรอยด์ที่โทรมาถามด้วยความเป็นหวง
“พี่ซีพี่หมอตามมาแล้ว”วายเอ่ยขึ้นก่อนจะวางมือถือ ซีเองก็เร่งเครื่องเต็มที่พยายามหลบให้ไกลที่สุด ซีอยากจะอยู่คนเดียวเงียบๆอยากจะทบทวนว่าพี่ชายตัวสูงที่เขาสนิทและหลงรักเมื่อสิบสามปีก่อนกับพี่หมอไวท์ที่เขาคิดว่าเรียนแพทย์อยู่นั้นคือคนคนเดียวกับคนที่เขามอบหัวใจให้แล้ว และก็เป็นคนที่เพื่อนรักของเขาชอบมาเสียด้วยสิ
“ไอ้คนหลอกลวง แก้มยุ้ยเกลียดพี่ครับ”
..........................
"เจ็บแค่ไหนเมื่อคนที่เรารักโกหกเรา แต่ยังไม่เจ็บเท่าคนที่เรารักไม่รักเรา"
[/size]

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #96 เมื่อ05-12-2017 08:46:47 »

อยากบอกว่าเจ็บอะไรไม่เท่าคนที่เรารักไปรักเพื่อนสนิท เจ็บสุดๆเพราะไรท์เคยโดนแบบนั้นมาแล้ว

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #97 เมื่อ05-12-2017 11:44:05 »

หน่วงนิดๆ ..

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #98 เมื่อ05-12-2017 12:47:19 »

เริ่มแล้วซิ

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #99 เมื่อ07-12-2017 20:12:10 »

White Lie 4 : ความจริง (ธนาคินxภัทรกร)
[/size]

เอี๊ยดดดดด
เสียงเบรกของรถคันหรูที่วิ่งตามกันเข้ามาที่คอนโดสูงสง่าใจกลางมือหลังจากที่ซีไปส่งวายเรียบร้อย หมอไวท์ตามซีมาติดๆตอนแรกก็จะเคลียกันให้จบแต่ว่าวายเอ่ยบอร้องหมอไวท์ไว้ไม่อยากให้พ่อและแม่ของตัวเองกังวล เพราะเพิ่งจะคืนดีกัน
หมับ!
“ปล่อยผม!”เสียงซีเอ่ยขึ้นพร้อมสะบัดมืออกอย่างแรง ใบหน้าแดงฉ่าไปด้วยความโกรธ ก่อนจะวิ่งไปกดลิฟท์ทันที หมอไวท์เองก็ไม่เคยรู้ว่าซีอยู่ห้องอะไร ชั้นอะไร เขายืนหัวเสียอยู่ด้านหน้าจน รปภ เดินเข้ามา
“มีเรื่องอะไรกันหรอครับ”หมอไวท์หันมอง รปภ ไม่รู้จะตอบยังไงดีถ้าเขาทำตามหน้าที่คือหมอไวท์ต้องโดนไล่ออกไปแน่นอน
“เอ่อ...”หมอไวท์ตามนิสัยแล้วไม่ค่อยจะโกหกใคร ถ้าจะโกหกเขามักมีเหตุผลแต่ตอนนี้เขาแทบไม่มีเหตุผลเลยว่าเขามาที่นี่เพราะอะไร
“ว่าไงครับคุณ มีเรื่องอะไรกันครับ”หมอไวท์กลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เอ่อ คือผมเป็นแฟนกับน้องซีครับ และตอนนี้เราทะเลาะกันนิดหน่อย ผมขอขึ้นไปง้อน้องซีได้ไหมครับ”หมอไวท์เอ่ยอย่างสุภาพ ใบหน้าพี่ รปภ ดูจะรังเลเล็กน้อยเพราะเท่าที่รู้สึกว่าซีไม่เคยพาใครมาที่คอนโดเลยสักครั้ง
“อย่าลังเลเลยนะพี่ ผมอ่ะอยากง้อแฟนจะแย่แล้ว”หมอไวท์ทำหน้าตาอ้อนวอนขึ้นจนพี่ รปภ ใจอ่อน
“ผมจะให้คุณขึ้นไป ถ้าคุณบอกว่าคุณซีอยู่ห้องไหน ถ้าคุณบอกถูกผมจะให้คุณขึ้นไป”หมอไวท์ดูลังเลเล็กน้อย เขาจะรู้ได้ไงล่ะก็ไม่เคยถามหรือไม่เคยรู้เลยว่าซีอยู่ห้องไหน
“เอ่อ คือว่า...”หมอไวท์อึกอักพร้อมกลืนน้ำลายลงคออีกครั้งก่อนจะเดาไปเรื่อยอย่างมากเขาก็โดนไล่ออกจากคอนโดนี้แต่เขาเองก็ไม่ยอมแพ้แน่นอนเขาต้องการอธิบายให้ซีเข้าใจเรื่องราวนี้
“ห้อง 446 ครับ”หมอไวท์เอ่ยขึ้นมั่วๆ เอาตามเบอร์ท้ายมือถือของซีนั้นเอง หมอไวท์นิ่งอยู่นานลุ้นว่าพี่ รปภ จะว่ายังไงทั้งที่เตรียมแผนต่อไปคือโทรหาเบนซ์
“โอเค อย่าง้อกันเสียงดังรบกวนห้องพักอื่นๆหล่ะครับไม่งั้นผมจับคุณส่งตำรวจแน่นอน”หมอไวท์ยกยิ้มทันที ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเดาได้ถูกขนาดนี้
หมอไวท์ขึ้นลิฟท์มาชั้นที่สี่เพียงแค่เดาว่าจะอยู่ชั้นนี้ตามที่คอนโดทั่วไปทำกัน หมอไวท์มองไปยังเลขที่ห้องตามที่ปรากฏหน้าห้อง และเขาก็มาหยุดที่ห้อง D446 ก่อนจะยกมือเคาะตามมารยาท
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ซีที่กำลังโมโหอยู่ ใบหน้าเศร้าๆยังคงซบที่หมอนใบโตตอนนี้ เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ไม่เคยที่เขาจะลังเลว่าเป็นใครนอกจากคนในครอบครัวหรือเบนซ์เพื่อนรักของเขาเท่านั้น
แกรก
“ซี...”เสียงหมอไวท์เอ่ยขึ้นพร้อมแทรกตัวเข้าไปในห้องทันที เพราะตอนนี้ซีกำลังจะปิดประตูเช่นกัน
“พี่หมอไวท์ พี่ขึ้นมาได้ยังไง”ซีเอ่ยขึ้นใบหน้าเหวอ อ้าปากค้างออกมาเพราะไม่คิดว่าหมอไวท์จะมาห้องตัวเองถูก
“ก็ขึ้นลิฟท์มา ทำไมหรอ”หมอไวท์เอ่ยขึ้น
“คอยดูนะ ผมจะร้องเรียน รปภ ที่นี่คอยดูนะ”ซีเอ่ยขึ้นพร้อมกับทำหน้าบึ้งออกมา เวลาซีทำหน้าบึ้งแก้มของซีจะพองลม ซีเป็นคนที่มีแก้มเยอะมาตั้งแต่เด็กจนได้ชายาแก้มยุ้ย
“รปภ เข้มงวดอยู่แล้ว กว่าพี่จะขึ้นมาได้เขาก็สัมภาษณ์พี่ใหญ่เลยเหมือนกัน”หมอไวท์เอ่ยขึ้น
“แล้วพี่ขึ้นมาได้ไง แล้วมาถูกห้องได้ไงถ้าพี่ รปภ ไม่บอกอ่ะ”ซีเอ่ยพร้อมกับหันมองค้อนหมอไวท์
“พี่เก่งไง พี่เดาเอา”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ซีเองก็เริ่มฉุนเล็กน้อย ยิ่งโมโหยิ่งโกระในเวลาเดียวกันเมื่อรู้ว่าหมอไวท์โกหกเรื่องที่ยังเรียนแพทย์อยู่ทั้งๆที่หมอไวท์เรียนจบหมอตั้งนานแล้ว
“ชิส์ ยกหางตัวเองชะมัด”ซีเอ่ยขึ้นเบาๆ หมอไวท์หันมองคนตัวเล็กกว่าทันทีก่อนจะเดินเข้าหาซีที่ตอนนี้พยายามเดินถอยหลัง หนึ่งก้าวหน้าต่อหนึ่งถอยหลัง
“พะ...พี่หมอ”ซีเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกกลัว ที่กลัวคือหัวใจที่เต้นแรงนัก
“หื้ม ว่าไง”หมอไวท์เอ่ยขึ้นก่อนจะเดินเข้าหาซีอีกครั้ง
“พะ...พี่จะทำอะไรอ่ะ”ซีเอ่ยขึ้นเมื่อตอนนี้เท้าของเขาจนมุมแล้วที่ผนังห้องของตัวเอง หมอไวท์โน้มตัวลงพร้อมก้มหน้าลงเกือบชิดหน้าขาวแก้มยุ้ยของซี ใบหน้าของซีที่ตอนแรกแดงฉ่าเพราะความโมโห แต่ตอนนี้มันแดงเห่อร้อนผ่าวเพราะความเขิน
“เปล่า พี่แค่อยากจะดื่มน้ำหน่อยได้ไหม แล้วพี่จะเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ฟัง”หมอไวท์เอ่ยขึ้น พร้อมยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแต่ซีกลับหน้าบึ้งทันทีก่อนจะหลับตาลงเหมือนค้อนและผลักอกหมอไวท์ออก
ปึก!
“งั้นรอเดี๋ยว...”ซีเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินไปที่ครัว หมอไวท์ยกยิ้มและมองตามหลังบางของซีที่ตอนนี้กำลังเขย่งเท้าเพื่อเปิดตู้เอาแก้วน้ำ หมอไวท์ยกยิ้มขึ้นและหัวเราะเบาๆก่อนจะเดินมาคร่อมร่างเล็กของซีด้านหลังและเอื้อมหยิบแก้วให้ซี
ตึก ตึก ตึก
เสียงหัวใจที่เต้นแรงและรัวอยู่ที่แกของซี ตอนนี้ถ้าหมอไวท์หมอไวท์ตาไม่ฝาดหรือหูไม่หนวกเขาก็ได้ยินเสียงหัวใจของคนตัวเล็กตอนนี้และใบหูที่แดงอย่างเห็นได้ชัด
“พี่หยิบให้เอง ล้างเสร็จแล้วบอกพี่นะ เดี๋ยวพี่มาเก็บให้เพราะพี่ตัวสูงกว่าแก้มยุ้ยเยอะเลย”ประโยคนี้กลับมาอีกครั้ง ซีที่ก้มหน้าลงทันทีในหัวที่ตอนนี้พี่ชายคนนั้นกำลังแล่นเข้ามาในหัว ใบหน้าร้อนผ่าวกับดวงตาที่ร้อนตอนนี้
ฮึกๆๆ
เสียงสะอื้นเบาๆ ไหล่บางที่สั่นเทาตอนนี้ทำให้หมอไวท์มองออกว่าคนที่อยู่ตรงหน้ากำลังร้องไห้ หมอไวท์วางแก้วลงและค่อยๆจับไหล่ซีให้หันหน้ามาหาตัวเอง
“อย่าร้องไห้สิ ดูสิน้ำตาเปื้อนแก้มยุ้ยหมดแล้ว”หมอไวท์เอ่ยขึ้นพร้อมยกมือเช็ดที่แก้มยุ้ยของซีเบาๆ
“ฮื่ออออ ฮึก ฮึก พี่...รู้ก่อนแล้ว...ฮื่อ...ใช่ไหม...ฮึก”ซีเอ่ยออกมาพร้อมสะอื้นเหมือนเด็กน้อยจนหมอไวท์นึกเอ็นดู
“อื้ม พี่ขอโทษนะที่ไม่บอกแก้มยุ้ย และพี่ก็ขอโทษที่พี่ไม่ได้บอกแก้มยุ้ยเรื่องที่พี่เรียนจบแล้ว”หมอไวท์เอ่ยอย่างนุ่มนวล และอ่อนโยนจนความโกรธและโมโหของซีเมื่อสักครู่มันหายไปเป็นปลิดทิ้ง
“ฮึก...แล้วพี่มาโกหกซีทำไม ทำไมไม่บอกซีตั้งแต่แรกว่าพี่คือพี่ชาย”ซีเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตากก่อนที่หมอไวท์จะจับหัวกลมนั้นซบที่อกของตัวเองถ้าเทียบกับความสูงของหมอไวท์และซี
“พี่ขอโทษนะ พี่มีเหตุผลที่ไม่ได้บอกความจริงกับซี”หมอไวท์เอ่ยพร้อมลูบหัวซีเบาๆก่อนที่ซีจะพยายามเบี่ยงตัวออกเพราะความรู้โกรธที่หมอไวท์โกหกตัวเอง
“เหตุผลอะไรครับ เหตุผลบ้าบออะไรของพี่ เหตุผลของคนขี้โกหกหรอครับ”ซีเอ่ยพร้อมกับพยายามดิ้นให้หลุด แต่ยิ่งดิ้นเหมืออ้อมกอดของหมอไวท์ยิ่งแน่นอัตโนมัติ
“จะหนีไปไหน พี่มาขอโทษแก้มยุ้ยนะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้นพร้อมดึงร่างของซีมานั่งที่ตักตัวเองอย่างที่เขาเคยทำสมัยเด็กๆ
ที่สระน้ำสโมสรเมื่อสิบสามปีก่อน
“ทุกคนรวมตัวกันหน่อย ครูมีเรื่องจะบอก”เสียงจอแจของเด็กๆที่เรียนว่ายน้ำวิ่งมารวมตัวกันที่หน้าโค้ชสอนว่ายน้ำ
“พี่ชายรอน้องซีด้วยฮะ”เสียงเด็กน้อยตัวอ้วนแก้มยุ้ยเอ่ยเรียกพี่ชายตัวสูงที่สนิทที่สุดตอนนี้
“แก้มยุ้ยมานั่งกับพี่มา”เสียงเด็กตัวสูงเอ่ยขึ้น ร่างอ้วนป้อมเดินเข้ามาและถูกฉุดให้นั่งลงที่ตักของพี่ชายคนโต สองมือโอบเอวเล็กนั้นแน่น ก่อนจะวางคางตัวเองที่ไหล่เล็กนั้น
“แก้มยุ้ยพุงนิ่มจังเลย”เสียงพี่ชายตัวสูงเอ่ยขึ้นพร้อมใช้มือจับที่พุงอ้วน
“คริ คริ คริ อย่าจับดิฮะ มันจั๊กจี้ ฮ่าๆๆ”เสียงหัวเราะของเด็กน้อยตัวอ้วนหัวเราะออกมาจนโค้ชเก้งเอ่ยดุทั้งสอง
“นี่ๆๆ ฟังครูด้วยอย่าเล่นกันครับ”เสียงโค้ชเอ่ยดุ
“ชู่วววว”พี่ชายตัวโตยกนิ้วจรดริมฝีปากออกเสียงให้คนน้องเบาๆเสียง
“อุ๊ปห์”มือเล็กป้อมสองมือปิดปากนิ่งแต่ก็แอบหัวเราะออกมากันสองคนเบาๆ
ภาพวันนั้นเหมือนเดจาวูเมื่อสิบสามปีก่อนเมื่อมือขาวของหมอไวท์ที่โอบอยู่ที่เอวของของซีกำลังลูบวนไปมาจนซีเองรู้สึกขนลุก
“รบกวนช่วยปล่อยผมด้วย”ซีเอ่ยเสียงแข็งข่มทั้งๆที่ตัวเองกำลังระทวยไปหมดแล้ว
“ไม่ปล่อย จนกว่าแก้มยุ้ยจะหายโกรธพี่และยกโทษให้พี่”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ก่อนจะจงใจเอาคางวางที่ไหล่บางของซี
“ผมไม่ได้โกรธคุณ และผมคิดๆดูแล้วผมจะโกรธคุณทำไม ใช่ม่ะเราสองคนไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันมากกว่าคนรู้จักและเพิ่งจะรู้กันไม่นาน ผมไม่โกรธคุณหรอก”ซีเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกโกรธและน้อยใจ น้ำเสียงของซีไม่เคยปกปิดอะไรได้เลย
“ไม่โกรธแล้วทำไมทำเสียงแบบนั้นหล่ะ เราสองคนไม่ใช่แค่เพิ่งรู้จักกันสักหน่อย เรารู้จักกันตั้งสิบกว่าปีแล้วนะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ซีที่พยายามดิ้นไปมาให้หลุดจากอ้อมกอดและตักของหมอไวท์ ไม่ทันระวังแก้มของซีจึงไปชนกับปลายจมูกโด่งของหมอไวท์เต็มๆ
ฟอด
“อ๊ะ...!”เสียงของซีเอ่ยอุทายขึ้นพร้อมยกมือจับแก้มตัวเอง
“เอ่อ...!”หมอไวท์เองก็เช่นกันอุทานออกมาเช่นกัน ความรู้สึกกลับเต้นแรงอย่างบอกไม่ได้ เหมือนกับครั้งนั้นที่เขาเคยรู้สึกแบบนี้
“ปล่อยผม ช่วยปล่อยผมด้วย”เสียงของซีเอ่ยขึ้นแม้จะพยายามจะเน้นเสียงแข็งแต่มันกลับระทวยขึ้นเมื่อกลิ่นกายหอมๆของหมอไวท์ตอนนี้กำลังแผ่กระจายออกไปทั่วแล้ว
โครกกกก
ระหว่างที่ทั้งห้องกำลังเข้าสภาวะที่ดูจะตึงเครียดเล็กน้อยอยู่ๆเสียงท้องร้องของซีก็ดังขึ้น เพราะยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้าและนี่ก็บ่ายแล้วด้วย
“ไปหาอะไรทานกันไหม”เสียงหมอไวท์เอ่ยขึ้น
“หิวก็ไปทานเองสิครับ”ซีเองยังปากแข็งอยู่ทั้งๆที่ท้องตัวเองแท้ๆที่ร้องออกมา
“ใครหิวนะ เมื่อกี้ท้องของแก้มยุ้ยร้องไม่ใช่หรอไง แล้วพี่หรือแก้มยุ้ยที่หิวกันแน่”หมอไวท์เอ่ยขึ้นทำเอาซีไปไม่เป็นเลยทีเดียวก็เขาเองไหมที่หิวมากตอนนี้
“คุณออกไปจากห้องผมได้แล้ว ผมอยากอยู่คนเดียว”ซีพยายามเปลี่ยนเรื่องทันที แต่หมอไวท์เองก็รู้ดีว่าซีพยายามที่จะกลบเกลื่อน เขายกมือถือขึ้นกดโทรสั่งอาหารจานด่วนมาทันที แต่ก็ไม่ยอมปล่อยซีลงจากตักตัวเอง
“สวัสดีครับสั่งพิซซ่าหน่อย เอ่อ...”หมอไวท์เอ่ยค้างไว้ก่อนจะหันมาถามคนบนตัก
“แก้มยุ้ยเอาหน้าอะไร”ซีหันมามองหมอไวท์ทันทีอย่างไม่เข้าใจ
“ผมไม่อยากกินพิซซ่า ผมบอกให้คุณออกจากห้องผมเดี๋ยวนี้ไง”เสียงของซีเอ่ยขึ้น แต่ถูกหมอไวท์เอ่ยขึ้น
“ชู่ววววว เบาๆพนักงานรออยู่นะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้นพร้อมยกมือจรดที่ริมฝีปากและเอ่ยขึ้น ซีเองก็เผลอลืมตัวยกมือสองข้างปิดปากทันที
“เร็วๆ กินอะไร หน้าเบคอนชีสเนอะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้นก่อนจะสั่งอาหาร
“ที่นี่เลขที่อะไร และชื่ออะไรหรอพี่จะให้เขามาส่ง”หมอไวท์เอ่ยขึ้นก่อนจะยกมือลูบที่เอวของซีเมื่อคนบนตักไม่ยอมเอ่ยอะไรเลยตอนนี้
“จิ๊ ไดมอน คอนโดพาเลส เลขที่xxx”ซีเอ่ยขึ้นออกมาแม้จะไม่เต็มใจนักแต่หมอไวท์ก็ยกยิ้มออกมาก่อนจะโทรสั่งอาหารเรียบร้อย
“สั่งเสร็จแล้วก็ช่วยปล่อยผมได้แล้ว”ซีเอ่ยขึ้น
“ไม่ปล่อย พี่ยังไม่ได้เล่าเรื่องของพี่ให้แก้มยุ้ยฟังเลย”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ซีเองก็เงียบและหยุดดิ้นไปก่อนจะนั่งฟังหมอไวท์อธิบายเรื่องราวตั้งแต่ตอนจนจบ
...
..
“หายโกรธพี่หรือยัง พี่ขอโทษนะ พี่ยอมรับผิดทุกอย่างที่โกหกแก้มยุ้ย”หมอไวท์เอ่ยขึ้นพร้อมกับหยิบทิชชู่ให้กับคนตรงหน้าที่ตอนนี้ทั้งพิซซ่าชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกยัดเข้าปาก อย่างลืมตัวว่าตอนนี้ตัวเองต้องเก๊กหน้าไว้
“กินดีๆดิ เลอะหมดแล้ว”หมอไวท์เอ่ยขึ้นพร้อมยกทิชชู่ซับที่ริมฝีปากเล็กของซี
อึก!
ซีมองตามมือหนาที่เช็ดริมฝีปากให้กับตัวเอง ช่างอ่อนโยนและช่างละมุนเสียจนทำให้ใจแทบหยุดเต้นได้ ซีเองไม่ได้คิดอะไรแล้วตอนนี้เพราะสมองของเขาตอนนี้กำลังขาวโพลนไปหมดแล้วเพราะหมอไวท์ที่เผลอใช้นิ้วโป้งลูบริมฝีปากอวบอิ่มของซีไปมา
“ริมฝีปากนี้ยังไม่มีใครได้สัมผัสใช่ไหม แก้มยุ้ย”
........................

"เพียงแค่ได้สัมผัสก็ทำให้หัวใจพองโต"
[/size]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2017 19:41:03 โดย Papai »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
« ตอบ #99 เมื่อ: 07-12-2017 20:12:10 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #100 เมื่อ08-12-2017 12:13:49 »

น่ารัก น่าชัง ..

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #101 เมื่อ08-12-2017 19:31:41 »

ทำขนาดนี้ พูดขนาดนั้น จูบเลยพี่หมอ ฮ่าๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #102 เมื่อ11-12-2017 19:55:08 »

White Lie 5 : อบอุ่น (ธนาคินxภัทรกร)
[/size]

“ริมฝีปากนี้ยังไม่มีใครได้สัมผัสใช่ไหม แก้มยุ้ย”หมอไวท์เอ่ยถามคนตรงหน้า ดวงตากลมมองผ่านม่านดวงตาสีน้ำตาลเข้มมายังใบหน้าของคนตรงหน้านั้น ต่างคนต่างจ้องมองกันอยู่
ใบหน้าอันหล่อเหลาของหมอไวท์ค่อยๆเลื่อนต่ำลงเรื่อยๆ แต่ทว่าคนแก้มยุ้ยตรงหน้ากลัววูบวาบไปหมด ไม่สามารถจะดิ้นไปไหนได้แล้วเหมือนโดนมนต์สะกดอยู่ตอนนี้ ริมฝีปากของหมอไวท์ค่อยๆกดปิดริมฝีปากของซีที่เผลอลืมตัวหลับตาและยื่นใบหน้าให้กับคนตรงหน้าง่ายดาย เพียงแต่สัมผัสเท่านั้นไม่ได้รุกล้ำแต่อย่างใด แต่กลับดูเหมือนหยุดเวลาตรงนี้ไว้
“อื้มมมม”เสียงครางท้วงในลำคอเล็กน้อย เมื่อหมอไวท์ที่กำลังสอดลิ้นเข้าไป สัมผัสที่เนิบนาบแต่กลับน่าดึงดูดนัก แต่ยังไม่ทันที่หมอไวท์จะจับซีมานั่งที่ตักตัวเอง เสียงมือถือก็ดังขึ้นเหมือนเป็นระฆังเพื่อตีบอกพักยก
Rrrrrrrrrrrrrrr
“เอ่อ...พี่ขอโทษนะ แก้มยุ้ย”หมอไวท์เอ่ยขอโทษซีที่เมื่อสักครู่ล่วงเกินซีไป ใบหน้าแดงเห่อก้มลงตักตัวเองด้วยความอาย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรจนหมอไวท์เอ่ยขอตัวรับโทรศัพท์
“ว่าไงครับ น้องเบนซ์”
.....

แก้มยุ้ยที่เหมือนพองลมอยู่บนใบหน้าขาวของซี เมื่อร่างสูงอย่างหมอไวท์ยกมือถือคุย ซึ่งปลายสายคือเพื่อนรักของเขาเอง ซีพยายามเดินออกจากโต๊ะอาหารเพราะไม่อยากจะได้ยินการสนทนาของทั้งคู่
“ซีขอตัวนะครับ”ซีเอ่ยขึ้น แต่ยังไม่ทันทีจะลุกจากตรงนั้นมือยาวของหมอไวท์ก็รวบที่เอวของซีไว้พร้อมดึงเข้ามานั่งที่ตักตัวเอง
หมับ!
“อ๊ะ...!”
“จะไปไหนหล่ะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้น พร้อมกับกดวางปลายสายไป ใบหน้าได้รูปของหมอไวท์วางอยู่ที่ไหล่อของซี
“ก็ไม่อยากจะกวน”น้ำเสียงห้วนๆ
“น้องเบนซ์โทรหาแก้มยุ้ยไม่ติด เลยโทรมาถามพี่ แก้มยุ้ยปิดเครื่องทำไม”หมอไวท์เอ่ยถาม ริมฝีปากที่ขยับอยู่ที่ใบหูเล็กนั้นที่ตอนนี้มันแดงเห่อไม่ต่างกับใบหน้าขาวที่ตอนนี้แดงเห่อเช่นกัน
“เอ่อ...นั่นสิ งั้นผมขอไปดูมือถือก่อนนะครับ”ซีอุทานออกมาเบาๆ เขาเป็นคนปิดมือถือเองเพราะไม่อยากให้หมอไวท์ติดต่อตัวเองได้ ซีพยายามดิ้นให้หลุดจากตักของหมอไวท์เพื่ออ้างว่าจะไปดูมือถือ
“หึ น่ารักจัง”หมอไวท์สบถออกมาเบาๆ
วันนี้ทั้งวันหมอไวท์เองก็วอแวซีตลอดทั้งวัน กว่าจะกลับได้ก็เกือบสามทุ่มถ้าไม่มีสายเข้าของพี่ชายหมอไวท์ ป่านนี้หมอไวท์เองก็คงเซ้าซี้ที่จะนอนที่ห้องนี้แน่นอน แต่ซีเองก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรกลับมีความสุขด้วยซ้ำไปแม้ว่าจะรู้สึกยังไม่เข้าใจในตัวหมอไวท์นักก็ตาม
...
..
นับจากวันนั้นหมอไวท์เองกลับที่ไปรับซีเองเพื่อมาเรียนตอนเช้าเกือบทุกวันถ้าไม่มีเคสที่เร่งด่วน และช่วงนี้เบนซ์เองก็ยังอยู่ที่เบลเยี่ยมเพราะไปเยี่ยมพ่อที่ทำงานอยู่ที่นั่น
“เย็นนี้ทานข้าวกันนะ เย็นๆพี่มารับ”หมอไวท์เอ่ยพร้อมยกยิ้มอย่างละมุนอย่างที่เคยทำ
“ก็ดีครับ ผมก็มีเรื่องจะถามคุณเหมือนกัน”ซีเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินลงรถไป หมอไวท์มองตามหลังบางนั้นอย่างเข้าใจเพราะรู้ว่าแก้มยุ้ยของเขายังคงโกรธหรืองอนเขาอยู่กับเรื่องที่เกิดขึ้น
“แล้วแก้มยุ้ยจะเข้าใจพี่หมอ”หมอไวท์เอ่ยขึ้นก่อนจะขับรถออกไป
ซีที่ยืนมองรถคันสวยของหมอแล่นผ่านไปจนลับตา หัวใจที่ยังคงเต้นแรงอยู่เพราะต้องระงับความรู้สึกและความดีใจของตัวเองเมื่อได้อยู่กับพี่ชายคนที่ตัวเองหลงรักมานาน
“ทำไมพี่ไม่ยอมบอกว่าโกหกแก้มยุ้ยเพราะอะไร”ซีเอ่ยขึ้น เพราะเรื่องราวที่หมอไวท์อธิบายซีเมื่อวันก่อนมันก็แค่เรื่องที่ไม่ได้บอกว่าเขาเป็นหมอ ไม่ใช่นักเรียนหมออย่างที่เข้าใจ
หลังเลิกคลาสเรียนซีเดินออกมาเรียกแท็กซี่เพื่อไปหาหมอไวท์ที่โรงพยาบาลตามที่นัดกันไว้ ซีเดินเข้ามานั่งรอหมอไวท์ที่โซนมุมกาแฟของโรงพยาบาล
“บ่ายสามเอง คงยังไม่เลิกงานหรอกมั้ง”ซีเอ่ยเมื่อยกข้อมือดูนาฬิกาบอกเวลา ก่อนจะเดินไปสั่งเครื่องดื่มเพื่อนั่งรอหมอไวท์
ซี : ผมรอที่หน้าคอฟฟี่ช้อปนะครับ
ซีส่งข้อความไลน์ไปบอกหมอไวท์ก่อนจะยกมือถือกดเล่นไปเรื่อยเปื่อย ระหว่างนั้นก็มีทั้งพยาบาลและหมอเข้ามานั่งดื่ม
“วันนี้หมอไวท์เป็นอะไรว่ะแก บ้าพลังชะมัด”เสียงพยาบาลสาวตะข้างๆเอ่ยขึ้น
“ใช่ ไม่บ้าพลังอย่างเดียวนะแถมยังอารมณ์ดีด้วย”เสียงพยาบาลอีกคนเอ่ยขึ้น
“แต่เวลาบ้าพลังรู้ไหมหมอไวท์ โคตรหล่อเลยอ่ะ”
“ใช่ๆ โอ๊ยคนอะไรไม่รู้หล๊อ หล่ออ่ะ”
“แต่แปลกอ่ะ ที่หมอไวท์ไม่เคยคบใครเลย”
“หรือว่าคุณหมอจะเป็น...”
“ไม่ใช่อย่างที่หล่อนคิดหรอก เท่าที่เขาเมาส์กันคือคุณหมอรอใครคนหนึ่งที่เคยรู้จักกันสมัยเด็ก”
“หรอ โอ๊ยโมเมนต์น่ารักจังเลย แล้วคุณหมอได้เจอคนนั้นหรือยังอ่ะ”
“ไม่รู้สิ แต่ฉันว่าคนที่คุณหมอรอคงจะน่ารักแน่ๆเลยหล่อนว่าไหม”
“ไปทำงานเถอะ หมดเบรกแล้ว”พยาบาลสาวทั้งสองเดินจากไป ทิ้งให้ซีที่ตั้งใจฟังตั้งแต่แรกก็รู้สึกปั่นป่วนในอกเพราะคำว่าหมอไวท์รอใครคนหนึ่ง
“ใครคนหนึ่งอย่างงั้นหรอ”ซีเอ่ยขึ้นเบาๆ ไม่ได้อยากจะคิดว่าคนที่หมอไวท์รอนั้นคือตัวเอง ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้น เสียงนุ่มแสนคุ้นเคยก็เอ่ยขึ้น
“มานานยัง รอพี่นานไหม”ซีเงยหน้ามองเจ้าของเสียง รอยยิ้มหวานที่บาดใจ น้ำเสียงที่แสนอบอุ่น
“ไม่นานครับ”ซีเอ่ยขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปโดยมีหมอไวท์ตามหลังไปติดๆ
หมอไวท์พาซีมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง หมอไวท์มักจะเทคแคร์คนเสมอไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร นี่คือนิสัยของหมอไวท์ และนี่ก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ใกล้หมอไวท์จะหลงรักหมอเสมอ
“กินเยอะๆ ร้านนี้อาหารอร่อยนะ”หมอไวท์เอ่ยพร้อมตักอาหารให้ซี
“คงพาใครมากินบ่อยหล่ะสิ”อยู่ๆซีก็เอ่ยขึ้นมาเหมือนคนกำลังงอนอะไรอยู่ หมอไวท์ได้ยินก็ไม่ได้โกรธอะไรหลับยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ก็ไม่บ่อยหรอกนะ เฉพาะคนที่คิดว่าพิเศษ”ซีเบะปากเล็กน้อยก่อนจะตักข้าวเข้าปากและเคี้ยวตุ้ยๆ หมอไวท์ยกนิ้วโป้งเช็ดที่มุมปากเลอะของซีโดยไม่ลังเลเมื่อเห็นว่าปากของซีเลอะ
อึก!
“แก้มยุ้ย กินเลอะตลอดเลยนะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มขึ้นอย่างอบอุ่น ซีเองได้แค่ยิ้มอ่อนๆ
“พรุ่งนี้จะให้พี่มารับกี่โมง”หมอไวท์เอ่ยถาม เพราะพรุ่งนี้ที่บ้านของหมอไวท์มีงานเลี้ยงส่งพี่ชายคนรอง
“ผมไปเองครับ เพราะต้องไปรับวายด้วย พอดีคุณรอยด์ชวนวายไปด้วย”ซีเอ่ยบอกอย่างนิ่งๆ ท่าทางของซีตอนนี้ทำให้หมอไวท์อยากจะถามคนตรงหน้าว่ายังไม่หายโกรธตนอีกหรอไง
“คืนนี้พี่นอนที่ห้องแก้มยุ้ยได้ไหม”หมอไวท์เอ่ยขึ้น
“นอนหรอครับ จะนอนได้ยังไงกัน เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”ซีเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่ร้อน
“หรอ แล้วต้องทำยังไงพี่หมอถึงจะเป็นอะไรกับแก้มยุ้ยได้หล่ะ”อยู่ๆหมอไวท์ก็เอ่ยขึ้นเมื่อจอดรถเทียบที่คอนโดของซี เอาอีกคนกลอกตาไปมาอย่างไปไม่ถูก
“เอ่อ...”ซีอ้ำอึ้งเล็กน้อย หมอไวท์เห็นท่าทางแบบนั้นก็อยากจะแกล้งนัก เพระการได้แกล้งแก้มยุ้ยของเขามันเป็นอะไรที่มีความสุขมาก ใบหน้าที่โน้มต่ำลงหลังจากที่ยกแขนคร่อมร่างคนข้างๆไว้
ปึก!
“อ๊ะ...พี่หมอจะทำอะไรอ่ะ”ซีเอ่ยขึ้น พยายามเบี่ยงหน้าหนีให้ห่างจากใบหน้าของหมอไวท์ให้มากที่สุด เพราะตอนนี้หัวใจเขากำลังเต้นแรงระรัวไปหมด ขืนยังคงให้หมอไวท์ใกล้อีกกว่านี้รับรองเขาต้องยอมให้พี่หมอไวท์สัมผัสอีกครั้งเหมือนกับคืนนั้นอีกแน่ ซีรีบดีดตัวออกทันทีไม่ได้กลัวว่าหมอไวท์จะจูบแต่เขากลัวว่าตัวเขาเองจะอดใจไม่ไหวที่จะปล่อยให้พี่หมอของเขาทำตามอำเภอใจมากกว่านี้
“เอ่อ ขอตัวก่อนนะครับ เอาไว้พรุ่งนี้เจอกันนะครับ”ซีเอ่ยเสร็จก็รีบเดินลงจากรถทันทีอย่างร้นๆก็เพราะกลัวใจตัวเองต่างหาก
...
..
ช่วงหัวค่ำนี้ซีขับรถมารับวายที่บ้านเพื่อไปงานเลี้ยงส่งรอยด์เพื่อนรักของวาย ทั้งวันมานี้หมอไวท์และซียังไม่ได้คุยหรือโทรหากันเลย เพราะอาจจะยุ่งและซีเองก็ไม่อยากจะโทรไปกวนหมอไวท์นัก
“พี่ซี วายเอาของไปหารอยด์ก่อนนะ”วายเอ่ยบอกพี่ชายเมื่อจอดรถเรียบร้อย
“อื้ม...จะกลับก็โทรบอกพี่นะ”ซีเอ่ยบอกน้องชาย
“ครับ”ซีมองตามน้องชายจนหายเข้าไปในบ้านก่อนจะเดินดูไปรอบๆบ้าน เขาเป็นคนนอกสำหรับบ้านหลังนี้ ยังไม่เคยได้รู้จักใครที่นี่มากนัก นอกจากรอยด์แล้วก็คงมีแต่หมอไวท์เท่านั้นที่เขาพอจะรู้จัก
“นั่งรอตรงนี้ดีกว่า เงียบดี”ซีเอ่ยกับตัวเองเมื่อพาตัวเองมาที่ศาลาหลังบ้าน กดตอบข้อความน้องชายเรื่องที่คุณอนาคินชวนไปทานอาหารด้วย แต่เขาไม่อยากไปจริงๆจึงให้น้องชายบอกว่าติดธุระ
“เขาคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง”ซีเอ่ยขึ้นคนเดียว แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเสียงนุ่มของหมอไวท์ดังขึ้น
“ว่าสิ ทำไมไม่เข้าไปในบ้าน”หมอไวท์เอ่ยถาม ซีรีบลุกขึ้นทันที
“เอ่อ คือ...ผมคิดว่าผมเป็นแค่คนนอกอ่ะครับ ไม่กล้าไปร่วมโต๊ะด้วยหรอก”ซีเอ่ยขึ้น หมอไวท์เดินเข้ามาประชิดตัวซี ยิ่งก้าวเข้าหา ยิ่งเดินถอยหลังก้าวต่อก้าว
ปึก
“จะหนีพี่ไปไหน แก้มยุ้ย”หมอไวท์เอ่ยขึ้น สองแขนคร่อมร่างของซีไว้ ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าหาใบหน้าขาวอย่างจงใจ
“เปล่าหนีครับ”ซีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงในลำคอจนหมอไวท์ค่อยๆโน้มหน้าลงมาที่ใบหู และเอียงหูตัวเองมาจ่อที่ปากของซี
“หื้ม ว่าอะไรนะ พี่ไม่ได้ยินเลย”หมอไวท์เอ่ยถาม ซีเองก็รู้ว่าหมอไวท์กำลังแกล้งตัวเองอยู่แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะหัวใจและสมองกำลังสัมพันธ์กันในกรทำงานว่าอยากอยู่ในอ้อมกอดนี้ แต่หัวใจมันกลับบอกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้ชอบตัวเอง ซีจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง
“อย่าแกล้งผมสิครับ ผมรู้ว่าคุณหมอรู้ว่าผมพูดอะไร”ซีเอ่ยขึ้น พยายามคุมน้ำเสียงให้ปกติที่สุด หมอไวท์ก้มมองใบหน้าของซีที่เวลานี้กำลังบึ้งและแก้มก็ยังคงพอลมอยู่แสดงว่างอนอะไรสักอย่าง
“แก้มยุ้ยเป็นอะไรบอกพี่ได้ไหม หรือยังโกรธพี่อยู่ที่พี่โกหกเรา”หมอไวท์เอ่ยขึ้นถามก่อนจะดึงซีเข้ามานั่งที่ตักตัวเอง แต่ซีก็พยายามฝืนเพราะกลัวมีคนมาเห็น
“อย่าดิ้นสิ พี่กำลังจะให้แก้มยุ้ยสอบสวนพี่อยู่”หมอไวท์เอ่ย ซีที่คิดว่ายิ่งดิ้นยิ่งทำให้อ้อมกอดของหมอแน่นกว่าเดิมนั้นก็ไม่ฝืนแล้วจึงปล่อยตัวตามสบาย
“สอบสวนอะไรครับ คุณหมอก็บอกผมไปหมดแล้วนี่”ซีเอ่ยขึ้น
“หึ คำว่าคุณหมอที่เอ่ยเรียกนี่ไม่ธรรมดาแล้วหล่ะ งอนอะไร อยากถามอะไรบอกพี่มาครับ”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ซีที่จนมุมทุกทางไม่ว่าจะพูดอะไรหมอไวท์ก็ดักทางได้หมด จนซีต้องยอมแพ้ทั้งหมอไวท์และใจตัวเอง
“เฮ้อ...พี่หมอชอบไอ้เบนซ์ใช่ไหมครับ”ซีตัดสินใจเอ่ยออกมาหมอไวท์ทันที หมอไวท์ยกยิ้มอย่างเข้าใจว่าแก้มยุ้ยของเขากำลังรู้สึกยังไงกับตัวเขาเอง
“อื้ม พี่เองก็จะคุยเรื่องนี้กับแก้มยุ้ยเหมือนกัน ไหนๆแก้มยุ้ยก็ถามมาแล้ว”หมอไวท์เอ่ยขึ้นก่อนจะจับซีนั่งลงข้างๆและหันหน้าเข้าหากัน ซีมองเข้าไปในดวงตาของหมอไวท์อย่างกลัวคำตอบที่หมอจะเอ่ยออกมา
“แล้วไงครับ ถามแล้วก็ต้องตอบดิ”อยู่ๆซีก็เดือดขึ้นมาเพราะหมอไวท์โยกโย้อยู่ได้
“ใจเย็นๆสิครับแก้มยุ้ย จะดุพี่ทำไมกัน”หมอไวท์เอ่ยในใจแอบยกยิ้มออกมา
“เปล่าดุสักหน่อย”ซีเอ่ยพร้อมหลบสายตาหมอไวท์ทันที เมื่อมือของหมอกำลังจับปลายคางของซีไว้ และคงรู้ตัวว่าขั้นตอนต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าซีไม่รีบปฏิเสธ
“โอเค งั้นตั้งใจฟังนะพี่จะตอบคำถามของแก้มยุ้ย ตั้งแต่วันแรกที่ที่เจอแก้มยุ้ยและน้องเบนซ์พี่รู้สึกได้ว่าพี่ได้เจอคนที่รอแล้ว ความน่ารัก รอยยิ้มและเสียงหัวเราะทำให้พี่มีความสุขมากทุกครั้งที่ได้เห็นและได้ยิน”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ซีเข้าใจว่าหมอไวท์พูดถึงเบนซ์
“จะเข้าเรื่องได้หรือยังว่าพี่ชอบไอ้เบนซ์ใช่ไหม ถ้าชอบผมจะบอกมันให้เพราะไอ้เบนซ์มันก็ชอบพี่เหมือนกัน”ซีเอ่ยขึ้นอยู่ๆน้ำตาก็ดันไหลออกมา หมอไวท์เองก็เริ่มรู้สึกฉุนหน่อยๆ ทำไมแก้มยุ้ยของเขาไม่รับฟังอะไรบ้างนะ
“หรอ แก้มยุ้ยจะเป็นพ่อสื่อให้พี่หรอ ดีสิน้องเบนซ์ก็น่ารักดี ใครอยู่ด้วยก็มักจะมีแต่ความสุข”หมอไวท์เอ่ยประชด ซีที่ได้ยินก็ยิ่งน้ำตาไหลออกมา
“ช่วยพี่หมอจีบเบนซ์หน่อยสิ เขามีแฟนหรือยัง”หมอไวท์เอ่ยขึ้นเพื่อยากจะลองใจดูว่าแก้มยุ้ยของเขาจะว่ายังไงต่อ และมีท่าทียังไง
“ฮึกๆ...”เสียงสะอื้นที่พยายามกลั้นไว้ดันเล็ดรอดออกมาจนได้
“แก้มยุ้ย ร้องไห้ทำไม”เสียงนุ่มของหมอไวท์เอ่ยถาม
“เปล่า ไม่ได้ร้องสักหน่อย ตรงนี้มันมืด แมลงมันบินมาเข้าตาเฉยๆ”ซีเอ่ยขึ้นแต่น้ำตาก็ยังคงไหลอยู่
“หรอ งั้นไปล้างตาดีกว่านะเดี๋ยวอักเสบไปแย่เลย”หมอไวท์เอ่ยขึ้นก่อนจะดึงซีออกจากศาลากลางสวนนั้นเพื่อพาไปล้างตา แต่ใครจะรู้เท่าในใจของซีว่าที่จริงแล้วไม่มีแมลงตัวไหนผ่านเข้ามาในสายตานี้เลย นอกจากคำที่หมอไวท์เอ่ยบอกกับเขาว่า
“ซี ช่วยพี่หมอจีบเบนซ์หน่อยสิ เขามีแฟนหรือยัง”
“อยากจีบมากก็ไปจีบเองดิ ไอ้พี่หมอบ้า ไม่รู้หรอไงว่าคนมันหึง มันหวง ยังจะบอกให้ช่วยจีบอีก”เสียงก้องกังวานในหัวของซีตอนนี้ ได้แค่คิดเท่านั้น เพราะถึงพูดออกไปหมอไวท์ก็บอกว่าเบนซ์ไปแล้ว
“ลืมตาขึ้น เดี๋ยวพี่หยอดตาให้นะ”หมอไวท์เอ่ยพร้อมกับหยอดตาให้กับซี สายตาสองสายตาประสานกันอยู่ ยิ่งมองตายิ่งอบอุ่น ยิ่งสัมผัสยิ่งอยากจะครอบครอง ซีมองที่ผ่านไปยังดวงตา ใบหน้าและริมฝีปากของหมอไวท์อย่างแสนเสียดายถ้าเขาไม่คิดจะลองสัมผัสมันอีกครั้ง
หมับ!
จุ๊บ....
....................

"ถ้าไม่เคยลองทำตามหัวใจ. จะรู้ได้ไหมว่าเราจะไปได้ไกลสักเท่าไร"
[/size]

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #103 เมื่อ11-12-2017 20:55:30 »

ซีบุกแล้วววววววว ฟินเบาๆ
ยังไงๆๆๆต่อๆๆๆ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #104 เมื่อ14-12-2017 13:15:54 »

ขี้งอน ..

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #105 เมื่อ15-12-2017 19:53:21 »

White Lie 6 : ไม่ลอง ไม่รู้ (ธนาคินxภัทรกร)

“ลืมตาขึ้น เดี๋ยวพี่หยอดตาให้นะ”
หมับ
จุ๊บ...
ใบหน้าของหมอไวท์แม้จะตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ทำให้ริมฝีปากของเขาที่ตอนนี้ถูกกดทับสนิทอยู่ผละออกเลยสักนิด กลับกดย้ำเข้าหาคนตัวเล็กแก้มยุ้ยที่กล้าจูบเขาโดยไม่ได้บอกกล่าว
“อื่ออออ”เสียงครางในลำคอเอ่ยท้วงขึ้น เมื่อหมอไวท์สอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากนั้น ลิ้นเล็กที่กำลังถูกตะวัดด้วยลิ้นหนา น้ำเชื่อมสีใสที่เยิ้มออกจากมุมปาก เสียงดังจ๊วบจ๊าบของริมฝีปากที่เสียดสีกันไม่ได้ทำให้หมอไวท์อ่อนโยนกับซีเลย
“อ่า...”เสียงหายใจหอบยิ่งหนักขึ้น หมอไวท์ยกมือโอบที่หลังศีรษะของซีไว้ ล๊อคไม่ให้ใบหน้าของอีกคนหนีไปไหน ซีเองอยากจะโกรธตัวเองที่เผลอทำตัวเองแท้ๆ เผลอจูบหมอแบบนั้นเขาก็ถือว่าอ่อยและสมยอมเต็มประดาแล้ว
“อ่าห์...พี่หมอ...”เสียงครางเอ่ยเรียกชื่อเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระแล้ว แต่ซอกคอกลับถูกหมอซุกไซร้ไปทั่ว แรงดูดเม้มซอกคอจะเกิดเป็นรอยแดงช้ำขึ้นชัดเจน ซีจับไหล่หมอไวท์ไว้แน่น ยิ่งบีบเหมือยิ่งเร่งให้อีกคนดูดเม้มซอกคอนั้น ก่อนจะถูกบังคับให้ถอดอาภรณ์ที่มีออก
“แก้มยุ้ยของพี่ รู้บ้างไหมว่าพี่รอแก้มยุ้ยมานานแค่ไหน...”หมอไวท์เอ่ยขึ้นจากหัวใจจริงๆ เขารอผู้ชายคนนี้ เด็กผู้ชายคนนี้มานานเพียงเพราะอยากจะบอกว่า เขารักแก้มยุ้ยมากแค่ไหน
“พะ...พี่หมอพูดอะไรครับ”เสียงเอ่ยกระท่อนกระแท่นของซี สองขาถูกแยกออกโดยไม่ต้องบอก หมอไวท์แทรกกายเข้าไปได้อย่างง่ายดาย แม้ยังไม่ได้รุกล้ำอะไรมากนักซีก็แทบคลั่งแล้ว
“ก็พูดว่า...พี่รักแก้มยุ้ยนะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ยิ่งทำให้ซีสับสน ก็หมอไวท์เพิ่งบอกให้ช่วยจีบเพื่อนรักของเขาเมื่อสักครู่นี้เอง
“อ๊าห์...เสียวครับ”ซีเอ่ยพร้อมเชิดหน้าขึ้น เมื่อหมอไวท์ซุกหน้าต่ำมาที่หน้าท้องแบนราบของซี ร่างกายที่ตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติกำลังทำให้อีกคนยกยิ้มอย่างพอใจ
“แล้วพี่จะเล่าให้ฟังนะ แก้มยุ้ยพี่หมออยากเป็นของแก้มยุ้ย ได้ไหม”หมอไวท์เอ่ยขึ้นด้วยเสียงกระเส่า ทว่าตอนนี้ความต้องการมันมากกว่าความรู้สึก และความรู้สึกก็ยังมากกว่าเหตุผลใดๆตอนนี้
“พี่หมอ...อย่า...”ซีเอ่ยบอกเมื่อหมอกำลังกดริมฝีปากที่กลางกายนั้น ด้วยความที่คิดว่าหมอคือคนที่เพียบพร้อม หมอก็คนที่ไม่น่าจะทำอะไรแบบนี้ได้ และที่สำคัญตอนนี้ซีกำลังปล่อยกายปล่อยใจให้กับหมอไวท์ ทั้งๆที่คนที่บ้านกำลังมีงานเลี้ยงกันอยู่
“อ่าห์...”
“อย่าห้ามพี่เลย พี่รอแก้มยุ้ยมานานแล้วนะ”หมอเอ่ยขึ้นจบก็ครอบริมฝีปากที่กลางกายนั้นทันทีโดยไม่ได้รังเกียจอะไร ซีหลับตาสนิททั้งอายและเขิน เขากำลังจะเป็นของคนที่เขารัก พี่ชายตัวโตที่เขาเพ้อมานาน
“พี่ชาย อ่า..แก้มยุ้ยรักพี่ครับ...อื่อ...”ซีเอ่ยขึ้นพร้อมจิกมือลงที่ไหล่ของหมอไวท์เต็มแรง เมื่อกำลังถึงจุดที่เรียกว่าความสุข
“อ่าห์...”ซีครางออกมากพร้อมปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นเต็มปากของหมอไวท์ สายตาหวานปรือมองคนที่กำลังบ้วนน้ำรักสีขาวออก รอยยิ้มหวานที่ส่งมาให้ซีทำให้ซีไม่คิดอะไรแล้วนอกจากยกขาที่แยกจากกันขึ้นและเอ่ยขึ้น
“พี่หมอ เป็นของแก้มยุ้ยเถอะนะ”ซีเอ่ยขึ้น คำพูดของซีทำให้หมอไวท์ยิ่งอยากจะครอบครอง
“ทำไมแก้มยุ้ยถึงได้น่ารักแบบนี้”หมอไวท์เอ่ยขึ้น สายตาที่มองไปยังอีกคนที่กำลังยั่วเขาอยู่ มือเล็กกำลังลูบวนไปทั่วหน้าท้องของหมอไวท์ จนถึงแก่นกายของหมอที่พองนูนขึ้น
“น่ารักกว่าไอ้เบนซ์ไหมครับ”อยู่ๆซีก็เอ่ยขึ้นถาม หมอไวท์ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะกดจูบที่ริมฝีปปากของซี
จุ๊บ
“ไม่รู้สิ แต่พี่หมอรักแก้มยุ้ยก็น่าจะพอมั้ง ไม่ต้องรู้หรอกว่าใครน่ารักกว่ากัน”หมอไวท์เอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้ม
“พี่หมอ...”ซีเอ่ยได้แค่นี้จริงๆ เพราะตอนนี้หัวใจของเขากำลังเต้นระรัว สมองบอกแค่ว่าต้องได้ผู้ชายคนนี้มาครอบครองให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม
“เอาไว้หลังจากนี้เราสองคนค่อยคุยกันนะ ตอนนี้พี่หมอใจจะขาดอยู่แล้ว”หมอไวท์เอ่ยอย่างไม่อายเพราะมันคือเรื่องจริง ตอนนี้เขาอยากจะเข้าไปในตัวของแก้มยุ้ยจะแย่อยู่แล้ว
“พี่หมอ มันจะเจ็บไหมอ่า”เสียงเอ่ยอ้อนๆของซีเอ่ยออกมาพร้อมหลับตาปี๋ทันทีเมื่อเห็นรอยยิ้มของหมอไวท์ ทั้งเขินและอายเมื่อคิดว่าตรงนั้นของหมอไวท์กำลังจะเข้าไปในร่างกายของตัวเอง
“แรกๆมันจะเจ็บนิดหน่อย แต่แค่แปบเดียวเท่านั้น พี่หมอสัญญาว่าจะไม่ทำรุนแรงกับแก้มยุ้ยแน่นอน”หมอไวท์กระซิบบอกก่อนจะจูบปลอบอีกครั้ง
“อื้ออออ”เสียงครางออกมาพร้อมสะโพกเร้าไปมาเมื่อปลายนิ้วของหมอไวท์ถูไถเข้าที่จุดอารมณ์ข้างใน ใบหน้าขาวแก้มยุ้ยหลับตาปี๋ทันทีก่อนจะแอ่นกายรับกับนิ้วของหมอไวท์
“อ๊าห์...”เสียงครางหวานหูกำลังเปล่งออกมา เมื่อนิ้วที่สองกำลังสอดใส่เข้าไปเพื่อเป็นการเบิกทาง
“เจ็บมากไหม...จุ๊บ”หมอไวท์เอ่ยถามคนใต้ร่างพร้อมกดจูบซับเพื่อปลอบใจ ก่อนที่จะดึงเข้าออกสองสามครั้ง
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊า...”เสียงครางตามจังหวะเดินดึงเข้าออก ยิ่งครางดังขึ้นหมอไวท์ก็แทบจะทนไม่ไหว
“พี่หมอไม่ไหวแล้ว เป็นของพี่นะครับ แก้มยุ้ย”หมอไวท์เอ่ยโดยไม่อีกคนพูดอะไร มือขาวของหมอจับกลางกายตัวเองจ่อเข้าที่ช่องทางสีหวานที่เขาต้องการมานาน และเขาต้องการที่จะครอบครองร่างกายนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น
ซีทั้งเจ็บและสุขในเวลาเดียวกัน ไม่เคยแม้จะคิดว่าตัวเองจะต้องมีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน แต่เขาก็มีความสุขที่คนแรกของเขาเองคือผู้ชายที่เฝ้ารอมานาน ทุกจังหวะรัก และเสียงร้องที่เปล่งออกมายิ่งโหมเปลวราคะให้ลุกโชนขึ้น จากหนึ่งเป็นสองและสามตามมา จวบจนเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง มือถือที่ดังต่อเนื่องระหว่างที่ทั้งสองบอกรักกันไม่ได้ขัดจังหวะของทั้งคู่แต่อย่างใด
จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ
“เจ็บมากไหม หื๊ม”หมอไวท์เอ่ยถามซีที่นอนหลับตาอย่างหมดแรงอยู่ที่อกของเขา คนตัวเล็กที่ซุกอยู่ที่อกกว้างนั้นมันน่าถนอมยิ่งนัก
“นิดหน่อยครับ...”ซีเอ่ยอย่างเขินๆ ใบหน้าแดงเห่อไปหมด มือเรียวยังคงสวมกอดที่เอวของหมอไวท์ไว้แน่น
“แก้มยุ้ยเป็นของพี่หมอแล้วนะ และจะเป็นตลอดไป”หมอไวท์เอ่ยขึ้นอย่างละมุน ไม่รู้จะบอกรักคนตัวเล็กยังไงดีให้รู้ว่าเขารักคนนี้มากแค่ไหน
“พี่หมอ บอกแก้มยุ้ยหน่อยได้ไหมว่าทำไมต้องโกหกเรื่องของเรา และอธิบายเรื่องของเบนซ์ให้แก้มยุ้ยฟังด้วย”น้ำเสียงเชิงบังคับเล็กน้อย หมอไวท์หัวเราะออกมาเบาๆอย่างชอบใจ
“ชอบจังเลยที่แก้มยุ้ยดุแบบนี้”หมอไวท์เอ่ย ซีเงยหน้ามองคนที่นอนสวมกอดตัวเองอยู่ด้วยแก้มที่พองลม
“พี่หมอท่าจะบ้า โรคจิตหรอครับที่ชอบให้แก้มยุ้ยดุอ่ะ”ซีเอ่ยขึ้น
“ใช่ พี่ชอบแก้มยุ้ยแบบที่แก้มยุ้ยเป็น รู้ไหมครั้งแรกที่เจอแก้มยุ้ย พี่ชอบตั้งแต่แรกเห็น เด็กอะไรก็ไม่รู้น่ารักชะมัดเลย ตัวอ้วนกลม แก้มยุ้ยน่ารัก พี่อาสาครูเพื่อจะเป็นพี่เลี้ยงแก้มยุ้ยเลยนะ แต่พอพี่ต้องได้ไปเรียนที่อเมริกาพี่ก็ไม่ได้ไปที่สโมสรเลย และก็ไม่ได้ขอเบอร์แก้มยุ้ยไว้ พี่เสียใจมาก หวังว่าวันหนึ่งจะได้เจอแก้มยุ้ยอีก”หมอไวท์เอ่ยยาวออกมา ซีกระชับอ้อมกอดไว้แน่น
“พี่หมอรู้ไหมว่าแก้มยุ้ยก็รอแต่พี่ชายตัวโต เพ้อหาพี่ชายตัวโตแถมเป็นรักแรกที่แก้มยุ้ยมี นับจากวันนั้นก็ไม่เคยที่จะคบใครไม่ว่าหญิงหรือชายเพราะหวังว่าจะเจอพี่ตัวโตอีก”ซีเอ่ยขึ้นมา
“เหมือนกันเลย พี่ก็รอแต่ก้ามยุ้ยของพี่ ไปที่สโมสรทุกครั้งที่มีโอกาส ถามครูเก้งเสมอว่าเจอแก้มยุ้ยไหมจนครูบอกว่าแก้มยุ้ยก็มาถามหาพี่ตัวโตเช่นกัน พี่ถึงรอไงรอแก้มยุ้ยของพี่ จนวันหนึ่งพี่ได้เจอแก้มยุ้ย ตอนแรกก็ดีใจมากแต่แก้มยุ้ยกลับจำพี่ไม่ได้ ตอนแรก็ทำใจแล้วเพราะคิดว่าแก้มยุ้ยมีแฟนแล้วและลืมพี่ชายคนนี้ไปแล้ว”
“คิดเองเออเอง เป็นผู้ชายที่หน้าตาดีที่คิดเองเออเองนะครับ ใครจะไปลืมรักแรกได้หล่ะ”ซีเอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มหวานออกมา
“ก็นั่นสิ พี่ถึงได้ตามแก้มยุ้ยและวอแวแก้มยุ้ยตลอดเวลา จนวันหนึ่งพี่เริ่มแน่ใจว่าแก้มยุ้ยรักพี่”
“ขี้ตู่ ใครรักพี่กันครับ”ซีเอ่ยอย่างเขินอาย
“แล้วกล้าปฏิเสธไหมว่าที่พี่ขอให้ช่วยจีบน้องเบนซ์ แก้มยุ้ยไม่ได้รู้สึกโกรธและโมโหพี่เลย”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ซีรีบมุดหน้าที่อกของหมอไวท์อย่างปฏิเสธไม่ได้
“นั้นไง ที่จริงแก้มยุ้ยไม่อยากให้พี่จีบเบนซ์ใช่ไหม”
“แล้วพี่หมอจะจีบไอ้เบนซ์หรอครับ”ซีเอ่ยอย่างเสียงงอนๆจนหมอไวท์เริ่มสนุกขึ้นมาก
“แล้วแก้มยุ้ยว่าไงหล่ะ พี่ควรจะจีบน้องเบนซ์ดีไหม”หมอไวท์เอ่ยขึ้น
“ไม่ได้นะครับ พี่หมอได้แก้มยุ้ยเป็นเมียแล้วนะ”ปากไวกว่าความคิด ซีเอ่ยขึ้นอย่างเสียงดังและหน้าตาดูไม่พอใจนัก หมอไวท์ยกยิ้มหวานขึ้นมาอย่างพอใจ
“โอ๊ย โอ๊ย ครับผมพี่หมออ่ะได้แก้มยุ้ยเป็นเมียแล้ว ข้อนี้รู้ครับ”หมอเอ่ยแซวๆ
“พี่หมออ่ะ แซวแก้มยุ้ยหรอครับ”ซีเอ่ยขึ้นหมอไวท์หัวเราะออกมาก่อนจะสวมกอดร่างเล็กแน่นและกระซิบเบาๆ
“มีความสุขมากรู้ไหม พี่หมอรักแก้มยุ้ยนะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ก่อนที่มือจะเริ่มซุกซนไปเรื่อยๆ แต่ทว่ายังไม่ทันที่เพลงรักจะเริ่มขึ้นอีกเสียงมือถือของซีก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ว่าไงวาย”ซีเอ่ยขึ้นทันทีที่กดรับสายน้องชาย
(“พี่ซีอยู่ไหน วายจะกลับบ้านแล้วนะ”)
“อ้าว ทำไมรีบกลับหล่ะ”
(“นี่มันห้าทุ่มแล้วนะ งานเลี้ยงเค้าเลิกแล้วป่ะ และนี่พี่อยู่ไหนวายโทรหาตั้งหลายสาย คนที่งานก็ถามหากันอยู่หายไปทั้งพี่ซีและพี่หมอเลย”)
“เออ...”ซีเอ่ยขึ้นก่อนจะหันมองหมอไวท์ที่นอนยิ้มอยู่
“รอพี่ที่รถนะเดี๋ยวพี่ตามไป”ซีเอ่ยบอกน้องชาย
(“ไม่ต้องแล้ว อาจารย์กิจมารับแล้ว เจอกันที่บ้านแล้วกัน”)
“โอเค ถึงแล้วไลน์มาบอกด้วยนะ”
(“อื้ม...บาย”)
จบสนทนาซีหันมาทางหมอไวท์ที่ยังคงนอนตะแคงมองซีอยู่ สายตาที่อ่อนโยนและละมุนจนซีรู้สึกใจเต้นแรงอีกครั้ง อยากจะครอบครองหมอไวท์คนนี้ไว้คนเดียว ไม่คิดเปล่าซีกลับคร่อมร่างของหมอไวท์ไว้ ทั้งๆที่ตัวเองยังคงเจ็บช่องทางนั้นอยู่แต่ก็ฝืนจะทำ
พรึบ
“อ๊ะ...แก้มยุ้ย”หมอไวท์เอ่ยขึ้นแม้จะตกใจ แต่มันก็เล็กน้อยเพราะเขาชอบให้แก้มยุ้ยของเขาอ้อนแบบนี้จัง
“พี่หมอ พอจะมีที่นอนให้แก้มยุ้ยค้างที่นี่คืนนี้ไหมครับ”เพียงแค่ประโยคนี้ก็ทำให้หมอไวท์จับอีกคนพลิกได้ง่าย และก็ตามด้วยจังหวะรัก เริ่มต้นตอนนี้ตาจบเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ได้เลยแม้แต่คนสองคนที่กำลังกอดรัดกันอยู่ตอนนี้
....
..
ช่วงเช้าของวันใหม่ หมอไวท์โทรไปลาป่วยที่โรงพยาบาลแต่เช้า ทั้งๆที่ตอนนี้หมอไวท์เองกำลังขับรถพาซีออกมาข้างนอกตั้งแต่เช้าเช่นกัน
“เรากำลังจะไปไหนกันครับ”ซีเอ่ยถามคนขับ
“เดี๋ยวก็รู้ ว่าแต่ยังตัวร้อนอยู่ไหม”หมอไวท์เอ่ยถามพร้อมยกมือแตะที่หน้าผากของซี
“งื้อออ ก็ปวดหัวนิดหน่อยครับ แต่ดีกว่าเมื่อเช้าเยอะเลย”ซีเอ่ยก่อนจะซบหน้าลงที่แขนของหมอไวท์
“งั้น เดี๋ยวแวะทาข้าวกันก่อนเนอะ แล้วทานยานะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ซียกยิ้มหวานขึ้น
“ดีใจจังมีแฟนเป็นหมอเนี้ย”ซีเอ่ยขึ้น
“ใครแฟน นี่อ่ะสามีนะครับไม่ใช่แฟนสักหน่อย”หมอไวท์โวยขึ้นทันที ซียิ้มกว้างออกมาพร้อมหัวเราะ
“ครับ สามีก็สามียังไงก็เป็นเรื่องจริงอยู่แล้วครับ”ซีเอ่ยออกมา เขามีความสุขมากที่หมอไวท์ก็คิดเช่นเดียวกัน
หมอไวท์พาซีมาแถวชานเมืองแถวๆเขาใหญ่ ช่วงนี้ใกล้เขาฤดูหยาวแล้วหมอไวท์มักจะมาที่นี้ประจำ ซีมองไปรอบๆบ้านพักแม้จะเข้าสู่ช่วงบ่ายแล้วแต่อากาศก็ไม่ร้อนมากนัก
“อ่า...สดชื่นจังเลยนะครับ”ซีเอ่ยขึ้นเมื่อมายืนอยู่หน้าบ้านมองไปยังภูเขากว้าง หมอไวท์เดินเข้ามาสวมกอดจากด้านหลังวางใบหน้าหล่อเหลานั้นลงบนไหล่เล็กของซี
“แก้มยุ้ยชอบไหม”หมอไวท์เอ่ยถาม
“ชอบสิครับ ชอบมากเลยหล่ะเค้าชอบภูเขาและต้นไม้มาก”ซีเอ่ยพร้อมยกยิ้มออกมา
“ระหว่างพี่กับภูเขาและต้นไม้ แก้มยุ้ยชอบอะไรมากกว่ากัน”หมอไวท์เอ่ยถาม ทำเอาซีหน้าแดงระรื่อขึ้นมาทันทีก่อนจะหันมามองหน้าหมอไวท์
“มุขนี้คิดได้ไงครับคุณหมอไวท์”ซีเอ่ยขึ้นก่อนจะยกสองมือกุมที่ใบหน้าหมอไวท์ไว้
“ก็คิดได้ตอนที่มีแก้มยุ้ยนี่ล่ะครับ จะตอบพี่หมอมาได้หรือยังว่าชอบอะไรมากกว่ากัน”หมอไวท์เอ่ยขึ้น
“แหม ถ้าตอบว่าภูเขาและต้นไม้ รับรองว่าคนแถวนี้ต้องหน้าหงิกแน่ๆเลยใช่ไหมครับ”
“ก็รู้นี่แล้วยังจะตอบว่าภูเขาและต้นไม้อีกหรอครับที่รัก”หมอไวท์เอ่ยขึ้นพร้อมกระชับวงแขนที่เอวของซีแน่น
“พี่หมอรู้ตัวไหมว่าพี่หมอน่ารักมาก เค้ารักพี่หมอนะครับ”ซีเอ่ยขึ้น
“พี่หมอก็รักแก้มยุ้ยนะ แต่ยังไม่ได้ตอบพี่หมอเลยว่าชอบอะไร”หมอไวท์เซ้าซี้ถามจนซีอดจะหัวเราะไม่ได้จริงๆ
“ก็ต้องเป็นพี่หมออยู่แล้วครับ”ซีเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้างก่อนที่จะรู้สึกว่าตัวเองลอยขึ้น
“เหวอออ พี่หมอครับเดี๋ยวเค้าตก”ซีเอ่ยขึ้นเมื่อหมอไวท์อุ้มร่างเล็กลอยขึ้นก่อนจะพาเข้าไปในห้องนอน
เตียงนุ่มๆกลางห้อง หมอไวท์ค่อยๆวางร่างขาวอย่างนิ่มมือ ใบหน้าแสนน่ารัก แก้มอูมขาวเหมือนพองลมตลอกเวลาทำให้หมอไวท์หลงใหลมาก
จุ๊บ
“พี่มีความสุขมากรู้ไหม ที่เราสองคนได้เจอกันและเข้าใจกัน”หมอไวท์เอ่ย
“เค้าก็มีความสุขครับ ที่ได้เจอพี่และรู้ว่าพี่เองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน”ซีเอ่ยขึ้น
“กลับจากนี้แก้มยุ้ยพาพี่ไปกราบพ่อกับแม่ด้วยนะ พี่อยากจะจองลูกชายท่านทั้งสองไว้ก่อน”หมอไวท์เอ่ย
“พี่หมอ แก้มยุ้ยรักพี่หมอครับ”ซีเอ่ยขึ้นก่อนจะยื่นใบหน้ากดจูบที่ริมฝีปากของหมอไวท์เองโดยไม่รีรออะไร และเพลงรักของคนรักกันก็เริ่มขึ้น และไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่
....................

"ไม่ลองจะรู้ได้ยังไงว่าเรารักกันมากแค่ไหน"

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #106 เมื่อ15-12-2017 20:37:20 »

รวดเร็วทันใจ
เสร็จหมอไวท์ไวท์ไปแล้ว อิอิ แต่ซันเปิดก่อนน่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ
(((ความหื่นตอนนี้หมอไวท์ได้ที่ 3 คิกๆๆๆ)))

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #107 เมื่อ19-12-2017 13:21:28 »

น่ารักกันยาวๆ ..

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #108 เมื่อ23-12-2017 08:08:42 »

White Lie 7 : เพื่อน (ธนาคินxภัทรกร)
[/b]

หลังจากวันนั้นหมอไวท์และซีก็เป็นเงาตามตัวกันเกือบตลอด ยกเว้นช่วงเวลาทำงานและเรียนเท่านั้น เบนซ์เพื่อนรักของซีรู้สึกแปลกใจนัก นับจากที่กลับจากเบลเยี่ยมมาเขาแทบจะไม่เจอหมอไวท์เลย
“ไอ้ซี ทำไมช่วงนี้ไม่เจอพี่หมอเลยว่ะ”เบนซ์เอ่ยขึ้น
“ช่วงนี้ของมึงคือช่วงไหน มึงเพิ่งกลับจากเบลเยี่ยมได้สองวันเองป่ะ”ซีเอ่ยขึ้น
“ก็จริงนะ มึงช่วยโทรหาพี่หมอชวนไปกินข้าวกันเถอะ”เบนซ์เอ่ยบอกเพื่อนรัก
“ไอ้เบนซ์ กูถามอะไรหน่อยดิ”ซีเอ่ยถามเพื่อนรัก เพราะรู้สึกได้ว่าเบนซ์จะชอบพี่หมอของเขา
“ว่า...”เบนซ์หันมาย้อนถามเพื่อนรัก
“มึงชอบพี่หมอหรอ”ซีเอ่ยถาม ในใจก็เต้นแรงกลัวกับคำตอบนักว่าเพื่อนจะตอบอะไรออกมา
“อื้ม กูชอบพี่หมอ มึงรู้ป่ะว่ากูเล่าเรื่องพี่หมอให้พ่อฟังแล้วนะ แม่กูบอกว่าว่างๆให้ชวนพี่หมอไปกินข้าวที่บ้านด้วย มึงว่ากูชวนพี่หมอไปทานข้าวที่บ้านจะดีไหมว่ะ”เบนซ์เอ่ยขึ้น
“งั้นกูถามมึงอีกที ถ้าพี่หมอโกหกมึงหล่ะ”
“โกหกหรอ โกหกอะไรหล่ะ กูไม่เข้าใจว่ะ”
“ช่วงที่มึงไม่อยู่ กูเพิ่งรู้ว่าพี่หมอที่จริงแล้วไม่ใช่นักศึกษาแพทย์”
“ไม่ใช่นักศึกษาแพทย์หรอ ไม่เข้าใจอ่ะ”
“อาจารย์ธนาคิน อาจารย์พิเศษที่มาบรรยายเรื่องระบบเส้นประสาทวันก่อน...”
“มึงอย่าบอกนะว่านั่นคือพี่หมออ่ะ”
“อื้ม นั่นหล่ะคือพี่หมอ เขาโกหกเรา แต่เหตุผลที่โกหกมึงไปถามเขาเองนะ”
“แล้วมึงไม่ถามเขาหล่ะ ว่าโกหกเพื่ออะไรอ่ะ”
“กูถามแล้ว สำหรับของกูตาสำหรับมึงกูไม่รู้”
ระหว่างที่ซีและเบนซ์คุยกันไปเรื่อยๆ เสียงนุ่มของหมอไวท์ก็เอ่ยดังขึ้นจากด้านหลัง รอยยิ้มแสนอ่อนโยนทำให้ทั้งซีและเบนซ์ใบหน้ากลับแดงเห่อเพราะรอยยิ้มของผู้ชายคนนี้ โดยเฉพาะซี
“สวัสดีครับ คุยอะไรกันอยู่หรอ”หมอไวท์เอ่ยขึ้นก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างๆซี
“พี่หมอ...”ซีเอ่ย
“กำลังคิดถึงพี่หมอเลยอ่ะ”
“หรอ พี่ก็คิดถึงน้องเบนซ์เหมือนกัน ไม่เจอนานเลยนะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้นเชิงหยอกเล่น ซีรีบทำหน้าบึ้งออกมาทันที
“ว้าว จริงหรอคะ ดีใจจัง”เบนซ์เอ่ยออกมาอย่างใสซื่อตามแบบธรรมชาติของเธอ แต่ซีกลับทำหน้าเหวี่ยงใส่คนข้างๆทันที
“ไม่มีคนไข้หรอครับ ถึงมาที่นี่ได้”ซีเอ่ยขึ้นเพื่ออยากให้เบนซ์ถามเรื่องที่หมอโกหก หมอไวท์หันมองซีอย่างงงๆว่าซีเป็นอะไร ใบหน้าบึ้งแก้มพองลมแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆเลย
“พี่หมอคะ เรื่องที่ไอ้อ้วนมันเล่า เรื่องจริงหรอคะ”เบนซ์เอ่ยถาม
“เล่าหรอ เล่าเรื่องอะไร”หมอไวท์เอ่ยขึ้นถามกลับ และเอื้อมมือไปจับมือซีที่อยู่ใต้โต๊ะก่อนจะหันมองซี
หมับ...
“เล่าเรื่องที่พี่หมอโกหกเราสองคนว่าเป็นนักศึกษาแพทย์ ทั้งที่พี่หมอทำงานแล้ว พี่หมอช่วยเล่าให้เบนซ์ฟังหน่อยว่าเพราะอะไรถึงโกหกค่ะ”เบนซ์เอ่ยขึ้นถาม หมอไวท์ยกยิ้มอ่อนๆ
“จะให้พี่เล่าแบบไหนหล่ะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้นถาม
“มีหลายแบบหรอคะพี่หมอ”เบนซ์เอ่ยถาม หมอไวท์หันมองซีและพยายามดึงมือซีเอามาหาตัวเองไว้ แต่ซีก็ยายามดึงออกจนเบนซ์เห็นท่าทางผิดสังเกต
“พี่หมอกับไอ้อ้วนทำอะไรกันคะ”เบนซ์เอ่ยถามพร้อมจ้องสองหนุ่มตรงข้าม
“เปล๊า...ไม่ทำอะไร๊”เสียงสูงของซีเอ่ยออกมาจนหมอไวท์อดขำกับความน่ารักของซีไม่ได้
“ไอ้อ้วน ถ้ามึงจะเสียงสูงขนาดนั้น มึงแม่งมีพิรุธว่ะ”เบนซ์เอ่ยขึ้นก่อนจะหันไปทางหมอไวท์ที่นั่งมองซีด้วยสายตาแสนรัก
“พี่หมอ ช่วยบอกเหตุผลมาหน่อยคะ ว่าทำไมถึงโกหกเรา”เบนซ์เอ่ย พร้อมจ้องหน้าหมอไวท์เขม่งเหมือนคั้นเอาคำตอบอย่างจริงจัง
“อย่าทำเหมือนพี่เป็นผู้ต้องหาแบบนั้นสิ ดูจ้องเขา”หมอไวท์เอ่ยพร้อมยกมือจับหัวเบนซ์ไปมา
“งื้อๆ เดี๋ยวผมเสียทรงหมดคะ จะบอกได้หรือยังคะ”เบนซ์คั้นเอาคำตแบ ซีมองการกระทำของทั้งสองยิ่งรู้สึกหงุดหงิดใจนัก ก่อนจะลุกขึ้นและเอ่ยบอกทั้งสอง
“เดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”ซีเอ่ยขึ้น หมอไวท์มองไปยังร่างเล็กของซีที่ตอนนี้ทำแก้มพองลมเดินออกไปแล้ว
“ไอ้อ้วนมันเป็นไรอ่ะ”เบนซ์เอ่ยขึ้น สายตามก็มองตามหลังเพื่อนรักไป
“ไม่รู้สิ สงสัยเมนส์จะไม่มามั้ง ฮ่าๆๆ”หมอไวท์เอ่ยเล่นก่อนจะหัวเราะออกมา ใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้มและความคิดที่ว่าเวลาแก้มยุ้ยของเขาหึง เขาชอบจัง
ช่วงค่ำของวันเดียวกันเบนซ์ชวนหมอไวท์และซีมาทานข้าวที่บ้าน ซีเองยังคงนั่งหน้างออยู่ จนแม่ของเบนซ์ที่มองว่าเพื่อนลูกสาววันนี้ผิดสังเกตนัก
“หมูอ้วนของแม่ วันนี้อาหารไม่อร่อยหรอลูก”แม่ของเบนซ์เอ่ยถามอย่างคุ้นเคย
“เปล่าครับ คุณแม่ทำอาหารอร่อยที่สุดอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้ซีไดเอทครับ”ซีเอ่ยขึ้น
“แหม อย่างมึงเนี้ยนะไดเอท หรือว่ามงมีแฟนแล้วว่ะ”เบนซ์เอ่ยขึ้นอย่างรู้ใจ เพราะซีเคยบอกว่าถ้าได้เจอคนที่ชอบและคนที่ใช่เขาจะลดความอ้วนเพื่อผู้ชายคนนั้น
“หื้ม น้องเบนซ์รู้ได้ไงครับ”เสียงหมอไวท์เอ่ยถามขึ้น ตอนนี้หมอไวท์เองกลับใบหน้าเริ่มตึงเล็กน้อย
“ก็มันเล่าให้ฟังว่ามันอ่ะหลงรักใครคนหนึ่งสมัยเด็ก และก็ไม่ได้เจอเขานานมากแล้ว มันบอกว่าถ้าได้เจอคนนั้นมันจะลดความอ้วน เพราะถ้ามันผอมตอนนี้มันกลัวพี่คนนั้นจะจำมันไม่ได้คะ ฮ่าๆๆ ตรรกะอะไรของมันก็ไม่รู้คะ ฮ่าๆๆ”เบนซ์เอ่ยขึ้น หมอไวท์จึงยกยิ้มขึ้นมาเพราะรู้ดีว่าพี่คนนั้นคือตัวหมอไวท์เอง
“เราก็หัวเราะเพื่อนนะ ว่าแต่คุณหมอมีแฟนหรือยังค่ะ”แม่ของเบนซ์หันมาเอ่ยถามสมาชิกใหม่ที่ลูกสาวเพิ่งแนะนำเมื่อสักครู่ เธอเองก็ชอบคุณหมอคนนี้นัก ทั้งรูปร่างหน้าตา หน้าที่การงาน แต่ประโยคแม่ของเบนซ์ทำเอาซียิ่งนิ่งไปกว่าเดิม หมอไวท์หันมองซีแต่ยังไม่ทันเอ่ยอะไรเสียงเบนซ์ก็ดังขึ้น
“แม่ ทำไมถามพี่หมอแบบนั้นหล่ะคะ”
“แม่แค่ถามดู เผื่อว่าคุณหมอยังไม่มีแฟน แม่จะได้ชงลูกสาวของแม่บ้างคะ”แม่ของเบนซ์เอ่ยขึ้น ซีค่อยๆรวบช้อนและเอ่ยขึ้นกลางวง
“ซีขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”ซีเอ่ยขึ้นไม่รอให้ใครได้ถามจึงเดินออกไปก่อน หมอไวท์ทำท่าจะเดินตามไปแต่ก็ถูกแม่ของเบนซ์เอ่ยท้วงไว้
“คุณหมอทานแกงเผ็ดนะค่ะ ไม่รู้ว่าทนเผ็ดได้ไหม”แม่ของเบนซ์เอ่ยพร้อมกับหันไปบอกลูกสาว
“เบนซ์ตักแกงให้พี่หมอสิลูก”
“ไม่เป็นไรครับ ผมตักเองได้”หมอไวท์เอ่ยขึ้นแต่เบนซ์ก็ตักมาวางใส่จานเรียบร้อยแล้ว
“ไม่เป็นไรคะ ทานเยอะๆนะค่ะพี่หมอ”เบนซ์เอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มออกมา ซีที่แอบมองอยู่ก็รู้สึกปั่นป่วนถ้าเขาบอกเพื่อนรักตอนนี้ว่าพี่หมอไวท์เป็นอะไรกับซี เบนซ์จะรู้สึกยังไงแล้วจะโกรธตัวเองไหมถ้าไม่ยอมบอกเพื่อนรักไป
หลังจากทานอาหารเรียบร้อยทั้งหมดก็นั่งคุยเล่นไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่แม่ของเบนซ์ก็จะคุยแต่เรื่องลูกสาวให้หมอไวท์ฟัง จนซีเองกลับรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเคืองคุณแม่สุดที่รักของเบนซ์แล้วสิ
“ตอนเด็กๆนะ น้องเบนซ์กับน้องซีอ่ะเขาซี้กัน วีระกรรมเยอะมาก เยอะจนแม่จะจับไปอยู่ค่ายทหารซะแล้ว”
“โธ่ แม่ครับไม่ถึงขนาดนั้นสักหน่อย ซีอ่ะเป็นเด็กดีหรอก ไอ้เบนซ์ต่างหากที่พาซีซนอ่ะ”
“ไอ้อ้วน แกอ่ะตัวดีเลยม่ะ ไม่งั้นคุณป้าไม่เอาแกมาทิ้งไว้บ้านกูหรอก”
“ท่าทางสองคนจะสนิทกันมากเลยนะครับ”หมอไวท์เอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มออกมา
“เรียกว่าคู่หูจอมซนเลยคะ แต่ว่าทั้งคู่ยังไม่มีแฟนเลย น่าแปลกใจมากเลย”
“แม่อ่ะ นี่ชมลูกหรือขายลูกกันแน่คะ”เบนซ์เอ่ยขึ้นอย่างเขินๆ
“หมอไวท์จะรับเด็กดื้อไปลองเลี้ยงดูไหมคะ แม่ยกให้เลยคะ ฮ่าๆๆๆ”ยู่ๆแม่ของเบนซ์ก็เอ่ยขึ้น ทำเอาซีเงรยบไปทันที ใบหน้าจากยิ้มๆกลับหุบลง แม่ของเบนซ์รักซีมากเหมือนกับลูกและซีก็รักแม่ของเบนซ์มากเช่นกัน ถ้าซีบอกว่าหมอไวท์คือคนที่ซรรักและรักซี แล้วแม่ของเบนซ์ที่หวังกับหมอไวท์จะเสียใจไหม เพียงแค่ความคิดเท่านั้น
“ดีเลยครับ รีบๆเอามันไปเลยจะได้ไม่ต้องมีคนแย่งของอร่อย เวลาแม่ทำของอร่อยให้กินฮ่าๆ”ซีเอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราะออกมา หมอไวท์รีบหันมองซีทันทีก่อนจะเอ่ยขอตัวกลับ
“ผมว่าดึกแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ซีกลับพร้อมพี่เลยนะ”หมอไวท์เอ่ยพร้อมยกมือลาแม่ของเบนซ์ตามด้วยซีทีรู้ดีว่าหลังจากนี้ไม่กี่นาทีเขาต้อองโดนพี่หมอซักแต่นอน
...
..
บรรยากาศในรถที่แสนจะอึดอัดและเงียบตลอดทางกลับบ้าน ซียังคงเงียบตลอดทางในหัวกำลังคิดอะไรมากมายจนหมอไวท์เองก็อึดอัดใจที่ถามคนรักครับตอบคำแบบนี้
“พี่ถามแก้มยุ้ยว่าทำไมทำแบบนี้”
“ทำอะไรครับ”
“ก็เรื่องที่ยัดเยียดพี่ให้กับน้องเบนซ์ไง ทำไมทำแบบนี้”
“ก็ดีไม่ใช่หรอไง ท่าทางคุณแม่ก็ชอบพี่หมอ ไอ้เบนซ์มันก็ชอบพี่หมอ แล้วพี่หมอก็ไม่ได้ปฏิเสธไม่ใช่หรอไง”ซีเอ่ยขึ้นอย่างงอนๆ ที่จริงเขาโกรธที่หมอไวท์ไม่คิดจะปฏิเสธต่างหากหล่ะ
“เราต้องคุยกันสักหน่อยนะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าคอนโด ทันทีที่รถจอดได้ซีก็รีบเดินขึ้นห้องทันทีโดไม่ได้รอหมอไวท์เลย
“แก้มยุ้ย...!”หมอไวท์เอ่ยเรียกตามหลังแต่ซีก็ไม่หยุดเดิน
“แก้มยุ้ย...!หยุดเดี๋ยวนี้นะ”หมอไวท์ตะโกนเรียกแต่ซีก็ไม่หยุด
ปึง
“แก้มยุ้ย...!พี่บอกให้หยุดไง”หมอไวท์ตะคอกออกมาแต่ซีกลับเดินเข้าห้องไปอย่างไม่สนใจ
ปัง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“แก้มยุ้ย เปิดประตูให้พี่หมอเดี๋ยวนี้นะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้นพร้อมเคาะประตูห้องนอนรัว
“แก้มยุ้ย เป็นอะไรไป อย่างอนพี่แบบไม่มีเหตุผลนะ ออกมาคุยกันเดี๋ยวนี้”หมอไวท์เอ่ยเขาเองก็เริ่มจะโมโหแล้ว เพราะอยากจะเคลียเรื่องที่แก้มยุ้ยของเขา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“อย่าให้พี่ต้องโมโหนะแก้มยุ้ย ออกมาคุยกันให้รู้เรื่อง พี่จะรอที่โซฟา อีกห้านาทีถ้าไม่ออกมาอย่าหาว่าพี่ไม่เตือนนะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างเงียบๆ ทิ้งให้ซีที่ไม่กล้าจะออกมาเผชิญกับหมอไวท์นั่งอยู่ในห้อง
“ถ้าออกไปก็ต้องโดนดุสิ แล้วพี่หมอก็จะว่าซีเป็นพวกงี่เง่า แต่ถ้าไม่ออกไปพี่หมอก็ดุมึงอยู่ดีป่าวว่ะ”ซีคิดในใจ ในสมองตีกันมั่วไปหมด
“แล้วมึงโกรธเขาเรื่องอะไร แล้วมึงประชดเขาทำไม แล้วมึงรักเขาไหม”ซีเอ่ยในใจก่อนจะถอนหายใจออกมา
“เฮ้ออออ เอาไงดีว่ะ”ซียกมือขยี้หัวตัวเองไปมาก่อนจะจะลุกขึ้นและเดินไปยังประตู
“เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน”ซีเอ่ยขึ้นก่อนจะปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาตัวเองออกหนึ่งเม็ดอย่างจงใจ
เสียงประตูดังขึ้น หมอไวท์ยังคงนั่งนิ่งโดยไม่หันมองไปยังร่างเล็กแก้มยุ้ยที่กำลังเดินเข้ามา หมอไวท์แอบชำเลืองมองซีเล็กน้อยในใจยกยิ้มกับตัวเองว่าเด็กน้อยของเขาน่ารักมากจริงๆ น่ารักเสียจนอยากจะทำโทษกับคำว่าที่ไล่เขาไปชอบคนอื่น
“นั่งสิ”หมอไวท์เอ่ยขึ้นนิ่งๆ ซีค่อยๆนั่งลงข้างๆหมอไว้ด้วยใบหน้าที่สลดเล็กน้อย
“รู้ใช่ไหมว่าทำอะไรอยู่”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ซีพยักหน้า
“รู้ใช่ไหมว่าพี่กำลังโกรธแก้มยุ้ยอยู่”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ซีพยักหน้าอีกครั้งพร้อมกับนั่งจับมือตัวเองไปมา
“รู้ใช่ไหมว่าพี่ไม่พอใจที่แก้มยุ้ยทำแบบนี้”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ซีพยักหน้ารับอีกครั้งก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ
“แก้มยุ้ยขอโทษครับ ”ซีเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่ หมอไวท์หันมองคนข้างๆก่อนจะเอ่ยขึ้นเช่นกัน
“ขอโทษหรอ โตแล้วนะไม่ใช่ทำอะไรออกไปโดยไม่คิดแบบนี้”หมอไวท์เอ่ยเสียงนิ่งๆ น้ำเสียงที่ซีรู้สึกกลัวขึ้นมาจนเสียวหลังขึ้นมา
“ก็ขอโทษแล้วไง แล้วจะให้เค้าทำยังไงหล่ะพี่หมอถึงจะหายโกรธอ่ะ”ซีเอ่ยขึ้นถาม หมอไวท์จึงหันมองคนข้างๆก่อนจะเอ่ยขึ้น
“มานั่งตรงนี้มา แล้วพี่หมอจะบอกว่าต้องทำยังไง”หมอไวท์เอ่ยขึ้นพร้อมใช้มือตบที่ตักตัวเอง ซีที่ใบหน้าแดงก่ำออกมาทันทีทั้งอายและเขินแต่เขากลัวคนตัวสูงโกรธมากกว่า ซีจึงค่อยๆพาตัวเองไปนั่งคร่อมที่ตักของหมอไวท์ ใบหน้าที่ว่าร้อนวูบวาบแต่มันก็ไม่เท่าใจที่เต้นแรงจนรู้สึกเจ็บไปหมดตอนนี้ ถ้าหมอไวท์ไม่เอามือหน้าประคองที่ก้นของเขาตอนนี้ สองมือเรียบถูกรวบขึ้นมาโอบรอบคอขาวตอนนี้
“นั่งแบบนี้สักพักนะ”หมอไวท์เอ่ยบอกคนบนตักที่ใบหน้าแดงยิ่งกว่าอะไร
“พี่หมอหายโกรธแก้มยุ้ยแล้วใช่ไหมครับ”ซีเอ่ยเสียงอ่อนออกมา หมอไวท์ยกยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยขึ้น
“คิดดูก่อนว่าแก้มยุ้ยจะทำให้พี่หมอหายโกรธสนิทหรือเปล่า”หมอไวท์เอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์ ซึ่งซีเองก็รู้สึกได้ว่ากลางกายของหมอไวท์กำลังดุนดันชนกับก้นของเขา และอกขาวๆของซีก็ถูกใบหน้าหล่อๆของหมอไวท์ค่อยๆซุกไซร้ไปมา และก็ไล่ไปที่คอสวยนั้น
“อ่าห์...พี่หมอ เค้าเสียววว”เสียงครางเอ่ยบอกพร้อมร่างกายที่แอ่นให้อีกคนโดยไม่มีเงื่อนไขใด
“แก้มยุ้ย พี่หมอรักแก้มยุ้ยมากรู้ไหม”หมอไวท์เอ่ยออกมาทั้งๆที่ตอนนี้แทบจะจับคนบนตักกลืนกินไปทั้งตัวแล้ว แก้มยุ้ยแดงๆกำลังเชิดหน้าขึ้นเพื่อให้อีกคนได้ลิ้มลองไปทั่วร่างเพียงเพราะความต้องการและความพอใจของกันและกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรต่อไปนี้ซีคงไม่กลล้าที่จะไล่พี่ชายที่รักให้ใครอีกแล้ว ถึงแม้ว่าคนนั้นจะเป็นเพื่อนรักก็ตาม
“แก้มยุ้ยจะไม่ไล่พี่หมอให้ใครอีกแล้ว...อ่าห์ พี่หมอเป็นของแก้มยุ้ยฮะ...”เพลงรักกลับบรรเลงขึ้นทั้งๆที่เมื่อสักครู่สถานการณ์ตึงเครียดเหลือเกินแต่กลับแพ้ความรักและความต้องการของกันและกัน
................

"เรื่องบางเรื่อง เพื่อนก็ไม่สามารถทำแทนได้"

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #109 เมื่อ23-12-2017 13:09:30 »

ง้อคืนดี ..

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
« ตอบ #109 เมื่อ: 23-12-2017 13:09:30 »





ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #110 เมื่อ23-12-2017 17:44:39 »

ใช่เลย อิอิ
รีบบอกเบนซ์ได้แล้วว

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #111 เมื่อ30-12-2017 16:07:47 »

White Lie 8 : พี่ข้างห้อง (ธนาคินxภัทรกร)
[/size]

เกือบสองเดือนแล้วที่หมอไวท์และซีคบหากัน คืนนี้ทั้งสองจึงอยากจะฉลองครบรอบสองเดือนที่ห้องของซี ซึ่งกำลังตั้งใจทำอาหารมื้อพิเศษอยู่ตอนนี้ ระหว่างที่กำลังทำอาหารอยู่เสียงมือถือของซีก็ดังขึ้น
Rrrrrrrrrrrr
“มาแล้วครับ”เสียงจากในครัววิ่งมาที่โต๊ะโซฟา ก่อนจะกดสายรับเมื่อรู้ว่าปลายสายคือใคร
“ครับพี่หมอ ถึงไหนแล้วครับ”
(“แก้มยุ้ย พี่อาจจะไปเลทนะ”)
“...”
(“อย่าเงียบสิ พี่มีเคสผ่าตัดด่วนมากจริงๆ”)
“ครับ”
(“อย่างอนนะ พี่รักแก้มยุ้ยนะครับ”)
“แก้มยุ้ยก็รักพี่หมอนะครับ ถ้ามาตอนไหนก็โทรมาบอกด้วยนะครับ”
(“ครับผม คุณเมียที่รัก”)
“บ้าจริงๆเลย ไปทำงานเถอะครับ แก้มยุ้ยจะรอนะครับ”
(“ครับผม คืนนี้เตรียมตัวฉลองพิเศษด้วยนะ”)
“พี่หมออ่ะ...”
(“พี่ไปทำงานก่อนนะ เดี๋ยวเจอกัน”)
เสียงสนทนาแม้จะดูรู้สึกไม่ดีนักสำหรับคนที่กำลังรออยู่ แต่มันก็แฝงไปด้วยความรู้สึกที่เข้าใจกันและกัน ซียกมือถือขึ้นมากดโทรหาเพื่อนรักอย่างเบนซ์ ซีอยากจะบอกเบนซ์เรื่องของตัวเองกับหมอไวท์
(“ว่าไงอ้วน”)
“มึงอยู่ไหน”
(“กูพาแม่มาซื้อของอ่ะ มึงอ่ะทำไรอยู่”)
“ไม่ได้ทำอะไร”
(“อ่อ...”)
“เบนซ์...กูมีเรื่องจะบอกมึง”
(“เรื่องอะไรว่ะ”)
“คือกู...กับพี่หมอ...”
(“อ้วนๆ เดี๋ยวกูโทรหานะตอนนี้แม่กูเรียกไปถือของแล้วอ่ะ”)
“เอ่อๆๆ”
เมื่อวางสายจากเบนซ์เรียบร้อย ซีก็นั่งถอนหายใจออกมาสายตามองไปยังด้านนอกระเบียง ก่อนจะหันไปที่ประตูห้องตัวเองเมื่อได้ยินเสียงกุกกักที่หน้าห้องพร้อมเสียงคีย์การ์ดดังขึ้นเป็นระยะ
“ใครว่ะ...”ซีอุทานออกมาเบาๆก่อนจะเดินส่องตาแมวดูก็เห็นผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งกำลังพยายมก้มทำอะไรสักอย่างดูเหมือนว่ากำลังจะพยายามเปิดห้องของซีอยู่
แกร๊ก!
“คุณกำลังทำอะไรอ่ะ”ซีรวบรวมความกล้าเปิดประตูออกทันที
“อ๊ะ...คือ...”ร่างสูงตรงหน้าหน้าตาตื่นทันทีก่อนจะขมวดคิ้วหากันก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ขอโทษด้วยครับ ผมจำหมายเลขห้องผิดแน่ๆเลย”ชายหนุ่มตรงหน้าก้มมองที่คีย์การ์ดก่อนจะรู้ว่าที่จริงเขาอยู่ห้องข้างๆไม่ใช่ห้องนี้แต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยอะไรต่อจมูกของชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังรับกลิ่นกลับได้กลิ่นไหม้ๆจากในครัว
ฟิด ฟิด ฟิด
“คุณไอ้กลิ่นอะไรไหม”
“กลิ่นหรอ กลิ่นอะไร”
“กลิ่นไหม้อ่ะครับ...”ยังไม่ทันที่จะเอ่ยต่อ ร่างสูงของคนที่อยู่ด้านนอกก็วิ่งตรงมาที่ครัวทันที ซีเองก็ตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ทันห้ามเพราะครัวโขมงที่กำลังกระจายไปทั่วห้องแล้ว
“เชี่ย!...”เสียงอุทานออกมาเสียงดังก่อนจะวิ่งไปที่ครัวตามร่างสูงนั้น ทั้งสองช่วยกันดับควันที่ฟุ้งอยู่ตอนนี้ โดยใช้เวลาไม่นานนัก
“แค่กๆๆ โอ๊ยยยยเกือบตายแล้วเรา”เสียงบ่นงุบงิบของซีบ่นขึ้นก่อนที่จะทรุดตัวนั่งลงกับพื้นพร้อมๆกับชายร่างสูงคนนั้น
“อ่า เกือบไหม้ทั้งตึกแล้วนะครับ”เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นก่อนจะหันมองมายังใบหน้าขาวของซีที่หายใจหอบอยู่
“แก้มคุณเปื้อนอ่ะ”ซีหันมองร่างสูงข้างๆก่อนจะใช้มือเช็ดที่แก้มตัวเอง แต่คนข้างๆก็ยังอดขำไม่ได้ที่เช็ดยังไงก็เช็ดไม่ตรงจุดสักที
“ไม่ใช่ครับ ตรงนี้ครับ”คนข้างๆก็ยังพยายามให้เช็ดตรงจุด
“ตรงนี้หรอครับ”ซีเองก็พยายามเช็ดให้ตรงที่บอกแต่ก็ไม่ใช่สักที
“ขอโทษนะครับ เดี๋ยวผมเช็ดให้เองดีกว่า”ความพยายามของซีไม่สำเร็จสักทีจนคนข้างๆยกมือขึ้นมาเช็ดบริเวณให้เองและความอ่อนโยนและนุ่มนวลทำให้ซีคิดถึงหมอไวท์ขึ้นมา
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมไปล้างหน้าทีเดียวก็ได้ครับ”ซีเอ่ยขึ้นก่อนจะลุกขึ้น
“ผมชยางกูรครับ เพิ่งย้ายมาอยู่ แต่ว่าห้องข้างๆคุณนะครับและต้องขอโทษด้วยที่รบกวนคุณ...”ชยางกูรเอ่ยขึ้นค้างไว้เพราะไม่รู้ว่าคนตัวเล็กกว่าแก้วยุ้ยคนนี้คือใคร
“อ่อ ซีครับ ไม่เป็นไรครับยินดีตอนรับสมาชิกคอนโดคนใหม่นะครับ”ซีเอ่ยขึ้น
“ถ้าดูไม่ผิดคุณซีน่าจะอายุน้อยกว่าผม พอดีผมทำงานแล้วหน่อครับแล้วคุณซีหล่ะ”
“อ้อ ผมเรียนอยู่ปีสามแล้วครับ ว่าแต่คุณชายางกูรทำงานอะไรครับ”ซีเอ่ยถามกลับ ชยางกูรนั่งลงที่โซฟาก่อนจะยกยิ้มให้ซี
“อยากเรียคุณเลยเรียกพี่กูรก็ได้ พี่ทำงานเป็นโปรดิวเซอร์อ่ะ”ชยางกูรเอ่ยพร้อมยกยิ้มหวานออกมา
“ว้าว งั้นก็ได้เจอดาราหลายคนเลยอ่ะสิครับ”ซีเอ่ยออกมาหน้าตาตื่นเต้นอย่างน่ารักออกมา
“ก็หลายคนนะ ว่าแต่น้องซีชอบใครหล่ะถ้าพี่ได้ร่วมงานกับเขาพี่จะได้ขอลายเซ็นมาให้ไง”ชยางกูรเอ่ยออกมา
“จริงๆหรอครับ งั้นดีเลยผมชอบ....”ยังไม่ทันที่ซีจะเอ่ยต่อ เสียงมือถือของซีก็ดังขึ้น
Rrrrrrrrrrrrr
“ขอตัวแปบนะครับ”ซีเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินไปรับสาย
(“แก้มยุ้ยจ๋า พี่หมอขอโทษจริงๆคืนนี้ต้องดึกแน่ๆเลย”)
“ไม่เป็นไรครับ ดึกแค่ไหนแก้มยุ้ยก็จะรอ พี่หมอดูแลตัวเองด้วยนะ”
(“รักแก้มยุ้ยที่สุดเลยอ่ะ”)
“แก้มยุ้ยก็รักพี่หมอครับ มาถึงเมื่อไหร่ค่อยทานข้าวกันก็ได้”
(“พี่หมอจะรีบกลับนะครับ”)
“ครับ”
ซีวางสายเรียบร้อยก็เดินออกจากครัวมาพร้อมน้ำดื่มเย็นๆให้แขกคนใหม่ ที่ตอนนี้ดูจะยิ้มแก้มปริอยู่เมื่อเห็นความน่ารักของซี
“มาตั้งนานยังไม่เอาน้ำให้เลย...น้ำครับ”ซีเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรครับ น้องซีอยู่กับใครหรอ”ชยางกูรเอ่ยถาม
“อ่อ คนเดียวครับนานทีคุณมัมและป๋าจะมาทีครับ”ซีเอ่ยขึ้น
“แล้วน้องซีมีแฟนหรือยัง โทษทีนะที่พี่ถามแบบนี้ทั้งที่เราเพิ่งรู้จักกัน”ชยางกูรเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรครับ คือซี...”เสียงมือถือของชยางกูรดังขึ้นบ้างซีจึงหันไปยิ้มให้เมื่อชยางกูรขอตัวรับสาย ซีมองตามหลังเล็กน้อยและก็ไม่นานที่ชยางกูรรับสายเขาก็เดินเข้ามา
“พี่ขอตัวก่อนดีกว่า นี่ก็รบกวนน้องซีมากแล้วพี่เองก็ยังไม่ได้จัดของอะไรเลย”
“งั้นเดี๋ยวซีไปช่วยดีไหมครับ”ซีเอ่ยเสนอขึ้น ชยางกูรยกยิ้มให้อย่างละมุนก่อนจะพาซีไปที่ห้องของตัวเองที่อยู่ข้างๆ ทั้งซีและชยางกูรแปลกใจนักที่ทั้งคู่กลับสนิทสนมกันในเวลาไม่นาน
“ว้าว ห้องพี่ปต่งสวยจังนะครับ นี่คงไม่ได้จ้างทางคอนโดมาแต่งให้หรอกใช่ไหมครับ เพราะมันแต่กต่างจากห้องซีจัง”ซีเอ่ยขึ้นเพราะห้องของชยางกูรดูสวยและมีคลาสมากแค่ไหน
“อ่อ ไม่ใช่หรอก พี่แต่งเองหล่ะ สวยไหม”
“สวยมากครับ...แล้วพี่จะเอารูปวาดนี้ไว้ตรงไหนครับ”ซีเอ่ยขึ้น เมื่อกำลังแบกรูวาดขนาดใหญ่พอประมาณขึ้นมาอย่างทุลักทุเล แอ่นไปแอ่นมาจนตัวเองสะดุดเท้าตัวเองจะล้ม
“อะ อ๊ะ เอ้ยยยยย”
“ระวังงงงง”
หมับ!
ปึก!
“อ๊ะ...”ร่างของซีตอนนี้หล่นลงเรียบร้อยแต่อยู่ในอ้อมกอดของชยางกูรเต็มๆ อ้อมกอดที่นุ่มนวลและร่างกายที่อบอุ่นชยางกูรสนใจคนตัวเล็กผิวขาวคนนี้ซะแล้วสิ
“ระวังหน่อยสิ”ชยางกูรเอ่ยขึ้นก่อนที่จะค่อยๆปล่อยซีจากอ้อมกอด
“ขะ...ขอบคุณครับ แต่ว่าซีทำรูปพี่พังแล้วอ่ะ ซีขอโทษครับ”ซีทำเสียงอ่อนลงเมื่อตัวเองทำรูปวดของชยางกูรตกและภาพก็เสียหาย
“เป็นไรหรอกน้องซี แค่นี้เองเดี๋ยวหาซื้อใหม่ก็ได้”ชยางกูรเอ่ยขึ้น ซีมองไปที่ลาดเซนต์เป็นรูปวาดของนักวาดชื่อดังเสียด้วยสิ
“แต่ว่า รูปวาดนี้เป็นของคุณพิเศกนักวาดชื่อดังเลยนะเนี้ย บอกซีหน่อยราคาเท่าไหร่ครับ”ซีเอ่ยถามอย่ารู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรหรอกหน่า นิดหน่อยเอง ซีไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”ชยางกูรเอ่ยขึ้น
“ไม่ได้ครับ บอกซีมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”อยู่ๆซีก็เอ่ยออกมาอย่างน่ารักแบบลืมตัว เขาแสดงออกมาได้น่ารักเกินไปจนชยางกูรควบคุมหัวใจไว้ไม่อยู่แล้วจริงๆ
“อ่าๆ มันก็หลายตังค์อยู่นะ”ชยางกูรเอ่ยขึ้น
“หลายตังค์คือเท่าไหร่ครับ บอกเป็นหลักก็ได้นะๆ ซีอยากรู้จริงๆอยากจะชดใช้ให้อ่ะครับ”ซีเอ่ยขึ้น ชยางกูรจึงยกยิ้มขึ้นและเอ่ยบอกจำนวนเลขราคาภาพนั้น
“หกหลักอ่ะ แต่ไม่บอกเท่าไหร่นะ”
“โห้วววว แล้วซีจะหาเงินที่ไหนมาใช้พี่กูรเนี้ย งื้อๆ”ซีทำท่าทางน่ารักออกมา ยิ่งทำให้ชยางกูรเลยว่ารักแรกพบมันเป็นยังไง
“ซีทำไมน่ารักจัง”อยู่ๆชยางกูรก็เอ่ยขึ้นแต่ไม่ดังมากนัก
“อะไรนะครับ”ซีเอ่ยขึ้นถามเมื่อเขาได้ยินไม่ชัดนัก
“ปะ...เปล่าอ่ะ ว่านี่สามทุ่มกว่าแล้วซีหิวหรือยัง”ชยางกูรเอ่ยขึ้นถาม ที่จริงซีเองก็มีนัดทานข้าวกับหมอไวท์แต่จยบัดนี้หมอไวท์ยังไม่โทรมาเลย ก่อนจะยกมือถือมาดูข้อความของหมอไวท์

White : คืนนี้ดึกแน่ๆเลย พี่หมอขอโทษแก้มยุ้ยด้วยนะ
ซี : ไม่เป็นไรครับ พรุ่งนี้เจอกันนะครับพี่หมอ
White : ครับที่รัก


ซีหน้าเสียไปเล็กน้อย รู้สึกน้อยใจนักที่หมอไวท์มาทานข้าวในวันที่ครบรอบสองเดือนไม่ได้ แต่ซีก็เข้าใจว่าอาชีพหมอต้องอุทิศตนเพื่อส่วนร่วมเสมอ คิดจะเป็นแฟนหมอก็ต้องทำใจ ซีคิดแบบนั้น
“น้องซี เป็นอะไรไปครับ”ชยางกูรเอ่ยถาม
“เปล่าครับ กำลังคิดอยู่ว่าจะหาเงินที่ไหนมาชดใช้ค่ารูปวาดของพี่กูรดี”
“ฮ่าๆๆไม่ต้องคิดเลย”ชยางกูรเอ่ยขึ้น
“งั้น ซีเลี้ยงข้าวพี่กูรดีกว่าเนอะ”
“ก็ดีนะ พี่กินจุนะเตรียมเงินไว้เลย”
“แหม จะกินมากสุดได้เท่าไหร่เชียวครับ งั้นพรุ่งนี้ไปทานข้าวกันนะครับ”ซีเอ่ยบอก
“พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำงานที่อิตาลีหน่ะสิ”ชยางกูรเอ่ยขึ้นอย่างเสียดาย
“แย่จังครับ”ซีเอ่ยขึ้นก่อนที่ที่ชยางกูรจะเอ่ยขึ้น
“งั้นก็วันนี้เลยสิ ดีม่ะ”ชยางกูรเอ่ยขึ้น
“สามทุ่มเนี้ยนะครับ”
“อื้ม แต่ถ้าน้องซีไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะ”ชยางกูรเอ่ยขึ้น ไม่ใช่ว่าซีไม่สะดวกอะไรแต่ซียังมีความหวังว่าหมอไวท์จะกลับห้องวันนี้
“เอ่อ ไม่มีปัญหาครับ งั้นเราไปทานแถวนี้ดีไหมครับ ซีมีร้านแนะนำอยู่นะ”ซีเอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มหวานออกมา
“จริงดิ ได้เลย พร้อมไปกันเลยมั้ย”ชยางกูรเอ่ยขึ้น ก่อนจะพากันออกจากคอนโดก็ร่วมจะสามทุ่มครึ่งแล้ว
ซีพาชยางกูรมาร้านแถวๆคอนโด เป็นร้านอาหารแบบนั่งชิวสบายๆ เมื่อทั้งสองพากันมาถึงร้านก็สั่งอาหารอย่างที่ตัวเองอยากจะทาน เพราะที่จริงต่างคนต่างหิวมากกว่า
“สั่งมาขนาดนี้ต้องสั่งให้หมดนะครับ”ซีเอ่ยขึ้นก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“ได้เลย มีเงินจ่ายหรือเปล่าหล่ะเราอ่ะ”ชยางกูรเอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ
ทางด้านหมอไวท์ที่เพิ่งเสร็จจากงานผ่าตัดเคสด่วนก็รีบชำระร่างกายและเก็บของทันที เขาไม่อยากให้แก้มยุ้ยของเขาเสียใจที่วันนี้เบี้ยวนัด
“แก้มยุ้ยคงโกรธแย่เลย”หมอไวท์เอ่ยขึ้น กะจะเซอร์ไพรส์ซีด้วยทีเดียวจึงไม่ได้โทรหาซี
“คุณหมอ กำลังจะกลับแล้วหรอคะ”เสียงพยาบาลสาวที่เป็นผู้ช่วยในการผ่าตัดเอ่ยขึ้น
“ครับ คุณวิวมีอะไรหรือเปล่าครับ”หมอไวท์เอ่ยถามพยาบาลสาว
“วิวจะขอติดรถไปด้วยได้ไหมคะ”เสียงพยาบาลสาวเอ่ยขึ้นเพื่อขอติดรถไปด้วย
“อ่อ ได้ครับ รบกวนรีบหน่อยนะครับพอดีผมนัดแฟนไว้”หมอไวท์เอ่ยบอก
หมอไวท์ขับรถออกมา แม้จะสามทุ่มกว่าแล้วแต่รถบนท้องถนนก็ยังติดอยู่บ้าง ทำให้หมอไวท์ที่ต้องทำเวลากลับหงุดหงิดใจนัก แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาเพราะเขาเป็นคนเก็บอารมณ์ได้ดี
“หมอคะ รบกวนไปส่งวิวที่คอนโดได้ไหมคะ เพราะซอยเข้าคอนโดวิวมันเปลี่ยวเล็กน้อยคะ อีกอย่างนี่ก็ดึกแล้วด้วย”หญิงสาวเอ่ยบอก หมอไวท์เองก็เป็นสุภาพบุรุษพอ อีกอย่างหญิงสาวก็เป็นเพื่อนร่วมงานของหมอไวท์ด้วย
“ได้ครับ งั้นบอกทางมานะครับ”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ก่อนจะขับรถไปตามทางที่หญิงสาวบอก
“คุณหมอหิวไหมคะ เราแวะทานอะไรก่อนดีไหมคะ”หญิงสาวเอ่ยขึ้น เพราะตั้งแต่บ่ายช่วงมีเคสผ่าตัด หมอไวท์และเธอก็ยังไม่ได้ทานอะไรเลย
“เอ่อ...คือผม”หมอไวท์เอ่ยอึกอักออกมา
“นะคะ แปบเดียวเอง พอดีวิวหิวมากเลยคะ”หมอไวท์ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ ก็ทำยังไงได้หล่ะ เขาเป็นผู้ชายจะปฏิเสธยังไงดี แค่กินแปบเดียวคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
ระหว่างที่เดินเข้ามาในร้านอาหาร ทั้งสองกวาดสายตาหาที่นั่ง แต่สายตาของหมอไวท์กลับเห็นร่างเล็กตัวขาวแก้มยุ้ยที่คุ้นตาที่กำลังหันมาสบตากับเขาเองที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมหญิงสาว
“แก้มยุ้ย”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ซีเองก็คงอุทานเรียกชื่อหมอเช่นกันก่อนที่ซีจะรีบลุกออกไปทันที หมอไวท์เองก็รีบตามไปทันทีเช่นกัน
“แก้มยุ้ยหยุดก่อน....”เสียงของหมอไวท์ที่เออ่ยขึ้นพร้อมวิ่งตามซีออกไป
“คุณหมอคะ...”เสียยงพยาบาลสาวเอ่ยเรียกตามหลัง
“น้องซี...น้องซีครับ”เสียงของชยางกูรที่เดินกลับมาจากไปห้องน้ำก่อนจะยกมือถือโทรหาซีทันที แต่ซีก็ไม่รับสายก่อนจะมีข้อความของซีเข้ามา

น้องซี : ซีขอโทษนะครับที่วิ่งออกมาแบบนั้น
ชยางกูร : มีอะไรเล่าให้พี่ฟังได้ไหม เดี๋ยวพี่ไปหาที่ห้องนะ
น้องซี : พี่กูร เอาไว้ซีพร้อมซีจะเล่าให้ฟังนะครับ ครั้งนี้ซีขอจริงๆ
ชยางกูร : ครับ พี่กลับจากอิตาลีพี่จะแวะไปหานะ


ข้อความเงียบไปเพราะซีกำลังเจ็บและปวดเมื่อได้เจอหมอไวท์ที่ร้านอาหารและก็เจ็บมากแค่ไหนที่หมอไวท์มาทานข้าวกับผู้หญิงอื่น ทั้งที่คืนนี้เขาทั้งสองคนต่างสัญญาว่าจะมาทานข้าวด้วยกันในวันครบรอบสองเดือน นี่หรอคือสิ่งที่คนรักกันกำลังทำอยู่
...............

"การวิ่งหนีปัญหาคือทางแก้ที่ผิด"
[/size][/pre]

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #112 เมื่อ30-12-2017 21:46:35 »

ใจเย็นซีๆๆๆ รอหมอไวท์คนเก่ง

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #113 เมื่อ31-12-2017 09:26:09 »

เข้าใจกันผิด ..

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #114 เมื่อ06-01-2018 19:44:33 »

White Lie 9 : ความรักชนะทุกอย่าง (ธนาคินxภัทรกร)
[/size]

หมอไวท์วิ่งเข้าห้องได้ก็กวาดสายตาไปทั่วห้องและก็ตรงไปที่ห้องนอนทันทีเพราะรู้ว่ายังไงซีก็ต้องอยู่ที่นั้นแน่นอน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“แก้มยุ้ย อยู่ข้างในใช่ไหม เปิดประตูให้พี่หมอหน่อย”หมอไวท์เอ่ยเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยความห่วง
“ฮื่อๆๆ ทำไมถึงโกหกกันด้วย”ซีปล่อยโฮออกมาทันทีที่เข้าห้องได้ ซีค่อยๆหันมองที่ประตูห้องนอนแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรเลย
“แก้มยุ้ย แก้มยุ้ย...”หมอไวท์ก็ยังคงเรียกคนในห้องอย่างต่อเนื่อง
“อย่ามายุ่งกับผม ออกไป”เสียงของซีตะโกนออกไป หมอไวท์เองก็พอจะรู้บ้างว่าเด็กน้อยของเขาดื้อมากแค่ไหน
“แก้มยุ้ย เราสองคนมาคุยกันดีๆ ดีไหม โตๆกันแล้วอย่าทำตัวเป็นเด็กเลย”หมอไวท์เอ่ยขึ้น
“อย่ามายุ่งกับผม ถึงผมจะเด็กแล้วไงหล่ะ”ซีเอ่ยขึ้น
“แก้มยุ้ย พี่บอกให้เปิดประตูเดี๋ยวนี้ อย่ามางี่เง่ากับพี่นะ”หมอไวท์เองก็เริ่มจะโมโหซีเองโมโหจัดที่ถูกหมอไวท์ต่อว่า เขาไม่อยากให้หมอไวท์ว่าเขางี่เง่า ซีรีบเปิดประตูพร้อมเผชิญหน้ากับหมอไวท์
“อย่ามาว่าผมงี่เง่านะ...”ซีเอ่ยขึ้น สายตาจ้องมองไปยังสายตาของหมอไวท์ที่จ้องมายังสายตาสวยของซีเช่นกัน
หมับ
“อ๊ะ...พี่หมอปล่อยผมนะ”หมอไวท์ไม่ยอมให้คนตัวเล็กตีงหน้าจ้องเขาอีกนานต่อไปแล้ว เพราะเขาแคร์คนตัวเล็กมากและอยากจะอธิบายให้เข้าใจ
“ไม่ปล่อย และแก้มยุ้ยก็เลิกเรียกตัวเองว่าผมสักที”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ซีพยายามดิ้นสุดแรงด้วยความโกรธ
“อย่ามาสั่งผม ปล่อยผมเดี๋ยวนี้”ซีเอ่ยขึ้น
“แก้มยุ้ยก็อย่ามาสั่งพี่หมอเหมือนกัน อย่าดิ้นและก็ตั้งใจฟังพี่”หมอไวท์เอ่ยเมื่อพาร่างของซีที่อยู่ในอ้อมกอดมาที่เตียงพร้อมคร่อมร่างซีไว้
“จะให้ผมฟังคุณเรื่องอะไรหรอครับ แล้วมาแบบนี้ผู้หญิงของคุณไม่ว่าเอาหรอไง”ซีเอ่ยอย่างประชดพร้อมเบี่ยงหน้าหลบ ขืนฝืนดิ้นยังไงก็สู้แรงหมอไวท์ไม่ได้อยู่ดี
“หันมาคุยกับพี่และมองพี่เดี๋ยวนี้”หมอไวท์เอ่ยพร้อมดึงใบหน้าของซีหันมาหาตัวเอง ซีก็ไม่ได้เอ่ยอะไรเอาแต่หลบสายตาของหมอไวท์
“คุณวิวเป็นแค่พยาบาลที่โรงพยาบาล เธอขอติดรถมาด้วยวันนี้มีเคสเลิกดึก อย่างที่พี่บอกแก้มยุ้ย...”ยังไม่ทัที่หมอไวท์จะเอ่ยต่อ ซีก็เอ่ยขัดขึ้น
“พอเถอะครับ ไม่ต้องเล่าหรอก เห็นผมเป็นเด็กมากหรอไงที่จะเล่าเรื่องโกหกพวกนี้แล้วผมจะเชื่ออ่ะ”ซีเอ่ยขึ้น หมอไวท์เองก็เริ่มจะฉุนขึ้นอีกครั้งที่ซีดูไม่ทีเหตุผลเอาซะเลย
“ทำไมถึงไม่มีเหตุผลแบบนี้นะ”หมอไวท์เอ่ยตำหนิ ยิ่งทำให้ซีโมโหขึ้นพยายามดิ้นสุดแรง แต่หมอไวท์ก็พยายามปราบซีอยู่
“ปล่อยผมนะ...”
“ไม่ปล่อย แกม้ยุ้ยมีสติหน่อยสิ”
“ผมบอกให้ปล่อยผมไง...”
เพี๊ยะ...
ใบหน้าของหมอไวท์หันไปเล็กน้อยตามแรงฟาดของฝ่ามือเล็กของซี ดวงตาที่ฉ่ะน้ำตาของซีกำลังเอ่อล้นออกมา มือเล็กสั่นเทาร้อนวูบวาบไปหมด เพราะซีไม่ได้ตั้งใจที่จะตบหน้าหมอไวท์เลยสักนิด
“พะ...พี่หมอ...”ซีเอ่ยเบาๆ อยากจะบอกขอโทษแต่ปากลับพูดอะไรไม่ออก หมอไวท์เป็นคนที่ใจเย็นและมักมีเหตุผลเสมอ แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกสติไม่มีแล้วอาจเป็นเพราะคนที่เขารักไม่ยอมเข้าใจเขา และเขาทำให้คนที่เขารักร้องไห้เสีย
“แก้มยุ้ย โตแล้วน่าจะมีเหตุผลมากกว่าใช้กำลังนะ”หมอไวท์พยายามกลั้นความโกรธไว้
“ผมมันเด็กครับ ผมมันงี่เง่า ผมมันเป็นคนไม่มีเหตุผล แต่ถ้าพี่หมอลองมาเป็นผมดูจะรู้ว่าการที่รอคนที่เรารักมาทานข้าวด้วยทั้งๆที่นัดกันเพื่อวันครบรอบของเรา แต่กลับเจอคนที่เรารักไปกับผู้หญิงอื่น พี่หมอจะรู้สึกยังไงครับ ถ้าทำไม่ได้ไม่ต้องสัญญานะครับ”ซีเอ่ยขึ้นพร้อมเบี่ยงหน้าออกทั้งน้ำตา แต่หมอไวท์กลับรั้งใบหน้าขาวแก้มอุ้มนั้นไว้
“ฟังพี่นะ...ว่าพี่รักแก้มยุ้ย”หมอไวท์เอ่ยและไม่รอให้ซีเอ่ยอะไรต่อริมฝีปากของซีกลับถูกปิดสนิทไม่มีแม่แต่เสียงใดเล็ดลอดออกมา มีเพียงเสียงริมฝีปากและลิ้นที่สัมผัสกันอย่างดุเดือด
“อ่อยยย (ปล่อย)”ซีพยายามจะเอ่ยออกมา มือเล็กทุบตีที่หน้าอกของหมอไวท์แต่ก็ไม่เป็นผล มือหนากลับรวบข้อมมือเล็กไว้เหนือศรีษะก่อนที่หมอไว้จะกวดลิ้นไปทั่วโพรงปากหวานนนั้น
“อื่ออออ”
“อ่าห์...”
เวลาไม่นานนักจากเสียงโวยวายที่ร้องออกมา กลับเป็นเสียงครางที่บอกว่าเขาทั้งสองต้องการกันและกัน อาภรณ์ที่มีอยู่กลับค่อยๆถูกถอดออกจนหมด ร่างกายสองร่างกายต่างมอบความรักและความอบอุ่นให้กัน
“อ่าห์...แก้มยุ้ย พัรักแก้มยุ้ยมากนะ”เสียงเอ่ยเพ้อของหมอเมื่อความต้องการมันกำลังเพิ่มมากขึ้น มือหนาจับมือเล็กของซีขึ้นมาก่อนจะย้ายมาจับที่กลางกายของตัวเอง
“อ่าห์...”
“อื้ม...”
“กะ...แก้มยุ้ย ทำให้พี่หน่อย”หมอไวท์กระซิบบอกคนใต้ร่างที่กำลังหน้าแดงเห่อ ซีทั้งอายทั้งโกรธที่ตัวเองแพ้ทุกอย่างที่หมอไวท์กำลังทำอยู่ตอนนี้
มือเล็กกำลังจับรูดแก่นกายขนาดใหญ่ขึ้นลงอย่างชินมือ ใบหน้าเล็กเชิดขึ้นด้วยความเสียวพร้อมๆกับใบหน้าหล่อเหลาของหมอไวท์ที่เชิดขึ้นเพราะความเสียวซ่าน
“อ่าห์...พี่หมอ”เสียงครางออกมาอย่างอ้อนวอนเมื่อมือของหมอไวท์กำลังขยี้เข้าที่ตุ่มไตสีทับทิมนั้นอย่างนุ่มนวลแต่มันช่างเสียวสุดใจเหลือเกิน
“แก้มยุ้ย...จำเอาไว้นะว่าหัวใจของพี่หมอมีแค่แก้มยุ้ยเท่านั้น”หมอไวท์เอ่ยขึ้นพร้อมกดจูบที่ขมับของซีก่อนจะแทรกกายตัวเองเข้าไปทันที
อึก
“อ่าห์...”
“ซี๊ดดดดด แน่นชะมัดเลย”หมอไวท์เอ่ยขึ้นตรงๆอย่างลืมตัว จนซีเองหน้าแดงฉ่าออกมากขึ้นกว่าเดิม สองมือเล็กจับที่ไหล่กว้างแน่นก่อนจะหลับตาลงพร้อมรับกับความเจ็บและความสุขในเวลาเดียวกัน
เสียงครางทั่วห้องต่างคนต่างไม่ยอมกัน เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงสองร่างเปลือยที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อกำลังกอดรัดกันอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวแก้มยุ้ยซุกอยู่ที่อกกำลังเม้มปากเข้าหากันก่อนจะกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างครุ่นคิดว่าจะเอ่ยอะไรต่อจากนี้
“แก้มยุ้ย พี่หมออยากให้แก้มยุ้ยเชื่อใจพี่หมอ ไม่มีใครมาทำให้หัวใจพี่หมอเปลี่ยนไปได้เพราะหัวใจพี่หมอมีแต่แก้มยุ้ย นานเท่าไหร่ที่เรากันและกัน เวลานานท่ำกร่ที่เราเฝ้ารอที่ได้เจอกัน แก้มยุ้ยจะให้เวลานั้นมันสูญเปล่าหรือไง”หมอไวท์เอ่ยขึ้น และมันก็คือเรื่องจริงอย่างที่หมอไวท์พูด
“เอ่อ...”ซีเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ได้แต่ซุกหน้าที่อกของหมอไวท์ มือหนาลูบไล้ไปมาทั่วแผ่นหลังและไหล่เนียน
“คุณวิวเป็นพยาบาลที่โรงพยาบาล เธอขอติดรถมาด้วยด้วยการที่ต้องผ่าตัดหลายชั่วโมงเธอจึงขอแวะทานอาหารก่อน ซึ่งพี่เป็นหมอและเป็นผู้ชายจะปฏิเสธก็กลายเป็นขี้ปากได้ เรื่องมันก็เป็นแบบนี้หล่ะ แก้มยุ้ยจะยังไม่เชื่ออีกก็ได้นะ พี่หมอไม่รู้จะห้ามความคิดของแก้มยุ้ยได้ยังไง แต่พี่หมอห้ามใจตัวเองไม่ให้มีใครนอกจากแก้มยุ้ยได้”หมอไวท์เอ่ยขึ้น แม้ว่าประโยคจะดูเสี่ยวนักแต่ก็ทำให้คนที่ซุกอยู่ที่อกยิ้มได้
“เสี่ยวชะมัดเลยฮะ”ซีเอ่ยขึ้นพร้อมเงยหน้ามองหมอไวท์ที่ก้มลงมากดจูบที่หน้าผากเมื่อรู้ว่าซีไม่ได้โกรธเขาแล้ว
จุ๊บ
“ก็เสี่ยวกับแก้มยุ้ยคนเดียวนี่หล่ะ...”หมอไวท์เอ่ยพร้อมยกยิ้มออกมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อ
“แล้วหายงอนพี่หรือยังครับ”ซียิ้มอ่อนๆก่อนจะเอ่ยขึ้น
“หึ ถ้าไม่หายโกรธจะยอมให้นอนกอดแบบนี้หรอฮะ”หมอไวท์กระชับอ้อมกอดและค่อยๆคร่อมร่างของซีอีกครั้ง
หมับ
“อ๊ะ...พี่หมอจะทำอะไรอ่ะ”ซีเอ่นขึ้น สองมือเล็กยัดอกแกร่งไว้ หมอไวท์ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ในเมื่อแก้มยุ้ยหายโกรธแล้ว ตอนนี้พี่หมอจะถามแก้มยุ้ยกลับบ้าง ว่าไปทำอะไรที่ร้านนั้น”หมอไวท์ถาม ซีรีบหลบสายตาทันที มาถึงคิวตัวเองแล้วรู้สึกหน้าชาไปหมด ถ้าซีจะบอกว่าไปทานข้าวกับพี่ชายข้างห้องที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง
“เอ่อ...คือว่า...”ซีอึกอัก หมอไวท์ค่อยๆละเลียดริมฝีปากที่ใบหูเล็กนั้นจนซีเองรุ้สึกเสียวซ่านไปหมด เสียวซ่านจนเอ่ยครางออกมา
“อื่ออออ”หมอไวท์ชอบนักกับเสียงครางนี้ ก่อนจะเอ่ยกระซิบเบาๆที่ใบหูเล็กนั้น
“แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”เพียงแค่นี้ซีก็ตาโตทันที เพราะไม่คิดว่าหมอไวท์จะรู้ว่าเขาไปกับพี่ชายข้างห้องคนนั้น
“พี่หมอรู้...”ซีเอ่ยขึ้น
“อื้ม และไม่ต้องเล่าหรอกนะ เพราะพี่เชื่อใจแก้มยุ้ย”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ซีทำหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อยที่ตัวเขาเองไม่เชื่อใจหมอไวท์ก่อน
“พี่หมอ...”ซีเอ่ยเบาๆ ก่อนจะปล่อยกายให้กับหมอไวท์ทันทีที่หมอไวท์เอ่ยบอก
“ไม่ต้องบอกว่าคนนั้นเป็นใคร แค่ตอนนี้บอกแค่ว่าพี่หมอคือคนที่แก้มยุ้ยรักก็พอ”หมอไวท์เอ่ยขึ้น
“ครับ...พี่หมอคือผู้ชายที่แก้มยุ้ยรักมากที่สุด...อ่าห์”เสียงครางออกมาอีกครั้งและเนิ่นนานเกือบชั่วโมงกว่าศึกรักจะสงบลง
...
..
โต๊ะอาหารภายใต้แสงเทียนด้านหลังประกอบด้วยแสงของกรุงเทพยามราตรี ที่เป็นฉากที่เข้ากับบรรยากาศของความรักตอนนี้
“ได้ฟิวส์ดีเหมือนกันเนอะ กินข้าวตอนตีสองเนี้ย”หมอไวท์เอ่ยขึ้น
“ก็เค้าบอกแล้วว่าเอาไว้พรุ่งนี้ก็ได้ ตอนนี้เค้า ง๊วงง่วง แถมเหนื่อยอีกต่างหาก”เสียงเอ่ยบ่นของซีทำเอาหมอไวท์หลงรักมากยิ่งขึ้นก่อนจะตักอาหารมาจ่อที่ปากของซี
“ก็พี่อยากกินอาหารฝีมือเมียนี่ อร่อยมากรู้ไหม”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ส่งสายตาบอกให้ซีกินาหารที่กำลังป้อนให้ตอนนี้ ซีค่อยๆอ้าปากกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าแต่ยังไม่ทันที่จะเคี้ยว ริมฝีปากก็ถูกปิดสนิทก่อนที่หมอไวท์จะใช้ลิ้นละเลียดไปที่ริมฝีปากของซี
“อย่ากินเลอะนักสิ...”หมอไวท์เอ่ยพร้อมหัวเราะออกมาในลำคอ ซีหน้าแดงฉ่าอยู่ตอนนี้อยากจะบ้าตายนักกับท่าทางหวานๆแสนจะอบอุ่นของหมอไวท์คนนี้
“พี่หมออ่ะ”ซีทำน้ำเสียงน่ารักออกมา ใบหน้าก็แสนจะน่ารักของซียิ่งทำให้หมอแทบบ้าไปแล้ว
“แก้มยุ้ย อย่าทำตัวน่ารักไปมากกว่านี้ไหม”หมอไวท์เอ่ยขึ้น
“งื้อ เปล่าทำสักหน่อยฮะ”ซีเอ่ยขึ้น แก้มยุ้ยยังคงเคี้ยวอาหารไปเรื่อยๆ
“เปล่าได้ไง นี่ไงกำลังทำอยู่เนี้ย พี่หมอจะบ้าตายเพราะรักแก้มยุ้ยแล้วเนี้ย”หมอไวท์เอ่ยขึ้น นับวันเขาก็ยิ่งรักแก้มยุ้ยของเขามากขึ้นและก็เช่นกันที่ซีกรักหมอไวท์ของเขามาขึ้นเช่นกัน ไม่มีอะไรที่ทำให้เขาสองคนเลิกรักกันได้ ทั้งสองคิดแบบนี้
ครืดดด
พี่กูร : พี่ขึ้นเครื่องตอน ตีสาม เห็นไฟห้องซีเปิดอยู่ เคาะแล้วคงไม่ได้ยิน พี่กลับจากอิตาลีแล้วจะรีบมาหานะ    ครับ เป็นห่วงซีมากรู้ไหม อยากดูแล...พี่กูร
..................

"ความรักชนะทุกอย่าง"
[/size]

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #115 เมื่อ07-01-2018 10:11:15 »

โดนง้อซะ หลายรอบ ..

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​
«ตอบ #116 เมื่อ07-01-2018 13:40:30 »

หมอไวท์เสี่ยวมาก ฮ่าๆๆๆๆ มีเมียเด็กต้องฟิต อิอิ

พี่ข้างห้องเนี่ยมีคู่ด้วยไหมน่ะ

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​ -The End-
«ตอบ #117 เมื่อ13-01-2018 19:28:11 »

White Lie 10 : ความรักสีขาว (ธนาคินxภัทรกร)
[/b][/size]

ร่างแรงนอนเหยียดกายไปกับโซฟา สองมือกำลังเล่นกดมือถือเล่นเกมส์อย่างสนุก หัวกลมที่กำลังหนุนอยู่ที่ตักนุ่มของหมอไวท์ ที่ตอนนี้มือข้างหนึ่งกำลังยกหนังสือขึ้นอ่าน อีกข้างกำลังลูบไปยังใบหน้าแก้มยุ้ยของซี
“พี่หมอ หิวแล้วอ่า”เสียงของซีเอ่ยขึ้นบอก วันนี้วันหยุดของหมอไวท์และก็ซีทั้งสองเลือกที่จะไม่ไปไหน อยากจะอยู่ด้วยกันเป็นส่วนตัวที่ห้องของตัวเอง
“งั้น พี่หมอทำสปาเก๊ตตี้ให้กิน”หมอไวท์เอ่ยอย่างอบอุ่นแต่ซีกลับทำหน้างอแงออกมา
“ไม่เอาอ่ะ เค้ากำลังงดแป้งอยู่นะ เอาอย่างอื่นนะครับ”ซีเอ่ยอ้อนๆ หมอไวท์อดที่จะกดจูบที่หน้าผากไม่ได้จริงๆกับความน่ารักของแฟนหนุ่ม
จุ๊บ
“งั้นพี่หมอโทรสั่งอาหารไทยมากินแล้วกันเนอะ แก้มยุ้ยอยากกินอะไรหล่ะ”หมอไวท์เอ่ยถามมือยังคงลูบที่แก้มยุ้ยของซีไปมา
“แล้วแต่พี่หมอหล่ะครับ พี่หมออยากกินอะไรเค้าก็กินอันนั้นหล่ะ”ซีเอ่ยขึ้นอย่างเอาใจ
“ไม่ได้สิ จะมากินตามพี่หมอได้ไง”หมอไวท์เอ่ยพร้อมทำหน้าไม่พอใจ ซีได้ยินแบบนั้นก็รีบลุกขึ้นและเอ่ยถาม
“อ้าว ทำไมไม่ได้หล่ะครับ”หมอไวท์ยกยิ้มให้กับซีที่ทำหน้าตื่นได้น่ารักเสียจริงก่อนจะยกสองมือประคองใบหน้าของซีไว้และกดจูบที่ริมฝีปากของซีหนึ่งทีก่อนจะเอ่ยขึ้น
จุ๊บ
“ก็แก้มยุ้ยจะกินตัวเองได้ไงหล่ะ หื้ม”หมอไวท์เอ่ยออกมา ซีเองยังคงไม่เข้าใจประโยคของหมอไวท์
“ไม่เห็นจะเข้าใจเลย กินตัวเองยังไงหรอครับ”ซีเอ่ยถามหมอไวท์ด้วยความซื่อ
“เด็กน้อยของพี่หมอ ก็แก้มยุ้ยบอกพี่หมอว่า พี่หมออยากกินอะไรเค้าก็กินอันนั้นหล่ะ พี่หมออยากกินแก้มยุ้ย พี่หมอชอบกินแก้มยุ้ย พี่หมอโปรดอาหารมื้อนี้ที่สุด แล้วแบบนี้แก้มยุ้ยจะกินตามพี่หมอได้ยังไงกัน หื้ม”หมอไวท์เอ่ยขึ้นเสร็จใบหน้าของซีแดงฉ่าออกมาทันที แดงแทบไม่มีที่ว่างแม้แต่น้อยก่อนจะยกยิ้มและกดจูบที่ริมฝีปากของซีอย่างห้ามใจไม่อยู่ ลินร้อนที่สอดเข้าสู่โพรงปากหอมหวานกำลังหยอกล้อลิ้นเล็กอยู่
“อื่ออออ”เสียงครางในลำคอท้วงขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามือของหมอไวท์กำลังซุกซนภายใต้ร่มผ้าของตน
“อื้อออ...พี่หมอพอแล้วครับ”ซีเอ่ยขึ้น สายตาฉ่ำที่มองผ่านมายิ่งทำทำให้หมอไวท์อยากจะจับคนตัวเล็กกระแทกอีกครั้งและอีกครั้ง
“หื้ม ทำไมอ่า พี่หมออยากอ่ะ”หมอไวท์เอ่ยอย่างไม่อาย นับวันความเป็นผู้ชายสุภาพบุรุษแสนอบอุ่นของพี่หมอไวท์จะหายไปกลับกลายเป็นผู้ชายที่แสนหื่นขึ้นทุกวัน
“พี่หมอ รู้ตัวไหมว่าหื่นขึ้นทุกวันเลยนะครับ”
“หรอ ไม่รู้ตัวเลยนะเนี้ย”หมอไวท์เอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มทะเล้นออกมา ซีเองหน้าร้อนผ่าวไปหมดก่อนจะเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดหมอไวท์และหยิบมือถือขึ้นมายื่นให้
“หิวแล้ว โทรสั่งอาหารเถอะนะ เดี๋ยวเค้าไปหุงข้าวไว้ก่อน”ซีเอ่ยขึ้นก่อนจะรีบดีดตัวไปในครัวทันที เพราะขืนนั่งต่อรับรองได้ว่าเขาโดนหมอไวท์จับกินแน่นอน
“หึๆ ร้ายนักนะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้นก่อนจะกดโทรสั่งอาหาร ขณะสั่งสายตาก็ยังคงจ้องไปยังซีที่กำลังขมักเขม้นอยู่ในครัว หมอไวท์เดินเข้ามาพร้อมสวมกอดด้านหลัง คางเรียวของหมอไวท์เกยที่ไหล่เล็กของซีสองแขนโอบกอดรอบเอวบาง
“พรุ่งนี้ไปนอนบ้านใหญ่กันนะ พอดีกรีนกลับจากอิตาลีแล้ว”หมอไวท์เอ่ยขึ้น
“อ้าว ไหนบอกว่าจะไปอาทิตย์หนึ่งไม่ใช่หรอครับ ทำไมกลับเร็วจัง”ซีหันมาเอ่ยถาม เพราะตามที่หมอไวท์บอกคือคุณกรีนไปทำงานอิตาลี พร้อมธนาคิมและรอยด์กำหนดกลับก็เป็นสัปดาห์หน้า
“ก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันว่าทำไมกลับมาเร็ว แต่เฮียโทรมาบอกให้กลับบ้านพรุ่งนี้อ่ะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้นพร้อมคลอเคลียจมูกไปที่แก้มยุ้ยของซี
“งื้อ พี่หมออย่าครับ”ซีเอ่ยขึ้นแม้ปากบอกว่าอย่าแต่ร่างกายกลับตอบรับการกระทำนั้น แต่ยังไม่ทันที่การแบ่งปันความรักของทั้งคู่เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“หื้อ ทำไมอาหารมาไวจังครับ”ซีหันไปเอ่ยถามหมอไวท์ที่ทำหน้างงเช่นกัน
“นั่นสิ เดี๋ยวพี่หมอไปเอาอาหารก่อนนะ”หมอไวท์เอ่ยก่อนจะลุกขึ้นไปอย่างเสียดาย เขากะฟัดคนแก้มยุ้ยก่อนอาหารกลางวันสักหน่อย
แกร๊ก
“บริการรวดเร็วจังนะครับ...”หมอไวท์เอ่ยขึ้นหลังจากเปิดประตูแต่ก็ต้องหยุดชะงักทันที เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือหญิงสาวที่คุ้นเคย ถือว่าเป็นหญิงสาวที่หมอไวท์และซีสนิทมาก
“พะ...พี่หมอ”
“เบนซ์...”
หญิงสาวหน้าซีดทันทีเมื่อเห็นหมอไวท์อยู่ที่นี่ ห้องของเพื่อนรักเธอและที่สำคัญบนโซฟาตอนนี้มีเพื่อนรักของเขานอนอยู่
“ไอ้อ้วน...”หญิงสาวเอ่ย ซีรีบลุกขึ้นและเดินเข้ามาหาเพื่อนรักทันที
“เข้ามาก่อน แล้วกูจะเล่าให้ฟัง”ซีเอ่ยพร้อมดึงมือเบนซ์เข้าไปในห้อง หมอไวท์เองก็มองตามหลังก่อนจะปิดประตูและเดินตามไป
ซีเล่าเรื่องราวของตัวเองและหมอไวท์ให้เพื่อนรักฟัง เบนซ์ที่ยังอึ้งและงวยงงจับต้นชนปลายแทบไม่ได้ เสียใจไหมที่หมอไวท์เป็นของเพื่อนรักก็เสียใจ แต่ก็ดีใจที่เพื่อนรักของเธอได้เจอผู้ชายคนที่รอมานาน
“ฮื่อๆๆๆ ไอ้อ้วนไอ้เลว ไอ้บ้ามึงเห็นกูเป็นอะไร”เบนซ์เอ่ยทั้งที่ปล่อยโฮออกมา ซีดึงเพื่อนเข้าไปสวมกอดก่อนจะเอ่ยขึ้น
“โอ๋ๆๆมึง กูขอโทษอยู่นี่ไง อย่าร้องดิว่ะกูรู้สึกผิดนะมึง”ซีเอ่ยขึ้น เบนซ์เองก็เอาแต่ร้องไห้ที่อกของซีจนหมอไวท์เดินเข้ามาและสะกิดซีเบาๆ
“แก้มยุ้ย...”ซีเงยหน้ามองใบหน้าที่ดูไม่พอใจของหมอไวท์ก่อนจะรู้สึกได้ว่าซีกอดเพื่อนสาวตัวเองนานไปแล้ว
“น้องเบนซ์คะ พี่หมอกับแก้มยุ้ยต้องขอโทษน้องเบนซ์ด้วยนะที่ไม่ได้บอกว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน”หมอไวท์เอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวลจนเบนซ์นึกเสียดาย แต่ทำยังไงได้ก็เธอเป็นผู้หญิงมั่นนี่ แค่ผู้ชายที่แอบรักไม่ได้รักเราก็ไม่ได้เสียใจมากเท่าไหร่
“ที่เบนซ์ร้องไห้อ่ะ คือดีใจต่างหากที่ไอ้อ้วนมันมีผัวสักที มันจะได้เลิกตัวติดเบนซ์และเบนซ์จะได้หาแฟนสักทีต่างหากหล่ะ ฮื้อๆๆ”หญิงสาวเอ่ยทั้งน้ำตาและหัวเราะออกมาทั้งน้ำตาเช่นกัน
“ไอ้บ้า...”ซีเอ่ยว่าเพื่อนก่อนจะหัวเราะออกมาเช่นกัน
เสียงหัวเราะบังเกิดขึ้นในห้องครั้งแล้วครั้งเล่า จนเวลาผ่านไปหลังจากที่ทานข้าวเรียบร้อยก็ขอตัวกลับแต่ยังมิวายที่จะเหน็บเพื่อนรักของตัวเอง
“มีผัวแล้วนะมึง อย่ามาสวยแข่งกับกูนะ”
“ไอ้บ้า สวยอะไรมึง”
“พี่หมอคะ ฝากเพื่อนเบนซ์ด้วยนะคะ ถึงแม้นไอ้อ้วนมันจะหล่อก็ไม่หล่อ น่ารักก็ไม่น่ารักแถมอ้วนหน่อยๆแต่มันก็เป็นคนดีนะคะ แต่อย่าตามใจมันมากนะคะ”เบนซ์เอ่ยขึ้น
“คะ พี่จะดูแลเพื่อนน้องเบนซ์เป็นอย่างดี ขับรถกลับดีๆนะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาส่งเบนซ์ข้างล่างคอนโด
“ขอบคุณคะ...เจอกันที่มหาลัยนะ”เบนซ์เอ่ยกับหมอไวท์ก่อนจะหันไปบอกเพื่อนรัก
“เอ่อ ขับรถดีๆนะ”ซีเอ่ยบอกเพื่อนก่อนจะโบกมือบ๊ายบาย เบนซ์ขับรถออกไปสุดสายตาหมอไวท์ก็หันมาทางซีที่ตอนนี้โล่งใจไปมากที่ได้บอกเบนซ์ไป
“สบายใจแล้วหล่ะสิ”หมอไวท์เอ่ยพร้อมโอบไหล่ซีเพื่อเดินขึ้นคอนโดไป
“ครับ”ซีเอ่ยพร้อมยกยิ้มออกมา หัวกลมซบที่ไหล่หมอไวท์เล็กน้อยก่อนจะเดินตามกันไป
...
..
หมอไวท์พาซีมาถึงบ้านใหญ่ช่วงเย็นเห็นรถของพี่ชายคนโตและน้องๆจอดอยู่แล้ว จึงขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะเรื่องที่ได้ยินมาจากพี่ชายคนรองนั้นมันยากจะเข้าใจได้ว่าทำไมเรื่องแบบนี้ถึงต้องมาเกิดกับน้องชายคนถัดมาของเขา
“เรื่องใหญ่เลยหรอครับพี่หมอ”ซีเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาเห็นทุกคนอยู่ครบด้วยใบหน้าที่ดูตึงๆ
“ซีไปหารอยด์ก่อนไป เดี๋ยวพี่ขอเคลียกับพี่น้องแปบนะ”หมอไวท์เอ่ยขึ้น ซีเองก็ว่าง่ายเดินไปห้องเตรียมอาหารไม่แปลกที่ซีจะเข้าออกบ้านนี้ปกติ เพราะทั้งสองเปิดตัวกับทั้งสองบ้านนานแล้ว
“สวัสดีครับคุณนิล รอยด์มีอะไรให้ช่วยไหม”ซีเอ่ยทักทายทั้งสองที่กำลังง่วนกับการจัดอาหารมื้อค่ำ
“สวัสดีครับพี่ซี มานานยังครับ”รอยด์เอ่ยทักทาย
“สวัสดีครับคุณซี”นิลกาฬเอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มออกมา
“เพิ่งมาครับ แต่ว่าพอจะรู้ไหมครับว่าในห้องใหญ่มีเรื่องเครียดอะไรกัน”ซีเอ่ยถาม รอยด์มองไปยังน้าของตัวเองเป็นเชิงโยนคำถามให้
“อ่อ คุณกรีนมีเรื่องนิดหน่อยครับ”นิลกาฬเอ่ยขึ้นเพียงแค่นั้น ยิ่งทำให้ซียิ่งอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“คะ...คือมีเรื่อง แล้วเรื่องที่ว่าคือเรื่องอะไรครับ คุณนิลพอจะบอกได้ไหม”ซีเอ่ยขึ้น รอยยิ้มของซีทำให้นิลกาฬเองพอจะเข้าใจว่าที่ย้ำถามคือซีอยากรู้เรื่องมากกว่านี้
ทางด้านห้องโถงใหญ่ตอนนี้พี่น้องทั้งหมดกำลังนั่งอยู่พร้อมหน้าด้วยใบหน้าที่ดูตึงเครียด อนาคินที่เป็นพี่ชายคนโตนั่งมองไปยังน้องชายคนที่สี่ที่ตอนนี้นั่งนิ่งมานานแล้วนับจากลับมาจากสนามบิน
“กรีนพอจะบอกเฮียได้หรือยังว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไอ้ระยำนั่นมันทำอะไรแกบอเฮียมาเดี๋ยวนี้”อนาคินเอ่ยถามน้องชายด้วยน้ำเสียงเข้มและนี่คือนี้เสียงที่ทุกคนในบ้านรู้ดีว่าอนาคินกำลังโมโห
“เฮีย อย่าคั้นอะไรเจ้ากรีนมากนักเลยครับ ไหนๆไอ้ผู้จัดการนั้นมันก็ถูกจับแล้ว”เกรย์เอ่ยขึ้นบอกพี่ชายตัวเอง
“ใช่ครับเฮีย ไหนๆเฮียกรีนก็ไม่ได้เสียหายอะไรและก็ปลอดภัยทุกอย่างเราควรจะดีใจมากกว่าโกรธนะครับ”บลูเอ่ยบอกพี่ชายคนโต
“ดีนะครับที่คุณกูรมาช่วยไว้ทัน ไม่งั้นนะ...”หมอไวท์เอ่ยขึ้นทิ้งไว้ยังไม่ทันที่จะเอ่ยต่อเสียงของแขกคนสำคัฐของบ้านหลักนี้ก็เดินเข้ามา
“ขอโทษนะครับ ผมมารบกวนหรือเปล่า”เสียงนุ่มของชยางกูรเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาและเห็นความตึงเครียดของคนในบ้าน
“อ่อ คุณกูรมาแล้วหรอเชิญครับ”อนาคินเอ่ยขึ้นทุกคนยกยิ้มยินดีที่ชยางกูรมาเป็นแขกพิเศษของบ้านนี้ยกเว้นกรีนที่เอ่ยปากบอกตั้งแต่แรกว่าไม่ชอบชยางกูร แต่ตอนนี้สายตากลับหมองลง กรีนรีบหลบสายตาทันที
“ถ้าคุณกูรมาแล้ว เราไปที่โต๊ะอาหารดีกว่า”อนาคินเอ่ยขึ้น ทุกคนพากันเดินมาที่โต๊ะอาหารที่ตอนนี้อาหารถูกวางขึ้นโต๊ะเรียบร้อย
“เชิญครับ”เสียงหวานของซ้อคนโตของบ้านที่ยืนยิ้มหวานอยู่ไม่ต่างกับรอยยิ้มสดใสของรอยด์ที่ยืนข้างๆ แต่ช่างแตกต่างกับอีกคนนัก ทันทีที่ซีได้เห็นชยางกูรก็นิ่งไปทันทีและก็ไม่ต่างกับชยางกูรเช่นกันที่สายตาจัลจ้องไปยังซีทำให้หมอไวท์เองนึกฉุนเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปโอบไหล่ของซีและเดินเข้ามาเพื่อแนะนำให้ชยางกูรรู้จัก
“คุณกูรครับ นี่ซีแฟนผมเอง ซีนี่คุณกูรโปรดิวเซอร์โปรเจคของบริษัทและอนาคตก็จะมาเป็นผู้จัดการของกรีน”หมอไวท์เอ่ยขึ้นแม้น้ำเสียงจะนิ่งๆและสุภาพแต่ท่าทางของหมอกลับผิดจากเดิมที่ท่าทางแสดงความเป็นเจ้าของอย่างขัดเจน
“สวัสดีครับ”ซีเอ่ยพร้อมยกมือสวัสดี ชยางกูรยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น
“สวัสดีครับ น้องซี”เพียงเอ่ยประโยคแค่นี้ก็ทำให้มีคำถามมากมายในหัวของหมอไวท์
ชยางกูรเองก็เล่าเรื่องที่เขารู้จักซีมาก่อน ยิ่งทำให้อาการของหมอไวท์ยิ่งนั่งแทบไม่ติด อยากจะคุยกับคนแก้มยุ้ยเหลือเกิน
“ขึ้นห้องแล้วช่วยเล่าให้พี่หมอฟังให้หมดเปลือกเลยนะ”น้ำเสียงแม้จะเรียบๆแต่มันก็ทำให้ซีหน้าสันหลังทันที
“ทานแกงหน่อยนะครับ”อยู่ๆเสียงของชยางกูรก็ดังขึ้นพร้อมช้อนที่กำลังตักแกงใส่จานข้าวของซี ทำให้หมอไวท์ยิ่งไม่พอใจมากขึ้น
“แก้มยุ้ยไม่กินของเผ็ดครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ”หมอไวท์เอ่ยขึ้นก่อนจะเขี่ยยแกงไปที่ขอบจาน ซีทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียวเพราะไม่ค่อยเห็นโมเม้นหมอไวท์หึงแรงแบบนี้แต่ซีก็ชอบ
“หึ เห็นเงียบๆเวลาหึงนี่ก็ร้ายใช่เล่นนะเฮีย”เสียงเล็กของน้องชายคนเล็กของบ้านเอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มหวานออกมาเป็นเชิงแซวพี่ชายตัวเอง ทุกคนต่างพากันยกยิ้มออกมาแต่ต่างจากอีกมุมหนึ่งของโต๊ะที่ช่างเงียบเหลือเกิน
เวลาอาหารผ่านไปอย่างเชื่องช้าสำหรับคนบางคนและก็สำหรับคนบางคนที่คิดว่ามันเร็วเหลือเกินที่ได้เจอกัน ชยางกูรกลับไปแล้ว ทุกคนต่างพากันขึ้นห้องนอนของตัวเอง เช่นเดียวกับหมอไวท์และซีที่พากันขึ้นห้อง และทันทีที่เข้าห้องได้ร่างของซีก็ถูกพามาที่เตียงทันที
หมับ!
ปึก!
“อ๊ะ!...พี่หมอ เค้าเจ็บนะ”เวียงซีเอ่ยขึ้นปากบอกเจ็บแต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มออกมาเมื่อหมอไวท์ดึงมาสวมกอดแน่นพร้อมกดจมูกที่แก้มยุ้ยของซีเน้นๆ
ฟอดดดดด
“เข้าห้องหมอนั่นมาแล้วทำไมไม่บอกพี่หมอสักคำ”หมอไวท์เอ่ย
“เค้าขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอก ที่เค้าไม่อยากบอกเค้าคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่สำคัญ จึงไม่ได้บอกพี่หมอ”ซีเอ่ยขึ้น เขาพูดเรื่องจริง เพราะเรื่องของชยางกูรซีไม่ได้คิดว่าสำคัญสำหรับเขานัก ก็แค่คนที่รู้จักกันเท่านั้น หมอไวท์เองก็ไม่ได้โกระซีแม้แต่น้อยแต่โมโหที่ชยางกูรทำเหมือนว่าอยากจะจีบซีและอยากจะได้ซีผู้ชายที่เขาเรียกว่าความรักและก็เป็นความรักสีขาวที่เขามอบให้ผู้ชายแก้มยุ้ยคนนี้
“อ่าห์...แก้มยุ้ยเป็นของพี่หมอ ไอ้บ้านั่นมันชอบซีใครๆก็ดูออก”หมอไวท์เอ่ยขึ้นทั้งๆที่ตอนนี้กำลังซุกไซร้ไปทั่วซอกคอขาวนั้นอยู่
“อื่อ...แล้วไงครับ อ่าห์ เค้าไม่ได้ไปชอบพี่กูรสักหน่อยนี่...”เสียงครางหวานหูครางออกมา สองมือจิกที่กลุ่มผมดกดำของหมอไวท์ ใบหน้าหล่อเหลากำลังเลื่อนต่ำลงมาที่จุดท้องน้อย
“ก็ลองชอบดูสิ พี่หมอจับขังแน่ๆ พี่หมอหวงนะครับรู้ไหม”หมอไวท์เอ่ยออกมา คำบางคำแม้ไม่ใช่คำหวานหูแค่เป็นคำที่ทำให้เราพอใจมันก็ทำให้เรามีความสุขได้เช่นกันขอให้ความสุขของเราบังเกิดจากคนที่เรารักความรักของเรามันก็จะกลายเป็นความรักสีขาวโดยปริยาย
เสียงครางหวานหูที่ครางออกมา ไม่รู้ว่าดังมาจากทิศทางไหนแต่มันทำให้อีกห้องหนึ่งกำลังปล่อยน้ำตาออกมา สองมือกอดเข่าตัวเองแน่นเงามืดของร่างที่สั่นเทา น้ำตาของความรู้สึกเดียวดายกำลังแล่นเข้ามา สายตาของผู้ชายคนนั้นช่างน่ารังเกียจนัก
“หึๆ ดูถูกกันนักทำไมไม่ปล่อยให้ฉัน....ไอ้บ้า! ฮื้อๆๆ”เสียงสะอื้นออกมา ใบหน้าฟุบที่เข่าตัวเอง มุมหนึ่งของห้องนอนกว้างตอนนี้มืดสนิทมองไม่ออกว่าห้องนี้แต่แต้มด้วยสีเขียว
ทางด้านหนึ่งของกรุงเทพยามราตรี รถคันสวยกำลังแล่นสู่ท้องถนนที่ยังคงมีผู้คนมากมายสัญจรอยู่ แม้จะดึกมากแล้วก็ตาม
ฟู่วววววว
“นี่สินะ รักแรกพบที่มันจบทั้งๆที่ยังไม่ได้รัก”ควันสีขาวอมเทาที่พ่นออกมาจากริมฝีปาก พร้อมคำสบถกับตัวเองที่พบกับรักที่เขาเรียกว่าแรกพบ แต่มันเพิ่งจบไปทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มจะรัก
........The End........
"คำโกหกแม้จะโกหกแต่โกหกเพราะอยากให้คนฟังได้รู้สึกดี"
[/b][/size]

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​ -The End-
«ตอบ #118 เมื่อ13-01-2018 23:13:31 »

ชอบเรื้องเกรย์ สายเมียเด็ก 555555 เอะอะฟิตๆๆ

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​ -The End-
«ตอบ #119 เมื่อ14-01-2018 09:47:15 »

มาลงให้แล้วนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด