LOVE LEADER เชียร์รักให้ลงล็อค (โลกของหนุ่มๆเชียร์ลีดเดอร์สุดฮอต) จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: LOVE LEADER เชียร์รักให้ลงล็อค (โลกของหนุ่มๆเชียร์ลีดเดอร์สุดฮอต) จบแล้ว  (อ่าน 34769 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​ตอนที่ 36 : เรื่องที่ขอและเรื่องที่บังคับ







"​บุ๋น.... ​บุ๋น  เห้ย! ไอ้บุ๋น"

"ห๊? อะไร เรียกทำไมวะ"

"สรุปว่าจะทำไร ที่ประชุมรอคำตอบอยู่"

"ทำ.... ทำอะไรวะ?"

"​นี่มึงไม่ได้ฟังเลยรึไงวะ​" ไอ้ตองรีบกระซิบกับผม เพราะมันนั่งติดกับผมที่สุด "​มึงเป็นไรวะ นอนน้อยเหรอ หรือไม่สบาย​"

"​โทษทีๆ​" ผมตบหน้าตัวเองเบาๆสองสามทีเพื่อเรียกสติ "ขอโทษทีเพื่อนๆ ขออีกรอบนึงได้ไหม"

หนิงถอนหายใจให้กับความไม่ใส่ใจของผม เธอเป็นคนเอาจริงเอาจังกับการทำงานมาก และที่สำคัญเธอเพิ่งจะไปประชุมกับฝ่ายบริหารแทนผมที่ไม่สามารถไปได้ เพราะ.... ช่างมันเถอะ

"เรามีงบสำหรับจัดกิจกรรมคัดตัวลีดมอสองกิจกรรม ภายในมหาลัยหนึ่งงานและไปนอกสถานที่อีกหนึ่งงาน บุ๋นอยากจะทำอะไร"

"แล้วคนอื่นๆว่าไงกันอ่ะ" ผมหันไปถามเพื่อนลีดมหาลัยที่นั่งประชุมอยู่ด้วยกัน

"คนอื่นๆอะไรล่ะบุ๋น" หนิงเริ่มหงุดหงิดกับคำตอบของผม "บุ๋นเป็นตัวแทนของคณะวิทย์นะ คณะบุ๋นชนะสปีริทในปีนี้ จำได้ไหม ทุกคนต้องให้บุ๋นเสนอความคิดก่อน.... ว่าไง? เรามีเวลาแค่เดือนเดียวนะ ลีดมหาลัยก็หายไปคนนึง ​มีใครรู้บ้างไหมว่าแอมหายไปไหน อย่างน้อยแอมก็มาจากคณะวิทย์เหมือนกัน น่าจะพอช่วยอะไรได้บ้าง"

ผมนั่งเงียบอีกครั้ง ไม่รู้สึกเลยว่าอยากจะกระตือรือร้นทำอะไรเลย จนกระทั่งหนิงทำหน้าว่าเธอต้องการคำตอบจริงๆจังๆจากผม

"ก็... เราก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย" ไม่รู้ว่าผมคิดอะไรถึงได้พูดออกไปทั้งอย่างนั้น

"บุ๋น นี่บุ๋นเข้าใจความสำคัญของงาน Power Cheer ไหม ทั้งอธิการบดี ทั้งฝ่ายกิจการนิสิต แล้วก็สมาคมศิษย์เก่า ทุ่มเงินไม่ใช่น้อยๆนะสำหรับงานนี้ เราต้องรีบจัดกิจกรรมเพื่อคัดเลือกตัวแทนลีดมหาลัยรุ่นใหม่จากเด็กเป็นร้อยๆ บุ๋นจะตอบแค่ว่ายังไม่ได้คิดไม่ได้นะ..."

"......" แล้วจะให้กูตอบว่าไงวะ

"เราว่าไอ้บุ๋นมันก็คงคิดแหละ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ มันก็เลยยังคิดไม่ออก" ไอ้ตองแทรกขึ้นมา มันคงกำลังช่วยผมอยู่ "เรามาช่วยกันคิดดีกว่านะ แล้ว.... หนิงล่ะ มีไอเดียว่าไงบ้างหรือเปล่า พวกเราทุกคนอยากฟังความคิดของหนิงมากกว่า ถึงพวกเราจะไม่มีประธานกลุ่ม แต่ทุกคนรู้ดีว่าหนิงเป็นคนที่เหมาะกับหน้าที่หัวหน้าที่สุด"

"ก็..." มึงนี่เก่งเนาะไอ้ตอง จับจุดคนได้เก่งจริงๆ หนิงแทบจะเปลี่ยนสีหน้าทันทีเลย ดูภูมิอกภูมิใจในตัวเอง สงสัยจะได้เชื้อความฉลาดมาจากไอ้น้ำชา "ปีนี้มีอะไรแปลกใหม่เข้ามาเยอะ เด็กๆก็หน้าตาใช้ได้กันหลายคน จนกลายเป็นว่าไม่รู้จะเลือกใครดี เราว่าควรจะให้คนกลุ่มใหญ่มาช่วยเลือกด้วยดีไหม วัดจากคะแนนความนิยมกันไปเลย จัดกิจกรรมอะไรที่ให้คนนอกเข้ามามีส่วนร่วมด้วย แล้วก็ตัดเด็กออกสักครึ่งนึงก่อน อาจจะฟังดูโหดร้ายนะ แต่ถ้าคนเยอะขนาดนี้ พวกเราก็หาจุดโฟกัสกันไม่ได้พอดี"

"ไม่เลวนะ" ไอ้เก้อ เพื่อนลีดจากคณะเกษตรเห็นด้วย "ปกติทุกปีรุ่นพี่เลือกรุ่นน้องกันเอง เราว่ามันไม่ค่อยเวิร์คแล้วอ่ะ ดูอย่างปีนี้ดิ น้องน้ำชาที่อยู่คณะวิทย์ก็ไม่ถูกพวกเราปั๊มตรายางให้เลยซักคน แต่กลายเป็นว่าน้องดังที่สุด ดังกว่าพวกเราบางคนอีก ดีนะที่พี่ท๊อปเห็นแวว เราเห็นด้วยกับความคิดนี้นะ"

ทำไมต้องพูดชื่อของมันขึ้นมาด้วยวะ กูจะลืมไปได้อยู่แล้วเชียว

"เราก็เห็นด้วย" "เหมือนกันๆ" "ดีนะ"

"ว่าไงบุ๋น เห็นด้วยไหม" หนิงหันมาถามผม

"เอาซิ" ผมตอบห้วนๆ "แล้วจะจัดกิจกรรมอะไรล่ะ"

"เอาเป็น....." หนิงคุ้นคิด ดูเหมือนเธอจะเป็นผู้นำหลักจริงๆไปแล้ว แต่แค่ถามคำยืนยันจากผมเท่านั้นเอง ซึ่งก็ดีแล้วล่ะ ผมเองก็ไม่มีอารมณ์จะคิดอะไรเหมือนกัน "ทำคลิปแนะนำตัวเองสั้นๆแล้วก็โชว์เต้นไปในคราวเดียวกันเลยดีไหม ใช้เพลงที่จะต้องเต้นจริงในวันโชว์ เราก็จะได้ถือโอกาสสอนท่าเต้นให้น้องพร้อมกับคัดตัวไปด้วยเลย ไม่เสียเวลา"

"แล้วก็นับคะแนนโหวตจากยอดไลค์ยอดแชร์ในเฟสบุ๊ค ก็ดีเหมือนกันนะ" คนอื่นๆเริ่มมีไอเดียมาเพิ่มเติม

"งั้นเราก็ให้พี่นิคมาช่วยทำคลิปให้ด้วยดีไหม พี่เค้าคงชอบใจที่ไม่ต้องมาให้คะแนนเด็กเป็นร้อยๆเหมือนทุกปี"

"ฟังดูลงตัวดีนะ งั้น... บุ๋นจะขึ้นไปคุยเรื่องนี้กับพี่ชมพู่เองไหม หรือจะให้เราไปพูดให้"

"หนิงจัดการเลย" ผมตอบทันที "เราขอเป็นผู้ช่วยดีกว่า"

"งั้นก็ได้... เอาเป็นว่าเราจะไปประสานงานให้เอง ส่วนคนอื่นๆก็ไปช่วยกันเลือกเพลงที่จะใช้สอนน้องนะ อ่อ แล้วก็ตอง เรารบกวนเอาเอกสารนี่ไปที่โดมรวมใจหน่อยซิ เป็นแนวทางจากที่ประชุมที่เราไปประชุมมา ทางสแตนเชียร์จะได้รู้ว่าสิ่งที่มหาลัยอยากได้ในปีนี้มีอะไรบ้าง วานหน่อยนะ"

"ไม่มีปัญหา" ไอ้ตองรับเอกสารมา

"งั้นเราก็แยกย้ายไปทำงานได้แล้ว ขอคำตอบในไลน์กลุ่มคืนนี้นะทุกคน พรุ่งนี้เราจะได้ปล่อยท่าเต้นให้น้องๆเลย เก้อๆๆ ทำเรื่องขอใช้หอประชุมให้ด้วยซิ พรุ่งนี้ว่าจะนัดปีหนึ่งไปซ้อมที่นั่น...​"



"เห้ยไอ้บุ๋น มึงโอเคไหมวะ" ไอ้ตองเดินเข้ามาหาผมทันทีที่ทุกคนแยกย้ายออกจากห้องประชุม

"กูไม่เป็นไรอ่ะ มึงไปทำธุระเหอะ" กูไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้

ตั้งแต่เมื่อวานที่เจอพี่ท๊อปครั้งสุดท้าย ผมก็โดนพูดใส่หน้าด้วยคำพูดอะไรก็ไม่รู้ จนตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจความหมายของไอ้บ้านั่นเลย แล้วมันธุระกงการอะไรของผมล่ะที่จะไปตามง้อสิ่งที่ผมไม่ได้ทำผิด ที่สำคัญเหมือนมันจะบล็อกเบอร์โทรศัพท์ของผมไปแล้วด้วยซ้ำ

"มึงแน่ใจนะ" มึงจะถามย้ำอะไรกูนักหนาวะ กูไม่ตายหรอก "นี่ไม่ใช่มึงเลยนะ วันก่อนยังคุยอยู่เลยว่าเป็นแชมป์ พอมาวันนี้มึงไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลย"

"เออ ก็กูบอกว่าไม่เป็นไรไง กูจะลงไปช่วยเค้าเลือกเพลงแล้ว"

"สภาพมึงตอนนี้ไปช่วยอะไรเค้าไม่ได้หรอก ไปกับกูดีกว่า ไปๆ"

"ไม่ไป..."

"มาเหอะ เร็ว"

เอ๊า ยังจะลากกูลงมาอีก



"อ้าวพี่บุ๋น หวัดดีพี่" หึ? ไอ้น้ำชา

"มาทำไรที่ตึกลีดวะไอ้น้ำชา วันนี้เค้าไม่ได้นัดนิ เค้าให้พักไม่รู้จักพักนะมึงอ่ะ"

แล้วไอ้น้ำชาก็ชี้ไปที่ไอ้ตอง อ้อ โดนไอ้ตองลากมาละซิ

"แล้วจะไปไหนกันเหรอ"

"พี่ต้องเอาเอกสารประชุมไปให้ฝ่ายสแตนอ่ะ ไปกันเถอะ" ไอ้ตองตอบแฟนมัน

ไม่รู้ไอ้ตองมันจะลากผมไปด้วยทำไม ให้ผมมาดูมันกับแฟนกุ๊กกิ๊กๆกันหรือไง



พอมาถึงโดมรวมใจ พวกเราก็ลงจากรถยนต์พร้อมกับได้ยินเสียงสแตนเชียร์ร้องเพลงกันเสียงดัง



"ไอ้ชาเย็น"

มีเสียงคนเรียก

นั่นมันไอ้ต้อมนี่หว่า มันมาวนเวียนอะไรแถวโดมวะ

"พี่ตอง พี่บุ๋น หวัดดีพี่ มาทำไรกันอ่ะ"

"มาทำงานอะดิ กูเป็นลีดมหาลัยนะ มึงนั่นแหละมาทำอะไร" ไอ้ตองถามกลับ

"ผมมารอน้ำขิงอะพี่" นี่ก็สวีทกันอีกคู่แล้ว พวกมึงช่วยทำตัวเป็นโสดกันซักนาทีนึงได้ไหมวะ ต้องมาคอยเฝ้า คอยตามรับตามส่ง ไปกินข้าวด้วยกัน ​ไร้สาระ

​"อ่อ จะเข้าไปข้างในกับพวกกูไหม กูจะเอาเอกสารไปให้คนคุมสแตน"

"ไปดิพี่ ผมก็กำลังจะเข้าไปพอดี ข้างในกำลังจะพักเบรก พวกพี่เชียร์ประกาศเมื่อกี๊"

"อ้าวเหรอ โอเค เข้าไปกันเหอะ"



แล้วก็จริงอย่างที่ไอ้ต้อมว่า ทันทีที่เข้าไปข้างในโดม เด็กปีหนึ่งก็ได้รับอนุญาตให้พักคั่นเวลา จึงมีความวุ่นวายเกิดขึ้นเล็กน้อย



"แกๆนั่นมันพวก Love Leader ไม่ใช่เหรอ" "มึง!นายแบบปฏิทินมากันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยว่ะ" "พี่ตองน้องน้ำชาอ่ะแก ดูดิ" "พี่บุ๋นกับต้อมก็มา"

เอาแล้วไง

กลายเป็นจุดสนใจเลยกู

ตั้งแต่ที่ทุกคนรู้ว่าผมไปถ่ายปฏิทินของ T-Queen World Wide มา ก็เจอกับสถานการณ์แบบนี้ตลอด



"นี่น้ำครับ เหนื่อยไหม" ไอ้ต้อมก็ขยี้จัง เอาผ้าเอาน้ำมาเสิร์ฟไอ้น้ำขิงพร้อม ไม่ได้แคร์สายตาคนที่มองอยู่เลย

"ไม่เหนื่อยหรอก วันนี้ยังไม่ได้ซ้อมอะไรมาก ยังไม่รู้เลยว่าใครจะได้ขึ้นสแตนบ้าง เพราะนั่งได้แค่สองพันคน พี่เค้าก็เลยซ้อมเพลงให้ไปพลางๆก่อน" ไอ้น้ำขิงอธิบาย

อ๋อ นี่คือระบบของการซ้อมสแตนเชียร์เหรอ เพราะไม่เคยมาอยู่ตรงนี้ก็เลยไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้เลย



ไอ้ตองเดินไปคุยกับกลุ่มพี่เชียร์พร้อมยื่นซองเอกสารให้ และในระหว่างนั้น...



"ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ"

เอาจนได้

มีเด็กปีหนึ่งกลุ่มนึงเดินมาขอถ่ายรูปพวกผม

​เอ.....?

​เมื่อตรงนั้นก็มีคนโดนรุมล้อมอยู่ มีคนดังอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ



".........."

​ชิบหายละกู

​นั่นมันพี่ท๊อปนี่หว่า.... กูลืมไปได้ไงวะว่าพี่เค้าอยู่ที่นี่



"พี่ท๊อปคะ พี่ท๊อป รบกวนมาถ่ายรูปตรงนี้หน่อยได้ไหมคะ"

เห้ยยยย  ไปเรียกมันมาทำไม



"........"

ทันทีที่พี่ท๊อปรับรู้ถึงการมาถึงของผมก็แสดงท่าทีตกใจอย่างชัดเจน

​คิดว่ากูไม่ตกใจรึไง

​ผมไม่รู้ว่าจ้องหน้ากันอยู่นานแค่ไหน รู้แต่ว่าในที่สุดความอึดอัดมันก็บังคับให้ผมต้องเบือนหน้าหนี



"พี่ท๊อป ถ่ายรูปด้วยกันครับพี่" ไอ้น้ำชาเรียกด้วยน้ำเสียงแจ่มใส

"โอเคครับ"

​ที่แบบนี้ละรีบรับคำเชียวนะ ทีกับกูแม่ง....



ไอ้พี่ท๊อปเดินผ่านตัวของผมไปเสมือนว่าไม่มีผมอยู่ตรงนั้น ตรงดิ่งไปยังอีกด้าน แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเค้าไม่มีความปรารถนาที่จะอยู่ใกล้ๆผมเลย



"พี่ท๊อปคะ รบกวนมายืนข้างพี่บุ๋นได้ไหมคะ"

น้องครับ พี่รู้นะว่าน้องกำลังอินกับคู่จิ้นบ้าบออะไรของน้อง แต่น้องเดาสถานการณ์ไม่ออกเลยเหรอ

"......"

แล้วความเงียบก็เล่นงาน สายตาของผมจดจ้องไปที่พื้น หัวใจเต้นตุบๆอย่างกับว่าจะระเบิดออกมา ​เค้าจะมาไหมวะ



"ขอโทษนะครับ พี่มีธุระต้องไปทำต่อแล้ว ไว้ถ่ายรูปกันวันหลังนะ ขอตัวนะครับทุกคน"

"อ้าว! พี่ท๊.... อะไรของเค้าอ่ะ รีบขนาดนั้นเลย" ไอ้น้ำชาบ่น แต่ผมอ่ะเข้าใจดี



"งั้นถ่ายแค่นี้ก็ได้ค่ะ"

ผมได้แค่แสร้งยิ้มให้กล้องตามที่เคยทำมาอย่างคุ้นเคย



"ขอบคุณค่ะ"

เสร็จซะที กูจะปั้นหน้ายิ้มไม่ไหวแล้วนะ



"กลับเหอะ" ผมรีบออกปากชวน

"แป๊บนึงดิพี่ ผมอยากดูสแตนเค้าซ้อมกันอ่ะ ไม่เคยเห็นเลย" อะไรของมึงวะไอ้น้ำชา ดูหน้ากูหน่อยไหมว่ากูมีอารมณ์จะมาสนุกสนานหรือเปล่า

"จะดูอะไรวะ แค่คนนั่งร้องเพลง"

"แป๊บเดียวนะพี่ เนี๊ยๆ เค้าเรียกรวมแล้ว ผมขอห้านาที"

เรื่องของมึงเหอะ "พวกมึงจะทำไรกันก็ทำเหอะ กูไปรอข้างนอกนะ"

ตอนนี้ผมไม่รู้สึกยินดีอะไรทั้งนั้น แล้วก็ไม่รู้สึกอยากอยู่ในที่คนเยอะๆด้วย





"นี่มันคืออะไรอ่ะ​"

ใครวะ?

ผมเดินมาเรื่อยๆ กะว่าจะไปรอใกล้ๆทางออกแถวๆที่จอดรถ ก็มาได้ยินเหมือนเสียงคนทะเลาะกัน

พอค่อยๆแอบเหลือบไปมอง ก็เห็นต้นเหตุ

ไอ้พี่ท๊อปอีกแล้ว

กำลังคุยกับพี่ปิงปิง ท่าทางเคร่งเครียด อยู่ที่ลานจอดรถ

"นี่ชั้นนะที่เป็นคนถูกต่อว่า มีอย่างที่ไหนไปรับงานเองแบบนี้ แล้วปล่อยให้งานซ้อนกัน"

"โทษที ช่วงนี้เราเบลอๆ"

"มันไม่ใช่เรื่องนั้นท๊อป เธอเป็นอะไรอ่ะ อยู่ดีๆก็หันมารับงานเยอะแยะแบบนี้ แล้วดูงานหน่อยไหม ทำเย็นจนดึก ดึกจนเช้า ทำแบบนี้ทุกวัน ร่างกายมันจะรับไหวได้ไง"

"ช่างมันเหอะ เราอยากทำ"

"งานเอ็มซีเนี่ยนะ งานมอเตอร์ไบท์เนี่ยนะ เธอไปรับทำได้ยังไง เธอจะลดเกรดตัวเองลงมาทำไม ต้องให้ย้ำไหมว่าเธออยู่จุดไหนแล้ว ถ้าเธอลงมารับงานแบบนี้ ต่อไปลูกค้าก็ได้ใจกันหมด แล้วมันจะมีผลต่อชื่อเสียงของเธอเอง ไหนจะเอเจนซี่ที่เกาหลีอีก ถ้าเค้ารู้เรื่องนี้เข้า เค้าเอาเราสองคนตายเลยนะ"

"ก็ถ้าปิงปิงกลัวว่าจะต้องเดือดร้อนนักก็ไม่ต้องมาเป็นบัดดี้ของเราก็ได้นะ"

"อะไรนะท๊อป"

"ถ้าการมีเราอยู่ด้วยแล้วมันไปบังคับจิตใจเธอ ก็เลิกทำไปเหอะ"

"น... นี่ชั้นไม่คิดเลยนะว่าจะได้ยินท๊อปพูดแบบนี้ สองปีที่ผ่านมาเนีย คิดว่ามันง่ายใช่ไหม เธอคิดว่าการเป็นหนังหน้าไฟให้เธอ ยอมโดนด่าโดนว่าสารพัดมันสนุกนักเหรอ เธออาจจะคิดว่าชั้นง้อนะท๊อป ใช่ เธออาจจะเป็นคนดัง เธออาจจะมีงานมากพอที่จะทำให้บัดดี้ของเธอมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่เธอรู้ไว้นะว่าไม่มีเด็กคนไหนในมหาลัยนี้หรอกที่รับมือกับงานระดับนี้ได้ ไหนจะความเอาแต่ใจของเธออีก... ชั้นเคยซิ ทำไมชั้นจะไม่เคยพยายามหาคนใหม่ามาเป็นบัดดี้แทน แต่มันไม่มีใครเอา ชั้นยังทำอยู่เพราะอะไรรู้ไหม? เพราะว่าชั้นอยากได้เงินเหรอ? หรือเพราะชั้นอยากจะได้ใกล้ชิดกับคนดัง เปล่าเลย เพราะชั้นเป็นเพื่อนเธอไง ฉันถึงยังอดทนทำได้"

"......." อะไรวะ ทำไมพี่ท๊อปไม่พูดอะไรบ้างเลย นั่นพี่ปิงปิงเค้าท่าทางจะเอาจริงแล้วนะ

"พอกันที เชิญเธอทำไปเถอะ ทำทุกอย่างที่เธอต้องการ ต่อไปนี้ ไม่เอาอีกแล้ว จะไปรับงานกะปิน้ำปลาที่ไหนก็ไป เอาของพวกนี้ไปให้หมด แล้วก็บอกพีดีนิมด้วยนะว่าชั้นสมองเชื่อม พูดภาษาเกาหลีไม่เป็นอีกแล้ว ไม่ต้องโทรมาต่อว่าอะไรชั้นอีก บอกไปก็ได้ว่าชั้นมันโง่..."

​เป็นเรื่องแล้วไง

​พี่ปิงปิงยัดสมุดงานใส่มือพี่ท๊อปแล้วเดินปึงปังขึ้นรถ ก่อนจะขับรถออกไปอย่างไว กรวดหินดินทรายกระจายฟุ้งไปหมด





"ทำอะไรของพี่อ่ะ ทำไมไปไล่พี่ปิงปิงอย่างงั้น"

"........"

ชิบหายละกู นี่กูวิ่งออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ แถมยังไปตะโกนพูดกับไอ้พี่ท๊อปซะเสียงดังฟังชัด ลืมไปแล้วหรือไงว่าเค้าไม่ได้อยากคุยด้วย

"น... นั่นมัน... บัดดี๊ที่เก่งที่สุดในมหาลัยนะ ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นแหละ" ผมต้องรีบพูดแก้เก้อ ดีนะที่แถวนี้ไม่มีคนอยู่เลย ไม่งั้นได้เห็นผมทำหน้าเหวอไปแล้ว

"......." ไม่พูดเช่นเคย



​ตุ๊บ

​สมุดงานในมือไอ้พี่ท๊อปถูกทิ้งลงพื้น พร้อมกับที่เจ้าตัวกำลังจะเดินต่อไป ไม่มีหันมาเหลียวมองกูที่ยืนแหกปากอยู่ข้างหลังเลย



"เป็นบ้าอะไรของมึงวะ" ผมตะโกนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้คือความตั้งใจอย่างแท้จริง

"........." ก็ยังไม่พูดอะไรเหมือนเคย ถึงจะหยุดเดิน แต่ก็ยังไม่มีความสนใจอะไรกลับมาสักนิด

"พูดไรมั้งดิ อยู่ดีๆก็เป็นบ้าขึ้นมารึไง คนเค้าอุตส่าพูดด้วย" ตอนนี้ผมไม่แน่ใจในความรู้สึกตัวเองเลยว่ากำลังโกรธหรือกำลังลุ้นให้ไอ้คนที่หันหลังตอบอะไรผมบ้าง

"มีอะไรหรือเปล่า"

มีอะไรหรือเปล่าเนี่ยนะ มึงถามกูด้วยคำถามนี้อีกแล้วเหรอ

"ทำไมต้องมีอะไรด้วยวะ ทำไมต้องบล็อกเบอร์ ทำไมต้องทำเป็นเมิน คิดจะทำอะไรกันแน่วะ หรือว่ากำลังวางแผนทำอะไรอยู่ ไอ้น้ำชาคิดแผนให้ทำแบบนี้ใช่ไหม"

"มันไม่เกี่ยวอะไรกับน้ำชาหรอก"

"ไม่เกี่ยวแล้วมันคืออะไร มันใช่เรื่องเหรอมาทิ้งกันไว้ในร้านเหล้าอ่ะ มันควรไหมที่มาทำดีกับคนอื่นแล้วหายไปแบบนี้ ช่วยรับผิดชอบหน่อยได้ไหมวะ"

"........." เงียบอีกแล้ว  แต่...

นั่นมันหยิบอะไรออกมาจากกระเป๋ากางเกงวะ

​โทรศัพท์

​คืออะไรวะ



'แต่ทำไมกูต้องตอบรับวะ การที่พี่ท๊อปมาชอบกู แปลว่ากูต้องตอบตกลงเท่านั้นใช่ป่ะ กูไม่มีสิทธิ์เลือกเหรอวะ'

นั่นมันเสียงกูเองนี่หว่า เสียงที่อัดมาจากโทรศัพท์

อย่าบอกนะว่าไอ้คนตรงหน้าผมมันไปได้ยินที่ผมคุยกับไอ้ตองในห้องน้ำร้านเหล้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:10:07 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
(ต่อ Part 2)


"จะให้พี่ทนทำดีกับบุ๋นต่อไปเพื่ออะไร" นั่นคือคำอธิบายจากปากของไอ้พี่ท๊อปครั้งแรก หลังจากเกิดเรื่องขึ้น "ถ้าอยู่กับพี่แล้วลำบากใจ พี่ก็ถอยออกมาแล้วนี่ไง จะมาพูดให้ความหวังอะไรกับพี่อีก"

นี่มันตีความแบบไหนของมันวะ นั่นมันคำพูดตอนเมานะเว้ย ที่สำคัญมันก็ไม่ได้แปลว่ากูจะให้มึงเลิกล้มความพยายามซะหน่อย

"นั่นมัน..."

"พี่ขอตัวนะครับ" อะไรวะ ไม่คิดจะฟังอะไรเลยหรือไง ไหนมึงบอกว่าชอบกูนักไง ถ้าจะถอดใจเร็วขนาดนี้ มึงจะสู้อุตส่ามาทำอะไรมากมายเพื่ออะไร

"เดี๋ยวก่อน" ถ้ามึงคิดจะไปจริงๆ ก็เอาของของมึงไปด้วย



​​ตุ๊บ

​ไอ้บรรลัยใส้เอ๊ยยยย

ครั้งนี้ไม่ใช่สมุดจดงาน แต่เป็นตัวผมเองที่ล้มลงไปกองกับพื้น

​สะดุดอะไรวะ

​นี่อะไรเนีย ผมพยายามเพ็งงมอง อ้อ ปูนกั้นล้อรถยนต์



"อ๊ะ!!!"

อะไรอีกวะ ผมพยายามจะลุกขึ้น แต่เพิ่งจะมารู้สึกตัวว่าล้มลงไปแรงจนเหมือนจะมีแผลที่มือและแขน ก็แหงหละ พื้นกรวดทั้งนั้น ​เจ็บชิบ



"บุ๋น! บุ๋น เป็นอะไรไหม"

"ไม่ต้องมายุ่ง" มึงคิดจะไปแล้วก็ไม่ต้องมาสนใจอะไรกูทั้งนั้น ไม่ต้องพยายามมาพยุงกูด้วย เจ็บแค่นี้ กูไม่ตายหรอก "เอาแว่นตาของมึงคืนไปด้วย แล้วจะไปไหนก็ไป"

"ใส่ไว้เถอะน่า เดี๋ยวก็สะดุดล้มอีกหรอก แล้วไหน...พี่ดูแผลหน่อย"

"บอกว่าไม่ต้องยุ่งไง... อะนี่ไง กูลุกขึ้นได้แล้ว เอาของๆมึงคืนไป" ผมยัดแว่นตาใส่มือไอ้คนตรงหน้า เหมือนกับที่มันเพิ่งจะโดนผู้จัดการส่วนตัวยัดสมุดงานคืนให้เมื่อกี๊นั่นแหละ คนไม่สนใจความรู้สึกคนอื่นแบบมึง สมควรโดนแบบนี้แล้ว

แต่เจ็บชิบหายเลย รีบกลับไปหาไอ้ตองดีกว่า



​แจ๊ะ!!!!!!!!!!!!

​เชี่ยไรอีกเนี่ยยยยยยยยยยย

เพิ่งจะหันหลังกลับมาได้ไม่กี่ก้าว ก็เหยียบโดนอะไรไม่รู้ เปียกๆเหนียวๆเหม็นๆ แถมยังกระเด็นขึ้นมาโดนตัวด้วย



"ถอยกลับมานี่เลย" ยังจะมายุ่งกับกูอีก แม่ง โกรธก็พอแรงอยู่แล้ว แถมยังจะอายอีกกู "นี่มันน้ำมันเครื่องเก่าของเครื่องตัดหญ้า มันสกปรกรู้ไหม แล้วถ้าโดนแผลขึ้นมาจะทำไง ไหน? ให้พี่ดูแผลก่อน"

"ไม่ต้องยุ่ง! ต้องให้พูดอีกกี่รอบห๊ะ กูจะเดินไปให้งูฉกตายมันก็เรื่องของกู ปล่อย..."

"งั้นก็สวมแว่นตาก่อน นะ.. พี่ขอร้อง"

"ยังจะกล้าขออะไรอีกเหรอ" คราวนี้แหละกูของขึ้นจริงๆแล้ว ผมหันกลับไปผลักอกของไอ้คนต้นเหตุโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น จะเจ็บจะเปื้อนก็ช่างหัวมัน ถ้าไม่ได้ด่าไอ้คนตรงหน้า วันนี้คงนอนไม่หลับ "กล้าพูดออกมาได้ไง ไหนมึงเคยขอโอกาสจากกูใหม่อีกทีไง แล้วไม่เห็นจะทำได้อย่างที่ขอเลย ไม่รักษาคำพูดแล้วยังจะกล้าขอร้องอะไรอีก.... จะไปไหนก็ไป นี่ไง กูไล่แล้ว เคยพูดไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ไปไหนจนกว่าจะไล่ ได้ยินไหม กูไล่มึงแล้ว จะไปไหนก็ไป... ​อ๊ะส์" แผลแค่นี้มันจะมาเจ็บอะไรนักหนาวะ เห็นไหมว่ากูกำลังโมโหอยู่

"จะโกรธพี่ก็ได้นะ แต่สวมแว่นก่อน แล้วก็อย่าเพิ่งขยับมาก ให้พี่ดูแผลให้ก่อน เหมือนแผลจะมีเศษหินติดอยู่นะ"

"ไม่ได้ยินรึไงวะ..."

"พี่บอกให้นิ่งๆไง"

"......." นี่กูโกรธมึงอยู่นะ ทำไมต้องมาตะคอกใส่ด้วยวะ

"แผลโดนน้ำมันเครื่องจริงๆด้วย มีเศษหินเข้าไป ต้องรีบไปล้างแผลก่อน อะนี่ สวมแว่นซะ"

ไม่ใช่ธุระกงการอะไรที่กูจะต้องทำตามที่มึงสั่ง

"​ไม่ได้ยินเหรอ บอกให้สวมแว่นไง"

"......." 

คราวนี้ไอ้คนที่อยู่ดีๆก็บ้าขึ้นมา ก็เอาแว่นตามาสวมให้ผมโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าผมเพิ่งจะด่ามันไป

"ยืนอยู่ตรงนี้นะอย่าไปไหน... อย่าให้พี่ต้องพูดอีกรอบนะ อย่าไปไหน"

อะไรของมันวะ

แล้วกูเป็นไรเนีย ทำไมต้องทำตามที่มันบอกด้วย แต่ไม่ทันจะได้ตัดสินใจทำอะไรต่อ รถยนต์ของไอ้บ้านี่ก็มาจอดอยู่ตรงหน้าแล้ว แถมยังลงรถมาเปิดประตูรถให้เสร็จสับ

"ขึ้นรถ"

"ไม่!" อย่าคิดว่ากูจะยอมทำตามตลอดนะ "โอ๊ย เจ็บนะเว้ย" มันพยายามลากผมขึ้นไปนั่งบนรถให้ได้ จะเอาแต่ใจอะไรนักหนาวะ คนยิ่งเจ็บๆอยู่

"เจ็บก็ขึ้นรถดิ.... จะเข้าไปนั่งดีๆไหม"

แม่งเอ๊ย

ถ้ากูไม่เจ็บนะ กูจะต่อยแม่งตรงนี้แหละ แต่ถ้าไม่ทำตามมันบอกตอนนี้ กูอาจจะโดนต่อยซะเอง



ผมนั่งรถออกมาจากมหาลัยทั้งสภาพนั้น มือกับแขนก็เจ็บ ตัวก็เลอะน้ำมันเครื่อง จังหวะนรกสัดๆ แต่แทนที่ไอ้คนขับรถมันจะพาผมไปหาหมอ มันกลับพาผมมาบ้านแทน

หมายถึงหอพักของผมนั่นแหละ ผมเช่าบ้านหลังเล็กๆอยู่หลังมหาลัย เพราะพ่อกับแม่บังคับ พวกท่านไม่ชอบนอนเบียด ก็เลยสั่งให้ผมเช่าบ้านแทนที่จะเป็นห้องพัก เวลาที่บ้านมาเยี่ยมจะได้มีที่นอนหลายๆที่ ไม่ต้องเบียดกัน

แต่ว่า.... มันจะพาผมกลับมาส่งบ้านทำไม นี่มันคิดจะเอาผมมาปล่อยไว้ในสภาพนี้เหรอ ยังไม่ทันจะได้โวยวายอะไรเลย ไอ้บ้าพี่ท๊อปก็ลงจากรถไปหยิบกุญแจจากใต้กระถางต้นไม้ออกมาเปิดประตูรั้วบ้าน ขับรถเข้าไปจอดหน้าตาเฉย

สาเหตุที่ไอ้พี่ท๊อปมันรู้ว่ากุญแจรั้วกับกุญแจบ้านซ่อนอยู่ตรงไหนก็เพราะเดือนที่แล้วมันมาคอยรับส่งผมตลอด ไม่ใช่แค่นั้นหรอก บ้านหลังนี้มันก็เคยเข้ามานั่งรออยู่บ่อยๆเหมือนกัน เห็นชอบเดินไปสำรวจตรงนั้นตรงนี้ คงรู้จักของในบ้านหมดแล้วแหละ รู้ดีกว่าผมอีกมั้ง



ตอนนี้ผมถูกพามานั่งในบ้านเช่าของตัวเอง ขี้เกียจจะเถียงอะไรแล้ว ก็เพราะผมเพิ่งจะมาสำนึกได้ว่าเจ็บแผลมากจริงๆ พอยิ่งได้สวมแว่นตาก็เลยยิ่งมองเห็นว่าไม่ใช่แค่แผลถลอกเล็กๆ แต่แผลยาวแล้วก็ค่อยข้างลึก มีเศษหินเข้าไปอย่างที่ได้ยินมาจริงๆด้วย ไหนจะเลอะน้ำมันเครื่องอีก ซวยชิบ



"เดี๋ยวพี่จะล้างแผลให้ก่อน แล้วค่อยไปอาบน้ำนะ"

ห๊ะ!!!!!!

เห้ยยยยยยยยยยย นั่นมันแอลกอฮอล์ล้างแผลนี่นา อุปกรณ์ปฐมพยาบาลก็รู้เหรอว่าวางไว้ตรงไหน แต่ว่า...

"ไม่ต้องล้าง ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวอาบน้ำเลยก็ได้"

"ไม่ได้ แผลแบบนี้ไม่ล้างได้ไง เดี๋ยวต้องปิดพลาสเตอร์กันน้ำก่อนด้วย ถึงจะอาบน้ำได้"

"ม.. ไม่เอา ไม่ เดี๋ยวๆๆๆ ไม่เอาแอลกอฮอล์ได้ไหม ใช้น้ำเปล่าไม่ได้เหรอ"

"ก็นึกว่าอะไร ที่แท้ก็กลัวแสบนี่เอง.... งั้นเดี๋ยวพี่ใช้น้ำเกลือล้างให้ก่อนก็แล้วกัน แล้วค่อยใช้แอลกอฮอล์ แบบนี้จะได้ไม่แสบมาก แต่ยังไงก็ต้องล้าง... ยื่นมือมา... บุ๋น อย่ามาลีลา ข้างซ้ายซิ เร็ว พี่จะได้รีบล้างแผล"

"ล้างแผลเป็นแน่นะ เรียนเภสัชไม่ใช่เหรอ"

"ก็เพราะเรียนเภสัชไงถึงต้องล้างเป็น พวกนี้มันเรื่องพื้นๆ สายสุขภาพทำได้ทั้งหมดแหละ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า อย่าขยับมากก็แล้วกัน....."

 "โอ๊ยยยย ไหนบอกว่าล้างเป็นไง เบาๆหน่อยดิ"

"ก็พี่ต้องเอาเศษหินออก อยากแผลอักเสบหรือไง ไหนเมื่อตอนล้มยังทำเก่งอยู่เลย แค่นี้ก็ต้องทนได้ดิ"

"......" น้ำตาของผมไหลออกมา ก็มันเจ็บนี่หว่า แถมยังต้องโดนดุอีก

"อ... อ่ะๆๆๆ พี่จะเบาๆมือก็ได้ แต่มันจะนานหน่อยนะ พี่... ขอโทษ" ไอ้พี่ท๊อปเอื้อมมือมาปาดน้ำตาของผมออก

แล้วการปฐมพยาบาลก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า พี่เค้าพยายามใช้น้ำเกลือล้างแทนที่จะใช้สำลีเขี่ยไปที่แผลตรงๆ แล้วก็ล้างอยู่อย่างนั้นหลายต่อหลายรอบ ก่อนที่จะใช้แอลกอฮอล์ล้างแผล ซึ่งก็ไม่ค่อยแสบอย่างที่บอกไว้จริงๆ

จากนั้นผมก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า



"นี่ครับ ทานยาซะ" ทันทีที่ออกมาจากห้อง ก็เอายาสองเม็ดยื่นมาให้ผมทันที พอถึงตอนนี้แล้วก็เพิ่งจะนึกได้ว่าผมควรจะโกรธไอ้คนตรงหน้าอยู่นี่หว่า "นี่ยาพารา แผลไม่หนักมากไม่ต้องกินยาแก้อักเสบหรอก...."

แล้วผมก็เลือกที่จะแสดงออกในจุดยื่นของตัวเองอย่างชัดเจนด้วยการไม่รับยาจากมัน ก่อนหน้านี้ยังเจ็บอยู่ก็เลยทำตามไปก่อน แต่ตอนนี้หายแล้ว สติสัมปชัญญะกลับมาแล้ว ผมทำเมินมันบ้าง

"พี่บอกให้ทานยาไง"

"ไม่ต้องมาสั่ง คิดว่าทำแผลให้แล้วจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเหรอ ถ้าไม่พอใจ จะจับกรอกปากเลยก็ได้นะ ยังไงก็ไม่ยกโทษให้หรอก"

"งั้นก็ได้ แต่ต้องกินยาก่อน"

"......"

"ถ้ากินยาแล้ว พี่จะไปเลย พอใจยัง"

​เออ มึงอยากไปนักใช่ไหม

​ผมรีบคว้ายาเข้าปากและดื่มน้ำอย่างรวดเร็ว

"กินเสร็จแล้ว"

"....."

มันออกไปจริงๆ เดินออกไปเลย ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรทั้งนั้น

จากนั้นก็มีเสียงรั้วประตูบ้านเปิดออก



"..................................... ฮืออออ"

ไอ้พี่ท๊อป ไอ้บ้า ไปจริงๆเหรอ นี่กูเจ็บอยู่นะ

แล้วนี่กูจะมาขี้แยทำไมวะ ก็เป็นคนไล่เค้าไปเองไม่ใช่รึไง มันไปได้ก็ดีแล้ว แม่งเลว



"บุ๋นร้องไห้ทำไมอ่ะ"

หึ!????!?!?

​ไอ้พี่ท๊อป มันกลับเข้ามาในบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

"พี่ลืมกุญแจรถ" ลืมกุญแจรถเนี่ยนะ ไอ้บ้าเอ๊ย ต้องมาเห็นกูกำลังร้องไห้ แบบนี้มันก็หาว่ากูแคร์มันอะดิ "แล้วบุ๋นร้องไห้ทำไมอ่ะ"

"..................." จะตอบว่าไงดีวะกู สมองรีบคิดเร็ว

"เจ็บแผลเหรอ"

"เปล่า" ​โอ๊ะ กูนี่ก็เนาะ ตอบว่า ใช่ ก็จบไปแล้ว ปากไวไปอีก

"แล้ว...?"

"ไม่ได้ร้องโว๊ย ห...หิวข้าว" ฆ่ากูที นี่กูพูดอะไรออกไปเนี่ย...

"หิวข้าว?" เออ กูรู้ว่ามันไม่ใช่เหตุผล แต่กูพูดไปแล้ว จะให้แก้ตัวยังไงละ "อ... อ๋อ รถยนต์บุ๋นจอดอยู่ในมหาลัยนี่นา ก็เลยไปกินข้าวไม่ได้ งั้น..."

งั้นอะไร?

แล้วจะเดินไปไหนหน่ะ

นั่นมันห้อง....ครัว

​เปิดตู้เย็นทำไม....



"ของในตู้เย็นก็มีเยอะนะ บุ๋นทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอ"

"ป.. เปล่า แม่เพิ่งจะซื้อมา" แล้วกูจะตอบทำไมวะ ชักเริ่มไม่เข้าใจตัวเองแล้วเนีย

"อ๋อ ถึงว่า ของยังสดๆอยู่เลย... แล้วบุ๋นอยากทานไรครับ"

"ห๊ะ?"

"อืมมม.... ผัดเปรี้ยวหวาน ไก่อบ หรือหมูมะนาว ทานอะไรดี?"

"......?" ถามทำไม

"ทำหมดเลยก็แล้วกัน"

"จะทำทำไม!?"

"ก็บุ๋นหิวข้าวไม่ใช่เหรอ"

"ก... ก็ใช่"

"งั้นรอแป๊บนึงได้ไหมครับ พี่ทำไม่นานหรอก"

"เอ่อ......." นี่กูควรจะตอบว่าไงวะ

ปล่อยมันเหอะ จะทำไรก็ทำ





"เสร็จแล้วครับบบบ"

โอ้โห!!!!

อาหารเต็มโต๊ะเลย แถมยังหน้าตาดีด้วย ตั้งแต่อยู่มหาลัยมา ยังไม่เคยกินอาหารที่น่ากินขนาดนี้เลย ปกติกินแต่อาหารตามสั่ง

"ทำเป็นด้วยเหรอ?" ความอยากรู้อยากเห็นของผมทำให้พลั้งปากถามไปจนได้

"ก็พอได้ครับ ไปเกาหลีบ่อย ก็เลยต้องทำอาหารทานเอง พอจะทานได้ไหม"

"อืม... ก็คงพอได้แหละ" กูเริ่มกินเลยได้ไหมอ่ะ เห็นแล้วหิวเลย แต่เดี๋ยวก่อน... "เสร็จแล้วก็กลับไปดิ"

"พี่อุตส่าทำกับข้าวให้ทาน จะไม่ชวนพี่ทานข้าวด้วยหน่อยเหรอ... เยอะขนาดนี้ทานหมดเหรอครับ"

"ก็... ไม่หมดหรอก จะกินก็ไปตักข้าวมาดิ"

"อ๋อ พี่ตักไว้แล้ว เดี๋ยวไปหยิบแป๊บนึง"

ที่แท้มันก็เตรียมการไว้แล้วนี่เอง กูไม่น่าหลงกลมันเล๊ยยยย

"มาแล้วครับ ม๊ะ ทานข้าวกัน"

"กินเสร็จแล้วก็รีบๆกลับล่ะ"

"ไม่กลับครับ พี่จะนอนนี่แหละ"

"จะบ้าเหรอ ใครอนุญาต"

"กลับไปเดี๋ยวมีคนร้องไห้งอแงอีก" ​......นี่คือกูโดนจับได้ใช่ไหม ​"อีกอย่าง รถบุ๋นก็อยู่ในมหาลัย พรุ่งนี้เช้าพี่จะได้ไปส่ง"

"ยุ่ง"

"แน่นอน" ไปหัดตอบหน้าตาเฉยแบบนี้มาจากไหนห๊ะไอ้พี่ท๊อป "อีกอย่าง งานนี้ ถ้าจะตื๊อบุ๋นให้สำเร็จ....





.....ก็คงต้องบังคับให้มารักเท่านั้น เข้าใจไหมครับ... น้องแว่น​"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:11:05 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
มาอ่านรวดเดียวเลยฮืออออออ ชอบบบบบบ

ปล.แปะกฏเล้าหน่อยน้าาา กลัวนิยายปลิว แปะที่หน้าแรกอ่ะค่ะ ^^

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​ตอนที่ 37 : จัดอันดับ







สวัสดีครับ ผมชื่อ (น้ำ)ชา หรือธนาชา  ธนกฤษ อายุ 18 ปี เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่คุณอาจจะเดินผ่านผมไป หากเราเดินสวนกันบนท้องถนน แต่จริงๆแล้วผมก็มีดีนะ ผมมักถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์ตั้งแต่อายุยังได้แค่สิบขวบ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ ที่ใครๆต่างก็ยกย่องให้ผมเป็นตัวเก็งอันดับหนึ่งของผู้ที่จะมีสิทธิได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้นำเชียร์หรือเชียร์ลีดเดอร์ของมหาวิทยาลัยมัณฑณาประจำปีนี้ คู่คี่มากับ ไอ้ต้อม เพื่อนสนิทตัวแสบของผม

การเดินทางเพื่อเข้าสู่การเป็นหนึ่งในสิบสองคนสุดท้ายของเชียร์ลีดเดอร์แห่งมหาวิทยาลัยอันมีชื่อเสียงด้านกิจกรรมเชียร์ เริ่มต้นมาจากอดีตสุดแสนประทับใจของผม จากเหตุการณ์เมื่อแปดปีก่อนที่เด็กชายคนหนึ่งช่วยชีวิตผมไว้จากการจมน้ำ จุดสำคัญนั้นก็ได้เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ผมพยายามทำตามเค้าทุกอย่าง เล่นกีฬาเหมือนเค้า เล่นดนตรีเหมือนเค้า ทำกิจกรรมเหมือนๆกับเค้า ทั้งหมดก็เพื่อทำให้ผมได้เข้าใกล้เค้าทีละน้อยๆ

จนในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่ผมคว้าโอกาสในการเข้าคัดเลือกให้ขึ้นไปเป็นผู้นำเชียร์บนหอคอยแห่งเกียรติยศ เช่นเดียวกับเค้าคนนั้น คนที่วันนี้ผมสามารถเรียกชื่อเค้าได้อย่างเต็มปากแล้วว่า 'พี่ตอง' นายนาวาพล ขัตติยชาติ อายุ 19 ปี นิสิตชั้นปีที่ 2 จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ผู้นำเชียร์ที่โด่งเด่นที่สุดของรุ่น ด้วยเสน่ห์ของหนุ่มนัยตาอบอุ่นภายใต้ทรงผมสกินเฮดสุดเท่ ที่ไม่ว่าสาวแท้สาวเทียมที่ไหนได้เห็น เป็นต้องตาลุกวาว

แต่ใครจะไปเชื่อละว่า วันนี้ความสัมพันธ์ของผมกับพี่เค้าจะลึกซึ้งกันไปถึงไหนต่อไป แม้ว่าหลายคนอาจจะยังเข้าใจผิดว่าเราเป็นแค่คู่จิ้น(ฟินจิกหมอน)บนโลกของสื่อ ผมต้องยอมรับตามตรงนะว่าตัวผมเองก็ไม่ได้มีแผนไว้สำหรับการต้องมาเป็นแฟนแบบจริงๆจังๆกับพี่เค้าเหมือนกัน รู้แค่ว่ามัน.... ตกหลุมรักไปแล้ว ไปตกหลุมรักเมื่อไหร่น่ะเหรอ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจจะเป็นตอนที่ได้เริ่มพูดคุยกันจริงจังเมื่่อตอนเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน หรืออาจจะเป็นตอนที่ผมเจอพี่เค้าที่สนามแข่งบ่อยๆ หรือไม่แน่นะ อาจจะเป็นตั้งแต่แรกเมื่อแปดปีที่แล้วก็ได้

พวกคุณคงจะสงสัยกันละซิว่าผมเอาเรื่องของตัวเองกลับมาเล่าอีกทำไม ทั้งๆที่เรื่องราวก่อนหน้านี้ก็บอกเรื่องพวกนี้ไว้หมดแล้ว แล้วก็... ผมยังจะมีอะไรเล่าต่อไปอีกหลังจากบทสรุปความรักที่น่าจะลงตัวดีอยู่แล้ว ก็เพราะว่า.... สำหรับผมแล้ว เส้นทางความฝันกับเส้นทางความรักมันแยกออกจากกันไม่ได้ พี่ตองเคยพูดกับผมไว้ว่า พี่เค้าไม่อยากเป็นเจ้าชายที่รอความรักจากผมอยู่บนหอคอยอย่างโดดเดี่ยว ผมก็เลยอยากไปอยู่ข้างๆพี่เค้าให้ได้จริงๆ ได้ทั้งทำตามความฝันและได้ทั้งอยู่กับคนที่เราหลงรัก (แหวะ พูดเองยังจะอ้วกเองเลย) แล้วก็ที่สำคัญนะ ชีวิตคนเรามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอก การได้เป็นคู่กันแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเรื่องมาให้ปวดหัว พระพุทธเจ้ายังมีมารคอยตามผจญทุกชาติ แล้วคนธรรมดาอย่างผมกับพี่ตองจะไปรอดเหรอ

และนี่คือการเดินทางครั้งสำคัญสู่การเป็นผู้นำเชียร์มหาวิทยาลัยมัณฑนาประจำปีการศึกษานี้ ขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้ผมและ.... กดไลค์กดแชร์ที่รูปของผมด้วยนะครับ....



"ยี๋!!!!! ไม่เอาอ่ะ มึงอย่าโพสเชียวนะ" ผมรีบปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองได้อ่านทันที

"ทำไมวะ นี่กูคิดให้มึงทั้งคืนเลยนะ น้ำขิงก็ช่วยด้วย" ไอ้ต้อมมันยังมีท่าทางยืนยันอย่างมั่นอกมั่นใจว่าข้อความที่มันคิดขึ้นมาให้ผมนั้น เป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบสุดๆ "ดูเป็นคำพูดของมึงเอง ใช้ภาษาก็ดี แถมยังเรียกคะแนนได้ชัวร์ๆ สาวกวายต้องคลั่งแน่นอน"

"ภาษาดี? มึงกล้าพูดนะ ชมตัวเองนี่ก็ข้อนึง ไปประกาศบอกชาวบ้านชาวช่องเรื่องกูกับพี่ตองนี่ก็อีกข้อนึง แถมยัง.... หึยยย ไม่เอาอ่ะ จั๊กจี๋สุดๆ ลบๆๆๆ กูคิดเองดีกว่า"

"เห้ย! นี่กูคิดทั้งคืนจริงๆนะเว้ย แล้วมึงลบไปจะเอาอะไรไปโพสวะ คนอื่นๆเค้าก็มีข้อความแบบนี้กันทั้งนั้น ถ้ามึงไม่ทำอะไรสักอย่าง จะไปสู้คนอื่นเค้าได้ไงวะ หรือมึงจะเลิกล้ม ไม่อยากเป็นลีดมอแล้วจริงๆ ทำไม? ได้เป็นศรีภรรยาของพี่ตองแล้วจะลืมความตั้งใจตัวเองว่างั้น"

​แป๊ะ

"พูดมาก" เอาไปแดกหนึ่งที ข้อหาแซวกู "ศรีภรรยาอะไรของมึง ก็บอกว่ากูจะคิดเอง เอามานี่" ผมดึงแท็บเล็ตมาจากมือของมัน

"อือหือ ไอ้ชาเย็น นี่กูเข้ามหาลัยแล้วนะมึง แฟนสุดน่ารักก็มีแล้ว เมื่อไหร่มึงจะเลิกตบเกรียนกูซะทีวะ ใครมาเห็นเข้าจะเสียลุคกูหมด"

"ต่อให้มึงจบมามีงานทำแล้ว มึงก็อย่าหวังจะรอดเงื้อมมือกูไปได้เลย ตราบใดที่มึงยังกล้าเหิมเกริมกับกูอยู่"

"เดี๋ยวเหอะมึง กูจะบอกให้พี่ตองเอาคืนมึงให้สาสม"

"นี่มึงยังจะ..."

"เออๆๆๆๆ กูยอมแล้ว กูยอมแล้ว.... แต่ว่ามึงจะคิดข้อความเองจริงดิ พรุ่งนี้ก็ต้องส่งแล้วนะมึง ที่กูช่วยเนียเพราะเห็นว่าช่วงนี้มึงยุ่ง ทั้งซ้อม ทั้งเรียน ทั้งช่วยงานที่โรงพยาบาล แล้วไหนจะเรื่องติวให้พี่ตองกับพวกเพื่อนๆพี่เค้าอีกอ่ะ เออ ว่าแต่ มึงยังสอนพวกวิศวะปีสองอยู่อีกเหรอวะ ไหนน้ำขิงบอกกูว่า แค่รอบเก็บคะแนนสิ้นเดือนที่แล้วไง"

"ไม่รู้ว่ะ กูเริ่มแล้วอ่ะ ไม่อยากหยุดกลางคัน พวกพี่เค้าอาจจะสอบผ่านครั้งนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าครั้งต่อไปจะสอบผ่านอีก เท่าที่กูคำนวณดู พวกพี่เค้ายังไม่พ้นขีดอันตรายว่ะ ขออีกซักเดือนนึงละกัน เอาให้แน่ใจว่าเกรดออกมาน่าพอใจชัวร์ๆ กูก็ปล่อยแล้วล่ะ"

"แม่พระสุดๆ ไอ้ชาเย็นเพื่อนกู ทั้งเก่งทั้งแสนดีแบบนี้นี่เอง ถึงว่าทำไมสยบแบดบอยสาวล้นเมืองอย่างเจ้าชายตองได้อยู่หมัด"

"ไอ้..."

"กูชมมึงอยู่นะเพื่อน กูชมๆ แต่มึงก็อย่าหักโหมเกินไปละกัน เดี๋ยวเจ็บเดี๋ยวป่วยขึ้นมา กูไม่ค่อยมีเวลาดูแลมึงเหมือนแต่ก่อนแล้ว"

"เพราะมึงเอาเวลาไปกกอยู่กับลูกพี่ลูกน้องกูอะนะ"

"แน่น๊อน แฟนกูน่ารักนี่หว่า... ชิบหายละ นี่กี่โมงแล้ววะ กูลืมไปเลยว่าน้ำขิงรออยู่"

"มึงจะบ้ารึไง นี่มันยังไม่ถึงเวลากิจกรรมห้องเชียร์เลย มึงเห็นไหมเนีย เราสองคนก็รออยู่หอประชุมกันแค่สองคน มึงนี่ก็ช่างบ้าเนาะ เร่งกูแดกข้าวอยู่ได้ พวกลีดมอเค้านัดตั้งบ่ายโมงครึ่ง อีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะเริ่ม ไม่ต้องพูดถึงเวลาเลิกเลย มึงได้ซ้อมอีกยาวแน่"

"อ้าวเหรอ กูห่างน้ำขิงแค่หนึ่งนาทีก็รู้สึกเหมือนหนึ่งปี มึงไม่เป็นแบบกูบ้างเหรอ"

"จะอ้วกก็เสียดายข้าว"

"อิจฉาอะดิมึงอ่ะ พี่ตองคงไม่หวานเท่ากูหรอก กูรู้" มึงแน่ใจได้ไง "แต่ที่กูพามึงมาเร็วก็เพราะว่า เราจะได้เป็นจุดเด่นให้พวกพี่เค้าเห็นไง ว่าเรามีความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา แถมยังหน้าตาดีขั้นเทพ ที่สำคัญเลยก็คือ พี่ตองจะได้มองเห็นมึงเป็นคนแรก เพราะพี่เค้าต้องมาทำงานเป็นพี่ลีดเต็มตัวแล้วก็เลยไปรับมึงเพื่อเจอหน้าเป็นคนแรกไม่ได้ นี่กูทำเพื่อมึงอยู่นะเพื่อน"

"กูควรจะซาบซึ้งไหม... แล้วก็อีกอย่างนะ มึงอ่านกติกามาไม่ครบหรือไง ในไลค์กลุ่มเค้าก็ประกาศไว้ รอบแรกอ่ะให้บุคคลทั่วไปเป็นคนตัดสิน ไม่ใช่พวกพี่ๆเค้า ต่อให้มึงมาตั้งแต่เมื่อวานก็ไม่ช่วยอะไรหรอก"

"มึงนี่มันฉลาดไม่หมดจริงๆ พวกพี่ลีดนี่แหละที่จะเป็นฐานเสียงที่ดีให้พวกเราได้เว้ย ถ้าพวกพี่เค้าชอบเรา คนอื่นๆมีเหรอวะที่จะไม่ชอบ"

"ทฤษฎีอะไรของมึงวะ"

"มึงเชื่อกูเหอะน่า"



"นายๆ"

ใครเรียกหว่า?

อ้าว มีคนเข้ามาแล้วเหรอ นึกว่าจะมีแค่ไอ้ต้อมคนเดียวที่ประสาทแดกมาก่อนเวลาขนาดนี้

"นายคือน้ำชาคณะวิทย์ใช่ป่ะ?"

"เอ่อ..." ตอนนี้ทั้งมหาลัยจะเรียกกูด้วยชื่อนี้จริงๆใช่ไหม "ใช่ แต่เรียกเราว่า ชา เฉยๆดีกว่านะ ให้พวกผู้หญิงเรียกเต็มก็พอแล้ว ผู้ชายด้วยกันมาเรียกแบบนี้ รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้"

"ไม่เห็นเป็นไรนิ อ่อ เราชื่อข้าวเจ้านะ อยู่คณะสังคม เรียกเราว่า... ก็เรียกว่า ข้าวเจ้า นี่แหละ"

"ย.. ยินดีที่ได้รู้จัก"

โอ้ มาย ก็อดดด

ในโลกนี้มีผู้ชายที่กล้าเรียกชื่อแทนตัวเองด้วยคำสองพยางค์อยู่ด้วยเหรอ ผมนี่อึ้งไปเลย แต่ก็พอจะรับได้ เพราะเค้าก็เป็นคนหน้าตาดี ขาวตี๋และมีใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มตลอด ใช้ชื่อไหนก็คงไม่น่าเกียจ แถมยังดูอัธยาศัยดีด้วย



หลังจากรออยู่บนหอประชุมประมาณครึ่งชั่วโมง ก็เริ่มมีเด็กปีหนึ่งเข้ามากันมากขึ้น บางคนผมพอจะจำหน้าได้จากที่เคยเห็นเมื่อตอนวันปั๊มตราประทับลีดมหาลัย บางคนก็จำได้เพราะเคยเห็นในทีวี แต่ที่ทุกคนมีเหมือนกันคือ... หน้าตา ​

จะมีสถานที่ไหนในประเทศนี้ที่บรรจุรวมคนหน้าตาดีไว้ด้วยกันได้เยอะขนาดนี้อีกไหม



"น้องๆคะ ได้เวลารวมตัวแล้วค่ะ"

ในที่สุดก็ถึงเวลาแล้ว

พวกรุ่นพี่ลีดมหาลัยเข้ามาในหอประชุมอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งผมเองก็รู้จักหน้าค่าตาดีอยู่แล้ว แน่นอนว่าพวกเค้าเป็นที่หลงไหลของคนทั่วไป ไม่เว้นแม้กระทั่งน้องๆผู้เข้าคัดเลือกลีดเหล่านี้ ที่ต่างพากันแอบกรี๊ดกร๊าดกันไปทั่ว

แล้วนั่นพี่บุ๋นไปทำอะไรมาวะ ทำไมมีผ้าก็อตพันแผลที่แขนทั้งสองข้างเลย พี่ท๊อปก็มาที่นี่ด้วย ไหนบอกว่าไปดูงานที่ส่วนสแตนไงวะ อะไรเนีย งงไปหมด

เอ่อ.....  พี่ตองเดินเข้ามาในห้องประชุมพร้อมกับเสียงฮือฮาที่มากกว่าคนอื่นๆ แต่ว่าที่ช็อคสุดๆนั่นก็คือ....



​พี่แอม

​วันนี้โจทก์เก่าของผมโผล่เข้ามาในหอประชุม เป็นการพบกันอีกครั้งหลังจากเหตุการณ์ต่อปากต่อคำกันอย่างไม่ไว้หน้า แต่พี่เค้าดูจะไม่แสดงความเป็นนางพญาอย่างที่เคย ดูแปลกตาไปเลย



"ไม่ช้านะคะน้องๆ เร็วกว่านี้ค่ะ" พี่หนิงนั่นเองที่เป็นคนตะโกนจนลั่นหอประชุม เด็กปีหนึ่งที่อ้อยสร้อยต่างรีบไปรวมกันที่ด้านหน้า "จัดแถวตามคณะนะคะ มีป้ายตั้งไว้ให้เห็นอยู่แล้ว ทำเวลาหน่อยค่ะ พี่ๆทีมงานกำลังจะมาถึงแล้ว"

แต่ยังไม่ทันได้พูดจน บุคคลทรงอิทธิพลก็เข้ามาในห้อง ทำเอาเหล่าพี่ผู้นำเชียร์ที่ว่าเปรียบดังหงษ์ ยังต้องหลบถอยกันไปเป็นแถบ

พี่ชมพู่ ​เจ้าแม่ของตึกลีดมหาลัย

พี่หนุง ​แมคอัพและสไตล์ลิสขี้หงุดหงิด

พี่นิค​ ช่างภาพมืออาชีพ

​และอีกสามคนที่ผมไม่รู้จักสักเท่าไหร่ แต่ก็รู้ในทันทีว่าเป็นกลุ่มคนที่สามารถจัดการคนเป็นร้อยๆให้อยู่หมัดได้ในการกระพริบตาแค่ครั้งเดียว



"เอาการ์ดขึ้น"

หือ!?!?!?!?!?

อะไรผักกาดๆนะ นี่กูได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่าวะ

"ชั้นบอกให้เอาการ์ดขึ้นไม่ได้ยินหรือไง" พี่ชมพู่สั่งอีกครั้ง เด็กๆทุกคนตกใจและทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยบรรยากาศอันเงียบกริบ ประหนึ่งไม่มีใครอยู่ในหอประชุมเลย "เชื่องช้า ขาดวินัย ​แล้วนั่นท่ายืนการ์ดอะไรของเธอ แม่สาวผมสั้น!!! ปวกเปียก เป็นถึงตัวแทนของคณะ ซ้อมกันมาเป็นเดือนๆ ทำไมถึงไม่รู้ว่าการเป็นผู้นำเชียร์ต้องวางตัวยังไง.... อะไรคือความหมายของการเป็นผู้นำเชียร์? เธอหน่ะ ตอบมาซิ"

พี่ชมพู่ยิงคำถามแบบไม่ตั้งตัว ไปยังผู้หญิงคนเดิมที่ถูกตำหนิไปไปมื่อกี๊นี้

"คือ... ผ...ผู้ควบคุมการ..."

"เหรอ ​เธอจะบอกว่าเป็นคนกำกับสแตนรึไง แบบนั้นไม่ต้องใช้ลีดก็ได้ พี่เชียร์ที่ซ้อมสแตนก็ทำได้ ตอบป่วยๆ ไม่มีแอดติจูดเลย จดชื่อแม่คนนี้ไว้ซิ ให้ไปยืนท้ายแถวโน่น​" ชิบหายละไง พี่ชมพู่เวอร์ชั่นโหดสัดรัชเซีย สั่งผู้ช่วยให้มาลงชื่อคนที่ตนเองไม่ชอบใจไว้ "เธอล่ะ ว่าไง"

"ครับ?"

"ก็คำถามเดิมไง ไม่มีไหวพริบเลย นี่ก็จดชื่อไว้อีกคน​"

เห้ย!!!! นี่พี่แกไม่สนใจอะไรเลยเหรอ ผมจำได้นะว่านั่นคือรองเดือนมหาลัยจากคณะแพทย์ ความหล่อไม่ทำให้รังสีนางพญาลดถอยลงไปเลย

"เธอ" พี่ชมพู่เรียกอีกคน

"จิตวิญญาณครับ ผู้นำเชียร์คือความภูมิใจในฐานะคนที่เป็นตัวแทน"

"...." ว้าว คนที่ตอบทำให้พี่ชมพู่อึ้งไปนิดหน่อย แล้วคนๆนั้นก็คือ ข้าวเจ้า ฉลาดเหมือนกันแฮะ​ "ตอบตามตำรา แต่ก็ถือว่าพอได้ แล้วเธอล่ะ ข่าวว่าเป็นคนทำให้คณะวิทย์ได้ธงทองไปไม่ใช่เหรอ ไหนบอกมาซิ ความหมายของผู้นำเชียร์"

​เชี่ยยยยยยยยยยยยยยย

​ความซวยมาเยือนกูจนได้ นี่ผมเองพี่ชมพู่ ขนาดผมพี่ก็ไม่เว้นเลยเหรอ

แล้วอะไรคือธงทองวะ... อ้อ ธงเกียรติยศแหงเลย แล้วกูจะตอบว่าไงดี? สมองกูจงคิดเดี๋ยวนี้....



"ต้องหล่อครับ" เอาอันนี้แหละวะ "ต้องเท่ สุภาพ และไม่อ่อนแอครับ"

"........" นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมเห็นพี่ชมพู่มองผมด้วยสายตาแบบนี้ นับจากวันที่ผมถูกพี่เค้าสอนเมื่อตอนก่อนจะเปิดเทอม ส่วนพี่ตองยิ้มมุมปากเล็กน้อยมาให้ผม "หัวหมอนะ บังอาจจำคำของชั้นมาพูด" นี่คือกูชมใช่เปล่าวะ "จำไว้ให้ดีนะ พวกเธอทุกคนในนี้ อาจจะเป็นใครก็ได้ที่จะมาเป็นตัวแทนของผู้นำเชียร์มหาวิทยาลัยมัณฑนา ถ้าเธอยังไม่รู้ตัวเองต้องหล่อ ต้องสวย ต้องสุภาพเรียบร้อย  และมีความเป็นผู้นำที่เข้มแข็งต่อหน้าสาธารณะชน พวกเธอก็ขาดคุณสมบัติอย่างแรง... แต่ก็เอาเถอะ ยังไงซะปีนี้พวกชั้นก็ยังไม่มีสิทธิคัดเลือกพวกเธอในรอบแรก เพราะฉะนั้นก็สบายใจได้ แต่ก็อย่าได้วางใจไป เพราะถึงยังไงแล้ว พวกชั้นทั้งหกคนก็ยังมีบทบาทในการจัดอันดับให้พวกเธออยู่"

​อันดับอะไรวะ

​"จากนี้ไปอีกสามวัน จะเป็นวันทดสอบความสามารถของพวกเธอในฐานะเชียร์ลีดเดอร์ พวกปีสองจะทำการสอนพวกเธอทุกคนในเพลง Love Leader แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น​"



เดี๋ยววววววววววววววววว

ผมไม่ได้ตกใจในระยะเวลาการซ้อมอันน้อยนิดนะ (เอาจริงๆก็ตกใจนิดนึงแหละ) แต่ที่ช็อคคือ..... ชื่อ​เพลงอะไรนะ?

ทำไมมีลางสังหรณ์แปลกๆวะ

"หน้าที่ในการซ้อมเป็นของตัวพวกเธอเองที่จะต้องรับผิดชอบ" พี่ชมพู่ยังคงว่าต่อ "แล้วพวกชั้นหกคนนี่แหละที่จะตัดสินอันดับให้พวกเธอ อันดับนี้มีผลอย่างมากในตำแหน่งยืนของทุกคนในวันเสาร์อาทิตย์นี้ ​ชั้นเหนื่อยที่จะพูดแล้ว ไหน.. เธอ... ชื่ออะไรนะ? ช่างมันเถอะ มาเล่าต่อซิ ให้ชั้นแหกปากอยู่ได้"

"ค...ค่ะ" พี่หนิงรีบเดินออกมาสองสามก้าว "คืออย่างนี้นะคะน้องๆ ในวันเสาร์อาทิตย์นี้เราจะมีการถ่ายทำโชว์จากพวกน้องๆทุกคนในเพลง Love Leader ที่ได้พี่ตองช่วยแต่งเนื้อร้องและทำนองให้....​"



นั่นไง กูว่าแล้วววววววววววววววววว

​ซื้อหวยทำไมไม่แม่นแบบนี้บ้าง



"....เพื่อใช้ในการลงโปรโมทให้กับน้องๆเอง.... ปีนี้ เราจะมีการใช้กติกาพิเศษเล็กน้อยเพื่อคัดเลือกน้องๆ อย่างที่แจ้งในไลน์กลุ่มคร่าวๆแล้วเนาะ คลิปวิดีโอนี้จะถูกปล่อย ในวันจันทร์พร้อมกับภาพโปรโมทของตัวแทนลีดเดอร์ทุกคณะ แต่พี่คงไม่สามารถให้น้องๆทุกคนมายืนในตำแหน่งหน้าสุดได้นะ เรามีกันเป็นร้อยๆ ดังนั้น พวกน้องจึงต้องแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาให้เห็นว่าเหมาะสมกับตำแหน่งแถวหน้า ผ่านการทดสอบในเพลงที่พวกพี่จะสอนในวันนี้ ที่สำคัญไม่ใช่แค่เรื่องของตำแหน่งยืนเท่านั้น แต่ลำดับของการอัพโหลดภาพโปรโมทเพื่อนับคะแนนของแต่ละคนก็จะวัดจากการจัดอันดับครั้งนี้ด้วย จากนั้นอีกหนึ่งอาทิตย์เราก็จะมาประกาศผลผู้เข้ารอบกัน จะมีแค่ยี่สิบสี่คนเท่านั้นนะคะ"

"คราวนี้ก็เข้าใจแล้วนะว่ามันสำคัญยังไง" พี่ชมพู่จอมโหดกลับมาอีกครั้ง "ถ้าคิดจะเป็นลีดของมหาลัยนี้ เธอก็ต้องสู้ จากคนเป็นร้อยทำยังไงเธอถึงจะโดดเด่นและเป็นที่จดจำ ตำแหน่งแถวหน้ากับรูปที่ปรากฎมาเป็นคนแรกๆ ไม่ใช่อะไรที่จะมามองข้ามกันได้ การใส่ใจรายละเอียดเล็กๆพวกเธอทุกคนคงได้เรียนรู้จากการเป็นลีดของคณะมาแล้ว ​ไหนว่าต่อซิ​"

"อ๋อ ค่ะ!" พี่หนิงสะดุ้งนิดหน่อย "ส่วนการทดสอบและประกาศอันดับจะมีขึ้นในวันศุกร์นี้ ที่นี่ ระหว่างนี้น้องๆก็จะต้องผลัดเปลี่ยนกันไปถ่ายภาพโปรโมทของตัวเองที่ห้องข้างๆนะคะ พี่นิคจะดูแลอยู่ที่นั่น แล้วก็อย่าลืมแคปชั่นที่พี่สั่งให้ส่งพรุ่งนี้ด้วยนะคะ จะยาวแค่ไหนก็ได้ แต่ถ้าพรุ่งนี้ใครส่งช้า พี่จะไม่ลงให้นะ รับผิดชอบกันเอาเองนะคะ.... พี่ชมพู่มีอะไรจะเพิ่มเติมอีกไหมคะ"

"ไม่มีแล้ว รู้แค่นี้ก็พอแล้ว ที่เหลือก็ไปคิดกันเอาเองก็แล้วกัน... อ้อ พวกเธอทุกคนได้เข้าไปในตึกลีดมหาลัยกันแล้วใช่ไหม นั่นน่ะคือความใจดีของชั้น แต่จงรู้ไว้เสมอว่า ถ้าเธอต้องการจะเข้าไปในนั้นอีกครั้งนึง ต้องในฐานะของผู้นำเชียร์มหาวิทยาลัยมัณฑนาเท่านั้น​สั่งน้องให้เอาการ์ดลงได้​"



"น้องๆเอาการ์ดลงได้แล้วค่ะ" พี่หนิงสั่งต่อ

ผมตั้งใจฟังจนลืมไปเลยว่าตัวเองยืนการ์ดอยู่ ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยกายเลย แต่เหนื่อยใจมากกว่า ต้องต่อสู้กับคนเป็นร้อยๆ เพื่อตำแหน่งยืนด้านหน้า ตอนนี้แหละที่ผมเข้าใจแล้วว่า ทำไมตอนนั้นพี่ตองถึงพยายามทวงคืนตำแหน่ง Center มาให้ผม

เหล่าผู้มีอำนาจทั้งหกเดินออกจากหอประชุมไปทันที มาดั่งพายุและไปพร้อมทิ้งหายนะไว้



"เดี๋ยวพวกพี่จะเริ่มสอนเลยนะคะ" พี่หนิงเริ่มกระบวนการทันที "เราจะฉายภาพโปรเจ็คเตอร์วนซ้ำไปเรื่อยๆ น้องๆก็ซ้อมตามท่าเต้นที่เห็นได้เลยนะ จะฟังเพลงก่อนหรือจะซ้อมเลยก็ตามใจ แล้วเดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงพี่จะค่อยๆเรียกทีละคณะขึ้นมาเก็บรายละเอียดบนเวที... แต่หลังจากจบเพลงรอบแรกแล้ว ให้น้องลีดคณะวิทย์ไปที่ห้องถ่ายภาพก่อนเลยนะคะ เสร็จแล้วค่อยกลับมาซ้อมต่อ"



​ความวุ่นวายเกิดขึ้นทันทีเมื่อเสียงและภาพจากเพลง Love Leader เริ่มขึ้น

ทุกคนมองที่โปรเจ็คเตอร์เป็นตาเดียว บางคนทำท่าทางตาม เป็นเพลงจังหวะสบายๆที่ค่อนข้างจะมีรายละเอียดของท่าอยู่ไม่น้อย แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องน่าปวดหัวที่สุด ก็เนื้อเพลงนี่ซิ ทำไมมันฟังเหมือน.... ชีวิตของกูเลยวะ



--------------------------

…..LOVE LEADER…..



Hoo…  Haa… My Laeder…



จากวันที่เธอได้เดินผ่านไปก่อน  จากวันที่เธอไม่มองกลับหลัง

ฉันเฝ้าตามเป็นเงาอยู่ไม่ไกล



เธออาจไม่เคยรู้ว่าฉันอยู่  ไม่เคยรู้มีคนตามไป

ไม่เป็นไร...ไม่หวังให้หันมา



กี่ทางที่อาจจะล้ม  มันคง...เป็นทางที่เคยพบเจอ

แค่มีร่องรอยของเธอ  ก็พร้อมจะเจอทุกปัญหา

หากเธอได้รู้เมื่อไหร่...  คงคิดว่าเพี้ยนสินะ

แต่ไม่ว่ายังไง ไม่หนีจากหลังเธอ



My Love Leader เธอคือผู้นำของหัวใจ

จะออกวิ่งตามไป  ไม่ยอม  ไม่เหนื่อยล้า

My Love Leader เธอพาความรักของฉันมา

มาตามหา คนกุมชะตาของหัวใจ



มันคือแสงที่ฉันตามไป  มันคือทางที่ไม่เข้าใจ

แต่ไม่ว่าจะไกลแค่ไหนจะไปพบเธอ

อาจจะบ้าที่ไม่ยอมกลับหลัง  ทั้งที่อาจจะพังเพราะเธอไม่สนบ้างเลย

แต่ก็ไม่รู้! แค่ยิ้มเฉยๆ ให้กันก็พอ



เธอยังมีแรงเดินอยู่ใช่ไหม

สุดปลายทางยังมีต่อหรือเปล่า

ฉันยังตามเป็นเงาอยู่ไม่ห่าง



เธออาจไม่เคยรู้ว่าฉันอยู่  ไม่เคยรู้มีคนตามไป

ไม่เป็นไร...ไม่หวังให้หันมา



กี่ทางที่อาจจะล้ม  มันคง...เป็นทางที่เคยพบเจอ

แค่มีร่องรอยของเธอ  ก็พร้อมจะเจอทุกปัญหา

หากเธอได้รู้เมื่อไหร่...  คงคิดว่าเพี้ยนสินะ

แต่ไม่ว่ายังไง ไม่หนีจากหลังเธอ



My Love Leader เธอคือผู้นำของหัวใจ

จะออกวิ่งตามไป  ไม่ยอม  ไม่เหนื่อยล้า

My Love Leader เธอพาความรักของฉันมา

มาตามหา คนกุมชะตาของหัวใจ



ภาพฝันของทุกคืนวัน  คือฝันฉันและเธอ

ได้เคียงข้าง ได้กุมมือเธอเพียงสักครั้ง

ไม่ต้องวิ่งตามหลังเธอ อยากมีซักครั้งจัง

จะเก็บภาพลงฝังให้ลึกสุดหัวใจ



My Love Leader เธอคือผู้นำของหัวใจ

จะออกวิ่งตามไป  ไม่ยอม  ไม่เหนื่อยล้า

My Love Leader เธอพาความรักของฉันมา

มาตามหา คนกุมชะตาของหัวใจ



You are my Leader always…..

(สามารถฟังเพลงนี้ได้ใน https://www.youtube.com/watch?v=hu9cBhh-Oc0 )

​--------------------------------



"...!!!!!!!!!!!!"

ช็อคไปเลยกู

นี่ไอ้พี่ตองบ้ามันเอาชีวิตกูมาตีแผ่แบบนี้เลยเหรอ



​ฮืออออ..... ​กูร้องไห้ตอนนี้ได้ไหมเนี่ย

แล้วมันเอาเวลาที่ไหนไปทำวะ



"พวกเรารีบไปถ่ายรูปกันเถอะ" ผมชวนเพื่อนๆ ไม่อยู่ตรงนี้ดีกว่า



"คิดถึงจัง"

จู่ๆไอ้พี่ตองก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ นี่มันผ่านความวุ่นวายถึงตัวผมเร็วขนาดนี้เลยเหรอ

"ไม่ไปคุมปีหนึ่งซ้อมเหรอ" ผมต้องหาเรื่องพูดแก้เขิน ​ก็ใครมันจะไม่เขินบ้างล่ะ

​"ไปคุมที่ห้องถ่ายภาพ ก็คุมน้องเหมือนกัน แถมได้อยู่กับชาด้วย"

นั่นไง ดูมัน ไม่ต้องมาทำยิ้มกริ่มเลยนะ จะด่ามันว่าบังอาจเอาเรื่องของผมมาแต่งเป็นเพลงตรงนี้ก็ไม่ได้ ​นี่กูจะต้องโดนมันหยอดไปอีกนานแค่ไหนเนีย

​"ไม่ต้องเลย ไปดูคนอื่นโน่น เดี๋ยวเค้าจะหาว่าไม่ดูแลน้อง"

"เปล่าครับ พี่ต้องไปดูแลที่ห้องโน้นอยู่แล้ว หน้าที่ของพี่วันนี้"

สรุปคือ... ​เออ จะทำไรก็ทำเถอะ มึงทำซะขนาดนี้แล้ว กูยอมแพ้ก็ได้วะ

"แล้ว... ชาชอบเพลงที่พี่แต่งไหมครับ"

ไอ้บ้า กูไม่ตอบหรอก

ไปดีกว่า...



"พี่ตองครับ พี่ตอง"

ผมอุตส่าว่าจะออกจากหอประชุมให้เร็วแล้วนะ แต่ก็มาสะดุดกับเสียงเรียกไอ้พี่ตองของใครบางคน

"พี่แต่งเพลงเพราะมากเลยครับ"

หึ? นั่นมันข้าวเจ้านี่หว่า

"อ...อ๋อ ขอบคุณครับ พี่ก็แต่งไปตามประสบการณ์ชีวิตของคนรอบๆตัวนั่นแหละครับ"

"นึกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากผมซะอีก ตรงกับชีวิตของผมเลย"

"ครับ?"



​อะไรนะ?

​นี่มึง ไอ้ข้าวเจ้า พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงวะ....



"คือผมหมายถึง... ผมก็กำลังตามหลังใครบางคนอยู่เหมือนกัน" นี่มึงจะพูดอะไรกันแน่ "ฮ่าๆๆ ผมตามหลังพี่มาไงครับ เพราะว่าผมมีของจะให้ ​นี่ครับ ​ขนมตาลร้านโปรดที่พี่ชอบกินตอนมัธยม"

"ห๊ะ!?... คือ.. เอ่อ..."

"ทำไมเหรอครับ พี่ไม่ชอบเหรอ ผมนึกว่าพี่ชอบขนมไทยที่ทำมาจากใบตองซะอีก"

"งั้นก็ขอบคุณนะครับ แต่วันหลังไม่ต้องก็ได้นะน้อง พี่เกรงใจ"

"ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมเต็มใจ ผมรู้ว่าพี่คงชินแล้วแหละที่มีแฟนคลับเอาของมาให้แบบนี้ ผมชื่อข้าวเจ้านะพี่ ถ้าวันหลังพี่อยากได้.."



"​พี่ตอง!! พี่นิคเรียกแล้วครับ" 

นี่กูทำบ้าอะไรของกูเนียยยยยยยยย

ไปพูดแทรกบทสนทนาของเค้าสองคนทำไม สมองกูนี่ก็ห้ามปากไม่ทันเลย



"อ... อ๋อ เอ่อ... พี่ขอตัวก่อนนะครับ"

ผมรีบออกเดินไปต่อ ไม่อยู่ต่อหรอกหลังจากทำเรื่องน่าอายออกไป



"ไหนครับ พี่นิคเรียกพี่แล้วเหรอ ไม่เห็นพี่นิคแถวนี้เลย"

"....." ยังจะมาพูดอีกนะ กูจะโกรธหรือกูจะอายดีวะ

"หึงเหรอคร้าบบบบ"

"พูดบ้าไรเนีย" นี่มันที่สาธารณะนะ ดีนะที่เดินรั้งท้ายแถวออกมา "จะทำอะไรก็ทำเหอะ"

"จริงอ่ะ อะนี่ กินไหมครับ ขนมตาล พี่จำได้ ห่อแบบนี้ ร้านป้าแก้วแถวๆโรงเรียนเก่าแน่นอน อร่อยแบบขนมไทยแท้ๆ"

"ไม่กินเว้ย" มึงยังจะกล้ามาชวนกูกินอีกนะ เดี๋ยวก็โบกให้หรอก คืนนี้เตรียมนอนนอกห้องได้เลย

"อ้าว ไหนบอกไม่หึงไง"

"ไม่ได้หึง ไม่ชอบกิน"

"หว้า... ไม่มีใครกิน งั้น... เอาไปทิ้งดีกว่า"

"​เห้ยยย ​เดี๋ยวๆๆ" นี่ก็ไวเหลือเกิน จะโยนลงถังขยะจริงๆด้วย "ของเค้าอุตส่าให้มา จะมาทิ้งเพราะชาได้ไงเล่า เก็บไว้กินเหอะ แต่... ไม่ต้องมาชวนชากินด้วยนะ"

"ฮั่นแน่ หึงจริงๆด้วย" นี่คือมึงจะทดสอบกูใช่ไหม โอ๊ย ไม่รู้ด้วยแล้ว จะทิ้งจะอะไรก็เลยของมึงเถอะ "เดี๋ยวซิครับ อะนี่ไง พี่ทิ้งแล้ว"



เชี่ยยยยยยยย

ทิ้งจริงด้วย!

ต่อหน้าต่อตากูเลย



"ทำบ้าไรเนี่ย ถ้าเค้ามาเห็นว่าพี่ทิ้งของของเค้าจะเป็นยังไง"

"เค้าก็อาจจะโกรธพี่ก็ได้" ยังจะมายิ้มหน้าระรื่นอีก "แต่ว่า......







.......พี่แคร์คนนี้มากกว่า"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-06-2018 07:01:43 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
โอยยยยยเขิน


ข้าวจ้าว...มาแป๊ปเดียวแต่ออร่าความน่ารำคาญแผ่กระจายมากๆ

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​​ตอนที่ 38 : ลบรอย





"ดีมากครับน้ำชา พี่ขออีกทีนะ"

​แฉ๊ะ

​"ลองเดินเข้ามาอีกครึ่งก้าวได้ไหมครับ แต่อารมณ์ได้แล้วนะ กำลังโอเคเลย"

​แฉ๊ะ



นี่ถ้าเป็นเมื่อสองสามเดือนก่อนหน้านี้ ผมคงจะรู้สึกแปลกมากๆที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ ยืนยิ้มกว้างพร้อมกับเก๊กหล่อใส่หน้ากล้องถ่ายรูป เป็นอะไรที่.... เคยน่าขนลุกสำหรับผม

แต่ตอนนี้อะเหรอ ก็ยังแอบเขินตัวเองหน่อยๆ เพียงแต่ว่าผมคุ้นชินกับช่างถ่ายภาพและพอจะรู้ใจของคนกดชัตเตอร์เสียมากกว่า ก็เลยกล้าลงมือทำโดยไม่ได้สนใจว่ามีเพื่อนๆสิบกว่าคนยืนอ้าปากค้างดูผมเป็นนายแบบภาพถ่ายอย่างรู้งาน



"เรียบร้อย" พี่นิคให้สัญญาณเสร็จสิ้นภารกิจของผม พี่เค้ามองดูภาพถ่ายในกล้องของตัวเองด้วยรอยยิ้มอย่างถูกอกถูกใจ

"ขอบคุณครับพี่" ผมไม่ลืมที่จะขอบคุณ

"เออ พี่ดิต้องขอบใจ ที่น้ำชาช่วยมาเป็นตัวอย่างให้เพื่อนๆดูก่อน เก่งขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยนะ"

"ไม่หรอกครับ" อย่าชมดิพี่ เขิน

​"แล้วเห็นภาพหน้าร้านที่น้องไปเป็นแบบหรือยัง คอนเล็คชั่นใหม่ของ Wrangler รูปใหญ่เลยแหละ"

"จริงดิพี่"

"ทำไมอ่ะ? เอ็งต้องดีใจดิ มีแต่คนเค้าอยากขึ้นรูปใหญ่ทั้งนั้น"

"ไม่รู้ดิพี่... ผมยังรู้สึกแปลกๆอยู่เลย"

"เอาน่า เดี๋ยวก็ชิน เดี๋ยวคงได้ถ่ายแบบบ่อยๆแล้วล่ะหลังจากนี้ ถึงขั้นไปขึ้นปฏิทินใหญ่ได้ ยังไงก็อย่าลืมพี่ละกันนะ วันหลังหวังว่าจะมาเป็นแบบให้พี่อีกนะ"

"พูดไปพี่"

"ทำถ่อมตัวนะ... โอเค เดี๋ยวพี่ถ่ายต่อก่อน หรือจะลองเช็คภาพก่อนไหม"

"อ๋อ ไม่อะครับพี่ ผมดูไม่เป็นอยู่ดี พี่คงตาดีกว่าผมเยอะ"

"​จัดไป ​คนต่อไปเชิญครับ​"

"ขอบคุณอีกทีนะครับพี่นิค" ผมกล่าวจบบทสนทนา



​ยิ้มอีกแล้ว

​ไอ้พี่ตองยืนยิ้มอยู่ข้างๆเซ็ต มองดูผมพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก



"ยิ้มอะไรไม่ทราบ" ผมก็ไม่วายจะกวนประสาทมันนะ

"ก็ยิ้มให้คนเก่งไงครับ" ดูไอ้พี่ตองมันตอบ "ไม่นึกเลยนะว่าการพาชาไปทดลองงานก่อนจะได้ผลลัพธ์ดีขนาดนี้"

"จะทวงบุญคุณหรือไง"

"ถ้าทวงแล้วจะให้ไหมละครับ"

"เห้ย..." อะไรของมันวะ หมายความว่าไง นี่มันคนเยอะแยะนะ

"อะไร พี่ไม่ได้จะทำอะไรซะหน่อย แค่ผมมันบังหน้าชา" แล้วมันก็เอามือใหญ่ๆมาปัดผมที่บังดวงตาของผมออก "เห็นหน้าแฟนไม่ชัดน่ะ รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ"

"เลิกพูดได้แล้ว​" โอ๊ะ ไอ้บ้า ไม่พูดกับมันดีกว่า

ไปช่วยพวกเพื่อนๆดีกว่า



"เงยหน้านิดนึงดิน้อง จะก้มดูอะไรล่ะ"

นั่นไง

พี่นิคเริ่มดุแล้ว

ผมอาสาเข้าไปช่วยจัดท่าทางให้เพื่อนนิดหน่อย ก็ไม่ได้เก่งอะไรหรอกนะ แต่ผมอยู่หน้าจอภาพ มองเห็นหน้าจอพอดี ก็เลยรู้ว่าพี่นิคต้องการอะไร รู้สึกว่าตัวเองจะทำตัวคล้ายๆเมนเทอร์ลูกเกดยังไงก็ไม่รู้



"ไอ้​ตอง​"

เสียงเรียกจากน้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้ผมหันไปให้ความสนใจ

พี่บุ๋นยื่นหน้าเข้ามาให้ฉาก พร้อมกับทำมือกวักเรียกพี่ตองหยอยๆ อย่างกับกลัวว่าใครจะมองเห็น

จากนั้นพี่ตองก็เดินออกไปแบบงงๆ

​มีเรื่องอะไรกันหว่า

​แต่คงไม่มีไรหรอก



"ขวา... ขวาของพี่ดิน้อง ขยับแบบนี้เมื่อไหร่จะถ่ายเสร็จครับ พี่ต้องถ่ายอีกหลายคนนะ"

อ้าว นั่นไง ว่าแล้วเชียว เรียกองค์พี่ลูกเกดกลับมาก่อน



ผมวิ่งเข้าออกฉากอยู่กว่าสิบนาทีจนเริ่มเหนื่อย ก็เลยเปลี่ยนมาเป็นช่วยพี่นิคพูดแทน แล้วก็แอบกระซิบบอกเพื่อนๆที่ยังไม่ถ่ายว่าให้เน้นแสดงอารมณ์เยอะๆ ไม่ต้องกังวลกับมุมกล้อง เดี๋ยวพี่นิคก็บอกเอง ถ้ามุมไม่ได้ แต่ขอให้ตั้งใจฟังดีๆก็พอ



"ชา ชาครับ"

"หึ?" อ้าว พี่ตองนี่นา เข้ามาเมื่อไหร่ "มีอะไรเหรอ"

"คือ... ไอ้บุ๋นมีเรื่องจะคุยกับชาอะ"

"แล้ว?" ไหนล่ะพี่บุ๋น

"มันขอคุยข้างนอก เรื่องส่วนตัวน่ะ"

"แต่ว่าชากำลังช่วยเพื่อน..."

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ช่วยเอง อีกสองสามคนก็จะเสร็จแล้วนิ..."

​มีเรื่องอะไรวะ

​"หน่า... นะ ไปเถอะครับ"

"ก... ก็ได้" ผมเดินออกมาจากฉาก ก่อนจะผลักประตูที่อยู่ถัดไป ก็พบกับพี่บุ๋นที่ยืนทำท่าว้าวุ่นใจอยู่ ผมจึงเรียก "พี่บุ๋น"

"อ... เออ ไอ้น้ำชา" พี่บุ๋นดูจะตื่นตกใจมากกว่ายินดีนะที่ได้เจอผม นี่อยากคุยกับผมจริงปะเนี่ย

"มีไรพี่" น่าสงสัย

"คือ... ถ้า..." ทำเอาผมลุ้นไปด้วยเลย "ถ้าเกิดว่า... กูจะขอรบกวนอะไรนิดนึงได้ไหม แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ กูเข้าใจ เพราะบางทีมันก็อาจจะมากเกินไป แล้วก็ไม่ใช่เรื่องของมึงด้วย แต่ถ้าสมมติว่าได้..."

"ใจเย็นพี่" โอ่ตายยยย รัวเป็นปืนกลเลย "พี่จะให้ผมช่วยอะไร"

"คือแบบ..."

"พูดมาเหอะพี่" เรื่องอะไรวะ ทำไมดูอ้ำๆอึ้งๆจัง ไม่สมกับภาพลักษณ์ประธานลีดคณะวิทย์เลย ไหนจะอีผ้าพันแผลเต็มไม้เต็มมือนี่อีก หรือว่า... "พี่จะปรึกษาผมเรื่องพี่ท๊อปเหรอ... โห ไม่ต้องเขินหรอกพี่"

"ไม่ใช่เว้ย!... ก็... ก็ใช่อ่ะ แต่ไม่ใช่แบบนั้น"

"แล้วมันยังไงอะพี่"

"คือเมื่อกี๊กูปรึกษาไอ้ตองมา นึกว่ามันจะช่วยได้ แต่มันบอกวามึงน่าจะช่วยได้มากกว่า เอ่อ..."

"พูดเถอะพี่" นี่ผมชักเริ่มจะใช้พลังงานในการลุ้นกับพี่มากเกินไปแล้วนะ

"ช่วยโทรบอก T-Queen ให้พูดกับพี่ปิงปิงให้หน่อยดิ"

"ห๊ะ?" ให้ใครพูดกับใครยังไงนะ

"คือตอนนี้อ่ะ พี่ท๊อปกับพี่ปิงปิงทะเลาะกันอะ จนเค้าสองคนเลิกร่วมงานกันไปแล้วอ่ะ งานพี่ท๊อปก็เยอะ ไหนจะเรื่องที่ต้องติดต่อกับค่ายที่เกาหลีอีก พี่ก็เลย...."

"เป็นห่วงพี่ท๊อปว่างั้น" กูก็อดไม่ได้ที่จะแซวเนาะ ถึงจะเป็นพี่ก็เถอะ

"กูเป็นห่วงงานพี่เค้าเว้ย ไม่อยากให้เสียเรื่อง อุตส่าซ้อมมาตั้งนาน"

"แหมพี่ เป็นห่วงก็บอกเป็นห่วงเหอะ"

"สรุปว่ามึงจะช่วยไม่ช่วย ถ้าไอ้ตองไม่แนะนำมา กูไม่มาขอร้องมึงหรอก นึกว่าเจ๊ซีซี่จะพอคุยให้ได้ ไม่คิดว่าต้องให้ถึงมือแม่ของมึงหรอก ไอ้น้องเวร"

"อ่ะๆๆๆ เดี๋ยวผมลองคุยกับแม่แป๊บนึงก่อนละกันพี่" รู้แล้วว่าทำไมพี่ท๊อปถึงหลงเสน่ห์พี่บุ๋น ตอนโวยวายเป็นคนน่ารักแบบนี้นี่เอง "รอแป๊บนึงนะพี่"

ผมเดินออกไปจากตรงนั้นไม่ไกล ก่อนจะกดโทรศัพท์หาคุณแม่ที่รักของผม แล้วเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง



"โอเคพี่ เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวแม่ผมจะคุยกับพี่ปิงปิงให้" ผมกลับมาพร้อมข่าวดี "แต่คงไม่น่ามีปัญหานะ เพราะพี่ปิงปิงก็ดูท่าจะเป็นปลื้มบริษัทของแม่ผมอยู่แล้ว"

"เห้ย!! จริงดิ" พี่บุ๋นร้องดีใจ

​มว๊ากกก



"เห้ย ไอ้บุ๋น มึงทำไรวะ"

ผมนี่อึ้งเลย

จู่ๆ พี่บุ๋นก็จับหน้าผมไปหอมแก้ม ก็ไม่ได้โดนจริงจังหรอก แต่ก็ช็อคอยู่เหมือนกัน นั่นแหละเป็นสาเหตุที่ทำให้มีอีกคนโวยวายเดินปึงปังเข้ามา

"เมื่อกี๊มึงทำไรน้ำชาวะ" พี่ตองโวยวายใหญ่โต นี่ออกมาจากห้องถ่ายภาพตอนไหนวะ

"ใจเย็นพี่ตอง ไม่มีอะไร" ผมรีบห้าม ไอ้บ้านี่ก็เลือดขึ้นหน้าเร็วเหลือเกิน "พี่บุ๋นไม่ได้ทำไรชา"

"ก็เมื่อกี๊พี่เห็นอยู่อ่ะ ว่าไอ้บุ๋นมันหอมแก้มชาของพี่อ่ะ"

"ไม่ได้โดนซะหน่อย นี่จะบ้าหรือไง ชากับพี่บุ๋นเนี่ยนะ คิดหน่อยดิ" ไอ้พี่ตองบ้า แกนี่ก็ตัวไม่ใช่เล็กๆนะ กูจะกันได้นานไหมเนี่ย

"เห้ยๆๆ โทษทีๆ กูลืมตัวไปหน่อย" พี่บุ๋นรีบแก้ตัว "คือกู..."

"คือไร" พี่ตองถามเสียงแข็ง

"พี่บุ๋นแค่ดีใจที่ชาช่วยเรื่องพี่ท๊อปไว้ได้ ก็เลยดีใจจนลืมตัวไปหน่อยแค่นั้นเอง" ฟังกูก่อนไหม "พี่ก็รู้เรื่องไม่ใช่หรือไง แล้วดูสภาพพี่บุ๋นตอนนี้หน่อย แผลเต็มตัวไปหมด ยังจะไปทำร้ายพี่เค้าเพิ่มอีกหรือไง"

"ไม่รู้อ่ะ ก็มัน..."

"ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ" ผมเริ่มจะหงุดหงิดแทนแล้ว

"อาๆๆ ไม่มีก็ไม่มี แต่ทีหลังมึงอย่าดีใจแบบนี้อีกนะไอ้บุ๋น"

"เออๆๆ กูลืมตัวไปหน่อย โทษว่ะ" พี่บุ๋นเกาหัวตัวเองแก้เก้อ

เห้อ.... สงบลงซะที



​มว๊ากกกกกก



"อะไรของพี่เนีย" ไอ้พี่ตอง แม่ง หอมแก้มกูเฉยเลย คราวนี้โดนจริง อย่างตั้งใจ ไม่ใช้ตัวแสดงแทน ต่อหน้าต่อตาพี่บุ๋นด้วย เล่นเอาพี่เค้าตาค้างไปเลย

"ไม่รู้อ่ะ พี่ลบรอยของไอ้บุ๋น พี่ไม่ยอมให้ใครทิ้งรอยไว้บนตัวชาหรอก"

ดูคำตอบของมันดิ ทั้งทำให้กูโกรธและพูดไม่ออกไปพร้อมๆกันได้ นี่กูต้องตอบยังไงดี



"แหวะ กูอ้วกได้ไหม" พี่บุ๋นพูดแทน

"หุบปากไปเลยมึงอะ" ไอ้นี่ก็ไม่หายเคืองเค้าซะที "ถ้าไม่ใช่มึง กูจะซัดให้ล่วงเลย"

"เออๆๆ ก็ขอโทษแล้วไงวะ... แต่ยังไงก็ขอบใจมึงสองคนมากนะ งั้นก็เข้าไปดูน้องซ้อมกันต่อแล้วนะ"

"ไม่ได้!" อะไรของไอ้พี่ตองอีกวะ "โทษฐานที่มึงทำผิดต่อแฟนกู มึงมาดูที่ห้องถ่ายภาพแทนกูเลย กูจะไปดูน้องซ้อมในหอประชุมเอง"

"อะไรวะ หน้าที่มึงไม่ใช่เหรอ"

"เออ ใครก็เหมือนกันแหละ สภาพเดี้ยงอย่างมึง จะไปช่วยซ้อมเต้นให้น้องได้ไง อยู่สตูอะดีแล้ว"

"......" พี่บุ๋นอ้ำอึ้ง ไม่รับปาก ก่อนจะเถียงกลับมา "มึงจะกลับไปอยู่กับไอ้น้ำชาต่ออะดิ ก็เลยไล่กูมาห้องนี้อ่ะ"

"ไปเหอะน่า..." ใช่จริงๆด้วย ดูความร้ายกาจของไอ้พี่ตอง "เอ่อ... เอางี้ เดี๋ยวกูบอกพี่ท๊อปให้มาอยู่เป็นเพื่อนมึง โอเคไหม"

"ไม่ต้อง กูอยู่ได้ มึงสองคนจะไปสวีทกันต่อก็เชิญเหอะ" พี่บุ๋นหงุดหงิดเฉยเลย แล้วก็เดินจ้ำๆเข้าไปในห้องถ่ายภาพ สวนกับปีหนึ่งที่เดินออกมา



"ไปกันเถอะ" ไอ้พี่ตองชวน

"ไม่ต้องเลย" ผมรีบพูด "พี่ตองนั่นแหละ ไปอยู่กับพี่บุ๋น ทำกับเพื่อนแบบนี้ได้ไง เอาเรื่องชามาเป็นข้ออ้างเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง"

"โห่... ไม่เอาอ่ะ"

"พี่ตอง" ผมเสียงแข็งบ้าง

"ก็เดี๋ยวให้พี่ท๊อปมาอยู่เป็นเพื่อนมันไง พี่อยู่กับไอ้บุ๋นก็เบื่อตายดิ"

"งั้นก็อยู่จนกว่าพี่ท๊อปจะมาก็แล้วกัน เดี๋ยวชาจะไปบอกพี่ท๊อปเอง"

"แต่...."

"ไปเดี๋ยวนี้เลย" ทำกับคนอื่น ต้องโดนซะบ้าง

ผมผลักไอ้คนตัวใหญ่ตรงหน้าอย่างยากลำบาก เพื่อให้มันเดินกลับเข้าห้องไป



"ไปเถอะชา เดี๋ยวได้ท่าเต้นไม่ทันคณะอื่นนะ" เกตุเรียกผม

"โอเคๆ" ผมรีบตอบ

ส่วนไอ้พี่ตองอะเหรอ ก็เดินงอแงเข้าไปในห้องถ่ายภาพ



ผมเดินกลับเข้าไปในหอประชุมพร้อมกับเพื่อนๆคณะวิทย์ เราใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงเพื่อถ่ายภาพ ไม่รู้คณะอื่นจะเสร็จกันตอนไหน แต่มีถ่ายหลายวัน คงทันสำหรับใช้โปรโมทในวันจันทร์หน้าอยู่แล้วล่ะ

ว่าแต่... พี่ท๊อปอยู่ไหนหว่า



อ่อ

นั่นไง



"พี่ท๊อป" ผมเรียก พี่ท๊อปเหมือนจะกำลังมองหาใครอยู่

"อ้าว ว่าไงชา"

"มองหาพี่บุ๋นอยู่ละซิท่า" ผมเริ่มด้วยการแซว

"ก็อย่างงั้นซิครับ" ยอมรับตรงๆเลย พี่ท๊อปนี่คนแมน 2020 ชัดๆ "ยิ่งเจ็บอยู่ด้วย ชารู้เหรอว่าบุ๋นอยู่ไหน"

"รู้ครับ อยู่ห้องถ่ายภาพ ว่าแต่... พี่บุ๋นไปโดนอะไรมาเหรอครับ ถึงมีแผลได้ เมื่อวานยังดีๆอยู่เลย"

"เรื่องมันยาวอ่ะ แต่ก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ งั้นพี่ไปหาบุ๋นก่อนนะ"

"แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องที่พี่ท๊อปทะเลาะกับพี่ปิงปิงหรือเปล่า" เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป ผมยังไม่หมดข้อสงสัย

"เอ่อ... ชารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ"

"รู้ซิ ก็พี่บุ๋นมาขอร้องให้ชาเคลียร์เรื่องนี้ให้"

"ขอร้องชาเนี่ยนะ"

"เรื่องของชาก็ยาวเหมือนกันครับ แต่เอาเป็นว่าชาพอจะช่วยได้"

"ไม่ต้องหรอกครับ พี่เองก็พูดไม่ดีกับปิงปิงไว้แรงอยู่ คงไม่กล้าจะขอให้เค้ามาเป็นบัดดี้ให้อีกรอบ"

"นี่ชาเองพี่ท๊อป ลืมไปแล้วเหรอว่าชาเป็นนักวางแผนระดับพระกาฬ เอาเป็นว่าพี่ก็เคลียร์กับพี่ปิงปิงหลังจากนี้ให้ดีก็แล้วกัน พี่บุ๋นอุตส่ามาขอร้องผมให้ ดีใจจนเผลอมาหอมแก้มผมเนีย ดูแลคนของพี่ด้วยนะ"

"หา?"

"ใช่ พี่ได้ยินไม่ผิดหรอก อย่าให้ผมโดนขโมยหอมแก้มฟรีละกัน... ไปดูแลพี่บุ๋นเถอะครับ"

"อ... อ่อ โอเค"

พี่ท๊อปเดินออกไปด้วยอาการมึนๆนิดหน่อย



งั้นเราก็ซ้อมดีกว่า

เพลงและท่าเต้นยังคงถูกเปิดวนไปเรื่อยๆ ผมกำลังจะหันมาสนใจการซ้อม แต่การเรียกคนขึ้นไปทดสอบดึงความสนใจของผมไปแทน

พี่ๆปีสองเรียกคณะแรกขึ้นไปทดสอบการเต้นบนเวที นั่นคงจะเป็น... คณะสังคมศาสตร์ซินะ ผมจำคนที่ชื่อข้าวเจ้าได้



​จากวันที่เธอได้เดินผ่านไปก่อน....



เพลงเริ่มขึ้นแล้ว



​ว้าววววว

​ไม่ใช่แค่ผมนะที่รู้สึกว้าวกับสิ่งที่เห็น คนอื่นๆที่ดูเหตุการณ์อยู่ก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน

ถึงแม้โดยส่วนใหญ่ คนที่ได้รับการทดสอบบนเวทีในขณะนี้จะยังเต้นกันไม่ได้ เพราะมีเวลาซ้อมกันน้อย แต่ก็มีอยู่คนนึงที่โดดเด่นออกมาจากทุกคน ผมรู้ว่าคุณก็ทายได้... ใช่ครับ ข้าวเจ้า นั่นเอง

นอกจากเกตุแล้ว ผมไม่เคยเห็นใครที่มีทักษะในการเรียนรู้และจดจำได้ดีเท่าเธอเลย จนกระทั่งเจอข้าวเจ้านี่แหละ ถึงรายละเอียดท่าจะยังไม่เฉียบคมเท่า แต่จังหวะ ความจำ และความมั่นใจ เอาไปสองร้อยคะแนนเลย



​You are my leader always.



มีเสียงปรบมือจากในหอประชุม เมื่อการทดสอบครั้งแรกจบลง

พี่ๆ เข้าไปสอนน้องๆแบบรายบุคคล และแนะนำเกี่ยวกับรายละเอียดท่าเต้นแบบคร่าวๆ



อ้าว....

แล้วกูจะมามัวชื่นชมเค้าอยู่ทำไม

ซ้อมซิ!



ผมเริ่มจากการซ้อมแบบที่เคยทำ นั่นคือการดูจนท่าเต้นอยู่ในหัว ฟังเพลงจนไม่ต้องจำ และเริ่มเต้นในท่าที่คิดว่าถูกต้อง แล้วค่อยเก็บรายละเอียดท่าที่คาดว่าจะผิดภายหลัง

เพราะคณะวิทยาศาสตร์ออกไปถ่ายภาพก่อน จึงเป็นคณะอื่นๆที่ได้ขึ้นไปเก็บรายละเอียดท่าเต้น ผมเดาว่าผมคณะของผมคงจะได้ขึ้นช่วงท้ายๆ แต่ถ้าความเร็วในการขึ้นเช็ครายคณะช้าแบบนี้ คงไม่พ้นกินเวลาไปถึงค่ำแน่นอน

จริงอย่างที่ว่า หลังจากที่พวกตัวแทนผู้นำเชียร์ปีหนึ่งนับร้อย ซ้อมกันจนกลิ่นเหงื่ออบอวนไปทั่วหอประชุม ซึ่งตอนนี้แอร์เริ่มจะเอาไม่อยู่แล้ว ผ่านไปสักพักทีม ก.น.ช.ในปลอกแขนสีดำก็เข้ามาดูการซ้อม เพราะตอนนี้พวกเราซ้อมกันจนถึงหกโมงเย็นแล้ว

มีการเจรจาระหว่างคณะกรรมการ ก.น.ช.และผู้นำเชียร์ปีสอง ผมก็ไม่รู้หรอกว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่ถ้าให้เดาก็คงเป็นการขอให้พวกปีหนึ่งซ้อมต่อจนกว่าจะตรวจสอบท่าเต้นครบทุกคณะ

ส่วนไอ้พี่ตองอะเหรอ ถึงแม้ว่าจะเข้ามาในหอประชุมได้ ก็ไม่ได้มานั่งเฝ้าผมอยู่เฉยๆ ต้องไปทำหน้าที่บนเวที ดูการซ้อมให้น้องปีหนึ่ง แต่ผมจับสังเกตุได้หลายทีแล้วนะว่าสาวๆพวกนี้ พยายามจะให้พี่ตองสอนให้เป็นพิเศษ ​

กูไม่ได้โง่นะ ท่าเต้นของผู้หญิงกับผู้ชายมันไม่เหมือนกันซะหน่อย

โชคยังดีนะที่ไอ้พี่ตองไม่ตอบสนองสาวๆพวกนั้น หรือแอบทำก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็เพราะว่าตอนนี้ผมเองก็มีสมาธิอยู่กับการซ้อมของตัวเอง จะสนใจเรื่องอื่นมากก็ไม่ได้



​โอเค เท่านี้น่าจะพอใช้ได้นะ



"โอ้โห เก่งสมกับที่ฟิตซ้อมมาเป็นปีนะมึงอ่ะ" ไอ้ต้อมเพื่อนสารเลวนั่นเอง "จำได้แล้วเหรอวะ ก็แหงล่ะ เพลงของมึงนิ ท่าเต้นเพลงนี้มึงก็ต้องทำได้ดีอยู่แล้ว"

"เพ้อเจ้ออะไรของมึง" ผมพยายามไม่ให้ความสนใจกับการเปิดประเด็นของไอ้เพื่อนเลวมากนัก เดี๋ยวแม่งต่อความยาวสาวความยืดอีก "ถ้าว่างมาคุยกับกู ก็ไปซ้อมก่อนไหม นี่ไง เพลงจะขึ้นอีกรอบแล้ว"

"กูถึงมาหามึงนี่ไง"

"เพราะ?"

"ให้มึงช่วยดูท่าเต้นให้หน่อย คณะกูยังไม่ได้ขึ้นเวทีเลย"

"ให้กูสอนมึงเรื่องเรียนอย่างเดียวก็พอแล้วมั้ง"

"เอาน่า ลีดผู้ชายในห้องนี้ไม่มีใครเต้นได้เท่ามึงล่ะ ยกเว้น ไอ้ข้าวเจ้าไรนั่นอะนะ"

"มึงก็ไปให้เค้าสอนให้ดิ"



ตั้งแต่วันที่เธอได้เดินผ่านไปก่อน....

​กรรม เพลงขึ้นอีกรอบแล้ว



"ไปๆๆ กูจะซ้อม" ผมไม่ได้เสียมารยาทที่ไล่มันนะ แต่ผมยังรู้สึกว่าตัวเองเต้นได้ไม่ดีพอที่จะสอนใครได้

"เออ สอนกูหน่อย" ไอ้นี่แม่งเซ้าซี่ "กูก็ไปหาไอ้ข้าวเจ้ามาแล้ว แต่มันเป็นไรไม่รู้ เลิกซ้อมไปแล้ว หลังจากเด็กสังคมออกไปถ่ายรูปมา มันก็กลับมานั่งซึมอยู่ข้างหลัง กูก็เลยพลอยอดให้มันซ้อมให้"

เกิดไรขึ้นวะ....?

ช่างมันเถอะ

"เออๆ งั้นมึงก็อยู่หลังกูละกัน ลองเต้นตาม ถ้าท่าไหนที่ทำไม่ได้หรือรู้สึกสงสัย ก็เอาไว้ถามกูหลังจากจบเพลง โอเคนะ"

"จัดไป"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:13:28 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
(ต่อ Part 2)

แล้วผมก็เริ่มสวมวิญญาณเมนเทอร์ลูกเกดอีกครั้ง เอิ่ม.... ไม่ใช่ซิ เรื่องเต้นต้องเป็น ตู้ ดิเรก เอ่อ.... อันนี้ก็ไม่ใช่ แก่ไป ช่างแม่ง กูจะมาเล่นมุกทำไมเนีย



"มึงลองงอศอกเข้ามาก่อนดิ แล้วค่อยวาดมือเป็นวงผ่านหน้าไปตรงๆ ทำเหมือนฉาบปูนแบบโค้งอ่ะ" ผมยังคงแนะนำไอ้ต้อมอยู่

"อ๋อ เข้าใจๆ" ไอ้ต้อมร้องดีใจ "แบบนี้ใช่ป่ะ"

"เออ"

ไม่เสียแรงที่ไอ้ต้อมตัดสินใจมาเข้าร่วมคัดเลือกผู้นำเชีบร์ของมหาวิทยาลัยด้วยกัน ในวันที่มันพูดว่าจะมาเป็นลีด ผมก็ไม่คิดว่ามันจะมาถึงจุดนี้ได้ มันอาจจะสูง หล่อ และเท่ แต่ก็ไม่เคยมีความคิดเรื่องแบบนี้มาก่อน พอได้ดูมันเต้นจริงๆจังๆแบบนี้แล้วก็เห็นชัดๆเลยว่า มันก็เป็นคนที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมของผู้นำเชียร์คนหนึ่ง ถ้ามันจะได้ไปถึงรอบสุดท้ายก็คงไม่น่าแปลกใจ

"แต่กูล็อกแขนแบบมึงไม่ได้ว่ะ ทำไงวะ กูว่ามันเท่ดี สอนมั่งดิ"

แน๊ะ ถามเคล็ดลับระดับลึกเลยนะมึง "ไม่รู้เว้ย มันเป็นไปเอง" กว่าพี่ตองจะสอนให้กูทำได้ขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ขอกูเก็บไว้เป็นไม้ตายของตัวเองบ้างละกัน

"โด่ งกนะมึง สอนกูหน่อย เร็ว"



"ต่อไป คณะวิทยาศาสตร์ค่ะ"

พระเยชูเจ้า ช่างส่งจังหวะที่ดีมาให้ลูกจริงๆ "กูไปก่อนนะ ซ้อมไปๆ มึงอ่ะ"



ผมขึ้นเวทีพร้อมเพื่อนๆอีกสิบเอ็ดคน ตอนนี้สภาพของแต่ละคนแทบจะไม่เหลือเค้าชุดนิสิตสะอาดเรียบร้อยแล้ว หน้ามัน เหงื่อชุ่ม เนื้อตัวร้อนกันหมด



"โอเค พร้อมนะคะ"



ตั้งแต่วันที่เธอได้เดินผ่านไปก่อน....

แล้วเพลงก็ขึ้น

ผมก็เต้นตามที่ซ้อมนั่นแหละครับ แล้วก็เป็นไปตามที่ตั้งใจซ้อมมา รู้สึกว่าหลายๆคนจะหยุดดูการเต้นของผมนะ เหมือนมีดวงตานับร้อยคู่จ้องมายังไงไม่รู้ โดยเฉพาะตาของไอ้คนตัวสูงตรงหน้า

ไอ้พี่ตอง ไม่คิดจะกระดิกตาไปมองคนอื่นบ้างเลยหรือไง เวทีนี้กูไม่ได้ยืนอยู่คนเดียวนะ



​แป๊ะ แป๊ะ​ แป๊ะ​ แป๊ะ​ แป๊ะ​ แป๊ะ​ ....



ดูมัน..... ไอ้พี่ตองปรบมือขึ้นมาซะงั้นหลังจากเพลงจบ

กูละอยากจะแทรกแผ่นดินหนี



"จ้าๆๆ น้องมันเต้นดี ต้องปรบมือให้ด้วยใช่ไหม ทีคณะอื่นไม่ปรบมือบ้างเลยนะ" พี่หนิงแซวพร้อมกับกรอกตาใส่พี่ตอง ไอ้พี่ตองแม่งก็เว้อร์เกิน ชอบทำอะไรออกหน้าออกตา นี่มึงเป็นเจ้าชายตองแห่งหอคอยเกียรติยศนะ ไม่รักษาภาพลักษณ์บ้างเลย

"ก็คณะนี้ถูกใจเราอ่ะ ก็ต้องปรบมือดิ ใช่ไหมไอ้เก้อ" ดูไอ้พี่ตองมันพูดดิ ต้องให้กูหน้าแดงออกมาตรงนี้ให้ได้ใช่ไหม แค่นี้ก็จะเก็บอาการไม่ไหวอยู่แล้ว

"เออ ครับๆ คุณชายตอง ถูกใจมากกกกกกครับ" พี่คนที่ชื่อเก้อคงจะเอือมกับไอ้พี่ตองซินะ

"พอๆๆ ไปเก็บลายเต้นให้น้อง" พี่หนิงสั่ง "น้องผู้หญิงมาทางนี้ค่ะ ส่วนผู้ชายไปทางโน้น เสร็จแล้วลงเวทีได้เลยนะ คณะอื่นจะได้ขึ้นต่อ"



"มา! พี่สอนให้" นั่นไง ไอ้พี่ตอง เร็วเหนือแสงจริงๆ เข้าประชิดตัวกูเมื่อไหร่วะ

"ไม่ต้องเลย มึงอ่ะ ไอ้ตอง มาช่วยน้องทางนี้นิ น้องน้ำชามันเต้นได้แล้ว" พี่เก้อเรียก

"ไปซิ" เออๆ รีบไปเลยโน่น พวกไอ้สุ่ยยังเต้นไม่ได้เลย

"โห่ ไล่พี่อีกแล้วนะ" ดูความงอแงของมัน

"ไม่ได้ไล่ เดี๋ยวเพื่อนพี่จะว่า ไปเถอะ..." ยังจะยืนทำหน้าหล่อ เอ้ย หน้างอใส่กูอีก "ไปซิ.... ด...เดี๋ยวคืนนี้ค่อยว่ากัน ไปได้แล้ว เร็ว อายเค้า มายืนทำมุ้งมิ้งอยู่ได้"

"พูดแล้วนะ"

เออๆ ไปได้แล้ว ออกไปจากตรงนี้ก่อน คนมองเต็มไปหมดแล้ว

กว่าจะทำให้ไอ้คนตัวสูงยอมทำตามที่พูดได้ แต่ก็ต้องกลายเป็นได้ครึ่งเสียครึ่งอยู่ดี ​กูเอ๊ยยยย



หลังจากเก็บรายละเอียดท่าเต้นโดยพี่ๆลีดมหาลัยเสร็จ ผมและเพื่อนๆคณะวิทย์ก็เดินลงมา เพื่อให้คณะอื่นขึ้นไปต่อ ผมก็กะจะไปซ้อมต่อ แต่มันดันไปเห็นอย่างนึงที่ทำให้สะดุดตา

ข้าวเจ้า นั่งซึมอยู่จริงๆด้วย



​เชี่ยยยยยยย



เข้าใจแล้วว่าทำไมมานั่งเศร้าอยู่ที่มุมหอประชุมคนเดียว

​ขนมตาล

​ถุงพลาสติกที่มีขนมตาลอีเหละเขะขะถูกวางไว้บนตักของคนที่กำลังนั่งก้มหน้าซึม



กูควรไปปลอบใจเค้าดีไหมวะ

​​หรือควรจะปล่อยไปดี

​แต่สาเหตุก็มาจากเรานะ

แต่ถ้าเราไปปลอบใจก็เท่ากับเราส่งเสริมให้เค้ามายุ่งกับพี่ตองอะดิ

เอาไงดีวะ....



"นาย" ​อ้าว ​ปากกูนี่ไวกว่าความคิดตลอดเลย "ข...ข้าวเจ้า"

เด็กหนุ่มหน้าตี๋เงยหน้าขึ้นมามองผม

ทำไมทำหน้าอึ้งๆแบบนั้น ​เค้าจะโกรธกูไหมวะ

​"เรื่องขนมตาลอะ..." จะแก้ตัวให้ไอ้พี่ตองว่ายังไงดีล่ะ จะบอกยังไงว่าทำไมมันไปอยู่ในถังขยะ

"เนี่ยอะเหรอ พี่ตองเค้าคงรังเกียจเราอ่ะ"

กรรม "ไม่ใช่อย่างงั้น... คือ..." นึกเหตุผลไม่ออกเลยกู "เราเป็นคนให้พี่เค้าทิ้งไปเองแหละ"

ข้าวเจ้าตาค้างเลย เออดิ กูก็อึ้งเหมือนกันที่พูดไปแบบนั้น

ช่างแม่ง โยนความผิดมาให้กูละกัน ดีกว่าให้ไอ้พี่ตองโดนคนอื่นมองไม่ดี ยิ่งกับคนที่เค้าหวังดีด้วยแล้ว ผมว่าผมเข้าใจความรู้สึกนะ เอาตามนี้แหละ

"ก็... ไม่มีเหตุผลอะไรหรอก เราแย่งจากมือพี่เค้าไปทิ้งเองนี่แหละ โทษทีนะ" ไปดีกว่ากู



"ทำไมต้องรับผิดแทนคนอื่นด้วยละน้ำชา"

ใครวะ ใครมาขัดจังหวะการสารภาพบาปของกู

​นั่นไง

​การกลับมาอีกครั้งของ.... พี่กั้ง

"พี่เห็นชัดๆว่าไอ้... เอ่อ... ว่าตองเป็นคนทิ้งด้วยมือของเค้าเอง"

เอาแล้วไง เห็นด้วยเหรอวะ ผมหันไปมองข้าวเจ้าที่มองตาลอยๆฟังเหตุการณ์

"มันก็เหมือนกันแหละพี่ ผมเป็นคนบอกให้พี่ตองทิ้งเอง" กูต้องเถียงซินะ

"แต่ที่เห็นมันไม่ใช่นะ ตองอ่ะ จงใจทิ้งของของน้องคนนี้" จะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมาวะ จากที่เคยเฉยๆ ตอนนี้พี่ชักจะล่วงล้ำกันมากเกินไปแล้วนะ "พี่ไม่ได้อยากสอนอะไรเรานะ แต่ตองเป็นถึงคนมีชื่อเสียงอันดับต้นๆของมหาลัย กับของแค่นี้ เค้าทิ้งได้ไม่ยากหรอก หรือแม้กระทั่งกับบางคน ที่เค้าอาจจะทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้..."

"พี่อย่ามาพูดแบบนี้นะ"

เดี๋ยวๆๆๆ

ต้องเป็นกูซิที่เป็นคนต่อปาก ข้าวเจ้าลุกขึ้นมาเถียงแทนเฉยเลย

"ผมอาจจะเสียใจที่ถูกทำแบบนี้ แต่ไม่ได้แปลว่าผมจะต้องไปเกลียดอะไรพี่ตองนะ ผมว่าพี่ไปทำหน้าที่ของตัวเองเถอะครับ"



​เชรดดดดดดดดดดดดด

​อึ้งกันหมด

นี่กูควรออกไปจากตรงนี้หรือเปล่าวะ



"พี่ก็แค่เตือน" พี่กั้งยังไม่วายที่จะทิ้งคำพูดไว้จี้ใจคนฟังก่อนจากไป

นี่คงกะจะให้กูได้ยินด้วยละซิ แค่นี้ไม่สะเทือนหรอก เพราะถ้าเจอกับพี่แอมมาแล้ว แค่นี้ จิ๊บจ๊อยมาก

แล้วกูจะยืนอยู่ทำไมล่ะ ก็ไปบ้างซิ



"เราไม่ได้จะไปลบรอยของใครนะน้ำชา"

เอ่อ..... นี่ข้าวเจ้ามันยังไม่จบเรื่องอีกเหรอวะ เมื่อไหร่กูจะได้ออกไปจากตรงนี้ซะที

"เราก็แค่ชื่นชอบพี่ตอง ไม่ได้คิดจะไปแย่งของๆใคร"

"แย่งอะไรล่ะ พี่เค้าไม่ได้เป็นของใครซะหน่อย" ผมพยายามแก้ตัว จะบ้าเหรอ ให้ผมไปแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ทำไม่เป็นหรอก

"งั้นเหรอ" ข้าวเจ้าหลี่ตาตี๋ๆของมันมองมาที่ผม มึงจะดูพิรุจอะไรในตัวกูรึไง "งั้นถ้าเราจะคุยกับพี่เค้าคงไม่มีปัญหาใช่ไหม"

"......." อ้าว ไอ้เล็บขบแมว มึงจะเอาไงแน่ ถ้าจะเล่นบท บี น้ำทิพย์ กับกู เดี๋ยวกูจะอัญเชิญองค์แม่ลูกเกดเดี๋ยวนี้แหละ

"ล้อเล่นน่า ทำหน้าแบบนี้ แปลว่ายุ่งไม่ได้ซิ ใช่ไหม..." เออ ไม่ให้ยุ่งเว้ย "ไอ้เรื่องใครเป็นคนทิ้งขนมตาล เราไม่ได้มีปัญหาหรอกนะ เราก็แค่แฟนคลับของพี่เค้าคนนึง ต่อให้ตอนนี้ไม่ใช่เรา วันอื่นๆก็คงมีแฟนๆคนอื่นเอาของไปให้พี่เค้าอยู่ดี ถ้าจะทิ้งของๆเราอีก เราก็คงได้แค่ทำใจ แต่เราแค่เป็นห่วงความรู้สึกคนอื่นๆที่ชื่นชอบพี่ตอง... ยังไงก็... ซื้อถุงขยะไว้เยอะๆหน่อยนะ ต้องมีให้ทิ้งอีกเยอะเลยล่ะ.... เราไปซ้อมต่อดีกว่า"



..............รู้สึกเหมือนถูกจี้ใจดำเลย

ที่ข้าวเจ้าพูดมาก็มีส่วนถูก ไอ้พี่ตองเป็นคนมีชื่อเสียงมาตั้งนานแล้ว จะให้มาคอยทิ้งของๆคนที่เค้าอุตส่าเอามาให้เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของผม มันก็คงใจร้ายเกินไป แต่ครั้นจะให้เปิดกว้างกับการเข้าถึงของบรรดาแฟนๆ ตัวผมนี่แหละ จะรับประกันตัวเองได้หรือเปล่าว่าจะไม่รู้สึกอะไร......





"เป็นอะไรครับ ทำหน้าเครียดตั้งแต่กลับมาแล้ว" พี่ตองเอ่ยปากถามผมที่นอนอยู่บนแขนของพี่เค้า "เครียดเรื่องซ้อมเหรอ"

"ก็นิดหน่อยอ่ะ" ผมตอบ จะบอกดีไหมน้า

"ชาเต้นได้แล้วนิ ไม่เห็นต้องกังวลเลย ที่สำคัญมีพี่อยู่ด้วยทั้งคนจะกลัวอะไร แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดเรื่องซ้อมเลย มาทำตามสัญญากันก่อนดีกว่า..."

"เดี๋ยวๆๆๆ" ไอ้พี่ตอง แกชักจะหื่นกามขึ้นทุกวันแล้วนะ "เรื่องขนมตาลอ่ะ"

"อ่อ เรื่องนี้นี่เอง ที่ทำให้เครียด พี่บอกแล้วไงว่าถ้าทำให้ชาสบายใจได้ พี่ก็จะทำ ชาห้ามพี่ไม่ได้หรอก"

"ชาไม่ได้จะห้าม แต่ถ้าว่ากันตามหลักการแล้ว ก่อนหน้านี้พี่ตองไม่เคยทิ้งของที่คนเอามาให้เลยนิ แล้วจะมาทิ้งเพราะแคร์ความรู้สึกชาคนเดียวแบบนี้ มันทำให้ชารู้สึกเป็นคนเห็นแก่ตัวนะ"

"พี่รู้ว่าพี่ไม่ควรทำ แต่ว่า พี่อยากทำเรื่องดีๆให้ชาบ้าง นี่แค่สองเดือนเองนะที่พี่ได้มีโอกาสดูแลเทคแคร์คนที่ทำดีกับพี่มาตั้งแปดปี ถ้าต้องเลือกให้ทุกคนเกลียดพี่ แต่ชายังรักพี่อยู่ สำหรับตอนนี้พี่ก็คงเลือกชาก่อน เอาไว้แปดปีผ่านไปค่อยว่ากันใหม่ก็แล้วกันนะครับ"

"นี่มันไม่ช่สมการนะพี่ตอง ชาคิดดีแล้ว พี่ทำตัวเหมือนเดิมเถอะ อย่าเอาของที่คนเค้าอุตส่าเอามาให้ไปทิ้งแบบนั้นอีกเลย ชาเข้าใจความรู้สึกของคนที่ถูกปฏิเสธนะ โดยเฉพาะกับพี่ตอง ชายิ่งเข้าใจดี"

"ก็เพราะอย่างงี้ไง พี่ถึงอยากแก้ไขอดีตที่พี่ทำไว้กับชา"

"เรื่องของชา ไม่ต้องไปคิดแล้ว อยู่ด้วยกันขนาดนี้แล้วไม่ต้องเว้อร์มากหรอก เรียนจบไปพ่อพี่ก็ขีดเส้นให้ชาไปทำงานกับพี่อีกอยู่ดี เพราะงั้นหันไปแคร์คนอื่นบ้างอ่ะดีแล้ว"

ไอ้ตัวสูงคิดนิดนึงก่อนจะถอนใจออกมา "โอเค ก็ได้ครับ ไม่ทิ้งก็ไม่ทิ้ง แต่พูดไปแล้ว นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่พี่รู้สึกชอบการบังคับของพ่อ ทำให้อนาคตของเรายิ่งชัดเจนไปอีก ไม่เคยรู้สึกโชคดีขนาดนี้เลย"

"เว้อร์ ออกไปได้แล้ว วันนี้ชาเหนื่อย จะนอนแล้ว"

"ง่ะ ไหนบอกคืนนี้ค่อยว่ากันไง"

"ก็ว่าเสร็จแล้วนี่ไง ไม่ได้บอกว่าจะต้องทำอะไรซะหน่อย คิดลามกตลอด" กูก็มีไม้นี้เหมือนกันนะ ฮ่าๆๆ

"น้ำชาใจร้าย"

พูดเสร็จไอ้พี่ตองก็ลุกออกจากที่นอน เดินไปยืดแขนยืดขาข้างเตียงเฉยเลย อารมณ์ไหนของมันวะ

"พี่เป็นไรอ่ะ"

"ก็วันนี้สอนเยอะ พี่ไม่ได้ซ้อมทุกวันเหมือนชา กล้ามเนื้อมันก็เลยปวดเมื่อยไปหมด" อ้อออ

"มานี่"

"......"

"มานอนตรงนี้"

"ทำไมอ่ะ"

"มาเหอะน่า นอนคว่ำดิ..."

"เดี๋ยวๆๆๆ ชาจะนวดให้พี่เหรอ"

ก็เห็นอยู่ยังจะมาถามอีก ไอ้พี่ตองนี่บ้าจี้หรือไงวะ ตั้งแต่เมื่อครั้งโน้นแล้ว เราจะนวดให้ก็วิ่งหนีเฉยเลย ครั้งนี้ก็เหมือนจะไม่ยอม "บ้าจี้หรือไง"

"ป...เปล่า"

"หรือกลัวชาจะนวดโดนจุดตาย ไม่ต้องห่วงหรอกน่า สมัยที่ชาซ้อมกีฬาเยอะๆ ชาเรียนนวดคลายกล้ามเนื้อมาด้วย ถึงซ้อมบาสหนักๆไปแข่งกับพี่ได้ไง เชื่อมือได้ นอนลงดีๆ เร็วๆ เดี๋ยวดึก"

"ม... ไม่... ไม่ใช่กลัว แต่..."

"แต่?"

"ชาไม่รู้หรอกว่าพี่รู้สึกยังไงเวลาที่ชามาทำอะไรแบบนี้ให้พี่... ถ... ถ้าคืนนี้ชาคิดดจะนอนพักผ่อน ก็....ก็นอนไปตอนนี้เลย ขืนมานวดให้พี่.... พี่คงห้ามใจตัวเองไม่ได้หรอก"

"..............."

นี่เหรอความในใจของไอ้พี่ตอง

​ไอ้บ้าเอ๊ยยยยยยย

​อยู่กันแค่สองคน มึงยังทำให้กูเขินได้ ยอมใจมันจริงๆ

"อ... โอเค" ผมกำลังพูดสิ่งนี้จริงๆซินะ "นอนลงไปเถอะน่า ให้ชานวดให้ก่อน หลังจากนั้น.....







.......จะทำอะไรก็ทำ"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:14:23 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​​ตอนที่ 39 : ลีดอ่อน







"อือหือ สมกับเป็นห้องซ้อมคณะวิทย์ ใหญ่โตหรูหรา" ไอ้ต้อมแสดงความตื่นตาตื่นใจในสถานที่ที่ผมพามันเข้ามา "มีแอร์อยู่ทุกมุมห้องเลย"

"เออ มัวแต่อ้าปากค้างอยู่นั่นแหละ มาซ้อมได้แล้ว" ผมเรียกไอ้เพื่อนสารเลว



วันนี้เป็นอีกวันที่ผมถูกไอ้ต้อมคะยั้นคะยอให้ซ้อมเต้นให้ เพราะไม่มีการซ้อมรวมจากพี่ลีดมหาลัย แถมพี่ตองพี่บุ๋นก็ไปประชุม ผมก็เลยกลายเป็นทางเลือกเดียวของมัน

จึงพามันมาที่ห้องซ้อมเต้นของคณะวิทยาศาสตร์ โชคดีที่ลีดคณะอย่างผมสามารถขอยืมใช้สถานที่ได้ คนอื่นๆก็คงซ้อมเหมือนกัน เพราะพรุ่งนี้เป็นวันทดสอบแล้ว ก็อย่างที่รู้กันดีว่า การทดสอบมีผลต่อตำแหน่งยืนในวิดีโอโปรโมท ทุกคนคงหวังได้แอร์ไทม์กันสุดๆ ถึงแม้ว่า ผมจะพออุ่นใจได้หน่อยๆที่ตัวเองเป็นที่รู้จักของสาธารณชนอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้อยากพึ่งความมีชื่อเสียงตรงนั้นมาก ถ้าสามารถปีนขึ้นไปถึงฝั่งฝันได้ด้วยความสามารถของตัวเองก็อยากจะทำ ไอ้ต้อมก็คงคิดงั้น ไม่งั้นมันคงไม่มาชวนผมออกมาซ้อม ทั้งๆที่มันควรจะไปเฝ้าขิงซ้อมสแตนเชียร์



"ฮัลโหลลลลล ซังกุงสูงสุด"

เจ้านักประดิดประดอยคำคนหนึ่งโผล่มา ไม่ใช่คนเดียวซิ สามคนเลย

ใช่แล้วครับ สามสาวแก๊งนางฟ้าเพื่อนของผมเอง

"มาเร็วนะพวกมึงอ่ะ" ผมแอบตกใจนิดหน่อย ที่เห็นว่าพวกมันมาตามนัดเร็วขนาดนี้ ทั้งๆที่เพิ่งจะผ่านเที่ยงมาไม่กี่นาที "กินข้าวกันหรือยังวะ"

"ยังนะซิ แต่พวกกูเอามาด้วย" อิช้างเจสซี่ชูกล่องอาหารของพวกมันให้ดู หลายกล่องไปไหม "แล้วกูก็ซื้อมาเผื่อมึงด้วย กูรู้ว่าช่วงนี้มึงซ้อมหนัก กูไม่เห็นมึงกินข้าวเที่ยงหลายวันแล้ว  เนีย กูทำเพื่อมึงขนาดนี้แล้ว อย่าลืมบุญคุณกูล่ะ... ​ต้อมก็กินได้นะ เราซื้อมาให้ด้วยเหมือนกัน​" พอคุยกับผู้ชายหล่อๆนี่มึงเปลี่ยนเสียงเร็วเชียวนะ

"เออ ขอบใจมากกกกก" ผมเลียนเสียงของมัน "แล้วไหนอ่ะกีต้าร์ที่กูให้หามาให้อะ"

"นี่ไง" อิเล็กเป็นคนตอบ มันยื่นกระเป๋ากีต้าร์สีดำใบใหญ่ที่ไม่เข้ากับมันมาให้ผม "วันหลังจะเอาอะไร ช่วยบอกกูเนิ่นๆหน่อยนะคะ บอกกูฉิวเฉียดขนาดนี้ ดีนะที่กูสามารถใช้ความสาวความสวยของกู ไปขอยืมกีต้าร์เพื่อนในเอกมาได้"

"เว้อร์ละอิเล็ก กูต่างหากที่ไปหามาให้ แค่บอกว่าอิชายืมแค่นั้นแหละ" วาวาเปิดเผยความจริง

"พูดมากอิวาวา มันก็เหมือนกันนั่นแหละ เค้ารู้ว่ากูใช้มึงให้ไปยืมไง เค้าก็เลยให้มา ถ้าไม่ได้บารมีของกู เขาก็คงไม่ได้มาหรอก"

"ขี้ตู่ชัดๆ เค้าให้เพราะอิชาหรอก ใครๆก็รู้ว่ามันฮอตในหมู่ผู้ชายขนาดไหน ขนาดเพื่อนผู้ชายในเอกยังหมายมันตั้งหลายคน"

"พอๆๆๆๆ" กูละปวดหัวจริงๆ นี่กูมีเพื่อนเป็นตัวประหลาดสามคนนี้ได้ยังไงวะ "เถียงไรกันอยู่ได้"

"มึงนั่นแหละ" "มึงแหละ"

ยังอีก อิพวกนี้นิ

"มึงเอากีต้าร์มาทำไมวะ" ไอ้ต้อมถาม ระหว่างนั้นมันก็ถูกอิสามใบเถากระเซะอยู่เนืองๆ

"เอามาอัดเพลงไง" ผมตอบ "อัดเพลงเอาไว้ จะได้มีสมาธิกับการซ้อมเต้น ที่สำคัญให้พวกอิเจสซี่ช่วยร้องเพลงไว้ให้ด้วย ​ว่าแต่ ​นี่! อิช้าง"

"อะไร" ยังจะมาถาม

"เลิกแทะโลมเพื่อนกูแป๊บนึง กูจะถามว่าพวกมึงมีเวลาร้องเพลงให้กูแน่นะ จะไปทันซ้อมสแตนใช่ไหม"

"ทันๆ เค้านัดตั้งบ่ายครึ่ง กว่าคนจะครบก็บ่ายสอง โดมอยู่แค่นี้เอง มึงกินข้าวก่อนเหอะ ไม่ต้องรีบ ​ต้อมด้วยนะ กินข้าวกันๆ​"

"ยุ่งกับเพื่อนกูมาก เดี๋ยวโดนเจ้าของเค้าทุบ กูไม่รู้ด้วยนะ"

"น้ำขิงอะนะ ไม่กลัวหรอก เราเป็นเพื่อนกัน แฟนเพื่อนก็เหมือนแฟนเรา เนาะๆ"

พูดไป ไม่เคยเห็นขิงตอนโมโหซะแล้ว

รีบกินข้าวดีกว่า จะได้อัดเสียงเสร็จเร็วๆ





"พวกกูไปก่อนนะมึง ไปนะคะต้อม ซ้อมเสร็จแล้วจะกลับมาหานะ"

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการทำเพลง สามเกริลแก๊งนางฟ้าของผมก็ไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ส่วนผมกับไอ้ต้อมก็ได้เวลาซ้อมแล้ว



"ไอ้ชาเย็น ทำไมท่านี้กูทำไม่ทันวะ"

"นั่นดิ กูก็เหมือนกัน พี่ลีดมอก็แนะนำท่านี้มาเหมือนกัน บอกว่าท่ากูยังไม่ตรงจังหวะ"

"ท่อนจบซะด้วยนะ"

"นั่นดิ... ลองซ้อมเยอะๆดูละกันมึง เผื่อจะดีขึ้น"

ตอนนี้เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นซะแล้วซิ ท่าสุดท้ายของเพลงนี้ มีรายละเอียดของท่าเยอะมาก แล้วก็เร็วด้วย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นจุดพีคของโชว์ เมื่อวานสบายใจไปหน่อยที่ทำท่านี้แบบข้ามๆ วันนี้ก็เลยต้องมายืนเกาหัว



"ว่าแล้วเชียวว่าชาต้องอยู่ที่นี่"

อ้าว "เกตุ" ​*แล้วก็...* "พี่กอล์ฟ หวัดดีครับ"

"ดีน้อง" พี่กอล์ฟ อดีตเดือนมหาลัยสุดหล่อ ผู้กุมหัวใจดาวมหาลัยปีนี้อย่างเกตุ ทักทายผมและไอ้ต้อม เมื่อทั้งสองเข้ามาในห้องซ้อม

"เมื่อกี๊เกตุโทรไปยืมห้องซ้อมกับพี่บุ๋น แต่พี่เค้าบอกว่ามาได้เลย ห้องเปิดอยู่แล้ว คิดอยู่แล้วเชียวว่าต้องเป็นชา" เกตุเล่า "ว่าแต่... ต้อมก็มาซ้อมที่นี่ด้วยเหรอ"

"ซ้อมเป็นเพื่อนไอ้ชาอ่ะ มันเต้นไม่ค่อยได้ เราเลยมาช่วยดูให้"

กล้าพูดนะมึงอ่ะ ถึงจะติดตลกก็เถอะ

"อืมมมมม มีคนเก่งกว่าลีดอัจฉริยะของคณะวิทย์ด้วยเหรอเนีย" เกตุก็พูดเกินไป

"พูดไป ถ้าอัจฉริยะจริง เราก็คงทำท่าสุดท้ายได้ไปแล้วซิ"

"อ้าว ชาเองก็ยังทำไม่ได้เหรอ เราว่าจะมาถามถึงท่านี้แหละ"

"ยังอ่ะ เหมือนเราเก็บรายละเอียดท่ามาไม่ครบอ่ะ แล้วจังหวะเกินระหว่างคำมันก็เยอะด้วย ไม่รู้ว่าต้องใช้เทคนิคไหนถึงจะทำให้ออกมาดูดี"

"แล้วไม่มีใครสอนให้เหรอ"

"ใครจะมาสอนให้ล่ะ มีกันอยู่แค่นี้"

"ก็... พี่ตองไง"

"บ้า! พี่เค้าจะว่างมาสอนได้ไง"

"ก็อยู่คอนโดด้วยกัน ไม่ว่างสอนให้บ้างเลยเหรอ"

"....."  เห้ยยยยยย รู้ได้ไงวะ นอกจากกลุ่มคนที่สนิทๆ ก็ไม่น่าจะมีใครรู้นี่นา

"อึ้งละซิ นี่ คนนี้บอก"

"อ้าว ตัวเองอ่ะ ไปบอกชาแบบนั้นได้ไงล่ะ" ที่แท้ก็พี่กอล์ฟนี่เอง ถ้าพี่กอล์ฟรู้ ก็แสดงว่าหลายๆคนคงจะรู้ซินะ "ต...แต่พี่ไม่ได้บอกใครมากมายนะ เกตุเค้าคะยั้นคะยอถามพี่อ่ะ"

"แฮ่ๆๆ" เกตุหัวเราะแห้งๆ "โทษที เห็นพี่ตองมารับมาส่งชาทุกวัน เกตุก็เลยอยากรู้ว่าพัฒนากันไปถึงไหนแล้ว เกตุก็สาววายเหมือนกันนะ"

การแก้ตัวของเกตุ ไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นเลย

"ไอ้ตองมันหลุดปากพูดออกมาอ่ะ คือ พวกพี่แหย่มันเล่นอ่ะ ไม่ต้องห่วงๆน้อง พวกพี่ไม่ใช่พวกชอบพูดเรื่องชาวบ้านหรอก รู้กันแค่ในกลุ่มวิศวะนั่นแหละ" แค่นั่นก็เยอะแล้วพี่กอล์ฟ "ยังไงชาก็เป็นครูของพวกพี่ พวกพี่ไม่หักหลังหรอก สบายใจได้นะ"

"ไม่ต้องไปคิดมากหรอกพี่ กะอิแค่อยู่คอนโดด้วยกัน เดี๋ยวเรียนจบไอ้ชาก็ต้องไปทำงานกับพ่อพี่ตองอยู่ดี เค้าสร้างห้องทำงานใหญ่โตไว้ให้มันแล้ว"

ไอ้สัดต้อม ไอ้เพื่อนชั่ว ไอ้เพื่อนสารเลว อภิมหาโคตรพ่อโคตรแม่เลว

"จริงดิ" เกตุไม่ต้องมาทำตาลุกวาวใส่เราเลยนะ

ส่วนมึง ไอ้ต้อม...

"เอ่อ...... เรามาซ้อมกันดีกว่านะ เดี๋ยวจะยาว" มึงได้ยาวแน่ไอ้เวรต้อม เอาเรื่องของกูมาเล่าแบบนี้ เดี๋ยวมีเฮ



"รอก่อนๆ"

ใครอีกวะ

ไอ้สุ่ยก็มา

"ซ้อมด้วยๆ" ไอ้สุ่ยรีบวางของ ก่อนจะมายืนหน้ากระจกกับผม ไอ้ต้อม และเกตุ ส่วนพี่กอล์ฟก็นั่งอ่านหนังสืออยู่หลังห้อง "หึ? มีอัดเพลงกันไว้ด้วยเหรอ เจ๋งว่ะ"

"เออๆ มาซ้อมได้แล้ว" ซ้อมซะทีเหอะ







"เป็นไงอ่ะ" เกตุถามพี่กอล์ฟ

พวกเราทั้งสี่คน ตัดสินใจเต้นให้พี่กอล์ฟดู เพราะไม่แน่ใจว่าที่ซ้อมกันมันดูเป็นยังไงบ้าง ด้วยความที่ซ้อมกันมาเป็นชั่วโมง แล้วก็ไม่ได้ท่าสุดท้ายซะที ระดมความคิดกันจนหัวจะแตกแล้วก็ยังรู้สึกว่าท่าสุดท้ายมันขาดอะไรบางอย่างไป

"ก็ดีนะครับ แต่ตอนจบเพลงทำไมดูแกว่งๆ เหมือนไม่มั่นใจกัน"

นั่นไง.... ขนาดที่กอล์ฟที่เต้นลีดไม่เป็นยังดูออกเลย กลายเป็นปัญหาซะแล้วซิ

"เอาไงดีอ่ะชา" เกตุหันมาถามความเห็นจากผม

"...." คิดไม่ออกจริงๆ บอกให้พี่ตองซ้อมให้ก็ติดประชุมอยู่ พรุ่งนี้ก็ต้องทดสอบแล้วด้วย ถึงจะมีเวลาคืนนี้ แต่ถ้าผมทำได้อยู่คนเดียว แล้วสามคนนี้ทำไม่ได้ก็รู้สึกไม่ค่อยดีแฮะ อุตส่าซ้อมช่วยกัน เอาไงดีน้า....



"ตอนนี้กี่โมงแล้ววะ" ไอ้สุ่ยเหมือนจะคิดอะไรได้

"บ่ายสาม" ไอ้ต้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา

"เราลองรีบไปคณะสังคมกันไหม ก่อนจะหมดเวลาเรียน"

ห๊ะ??? "ไปทำไมอ่ะ" ทำไมต้องคณะสังคมวะ

"ก็ลีดคณะสังคมคนนั่นไง ที่เก่งๆอ่ะ กูว่ามันน่าเต้นได้นะ ลองไปดู เผื่อมีคนมาซ้อมอย่างเรา"

"นั่นดิ น่าสนใจ" ไอ้ต้อมเห็นด้วย "ลองไปขอให้... ​ชื่ออะไรนะ อ๋อ ข้าวเจ้า คนนั้นชื่อข้าวเจ้า ก็ดูเป็นคนอัธยาศัยดีนะ ลองไปขอให้เค้าช่วยสอนให้ดู เผื่อฟลุ๊ค"

"เห้ย! เดี๋ยวก่อน" จะไปหาคนช่วย ทำไมต้องเป็นคนนี้วะ

"อะไรของมึงวะ" ไอ้ต้อม มึงไม่เข้าใจกูหรอก กูเพิ่งมีคดีกับข้าวเจ้ามา ถึงจะไม่มีอะไรแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้สึกว่าจะสามารถเข้าหน้ากันได้ตอนนี้อยู่ดี

"ก็... มึงจะรู้ได้ไงละว่าห้องซ้อมคณะสังคมเปิดอ่ะ อาจจะไปเสียเที่ยวก็ได้นะเว้ย" ใช่ๆ ต้องให้เหตุผลแบบนี้แหละ

"กูมีรถ มึงบ้าป่ะไอ้ชาเย็น นี่มหาลัยมัณฑนานะครับ ไม่ใช่ประเทศจีน ตึกคณะห่างกันไม่ถึงสิบนาที ไปๆๆ"

"ต... แต่กูว่าไม่ต้องหรอก เอ่อ... ใครมันจะมายอมสอนให้วะ ทุกคนเป็นคู่แข่งกันอยู่นะ"

"ก็ลองขอดูก่อน มึงกลัวเสียฟอร์มง่ะ"

"ก็เปล่า..."

โอ๊ยยยย กูจะปฏิเสธยังไงดี ถ้าไปเจอจริงๆ แล้วข้าวเจ้าเห็นว่ากูเป็นหนึ่งในคนที่มาขอความช่วยเหลือ คงไม่วายโดนเมินใส่แน่นอน ก็กูเพิ่งทำให้พี่ตองทิ้งขนมตาลของเค้าลงถังขยะไป ถ้าพวกมึงไม่อยากซวยไปด้วย อย่าไปเลย เชื่อกูเถอะ

แต่กูจะอธิบายยังไงดี เห้อ.........



"จะไปคณะสังคมกันเหรอ" พี่กอล์ฟแทรกขึ้นมา "ไม่มีคนอยู่หรอกครับ วันนี้สายรหัสพาน้องๆในคณะไปเลี้ยงกันครับ"

"จบ" ไอ้ต้อมเซ็ง แต่ผมโล่งใจ

"ชา มีปัญหาอะไรกับคนที่ชื่อข้าวเจ้าเหรอ" เกตุถาม

"ป... เปล่า" นี่กูแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ "ซ้อมกันต่อดีกว่านะ"

"ซ้อมไปเรื่อยๆ แล้วมันจะได้เหรอวะ" ไอ้ต้อมแสดงความคิดเห็น

"ซ้อมไปเหอะน่า"

ก็จริงอย่างที่ไอ้ต้อมว่านั่นแหละ รู้ว่านี้จะเป็นอุปสรรคใหญ่เลย เป็นการวัดศักยภาพความเป็นผู้นำเชีย์ของมหาวิทยาลัยอย่างแท้จริง ผมว่าจริงๆแล้ว พวกพี่เค้าอาจจะตั้งใจสร้างโจทย์นี้ขึ้นมาด้วยซ้ำ เพื่อวัดระดับของเด็กที่มีพรสวรรค์ทางด้านนี้จริงๆ ซึ่งเด็กพรแสวงอย่างผมก็คงก้าวข้ามไปไม่ได้ง่ายๆ รู้สึกอย่างกับกำลังปีนกำแพงสูงที่ผ่านไม่ได้เลย



สองชั่วโมงผ่านไป



"โห อยู่กันหลายคนเลย"

ในที่สุด....

น้ำตาจะไหล พี่ตองมาแล้ว ความหวังของวันพรุ่งนี้มาซะที

"พี่ซื้อของกินมาเพิ่มให้เอาไหม เหมือนจะไม่พอนะ นึกว่าอยู่กันแค่สองคน" พี่ตองแสดงบทเจ้าชายแสนดี

"ไม่ต้องหรอกค่ะ เรื่องกินเอาไว้ทีหลัง" อ้าวเกตุ นั่นมันพี่ตองนะ ไม่ใช่พี่กอล์ฟ ทำไมชิงพูดก่อนเราล่ะ "ช่วยมาสอนพวกเราหน่อยค่ะ พวกเราเต้นท่าสุดท้ายกันไม่ได้"

พี่ตองเอาแต่ยิ้มแห้งๆ

คือ...?

"พี่ต้องกลับไปประชุมต่อครับ" ห๊ะ!!!! "ต้องเตรียมสถานที่สำหรับทดสอบพรุ่งนี้ เอาของกินมาให้ก่อน เพราะยังกลับไม่ได้ ชาจะซ้อมต่อใช่ไหม"

ผมพยักหน้าอย่างสิ้นหวัง

"เห้ยพี่ สอนแป็บนึงก็ไม่ได้เหรอ" ไอ้ต้อมเริ่มเป็นเดือดเป็นร้อน

"ก็ถ้ามีคนอ้อน ก็คงพอได้"

หมายความว่าไง.....

ไม่... ไม่ ไม่นะ ไม่ใช่อย่างที่กูคิดใช่ไหม

"ไอ้ชาเย็น หน้าที่มึงเลย" ไอ้ต้อม มึงจะผลักกูทำไม "ไปดิ เร็วๆ ก่อนที่พี่เค้าจะกลับ"

ไอ้บ้าพี่ตอง เล่นบ้าไรเนีย

ใครจะไปอ้อนวะ คนเยอะแยะ

ใช่ซิ กูไม่อ้อนหรอก แต่กูจะใช้จิตสังหารแทน ดูซิว่าจะกล้าหือไหม

"....."

โอ้โห เดี๋ยวนี้กล้านะ พัฒนาเลเวลความกวนโอ๊ย ทำเป็นมองหน้าเฉยยิ้มมุมปาก

"เร็วดิ ไอ้ชาเย็น"

มึงจะมากดดันกูทำไม มันใช่เรื่องไหมเนีย ไหนจะเกตุ ไอ้สุ่ย พี่กอล์ฟอีก ให้กูมาทำออดอ้อนผู้ชายต่อหน้าคนอื่นเนี่ยนะ



​"เร็ว​"



ไอ้พี่ตองก็ยืนนิ่งเลย มึงเอาเวลาตอนนี้มาสอนเลยไม่ได้หรือไงวะ ทำไมต้องให้กูทำไรน่าอายด้วย เดี๋ยวเถอะมึง กลับไปห้องวันนี้ มึงไม่ได้ตายดีแน่



"พ... พี่ตอง สอนหน่อย"

"........."

นั่นไง กูว่าแล้ว ถ้าพูดธรรมดา มันต้องไม่ยอมแหง

ส่วนพวกที่อยู่ข้างหลังอ่ะ กูรู้นะว่ากำลังกั้นหัวเราะกันอยู่อ่ะ มีความสุขกันจังนะ



เฮ้ออออออออออ

หายใจเข้าลึกๆ

คิดซะว่าไม่มีใครอยู่ในนี้

เอาวะ ถือว่าเป็นคลาสการแสดง

ทำเพื่อเป้าหมายของเรา....



"​​พี่ตอง...." ผมเอื้อมมือไปจับมือคนตัวสูงเบื้องหน้า ก่อนจะแกว่งไปแกว่งมาเบาๆ "สอนชาเต้นแป๊บนึงได้ไหมอ่า... นะนะนะนะ พี่ตองสุดหล่อ สอนเค้าหน่อยน้าาาา"



นี่กูทำไปแล้วจริงๆใช่ไหม

รู้สึกหูร้อนตาร้อน ขนลุกไปทั้งต้นคอเลย



"อ๊ากกกกก" ไอ้ต้อมร้องออกมาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ มันคงสุดจะทนที่เห็นผมทำอะไรแบบนี้

แต่กูนิ เกินจะมีเสียงอะไรออกมาอีกแล้ว



"ไอ้ตอง ยอมๆสอนน้องไปเหอะ" พี่กอล์ฟอดไม่ได้ที่จะแทรกขึ้นมา "น้องอุตส่าอ้อนซะน่ารักขนาดนี้ กูนิใจอ่อนตั้งแต่เรียกชื่อแล้ว"

"อะแฮ่ม" เกตุรีบดักคอหวานใจตัวเองไว้

จะมาแซวอะไรกูกันนักหนาห๊ะ

ไอ้ตัวสูงนี่ก็ยังไง นี่กูทำขนาดนี้แล้วนะ



"พี่ล้อเล่นครับ ยังไงพี่ก็ไม่ว่างอยู่สอนให้อยู่ดี" อ้าว ไอ้เชี่ยพี่ตอง นี่มึงหลอกให้กูทำเหรอ "ใจเย็นครับบบ ถึงพี่จะอยู่สอนไม่ได้ แต่คนนี้น่าจะสอนได้นะ"

ใคร?

ไอ้พี่ตองเอื้อมมือยาวๆของมันไปเปิดประตูข้างหลังตัวเอง

แล้วคนที่เข้ามาก็คือ...

"น้ำขิงเนี่ยนะ?" ไอ้ต้อมชิงพูดก่อน

จะบ้าเหรอ ขิงเต้นเป็นที่ไหน ถ้าจะบอกว่าให้ขิงมาสอนจริงๆ กูจะกระโดดกัดหูไอ้พี่ตองตอนนี้แหละ



"เปล่าครับ" แล้วจะมีใครอีกล่ะ  ไอ้พี่ตองชะเง้อคอออกไปเรียกใครบางคนที่เก้อๆเขินๆอยู่หน้าประตูให้เข้ามา "​เข้ามาเลย เร็วเข้า ​...."

แล้วคนอีกคนที่ปรากฏตัวเข้ามาในห้องก็คือ....



​ข้าวเจ้า



เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

มาไงวะเนี่ย



"หวัดดี" ไอ้ข้าวเจ้าหน้าตี๋กล่าวทักทาย

นี่อย่าบอกนะว่ามากับไอ้พี่ตอง

มาด้วยกันได้ไง?

แล้วทำไมมาที่นี่?

แล้วคืออะไร ยังไง กูงง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:15:41 โดย Kings Racha »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
(ต่อ Part 2)

"พี่ไปละนะ"

"ด..." อะไรวะ นี่จะไปจริงๆเหรอ เรียกไม่ทันเลย ปิดประตูเร็วเกิ๊น

และในขณะที่ผมและอีกหลายๆคนยังตกอยู่ในภาวะงงงวย



"ต้อม อันนี้เราซื้อมาฝากนะ" ไอ้ข้าวเจ้าเดินไปหาไอ้ต้อมเฉยเลย พร้อมกับยื่นแก้วกาแฟให้ "กาแฟเอสเพลสโซ่น้ำผึ้ง"

"ห๊ะ!?" ไอ้ต้อมคงจะงง แต่ก็เดินไปรับอย่างไว พร้อมกับตาโต แต่ก่อนที่หลอดจะเข้าปาก มันคงเพิ่งจะสำนึกได้ว่ามีอีกคนอยู่ในห้อง "เอ่อ...." ไอ้ต้อมดูกล้าๆกลัวๆ

ในฐานะที่ผมเป็นเพื่อนไอ้ต้อมมานาน ผมรู้ว่ามันเป็นคอกาแฟ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเอสเพลสโซ่ผสมน้ำผึ้ง ที่มนุษย์ปกติเขาไม่ค่อยจะดื่มกัน เป็นเมนูโปรดของมัน แต่ตอนนี้มันต้องรีบข่มความอยากไว้ด้วยที่ว่า... ขิงก็อยู่ในนี้ด้วย

แต่มันแปลกกว่านั้นอีก ตรงที่ขิงพยักหน้ายิ้มๆ ส่งสัญญาณให้ว่า ดื่มได้เลย ไม่มีปัญหา



"หือ... อร่อยมาก" ไอ้ต้อมร้อง

"ก็ร้านที่หลังมหาลัยที่ต้อมไปซื้อกินบ่อยๆนั่นแหละ" ไอ้ข้าวเจ้าตอบเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งสำหรับกูแล้วไม่ธรรมดาเลย เมื่อวานมึงเอาของมาให้พี่ตอง วันนี้เอามาให้ไอ้ต้อม แล้วก็การมาถึงพร้อมๆกับไอ้พี่ตองอีก นี่มันเรื่องอะไรกันแน่

"......??" คราวนี้มองหน้ากู เพื่อ?



"เอ่อ...." ไอ้ต้อมทำลายความเงียบชั่วอึดใจ "ไหนๆก็มาแล้ว ช่วยสอนท่าเต้นเพลงพรุ่งนี้ให้หน่อยดิ พวกกุ... พวกเราซ้อมกันมาทั้งวันแล้ว ไม่ดีขึ้นเลย"

"มีปัญหาตรงท่อนสุดท้ายกันอะดิ มีปัญหากันทุกคณะเลย เอาดิเดี๋ยวสอนให้" แน๊ะ ไอ้ข้าวเจ้า ยิ้มแป้น เต๊ะท่าเป็นครูเชียวนะมึง จากสภาพที่เห็นเนีย กูว่ามึงเองก็ซ้อมมาทั้งวันเหมือนกันแหละ

"คือ... เราไม่รู้จักกันหรอก แต่ช่วยแนะนำหน่อยได้ไหม" "เราก็ด้วย" บุ๋นกับเกตุรีบออกตัว

"ได้ดิ แต่คงต้องใช้เวลานานหน่อยนะ ถึงจะทำได้แล้วแต่กว่าจะทำให้ตรงกับเพลงก็คงต้องฝึกกันหลายรอบ"

มึงจะทำตัวเป็นพ่อพระอะไรนักหนาวะ กูเริ่มไม่ไว้ใจในจุดประสงค์ของมึงละ กูยังไม่หายเคลือบแครงในตัวมึงหรอกนะ



"ไอ้ชาเย็น.... ไอ้ชา"

"อะไร" นี่กูมัวคิดจนเผลอทำตาลอยต่อหน้าคนอื่นหรือเปล่าวะ

"มาดิ มาซ้อม ไอ้... เอ่อ ข้าวเจ้าจะสอนแล้ว"

"จะเรียกยังไงก็ได้ ไม่ต้องสุภาพกับเราหรอก" ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกว่าไอ้ตี๋นี่ทำตัวน่าสงสัย ทำดีกับคนรอบตัวกูแบบนี้ มึงคิดจะทำอะไรกันแน่ "แล้ว... น้ำชา ไม่มาซ้อมด้วยกันเหรอ"

"เออ นั่นดิ" ไอ้ต้อมเสริม "มัวยืนทำหน้าเกรียนอะไรของมึงอยู่ได้ ไม่ซ้อมหรือไง"

"......" กูตอบว่า ไม่ซ้อม ได้ไหมวะ แม่ง ไม่ไว้ใจเลย

"มาเร็ว เพื่อนรอซ้อมอยู่" ไอ้ต้อมเร่งอีกครั้ง

นี่ไม่มีใครคิดว่ามันน่าแปลกบ้างเลยรึไงวะ



"ถ้ารังเกียจ เราออกไปข้างนอกก็ได้นะ" กูไม่ได้รังเกียจ แต่กูสงสัยในพฤติกรรมของมึง

"เห้ย!! เดี๋ยวๆๆๆๆ" ไอ้สุ่ยรีบท้วง

"ชา เป็นไรอ่ะ" เกตุก็เอาด้วย

"เห้ยไอ้ชา นี่มึงเป็นห่าอะไรของมึงวะ" ไอ้ต้อมคงสังเกตุเห็นท่าทีของผมจริงๆ มันจึงรีบเดินเข้ามาคุยกันผมเบาๆ "เราไม่ได้มีเวลาทั้งคืนนะเว้ย เราทุกคนเต้นไม่ได้ มีข้าวเจ้าคนเดียวนี่แหละ มึงมีปัญหาอะไรกันมาวะ"

"......" ตอนนี้ไม่มีหรอก แต่ในอนาคตไม่แน่

"ไปซ้อมเถอะชา" นี่ขิงก็ไม่คิดว่าน่าสงสัยอีกคนแล้วหรือไง

นั่นไง....

แต่ละคน มองกูอย่างกับกูเป็นตัวปัญหา



​เออๆๆๆ ​ซ้อมก็ซ้อมวะ

"ไม่มีไร กูแค่เหนื่อย ไปซ้อมเถอะ โทษทีๆ" เอาวะ เรื่องหลังจากนี้ค่อยให้เป็นเรื่องหลังจากนี้ก็แล้วกัน



"งั้นมาเริ่มที่ท่อนสุดท้ายกันเลยนะ" ไอ้ตี๋ข้าวเจ้าเริ่มสอน "ท่าที่ทำไม่ทันส่วนใหญ่คือท่าที่สามใช่ไหมล่ะ ท่าประกบมือคู่บนหัวอ่ะ ตอนแรกเราเองก็รู้สึกว่ามันแปลกๆที่ให้ทำท่านี้ต่อจากท่าที่เพิ่งจะเอามือลงไปข้างล่าง เพราะมันทำให้คนเต้นรู้สึกว่าต้องใช้แรงเยอะในการเอามือที่อยู่ข้างล่างขึ้นมาประกบกันข้างบน ทั้งต้องกางมือขึ้นให้เต็มวงแล้วไหนจะรายละเอียดเรื่องความแข็งแรงของท่าอีก แต่ที่ยากสุดก็คือ ท่อนนี้มันเป็นการแต่งเนื้อเพลงแบบขโมยจังหวะยก สังเกตุไหม?"

"อ่า...?" ผมยอมรับนะว่าผมเข้าใจสิ่งที่ไอ้ตี๋นี่กำลังอธิบาย แต่ไอ้ต้อมกับเกตุและสุ่ยคงจะงงกับการลำดับเรื่องที่ซับซ้อนแบบนี้

"พูดง่ายๆก็คือ" ไอ้ข้าวเจ้าพยายามหาวิธีอธิบาย "นับตั้งแต่ท่าชักมือไปเป็นวีหงายแล้วก็ปาดมือลงเพื่อขึ้นมาประกบข้างบน มีเวลาทำทั้งหมดแค่ครึ่งจังหวะหรือเศษหนึ่งส่วนแปดของห้องดนตรี... ก็หมายความว่าสรีระปกติของมนุษย์เราทำไม่ได้ไง"

"อ้าวววววว" ไอ้ต้อมและอีกสองคนลากเสียงยาว จริงๆผมก็เกือบจะหลุดปากออกไปเหมือนกัน อธิบายมาตั้งนาน สรุปคือมึงจะบอกว่าทำไม่ได้เนี่ยนะ

"ใจเย็นก่อนๆ ถึงจะบอกว่าสรีระปกติทำไม่ได้ แต่มันก็ต้องมีเทคนิกอะไรบางอย่างดิ ไม่งั้นพวกพี่ลีดมหาลัยจะอัดคลิปสอนเราได้ยังไง"

ก็ไม่อยากยอมรับหรอกว่า เห็นด้วยกับที่มันพูด

ผมอ่ะ คิดอยู่แล้วว่า ถ้ามันมีคนที่ทำได้ คนอื่นๆก็ต้องทำได้ เราแค่ยังแก้โจทย์ไม่ออกเท่านั้นเองว่าเขาใช้เทคนิคอะไร

"สังเกตุไหมว่าในคลิปสอนเต้นอ่ะ พี่คนไหนเป็นคนอัดคลิปลงไปบ้าง"

ห๊ะ???? เกี่ยวไรกันวะ

"เราไม่ค่อยรู้จักพวกพี่เค้าเท่าไหร่" ไอ้สุ่ยยอมรับ

"แต่เกตุจำได้สองคน มีพี่แตงโมกับพี่แอม" เกตุบอก แต่เธอก็ยังดูท่าว่าจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรู้ด้วยว่าเป็นพี่คนไหน

"พี่แอมมาจากคณะวิทย์ ทุกคนคงรู้อยู่แล้ว แล้วพี่แตงโมล่ะ?" ปริศนาคำทายยังคงถูกถามจากผู้สอนอย่างต่อเนื่อง

"ไม่แน่ใจแฮะ..." เกตุคุ้นคิด

"ศึกษาศาสตร์" ขิงอาสาตอบมาจากข้างห้อง

"ใช่ๆๆ ศึกษา" เกตุร้อง

"แล้วพี่ผู้ชายสองคนล่ะ?" คราวนี้เงียบ ไม่มีใครตอบ "ชา... คงรู้จักใช่ไหม"

อ้าว กูอุตส่าว่าจะยืนเป็นอากาศธาตุเงียบๆ มึงยังจะชี้เป้ามาหากูอีกเนาะ

เอาวะ ตอบก็ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นคนมีปัญหาอีก

"พี่ม็อบคณะแพทย์กับพี่มินวิทย์แพทย์" จริงๆก็รู้แหละ เห็นคลิปวิดีโอแว็บเดียวก็รู้แล้ว มีเหรอที่คนศึกษาเรื่องลีดอย่างผมจะไม่รู้จัก

"นี่ไงทุกคน เห็นไหม สังเกตุไหมว่าสี่คณะนี้มีอะไรที่เหมือนกัน"

อะไรที่เหมือนกัน?

อะไรวะ....

วิทยาศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ แพทยศาสตร์ วิทยาศาสตร์การแพทย์.......



เดี๋ยวนะ!!!!!



ใช่อย่างที่คิดหรือเปล่าวะ



"ล... ลีดอ่อน" ก็ฝืนใจตอบนิดนึง แต่สันดานเก่ามันแก้ไม่หาย เวลาหาคำตอบของคำถามได้ก็มักจะอยากพูดออกไปเสมอ ความทรงจำเมื่อสองสามเดือนที่แล้วมันกลับมา จำได้ว่า พี่ชมพู่เคยบอกไว้ว่าคณะพวกนี้ใช้การเต้นแบบลีดอ่อน

"นั่นแหละ นั่นแหละ ใช่เลย" เล่นใหญ่มากไอ้หน้าตี๋ นี่ไม่ใช่รายการปริศนาฟ้าแลบ มึงไม่ใช่คุณปัญญา ไม่ต้องดีใจที่กูตอบถูกขนาดนี้ก็ได้ "ทั้งๆที่มีพี่ๆลีดมหาลัยตั้งสิบสองคน ทำไมจงใจต้องเลือกพี่สี่คนนี้มาทำคลิปสอน ทำไมไม่ใช้ทุกคน ก็เพราะว่าจริงๆแล้ว มันเป็นเงื่อนไขของเพลงนี้ไง ลีดปีหนึ่งอย่างพวกเรามักจะเปลี่ยนความคิดว่าให้ใช้ท่าลีดแข็งเท่านั้นเวลาถูกลีดมหาลัยสอน แต่ลองฟิวชั่นท่าลีดอ่อนมาใส่ในท่อนนี้ดูดิ... ดูดีๆนะ"

ทุกคนตั้งใจดูการเต้นตัวอย่างหลังจากถูกไขปริศนาจนกระจ่าง แม้แต่ตัวผมเองก็เพ็งมองเป็นพิเศษ



"เห็นแล้ว" เกตุเกือบจะกรี๊ดออกมา แล้วเธอก็หันมามองผมกับไอ้สุ่ยอย่างกระตือรือร้น "นี่มันท่าดีดข้อมือของลีดคณะเรานี่นา"

"ใช่แล้ว" ข้าวเจ้ายิ้มให้กับผลลัพธ์ที่ตัวเองคาดหวัง "จริงๆแล้วท่อนนี้มีห้าท่าต่างหาก ไม่ใช่สามท่า"

"อ๋ออออออออออออ" ไอ้สุ่ยก็ถึงบางอ้ออีกคน "แบบนี้นี่เอง"

"เดี๋ยวก่อนนะทุกคน" ไอ้ต้อมแทรกขึ้นมา "คือผมมาจากสถาปัตย์ครับ อะไรคือลีดอ่อน อะไรคือดีดข้อมือ แล้วการทำห้าท่า มันจะช่วยให้ผมเต้นทันได้ยังไง ทั้งๆที่แค่สามท่า กูยังทำไม่ทันเลย"

"ชาช่วยอธิบายหน่อยดิ เราไม่ค่อยเก่งสายลีดอ่อนเท่าไหร่" ไอ้ตี๋ข้าวเจ้า มึงโยนมาให้กูอีกแล้วนะ

"คืองี้... ท่าดีดข้อมืออ่ะ มันเป็นเทคนิกการเคลื่อนไหวของลีดอ่อน อย่างเช่นคณะกู โดยปกติลีดแข็งอย่างคณะมึง จะใช้การเปลี่ยนท่าเต้นแบบตรงไปตรงมาให้ดูแข็งแรงใช่ไหม แต่ของสายลีดอ่อนอ่ะ จะมีการเร่งความเร็วของจังหวะเปลี่ยนจากท่านึงไปเป็นอีกท่านึงด้วยการสะบัดข้อมือแรงๆและเร็วๆ แต่ไม่มากไปจนสังเกตุเห็น การทำแบบนี้จะช่วยลดความแข็งของท่าเต้นลงได้แต่ยังได้ความแข็งแรงและอ่อนโยนไปพร้อมๆกัน เข้าใจไหม"

"เอ่อ... เข้าใจก็ได้ แต่กูจะทำได้ไหม" ไอ้ต้อมเริ่มโวยวายนิดหน่อย

"ทำได้ดิ" ไอ้ข้าวเจ้ารีบบอก "ห้องนี้มีลีดอ่อนอยู่ตั้งสามคน ทุกคนต้องช่วยกันอยู่แล้ว... ใช่ไหม?"

"เออ เดี๋ยวกูสอนให้" ผมบอกมัน

"แต่มันก็ยากนิดนึงนะ เราเองก็ฝึกมาทั้งวัน เพิ่งจะทำได้เมื่อสักพักนี่แหละ"

"อ้าว แล้วไหนเห็นมีคนบอกว่าเด็กสังคมมีเลี้ยงสายรหัสไม่ใช่เหรอ" ไอ้ต้อมสงสัย ผมก็สงสัย

"เราโดดเลี้ยงอ่ะ อยากทำให้ได้ อยากลองพยายามดู"

"เชรดดดด เท่สัดไอ้ข้าวเจ้า" ไอ้ต้อมร้องชม "ถึงขั้นโดดกินของฟรีมาซ้อมลีด"

"นั่นดิ" เกตุสนับสนุน "แค่เต้นเท่าที่ข้าวเจ้าเต้นได้เมื่อวานก็ว่าเก่งแล้วนะ แต่แก้ปริศนาออกมาจนได้ท่าที่สมบูรณ์ขนาดนี้ เก่งมากเลยอ่ะ ยอมแพ้เลย"

เออ ยอมรับก็ได้ว่ามึงเก่ง เป็นคนมีความพยายามดี แต่แค่ติดตรงที่มึงทำตัวแปลกๆนี่แหละ กูก็เลยยังไม่อยากยุ่งด้วย

"มาๆๆ ซ้อมกันเหอะพวกเรา" ไอ้สุ่ยเรียกซ้อม "ถึงจะรู้เทคนิคแล้ว แต่กูว่าคงต้องว่ากันอีกยาวนาน รีบซ้อมดีกว่า หรือจะกินก่อนดีวะ"



"กินก่อนซิ มากินกันก่อนเร็ว ซื้อของกินมาให้เต็มเลยยยยยยยยย"

นั่นไง การกลับมาของสามเกิร์ลยอดมนุษย์ อิเพื่อนสามตัวของผม ขนอาหารการกินพะรุงพะรังมาเสริมทัพกับของกินของพี่ตอง คราวนี้ละ กูโดนพี่ท๊อปด่าแน่ๆที่เปลี่ยนห้องซ้อมอันทรงเกียรติของคณะวิทย์ให้กลายเป็นโรงอาหาร

"มากินก่อนเร็วสุ่ย เราซื้อขนมมาให้เต็มเลยนะ" อิช้างเจสซี่ มึงนี่ก็หิวกระหายผู้ชายไม่เลิกจริงๆ "หรือจะกินเราแทบก็ได้นะ เนื้อแน่น อิ่มนาน แถมแซ่บเว้อร์"

"แหวะ อิช้าง กูจะอ้วกแทนสุ่ย" วาวารีบแขวะ "มึงรีบมาจัดข้าวของช่วยกูกับอิเล็กนี่เร็ว พวกอิชาต้องซ้อมต่อ"

"โอ้โห... อิวาวา อินังชะนีปากร้าย เดี๋ยวนี้เหิมเกริมกับตัวแม่ตัวจริงอย่างกูเหรอห๊ะ" ดูดิพวกผม น่าอายไหมล่ะ ไม่มีท่าทีของความเกรงอกเกรงใจ กูละไม่รู้ว่าจะอายหรือตลกดี ที่มีเพื่อนอย่างพวกมึง

"โนค่ะ มึงอะนะตัวแม่ ถ้ามึงทำอะไรกู กูจะฟ้องอิชา แม่ตัวจริง แม่ของแม่ก็คือแม่สูงสุด"

"โอ้โหๆๆๆ มึงเอาอิชามาขู่กูเหรอ"



"พอๆๆๆๆ" กูทนฟังพวกมึงไม่ไหวอีกแล้ว "ทุกคน รีบกินก่อนเถอะ ก่อนที่ห้องนี้จะกลายเป็นตลาด"



"มึงแหละ" "มึงแหละอิช้าง"



"ยังจะทะเลาะกันอีกนะพวกมึงเนีย" ต้องดุซะบ้าง อิพวกนี้ชอบทำผมขายหน้าต่อหน้าเพื่อนๆอยู่เรื่อยเลย "ดูอิเล็กเป็นตัวอย่างดิ มันไปดูแลเกตุแล้วโน่นน่ะ"

"ค่าาาาาา" อิช้างประชด "กูก็ซื้อมาให้มึงแล้วนี่ไง กะเพราะหมูกรอบบวกกุนเชียงทอดกรอบ และขนมนมเนยมากมาย โอเคแล้วนะคะองค์แม่ งั้นกูขอให้ปรนนิบัติเจ้าชายต้อมของกูต่อก่อนนะ.... อุ่ย! ตัวจริงของเค้ามาแล้ว" อิเจสซี่รีบถอยทัพทันทีที่เห็นว่าขิงอยู่กับไอ้ต้อมแล้ว มันเซ็งๆนิดหน่อย แต่ก็ได้เป้าหมายใหม่แล้ว "ไม่เป็นไรคนนี้ก็ได้ อ้าว!! ​ข้าวเจ้า มาไงเนี่ย"

"เอ่อ...."

เดี๋ยวนะ!?!?!?!?!?



คือไร....?



"รู้จักกันด้วยเหรอ" ปากของผมมันถามออกไปเอง

"รู้ซิ ก็นี่..." อิเจสซี่กำลังจะบอกบางอย่าง แต่ก็ถูกไอ้ข้าวเจ้าพูดแทรก

"เราเป็นเพื่อนโรงเรียนเก่ากันน่ะ"

ไม่ใช่แล้วล่ะ ท่าทางมีพิรุจแบบนี้

แต่ว่า... ถ้ามันสองคนรู้จักกัน นี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีก็ได้ที่ผมจะสามารถค้นหาจุดประสงค์ของไอ้หน้าตี๋นี่ได้ ว่าพฤติกรรมแปลกๆของมันคืออะไร

ถามจากอิช้างเพื่อนแก้วนี่แหละ น่าจะได้ความ  คาดคั้นมันนิดหน่อยก็คงจะยอมตอบแต่โดยดี



"อิเจส" ผมเรียกอิเจสซี่ที่ทำตัวเลิกลั่ก "ตามกูไปข้างนอกดิ"

"อะไรอ่ะ"

"มาเหอะ" ยังจะมาทำเป็นถามอีก

"ไม่ต้องเจส เดี๋ยวเราไปเอง" ไอ้ตี๋คงรู้ตัวแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น

"งั้นก็ออกไปกันให้หมดนี่แหละ" ผมสั่ง ไม่รู้ล่ะ งานนี้ต้องให้รู้ดำรู้แดงกันไปข้าง

ผมนำคนเบื้องหลังทั้งสองออกมาข้างนอกห้องซ้อม



"นี่คืออะไรอธิบายมาดิ" กูเริ่มก่อนเลยละกัน "มึงสองคนรู้จักกันได้ไง อย่ามาหลอกกูว่าเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกันนะ กูฉลาดพอที่จะดูออก แล้วมึง ไอ้ข้าวเจ้า มายุ่งกับคนรอบข้างของกูทำไม มาที่นี่ได้ยังไง แล้วเรื่องที่มาอาสาช่วยลีดนี่อีก มึงต้องการอะไรวะ"

"มันไม่ใช่อย่างงั้นอิชา"

"ไม่เป็นไรเจส เราอธิบายเอง" จะใครก็ได้ พวกมึงอธิบายมาเหอะ กูชักจะเดือดแล้ว "แต่ว่า... เราขอคุยกับชาสองคนได้ไหม ให้เจสเข้าไปเหอะ เจสไม่เกี่ยว"

"ไม่ได้" กูไม่ให้เข้าไป มีปัญหาไหม

มึงไม่ต้องมาตีสีหน้ากลัวกูอีช้าง มึงกับมันต้องรู้เห็นเป็นใจอะไรกันแน่ๆ

"เจส เข้าไปข้างใน เดี๋ยวเราเคลียร์เอง" มึงพูดว่าไงนะไอ้ตี๋วอก

"อิเจสซี่" อย่าให้กูต้องใช้คำขาดนะ

"เร็วๆ รีบเข้าไป"

ยิ่งห้ามยิ่งจะทำนะ ตอนนี้โกรธจนแก้วหูจะปะทุไอเดือดออกมาอยู่แล้ว

แล้วอิช้างก็กลับเข้าไปในห้องซ้อมจริงๆ มันคงกลัวผมมากที่เห็นผมในใบหน้านี้



"ไหนมึงรีบอธิบายมาดิ" กูไม่สนละ

ผมเดินเข้าไปจับคอเสื้อมันกระชากเข้ามา

ถึงกูจะตัวเล็กกว่ามึงนิดหน่อยแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะกลัวนะ

มีอย่างที่ไหน เข้ามาป้วนเปี้ยนกับพี่ตอง ทั้งๆที่ก็รู้สถานะของกูกับพี่เค้า แล้วยังจะมาวุ่นวายกับไอ้ต้อมอีก แถมยังมาทำเป็นพ่อพระจะช่วยอย่างงั้นอย่างงี้

กูคนนะ ไม่ใช่ควาย ที่จะดูเรื่องแปลกๆพวกนี้ไม่ออก



"เราก็แค่คนที่ไล่ตามหลังใครบางคนมา" นี่เหรอวะคำอธิบายของมึง มึงยังจะกล้าพูดเรื่องการตามพี่ตองมาต่อหน้ากูอีกเหรอ "ถ้าคนอย่างน้ำชาตามหลังพี่ตองมาได้ แล้วทำไมคนอย่างข้าวเจ้าคนนี้....







......​จะตามหลังน้ำชามาบ้างไม่ได้"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:16:14 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​​ตอนที่ 40 : ไอดอล







"....................................................................."

เมื่อสองสามชั่วโมงก่อน ผมได้ยินเรื่องที่ทั้งอึ้ง ช็อค สับสน และอธิบายไม่ถูก มันส่งผลให้การซ้อมเต้นของผมเป็นไปอย่างไร้ความหมาย ผมตกอยู่ในภาวะสมองว่างเปล่าจนถูกพาตัวมายังร้านอาหารหลังการซ้อมได้ยังไงก็ไม่รู้ ไอ้ต้อมลากผมมา พร้อมด้วยขิง เกตุ ไอ้สุ่ย สามสาวแก็งนางฟ้า พี่กอล์ฟ และต้นเหตุที่ทำให้ผมอยู่ในสภาพนี้.... ไอ้ข้าวเจ้า

​พวกเรามากันที่ร้านอาหารบุพเฟ่ ไม่ใช่หมูกระทะหรือชาบูนะ ก็เป็นอาหารปกตินี่แหละ แต่สามารถไปตักได้เลยตามใจชอบ แล้วเอามานั่งกินที่โต๊ะ ที่นี่ค่อนข้างมีชื่อเสียง เพราะเป็นร้านอาหารที่เปิดสำหรับคนที่อยากกินอาหารมื้อดึก และมีอาหารให้เลือกหลากหลายประเภท



"ขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะหนุ่มๆ" อิช้างเจสซี่ประกาศ "โดนผู้ชายรายล้อม น้ำก็เลยเดินผิดปกติ"

อิห่าเอ๊ย แค่ไปเข้าห้องน้ำก็ต้องสาธยายให้คนอื่นฟัง แต่ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเท่าไหร่

ผมรีบลุกขึ้นเพื่อเดินตามหลังอิช้างไป มีเรื่องที่ต้องถามมันให้เข้าใจ



"มึงก็จะไปห้องน้ำเหรอ" ไอ้ต้อมถาม แต่ผมไม่ตอบ แค่พยักหน้านิดหน่อย

"ชา" นั่นไง เสียงจากคนที่ผมไม่อยากได้ยินที่สุด ไอ้ข้าวเจ้าเรียกอีกแล้ว มึงจะมาเรียกกูทำไม

ช่างแม่ง เดินหนีเลยดีกว่า ไม่อยู่เปิดโอกาสให้มันพูดอะไรอีกแล้ว



ผมออกเดินตามหลังอิเจสซี่มาจนถึงห้องน้ำ.... ​ห้องน้ำหญิง

​อิห่าเอ๊ยยยยยย

กูจะตามเข้าไปได้ยังไงละคราวนี้..... ยืนรออยู่ตรงนี้ละกัน



"ไม่สบายใจเรื่องของเราเหรอ"

โอ๊ะ ไอ้ข้าวเจ้า ไอ้นี่นิ มึงยังจะตามมาถึงนี้อีกเหรอ

"หยุด" มึงหยุดอยู่ตรงนั้นแหละ บอกตามตรงว่ากูงงในงงอีกทีนึง ทำตัวประหลาดๆแบบนี้ ใครจะไปเข้าใจวะ

"ฟังเราก่อนดิ"

"จะให้ฟังไรวะ มึงทำตัวแบบนี้ใครจะไปคิดว่ามึงมาดีวะ เดี๋ยวก็ทำดีกับคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย แล้วก็มาพูดว่าตามกูมา กูไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้นอ่ะ กูรู้อย่างเดียวว่ามึงน่ากลัว มึงจะไปไหนก็ไปเลยนะ" ไอ้ห่าเอ๊ย หนีออกไปจากตรงนี้แม่งเลยดีกว่า

"มันไม่ใช่อย่างที่คิดนะชา"

ไอ้สัด นี่มึงกล้าคว้าแขนกูไว้เลยเหรอ

"ปล่อยนะเว้ย!" ผมยอมรับเลยว่าห้ามเสียงตัวเองไว้ไม่อยู่พร้อมกับสะบัดแขนออกอย่างเร็ว อารมณ์มันขึ้นสุดๆ

"ถ...ถ้าเราทำให้ชาอึดอัดขนาดนั้น... เราไปก็ได้นะ"

"...." เออ กูอึดอัด จะไปก็ไปให้ไว้เลยนะ

"แต่..."

"ทำไมไม่รีบไปวะ" ไอ้ห่านิ ยังจะมาแต่อีก

ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่นอกจากที่ไอ้ตี๋ข้าวเจ้ามันจะหน้าเสียแล้ว เหมือนมันจะตาแดงๆอย่างกับคนจะร้องไห้ ​กูไม่ได้ทำไรผิดซะหน่อย มึงนั่นแหละประหลาดเอง



"เสียงดังอะไรอิชา​" อิเจสซี่ออกมาจากห้องน้ำในที่สุด "ข้าวเจ้าเป็นไรอ่ะ.... อิชา มึงทำไรเพื่อนกูเนีย"

"ยังจะมาโกหกกูอีกนะ มึงสองคนนี่ยังไงวะ"

"โกหกอะไรของมึง" ยังจะถามอีกเหรอ

"ก็เรื่องที่มึงบอกว่าจบมาจากโรงเรียนเดียวกันไง"

"นั่นมันเรื่องจริง กูกับข้าวเจ้าจบจากโรงเรียนเดียวกัน เป็นเพื่อนห้องเดียวกันด้วยซ้ำ ต้องให้กูสองคนโชว์บัตรนักเรียนให้มึงดูไหม"

"......" ยังไงกันแน่วะ คนอย่างอิเจสซี่จะกล้าโกหกกูเหรอ แล้วทำไมเมื่อเย็นมันสองคนทำท่าแปลกๆ หรือจริงๆแล้วพวกมันกำลังโกหก "แล้วพวกมึงทำท่าอะไรกันแปลกๆ"

"แปลกอะไรของมึงวะ"

"ก็ไอ้เนี่ย เพื่อนมึงอ่ะ ทำท่าแปลกๆ พูดจาก็แปลกๆ เดี๋ยวก็บอกว่าชอบพี่ตอง เดี๋ยวก็ซื้อของมาให้ไอ้ต้อม แล้วเมื่อตอนเย็นมันยังบอกว่ามันตามหลังกูมาอีก จะให้กูคิดยังไงวะ"

"ก็..."



"เจส!"

เอาอีกแล้ว ไอ้ข้าวเจ้าขัดจังหวะการอธิบายของอิช้างอีกแล้ว มึงมีอะไรกันแน่วะ กูทั้งอยากรู้แต่ก็กลัวพฤติกรรมของมึงเหมือนกัน จนกูต้องบอกตรงๆว่าไม่รู้จะแสดงท่าทียังไง นอกจากโกรธไว้ก่อน แม่ง ทำตัวอย่างกับพวกโรคจิต



"เห็นไหม นี่ไง ทำตัวมีลับลมคมใน" ผมยืนยันในความคิดตัวเอง

"มันไม่ใช่อย่างนั้น" อิเจสซี่กลับมาเถียงอีกรอบ "มึงเข้าใจผิดแล้ว"

"เข้าใจผิดยังไงวะ"

"เข้าใจผิดเรื่องที่เพื่อนกูทำตัวแปลกๆนี่ไง ที่มันทำแบบนี้ก็เพราะว่ามันพยายามใกล้ชิดกับมึง ก็ข้าวเจ้าอ่ะ..."



"....มองชาเป็นไอดอลไง​"

!!!!!!!

เสียงพี่ตองนี่หว่า

ไอ้คนตัวสูงส่งเสียงมาจากข้างหลังของผม

​มาถึงเมื่อไหร่วะ

​แต่เดี๋ยวก่อนนะ... เมื่อกี้ว่าไงนะ

ใครมองใครเป็นไอดอลนะ



"ว่าไงนะ"

"เด็กคนนี้เค้าอยากเป็นเพื่อนกับชา" ไอ้พี่ตองอธิบาย แต่ผมอ่ะ รู้สึกเหมือนในหัวมันมึนๆพิกล "เค้ากำลังพยายามเข้าหาชาอยู่"

"เห็นไหม กูบอกมึงแล้ว" อิช้างเจสซี่เสริม

"เดี๋ยว..." ผมพยายามตั้งสติ นี่กูไม่ได้เป็นคนขี้ระแวงนะ "การกระทำของมัน จะให้กูเข้าใจว่ามันอยากเป็นเพื่อนกูได้ไงวะ แล้วยังไงวะ ไม่มีเหตุผลเลย ทำไมถึงจะมามองกูเป็นไอดอล เราไม่ได้รู้จักมักจี่กันซะหน่อย"

"นี่ชาไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าตัวเองดังขนาดไหน" ไอ้พี่ตองอธิบาย มันเอามือใหญ่ๆมาเตะไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะเขย่าให้ผมใจเย็นลง

"ก็..." ผมไม่รู้จะต้องตอบว่าไง

"แล้วข้าวเจ้าก็เป็นเพื่อนกู เรื่องของมึง มันก็รู้มาจากกูนี่แหละ" อิช้างอธิบายเสริมอีกครั้ง

"อะไรวะ" ผมเริ่มสบถ ก็สถานการณ์ตอนนี้ อยู่ดีๆผมก็ดูคล้ายว่าจะเป็นคนผิด ​ไม่จริงๆ เรื่องมันต้องมีอะไรมากกว่านี้ "แล้วพี่ตองรู้ได้ไงอ่ะ"

"ก็ไอ้น้องมันไปปรึกษาพี่" นี่คือคำอธิบายของไอ้พี่ตอง

"เมื่อไหร่"

"เมื่อเช้า"

"ห๊ะ!? เมื่อเช้า? ทำไมชาไม่เห็นอ่ะ"



"มึงต้องเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับพี่ตองหรือไงคะอิซังกุงสูงสุด มึงนอนอยู่บ้านเดียวกับพี่เค้าหรือไง" อิเจสซี่เอ็ดผม

"ก็ใ..."

"ว่า?"

เกือบไปแล้วกู เกือบหลุดปากไปแล้วว่าพักอยู่คอนโดด้วยกันกับไอ้พี่ตอง ไม่เอาๆ จะให้คนรู้มากไปกว่านี้ไม่ได้ แค่นี้ก็รู้กันเยอะแล้ว

"ก็กูไม่เห็นอ่ะ กูก็ต้องสงสัยดิ" ผมแก้ตัว

"ขิงเป็นคนพาไปหาพี่ที่คณะเอง" ว่าไงนะ!!! ขิงเนี่ยนะ "เมื่อเช้า น้องมันไปสารภาพกับพี่ว่าแอบปลื้มชาอยู่ แต่กำลังพยายามเข้าหาชาอยู่ ก็เลยไปสืบเรื่องของชามา ที่ทำดีกับพี่กับคนรอบข้างของชาก่อน ก็เผื่อว่าจะเกิดปัญหาโดนกีดกันภายหลัง"

"ห๊ะ?" นี่ผมตกตะลึงกี่รอบแล้วเนีย ทำไมเรื่องมันฟังดูงงๆ และแปลกๆ ยิ่งวิธีการคิดของไอ้ข้าวเจ้ายิ่งแปลก ฟังดูไม่น่าเชื่อถือเลย "ทำไมถึงคิดงั้นอ่ะ"

"เรากลัวจะโดนพี่ตองกีดกันอ่ะ" หลังจากให้คนอื่นอธิบายมามาก ไอ้ข้าวเจ้าก็ออกปากเองบ้าง "เจสบอกเรื่องความสัมพันธ์ของชากับพี่ตอง เราก็เลยกลัวว่าพี่ตองจะว่า ถ้าเราเข้าหาชาตรงๆ"

"ด้วยการทำเป็นชอบพี่ตองเนี่ยนะ" กูไม่อยากจะเชื่อเลย "แล้วไอ้ต้อมอ่ะ มึงไปยุ่งกับไอ้ต้อมทำไม"



"กูเองๆ" อิช้างรีบพูด "กูบอกข้าวเจ้าเองว่ามึงกับต้อมสนิทกันมากกกกก คืองี้อิชา...." อิเจสพาข้าวเจ้าเดินเข้ามาใกล้ผม หน้าของไอ้ตี๋ตอนนี้อยู่ระหว่างคนขี้กลัวกับคนสำนึกผิด ตัวสั่นเนืองๆ ผมก็เลยแอบใจอ่อนหน่อยๆ "เพื่อนกูคนนี้อ่ะ เป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเองมาก ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่มันบังเอิญว่าหน้าตาหน่วยกานดี ก็เลยโดนคัดให้ไปเป็นลีดสังคม ปัญหามันก็เลยเกิดไง คนขาดความมั่นใจ จะให้เป็นผู้นำคนมันก็ยากอยู่ จริงๆตอนแรกข้าวเจ้าก็กะจะลาออกจากลีดแล้วนะ ​แต่มึงจะบ้าเหรอ คนทั้งมหาลัยนี้เจ็ดสิบแปดสิบเปอร์เซ็นก็อยากได้โอกาสนี้กันทั้งนั้นแหละ ในฐานะที่กูเป็นเพื่อน กูก็เลยแนะนำว่าให้ลองดูมึงเป็นตัวอย่าง... แต่ไม่รู้ไปตามดูมึงยังไง ดันปลื้มมึงขึ้นมาจริงจังซะงั้น"

พูดจริงป๊ะเนี่ย "จะบ้าเหรอ คนอย่างกูเนี่ยนะมีคนปลื้ม"

ผมพยายามดูสีหน้าไอ้ข้าวเจ้าอีกครั้ง มันแสดงภาวะขาดความมั่นใจออกมาจริงๆด้วย



"แฟนพี่ออกจะน่ารักขนาดนี้ ก็ต้องมีคนปลื้มบ้างซิครับ" ดูไอ้พี่ตองพูด ไอ้บ้าเอ๊ย มึงก็พูดไม่อายเลยเนาะ จะปิดปากมันก็ไม่ทันแล้ว "จะให้น้องโชกุนปลื้มอยู่คนเดียวได้ไงละ"

"หวานอีกละพี่ตองอ่ะ" อิเจสซี่อายม้วน มึงจะอายทำไม พี่ตองหยอดกู ไม่ได้หยอดมึง "ไม่เห็นหวานกับเจสซี่บ้างเลย"

"อิช้าง" กรรม ปากกูนี่ก็ไวตลอด ดันไปแสดงความหึงหวงต่อหน้าไอ้พี่ตอง ไอ้บ้านี่ก็เลยยิ้มได้ใจใหญ่ เปลี่ยนเรื่องพูดดีกว่า "แล้วทำไมข้าวเจ้าไม่บอกเราตรงๆอ่ะ เป็นเพื่อนกันไม่เห็นจะยากเลย"

"ร...เราก็แค่คิดเผื่อไว้อ่ะ" ดูไอ้ตี๋ข้าวเจ้าอธิบาย กูจะโกรธมึงก็โกรธไม่ลง เอาจริงๆนะ กูยังงงๆอยู่เลย "ถ้าเข้ากับคนรอบข้างของชาได้หมดก่อน ก็น่าจะเข้าหาชาง่ายขึ้น ที่สำคัญ พี่ตองจะได้ไม่เข้าใจผิด หาว่าเราเข้ามายุ่งกับแฟนพี่เค้า"

"เออๆๆๆ ไม่ต้องพูดแล้ว" มึงก็ยังจะวนกลับเข้ามาเรื่องนี้อีกเนาะ "ต่อไปก็ไม่ต้องทำอะไรแปลกๆแล้วนะ ใครๆก็เป็นเพื่อนกันได้ทั้งนั้นแหละ"

"เดี๋ยวก่อนมึง! มึงยังไม่รู้อะไร" อิช้างเจสซี่เห็นว่าสถานการณ์ดีขึ้นก็ถือโอกาสโม้ใหญ่ "ข้าวเจ้าอะนะ สมัยก่อนไม่ใช่คนช่างพูดช่างจานะ อยู่แต่หลังห้อง แต่พอมีมึงเป็นไอดอลนะ พูดทั้งวัน พูดไม่หยุดเลย"

"เดี๋ยวๆๆ อิเจสซี่ นี่มึงหลอกด่ากูนิ"

"ใครจะกล้าด่านายแม่ละคะ กูจะบอกว่า กล้าพูดกล้าแสดงออกมากขึ้น ซ้อมลีดตีสองตีสามทุกวัน โทรมาหากูอยู่นั่นแหละเรื่องมึงอ่ะ น้ำชาชอบกินอะไร น้ำชาเรียนเป็นยังไง น้ำชาเต้นไปถึงไหนแล้ว เหนื่อยจะตอบ.... แต่ที่เด็ดสุด วันนี้กูจะขอเปิดตัวเจ้าของแอดมินเพจ LOVE LEADER ​ข้าวเจ้านี่แหละค่ะ เห็นหรือยังว่าเพื่อนกูปลื้มมึงขนาดไหน"

เชรดดดดดดดดด

โลกกูว่างเปล่าไปเลยตอนนี้

"ที่มันซ้อมหนักทุกวันก็เพราะมึง ไปตามหาข้อมูลว่าพี่ตองชอบอะไรก็เพราะมึง ไปสืบว่าต้อมชอบอะไรก็เพราะมึง ไม่แน่นะ มึงลองไปถามน้ำขิงดูดิ อาจจะได้อะไรจากข้าวเจ้าไปแล้วก็ได้..."

"พอๆๆๆๆ" ผมไม่อยากฟังต่อแล้ว แค่รู้ว่ามีคนมาคลั่งใคล้ตัวเองขนาดนี้ก็จั๊กจี๊จะแย่อยู่แล้ว "กูเชื่อละ แต่วันหลังไม่ต้องทำแล้วนะข้าว"

"ไม่ต้องจริงเหรอ เพราะเรากะว่าจะไปหาซื้อแกงเห็ดมาให้..."

"ไม่ต้องเลย" ไอ้นี่นิ มึงยิ่งทำตัวแบบนี้ กูยิ่งขนลุก "กูหากินเองได้ เออๆๆ เดี๋ยววันหลังกูพาไปเลี้ยงเองด้วยเลยก็ได้ แล้วก็ไม่ต้องพูดเพราะอะไรกับกูนักหนาหรอก เพื่อนกัน เค้าคุยกันบ้านๆ"

"อ๋อ ได้ๆ พูดธรรมดาใช่ไหม" มันท่องอย่างกับบทเรียนสำคัญ "ชาจะพูดเพราะแค่กับพี่ตองคนเดียวซินะ"

"ไอ้ข้าว" ไอ้ห่าเอ๊ย มึงช่วยเลิกพูดอะไรตามใจชอบออกมาซะทีได้ไหมวะ

"อ... อ้อ โทษที" กว่าจะรู้ตัวนะมึง



"เห็นไหมพี่บอกแล้ว" ไอ้พี่ตองตีไหล่ไอ้ข้าวเบาๆ "ชาเข้าถึงง่ายจะตาย ไม่ต้องคิดมากหรอก แต่... เรื่องที่เราสัญญากันไว้ อย่าลืมนะ"

"ได้พี่"

"สัญญา?" มันไปสัญญาอะไรกันเมื่อไหร่วะ "สัญญาอะไรกันอ่ะ"

"ก็เดี๋ยวนี้พี่ไม่ค่อยมีเวลาดูชาไง ก็เลยให้ไอ้น้องสัญญาว่าจะช่วยกันหนุ่มๆออกจากชาให้ถ้าพี่อนุญาตให้น้องมันเป็นเพื่อนกับชา พี่รู้นะ เดี๋ยวนี้ ชาเริ่มโดนพวกผู้ชายเข้ามาจีบบ่อยๆ"

"โอ๊ะ ไม่ต้องเลย พูดบ้าไรกันอ่ะ" มึงนี่ก็เที่ยวพูดเรื่องของกูได้สบายปากเลยเนาะ คิดจะอายสักนิดนึงไหม "ไปๆๆๆ จะเข้าห้องน้ำ"



"เดี๋ยวก่อนอิชา" อะไรของมึงอีกอิช้าง "นี่มึงจะเป็นตัวแม่จริงๆแล้วใช่ไหม"

"อะไรของมึงวะ"

"นี่มันห้องน้ำชะนีค่ะ"

"อ... อ้าว" ชิบหาย จริงด้วย มัวแต่จะหนีจากตรงนี้จนลืมดูหน้าดูหลัง "ก..ก็มึงนั่นแหละอิช้าง พากูมาเข้าห้องนี้"

"ค่ะ กูผิดเอง แต่ยังไงกูก็ขอโทษมึงด้วยนะอิชา ที่เอาเรื่องของมึงไปบอกข้าวเจ้า เอาเข้าจริงๆแล้วอ่ะ กูก็นึกไม่ออกว่าจะให้ใครเป็นแบบอย่างเรื่องความพยายามแบบมึงได้ แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจนะ ทุกวันนี้กูยังไม่เชื่อเลยว่าข้าวเจ้าจะขึ้นมาเป็นตัวเด่นในบรรดาลีดปีหนึ่งได้ อันนี้ผลงานของมึงเลยนะ"

"เออๆ" พูดซะกูเขินเลย

"ข...ขอบใจนะ" ไอ้ตี๋พูดเขินๆ

"ทีตอนนี้ละมึงทำเป็นคนไม่กล้าพูดนะ" ผมแกล้งแซวนิดหน่อย "เก่งขึ้นแล้วก็เก่งให้มันตลอดดิ"



"สองคนไปที่โต๊ะก่อนเลยนะ เดี๋ยวพี่ตามไป" ไอ้พี่ตองบอกอิเจสซี่กับไอ้ข้าว



จริงๆผมก็ไม่ได้อยากเข้าห้องน้ำนะ แต่สถานการณ์มันพาไป

กลายเป็นว่ากูต้องเข้ามาอยู่ในห้องน้ำกับไอ้พี่ตองซะงั้น

แต่ก็แปลกนะที่มีคนมาปลื้มผมขนาดนี้ แอบตาม แอบสืบเรื่องของเรา ขนลุกชะมัด



"ฮอตใหญ่แล้วนะเราอ่ะ" นั่นไง ดูไอ้พี่ตองมันเปิดประเด็นดิ

กูยิ่งพยายามจะทำตัวเป็นธรรมชาติอยู่ เนีย เดี๋ยวก็ต้องกลับไปนั่งโต๊ะ ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงเลย ต้องยิ้มไหม หรือทำตัวขรึมๆดี หรือว่าจะเริ่มด้วยการตบเกรียนเหมือนไอ้ต้อม ​คงไม่ใช่ความคิดที่ดี

"มีหนุ่มๆมาตามชอบแบบนี้ พี่หึงนะรู้เปล่า" ยังจะพูดอีก

"ถ้าหึงแล้วพามันนั่งรถมาหาชาถึงที่ทำไมล่ะ" ผมกับพี่ตองกำลังเดินกลับเข้าไปในส่วนร้านอาหาร "แต่ก็แปลกเนอะ คนอย่างชาเนี่ยนะมีคนมองเป็นไอดอล แถมยังใช้วิธีการแปลกๆเข้าหาชาด้วย จริงๆแค่เดินมาคุยกันตรงๆก็ได้เลยแท้ๆ ทำอะไรแบบนี้ คนเค้าก็เข้าใจผิดหมดดิ"

"เหรอคร้าบบบบ" จะลากเสียงทำไม "ใครกันน๊า ที่เข้าหาพี่ด้วยการทำตัวเป็นคู่แข่ง แทนที่จะเดินเข้ามาคุยตรงๆ กลับทำตัวให้พี่หมั่นใส้ เห็นพี่เล่นบาสก็เล่น เห็นพี่เล่นกีต้าร์ก็เล่น พอหนีไปว่ายน้ำก็ยังจะตามไปอีก แอบทำการบ้านให้พี่ แอบเก็บเรื่องเล็กๆน้อยๆของพี่ไว้หมด แค่นี้อ่ะ ยังเทียบกับที่ชาทำตัวแปลกๆกับพี่ไม่ได้เลยนะ"

".........." จุกเลยกู อย่างกับโดนต่อยท้องอย่างแรง นี่กูก็เคยทำตัวแบบนี้เหรอวะ

"ตอนแรกที่ไอ้น้องมันมาบอกพี่เรื่องที่มันปลื้มชา พี่ก็แอบโกรธมันอยู่นะ กลัวว่ามันจะมายุ่งวุ่นวายกับชา แต่พอคิดดูอีกที พี่ก็อยากให้มันได้อยู่ใกล้ๆกับคนที่มันแอบปลื้ม เพราะพี่เคยเข้าใจผิดกับชามาก่อน พี่ก็เลยไม่อยากให้ชาเข้าใจผิดเหมือนพี่ ที่สำคัญ มันแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้จะมาจีบชาแน่นอน พี่ก็เลยอนุญาต"

"ใจดีเนาะ"

"ใจดีแล้วมีรางวัลตอบแทนไหมละครับ"

"ต้องตอบแทนด้วยเหรอ"

"ก็พี่ใจดีไม่ใช่เหรอ"

"มั่วล่ะ"

"ว่าแต่... ตอนนี้ชาเข้าใจความรู้สึกของพี่แล้วใช่ไหม เข้าใจหรือยังว่าเวลาโดนคนทำตัวแปลกๆใส่มันรู้สึกยังไง นี่ขนาดไอ้น้องมันเพิ่งจะเริ่มนะ พี่อ่ะ โดนชาทำอะไรแปลกๆใส่มาตั้งหลายปี คิดดูดิ..."

"โอเคๆๆๆ พอๆๆ เข้าใจแล้ว"

"ถ้าเข้าใจ.... งั้นก็บอกรักพี่ดิ"

"ห๊ะ เกี่ยวไรกันอ่ะ"

"ก็ถ้าชาเข้าใจความรู้สึกพี่แล้ว ชาก็น่าจะรู้ดิว่าพี่อยากได้ยินชาพูดหวานๆกับพี่บ้าง"

"เรื่องไรล่ะ"

"โห่ ชาอ่ะ" นั่นไง มันเริ่มคว้ามือผมแล้ว นี่มันที่สาธารณะนะไอ้พี่ตอง "พี่พูดกับชาทุกวันเลยอ่า ไม่เห็นชาพูดกับพี่บ้างเลย"

"โอ๊ะ แค่อยู่ด้วยกันทุกวันนี่ยังไม่พออีกใช่ไหม" ผมให้เหตุผล ก็จริงอ่ะ อยู่ด้วยกันทุกวันขนาดนี้แล้วยังจะเรียกร้องอะไรอีก กูไม่ใช่นางเอกซีรี่ย์เกาหลีนะ ที่จะได้ตามเรียกโอปป้าๆตลอดเวลา "หรือจะแยกกันอยู่ไหม ชาจะได้บอกรักพี่ตองทุกวัน แลกกันไหม"

"โห่.... ชาก็รู้นิว่าพี่ไม่เอาด้วยหรอก" ยังจะงอแงอีก นี่ไม่รู้จักนิสัยกูเลยหรือไง

"ชาไม่ใช่ขิงนะพี่ตอง ที่จะมาพูดหวานๆตลอดเวลา แบบนั้นก็แสดงว่าพี่ไม่ได้ชอบชาที่เป็นชาอะดิ" ผมตอกกลับ

"อ่ะๆๆๆ ก็จริง เพราะพี่ก็ชอบชาที่เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก ไม่เปลี่ยนไปก็พอแล้วเนาะ"

"แหวะ"

ไปหาของกินดีกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:17:03 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
"เป็นไงมึง" นี่คือคำถามแรกจากไอ้ต้อม หลังจากที่ผมมายืนข้างๆมันเพื่อตักข้าวผัดที่เคาเตอร์อาหาร

"เป็นไงอะไรวะ" ผมถาม

"ก็เรื่องมึงกับข้าวเจ้าอ่ะ" ห๊ะ รู้ได้ไง "น้ำขิงเล่าให้กูฟังหมดแล้ว กูก็เลยเดาว่าที่มึงกับมันหายกันไปนานๆเนีย เพราะไปเคลียร์กันมาใช่ไหม"

"อ๋อ เออ เคลียร์แล้ว" เคลียร์จริงเปล่าหว่า ผมหันไปดูไอ้ข้าวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ กำลังคุยกันกับพวกเพื่อนๆ เออ มันทำตัวปกติ ไม่มีอะไรแปลกๆแล้ว

"เจ๋งนะมึงอ่ะ เป็นไอดอลของเพื่อนรุ่นเดียวกันซะด้วย"

"เจ๋งไรล่ะ คนมีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องมาคิดว่ากูเป็นไอดอลด้วยวะ"

"ไม่ใช่มึงแล้วจะเป็นใครวะ เรียนก็เก่ง กิจกรรมก็เด่น กีฬาก็ขั้นเทพ นี่ถ้ามึงไม่มาคบกับพี่ตองนะ กูว่าป่านนี้สาวๆแห่ตามมึงเยอะกว่าพี่ตองอีก.... พูดถึงพี่ตอง เมื่อกี๊มึงกับพี่ตองคุยไรกันวะ ท่าทางเครียดๆ"

"เสือก" อย่ารู้ทุกอย่างเลยมึงอ่ะ

"โห่ ไอ้ชาเย็น.... กูถามมึงจริงๆนะ ระหว่างกูกับแก๊งเพื่อนมึงเนีย ใครเป็นเพื่อนสนิทมากกว่ากันวะ"

"ถามทำไมวะ"

"ก็ทุกวันนี้นะเว้ย กูแทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับมึงเลย มีอะไรมึงก็ไม่เคยปรึกษากูสักอย่าง เรื่องของมึง กูแทบจะต้องรู้จากคนอื่นอีกทีนึงตลอดเลย ให้กูได้ทำหน้าที่เพื่อนสนิทมึงบ้างก็ได้นะเว้ย"

"อือหือ ไอ้นี่ พูดซะกูเป็นเพื่อนเลวเลย... ก็ไม่มีได้หรอก พี่ตองมันบังคับให้กูพูดหวานๆกับมันเฉยๆ แต่กูก็เป็นกูอย่างงี้นี่หว่า กูก็เลยบอกว่า ถ้าอยากฟังคำพูดหวานๆก็ไปให้ขิงพูดให้ฟังโน่น"

"เหรอวะ" ไอ้ต้อมถอนหายใจ

"ถอนหายใจทำไมวะ"

"มึงกับน้ำขิงก็พอๆกันนั่นแหละ ปากหนักพอกันเลย"

"จริงเหรอ" นึกว่าขิงจะเป็นพวกปากหวานซะอีก อยู่กับไอ้ต้อมนานๆ คิดว่าติดเชื้อกันไปแล้ว "แล้วทำไมมึงต้องอยากฟังด้วยวะ เป็นแฟนกันแล้วไม่ใช่เหรอวะ อยู่ด้วยกันอีกต่างหาก"

"มันก็ใช่ แต่บางทีกูก็อยากสำคัญกว่าคนอื่นบ้างเว้ย กูว่ากูเข้าใจความรู้สึกพี่ตองนะ ในเวลาที่มีคนนั้นคนนี้มาชอบมาปลื้มมึงแบบนี้อ่ะ พี่เค้าก็อยากเห็นสัญญาณบางอย่างบ้าง ว่าพี่เค้าสำคัญกว่าคนมากมายที่เข้ามาชอบมึง ไม่ใช่ว่านับรวมพี่เค้ากับทุกคนที่มาชอบมึง งั้นมันจะไปต่างอะไรกันวะ... แต่พี่ตองยังถือว่าโชคดีนะที่มึงรู้จักกีดกันคนที่เข้าหาบ้าง น้ำขิงนี่ดิ เฟรนลี่สุดๆ ใครเข้ามาคุยด้วยก็ยิ้มหวานใส่เค้าไปหมด กูชักเริ่มกันคนไม่ไหวแล้วเนีย ยิ่งพวกรุ่นพี่ก็ยิ่งกันยาก..."

จริงเหรอวะ ไอ้พี่ตองมันจะคิดอย่างงั้นจริงๆเหรอ

ผมมองดูหน้าไอ้คนตัวสูงที่พูดคุยบนโต๊ะอาหารอย่างเป็นธรรมชาติ ​ก็ไม่เห็นจะมีท่าทีอะไรเลย

​เห็นไหม มันเดินผิวปากมาทางนี้แล้ว

แต่.....



"เจ้าชายตองแผงฤทธิ์อีกแล้ว" ไอ้ต้อมแซว

ก็ตอนนี้มีผู้หญิงคนนึงเดินตรงเข้ามาหาไอ้พี่ตองอย่างเปิดเผย จะบอกว่าสวยดีไหมล่ะ แต่เรื่องการแต่งตัว บอกเลยว่า ผู้ชายที่ไหนเห็นก็ต้องน้ำลายหก ประมาณว่าเป็นชุดที่จะใส่ไปเที่ยวราตรีคืนนี้แน่นอน ทรวงทรงองค์เอวไม่ต้องพูดถึง ยิ่งใครได้คุยด้วย คงจะไม่มีสมาธิมองที่หน้า เพราะมีอย่างอื่นให้สนใจมองมากกว่า



"ไม่เข้าไปขวางเหรอ"

เห้ย!!!! ไอ้ข้าว "มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ"

"ก็เราเห็นชากับต้อมคุยกันอยู่นาน เลยเดินมาดู"

"บอกแล้วไงให้พูดธรรมดา ไม่ต้องสุภาพหรอก"

"เออๆ มึงไม่ต้องสุภาพกับมันหรอก" ไอ้ต้อมเสริม "เรียกมันว่า ไอ้ชาเย็น เหมือนกูก็ได้ มันเกรียนจะตาย เดี๋ยวรู้จักกันไปสักพักมึงจะเลิกชอบมันเอง"

"ไอ้สัดต้อม" ผมตบเกรียนไอ้ต้อมอย่างไว "มากไปแล้วมึงอ่ะ"

"เห็นไหม ไม่ทันขาดคำ"

"โอเคๆ" ไอ้ข้าวพยักหน้าเข้าใจ ส่วนผมอะเหรอ ก็สังเกตุการณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่อะดิ "ไม่เข้าไปขวางอ่ะ พี่ตองกำลังโดนผู้หญิงคุกคามอยู่นะ"

"....." เหรอวะ ผู้หญิงคุกคามหรือกำลังนัดหมายอะไรกันอยู่กันแน่ ทำไมสองคนนั่นคุยกันนานจัง

"ให้เรา... เอ่อ... ให้กูช่วยไหม เดี๋ยวเข้าไปบล็อกให้"

"เห้ย เดี๋ยวๆๆๆ" โอ้โห ไอ้ข้าว มึงนี่ฟิตเนาะ ไม่ต้องทำเพื่อกูขนาดนี้ก็ได้ ที่สำคัญ "กูอยากดูท่าทีไปก่อน ไม่ต้องเข้าไปหรอก ไปหาไรกินเหอะ"

"อ๋อ นี่ไงได้แล้ว แกงเห็ด" ไอ้ข้าวโชว์ชามแกงเห็ดให้ดู "เพิ่งเห็นว่ามีแกงเห็ดด้วย มึงชอบกินไม่ใช่เหรอ ก็เลยมาตักให้"

"เออ เอาไปวางที่โต๊ะ เดี๋ยวกูตามไป"

"ได้ แต่... ไม่ให้กูช่วยแน่นะ"

"ไม่ต้องอ่ะ ไปเลยๆๆ"

แล้วไอ้ข้าวก็เดินร่าเริงกลับไปที่โต๊ะ



"โอ้โห้" ไอ้ต้อมร้อง "แฟนคลับมึงนี้ทุ่มทุนสร้างเนาะ จ้างมาเท่าไหร่วะ หาแบบนี้ให้กูบ้างดิ กูจะเอาไปกันพวกผู้ชายที่มาตามจีบน้ำขิงบ้าง... เห้ยๆๆ ผู้หญิงเดินหน้าจ๋อยออกไปแล้วว่ะ"

จริงด้วย สาวเจ้าเหมือนจะผิดหวังอะไรบางอย่างก่อนจะเดินส่ายก้นกลับไปที่โต๊ะของเธอที่มีสาวๆแบบเดียวกันอยู่อีกเพียบ

"กูไปละนะ มึงเคลียร์กันเองนะ" ไอ้ต้อมรีบพูด "ไว้มาปรึกษากันใหม่ นานๆทีได้ทำหน้าที่เพื่อนสนิทบ้าง งั้นวันหลังกูจะถามเรื่องบนเตียงของมึงบ้างละกัน ไปนะ ไอ้เพื่อนสนิท"

"ไอ้..." ไม่วายที่จะกวนตีนนะมึงเนีย



"คุยไรกันอ่ะชา" ไอ้พี่ตองเริ่มคำถามเมื่อเดินมาถึงตัวผม "ไม่หิวเหรอ ดึกแล้วนะ"

"ไม่มีไรอ่ะ" ผมตอบผ่านๆ "แล้ว... คนนั้นมาคุยอะไรกับพี่ตองอ่ะ"

"เมื่อกี๊อะเหรอ"

ยังจะมาถามอีก

"อ๋อ เค้ามาขอเบอร์พี่อ่ะ แต่พี่ปฏิเสธไปแล้วล่ะ พี่บอกว่ามีแฟนแล้ว"

"เหรอ... แล้วทำไมต้องคุยกันนานด้วยอ่ะ"

"ก็เค้าไม่เชื่อ เค้าถามว่า แฟนพี่อยู่ไหน"

"แล้ว..."

"ก็ไม่แล้วไงครับ ทำไงได้ เค้าไม่เชื่อ พี่ก็ทำได้แค่ยืนยันว่าให้เบอร์ไม่ได้จริงๆ ทำไมครับ หึงเหรอ.... พี่ไม่กล้านอกใจแฟนตัวเองหรอกคร้าบ น่ารักขนาดนี้"

"แต่ผู้หญิงคนนั้นก็น่ารักนะ แถมท่าทางจะร้อนแรงสุดๆด้วย"

"สู้แฟนพี่ได้เหรอ... ฮ่าๆๆ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พี่เลิกคิดเรื่องผู้หญิงไม่นานแล้ว แต่ชาไม่ต้องห่วงนะ พี่ไม่บอกใครหรอกว่าสถานะของพี่กับชาเป็นไง พี่รู้ว่าชาจะอึดอัดกับเรื่องนี้ ป่ะ เราไปหาไรกินกันดีกว่า นี่ชาตักมาพอหรือยัง เอาอะไรเพิ่มอีกไหม พี่ว่าจะหาของหวานเพิ่มอีกซะหน่อย...."

"พี่ตอง" ผมเรียก ทำไมการฟังที่ไอ้คนตัวสูงพูดเมื่อกี๊แล้วมันรู้สึกแปลกๆวะ

"ครับ?"

"มานี่มา" จูงมือไปเลยละกัน

ผมจูงมือพี่ตองให้เดินมากับผมในขณะที่มืออีกข้างถือจานข้าวผัดไว้ พี่ตองคงจะงงๆว่าผมจะพาไปไหน



"ขอโทษนะครับ"

"ค่ะ?"

"คนนี้เป็นแฟนผมครับ ขอโทษที่เมื่อกี๊ทำให้ถูกปฏิเสธนะครับ แต่....ช่วยเข้าใจเราสองคนด้วยนะครับ"

ใช่ครับ

ผมรู้ว่าพวกคุณคงเดาได้แล้วว่าผมพาพี่ตองมาหาใคร

พี่ผู้หญิงที่มาคุยกับพี่ตองตาค้างไปนิดหน่อย ส่วนในโต๊ะนั้นเงียบนิ่งกันอย่างกับโดนแช่แข็ง



กูไปละนะ ได้ทำในส่วนที่อยากทำแล้ว



"เอ่อ... ก็ตามนั้นแหละครับ" ผมได้ยินพี่ตองพูดกับผู้หญิงพวกนั้นก่อนจะเดินตามผมออกมา

ก็ไม่รู้ว่าทำถูกหรือทำผิดนะที่ทำไป แค่รู้สึกว่าอยากจะทำ หลายคนคงมองว่าผมบ้า แต่ไม่รู้ซิ มันคงจะเป็น... วิธีการของผมละมั้ง



"อะไรกันครับเนี่ย" ไอ้พี่ตองยังท่าทางอึ้งๆอยู่เลยเมื่อกลับมาถึงโต๊ะ แต่ดูเหมือนคนอื่นจะไม่รู้เรื่องอะไร ก็ที่นี่คนเยอะ แถมมีบรรยากาศความวุ่นวายหน่อยๆ คงไม่มีใครสนใจเรื่องของใครมากนัก

"ก็เค้ามายุ่งกับแฟนชาอ่ะ" ผมพยายามตอบซื่อๆ

"อะไรนะ!!!" จะประหลาดใจอะไรนักหนาวะ จริงๆกูก็กดความเขินไว้ในใจนะ อย่ามาแหย่มากได้ป่ะ "ชาตัวร้อนตรงไหนหรือเปล่าเนีย หรือว่าซ้อมหนักเกิน ไหนพี่ขอดูตาหน่อย ตาเหลืองหรือเปล่า"

"จะบ้าหรือไงเล่า ปล่อยเลย ไม่ได้เป็นไรทั้งนั้นแหละ"



"สองคนเป็นไรกันอ่ะ" นั่นไง ดูความเสือกของไอ้ต้อมดิ ถามไวเชียวนะมึง

"นั่นดิ กูก็อยากรู้เหมือนกัน" ไอ้พี่ตองตอบ "แต่กูมีความสุขจัง" ดูความเล่นใหญ่ของไอ้ตัวสูง มึงจะฟินเกินไปแล้ว

"ความสุขอะไรวะพี่ แล้วพี่ไม่กินไรเหรอ ไม่เห็นตักอะไรมาเลย"

"พอแล้ว วันนี้อิ่มแล้ว ความรักมันแน่นท้อง ตอนนี้อยากกลับไปกินน้ำชามากกว่า"



​​วูวววววววว



เอาจนได้...... แซวกันทั้งโต๊ะเลย

ตอนนี้กูตัดสินใจได้แล้วว่าที่เพิ่งจะทำไปเมื่อกี๊คือ กูตัดสินใจผิด

ดูหน้าไอ้พี่ตองดิ ยิ้มจนแก้มจะแตกอยู่แล้ว

คราวนี้พอมันตั้งสติได้ก็โม้ให้ไอ้ต้อมฟังใหญ่เลยว่าผมไปทำอะไรมา ก็ไม่ได้เสียงดังอะไรหรอก แต่ก็มากพอให้ผมอายได้อ่ะ ขิงที่ได้ยินยังอายแทนเลย



"โห่พี่" ไอ้ต้อมหน้าหงอยอย่างชัดเจนเมื่อรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น "โคตรน่าอิจฉาเลย ทำไมสมัยก่อนมึงไม่ทำตัวหวานๆกับกูบ้างวะ" พูดมากนะมึงไอ้ต้อม ดูขิงก่อนไหม มองแรงเชียว "เอ๊ย เค้าไม่ได้หมายถึงแบบนั้นนะตัวเอง เค้าหมายถึงว่ามันชอบทำตัวเกรียนใส่เค้าต่างหากล่ะ...." อธิบายไปเหอะมึง ขุดหลุมฝังตัวเองดีนัก



"อยากกลับถึงคอนโดฯ เร็วๆจัง" ดูความดี๊ด๊าของไอ้พี่ตองดิ

"นี่จะไม่กินข้าวจริงๆเหรอ" ผมเอ็ด "ข้าวเย็นได้กินแล้วหรือไง"

"ก็มันอิ่มอกอิ่มใจนิครับ กินไรไม่ลง"

"พูดมาก อะนี่!"

"ห๊ะ!?" นี่จะตกใจอีกหลายรอบไหม แค่จะป้อนข้าวให้ทำไมต้องทำหน้าเหวอแบบนั้นด้วย

"จะกินไม่กิน"

"กินๆๆๆ กินครับๆ" ดูมันทำหน้าดิ จะยิ้มหรือจะงงกันแน่

ส่วนตัวผมตอนนี้อะนะ ภายนอกดูหน้านิ่งนะ ไม่อยากทำตัวกะโตกกะตากมากเดี๋ยวจะโดนแซวหนัก แต่ข้างในตัวนี่อย่างกับมีสวนสัตว์วิ่งกันให้เต็มไปหมด ทำไมการทำตัวหวานๆมันถึงใช้พลังงานเยอะขนาดนี้วะ

แล้วผมก็ป้อนไอ้พี่ตองไปเรื่อยๆ ตัวเองกินที ป้อนมันที จนคนในร้านเริ่มจับสังเกตุเห็นแล้ว แต่ก็ช่างมันเถอะ ทำมาขนาดนี้แล้ว จะหยุดกลางคันได้ไง ส่วนพี่ตองอะเหรอ ยิ้มกว้างโชว์คนทั้งร้าน นั่งไขว่ห้าง กระดิกขาอย่างกับเป็นเจ้าของโลกทั้งใบ ​ไอ้เหม่งเอ๊ย



"ทุกคน" สักพักขิงร้องเรียกคนบนโต๊ะ "เราขอตัวกลับก่อนนะ"

"ห๊ะ" ไอ้ต้อมดูจะงงๆนิดหน่อย เพราะมันยังสนุกกับอาหารตรงหน้าอยู่เลย

"ไปกันเถอะ" ขิงเรียกไอ้ต้อม

"รีบไปไหนอ่ะ เค้ายังกินไม่อิ่มเลย" ไอ้ต้อมงอแงนิดนึง แต่ก็ยอมวางมือจากอาหาร "งั้น... ไปแล้วนะทุกคน"

"โอเคมึง เจอกันพรุ่งนี้" ผมกล่าวลา

"เจอกันๆ หวัดดีครับพี่ตอง หวัดดีครับพี่กอล์ฟ ไปนะทุกคน.... ตัวเองจะรีบไปไหนอ่ะ แล้วกินอิ่มแล้วเหรอ...."

แล้วขิงกับไอ้ต้อมก็จากไป ส่วนไอ้เรื่องจะไปไหนนั้น ผมไม่รู้หรอก แต่ถ้าถามว่าจะไปทำอะไร ผมว่าผมพอจะเดาได้นะ คนอย่างขิงอ่ะ เวลาได้รับการกระตุ้นบางอย่างจากผม มักจะมีพฤติกรรมอะไรคล้ายๆกัน จะบอกว่าสมกับที่หน้าเหมือนกันดีไหมนะ ช่างมันเถอะ ไม่ใช่เรื่องของผม เพราะเรื่องของผมคือไอ้หัวเหม่งที่นั่งยิ้มอยู่ตรงนี้ต่างหาก



"งั้นเรารีบกลับกันบ้างไหม" ดูไอ้พี่ตองมันชวนดิ ผมแทบจะสำลักน้ำเลย

"จะบ้าเหรอ คนอื่นยังกินกันอยู่เลย ไหนจะต้องไปส่งไอ้ข้าวอีก พี่รับเค้ามาไม่ใช่รึไง ต้องรับผิดชอบพาไปส่งด้วยนะ นี่มันดึกมากแล้ว"

"จริงด้วย" ความคึกคักของไอ้พี่ตองถูกลดระดับลงมาครึ่งเลเวล ย้ำ แค่ครึ่งเลเวลเท่านั้น มันยังคงมีท่าทีอารมณ์ดีผิดมนุษย์เหมือนเดิมนั่นแหละ

"เดี๋ยวกูไปส่งข้าวเจ้าให้เองก็ได้" ไอ้สุ่ยแทรกขึ้นมา

"เห้ย ไม่เป็นไร" ผมรีบบอก จะบ้าเหรอ คนของเราก่อเรื่อง จะให้คนอื่นมาเดือดร้อนได้ยังไง "กูไปส่งได้"

"กูก็ไปได้ รถกูนั่งคนเดียว กูจะได้มีเพื่อนนั่งรถกลับด้วย มึงจะได้มีเวลาหวานแหววกับพี่ตองกับสองคน"

"เงียบไปเลยมึงไอ้สุ่ย เออ งั้นมึงไปส่งละกัน แต่ส่งให้ปลอดภัยนะมึง อย่าทำไรเพื่อนใหม่กูนะ"

"ก็ถ้าเพื่อนใหม่มึงทำตัวหวานแหววแบบมึงกับพี่ตองก็ไม่แน่นะเว้ย กูอาจจะไปส่งที่หอกูแทนก็ได้"

"พอเลยมึง กูไปส่งเองดีกว่า ปล่อยคนหัวอ่อนไว้กับเสืออย่างมึงไม่ปลอดภัยแหง"

"กูล้อเล่น จะบ้าเหรอ กูไม่ทำอะไรไอ้ตี๋นี่หรอก กูหาคนนั่งรถกลับด้วยจริงๆ"

"แน่นะมึง อย่าให้กูรู้นะว่ามึงมีแผนอะไร กูเคยได้ยินกิตติศัพท์มึงมาบ้างนะ ไอ้เสือหิว พวกรุ่นพี่ผู้หญิงที่ชอบมารอหน้าห้องซ้อมคือฝีมือมึงใช่ไหม"

"เสือหิวอะไรของมึงวะ พอเลยๆ งั้นกูรีบกลับดีกว่า เดี๋ยวจะรีบโทรมารายงานมึงเลย ไปๆๆไอ้ตี๋ กลับหอได้แล้ว เดี๋ยวกูไปส่ง"

ไอ้ข้าวงงหน่อยๆ แต่ก็วางไก่ในมือลงแล้วรีบลุกขึ้นเดินตามออกไปพร้อมกับกล่าวลาทุกคนแบบลวกๆ

ส่วนคนที่เหลือก็เริ่มจะทะยอยออกจากร้าน เพราะอิ่มกันแล้วและอาหารก็หมดจากในจาน

ท้ายที่สุดทุกคนก็แยกย้ายกันกลับที่พักของแต่ละคนไป



ส่วนผมอะนะ พอกลับมาถึงคอนโดฯก็มีฉากบู๊กับไอ้พี่ตองนิดหน่อย ก็แน่ละซิ ผมคงจะรอดหรอก หลังจากทำตัวหวานแหววกับมันไปอย่างนั้น

ดึกอีกตามเคย



ช่วยบอกผมที จริงๆแล้วผมควรจะทำตัวหวานๆไหม เพราะดูแล้ว ผมจะโดนผลกระทบจากการทำแบบนี้ทุกที

แต่ก็....





.......​รู้สึกดีนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:17:41 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ตอนที่ 41 : เซอเรน เคียร์คลอเกอร์







วันนี้เหนื่อยจริงๆ มันเป็นวันที่เจอเรื่องมาหนักที่สุดเท่าที่เคยใช้ชีวิตในฐานะผู้นำเชียร์ของคณะสังศาสตร์มาเลย

การซ้อมเต้นทั้งวันเพื่อให้ได้ท่าเต้นที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับใช้ในการทดสอบในวันพรุ่งนี้ตามคำแนะนำของพี่ตอง แฟนหนุ่มของคนที่ผมแอบปลื้มมาได้สักพัก น้ำชา ​ก็เพราะว่าจุดประสงค์จริงๆของความพยายามในการซ้อมอย่างหนักนี้ก็เพื่อที่ผมจะได้มีเหตุผลในการเข้าไปทำความรู้จักกับเค้า...

ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่าที่ผมทำไปมันจะเป็นวิธีการที่ดีหรือเปล่า แต่ในที่สุดผมก็ได้เป็นเพื่อนกับไอดอลของผมจนได้ ในที่สุดน้ำชาก็ออกปากมาแล้วว่า เราสองคนเป็นเพื่อนกัน เรื่องความลำบากที่โดนเข้าใจผิดมาทั้งวันนี้ก็ถือว่าคุ้ม

เกือบจะได้รับประทานหมัดของไอดอลซะแล้ว

อ้อ ผมลืมแนะนำตัวไป

ผมชื่อ ข้าวเจ้า ครับ พัฒนวิทย์ ศุภเจริญกุล นิสิตชั้นปีที่หนึ่งจากคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมัณฑนา และตอนนี้ก็มีอีกหนึ่งตำแหน่งควบอยู่ ก็คือ ผู้นำเชียร์ประจำคณะสังคมศาสตร์

ผมเป็นลูกชายคนกลางของพ่อค้าข้าวในต่างจังหวัดครับ มีพี่สาวและน้องสาวอย่างละคน ถึงจะเป็นจังหวัดห่างไกล แต่ธุรกิจของที่บ้านก็ถือว่ารุ่งเรืองพอสมควร พอที่ส่งผมมาเรียนในเมืองหลวงตั้งแต่มัธยมได้สบายๆ

ที่บ้านของผม ป๊า(พ่อ)ดุมาก ผมก็เลยไม่ค่อยกล้าคิดหรือตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เพราะมีป๊าขีดเส้นให้ตลอด พี่สาวกับน้องสาวก็เจอสถานการณ์เดียวกัน แต่ผมก็พอเข้าใจนะ เพราะครอบครัวเราสูญเสียม๊าไปด้วยอุบัติเหตุทำให้ป๊าเลี้ยงลูกๆสามคนลำพัง ท่านจึงเป็นคนเด็ดขาดและคอยออกคำสั่งอยู่เสมอ

เพียงแต่ว่าตอนนี้ ผมเริ่มมีความคิดที่อยากจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่ง สามารถคิดและตัดสินใจ กล้าที่จะพยายาม กล้าที่จะลงมือทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง แล้วโชคชะตาก็พาให้ผมได้มารู้จักกับเด็กหนุ่มนักพยายามคนนึงที่ชื่อว่า 'น้ำชา' ผมได้มีโอกาสฟังเรื่องราวของเค้ามากมายผ่านเพื่อนคนนึงของผม จากนั้นผมก็ติดตามเค้าจากรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอื่นๆ จนในที่สุด ผมได้ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะมีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิต

มันตลกใช่ไหมล่ะครับ แต่ผมอ่ะจริงจังนะ น้ำชาทั้งเก่ง ฉลาด อัธยาศัยดี เป็นห่วงเป็นใยคนรอบข้างเสมอ เพราะเหตุนี้แหละ ผมก็เลยฝึกฝนตัวเองให้เป็นคนเก่งเหมือนเค้า เต้นให้เก่ง อาจจะฉลาดไม่เท่าแต่ก็อยากให้ดูเท่เวลาพูดจา พยายามเรียนให้เป็นที่หนึ่งของภาควิชา มันก็ยากนะ แต่พอมาคิดว่าน้ำชาทำได้ ผมเองก็ต้องทำได้บ้าง



"ไอ้ตี๋.... ไอ้ตี๋ เห้ย! ไอ้ข้าวเจ้า"

"ห๊ะๆๆ"

"เหม่ออะไรของมึงวะ ทางนี้ใช่ไหม บอกทางกูด้วยดิ จะกลับไหมหออ่ะ"

"อ๋อ เออ ใช่ๆ ทางนี้แหละ ตรงไปเรื่อยๆก็ถึงแล้ว"

"ก็พูดดิ นี่ถ้าไม่เห็นแก่ว่ามึงมาช่วยสอนลีดให้พวกกูวันนี้ กูจะปล่อยลงตรงนี้แหละ ชอบทำหน้าเอ๋ออยู่ได้"

ผู้ชายอะไรวะปากร้ายชะมัด

​คือตอนนี้ผมกำลังจะกลับไปพักผ่อน ผมเพิ่งจะแยกมาจากเพื่อนๆที่ซ้อมลีดด้วยกัน ส่วนไอ้คนที่ขับรถมาส่งผมชื่อ สุ่ย (ไม่รู้จักชื่อจริง) เป็นเพื่อนของน้ำชา เป็นผู้นำเชียร์คณะวิทยาศาสตร์ แล้วก็รู้สึกว่าจะเป็นเดือนของคณะด้วย หน้าตาก็งั้นๆแหละ ไม่รู้ว่าได้ที่สามของเดือนมหาลัยได้ไง หน้าตาดูไม่ฉลาดเลย น้ำชาดูมีเสน่ห์กว่าตั้งเยอะ



#เสียงโทรศัพท์

"ฮัลโหลครับบบบ"

 เสียงโคตรหวานเลย นี่มันคุยกับคนหรือคุยกับน้ำตาลกันแน่วะ หวานเกิ๊น

​"ขอโทษครับ วันนี้ซ้อมหนักเลย ขอโทษจริงๆน๊า ช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญก็เลยต้องจริงจังหน่อย"

"......."

"โอ๋ๆๆ เดี๋ยวหมดเดือนนี้ก็ว่างยาวแล้วนะครับ เดี๋ยวพาไปเที่ยวทะเล โอเคไหม"

"........"

"สัญญาครับสัญญา งั้นเดี๋ยวสุ่ยขับรถก่อนนะ"

"......."

"เหมือนกันครับบบบ"



อือหือ คุยกับสาวชัวร์เลย ไม่บอกก็รู้ว่าไอ้คนนี้มันแพรวพราว



#เสียงโทรศัพท์

"ฮัลโหลครับบบบ"

ห๊ะ โทรมาอีกแล้วเหรอวะ เพิ่งวางสายไปเอง โทรศัพท์ยังไม่ได้วางลงเลย จะคิดถึงอะไรกันขนาดนั้น

"พอดีช่วงนี้ซ้อมหนักอะครับ ใกล้จะคัดลีดมอแล้ว ขอโทษนะคร้าบบบบ"

!?!?!?!?  เดี๋ยวนะ.... มันก็เพิ่งอธิบายไปเมื่อกี๊เองไม่ใช่เหรอ

"เอาไว้จบคัดลีดมอเมื่อไหร่ไปเที่ยวเชียงใหม่กันนะครับ แต่วันนี้สุ่ยขอพักผ่อนก่อนนะ เหนื่อยมากเลย"

.........

"ครับผม ครับๆ คิดถึงเหมือนกันครับ ไว้เจอกันนะ"

พอจะเดาออกแล้ว



"มองไรวะไอ้ตี๋" นี่ผมเผลอมองหน้าไอ้คนที่เพิ่งวางสายโทรศัพท์ไปนานขนาดนั้นเลยเหรอ "อิจฉากูรึไง"

"อิจฉาทำไม" ไม่เห็นจะเป็นเรื่องน่าอิจฉาเลย

"ก็อิจฉาที่กูมีสาวๆในสังกัดเยอะไง"

"เหอะ" อยากจะขำ "เคยได้ยินหรือเปล่าว่า ผู้หญิงเป็นคำสาปของกะลาสี"

"อะไรของมึงวะ กูไม่ใช่กะลาสี ไม่ได้จะไปออกทะเลที่ไหนซะหน่อย"

"มันเป็นคำเตือนสำหรับผู้ชายต่างหาก การลุ่มหลงในสตรีอย่างไม่โงหัวจะเป็นหนทางสู่ความล้มเหลว"

"เสียใจว่ะ กูไม่ได้ลุ่มหลงในสตรี แต่สตรีพวกนี้มาลุ่มหลงในตัวกูเองต่างหาก คนมันหล่อว่ะ ช่วยไม่ได้"

อดขำออกมาไม่ได้จริงๆ

"มีไรน่าขำวะ"

"ไม่รู้ว่าไอ้ชาเย็นมีเพื่อนเป็นคนแบบนี้ได้ไง"

"ไอ้ชาเย็น? ใครวะ"

"ก็น้ำชาไง"

"แล้วทำไมมึงต้องเรียกมันอย่างงั้นด้วยวะ"

"ก็... สนิทกันแล้วก็ต้องเรียกได้ดิ"

"สนิทกันแล้ว? มึงกับไอ้ชาอะนะ เพ้อเจ้ออะไรของมึงวะ คุยกันถึงอาทิตย์หรือยังเหอะ"

"เออน่า เรื่องของกู"

"แปลกๆนะมึงเนีย ทำตัวก็แปลก พูดจาก็แปลก"

มึงไม่แปลกเลย ปากก็หมา พูดจาก็หลงตัวเอง



"นี่ๆๆ ถึงแล้วๆ จอดตรงนี้แหละ" ในที่สุดก็ถึงที่พักของผมซะที ทนนั่งกับไอ้เสือผู้หญิงนี่ไม่ไหวแล้ว โม้แต่เรื่องผู้หญิงอยู่ได้

"อยู่เป็นบ้านเช่าเลยเหรอวะ"

"อืม พอดีชอบทำอาหาร ก็เลยเช่าเป็นบ้านดีกว่า ครัวใหญ่ดี"

"เจ๋งวะ กูก็อยากอยู่เป็นบ้านบ้าง แต่ไม่มีปัญญาเช่าหรอก"

"ไงก็ขอบใจนะที่มาส่ง ขับรถดีๆละ"

"เออ... เห้ย! เดี๋ยวๆๆๆ นั่นใครวะหน้าคุ้นๆ"

ไหนวะ ​"อ๋อ ก็ประธานลีดคณะวิทย์ไง"

"เออใช่ จริงด้วย เป็นเพื่อนบ้านกันเหรอ แล้วยืนอยู่กับใครวะ... พี่ท๊อปเหรอ เค้าอยู่ด้วยกันเหรอ"

"ไม่แน่ใจอ่ะ แต่เห็นพี่ท๊อปมาตามรับตามส่งอยู่เป็นเดือนแล้ว"

"จริงดิ! ถึงว่า รู้สึกว่าสองคนนี้แปลกๆมาสักพักแล้ว ว่าแต่คุยอะไรกันวะ ท่าทางเหมือนทะเลาะกัน"

"จะไปรู้เหรอ ไปละนะ"

"เดี๋ยวก่อนๆ กูขอเข้าไปหน่อย จะไปแอบฟังว่าเขาคุยอะไรกัน"

"ห๊ะ ใช่เรื่องเหรอ"

"เออน๊ะ เงียบๆด้วยนะมึงอ่ะ เดี๋ยวพวกพี่เค้าเห็น.... เปิดรถเบาๆดิ"

อะไรวะ นี่กูต้องกลายมาเป็นคนเสียมารยาทแอบฟังคนอื่นคุยกันเพราะไอ้เสือผู้หญิงนี่ด้วยเหรอ

สุดท้ายผมก็ต้องเปิดรั้วบ้านให้มันแอบหย่องเข้ามา ก่อนที่จะไปซุ้มอยู่ที่พุ่มไม้ตรงรั้วบ้านเช่าของผมเพื่อให้ได้ยินเพื่อนบ้านทั้งสองคนที่คุยกันอยู่หน้าบ้าน

"จะไปไหนเล่า อยู่ด้วยกันนี่แหละ เดี๋ยวพวกนั้นก็เห็นหรอก" ไอ้สุ่ยกระซิบ ดูมันดิ ขอใช้พื้นที่บ้านของผมไม่พอ ยังจะมาทำให้ผมชั่วไปกับมันด้วย



"สรุปคือพี่ไม่ได้ซื้อตั๋วให้บุ๋นเหรอ" ในที่สุดก็ได้ยินข้างบ้านคุยกัน ค่อนข้างจะเป็นการทะเลาะมากกว่า ไอ้เสือผู้หญิงชะเง้อคอมองอย่างอยากรู้อยากเห็น ผมก็เลยพลอยอยากดูไปด้วย

"ก็พี่บอกแล้วไงว่าบุ๋นไปไม่ได้ เกาหลีตอนนี้ยังหนาวอยู่ มันไม่ดีกับแผล หิมะอาจจะยังตกอยู่ด้วยซ้ำ"

"บุ๋นก็บอกพี่แล้วเหมือนกันว่าบุ๋นต้องไปทำธุระให้พี่บ้าน อุตส่าย้ำแล้วย้ำอีกว่าให้ซื้อตั๋วให้บุ๋นด้วย"

"อย่ามาเนียน พี่รู้นะว่าบุ๋นไม่ได้จะไปธุระเรื่องงาน แค่อยากตามพี่ไปเฉยๆ"

"ใคร... ใครตาม จะตามไปทำไม ก็บอกว่ามีธุระ ขืนไม่ไปพ่อได้ด่าบุ๋นแน่ พี่ก็รู้ว่าพ่อบุ๋นห่วงเรื่องงานขนาดไหน"

"ได้"

"จะซื้อตั๋วให้เหรอ"

"ไม่ใช่ เอาโทรศัพท์บุ๋นมา เดี๋ยวพี่จะโทรถามพ่อบุ๋น จะถามดูว่าได้สั่งให้บุ๋นไปเกาหลีจริงไหม เพราะถ้าจริงพี่ก็จะได้บอกว่าบุ๋นบาดเจ็บอยู่ ไปเจอที่อากาศเย็นมากๆไม่ได้"

"ไม่... ไม่ต้องมายุ่งเลย จะคุยกับพ่อทำไม หาว่าบุ๋นโกหกเหรอ"

"แล้วโกหกไหมล่ะ"

"......." จากมุมของคนนอกที่ดูเหตุการณ์อยู่อย่างผมนะ ผมว่าพี่บุ๋นโกหกนะ กลบเกลือนไม่เนียนเลย "ไม่รู้อ่ะ ถ้าพี่ไม่ซื้อให้ บุ๋นซื้อเองก็ได้ โทรศัพท์เดี๋ยวนี้ซื้อตั๋วเครื่องบินได้แล้ว น่าจะยังทันอยู่นะ ของวันพรุ่งนี้ อยู่ไหนวะ... เห้ย! เอามือถือมานะ พี่ท๊อป เอามือถือคืนมา​"

"ไม่!"

"พี่ท๊อป"

"จะอยากไปทำไมอ่ะ พี่ไปถึงก็เข้าบริษัททั้งวัน ออกมาอีกทีก็วันอาทิตย์ แล้วก็ต้องเดินทางกลับเลย บุ๋นไปสภาพนี้แล้วคิดว่าจะดูแลตัวเองได้ยังไง"

"เกี่ยวไรกับพี่อ่ะ ก็บอกว่าไม่ได้ตามพี่ไปไง เอามือถือมา บุ๋นจะรีบจองตั๋ว"

"บุ๋น"

"ไอ้พี่ท๊อป"

เอาแล้วไง เริ่มทะเลาะกันจริงจังแล้ว นี่กูไม่ควรจะอยู่ดูต่อนะจริงๆแล้ว

"แค่จะกดโทรศัพท์ยังลำบากเลย ไปอยู่โน่นจะทำยังไง ไม่มีคนมาคอยเป็นมือเป็นขาให้เหมือนเวลาที่พี่อยู่ด้วยนะ จริงๆแล้วพี่ก็ยังไม่อยากไปด้วยซ้ำเพราะไม่มีคนอยู่ดูแลบุ๋น แต่ก็ยังดีกว่าให้บุ๋นไปลำบากที่โน่น หนาวก็หนาว ภาษาก็พูดไม่ได้ เกิดอยากได้ความช่วยเหลือขึ้นมาแล้วจะไปสื่อสารกับคนที่นั่นได้ยังไง เคยคิดบ้างไหม"

"ช่างมันเหอะน่า บุ๋นดูแลตัวเองได้ เอามือถือมา"

"บุ๋น ทำไมไม่ฟังพี่พูดบ้างเลยห๊ะ ก็ได้... ถ้าบุ๋นยืนยันว่าจะไปจริงๆ งั้นคืนนี้พี่จะเข้าไปนอนในห้องบุ๋น"

"อะไรนะ! กล้าก็เข้าไปดิ บุ๋นไม่ใช่ไอ้น้ำชานะ เจ็บแค่นี้คิดว่าต่อยคนไม่ได้หรือไง"

"ท้าพี่เหรอ"

ทำไมรู้สึกหน้าผมมันร้อนๆขึ้นมาล่ะ จากเหตุการณ์ที่ได้เห็นมันควรจะเป็นฉากบู๊ดิ แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนดูฉากเลิฟซีนอยู่เลย พี่ท๊อปเดินเข้าไปประจัญหน้าพี่บุ๋นจนพี่บุ๋นล่าถอยไปยืนนิ่งติดอยู่กับประตูกระจก

"สรุปว่าจะไปหรือไม่ไป" พี่ท๊อปที่มีชื่อเสียงในแง่หนุ่มหล่ออบอุ่น มีมุมแบดบอยเหมือนกันแฮะ ส่วนพี่ท๊อปถึงจะมองเห็นไม่ชัดแต่ก็พอเดาได้ว่าอ้ำอึ้งอยู่

"อ...เออ.... ไม่ไปก็ไม่ไป เอามือถือคืนมาได้แล้ว"

"แน่นะ"

"....."

"อะๆๆ แต่พูดแล้วนะว่าไม่ไป ถ้าโกหกพี่โกรธจริงๆนะ"

"เออ เอาคืนมาได้แล้ว"

"เดี๋ยวก่อน"

"อะไรอีก ลีลาจังวะ ก็บอกว่าไม่ไปแล้วไง"

"พรุ่งนี้ไปส่งที่สนามบินด้วย เดี๋ยวให้ปิงปิงขับรถให้"

"ไม่ไปโว๊ย เอามานี่" ในที่สุดพี่บุ๋นก็แย่งโทรศัพท์ของตัวเองคืนได้สำเร็จ "จะไปทำไม ไม่ใช่ธุระซะหน่อย... อย่าลืมไปล้างจานด้วยนะ เสื้อผ้าเต็มตะกร้าแล้วเอาไปซักด้วย...."

และนั่นก็คือการสนทนาสุดท้ายที่คนแอบฟังทั้งสองได้ยิน เพราะพวกพี่เค้าเดินเข้าไปในบ้านกันแล้ว



"สรุปว่าพี่สองคนนี้เค้าเป็นแฟนกันเหรอวะ อีกคู่แล้วเหรอ" ดูเหมือนว่าไอ้สุ่ยจะยังไม่จบกับเรื่องที่เพิ่งแอบดู

"จะไปรู้เหรอ" ผมตอบพร้อมกับสะบัดมือที่ไอ้เสือผู้หญิงจับไว้ออก ท่าทางมันจะแอบฟังจริงจังมาก บีบมือผมซะแน่นเลย "กลับไปได้ละ"

"ชิบหาย"

เห้ยยยย

เวรกรรม

"โทษที" ผมสะบัดมือออกแรงไปหน่อย ก็เลยทำให้ไอ้สุ่ยเสียหลักหงายท้องลงไปโดนดินที่ผมพรวนให้ต้นไม้เมื่อเช้า แต่จริงๆแล้วมันเป็นโคลนต่างหาก น่าจะเป็นเพราะเครื่องรดน้ำอัตโนมัติ พื้นดินที่พรวนไว้ก็เลยกลายเป็นโคลน "ไม่เจ็บใช่ปะ" ผมช่วยพยุงขึ้นมา

"ไม่เจ็บอ่ะ แต่เลอะอ่ะของจริง อือหือ เหลือแต่หัวกูนี่แหละที่ยังไม่เปื้อนโคลน ผลักมาได้นะมึง"

"ก็ขอโทษแล้วไง... งั้น... เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า"

"เสื้อผ้าไหนวะ กูจะพกมาทำไม"

"กูก็มีมั้ง นี่บ้านกูนะ" ผมเริ่มติดโรคหยาบคายจากไอ้คนปากเสียนี่มาแล้ว

"เสื้อผ้ามึง? มึงดูตัวมึงด้วย ตัวแค่นี้ จะให้กูใส่เสื้อผ้ามึง ให้กูใส่บอดี้ฟิตดีกว่าไหม" อือหือ เป็นชุด คงคอนเซ็ปปากหมาตลอดเวลาจริงๆ อยากให้พวกผู้หญิงในสังกัดของมันมาได้ยินจริงๆ

"เสื้อผ้าตัวใหญ่กูก็มีมั้ง เออๆ เลิกพูดแล้วเข้าไปเหอะ ขี้เกียจฟังมึงพูดละ"

"อ้าวนี่กูผิดเหรอ กูเปื้อนเพราะมึงนะ"

ยังจะบ่นอีก ผู้ชายประเภทไหนวะ พูดมากชะมัด



ผมรีบนำไอ้เสือผู้หญิงเข้ามาในบ้านก่อนที่จะไปรื้อหาเสื้อผ้าตัวใหญ่ๆที่มักจะเอาไว้ใส่นอนไปให้มันที่ยืนรอในห้องน้ำ



"ผ้าเช็ดตัวอ่ะ?" ไอ้สุ่ยถาม

"ห๊ะ เอามาทำไม"

"จะเปลี่ยนชุดแล้วไม่ให้กูอาบน้ำรึไง โคลนมันเปื้อนยันกางเกงในกูแล้วเนีย... เร็วดิ ยืนทำหน้าเอ๋ออีกแล้ว"

"เออๆๆ รอแป๊บนึง" อะไรวะ แค่นี้ก็ต้องบ่นด้วย

ผมเดินกลับไปหาผ้าเช็ดตัวในห้องนอนอีกรอบ

น่าจะมีอยู่แถวๆนี้นะ ผ้าเช็ดตัวที่ยังไม่ได้ใช้



"ได้ยังวะ" มันตะโกนมาอีกแล้ว

"ได้แล้ว" เห็นเราเป็นคนใช้หรือไงวะ สั่งอยู่นั่นแหละ แล้วทำไมกูต้องรีบวิ่งเอาไปให้มันด้วยเนีย "เห้ย​"

"มึงจะร้องทำไมวะ"

"ก็มึงทำไรอ่ะ จะแก้ผ้าทำไมวะ" ไอ้บ้าเอ๊ย แก้ผ้าเฉยเลย ผมนี่หันหลังหลบแทบไม่ทัน

"มึงจะให้กูใส่เสื้อผ้าอาบน้ำหรือไง"

"แล้วทำไมมึงไม่ปิดประตูห้องน้ำเล่า"

"จะทำไมวะ ทำไม อายหรือไง ไม่เคยเห็นของใหญ่เหรอมึงอ่ะ"

"แหวะ กล้าพูดนะ ไม่เห็นจะเท่าไหร่เลย"

"ไม่เห็นจะเท่าไหร่? แล้วหันหน้าหนีทำไม"

"กูไม่ได้โรคจิตเหมือนมึงนะเว้ย ทำไมกูต้องดูด้วยวะ" ไอ้บ้านี่ทำไมมันกล้าจังวะ ผมพยายามเดินหลบออกมาอีกทั้งๆที่ยังหันหลังอยู่นั่นแหละ

"อ้าว แล้วจะไปไหน เอาผ้าเช็ดตัวมาให้กูก่อน"

"ก็... มึงก็ปิดประตูห้องน้ำก่อนดิ"

"แล้วกูจะเอาผ้าเช็ดตัวยังไงอ่ะ คิดดิ"

".........." ถ้ามึงเปิดไว้แบบนี้กูก็ไม่เอาไปให้มึงหรอก

"อ่ะๆๆๆ ปิดแล้ว พอใจยัง"

ผมค่อยๆหันไปมองอย่างช้าๆ กลัวว่าจะเจอภาพไม่น่ามองอีก มันเอาประตูบังร่างกายตัวเองไว้ ยื่นออกมาแค่มือกับหน้า

"เอาไป" ผมนี่รีบส่งผ้าเช็ดตัวให้มันเลย

"เดี๋ยว" อะไรอีกวะ ไอ้สุ่ยปิดประตูห้องน้ำ แต่ก็แค่แว็บเดียว ก่อนจะเปิดออกมาอีกครั้งด้วยการคาดผ้าขนหนูไว้ที่เอว พร้อมกับโยนเสื้อผ้าของมันมาให้ผม "เอาไปซักให้เรียบร้อยเลยนะมึง กูต้องใส่พรุ่งนี้อีก"

"ห๊ะ"

"มึงจะ ห๊ะ อะไรนักหนาวะ มึงทำเปื้อนนะเว้ย"

"อ... เออ" แล้วกูตอบรับทำไมเนีย

"ไปได้แล้ว กูจะอาบน้ำ หรือมึงอยากดูกูอาบ"

"ใครจะไปอยากดู" รีบไปก่อนที่มันจะกล้าบ้าบิ่นอีกรอบดีกว่า



ผมโยนเสื้อผ้าของไอ้คนขี้สั่งลงใส่เครื่องซักผ้า

​นี่กูไม่ใช่คนใช้ของมึงนะ

​แถมให้ซักเสื้อผ้าแค่สองตัวเนี่ยนะ โคตรเปลื้องค่าน้ำค่าไฟเลย

ซักๆไปเหอะ จะได้จบๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:19:26 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ต่อ Part 2


หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จผมก็กลับเข้าห้องนอนเพื่อไปอาบน้ำบ้าง คือบ้านเช่าหลังนี้มีห้องน้ำสองห้อง ห้องนึงจะเป็นห้องน้ำประจำห้องนอน อีกห้องอยู่โถงรับแขก



จะเที่ยงคืนแล้วเหรอเนี่ย

ผมเดินออกจากห้องนอนเพื่อไปดูว่าเสื้อผ้าที่ซักไว้นั้นเสร็จหรือยัง ขอให้เสร็จแล้วทีเถอะ อยากจะพักผ่อนเต็มทีแล้ว ถึงจะเคยชินกับการซ้อมเต้นเสร็จตีหนึ่งตีสอง แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากจะนอนหลับให้เต็มอิ่มบ้าง



"มีแต่หนังสือปรัชญาทั้งนั้นเลย" ทันทีที่ออกมาจากห้องนอนก็พบกับไอ้สุ่ยกำลังยืนอ่านหนังสืออยู่ที่ชั้นหนังสือของผม พอได้เห็นมันจากมุมนี้แล้วถึงได้รู้ว่ามันตัวสูงใหญ่จริงๆ หรือเป็นเพราะเสื้อผ้าของผมตัวเล็กก็ไม่รู้ "บุคคลผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์ ปรัชญาชีวิต คิดเพื่อสร้าง แนวคิดแบบอย่าง ​มีแต่หนังสือน่าเบื่อทั้งนั้นเลย มึงไม่อ่านการ์ตูนไรงี้บ้างเหรอ วันพีช นารูโตะ อะไรงี้อ่ะ"

"ไม่อ่ะ ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรเลย" ผมเดินผ่านเพื่อตรงไปอีกห้อง ซักเสร็จพอดีเลย ​"เสื้อผ้าซักเสร็จแล้ว จะเอาไปเลยไหม"

"พึ่งไว้แป๊บนึงก่อนดิ เอาใส่ถุงเลยเดี๋ยวก็อับหรอก"

"เออ" สั่งกูอีกแล้ว

"Who never made a mistake never made a discovery."

"คนที่ไม่เคยทำผิดคือคนที่ไม่เคยค้นหา​" ผมบอกความหมายของสิ่งที่ไอ้เสือผู้หญิงอ่านพร้อมกับเดินออกมาจากห้องซักผ้า "หนึ่งในปรัชญาสำคัญของ เซอเรน เคียร์คลอเกอร์​ นักปรัชญาชาวเดนมาร์คและนักปรัชญาสาย​อัตถิภาวนิยมคนแรกของโลก"

"นี่มึงแดกหนังสือปรัชญาเข้าไปหรือไง" ถ้าทำได้ก็คงทำไปแล้วล่ะ "อย่าบอกนะว่ามึงจำได้เกือบหมดนี้เลย"

"น่าจะทั้งหมดเลยมากกว่า หนังสือพวกนี้น่าจะโดนอ่านมาไม่ต่ำกว่าห้ารอบ จำขึ้นใจแล้วล่ะ"

"โคตรคูลอ่ะ... กูไม่ค่อยถนัดเรื่องอ่านหนังสือเท่าไหร่ ขนาดหนังสือเรียนที่มีแต่สูตรฟิสิกส์ กูยังไม่อยากจะอ่านเลย กูจะอ่านหนังสือเฉพาะเวลาที่อยากนอนพักผ่อนเท่านั้นแหละ... ไม่ต้องมามองหน้ากูอย่างงั้น กูไม่ใช่คนฉลาดเหมือนไอ้ชา หนังสือคือยานอนหลับสำหรับกู"

"ก็แน่อยู่แล้วล่ะ ชาเป็นคนฉลาด เก่ง และเท่"

"ชมมันขนาดนี้ ไม่ไปขอมันเป็นผัวเลยล่ะ"

"กูไม่ได้ชอบแบบนั้นเว้ย เข้าใจคำว่า แบบอย่าง ป่ะ"

"เหรอ... กูก็เป็นแบบอย่างให้มึงได้นะ เดี๋ยวกูสอนจีบหญิงให้เอาป่ะ"

"ไร้สาระ... อ่ะนี่" ผมหยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากในชั้นส่งให้ไอ้ขี้โม้

"อะไรวะ"

"ก็ดูหน้าปกดิ เรียนเอกฟิสิกส์ไม่ใช่เหรอ ไม่รู้จัก อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ หรือไง... สำหรับคนไม่ชอบอ่านหนังสือก็น่าจะลองอ่านเล่มนี้ดูนะ ไอน์สไตน์เป็นทั้งนักฟิสิกส์อัจฉริยะและนักปรัชญาระดับโลก ความคิดของเค้าแปลกใหม่และไม่เคยล่าสมัย ในมุมของนักปรัชญาถือว่าเค้ามองโลกในมิติที่มนุษย์ธรรมดามองไม่เห็นด้วยซ้ำ รับรองว่าอ่านแล้วไม่ง่วงแน่นอน เอาไปดิ ให้ยืม เผื่อจะชอบการอ่านขึ้นมาบ้าง"

"เหรอ สมกับที่เป็นเด็กสังคมจริงๆเนาะ งั้นยืมเล่มที่มีปรัชญาของเซอเรน เคียร์คลอเกอร์​​นี้ด้วยละกัน" ไหนบอกไม่ชอบอ่านหนังสือไง ก็ดูท่าทางจะสนใจอยู่นี่นา "แล้วมึงชอบปรัชญาของใครที่สุด"

"อันนี้ไง" ผมชี้ไปที่ข้อความในแผ่นกระดาษใบยาวเหนือชั้นวางหนังสือ ที่ผมสั่งทำมาติดไว้เป็นอย่างดี "อุปสรรคไม่ใช่เรื่องยาก ตราบเท่าที่มีความรักมากพอ"

"ของใครวะ มีนักปรัชญาเกี่ยวกับความรักด้วยเหรอ"

"ของ ธชานา  ธนกฤษ"

"เดี๋ยว! นั่นมันชื่อไอ้ชาไม่ใช่เหรอ"

"ใช่" ผมอดที่จะยิ้มอย่างภูมิใจไม่ได้ "น้ำชาให้ปรัชญานี้ไว้ผ่านรายการทีวีเมื่อเดือนที่แล้ว เท่ใช่ไหมล่ะ"

"นี่มึงชอบไอ้ชาจริงจังขนาดนี้เลยเหรอ"

"อืม"

"ตอบไวชิบหาย ท่าทางจะจริงจัง"

"ก็ยอมรับ ชอบก็บอกว่าชอบ น้ำชาเป็นแรงบันดาลใจให้กูหลายอย่างเลย ไม่ใช่แค่เรื่องที่อยากจะเป็นลีดมหาลัย แต่รวมถึงการอยากที่จะเป็นคนเก่ง การพยายามอย่างหนักต่อให้เราไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อยากเป็นคนที่กล้าพอที่จะลงมือทำ สำหรับกู น้ำชาคือนักปรัชญาแห่งความพยายาม ที่กูตั้งเป้าว่าจะทำตามเค้าทุกอย่างให้ได้"

"เหรอ.... ทุกอย่างเลยเหรอ"

"ก็พยายามอยู่" ผมยอมรับ "จะเก่งเท่ากับคนที่เป็นอัจฉริยะก็คงต้องพยายามมากหน่อย"

ผมเดินมานั่งที่โซฟาแล้วเปิดทีวีขึ้นมาทำลายความเงียบ ก่อนที่ไอ้เสือผู้หญิงจะเดินมานั่งด้วย



"ถามไรหน่อยดิ" ไอ้สุ่ยเริ่มบทสนทนาอีกครั้ง

"อะไรอ่ะ ถ้าจะมาลองภูมิเรื่องนักปรัชญาก็บอกไว้เลยนะว่ากูจำได้หมดแล้วจริงๆ"

"ไม่ใช่... ก็กูเห็นมึงเทิดทูนไอ้ชาขนาดนี้ แปลว่ามึงเองก็ต้องยอมรับได้เรื่องที่มันคบหาเป็นแฟนกับพี่ตองอะดิ"

"ทำไมวะ" นี่จะนินทาน้ำชาเหรอ คิดจะพูดถึงไอดอลต่อหน้าสาวกเลยรึไง ครั้งนี้กูไม่ยอมนะ

"เปล่า... กูก็แค่สงสัย มันไม่รู้สึกแปลกๆเหรอวะ ที่ผู้ชายกับผู้ชายจะเป็นแฟนกันอ่ะ"

"ก็ไม่รู้เหมือนกัน" ผมก็แอบคิดเรื่องนี้นิดๆนะ "แต่ถ้าน้ำชาทำ ก็คงไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอก"

"มึงเชื่อเพราะแค่ไอ้ชาทำเนี่ยนะ ไม่อยากรู้บ้างเหรอว่ามันรู้สึกยังไง"

"......." จะตอบว่ายังไงดีล่ะ ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกข้างในของน้ำชา เอาเข้าจริงๆ ผมก็อยากรู้ให้หมดนะ ถ้าได้เข้าใจความรู้สึกลึกๆจริงๆของน้ำชา อาจจะทำให้ผมเข้าใจแก่นแท้ของเค้ามากขึ้นก็ได้

"เงียบแบบนี้แปลว่ามึงก็อยากรู้อะดิ"

"ก็ไม่เชิง ถามทำไมอ่ะ"

"ก็... กูยอมรับก็ได้ว่ากูก็อยากรู้ ตั้งแต่กูเข้ามาเรียนที่นี่ รู้สึกว่าผู้ชายรอบข้างกูเริ่มจะหันมากินกันเองกันหมด ที่ผ่านมา กูเห็นแต่อะไรแบบนี้ คือกูไม่ได้เหยียดเพศนะ แต่อย่างไอ้ชา พี่ตอง ก็ไม่ได้มีท่าทางจะเป็นตุ๊ดเป็นแต๋ว ไอ้ต้อมกับญาติของไอ้ชาก็ด้วย แล้วไหนจะพี่ท๊อปกับพี่บุ๋นนี่อีก ที่สำคัญนะ ทำไมยังทำตัวปกติกันได้วะ อย่างกับว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกงั้นแหละ"

"คนมีความรัก มันจะแปลกตรงไหนวะ"

"อย่ามาทำเป็นว่ามึงเข้าใจหน่อยเลย กูรู้ว่ามึงก็ไม่เข้าใจ" พูดซะกูดูเป็นคนอวดฉลาดเลย "เอางี้ไหม ไหนๆเราสองคนก็อยากเข้าใจความรู้สึกนี้ทั้งคู่ เราลองมา..."

ลองมา?

​"เห้ย"​ ผมนี่ลุกขึ้นล่าถอยอย่างเร็วเลย พูดบ้าอะไรของมันวะ

"ไม่ใช่อย่างงั้นเว้ย"

"ไม่ใช่อย่างงั้นแล้วคือยังไงวะ ก็ดูมึงพูดดิ มึงพูดอย่างกับชวนกู.... ทำ​อย่างงั้นอยู่อ่ะ"

"ก..ก็... มันก็ไม่เชิง"

"นั่นไงๆ" คราวนี้ผมลุกขึ้นเลย

"เดี๋ยวก่อนดิวะ ใจเย็นดิ"

"ใจเย็นบ้าอะไรล่ะ" มาชวนกูทำเรื่องอย่างว่า ใครมันจะไปยอมวะ ไอ้บ้านี่มันต้องเป็นโรคจิตแหงเลย

"กูไม่ได้เป็นเกย์เว้ย มึงก็เห็นว่ากูมีสาวๆในสต็อกเยอะขนาดไหน กูก็รู้ว่ามึงอ่ะไม่เป็น ใช่ไหม? หรือมึงเป็น?"

"ไม่ได้เป็นเว้ย" ผมรีบปฏิเสธ ในที่สุดผมก็หาของบางอย่างเจอ ไม้ตียุงนี่แหละ "มึงอย่าเข้ามานะ เดี๋ยวกูช็อตเป็นยุงเลย"

"มึงบ้าป่ะ ไม้ตียุงถูกออกแบบมาให้ปลอดภัยกับมนุษย์ กำลังไฟก็น้อย มันเอาไว้ป้องกันตัวไม่ได้หรอก" ​จริงเหรอวะ​ "เออ เชื่อกูเหอะ กูเรียนฟิสิกส์นะ... วางไม้ลงได้แล้ว กลับมานั่งนี่ก่อน เร็วดิ! เออ... คุยกันก่อน ถ้ามึงไม่อนุญาต กูไม่ทำไรหรอกน่า... อ่ะสาบานเลย"

"แน่นะ"

"เสืออย่างกูมีเหยื่อเยอะแยะ มึงไม่ได้น่าพิศวาสขนาดนั้นหรอก... นั่งลง เร็ว"

"ก...ก็ได้... แต่กูไม่วางไม้นะ เผื่อมึงหน้ามืดขึ้นมา"

"เออๆๆ แล้วแต่มึงเลย"

ไม่น่าเชื่อว่าผมจะยอมนั่งลงไปคุยกับมันอีกรอบ

"กูไม่ได้เป็นเกย์ ฟังกูชัดๆอีกทีนะ กูไม่ได้เป็นเกย์ แต่ที่กูพูดแบบนี้เพราะกูแค่อยากรู้ว่ามันรู้สึกยังไง และที่กูกล้าพูดกับมึงก็เพราะกูเห็นมึงบอกว่ามึงอยากทำตามไอ้ชาทุกอย่าง เรื่องนี้ไอ้ชากับพี่ตองก็ต้องทำ ถูกป่ะ หรือมึงคิดว่าไง ยังไงเราก็ผู้ชายกันทั้งคู่ มันจะไปเสียหายอะไร ก็วินๆกันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอวะ"

ทำไมจู่ๆผมถึงได้รู้สึกว่ามันเริ่มพูดมีเหตุผลขึ้นมา "ล... แล้ว มันใช่เรื่องที่ถูกเหรอวะ เราควรที่จะเก็บเรื่องแบบนี้ไว้ทำกับ..."

"นี่ไง เซอเรน เคียร์คลอเกอร์​​ ก็บอกไว้ คนที่ไม่เคยทำผิดคือคนที่ไม่เคยค้นหา​ ​เราอาจจะทำผิดก็ได้ แต่เราก็ยังได้ลงมือค้นหานะเว้ย ที่สำคัญมันยังเป็นการค้นหาเรื่องของคนที่มึงพูดเองว่ามึงชื่นชอบเค้า หรือว่าจริงๆแล้วมึงไม่อยากรู้ว่าคนที่มึงประทับใจนักหนาเค้ารู้สึกยังไง... เอางี้..." ไม้ตียุงในมือของผมถูกดึงออกไปโดยง่ายแล้วแทนที่ด้วยมือใหญ่ๆของคนที่นั่งข้างๆวางทับลงมา "ตอนนี้เราสองคนกำลังเตะเนื้อต้องตัวกันอยู่ มึงรู้สึกรังเกียจอะไรหรือเปล่า"

"ห๊ะ?" ผมเริ่มจะคิดตามไม่ทัน

"กูถามว่ามึงรู้สึกรังเกียจอะไรกูหรือเปล่า"

"เปล่า" นี่ผมคิดหรือยังหว่า ที่ตอบออกไปแบบนี้ ส่วนความรู้สึกที่มือ มันก็เหมือนมีอะไรอุ่นๆมาเตะลงไป แทนที่ผมจะรู้สึกอยากสะบัดมันออก ผมกลับรู้สึกว่าได้รับการปกป้องที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยด้วยซ้ำ

"เห็นไหมล่ะ แต่แค่นี้มันไม่ทำให้มึงเข้าใจความรู้สึกของไอ้ชาหรอกนะ จนกว่ามึงจะกล้าพอที่จะทำสิ่งเดียวกับที่มันทำ มึงบอกว่ามึงอยากกล้าพอที่จะลงมือทำไม่ใช่เหรอ ตอนนี้แหละคือโอกาส"

"......" นี่กูไม่ได้กำลังถูกหว่านล้อมอยู่ใช่ไหม

ผมยังเงียบอยู่นาน ก็จะให้ตอบว่ายังไงล่ะ เรื่องแบบนี้มันใช่เรื่องที่จะมาทำกันทั่วๆไปซะทีไหน ตอนตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเดินทางต่อในเส้นทางผู้นำเชียร์ยังไม่ยากขนาดนี้เลย



"อ่ะ โอเค กูเข้าใจล่ะ" ไอ้สุ่ยเหมือนจะยอมแพ้ มืออุ่นๆของมันถูกดึงออกไปจากมือของผม "ไม่ทำก็ไม่ทำ ถ้ามันทำให้มึงลำบากใจขนาดนี้ งั้นเดี๋ยวกูกลับเลยละกัน เสื้อผ้าอยู่ในห้องนี้ใช่ไหม..."

"เดี๋ยวก่อน!" เอาไงดี เอาไงดี เอาไงดี "ม...มึง...ทำเป็นแน่นะ"

"ทำเป็นดิ กูระดับนี้แล้ว" ไอ้สุ่ยกลับมากุมมือผมอีกครั้ง คราวนี้กุมแน่นทั้งสองข้างเลย "เรามาลองหาคำตอบด้วยกัน โอเคป่ะ"

"เดี๋ยวๆๆ" ผมรีบห้ามไว้ก่อน เพราะจู่ๆไอ้คนตรงหน้าก็เหมือนจะจู่โจมผมแบบทันทีทันใด

"ทำไมอ่ะ ไม่อยากรู้คำตอบแล้วเหรอ"

"ค... คือ... เอ่อ... มันจะไม่เจ็บใช่ไหมอ่ะ" ผมยอมรับว่ารู้สึกกลัว แต่ก็มีความรู้สึกบางอย่างที่มากกว่ามากลบเกลือน

"มานี้" ผมถูกดึงเข้าไปช้าๆให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของคนตรงหน้า เนื้อตัวของเค้ามีกลิ่นที่แตกต่างออกไป ผมไม่คุ้นชิน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจ กลับทำให้รู้สึกอุ่นใจมากขึ้นด้วยซ้ำ "ถ้าเจ็บ ก็บอกนะ"



อย่างกับถูกพ่นยาเสน่ห์ใส่เต็มหน้า สิ้นคำพูดแสนหวาน ผมก็ไม่เหลือความสามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองไว้ได้ ร่างกายมันอ่อนโอนเสมือนไร้แรงโน้มถ่วงของโลกมารั้งเอาไว้



ร่างกายของผมถูกปฏิบัติอย่างถะนุถนอมแบบที่ไม่เคยมีใครมาทำกับผมอย่างนี้มาก่อน

ทุกๆกริยาได้รับการจัดวางอย่างละเมียดละไมประหนึ่งการสัมผัสผ้าบางนุ่มผืนยาวที่ไร้รอยต่อ

เสื้อผ้าที่เพิ่งจะสวมใส่หลุดลอยออกไปเมื่อไหร่ผมก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำ ร่างกายถูกจัดวางให้นอนลงบนโซฟาเมื่อไหร่ก็ไม่อาจบอกได้ เห็นแต่ภาพขมุกขมัวของผิวกายเนียนแน่นเบื้องบน และเมื่อสายตามีแรงพอมันก็เหลือบไปเห็น...



"ด.. เดี๋ยว..."

แต่ก่อนที่ผมจะทันได้ตกใจกับส่วนแข็งขืนของกายเบื้องบน ริมฝีปากของผมก็ถูกมอบความอุ่นละมุนจากเนื้อสัมผัสของริมฝีปากอีกอัน

เมื่อเรื่องเดินทางมาถึงตรงนี้ ภาพในหัวก็แทบจะดับสิ้นไป

จนกระทั่ง....



"อ...."

"เจ็บไหม" เสียงกระซิบถามเบาๆที่ข้างหู อย่างกับมันดังมาจากข้างในหัวของผมเอง

"ม...ไม่" ผมตอบปฏิเสธทั้งๆที่เจ็บแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

"​ไม่เกร็งนะ.... ผ่อนคลายซิครับ ยังไม่ขยับนะ ค่อยๆหายใจ ช้าๆ​"

ถ้าเป็นเวลาปกติ การถูกสอดแทรกด้วยสิ่งแปลกล้อมขนาดใหญ่แบบนี้ ผมคงจะร้องดิ้นทุรนทุรายไปแล้ว แต่ผมกลับยินยอมให้มันแน่นิ่งอยู่อย่างนั้นและผมก็ยังคงทำตามคำแนะนำอย่างเชื่อฟัง

"จะขยับแล้วนะ​" เกิดความรู้สึกเคลื่อนไหวที่จุดสัมผัสเบื้องล่าง "เจ็บหรือเปล่า​"

"......." ผมไม่ได้ตอบ แต่การแสดงออกทางภาษากายของผมก็คงมากพอที่จะทำให้ผู้กระทำรู้ว่าผมถูกอารมณ์พาล่องลอยออกไปไกลแล้ว

แขนสองข้างของผมถูกพาไปวางให้โอบรัดที่รอบคอของคนด้านบน....



และนั่นก็คือสิ่งสุดท้ายที่ผมจำได้.....







"ข้าวเจ้า  ข้าวเจ้า  ได้ยินไหม ข้าวเจ้า​"

ใครเรียกอ่ะ

"หือ" ผมลืมตาสะลือขึ้นมาในความมืด แต่ก็ไม่ได้ลุกขึ้นมา ผมยังคงนอนตะแคงข้างกอดหมอนข้างอยู่ท่าเดิม

เมื่อได้สตินิดหน่อย ผมก็เริ่มคุ้นชินกับบรรยากาศรอบข้าง

นี่ผมมาอยู่บนเตียงในห้องนอนได้ยังไง

"เอ่อ.... ก... กูู... ขอโทษนะ"

ขอโทษ

​ขอโทษเรื่องไรวะ

"กูขอโทษนะที่ทำแบบนี้กับมึงไปอ่ะ ว่าแต่... มึงเจ็บป่ะ?"

​เจ็บเหรอ

​!!!!

นึกออกแล้ว

เมื่อความทรงจำสุดท้ายกลับมา ผมก็รีบหลับตาปี๋อีกครั้ง ไม่ขยับตัว ยังไม่อยากยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นอะไรทั้งนั้น

"มึง... เจ็บเหรอ"

"เปล่า" ผมตอบ แต่เสียงมันไม่ค่อยออกมาเท่าไหร่ ออกจะเป็นเสียงแผ่วๆเสียมากกว่า

"เหรอ เออ งั้นก็ดีแล้วแหละ คือ... มึงโอเคใช่ไหมอ่ะ มึงไม่โกรธกูใช่ไหม ก็... เรา... ตกลงกันแล้ว"

"อืม" ผมตอบ

"โอเค ค่อยสบายใจหน่อย งั้น... ก็จบไว้แค่นี้เนาะ มึงกับกูก็ได้เข้าใจความรู้สึกนี้แล้ว มึงคงไม่เก็บมาคิดต่อใช่ป่ะ"

"อืม"

"เออๆ กูก็ขอบใจนะที่มึงยอมทำกับกูอ่ะ งั้นเอาเป็นว่า... กูกลับก่อนนะ จะเช้าแล้ว"

"อืม"

"มึงก็นิสัยดีนะ เราเป็นเพื่อนกันได้นะเว้ย ถ้ามึงไม่รังเกียจกู.... กูแต่งตัวให้มึงแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าจะตื่นขึ้นมาเห็นตัวเองโป๊ เห้อๆ.... เอ่อ... งั้นกูกลับจริงๆแล้วนะ.... เจอกัน"

"......."



เสียงลุกออกจากเตียงนอนของคนที่เพิ่งร่วมหลับนอนจากไป

ไม่นานก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น และเบาลง เบาลง จนหายไปจากโสตประสาท



​ตอนนี้ผมก็ได้เข้าใจแล้วว่าความรู้สึกของน้ำชาเป็นยังไง เราได้ทำตามทุกอย่างที่เราตกลงกันไว้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ผมได้ลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจอย่างแน่วแน่  ​ผมควรจะดีใจซิ แล้วทำไม......





.....​น้ำตามันถึงได้ไหลออกมาไม่ยอมหยุด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:19:54 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ตอนที่ 42 : อัลเบิร์ต  ไอน์สไตน์ Part 1





​ตอนที่ 42 : อัลเบิร์ต  ไอน์สไตน์ Part 1





​กูไม่น่าเล๊ย.......



วันนี้ผมตำหนิตัวเองเป็นครั้งที่ร้อยเห็นจะได้ หลังจากตัดสินใจทำเรื่องบ้าๆลงไปเมื่อคืนนี้

ก็ตอนนั้นมันคิดแค่ว่าอยากรู้อยากลอง มันก็แค่อยากลองดูว่าคารมที่เคยใช้ได้กับผู้หญิง จะสามารถให้หว่านล้อมผู้ชายบ้างได้ไหม ผลลัพธ์ก็คือมันได้ผล ผมได้เปิดซิงเด็กผู้ชายคนนั้นสมใจอยาก แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะทำให้ผมมีความวิตกกังวลขนาดนี้

ผมกังวลมากๆ ว่าจะกลับไปเข้าหน้ากับคนที่ผมเพิ่งจะปู้ยี่ปู้ยำได้ยังไง กังวลว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะยังคงเป็นความลับอยู่ได้จริงๆไหม กังวลว่าจะโดนไอ้ชาต่อว่าหรือเปล่า และที่สำคัญคือ ผมกังวลกับความรู้สึกบางอย่างที่มันติดค้างอยู่ในสมองของตัวเอง ผมนึกถึงแต่ภาพกิจกรรมทางเพศที่เกิดขึ้นเมื่อคืน จมูกของผมก็จดจำกลิ่นกายของเค้าได้ชัดเจน มือไม้ของผมสั่นเทิมเหมือนอยากจะสัมผัสผิวกายของใครก็ตามที่ทำให้มันพอใจ

ผมจะทำยังไงดี....



"น้องคะ จะแนะนำตัวหรือเปล่า"

!!!!!!!!

​แนะนำ?

แนะนำเชี่ยอะไรวะ



"ไอ้สุ่ย" เสียงเรียกจากคนข้างๆ ผมหันไปหาต้นเสียงอย่างงงๆ ไอ้ชานั่นเอง มันกำลังกัดฟันบอกผมอยู่ "​แนะนำตัวดิ​"

อ๋อ....

นึกออกแล้ว



"สุ่ย  สุรเดช  สมนคร  ผู้นำเชียร์จากคณะวิทยาศาสตร์ ครับ" กูตะโกนดังไปหรือเปล่าวะ



"น้องๆมีโอกาสเต้นแค่รอบเดียวนะ อย่างที่พี่อธิบายให้ฟังไปแล้ว พร้อมนะคะ ​เปิดเพลงเลย"



เอาเลยเหรอ





จู่ๆดนตรีเพลงก็ขึ้น

ผมและผู้นำเชียร์ตัวแทนจากคณะวิทยาศาสตร์เป็นกลุ่มแรกที่ได้เข้ามาทดสอบท่าเต้นในเพลง Love Leader ที่ทำการฝึกฝนอย่างหนักกันในเวลาอันจำกัดแค่สองวัน แต่ถึงจะเวลาน้อย ผมและเพื่อนๆอีกสองสามคนก็ยังโชคดีที่ได้รับการฝึกซ้อมจากคนที่ค่อนข้างเก่ง ซึ่งเค้าคนนั้นก็คือคนเดียวกับที่ผมเพิ่งจะหลอกล้อให้เสียตัวให้กับผมเมื่อคืนนี้

ช่ื่อของเขาคือ ​เจ้าข้าว ​เด็กหนุ่มหน้าตี๋ตัวแทนผู้นำเชียร์จากคณะสังคมศาสตร์







"โอเคค่ะ" พี่ชมพู่หัวหอกใหญ่จากทีมดูแลจัดการผู้นำเชียร์ของมหาวิทยาลัยพูดขึ้นหลังจากการทดสอบจบลง "น้อง...สุ่ยใช่ไหม"

"ค...ครับ" อะไรวะ อยู่ดีๆก็เรียก กูทำอะไรผิดหรือเปล่า

"ขอพูดอะไรตรงๆหน่อยนะ พี่เสียดายนะ จากที่ดูเนีย เหมือนน้องจะแก้ปริศนายากๆของท่าเต้นเพลงมาได้ หน่วยกานก็ดี แต่น้องไม่มีอินเนอร์เลย ไม่มีพลังงาน เต้นอย่างกับไม่มีชีวิต นี่มันเพลงรักนะน้อง" จู่ๆพี่เค้าก็หยุดพูดกลางคัน ถอนหายใจนิดหน่อย แล้วหันไปคุยและปรึกษากับทีมงานคนอืื่นๆด้วยน้ำเสียงเป็นความลับ เมื่อผ่านไปสักพักก็หันกลับมา "พี่... ขอให้น้องๆทุกคนออกไปก่อน ยกเว้นน้องสุ่ย พี่จะขอทดสอบอีกครั้งนึง  หนุง ไปกันเด็กคณะอื่นไว้ก่อน อย่าเพิ่งให้เข้ามา จนกว่าชั้นจะให้สัญญาณ"

"ค่ะ บอส" พี่คนหนึ่งรับคำสั่ง



"มึงทำได้ อย่าทำให้คนสอนผิดหวังนะ​" ไอ้ชาแอบกระซิบกับผมตอนที่มันเดินผ่านผมไป

"สู้ๆนะ​" เกตุก็เช่นกัน



และเมื่อเพื่อนๆลีดทุกคนออกไปจากห้องทดสอบ ก็เหลือผมเพียงคนเดียวที่ยืนประจัญหน้ากับกรรมการ

"พี่เคยพูดให้ฟังถึงความสำคัญของการยืนอยู่แถวหน้าไปแล้วใช่ไหม" พี่ชมพู่พูดขึ้นอีกครั้ง "ตอบพี่มาหน่อยว่า เธออยากเป็นลีดมหาลัยนี้หรือเปล่า"

"ใครๆก็ต้องอยากเป็นทั้งนั้นแหละครับ" ผมตอบตามความจริง

"ชั้นถามแค่ตัวเธอ ไม่ใช่​ใครๆ​.... ชั้นแปลกใจนะที่เธอแยกแยะความละเอียดอ่อนของท่าเต้นเพลงนี้ได้แต่กลับแยกแยะนัยสำคัญในคำถามนี้ไม่ได้... รู้หรือเปล่าว่าเกณฑ์การคัดเลือกคนที่จะมาเป็นลีดมหาลัย นอกจากจะมีรูปร่างหน้าตาบุคลิกภาพที่ดี เหมือนที่ตัวเธอมีแล้วเนีย เรายังต้องการอะไรอีก อะไรที่จะทำให้คนหนึ่งคน โดดเด่นออกมาจากคนร้อยยี่สิบคน"

"......" อะไรล่ะ ก็บอกมาดิ

"ที่ชั้นพูดว่าจะทดสอบอีกรอบ ไม่ได้หมายถึงแค่ให้เธอมาเต้นให้ดูอีกรอบหรอกนะ แต่ชั้นอยากเห็นทัศนคติของเธอ ไหนลองพูดมาให้ฟังหน่อยซิ สำหรับเด็กวิดยาอย่างเธอแล้ว เธอจะเป็นผู้นำเชียร์ที่ยิ่งกว่าผู้นำเชียร์คนอื่นได้ยังไง ผู้นำเชียร์แบบไหนที่จะโดดเด่นออกมาจากคนอื่นๆได้"

"คนที่.... ซ้อมหนักมั้งครับ" ผมไม่ได้กวนนะ แต่สมองมันบอกให้ตอบแบบนี้จริงๆ

"ซ้อมหนัก? เธอจะบอกว่าเธอซ้อมหนักเหรอ"

"เปล่าหรอกครับ มีคนที่ซ้อมหนักกว่าผมมาก คนที่...สอนผม คนที่ทำให้ผมเข้าใจการเต้นในวันนี้ ที่จริงแล้วผมยังไม่ได้ขอบคุณเค้าด้วยซ้ำที่ซ้อมหนักแทนผม ผมไม่ได้เข้าใจปริศนาในท่าเต้นนี้ด้วยตัวเองเลยด้วยซ้ำ ผมมันก็เป็นแค่คนที่ฉวยโอกาสจากความพยายามของคนอื่นมาอีกที แต่ว่า... ถ้าพี่ให้โอกาสผมอีกครั้ง ผมจะทำให้สมกับที่ได้รับโอกาสนั้นมา ผมจะไม่ทำให้คนที่พยายามแทนผมต้องผิดหวัง ผมจะทำเต็มที่ครับ"

เหมือนพี่ชมพู่จะนิ่งไปแวบหนึ่ง

"คำตอบของเธอมันสุ่มเสี่ยงมากนะรู้ไหม แต่มันดันตรงกับคุณสมบัติข้อนึงของผู้นำเชียร์ที่ดี ความจริงใจ ​เอาล่ะ ในเมื่อเธอกล้าพูดความจริงกับกรรมการ ชั้นก็จะให้โอกาสเธออีกครั้ง แต่จะไม่มีโอกาสที่สามอีกแล้วนะ"

"ขอบคุณครับ"



เอาวะ!!!

ตัดเรื่องคาราคาซังในสมองออกไปก่อนแล้วทำให้เต็มที่ อุตส่าได้โอกาสมาแล้ว



เมื่อเพลงขึ้นอีกครั้ง ผมก็สวมวิญญาณผู้นำเชียร์และเต้นอย่างเต็มที่ ใส่ทุกความรู้ที่ได้รับการฝึกฝนจากคณะมากว่าสองเดือนลงไปในการออกลีลาครั้งนี้ เห็นแบบนี้ผมก็ตั้งใจไม่แพ้ใครนะ ไม่งั้นเมื่อวานผมก็คงไปเที่ยวเล่นตามประสาคนที่มีวันหยุดน้อยไปแล้ว

.....................





"เป็นไงบ้างวะ" ไอ้ชายืนรอผมอยู่ที่ประตูทางเข้าหอประชุมพร้อมกับเกตุ มันตั้งคำถามทันทีที่เห็นว่าผมเดินออกมาแล้ว

"ไม่รู้ว่ะ" ผมตอบ "เค้าให้เต้นอีกรอบนึงแล้วก็ให้ออกมาเลย"

"เหรอ...เออ ดีแล้ว งั้นไปรวมกับคนอื่นๆเหอะ"

ผมเดินมานั่งรวมกับกลุ่มเพื่อนคณะวิทย์ พวกเราพวกคุยกันนิดหน่อยเกี่ยวกับการทดสอบที่ผ่านมา แล้วก็มักจะมีเด็กคณะอื่นมาถามถึงบรรยากาศในห้องทดสอบ

จะถามไปทำไมก็ไม่รู้ เพราะยังไงก็ต้องเต้นเพลงเดียวกันอยู่ดี



"เมื่อคืนมีปัญหาอะไรป๊ะ"

"ห๊ะ" ทำไมไอ้ชามันถามแบบนี้วะ มันไปรู้อะไรมา

"ก็... เรื่องที่ไปส่งไอ้ข้าวไง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า"

"ป... เปล่า จะไปมีอะไรได้ล่ะ"

"แล้วมึงจะตกใจทำไม"

"ก...ก็มึงถามกูแปลกๆอ่ะ"

"แปลกตรงไหนวะ... มึงมีพิรุจนะ"

"พ...พิรุจอะไรของมึงวะ ไม่มีไรทั้งนั้นแหละ โน่น พี่ตองมึงมาแล้ว" เปลี่ยนเรื่องพูดดีกว่า



"เป็นไงบ้างคณะวิทย์"

"สวัสดีครับ/ค่ะพี่ตอง"

"ไม่รู้เหมือนกันค่ะ กรรมการไม่ได้บอกอะไรเลย" เกตุตอบด้วยการแสดงความกลัดกุ้มเล็กน้อย "แล้วเค้าจะประกาศผลเมื่อไหร่คะ"

"เสร็จทุกคนก็น่าจะประกาศเลยนะ" พี่ตองตอบ ถึงแม้จะตอบคำถามเกตุแต่ตาก็มองไอ้ชาตลอด จะรักกันอะไรขนาดนั้น



"ไอ้ชาเย็น เป็นไงบ้างวะ" ไอ้ต้อม เพื่อนสนิทของไอ้ชา วิ่งถไลมานั่งลงกับพื้นข้างๆกลุ่มพวกผม "พี่เค้าดุป่ะ"

"โคตรดุอะมึง" ไอ้ชาขู่เพื่อนตัวเอง "แค่หายใจผิดจังหวะก็โดนด่าแล้ว"

"เห้ย ขนาดนั้นเลยเหรอ" หลอกง่ายเกิ๊น "แล้วกูจะโดนด่าไหมวะ"

"เตรียมใจไว้ได้เลย"

"พอได้แล้วชา" เกตุแทรก "ไม่มีอะไรหรอกต้อม แค่เต้นตามที่ซ้อมเฉยๆ พี่เค้าไม่ได้พูดอะไรเลย"

"จริงดิ" ไอ้ต้อมตาโต ช่างเป็นคนอ่านง่ายจริงๆ นี่ถ้าโดนกูหลอก ก็คงไม่วายจะเสร็จอีกคน "นี่มึงหลอกกูเหรอไอ้เพื่อนชั่ว"

"เกตุไปบอกมันทำไมอ่ะ" ไอ้ชาโวยวายแบบขำๆ "จะดูหน้าเอ๋อๆของมันซะหน่อย"

"หน้าเอ๋อเหรอ" แล้วเพื่อนสนิทสองคนก็หยอกล้อกันตามประสาของพวกมัน "ถ้ามึงไม่ได้ไอ้ข้าวเจ้าช่วยไว้ มึงก็เอ๋อเหมือนกันแหละ"



เอาอีกแล้ว อุตส่าจะลืมได้แล้วเชียว

ได้ยินชื่อนี้ทีไรรู้สึกผิดทุกที



"อ้าว นั่นไง ข้าวเจ้า"

เห้ย!!!!

ไหนวะ

มาจริงดิ



"เป็นไงบ้างชา" ชิบหายละ มาจริงด้วย ทักทายไอ้ชาหน้าระรื่นเลย "ทดสอบเสร็จแล้วใช่ไหม คณะวิทย์อ่ะ"

"เสร็จแล้ว" ไอ้ชาตอบ "ได้มึงช่วยไว้ ขอบใจอีกทีล่ะกันนะ"

"พูดไรงั้น" ทำไมไอ้ข้าวเจ้ามันดูสบายใจจังวะ ไม่คิดตะขิดตะขวงใจอะไรบ้างหรือไง ผมมั่นใจนะว่ามันเห็นหน้าผม "ก็เราเป็นเพื่อนกันนิ"

"นี่ๆ" ไอ้ต้อมแทรกขึ้นมา "กูให้โอกาสมึงอีกรอบนะ อย่าเป็นเพื่อนกับไอ้ชาเย็นเลย มันไม่ได้เป็นคนดีอะไรเล๊ยยย"

"ไอ้ต้อม มึงหุบปากไปเลย" ไอ้ชาพยายามแก้ต่างให้ตัวเอง "มาๆข้าว มานั่งด้วยกัน"

"ขอบใจนะ" มันก็ยังยิ้มแป้นเหมือนเดิม นี่มึงไม่คิดอะไรเลยจริงๆเหรอ รู้สึกขัดใจแบบบอกไม่ถูก



"โห่ชาอ่ะ พี่มายืนอยู่ตั้งนานแล้วนะ ไม่คิดจะชวนพี่นั่งเลยเหรอ" แฟนไอ้ชาเริ่มงอแง ทำหน้าตาแบบนี้ก็เป็นเหรอวะ ไม่เหลือเค้าเจ้าชายตองของสาวๆทั้งมหาลัยเลย

"อูววววว" ไอ้ต้อมร้องแซว "ชวนดิไอ้ชา"

"ยุ่ง​" นี่คือไอ้ชาเขินอยู่หรือเปล่าวะ "พี่ไม่ต้องไปดูแลคนอื่นหรือไงล่ะ"

"ก็พี่อยากดูแลคนนี้มากที่สุดอ่ะ"



"​อูววววววววววววววววววววววว​"

เยดเข้

สุดจริง พี่ตองแม่งโคตรใจอ่ะ หยอดแฟนต่อหน้าเด็กทั้งคณะวิทย์เลย ขนาดผมยังอดอุทานออกมาไม่ได้

ส่วนไอ้ชาอ่ะเหรอ มันจะคงเขินตามระเบียบนั่นแหละ แต่พยายามกลบเกลือนด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน ซึ่งพี่ตองก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร นั่งลงข้างๆคนของตัวเองอย่างกับแม่ไก่หวงไข่

แล้วทางผมล่ะ ก็ยังคงสังเกตุการณ์พฤติกรรมของไอ้คนที่ทำตัวสบายใจจนผิดสังเกตุอยู่ไง ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะมองนะ แต่มันห้ามตัวเองไม่ได้



"คณะสังคม เชิญค่ะ" เสียงประกาศเรียก



"ไปละนะ" ไอ้ข้าวเจ้าพูดเรียบๆ

"สู้ๆเพื่อน" ไอ้ชาตีไหล่คนที่กำลังจะจากไป

"มึงได้อยู่แถวหน้าอยู่แล้ว" ไอ้ต้อมเสริม

แล้วไอ้ข้าวเจ้าก็เดินจากไป และวินาทีนี้แหละที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างมาสะกิดใจ สายตาของเราสองคนสบตากันชั่วลมหายใจหนึ่ง แต่กลับรู้สึกเหมือนมีอารมณ์และคำพูดมากมายอยู่ในนั้น



"เอ่อ..." ผมกำลังจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง "กูไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะ"

"มึงก็ไปดิ จะมาบอกกูทำไม" ไอ้ชาทำหน้างง "จะให้กูไปด้วยหรือไง"

"เปล่าๆ เออๆ เดี๋ยวกูมา"

ผมลุกขึ้น รีบวิ่งออกไปจากหอประชุม แล้วก็เห็นเป้าหมายของข้ออ้างนี้ในสายตา



"ข้าวเจ้า" ผมเรียกไม่เชิงว่าดังมากนัก

คนที่ถูกเรียกหันกลับมา ตามด้วยอาการยืนนิ่ง แต่ก็เพียงแค่ไม่นาน เหมือนเขาจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้

"ว่าไงสุ่ย" หงุดหงิดชะมัดที่มันพูดแบบนี้ นี่มึงแกล้งว่าไม่แคร์สิ่งที่เกิดขึ้นหรือมึงทำใจได้จริงๆวะ

"เอ่อ... เรื่องเมื่อคืนอ่ะ..."

"อ๋อ เมื่อคืนอ่ะเหรอ" เออ ในที่สุดมึงก็ทำตัวสมกับเป็นมนุษย์ปกติกับเขาสักที ถึงกูจะพูดว่าไม่มีอะไร แต่มึงก็ไม่ควรจะเฉยชาขนาดนี้เปล่าวะ "เรายังไม่ได้ขอบใจเหรอที่ไปส่งอ่ะ งั้นขอบใจตรงนี้อีกทีละกันนะ"

ห๊ะ!! "ไม่ใช่ คือ..."

"เราต้องเข้าห้องทดสอบแล้วอ่ะ ไว้ค่อยคุยกันนะ"

นี่มึงจำเป็นต้องรีบขนาดนั้นเลยเหรอวะ ที่สำคัญคือมึงโคตรไม่ตรงประเด็นเลย



เห้ออออ

สุดท้ายผมได้แต่เดินกลับเข้าไปในหอประชุมแบบผิดหวัง



"ทำไมเร็วจัง"

"เร็วไรวะ" ไอ้ชามันถามอะไรผมก็ไม่รู้ เพิ่งจะมาถึงแท้ๆ

"ก็... มึงไปเข้าห้องน้ำมาไม่ใช่เหรอ"

"อ...อ๋อ" ชิบหาย ลืมข้ออ้างของตัวเองไปเลย "เออ กูเข้าแล้ว กูปวดหนักก็เลยรีบวิ่งไป"

"มึงโอเคไหมวะ โดนพี่กรรมการต่อว่าอะไรมาหรือเปล่า"

"เปล่าๆ ไม่ได้โดน... แต่..."

"แต่?"

จะปรึกษามันดีไหมวะ กูเริ่มรู้สึกโดดเดี่ยวยังไงไม่รู้ "ไม่... ไม่มีอะไร" ไม่พูดดีกว่า

"อ้าว"

"เออๆ มึงหันไปสนใจแฟนมึงเหอะ สาวๆมาขอถ่ายรูปแล้วน่ะ" ผมเปลี่ยนเรื่องไปตามสถานการณ์



ในที่สุดการทดสอบของตัวแทนผู้นำเชียร์ของทุกคณะก็เสร็จสิ้นลง กำลังจะมีการประกาศผลแล้ว แต่ผมไม่ได้ตื่นเต้นเลย เพราะมีเรื่องให้ผมกุ้มใจมากกว่า ก็ไอ้ข้าวเจ้าอะดิ หลังจากคุยกันล่าสุดมันก็ไม่กลับมาที่ๆผมอยู่อีกเลย ขนาดไอ้ชาเรียกมันยังปฏิเสธเลย หรือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันจะแย่จริงๆวะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:21:17 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
(ต่อ Part 2)


"มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ" จู่ๆไอ้ชาก็พูดขึ้น

"นั่นดิ" ไอ้ต้อมเสริม

เรื่องอะไรกันวะ

ผมหันไปสนใจบ้าง ก็ได้เห็นว่าพวกมันกำลังขมวดคิ้วใส่ผลการจัดอันดับอยู่ ​มันมีอะไรวะ

​"ทำไมไม่มีชื่อของข้าวเจ้าในสิบสองคนแรกอ่ะ" ห๊ะ!!! เกตุพูดว่าอะไรนะ

"ไอ้ข้าวเจ้าชื่อว่าอะไรวะ" ผมรีบถาม

"พัฒนวิทย์ อะไรสักอย่าง" ไอ้ชาบอก

"นั่นไง" ตาผมไวมาก "พัฒนวิทย์ ศุภเจริญกุล อยู่อันดับที่สิบสาม แถวสอง"

"ได้ไงวะ" ไอ้ต้อมยังไม่เชื่อสิ่งที่เห็น "คนอย่างข้าวเจ้าเนี่ยนะ ได้ที่สิบสาม พวกเราสี่คนที่ซ้อมด้วยกันยังได้อยู่ในแถวแรกกันหมดเลย ข้าวเจ้าควรจะเบียดอันดับหนึ่งกับมึงด้วยซ้ำไอ้ชาเย็น"

"มันมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ" ไอ้ชายังคงยืนยัน

คนอื่นๆในหอประชุมต่างพากันจอแจและพูดคุยถึงผลจัดอันดับที่เกิดขึ้น บ้างดีใจ บ้างผิดหวัง แต่ที่เป็นเดือดเป็นร้อนที่สุดก็คือกลุ่มพวกผมนี่แหละ

ส่วนตัวผมเห็นชื่อของตัวเองในลำดับที่สิบสองพอดี



"ทุกคนได้เห็นอันดับของตัวเองกันแล้วนะ" พี่ชมพู่ประกาศ "พรุ่งนี้หกโมงเช้าพบกันที่นี่อีกครั้ง เราจะใช้เวลาในวันเสาร์ทั้งวันเพื่อถ่ายทำ หวังว่าทุกคนจะพร้อม เพราะทีมงานเองก็ไม่อยากจะให้ลากยาวไปจนถึงวันอาทิตย์ เอาเป็นว่าก่อนจะออกจากห้องไป ที่หน้าประตูจะมีเสื้อแจกให้กับทุกๆคนสำหรับการถ่ายทำในวันพรุ่งนี้ มีการแบ่งสีชัดเจนสำหรับแต่ละแถว อย่าโมเมหยิบผิดสีที่ไม่ใช่แถวของตัวเองก็แล้วกัน เพราะถ้าฉันจับได้ เธอจะถูกตัดสิทธิ์ในการคัดเลือกก่อนจะได้รู้จักเพลงต่อไปด้วยซ้ำ วันนี้ก็เชิญกลับไปพักผ่อนได้ เตรียมหน้าตาให้สดใส อย่าให้ชั้นเห็นนะว่าใครโทรมมาพรุ่งนี้"

แล้วกรรมการทั้งห้าคนก็จากไป ส่วนเด็กในหอประชุมก็เริ่มเดินไปรับเสื้อกัน

มีการแบ่งสีตามที่พี่ชมพู่บอกจริงๆ สิบสองคนในแถวแรกได้รับเสื้อสีชมพู ไล่ไปเป็นสีฟ้า เหลือง เขียว ขาว และดำ แบ่งออกเป็นทั้งสิ้นหกแถวจากคนหนึ่งร้อยยี่สิบคน



"กูจะไปคุยกับพี่ชมพู่" ไอ้ชาเอ่ยขึ้นหลังจากที่พวกเราทั้งสี่ได้รับเสื้อมา "จะไปด้วยกันไหม"

"กูไป" "เราด้วย" ไอ้ต้อมกับเกตุแทบจะตอบรับทันที

"มึงอ่ะ" ไอ้ชาถามผม

"ไปดิ" ผมตอบอย่างไม่ลังเล

พวกเราออกมาจากประตู กำลังจะวิ่งตามหาพี่ชมพู่ แต่กลับเจอว่าพี่เค้ายืนอยู่ข้างหน้าพอดี



"พี่ชมพู่ครับ" ไอ้ชาเรียก "พี่ชมพู่ครับ ผมขอคุยด้วยหน่อยครับ"

พี่ชมพู่หันมาเห็นว่ามีพวกผมสี่คน พี่เค้าไม่ได้เอ่ยปากรับคำแต่ทำหน้าสงสัยว่าจะคุยอะไร

"คือ..." ไอ้ชากำลังหาคำอธิบาย "คนที่ชื่อพัฒนวิทย์อะครับ พี่พอจะจำได้ไหม"

"ได้ ข้าวเจ้า เด็กสังคม" พี่ชมพู่ตอบเรียบๆ "มีอะไรเหรอ"

"เค้าได้อันดับที่สิบสามจริงๆเหรอครับ เพราะว่า..."

"สงสัยในการจัดอันดับของชั้นเหรอน้ำชา"

"เปล่าครับ ผมแค่คิดว่าอาจจะมีอะไรผิดพลาดก็ได้ อย่างเช่นการบวกคะแนนผิดหรือ..."

"เธอคิดว่าการที่เธอได้รับการสอนจากชั้นโดยตรงแล้วจะช่วยให้เธอมาทำตัวสงสัยในตัวชั้นได้เหรอ หรือเพราะเธอคือลูกชายของ T-Queen" ชิบหายละ ทำไมเจ๊แกโหดจังวะ

"พี่ครับ ได้โปรด ช่วยฟังเราสักนิดนึงได้ไหมครับ" ผมแทรกทันทีที่เห็นว่าสถานการณ์ย่ำแย่กว่าที่คิด จริงๆผมแทบจะยกมือไหว้อยู่แล้ว เอาวะ โดนด่าก็โดน ต้องลองใช้กลเม็ดหว่านเสน่ห์ดู เผื่อจะช่วยให้พี่สุดโหดฟังพวกเราได้บ้าง "ผมกับเพื่อนๆแค่สงสัยว่าจะเป็นไปได้ไหมที่มีการจำคนผิด เพราะคนที่พวกเรากำลังพูดถึงคือคนที่ทำให้พวกเราทั้งสี่คนได้มายืนในแถวแรก... คนที่...สอนผม อย่างที่ผมบอกพี่ไปในห้องทดสอบนั่นแหละครับ"

"เข้าใจน้องๆหน่อยนะครับพี่ชมพู่" จู่ๆพี่ตองก็เข้ามาสนับสนุน มาจากไหนไม่รู้ แต่ก็ดี

พี่ชมพู่ถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้พวกเราห้าคน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลง

"พี่เองก็เสียดาย โอเคไหม พี่ให้โอกาสเค้าแล้ว แต่น้องเค้าไม่มีสีหน้ายิ้มแย้มเลย เรื่องเต้นเก่งอ่ะพี่ไม่เถียง แต่เรื่องแอดติจูด ไม่ผ่านจริงๆ เค้าไม่ได้เหมือนคนที่กำลังเต้นเพลงรักเลย กลับกันนะ ดูซึมเศร้า อย่างกับคนอกหักมากกว่าด้วยซ้ำ อย่าทำให้พี่ต้องลำบากใจนะน้ำชา พี่เอ็นดูเรามากกว่าคนอื่น พี่ยอมรับ แต่ไม่ใช่ว่าจะทำให้พี่เป็นคนไม่เที่ยงตรงในสายตาคนอื่นได้ พี่เป็นผู้บริหาร ต้องตัดสินคนที่ผลงาน เข้าใจพี่นะ"

"ค...ครับ"

เหมือนโดนมีดกรีดลงไปที่หัวใจเลย

ซึมเศร้าเหรอ?

อกหักเหรอ?

คงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่ามาจากใคร ​ตัวกูเองนี่แหละ



"เปลี่ยนกับผมได้ไหมครับ" ก่อนที่พี่ชมพู่จะจากไป ผมตัดสินใจพูดบางอย่างออกมา "เปลี่ยนให้ข้าวเจ้ามาอยู่ที่ตำแหน่งของผมได้ไหมครับ ผมจะไปอยู่แถวสองเอง"

"มึงพูดอะไรของมึงวะ" ไอ้ชาแย้ง

"ได้ไหมครับ?" ผมไม่สนใจ แต่กล่าวคำขอร้องต่อ

"พี่จะไม่พูดอีกแล้วนะ พี่ตัดสินใจไปแล้ว" พี่ชมพู่ยืนยันแล้วเดินจากไปทันที



"ทำไมมึงต้องพูดงั้นด้วยวะ" นั่นคือคำถามสุดท้ายที่ผมได้ยินจากไอ้ชา สาเหตุเพราะผมวิ่งออกไปหาคนๆหนึ่งที่มองเห็นในสายตาแล้ว



"ข้าวเจ้า" ผมเรียก แต่คนที่ถูกเรียกไม่ได้หยุดเดิน ทำไมคนเยอะจังวะ ผมพยายามเบียดเสียดผู้คนมากมายเพื่อตรงไปหาจุดมุ่งหมาย "ข้าวเจ้า ข้าวเจ้า"

คือผมก็ไม่โทษหรอกนะที่เขาจะไม่หยุด ก็เพราะตำแหน่งที่ผมเรียกนั่นค่อนข้างอยู่ไกลพอสมควร ประเด็นก็คือไอ้คนข้างหน้ามันดันเดินเร็วผิดมนุษย์มนามาก ไม่รู้จะรีบไปไหน

​แต่ผมก็หยุดเดินตามทันที เมื่อรู้สาเหตุของการรีบเดินนั้น

ข้าวเจ้ากำลังร้องไห้ ถึงจะไกล แต่ผมก็เห็นได้ชัดเจน ท่าทางก้มหน้าก้มตาและปาดน้ำตาแบบนี้ คืออาการของคนกำลังร้องไห้แน่นอน

และในขณะที่ผมกำลังกล้าๆกลัวๆอยู่นั้นว่าจะเดินตามไปดีหรือเปล่า ก็ต้องสะดุดกับอีกสิ่ง เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาคุยกับคนที่ผมสังเกตุการณ์อยู่

​พี่กั้งไม่ใช่เหรอวะ

​ทั้งคู่คุยกันแค่ชั่วอึดใจหนึ่งแล้วเดินด้วยกันต่อไป แต่ที่ผมไม่โอเคเลยก็คือ ทำไมพี่กั้งต้องเอามือมาโอบไหล่ข้าวเจ้าด้วย มันไม่ได้เป็นคนพิการซะหน่อย



"สุ่ย"

ผมถูกใครบางคนเรียกไว้ก่อนที่จะตัดสินใจเดินตามไปอีกครั้ง

"เก่งนี่หว่ามึงอ่ะ ได้ยืนแถวหน้าด้วย" พี่บุ๋นนั่นเอง แล้วก็พี่ท๊อปที่เดินมาด้วยกัน

"หวัดดีพี่ หวัดดีครับพี่ท๊อป" ผมกล่าวทักทาย แต่ก็ยังกระวนกระวายอยากตามไปอยู่

"คณะเราทำได้ดีนะ ยืนแถวหน้าได้ตั้งสามคน" พี่บุ๋นยังพูดต่อ "เกตุกับไอ้ชานี่กูไม่ค่อยแปลกใจหรอก แต่มีมึงโผล่มาด้วยนี่ดิ เซอร์ไพรส์สุดๆ"

"มีคนช่วยสอนให้อะพี่" ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะต้องพูดเรื่องนี้อีกรอบ

"เหรอ? ใครวะ"

"ก็... คนแถวๆนี้แหละพี่ ว่าแต่พี่สองคนจะไปไหนกันอ่ะ จะไปสนามบินเหรอ"

"......" นี่กูเพิ่งจะพูดเรื่องที่ไม่น่าพูดออกไปหรือเปล่าวะ พี่บุ๋นกับพี่ท๊อปดูเหมือนจะช็อกกันไปเลย "มึง... ทำไม..."

"อ๋อ..." จะอ้างว่าไงดีวะ จะบอกว่าแอบฟังพี่สองคนคุยกันเมื่อคืนก็คงไม่ได้ "ก็วันนี้วันศุกร์ พี่ท๊อปต้องไปเกาหลีไม่ใช่เหรอ เห็นพี่มาด้วยกัน ก็เลยนึกว่าพี่จะไปส่งพี่ท๊อปที่สนามบิน"

"........" เงียบ  แปลว่ากูพูดตรงเกินไปซินะ

"ก็ตามนั้นแหละ งั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวก่อนนะ" พี่ท๊อปอาสาพูดต่อเองเมื่อเห็นว่าพี่บุ๋นพูดอะไรต่อไม่ออก "ไงก็ยินดีด้วย พรุ่งนี้ก็ทำให้เต็มที่ล่ะ"

"ขอบคุณครับพี่... เดี๋ยวก่อนครับ" ผมนึกบางอย่างขึ้นได้

"มีไร" พี่บุ๋นตั้งคำถามทันทีทั้งๆที่ยังหน้าแดงอยู่

"คือ... ผมอยากถามอะไรพี่ท๊อปหน่อยอ่ะ" พี่ทั้งสองทำหน้าประหลาดใจทันทีที่ผมพูดไปอย่างนั้น ก็ผมไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกับพี่ท๊อปมาก่อน พี่เค้าคงงง แต่ผมอ่ะ ตอนนี้มีเรื่องบางอย่างสงสัยมาก

"มีอะไรจะถามพี่เหรอ"

"เอ่อ... พี่กั้งอ่ะครับ พี่กั้ง ก.น.ช." ผมเริ่มตั้งคำถาม "พี่เค้า... เป็นคนยังไงเหรอครับ"

"กั้ง?" "พี่กั้ง?" ทั้งสองงงหนักกว่าเดิมอีก

"มึงถามถึงพี่กั้งทำไมอ่ะ" พี่บุ๋นไม่ปล่อยความสงสัยของตัวเองให้ลอยไป "นี่อย่าบอกนะว่าพี่กั้งมา​จีบมึง​อีกคน​แล้ว"

ห๊ะ!? "อีกคน?"

"อ้าว มึงไม่รู้เหรอว่าพี่กั้งเค้าเคยจีบไอ้น้ำชาอ่ะ"

"ไอ้ชา!!" เมื่อไหร่วะ ไม่เคยสังเกตุเห็นเลย ก็เห็นมันกับพี่ตองหวานหยด ตัวติดกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วไม่ใช่เหรอ พี่กั้งจะมาจีบตอนไหน

"เออดิ เป็นเพื่อนกันยังไงวะ ไม่สังเกตุเลย พี่กั้งพยายามจีบไอ้ชาอยู่เป็นเดือนๆแล้วนะ แต่โชคดีที่ไอ้ตองมาตามเฝ้าเป็นไม้กันหมาทุกวัน"

"พี่ว่าไม่เกี่ยวหรอก" พี่ท๊อปแย้ง "เป็นเพราะน้ำชามั่นคงในตัวเจ้าตองมากกว่า ถึงพี่กับกั้งจะไม่ได้สนิทอะไรมาก แต่เรื่องที่ว่ามันเป็นคนหว่านเสน่ห์เก่ง พี่ก็ได้ยินมาบ้างนะ"

"ก็จริงนะ" พี่บุ๋นเสริม "บุ๋นก็เคยได้ยินมาบ้างว่าพี่กั้งเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ หว่านเสน่ห์ไปทั่ว รายไหนรายนั้น เหมือนว่าปีที่แล้วก็เคยมีเรื่องกันกับลีดศึกษาด้วยนิ ที่ว่าไปยุ่งกับคนที่มีแฟนแล้วอ่ะ"

"ก็ถึงบอกไง แต่รายนั้นผู้หญิงเล่นด้วย ก็เลยเป็นเรื่องอยู่พักนึง"

ชิบหายล่ะ กูจะรอช้าอยู่ไม่ได้แล้ว ไม่งั้นไอ้ข้าวเจ้าอาจจะเสร็จพี่กั้งคนนี้ก็ได้

"ว่าแต่" เกือบจะออกวิ่งไปอยู่แล้วเชียว แต่ก็ถูกคำถามของพี่บุ๋นรั้งไว้อีก "มึงอยากรู้เรื่องของพี่กั้งไปทำไมวะ"

"ก็..." จะอ้างว่าไรดีวะ "พี่เค้ามายุ่งกับเด็กของผมอะดิพี่"

"ยุ่งกะเด็กมึง? อย่างมึงเนี่ยนะมีเด็กเป็นจริงเป็นจังด้วย กูเห็นมีผู้หญิงมาเฝ้ามึงตอนซ้อมไม่ซ้ำหน้ากันเลย ถ้าพี่กั้งจะยุ่งกับเด็กมึงแค่คนเดียวคงไม่เสียหายอะไรหรอกมั้ง"

"โหพี่ มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี" ก็พูดไป เด็กผมที่ไหนล่ะ แค่คนที่ตกลงว่าจะมีอะไรกันเฉยๆ

"มึงนี่นะ เจ้าชู้มากๆ ระวังเหอะจะมีปัญหาตามมาทีหลัง"

"พี่เห็นด้วยนะน้อง" พี่ท๊อปเสริม "เดี๋ยวจะกลายเป็นคนมีชื่อเสียงในทางไม่ดีเหมือนกั้งเอาได้"

"อือหือ พูดเหมือนตัวเองพระเอกมากอ่ะ" พี่บุ๋นขัด "พี่ท๊อปก็ใช่ย่อยที่ไหน ว่าแต่พี่กั้งเหอะ พวก ก.น.ช.ก็พอๆกันทั้งนั้นแหละ บุ๋นว่าอ่ะ"

"พี่ไม่เคยทำตัวแบบนั้นเลยนะ นี่ไง ไม่เห็นเหรอ พี่ไม่ได้ยุ่งกับใครเลย บอกว่าจะจีบบุ๋น พี่ก็จีบบุ๋นแค่คนเดียว"

เอิ่ม.... พี่ทั้งสองครับ ถ้าจะมาหวานใส่กันตรงนี้ งั้นผม... "ขอตัวก่อนนะพี่" ไม่อยากโดนมดกัดตายตรงนี้



ผมวิ่งออกมาทัันที ตรงไปที่รถของตัวเอง แล้วขับไปยังเป้าหมายเดียวที่มีอยู่ในหัวตอนนี้......





​นั่นไง อยู่ด้วยกันจริงๆด้วย

​ผมขับรถมาจนถึงบ้านเช่าของข้าวเจ้า สถานที่ที่ผมนอนหลับและหลับนอนเมื่อคืนที่ผ่านมา

ภาพที่เห็นคือคนทั้งสองกำลังคุยกันอยู่หน้าบ้าน สงสัยพี่กั้งจะขับรถมาส่ง แล้วทำไมต้องให้มันเข้าไปคุยในรั้วบ้านด้วยวะ

สาเหตุพี่ผมไม่ถูกจับได้ว่ากำลังแอบมองอยู่ก็คือ ผมจอดรถหลบหลังกำแพงหน้าบ้านพี่บุ๋น แล้วแอบมองดูเงียบๆจากในรถ



​เห้ยยยย

​มีเสียงอุทานมาจากที่ๆผมแอบมอง ก็จู่ๆเครื่องรดน้ำอัตโนมัติหน้าบ้านของข้าวเจ้าดันทำงานขึ้นมาอะดิครับ ไอ้พี่กั้งแม่งเปียกหมดเลย ​ไม่รู้ดิ แต่ผมแอบซะใจแปลกๆ

เดี๋ยวๆๆๆๆๆ

นั่นจะไปไหนกันน่ะ อย่าบอกนะว่าจะเข้าไปในบ้าน

ชิบหายล่ะ ลงไปห้ามไว้ดีกว่า....

​ไม่ได้ดิ

​เราจะไปห้ามเค้าในฐานะอะไรวะ ที่สำคัญ ถ้าทำแบบนั้น เขาก็รู้หมดดิว่าเราแอบขับรถตามมาดู

แล้วมันสองคนเข้าไปทำอะไรกันวะ หรือว่าจะเข้าไปมีอะไรกันเหมือนที่เราเคยทำ คงไม่หรอกมั้ง ​อาจจะเข้าไปเปลี่ยนชุดเฉยๆก็ได้ ก็เมื่อกี้เสื้อผ้าเปียกน้ำนี่นา แล้วถ้ามันเป็นอย่างที่กูคิดทีแรกล่ะ ไอ้นั้นยิ่งหว่านเสน่ห์เก่งๆอยู่ด้วย...

เอาไงดีวะ ฟ้าก็เริ่มจะมืดแล้ว ลงไปกดกริ่งหน้าบ้านตรงๆเลยดีไหม แล้วจะอ้างว่าอะไรล่ะ

แม่งเอ๊ยยยย

ปวดหัวชิบหาย นั่งรอดูตรงนี้ไปก่อนก็ได้วะ

ผมเอากระจกข้างรถลงเล็กน้อย แล้วก็พยายามเงี่ยหูฟัง ถ้ามีเสียงอะไรผิดปกติ กูบุกเข้าไปแน่



หลังจากรอดูวี่แววอย่างไร้ความหมายอยู่ห้านาที ผมก็ไม่มีอะไรทำ และมันยิ่งทำให้กระวนกระวายยิ่งขึ้น ขณะนั้นเองที่สายตาเหลือบไปเห็นหนังสือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่ยืมจากข้าวเจ้ามาเมื่อคืนวาน

​อ่านหนังสือฆ่าเวลาก็ได้วะ



แล้วผมก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน



​เมื่อไหร่จะออกมาซะทีวะ

​นี่มันครึ่งชั่วโมงแล้วนะ

ผมเงี่ยหูฟังซึ่งอาจจะมีเสียงแปลกๆอะไรออกมาก็ได้ แต่ก็ไม่มี เงียบกริบอย่างกะไม่มีคนอยู่





"ไว้วันหลังถ้ากลับคนเดียวอีกก็บอกพี่ได้นะ เดี๋ยวพี่มาส่ง"

จู่ๆ สองคนที่เคยอยู่ในบ้านก็ออกมา ผมรีบก้มหัวหลบหลังคอนโซลรถยนต์

"ขอบคุณอีกทีนะครับพี่กั้ง" ทำไมต้องไปขอบคุณมันด้วยวะ ก็แค่มาส่ง กูก็มาส่งได้ "แล้วก็ขอโทษเรื่องเสื้อผ้าที่เปียกอีกที"

"ไม่เป็นไร ข้าวเจ้าก็รับผิดชอบเอาไปทำให้มันแห้งแล้วไม่ใช่เหรอ"

"พี่ก็เลยต้องมาเสียเวลานั่งรอนานเลย ผมเกรงใจอะครับ"

"อย่าคิดมากนา แค่แก้ผ้ารอครึ่งชั่วโมง พี่ไม่มีปัญหาหรอก"

ห๊ะ แก้ผ้ารอเลยเหรอ แถมยังนานตั้งครึ่งชั่วโมงด้วย

ทีกูแก้ผ้าให้ดูแค่วินาทีเดียวดันโดนว่า แล้วทำไมปล่อยให้คนอื่นแก้ผ้าต่อหน้ามึงตั้งครึ่งค่อนชั่วโมงวะ ทำอะไรคิดถึงกูบ้างไหมวะ อย่างน้อยกูกับมึงก็เคยมีอะไรกันนะเว้ย

"เอาเป็นว่าพี่กลับก่อนละนะ เดี๋ยวจะดึก"

"ขอบคุณอีกทีนะครับ ถ้าวันไหนว่างให้ผมตอบแทนนะพี่ เดี๋ยวทำกับข้าวให้กิน"

ทำกับข้าวให้กิน? ทำไมต้องชวนมันด้วยวะ กูนอนด้วยทั้งคืน ไม่เห็นจะทำอะไรให้กูกินเลย

เดี๋ยวเจอกันครั้งหน้าต้องคุยกันซะหน่อยแล้ว ไม่เห็นความสำคัญของกูเลยนี่หว่า



​หึย!!!!



ผมรีบหลบอีกครั้งเพราะไอ้พี่กั้งหันมามองทางนี้ สงสัยผมจะโผล่หัวออกไปมากเกิน

แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่นานหลังจากสองคนนั้นบอกลากัน รถยนต์ป้ายแดงสุดหรูที่มาส่งเจ้าของบ้านก็ขับออกไป

ส่วนผมอะเหรอ เอาแต่ลังเลว่าจะลงไปหาไอ้คนที่ผมตามมาดีไหม แต่ก็ลังเลนานเกิน จนไอ้คนที่ทำให้ผมกระวนกระวายใจกลับเข้าไปในบ้านแล้ว

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะยังนั่งนิ่งอยู่ในรถแบบนี้อีกทำไม ผมนั่งเฝ้าอยู่หน้าบ้านของข้าวเจ้านานจนดึก จนอ่านหนังสือทั้งสองเล่มจบ จนแน่ใจว่าจะไม่มีใครกลับมาที่บ้านหลังนี้อีกแล้ว จนในที่สุด ไฟในบ้านก็ดับสนิทลง

​ขอเข้าไปนอนด้วยดีไหมน้า

​ผมได้แค่คิด แล้วก็ตัดสินใจขับรถกลับไปพักผ่อนที่หอของตัวเอง​ด้วยอาการกระวานกระวายใจและ.........





.........ไม่เข้าใจตัวเองเท่าไหร่นัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:22:16 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
(ต่อ Part 3)



"คัตตตต....โอเคครับน้องๆ ทำได้ดีมาก ทุกคนเลย ในส่วนของการถ่ายทำวันนี้ก็จบลงด้วยดีครับ รอดูวิดีโอโปรโมทในวันจันทร์นี้ได้เลย"

เสียงสัญญาณประกาศสุดท้ายจากพี่นิค ช่างภาพที่ทำหน้าที่ในการถ่ายทำคลิปวิดีโอโปรโมทตั้งแต่เช้ายันตอนนี้ที่เป็นเวลาบ่ายสามโมง

ร้อนโคตรๆ

แต่ไอ้เรื่องร้อนกายอ่ะไม่เท่าไหร่ ร้อนใจนี่ซิมากกว่า

ก็ตั้งแต่เช้าวันนี้ ข้าวเจ้าหลบหน้าผมตลอดเลย ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตการเป็นไอ้สุ่ย ไม่เคยโดนใครเมินหนักมากแบบนี้มาก่อน ตอนเช้าก็ทำเป็นยิ้มแย้มทักทายผมตามปกติ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาระหว่างกันอีกเลย ซ้ำร้ายผมต้องมายืนริมสุดอยู่คนเดียว ทั้งๆที่ได้ยืนแถวแรก แต่ก็ถูกแยกออกมาจากไอ้ชา ไอ้ต้อม แล้วก็เกตุ ที่ไปกองกันอยู่ตรงกลาง ซึ่งไอ้คนที่ทำให้ผมกระวนกระวายใจก็รวมอยู่ตรงนั้นด้วย เพียงแต่เป็นตำแแหน่งยืนในแถวที่สอง หลังไอ้ชาพอดิบพอดี

คงจะถูกใจเค้าเชียวล่ะ



"เดี๋ยวจะมีพี่ปีสองมานัดหมายกิจกรรมเพิ่มเติมเล็กน้อยนะครับ" พี่นิคประกาศบอกอีกครั้ง



"ทุกคนได้ยินพี่นะคะ" เสียงของพี่หนิงดังขึ้น "พี่รู้ว่าน้องทุกคนร้อนและเหนื่อยและอยากกลับเข้าร่มกันแล้ว เพราะฉะนั้น ตั้งใจฟังพี่ให้ดีๆนะคะ... หลังจากนี้ทางทีมงานจะมีการตัดต่อคลิปเพื่อใช้ในการโปรโมทที่จะเผยแพร่ในวันจันทร์นี้เวลาบ่ายโมงเป็นต้นไป ซึ่งน้องๆสามารถติดตามกันได้ทั้งทางช่องของมหาวิทยาลัย ในยูทูป และเพจเฟสบุ๊คของมหาวิทยาลัยเช่นกัน จะมีการโปรโมททุกวันเพื่อให้บุคคลภายนอกได้รับรู้ถึงกฎกติกาในปีนี้ที่เราจะใช้การกดไลค์กดแชร์มาเป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกน้องๆนะคะ นอกจากที่ทางเราจะมีการโปรโมทให้ส่วนหนึ่งแล้ว ทางส่วนของน้องๆเองก็สามารถประชาสัมพันธ์ได้ด้วยเช่นกัน แล้วแต่วิธีการหรือความสะดวกของแต่ละคนเลย

แต่... เพื่อให้การโปรโมทในครั้งนี้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไปจนถึงวันศุกร์ซึ่งก็คือวันสุดท้ายของการนับคะแนนยอดไลค์ยอดแชร์ ระหว่างนี้ทีมนักข่าวของมหาวิทยาลัยจะเก็บสกู๊ปของน้องๆแต่ละคนให้ เพื่อให้ทุกคนได้มีแอร์ไทม์อย่างเท่าเทียมกัน ดังนั้น พี่จะขอให้น้องๆจับกลุ่มกัน กลุ่มละหกคน จะอยู่คณะเดียวกันหรือต่างคณะก็ได้ ไม่จำเป็นว่าจะเป็นเพศชายหรือหญิง แต่ขอให้มีหกคน หลังจากได้ทีมแล้วให้มาลงชื่อที่พี่และนัดวันเวลาในการถ่ายทำ ให้น้องๆคิดกันมาว่าอยากให้ถ่ายทำคอนเซ็ปอะไร ที่ไหน เพื่อเป็นการโปรโมทตัวน้องๆเอง แต่ต้องเป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ในมหาวิทยาลัยเท่านั้นนะคะ พี่ให้เวลาแค่ไม่เกินเที่ยงของวันพรุ่งนี้นะ ถ้าน้องนัดพี่เร็ว ก็ได้ถ่ายทำเร็วนะ นั่นก็แปลว่าน้องก็จะได้วันออนแอร์เร็วด้วย อย่าลืมนะคะ เรามีเวลาโปรโมทถึงแค่วันศุกร์นี้เท่านั้น

และสิ่งสำคัญที่สุด การประกาศผลในวันศุกร์นี้ เราจะคัดเหลือเพียงแค่ ยี่สิบสี่คนเท่านั้น ชายและหญิงอย่างละสิบสองคน เข้าใจตรงกันนะ ขอบคุณค่ะ.... โอเค งั้นทุกคนก็เชิญพักผ่อนได้ค่ะ"

หลังจากที่ฟังที่พี่หนิงประชาสัมพันธ์จบ ทุกคนก็แยกย้ายออกไปคนละทาง แต่ไม่ใช่ผม ผมตรงดิ่งไปหาไอ้ชาเลย ผมรู้ว่าพวกนั้นต้องกำลังรวมกลุ่มกันอยู่แน่นอน



"จะทำอะไรกันดีอ่ะ" ผมยังไม่ทันจะเดินมาถึงดีเลย เกตุก็ตั้งคำถามขึ้นมาเสียแล้ว

"เดี๋ยวนับก่อนนะตอนนี้เรามีกันกี่คน" ไอ้ชาเริ่มนับ มันชี้ที่ตัวมัน ไอ้ต้อม เกตุ ข้าวเจ้า และผม "ห้าคนเองอ่ะ คนไม่ครบ"

"เดี๋ยวกูจัดให้" ไอ้ต้อมวิ่งออกไปจากกลุ่ม ก่อนจะไปพาผู้หญิงคนหนึ่งมา น่ารักมาก อย่างกับสาวญี่ปุ่นเลย มาจากแถวสองแน่นอนเพราะสวมเสื้อสีฟ้าเหมือนข้าวเจ้า "คนนี้ชื่อมายด์นะ เพื่อนที่คณะกู เอ่อ.. มายด์ นี่พวกเพื่อนๆเรานะ นี่ช..."

"ไม่ต้องแนะนำหรอก" สาวสวยที่ชื่อมายด์บอก "มีแต่คนดังๆทั้งนั้น เราชื่อมายด์ ฝากตัวด้วยนะ ต้อมบอกว่าจะชวนมาจับกลุ่มใช่ไหม"

"ใช่ครับ" ผมพลั้งปากพูดเสียงหวานออกไป ไม่ได้ตั้งใจนะ ก็เวลาเห็นสาวสวยที่ไม่รู้จักทีไร ผมก็มักจะแสดงออกแบบนี้ทุกที มันเป็นอัตโนมัติไปแล้ว

"ใจเย็นพี่เสือ" ไอ้ชาแซวผม "งั้นเราก็คบหกคนแล้ว มีใครมีไอเดีย..."

"ชา คือ... กูไม่สะดวกรวมกลุ่มด้วยอ่ะ" จู่ๆข้าวเจ้าก็แทรกขึ้นมา

"ทำไมอ่ะ!!!" ไอ้ชางง ทุกคนงง แต่กูว่ากูไม่งงนะ "มึงจับทีมแล้วเหรอข้าว ก็น่าจะยังนิ เราเพิ่งจะรวมตัวกันเดี๋ยวนี้เอง"

"เป็นเพราะเราหรือเปล่า" มายด์หน้าเสียอย่างชัดเจน "ถ้างั้นเราออกก็ได้นะ"

"ไม่ใช่อย่างงั้น" ข้าวเจ้ารีบปฏิเสธด้วยท่าทางลนลาน

"แล้วทำไมอ่ะ" ไอ้ชาย้ำถาม

"ก็..."

"ถ้าไม่มีอะไรก็อยู่ด้วยกันนี่แแหละ" ไอ้ต้อมโวยวายนิดหน่อย "เร็วเหอะกูร้อน"

"เป็นไรวะข้าว" ไอ้ชาพยายามถามอีกรอบ

"ไม่มีอะไร" ข้าวเจ้าตอบ ตอบแบบไม่มองมาทางผมแม้แต่นิดเดียวเลย ก็คงเข้าใจได้ไม่ยากอะนะ "โอเค จับก็จับ แล้ว... จะทำอะไรกันดีอ่ะ"

"ที่ทำในมหาลัยได้เหรอ" ไอ้ชาคิด "นึกออกแล้ว ก็ดูแลน้องๆที่โรงพยาบาลไง เราบางคนเคยทำอยู่แล้วนิ"

"เออใช่ อันนี้แหละดี" ไอ้ต้อมสนับสนัน ​ดูแลเด็กอะไรวะ ​"ไปๆๆๆ รีบไปบอกพี่หนิงกันดีกว่า"

ผมคิดว่าพวกผมน่าจะเป็นกลุ่มแรกที่วิ่งมาหาพี่หนิงเพื่อบอกถึงคอนเซ็ปนะ ในขณะที่คนอื่นๆยังจับกลุ่มกันอยู่เลย บางคนก็เพิ่งจะเข้าไปในร่ม บางคนกำลังจะเดินทางกลับที่พักด้วยซ้ำ



"พี่หนิงครับ พี่หนิง" ไอ้ต้อมเรียกพี่หนิงที่ยืนคุยกับพี่นิคตรงที่เดิม

"ว่าไงต้อม" พี่หนิงถาม

"พวกเราหกคนได้คอนเซ็ปแล้วครับ จะมาขอนัดเวลา"

"หา?" ผมรู้ว่าที่อึ้ง ผมก็ยังงงๆอยู่เลย "นี่คิดกันเร็วไปหรือเปล่า"

"อ๋อ คือมันเป็นกิจกรรมที่เราทำกันอยู่แล้วอ่ะครับ"

"งั้นเหรอ เดี๋ยวๆแป๊บนึงนะ ​​เพียส เพียส" พี่เค้ากำลังเรียกบัดดี๊ส่วนตัวให้มาหา "จดตารางถ่ายโปรโมทหน่อย เอาสมุดออกมา เล่มสีแดงอ่ะ... อะ โอเค ว่าไง จะทำอะไร เมื่อไหร่"

"ดูแลน้องๆที่แผนกผู้ป่วยเด็กที่โรงพยาบาลของมหาลัยครับ ส่วนเวลา... ตอนไหนดีวะ​" ไอ้ต้อมหันมาถามพวกผม

"ทุกคนว่างกันตอนไหนอ่ะ" ไอ้ชาถามต่อทันที



"เอาเป็นพรุ่งนี้ไหม​" พี่ตองโผล่มา เอ่อ... พี่ตองครับ พี่เป็นผีเฝ้าไอ้ชาหรือไงเนีย ทำไมพี่สามารถโผล่มาได้ทุกๆครั้งที่มันว่างขนาดนี้

"ทำไมอ่ะ" ไอ้ชาก็ถามกลับ นี่มึงคงชินแล้วซินะ ที่เห็นหน้าแฟนตัวเองโผล่มาทุกที่ทุกเวลาแบบนี้

"พรุ่งนี้เป็นวันเกิดโชกุน" พี่ตองตอบ ​โชกุนไหนวะ มีนินจากับซามูไรด้วยไหม

​"จริงเหรอ"

"พี่ดวงโทรมาบอกเมื่อกี๊พอดีเลย พ่อกับแม่น้องก็จะมาด้วย"

"งั้นดีเลย.. พรุ่งนี้เย็นทุกคนว่างไหม​" ถึงจะงงๆ แต่ทุกคนก็พยักหน้ากันหมด "งั้นขอนัดพรุ่งนี้เย็นได้ไหมครับพี่หนิง"

"ได้อยู่แล้ว" พี่หนิงตอบ "นี่เป็นกลุ่มแรก ยังไม่ได้ลงเวลาของใครเลย"

"ขอบคุณครับพี่"



"งั้นพี่ขอชื่อน้องหน่อย คนเดียวก็พอ เย็นๆนี่คือช่วงไหน หกโมงเย็นพอไหวไหม...​" พี่เพียส บัดดี๊ของพี่หนิงกำลังเจรจาตกลงกับไอ้ชาอยู่



ส่วนผมก็ค่อยๆ ตะล่อมๆเดินเงียบๆมาอยู่หลังข้าวเจ้า

"​ข้าวเจ้า​" ผมเรียกเบาๆ

"ว่าไง" ในที่สุดไอ้ข้าวเจ้าก็หันมาสบตากับผมแบบจริงจังสักที

"เย็นนี้ว่างป่ะ ไม่มีเพื่อนกินข้าว"

"เราทำกับข้าวกินเองอ่ะ"

"อ้าวเหรอ" เออ ลืมไป "กินด้วยดิ"

"เอ่อ... พ่อเรามาอ่ะ ไม่สะดวกเท่าไหร่"

กรรมของเวร ​ทำไมต้องมาวันนี้ด้วยวะ



"โอเคทุกคน" ไอ้ชาหันกลับมาคุยกับพวกผมหลังจากเจรจาเรียบร้อย "พรุ่งนี้หกโมงเย็นเจอกันที่โรงพยาบาลนะ"

"โอเค" แล้วกูจะตะโกนทำไมวะ ทุกคนก็เลยมองผมแปลกๆเลย "อ...โอเค"

"ตามนี้" ไอ้ชาบอกอีกที "แยกย้ายๆ ไอ้ต้อม พรุ่งนี้มึงหาซื้อเค้กมาด้วยนะ​"

"เออ ได้"



หลังจากที่ทุกคนก็แยกย้ายกลับกันไปคนละทิศละทาง ผมก็ไม่รู้อะไรดลใจให้เดินตามหลังไอ้ข้าวเจ้ามา

"ข้าวเจ้า" แล้วก็ไม่รู้อะไรดลใจอีกเหมือนกันให้เรียกมัน

"ว่าไง"

"เอ่อ... ให้ไปส่งไหม"

"ไม่ต้องหรอก ขอบใจมาก" ตอบไวเกินไปแล้ว

"เห้ยข้าว..."

"สุ่ยใช่ไหมคะ" หึ! ใครเรียก อ่อ มายด์นั่นเอง "ไปส่งเราหน่อยได้ไหมอ่ะ เพื่อนเราหายไปไหนหมดแล้วก็ไม่รู้"

เอาแล้วไงกู

"เอ่อ..." อ้าว ข้าวเจ้าไปโน่นแล้ว

"ไปส่งได้ไหมอ่า" เธอยังคงขอร้องอยู่

"ด...ได้ครับ" ไปส่งก็ได้วะ "ไปเลยไหมครับ"

"ขอบใจนะ" เออ ไม่ต้องทำแบ๊ว รีบไปเถอะครับบบ



ผมรีบขับรถออกไปส่งผู้โดยสารอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะมาถึงอีกที่หนึ่งอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน

ใช่แล้วครับ ผมมาจอดรถแอบอยู่แถวๆ หน้าบ้านข้าวเจ้าอีกแล้ว แต่วันนี้ผมเตรียมตัวมาดี ซื้อบะหมี่ถ้วยมานั่งกินด้วย



เอ???

ไหนบอกว่าพ่อกับแม่จะมา ไม่เห็นมีใครมาเลย

หรือว่าโกหกเราวะ

ใช่แน่เลย ต้องโกหกแน่ๆ กะจะหลบหน้ากูอีกแล้วอะดิ



​ปิ๊งป๊อง

​ผมตัดสินใจลงจากรถมากดกระดิ่งหน้าบ้าน

สักพักหนึ่งข้าวเจ้าก็โผล่หน้าออกมาจากประตูกระจก แล้วก็ทำหน้างงที่เห็นผม



"สุ่ยเหรอ? มาทำไมอ่ะ"

เออ นั่นดิ กูมาทำไมวะ

"เอ่อ...." เอาแล้วไงกู จะอ้างว่าอะไรดีวะ "อ๋อ เดี๋ยวก่อนๆ รอแป๊บนึง" ผมวิ่งกลับไปที่รถ หยิบของที่ต้องการแล้ววิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว "กูเอาหนังสือมาคืน อ่านจบแล้ว" เล่นซะเหนื่อยเลยกู

"อ...โอเค" ข้าวเจ้ารับหนังสือสองเล่มคืนไป

​อ้าว เดี๋ยวๆๆๆ

​นี่จะกลับเข้าบ้านเลยเหรอ ใจคอจะไม่คุยกับกูอีกสักหน่อยเลยรึไง

"แล้วที่บ้านยังไม่มาอีกเหรอ" ผมพยายามรีบพูด

"ยังอ่ะ แต่เดี๋ยวสักพักก็คงมาแหละ"

"เหรอ... เออ งั้นกูกลับก่อนนะ" ​เอ้า แล้วกูจะพูดแบบนี้ทำไมวะ

"โอเค..." มันทำหน้างงๆในพฤติกรรมของผม เออ กูก็งงตัวเองเหมือนกัน

"ถ..ถ้ามีหนังสืออะไรน่าอ่านก็แนะนำได้นะ" ผมยังคงพยายามพูด ก่อนที่เจ้าของบ้านจะกลับเข้าบ้านไป "สนุกดี"

"ได้... ขับรถดีๆล่ะ"

อวยพรส่งกลับกูทันทีเลย

กูก็ต้องกลับมานั่งเจ่าที่รถต่ออะดิ



ผมกลับมานั่งกินบะหมี่ที่รถต่อเหมือนเดิม

หนังสือก็ไม่มีให้อ่าน มือถือก็เล่นมากไม่ได้เดี๋ยวแบตเตอร์รี่จะหมด ช่วงเย็นๆแบบนี้ด้วยแล้ว มีแต่สาวๆผลัดกันโทรมา แต่ผมไม่ได้รับเลยนะ ไม่รู้สึกว่าอยากรับโทรศัพท์เลย



เห้อ.... เบื่อชะมัด

นี่มันจะสี่ทุ่มแล้วนะ ไม่เห็นมีใครมาเลยวะ

นี่อย่าบอกนะว่ามันโกหกกูจริงๆอ่ะ

ต้องการหลบหน้ากันขนาดนี้เลยเหรอวะ

​นั่นไง

​ข้างในบ้านปิดไฟแล้วเรียบร้อย เป็นสัญญาณว่าคงจะไม่มีใครมาจริงๆ

สรุปคือกูโง่ที่มานั่งรอใช่ไหมเนีย

เออ

​ช่างแม่งเหอะ อยากเมินก็ปล่อยแม่งเมินไป อยากหลบหน้าก็อย่ามาคุยกับกูอีกแล้วกัน

จากนั้นผมก็ขับรถกลับหอด้วยอารมณ์บูดแบบเต็มๆ

คอยดูนะ พรุ่งนี้กูจะไม่คุยด้วยเลย







"เห้ยข้าวเจ้า มาๆ เดี๋ยวกูเข็นให้" เห้อออออ ดูความไม่มีสัจจะในตัวเองของผมดิ เมื่อคืนยังปฏิญาณไว้อยู่เลยว่าจะไม่คุยกับเค้า แต่พอช่วงถ่ายทำคลิปโปรโมทมาถึงก็คอยวอแวอยู่ตลอด ไอ้นี่ก็ไม่ใจอ่อนซะที ถามคำตอบคำอยู่นั่นแหละ

"ไม่เป็นไร แค่นี้เอง"

"ก็เดี๋ยวกูเข็นแล้วมึงเป็นคนแจกขนมให้น้องๆตามเตียงไง"



"​โอเค ฉ็อตดีสวยมาก ทำต่อเลยครับน้อง​" พี่ตากล้องเข้ามาถ่ายช่วงที่ผมกับข้าวเจ้ากำลังช่วยกันเข็นขนมแจกจ่ายน้องตามเตียงเด็กๆพอดี เป็นอันว่าข้าวเจ้าไม่สามารถปฏิเสธผมได้แล้ว ​มาถูกจังหวะดีมากพี่ตากล้อง

ผมก็เพิ่งรู้วันนี้แหละว่าไอ้ชามันมาเป็นอาสาสมัครที่นี่ แต่เรื่องราวของมันยาวมากๆ อันที่พีคสุดก็คงเป็นสาเหตุที่มันเต้นเพลงมิ่งขวัญมัณฑนาได้กับบุพเพสันนิวาสที่มันได้เจอกับพี่ตอง

ผู้นำเชียร์ทั้งหกคน รวมถึงพี่ตองแฟนไอ้ชา พี่กอล์ฟแฟนเกตุ และขิงแฟนของไอ้ต้อม ​จะพกแฟนมาทำไมกันนักหนาวะ ทุกคนกำลังช่วยกันดูแลเด็กๆตามเตียงต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเตียงเจ้าของน้องวันเกิดที่ดูเหมือนไอ้ชาจะสนิทสนมด้วยเป็นพิเศษ ส่วนทางผมก็กำลังช่วยเข็นรถเข็นแจกเค้กชิ้นเล็กๆอยู่กับข้าวเจ้า

ผมได้เห็นอีกมุมหนึ่งของข้าวเจ้าที่นอกเหนือไปจากมุมของคนคลั่งไอ้ชากับหน้าเอ๋อๆของมัน จริงๆมันก็เป็นคนมีจิตใจดีนะ หมายถึงจากข้างในจริงๆอ่ะ ทั้งๆที่โดยปกติมันควรจะเดินเลี่ยงผมไปตั้งนานแล้ว แต่เพราะสิ่งที่ต้องทำเพื่อเด็กๆทำให้มันยอมที่จะปล่อยวางเรื่องนั้นไปก่อน ผมก็ได้โอกาสอะดิ ไหนๆมันก็ปฏิเสธอะไรมากไม่ได้แล้ว ถือโอกาสชวนคุยเยอะๆ จะได้กลับมาเป็นปกติซะที



"เอาที่มีดอกไม้ด้วยดิข้าวเจ้า เด้กผู้หญิงชอบดอกไม้" ผมบอกให้ข้าวเจ้าเลือกเค้กชิ้นที่มีลายดอกไม้ส่งให้น้องผู้หญิงตัวเล็ก ซึ่งมันก็ทำตาม

ได้ดั่งใจดีแฮะ วันหลังขอไอ้ชาให้ชวนมาบ่อยๆดีกว่า





"เรียบร้อยแล้วครับน้องๆ" พี่ตากล้องบอกเมื่อถ่ายทำภาพบรรยากาศทั้งหมดจนเป็นที่พอใจ

"ขอบคุณมากนะครับพี่" ไอ้ชารีบขอบคุณ

"งั้นพี่ขอตัวเลยนะ"

"ครับพี่ หวัดดีครับ"

"หวัดีครับ" "สวัสดีครับ" "ขอบคุณนะคะพี่" "สวัสดีค่ะ" เหล่าผู้นำเชียร์กล่าวขอบคุณและอำลา



"ถ่ายทำเสร็จแล้ว งั้นเราขอตัวเลยนะ" มายด์พูดขึ้นทันที "วันนี้สนุกมากเลย แต่เรามีโมเดลต้องไปทำต่ออ่ะ"

"โอเคมายด์ ขอบใจมากนะ" ไอ้ชาตอบ

"ไปละนะ พี่ตองพี่กอล์ฟสวัสดีค่ะ อย่าลืมทำโมเดลด้วยนะต้อม ส่งพรุ่งนี้นะ​"

"ไม่ต้องห่วง" ไอ้ต้อมทำเป็นร้องตอบไล่หลัง "เราโดนบังคับทำจนเสร็จแล้ว"

มันคงหมายถึงมันโดนขิงบังคับให้ทำงานจนเสร็จซินะ มีแอบหยอดแฟนตัวเองซะด้วย



"เกตุก็ต้องกลับเหมือนกันนะชา" เกตุพูดขึ้นอีกคน "พี่กอล์ฟยังไม่ต้องทำรายงานอีกเยอะเลย บทเรียนที่ชาให้อ่านก็ยังไม่ได้อ่าน"

"อ้าว ตัวเองอ่ะ ไปบอกชาทำไมเล่า" พี่กอล์ฟทักท้วงแฟนตัวเอง "นั่นมันครูของพี่นะ"

"ชาจะได้รู้ไงว่าพี่ไม่อ่านหนังสือ"

"พี่อ่านนะชา แต่ช่วงนี้รายงานมันเยอะก็เลยอ่านไม่ทัน แต่พี่จะอ่านแน่นอนนะ ไม่ต้องห่วง"

"ผมเข้าใจครับพี่ ช่วงนี้พี่ตองก็ทำรายงานเยอะเหมือนกัน" ไอ้ชาอธิบาย

"แต่กูมีติวเตอร์ดีเว้ย" พี่ตองยืดอก "เทอมนี้ เอ ไม่ไกลเกินฝันกูแน่นอน"

แต่ละคู่ อวดความรักกันเข้าไป

​มีแฟนจริงจังนี่มันน่าอิจฉาดีแฮะ​

"งั้นเกตุกับพี่กอล์ฟกลับแล้วนะ" เกตุกลับมาพูดอีกครั้ง "พรุ่งนี้เจอกันที่คณะนะ"

"เจอกัน"

กลับกันจะหมดแล้ว ว่าแต่... ข้าวเจ้าล่ะ ไม่กลับกับเขาบ้างเหรอ

ยังไม่กลับแฮะ กำลังเล่นกับน้องผู้หญิงอยู่ที่มุมห้องอย่างสนุกสนาน



"สุ่ย"

"ห๊ะ" ตกใจหมดเลย ไอ้ชาเรียกทำไมวะ

"มึงก็กลับได้นะ ถ้ามีธุระอ่ะ เดี๋ยวกูอยู่รอของขวัญแป๊บนึง พอดีลืมเอามา กำลังให้เพื่อนเอามาให้"

"กูไม่มีธุระอ่ะ เดี๋ยวอยู่นี่ก่อนสักพักนึง"

"มึงจะอยู่จริงอ่ะ"

"ทำไมวะ กูก็เป็นคนจิตใจดีนะเว้ย แค่มึงไม่เคยเห็นเฉยๆ"

"เออ กูไม่เคยเห็น เห็นแต่มึงเป็นเสือหิว ชอบขยี้จิตใจสาวๆไม่ซ้ำหน้า"

"สาวอะไร ไม่มีเว้ย" พูดอะไรไม่ดูเวล่ำเวลาเลย ไอ้ข้าวเจ้าได้ยินเปล่าวะ

"อะๆ ไม่มีก็ไม่มี งั้นมาช่วยกูเก็บกล่องอาหารนิ มาทำเรื่องที่เรียกว่าจิตใจดีให้กูดูหน่อยดิ"

"เออๆ" ผมเดินไปตามคำเชิญชวน "ต้องทำยังไง"

"ก็เก็บฝั่งนี้ก่อน แล้วก็ถ้าอันไหนที่ต้องแยกออกมาล้างก็วางไว้ชั้นล่างของรถเข็นอ่ะ ดูที่มันเป็นฝากล่องสีแดงอ่ะ..."



"ชา กูกลับก่อนนะ พ่อมาอ่ะ" หึ!!! ข้าวเจ้าพูดหรือเปล่าวะ ผมหันไปอีกทีคือเห็นมันเดินออกจากห้องไปแล้ว คือไรวะ แต่รู้สึกถึงสัญญาณเลวร้ายบางอย่างเลย

"รีบไปขนาดนั้นเลยเหรอ" ไอ้ชาบ่นพึมพำ "ยังไม่ทันร่ำลาเลย... ไอ้สุ่ย!"

"อะไร!"

"ไปดิ ไปเก็บได้แล้ว"

"เออๆ" รีบเก็บแล้วรีบขอตัวกลับบ้างดีกว่า

ผมพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้เร็วที่สุด แต่ก็ไม่ได้เร็วขนาดนั้นนะ ด้วยความที่มีคนเหลืออยู่น้อย ผมก็เลยช่วยเพื่อนเก็บกวาดข้าวของที่นำมาจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้เรียบร้อย ก็กินเวลาอยู่พักใหญ่ๆจนกระทั่งไอ้ชานัดหมายให้พวกเราทุกคนออกไปรอหน้าห้อง เตรียมเซอร์ไพส์น้องเจ้าของวันเกิดอีกรอบด้วยตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่กำลังจะเดินทางมาถึง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:25:38 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
(ต่อ Part 4)


"ไอ้สุ่ย!!! ไอ้สุ่ย มันอยู่ไหน​"

อะไรวะ!!!!!

เสียงใคร? เกิดอะไรขึ้น

ผมพยายามมองหาต้นเสียงที่กำลังโวยวายภายในโรงพยาบาล

หึ!!! ​นั่นมันเพื่อนกะเทยของไอ้ชาไม่ใช่เหรอ

"ไอ้สุ่ย แกมัน..." จู่ๆกะเทยร่างยักษ์ก็พยายามที่จะเข้ามาจู่โจมผม

"เห้ย เดี๋ยวๆ" ไอ้ชาขวางไว้ "อะไรของมึงอิเจสซี่"

"ไอ้เลวนี่มันทำเพื่อนกู ปล่อยกูอิชา" กูไปทำอะไรเพื่อนของมันวะ บ้าหรือเปล่า "ถึงกูจะเป็นกะเทยแต่กูก็รักเพื่อนนะ หลบไปอย่ามาขว้าง"

"เดี๋ยวก่อน ใจเย็นๆ" พี่ตองเริ่มเข้ามาช่วยด้วย

ไอ้ต้อมก็เข้ามาขว้างระหว่างผมกับความวุ่นวายไว้

คือผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ แต่ถ้ามันเข้ามาถึงตัวผมจริงๆ ผมคิดว่าก็คงสามารถช่วยเหลือตัวเองได้แหละ



"อิช้าง อิช้าง" มีคนมาเพิ่มอีกแล้ว เพื่อนอีกสองคนของไอ้ชาวิ่งตามมา "อิชา ห้ามอิช้างไว้หน่อย"

"กูก็ห้ามอยู่นี่ไง พวกมึงนั่นแหละ รีบมาช่วยกูเร็ว"

ตอนนี้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นภายในโรงพยาบาลแล้ว

"อิเจสซี่ นี่มันเรื่องอะไร" ไอ้ชาพยายามถามกะเทยหัวฟั๊ดหัวเหวี้ยง "อิช้าง ​มึงสงบลงก่อนได้ไหม นี่มันโรงพยาบาลนะ​"

การตำหนิของไอ้ชาเหมือนจะได้ผล ผู้มาเยือนเงียบเสียงลง ตอนนี้แหละที่ผมได้สังเกตุเห็นว่าเธอมาพร้อมตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่กำแน่นในมือ

"นี่มันเรื่องอะไร" ไอ้ชาถามช้าๆและพยายามรักษาบรรยากาศให้คงที่ไว้ "แล้วเกี่ยวไรกับไอ้สุ่ย"

"มึงก็ถามเพื่อนมึงดูซิ" ถึงจะกดเสียงไว้ แต่น้ำเสียงของความอาฆาตก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลย "มึงถามมันดูว่ามันทำชั่วอะไรกับข้าวเจ้าไว้"

"..."

"ข้าวเจ้า?" ไอ้ชาดูจะยังไม่เข้าใจ แต่ผมอ่ะเข้าใจแล้ว "ไอ้สุ่ย มึงทำอะไรข้าวเจ้าวะ?"

"กู..." งานเข้ากูแล้วไง จะตอบยังไงดีวะ ความจริง เรื่องมันไม่น่ามาถึงจุดนี้ได้เลย ใครจะไปรู้วะว่าเพื่อนไอ้ชากับข้าวเจ้าจะเป็นเพื่อนกัน แล้วมันรู้เรื่องนี้ได้ยังไง

"มึงมันไอ้ชั่ว" ระเบิดลั่นออกมาอีกครั้ง ตุ๊กตาหมีถูกขว้างข้ามหัวทุกคนมากระบทใส่หน้าของผมเต็มๆ ก็เจ็บนะแต่ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรเลย

"​อิช้าง มึงอย่าเพิ่งโวยวายได้ไหม ให้กูถามมันก่อน​" ไอ้ชายังคงพยายามราดน้ำดับไฟ "สุ่ย ว่าไง เรื่องที่เพื่อนกูพูดหมายถึงอะไร มึงไปทำอะไรข้าวเจ้า กูก็ยังเห็นมึงสองคนคุยกันดีๆอยู่เลย มึงกับมันมีเรื่องอะไรกันวะ"

"........" หัวใจของผมทั้งเต้นแรง แต่ก็เหมือนจะดับวูบลงในเวลาอันรวดเร็ว

"มึงแน่จริงมึงก็พูดซิ ทำชั่วกับคนอื่นแล้วไม่ยอมรับเหรอ ไอ้...."

"กูมีอะไรกับข้าวเจ้า" เออ กูพูดก็ได้วะ

"ห๊ะ!!!!!!!" ทุกคนในที่นี้คงจะตกตะลึงกับสิ่งที่ผมพูด

"ร...เรื่องจริงเหรอ" ไอ้ชาพยายามถามย้ำจากผม

"จะไม่จริงได้ยังไงล่ะ" คนโวยวายยังทำหน้าที่ของตัวเองต่อ "ข้าวเจ้าเดินร้องไห้ออกจากโรงพยาบาลไปเมื่อกี๊ เราเป็นเพื่อนกันมาสามปี กูไม่เคยเห็นน้ำตาของข้าวเจ้าสักครั้ง เพื่อนกูเศร้ามาก เอาแต่พูดชื่อของไอ้ชั่วนี่ มึงรู้ไหนว่าเพื่อนกูเค้าเสียใจขนาดไหน ขนาดกูถามตั้งนานยังเกือบจะไม่เปิดปาก ​มึง มึงทำแบบนี้ได้ยังไง มันสนุกมากเลยใช่ไหม"

"ว่าไงสุ่ย" ไอ้ชาถามย้ำ มันเริ่มจับคอเสื้อของผม คงหวังจะให้ผมพูดมากกว่านี้ "บอกกูดิว่าไม่ใช่เรื่องจริง บอกกูดิว่าอิเจสซี่เข้าใจผิด"

"ไอ้ชา ใจเย็น" ไอ้ต้อมเข้ามาห้ามปราบไอ้ชาคนที่กำลังจะกลายเป็นระเบิดลูกที่สอง

"ไอ้สุ่ย ตอบกูมา"

"เออ เรื่องจริง" ผมตะโกนออกมาในที่สุด "เออ กูทำจริงๆ กูก็แค่อยากลองดู แต่กูไม่ผิดนะเว้ย เราตกลงกันแล้ว ข้าวเจ้ามันก็ไม่เห็นจะว่าอะไรเลย ตอนที่ทำมันก็ยินยอม มันจะไปเสียหายอะไรนักหนาวะก็ผู้ชายด้วยกัน ใครจะไปรู้วะว่ามันจะ..."



​​บั๊ก



จู่ๆโลกของผมก็มืดดับลงไปชั่ววูบ

​โอ๊ย!!

​อะไรเจ็บๆที่ปากวะ

แล้วกูลงมานอนกองอยู่บนพื้นได้ไง

"มึงพูดอย่างงี้ได้ไงวะ"

"ไอ้ต้อม มึงทำอะไรของมึงวะ ขิงมาช่วยห้ามหน่อยเร็ว พี่ตองช่วยจับไอ้ต้อมไว้หน่อย พวกมึงก็จับอิช้างไว้ด้วย"

มีเสียงของความวุ่นวายดังขึ้นในหูของผม ผมพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะรวบรวมสติเพื่อมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว



นั่นไอ้ต้อมใช่ไหมที่กำลังโกรธหน้าดำหน้าแดงและมีคนพยายามจับมันไว้อยู่



ความวุ่นวายนี่คงทำให้คนในโรงพยาบาลหันมาสนใจจุดเกิดเหตุแล้วซินะ



"ไอ้เลวเอ๊ย พูดมาได้ไงวะว่าไม่เสียหาย" ทั้งเจ็บ ทั้งมึน แต่ตอนนี้ก็พอจะมีสติมองเห็นแล้วว่าคนที่กำลังตะโกนใส่หน้าผมก็คือไอ้ต้อมนั่นเอง ความเจ็บที่ปากนี่ก็คงมาจากมันด้วยเหมือนกัน เห็นหล่อๆหน้าใสๆ ไม่คิดเลยว่าจะต่อยคนที่ตัวพอๆกันให้ล้มหน้าคว่ำได้ขนาดนี้ "มึงเอาเรื่องเพศมาปัดความรับผิดชอบของตัวเองแบบนี้เหรอ คิดว่าเป็นผู้ชายด้วยกันแล้วมึงจะทำอะไรกับเค้าก็ได้เหรอ ​ปล่อยกูไอ้ชา กูจะซัดให้แม่งตายคาตีนกูนี่แหละ​"

"ไอ้ต้อม ใจเย็น" ไอ้ชาพยายามห้าม แต่ก็ดูเหมือนจะห้ามไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่

"มึงอยากลองเหรอ พูดเ-ี้ยๆออกมาได้ไงว่าไม่เสียหาย... กล้าทำแต่ไม่กล้ารับผิดชอบ คนอย่างมึงมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย"

​"พอแล้ว ไอ้ต้อม ลากมันออกไปเร็ว ช่วยกันหน่อย มึงก็เลิกโวยวายก่อนอิช้าง กูรับมือมึงสองคนพร้อมกันไม่ไหวนะ" ไอ้ชาที่ควรจะเป็นคนเดือดกับเรื่องนี้กลับต้องมาเคลียร์สถานการณ์ด้วยตัวเอง "ส่วนมึงไอ้สุ่ย มึงกับกูเอาไว้ค่อยเคลียร์กันวันหลัง... ​พาไอ้ต้อมออกไปจากโรงบาลก่อน เร็วเข้าช่วยกันหน่อย วาวา หยิบตุ๊กตามาดิ เอาเข้าไปให้น้องที่ชื่อโชกุนนะ น้องอยู่ในห้อง พี่ตองช่วยกันหน่อย ขิงช่วยพูดกับไอ้ต้อมหน่อย อิเล็ก มึงลากอิช้างออกไปก่อน ไปกดลิฟเลย เร็วๆดิ​"

"ปล่อยกู กูจะกระทืบมัน" "ต้อม ใจเย็น นี่ขิงเอง" "อิชา ตุ๊กตามันเปื้อนอ่ะ" "เออๆงั้นเอากลับมาก่อน เดี๋ยวกูไปซื้อตัวใหม่เอง" "อิช้าง มึงอย่าขืนได้ไหม ตัวมึงไม่ใช่เล็กๆนะ" "เข้าไปกันซะทีซิ... ปิดลิฟเลยๆ"



.................... ความวุ่นวายจบลงในที่สุด



ผมถูกทิ้งในนั่งเจ็บปากเลือดไหลอยู่บนพื้น ณ ชั้นเจ็ดของโรงพยาบาล พร้อมเหล่าพยาบาลและผู้ป่วยที่ยังคงยืนแอบดูกันอยู่ห่างๆ



​แม่งเอ๊ย เจ็บชิบหาย

​ผมไม่กลิ่นเลือดของตัวเองคละคลุ้งอยู่ในจมูกและลำคอ มุมปากทั้งเจ็บทั้งชา

ผมลุกขึ้นมองไปรอบๆ ไม่รู้เลยว่าควรจะรู้สึกยังไง เจ็บ งุนงง อาย หรือละอายใจ



หลังจากเหตุการณ์ถูกประนามกลางโรงพยาบาลจบลง ผมก็ลากสังขารของตัวเองมาที่รถ และขับรถออกมาด้วยความรู้สึกมากมายในหัว คำพูดของเจสซี่และไอ้ต้อมวิ่งวนในหัวผมไม่หยุด จนกระทั่งผมจอดรถ.....



​ปิ๊งป๊อง



บอกตามตรงนะ ​ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอะไรทำให้ผมเลือกที่จะขับรถมาบ้านของคนที่ทำให้ผมโดนชกหน้าในเวลาพลบค่ำแบบนี้



"อ...อ้าวสุ่ย มีไรเหรอ" ข้าวเจ้าเดินออกมาจากประตูบ้าน เขาก็อึ้งๆที่เห็นผมเหมือนเดิม แต่ก็ยังตีเนียนเหมือนกับตัวเองไม่รู้สึกอะไร "คืนหนังสือหมดแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วนั่น... ​ปากไปโดนอะไรมาอ่ะ" เออ เห็นซะที

"โดนต่อยอะดิ ถามได้" ผมตอบเอื่อยๆ

"ใครต่อยอ่ะ" รู้สึกอุ่นใจขึ้นยังไงก็ไม่รู้ที่เห็นมันมีท่าทีเป็นห่วงเป็นใยผมบ้าง

"ไอ้ต้อม"

"ต้อม? ต้อมเนี่ยนะ แล้ว...ไปมีเรื่องอะไรกัน"

"อย่าถามมากได้ป่ะ.... พอจะมียาใส่แผลไหม"

"ก...ก็พอมี"

"เหรอ เออ งั้นเปิดประตูรั้วให้หน่อย"

"เปิด?"

"ก็ใช่ดิ จะทำแผล เจ็บจะตายอยู่แล้วเนีย เปิดประตูให้หน่อย"

"เอ่อ...."

"นี่จะปล่อยให้กูยืนเจ็บอยู่แบบนี้จริงๆใช่ป่ะ"

ข้าวเจ้าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็เดินมาเปิดประตูรั้วในที่สุด

"ขอบใจ" ผมพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านเสมือนเป็นบ้านของตัวเอง

ส่วนเจ้าของบ้านก็เดินตามเข้ามาด้วยสีหน้างงๆ



"ไหนอ่ะยา" ผมถาม

"อ...อ๋อ รอแป๊บนึง"

"อืม" ผมนั่งลงบนโซฟาตัวเดิมที่เคยมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น



ข้าวเจ้าเดินกลับมาแล้ววางกล่องยาสามัญประจำบ้านลงบนโต๊ะต่อหน้าผม ก่อนจะเดินถอยห่างออกไปช้าๆ



"แล้วจะไปยืนตรงนั้นทำไมอ่ะ มาทำแผลดิ"

"ห๊ะ? ก็...ก็ทำเองดิ"

"ตาบอดง่ะ กูมองเห็นที่ไหนล่ะ"

"งั้น...เดี๋ยวไปเอากระจกมาให้"

"ไม่ต้อง มึงนั่นแหละมาทำ เร็วๆกูเจ็บ ​*โอ๊ย!!*" ผมแกล้งเนียนทำเป็นเจ็บ

"เจ็บมากเลยเหรอ" ได้ผลซะด้วย ข้าวเจ้าถลาเข้ามานั่งที่โซฟาแล้วก็แกะกล่องปฐมพยาบาลออกอย่างรวดเร็ว

"เจ็บดิถามได้ เลือดออกขนาดนี้ ​โอ๊ย​ เบาๆดิ" อันนี้ไม่ได้แกล้งนะ เจ็บจริงๆ ก็เล่นลงน้ำหนังมือมาซะแรงเลย

"ขอโทษๆ" ข้าวเจ้าสะดุ้ง

"เบาๆมือหน่อยดิ"

"โอเค.... จะทาละนะ"

"อ่าซ์" ผมกลับมาแกล้งเจ็บอีกครั้ง

"ถ้าเจ็บมากก็บอกนะ มันจะแสบๆนิดนึง"

"อืม"

ผมนั่งเฝ้าดูคนตรงหน้าทำแผลให้ผม เพลินจนลืมเจ็บไปเลย



"อ่ะ เสร็จแล้ว" หึ! เสร็จแล้วเหรอ

ผมจับดูที่มุมปากของตัวเองก็เลยสัมผัสได้มาว่าพลาสเตอร์ยาแป๊ะอยู่

ข้าวเจ้าเก็บยาเข้าใส่กล่องและลุกออกจากที่นั่งทันทีเมื่อสิ่งที่ทำจบลง

"อ้าว แล้วจะไปไหนอ่ะ"

"ห๊ะ... ก็เสร็จแล้วอ่ะ"

"กูไม่ได้ถามว่าเสร็จหรือยัง กูถามว่ามึงจะไปไหน"

"ข...เข้าห้อง จะไป...อาบน้ำ" ตอบตะกุกตะกักแบบนี้แปลว่าโกหกอยู่แน่นอน

"นี่กูเจ็บอยู่นะ ใจคอมึงจะปล่อยให้กูนั่งอยู่คนเดียวแบบนี้เหรอ" เล่นมุกนี้ซะเลย

"ก็..."

"ไม่ต้องไป มานั่งนี่แหละ... เร็วดิ นั่งลง"

มันยังทำหน้างงๆเอ๋อๆตามสไตล์นั่นแหละ แต่ก็ดีแล้ว อาศัยจังหวะที่มันกำลังมึนๆนี่แหละ สั่งให้ทำอะไรง่ายดี

"เดี๋ยวๆ จะทำอะไรอ่ะ"

"ก็นอนพักไง"

"แล้วทำไมต้อง..."

"มึงจะอะไรนักหนาวะ กูเจ็บปากนะเนี่ย อย่าให้พูดเยอะได้ป่ะ ทำไมวะ กูนอนตัก​มึงไม่ได้งะ หวงเหรอ" ผมไม่รอฟังคำตอบ แต่ชิงจังหวะนอนลงไปเลย

"เอ่อ... ให้ไปเอาหมอนให้ไหม... จะได้นอนสบาย"

"ไม่ต้องอ่ะ" ผมยังตีเนียนต่อไป ทำทีคว้าหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมานอนอ่าน "แบบนี้แหละ กูชอบ ตัวมึงหอมดี"

"........" ว่าแล้วว่าต้องได้ผล เห็นนะว่าแอบหน้าแดง

แต่เจ้าตัวก็ไม่ปล่อยตัวเองให้มีพิรุจนาน เขาเลือกที่จะหยิบแอปเปิ้ลที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาปอกเปลือก ​มีแอปเปิ้ลวางอยู่ด้วยเหรอ ไม่ได้สังเกตุเลย



​เราเงียบกันไปทั้งคู่ มีเพียงเสียงเบาๆของโทรศัพท์เท่านั้นที่ทำลายความเงียบ แต่ทำไมผมรู้สึกว่ามันดูเงียบกว่าการไม่มีเสียงซะอีก



#เสียงโทรศัพท์ (มีสายโทรเข้า ​คิตตี๊)

กรรมละไง จังหวะนรกมาก

เอาไงดีวะกู

ไม่รับดีกว่า



"สาวโทรมา ไม่รับหรือไง" เอาแล้วไง ถามจริงพูดตรงเลย แก้ปัญหายังไงดีวะ ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง สถานการณ์ที่กำลังดีขึ้นเดี๋ยวได้ลุกเป็นไฟอีกแน่

"รับให้หน่อยดิ ขี้เกียจพูด อ่านหนังสืออยู่ เจ็บปากด้วย"

"จะบ้าเหรอ รับเองดิ"

"รับไปเหอะน่า ไม่ก็ปล่อยมันไว้อย่างงั้นแหละ"

แล้วเราทั้งคู่ก็ปล่อยให้โทรศัพท์ดังอยู่อย่างนั้นจริงๆ ดังอยู่อีกสักพักจนกระทั่งสายตัดไป



#เสียงโทรศัพท์ (มีสายโทรเข้า ​ขวัญ​)

แม่งเอ๊ยยยยย ความซวยละลอกสอง



"มีคนโทรมาอีกแล้ว" เออ รู้แล้ว ไม่ต้องย้ำ

"ปล่อยไว้อย่างงั้นแหละ" ผมบอกพร้อมกับกลบเกลือนด้วยท่าทางหงุดหงิด

"รับไปเหอะ ไม่คุยซะที เดี๋ยวก็ดังทั้งคืนหรอก"

"ไม่เอา อยากคุยก็คุยเองดิ ทำไงก็ได้ไม่ให้เค้าโทรมาอีก บอกไปเลยก็ได้ว่ากูอยู่กับแฟน"

"จะบ้างะ ไม่เอาด้วยหรอก พูดเองดิ"

"เออน่า รับๆไปเหอะ"

"ปัญหาใครก็เคลียร์เองดิ"

"ไหนบอกว่าอยากเก่งเหมือนไอ้ชาไง ปัญหาแค่นี้คนอย่างไอ้ชาจัดการได้อยู่แล้ว"

"ฮัลโหลครับ" เห้ย รับจริงด้วย ไม่อยากจะเชื่อว่ายังสามารถใช้มุกนี้ได้อยู่ "คือ... ผมไม่ใช่สุ่ยครับ สุ่ยไม่ว่างครับ เค้ากำลังอยู่กับแฟน" โคตรเชื่อคนง่ายอ่ะ จะหัวเราะก็หัวเราะไม่ได้ เดี๋ยวโดนจับได้ "....ผมก็ไม่ทราบครับ เอาไว้คุยกันเค้าเองแล้วกันครับ..... เค้าลืมโทรศัพท์ไว้ครับ..... เอ่อ... คือ..... เอ่อ..... แค่นี้นะครับ รบกวนอย่าโทรมาอีกนะครับ ผมจะพักผ่อนแล้ว"

"ก็ทำได้นิ" ผมกลั้นอมยิ้มเอาไว้ แต่เจ้าตัวดูเหมือนคนเพิ่งจะผ่านสงครามโลกมา



#เสียงข้อความ



"เอ่อ....เค้าส่งข้อความมาแทนอ่ะ" เห้อออออออ  ปัญหาไม่จบไม่สิ้นซะที

"ก็ตอบไปดิ เหมือนที่พูดนั่นแหละ"

"อีกแล้วเหรอ"

"อือ... รหัส 3135 เข้าไปเลย เดี๋ยวๆ ​เอามือถือมา" ผมแย่งโทรศัพท์ของตัวเองมา กดหาแอพพลิเคชั่นที่ตนเองต้องการ "เอานิ้วโป้งมาดิ วางลงตรงนี้" ผมสั่ง

"ห๊ะ"

"บอกให้วางก็วางเหอะน่า จะได้ไม่ต้องจำรหัส... วางอีก... อีกที.... อ่ะนี่ เสร็จแล้ว คราวนี้ก็เข้าโทรศัพท์กูได้แล้วนะ  ใครทักมาก็ตอบให้หมดด้วยล่ะ อย่าให้เหลือสักคนนะ"

"......"

"เข้าใจที่บอกไหมเนี่ย"

"เออๆ เข้าใจก็ได้"

ไม่รู้จะบอกว่าตลกหรือสงสารดี ก็เพราะการปลอกผลไม้ของข้าวเจ้าเป็นไปด้วยความลำบากมาก เดี๋ยวก็มีคนโทรเข้า เดี๋ยวก็มีข้อความเข้า ถึงเจ้าตัวจะหงุดหงิดแต่ก็จัดการได้ครบทุกรายอย่างที่รับปากไว้จริงๆ ​ไม่ธรรมดา



"กินมั้งดิ" ผมพูดขึ้นทันทีที่แอปเปิ้ลถูกปอกจนเสร็จ มีการหันเป็นแว่นๆ อย่างสวยงาม ที่มันเคยบอกว่าชอบทำอาหาร ท่าทางจะไม่ใช่แค่ชอบแฮะ คงจะเก่งพอสมควรเลย

"ก็...กินดิ" ข้าวเจ้าตอบ

"ป้อนหน่อย"

"ห๊ะ!?"

"ห๊ะอีกแล้ว สงสัยอะไรนักหนาวะ ให้ป้อนก็ป้อนไปเหอะน่า" ผมอ้าปากรอ แต่ตายังอยู่ที่หนังสือ บอกตามตรงนะผมไม่ได้อ่านอะไรในหนังสือเลย ชื่อหนังสือคืออะไรก็ยังไม่รู้เลย "เร็ว เจ็บปาก"

"อ่ะ" ได้ผลเช่นเคย

"อร่อยดีนะ วันหลังทำกับข้าวให้กินบ้างดิ"

"เพื่อ?"

"ก็หลังจากนี้กูต้องมาที่นี่บ่อยๆอ่ะ"

"มาทำไม? ถ้าจะยืมหนังสือเดี๋ยวเอาไปให้ที่มหาลัยก็ได้"

"เปล่า กูมาหามึงนั่นแหละ"

"ทำไม?" ไอ้นี่ก็สงสัยไม่เลิกซะที กูทำขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจอีก

ผมถอนหายใจแล้วก็ลุกออกมาจากการนอนตัก ก่อนจะเดินไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งบนชั้นมายื่นให้ไอ้คนขี้สงสัย

"อะไร?"

"ดูไม่ออกเหรอ ก็ อัลเบิร์ต  ไอน์สไตน์ไง"

"รู้.. แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน"

ผมเปิดหน้านึงในหนังสือแล้วยื่นกลับไปให้คนตรงหน้าดู มันเป็นหน้าที่ผมใช้ที่คั้นหนังสือคั้นไว้ก่อนจะนำหนังสือมาคืน

"อ่านดิ" ผมบอก

"If you can't explain it simply, you don't understand it well enough​"

"แปลว่า?"

"ถ้าคุณไม่สามารถอธิบายสิ่งใดให้ผู้อื่นเข้าใจได้โดยง่าย นั่นหมายความว่าตัวคุณเองยังไม่เข้าใจมันดีพอ​... แล้ว?"

"ก็นี่ไง กูแค่ทำตามที่ไอน์สไตน์บอก เพราะตอนนี้กูยังไม่เข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างเรา หลังจากนี้ก็เลย......







......​จะทำทุกอย่างเพื่อให้เราเข้าใจกันมากขึ้น​"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:26:27 โดย Kings Racha »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ได้เข้ามาอ่าน แล้วก็ได้อ่านจุใจจริงๆ  :mew1: :mew1: :mew1:

ชื่นชมความพยายามของน้ำชา  :katai2-1:
เพราะน้ำชา เลยทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี
ทั้งกับตัวน้ำชาเอง เพื่อนต้อม น้ำขิง  พี่ตอง พี่ท๊อป  พี่บุ่น
รวมไปถึงแวดวงเพื่อนพี่ตอง ที่น้ำชาติวพิเศษ จนคะแนนผ่านกันทุกคน
รวมถึงที่ไปแก้ปัญหา  ช่วยกิจการค้า การเดินเรือ ของบ้านพ่อพี่ตอง
 
ชื่นชมไรท์ แต่งออกมาแบบมองโลกในแง่บวก 
ให้มีความอดทน ไม่มีอะไรได้มาโดยง่าย
อยากได้อะไรต้องฝึกฝน พยายามด้วยตัวเอง
        :L1: :L1: :L1:
   :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​ตอนที่ 43 : แปดปี







"เฮ้ออออออออออ เหนื่อย" ผมแทบจะตะโกนลั่นคอนโดฯ และตามด้วยการทิ้งตัวลงบนเตียงนอนแบบไม่แยแสอะไรทั้งนั้น ก็เพราะกว่าจะทำให้ไอ้ต้อมเพื่อนสารเลว ไม่ใช่ซิ ​ตอนนี้ต้องเรียกว่า ไอ้ต้อมเพื่อนสติแตก ก็กว่าจะลากมันกลับหอได้ เล่นซะผมใช้พลังงานไปเกือบหมดตัว

"เฮ้อออ" รายนั้นก็ไม่ต่างกัน ถึงแม้พี่ตองจะถอนหายใจเบากว่าผม แต่จากสภาพแล้วก็คงใช้แรงไปไม่น้อย

"ขอโทษนะพี่ตอง" ผมยันตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่ง "ที่ต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องของความรอบข้างชาแบบนี้ ไม่เคยเห็นไอ้ต้อมโกรธขนาดนี้มาก่อนเลย ไม่รู้ด้วยว่ามันจะแรงเยอะแบบนี้"

"จะขอโทษทำไมละครับ พี่ไม่ได้เหนื่อยอะไรซะหน่อย" ไม่เหนื่อยเหรอ แรงจะลุกขึ้นมานั่งคุยกันยังไม่มีเลย แต่ก็ว่าไม่ได้หรอก ก็ถ้าไม่ได้พี่ตองเป็นกำลังหลักในการสยบไอ้ต้อมก็คงไม่มีทางสำเร็จ ถ้าจะเหนื่อยก็คงไม่แปลก ไหนจะต้องขับรถกลับมาที่คอนโดฯอีก "อีกอย่างไอ้ต้อมก็เหมือนน้องพี่ เพื่อนของแฟนพี่ทั้งคน จะไม่ช่วยได้ไง"

"แหวะ เท่ตายแหละ อุตส่าว่าจะซึ้งแล้วเชียว ชอบหยอดอยู่ได้ ชาไม่ใช่ผู้หญิงนะ" ผมแกล้งตีไปที่น่อง

"โอ๊ย"

"ขอโทษๆๆๆๆ เจ็บเหรอ"

"​เปล่า ล้อเล่น​" เดี๋ยวเหอะมึง ก็นึกว่าเจ็บจริงเพราะเพิ่งจะผ่านสงครามมา "แค่ลองดูว่าจะห่วงพี่จริงหรือเปล่า"

"ไม่ห่วงแล้ว"

"โอ๋ๆ พี่ล้อเล่น อย่าเพิ่งเดินหนีดิ"

"ปล่อย จะกอดทำไมเนี่ย ชาจะไปอาบน้ำ"

"อาบน้ำ? อาบด้วยนะ"

"พิการหรือไง"

"โห่ ก็พี่เจ็บแขนเนี่ย โดนไอ้ต้อมต่อยมาโดนแขนตั้งหลายที พี่ถูกสบู่ไม่ได้ นะนะนะ อาบน้ำด้วยกันนะ"

"หราาาาา ถูกสบู่ไม่ได้แต่กอดได้ อย่ามาแหล ปล่อยเลย อ่างอาบน้ำก็มี ไม่มีแรงถูสบู่ก็นอนแช่อยู่ในนั้นนั่นแหละ"

"ไม่ได้จริงอ่ะ"

"ไม่ได้ ชาไม่ชอบอาบน้ำกับใคร คนมันไม่เคย เข้าใจไหม"

"เคยดิ ตอนอยู่เกาหลีเรายังอาบน้ำด้วยกันเลย เอ้ย​ ไม่ใช่ดิ เราแค่เข้าไปทำกิจกรรมเข้าจังหวะในห้องน้ำด้วยกันเฉยๆ ​โอ๊ย​ ตีหัวพี่ทำไมอ่ะ อันนี้เจ็บจริงนะ ตีซะแรงเลย"

"สมควรแล้ว ชอบพูดจาลามกดีนัก ไม่รู้จักอายคนอื่นเค้าซะบ้าง ห๊ะ?"

"จะอายใครอ่ะ เราอยู่กันแค่สองคนนะ ​อ่าซ์ เจ็บ​"

"ก็...หมายถึงทุกที่ทุกเวลานั่นแหละ พอเลยๆ ชาจะไปอาบน้ำแล้ว"

"เดี๋ยว... แต่ชายังไม่ได้กินข้าวเย็นเลยนะ จะไม่หิวเหรอ"

"เออ...จริงด้วย ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้กินอะไร มัวแต่ยุ่งกับเรื่องไอ้ต้อม งั้น...เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จค่อยออกไปหาอะไรกินก็แล้วกัน"

"โอเคครับ แต่ไม่ให้พี่ไปอาบด้วยแน่นะ เนี่ยยังเจ็บไหล่อยู่เลย"

"ยังจะมาพูดอีก"

"อ่ะๆๆๆ ล้อเล่นครับ แต่ว่า... ก่อนจะอาบน้ำ พี่มีของอย่างนึงจะให้"

"อะไร?"

"รอแป๊บ" พี่ตองปล่อยกอดผมแล้วดีดตัวเองออกจากเตียงไปหยิบกล่องกระดาษใบหนึ่งมาให้ผม "ของขวัญจากพี่"

"เนื่องในโอกาสอะไรอ่ะ ไม่ใช่วันเกิดชาซะหน่อย"

"เปิดดูก่อนซิครับ"

คืออะไรวะ จะมาทำหวานแหววอะไรกับกูอีก ไม่ได้ผลหรอกนะ ตั้งแต่โดนหยอดหนักๆ ภูมิคุ้มกันก็แข็งแรงขึ้นมากแล้ว



​"เห้ยยยยยยย​" ผมอุทานออกมาโดนไม่รู้ตัว "มาอยู่นี่ได้ไงอ่ะ"

"พี่ขอร้องให้แม่ชาส่งมาให้ครับ" พี่ตองอธิบาย "พี่เห็นว่าแต่ก่อนชามีมันอยู่ในห้องนอนตลอด ก็เลยคิดว่าคงจะดีกับชา ถ้ามันจะมาอยู่ในห้องปัจจุบันที่ชานอน"

"​งือออออ คิดถึง" ผมแทบจะเอามันออกมากอด ก็ไม่ได้เป็นอะไรที่สำคัญหรอกครับ ก็แค่กรอบรูปเก่าๆของผม ที่มีภาพข่าวพี่ตองช่วยผมจากการจมน้ำเมื่อแปดปีที่แล้ว มันถูกตั้งไว้ในห้องนอนของผมที่หมู่บ้านมอญ มันมีความหมายกับผมมาก เพราะเป็นทั้งกำลังใจ แรงผลักดัน และตัวแทนหนึ่งเดียวของพี่ตองที่มีอยู่ในขณะนั้น ยอมรับเลยว่าผูกพันมาก แต่ไม่กล้าเอามาด้วยเพราะกลัวจะแตกหักเสียหาย ว่าแต่... มีความเสียหายอะไรจากการขนส่งมาหรือเปล่าวะ... ไม่มี โล่งอก​ "ขอบคุณนะครับ" ผมกล่าวขอบคุณทั้งๆที่ตายังมองดูกรอบรูปอยู่

"ยินดีครับ" พี่ตองกระซิบข้างหู... เออ จะทำไรก็ทำเหอะ ตอนนี้อารมณ์ดีมากๆๆๆๆ "แล้วรู้หรือยังว่าวันนี้วันอะไร"

"หึ?" วันอะไร? คืออะไรวะ? ก็วันอาทิตย์ไง วันใกล้คริสต์มาสเหรอ หรือวันเกิดไอ้พี่ตอง ก็ไม่ใช่นะ สรุปว่าวันนี้วันอะไรล่ะ นี่มันวันที่เท่าไหร่อ่ะ.... ​อย่าบอกนะ​ "พี่ตองจำได้ด้วยเหรอ!?!?"

"จำได้ซิครับ วันที่เก้าธันวา ครบรอบแปดปีที่พี่ช่วยเด็กน้อยคนนึงจากการจมน้ำเอาไว้"

"........"

ไม่มีคำบรรยายอะไรทั้งนั้น

ผมเห็นแค่สายตาที่อบอุ่นและรอยยิ้มของพี่ตอง

ผมจำดวงตาคู่นั้นได้

ผมจำริมฝีปากนั้นได้

ผมคล้ายว่าจะรู้สึกถึงการสัมผัสผิวกายของกันและกันอีกครั้งทั้งๆที่ไม่ได้ถูกเนื้อต้องตัว

​อบอุ่นจัง



​วินาทีต่อมาผมเดินเอากรอบรูปไปวางไว้ที่โต๊ะทำงานข้างเตียงนอน



"เดี๋ยวๆๆ จะพาพี่ไปไหนครับ" คนตัวสูงตกใจเล็กน้อยที่ถูกผมพยายามจูงมือให้เดินไปด้วยกัน

"ก็ไปอาบน้ำด้วยกันไง"

"จริงเหรอ!!!!" ไม่ต้องมาทำตาโต รีบๆเข้าห้องน้ำเหอะน่า



หลังจากตรงนี้ขออนุญาตเซ็นเซอร์ไว้นะ ไม่เหมาะต่อเด็ก เยาวชน และคนจิตใจอ่อนไหว.....

#ปิดม่านชั่วคราว







"วันนี้อยากกินแกงเห็ดอีกไหม"

"ไม่เอาอ่ะ กินบ่อยเกิน หาอะไรง่ายๆกินก็ได้" ผมกับพี่ตองกำลังสนทนากันบนรถในบ่ายของวันต่อมา

"ไม่ได้ดิครับ เรามาฉลองครบรอบแปดปีนะ วันนี้ลีดมออุตส่าให้หยุด ไม่ต้องซ้อม คลิปโปรโมทของชาก็ถ่ายจบแล้ว มีเวลาขนาดนี้แล้วจะให้พี่ทำอะไรธรรมดาๆกับชาได้ไง... พาไปกินอะไรดีน้า..."

"เห็นไหมล่ะ สุดท้ายก็ต้องมานั่งคิดอีกอยู่ดี สู้ไปหาอะไรกินง่ายๆอย่างที่ชาบอกก็จบไปนานแล้ว แล้วอีกอย่าง ไม่ต้องมาโมเมเลยนะ ครบรอบแปดปีอะไร พี่ไม่เคยสนใจมันซะหน่อย ชาจำได้แค่คนเดียวมาตลอด"

"'ง่าาา อย่าพูดแบบนี้ได้ไหมอ่ะ พี่รู้สึกผิดนะ ก็ไหนบอกว่าเข้าใจความรู้สึกพี่แล้วไง คนเรามันก็เข้าใจผิดกันได้ พี่จะไปรู้ได้ไงว่าการทำตัวเป็นคู่แข่งมันจะมีความหมายอื่นที่ซับซ้อนแบบนั้น สมองพี่ไม่ได้ล้ำโลกเหมือนชานะ แต่ตอนนี้พี่ก็จะแก้ตัวแล้วนี่ไง เพียงแต่ยังคิดไม่ออกว่าจะพาไปไหนแค่นั้นเอง"



#เสียงโทรศัพท์

มีเสียงโทรศัพท์แทรกขึ้นมา



"ใครโทรมาอ่ะ ดูให้พี่หน่อย" พี่ตองวานให้ผมดูโทรศัพท์มือถือให้

"ไม่รู้อ่ะ พี่ไม่ได้บันทึกไว้" ผมบอก "ลงท้าย 999 เลขสวยซะด้วย พอจะรู้ไหมว่าเบอร์ใคร"

"คิดว่ารู้นะ ส่งมือถือมาทีครับ"

"อ่ะ" ผมยื่นให้

"ฮัลโหลครับ... อ่า ว่าไงน้อง" รู้จักจริงด้วย "ห๊ะ? ตอนนี้เลยอ่ะนะ" อะไรคือการอุทาน "ก็ยังอะ แต่... อ่ะๆๆ เดี๋ยวพี่ไปก็ได้ แต่ที่สำคัญอย่าลืมโทรหา... อ่อ โทรแล้วเหรอ เออๆ ดีแล้ว.... แล้วอยู่ตรงไหนอ่ะ.... อ๋อๆ รู้จักๆ....ได้ๆ.... ยินดีมากน้อง โอเคเจอกัน" จะถามดีไหมว่าใครโทรมา แต่ผมยังไม่ทันจะอ้าปากถามเลย ไอ้หัวเหม่งก็พูดออกมาก่อน "ไม่ต้องหาร้านแล้ว วันนี้มีรายการอาหารพิเศษ"

"พูดไรอ่ะ?" อะไรของมันวะ

"ก็.... ยังไม่บอกดีกว่า เดี๋ยวไปถึงก็รู้เองแหละ"

"บอกมาาาา" จะมากั๊กไว้ทำไมวะ

"อย่าดุซิคร้าบบบ นี่แฟนเอง อย่าลืมดิว่าเรากำลังอยู่ในช่วงครบรอบแปดปีนะ ถึงพี่จะเพิ่งมาให้ความสำคัญกับมัน แต่พี่ก็ไม่เคยลืมบุญคุณของมันนะ ที่มันทำให้พี่ได้เจอคนที่สำคัญอีกคนนึงในชีวิต ไม่หงุดหงิดซิครับ"

"....." เออ ถ้าจะพูดซะ... หวานขนาดนี้ ยอมก็ได้วะ



เมื่อขับรถมาสักพักผมก็เริ่มแปลกใจ...

นี่มันหลังมหาลัยไม่ใช่เหรอ จะกลับมาที่มออีกทำไม

แต่ซอยนี้ยังไม่เคยเข้ามาแฮะ มันเป็นทางที่นำเข้าไปยังบริเวณที่เป็นบ้านจัดสรร ต่างจากปกติที่โดยส่วนใหญ่แล้ว แถวๆนี้มักจะมีแต่สิ่งปลูกสร้างที่เป็นหอพักนักศึกษา



"ถึงแล้ว นี่ไง" พี่ตองจอดรถในที่สุด

ในขณะที่ผมกำลังจะออกจากรถ ก็มองเห็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากำลังเดินออกมาหน้ารั้วบ้าน เหมือนกำลังจะมายืนรอใครสักคน

พี่บุ๋น นั่นเอง



"พี่บุ๋น" ผมร้องเรียกอย่างดีใจก่อนจะลงจากรถและโบกมือให้ แปลกเนอะ ก็เห็นกันในมหาลัยออกจะบ่อยกลับมารู้สึกดีใจกับคนคุ้นเคยเวลาเจอกันข้างนอก แล้วผมก็หันไปหาพี่ตอง "แค่จะมาหาพี่บุ๋นทำไมต้องทำเป็นความลับด้วย"

"เปล่า... พี่ไม่ได้มาหามัน" อ้าว แล้วจะมาหาใคร



"ม...มาทำอะไรกันอ่ะ" พี่บุ๋นดูงงๆจริงด้วย สรุปว่าไม่ได้มาหาพี่บุ๋นซินะ

"กูมาหาเพื่อนบ้านมึง หลังนั้นอ่ะ" พี่ตองหมายถึงบ้านข้างๆ บ้านใครวะ "ว่าแต่มึงจะไปไหนอ่ะ แต่งตัวซะดูดีเชียว ไม่มีสอนน้องก็เที่ยวเลยนะมึง"

"เอ่อ... กู..." ทำไมพี่บุ๋นดูเขินๆที่จะตอบ

แต่ยังไม่ทันที่จะได้คิดวิเคราะห์แยกแยะอะไร รถยนต์คันหนึ่งก็มาเทียบจอดตรงหน้าพี่บุ๋น เป็นรถที่คุ้นมากและผมต้องเคยนั่งแน่ๆ



"น้ำชา ตอง มาทำอะไรกันอ่ะ" อ๋ออออออ รถยนต์ของพี่ท๊อป กำลังจะไปกับพี่ท๊อปนี่เอง

"มาหาอะไรกินแถวนี้พี่" พี่ตองตอบ "แล้วพี่จะพาเพื่อนผมไปไหนอ่ะ"

"จะพาบุ๋นไปหาอะไรกินเหมือนกัน"

"อ๋อออออ" เข้าใจทำน้ำเสียงแซวเพื่อนตัวเองนะไอ้หัวเหม่ง "จะไปเดทกับพี่ท๊อปเหรอจ๊ะบุ๋นน้อย หายพิการแล้วเหรอมึงอ่ะ"

"เดทพ่อง ​ไปกินข้าวโว๊ย" ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าพี่บุ๋นกำลังเขินหรือโกรธหรืออายกันแน่ "ว่าแต่มึงเหอะ พาน้องน้ำชาของมึงมาแถวนี้ จะมาหาเรือนหอกันรึไง"

"โทษทีวะ...กูมีแล้ว" พี่บุ๋นถือว่าพลาดมากที่คิดจะแซวไอ้ตัวสูงนี่ด้วยเรื่องอะไรแบบนี้ มันไม่เคยสะกดคำว่าอายเป็นหรอก นั่นไงมีมาโอบไหลกูด้วย "พ่อแม่กูเตรียมไว้ให้เรียบร้อย ขอโทษที่ทำให้ผิดหวังนะเพื่อน คู่กูอ่ะแข็งแกร่งมาก ไม่อ่อนเหมือนคู่ของมึงหรอกเว้ย ให้หอมแก้มโชว์เลยปะล่ะ"

"พูด....มาก"

"เอ๊อะ" ไอ้พี่ตองสำลักความเจ็บจากการโดนผมถองข้อศอกใส่หน้าท้องของมัน "อะไรล่ะที่รัก ไม่เห็นต้องเขินเลย แค่ทำให้คู่โน้นเค้าดูเฉยๆ จะได้รู้ว่าใครมันเทพกว่ากัน"

"ยังจะพูดอีก" กูละยอมใจมึงจริงๆ แซวอะไรไม่เกรงใจพี่ท๊อปเลย "ขอโทษนะครับพี่ท๊...."

ชิบหายละไง พี่ท๊อปหน้าเปลี่ยนเห็นๆเลย

ผมรีบสะกิดพี่ตอง มึงรีบพูดแก้ตัวเดี๋ยวนี้เลยนะ

"เอ่อๆๆ ผมไม่ได้หมายถึงพี่นะพี่ท๊อป" แก้ตัวให้ดีนะมึง "ผมคือ... ผมหมายถึงว่า..."

"อย่าคิดมากเลย" พี่ท๊อปครับ คำพูดกับสีหน้าของพี่อ่ะ มันตรงกันข้ามกันเลยนะ "พี่ไม่คิดมากหรอก"

"เอ่อ..." ไอ้พี่ตองอ้ำอึ้ง นี่คือจะหาคำพูดมาแก้ตัวอีกหรือยังไง "กินข้าวด้วยกันไหมพี่ ไหนๆก็จะหาอะไรกินอยู่แล้ว" เนี่ยอะนะที่จะพูด

"ที่นี่เหรอ?"

"ป...เปล่าพี่.... ก็ใช่แหละ แต่ผมหมายถึง... อ่ะนั่นไง ออกมาพอดีเลย" ใครวะ

หือ???

ไอ้ข้าวเหรอ

หือออออออ??????????

ไอ้สุ่ยก็ด้วย

สองคนนี้ คืออะไร ออกมาจากบ้านหลังข้างๆพี่บุ๋นได้ไง แล้วไงถึงมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน คือกูงง แล้วมันสองคน... แบบว่า...

ไม่เก็บความสงสัยละ ถามแม่งเลยดีกว่า "สองคนนี้มาอยู่ด้วยกันได้ยังไงอ่ะ"

"ก็กูชวนมึงกับพี่ตองมากินข้าวที่นี่ พี่ตองไม่ได้บอกมึงเหรอ" ไอ้สุ่ยตอบ

"ไม่อ่ะ" เดี๋ยวๆๆๆ แล้วมึงมาลอยหน้าลอยตาตอบได้ไง ปากยังเขียวๆม่วงๆอยู่เลย กะว่าจะหาเวลาเคลียร์ใจกับมันซะหน่อย แต่แล้วกลายเป็นว่าสถานการณ์พาผมมาหามันเฉยเลย "มึง..."

"เข้ามาดิชา" ไอ้ข้าวเดินเข้ามาคว้ามือผมเพื่อจะชวนเข้าบ้าน "ชอบกินเนื้อย่างไหม หรือจะกินลวกจิ้มดี"

"อ...อะไรก็ได้" จะบ้างะ เล่นซะกูเคลิ้มเลย "เดี๋ยวๆๆๆ นี่มึง....อะไรกันอ่ะ แล้วทำไม..."

"คืองี้..." ไอ้พี่ตองกำลังจะเข้ามาอธิบาย แต่จู่ๆก็ถูกขัดจังหวะด้วยรถยนต์อีกคันที่จอดตรงหน้าของผมพอดี

นี่มัน....



"ไอ้ชาเย็น มาด้วยง่ะมึงอ่ะ กูนึกว่าจะไม่มีเพื่อนซะแล้ว" ไอ้ต้อม?!?!?!? แล้วก็ขิงด้วย

"หยุด!!!" นิ่งเลยนะ ทุกคน นิ่งไว้ก่อนเลยนะ นี่มันเรื่องอะไรกัน What When Where How Who Whom "ตอนนี้ใครก็ได้ ช่วยอธิบายทีว่า...เรามาอยู่ในสถานการณ์นี้กันได้ยังไง"

"เอ่อ...ชา" ไอ้พี่ตองเดินเข้ามาพูดกับผม "อธิบายอะได้ แต่เราเข้าไปอธิบายข้างในดีกว่าไหม"

"ข้างใน? ข้างในไหน"

"นี่ไง" ไอ้ข้าวชี้ "บ้านเช่าของกูเอง ไปเหอะ อยู่ตรงนี้ร้อน เร็วๆๆๆ" ผมโดนลาก

"พี่ท๊อปเชิญทานอาหารด้วยกันดีกว่าครับ" นี่คือเสียงของไอ้พี่ตองใช่ไหม ที่กำลังชวนอยู่ "เห็นน้องเค้าบอกว่าเตรียมอาหารไว้เยอะเลย...."

อะไรวะ

สุดท้าย.... กูก็ตกอยู่ในสภาวะงงงวยเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือต้องเดินเข้าไปในบ้านใครก็ไม่รู้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:27:51 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
(ต่อ Part 2)



"เห้ยยยยยยยยยยยยยยยยย"

ให้ทายว่าเสียงใคร.....

ติ๊ก ต๊อก ติ๊ก ต๊อก ......

คำตอบคือ.... พี่บุ๋น

"ม...มึงส...สองคน มีอะไรกัน" พี่บุ๋นยังตกใจเบอร์ใหญ่เหมือนเดิม ก็เข้าใจอะนะ เพราะถึงแม้ว่าผมจะรู้อยู่แล้วว่าไอ้สุ่ยกับไอ้ข้าวมีอะไรกัน แต่มันก็ยังไม่ชินที่จะฟังอยู่ดี "แล้วที่เรียกไอ้ชากับไอ้ต้อมมาก็เพราะจะมาประกาศว่ามึงสองคนจะลองคบหากันดู...แล้วมึงไปมีอะไรกันตอนไหนวะ?"

"เอ่อ...." ไอ้สุ่ยพยายามรวบรวมความกล้าที่จะตอบ "วันพฤหัสฯที่ผ่านมาครับ"

"ห๊ะ!? แล้วมึงรู้จักกันตอนไหนอ่ะ"

"ก...ก็...วันพฤหัสฯนั่นแหละพี่"

"ห๊ะ!!??*"

"เล่นใหญ่ไปแล้วครับบุ๋น" พี่ท๊อปพยายามสะกิดพี่บุ๋น

"ก็จะไม่ให้ตกใจได้ไงอ่ะขนาดเราสองคนยังไม่เค..."

หือ!?!?!?!?



"อย่าบอกนะว่าพี่สองคนยัง...." ไอ้ต้อมเอ่ยปากถาม ว่าแล้วเชียวว่ากูต้องไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนี้ หันไปดูทางฝั่งพี่บุ๋นที่สงบลงอย่างมีพิรุจและพี่ท๊อปที่เอามือถูหน้าขาตัวเอง "โอ้โหพี่ท๊อป สุภาพบุรุษโคตรๆ โดนเด็กใหม่มันแซงหน้าแล้วเนี่ย" แล้วมันก็หัวเราะออกมา

ไอ้พี่ตองก็หลุดขำเหมือนกัน

"ต้อม" "พี่ตอง" ขิงกับผมรู้ว่าควรจะห้ามปราบพฤติกรรมนี้ไว้เพราะมันเป็นการเสียมารยาท แต่ถึงอย่างนั้นผมก็แอบอมยิ้มเล็กๆไม่ได้



"พอๆๆๆๆ" แล้วพี่บุ๋นก็โวยวายขึ้นมา "นี่มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกูซะหน่อย พวกมึจะเข้ามาเคลียร์กันเรื่องไอ้สองคนนี้ไม่ใช่เหรอ... ว่าแต่มึงเหอะ ชื่อไรนะ"

"ข้าวเจ้าครับ" ไอ้ข้าวตอบ

"เออ ข้าวเจ้า มึงแน่ใจเหรอว่าจะคบกับไอ้สุ่ยอ่ะ รู้หรือเปล่าว่ามันกิตติศัพท์เลื่องลือขนาดไหน สาวๆมาเฝ้าที่คณะไม่เคยซ้ำหน้า ทั้งรุ่นพี่ ทั้งรุ่นเดียวกัน นี่ขนาดยังเปิดเทอมมาได้แค่สองเดือนกว่าเองนะ แล้วไหนจะ..."

"บุ๋น" พี่ท๊อปกลับมาเตือนสติพี่บุ๋นอีกรอบ "ใจเย็นครับ แค่การที่น้องสองคนต้องมาสารภาพเรื่องเชิงลึกขนาดนั้นก็แย่พอแล้ว ให้น้องเค้าได้มีโอกาสพูดหน่อย"

"นั่นดิ" คราวนี้เป็นไอ้ต้อมพูดบ้าง มันเข้าสู่โหมดเคร่งขรึมอีกแล้ว มึงอย่ามาต่อยกันในนี้อีกรอบนะ กูไม่ห้ามแล้วนะ "กูนับถือนะที่มึงกล้ารับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำแล้วอ่ะ แต่ก็อย่างที่พี่บุ๋นบอก ถ้าแค่รับผิดชอบแต่ยังเที่ยวทำอะไรกับคนอื่นไปเรื่อยกูก็ไม่โอเคด้วยนะเว้ย"

"ก็ต้องไม่ดิวะ" ไอ้สุ่ยตอบจริงจัง "ไม่งั้นกูจะเรียกมึงกับไอ้ชามาทำไม... แล้วกูก็จะขอบใจมึงเรื่องที่ชกกูด้วย ถึงมึงกับกูจะยังไม่ได้สนิทอะไรกันมาก แต่มึงก็ทำให้กูได้สติ แล้วก็อยากที่จะจริงจังกับใครสักคน บอกตามตรงวะ โดนด่าว่า ไม่เป็นลูกผู้ชาย แม่งโคตรเสียศักดิ์ศรีเลย เอาเป็นว่ากูจะรับผิดชอบในตัวข้าวเจ้าแล้วก็ไปทำเลวกับใครอีกแน่นอน"

"โอเค.... งั้นกูก็ขอโทษเรื่องที่ชกมึงละกัน"

ทั้งสองจับมือกันอย่างกับทำสนธิสัญญาเบาว์ริง นี่พวกมึงคิดว่าตัวเองอยู่บนสนามมวยไทยไฟท์รึไง

"กูจะต้องขอโทษมึงด้วยนะไอ้ชา" คราวนี้ไอ้สุ่ยหันมาหาผม มึงไม่ต้องมาทำท่าไทยไฟท์กับกูนะ กูไม่บ้าจี้ทำตามหรอก

"ขอโทษเรื่องไรวะ" ผมถาม

"ก็เรื่องที่กูทำเกินเลยกว่าการมาส่งข้าวเจ้าไง มึงอุตส่าไว้ใจให้กูมาส่ง ที่สำคัญ ข้าวเจ้าก็เหมือนเพื่อนคนสำคัญของมึงด้วย"

"กูอ่ะ ไม่ได้อะไรหรอก ต้องถามฝั่งไอ้ข้าวมากกว่า ไม่ใช่ว่าพวกเราจะมาตกลงกันท่าเดียวแล้วไม่สนใจความรู้สึกของไอ้ข้าวเลยว่ามันยินยอมพร้อมใจด้วยหรือเปล่า.... ว่าไงอ่ะข้าว มึงจะคุยกับไอ้สุ่ยจริงๆใช่ไหม"

"อ...อืม" ตอบแบบเขินๆ นี่กูไม่ได้มาสู่ขอมึงให้มันนะข้าว ดูละครกันเยอะไปปะเนี่ย

"เออๆ ไงก็คุยกันดีๆละกัน" อ่ะ ผมก็เอากับเค้าซะหน่อย บรรยากาศมันพาไป



"จัดบ้านสวยดีนะ โล่งดี องค์ประกอบสีก็สวย" จู่ๆพี่ท๊อปก็พูดขึ้น สงสัยจะพยายามเปลี่ยนเรื่อง ก็ดีเหมือนกัน คุยกันด้วยเรื่องน่าอึดอัดแบบนี้นานๆก็ชักจะจมแล้ว "บุ๋นไม่ลองจัดแบบนี้บ้างอ่ะ"

"พี่ว่างพี่ก็ทำดิ" พี่บุ๋นตอบทันควัน "แค่สอนลีดทุกวันก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว"

"เหรอครับบบ ล้างจาน ซักผ้า กวาดบ้าน ถูบ้าน พี่ก็ทำให้หมดแล้ว เหนื่อยแย่เลยเนอะ"

"อูววววววววว" ไอ้ต้อมทำเสียงแซว "มีคนแอบว่าอยู่ด้วยกันว่ะ มันยังไงกันน้าาาา"

"มึงแซวกูเหรอไอ้ต้อม" พี่บุ๋นกลับมาโวยวายอีกครั้ง "ไอ้น้ำชา จัดการเพื่อนมึงด้วย บอกมันด้วยว่ากูเป็นรุ่นพี่ แถมยังเป็นรุ่นพี่ลีดมหาลัยด้วย เพื่อนมึงอาจจะตกรอบได้ง่ายๆนะถ้าพูดจาไม่เข้าหูกูอ่ะ"

"ไอ้ต้อม มึงก็พูดดีๆดิ" ผมแสร้งเตือน "พี่เค้าสองคนแค่อยู่ด้วยกันเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรกันซะหน่อย จะไปมีอะไรในก่อไผ่ได้ไงวะ"

"ไอ้น้ำชา" พี่บุ๋นยิ่งฉุนหนักกว่าเดิม "พอเลยๆ ไหนมีอะไรให้กูกินบ้าง เอาออกมาซะทีดิ ลากกูเข้ามาฟังเรื่องอะไรก็ไม่รู้ หิวจนจะฆ่าเด็กปีหนึ่งให้ตายพร้อมกันทีเดียวสองคนได้อยู่แล้วเนีย"

"อ๋อ... กำลังจะทำแล้วครับ" ไอ้ข้าวรีบลุกเดินเข้าไปในครัวทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น

"ให้พี่ช่วยนะ" พี่ท๊อปก็พยายามหนีออกไปจากการแซวนี้

"เปลี่ยนเรื่องๆ" ไอ้ต้อมทำเป็นกระซิบแบบจงใจ

"ยังอีกนะพวกมึง" ก็ตลกดีนะที่เห็นพี่บุ๋นหน้าแดง



หลังจากนั้นพวกเราก็ช่วยกันเตรียมอาหารและสถานที่

ถึงพี่ท๊อปจะพูดว่าโล่ง แต่การมีผู้ชายแปดคนอยู่ในบ้านก็ต้องมีการขยับขยายและเคลื่อนย้ายบางอย่างบ้าง

ส่วนผมเข้ามาช่วยพี่ท๊อปกับไอ้ข้าวเตรียมวัถุดิบสำหรับทำปิ้งย่าง อ่อ ลืมบอกไป เราตกลงว่าจะทำปิ้งย่างกันเพราะเนื้อเหมาะแก่การทำแบบนี้มากกว่า ที่สำคัญก็คือ ที่บอกว่าเคลื่อนย้ายบางอย่างก็คือย้ายโต๊ะเก้าอี้ไปบริเวณหน้าบ้านนั่นเอง จะได้ไม่เหม็นกลิ่นควันติดในบ้าน

หลังจากที่หั่นเนื้อสัตว์จนเสร็จ พี่ท๊อปกับไอ้ข้าวก็มาช่วยกันล้างผัก สองคนนี้ดูจะเก่งในเรื่องงานครัวไม่ใช่ย่อยเลย แต่ในหัวผมอ่ะ ไม่ได้คิดจะชื่นชมสองคนนี้หรอก เพราะผมกำลังนึกแผนชั่วบางอย่างอยู่



"พี่ท๊อปกับข้าวเจ้านี่ดูเข้ากั๊นเข้ากันเนาะ ทำอาหารเก่งทั้งคู่เลย ดูกระหนุงกระหนิงดีจัง" ผมพูดคล้ายว่าตะโกน

หลังจากนั้นก็รอ...



"มีไรให้ช่วยป่ะ"

นี่ถ้าผมเป็นหน่วยวางแผนรบให้อเมริกาสมัยสองครามโลกครั้งที่สองนะ อัลเบิร์ต  ไอน์สไตน์ไม่ได้เกิดหรอก ก็ดูดิ หลังจากตะโกนล่อเหยื่อไปไม่ถึงสิบวินาที พี่บุ๋นก็รีบวิ่งแจ้นเข้ามาในครัวเลย เร็วอย่างกับจรวด

"เข้ามาทำไมอ่ะพี่บุ๋น ครัวมันแคบ" เล่นต่อซะหน่อยดีกว่ากู

"ก...กูหิวอ่ะ ทำไม่เสร็จซะที" ดูการใช้ข้ออ้างของพี่แกดิ เข้าใจแล้วว่าพี่ท๊อปชอบพี่บุ๋นตรงไหน ไอ้อาการปากแข็งแต่ปิดไม่มิดนี่แหละ เสน่ห์ของเค้าเลย "มึงอ่ะ ไม่ได้ทำไร ออกไปได้แล้ว"

"ใครบอก ผมกำลังผสมน้ำจิ้มอยู่ ไม่เห็นเหรอพี่"

"เอามาๆ กูทำเอง มึงออกไปเลยไป... ออกไปดิ มึงทำช้าอ่ะ" หราาาาาา นี่ถ้าเป็นไอ้ต้อมจะตบให้เกรียนแตกเลย ทำเป็นเนียน หึงพี่ท๊อปก็บอกมาเหอะ "เอ่อ... ให้ช่วยไหม เดี๋ยวพี่ล้างให้ก็ได้ ข้าวเจ้าไปทำอย่างอื่นเหอะ" นั่นไง เข้าไปแทรกคนเค้ากำลังทำงาน ทิ้งน้ำจิ้มกูเฉยเลย



"บุ๋นเด็ดใบมันออกมาล้างซิครับ ผักกาดขาวล้างแบบนั้นได้ไง"

"ก็สอนบุ๋นทำดิ... เด็ดแบบนี้อะเหรอ"

"ครับ เบาๆมือหน่อย เดี๋ยวช้ำ"

พี่ท๊อปกำลังสอนพี่บุ๋นทำงานครัว ช่างเป็นภาพที่น่ารักจริงๆ

แล้วกูเป็นไรเนีย มายืนเกาะประตูครัวดูคนอื่นเขาอยู่ได้



"ชา ถืออันนี้ออกไปให้หน่อยเสร็จแล้ว" ไอ้ข้าวส่งหมูและเนื้อสไลด์มาให้ผม

"โห น่ากินจัง" อย่างกับออกมาจากร้านอาหารเลย

"กินดิบได้ที่ไหนล่ะ"

"แค่นี้ก็น่ากินแล้ว มึงนี่เก่งเนาะ วันหลังสอนทำอาหารให้บ้างดิ"

"ได้ดิ มาที่นี่บ่อยๆก็ได้ เดี๋ยวสอนให้"

"ทำพวก... ขนมไทยจากใบตองอะไรแบบนี้เป็นไหม"

"ก็พอได้นะ"

"อะแฮ่ม" กระแอมทำไมพี่บุ๋น "พี่ท๊อปรู้ป่ะว่าไอ้ตองอ่ะมันชอบกินขนมไทยที่ทำมาจากใบตองมากเลยนะ" อ่อ กูเข้าใจจุดประสงค์แล้ว จะแซวกูนี่เอง

"ไม่รู้ครับ" พี่ท๊อปตอบ "แล้วบุ๋นรู้ไหมครับว่าพี่ชอบทานอะไร"

"เอ่อ....................."

ผมไม่เกี่ยวนะพี่บุ๋น ออกไปดีกว่ากู บรรยากาศแอบคุกรุ่นยังไงก็ไม่รู้





ได้เวลาอาหารเที่ยงซะที รอจนเกือบบ่ายสองเลย

ปิ้งย่างฝีมือเซฟมือทองอย่างพี่ท๊อปและไอ้ข้าว ไม่ทำให้ใครผิดหวังเลยจริงๆ กินกันจนลืมพุงกลางทุกคนเลย







"ขอบใจมากนะเพื่อน ไว้วันหลังเดี๋ยวกูเลี้ยงคืน" ไอ้ต้อมกล่าวลางานเลี้ยงชั่วคราวเมื่อทุกอย่างถูกจัดการจนเรียบร้อย จริงๆก็เป็นพี่ท๊อปกับไอ้ข้าวซะมากว่าที่จัดการ สมกับเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนกันจริงๆ

"เออๆ ครั้งหน้าเอาชาบูนะ" ไอ้สุ่ยแกล้งพูด

"ได้ดิ แต่กูกับน้ำขิงทำอาหารไม่เป็นนะ"

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้ข้าวเจ้าทำให้ก็ได้ มึงจ่ายตังก็พอ"

"เออๆ... ว่าแต่ มึงเตะบอลป่ะ"

"เตะดิ"

"เออ ดีเลย ว่างๆพากูไปเตะมั้ง เด็กคณะกูไม่ค่อยเล่นบอลกันเลย หาเพื่อนไม่ค่อยได้"

"พอดีเลย มีสนามหญ้าเทียมของคนที่กูรู้จักอยู่ใกล้ๆนี่เอง มีก๊วนพร้อม ราคากันเอง แต่อันนี้ใครจ่ายวะ"

"บ้างะ แชร์ดิ ฮ่าๆๆ"

หัวเราะกันใหญ่ นี่พวกมึงไปสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบครับ ไม่ยักรู้ว่าการโดนต่อยแล้วพามาเลี้ยงอาหารจะทำให้คนสนิทกันเร็วขนาดนี้ เดี๋ยววันหลังกูจำไปใช้บ้าง แต่กูขอเป็นคนต่อยนะ

"พี่ท๊อป หวัดดีครับ" ไอ้ต้อมหันมาลารุ่นพี่บ้าง

"หวัดดี" พี่ท๊อปตอบ

"ฝีมือการทำอาหารของพี่สุดยอดมากครับ" ไอ้ต้อมชม "แต่พี่จะพ่อบ้านที่สมบูรณ์แบบกว่านี้ถ้าได้ครองทั้งใจและกายของแม่บ้านนะพี่" ช่างเสี้ยมจริงนะมึง อาศัยพูดจังหวะที่พี่บุ๋นไม่ได้อยู่ตรงนี้ "ผมไปละนะ หวัดดีทุกคนครับ"

"........" พี่ท๊อปยืนหน้านิ่งไร้อารมณ์ ทำตัวเป็นโอปป้ากลางหิมะไปได้



"ไม่ต้องคิดมากหรอกครับพี่ท๊อป" ผมตัดสินจเดินเข้าไปคุยกับพี่ท๊อปเงียบๆ เพราะตอนนี้พี่ตองกับพี่บุ๋นช่วยกันเก็บจานอยู่ในครัว

"ครับ?"

"ก็เรื่องที่ไอ้ต้อมพูดไงพี่ คนจะรักกันไม่ได้วัดกันที่เรื่องแบบนั้นหรอกครับ"

"อ๋อ... เรื่องนั้นพี่รู้ครับ เพียงแต่... พี่ก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่ามันจะพัฒนาไปถึงไหน พี่ไม่ได้ห่วงว่าใครจะว่าพี่เป็นไก่อ่อนหรอกนะ แต่ถึงยังไง เรื่องสัมพันธ์ทางกายมันก็เป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่าบุ๋นยอมรับในตัวพี่แล้ว" ผมคิดว่าผมพอจะเข้าใจนะ ในบรรดาทั้งหมดในวันนี้ พี่ท๊อปคือคนที่ใช้เวลาในการพิสูจน์ตัวเองมากที่สุด แต่ก็ได้รับการตอบรับน้อยที่สุดเหมือนกัน แต่เรื่องแบบนี้จะไปแนะนำยังไงได้ล่ะ

ผมก็ทำได้แค่ยิ้มให้



"กลับกันหรือยังชา" พี่ตองออกมาแล้ว

"ครับ" ผมตอบ

"ขอบคุณที่มาวันนี้นะครับพี่ตอง" ไอ้ข้าวรีบพูด "ขอบใจนะชา"

"ไงก็เจอกันพรุ่งนี้นะ" พี่ตองเอ่ย "เจอกัน หวัดดีครับพี่ท๊อป"

"หวัดดีๆ"



แล้วเราทุกคนก็แยกย้ายจากกันไป





"ชาแน่ใจนะว่าจะไปไม่หาอะไรกินเป็นพิเศษอีกแล้ว" ไอ้พี่ตองถามผมเป็นรอบที่ร้อยตั้งแต่ออกจากบ้านเช่าของไอ้ข้าวจนมาถึงคอนโดฯ "พี่อยากให้ชารู้จริงๆนะว่าพี่ให้ความสำคัญกับแปดปีที่เราได้พบกัน"

"ไม่ต้องแล้วววว" ผมเริ่มจะรำคาญที่จะต้องตอบแล้ว "อิ่มจนท้องจะแตกอยู่แล้วเนี่ย"

"อยากได้ของขวัญอะไรไหม? นาฬิกา ดอกไม้ เกมส์..."

"ไม่เอาาาา" เห้อ พูดไม่รู้เรื่องหรือไง "ถ้าว่างมาคิดเรื่องไร้สาระมากก็ไปอ่านหนังสือเลยไป"

"ก็ได้..."

กูพูดแรงไปเปล่าหว่า หน้าเจื่อนเลย

นี่อย่าบอกนะว่าซีเรียสกับวันครบรอบจริงๆอ่ะ



ผมหันไปมองภาพข่าวในกรอบรูปที่วางอยู่ใกล้ๆ เนื่องจากตอนนี้ผมกำลังนั่งทำรายงานวิชาฟิสิกส์อยู่ มันวางอยู่ตรงนี้พอดี

เด็กชายสองคนพยายามมองหน้ากันผ่านความวุ่นวายของผู้คนในภาพ

แปดปีเต็มแล้วจริงๆเหรอที่เราได้พบกับพี่เค้าครั้งแรก

หนึ่งปีแรกสำหรับการตามหาว่าเขาเป็นใคร เรียนอยู่ที่ไหน

หนึ่งปีต่อมาสำหรับการเกลี่ยกล่อมให้ลูกพี่ลูกน้องไปเรียนที่เดียวกันกับเขา

สามปีในการพยายามอยากหนักเพื่อเพิ่มพูนทักษะต่างๆให้มีเหมือนคนที่เราชื่นชอบ และเริ่มสะกดคำว่าคู่แข่งโดยไม่รู้ตัว

และอีกสามปีในช่วงชีวิตมอปลายที่แอบทำการบ้านให้คนสมองทึบผู้ไม่เอาไหนในวิชาเลข

ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะผ่านเรื่องราวมากมายมาถึงแปดปีแล้วจริงๆ

ถ้าเกิดไม่ใช่พี่ตองที่มาช่วยเราไว้ เรื่องทุกอย่างจะเป็นแบบนี้หรือเปล่านะ? หรือถ้าไม่มีใครมาช่วยเราไว้ล่ะ เราก็คง... หมดโอกาสที่จะใช้ชีวิต



"พี่ตอง" ในที่สุดผมก็เรียก

"ครับ" ไอ้หัวสกินเฮดหันหน้ามาหาผมจากการอ่านหนังสืออยู่เงียบๆบนเตียง

"เรื่องของขวัญหรือไปเที่ยวอ่ะ ชาไม่อยากได้จริงๆ"

"คร้าบบบ พี่เข้าใจแล้ว"

"แต่ว่า..." ผมวางปากกาและทิ้งตัวลงไปนอนข้างๆคนตัวใหญ่ พร้อมกับใช้แขนเล็กๆของตัวเองโอบรัดเอาความอบอุ่นเข้ามา

"เอ่อ... มีอะไรครับ"

"ที่บอกว่าไม่อยากได้อะไรอ่ะ ก็เพราะว่ามันไม่ใช่วันที่พี่ต้องมาทำอะไรดีๆให้ชา ชาต่างหากที่ต้องทำเรื่องดีๆให้พี่ตอง เพราะพี่ช่วยชีวิตชาไว้นะ"

"ใครว่าล่ะ ก็บอกแล้วไง..."

"ฟังก่อนดิ"

"ค...ครับ"

"ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ชาเฝ้ามองพี่ตองและพยายามเข้าหาอยู่ตลอด แต่เพราะมันใช้เวลานานมาก นานจนชาเกือบลืมไปแล้วว่า ที่จริงแล้วชาทำทุกอย่างนี้เพื่ออะไร...ก็เพื่อในที่สุดชาอยากจะบอกกับพี่ด้วยตัวเองให้ได้ว่า.....ขอบคุณ....







........ขอบคุณนะที่ช่วยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยกัน"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:28:25 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
ผ่านไปด้วยดีอีกคู่แล้ว

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สุ่ย ข้าว เข้าใจกันแล้ว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
สุ่ย รับผิดชอบ และเลิกทำตัวเป็นคุณชายเจ้าสำราญ

บุ๋น หวานๆกับพี่ท๊อป เอาใจหน่อยนะ
ดูท่าพี่ท๊อปจะน้อยใจๆ บุ๋น
น้ำชาต้องใช้แผนช่วยเร่งความรักได้และ  :o8: :-[ :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ขอแก้ที่ผิดนะ
โดนเด็กใหม่มันแทรกหน้า ------ แซง
หัวเราะต่อกระซิบ ------  กระซิก

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​​ตอนที่ 43 : กลยุทธ







"ป้าคะ ขอน้ำหวานให้หนูสองแก้วค่ะ ไม่เอาๆ เอามาสามเลยค่ะ" อิช้างเจสซี่กำลังเล่นใหญ่อยู่ในโรงอาหารภาควิชาคณิตศาสตร์

"สี่ดิมึง กูด้วย" ผมรีบทักท้วง

"อันนี้ของกูคนเดียว มึงสั่งกันเองดิ" อิเวรเอ๊ย เออ กูสั่งเองก็ได้

"ป้าครับ ขอชาเย็นแก้วนึงครับ แล้วก็... เล็ก วาวา เอาไร" ผมหันไปถามอีกสองคน

"กูเอาน้ำเขียวละกัน" "ชาเขียว" มันสองคนตอบ

"น้ำเขียวกับชาเขียวเพิ่มอีกอย่างละแก้วครับ" ผมสั่ง

"ป้าค่ะ ขอหนูหนึ่งแก้วของหนูก่อน หนูไม่ไหวแล้ว" อิเจสซี่ยังคงเล่นใหญ่ โชคดีนะที่แม่ค้าใจดี ถ้าเป็นผมนะ จะสาดมันด้วยน้ำหวานนี่แหละ แล้วนั่นมึงดูดน้ำหรือสูบน้ำกันแน่ จะกระหายอะไรขนาดนั้น "ชื่นนนนใจ"

"เว้อไปอิช้าง แค่เรียนทั้งวันจะเป็นจะตาย" วาวาด่า

"ก็กูใช้พลังงานเยอะ มึงเข้าใจป่ะ" อิช้างบ่น "กูไปนั่งรอตรงโน้นนะ"

"ไปพร้อมกันดิมึง"

"ช่างมันเหอะวาวา" ผมบอก ซึ่งมันก็ไม่ได้สนใจอะไร เดินบิดสะโพกอันเท่ากะละมังไปนั่งรอที่โต๊ะแล้ว "มึงสองคนไปนั่งรอกับมันเหอะ เดี๋ยวกูยกน้ำไปให้ กูกลัวว่าจะตกมันแล้วไม่มีใครดูแล... ไม่ต้องๆ ​เดี๋ยวกูจ่ายให้ ไปเหอะ"

"เออๆ โอเคมึง"

แล้วผมก็ยืนรออยู่หน้าร้านเครื่องดื่มคนเดียว



"​มึง​"

"เห้ย!" ตกใจหมดเลย ใครวะ "อ้าว ข้าว มาคณะวิทย์ได้ยังไงเนีย"

"สุ่ยไปรับมา" ไอ้ข้าวยิ้ม เดี๋ยวนะ นี่มึงเพิ่งจะเริ่มคบหากันเอง ถึงขั้นไปรับไปส่งกันแล้วเหรอ

"แล้วไอ้สุ่ยอยู่ไหนอ่ะ"

"โน่นไง คุยกับเจสอยู่"

"ห๊ะ? ล...แล้วมันจะไม่โดนอิเจสซี่เอางวงฟาดเหรอ"

"ไม่หรอก สุ่ยมาชวนเจสไปกินข้าวที่บ้าน"

"ห๊ะ" กินอีกแล้วเหรอ

"รู้ไหมว่าถ้ากูพูด ห๊ะ ​บ่อยๆ ก็จะโดนสุ่ยบ่นว่า จะสงสัยอะไรนักหนา"

"แหมมมม มึงนี่ก็หวานกันจังนะ เพิ่งคบกันได้แค่สองวันเองมั้ง"

"หวานอะไร ก็พูดตามความจริง สุ่ยมันชอบพูดแบบนี้จริงๆอ่ะ"

"เออๆ กูไม่เถียงมึงละ... แล้วไอ้สุ่ยมาชวนอิเจสซี่ไปกินข้าวทำไมอ่ะ"

"ก็คงอยากเคลียร์กับทุกคนมั้ง จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องการคบกัน" เออ กูยอมมึงละ พูดเรื่องแบบนี้ได้หน้าตาเฉยมากเลย ไม่เขินบ้างหรือไงวะ "ว่าแต่... พี่ตองไปไหนอ่ะ เลิกเรียนแล้วยังไม่มารับอีกเหรอ"

"ก็วันนี้เรียนทั้งวัน แล้วก็มีถ่ายแบบในเมืองต่อด้วย เดี๋ยวเพื่อนพี่ตองก็มารับ เพราะว่าต้องไปติวต่อ"

"อ๋อ"



"น้ำได้แล้วลูก" แม่ค้าเรียก

"นี่ครับ" ผมยื่นเงินให้แล้วก็รับน้ำมา

"มาๆ เดี๋ยวกูช่วย" ไอ้ข้าวอาสา

"โอเค งั้นมึงหยิบสองแก้วนี้" จากนั้นเราก็เดินถือน้ำเพื่อตรงไปที่โต๊ะของพวกอิช้าง

"แล้วเรียนเป็นไงบ้างอ่ะ" ไอ้ข้าวถามระหว่างเดิน

"ก็หนักอยู่อ่ะ เพิ่งรู้ว่าเรียนทั้งวันมันรู้สึกยังไง" ผมตอบ "ทั้งๆที่ตอนมัธยมก็เรียนทั้งวันนะ แต่ทำไมไม่รู้สึกว่ามันหนักแบบนี้"

"นั่นดิ.... แต่ก็ว่าอยู่แล้วเชียวว่ามันแปลกๆ อยู่ดีๆ เมื่อวานพวกพี่ลีดมอก็ให้พัก ที่ไหนได้ ต้องมาเรียนเช้ายันเย็นถึงวันศุกร์เลย"

"ก็อาทิตย์หน้าต้องซ้อมเต็มวันนี่นา ตารางเรียนของอาทิตย์หน้าก็เลยมายัดใส่อาทิตย์นี้หมดเลย"

"ก็ใช่ แต่เราต้องผ่านเข้ารอบก่อนนี่ซิ ไม่รู้ว่าศุกร์นี้ผลจะออกมาเป็นยังไง พอไม่ได้ซ้อมแล้วมันดูไม่มั่นใจยังไงไม่รู้"

"พูดแบบนี้แปลว่าอยากซ้อมเหรอ"

"ม่ายยยอ่ะ ขอเลือกเรียนดีกว่า ซ้อมลีดเหนื่อยจะตาย ใครไม่ได้เป็นไม่เข้าใจหรอก"

"คิดเหมือนกันเลย"



"​แหมมมมมมม​ เข้ากันเป็นพระมเหสีกับซังกุงเชียวนะ" อิช้างแซวผมทันทีที่มาถึงโต๊ะ ก่อนจะหันไปทำหน้าจริงจังใส่ไอ้ข้าว "แล้วยังไงข้าวเจ้า สรุปคือจะคบกับสุ่ยจริงๆเหรอ"

ไอ้ข้าวพยักหน้าทันที มันก็ยังเป็นคนไม่รู้จักอายเช่นเดิม

"แน่ใจนะ ว่าจะไม่เดินร้องไห้กลับบ้านอีกอ่ะ"

"เดินร้องไห้เลยเหรอ!?" ไอ้สุ่ยดูจะตกใจ ผมก็แอบตกใจนิดๆนะ รู้แต่ว่าร้องไห้ ไม่รู้ว่าจะดราม่าหนักขนาดนั้น

"ก็ใช่นะซิ" อิเจสซี่ดูจะยังไม่สนับสนุนการคบหากันของสองคนนี้เท่าไหร่

"โห่ เออ ขอโทษ" ไอ้สุ่ยรีบแก้ตัว "วันหลังไม่ทำให้ข้าวเจ้าร้องไห้แล้วแน่นอน สาบานเลย นะนะนะ ไม่กินข้าวที่บ้านกัน" โอ้โหไอ้สุ่ย ไม่ทิ้งลายจอมหว่านเสน่ห์เลยนะมึง มีการเอามือไปจับมืออิเจสซี่ด้วย

โดนผู้ชายหล่อๆมาจับมือและพูดหวานๆใส่แบบนี้ อิช้างไม่มีทางรอดหรอก

"ไม่รู้เหมือนกัน ขอคิดดูก่อน" อิตอแหลเอ๊ย กูอยากจะด่าจริงๆ ทำเป็นวางท่านะมึง "ต้องถามอิชาก่อนว่าไปได้ไหม วันนี้มีติวให้พี่วิศวะ"

"ไปไม่ได้หรอกมึง เรื่องติวสำคัญมาก ให้อิเล็กกับวาวาไปแทนละกัน กูไม่มีคนช่วยเลยอ่ะ ขิงก็ไม่มา" มึงต้องเจอกูเล่นไม่นี้ อิช้าง ดูซิจะยังวางท่าอีกไหม

"ไม่ได้เลยเหรอวะไอ้ชา กูอุตส่าว่าจะไปเหมาซื้อของทะเลมาซะหน่อย" ไอ้สุ่ยเริ่มเป็นเดือดเป็นร้อนบ้าง กูกำลังแกล้งอิช้างอยู่ มึงดูไม่ออกรึไง

"ร..เหรอ" อิเจสซี่เริ่มหน้าเสีย คนที่เห็นของกินสำคัญกว่าทุกสิ่งอย่างมึง ได้ยินแบบนี้ก็คงกำลังสำนึกผิดที่ทำเป็นหยิ่งไปเมื่อกี๊ละซิ "ไปแป๊บนึงก็ไม่ได้เหรอมึง"

"แต่พี่เติ้ลออกปากว่าต้องให้มึงไปเป็นคนอธิบายเลยนะเว้ย เข้าใจสถานการณ์เนาะ" ฮ่าๆๆๆ ตลกจังที่แกล้งอิช้างได้

"อ...อืม งั้นก็ได้ ถ้าอิชาว่างั้นก็คงไปไม่ได้อ่ะ อิเล็ก อิวาวา กินเผื่อกูด้วยนะ" ดูหน้ามัน จะร้องไห้อยู่แล้ว

"กูล้อเล่น" ผมเฉลย "มึงไปเหอะ พวกมึงไปกันให้หมดทั้งสามคนนี่แหละ กูสอนได้อยู่แล้ว สบายมาก"

"จริงนะ?" ผมพยักหน้ายิ้มๆ แล้วมันก็กลับไปทำหน้าเย่อหยิ่งอีกครั้ง "นี่เพราะอิชาบอกให้ไปหรอกนะ ก็ไม่ได้อยากไปเท่าไหร่หรอก" หราาาาาาาา ​เดี๋ยวกูก็ไม่ให้ไปจริงๆซะเลย



"แต่กูอยากไปช่วยอิชาสอนอะมึง" วาวาแทรกขึ้นมา

"ทำไมอ่ะ ไปด้วยกันได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ" ไอ้สุ่ยยังคงพยายามทำให้ดีที่สุด

"เปล่า ไม่ใช่อย่างงั้น" วาวากำลังจะอธิบาย "คือช่วงนี้ชามันทำหลายอย่างอ่ะ ตารางอาทิตย์นี้ก็ปรับมาเรียนทั้งวัน ไหนจะไปช่วยงานโรงบาล ไหนจะไปติวให้พวกพี่วิศวะ ตอนกลางวันก็ยังจะไปขอห้องซ้อมเต้นอีก กูเป็นห่วงมันอ่ะ"

"เออ จิงด้วยว่ะ" อิเล็กเสริม

"จะบ้าเหรอ กูไม่เป็นไรหรอก" ผมรีบบอก "กูก็ทำมาตั้งนานแล้วป่ะ แล้วนี่มันก็แค่เรื่องสอน กูทำเป็นประจำอยู่แล้ว พวกมึงไปเหอะ ที่สำคัญนะ ถ้าพวกมึงหายหน้าหายตาไปบ้าง อาจจะมีพี่วิศวะบางคนคิดถึงพวกมึงก็ได้นะ เชื่อกูดิ" คือผมไม่ได้จะห้ามอะไรพวกมันหรอกนะ แต่ผมอยากให้พวกมันทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง ก็ตั้งแต่รู้จักกันมา พวกมันแทบจะเป็นมือเป็นเท้าให้ผมตลอดเลย ยอมรับเลยนะว่าเลือกเพื่อนไม่ผิด ถึงพวกมันจะทำอะไรโอเว้อร์ไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นกัลยาณมิตร บุคคลหาได้ยากแปดประการ(กูเองก็เว้อร์เหมือนกันเนาะ)

"จริงเหรอ​" หลอกง่ายแท้อิเล็ก "เออ กูหายไปซักวันบ้างดีกว่า เผื่อผู้จะคิดถึงกู จะได้มีผู้กับเขาบ้าง ดูซิเนี่ย ผู้ดีๆก็กินกันเองไปอีกสองคนแล้ว"

"ก็มึงไม่แซ่บอ่ะ" อิช้างพูดขึ้น

"มึงกับกูก็พอกันนั่นแหละอิช้าง อย่ามาทำเป็นชูคอ สุ่ยมาอ้อดอ้อนมึงก็เพราะเค้ามาขอเพื่อนมึงเป็นแฟนหรอก"

"พออออออ" ผมรีบห้าม "ทะเลาะกันโชว์คนอื่นอีกแล้วพวกมึงนิ"

"งั้นสรุปว่าไปนะ" ไอ้สุ่ยเช็คเพื่อความมั่นใจ



​.........จากวันที่เธอได้เดินผ่านไปก่อน.............

​หึ! เสียงเพลงมาจากไหน



"คลิปโปรโมทของตัวแทนลีดฉายอีกแล้ว" วาวาร้องบอกพร้อมชี้นิ้วไปที่ทีวี

อ๋อ คลิปโปรโมทนี่เอง

ผมเพิ่งจะได้ดูวันนี้นี่เอง ทั้งๆที่ปล่อยออกมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

ภาพสวยอลังการมากเลย อย่างกับโปรดักชั่นมาจากทีมงานมืออาชีพ

ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าความสำคัญของการยืนแถวหน้าคืออะไร ก็เพราะไม่ว่าจะแพลนกล้องไปทางไหน ก็จะเห็นแต่หน้าของผมอยู่แทบจะตลอดเวลาเลย ส่วนคนอื่นก็ไม่น้อยหน้านะ อย่างเกตุกับไอ้ต้อมที่อยู่แถวหน้าด้วยกัน หรือไอ้สุ่ยที่ออกน้อยลงมาหน่อยเพราะอยู่ริมสุดของแถวแรก แต่คนที่ได้ประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อก็คือไอ้ข้าว เพราะถึงแม้มันจะยืนแถวสองแต่ก็อยู่ข้างหลังผมพอดี เรียกได้ว่า ถ้าเห็นหน้าผมเมื่อไหร่ก็จะเห็นหน้าไอ้ข้าวเมื่อนั้น



​You are my leader always........



"ดูกี่ทีก็ตื่นเต้นเนาะ" อิเจสซี่เอ่ยเมื่อเพลงจบลง "แต่อิชากับข้าวเจ้านี่ยังกับก๊อบปี้โชว์เลย ไลน์เต้นเหมือนกันอย่างกับแกะ แถมยังยืนใกล้กันอีก"

"แล้วมันดีหรือไม่ดีอ่ะ" ไอ้ข้าวถามอย่างไคร่รู้

"ก็ไม่รู้ว่าดีหรือเปล่า แต่ว่า..." วาวาแทรก แล้วหยิบมือถือออกตัวเองออกมาให้ดูบางอย่าง "ยอดกดไลค์ของข้าวเจ้าสูงพอๆกับของมึงเลยนะอิชา"

"จริงดิ" ไอ้ข้าวท่าทางดีใจ

"แล้วไอ้ที่สูงนี่คือสูงแค่ไหนวะ" ผมถาม คือผมอยากรู้ว่ายอดคะแนนมันมากพอที่จะทำให้ผมผ่านเข้ารอบไหม

"ตอนนี้ก็น่าจะยังอยู่อันดับต้นๆนะ" วาวาบอก "แต่คนมันเยอะอ่ะ เช็คไม่ครบซะที คะแนนมันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด"

"เออ แต่กูเห็นคลิปที่พวกมึงไปช่วยงานที่โรงบาลแล้วนะ" อิเล็กเสริม "ช่องเพิ่งฉายไปเมื่อกลางวันนี้เอง เห็นว่ากระแสดีอยู่ คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง คลิปโปรโมทมึงก็อยู่แถวหน้า ชื่อเสียงก็พอจะมีอยู่บ้าง คงไม่หลุดโผหรอก"

"ไม่แน่นะมึง" ไม่แน่อะไรอ่ะวาวา ทำไมพูดงั้นล่ะ "ดูนี่ดิ" โทรศัพท์ถูกแสดงภาพอีกครั้ง

นี่มันลีดคณะแพทย์นี่นา คนที่เป็นเดือนคณะ กำลังทำอะไรอ่ะ มีหุ่นโมเดลแบบจำแนกอวัยวะของมนุษย์ด้วย

"คนนี้คือลีดแพทย์ รู้จักใช่ไหม" วาวาว่าต่อ "เป็นเดือนคณะด้วย แต่เค้าไม่ได้แค่หล่ออย่างเดียวนะ ฉลาดด้วย เค้าทำให้ตัวเองอยู่ในกระแสตลอดด้วยการไลฟ์สดผ่านเฟสบุ๊ค สอนเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์แล้วก็การดูแลร่างกายอะไรพวกนี้แหละ ทำมาตั้งแต่วันศุกร์แล้วด้วย ซึ่งประเด็นก็คือ มีข่าวมาว่า คนนี้มียอดคนกดไลค์ในเพจของมหาลัยเป็นหนึ่งในห้าแล้วนะ ทั้งๆที่ไม่ได้ยืนอยู่แถวหน้าด้วยซ้ำ"

"จริงดิ" อิเล็กร้อง "แต่ก็ไม่แปลกเปล่าวะ ถ้าจะมาพึ่งพาแค่คลิปโปรโมทอย่างเดียวก็คงเหมือนเสี่ยงดวงมากเกินอ่ะ ลีดมีเป็นร้อยๆคน ใครมันจะไปจำได้วะ ทำแบบนี้ซิดี คนจะได้จำได้ กูว่านะ เดี๋ยวก็ต้องมีลีดคนอื่นๆทำตามกันเป็นทิวแถว คราวนี้แหละมึงเอ๊ย สงครามโซเชียลค่ะ"

"เม่นอย่างกับตาเห็น" วาวาร้อง "ดูนี่ดิ"

เห้ยยยยย นั่นเกตุนี่นา ขนาดเกตุที่ได้แอร์ไทม์เยอะขนาดนั้นยังต้องมาไลฟ์เต้นโชว์เลยเหรอ แต่อันนี้ไม่น่าจะเป็นเต้นธรรมดานะ คงเป็นการเต้นในสายอื่นๆ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าน่าสนใจมากทีเดียว

"ตายแล้วววว อิชา" คราวนี้ถึงคิวของอิช้างเจสซี่ร้องบ้าง "มึงจะมานิ่งเฉยอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้วนะ ขืนมึงไม่ทำอะไรบ้าง เดี๋ยวก็โดนลีดโนเนมคนอื่นแซงหน้าไปหมดหรอก แล้วอนาคตผู้จัดการลีดอันดับหนึ่งของกูล่ะ ไม่ได้ๆ ​มึงมาเลย มึงมาไลฟ์เดี๋ยวนี้แหละ"

"จะบ้าหรือไงอิช้าง" ผมรีบท้วง มึงก็กระต่ายตื่นตูมเกินไป "ไลฟ์โดยไม่มีเนื้อหาสาระอะไรเลยเนี่ยนะ คิดก่อนไหมว่ากูต้องพูดต้องทำอะไร กูไม่เคยเล่นอะไรพวกนี้นะ ขืนทำอะไรไม่วางแผน เดี๋ยวก็จะกลายเป็นแย่กว่าเดิมหรอก"

"เออ... มึงก็พูดถูก" อิเจสซี่เห็นด้วย "งั้นมึงก็ติวคณิตโชว์ไปเลย"

"โอ๊ยอินี่" อิเล็กขัด "นอกจากคนจะไม่มากดไลค์รูปให้อิชาแล้ว อาจจะโดนบล็อกด้วยซ้ำ มึงจะบ้าเหรอ คนทั่วไปเค้าจะอยากมานั่งฟังเรื่องวิชาการยากๆเบอร์นั้นไหม"

"แล้วจะให้ทำอะไรล่ะ"

"อิชาถึงต้องบอกให้คิดก่อนไง"

"อืม..... งั้นกูขอกินน้ำอีกแก้วนึงก่อน เติมน้ำตาลให้สมองเผื่อจะคิดอะไรออก"



"นี่ๆ ลืมอะไรไปหรือเปล่า" ไอ้ข้าวแทรกขึ้นมา

"อะไรอ่ะ?" ผมสงสัย

"กูเป็นแอดมินเพจ Love Leader Fan Team นะ"

อืม "รู้แล้ว แล้วทำไม?"

"นี่แสดงว่ามึงไม่เคยเข้าไปดูในเพจเลยใช่ไหม" ไอ้ข้าวถอนหายใจใส่ผมก่อนจะหยิบมือถือออกมาให้ดู "ดูนี่ คนกดไลค์เพจทะลุห้าหมื่อคนไปแล้ว ทำไมไม่ใช่ประโยชน์จากตรงนี้ล่ะ แค่ชวนคนในนี้ทั้งหมดได้ มึงก็ชนะแบบไม่ต้องสงสัยแล้ว"

"​กูนึกออกแล้ว" อิช้างตีโต๊ะ

"นึกออกอะไรของมึง" ตกใจหมดเลย

"ไหนๆมึงก็มีคนชื่นชอบอยู่แล้วตั้งมากมายขนาดนี้ มึงก็แค่อัดวิดีโอหรือลงภาพโมเม้นน่ารักๆของมึงกับพี่ตองไง"

"ไม่เอาาาา​" ไม่เคยคิดเลยว่าตัวผมจะสามารถปฏิเสธอะไรได้รวดเร็วขนาดนี้

"ทำไมอ่ะ ก็เพจนี้มันเป็นเพจที่เค้าจิ้นพวกนายแบบปฏิทินไม่ใช่เหรอ มึงลงรูปคู่กับพี่ตองก็ดึงกระแสได้ดีจะตาย"

"ม่ายยยย" กูปฏิเสธหัวชนฝาเลย "กูอาย"

"อายอะไรวะ อายที่มีพี่ตองเป็นแฟนเนี่ยนะ ใครๆเค้าก็อยากได้ผู้หล่อๆแซ่บๆแบบพี่ตองเป็นสามีทั้งนั้นแหละ กูยังอยากได้เลย"

"​อิช้าง​" มึงบังอาจพูดแบบนี้ต่อหน้ากูเลยเหรอ

"ทีอย่างงี้ละมาทำหึงหวง มึงลงๆไปเหอะน่า"

"กูเห็นด้วยนะเว้ยชา" ไอ้สุ่ย มึงไม่ต้องมาสนับสนุนเลยนะ "นี่กูก็กำลังคิดอยู่เลยว่ากูอยากทำไลฟ์คู่กับข้าวเจ้า แบบว่า เป็นลูกมือช่วยทำอาหารอะไรอย่างงี้อ่ะ แต่เราก็ไม่ได้ไปประกาศปาวๆซะหน่อยว่าเป็นแฟนกัน กูว่าดีนะ ​*ข้าวเจ้าว่าไง ดีไหม?*"

"แล้วแต่สุ่ยอ่ะ" เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะ ต้องให้กูเตือนความจำไหมว่าพวกมึงเพิ่งจะคบกันได้แค่สองวัน "มึงทำเหอะชา พี่ตองต้องดีใจแน่เลย เอาจริงๆนะ นอกจากภาพจากปฏิทินเซ็ตที่มีปล่อยออกมานิดๆหน่อยๆ ก็ไม่เคยเห็นมึงกับพี่ตองลงรูปคู่กันเลยซักครั้ง พวกลูกเพจอยากเห็นจะแย่อยู่แล้ว ไม่เชื่อลองเข้าไปอ่านดิ"

"......" ผมก็ยังไม่เห็นด้วยอยู่ดี

"เอางี้ งั้นก็ค่อยๆไลฟ์กิจวัตรประจำวันไปก่อนก็ได้ เรื่องที่มึงทำก็น่าสนใจหลายอย่างนะ ทั้งที่ไปช่วยงานที่โรงพยาบาล เรื่องติว แล้วก็ค่อยๆแทรกกิจวัตรที่ทำกับพี่ตองเข้าไปก็ได้ อย่างเช่น เวลาไปนั่งรอพี่ตองถ่ายแบบ หรือตอนกินข้าวด้วยกัน ไม่ได้โชว์เรื่องที่ไม่ดีซะหน่อย"

"กูต้องทำขนาดนั้นจริงๆเหรอ"

"แล้วแต่มึงละกัน แต่เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูตั้งให้มึงเป็นผู้จัดการเพจร่วมด้วยเลย ต่อไปเวลาจะลงคลิปลงรูปอะไรก็ทำได้เอง แล้วก็อย่าลืมเชิญชวนให้คนดูไปกดไลค์รูปมึงด้วยล่ะ..... อะนี่ไง เสร็จแล้ว เพื่อความฝันที่เป็นจริง มีอะไรให้ช่วยก็บอกกูได้เลยนะ"

"ขอบใจนะข้าว" ผมกอดมัน "กูโชคดีมากเลยที่มีมึงเป็นเพื่อน" มีคนอย่างไอ้ข้าวที่คอยห่วงใยความฝันให้แบบนี้ ซาบซึ้งใจจริงๆ

"กูต่างหากที่โชคดี" ไอ้ข่าวตอบเบาๆ



"หยุดเลยยยย แยกๆๆๆ​" ไอ้สุ่ยรีบลุกมาแยกผมกับไอ้ข้าวออกจากกัน "นี่แฟนกูไอ้ชา อย่ามาแต๊ะอั๋ง ต่อให้ข้าวเจ้ามองมึงเป็นไอดอลก็ไม่อนุญาต แฟนกู กูหวงเว้ย"

"ไอ้...." ไม่รู้จะด่ามันยังไงดี "เออ กูไม่โดนตัวมันก็ได้..."
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:29:52 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
(ต่อ Part 2)




​​ปี๊บ ปี๊บ

"น้ำชา"

ใครเรียกวะ.... อ่อ พี่เติ้ลนั่นเอง มารับแล้ว

"เอ่อ ทุกคน กูไปก่อนนะ ได้เวลาติวแล้ว"

"โอเคๆ ฝากความคิดถึงถึงพี่เติ้ลด้วยนะ" อิช้างทำเสียงอ้อดอ้อน แต่ผมอ่ะ ออกวิ่งไปแล้ว "อย่าลืมถ่ายไลฟ์ตอนสอนด้วยนะ" มันตะโกนไล่หลังผมมา

"เออๆ"







"ยังไงก็อย่าลืมทำตามคำแนะนำของผมนะครับ ต้องทำแบบฝึกหัดชุดนี้ให้หมด ผมรู้ว่ามันมีตั้งสองร้อยข้อ มันเยอะก็จริง แต่ไม่ใช่ว่ายากขนาดนั้น แล้วก็ที่สำคัญ อย่าทำๆหยุดๆ ห้ามแบ่งทำหลายๆวันเด็ดขาด ให้เลือกช่วงที่ว่างจริงๆแล้วทำให้เสร็จในครั้งเดียว เพราะไม่งั้นพี่จะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการทำโจทย์พวกนี้เลย สาเหตุที่ต้องให้ทำแบบนี้ก็เพราะเรื่องอนุพันธ์กับปริพันธ์ฟังก์ชั่นมันมีสูตรให้จำเยอะ แถมยังมีกฎลูกโซ่เข้ามาอีก ถ้าไม่ทำแบบฝึกหัดพวกนี้ให้คล่องมือไว้ ไม่ต้องพูดถึงการเอาไปใช้งานเลย สอบตกชัวร์" มีเสียงหึ่งๆแห่งความท้อใจดังขึ้นในห้องติวอย่างพร้อมเพรียงกัน "อย่าท้อนะ ผมอุตส่ามาติวให้พวกพี่แล้ว ทำให้เต็มที่นะครับ ให้สมกับที่ผมมาติวให้หน่อย สุดท้ายนี้ อย่างที่เคยย้ำเสมอ อย่าเก็บความสงสัย ให้รีบหาคำตอบ อย่าเขียนสิ่งที่ไม่เข้าใจลงไปในกระบวนการคิดคำนวณ.... โอเคนะ งั้นวันนี้ก็พอแค่นี้นะครับ ขอบคุณที่ตั้งใจเรียนครับ"

"ขอบคุณครับบบบบบบบ" พี่ๆวิศวะกล่าวขอบคุณพร้อมกันก่อนจะแยกย้ายออกจากห้องไป

ผมชินซะแล้วกับการถูกรุ่นพี่ขอบคุณแบบนี้



"อ่ะนี่ครับน้ำชา"

"ครับ?" พี่กอล์ฟพูดอะไรวะ

"ก็ไลฟ์สดไง"

"อ๋ออออ" ลืมไปเลยว่าฝากให้พี่กอล์ฟดูเฟสบุ๊คไลฟ์การสอนของผมให้

"พี่ยังไม่ได้กดหยุดนะ เผื่อชาอยากเช็คดูก่อน" พี่กอล์ฟยื่นมือถือให้ผม

"ขอบคุณนะพี่ แล้วเป็นไงบ้างครับ มีคนดูบ้างไหม"

"แรกๆก็มีคนเข้ามาเยอะอ่ะ เกือบหมื่นเลย แต่ตอนนี้เหลือพันกว่าคนเอง ส่วนใหญ่ก็บอกว่าฟังไม่รู้เรื่อง แล้วก็นาน สงสัยอยากดูอย่างอื่นมากกว่า"

"แฮ่ะๆ งั้นเหรอครับ" ท่าทางจะไม่รุ่งแฮะ ให้คนไม่เล่นโซเชียลมาเรียกลูกค้าบนโลกออนไลน์แบบนี้ งานนี้หินสุดๆ

"แล้วทำไมวันนี้ไม่เห็นไอ้ตองเลยอ่ะ"

"อ๋อ พี่ตองมีถ่ายแบบอะครับ แต่ตอนนี้ก็น่าจะใกล้เสร็จแล้วนะ"

"เหรอ ต้องให้พี่อยู่เป็นเพื่อนไหม"

"ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมโทรถามพี่ตองเอง"

"โอเค เดี๋ยวมันก็มารับใช่ไหม งั้นพี่ต้องขอตัวก่อนนะ ต้องไปรับเกตุที่ห้องซ้อมคณะวิทย์อ่ะ ป่านนี้ไม่รู้เต้นจนขาหักแล้วหรือยัง"

"ครับพี่" ผมขำ แต่ก็แอบอิจฉานิดนึงนะที่อย่างน้อยเกตุก็ทำอะไรน่าสนใจกว่าผมเยอะเลย



ตอนนี้เหลือผมคนเดียวในห้องติวแล้ว

​ไหนลองอ่านคอมเม้นอยู่หน่อยซิ



'พี่ตองจะมารับน้ำชาด้วยเหรอ เขินนนน'

'พี่ตองงงงงง'

'อย่าลืมโทรหาที่รักด้วยนะ อิอิ'

'อะไรยังไงอ่ะ เป็นแฟนกันจริงเหรอ'

'นี่มันคู่จริงนี่นา นึกว่าคู่จิ้นซะอีก'



​เชี่ยยยยยยยยยยยยย

​ชิบหายละกู ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้หยุดถ่ายทอดสด

เอาไงดี จะกดหยุดไปทื่อๆเลยดีไหม ​จะบ้าเหรอ เสียมารยาท

​แต่จะให้กูทำหน้ายังไงใส่กล้องละทีนี้



"อ...เอ่อ..." เอาวะ กล่าวร่ำลาก่อนก็แล้วกัน ไว้ไปวางแผนใหม่ดีกว่า เขินชิบ จะพูดไงดี ไม่เคยพูดกับกล้องมาก่อนเลย รู้สึกเหมือนคนบ้าไงไม่รู้ "ข...ขอบคุณที่รับชมนะครับ ไว้โอกาสหน้าเดี๋ยวจะ..."



"​ชาครับ พี่ขอโทษนะ ถ่ายงานเสร็จช้ากว่ากำหนดนิดหน่อย ไม่โกรธพี่นะ อ้าว แล้วพวกเพื่อนพี่หายไปไหนหมดเนีย ปล่อยแฟนพี่ไว้คนเดียวแบบนี้ได้ไง ไอ้พวกนี้นิ เจอกันที่คณะเมื่อไหร่เดี๋ยวจะตบกะโหลกเรียงตัวเลย"

"....................................................."

แค่ถ่ายกิจวัจรประจำวันก็พอ.......

ไม่ต้องประกาศว่าเป็นแฟนกับพี่ตองก็ได้........

​ไม่ทันแล้ว

​โคตรของโคตรของโคตรของโคตรจังหวะนรกเลย

กูร้องไห้โชว์แม่งเลยได้ไหมเนี่ย

"ชาทำไรอ่ะ... โห ไลฟ์เฟสบุ๊คด้วยเหรอ"

"เดี๋ยว!" เห้ย จะเอาโทรศัพท์กูไปไหน

"สวัสดีครับผม ผมตองนะครับ แฟนสุดหล่อของน้องน้ำชาเอง..."

"พี่ตอง ​เอามานี่​" ไอ้บ้าเอ๊ย แค่นี้ก็แย่พออยู่แล้ว มึงไม่ต้องพูดอะไรไปมากกว่านี้แล้ว แล้วก็ถือซะสูงเลย กูเอื้อมไม่ถึง จะโวยวายมากก็ไม่ได้ หืออออออ ใครก็ได้ ฆ่ากูที

"เดี๋ยวซิครับ พี่ยังทักทายคนดูไม่เสร็จเลย อุตส่ามีคนดูตั้งเกือบหมื่น ให้พี่พูดแป๊บนึง"

ห๊ะ!?!? ไหนวะ

ผมยอมเข้ามาอยู่ในกล้องร่วมกับไอ้พี่ตองเพราะสนใจในยอดคนดู

โห!!!! เก้าพันคน ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ไวเกินไปเปล่าวะ ลูกเพจนี้สนใจเรื่องผมกับไอ้หัวเหม่งจริงๆด้วย

"ว่าแต่ ชาไลฟ์เฟสบุ๊คทำไมอ่ะ"

"จ...จะเชิญชวนให้ไปกดไรรูปของลีดมหาลัยไง"

"อ๋อ... ดีเลย มาๆ เดี๋ยวพี่ช่วยพูดให้"

"ไม่ต้อง พอแล้ว​"

"ทำไมอ่ะ ชาพูดไปแล้วเหรอ พวกช่องทางการไปกดไลค์อะไรพวกนี้อ่ะ"

"ก็...ก็ยังหรอก"

"ก็นี่ไง เดี๋ยวพี่พูดให้ อะแฮ่ม ก็อย่าลืมนะครับ สำหรับคนที่กำลังรับชมไลฟ์อยู่ในขณะนี้ ในช่วงสัปดาห์นี้น้องน้ำชาแฟนสุดน่ารักของผมจะมีการคัดเลือกตัวแทนผู้นำเชียร์ของมหาวิทยาลัยมัณฑนา ยังไงก็ฝากคนดูที่น่ารักทุกคนไปกดไลค์รูปของน้องน้ำชาด้วยนะครับ ไปที่เพจหลักของมหาวิทยาลัยมัณฑนานะครับ รูปแรกเลยนะครับ รูปคนที่น่ารักๆอะครับ เพราะทุกการกดแชร์กดไลค์รูปจะเป็นคะแนนให้น้องผ่านเข้าสู่รอบยี่สิบสี่คนสุดท้ายได้ อย่าลืมนะครับน้องน้ำชา ธชานา ธนกฤษ จากคณะวิทยาศาสตร์นะครับ"

มีปืนอยู่แถวนี้ไหม กูอยากฆ่าตัวตายเองแล้วตอนนี้ ไปพูดอะไรแบบนั้นวะ

"โห! ดูนี่ดิชา ยอดคนดูหมื่นกว่า จะหมื่นห้าแล้ว ชาพูดอะไรหน่อยเร็ว"

"พ...พูดอะไรอ่ะ"

"ก็ขอให้คนดูไปช่วยกดไลค์กดแชร์รูปชาไง เหมือนที่พี่พูดอ่ะ"

พูดยังไงดีวะ "เอ่อ....ฝากกดไลค์กดแชร์รูป ช..ช่วยผมหน่อยนะครับ"

"พูดใหม่ๆ พูดอ้อนๆซิครับ จะขอคนอื่นเค้าอ่ะ"

อะไรนะ ไม่เอาอ่ะ ผมส่ายหน้าสั่นเลย

"พูดเถอะน่า นะ มันเป็นผลประโยชน์กับชาเอง" ไอ้พี่ตอง มึงชักจะเล่นเยอะเกินไปแล้วนะ "นี่ๆเห็นไหมยอดคนดูกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆแล้ว รีบพูดก่อนที่คนดูจะหนีไปหมดเร็ว... งั้นพูดตามพี่ก็ได้ 'ผากกดไลค์กดแชร์เป็นกำลังใจให้น้องน้ำชาด้วยนะครับ'​"

ม่ายยยยยยยยยยย

"พูดเลยเร็วๆ โอกาสแบบนี้อาจไม่มีอีกแล้วนะ"

หายใจเข้า.... หายใจออก.... หายใจเข้า.... หายใจออก....

"ฝ....ฝากกดไลค์กดแชร์เป็นกำลังใจให้น้องน้ำชาด้วยนะครับ"

หือออออออ เหมือนตายทั้งเป็น ทำไมกูต้องมาพูดอะไรแบบนี้ด้วย

"​น่ารักจัง​" ไอ้พี่ตองบ้า ยังจะมากระซิบอะไรกลางไลฟ์สดแบบนี้ "ยังไงก็อย่าลืมนะครับ กดไลค์กดแชร์ภาพของน้องน้ำชาคณะวิทย์ด้วย ไลค์ที่เพจของมหาวิทยาลัยมัณฑนานะครับ ไม่ใช่คลิปนี้..... ​ดูดิชา ​มีแต่คนชมทั้งนั้นเลยว่าน่ารัก บอกว่าเราสองคนเหมาะสมกันด้วย ​ขอบคุณนะคร้าบบบบ​"

เออ มึงพูดอะไรก็พูดเหอะ มาถึงขั้นนี้แล้ว

"นี่ชา มีคนถามว่า ​'แล้วจะให้อะไรเป็นการตอบแทนถ้าไปช่วยกดไลค์ให้' 'หอมแก้มโชว์ได้ไหมถ้าพี่น้ำชาผ่านเข้ารอบ'​..... ได้อยู่แล้วครับผม"

"เดี๋ยววววววว" ไม่ใช่แล้วอันนี้ มึงพูดเองเออเองชัดๆ

"​กลยุทธไง​" มันกระซิบกับผม "​ชาจำเป็นต้องพึ่งคนดูทุกคนนะ....." สุภาษิตที่ว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก มันเป็นแบบนี้นี่เอง "น้องน้ำชาสัญญากับคนดูสองหมื่นสามพันคนตรงนี้เลยครับว่า ถ้าสามารถช่วยให้น้องผ่านเข้ารอบยี่สิบสี่คนได้ น้ำชาจะหอมแก้มผมให้ทุกคนดู"

ห๊ะ!!!!!!!!!!!!

​"มาๆ เกี่ยวก้อยสัญญากับคนดูก่อน ชาเอานิ้วก้อยมาซิครับ...." ผมเหมือนร่างไร้วิญญาณเลยตอนนี้ ได้แต่ยืนนิ่ง ถูกไอ้หัวเหม่งเอานิ้วก้อยไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยของมันเพื่อโชว์คนดู ไม่มีแรงอะไรจะไปต่อกรกับมันอีกแล้ว "นี่นะครับทุกคน น้องน้ำชาสัญญากับทุกคนแล้วนะ เพราะฉะนั้น ย้ำอีกทีนะครับ กดไลค์และกดแชร์รูปของน้องน้ำชา ธชานา ธนกฤษ ผู้นำเชียร์ตัวแทนจากคณะวิทยาศาสตร์ ที่เพจของมหาวิทยาลัยมัณฑนานะครับ.... งั้นวันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อนนะครับ ผมต้องพาน้องไปหาอะไรทานก่อน สวัสดีคร้าบบบบ ​ชา บอกลาคนดูเร็ว​"

"ว...หวัดดีครับ" ที่กูพูดไปเมื่อกี๊มันมีความหมายว่าอะไรเหรอ สมองกูไม่มีสติประมวลผลเลยตอนนี้

"เรียบร้อยยยย" ไอ้พี่ตองกดหยุดการถ่ายทอดสด "ถ้าทุกคนกดไลค์รูปของชาจริงๆนะ รับรองว่าผ่านชัวร์เลย ปะ งั้นเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า"

"หยุดเลย" กูต้องดึงสติตัวเองกับมาก่อน ต้องเฉ่งไอ้บ้านี่ให้มันรู้ดำรู้แดง "พูดไรไปอ่ะ สนุกมากหรือไง ให้ชาสัญญาอะไรแบบนั้นอ่ะ ไม่ถามกันซักคำ"

"ก็... มันเป็นกลยุทธไงครับ" มึงไม่ต้องมาอ้างเลย "เรารบกวนให้คนเป็นหมื่นๆไปกดไลค์ให้เรานะ ก็ต้องตอบแทนอะไรเล็กๆน้อยๆให้เค้าบ้างดิ"

"เล็กน้อยบ้านพี่ดิ ไม่รู้อ่ะ ชาไม่ทำเด็ดขาด หัวเด็ดตีนขาดยังไงชาก็ไม่ทำ ต่อให้ผลคะแนนออกมาเป็นที่หนึ่ง ชาก็ไม่ทำ"

"แต่เราสัญญากับคนดูไปแล้วนะ เดี๋ยวพวกเค้าก็โกรธเอาหรอก"

"พี่พูดเอง ปัญหาของพี่ ไม่ใช่ปัญหาของชา"

"ต...แต่พี่ทำเพื่อชานะครับ ก็แค่หอมแก้มแป๊บเดียวเอง พี่ไม่ได้ให้ชาทำอะไรเสียหายซะหน่อย"

"................" มึงไม่ต้องมาตีหน้าเศร้าเลย กูไม่หลงกลมึงอีกแล้ว เอาจริงๆ กูจะโกรธมากกว่านี้ก็ยังได้เลย

"ชาอายมากเลยเหรอที่มีคนอย่างพี่เป็นแฟนอ่ะ มันน่าอายมากเลยเหรอที่จะทำเหมือนว่าพี่เป็นแฟนสักครั้ง.... ก็ได้ครับ พี่ขอโทษ พี่ผิดเองที่ทำให้ชาไม่พอใจ งั้นเดี๋ยวเรามาไลฟ์กันใหม่อีกรอบก็ได้ พี่จะสารภาพกับคนดูเองว่าพี่พูดเองเออเองฝ่ายเดียว ยังไงชาก็คงมีคนไปกดไลค์ให้อยู่แล้วแหละ ต่อให้พี่ไม่มาพูดอะไรแบบนี้ก็เหอะ...."

"...................." โอ๊ยยยยยย ไอ้พี่ตอง ไอ้บ้า ไอ้..... "ไม่ต้องไลฟ์แล้ว"

"ต้องไลฟ์ซิครับ เหตุการณ์มันเพิ่งจบไปเมื่อกี๊ พี่อาจจะยังแก้ตัวทันอยู่ก็ได้"

"บอกว่าไม่ต้องก็ไม่ต้องไง ช...ช่างมันเถอะ ก็สัญญาไปแล้วนิ ทำก็ได้" ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากูต้องมายอมรับเงื่อนไขอะไรแบบนี้ "ชาไม่ได้อายซะหน่อยที่มีพี่เป็นแฟนอ่ะ ห้ามพูดแบบนี้อีกนะ"

"ครับ"

"ไม่ต้องมาทำหน้าเศร้าเลย แล้ววันหลังก็อย่าไปสัญญาอะไรซี้ซั้วแบบนี้อีกนะ ปรึกษาชาบ้างดิ เราเป็นแฟนกันนะ"

"ครับ ไม่ทำแล้วครับ"

"แต่ถ้าชาไม่เข้ารอบก็ไม่ทำนะ ตามนี้"

"ครับ"

"พาไปกินข้าวได้แล้ว หิว" ผมเดินนำออกจากห้องทันที ไม่รู้ว่าจะบอกว่าอารมณ์ไหนดีเลยตอนนี้........



------- ในความคิดของนายตอง--------

เสร็จกู!!!!!!!!!!!!!!!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:31:43 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​ตอนที่ 44 : ความอดทนที่มีค่า







ตอนนี้ผมกำลังเก็บจานชามช้อนลงไว้ที่ของมันหลังจากที่พวกเรากินดื่มเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ณ บ้านของเพื่อนบ้านของผมซึ่งผมเองก็เพิ่งจะเคยเข้ามาครั้งแรก ไม่ได้มีแผนเลยว่าจะเข้ามากินที่นี่ กะว่าจะออกไปหาอะไรในห้างกินกับพี่ท๊อปแท้ๆ ดันตกกระไดพลอยโจรต้องมาอยู่ตรงนี้ซะงั้น แถมยังมารับรู้เรื่องราวแปลกๆของน้องลีดคณะตัวเองอย่างไอ้สุ่ยอีก

แต่ที่ผมยืนเก็บจานอยู่กับไอ้ตองตอนนี้ จะเรียกว่าอยู่ในแผนดีไหมนะ เพราะมันก็เป็นความต้องการของผมที่อยากจะปรึกษาอะไรบางอย่างจากมัน



"อ...เอ่อ...ตอง" พูดปรึกษาดีไหมน้า เขินที่จะพูดจัง

"มีไร" ไอ้ตองถามในขณะที่ยังหันหลังให้ผมทำหน้าที่เก็บจานฝั่งของตัวเองต่อไปเรื่อยๆ

"กูมีเรื่องจะปรึกษาอ่ะ" มีใครอยู่แถวนี้ไหมวะ ก็เรื่องที่จะพูดต่อจากนี้มันไม่ใช่อะไรที่ธรรมดาเลย

"เรื่อง?"

"คือ...." นี่กูจะปรึกษามันจริงๆเหรอวะ... หรือว่าไม่ควรพูดดี

"เป็นไรวะ" ไอ้ตองเริ่มสงสัย มันหยุดทำงานแล้วหันมาคุยกับผม "เรื่องสำคัญเหรอ"

"คือ...ถ้ากูถามเรื่องแบบว่า...เรื่องมึงกับไอ้น้ำชา แบบ... ลึกๆหน่อยอ่ะ มึงจะโกรธกูไหม"

"ลึก? แค่ไหนวะ"

"ก็เชิงลึกหน่อยไง" ทำไมมึงเข้าใจยากจังวะ

"..........." ยังจะงงอีก

"เห้อ.... ก็หมายถึงเรื่องที่มึงมีอะไรกันไง" สรุปคือกูต้องพูดออกมาจนได้ใช่ไหม

"ฮ่าๆๆๆ" หัวเราะทำไมวะ "เออ กูเข้าใจตั้งนานแล้ว"

"เอ้า เข้าใจแล้วยังจะให้กูพูดอีก ไอ้..."

"ก็แล้วทำไมมึงไม่พูดตรงๆวะ สมัยก่อนมึงเป็นคนตรงไปตรงมาจะตาย อยู่ดีๆก็จะเป็นคนขี้อายซะอย่างงั้น"

"มันใช่เรื่องที่พูดได้ง่ายๆซะที่ไหนวะ"

"มึงนี่เหมือนกับน้ำชาไม่มีผิด ไม่ยอมแสดงออกตรงไปตรงมา ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าใจสิ่งที่อยู่ในใจมึงนะเว้ย"

"แล้วสรุปกูจะปรึกษามึงได้ยัง"

"อ่ะๆๆ ว่ามา ทำไม จะปรึกษาว่า? มึงทำเรื่องอย่างว่าไม่เป็นเหรอ"

"........" จะตอบดีไหมว่าใช่ "ก็... พวกมึงแซวกูอ่ะ กูก็... คิดมากดิ"

"คิดมากเนี่ยนะ ยังไงวะ ไม่มีอะไรกัน มันก็ไม่ได้แปลกนิ คนเรามันพร้อมไม่เหมือนกันนะมึง"

"สำหรับกูอ่ะ ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ก็กลัวพี่ท๊อปเค้าจะอายอ่ะ จะมีคนมองว่าพี่เค้าเป็นไก่อ่อนเปล่าวะ"

"มึงตกลงเป็นแฟนกันแล้วเหรอ"

"......" ไอ้เรื่องนี้ก็เหมือนกัน เห้ออออ ไม่มีอะไรคืบหน้าสักอย่าง

"ทำหน้าแบบนี้แปลว่ายัง ใช่ไหม... มันก็ถูกแล้วนิ พี่ท๊อปเค้าจะไปอายได้ไงวะ เค้าก็ดูเป็นสุภาพบุรุษอย่างที่พี่เค้าเป็น ก็ถูกแล้ว" ไอ้ตองถอนหายใจให้ผมแล้วกล้บไปเก็บจานของมันต่อ

"แล้วทีไอ้สุ่ยกับไอ้น้องข้าวเจ้านี่อ่ะ"

"มึงจะบ้าเหรอ อันนี้มันเป็นเหตุไม่ปกติเว้ย จริงๆมันไม่ใช่เรื่องที่ถูก มันสองคนควรจะตกลงปลงใจเป็นแฟนกันจริงจังก่อน ไม่ใช่มาทำแบบนี้"

"แล้วมึงกับไอ้น้ำชาอ่ะ มีอะไรกันก่อนหรือหลังเป็นแฟนกัน"

"ก็...." ไอ้ตองคิด "หลังดิวะ"

"หลัง... หลังแค่ไหน?" ผมยังอยากรู้

"คืนเดียว เอ่อ... จริงๆแล้วก็ในวันที่ตกลงเป็นแฟนกันนั่นแหละ"

"หน่ะ ไม่เห็นจะต่างกันตรงไหนเลย"

"แต่ยังไงกูก็ตกลงเป็นแฟนกันก่อน... แล้วที่มึงพูดมาทั้งหมดมันหมายความว่าไงวะ มึงอยากให้พี่เค้ามีอะไรกับมึงเหรอ หรือยังไง"

"ก็...ไม่รู้เหมือนกัน" ก็ไม่รู้จริงๆอ่ะ ไม่งั้นจะมาปรึกษาทำไม

"มึงกำลังสับสนนะรู้ไหม แต่กูว่าปัญหาสำคัญคือมึงต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ซะก่อนว่า มึงมั่นใจในตัวพี่ท๊อปแล้วหรือยัง มันไม่ใช่ว่าต้องมีอะไรกันแล้วมึงถึงจะมารู้สึกมั่นใจทีหลังนะเว้ย เพราะถ้าเกิดว่ามึงตัดสินใจผิดไป สิ่งที่มึงสูญเสียไปแล้ว มึงเรียกกลับมาไม่ได้นะ มึงอาจจะไม่โชคดีเหมือนไอ้น้องข้าวที่มันดันรู้สึกโอเคกับไอ้สุ่ยก็ได้... สรุปคือยังไง มึงรู้สึกอะไรกับพี่ท๊อปวะ ถ้ามันไม่ใช่มึงก็ควรพูดว่าไม่ใช่นะ ไม่ใช่ปล่อยให้พี่เค้ามีความหวังไปวันๆแบบนี้ พี่เค้ายังมีอนาคตและเรื่องที่ต้องรับผิดชอบอีกเยอะนะเว้ย"

"......" นี่กูคิดถูกหรือคิดผิดวะที่เลือกมาปรึกษามัน ทำไมกูยิ่งคิดหนักกว่าเดิมอีก

"เงียบ เอางี้ไหม เดี๋ยวกูไปบอกพี่ท๊อปให้ว่ามึงไม่โอเคกับพี่เค้า เดี๋ยวกูไปบอกให้เดี๋ยวนี้เลย พี่ท๊อปเค้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่โกรธมึงหรอก"

"เห้ย! ไม่ต้อง..."

"อ้าว ก็มึงไม่พูดอ่ะ เป็นกู กูก็ไม่เข้าใจในความรู้สึกของมึงเหมือนกันนั่นแหละ แล้วไง ห้ามกูแบบนี้คือไร ชอบพี่เค้า ใช่ไหม?"

"......"

"ไม่ตอบอีกละ..... เออ โอเค งั้นกูจะไปไล่พี่ท๊อปกลับเดี๋ยวนี้แหละ"

"เออๆๆๆ กูชอบ" ไอ้เพื่อนเวร มึงไม่คิดจะเข้าใจความรู้สึกกูบ้างเลยหรือไงวะ

"ชอบ? ชอบใครวะ พูดให้มันชัดเจนดิ"

"....." มึงจะเอาไงกับกูเนีย

"ยังจะเงียบอีก กูไปหาพี่ท๊อปจริงนะ มึงคิดว่ากูไม่กล้ารึไง"

"ไอ้.... เออ กูชอบพี่ท๊อป ชอบมากกกกกกด้วย มึงพอใจยัง" อยากจะกระโดดถีบไอ้เพื่อนเวรนี่จริงๆ ถ้าไม่ติดว่ามันตัวใหญ่กว่านะ กูจะไม่เลี้ยงเลย

"ก็แค่นั้นแหละ ยอมรับออกมาได้ซะที" อ้าว สรุปคือมึงแกล้งให้กูพูดเหรอ "แต่กูก็รู้อยู่แล้วแหละว่ามึงอะชอบพี่เค้า มึงดูนี่ แว่นตาเนีย พี่เค้าซื้อให้นะกูจำได้ ใส่อยู่ตลอดเวลาขนาดนี้ ยังจะมาทำเป็นปากแข็งอีก.... แหม หน้าแดงๆ ไอ้บุ๋นน้อยเอ๊ย ชอบก็บอกพี่เค้าดิ ไป ปากแข็งอยู่ได้ เดี๋ยวพี่เค้าก็หมดความอดทนกับมึงหรอก"

"ทำไมวะ ก็ถ้าพี่เค้าชอบกูจริง เค้าก็ควรจะอดทนดิ"

"มึงว่าทุกคนจะเหมือนน้ำชารึไง กูว่ากูเคยพูดเรื่องนี้กับมึงไปรอบนึงแล้วนะ ที่ห้องน้ำในร้านเหล้า จำไม่ได้เหรอ กูย้ำอีกทีนึงนะ กูอ่ะโชคดีที่น้ำชาแม่งโคตรอดทนในตัวกูมาได้ตั้งหลายปี แต่มึงจะมั่นใจได้ไงว่าพี่ท๊อปเค้าจะอดทนขนาดนั้น.... พี่เค้าไม่ดีกับมึงเหรอ หรือพี่เค้าทำร้ายมึง... ตอบแทนความปรารถนาดีของพี่เค้าบ้างก็ได้เพื่อน คนรออ่ะ บางทีก็ท้อเป็นเหมือนกันนะ คนดีๆอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ วันไหนพี่ท๊อปโดนสาวเกาหลีขาวสวยหมวยอึ๋มคาบไปแดกเมื่อไหร่ กูจะไม่ปลอบใจมึงเลย แถมจะสมน้ำหน้าด้วยซ้ำ"

"ก...กูต้องพูดจริงเหรอ ใช่เรื่องที่กูต้องทำเหรอวะ"

"หุ๊ กูขี้เกียจคุยกะมึงแล้ว มึงจะพูดไม่พูดก็เรื่องของมึงเหอะ ทำตัวเป็นผู้หญิงอยู่ได้ กูไปละ"

"เห้ยมึง เดี๋ยวดิ" ผมรีบคว้ามันไว้ ไอ้ห่า กูอุตส่าเห็นมึงเป็นที่ปรึกษานะเนี่ย "เออ เดี๋ยวกูหาจังหวะบอกก็ได้ แล้วเรื่องนั้นอ่ะ"

"เรื่องไหนอีกวะ"

"ก็... เรื่องอย่างว่าไง มันทำ... ยากเปล่าวะ"

"กูรู้แล้วว่าพี่ท๊อปไม่ได้ไก่อ่อนหรอก มึงนี่แหละตัวอินโนเซนส์เลย" ว่ากูอีกละ "เรื่องแบบนี้มึงต้องให้ใครมาสอนด้วยเหรอวะ มนุษย์ทุกคนมันควรจะมีสัญชาตญาณอยู่แล้ว... เอาเป็นว่าถ้ามันสำคัญกับมึงนัก มึงก็ขอมีอะไรกับพี่เค้าตรงๆไปเลย"

"เห้ย ได้ไงวะ มึงบ้าหรือเปล่า"

"ทำไมอ่ะ ตอนมีไรกับน้ำชาครั้งแรก น้ำชาก็เป็นคนออกปากเองนะ"

"จริงเหรอวะ!?" ไม่อยากจะเชื่อ

"ก็เออดิ แต่อย่างมึงเนี่ยนะ ขี้เขินแบบนี้ กูว่าชาติหน้ามึงก็ไม่พูดหรอก เอางี้ดิ วางยาแม่งเลย แอบใส่ไวอาก้าให้พี่ท๊อปกินแล้วล็อคบ้านดีๆนะ ถ้าพี่เค้ายังไม่ทำอะไรมึงอีก กูก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว"

"......." กูต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอ

"หรือไม่นะ ​อันนี้ส่วนตัวนะอย่าไปบอกน้ำชา ​มึงลองแต่งตัวแบบว่า... ยั่วๆพี่เค้านะ ทำบรรยากาศโรแมนติกๆ ยังไงก็ไม่รอด เชื่อกู"

"โห๊ะ กูไม่น่ามาปรึกษามึงเลย" พูดแต่ละอย่าง มีแต่เรื่องน่าอายทั้งนั้น

"ก็ไม่รู้น้า... ก็แค่เตือนไว้ มึงเสียคนที่มึงชอบไปเมื่อไหร่ มาร้องไห้งอแงทีหลังแล้วจะรู้สึก"

"........." ทำไมต้องพูดให้กูคิดหนักอีกแล้ว

"กูกลับดีกว่า มึงโตแล้ว คิดเอาเอง" แล้วไอ้ตองมันก็เดินออกจากบ้านของไอ้น้องข้าวเจ้าไปจริงๆ

ส่วนผมก็ตามออกมาในที่สุด ทุกคนแยกย้ายกันกลับที่พักของตัวเอง ผมก็เหมือนกัน



ทันทีที่พี่ท๊อปตามเข้ามาในบ้าน พี่เค้าก็เก็บกวาดบ้านอย่างเช่นที่เคยทำทุกครั้ง ก่อนจะนำหนังสือออกมาอ่าน

ว่ากันตามตรงนะ ตั้งแต่พี่ท๊อปตัดสินใจว่านอนที่บ้านเช่าของผม (หมายถึงโซฟานอกห้องนะ) ผมดูเหมือนคนที่ทำตัวไร้สาระไปวันๆเลย บ้านช่องไม่เคยเก็บถ้าไม่มีอารมณ์ หนังสือไม่คิดจะหยิบขึ้นมาอ่านถ้าไม่ใกล้สอบ แต่พี่ท๊อปนี่ดิ สะอาดมากกกกก ขยันเรียนสุดๆ อ่านหนังสือไม่เคยขาด แต่ก่อนก็เคยสงสัยนะว่าเรียนเภสัชไปด้วยเป็นศิลปินฝึกหัดที่เกาหลรไปด้วยได้ยังไง แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว พี่เค้าทำตัวสมกับเป็นผู้ใหญ่จริงๆ แบ่งเวลาได้ไม่มีขาดตกบกพร่องเลย



"บุ๋นจะไปไหนอ่ะครับ"

"ไป...ไปซื้อสบู่" ผมโกหก จะให้บอกความจริงได้ไงว่าจะไปทำอะไร

"หมดแล้วเหรอ พี่ยังเห็นอยู่เลยนะ"

"เห็นได้ไงอ่ะ"

"ก็พี่ล้างห้องน้ำ" ลืมไปเลยว่าพี่เค้าทำทุกอย่างในบ้านจริงๆ

"อ...อ๋อ หมายถึงสบู่เหลวอ่ะ"

"ใช้สบู่เหลวด้วยเหรอ"

"ก็คิดอยากจะใช้ขึ้นมา ทำไมอ่ะ"

"งั้นเอาของพี่ไปใช้ก็ได้ อยู่ในห้องน้ำน่ะ ว่าแต่ จะอาบน้ำแล้วเหรอ นี่มันเพิ่งจะห้าโมงเย็นเองนะ"

"ก็รีบไปซื้อไว้ เดี๋ยวจะดึก" จะถามอะไรนักหนาวะ อ้าว แล้วจะลุกมาทำไม "จะไปไหนอ่ะ"

"ก็ไปเป็นเพื่อนบุ๋นไง"

"ไม่ต้องงงง" อย่านะ กูจะแอบไปซื้ออย่างอื่นด้วย "แค่ซื้อสบู่เอง จะขนกันไปทำไม"

"ต่อให้ซื้อไม้จิ้มฟันพี่ก็จะไปด้วย"

"เดี๋ยว.... ล... แล้วไม่อ่านหนังสือรึไง"

"พี่แค่อ่านทบทวน ไปเถอะครับ ไปๆ เดี๋ยวพี่ขับรถให้"

โอ๊ยยยยย จะบ้าตาย ผิดแผนหมด



สุดท้ายไอ้พี่ท๊อปก็ขับรถพาออกมาอยู่ดี

เอาไงดีวะกู แล้วแบบนี้จะกล้าซื้อของที่วางแผนไว้ได้ยังไง

"พี่ท๊อป เลี้ยวซ้ายๆ ขับไปห้างเลย"

"ห๊ะ แค่สบู่เหลว ซื้อที่เซเว่นก็ได้มั้ง"

"ก็... เผื่อไปเดินดูของอย่างอื่นด้วยไงเล่า เลี้ยวเร็วๆ"

"โอเคครับๆ"

เฮออออออออ ไปห้างได้ตามที่ต้องการแล้ว แต่หลังจากไปห้างนี่แหละทำไงดี และปลีกตัวออกไปยังไง คิดซิคิด อุตส่าเรียนมหาลัยมาถึงปีสองแล้ว ต้องรู้จักใช้สมองบ้าง.....





"พี่ท๊อป บุ๋นลืมกระเป๋าตังไว้ในรถอ่ะ เดี๋ยวกลับไปเอาก่อนนะ" ผมเริ่มแผนการทันทีที่เราเดินเข้ามาเลือกซื้อสินค้าในห้างได้สักพัก

"ไม่ต้องหรอกครับ ใช้เงินพี่ก็ได้" ว่าแล้วต้องพูดแบบนี้ แต่ก็ดี เป็นไปตามแผน

"มันมีบิลส่วนลดอยู่ในนั้นอ่ะ ตั้งสิบห้าเปอร์เซ็น เสียดาย จะหมดเขตแล้วด้วย"

"อ่าๆ ก็ได้ งั้นรออยู่นี่แหละ เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้" เป็นไปตามแผนเป๊ะ

"ไม่ต้อง บุ๋นไปเองได้" เล่นตัวนิดนึง

"อยู่นี่แหละ พี่ไปเอง"

"อะๆๆ ไม่ต้องรีบมากนะ" เพราะกูจะต้องซื้อของก่อนสองสามอย่าง

ทันทีพี่ท๊อปพ้นไปจากสายตา ผมก็วิ่งซิครับ ตรงไปยังสิ่งที่จะซื้อเลย

ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยใช้เวลาในการซื้อของเร็วขนาดนี้เลย แถมของที่จะซื้อแม่งอยู่คนละขั้วโลกเลย เวลาเลือกก็ไม่มี แต่ช่างมันก่อนเถอะ เพราะต้องรีบกลับไปที่ขับเข็นอีก ทิ้งรถเข็นไว้ทั้งอย่างนั้น แต่คงไม่มีใครมาขโมยสินค้าที่ยังไม่ได้ชำระเงินหรอก

"........." เล่นเอาซะหอบแดกเลยกู แต่อย่าเพิ่งเหนื่อย เก็บของที่ซื้อมาให้กระเป๋ากางเกงก่อน เดี๋ยวพี่ท๊อปเห็น ดีนะที่เป็นของที่สามารถซ่อนได้ไม่ยาก



​"อ้าวท๊อป ไม่เจอกันนานเลย สบายดีนะ"

หึ!!

เสียงผู้หญิงที่ไหนมาร้องตื่นเต้นดีใจแถวนี้ คงไม่ได้กำลังหมายถึงพี่ท๊อปเดียวกับกูหรอกนะ

​เห้อ ท๊อปเดียวกันจริงด้วย

​หวังว่านี่จะไม่เหมือนฉากในละครหลายๆเรื่องนะที่แฟนเก่าของพระเอกบังเอิญเจอพระเอกแล้วนางเอกเห็นพอดี คิดเ-ี้ยอะไรของกูเนีย กูเป็นผู้ชาย จะเป็นนางเอกได้ไง

"สบายดีครับ" พี่ท๊อปตอบ ผมแอบดูอยู่หลังแฝงสินค้าเงียบๆ

"อย่าพูดจาห่างเหินแบบนั้นซิ เราสองคนก็...คนเคยๆกันอยู่"

ไอ้สัด นี่มันฉากในละครชัดๆ

ว่าแต่ผู้หญิงสมัยนี้มันยังไง กล้าพูดเกินไปหรือเปล่าวะ

"พูดแบบนี้ไม่ดีเลยนะครับดา ดาจะเสียหายได้นะถ้ามีคนมาได้ยินเข้า" ความสุภาพของคุณชายท๊อปนี่ก็คือถูกรักษาไว้อย่างดีตลอดเวลาจริงๆ

"ถ้ากลัวดาเสียหายก็รับผิดชอบดิ" อ้าว อีนี่

"ท๊อปไม่ขำกับมุกตลกแบบนี้นะครับ แล้วเรื่องของเรามันก็จบไปนานแล้วด้วย" ก็พอใช้ได้ ปฏิเสธคนอื่นเป็น "แล้วตอนนี้ท๊อปก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว" อึ้งไปเลยกู

"ดาล้อเล่น ท๊อปนี่จริงจังเหมือนเดิมเลยนะ แบบนี้ไง เราถึงต้องเลิกกัน ดาเองก็มีแฟนแล้วเหมือนกัน"

"อ๋อ ดีใจด้วยนะ แต่ท๊อปยังไม่มีหรอก แค่ตามจีบเค้าเฉยๆ"

"อย่างท๊อปเนี่ยนะต้องตามจีบ ผู้โชคดีคนนั่นเป็นใครน้า.... อุ๊ยโน่น แฟนดามาแล้ว งั้นเอาเป็นว่าไว้โชคดีครั้งหน้าเจอกันใหม่นะ แล้วก็... ถ้าเหงา จะโทรหาดาก็ได้นะ ดายังไม่เปลี่ยนเบอร์ ไปนะ บาย"

น่าถ่ายคลิปอิผู้หญิงคนนี้ไปให้แฟนมันดูจริงๆ แต่พอเห็นแบบนี้แล้ว ตอนแรกที่ยังลังเลว่าคืนนี้จะเอายังไงดี ตอนนี้มั่นใจขึ้นมากแล้วว่ายังไงก็ต้องทำ ขืนรอช้ากว่านี้ อาจจะโดนสาวๆที่ไหนก็ไม่รู้คว้าพี่ท๊อปไปอย่างที่ไอ้ตองเตือนไว้ก็ได้

หึยยย พี่ท๊อปเดินมาแล้ว



"ทำไมช้าจัง" ผมพูด ต้องสร้างสถานการณ์การให้เนียนไว้ก่อน

"พอดีไปเจอคนรู้จักอะครับ ก็เลยคุยกันนิดหน่อย" เออ เห็นแล้วล่ะ แต่มึงนี่ก็ไม่คิดจะโกหกซะหน่อยเลยเนาะ จะแสนดีไปถึงไหน ผู้หญิงคนนั้นก็โง่จัง เลิกกับพี่เค้าได้ไง ผู้ชายที่ทั้งหล่อ ฉลาด ขยัน สุภาพบุรุษ สะอาดสะอ้านแบบนี้ แถมอนาคตไกล นี่มันผลงานมาสเตอร์พีซชัดๆ "นี่ครับกระเป๋า"

"อ...อ๋อ ขอบคุณครับ" ผมรับมาแล้วเปิดหาใบคูปองส่วนลด โชคดีนะที่จังหวะว่ามีคูปองอยู่จริงๆ "นี่ไงเจอแล้ว... ไปเดินดูฝั่งเครื่องครัวกันเถอะ"

"บุ๋นดูเป็นเหรอ" พี่ท๊อปดูจะแปลกใจ

"ไม่เป็น แต่พี่ท๊อปมาด้วยแล้วนิ พี่ท๊อปก็เลือกดิ"

"ถ้าบุ๋นทำครัวไม่เป็นก็ไม่จำเป็นต้องซื้อก็ได้นะ ของที่มีอยู่ก็พอทำได้ ซื้อไปจะเปลืองซะเปล่าๆ"

"ก็ซื้อให้พี่ท๊อปนั่นแหละ ต้องใช้ทำอีกนาน ทำไม จะเลิกกับบุ๋นแล้วงะ"

"หือ!?"

เออ ตามที่พูดนั่นแหละ แย็บหมัดแรกไปก่อน แต่ตัวผมไม่อยู่คุยต่อแล้วนะ รีบเดินดีกว่า ยังไงก็รู้สึกเขินๆที่ต้องพูดอะไรแบบนี้อยู่ดี.......





นี่กูจะทำแบบนี้จริงๆเหรอวะ

กูจะตายไหมเนี่ยงานนี้

เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว

ผมค่อยๆเปิดประตูห้องนอนออกไปเพื่อมองใครบางคนซึ่งยังมัวแต่พิมพ์งานในโน๊ตบุ๊คอยู่ที่โซฟาในค่ำของวันที่มีเรื่องราวมากมายมาท้าทายการตัดสินใจของผม



"พี่ท๊อป" ผมตัดสินใจเรียกในที่สุด แต่ก็โผล่ไปแค่หัวนะ

"ครับ" ไม่หันมามองกูเลย งานอะไรวะ สำคัญนักหรือไง นี่รู้ไหมว่ากูเตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้มาลำบากลำบนแค่ไหน

"อาบน้ำยังอ่ะ" พยายามตั้งคำถามให้ไอ้โอ้ปป้านั่นสงสัยให้ได้

"อาบแล้วซิครับ ก็ใส่ชุดนอนแล้วนี่ไง มีอะไรเหรอ ถ้าจะให้ขัดห้องน้ำขอเป็นพรุ่งนี้ได้ไหม พี่ไม่อยากเหงื่อออกแล้ว"

โอ๊ยยยย อะไรของมึงเนีย หันมาสนใจกูหน่อยดิ เดี๋ยวกูก็หมดอารมณ์ก่อนหรอก "ป,,,เปล่า แค่จะบอกว่านอนได้แล้ว"

"บุ๋นนอนก่อนเลยครับ พี่ต้องรวมผลแล็บสมุนไพรก่อนครับ อาทิตย์นี้ต้องส่งแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันก่อนไปเกาหลี"

กูเอ๊ยยยยยยยยยย

ทำไมมึงถึงเป็นคนไม่มีเซนส์ขนาดนี้วะ กูกำลังจะเปิดช่องให้อยู่แล้วเนีย

เอาไงดีๆๆ

'ตอนมีไรกับน้ำชาครั้งแรก น้ำชาก็เป็นคนออกปากเองนะ'​ ​อะไรบางอย่างทำให้คำพูดเมื่อตอนบ่ายของไอ้ตองแว๊บเข้ามาในหัว ​หรือว่าจริงๆกูควรจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนวะ

​เออ ก็ได้วะ เริ่มก่อนก็เริ่มก่อน

ออกไปทั้งอย่างนี้แหละ ถ้าไอ้พี่ท๊อปยังไม่เข้าใจความหมายนี้อีก มันก็ไม่ควรเรียนเภสัชมาจนถึงปีสามหรอก



"พ...พี่ท๊อป"

"ครับ.... ​เห้ย" เออ มองมาซะที

ก็เพราะในที่สุดผมก็ตัดสินใจเดินออกมาจากห้องนอนตัวเองเพื่อมายืนอยู่ใกล้ๆพี่ท๊อป พร้อมกับสวมใส่ชุดนอนลักษณะเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ แต่บางมากกกกก บางเฉียบจนกระทั่งเห็นทุกอย่างภายใต้ร่มผ้าเกือบจะชัดเจน แถมยังติดกระดุกแค่เม็ดสองเม็ดอย่างจงใจ แต่ผมก็มีอันเดอร์แวร์นะ ไม่ได้โป๊ขนาดนั้น ถึงกางเกงในจะเป็นสีขาวบางๆก็เถอะ

"ท...ทำไมแต่งตัวแบบนี้อ่ะ" พี่ท๊อปแทบจะตาถลน เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกเลย พี่เค้าทำตัวไม่ถูกเลย ได้แต่ลุกยืนขึ้นมาทำท่าลุกลี้ลุกลน

"ก็ชุดนอนอ่ะ ไม่ชอบเหรอ" นี่กูกำลังทำเสียงกระเส่าอยู่ใช่ไหม หวังว่าคงไม่มีใครแอบถ่ายคลิปอยู่แถวนี้นะ เพราะกูคงจะฆ่าตัวตายทันทีถ้าคนภายนอกรู้เข้า

"........." คนตรงหน้าผมไม่ตอบอะไร แต่กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่อย่างชัดเจนพร้อมกับเลียริมฝีปากออกมาโดยที่ไม่น่าจะรู้ตัว

"ค...คืนนี้...เข้าไปนอนกับบุ๋นหน่อยได้ไหมอ่ะ" เอาวะ ไหนๆกูก็ทำมาขนาดนี้แล้ว อ่อยมันให้สุด ผมพยายามเข้าไปใกล้พี่ท๊อปมากขึ้นไปอีก

"........" ก็ยังไม่มีคำตอบอะไรจากคนตรงหน้า ไม่รู้ว่าช็อกหรืออึ้งหรือกำลังคิดอะไรกันแน่

"นะครับบบบ" กูทำถึงขนาดนี้แล้วนะ ตอบสนองอะไรบางดิ

แล้วในที่สุดก็เหมือนจะได้ผล

พี่ท๊อปก้าวเท้าอย่างเงียบเฉียบและอ้อยอิ่งเข้ามาหาร่างกายที่แทบจะเปลืองโป๊ของผม เพียงก้าวเดียวเท่านั้นที่ลมหายใจของพี่เค้ากระทบเข้าที่ปรอยผมหน้าม้าของผม จากนั้นมือทั้งสองข้างที่อบอุ่นก็จับสัมผัสเบาๆลงที่ไหล่ทั้งสองข้าง

​มันกำลังจะเกิดขึ้นจริงๆแล้วใช่ไหม

​ตอนนี้ผมรู้เลยว่าตัวผมเองหายใจไม่เป็นส่ำ หัวใจเต้นแรงจนแทบจะกระตุกไปทั้งตัว

ลมหายใจของพี่ท๊อปที่ทั้งสะอาดและอ่อนโยนกำลังเข้ามาใกล้ใบหน้าของผมขึ้นไปเรื่อยๆ ผมรู้ในทันทีว่าร่างกายของเราสองกำลังจะสัมผัสกันในแบบที่ล้ำลึกมากขึ้น

ผมหลับลง แต่กลับรู้สึกชัดเจนว่าบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้ที่ใบหน้าของผม

​เค้าจะจูบเราจริงๆแล้วซินะ



........................... แต่แล้วสัมผัสมันกลับไม่ใช่อย่างที่คาดเอาไว้ ริมฝีปากอิ่มหนาไม่ได้แตะลงที่ริมฝีปากของผม มันประทับลงบนเปลือกตาของผม อย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน ก่อนจะจากไป

ผมค่อยๆลืมตาขึ้นด้วยฉงนสงสัย เงยหน้ามองคนตรงหน้าเล็กน้อย

พี่ท๊อปกำลังยิ้ม และสุดท้ายก็ถอยห่างออกไปจากผม

​อะไรอ่ะ พี่เค้าถอยไปทำไม จะไม่ทำอะไรเหรอ หรือว่าจะถอยไปเพื่อเตรียมตัวเองให้พร้อม

​ผมถามตัวเองอยู่ได้ไม่นาน ในที่สุดผมก็ได้คำตอบ....

พี่ท๊อปหยิบผ้าห่มบนโซฟาที่พี่เค้าใช้ห่มนอนในทุกๆวันขึ้นมาปกคลุมร่างกายของผมไว้ให้มิดชิด



​ตุ๊บ



ในหัวของผมมันว่างเปล่าจนพลอยให้ร่างกายขาดการควบคุมไปด้วย จึงเผลอทำของบางอย่างหล่นจากมือ

พี่ท๊อปก้มลงไปหยิบมันขึ้นมา



"ไวอาก้า?"

ห๊ะ!!

สติผมถูกเรียกกลับมาแล้ว นี่กูเผลอทำไวกาอ้าที่ซื้อมาหลุดมือไปเหรอ กะเอาไว้ใช้เป็นแผนสองแท้ๆถ้าหากแผนการอ่อยด้วยชุดนอนบางๆไม่ได้ผล

ซวยละกู

"ทำไมบุ๋นถึงมีไวอาก้าล่ะ"

"ค...คือ...." ข้ออ้างในโลกนี้ ไม่มีอะไรที่สามารถนำมาใช้ในสถานการณ์นี้ได้เลย

"อย่าบอกนะว่าบุ๋นจะกินมันอ่ะ"

"ป...เปล่า" หืออออ อายจนรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว "บุ๋นเอามา... ให้พี่" สุดท้ายกูก็แพ้ภัยตัวเองและพูดความจริงออกไป

"ให้พี่?.... อ๋อ พี่เข้าใจแล้ว บุ๋นทำแบบนี้ทำไมครับ ทำไมถึงต้องอยากให้พี่ทำอะไรกับบุ๋นด้วยอ่ะ"

"ก็..." ตอนนี้แหละที่ความกล้าทั้งหมดมันถูกกำจัดไปจนสิ้น ความอับอายเข้ามาแทนที่และผมก็ก้มหน้า จับผ้าห่มกระชับร่างกายไว้แน่น "บุ๋น...กลัวว่าพี่จะเบื่อบุ๋นก่อนอ่ะ แล้วหมดความอดทนกับบุ๋น เพราะงั้น..."

"ก็เลยแต่งตัวออกมายั่วพี่แบบนี้ พร้อมกับจะวางยาพี่ด้วย"

เอาล่ะ ตอนนี้น้ำตาไหลออกมาจริงๆแล้ว

น่าอายชะมัด โคตรไม่มีศักดิ์ศรีเลย ทำไมกูถึงได้ตัดสินใจทำอะไรแบบนี้นะ

​"บ...บุ๋น ไม่ต้องร้องไห้นะครับ" พี่ท๊อปเข้ามากอดผมไว้พร้อมเขย่าตัวผมนิดหน่อยเหมือนปลอบเด็กทารก "พี่ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย ไม่เป็นไรนะ"

"แต่..."

"ก็บอกว่า ไม่เป็นไรไง จริงๆมันก็ได้ผลนะ ได้ผลสุดๆเลยแหละ" พี่ท๊อปจับมือของผมไปสัมผัสกับจุดยุทธศาสตร์เบื้องล่างของพี่เค้า ซึ่งมันทั้งพองโตและเต้นตุ๊บๆเหมือนอยากผงาดออกมาเต็มแก่ ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องลามกสุดๆ แต่ในอารมณ์ตอนนี้ พี่ท๊อปคงทำทุกอย่างเพื่อทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น

"แล้วทำไม..."

"ก็บุ๋นเป็นตัวจริงนี่นา" หมายความว่าไง "เป็นคนที่พี่เลือกแล้วจริงๆ พี่จะไม่ทำเรื่องไม่ดีกับบุ๋นแน่นอน จนกว่าพี่จะขออนุญาตจากครอบครัวของบุ๋นก่อน"

"ห๊ะ?"

"ใช่ครับ บุ๋นฟังไม่ผิดหรอก.... ตลอดสองสามเดือนที่ผ่านมา พี่ได้เจอกับอะไรมากมายเต็มไปหมด ได้เห็นว่าในโลกนี้ยังมีคนที่อดทนกับความรักได้ถึงแปดปีอย่างน้ำชา ได้เห็นความพยายามที่เจ้าตองและน้ำชาต่อสู้กับครอบครัวของทั้งสองฝ่าย และรับรู้เรื่องการยอมรับคนรักโดยไร้เงื่อนไขของเจ้าต้อมที่ไม่ยอมปล่อยมือน้องน้ำขิงไปทั้งๆที่อาจเจอเข้ากับโรคร้าย ที่สำคัญก็คือวันนี้ พี่ได้เห็นแล้วว่าการที่สุ่ยทำอะไรลงไปด้วยความผิดพลาดและไม่ให้เกียรติคนอีกคน มันรู้สึกแย่แค่ไหน.... พี่อยากให้คนรักของพี่เป็นคนที่พิเศษที่สุด ไม่ด่างพร้อย ได้รับการให้เกียรติ ได้มาอย่างถูกต้อง เพราะงั้น ไม่ต้องห่วงว่าพี่จะหมดความรู้สึกดีๆกับบุ๋นไปนะ พี่รู้สึกดีอยู่ทุกวัน ทุกๆวินาทีเลย บุ๋นจะต้องเป็น... ความอดทนที่มีค่าที่สุดของพี่"

"พ...พี่ท๊อป" ทำไมพี่ถึงสามารถรักคนอย่างบุ๋นได้ขนาดนี้นะ ทั้งๆที่บุ๋นไม่ได้ทำอะไรที่ดีให้กับพี่เท่าไหร่เลย

ตอนนี้ผมไม่อายอะไรแล้ว ผมกอดพี่เค้าไว้แน่นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนกับใคร

"เข้าใจพี่แล้วนะครับ"

"ครับ"

"ส่วนเรื่องไวอาก้า... รู้ไหมว่ามันอันตราย อย่างพี่ไม่ต้องพึ่งพาของแบบนี้หรอก  นะ"

"ค...ครับ" น่าอายชะมัดเลยกู แต่ก็ตลกตัวเองชะมัด ไม่น่าคิดทำอะไรแบบนี้ขึ้นมาได้เลย วางแผนซะดิบดี "เห้ย!! พี่ท๊อปทำไรอ่ะ ไหนบอกจะไม่ทำไรบุ๋นไง" จู่ๆผมก็โดนไอ้พี่ท๊อปอุ้มขึ้นมา อย่างกับจะอุ้มเจ้าสาวเข้าเรือนหอ ไหนมึงบอกว่ากูเป็นคนพิเศษไง

"ก็จะพาแฟนเข้าไปนอนในห้องไง ได้เข้าไปนอนด้วยกันซะที อดทนมาตั้งนาน"

"แล้ว... แล้วแล็บอ่ะ ไม่ทำแล้วเหรอ"

"ใครจะไปมีสมาธิทำได้ล่ะ มีคนเสนอตัวมาให้กอดแบบนี้ จะปล่อยไปได้ไง"

"เดี๋ยว... ปล่อย... นี่บุ๋นไม่ใช่ผู้หญิงนะ"

ไม่ทันละ นี่กูไม่ได้ตัวเล็กนะ แต่ไอ้พี่ท๊อปแม่งแข็งแรงชิบหาย ออกกำลังกายมายังไงวะ อุ้มกูเข้าห้องนอนอย่างกับกูเป็นปุยนุ่นเลย

ทันทีมาถึงเตียง ผมก็ถูกจัดแจงให้ซ่อนเรือนร่างของตัวเองไว้ใต้ผ้าหุ่มนวมผืนหนา ก่อนที่คนที่จัดการทุกอย่างจะเข้ามาอยู่ในผ้าผืนเดียวกัน

และนี้คือคำพูดสุดท้ายก่อนนิทรามาเยือน....



"ฝันดีนะครับ น้องแว่น"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:32:37 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โอ๊ยยยยยยยย.............พี่ท๊อป หล่อในสามโลกเลย     :o8: :-[ :impress2:

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​ตอนที่ 45 : ขีดจำกัด







"มึงไหวแน่นะ"

"ไหวดิวะ กูไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น"

"เออๆ พร้อมนะ.... สาม สอง หนึ่ง ​เริ่ม​.... สวัสดีครับผมต้อมครับผมมม"

"ชาครับ" เป็นการยิ้มที่ต้องพยายามฝืนความเหนื่อยมากที่สุดตั้งแต่เคยทำมาเลย ทั้งเหนื่อยทั้งล้า

นี่เป็นเวลาสี่ทุ่มของคืนวันพฤหัสฯ คืนที่สามของสงครามโลกออนไลน์อันแสนเหน็บเหนื่อย

หลังจากการเรียนทั้งวัน หลังจากการช่วยงานที่โรงพยาบาล หลังจากการสอนพิเศษให้พี่ๆวิศวะ และยิ่งช่วงนี้ที่มีแต่คนเข้ามาขอจับมือและถ่ายรูปไม่เว้นว่าง ตอนนี้ผมกำลังถ่ายทอดสดผ่านเฟสบุ๊คหลังจากกิจกรรมทั้งหมดที่พูดมา เอาจริงๆก็คือ ผมทำแบบนี้มาสามวันติดแล้ว เพราะไม่ใช่แค่ว่าผมพยายามทำให้ตัวเองอยู่ในกระแสนะ ผมพยายามทำให้เพื่อนๆอย่างไอ้ต้อม ไอ้สุ่ย ไอ้ข้าว และเกตุ ถูกสนใจไปพร้อมๆกัน ยังไงผมก็ยังสำนึกว่าทุกๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ที่ทำให้ผมมาถึงจุดนี้ได้ ก็เพราะมีคนเหล่านี้คอยอยู่เคียงข้าง การสนับสนุนที่ได้มาทั้งที่เป็นเรื่องบังเอิญและตั้งใจ มันทำให้ผมผูกพันกับพวกเค้า ซึ่งถ้าหากเราทุกคนไปต่อด้วยกันได้ ก็คงวิเศษที่สุด อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่ร่างกายนี้ยังไหวอยู่แน่นอน

สำหรับคิวของวันนี้คือการไลฟ์รอบดึกร่วมกับไอ้ต้อม เป็นการถามตอบกับคนที่เข้ามาชมและพูดถึงความเป็นเพื่อนของผมกับมัน แต่เมื่อกลางวันก็มีไปร่วมเต้นกับเกตุนะ อย่าเรียกว่าร่วมเลย เรียกว่าให้เกตุสอนให้ดีกว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาก็ไปเป็นแขกรับเชิญในรายการครัวคุณข้าว(ไอ้สุ่ยมันตั้ง) กว่าจะเสร็จก็ดึกเลย ตั้งแต่มีสงครามไลฟ์สดมาผมแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย สาเหตุหนึ่งที่การพักผ่อนของผมน้อยลงก็เพราะผมต้องรีบตื่นเช้ามาซ้อมเต้นเสมอ ผมไม่ได้เกิดมาพร้อมพรสวรรค์อย่างที่ทุกคนคงรู้ดี ดังนั้นการหยุดไปนานๆอาจจะทำให้ผมขาดความพร้อมได้

​พักบ้างเถอะครับ พี่เป็นห่วง​  นี่เป็นคำพูดสุดฮิตของพี่ตองในช่วงสัปดาห์นี้เลย ผมก็เข้าใจนะว่าเป็นห่วง แต่ในขณะที่ทุกคนพยายามอย่างหนักเพื่อการเข้ารอบต่อไปจะให้ผมมานั่งนิ่งเฉยอยู่ได้ยังไง นี่ยังดีนะที่พี่ตองเอางานวิจัยที่ผมควรจะต้องทำให้แปลให้บ้าง เพราะจู่ๆทางวารสารวิชาการก็มีเอกสารวิจัยปริมาณมหาศาลเข้ามา จนต้องบังคับนักวิจารณ์ทั่วโลกส่งงานวิจารณ์เป็นทิวแถว ถ้าผมเดาไม่ผิดก็คงเพราะว่า ค่ายโอลิมปิควิชาการเพิ่งจะสิ้นสุดไป เหล่านิสิตและคณาจารณ์จึงได้มีผลงานมากมายออกตีพิมพ์ แต่ยังไงทุกคืน(หมายถึงดึกมาก)ผมก็ต้องกลับไปเขียนงานวิจารณ์เองอยู่ดี

เพราะงั้นตอนนี้ มีแบตเตอร์รี่เท่าไหร่ เอาออกมาใช้ให้หมด



".....และก่อนจะจากกันวันนี้นะครับ เรามีเพื่อนหนึ่งคนม่แนะนำ น้ำขิงคร้าบบบ" ไอ้ต้อมแนะนำแฟนของตัวเองให้เข้ามาในกล้องในช่วงสุดท้ายของการไลฟ์

"สวัสดีครับ ขิงครับ" แล้วขิงก็เข้ามาในกล้อง

"เพื่อนชาครับ" ไอ้ต้อมส่งมาหาผมเพื่อให้ผมพูดถึงการแนะนำขิงตามที่ตกลงกันไว้ "ตอนนี้คนดูน่าจะสงสัยว่าทำไมน้ำขิงกับน้ำชาถึงได้หน้าตาคล้ายกัน มีอะไรอยากจะบอกคนดูไหมครับ"

หน้าที่ต่อไปก็คือผมตอบ "อ๋อครับ คือ ผมกับขิงเป็น...อุ!!!!" จู่ๆก็เกิดอาการแปลกๆขึ้นตัวของผม

"เพื่อนชาครับ" ไอ้ต้อมงงและพยายามให้ผมเล่าให้คนดูฟัง แต่ผมกลับรีบส่งสัญญาณบอกมันว่า ​มึงพูดเลย​ ก็เพราะจู่ๆผมก็เกิดรู้สึกคลื่นไส้แบบกระทันหันเหมือนมีของเหลวปริมาณมหาศาลเดือดพล่านอยู่ในหน้าอกและลำคอ

พี่ตองที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่หลังกล้องทำท่าทางว่าจะเข้ามาช่วย แต่ผมรีบยกมือห้ามไว้ ผมไม่อยากให้ทุกอย่างพังเพราะผม ต้องกลืนความพะอืดพะอมนี้ลงไปก่อนให้ได้

"น้ำขิงกับน้ำชาเป็นลูกพี่ลูกน้องกันนั่นเองครับ" ไอ้ต้อมแก้สถานการณ์ให้ ผมพยายามสูบลมหายใจช้าๆ "ถึงหน้าตาจะเหมือนกันแต่นิสัยต่างกันสุดๆเลยนะครับ  และที่แนะนำน้ำขิงให้ทุกคนรู้จักในวันนี้ก็เพราะว่า ปีนี้น้ำขิงได้รับคัดเลือกให้เป็น Stand Controller นั่นเองครับ แล้วอะไรคือ Stand Controller เอ่ย เดี๋ยวเราให้... น้ำขิงพูดให้ฟังก็แล้วกันนะครับ"

"ชาไหวไหม​" แทนที่ขิงจะคุยกับกล้อง กลับมาห่วงใยผมแทน

"ไม่เป็นไรๆ แค่สะอึก" ผมโกหก "ขิงตอบคนดูก่อน" ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ลมในท้องดันพลังงานบางอย่างขึ้นมาอีกละรอก ผมจึงจำเป็นต้องกดมันไว้จนเจ็บแน่นที่หน้าอกไปหมด ​โคตรทรมานเลย

"Stand Controller ก็คือคนที่คอยควบคุมรูปแบบการแปลอักษรและให้จังหวะกับคนที่อยู่บนสแตนเชียร์ครับ ซึ่งจะมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น โดย...." ขิงอธิบายไปเรื่อยๆ

"หน้ามึงซีดแล้วนะ​" ไอ้ต้อมหลบหลังขิงมากระซิบกับผม "​พอก่อนดี... เห้ย!!"

"ชา"

"อัวววววววววววววววววววววววววววววววววว" ในที่สุดความอดกลั้นของผมก็มาถึงขีดจำกัด ร่างกายของผมตอบสนองต่อความผิดปกติที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผมแสบคอและเจ็บหน้าท้องไปหมด ไปรู้ว่าผมอ้วกออกมามากแค่ไหน แต่มันช่างรู้สึกนานจนจะทนไม่ได้อยู่แล้ว 

​ไม่ได้ๆ

​เรียกสติตัวเองกลับมา แก้ตัวกับคนดูก่อน เล่นมุกขำๆหรืออะไรก็ได้ เราจะต้องไม่แสดงภาพลักษณ์อ่อนแอแบบนี้

"ขอโทษครับทุกคนผมแค่..."







​ติ๊ด

​ติ๊ด​

​ติ๊ด​

​ติ๊ด​

​ติ๊ด​

​ติ๊ด​

เสียงอะไรอ่ะ....

ทำไมจมูกได้กลิ่นอะไรเย็นๆ สดชื่นจัง....

สบายจังเลย....

​หึ!!!!

นี่ที่ไหนวะ?

สายอะไรระโยงระยางเต็มตัวไปหมดเลย



"สุ่ย!! ชาฟื้นแล้ว" ใครพูดเนีย

​อ้าว ไอ้ข้าวนี่หว่า ไอ้ข้าวมาอยู่นี่ได้ไง

​"ชาๆ เป็นไงบ้าง ไม่ต้องๆ อย่าลุกขึ้นมา" ไอ้ข้าวห้ามผมไว้

"มึงโอเคไหมเพื่อน" ไอ้สุ่ยเข้ามาอีกคน

"เกิดไรขึ้นอ่ะ" ผมทั้งตั้งคำถามและพยายามตั้งสติ มองซ้ายมองขวาว่าผมอยู่ที่ไหน

"มึงสลบไปอ่ะ" ​ห๊ะ! ​ไอ้ข้าวพูดว่าอะไรนะ

"ถึงขั้นน็อคเอ้าท์เลยเหรอวะ" มึงอย่าเพิ่งแซวกูได้ไหมไอ้สุ่ย กูยังงงๆอยู่เลยเนีย "ตอนนี้มึงอยู่โรงบาล ไม่ต้องห่วง หมอบอกว่าไม่เป็นไรมาก มึงทำงานหนักแล้วก็พักผ่อนน้อย"

เวรกรรม ที่แท้เรื่องมันก็เป็นแบบนี้นี่เอง

สุดท้ายก็เป็นแบบนี้จนได้ น่าผิดหวังกับตัวเองชะมัด

"แล้ว... พี่ตองอ่ะ" ผมถาม

"พี่ตองลงไปซื้อกาแฟ" ไอ้ข้าวตอบ "พี่เค้าเฝ้ามึงทั้งคืนอ่ะ ยังไม่ได้นอนเลย"

"ทั้งคืน? ตอนนี้กี่โมงแล้วอ่ะ"

"เจ็ดโมงเช้า ขิงกับต้อมก็เพิ่งกลับไปอาบน้ำที่หอ เดี๋ยวสักพักก็คงมา พวกนั้นโทรให้กูกับสุ่ยมาอยู่เป็นเพื่อนพี่ตองอ่ะ จริงๆให้มาอยู่ปลอบใจพี่เค้ามากกว่า พี่ตองเครียดทั้งคืนเลย"

จริงดิ



"ชา​" นั่นเสียงพี่ตองนี่นา

"พ..พี่ตอง" ทันทีที่พี่ตองเห็นผมก็ถลาเข้ามากอดเร็วอย่างกับหายตัวได้ แต่ตอนนี้ "พี่ตอง ชาอึดอัด"

"อ... อ๋อ ขอโทษครับ ขอโทษที" นั่นพี่ตองร้องไห้เหรอ ไม่เคยเห็นว่าก่อนเลย แต่ก็ยิ้มและหน้าเครียดและร้องไห้ ทุกอารมณ์พร้อมๆกันเลย

"เอ่อ... กูกับข้าวเจ้าขอตัวไปเรียนก่อนก็แล้วกันนะ" ไอ้สุ่ยคงคิดว่าเป็นการขัดเขินหากมันกับแฟนยังยืนอยู่ตรงนี้ "ไงก็พักผ่อนเยอะๆนะเพื่อน ไปเถอะ... ข้าวเจ้า ทำไรอ่ะ​"

"เปล่าๆ แค่เอาดอกไม้ใส่แจกัน" ไอ้ข้าวตอบ มึงนี่ก็เนาะ ยังจะอุตส่าหาดอกไม้มาเยี่ยม "งั้น...ขอตัวก่อนนะ ดูแลตัวเองดีๆนะมึง หวัดดีครับพี่ตอง"

ไอ้สุ่ยกับไอ้ข้าวเดินออกจากห้องพิเศษของโรงพยาบาลไปในที่สุด



"ชารู้สึกเป็นไงบ้าง" พี่ตองจับมือผมทันที ตอนนี้เองได้รับรู้ว่าความอบอุ่นจากผิวกายของพี่เค้าเป็นของจริงเสมอ นอกจากสายอ๊อกซิเจนที่จมูก ก็มีพี่ตองนี่แหละที่เป็นเหมือนแหล่งพลังงานสำคัญของการฟื้นตัว "ยังเวียนหัวอยู่ไหมครับ"

"ไม่แล้วครับ" ผมตอบ "แล้วไลฟ์เมื่อคืนเป็นไงบ้างครับ พังพินาศต่อหน้าตัวดูแน่ๆเลย"

"ชายังจะสนใจเรื่องนั้นอีกเหรอ พี่ไม่ชอบเลยที่ชาทำร้ายตัวเองขนาดนี้" ผมโดนเอ็ด

"ก็มันเป็นความฝันของชานี่นา คนอื่นๆเค้ายังทำกันได้เลย"

"แต่คนอื่นๆไม่ได้ฝืนทำทุกอย่างแบบนี้นะครับ ชาทั้งเรียน ทั้งสอน งานส่วนตัวก็มี แถมยังซ้อมเต้นไม่หยุดหย่อน ชาต้องห่วงสุขภาพของตัวเองบ้างนะ พี่จะไม่ยอมให้ชาทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว จะเป็นหรือไม่เป็นลีดมหาลัย พี่ก็ไม่ขอทนเห็นชาทำแบบนี้อีกแล้ว"

"พูดแบบนั้นได้ไงเล่า นี่มันเป็นเป้าหมายของชานะ"

"นั่นเป็นเป้าหมายของชาจริงเหรอ" พี่ตองนั่งลงที่เก้าอี้โซฟาข้างเตียงก่อนจะเอาแก้มของพี่เค้ามาคลอเคลียที่มือของผมไปมา ใบหน้าของพี่ตองมีน้ำมันเล็กน้อยและตาโรย สภาพแบบนี้ไม่ได้นอนจริงๆซินะ เสื้อผ้าก็ใส่ชุดเมื่อคืนนี้ "ไม่ใช่เพราะตอนแรกชาอยากจะอยู่ใกล้ชิดกับพี่เหรอถึงได้ตั้งเป้าแบบนั้น ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนะ ไม่เห็นต้องจริงจังกับเรื่องลีดขนาดนั้นเลย แม่ชาก็อุตส่าฝากเด็กน้อยน่ารักคนนี้มาให้พี่ดูแลแล้ว ทำไมถึงดื้อนักละครับ"

"จะให้ชาคิดแบบนั้นได้ยังไง ทั้งหมอพิชิตที่มอบจิตวิญญาณของผู้นำเชียร์มาให้ พี่ชมพู่ที่ตั้งใจสอนเด็กกะโปโลอย่างชา พี่หนุงที่ให้ความรู้ในสิ่งที่ชาไม่เคยคิดว่าจะมี ยังไม่รวมโอกาสจากพี่ท๊อป การสอนจากพี่บุ๋น กำลังใจจากไอ้ต้อมและคนที่คอยเชียร์ชาอยู่อีกมากมายเพื่อให้ชาคว้าเป้าหมายมาให้ได้ ชาทรยศคนเหล่านี้ไม่ได้หรอกนะ"

"แต่มันคุ้มเหรอครับกับการที่ชาต้องมาเข้าโรงพยาบาลแบบนี้"

"โลกใบนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆหรอก อย่าลืมซิ กว่าชาจะได้ใจพี่ตองมายังต้องเสียเวลาไปตั้งแปดปีเลยเห็นไหม ยอมโดนเกลียด ยอมโกหก ยอมวางแผนสารพัด"

"อ้างแบบนี้ พี่จะเถียงได้ยังไงละครับ ขี้โกงนี่นา"

"ชาแค่ให้เหตุผล เดี๋ยวๆ ​พี่ตองจะทำอะไร"

"ก็นอนไงครับ ง่วงจะแย่แล้ว พี่เฝ้าชาทั้งคืนยังไม่ได้นอนเลยนะ"

"แล้วจะขึ้นมานอนบนเตียงชาได้ไงล่ะ นี่มันเตียงคนไข้นะ ​อ้าว เอาสายอ๊อกซิเจนออกทำไม"

"หมอบอกว่าถ้าชาฟื้นก็เอาออกได้เลย"

"พี่ตองงงง เตียงมันเล็กจะตาย พ..."

"ไม่เป็นไร ก็นอนแบบนี้ไง"

ดูมัน ดูมันจัดท่าให้ตัวเองนอนแล้วก็เอาผมไม่นอนหนุนแขนไว้ แถมยังกอดซะไม่ให้ขยับไปไหนเลย

"พี่ตองงงง" เห้อ... ไม่รู้จะห้ามมันยังไงแล้ว "อาบน้ำแล้วเหรอจะมานอนกับชาอ่ะ"

"ก็พี่ง่วงนิครับ ชาเองก็ยังไม่ได้อาบนะ พี่แค่เปลี่ยนชุดให้เฉยๆ"

ห๊ะ "พี่เปลี่ยนเหรอ"

"จะให้ไอ้ต้อมเปลี่ยนให้รึไงล่ะ" เออ ฟังเหตุผลพี่แกดิ "นอนเถอะครับ พี่ง่วงแล้วจริงๆ"

"ชาขอโทษนะพี่ทำให้ไม่ได้นอนแบบนี้"

"มีแค่ชาคนเดียวเท่านั้นแหละครับที่พี่จะตอบว่า ไม่เป็นไร... นอนต่อเถอะครับ ชาต้องพักผ่อนมากๆนะ"

เอาวะ นอนก็นอน

สุดท้ายผมก็หลับไปในอ้อมแขนของพี่ตอง ตายอย่างสงบอีกรอบ.......









“ญาติคะ... ญาติคะ”

ใครปลุกอ่ะ....

ครั้งนี้ผมไม่งัวเงียเหมือนตอนที่ตื่นมาทีแรก พี่ตองก็ดูเหมือนจะตื่นขึ้นมาเหมือนกัน

“ขึ้นมานอนบนเตียงคนไข้แบบนี้ไม่ได้นะคะ”

เชี่ยยยยยยย พี่พยาบาล

“ข...ขอโทษครับ” พี่ตองลนลาน ก่อนจะค่อยๆเอาแขนออกไปจากการทำหน้าที่หมอนให้ผม แล้วรีบลงจากเตียงจนเกือบจะตกขอบ

“นี่มันเตียงคนไข้นะคะ” พี่พยาบาลดูจะยังไม่คลายความตึงเครียดลง “อาจจะทำให้เสียหายได้ แล้วก็อาจจะเป็นอันตรายต่อคนไข้ด้วย”

“คือ....” พี่ตองคงพยายามหาคำอธิบายมาแก้ตัว

“แอร์มันหนาวอะครับ” ผมพยายามช่วยแก้ตัวให้ เห็นพี่ตองหน้าเสียทั้งๆที่ยังง่วงๆเบลอๆแบบนี้แล้วมันก็อดสงสารไม่ได้จริงๆ “ผมก็เลย....”

“หนาวก็บอกพยาบาลซิคะ ทำอะไรตามใจแบบนี้ได้ไง นี่ถ้าคุณหมอรู้เข้าจะไม่ยิ่งแย่ไปกันใหญ่เหรอ” โอ้มายก็อด มาเป็นชุดเลย

“เอ่อ... ผมผิดเองครับ” พี่ตองสารภาพ

“ยังไงก็เถอะ ต่อไปจะทำอะไรก็คำนึงถึงความเหมาะสมด้วยนะคะ” เธอยังคงเอ็ด “แต่ถ้า... มีปฏิทินเหลือๆมาให้พี่บ้าง พี่ก็จะทำเป็นลืมๆไปก็ได้ค่ะ”

ห๊ะ! “เอ่อ.... ด...ได้ครับ เดี๋ยวผมเอามาให้” ผมตอบทั้งที่จะอึ้งอยู่

“ได้เหรอ พี่จะได้ด้วยเหรอ” เดี๋ยวๆๆ ทำไมพี่เปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วขนาดนี้ล่ะ ยิ้มกริ่มเชียว “คือ... เมื่อกี้พี่ถ่ายรูปน้องสองคนไว้ในมือถือ ไม่ว่าใช่ไหม”

“ค...ครับ” เออ พี่จะทำไรก็ทำเถอะ เล่นใหญ่ซะขนาดนี้แล้ว ดีกว่าให้พี่แกกลับไปดุพี่ตองอีก

“ขอบคุณค่ะ..... งั้นพี่ขอเช็คความดันกับวัดไข้หน่อยนะ” เธอทำอย่างที่เธอพูด  “อาหารกลางวันวางอยู่ตรงโน่นนะคะ กินได้เลยนะ ช่วงนี้ทานผักผลไม้และอาหารย่อยง่ายหน่อยนะคะ”

“น้องจะออกโรงพยาบาลได้ตอนไหนครับ” พี่ตองรีบถาม

“ต้องรอหมอเข้ามาช่วงบ่ายนะคะ” พี่พยาบาลตอบ “อีกสักพักก็คงเข้ามา แต่ถ้าไม่มีปัญหาอะไร พรุ่งนี้เช้าก็น่าจะกลับได้เลย”

“อ๋อ ครับ”





“ห้องนี้เหรอ” “ใช่ๆพี่ ห้องนี้” “เร็วๆเข้าพี่ เดี๋ยวจะไม่ทัน”

มีเสียงวอแวอย่างชัดเจนที่หน้าห้องของผม

และในวินาทีต่อมาก็มาคนจำนวนมากมายเข้ามาในห้อง

พี่บุ๋นนำทัพคนรู้จักมาเพียบ ประกอบด้วย พี่ท๊อป ไอ้ต้อม ขิง ไอ้สุ่ย ไอ้ข้าว เกตุ พี่กอล์ฟ อิเจสซี่ อิเล็ก และวาวา เรียกว่าวุ่นวายขั้นสุดเลยตอนนี้



“เบาๆกันหน่อยซิคะ นี่โรงพยาบาลนะ” พี่พยาบาลกลับมาเอ็ดอีกจนได้

“ข..ขอทษครับ” พี่บุ๋นแทบจะให้สัญญาณเบรกไม่ทัน แต่ก็ได้เพียงอึดใจเดียว พี่เค้าทันกลับมาทำตาโตใส่ผมอีกครั้ง “ทีวี รีบเปิดทีวีเร็ว”

“เกิดไรขึ้นพ...” ผมยังไม่ทันจะถามจบ อิเจสซี่ก็คว้ารีโมททีวีและกดปุ่มเปิดขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว



“.....เข้ารอบในฝ่ายหญิงทั้งสิบสองคนค่า...”

ห๊ะ อะไรนะ

นี่ไม่ใช่อย่างที่กูคิดใช่ไหม

เดี๋ยวก่อนๆ ยังไม่ได้เตรียมตัวเลย จะประกาศผลผู้ผ่านเข้ารอบแล้วเหรอ....



ภาพทีวีเปลี่ยนไป กลายเป็นใบหน้าและชื่อของผู้เข้ารอบฝ่ายหญิงอย่างที่พอจะจับใจความได้



อันดับที่ 12 : มิน มินตรา น้อยมาลัย คณะนิเทศศาสตร์

อันดับที่ 11 : บิวตี้ อนงนาถ อยู่มั่น คณะวิทยาศาสตร์

อันดับที่ 10 : มิโอะ มิโอรุ ฮิโยชิ วิทยาลัยนานาชาติ

อันดับที่ 9 : ของขวัญ กุลธิดา สามสกุล คณะแพทยศาสตร์

อันดับที่ 8 : มาย นฤมล พรมกาฬ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มาย เพื่อนคณะเดียวกับไอ้ต้อมนี่นา ที่มาถ่ายคลิปด้วยกัน

อันดับที่ 7 : เกรซ สุโทธนา ขันกสิกิจ คณะเกษตรศาสตร์

อันดับที่ 6 : เบส กุสุวรรณ นาคทิพย์ คณะสังคมศาสตร์

อันดับที่ 5 : พาย แพรวไพลิน เสมอเหมือน คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มาถึงตรงนี้เกตุเริ่มหลับตาและพนมมือแล้ว ผมก็ลุ้นแทนเธอเหมือนกัน

อันดับที่ 4 : ไข่ไก่ คณิณ ศิลป์อักษร คณะนิเทศศาสตร์

อันดับที่ 3 : อุ้ม อารีรัตน์ พืชมาก คณะศึกษาศาสตร์ ยังอีกเหรอ ชื่อเกตุล่ะ หายไปไหน

อันดับที่ 2 : ระดา ระดารัตน์ แสนทัศนา คณะเภสัชศาสตร์ สุดท้ายแล้วนะเว้ย.......

อันดับที่ 1 : ...........................(อย่าลีลาได้ไหม กูลุ้นจนจะเป็นลมอีกรอบอยู่แล้ว)................

..................................เกตุ เกตุวลี โพธิ์สุวรรณ คณะวิทยาศาสตร์



“เยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย้” นี่คือพยายามไม่เสียงดังกันแล้วนะ

“เก่งมากเกตุ” “ดีใจด้วยนะ” “สุดยอดๆ”



เกตุเอามือมาปิดหน้า เธอคงจะดีใจจนร้องไห้ออกมา

“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับ” พี่กอล์ฟปลอบ “ตั้งสติก่อน มาลุ้นของเพื่อนๆฝั่งผู้ชายก่อน” เออใช่



“ขอแสดงความยินดีกับน้องๆฝ่ายหญิงทั้งสิบสองคนที่เข้ารอบด้วยนะครับ” ภาพตัดกลับมาที่พิธีกร

“งั้นเราอย่ารอช้าสำหรับการประกาศผลของฝ่ายชายเลยนะคะพี่ปืน” พิธีกรหญิงตื่นเต้น

“แน่นอนครับ ไปที่ VTR กันเลยครับ”

เห้ยยยยยย

เอาเลยเหรอ

จะเอาจริงดิ เดี๋ยวๆๆๆ



พี่ตองคงเห็นว่าผมตระหนกจึงรีบจับมือผมไว้

ไอ้ต้อมก็จับมือขิง ไอ้สุ่ยก็จับมือไอ้ข้าว พี่ท๊อปก็โอบเอวพี่บุ๋น.....

ห๊ะ พี่ท๊อปกล้าโอบพี่บุ๋นได้ไงวะ

โอ๊ย กูจะมายุ่งเรื่องคนอื่นทำไมตอนนี้ สนใจเรื่องของตัวเองก่อน

ผมจับแขนพี่ตองแน่นเลยตอนนี้ เอามาบังหน้าตัวเองไว้ เพื่ออะไรก็ไม่รู้

อันดับที่ 12 : แชมป์ โยธิน ป้องรักษ์ คณะนิติศาสตร์

อันดับที่ 11 : เมฆ เมฆา ร่องภูธร คณะเภสัชศาสตร์

อันดับที่ 10 : ซีแกรม ศักดาธร ภูติพิทักษ์ คณะเกษตรศาสตร์

อันดับที่ 9 : คิน ศรราม ชางตระกูล คณะสังคมศาสตร์

อันดับที่ 8 : เบียร์ ธวัชชัย สอนศิลป์ คณะศึกษาศาสตร์

อันดับที่ 7 : อาร์ม ดนุรุท พ่วงพี คณะวิศวกรรมศาสตร์

**อันดับที่ 6 :**สุ่ย สุรเดช สมนคร คณะวิทยาศาตร์ (“เห้ย ชื่อกู” ไอ้สุ่ยร้อง) แล้วกูล่ะ ลุ้นชิบหาย ตอนนี้เข้าใจความรู้สึกเกตุแล้วว่าทำไมถึงร้องไห้ออกมา

อันดับที่ 5 : โซนี่ วัชรชัย สุขหอม คณะแพทยศาสตร์ เดือนคณะแพทย์ก็โผล่มาแล้ว หือ... อยากจะร้องไห้ ทำไมต้องมาลุ้นเรื่องสำคัญแบบนี้ในโรงพยาบาลด้วย

อันดับที่ 4 : มิค ไมเคิล บัวชู วิทยาลัยนานาชาติ โผล่มาซะทีซิวะ

อันดับที่ 3 : ข้าวเจ้า พัฒนวิทย์ ศุภเจริญกุล คณะสังคมศาสตร์ (“เห็นไหม บอกแล้ว ยังไงข้าวเจ้าก็ต้องติดหนึ่งในสาม” ไอ้สุ่ยพูด) มึงอย่าเพิ่งมาสวีทกันตอนนี้ได้ไหม กูจะช็อคตายอยู่แล้วเนี่ย เหลืออีกสองที่เอง

อันดับที่ 2 : ต้อม ศริภพ อาจแผ่นดิน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ (“เยี่ยม” ไอ้ต้อมหลุดปากร้องเสียงดัง) ตั้งสติไว้ ตั้งสติไว้ .....

อันดับที่ 1 : …………………………..



ไม่ได้ไม่เป็นไร ไม่ได้ก็อย่าเสียใจนะ ทำดีที่สุดแล้ว ทำดีที่สุดแล้วววว

แต่ทำไมกูลุ้นอย่างงี้วะ นี่กูหายใจอยู่หรือเปล่าเนี่ย



...............................น้ำชา ธชานา ธนกฤษ คณะวิทยาศาสตร์

เห้ย!!

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด”

“.....อ.....เอ่อ......” ไม่ใช่ผมนะ ผมไม่ได้กรี๊ดนะ

“ข...ขอโทษทีค่ะ” พี่พยาบาลแผดเสียงดีใจลั่นห้องเลย ดีใจซะอึ้งกันหมดทั้งห้องเลย “ด....ดีใจด้วยนะคะน้องน้ำชา”

“ขอบคุณครับ” ผมพยายามไม่แสดงรีแอคชั่นมากเกินไป เพราะแค่นี้พี่พยาบาลก็ดูจะเขินพอแล้ว

“งั้นพี่ขอตัวก่อนนะคะ เอ๊ะ เอ่อ.... ขอวัดความดันใหม่อีกรอบนะคะ ความดันสูงไปหน่อย”

จะไม่สูงได้ไงล่ะ นี่ถ้ากรี๊ดแบบพี่ได้ ผมก็คงทำไปแล้วแหละ

พี่พยาบาลรีบร้อนทำการตรวจเช็คตามหน้าที่แล้วเดินเก้อๆเขินๆออกไปจากห้อง



“เห้ยมึง ดีใจด้วยนะ” ไอ้ต้อมรีบพูดกับผม “สภาพนี้ยังเอาชนะเดือนมหาลัยอย่างกูได้นะมึงอ่ะ”

“ต้อม” ขิงเอ็ด “ให้พี่ตองพูดก่อนไหม”



“เก่งมากครับ” พี่ตองพูด หวานสุดๆ กูทั้งดีใจทั้งเขินเลยตอนนี้ “ใกล้ถึงฝันแล้วนะ แต่ถึงขั้นได้ที่หนึ่งแบบนี้ก็ไม่ธรรมดาจริงๆนั่นแหละ”

“เอ่อ... ขอโทษนะชา” ไอ้ข้าวแทรกขึ้นมา ก่อนจะเดินมาหยิบอะไรบางอย่างจากหลังแจกันดอกไม้ เห้ย “กูแอบไลฟ์ไว้อ่ะ ขอโทษจริงๆนะที่ไม่ขออนุญาตก่อน แค่อยากให้มึงกระแสดีๆ ทั้งสองคนคงไม่ได้ทำอะไรแปลกๆนะ”

“............” ไม่แปลกหรอก กูแค่นอนกอดกันบนเตียงในโรงพยาบาล

กูจะบ้าตาย ไม่ได้ละ วันหลังต้องเตือนไอ้ข้าวเรื่องความหวังดีของมันซะบ้าง



“มึงงงง อิชา” อิเจสซี่และพ้องเพื่อนแก็งนางฟ้าของผมเข้ามากอดผม “ดีใจด้วยนะมึง ความฝันในการเป็นบั๊ดดี้ของกูใกล้เป็นจริงขึ้นไปทุกทีแล้ว”

“นี่มึงดีใจกับกูหรือดีใจกับตัวเองกันแน่เนีย” อิห่านิ

“ก็ทั้งสองอย่างแหละมึง แต่มึงเก่งมากเลยนะ กูยอมใจเลยที่ถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลแบบนี้”



“งั้นเราก็ควรปล่อยให้ไอ้น้ำชาพักผ่อนได้แล้ว” พี่บุ๋นแทรก “มึงต้องพักผ่อนเยอะๆนะ อาทิตย์หน้าอ่ะของจริงแล้ว ด่านสุดท้ายของผู้เข้ารอบทุกคน...........









............เก็บตัวนอกสถานที่”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:33:19 โดย Kings Racha »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด