Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]  (อ่าน 64866 ครั้ง)

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 17





“อ่อนหัด! อ่อนหัดเกินไปแล้วไอ้มิว! ”

ผมหดคอลงหลังจากที่โดนไอ้แนทขึ้นเสียงใส่ ดูเจ้าตัวจะใส่อารมณ์กับเรื่องที่ผมเล่าจริงๆ

“เอาจริงดิ? นี่ถึงขั้นใช้มือแล้วแต่ยังไม่ได้กันเนี่ยนะ? พี่กชมัวทำอะไรอยู่วะ”

“อ้าว แล้วไหงวกกลับไปว่าพี่กชล่ะ” ผมโวยเบาๆ ไม่ได้หรอกครับ ต้องปกป้องแฟนตัวเองหน่อย “พี่กชเขาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับกูนะ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”

“งั้นก็ผิดที่มึง” แนทว่าพร้อมกับจ้องผมตาขวาง ถ้าทะลุแว่นออกมาได้คงทำไปแล้ว ส่วนผมจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากก้มหน้างุดๆ ลงบนพื้นห้องของอีกฝ่าย “ทำไมไม่ยอมๆ เขาไปเลยวะ? ถึงขั้นไหนแล้วจะเหลือติ่งไว้ทำแมวอะไร”

บางทีผมก็สงสัยนะว่าตัวตนที่แท้จริงของไอ้แนทนี่มันเป็นแบบไหนกันแน่ วินาทีหนึ่งคุณอาจจะคิดว่ามันโคตรเนิร์ด (ยิ่งมีแว่นทรงเดียวกับผมอยู่บนหน้าด้วยแล้ว) แต่วินาทีต่อมาคุณก็จะรู้สึกว่ามันเป็นคนแรงๆ บางคนอาจจะเปลี่ยนง.งู จากคำว่า ‘แรง’ เป็นด.เด็กก็ได้ แต่ยังไงมันก็เป็นเพื่อนผมล่ะนะ เพราะงั้นผมจะไม่ใช้ด.เด็กแล้วกัน

“มึงจะบ้าเหรอ ไอ้แนท” ผมว่า พิงหลังลงกับขอบเตียงของเพื่อน หอของไอ้แนทเองก็อยู่ไม่ไกลจากหอผมเท่าไร ไปมาหาสู่กันได้สบาย “กูยังคบเขามาไม่ถึงเดือนเลยนะ”

“แล้วไงวะ”

แล้วไงเหรอ…

“ก็ไม่แล้วไง กูว่ามันเร็วไป”

“งั้นเหลืออีกกี่วันถึงจะครบเดือน? ”

ผมยกนิ้วขึ้นมานับพึมพำก่อนจะหยุดอย่างนึกขึ้นมาได้ หันไปมองมันตาขวาง

“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นสักหน่อย”

“แล้วประเด็นคือ? ”

“กูยังไม่พร้อม”

นัยน์ตาหลังเลนส์แว่นหรี่ลงอย่างยียวน บางทีไอ้บ้านี่ก็น่าซัดอย่างไม่น่าเชื่อ

“ถ้ามึงยังไม่พร้อม งั้นก็ไม่เกี่ยวกับเร็วหรือไม่เร็วไปดิ? ไม่เกี่ยวกับว่ามึงคบกับเขามาถึงเดือนหรือยังไม่ถึงด้วย”

ผมยกสองมือยอมแพ้ “มึงจะพูดยังไงก็เอาเลย”

“มึงต้องไม่ทำตัวอ่อนหัดนะมิว”

“มึงหมายความว่ากูควรได้กับเขางั้นสิ? ”

แนทนิ่งคิดไปนิดหนึ่งก่อนจะถามกลับ “แล้วมึงรู้สึกยังไงตอนใช้มือกับเขาล่ะ”

เอาจริงดิ นี่เราต้องพูดเรื่องนี้กันจริงเหรอ

“ก็… ก็ดี” พูดพร้อมกับก้มหน้างุด หน้าโคตรร้อนเลยตอนนี้ แต่ไอ้แนทกลับหรี่ตาลงเหมือนหมั่นไส้เล็กน้อย

“แล้วยังไงต่อ”

“อะไรนะ? ” คือกูต้องอธิบายละเอียดขนาดไหนครับกับการที่ผู้ชายสองคนใช้มือให้กันเนี่ย

“แล้วมึงอยากจะทำต่อไหม” แนทยื่นหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้นจนผมต้องถอยหนี “ต่อจากนั้นไปอีกขั้นน่ะ”

“แล้วทำไมกูต้องตอบมึงด้วยวะ”

ถึงตรงนี้เจ้าตัวก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ อันที่จริงมันดูเจ้าเล่ห์จนน่าขนลุกแปลกๆ ชอบกลมากกว่า

“นั่นสินะ มึงไม่ต้องตอบกูหรอก” พูดพร้อมกับถอยกลับไปนั่งที่เดิม “เพราะกูรู้ว่ามึงอยากทำ”

“มึงพูดเอง---”

“ขอทีเถอะน่า มิว ไม่งั้นมึงจะมาหากูทำไมวะ? ถูกไหม? ”

โดนจี้จุดไปแบบนี้ผมก็ได้แต่เงียบ เบ้ปากนิดหนึ่งเพราะไม่ชอบใจที่โดนเพื่อนรู้ทันความคิดของตัวเอง แต่ก็อีกนั่นแหละ ผมไม่เคยมาหาไอ้แนทถึงห้องแบบนี้มาก่อน ปกติเวลาเจอกันเรามักจะนัดไปกินข้าวข้างนอกมากกว่า แต่การที่ครั้งนี้ผมยืนยันว่าต้องเป็นที่ห้องของมันเท่านั้นก็คงจะชัดเจนพอให้ไอ้แนทเดาได้

แล้วตอนนี้ไอ้บ้านี่ก็กำลังส่ายหน้าเหมือนเอือมระอาผมเต็มที่ “ให้ตายสิวะ พี่กชเนี่ย”

“ทำไม? ” พี่กชมาเกี่ยวอะไรด้วยฟะตอนนี้

“ปล่อยมึงรอดมาได้ยังไงวะ ถ้ากูเป็นเขานี่ป่านนี้มึงเสร็จไปหลายยกแล้ว”

ผมสะดุ้ง ถลึงตาใส่เพื่อนที่ส่งยิ้มเผล่มาให้ ว่าแล้วก็เอาเท้าเขี่ยไอ้แนทที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยความหมั่นไส้ไปทีหนึ่ง

“ถีบกูทำไม ไอ้มิว นี่กูพูดจริงๆ นะ”

“บ้า พี่กชเขาไม่ได้ปลิ้นปล้อนแบบมึงปะล่ะ”

“ยี้ หลงผัวว่ะ”

“แฟนโว้ย! ” ยังไม่ได้กันยังไม่นับ… เอ่อ แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้นสินะ “แต่เดี๋ยวก่อนนะ ไอ้แนท มึงบอกว่ามึงไม่เคยมีแฟนมาก่อนนี่”

“ช่าย” มันลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็น รินน้ำเขียวใส่แก้วสองใบ เดินกลับมายื่นให้ผมใบหนึ่ง

“แล้ว… แล้วมึงเคยมีอะไร…? ”

“เคย” ตอบกลับมาหน้าตายมาก ผมอ้าปากค้างมองมันอย่างอึ้งๆ “ทำไม แปลกใจขนาดนั้นเลยเหรอ? ”

“แปลก! ” ผมตะโกน ยกมือขึ้นประหนึ่งปางห้ามญาติ “เดี๋ยวก่อนๆ ๆ มึงบอกว่าไม่เคยมีแฟน แต่มึงเคย… แบบ ทำเรื่องอย่างว่ามาแล้ว? ”

“หมายถึงมีเซ็กซ์อะนะ? ใช่”

ผมยังคงมองหน้าเพื่อนอย่างตกตะลึง มือที่ถือแก้วน้ำเขียวค้างอยู่กลางอากาศ “ถามจริง? ”

“ตอบจริง” พูดเสียงกวนตีนแล้วก็ซดน้ำของตัวเองลงคอ แถมยังร้องฮ้าอย่างชื่นใจอีก

“แล้วมึงไปนอนกับใคร”

“ก็หาๆ เอา”

“หาที่ไหน”

“ที่ไหนก็มีทั้งนั้น” ไอ้ตัวแสบยิ้มเจ้าเล่ห์ เขยิบตัวเข้ามาใกล้ มือยันกับพื้นขณะทำเหมือนจะขึ้นมาคร่อม “ขนาดตอนนี้ยังมีเลย”

“ไอ้ห่าแนท! ” ผมผลักมันออกแทบไม่ทัน ไอ้บ้านี่ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น งอตัวกุมท้องขำซะจนผมอยากจะประเคนลูกถีบให้มันสักรอบ เล่นบ้าอะไรไม่รู้เรื่อง ขนนี่ลุกเกรียวเลยเนี่ย “เป็นเหี้ยอะไรของมึง ไปหาคู่นอนของมึงนู่นไป๊”

“กูไม่มีอะ” มันว่าหลังจากบังคับให้ตัวเองหยุดขำได้ “แบบ… ยังไงล่ะ กูไม่ได้มีคู่นอนเป็นตัวเป็นตนนะ”

ผมถลนตามองมัน “มึงนอนไปเรื่อยงั้นเหรอ? ”

“ก็ประมาณนั้นมั้ง ไม่เห็นเป็นไรเลยไม่ใช่เหรอ เดือนละครั้งสองครั้งเอง”

ผมไม่คิดว่าตัวเองใสซื่อหรือบริสุทธิ์ผุดผ่องอะไรหรอกนะ แต่มาเจอเพื่อนตัวเองพูดออกมาหน้าตาเฉยแบบนี้ก็รู้ว่าตัวเองเด็กน้อยไปเลย

คือ… ผมคือคนที่กำลังกลุ้มใจกับการทำเรื่องอย่างว่าครั้งแรกนะ แต่ไอ้หมอนี่มันเชี่ยวขนาดไหนกันแน่เนี่ย?

“มึงพูดจริงปะเนี่ย” ผมคราง เรื่องที่มันเป็นคนแบบนี้ก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องที่มันไม่เคยเล่าให้ผมฟังเลยนี่สิ “ทำไมกูไม่เห็นเคยได้ยิน”

“ก็นะ มึงมันพวกเด็กดีนี่หว่า กูก็ไม่ค่อยอยากเล่าให้ฟังเท่าไรหรอก กลัวมึงรับไม่ได้”

“แล้วทำไมตอนนี้ถึงยอมเปิดปากล่ะ”

“มึงจะได้มั่นใจไงว่ามาปรึกษาถูกคนแล้ว”

อืม จ้ะ รู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะเลยจ้ะ

“แล้ว มึงเป็น… แบบว่า…” ผมทำมือขึ้นลงเงอะงะ “ข้างล่างหรือข้างบน”

แนทคลี่ยิ้มกว้างมากขึ้น “ไม่รู้สิ? เอาเป็นว่าให้มึงลองทายดูเป็นไง”

“ห่าเอ๊ย แล้วกูจะปรึกษามึงรู้เรื่องไหม”

“เออ นั่นดิ เข้าประเด็นกันดีกว่า” ว่าแล้วเจ้าตัวก็หันหน้ากลับมานั่งขัดสมาธิดีๆ ผมว่าผมไม่ชอบตอนเข้าเรื่องจริงจังแบบนี้มากกว่า “แต่มึงอยู่ข้างล่างใช่ไหม ไอ้มิว แหงล่ะ มึงไม่อยู่ข้างบนหรอก พี่กชไม่ยอมแน่ ทีนี้มาดูกัน มึงเตรียมตัวอะไรแล้วบ้าง มึงรู้ใช่ไหมเขาทำกันยังไง”

ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการบังคับตัวเองไม่ให้หน้าแดง คือไอ้แนทนี่มันหน้าน่ิงมากจนผมรู้สึกผิดเลยถ้าจะมามัวอาย นั่นสินะ ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วสักหน่อย! อายุก็เกินสิบแปดแล้ว! จะมามัวอายม้วนบิดตัวเป็นสาวน้อยก็ไม่ใช่เรื่อง แล้วผมก็ไม่ใช่สาวน้อยนะ!

“ไม่” ผมตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ ไอ้แนทเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

“ไม่นี่คือ? ”

“กูไม่รู้ว่าเขาทำกันยังไง”

ไอ้แว่นแฝดผมพยักหน้าเนือยๆ “กูก็ว่างั้น ไม่งั้นมึงคงไม่ขอให้พี่กชหยุดตอนนั้นหรอกใช่ไหม”

“ทำกับผู้ชายมันไม่เหมือนกับทำกับผู้หญิงปะวะ”

“สัส อย่างกับมึงเคยทำกับผู้หญิง”

เออ ก็ไม่นั่นแหละ

“แต่จริงๆ มันก็ไม่ได้ต่างกันมากหรอก แค่ใช้ข้างหลังเท่านั้นเอง คำแนะนำของกูคือ… ทำความสะอาดดีๆ แล้วกัน”

อยู่ๆ ผมก็รู้สึกโหวงในช่องท้อง มันอธิบายไม่ถูก เหมือนทั้งอายทั้งอนาถตัวเองไปพร้อมๆ กัน ไม่นึกเลยว่าในชีวิตจะต้องมาอยู่ในจุดจุดนี้

“เอ้า หน้าซีดเลย ใจเย็นเพื่อน” ไอ้แนทว่าพร้อมกับยกมือพัดวี ผมเลยขมวดคิ้วกลับไปให้มัน

“กูไม่เป็นไร”

“มึงช็อกสินะที่ตัวเองเป็นเกย์”

“กูช็อกช้าไปรึเปล่า” คือนี่ถึงขนาดคบกับพี่กชแล้วนะ จนวางแผนจะมีอะไรกันอยู่แล้ว

“ไม่เห็นเป็นไร ตกใจบ้างก็ได้ อะไรที่เป็นเรื่องที่เราไม่คาดฝัน หรืออะไรที่เป็นครั้งแรกมันก็น่ากลัวทั้งนั้นแหละ”

น่าแปลกที่คำพูดของไอ้แนททำให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ บางทีอาจเป็นเพราะผมรู้สึกว่ามันเองก็เคยผ่านช่วงเวลาเดียวกับที่ผมเผชิญอยู่มาก่อน และตัวมันในตอนนี้ก็ไม่ได้ดูเดือดร้อนอะไรกับรสนิยมทางเพศของตัวเอง

“แต่มึงห้ามทำสดนะ”

คำพูดต่อมาของเพื่อนทำเอาผมที่เริ่มยกน้ำเขียวขึ้นมากินแทบสำลัก

“อะ… อะ… อะไรนะ? ”

“กูรู้ว่าถึงตอนนี้มึงจะช็อก แต่ยังไงมึงก็ต้องทำอยู่ดี” มันน่ากลัวตรงที่ไอ้แนทมันพูดด้วยสีหน้าจริงจังมากนี่แหละ “เพราะงั้นมึงต้องเซฟตัวเอง เกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะเรื่องใหญ่ แล้วไปเตรียมพวกเจลหล่อลื่นมาด้วยก็น่าจะดีกว่า ถุงยางก็เช็กดีๆ ว่าโอเคไหม ดูด้วยว่าพี่กชใส่ถูกวิธีรึเปล่า มึงรู้ใช่ไหมว่าวิธีการใส่ที่ถูกต้องทำยังไง เคยใส่ใช่ไหมถุงยางเนี่ย”

“ไม่… ไม่เคย” ว่าจะไม่หน้าร้อนแล้วนะ แต่ตอนนี้แดงจนแทบจะเผาส่วนอื่นของตัวเองได้แล้ว แต่ไอ้แนทกลับถอนหายใจเฮือก มองผมอย่างอ่อนใจเสียอย่างนั้น

“กูต้องสอนมึงใส่ด้วยรึเปล่าเนี่ย ให้ตาย”

“ไม่ต้อง! ” บ้าชะมัดเลย ว่าอยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้ควรศึกษาด้วยตัวเอง ไม่น่าคิดมาขอคำปรึกษาจากใครเลย

“มึงนี่มันเป็นตัวอย่างความล้มเหลวของการศึกษาเรื่องเพศในประเทศเราจริงๆ ”

“อ้าว ด่ากูอีก” ผมเริ่มโวยวาย “พอเลย ไอ้ห่า นอกจากไม่ช่วยแล้วยังจะซ้ำเติม”

“ไม่ได้ซ้ำเติมเลย นี่กูก็พยายามช่วยสุดๆ แล้ว อยากให้มึงระวังตัวเองไว้หน่อยก็เท่านั้นเอง ว่าแต่มึงอยากยืมเจลหล่อลื่นกูไหมล่ะ เหลืออีกครึ่งขวดอ่ะ ถ้าเอา เดี๋ยวกูไปหยิบมาให้”

“ไม่เป็นไร ขอบคุณ” ของใช้ส่วนตัวแบบนี้ขอบายเถอะ

“มึงอยากไปซื้อเองมากกว่าสินะ” พูดพร้อมกับแสยะยิ้มอย่างกวนตีน แทบอยากจะยกโต๊ะขึ้นมาฟาดหน้ามัน

“ไม่อยากโว้ย! ”

“แต่มึงต้องใช้นะ นี่สำคัญจริง แต่มึงฝากพี่กชซื้อก็ได้นี่เนอะ ฝั่งนั้นคงไม่หน้าบางแบบมึงหรอกมั้ง”

“มึงว่ากูกับเขาจะไปกันรอดไหมวะ” พูดแล้วก็ยกมือขึ้นมากุมแก้มตัวเอง ให้ตายเถอะ สัมผัสจากฝ่ามืออุ่นคู่นั้นยังหลงเหลืออยู่เลย ผมรู้ว่าพวกเราเพิ่งคบกันมาไม่นาน และพี่กชเองก็คงรอผมได้ก็จริง แต่… ผมก็อยากทำอะไรเพื่อเขาบ้าง

“มึงหมายถึงความสัมพันธ์มึงหรือเรื่องบนเตียงล่ะ”

“...อย่างหลัง” ด้านความสัมพันธ์ไม่ค่อยห่วงเท่าไรครับ ไม่รู้สิ ผมว่าเราก็ไปกันได้ดีนะ

“ก็ถ้าคุยกันดีๆ ก็ไม่มีปัญหามั้ง” ไอ้แนทเริ่มยกมือเกาหัว “ไม่รู้ดิ กูไม่เคยมีปัญหาเรื่องบนเตียงนะ แต่ความสัมพันธ์นี่อีกเรื่องหนึ่ง”

สรุปก็คือเราสองคนเป็นขั้วตรงข้ามกันสินะ เยี่ยมไปเลย

“กูว่ากูกลับห้องกูแล้วดีกว่า” ผมว่าหลังจากพลิกนาฬิกาข้อมือดูเวลา เดี๋ยวต้องกลับไปอัดคลิปเกมที่เล่นค้างไว้อยู่ แต่ไม่แน่ใจว่าพาร์ทนี้พี่กชจะมาเล่นด้วยได้ไหมเพราะพี่แกบอกจะไปเตะบอลกับพวกพี่บอส แต่ไม่เป็นไร เกมนี้บางพาร์ทผมก็เล่นคนเดียว บางพาร์ทก็เล่นกับพี่กช ไม่ซีเรียสมากอยู่แล้ว

ไอ้แนทเดินลงมาส่งผมที่ชั้นล่างของหอมัน ผมกำลังกดมือถือเล่นไปด้วยพร้อมกันขณะที่ไอ้แนทเริ่มเล่าเรื่องเพื่อนในกลุ่มที่ทำรายงานด้วยกันให้ฟัง มีคนทักหน้าเพจมาเยอะเหมือนกันแฮะ ไล่ตอบสักหน่อยดีกว่า ดองแชทนานๆ ไม่ดีหรอก





Vk Dragon: น่าเสียดายตอนที่พี่พลาดเหรียญในเฟสสองไป ไม่งั้นก็ได้ทรูเอนด์แล้ว

AMPerSand&&&: เฮ้ สไลม์ หวัดดี สนใจมาเล่นเกมคอฮ. ด้วยกันไหม





ประโยคหลังจากคนในวงการเดียวกันทำให้ผมตาโตขึ้นมานิดหนึ่ง คนที่ชื่อแอมเพอร์แซนด์นี่มีชื่อเล่นจริงๆ ว่าแอมป์ เขาเป็นรุ่นพี่ผมสองสามปีได้มั้ง เริ่มทำชาแนลก่อนผมมาสักพัก แต่ก็ถือว่าอยู่ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราติดเกมออนไลน์เกมเดียวกันเลยมีโอกาสได้เล่นด้วยกันบ่อยๆ แต่หลังจากเกมนั้นไปก็แทบไม่ได้คุยอะไรกันเท่าไร มีถามสารทุกข์สุกดิบบ้างแต่ก็ไม่ได้แคสเกมด้วยกันเลย

และตอนนี้เขาก็กำลังชวนผมเล่นเกมเกมหนึ่งที่กำลังเป็นกระแสอยู่ ผมเคยเห็นเกมที่พี่แอมป์ชวนเล่นมาบ้างและคิดว่าน่าสนใจดี บางทีผมก็ควรมีปฏิสัมพันธ์กับแคสเตอร์คนอื่นๆ บ้างล่ะนะ





SlimeSmileS: ดีคับ พี่แอมป์ ไม่ได้คุยกันตั้งนาน

SlimeSmileS: คอฮ. เหรอพี่ ก็น่าสนใจนะ

SlimeSmileS: เดี๋ยวผมกลับห้องก่อนละจะไปดูเกมอีกที แต่ผมอยากเล่นกับพี่นะ





อีกฝั่งพิมพ์ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว บ่งบอกให้รู้ว่าคงอยู่หน้าจอ





AMPerSand&&&: เออ ดีๆ มาเล่นด้วยกันนะ จะได้แคสให้คนดูด้วย เกมนี้สนุกอยู่ สไลม์น่าจะชอบ

SlimeSmileS: โอเคพี่ งั้นเดี๋ยวผมทักไปใหม่ ขอเดินกลับห้องก่อนนะ





ผมเงยหน้าขึ้นมามองรอบตัวอีกทีตอนที่ไอ้แนทเริ่มเล่าว่าเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งของมันทำตัวงี่เง่ายังไงตอนที่อาจารย์เรียกไปตอบคำถาม เราสองคนเดินมาได้เกือบครึ่งทางที่จะถึงหอผมอยู่แล้ว สงสัยเพราะไอ้แนทกำลังเพลินกับการระบายปัญหาส่วนตัวในชีวิตมันให้ฟังเลยเดินมายาวเลย

ผมให้ความเห็นเรื่องเพื่อนคนนั้นของมันพร้อมกับก้มหน้าก้มตามองโทรศัพท์เพื่อพิมพ์ตอบลูกเพจต่อ ไม่ต้องมองผมแบบนั้นหรอก ผมรู้ว่าพวกคุณก็ต้องเคยทำเหมือนผมบ้างแหละ คุยกับเพื่อนไปตอบเพื่อนอีกคนในโทรศัพท์ไปเนี่ย เด็กรุ่นเรามีความสามารถในการแยกสมองที่บรรเจิดจะตายไป ถูกไหม

ว่าแล้วคราวนี้ก็ตอบน้องมังกร





SlimeSmileS: เออ นั่นดิ แต่จะให้ย้อนกลับไปเล่นใหม่ทั้งเกมก็ไม่น่าไหว

SlimeSmileS: แต่ก็ยังสองจิตสองใจนะ ดูก่อน มีคนขอให้ย้อนกลับไปเล่นเอาทรูเอนด์เหมือนกัน

SlimeSmileS: ถ้าพอมีเวลาอาจจะเล่นให้ดู





แถบแชทอีกฝั่งขึ้นจุดสามจุดขึ้นมา บ่งบอกให้รู้ว่าคู่สนทนากำลังพิมพ์





Vk Dragon: จริงเหรอพี่

Vk Dragon: ถ้าได้จริงก็ดีอ่ะ ผมก็อยากเห็นทรูเอนด์เหมือนกัน

Vk Dragon: แต่ก็แอบอยากให้เล่นเกมเดิมต่อนะ อยากรู้บทต่อไปแล้ว

Vk Dragon: โอ๊ย เลือกไม่ถูก ลงสองเกมเลยได้ไหม





ผมเผลอยกยิ้มขึ้นมาอย่างนึกขัน





SlimeSmileS: ใจเย็นนะมังกร พี่ยังแยกร่างไม่ได้

SlimeSmileS: เล่นได้แค่ทีละเกม

Vk Dragon: โห่ พี่อะ





“ไอ้มิว--” เสียงเรียกจากแนทที่เดินตามหลังทำให้ผมหยุดเดินเพื่อจะหันกลับไปมอง

แต่เหมือนจะไม่ทัน ผมชนเขากับใครอีกคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์อยู่เหมือนกันจึงไม่ทันสังเกตผม และเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองผมก็ต้องหน้าซีดลงเล็กน้อย

พี่บอสในชุดบอล… เหงื่อนี่โซมกายมาเลยครับ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ผมไม่หลงเสน่ห์เขาหรอก วางใจได้เลย

“มิว? ” เขาพูดงงๆ เหมือนนจะตกใจที่เห็นผมเหมือนกัน จากนั้นเจ้าตัวก็กระวีกระวาดเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง “มาทำอะไรเนี่ย” แล้วสายตาเขาก็มองมาที่ไอ้แนทที่เดินมายืนขนาบข้างผมเหมือนเตรียมจะปกป้องเต็มที่ “อ้อ… อยู่กับผัวใหม่นี่เอง”

“ทำไมพี่ถึงพูด--” ผมพูดแย้งเขาอย่างไม่สบอารมณ์ หากไอ้แนทกลับคลี่ยิ้มแล้วดึงผมไปโอบบ่าหน้าตาเฉย

“พี่บอสหึงหรือไงครับ? ดูไม่ค่อยชอบใจทุกทีเลยเวลามิวอยู่กับผม”

“! ” พี่บอสชะงักไปนิดหนึ่ง นัยน์ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเพราะคาดไม่ถึง แต่แล้วทั้งผมกับแนทก็ต้องเป็นฝ่ายอึ้งไปเสียเองเมื่อเห็นพี่กชเดินมาหยุดอยู่ข้างหลังพี่บอสแล้วจ้องผมด้วยสายตาตื่นตะลึง

ไอ้แนทรีบผละมือออกจากบ่าผมทันที แต่เราทั้งหมดรู้ดีว่ามันไม่ทันแล้ว

“ฉิบหาย” เสียงไอ้แนทสบถข้างหูผมแผ่วเบา “ผัวจริงๆ เสือกมา”

อืม ใช่ นั่นสิ

ฉิบหาย





------------------------------------------------------
Talk: ขอโทษที่หายไปหลายวันค่ะ แฮ่~ พอดีเจอมรสุมชีวิตนิดหน่อย แต่เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เนอะๆๆ ให้มิวเจอมรสุมชีวิตแทนเราไปก่อ---//แค่กๆๆ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
น้องมิวไม่น่ารอดนะ แนทด้วย

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ตัดตอนทำร้ายความอยากรู้อยากเห็นของเรามาก  :ling1:

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
คนเขียนเล่าเรื่องเก่งมากๆ เลยค่ะ
ตัดตอนได้พีคๆ ตลอด และตอนนี้ก็เช่นกัน

ตอนหน้าแยกย้ายกันไปเคลียร์เป็นคู่ๆ ไปเลยนะ
รออ่านต่อค่ะ

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 18




หลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่ทุกคนคาดการณ์กันไว้นั่นแหละครับ

พี่กชลากผมขึ้นห้อง เหวี่ยงขึ้นเตียง จากนั้นก็กระโจนลงมานัวเนียซัดเต็มที่

“อะ… อื้อ พี่กช” ผมพูดพร้อมกับพยายามผลักบ่าเขาออกเพราะตั้งตัวกับการโจมตีไม่ทัน แต่อีกฝ่ายแรงเยอะกว่าผมเป็นทุนเดิม นอกจากเขาจะไม่ปล่อยผมแล้วยังจะกดริมฝีปากลงมาบนซอกคอแรงขึ้นอีก! โอ๊ย ให้ตาย ละลายแล้วครับ ณ จุดจุดนี้ ขอเวลาผมรับมือก่อนได้ไหมล่ะ “พี่กช… ใจเย็นครับ แป๊บหนึ่ง… พี่ พี่จะทำรอยบนคอไม่ได้นะ! ”

ผมโวยวายเมื่อริมฝีปากร้อนดูดผิวเนื้อของผมอย่างแรงจนเกิดเสียงแปลกๆ ที่ชวนให้ขนลุกซู่ ผมไม่รู้หรอกนะว่าไอ้การทำรอยจูบบนตัวนี่เขาทำกันยังไง ไม่รู้ด้วยว่าพี่กชกำลังพยายามทำไอ้รอยที่ว่านั่นรึเปล่าด้วย แต่เขาจะทำจริงก็บอกเลยว่าไม่ดีแน่ๆ ถ้าคนอื่นเห็นเข้าจะทำยังไงล่ะ!

“มิว” เสียงเข้มนั่นกระซิบอยู่ข้างหู ผมหยุดดิ้นไปเพราะรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจที่มาพร้อมกับความปรารถนาทางกาย เหมือนเขาโกรธอะไรผมสักอย่างแต่ก็อยากจะฟัดผมไปพร้อมๆ กันด้วย แล้วผมก็ไม่จำเป็นต้องถามเลยว่าเขาโกรธอะไร

“พี่กช” ผมพยายามอธิบาย “คือที่พี่เห็นน่ะ มันไม่ใช่อย่างที่พี่ิคิดนะครับ นั่น… แนทเพื่อนผมไง พี่ผมเคยเล่าให้ฟังอ่ะ”

“คนที่กอดกับมิวนัวเนียที่ข้างคอร์ทเทนนิสน่ะเหรอ”

โอ๊ยยย ไอ้พี่บอสบ้า! ไปเอาอะไรใส่หัวพี่กชไว้เนี่ย หมดกันภาพลักษณ์ผมกับไอ้แนท ไม่แปลกใจเลยถ้าพี่กชจะหงุดหงิดขนาดนี้

“งื้อ พี่… ฟังที่ผมอธิบายก่อน” ผมว่าก่อนจะครางออกมาอีกระลอกเมื่อลิ้นร้อนลากลงบนลำคอ บริเวณที่เปียกชื้นนั่นร้อนวูบวาบไปหมด มือที่พยายามผลักอกเขาออกถูกรวบไปด้านบนอีกแล้ว

พี่กชทาบจูบลงมา ใช้ฟันกัดริมฝีปากล่างของผมอย่างมันเขี้ยวแล้วจ้วงลิ้นเข้ามาในโพรงปากอย่างแรง ผมสะดุ้งเฮือกเพราะอีกฝ่ายไม่เคยรุนแรงขนาดนี้มาก่อน ผมควรจะไม่พอใจรึเปล่าก็ไม่รู้นะ แต่ตอนนี้ผมเคลิ้มไปกับเขาหมดแล้ว ปล่อยให้เขาสอดแทรกลิ้นอยู่ด้านในไปมา รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเยลลี่นุ่มๆ ที่โดนบีบสักหน่อยก็แทบจะเละคามือเขาแล้ว และตอนนี้มือหนาก็กำลังชำแหละเสื้อผ้าของผมออก ไม่ต้องให้เวลาตั้งตัวกันเลยใช่ไหม

“พี่… กชครับ” ผมพยายามเรียกเขา ผมไม่กลัวหรอกถ้าต้องเสียความบริสุทธิ์ให้เขาทั้งๆ อย่างนี้ ไม่เสียใจ ไม่โวยวายอะไรเลยด้วย แต่ผมรับไม่ได้แน่ๆ ถ้าจะปล่อยให้ผู้ชายที่ชอบเข้าใจตัวเองผิด “พี่ ฟังนะ ผมกับไอ้แนทไม่ได้มีอะไรกันเลย”

น้ำเสียงและสีหน้าจริงจังทำให้พี่กชยอมลดความเร็วลง เงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมเหมือนขอความจริง

เอาจริงดิ นี่เขาหึงผมกับไอ้แนทจริงๆ งั้นเหรอ ให้ตายเถอะ นี่มันถึงยุคที่ผู้ชายคนหนึ่งต้องหึงผู้ชายที่อยู่กับผู้ชายอีกคนแล้วใช่ไหม โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดแล้ว ฮัลโหล ตอบ

“ไม่มีอะไรกับเพื่อนคนนั้นจริงๆ เหรอ? ”

“ไม่มีจริงๆ ครับ” ผมยืนยัน

“แล้วกอดกันทำไม”

“ก็ตอนนั้นเขาปลอบผม” เราเคยคุยเรื่องนี้กันไปแล้วนะเฟ้ย

“แล้วเมื่อกี้ทำไมยอมให้เขาโอบบ่าล่ะ” พูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าไม่พอใจสุดๆ ผมอ้าปากค้าง ยังไม่ทันได้พูดอะไรตอบพี่กชก็ซุกหน้ามาบนคอผมอีกแล้ว โว้ย คุยกันให้รู้เรื่องก๊อน!

“กะ… ก็… ปกติผมก็-- พี่กช อ๊ะ! เดี๋ยว…”

ร่างของผมบิดเกร็งด้วยความเสียวซ่านเมื่อลิ้นของคนด้านบนกวาดลงบนใบหู ความอุ่นร้อนของโพรงปากครอบลงบนนั้นจากนั้นก็ชอนไชเข้าไปด้านในโดยที่ไม่สนเลยว่าผมจะดิ้นตัวเร่าๆ กับการกระทำนั้นของเขามากแค่ไหน

“แฮ่ก… อื๊อ พี่กช พี่กชครับ ผม…”

“ผมอะไร มิว” ปากเขาผละออกจากหูผมแล้ว แต่ให้ตายเถอะ เมื่อกี้นี้เสียวสุดๆ ไปเลย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนเราสามารถรู้สึกหวามไหวกับหูได้ด้วย “บอกตามตรงนะ พี่รู้แหละว่าคนที่ใส่แว่นคนนั้นเป็นเพื่อนของมิว แต่แค่แว่นของนายสองคนเหมือนกันก็แย่มากพอแล้วนะ อะไรน่ะ คิดจะให้มันเข้าคู่กันงั้นเหรอ บอกเลยว่าพี่โคตรไม่ชอบใจเลย ยิ่งมิวปล่อยให้เพื่อนแตะเนื้อต้องตัวได้ง่ายๆ ขนาดนั้น มิวเป็นแฟนพี่นะ”

อย่างหนึ่งที่ต้องรู้ไว้คือเวลาพี่กชสติแตก แกจะเริ่มพูดจาไม่ค่อยปะติดปะต่อกัน มันจะงงๆ นิดหน่อย แต่ผมก็พอจะจับใจความได้ว่านอกจากตัวแนทเองแล้ว พี่กชยังหึงแว่นที่แนทสวมอีกด้วยเพราะมันดันเข้าคู่กับแว่นของผมเอง

กูจะบ้าตาย

แต่ถึงจะคิดแบบนั้นผมก็ยิ้มขำ นั่นยิ่งทำให้ใบหน้ายับยู่ยี่ของพี่กชบูดหนักเข้าไปอีก เขากระชากแว่นออกจากหน้าผม วางมันลงที่ข้างหัวเตียง แล้วก็กระชากเสื้อผมออกจากตัว โยนลงไปบนพื้นทำท่าจะโจนลงมาฟัดผมอีกรอบ

เหวอ! ใจเย็น ตอนแรกก็สนุกอยู่หรอกที่เห็นเขาหึง แต่ตอนนี้ชักเสียวแทนล่ะ

พี่กชทุ่มน้ำหนักลงมากดทับตัวผม แล้วคิดว่าตัวเขาเบานักรึไง ผมผลักเขาออกจากตัวด้วยเรี่ยวแรงที่ไม่ค่อยมี คราวนี้เขายอมผละออก ล้มตัวลงมานอนข้างๆ แล้วดึงผมไปกอดไปจูบเหมือนหวงก้างเสียเหลือเกิน

ให้ตายสิ อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนพี่กชเป็นหมาตัวใหญ่ยักษ์ขนสีทองๆ มันเรียกพันธุ์อะไรนะ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์รึเปล่า คือรู้สึกทั้งขำ ทั้งหวั่นใจ ทั้งเอ็นดู แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือผมรู้สึกชอบเขามากขึ้นไปทุกทีๆ เขาแสดงออกให้เห็นชัดเจนว่าหวงผมมาก แล้วทำไมผมจะไม่ชอบเขากันล่ะ?

ผมชิงเขยิบตัวเข้าไปจูบเขาก่อนเมื่อพี่กชผละออกในจังหวะหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลานั่นดูแปลกใจนิดหน่อยที่ผมยังมีแรงพอจะรุกเขากลับ ผมส่งยิ้มหวานให้เขาเพื่อแสดงถึงความจริงใจเต็มที่ และมันได้ผล ดูเหมือนอาการฮึดฮัดของเขาจะอ่อนลงพอสมควรเลยทีเดียว

ผมขยับเข้าไปกอดเขา ซุกหน้าอยู่แถวแผงอกอย่างออดอ้อน เฮ้ ผมเองก็มีพัฒนาการบ้างเหมือนกันนะ ไม่ยอมให้พี่กชมาทำให้ผมเขินอยู่คนเดียวแบบที่ผ่านๆ มาหรอก

“พี่กชครับ ผมรู้ว่าพี่กำลังโกรธ แต่ฟังที่ผมพูดนิดหนึ่งน้า” ผมรีบใช้จังหวะที่พี่กชหน้าแดงทำตัวไม่ถูกในการอธิบายทันที “ผมกับแนทเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว เราสนิทกันในระดับหนึ่ง แต่ผมกับมันไม่ได้มีอะไรกันเกินเพื่อนเลย พี่กชเองก็รู้ใช่ไหมว่าผมเชื่อใจได้ ผมไม่ทำให้พี่ผิดหวังหรอก ผมสัญญานะ เพราะงั้นเชื่อใจผมหน่อยได้ไหม? ”

พูดกันตรงๆ แบบนี้แหละครับ แสดงความบริสุทธิ์ใจกันเต็มที่ แล้วพี่กชที่เป็นคนพูดว่าชอบผมจากปากตัวเองจะใจแข็งได้เหรอครับ

“อะ… เอ่อ” ติดตั๊นไปเรียบร้อย ว่าแล้วเชียว พี่กชน่ารักจริงๆ นั่นแหละ ขนาดพยายามจะเล่นบทโหดยังน่ารักได้เลย ว่าแล้วก็อาศัยจังหวะนี้รุกเข้าไปอีกรอบ

“ว่าไงครับ พี่ ผมเองก็เชื่อใจพี่มากเหมือนกันนะ แล้วพี่กชล่ะครับ? ”

“เออ! ” พูดเสียงดังออกมาเหมือนโดนบังคับ หากมือแกร่งดึงผมเข้าไปกอดอย่างหวงแหน เรียกเสียงหัวเราะจากผมได้อีกระลอก “พี่เชื่อใจมิว แต่พยายามอย่าให้คนจับตัวบ่อยนักได้ไหม หึงเป็นเหมือนกันนะเว้ย บอกพี่สิว่าจะพยายามเลี่ยงไม่ให้คนแตะเนื้อต้องตัวน่ะ”

โถ พูดอย่างกับผมเป็นสาวน้อยสุดน่ารักที่มีคนรุมล้อมประหนึ่งไอดอล โทษทีเถอะ จะมีสักกี่คนที่อยากจะมาจับมาโดนตัวผมกัน มีแค่พี่กชคนเดียวนี่แหละ

“ตกลงครับ” ผมตอบแค่สั้นๆ พอพร้อมกับยิ้มเอาใจ ไม่ได้หรอก เดี๋ยวเรื่องยาวอีก แล้วมันคงจบลงที่เตียง คืออย่างที่บอกว่าไม่ใช่ผมรังเกียจอะไร แต่ขอเวลาเตรียมตัวก๊อน! “พี่กช หายโกรธแล้วนะ? เราคุยกันดีๆ ได้แล้วใช่ไหม? ”

“อืม” เหมือนพี่กชจะรู้ทันความคิดผมเพราะเขาตีหน้าเซ็งทันที ผมเอื้อมมือไปหยิกแก้มเขาเบาๆ อย่างเอ็นดู ผมรู้ดีว่าต่อให้เขาโกรธจนหน้ามืดแค่ไหนเขาก็จะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ นี่ผมเชื่อใจเขาสุดๆ เลยนะเห็นไหม หวังว่าเขาเองก็คงคิดแบบผมเหมือนกัน

“งั้น… ผมใส่เสื้อผ้าก่อนได้ไหมพี่ แล้วออกไปกินข้าวกัน? เย็นนี้เรามีนัดกันอยู่ไม่ใช่เหรอ ผมสัญญาแล้วนี่ว่าจะเลี้ยงข้าวพี่น่ะ”

ใช่ครับ ถึงตอนนี้เราจะไม่ได้เล่นกันเป็นแฟนหลอกๆ แล้ว แต่ผมยังคงข้อเสนอเลี้ยงข้าวพี่กชอาทิตย์ละสองมื้อเหมือนเดิมตามที่โอกาสอำนวย

ทำไมน่ะเหรอ… ก็เพราะพี่แกเปย์ผมหนักมากน่ะสิ!

คือจริงๆ ตั้งแต่ก่อนจะคบกันพี่กชก็คอยเลี้ยงข้าวเลี้ยงขนมตอบแทนไอ้สองมื้อที่ผมให้เลี้ยงเป็นประจำ จนผมยังไม่รู้เลยว่าแล้วที่ผมเลี้ยงจะมีความหมายยังไง แต่พี่กชเคยบอกว่าอันที่จริงแล้วเขาไม่ได้อยากให้ผมเลี้ยงจริงๆ หรอก แต่ที่เขาตอบรับข้อเสนอนั่นเพราะเขาคิดว่ามันเป็นข้ออ้างที่ดีที่จะได้ไปกินข้าวกับผมสองคน

...ฟังแล้วนี่หน้าแทบจะระเบิดด้วยความอายเลยครับ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่กชคิดแบบนั้น

แต่ยังไงก็เถอะ ตอนนี้เราสองคนคบกันจริงๆ แล้ว และผมก็ไม่ใช่เด็กเลี้ยงของเขาหรืออะไรแบบนั้นสักหน่อย ก็เลยตัดสินใจว่าขอคงข้อตกลงนี้ของเราไว้เหมือนเดิม ส่วนมื้ออื่นๆ ถ้าพี่กชอยากเลี้ยงผมก็ไม่ขัดศรัทธาหรอก เพียงแต่ผมไม่อยากให้เราสองคนเอาเปรียบใครเกินไปก็เท่านั้น

พี่กชชักสีหน้าหมาหงอยก่อนจะถอนหายใจเฮือก ผุดตัวลุกนั่งบนเตียงอย่างเสียไม่ได้

“ก็ได้ๆ มิว ถ้าไม่ติดเพราะพี่อยากไปกินนมปั่นในห้างนั้นล่ะนะพี่คงไม่ยอมแน่”

ผมเลิกคิ้วข้างหนึ่งขณะรับแว่นที่พี่กชส่งคืนให้มาสวม

“พี่จะไม่ยอมอะไรครับ? ไม่ใช่ว่าพี่บอกว่าจะไม่ทำจนกว่าผมจะบอกว่าพร้อมหรอกเหรอ? ”

“ฮึ่ย! ” พี่กชพูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเต็มที่เหมือนหาคำพูดมาเถียงไม่ได้ ผมหัวเราะออกมาเบาๆ กับท่าทีขัดใจนั้น

ผมรู้ดีเชียวล่ะว่าเขาต้องการผม ต้องการเรื่องอย่างว่า ผมเองก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน จะบอกว่าไม่เข้าใจเลยคงไม่ได้

เพราะงั้นผมถึงตัดสินใจเอื้อมมือไปกระตุกชายเสื้อเขาเบาๆ พี่กชหันกลับมามองทั้งที่คิ้วยังขมวดมุ่นด้วยความขัดใจอยู่นิดหนึ่ง

“พี่… ยังไม่ได้เลือกเลยไม่ใช่เหรอครับ”

“อะไร? ” คราวนี้คนตัวสูงกว่าได้แต่ทำหน้างง

“ก็” ผมยกนิ้วชี้วนไปในอากาศ เก้อเขินอยู่เหมือนกันนะที่ต้องมาพูดเรื่องอะไรแบบนี้ “ข้าวอีกมื้อที่อยากให้ผมเลี้ยงไง”

“อ้อ อันนั้นเอาไว้---” เขาสะดุดคำพูดลงไว้ตรงนั้น หันขวับกลับมามองผมอย่างรวดเร็วอย่างไม่อยากเชื่อหู ผมได้แต่หลบตาเขาไปอีกทางเพราะรู้สึกได้ว่าหน้าร้อนขึ้น หมู่นี้ผมเขินบ่อยเกินไปจนชักรำคาญตัวเองแล้วนะ แต่แต่แต่ กับเรื่องอย่างว่านี่ขอเขินต่ออีกสักหน่อยเถอะ ก็คนมันไม่เคยปะวะ

“มิว” พี่กชย่อเข่าลดตัวลงมาให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับผมที่นั่งอยู่บนเตียง “แน่ใจแล้วเหรอ? ถ้าพี่ขอคราวนี้พี่ไม่เกรงใจมิวแล้วนะ”

“อืม” ผมบังคับตัวเองให้หันกลับมาสบตากับเขาจนได้ สังเกตเห็นด้วยว่าหน้าของเขาขึ้นสีแดงเรื่องเล็กน้อย “ไม่งั้นผมก็ไม่ถามแบบนี้หรอก”

“โคตรน่ารักเลย” เขายิ้มออกมาจนได้ ผมหลับตาเมื่ออีกฝ่ายเคลื่อนหน้าเข้ามาประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากผม ผมชอบเวลาพี่กชจูบตรงนี้ชะมัด รู้สึกถึงความละมุนสุดๆ เลย “ชอบนะมิว”

โธ่เว้ย อุตส่าห์พยายามจะไม่เขินพร่ำเพรื่อแล้วนะ แต่ผมก็แพ้ทางเขาอยู่ดี

“งั้น… มิวก็รู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าพี่จะขอกินอะไร”

“ถ้าพี่ไม่พูดออกมาชัดๆ ผมก็ไม่รู้หรอก” ก็ยังจะเล่นบทคนซื่อเนอะผม พี่กชคงขอกินชาบู หมูกะทะ ซูชิ หูฉลามหรืออะไรแบบนั้นหรอก ผมยื่นดาบให้เขาขนาดนี้

“งั้น… ของอาทิตย์นี้ก็เป็นสเต๊กแล้วก็--” ยังอีก ยังจะเว้นช่องพูดอีก “ขอกินมิวนะ”

อ๊าก! หน้าจะระเบิด! ไม่สิ อาจจะระเบิดตัวแตกตายไปเลยก็ได้

ทำไมต้องทำให้ผมเขินมากมายขนาดนี้ด้วยนะ ไอ้รุ่นพี่บ้านี่!





ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่าบรรยากาศระหว่างเราสองคนหลังจากนั้นเป็นยังไง

ผมไม่รู้ว่าคู่รักคู่อื่นจะเป็นอย่างนี้รึเปล่านะ แต่กับผมและพี่กชนี่… ผมบอกได้เลยว่าพี่กชอารมณ์ดีขั้น maximum มากๆ คือไม่มีทางอารมณ์ดีได้มากกว่านี้อีกแล้วในชีวิต

พี่กชเทคแคร์ผมดีมาก คือปกติพี่แกก็ดูแลผมดีอยู่แล้วนั่นแหละ แต่วันนี้ดูจะกระตือรือร้นมากกว่าทุกที แบบ… ออร่ามันออกมาก แล้วปกติเวลาเราสองคนมาเดทกันที่สาธารณะแบบ พี่กชจะพยายามเก็บอาการไม่ให้คนอื่นมองเราแล้วรู้เลยว่าเราทั้งคู่เป็นอะไรกัน แต่วันนี้คือ… คงไม่มีอะไรชัดเจนไปมากกว่านี้อีกแล้ว เหมือนเขาพยายามจะแสดงให้โลกทั้งใบเห็นว่าพวกเราเป็นแฟนกัน

ผมแอบเห็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปตอนที่พี่กชจับมือผมเดินจังหวะหนึ่งด้วยซ้ำ ให้ตายเถอะ นั่นมันละเมิดความเป็นส่วนตัวนะ แล้วพี่กชก็อารมณ์ดีเสียจนผมไม่อยากจะขัดอะไรเขาเท่าไร อันที่จริงก็คือการได้เห็นเขาแฮปปี้ขนาดนั้น ผมก็มีความสุขไปด้วย

...แต่แน่นอน ผมเสียวมากเหมือนกันล่ะว่าไอ้ครั้งแรกนี่มันจะเป็นยังไง ถึงเราสองคนจะเรียกรู้ร่างกายของกันและกัน ทำเรื่องหื่นๆ มาด้วยกันก็ตั้งมาก แต่นี่ผมเพิ่งจะตัดสินใจที่จะยอมไปถึงขั้นตอนสุดท้ายกับผู้ชายคนนี้ไง จะไม่ให้ประหม่าเลยก็คงเป็นไปไม่ได้

พี่กชปล่อยให้ผมไปเดินเล่นอยู่ในร้านเกมครู่ใหญ่ขณะที่ตัวเองแวบไปซื้อของที่จำเป็นมาสำหรับคืนนี้ เอาเป็นว่าผมไม่ต้องถาม และพี่กชก็ไม่จำเป็นต้องบอกหรอกว่ามันคืออะไร เป็นอันรู้ๆ กันอยู่

ผมได้แผ่นเกมเพลย์สี่มาแผ่นหนึ่งแลกกับเงินมากมายที่หลุดลอยออกจากกระเป๋าไป ส่วนพี่กชนี่ซื้อของมาตั้งสองถุง คือพี่แกคงอายเหมือนกันถ้าจะซื้อแค่ของที่จะเอาไว้ใช้บนเตียงเจ้าตัวเลยหอบขนมกับเสบียงยังชีพไปคิดเงินด้วย เห็นแล้วทั้งเอ็นดูทั้งขำ แต่ก็ขอบคุณเหมือนกันที่เขายอมบากหน้าไปจัดการเรื่องนี้คนเดียว

แต่ของจริงมันเริ่มขึ้นหลังจากที่เราจัดแจงเก็บข้าวของที่ซื้อมาเข้าที่ เหลือแต่ของที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ นี่ต่างหาก

ผมเหงื่อตกตอนที่หยิบขวดเจลหล่อลื่นขึ้นมาพลิกดู พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ผมไม่ได้ใช้คำอุทานนี้มานานล่ะนะแต่ขอหน่อยเถอะ ชีวิตผมมาอยู่ที่จุดนี้ได้ไงเนี่ย แล้วอะไรคือการที่เจลหล่อลื่นเป็นกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่เหรอ คิดว่าตัวเองเป็นนมขวดรึไง

“มิว” พี่กชเรียก ผมหันกลับไปหาเขา รับรู้ได้ถึงความประหม่าเล็กน้อยในท่าทางนั่น “คือ… เอ่อ จะอาบน้ำก่อนหรือให้พี่อาบก่อน? ”

“ผมขออาบก่อนนะพี่” ผมรีบหยิบข้าวของจำเป็นพุ่งตรงเข้าไปอย่างว่องเลย คือตอนนี้ไม่กล้าสบตาพี่กชด้วยซ้ำ โคตรจะเขิน บางทีทำตัวนิดๆ หน่อยๆ ก็อายไปหมดแบบนี้น่ารำคาญนะ ไม่ได้ๆ ๆ ผมต้องสงบจิตสงบใจให้มากกว่านี้ดิ นี่มันถึงขั้นนี้แล้วนะ

พี่กชสลับเข้าไปอาบน้ำต่อจากผม ระหว่างนี้ผมก็ผ่อนคลายตัวเองด้วยการทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอบข้อความน้องมังกรอีกสักนิด จากนั้นก็ตอบพี่แอมป์ที่คุยค้างไว้เรื่องเกม พี่แอมป์เลยขอนัดแนะเวลาที่เราจะเล่นด้วยกันได้ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เรื่องเกมที่เราคุยกันไว้ผมลองเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมแล้ว น่าเล่นอยู่ แถมเล่นพร้อมกันได้หลายคน

ระหว่างที่กำลังตอบข้อความที่พี่แอมป์ส่งกลับมาผมก็ต้องสะดุ้งเฮือกเพราะสัมผัสเย็นเฉียบแนบลงบนหลัง พี่กชล้วงมือเข้ามาใต้เสื้อผมน่ะเอง ให้ตายเถอะ หัวใจจะวาย นึกว่าพี่หลอก มาไม่ให้สุ้มให้เสียงเลย

“พี่กช” ผมหรี่ตา มองเขาที่ออกมาโดยนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว “ใส่เสื้อผ้าก่อนสักรอบไหมพี่”

“ใส่ทำไม” เดินไปเป่าผมด้วยไดร์ที่ผมเอาออกมาตั้งหน้าโต๊ะไว้ก่อนแล้ว “เดี๋ยวก็ต้องถอดอยู่ดี มิวเถอะ จะรีบใส่เข้าไปทำไม”

แล้วจะให้ผมมาโป๊เปลือยอยู่บนเตียงรึไง แบบนั้นก็ดูกระเหี้ยนกระหือรือไปไหม

พี่กชวางไดร์เป่าผมลง ผมเองก็วางโทรศัพท์ลงที่โต๊ะข้างหัวเตียง เหมือนเราสองคนพยายามทำตัวเป็นธรรมชาติทั้งที่จริงแล้วมันไม่มีอะไรเป็นธรรมชาติทั้งนั้น เพราะงั้นผมถึงได้สะดุ้งนิดหนึ่งตอนที่ร่างสูงเดินกลับมา เชยคางผมขึ้นไปแล้วกดจูบอ่อนหวานลงมา

ผมเขยิบตัวขึ้นไปบนเตียงขณะที่พี่กชเริ่มปีนขึ้นมา ไม่กี่อึดใจมือหนาก็ผลักผมไปนอนราบกับฟูก ทาบจูบร้อนลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับตั้งใจจะให้ผมละลายติดเตียงไปทั้งๆ แบบนี้

“อือ” ผมครางในลำคอขณะพยายามหันหน้ารับให้ทันกับจูบที่กดย้ำลงมาไม่หยุดหย่อน ลิ้นพี่กชแทบจะกวาดหาทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ในปาก มือก็เริ่มดึงเสื้อผ้าผมออกทีละชิ้น ส่วนของตัวเขาเองน่ะง่ายมากเลย กระตุกทีเดียวก็เปลือยทั้งตัวแล้ว ให้ตาย… ทำไมพี่กชหุ่นดีจังวะ หุ่นนักกีฬานั่นมันเพราะเขาเล่นกีฬาบ่อยใช่ไหม อย่างวันนี้ที่ไปเตะบอลกับพี่บอสมาก็เหมือนกัน

“คิดอะไรอยู่น่ะ” พี่กชว่าเหมือนน้อยใจนิดๆ นี่พี่แกอ่านใจได้หรือยังไง “อย่าบอกนะว่าคิดถึงคนที่คุยด้วยอยู่เมื่อกี้ ที่ชื่อแอมอะไรนั่น”

“พี่แอมป์ครับ” ฉิบหาย ลืมไปว่าพี่กชเพิ่งหึงผมกับแนทไปสดๆ ร้อนๆ ยังจะมีพี่แอมป์มาเอี่ยวอีกเรอะ “แค่เล่นเกมด้วยกันเฉยๆ ”

“เห็นคุยกันจี๋จ๋าเชียว” ไม่พูดเปล่า ไซ้หน้าลงมาบนซอกคอผมอีกแล้ว ให้ตายเถอะ จั๊กจี้ชะมัด “พี่ไม่ชอบเลยนะเวลามิวทำให้พี่หึงแบบนี้”

“ผมไม่ได้ตั้งใจ… อ๊ะ” ไหวตัวอีกรอบเมื่อมือแกร่งเริ่มไต่ลงไปซุกซนอยู่แถวๆ ต้นขา ผมหลับตาปี๋เมื่อพี่กชเลื่อนหน้ามาจูบปิดปากผมอีกรอบ ฝ่ามืออุ่นเริ่มกุมรอบส่วนนั้นของผมแล้วขยับขึ้นลง

พี่กชผละจูบออก เลื่อนริมฝีปากไปคลอเคลียอยู่แถวยอดอกผมแทน เสียงดูดที่มาพร้อมกับสัมผัสอุ่นชื้นสลับกับลมหายใจร้อนที่เป่ารดลงมาทำให้ผมเกร็งตัว แอ่นอกขึ้นไปให้อีกฝ่ายลิ้มลองร่างกายตัวเองมากขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่

คนด้านบนทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก เขาใช้เวลาเล้าโลมผมในจุดอ่อนไหวของร่างกายอยู่ครู่ใหญ่ ไล้ปลายนิ้วลงบนแผ่นหลังนิด ลากวนอยู่สะโพกอีกหน่อย แถมมืออีกข้างก็ซนอยู่แถวๆ หว่างขาของผมอีก ให่้ตายเถอะ รู้สึกดีชะมัด ผมหยุดเสียงของตัวเองไม่ได้เลย

“อ๊ะ! ” แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งด้วยความตกใจเมื่อพี่กชลดหน้าลงมาครอบปากลงบนส่วนนั้นของผม ความนุ่มหยุ่นที่กระแทกลงมาโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้ผมร้องคราง

ผมขยับสะโพกรับจังหวะที่พี่กชปรนเปรอให้อย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาใช้ปากทำให้ผมหรอกนะ แต่แม่ง รู้สึกดีชะมัด ทำไมพี่กชใช้ปากโคตรเก่งขนาดนี้

นิ้วเรียวของอีกฝ่ายเลื่อนมาจ่ออยู่ที่ปากทางเข้าด้านหลังโดยที่ปากยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างแข็งขัน นัยน์ตาสีน้ำตาลที่เต็มไปด้วยความรุ่มร้อนช้อนขึ้นมามองผมเหมือนจะหยั่งเชิง ผมได้ยินเสียงตัวเองหอบหายใจแรงขึ้น จากนั้นร่างกายก็กระตุกอีกรอบเมื่อพี่กชสอดนิ้วเข้ามาด้านในอย่างนุ่มนวล

ผมจิกปลายเท้าลงกับผ้าปูเตียงเมื่อนิ้วที่สองชำแรกเข้ามา ให้ตายเถอะ เหมือนจะเห็นดาวเลย ก้ำกึ่งระหว่างรู้สึกดีกับน่าสะพรึงกลัวแบบแปลกๆ

“อ่า… พี่” ผมครางเรียกเขาอย่างสติไม่อยู่กับตัว พี่กชขยับท่อนนิ้วด้านในเพื่อความหาจุดที่ทำให้ผมไปถึงจุดสุดยอดได้ ประเด็นคือเขาทำมันไปพร้อมกับรูดปากขึ้นลงบนท่อนนั้นของผมไปพร้อมๆ กันต่างหาก

ให้ตาย… ให้ตายเถอะ หายใจไม่ทันแล้ว พี่กชกำลังจะทำให้ผมคลั่งจริงๆ แล้วนะ

“อ๊ะ! ” แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อท่อนนิ้วนั้นกระแทกลงบนจุดจุดหนึ่ง แล้วยิ่งพี่กชกระแทกย้ำลงมาในจุดเดิมซ้ำๆ ผมก็ดิ้นไม่หยุด

ให้ตาย… ผมอยากได้มากกว่านี้ ผมอยากให้เราทำกันสักที

“พี่…” ผมพยายามห้ามเสียงครางเพื่อเรียกเขา “พี่กชครับ…”

“อืม” เหมือนเขาจะรู้ว่าผมต้องการอะไร

ร่างผมกระตุกเล็กน้อยตอนที่พี่กชถอนนิ้วออกไปอย่างเชื่องช้า มือแกร่งจัดแจงท่าให้ผมชันเข่าหันหลังให้เขา ผมได้ยินเสียงพี่กชเปิดขวดเจลหล่อลื่น เสียงฉีกซองของถุงยางอนามัย ก่อนที่นิ้วทั้งสิบของผมจะจิกลงกับผ้าปูเตียงเมื่อนิ้วที่ชุ่มไปด้วยเจลที่ว่าชำแรกเข้ามาในตัวผมอย่างรุนแรงและรวดเร็ว

“อ๊ะ… ฮ้า” ให้ตายเถอะ ท่อนขาผมสั่นไปหมด เจลที่ชโลมเข้ามาทำให้ผมยิ่งรู้สึกทรมานกับความปรารถนาอันร้อนรุ่มของตัวเอง

เขาถอนนิ้วออกไปอีกครั้ง ผมเฝ้ารอให้เขาสอดใส่เข้ามาอย่างตั้งใจเลยคราวนี้ แต่บทพี่กชจะทรมานผมเขาก็ทำได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ท่อนแข็งๆ ของอีกฝ่ายถูกฟาดลงมาบนบั้นท้ายผมเหมือนจะยั่ว ผมแทบจะอ้อนวอนให้เขาเติมเต็มให้ผมสักที หากพี่กชค่อยๆ แทรกร่างก่อนที่ผมจะทันได้พูดอะไร

“อ๊ะ… อื้อ” ความคับแน่นที่มาพร้อมกับความเจ็บแปลบทำเอาผมน้ำตารื้น ฝ่ามืออุ่นลูบสะโพกผมแผ่วเบาราวกับต้องการปลอบโยน

“ผ่อนแรงหน่อยครับ มิว” เสียงทุ้มว่า เลื่อนมือข้างหนึ่งมาปรนเปรอส่วนด้านหน้าของผม “ไม่อย่างนั้นพี่จะเข้าไปไม่ได้นะ”

ผ่อนแรงเหรอ… ผ่อนยังไงล่ะ ผมไม่รู้เขาทำกันยังไงนี่

ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น จิกนิ้วลงบนเตียงอย่างหาที่ระบาย เสียงครางอย่างสุขสมดังมาจากปากพี่กชขระที่ค่อยๆ สอดแทรกแก่นกลางของตัวเองเข้ามาได้ เสียงนั่นปลุกเร้าอารมณ์ผมเป็นบ้า และเมื่อของพี่กชเข้ามาทั้งลำผมก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแล้ว มีแค่ความเสียวซ่านล้วนๆ ที่อีกฝ่ายมอบให้

“ให้ตายเถอะ” พี่กชคราง มือลูบเนื้อตัวของผมอย่างหลงใหล เสียงเขายังฟังดูเหมือนเพ้อเลยตอนที่พูด “ข้างในมิวแม่ง… โคตรแน่นเลย พี่ขยับเลยได้รึเปล่า? ”

“พะ… พี่” ผมได้แต่ครางอย่างคนที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากหลอมละลายไปกับสัมผัสของเขา จนกระทั่งพี่กชกระแทกเอวลงมารัวๆ กดซ้ำลงบนจุดที่ทำให้ผมแทบดิ้นได้ที่เดียวกับตอนที่ใช้นิ้วเมื่อครู่ “อะ… อื้อ พี่กช ฮื้อ”

ถึงจุดหนึ่งตัวผมเองก็ไม่รับรู้อะไรแล้ว เหมือนร่างกายจะดูดซับความเสียวซ่านทั้งหมดเอาไว้แล้วปลดปล่อยออกมารวดเดียว พี่กชเองก็ถึงจุดสุดยอดไล่เลี่ยกับผมเหมือนกัน ผมแทบคลานเมื่อมือหนาปล่อยเอวผมออกอย่างอ้อยอิ่ง

ทิ้งน้ำหนักตัวลงนอนกับพื้นเตียง พี่กชคลานมาอยู่เหนือตัว หันหน้าผมไปจูบกับเขาอย่างอ่อนหวานเหมือนจะปิดท้ายยกแรกของเรา

ให้ตาย… ผมรักเขาจัง รักจนไม่รู้จะแสดงออกยังไงดี เหมือนความรู้สึกนี้จะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว

“มิว” เขาพูดขึ้นมาขณะที่ใช้นัยน์ตาสน้ำตาลคู่สวยนั่นจ้องผมอย่างหลงใหล “พี่รักมิวนะ”

เขากอดผม จากนั้นก็ทาบจูบลงมาอีกครั้ง ผมยกแขนขึ้นกอดตอบเขา ยกขาก่ายขึ้นสะโพกของคนด้านบนอย่างเคลิบเคลิ้ม

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเราคงไม่จบแค่หนึ่งยก และผมก็ไม่จำเป็นต้องบอกรักเขาผ่านคำพูดก็ได้นี่ จริงไหม?





-----------------------------------
Talk: มาดึกหน่อย... แบบว่า บทนี้มันหนักน่ะค่ะ... //หนักกันเรื่องบนเตียงนี่แหละ -.,- ถถถถถถถ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อิ่มเลย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
น้องมิวโดนกินแล้ว :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
น้องมิววววววววววว ฮือออออ น้องโดนกินแล้วง่ะ ความจริงเราแค่หมั่นไส้กชอะ ไม่มีอะไรหรอก 5555

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 19




ให้ตายเถอะ…

ปวดเอว ปวดสะโพก ปวดบ่า ปวดไปหมดทั้งตัว

ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยสภาพที่ยับเยินที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะมีได้ ผมเผ้ายุ่งเหยิงชี้ไปคนละทาง เนื้อตัวปวดระบมเหมือนคนที่โหมออกแรงทั้งที่ไม่ได้ออกกำลังกายมานาน

ก้มลงมองผิวเนื้อบริเวณไหปลาร้าแล้วต้องลอบถอนใจกับรอยแดงจ้ำเป็นดวงๆ ที่ใครอีกคนบนเตียงทิ้งไว้ให้ ตอนนี้พี่กชยังนอนหลับตาพริ้ม หายใจอย่างสม่ำเสมอ แขนข้างหนึ่งยังพาดอยู่บนหน้าท้องผมเหมือนจะคอยกันไม่ให้ผมหนีหายไปไหน และเมื่อผมขยับตัวอีกฝ่ายก็รู้สึกตัวจริงๆ พี่กชบิดตัวเล็กน้อยขณะเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างเชื่องช้า เขาถามผมงงๆ ประสาคนขี้เซา

“อือ… มิวมิว”

ผมชะงักไปกับชื่อที่เขาใช้เรียกผมทันที “เมื่อกี้พี่กชเรียกผมว่าอะไรนะ? ”

“มิวมิวไง” ไม่พูดเปล่า มือปลาหมึกยังเลื้อยมาดึงให้ผมลงไปนอนข้างเขาต่อเพื่อกอด ผมไม่หมอนข้างนะเว้ย! “มิวมิวของพี่”

“โอ๊ย พี่กช” ผมพยายามดันตัวให้หลุดออกจากอ้อมแขนเขา ตอนมีอะไรก็ว่าน่าอายอยู่แล้วนะ เจอหลังมีอะไรกันเข้าไปนี่น่าอายยิ่งกว่า แต่แขนแกร่งของเขากลับยิ่งรัดแน่นขึ้นเมื่อผมออกแรงดิ้น พี่กชปรือตาขึ้นมาพร้อมกับส่งยิ้มงัวเงียมาให้ แปลกดีที่รอยยิ้มง่ายๆ นั่นทำให้ผมใจเต้นผิดจังหวะไป ว่าแล้วเชียว รูมเมทของผมน่ารักจริงๆ

“เมื่อคืนหลับสบายไหม”

“นิยามคำว่าสบายทีครับ” ผมอุบอิบ เลิกดิ้นตัวหนีแล้ว ยอมให้เขาซุกหน้าลงมาตามเนื้อตัวอย่างว่าง่าย ให้ตายเถอะ เป็นผู้ชายอะไรทำไมถึงขี้อ้อนขนาดนี้

“ก็แฮปปี้ดีไหมไงล่ะ”

“ผมตอบว่าไม่แฮปปี้ได้ด้วยเหรอ? ”

“ก็ลองดูสิ” เขาหัวเราะในลำคอทั้งที่ยังหลับตา แต่มือนี่เริ่มเลื้อยไปสะโพกกับบั้นท้ายผมแล้วนะ ขนาดละเมอยังหื่นได้เลยคิดดู “ถ้ามิวมิวตอบว่าไม่แฮปปี้ เดี๋ยวคราวนี้อัดวิดีโอไว้เป็นหลักฐานเลย มิวมิวจะได้อ้างไม่ได้ว่าไม่แฮปปี้”

“อย่าแม้แต่จะคิดเลย” ผมโวยวาย อัดวิดีโอตอนที่มีอะไรกันเป็นสิ่งที่ชาตินี้ผมจะไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้นแน่ ไม่ใช่แคสเกมนะโว้ย ไม่ต้องถ่ายเก็บไว้ก็ได้ ยิ่งถ้าเกิดวันดีคืนดีมันหลุดลงอินเทอร์เน็ตขึ้นมาล่ะคุณเอ๊ย…. มีสักสิบชีวิตก็ไม่พอ

“มิวมิว” มือเขายังยึดร่างผมไว้แนบอก หากคว่ำหน้าลงไปบนหมอนเหมือนคนยังไม่ตื่น คราวนี้ผมหันไปแกะมือเขาออกจากเอวอย่างตั้งใจ

“เลิกเรียกผมแบบนั้นได้แล้วครับ น่าอายออก แล้วก็ปล่อยผมเถอะ ผมหิวแล้ว เดี๋ยวไปซื้อข้าวเช้ามาให้นะ พี่กชอยากกินอะไร”

“กินมิวมิว”

เออ อืม ชาตินี้จะคุยกันรู้เรื่องไหมครับ ฮัลโหล

หลังจากรับประทานมื้อเช้าที่ควบคู่ไปกับมื้อกลางวันเสร็จเรียบร้อยผมก็เปิดคอมพิวเตอร์เตรียมลงมืออัดคลิปที่จะเอาลงวันนี้

คลิปวันนี้พี่กชไม่ได้เล่นด้วยแต่เจ้าตัวก็มานั่งอยู่ข้างๆ คอยช่วยดูของแล้วก็ภารกิจในเกม นอกจากนั้นก็มีแอบแต๊ะอั๊งผมด้วยการหอมแก้มเร็วๆ เลื่อนมือมาลูบบ่าโอบไหล่ คือแสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่ ไม่ต้องแสดงออกขนาดนั้นทั้งโลกออนไลน์ก็รู้แล้วครับว่าเราคบกัน หวังว่าพี่กชคงไม่อยากแสดงให้เห็นขนาดที่ว่าเราได้กันแล้วหรอกนะ ไม่อย่างนั้นคงมีผมคนหนึ่งแหละที่ต้องอกแตกตายแน่

“เออ แต่พี่เคยได้ยินนะว่าของแบบนี้มันดูกันออก” พี่กชว่าหลังจากที่ผมกดปิดอัดคลิปแล้วเตรียมตัดต่อวิดีโอ ผมหันไปเลิกคิ้วให้เขาข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม

“ดูออกว่าเรานอนด้วยกันมาแล้วน่ะเหรอครับ? ”

“อืม”

“อ่านการ์ตูนมากไปรึเปล่าพี่” ผมไม่ค่อยอ่านการ์ตูนตาหวานนะ แต่ไอ้มอสชอบผมก็เลยเคยอ่านผ่านตามาบ้าง อะไรอ่ะ แบบเวลาที่พระเอกนางเอกมีอไรกันแล้วนางเอกจะดูดีขึ้น สวยขึ้น มีเสน่ห์มากขึ้นหรืออะไรแบบนั้น แต่ผมไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อยนี่ อีกอย่างนั่นมันก็แค่การ์ตูน

“แต่พี่ว่าคนอาจจะรู้ก็ได้นะ” พูดเหมือนตื่นเต้นระคนหวาดกลัว ผมทำเป็นเฉยเมยกับท่าทีนั้นของเขา

“ถ้าแบบนั้นก็แย่สิครับ” ผมว่าขณะที่ยังง่วนอยู่กับการตัดต่อคลิปของตัวเอง แต่พี่กชไม่ยอมให้ผมเมินเขาได้นานหรอก ตอนนี้เจ้าตัวก็เริ่มเลื้อยมือสลับกับคลอเคลียไปมาบนร่างกายผม สงสัยติดใจเมื่อคืน

“ให้ตายเถอะ” เขาพูดพร้อมกับซุกหน้าลงบนบ่า แขนโอบรอบเอว นัวเนียอยู่ที่บ่ากับไหล่ ตอดนิดตอดหน่อยพี่แกเอาหมด ส่วนผมถ้ายังนั่งทำงานต่อได้อะไรก็ไม่ขัดหรอกครับ “ทำไมมิวมิวน่ารักแบบนี้ ขอกินอีกรอบได้ไหม”

“ตอนนี้ไม่ได้ครับ” ตอบแบบดูเย็นชามาก แต่คือผมตัดต่อคลิปอยู่ไง แล้วผมก็ดันเป็นพวกจริงจังกับการทำงาน

“ไม่เป็นไร” เขาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ผมหน้าร้อนขึ้นนิดหนึ่งแม้ว่าตาจะยังจ้องอยู่ที่โปรแกรมบนหน้าจอ ร่างกายคนเรานี่ช่างทำงานได้หลายอย่างพร้อมกันจริงๆ “พี่จะรอจนกว่ามิวมิวจะว่างก็ได้ พี่อดทนเก่งนะ”

“เลิกเรียกผมว่ามิวมิวได้แล้ว” ผมงึมงำอย่างไม่จริงจังนัก ประเด็นคือเขาเรียกผมแบบนี้ในคลิปที่เราเพิ่งอัดกันไปด้วยไง มันน่าอายไหม

“รังเกียจเหรอ”

“เปล่า ผมอาย” ตอบตรงๆ พี่กชคลี่ยิ้มกว้างมากขึ้นอย่างพออกพอใจ

“งั้นเรียกมิวมิวนะ”

อืม เอาที่สบายใจเลย ผมลุกขึ้นไปตบปากเขาทุกครั้งที่เรียกผมแบบนั้นไม่ได้อยู่แล้วนี่





ผมเริ่มชินกับการคลอเคลีย การเอาอกเอาใจ แล้วก็เรื่องบนเตียงระหว่างเราสองคนขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับว่าตอนนี้ผมมีพี่กชเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้มาก มันก็ฟังดูไม่ค่อยดีนะครับ เพราะถึงตอนนี้พวกเราจะทำตัวติดกันได้แทบจะตลอดเวลาแต่อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้ว เพราะงั้นหลังจากที่ตักตวงความรักกันมาได้พักหนึ่งแบบที่คิดว่าเต็มอิ่มสุดๆ ผมกับพี่กชก็คิดว่าเราต้องเริ่มกลับไปใช้ชีวิตตามปกติของตัวเองบ้าง คือสนใจอย่างอื่นบ้างนั่นเอง ไม่งั้นขืนตัวติดกันเกินไปจะกลายเป็นเบื่อขี้หน้ากันเร็วกว่าที่ควรจะเป็นไปเสียก่อน

แต่เอาจริงๆ มันก็แค่เหมือนกับว่าเราพยายามรักษาสมดุลส่วนอื่นในชีวิตให้ดีก็เท่านั้นเอง ผมมีความเชื่ออย่างหนึ่งนะว่าคนเราไม่สามารถผูกติดโลกทั้งใบเอาไว้กับใครได้
ดังนั้นแล้วช่วงหัวค่ำในวันนี้พี่กชถึงได้ตอบรับคำเชิญกับกลุ่มเพื่อนไปกินข้าวในเมืองกัน ส่วนผมเองก็มีนัดเล่นเกมกับพี่แอมป์ เราก็เลยแยกย้ายกันไป

ผมอัดคลิปคู่กับนักแคสเตอร์คนอื่นๆ ไม่บ่อยเท่าไร อันที่จริงคือแทบไม่ได้ทำแบบนั้นเลยเพราะการจัดสรรเวลามันยาก ไหนจะยังเรื่องอินเทอร์เน็ตอีก ถ้าเน้ตของใครเกิดไม่เสถียรหรือมีปัญหาขึ้นมาจะเป็นอะไรที่งานกร่อยมาก เพราะงั้นผมจะพยายามไม่แคสคู่กับใครถ้าไม่ใช่เพราะอยากจริงๆ

แต่กับพี่แอมป์แม่งแตกต่างออกไป อย่างหนึ่งเลยคือพี่แกเป็นแคสเตอร์ที่ดังกว่าผมมาก ถ้าเทียบเป็นระดับก็เหมือนอยู่เหนือผมขึ้นไปขั้นหนึ่ง แต่ผมก็ไม่ได้น้อยใจอะไรมากมายหรอก เขาเริ่มช่องชาแนลในยูทูปมาก่อนผม และข้อสองก็คือเขาเป็นคนที่เล่นเกมเก่ง ไหวพริบดี แก้ปัญหาเฉพาะในเกมได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญคือสไตล์การพูดจะเป็นตัวของตัวเอง มีศิลปะ สะกดคนฟังได้ ไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมเขาถึงได้มีคนติดตามเยอะขนาดนั้น ผมเองยังนับถือเขาเลย

“เออ มิว เมื่อกี้ไอ้เวสมันบอกว่าอะไรนะ” เวสที่ว่าคือ NPC ตัวหนึ่งในเกม

สิ่งเดียวที่ผมมั่นใจว่าเอาชนะพี่แอมป์หรือแอมเพอร์แซนด์คนนี้ได้คือเรื่องทักษะด้านภาษานี่แหละครับ เนื่องจากเกมนี้เป็นภาษาอังกฤษทั้งเกม และบางทีเราต้องรับภารกิจจากตัวละครด้านในมา แถมยังต้องไขรหัสอีกเป็นครั้งคราว ในสถานการณ์แบบนี้ผมจะได้ช่วยเหลือทีมอย่างเต็มที่

“มันบอกให้เราลงไปในเหมืองไงพี่”

“อ้อ”

“ไประเบิดเหมือง”

“ขุดทอง”

“อืม…. ถุย พี่ขุดเองเลยเหอะ” ให้ตาย แล้วประเด็นคือผมเพิ่งได้กับพี่กชไปเมื่อคืนไง พอต้องมาพูดอะไรสองแง่สองง่ามแบบนี้มันขนลุกอย่างบอกไม่ถูก อีกฝ่ายหัวเราะก๊ากมาตามหูฟังผมขณะพาตัวละครเดินนำผมไป

“ว่าแต่กับแฟนเราน่ะเป็นไงบ้าง”

“หา? ” ผมชะงักไปหน่อยหนึ่ง คุยกันมาได้สักพัก เล่นเกมกันมาพักใหญ่ไม่เห็นพูดถึง

“ก็กชไง ใช่ไหม” เขาว่า ตัวละครหล่อล่ำของเจ้าตัวไต่เชือกลงนำผมไปก่อนแล้ว “ชื่อกชรึเปล่าวะ? ”

“ครับ ชื่อพี่กช” ผมตอบพร้อมกับบังคับตัวละครหญิงแสนสวยของตัวเองตามลงไปบ้าง เจ้าหล่อนหน้าอกหน้าใจไม่ค่อยได้เท่าไร แต่ขาอ่อนนี่อย่างสวย

“รักกันดีอยู่รึเปล่า”

ถามออกสื่องี้เลยเรอะ

“ก็ดีพี่”

“เออ นั่นดิ ไม่น่าถามเนอะ เห็นยังลงคลิปด้วยกันอยู่เลย”

“เฮ้ย” ผมโวยวายหลังหน้าจอ แต่ในจอน่ะตวัดขาฟาดฟันฝูงสัตว์ประหลาดอย่างแข็งขันไม่แพ้พี่แอมป์หรอก “พี่ดูคลิปผมด้วยเหรอ”

“ดูบ้าง” เขาว่าพร้อมกับหัวเราะ “สวีทจี๋จ๋ากับแฟนน่าดูเลยนะ”

“โอ๊ย พี่แอมป์” หน้าผมนี่ร้อนวูบเลย “โคตรน่าอายเลย พอๆ ๆ วันหลังไม่ต้องดูแล้วนะ”

“อ้าว มีการมาไล่คนดูด้วย ซะงั้น” พี่แอมป์หัวเราะร่า เสียงหัวเราะของเขาชวนให้คนที่ได้ยินหัวเราะตามออกมาได้ไม่ยาก จะว่าไปพี่แกบอกว่าเรียนคณะพวกที่เกี่ยวข้องกับการออกสื่อหรือการเอนเตอร์เทนคนอยู่แล้วด้วยนี่นะ ผมว่าอนาคตเขาต้องรุ่งมากแหง “มาๆ ๆ เดี๋ยวเราจัดการตรงนี้แล้วรีบไปตามหาไอ้แมงมุมนั่นกัน ให้ตายดิ ตรงนี้มอนเยอะชะมัด จะตบหมดไหมเนี่ย”

หลังจากที่เล่นจบ กดปิดคลิปเรียบร้อยแล้วผมก็ยังไม่เอาลงทันทีเพราะเพิ่งลงอีกคลิปหนึ่งไปเมื่อช่วงบ่าย แถมนี่ก็ดึกเกินกว่าจะมานั่งตัดต่อวิดีโอ พี่แอมป์เลยบอกว่าเจ้าตัวจะลงจากกล้องของเขาก่อนคืนนี้ซึ่งผมก็โอเค ผมออกไปหาอะไรกินที่ตลาดนัดซึ่งอยู่ห่างจากหอไปเล็กน้อย ตอนแรกว่าจะชวนไอ้เก่งกับไอ้แนทออกมาด้วยแต่เหมือนทั้งคู่จะอยู่กับที่บ้าน ผมเลยต้องเดินแกร่วหาอะไรกินคนเดียว

ผมได้อาหารกล่องกับน้ำช็อกโกแลตปั่นเตรียมเอากลับขึ้นไปกินบนห้อง มีเครปญี่ปุ่นกับลูกชิ้นทอดมาเสริมทัพด้วย คืนนี้ผมตั้งใจจะนั่งท่องคันจิอย่างเต็มที่ เพราะงั้นก็ต้องเติมพลังให้ตัวเองหน่อย ผมเพิ่งตัดสินใจสมัครสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นที่จะมีขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้าน่ะนะ เลยต้องฟิตกันหน่อย เพราะตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมด้วย ผมต้องพยายามบาลานซ์เวลาเรื่องต่างๆ ของตัวเองให้ดีไม่ว่าจะเป็นการเรียน ช่องของตัวเอง แล้วก็เรื่องความรักที่เพิ่งจะพาดผ่านเข้ามาในชีวิต จุดเริ่มต้นของมันไม่ได้ง่ายก็จริง แต่การประคับประคองมันไปพร้อมกับรับผิดชอบหน้าที่อื่นๆ ของตัวเองคงไม่ง่ายกว่าแน่ แต่ผมไม่อยากผิดหวังกับตัวเองภายหลัง

“อ้าว” เสียงเรียกของใครบางคนทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง “นั่น… มิวสไลม์นี่นา ที่เป็นรูมเมทของกช? ”

ผมแทบอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าคนที่ทักทายผมเป็นใคร นี่มันพี่ก้อย… แฟนเก่าพี่กชนี่หว่า แต่พี่แกไม่ได้เรียนมอเดียวกับพวกเราสักหน่อย ทำไมถึงมาปรากฏตัวอยู่แถวนี้ได้ล่ะเนี่ย

“สวัสดีครับ” ผมรีบยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายไหว้ตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เจ้าหล่อนอยู่ในกางเกงยีนส์ขาสั้น เสื้อยืดตัวเล็กที่เน้นทรวดทรงแบบเซ็กซี่พอประมาณแต่ไม่ถึงกับน่าเกลียด ฮืม สเป็กพี่กชเป็นแบบนี้นี่เอง

“หวัดดีจ้า เฮ้ย ส้ม เดินไปก่อนเลย เดี๋ยวเราตามไป พอดีเจอคนรู้จัก” พี่ก้อยหันไปบอกกลุ่มเพื่อนอีกสองคนที่เดินนำไปก่อนแล้ว ผมแปลกใจนิดหน่อยที่เขาตั้งใจจะคุยกับผมแบบปักหลักขนาดนั้น ก็… ไม่ได้อยากจะเสียมารยาทนะ แต่ผมไม่มีอะไรอยากคุยกับเขาสักหน่อยนี่ “เออ แล้วนี่กชไม่ได้มาด้วยกันกับมิวเหรอรอบนี้ อุตส่าห์มาเดินเล่นตลาดนัดแถวนี้คิดว่าเผื่อโชคดีจะได้เจอหมอนั่นสักหน่อย”

เผื่อจะโชคดีงั้นเหรอ… นี่ผมเลวเกินไปรึเปล่าถ้าจะรู้สึกยินดีที่พี่กชไม่ได้มาด้วยในรอบนี้น่ะ

“ไม่ครับ พอดีพี่กชมีนัดกับพวกพี่บอส”

“นัดกับไอ้บอสเหรอ? นัดไปทำอะไรล่ะ เตะบอล? ”

“อืม… ผมก็ไม่ถามรายละเอียดมาด้วยสิ” ก็ปกติพี่กชจะไปไหนทำอะไรกับเพื่อนของเขาก็เป็นสิทธิ์ของเขานี่นา

“เหรอ อืม” พี่ก้อยพูดพร้อมกับยกมือขึ้นใช้นิ้วเกี่ยวปอยผมม้วนไปมา น่ารักจริงๆ ด้วย พี่เขาตัวบางๆ แต่ก็ไม่ถึงกับเล็กมาก แถมดูแล้วท่าทางจะคุยเก่ง “เอ่อ ว่าแต่มิวทำชาแนลอยู่ใช่ไหม พี่ไม่ค่อยได้ติดตามอะไรพวกนี้ก็จริงแต่ตอนนี้เป็นไงบ้าง? ยังแกล้งเล่นเป็นแฟนกับกชอยู่รึเปล่าเนี่ย? ”

ผมชะงักไปอย่างคาดไม่ถึง คือเรื่องนั้นมันเป็นกระแสอยู่นิดหนึ่งเหมือนกันนะ อาจจะสู้ดราม่าหนักๆ ไม่ได้ก็จริง แต่ส่วนมากคนที่ติดตามผมก็รู้กันทั้งนั้น

อ้อ ใช่สิ แต่พี่ก้อยไม่ได้ติดตามผมนี่นะ อาจจะแค่ดูผ่านๆ แต่คงไม่ได้ตามจริงจังอะไร

“เอ่อ ตอนนี้ผมกับพี่กชไม่ได้แกล้งคบกันเล่นๆ แล้วล่ะครับ”

“อ้อ”

“ตอนนี้พวกเราคบกันจริงๆ ”

สิ้นประโยคนั้นพี่ก้อยก็เบิกตากว้างขึ้นอย่างตกตะลึง แวบหนึ่ง… ผมเห็นสีหน้ารังเกียจฉายชัดออกมาจากดวงตาคู่นั้น มันทำให้ช่องท้องผมบิดมวนทันที แม้ว่าพี่ก้อยจะพยายามกลบเกลื่อนด้วยการเสมองไปอีกทางอย่างรวดเร็วแล้วก็ตาม แต่ผมดันตาไวเห็นสีหน้านั้นของพี่แกก่อนจนได้

“งะ… งั้นเหรอ” หญิงสาวอ้ำอึ้ง ผมได้กำมือแน่นอย่างทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน

ให้ตาย… รู้สึกไม่ดีเลย รู้สึกไม่ดีเอามากๆ เลย

ผมเจอคนที่แอนตี้เรื่องผมกับพี่กชมาบ้างในโลกออนไลน์ แต่ในโลกความเป็นจริงก็ไม่เคยมีใครต่อต้านหรือทำท่ารังเกียจอะไร แต่โลกแห่งความเป็นจริงมันไม่ได้สวยหรูแบบนั้นใช่ไหม

“เอ่อ ขอโทษที” พี่ก้อยคงเข้าใจความกระอักกระอ่วนของผม “คือไม่ได้หมายความว่านายหรือกชผิดอะไรนะ… แค่มัน…”

“ผมเข้าใจครับ” ผมพูดไปแบบนั้นทั้งที่ความจริงแล้วไม่เข้าใจหรอก และบางทีผมอาจจะผิดก็ได้ในความคิดของพี่ตรงหน้านี้น่ะ

“แบบ มันตกใจนิดหน่อยมั้ง” หญิงสาวพยายามคลี่ยิ้มฝืนๆ ออกมา นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ลงกว่าเดิมอีก “ก็กชเคยคบกับพี่มาก่อนนี่นา เลยนึกไม่ถึงว่าเขาจะมาคบกับผู้ชายได้จริงๆ อย่างตอนแรกที่พี่เห็นในยูทูปว่าเป็นแฟนกับมิว ตอนนั้นก็ตกใจมากแล้วนะ แต่พอกชมาบอกว่าไม่ได้คบกันจริงๆ ก็เลยรู้สึก เออ มันก็เข้าใจได้ แต่ตอนนี้กลับมาบอกว่าทั้งคู่คบกันแล้วจริงๆ เนี่ยนะ? ”

เกือบแล้ว… ผมเกือบจะหลุดปากถามเรื่องที่พี่ก้อยทำผิดกับพี่กชจนทำให้ต้องเลิกกันไปแล้ว เกือบจะหลุดปากถามไปแล้วว่า ‘แล้วแฟนพี่ไปอยู่ไหนล่ะครับ’ ออกไปแล้ว ขอบคุณความมีสติของตัวเองที่ยังยั้งปากไว้ได้ แต่พี่ก้อยก็ยังไม่หยุดอยู่ดี

“แบบ… จะว่าไงดีอ่ะ น่าเสียดายจัง ทั้งมิวทั้งกชเลย มิวเองก็หน้าตาดีออกนะ น่าจะหาแฟนหน้าตาน่ารักๆ ได้ไม่ยาก แต่ดันมา…”

โอเค ตอนนี้ผมชักไม่โอเคกับการที่ใครมาพูดอะไรแล้วหยุดพูดกลางอากาศแบบนี้เอามากๆ แล้วล่ะ ผมเข้าใจนะว่าตอนนี้พี่ก้อยคงช็อก คงรับไม่ได้เรื่องที่แฟนเก่าตัวเองกลายเป็น เอ่อ อะไรแบบนี้ แต่ถ้าพี่กชเลือกผมแล้วมีความสุขแล้ว พี่ก้อยจะต้องพูดถึงขนาดนี้เลยเหรอ

“พี่ก้อยครับ”

“หืม? ”

“คือ… ถึงยังไงนี่ก็เป็นสิ่งที่ผมกับพี่กชเลือกนะครับ”

รุ่นพี่สาวเบิกตากว้างขึ้น ผมเองก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่กล้าพูดออกไปแบบนั้นทั้งที่ไม่สนิทหรือรู้จักมักจี่อะไรกับอีกฝ่ายมาก่อนแท้ๆ แต่ผมก็แค่อยากอธิบายให้เขาเข้าใจเท่านั้นเองว่าพวกเราสองคนไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วความคาดหวังของเขาหรือของสังคมก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเรา ชีวิตใครก็ชีวิตมันรึเปล่า? ผมเคารพสิทธิ์เรื่องนี้ของทุกคนนะ เพราะงั้นผมเองก็ต้องการความเคารพจากผู้อื่นบ้างเหมือนกัน

แต่บางทีผมอาจจะคิดง่ายเกิน… บางทีพี่ก้อยอาจยังมีเยื่อใยเหลืออยู่กับพี่กช ไม่สิ ต้องมีเหลือแน่ๆ อยู่แล้วล่ะ ไม่งั้นเขาจะมาที่ตลาดนัดซึ่งอยู่ใกล้มอของพี่กชกับเพื่อนทำไม แล้วพี่กชก็เป็นแฟนเก่าของเขา ในมุมมองของพี่ก้อยแล้วพี่กชก็เป็นผู้ชายธรรมดาที่เคยรักกับตัวเองมานาน

“พี่เข้าใจว่านี่คือสิ่งที่มิวกับกชเลือก” พี่ก้อยพูดออกมาในที่สุด แต่สีหน้าแววตาน่ะไม่ได้บ่งบอกว่าเข้าใจตามคำพูดเลยนะ “แต่… ไม่รู้สิ ก็แค่คิดว่าน่าเสียดาย”

“เสียดายอะไรครับ” ผมถามเหมือนกวน แต่ผมสงสัยจริงๆ นะ พี่ก้อยยังชอบพี่กชอยู่งั้นเหรอ? ถ้ายังชอบพี่กชอยู่ แล้วทำไมตอนนั้นถึงหักหลังพี่กชกันล่ะ?

พี่ก้อยยกมือกอดอกสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจ้องผม ถามเสียงจริงจัง

“มิวเคยจูบกับกชหรือยัง? ”

โอ้โห ได้กันก็ได้มาแล้วครับ ถามอะไรของพี่เนี่ย

“พี่ถามทำไมครับ”

“มิวไม่รู้สึกว่ามัน… ไม่รู้ดิ ขอโทษนะที่ต้องพูดงี้ แต่ไม่รู้ว่ามันหยึยบ้างเหรอ”

ขอบคุณมากนะ พี่กช นี่แฟนเก่าพี่เป็นพวกเหยียดเพศเหรอ

“ไม่รู้สิครับ ถ้ากับผู้ชายคนอื่นคงใช่ แต่ผมกับเขา เรารักกันนี่ครับ” ตอบตรงไปอีก แปลกดีเพราะถ้าเป็นสถานการณ์ปกติผมจะอายม้วนบิดตัวจนแม้แต่ตัวเองยังนึกรำคาญ แต่พอต้องมาโต้ตอบแก้ตัวเพื่อปกป้องตัวเองแล้วผมกลับสามารถพูดมันออกมาได้ง่ายดายขนาดนั้น หารู้ไม่ว่านั่นยิ่งกระตุ้นต่อมหงุดหงิดให้อดีตแฟนของพี่กชมากเข้าไปอีก

“ทั้งๆ ที่หมอนั่นเคยนอนกับผู้หญิงมาก่อนแท้ๆ ”

ผมเบิกตากว้างเลยกับประโยคและน้ำเสียงดุดันนั่น อยู่ๆ ข้อเท็จจริงที่บอกว่าพี่กชเคยมีอะไรกับพี่ก้อยมาแล้วก็กระแทกเข้ามาในหัว คือผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย เรื่องในอดตก็คือเรื่องในอดีต แต่พอโดนพูดตรงๆ ใส่หน้าแบบนี้ก็ทำเอาเข่าแทบทรุดไปได้เหมือนกัน

อ้อ ล้อเล่นครับ เข่าทรุดอะไรนั่นไม่มีหรอก ผมยังยืนอยู่ตรงนั้นอย่างมั่นคงนั่นแหละ แต่ใจนี่โหวงไปหมดแล้ว

“พี่ก้อยจะพูดแบบนี้ทำไมครับ” ผมถามอย่างไม่เข้าใจจริงๆ “พี่เป็นผู้หญิงนะ พี่เองนั่นแหละจะเสียหาย”

พี่ก้อยตีสีหน้าแบบหนึ่งเหมือนทั้งโกรธและเจ็บปวดไปพร้อมๆ กัน นั่นทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมานิดหนึ่ง

“งั้น… พี่ว่าพี่ขอตัวดีกว่า ปล่อยให้เพื่อนรอนานแล้ว” พี่ก้อยว่าออกมาในที่สุด ผมตอบรับเสียงเบาขณะที่หญิงสาวหมุนตัวเดินจากไปอีกทาง

ให้ตายเถอะ ก็ว่าจะไม่สนใจในส่ิงที่พี่ก้อยพูดแล้วนะ แต่อยู่ๆ ผมก็นึกถึงตอนที่ผมกับพี่กชทะเลาะกันเพราะเรื่องพี่ก้อย ตอนนั้นเองพี่กชก็ดูปกป้องพี่ก้อยมาก

ถ้าจริงๆ แล้วตอนนั้นพี่กชยังชอบพี่ก้อยอยู่ล่ะ? ถ้าจริงๆ แล้วทั้งสองคนนั้นยังมีเยื่อใยให้กันก่อนที่ผมจะเข้ามาแทรกล่ะ?

โอย… รู้สึกมวนในท้องเลยครับ

ขอกลับไปตั้งหลักที่ห้องก่อนแล้วกันนะ





-------------------------------------------
Talk: อ้าว พี่ก้อย ยังอยู่อีกเหรอ เห็นหายไปนานเลย ถถถถถ

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
อย่าไปสนค่ะมิว พี่กชเป็นของเรา

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ยิ้มเข้าไว้ค่ะมิวมิว เราชนะนะคะลูก

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
มิวมิวคิดมากเลยอ่ะ  :hao5:แหม่ ถ้าพี่กชรังเกียจจริงคงไม่มานัวเนียหรอกนะ :hao7:

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
อยากลากก้อยมาปรับทัศนคติจริงๆ :katai1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ยัยก้อยมันร้าย น้องมิวอย่าไปยอมนะ สู้ๆ

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 20




ผมไม่ได้บอกพี่กชเรื่องที่ได้เจอกับพี่ก้อย ไม่ได้บอกว่าแฟนเก่าของเจ้าตัวพูดจาอะไรกับผมไว้บ้าง

อาจเป็นเพราะส่วนหนึ่งผมอาจจะเข้าใจพี่ก้อยนิดหน่อยก็ได้ ถึงยังไงเขาก็เคยคบกับพี่กช แล้วดูแล้วเขาคงไม่เคยมีคนรอบตัวที่แบบ… เอ่อ คบกับเพศเดียวกันไรงี้ เลยอาจจะช็อกหนักไปหน่อยจึงทำให้พูดอะไรไม่คิด

แต่ถึงผมจะไม่ได้พูดเรื่องนี้กับใครก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่คิดมากนะครับ ผมคิดหนักสุดๆ เลยล่ะ แต่จะทำไงได้ล่ะ ผมไม่อยากพูดเรื่องนี้กับพี่กช ยังนึกถึงคราวก่อนที่เราสองคนทะเลาะกันหนักสุดได้อยู่เลย ถึงเหตุการณ์คราวนั้นจะทำให้ผมได้คบกับพี่กชก็เถอะ แต่ผมก็แน่ใจว่าพี่กชยังแคร์พี่ก้อยอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็เถอะ

แล้วให้ตาย… คืนนี้พี่กชดันมีนัดเตะบอลกับพี่แก๊ป ผมเลยต้องนอนหง่าวอยู่คนเดียวในห้อง ตอนนี้มหาลัยกลับมาเปิดเทอมอีกแล้ว ผมได้อยู่ที่บ้านแบบน้อยมาก ส่วนใหญ่เอาแต่ขลุกตัวที่หอแล้วก็ไปเที่ยวกับพี่กช

ผมหลับไปตอนไหนไม่รู้ หากไหวตัวอีกทีกลางดึกเพราะมีใครบางคนล้มตัวลงนอนข้างๆ เบียดตัวเข้ามาราวกับนี่เป็นเตียงของตัวเอง

ผมขมวดคิ้วมุ่นทั้งที่ตายังลืมได้ไม่เต็ม พลิกตัวกลับไปมองผู้รุกราน แล้วจะเป็นใครไปได้นอกพี่กชล่ะ ชายหนุ่มผุดตัวขึ้นนั่งเพื่อถอดเสื้อยืดออก นั่นเป็นตัวที่เขาหยิบใส่กระเป๋าไปเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังเล่นกีฬาเสร็จ ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่งั้นเตียงผมคงเต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อเหม็นๆ ของเขา แต่ตอนนี้ไม่มีกลิ่นเหงื่อก็จริง แต่กลิ่นเหล้านี่ฟุ้งเลย

“มิวมิว” เขาเรียกผมเสียงหวาน ตาก็ดูลอยๆ เหมือนคนโดนมอมมาไม่มีผิด

ผมหรี่ตาลง รู้ดีเชียวล่ะว่าไม่มีใครคิดมอมพี่กชหรอก พี่แกมอมตัวเองทั้งนั้น

“แอบไปกินเหล้ามาอีกแล้วนะพี่”

“อุ้ย” เขาอุทานอย่างเสแสร้งขณะดึงกางเกงนอนผมลง เดี๋ยวๆ ๆ “เมียจับได้ว่ะ”

“พี่กช” ผมพูดเสียงเขียว หากรุ่นพี่ตัวแสบก็ยังส่งยิ้มร่ามาให้อย่างไม่ทุกข์ร้อน “ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าดื่มเยอะ เห็นไหม เมาหมดแล้วเนี่ย แล้วกลิ่นคลุ้งเชียว”

“ทีมิวยังเคยแอบพี่ไปกินเหล้ากับเก่งแล้วก็แนทเลย แล้วเช้าวันถัดไปมิวก็ปวดหัว”

เออ อืม อันนี้เถียงไม่ออก แต่ผมก็ดื่มไม่บ่อยเท่าพี่แกปะล่ะ… มั้งนะ

“แต่พี่ไม่ได้เมาสักหน่อยน้า” ยัง ยังอีก ยังไม่สำนึก

ผมถอนหายใจนิดหน่อยเมื่อพี่กชเริ่มดึงเสื้อผมให้ขึ้นมากองอยู่ด้านบนบริเวณคอ จากนั้นก็เลื่อนหน้าลงมา แตะลิ้นลงบนยอดอกแล้วเริ่มโลมเลียอย่างเชี่ยวชาญเหมือนนั่นเป็นกิจวัตรประจำวันของเขา

“อือ” ผมครางออกมานิดหนึ่ง ใบหน้าร้อนขึ้นท่ามกลางความมืดของห้อง พี่กชเริ่มเอื้อมมือไปถอดอาภรณ์ท่อนล่างของตัวเองแล้ว และผมโกรธตัวเองมากที่ห้ามใจไม่ไหวต้องเผลอเลื่อนสายตาลงไปมองหน้าท้องสมบูรณ์แบบของเขาและความแข็งแกร่งที่ชูชันขึ้นมาล่างลงไปกว่านั้น

“มิวมิว” เขาว่าก่อนจะขบริมฝีปากลงบนตุ่มไตที่ชูชันขึ้นตามแรงกระตุ้น ผมครางพร้อมกับบิดตัวให้เขา พี่กชขยี้ปลายนิ้วลงบนยอดอกอีกข้าง ผมอ้าแขนออกขยับร่างกายให้ได้องศาที่คนด้านบนจะขยี้ตัวเองได้อย่างเต็มที่ อุณหภูมิระหว่างพวกเราสองคนร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ

“พี่…” ผมกระซิบเสียงพร่าเมื่อแก่นกลางของพี่กชถูไถลงบนขาอ่อน “ถุงยางล่ะ”

“รู้แล้ว” เขาว่าพร้อมกับผละตัวไปจากเตียง หยิบถุงยางกับเจลหล่อลื่นกลับมา

ถือว่ารู้งานดี เพราะงั้นทันทีที่พี่กชแทรกตัวลงมาผมก็เปิดขาให้เขาอย่างง่าย พี่กชบีบของเหลวเย็นลงบนมือ ชำแรกนิ้วที่ชโลมด้วยเจลนั่นเข้ามาทางด้านหลังอย่างนุ่มนวล ผมส่งเสียงคราง บิดตัวน้อยๆ บนเตียงอย่างสุขสม นิ้วที่สองกับที่สามตามเข้ามาโดยไม่เว้นช่องว่างนัก เหมือนพี่กชจะรู้ดีเหมือนกันว่าร่างกายผมเริ่มชินจนไม่ต้องรอปรับสภาพอะไรมากแล้ว

“อ๊ะ… อา…” ผมปล่อยให้เสียงน่าอายนั่นเล็ดลอดออกไปอย่างห้ามไม่อยู่ ความเสียวซ่านที่แล่นปราดมารวมอยู่ที่จุดกึ่งกลางทำให้ผมแทบทนไม่ไหว หากพอมือกำลังจะเคลื่อนไปเสียงของพี่กชก็เอ่ยห้ามขึ้นอย่างนุ่มนวลแต่เด็ดขาด

“อย่านะ มิว”

“หะ… หา? ” ผมหอบหายใจไปด้วยตอนพูด “พี่กช… ผมไม่-- อื้อ”

“เอามือวางลงที่เดิมเลย” เขาสั่ง และน่าแปลกที่ผมยอมทำตามอย่างว่าง่าย เอาจริงๆ เหมือนมันยิ่งปลุกเร้าผมให้มีอารมณ์ขึ้นด้วยซ้ำ แต่ผมว่าผมชักจะไม่ไหวแล้วเหมือนกันนะแบบนี้

“ฮะ… แฮ่ก พี่กช” ผมอ้อนวอนให้เขาช่วย น้ำใสๆ เริ่มรื้นขึ้นมาบนขอบตา ใบหน้าคมคลี่ยิ้มสวย ใบหน้ายังแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์และความร้อนรุ่มจากเราสองคน

“อยากให้พี่ช่วยเหรอครับ? ” เขาถามน้ำเสียงหยอกล้อ ขยี้หัวแม่โป้งลงบนส่วนปลายที่น้ำซึมออกมาพร้อมกับเร่งจังหวะนิ้วที่อยู่ในร่างผมด้วยมืออีกข้าง ผมดิ้นตัวอย่างแรงพยายามขยับสะโพกรับกับสัมผัสวาบหวามนั้น ให้ตายเถอะ ผมจะคลั่งแล้วนะ… ทำไมพี่กชไม่รีบช่วยผมสักที

“พี่… ฮื้อ”

“เรียกพี่กชสุดหล่อก่อน” เขาว่ายิ้มๆ ขณะเริ่มใส่ถุงยางให้ตัวเอง ผมกัดฟันกรอดที่เป็นได้แค่เบี้ยล่างให้เขา

“พี่กชสุดหล่อ…”

“หา? ว่าอะไรนะครับ? ไม่ได้ยินเลย”

“ฮึ่ย! พี่กชสุดหล่อ! ” หน้าผมตัวผมจะระเบิดอยู่แล้วครับ ให้ตายเถอะ นี่มันน่าอายเกินไปแล้วนะ “ทะ… ทำสักทีได้ไหม อ๊ะ! ”

ผมสะดุ้งเฮืกใหญ่เมื่ออีกฝ่ายทำตามคำขอของผมโดยการดันร่างเข้ามารวดเดียว ผมได้ยินเสียงตัวเองครางด้วยความสุขสม มือหนาไล้ลงบนเข่าที่ชันขึ้น ไล้ต่ำลงมาบนต้นขาก่อนจะออกแรงเล็กน้อยให้มันเปิดอ้ามากขึ้น ตอนที่พี่กชเริ่มขยับเอวกระแทกตัวเข้ามาผมก็แทบจะเสร็จไปรอบหนึ่งเลย

“ฮะ… ฮ้า พี่กช พี่…”

“จะปล่อยออกมาก็ได้นะ” เขาว่า ยกลิ้นเลียริมฝีปากพร้อมกับเร่งจังหวะสะโพกของตัวเองมากขึ้น “พี่เองก็จะเสร็จแล้วเหมือนกัน”

เสียงครางอย่างสุขสมของพวกเราสอดประสานกัน และเมื่อความปรารถนาที่พุ่งถึงขีดสุดถูกรีดออกไปจากตัว ผมก็ได้แต่หายใจถี่รัว ร่างเหนือผมเองก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน พี่กชผละตัวออกไปอย่างเชื่องช้า ดึงถุงยางออกมัดที่ปากถุง จากนั้นก็ล้มตัวลงมานอนตะแคงข้างๆ ผม ดึงผมเข้าไปกอดแนบอกแน่นเชียว

ผมเคลื่อนหน้าไปจูบเขาเบาๆ พอใจไม่น้อยที่เขาจูบตอบกลับมาอย่างอ่อนหวาน ฝ่ามืออุ่นไล้ลงบนเส้นผม

“รักมิวนะ”

เขามักจะบอกรักผมเสมอเวลาเรามีเซ็กซ์กัน ซึ่งผมชอบนะ

“ผมก็รักพี่”

“ขอโทษที่วันนี้กลับดึกนะครับ”

“อื้อ ผมไม่ว่าหรอก แต่วันหลังอย่าดื่มเยอะมาก รู้ไหมครับ เกิดโดนรถชนรถเฉี่ยวขึ้นมาจะทำยังไง” พูดพร้อมกับเลื่อนนิ้วไปเกลี่ยผมเขาออกจากหน้าผาก พี่กชหัวเราะหึๆ ขณะที่หลับตาพริ้ม

“พี่ยังไม่โง่ขนาดนั้นหรอก”

“อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอนะพี่” ยิ่งกลับดึกๆ เมาๆ แบบนี้

“มิวมิวห่วงพี่”

“พี่เป็นแฟนผมนะ” ผมว่า ไล้มือลงบนแก้มเขาอย่างเผลอไผล “ไม่ให้ห่วงพี่แล้วจะห่วงหมาที่ไหนล่ะครับ”

พี่กชลืมตาขึ้นมามองผมพร้อมกับยิ้มขำ “เกือบดีแล้ว มิว ยกเว้นคำว่าหมาน่ะ”

“พี่อยากได้อะไรดีกว่านี้จากผมอีกเหรอ”

“ม่ายอ้ะ มิวมิวเจ๋งที่สุดแล้ว” แล้วก็ดึงผมไปกอดแนบอกอีกรอบ ดูเหมือนรอบนี้พี่กชคงตั้งใจจะนอนจริงแล้ว ผมเองก็เพลียมากเหมือนกัน แต่ว่า…

“พี่กชครับ”

“หืม”

“ผมถามอะไรหน่อยสิ”

“อะไรล่ะ”

“พี่เคยมีอะไรกับพี่ก้อยเหรอ”

เขาลืมตาขึ้นมาทันที คราวนี้ไม่มีรอยยิ้มประดับบนมุมปากเหมือนเคย “ก็…” เขาอ้ำอึ้ง

“บอกผมมาเถอะพี่”

พี่กชถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ก็เคย”

ผมพยักหน้ารับ เจ็บแปลบขึ้นมาวูบหนึ่งเหมือนกัน แต่ผมเป็นคนถามเองนี่ แล้วผมก็รู้คำตอบอยู่แล้วด้วย

“ขอโทษ” เขาพูดพร้อมกับกอดผมแน่นขึ้น ผมเอื้อมมือไปกอดพี่กชตอบ

“ขอโทษทำไมครับ”

“ก็มิวทำหน้าแบบนั้น”

ตายห่า ผมแสดงออกทางสีหน้าชัดไปเหรอ “ผมไม่เป็นไรสักหน่อย”

“โกหก”

ก็นั่นน่ะสิ “อืม ก็อาจจะโหวงๆ นิดหน่อยมั้งครับ” ทำไงได้ล่ะ ก็ผมมีเขาเป็นแฟนคนแรก จูบแรก ครั้งแรก ทุกอย่างก็คือเขา แต่สำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่นี่นา จะให้โกหกว่าไม่คิดอะไรเลยก็คงไม่ได้

“มิวอยากให้พี่ทำยังไงล่ะ”

ผมนิ่งไปนิดหนึ่ง แต่เรื่องนี้มันจะทำอะไรได้ล่ะ “ผมไม่ได้อยากให้พี่ทำอะไร… มันอยู่ที่ตัวผมเองมากกว่า”

“อย่าเกลียดพี่เลยนะ” กอดผมแน่นขึ้น ซุกหน้าลงมาเหมือนจะอ้อน ผมนี่ใจอ่อนยวบเป็นขี้ผึ้งโดนไฟลนเลย

“ผมไม่เกลียดพี่หรอกน่า”

“มันก็แค่เรื่องในอดีต” เขาว่า “ต่อจากนี้พี่จะมีมิวมิวคนเดียวนะ”

“ครับ” ผมยิ้มออกมาจนได้ “ผมจะพยายามไม่คิดนะ”

มันก็แค่อดีตเนอะ







เหอะๆ ๆ โกหกทั้งเพ ไม่คิดบ้าอะไรกัน

“เฮ้ย มิว” เสียงเรียกจากคนที่ผมนัดมาเจอปลุกผมให้ตื่นขึ้นจากห้วงภวังค์ของตัวเอง “ฮัลโหลๆ ยังอยู่ตรงนี้รึเปล่า สไลม์น้อย ให้สัญญาณหน่อยเร้ว”

“พี่แอมป์” ผมหันไปเบ้ปากใส่เพื่อนรุ่นพี่ที่โบกมือหย็อยๆ ให้อยู่ตรงหน้า “ทำอะไรของพี่เนี่ย ไล่แมลงวันเหรอ พอเลย แทบจะปัดหน้าผมอยู่แล้ว”

“โทษๆ ” เขายิ้มกว้างให้ผม “ก็เห็นมิวเอาแต่เหม่อนี่หว่า เออ งั้นเดี๋ยวเรารีบไปกินข้าวกันก่อนเถอะ ตอนนี้แบงค์กับจอมไปรอที่ร้านแล้ว เดี๋ยวเราค่อยไปก่อนเริ่มงานสักพัก” เขาว่าพร้อมกับก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ

ผมตอบรับเขาเนือยๆ พี่แอมป์เป็นรุ่นพี่ในวงการแคสเกมที่ผมสนิทด้วยที่สุดในตอนนี้ และเนื่องจากวันนี้มีงานเกมจัดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง ผมเลยต้องถ่อมาถึงนี่

แน่นอนล่ะว่าผมตื่นเต้นกับงานเกมรอบนี้อยู่แล้ว เพราะนอกจากผมจะมีโอกาสได้เจอกับแฟนๆ ผมยังมีนัดให้แคสเกมโชว์แบบสดๆ คู่กับพี่แอมป์อีกด้วย!

เนื่องจากระยะหลังนี้ผมเล่นเกมกับพี่แกบ่อยมาก แล้วพี่แกก็ดังพอสมควร ผมก็เลยได้รับอานิสงส์ผลบุญมีหน้ามีตากับพี่แกไปด้วย ผมได้คนติดตามขึ้นเยอะพอสมควรเลยล่ะจากการที่เล่นเกมกับพี่แอมป์

แต่ก็อย่างที่ทุกคนทราบกันนะครับ ถึงตอนนี้ผมจะตื่นเต้น แต่ไอ้ความคิดมากเรื่องพี่กชกับพี่ก้อยก็ยังวนเวียนอยู่ในหัว เหมือนตัวบ่อนทำลายความสุขที่ควรจะมีในชีวิตประจำวันไปเสียอย่างนั้น

ผมพูดทักทายกับสมาชิกคนอื่นๆ ที่มาถึงก่อนแล้ว กลุ่มนี้ก็เป็นนักแคสในยูทูปเหมือนกัน เคยเล่นเกมแบบเป็นทีมด้วยกันมาบ้าง แต่ผมไม่ได้เข้าก๊วนบ่อยนักเพราะแนวเกมค่อนข้างจะแตกต่างจากชาวบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็ทักทายต้อนรับผมอย่างดี

“เออ เกมที่มิวเพิ่งเล่นที่เป็นภาษาญี่ปุ่นอะ” พี่แบงค์ช่อง blackmoon ชวนผมคุยขณะที่ยัดข้าวเข้าปากหนึ่งคำ “น่าสนใจดีนะ แต่นี่ไม่ได้ญี่ปุ่นเลยสักตัว มิวเก่งนะ เล่นเกมญี่ปุ่นรู้เรื่องด้วย”

“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่” ผมรีบว่า “ได้ญี่ปุ่นนิดๆ หน่อยๆ น่ะ แล้วตัวเกมก็ไม่ได้มีบรรยายอะไรเยอะมาก”

“เออ แต่มิวเรียนเอกญี่ปุ่นนี่ แม่งโคตรเก่งยุ่น” พี่แอมป์ว่าพร้อมกับดึงผมเข้าไปโอบบ่าอย่างสนิทสนม ผมยิ้มตอบให้เขาก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าพี่กชไม่ชอบให้ใครถูกตัวง่ายๆ นี่หว่า… แต่ยังไม่ทันได้ห้าม พี่แอมป์ก็ปล่อยบ่าผมไปแล้ว

แต่อันที่จริงผมไม่ได้คิดมากอะไรกับสิ่งที่พี่แอมป์ทำเท่าไร เพราะพี่แกชอบสกินชิปขั้นสุด แตะเนื้อต้องตัวทุกคนได้อย่างเป็นธรรมชาติแถมยังดูไม่น่าเกลียด ดีไม่ดีดูเป็นมิตรมากขึ้นกว่าเดิมอีก ดีจังเลยนะคนที่มีออร่าสดใสแผ่กระจายออกมาได้ตลอดเวลาขนาดนั้น รู้สึกถึงพลังงานล้นเหลือจริงๆ

แต่แล้วผมก็ต้องแทบช็อกตาตั้งเมื่อเห็นว่าเกมที่พวกพี่ๆ ทีมงานเตรียมมาให้ผมกับพี่แอมป์เล่นคือเกมอะไร

“เฮ้ย” ผมว่า ทั้งประหลาดใจ ดีใจ ตื่นกลัวไปพร้อมๆ กัน “ไอ้เกมผีนี่มัน…”

“เดโม่ของภาคสอง” พี่แอมป์ยิ้มนิดๆ ยกมือขึ้นถูกัน “เจ๋งไปเลย ภาคแรกโคตรมัน รอภาคสองมาตั้งนาน ถึงจะแค่เดโม่ก็เถอะ แต่แบบนี้เราสองคนก็ต้องสลับกันเล่นใช่ไหมครับ เพราะมันเป็นเกมแบบเล่นคนเดียวนี่? ”

พี่ทีมงานตอบมาว่าใช่ ก็เท่านั้นแหละครับ ผมเลยได้ทำกิจกรรมโดยการแคสเกมสดให้ดนดูด้วยประการฉะนี้

แล้วก็อย่างที่ทุกคนรู้แหละครับว่าผมเป็นยังไงกับเกมผี… หวีดร้องแทบทั้งเกม

“เฮ้ย ไอ้มิวๆ ๆ ” พี่แอมป์ที่ตอนนี้ปล่อยเมาส์ให้ผมเล่นแทนตัวเองบีบบ่าผมแน่น อูย ผมจะเสียวก็ไอ้ที่พี่แกบีบนี่แหละ “เมื่อกี้ทางซ้ายเห็นอะไรแวบๆ ”

“พี่อย่าพูดดิ” ผมบังคับตัวละครให้ตรงไปในทิศทางตรงข้ามทันควัน “ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแหละ ทั้งหมดพี่แค่คิดไปเอง”

“บ้า จริงเหรอ” พี่แอมป์เริ่มออกแรงจับที่บ่าผมขึ้น พูดก็พูดเถอะ ผมดูพี่แกแคสเกมผีมาบ้างเหมือนกัน ขวัญอ่อนกว่าผมอีก “พี่คิดมากไปเองใช่ไหม บ้าเหรอ แกอะคิดมาก”

“พี่พูดเองตอบเองอยู่เหรอครับ” เฮ้ย เมื่อกี้ผมเห็นอะไรตาแดงๆ …

“ก็ใช่ดิ ก็มิวไม่… เหี้ย! /เฮ้ย! ”

ประสานเสียงกันยิ่งกว่าออเคสตร้าอีกครับตอนผีตุ้งแช่ใส่หน้า และนั่นก็เป็นอันสิ้นสุดเดโม่ของเกมลง

“โอ๊ย ให้ตาย” ผมกับพี่แอมป์หัวเราะพร้อมกับแอบปาดเหงื่อไปด้วยกับความน่ากลัวของเกม จากนั้นเราก็ทำการพูดปิดคลิป กล่าวลาแฟนๆ ที่นั่งดูเราเล่นเกมสดๆ อยู่อีกพักหนึ่ง แฟนพี่แอมป์มาตามพี่แอมป์ให้ไปเดินเล่นในห้างด้วยเราจึงเริ่มแยกย้ายกัน

ผมส่งยิ้มพร้อมกับพูดทักทายน้องๆ พี่ๆ หลายคนที่เข้ามาบอกว่าติดตามช่องของผมอยู่อย่างสุภาพและเป็นมิตร ใครขอถ่ายรูปผมก็โอเคหมด ใครขอลายเซ็นผมก็เซ็นให้หมด มีคนเอาขนม จดหมาย ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มาให้ด้วย ทำเอาผมยิ้มแก้มแทบปริทีเดียว เรื่องที่กลุ้มใจก่อนงานเกมจะเริ่มอะไรนั่นโยนทิ้งไปหมดตั้งแต่เล่นเกมผีกับพี่แอมป์แล้วครับ ไหนจะยังแฟนๆ ที่คอยให้กำลังใจและสนับสนุนกันขนาดนี้ บอกได้เลยว่าโคตรเป็นวันที่มีความสุข ผมสัญญากับตัวเองในใจเลยว่าจะไม่เลิกทำช่องแน่ๆ ขณะที่รับของขวัญมาจากน้องแฟนคลับอีกชิ้น

“เออ แต่สุดยอดเลยเนอะ” เสียงกลุ่มวัยรุ่นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งดังแว่วมาให้ได้ยิน “ได้เห็นทั้งสองคนเล่นด้วยกันแบบนี้โคตรดี พี่แอมป์ตัวจริงน่ารักมาก พี่มิวสไลม์ยิ่งโคตรใส”

“แอมป์มิวเลยไหมงานนี้”

“โอ๊ย เขินอ้ะ”

หือ?

ไอ้การจับคู่แปลกๆ นั่นทำให้ผมชะงักฝีเท้าของตัวเองลง และเพราะไม่ทันระวังเลยไปชนเข้ากับร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งเข้า อีกฝ่ายอุทานออกมาอย่างตกใจขณะที่ผมร้องเหวอเลยทีเดียว

“ขอโทษครับ” ผมรีบว่า โล่งใจที่เห็นมิลค์เชคในมือคนตรงหน้าปลอดภัยดีเพราะเจ้าของประคองมันไว้ได้ทัน และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นไปเห็นว่าเป็นใครเท่านั้นแหละ… เหมือนร่างกายเป็นไปโดยอัตโนมัติครับ หน้านี่ซีดเผือดมาเชียว

“นาย…” พี่บอสเรียกผมอย่างอึ้งๆ ผมเองก็อึกอักเหมือนกัน เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นเขาในชุดไปรเวทแบบนี้ ทุกทีเห็นแต่ชุดนักศึกษา

“เอ่อ หวัดดีครับ พี่บอส” ผมรีบว่า ยังไงเสียก็เป็นรุ่นน้องเขานี่นะ ต่อให้จะปั่นป่วนในท้องไส้แค่ไหนเวลาเจอเขา แต่คงทำเรื่องเสียมารยาทไม่ได้ แต่เดี๋ยวก่อนนะ การที่เขามาอยู่ที่นี่ก็แปลว่า… “นี่พี่มางานเกมกับเขาด้วยเหรอเนี่ย พี่เล่นเกมเหรอครับ? ”

“เอ่อ…” ร่างสูงโปร่งยกมือเกาหลังคอเหมือนลำบากใจ ทำไมกัน คนเราเล่นเกมมีอะไรผิดตรงไหน ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรสักหน่อย

“หรือพี่มาดูแคสเตอร์คนไหน? ” ผมถามพร้อมกับหันซ้ายหันขวา คืองานนี้มันค่อนข้างใหญ่ แล้วเขาก็จัดเป็นหลายมุม แคสเตอร์แต่ละคนก็กระจายๆ กันไป “ถ้าพี่ตามหาคนไหนอยู่ให้ผมช่วย---”

“เปล่า พี่ไม่ได้มาดูแคสเตอร์คนไหนทั้งนั้นแหละ” เขาตัดบทด้วยเสียงที่งวดขึ้นทำให้ผมต้องรีบหุบปากลงฉับ “ของไร้สาระแบบนั้นใครจะไปดูกัน”

อ้าว พูดแบบนี้ก็สวยสิพี่ ทัศนคติแบบนี้แต่มาอยู่ในงานนี้เนี่ยนะ?

“แล้วพี่มาทำ--”

“มีคนฝากมาขอลายเซ็นนาย”

หา???

ผมอ้าปากค้างเมื่อเห็นพี่บอสปลดสายกระเป๋าสะพายของตัวเองลง หยิบกระดาษแข็งแบบที่เอาไว้ให้ดาราเซ็นขึ้นมาชูตรงหน้า “เอ้า เซ็นให้หน่อยจะได้จบๆ ”

“เอ่อ… ให้เขียนถึงใครเหรอครับ” ผมรีบหยิบปากกาขึ้นมา แปลกใจไม่น้อยที่พี่บอสยอมทำตามคำขอของใครคนนั้นทั้งที่ตัวเองไม่ชอบ คือไม่นึกว่าเขาจะเป็นคนใจดีขนาดนั้นไง

“มังกร”

ผมเงยหน้าพรวดทันที มองเขาด้วยสายตาพราวระยับขณะถามต่อ “Vk Dragon? ”

“เออ”

“เฮ้ย! พี่รู้จักน้องมังกรด้วยเหรอ” ผมพูดอย่างตื่นเต้น มองเขาเป็นคนใหม่ทันที “พี่รู้ไหมว่าผมอยากเจอน้องเขามาก ตอนแรกเขาบอกจะมางานนี้ก็ติดธุระมาไม่ได้ ไม่เคยได้เจอตัวจริงเลยสักครั้ง”

“เอ่อ” เขายกมือขึ้นเกาหลังคออีกรอบก่อนจะยักไหล่ “หมอนั่นมันยุ่งๆ น่ะ”

“แล้วเขาเป็นอะไรกับพี่เหรอครับ น้องพี่เหรอ? ญาติ? เพื่อน? รุ่นน้อง? ”

“ก็แค่คนรู้จัก”

“แล้วเขาเรียนที่---”

“อย่าถามมากได้ไหม”

คำพูดตัดบทนั่นทำเอาผมหุบปากฉับแทบไม่ทัน ก้มหน้าลงเซ็นใส่กระดาษอย่างรวดเร็วจะได้จบๆ ไป ให้ตายเถอะ ลืมตัวไปจนได้ พี่บอสเขายังไม่ชอบเพราะผมแกล้งคบกับพี่กชตอนนั้นแน่เลย

“แล้วนี่ไอ้กชไม่มาด้วยเหรอ” เหมือนเขาจะรู้ถึงความกระอักกระอ่วนระหว่างเราเลยพยายามถามให้บรรยากาศดีขึ้นบ้าง

“พี่กชติดธุระกับอาจารย์ครับ” ผมว่าพร้อมกับถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พี่กชผลการเรียนไม่ค่อยดีเท่าไรเลยโดนเรียกตัวไป ผมเองก็เป็นห่วงแล้วก็เตือนพี่แกมาหลายทีแล้วนะเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยได้นอกจากเจ้าตัวเองหรอก “เอ้า นี่ครับ ฝากทักทายน้องมังกรให้ผมด้วยนะ แล้วก็บอกว่าคราวหน้ามาเจอกัน”

“นายไม่คิดบ้างเหรอว่าเขาอาจจะอยากปิดบังเรื่องตัวเอง”

คำถามนั้นทำให้ผมชะงักไปนิดหนึ่ง จะว่าไปแล้ว… หน้าเฟซบุ๊คของมังกรก็ไม่มีรูปอะไรของตัวเองเลย มีแต่รูปเกม รูปการ์ตูน แล้วก็ดูไม่ค่อยใช้เฟซนั้นเท่าไร

นั่นสินะ บางทีพี่บอสอาจพูดถูก

“ก็อาจจะจริงนะครับ”

“เพราะงั้นฉันถึงไม่ชอบไงที่นายถามซอกแซกเรื่องหมอนั่นน่ะ” เขาว่า รับกระดาษแข็งแผ่นเดิมคืนไปจากผม “เออ มิว ขอถ่ายรูปคู่หน่อยดิ”

ผมเบิกตากว้าง ชะงักไปด้านหลังอย่างชัดเจนจนน่าเกลียด พี่บอสขมวดคิ้วใส่ขณะหยิบกล้องขึ้นมาเตรียมเซลฟี่เต็มที่

“ก็แค่จะเอาไปบอกมังกรว่าเจอจริงๆ เท่านั้นเอง ไม่งั้นเดี๋ยวมันไม่เชื่อว่านี่ลายเซ็นของจริง”

“อ้อ ครับ” พอเอาน้องมังกรมาอ้างล่ะ ผมรีบฉีกยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้เลย เอ้า แถมสองนิ้วให้ด้วย ท่าสิ้นคิดสุดๆ

พี่บอสลดกล้องมือถือลงเพื่อดูรูปด้านใน แล้วเขาก็… ยิ้ม

เป็นรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนแล้วก็มีความสุขแบบที่ผมไม่เคยเห็นพี่แกทำมาก่อน เออเว้ย ยิ้มแบบคนปกติเขาก็เป็นนี่หว่า

“งั้นไปล่ะ” พี่บอสว่า กระชับสายสะพายกระเป๋า “เจอกันที่มอ”

“เอ่อ ครับ” ผมรับปากงงๆ ขณะมองแผ่นหลังเขากลืนหายไปกับฝูงชน

จะว่าไป… จริงๆ ถ้าน้องมังกรรู้ว่าผมรู้จักพี่บอส อยู่มอเดียวกับพี่บอส น้องมังกรก็ฝากพี่บอสให้มาถ่ายรูปหรือเซ็นให้ที่มอก็ได้แท้ๆ

แต่เอาเถอะ งานเกมมันคงได้บรรยากาศดีกว่ามั้ง





-----------------------------------------------
Talk: มาแล้วค่า~ ขอโทษที่รอบนี้หายไปหลายวันเลย >.< ไปเคลียร์อะไรๆ มา เลยยุ่งๆ นิดหน่อย แหะๆ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
แหม น้องมังกรก็อยู่ตรงหน้าแล้วไงจ๊ะมิว
แต่ว่าใคร ๆ ก็คงคิดไม่ถึงอ่ะเนอะ ฮา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
มิวมิวน่ารักมาก

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
ทำไมพี่บอสอยู่กับมิวต่อหน้า ชอบทำเหมือนดุๆ ไงไม่รู้ 
นี่ไงมิวน้องมังกรอยู่ตรงหน้า 555+

ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ตลกบอส ความเนียนว่าคนรู้จักฝากมา โอ๊ยยย ขำ

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
โง้ยยย พี่บอสน่ารักกกก <3

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ไม่คิดว่าพี่กชจะเป็นคนหลงมอเอียเมีย 5555 น่ารัก  :mew1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Honyuchum

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบพี่บอส น่าร้ากกกกกก บอสมิวก็ย่อมดั้ย!!

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
เนียนละเกิ้นนนนนน 55555

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พี่บอส อะไรจะขี้อายขนาดนั้น 5555555

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 21



[Koch]


ผมกำลังเบิกตากว้างกับสิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเอง และตอนนี้หน้าจอก็ขึ้นเป็นช่องยูทูปของมิว นั่งอ่านคอมเม้นต์ใต้คลิปที่มิวไปเล่นเกมสดในงานเกมวันอาทิตย์ที่ผ่านมาที่ผมไม่ได้ไปด้วย





Comment#23: เราได้ไปดูพี่มิวเล่นเกมแบบสดๆ กับพี่แอมป์มาแหละพวกแก บอกเลยว่าโคตรงานดี #แอมป์มิว

Comment#24: ม่ายด๊ายยย ยังไงก็ต้อง #กชมิว สิ! //หลังจากดูคลิป เออ แอมป์มิวก็อร่อยอยู่อ่ะ -.,-

Comment#59: ว้ายยยย พี่มิวนอกใจพี่กช

Comment#101: ยังไงเนี่ยพี่สไลม์ กิ๊กเหรอพี่ อิอิ #แซวเล่นเด้อ

Comment#235: พี่แอมป์กับพี่มิวน่ารักจัง

Comment#499: #แอมป์มิว





เดี๋ยวก่อน! ไอ้แอมป์มิวนี่มันอะไร!? ก็เมื่อวันก่อนคนพวกนี้ยังอวยกชมิวกันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ!? เดี๋ยวนะๆ ๆ

เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังมาจากด้านหลัง ผมหันขวับกลับไปมองตัวต้นเรื่องที่เดินออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวพาดคอทันที

เส้นผมสีดำของเจ้าตัวลู่ไปกับแก้มขาวเนียนเพราะยังเปียกปอนด้วยน้ำ แว่นที่เจ้าตัวใส่อยู่บนหน้าขึ้นฝ้าเล็กน้อย มิวจึงหยิบมันออกมาเช็ดกับเสื้อยืดสำหรับใส่นอนแบบลวกๆ แล้วตอนที่เลิกเสื้อขึ้นไปผิวหน้าท้องของรุ่นน้องผมก็เผยให้เห็นสู่สายตาไง จากไอ้ที่ตั้งใจว่าจะเอ็ดสักหน่อยเลยเขวเลยคราวนี้ มิวโคตรน่ารัก…

“ดูอะไรอยู่เหรอครับ พี่กช” เจ้าตัวว่าพร้อมกับเดินเข้ามาหาผมที่นั่งอยู่บนพื้นกางโต๊ะญี่ปุ่น “อ้าว คลิปของผมนี่ เหวอ! ”

ผมออกแรงดึงแขนของน้องแฟนลงมาให้เจ้าตัวนั่งลงบนตัก กอดร่างอีกฝ่ายไว้แน่นพร้อมกับเริ่มระดมหอมแก้ม กดริมฝีปากลงบนซอกคอขาวรัวๆ จนมิวต้องยกมือขึ้นมาป่ายพัลวัน แต่ถึงแบบนั้นไอ้ตัวแสบของผมก็หัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี

“โอ๊ย พี่กช ทำอะไรของพี่เนี่ย รอก่อนสิครับ ผมยังไม่ได้เป่าผมเลย”

“ทำโทษ”

“ทำโทษผม? ” ยกนิ้วชี้ตัวเอง นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเหมือนแปลกใจ ยิ่งน่าขย้ำเข้าไปอีก

“ช่าย” ว่าแล้วก็หอมแก้มอีกฟอด โอ๊ย ให้ตาย กลิ่นสบู่ขวดเดียวกันแท้ๆ แต่ทำไมพอมาอยู่บนตัวมิวแล้วหอมขนาดนี้

“ทำโทษเรื่องอะไรครับ” มิวถามยิ้มๆ ใบหน้าแดงเรื่อๆ เพราะสัมผัสยิ่งทำให้เจ้าตัวดูน่าขยี้ รอเดี๋ยว… รอมันเช็ดหัวแห้งก่อนเถอะ

“ก็เรื่องที่ไปทำตัวกุ๊กกิ๊กกับผู้ชายคนอื่นไง”

“หา? ”

“ยังอีก” ผมแกล้งพูดเสียงงวดขึ้น “ยังแกล้งทำไขสืออีก ร้ายนะเราน่ะ เห็นหน้าซื่อๆ แบบนี้ไว้ใจไม่ได้”

“เดี๋ยวๆ ๆ ” มิวรีบยกมือขึ้นมาทั้งสองข้าง “ผมไปทำตัวกุ๊กกิ๊กกับใครที่ไหนครับ? ทำไมผมไม่เห็นจำได้”

หน็อย ไอ้ตัวแสบเอ๊ย ยังจะแกล้งทำไม่รู้เรื่อง

ผมกดเล่นคลิปที่กดให้มันหยุดชั่วคราวค้างไว้ ในวิดีโอนั้นเป็นตอนที่ผีโผล่มาพอดี แล้วไอ้ผู้เล่นสองคนนี้ก็กอดกันกลมประหนึ่งผีปีนออกมาจากหน้าจอจริงๆ ดูเหมือนไอ้แอมป์เอิ๊มอะไรนี่จะตาขาวพอกับมิว ไม่ดิ น่าจะหนักกว่าอีก หรือไม่มันก็หลอกแต๊ะอั๊งแฟนผม โอ๊ย! ไอ้คนฉวยโอกาส!

“เอ่อ” พอมิวเห็นวิดีโอ เจ้าตัวก็ส่งยิ้มแหยๆ มาให้ ส่วนผมเหรอ… หึ! จิกสายตาดุดันกลับไปเต็มที่ “คือ… ก็แค่เล่นเกมด้วยกันเองครับ”

“เล่นเกมกันยังไงทำไมต้องกอดกันขนาดนั้น แล้วไอ้หมอนี่เป็นอะไรฮะ ต้องหาเรื่องจับตัวมิวตลอดทั้งคลิปเนี่ย”

“พี่กชเองก็ทำแบบนั้นเหมือนกันไม่ใช่หรือไงครับ” คำย้อนนั่นทำเอาผมอ้าปากค้าง “พี่กชก็ชอบมาจับๆ ตั้งแต่ก่อนที่เราจะคบกันแล้ว แปลว่าพี่กชก็หาเรื่องจับผมเหมือนกันเหรอ”

เจอแบบนี้ไปผมนี่หน้าร้อนวูบขึ้นมาเลย มิวมองผมก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี แถมยังกล้าพอที่จะเลื่อนมือมาหยิกแก้มผมอีก โอ๊ย น่ารักจนตัวจะระเบิด

“โอ๋ๆ หน้าแดงหมดแล้วครับ พี่กช เขินอะไรขนาดนั้น แปลว่าที่ผ่านมานี่ตั้งใจหลอกจับตัวผมอยู่แล้วใช่ไหม”

“เปล่าสักหน่อย! ” พูดพร้อมกับรัดคนในอ้อมแขนมากขึ้น “แต่… ก็ได้ ก็นิดหนึ่ง ก็มิวมิวน่ารักเปล่าวะ ใครจะไปห้ามใจไหว”

“งั้นพี่แอมป์ที่คอยจับผมทั้งคลิปนี่ก็ด้วยน่ะสิ? ”

“ไม่ได้! ” แทบอยากจะพ่นไฟเลย “ไหนสัญญากันแล้วไงว่าจะพยายามไม่ให้ใครโดนตัวง่ายๆ น่ะ ให้ตายสิ ทุกทีเลย ไหนจะเพื่อนมิวที่ชื่อแนทนั่น ไหนจะไอ้บอส แล้วนี่ยังจะมีแคสเตอร์ชื่อแอมป์เพิ่มเข้ามาอีกคนเรอะ!? ”

“พี่บอส? ” มิวพูดขึ้นพร้อมกับเอียงคออย่างงงงวย “พี่บอสทำไมครับ”

ตายห่า ลืมไปว่ามิวไม่รู้ว่าไอ้บอสคือมังกร แล้วบอกตามตรงเลยนะ ผมเคยฉกโทรศัพท์ไอ้บอสมาดูที่มันคุยกับมิวในฐานะน้องมังกรอะไรนั่นอยู่ คอก็ใช่ว่าสองคนนี้คุยกันแต่เรื่องเกมเป็นส่วนใหญ่ แต่ไอ้ระดับความสนิทสนมในหน้าจอนั่น… ฮึ่ย! หวงเฟ้ย

“เปล่า ไม่มีอะไร พี่แค่กลัวไปเรื่อยว่ทุกคนกำลังจะมาเอามิวไปจากพี่”

เท่านั้นแหละครับ มิวมิวของผมหัวเราะก๊ากเลย เดี๋ยวปั๊ดตบกะโหลกสักที

“ฮ่าๆ ๆ ๆ พี่บอสเนี่ยนะครับ? พี่กชหึงพี่แอมป์หรือแนทผมยังพอเข้าใจ แต่พี่บอสเนี่ยนะ? ฮ่าๆ ๆ ”

“ขำอะไรขนาดนั้น”

มิวส่ายหน้ารัวๆ พร้อมกับเลื่อนมือมาโอบรอบคอผมอย่างเอาใจ ใบหน้าเลื่อนเข้ามาใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของกันและกัน

“ผมมีแค่พี่กชคนเดียว”

“ก็ลองไม่ใช่แบบนั้นดูสิ” ผมจะจับมิวมิวขัง ล่ามไว้กับเตียง เอาให้เหมือนละครช่องเจ็ดเลย

“พี่จะทำโทษผมอีกเหรอ” พูดพร้อมกับแนบริมฝีปากอุ่นลงมาบนปากผมอย่างแผ่วเบา เรื่องตลกเกี่ยวกับมิวก็คือบางทีหมอนี่ก็ใสซื่อ น่ารักจนเหมือนเด็กไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่บางทีกลับขี้อ่อยจนเหมือนเชี่ยวชาญด้านนี้เสียเหลือเกิน

ผมดึงหลังคอเขาลงมาเพื่อจูบให้แรงขึ้น เส้นผมของอีกฝ่ายยังเปียกอยู่เลย ผมควรให้มิวจัดการผมให้แห้งก่อนไม่อย่างนั้นจะไม่สบายเอา แต่เมื่อลิ้นอุ่นของอีกฝ่ายตวัดรับกับลิ้นของผมที่ชำแรกผ่านโพรงปากเขาเข้าไปแล้วสติก็แตกกระเจิง

ผมเร่งจังหวะจูบให้เร็วขึ้น ล้วงมือเข้าไปใต้เสื้อพร้อมกับขยี้ยอดอกเจ้าตัวเพื่อกระตุ้นอารมณ์ มิวสะดุ้งเล็กน้อย ตัวยังคงคร่อมอยู่บนตักผม แน่นอนล่ะว่าผมโอบเอวเขาไว้แน่นมากราวกับตีนตุ๊กแก เอาคีมมางัดก็แงะไม่ออกแน่

แต่ในที่สุดมิวก็ดันแผ่นอกผมออก ใบหน้าเจ้าตัวยังขึ้นสีจางๆ ให้เห็น แต่เหมือนเขาจะตั้งสติได้ดีกว่า

“ผมต้องเป่าผมก่อน”

“อื้อ” ผมเห็นด้วย ยอมให้เขาลุกออกจากตักตัวเองแต่โดยดี “รีบๆ กลับมานะครับ”

“หื่นเอ๊ย” ว่าเสียงกลั้วหัวเราะ

“ก็รู้นี่นา” ไม่ปฏิเสธหรอกครับ อีกอย่างยังไงซะมิวมิวก็เป็นแฟนผมนี่ จะหื่นกับแฟนตัวเองแล้วมันผิดตรงไหน

อีกอย่าง… ยังไงวันนี้ก็ต้องทำโทษมันด้วยที่ไปทำตัวน่าจิ้นกับคนอื่นนอกจากผม

จะเอาให้ครางทั้งคืนไม่ได้นอนเลย คอยดู!







บอกไว้ก่อนเลยนะครับว่าผมไม่ได้โกรธมิวเป็นจริงเป็นจังหรอกเรื่องที่มีคนจิ้นเจ้าตัวกับแคสเตอร์อีกคน เหมือนโกรธเล่นๆ ขำๆ มากกว่า และมิวเองก็เข้าใจเรื่องนั้น

ผมว่าระหว่างเราสองคนมันไปได้ดีกว่าที่ตัวเองคาดการณ์เอาไว้มากเลยนะ เหมือนเราเข้าใจกันและกันโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก แถมมิวก็ไม่งี่เง่าไร้สาระด้วย ไม่ได้อยากจะเทียบหรอกนะเพราะการเอาความรักในปัจจุบันไปเทียบกับความรักในอดีตมันเป็นเรื่องที่คนเห่ยๆ เขาทำกัน แต่ขอผมเห่ยสักวันเถอะ เทียบกับตอนที่คบกับก้อยแล้ว ผมพูดได้เต็มปากเลยว่าสบายใจกว่ามาก

ทำไมน่ะเหรอ? ก็ตอนที่ผมคบกับก้อยน่ะ แรกเริ่มเดิมทีมันก็ดีหรอก ด้วยความที่เราเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน เหมือนมีอะไรเราก็พูดกันตรงๆ ได้ แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ของเราสองคนก็อึดอัดขึ้นเรื่อยๆ

ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการความคิดของพวกผู้หญิงหรอกนะ ตอนเป็นเพื่อนกันก็ไม่เห็นจะมีอะไร แต่พอเป็นแฟนแล้วต้องคอยหวงคอยระแวงว่าผมจะไปมีใครคนอื่น ต้องคอยถามคอยตามตลอดว่าทำอะไรอยู่ แรกๆ ผมก็ยอมยัยนั่นทุกอย่างหรอกนะ ถามอะไรมาก็ตอบ แต่ประเด็นคือชีวิตผมมันก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่นักหนาไง ถ้าผมหายไปก็คือผมเล่นบอลอย่กับพวกไอ้บอส ไม่ก็กลับบ้านที่อยุธยา ช่วยงานพ่อที่โรงกลึง ไปสนามยิงปืน ว่ายน้ำ นอนแช่อยู่กับห้อง

คือถ้าก้อยถามดีๆ ผมก็ตอบดีๆ ทุกครั้งแหละ แต่ปัญหาคือบางทีผมตอบไปเจ้าตัวก็ย้อนกลับมาว่าไม่เชื่ออีก จนหลังๆ ผมเริ่มเบื่อที่จะคุยกับเจ้าหล่อนเพราะมันรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นเรื่องลุกลามไปจนก้อยแอบไปมีคนอื่นนั่นแหละ

ช่วงที่เกิดเรื่อง ยอมรับเลยว่าผมเจ็บหนัก เจ็บมากๆ เจ็บจนคิดว่าไม่อยากมีความรักแล้ว แม่ง ทำกันได้ลงคอ ยิ่งคนที่ก้อยหันไปคบหาด้วยเป็นเพื่อนในกลุ่มผมอีกคนยิ่งเจ็บใจ มันก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไรแต่ก็ยังทำกับผมแบบนั้น จนถึงตอนนี้ผมก็ไม่คุยกับเพื่อนคนนั้นอีกเลย แม้ว่าจะกลับมาคุยกับก้อยได้เหมือนเดิมก็เถอะ อาจเป็นเพราะผมสนิทกับก้อยมานาน พอความเจ็บเลือนๆ ไปก็พอจะให้อภัยได้

หลังเลิกเรียนในช่วงเช้าของวัน ผมเก็บข้าวของเตรียมตรงกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองเพราะคาบบ่ายยกเลิกไปแล้ว กำลังจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทักถามมิวว่าวันนี้จะกลับหอกี่โมงก็พอดีไอ้บอสเดินมาสะกิดบ่าผม

“ไอ้กช”

“ว่าไง” จริงๆ เมื่อกี้ตอนอยู่ในห้องก็นั่งเรียนด้วยกันนะ แต่ไอ้นี่มันค่อนข้างตั้งใจเรียน ไม่เหมือนผมหรอก ล่องลอยไปเรื่อย

“มึงเจอก้อยครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่วะ”

ผมขมวดคิ้วกับคำถาม พยายามนึกตาม

“เดือน… สองเดือนก่อนมั้ง ถามทำไมวะ? ”

“ก้อยเพิ่งรู้เหรอวะว่ามึงคบกับมิวจริงๆ แล้ว”

“ไม่รู้สิ” ผมก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับมันเสียด้วย ไม่ใช่คนชอบทำตัวสนิทสนมกับแฟนเก่าเกินความจำเป็น “ก็น่าจะรู้ตั้งนานแล้วม้าง… เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้ไม่ใช่เหรอ ในช่องของมิวหรือเพจของมิวงี้กระหึ่มจะตาย”

บอสถอนหายใจออกมาสั้นๆ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ของมันมาให้ผม

“ดูนี่”

บนหน้าจอเป็นเฟสบุ๊ของมันเอง ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจ…





Koi Suparat: แม่ง จะให้กูพูดยังไงล่ะ ผัวเก่าดันได้เมียใหม่เป็นผู้ชายเนี่ย โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดแล้ววะ





นั่นเป็นสเตตัสที่ก้อยตั้งไว้เมื่อสองอาทิตย์ก่อน ผมอ้าปากค้างเพราะไม่ได้เห็นข้อความนี่ ส่วนไอ้บอสเองก็คงเพิ่งได้เห็นเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม ผมรีบกดอ่านคอมเมนท์ที่ยาวเป็นพืดทันที มีทั้งคนที่ผมรู้จักและไม่รู้จักแสดงความเห็นกันเต็มที่





Comment#2: งี้แหละแก คนมันตาไม่ถึง ไปหาใหม่ดีกว่า

Comment#4: แพ้ดุ้นเหรอเพื่อน 55555

Koi Suparat replied: xxxเหอะ แม่งโคตรทุเรศ รับไม่ได้สุดๆ เลยว่ะ

Comment#10: ทิ้งมึงไปหาผู้ชายเนี่ยนะ? โคตรแย่อะ

Koi Suparat replied: เออ ห่านจิกมาก คือถ้าคนใหม่เป็นผู้หญิงสวยๆ ดีๆ กว่ากูนะ จะไม่ว่าอะไรสักคำ กูเสือกแพ้ผู้ชาย T.T

Comment#22: หาใหม่ๆ ๆ ๆ





และสารพัดคนมาตอบเม้นท์

ผมรู้ดีว่าก้อยเป็นคนที่เพื่อนเยอะ เจ้าตัวโพสท์อะไรไปก็มีคนมากดไลค์แล้วก็คอมเม้นท์ตลอด แต่คราวนี้ผมรู้สึกวูบขึ้นมาเลย เหมือนเลือดขึ้นหน้า แน่นอนว่าผมเป็นลูกผู้ชายพอที่จะไม่ทำร้ายผู้หญิงแน่ แต่สาบานเลยว่าถ้าก้อยอยู่ต่อหน้าผมตอนนี้ผมจะ…

“เฮ้ย ไอ้กช” เสียงเรียกจากบอสพร้อมกับมือที่ตะปบลงมาบนบ่าดึงสติของผมกลับมา “ใจเย็นหน่อยมึง หน้ามึงตอนนี้น่ากลัวมากเลยรู้ตัวรึเปล่า”

“ไอ้บอส”

“ว่าไง”

“เรียกก้อยมาคุย”

บอสทำตาโตนิดหนึ่ง “มึงจะทำอะไรก้อย”

“ไอ้ห่า เรียกมาคุยก็ต้องมาคุยสิวะ” นี่ไอ้บ้านี่คงไม่คิดว่าผมจะตีหรือทำร้ายผู้หญิงจริงๆ ใช่ไหม แล้วอีกอย่าง ถึงยังไงก้อยก็ยังเป็นเพื่อนผม ผมอยากจะเคลียร์ให้มันรู้เรื่องไปข้างมากกว่า “มึงโทรนัดเลย บอกด้วยว่ากูอยากเจอ”

“แล้วทำไมมึงไม่โทรเองล่ะ”

“กูโทรหาก้อยตอนนี้กูเลือดขึ้นหน้าแน่” อาจจะถึงขั้นคุยไม่รู้เรื่อง คือผมเป็นคนที่ถ้าอารมณ์พลุ่งพล่านเมื่อไหร่จะพูดจาติดๆ ขัดๆ มิวเองก็เคยบอกเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

“เออ ก็ได้วะ” ไอ้บอสบ่นงึมงำ เรื่องของเรื่องคือเราสามคนเป็นเพื่อนก๊วนเดียวกันมานาน พวกไอ้แก๊ปอะไรนี่เพื่อนมหาลัย เพราะงั้นพวกมันคงไม่ได้อยากมารับรู้ด้วยเท่าไร

“มึงมากับกูด้วยนะ”

“ได้” บอสว่าขณะยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู “บอกตามตรง กูเองก็ไม่อยากให้มึงไปคุยกับก้อยแค่สองคนหรอก กลัวใจ”

“สัส กูยังไม่ได้หน้ามืดขนาดนั้น” แค่โกรธจนควันแทบออกหูเท่านั้นเอง แต่ผมก็ยังควบคุมอารมณ์ตัวเองได้นะ

แต่ให้ตายเถอะ หวังว่ามิวจะไม่ได้รับรู้เรื่องพวกนี้ด้วยหรอกนะ ไม่อย่างนั้นหมอนั่นต้องเสียใจมากแน่ๆ ผมทนไม่ได้หรอกถ้าต้องเห็นมิวไม่สบายใจกับเรื่องพวกนี้น่ะ







[Mew]

ผมว่าผมกำลังเจอปัญหา

อันที่จริงก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าปัญหาได้ไหม เพราะมันไม่ได้ทำให้ผมเดือดร้อนในทางตรง แต่ทำให้ผมเดือดเนื้อร้อนใจในทางอ้อมสุดๆ





Comment#109: มีใครคิดเหมือนกูบ้างว่ามิวสไลม์อะไรนี่แม่งเรียกกระแส ตั้งแต่ตอนมันทำเป็นให้คนจิ้นกชมิวแล้ว

Comment#110: เฮ้ย คิดเหมือนกันเลยว่ะ ตอนแรกก็ว่ามันน่ารักดีนะ แต่สักพักกูว่าแม่งเกินไปหน่อย เหมือนจงใจให้คนจิ้นเรียกคนดู





ตอนนี้ผมอยู่หน้าเว็บบอร์ดแห่งหนึ่งที่ไม่ว่าใครก็สามารถเข้ามาแสดงความคิดเห็นได้โดยไม่ต้องแสดงตัวตน และไม่ต้องบอก ผมว่าพวกคุณก็คงพอรู้อยู่แล้วว่าตอนนี้ผมเครียดมากแค่ไหน รู้สึกหน้ามืดเหมือนจะเป็นลมขึ้นมาเลยทีเดียว





Comment#111: แล้วไอ้ที่บอกว่าแกล้งคบแล้วต่อมาก็มาคบกันจริงๆ นั่นก็ไม่รู้ยังไง กูคนนึงล่ะที่โคตรไม่โอเคกับเรื่องนี้

Comment#112: คิดเหมือนกันเลย คนเราพอโกหกได้ครั้งหนึ่งก็โกหกต่อไปได้เรื่อยปะวะ แถมไอ้ที่บอกคบกันจริงๆ แล้วตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าโกหกอีกรึเปล่า ไอ้เหี้ย โคตรซับซ้อน 55555

Comment#113: แต่เขาจะทำแบบนั้นไปทำไมวะมึง? ลองคิดดูดีๆ นะเว้ย ในเมื่อเขาโกหกมาแต่แรกแล้วเขาพยายามแก้ไขให้มันถูกต้อง ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าเขาอยากจะโกหกต่อก็ไม่เห็นต้องออกมาบอกว่าโกหกเรื่องคบกันเลยก็ได้ไม่ใช่หรือไง? ก็แค่แกล้งคบต่อไปเรื่อยๆ ก็จบ

Comment#114: ก็ปั่นดราม่าไงแก ให้คนมาดูเพิ่มอีกเยอะๆ

Comment#115: โคตรทุเรศ





ในคอมเมนท์เกลียดชังมากมายนั่น แน่นอนว่าผมเห็นบางอันที่พยายามแก้ต่างให้ผม เข้าข้างผม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกปวดหัวจี๊ดอยู่ดี





Comment#120: แต่ว่าก็ว่าเหอะ ล่าสุดมีคนจิ้นแอมป์มิวด้วยปะ นี่ก็เรียกกระแสเหมือนกันไหมอ่ะ ยิ่งพี่แอมป์ดังๆ อยู่แล้วด้วย

Comment#121: เกาะพี่แอมป์ดังชัวร์





ความอดทนของผมสิ้นสุดที่ตรงนี้แหละ

ผมพยายามหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับอารมณ์พลุ่งพล่านของตัวเอง กดปิดหน้าจอเว็บบอร์ดนั่นแล้วคุยตอบพี่แบงค์ blackmoon ที่เป็นคนส่งลิงค์นี้มาให้





Black_Moon: เฮ้ย มิว

Black_Moon: ไหวเปล่าเนี่ย เงียบไปเลย





ผมวางนิ้วลงบนคีย์บอร์ด พยายามพิมพ์อย่างกระท่อนกระแท่น





SlimeSmileS: ผมเข้าไปอ่านมาล่ะพี่

SlimeSmileS: โคตรไม่โอเคเลย





เขาพิมพ์ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว





Black_Moon: เออ โทษทีนะ ไม่น่าส่งให้มิวดูเลย จะไม่สบายใจเปล่าๆ

SlimeSmileS: ไม่เป็นไรครับพี่

SlimeSmileS: ผมรู้ว่าพี่แค่เป็นห่วงเฉยๆ

Black_Moon: เอาเป็นว่าช่างแม่งพวกนั้นเหอะ อย่าไปคิดมากแล้วกัน โอเคไหม?





ผมรู้สึกถึงน้ำตาที่รื้นขึ้นมาหลังจากที่อ่านข้อความแสดงความเป็นห่วงนั้น





SlimeSmileS: ผมโอเคพี่

SlimeSmileS: แค่รู้สึกแบบ

SlimeSmileS: โลกออนไลน์นี่มันน่ากลัวจริงๆ





ผมไม่ได้รอดูว่าพี่แบงค์จะพิมพ์อะไรตอบกลับมา เพราะวินาทีต่อจากนั้นผมก็ซุกหน้าลงบนฝ่ามือแล้วก็ร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่แล้ว




-----------------------------------------------
Talk: ทำไมมีแต่เรื่อง ถถถถถ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-01-2018 21:31:36 โดย Airiณ »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด