Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]  (อ่าน 64767 ครั้ง)

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พี่กชจะพาลูกสะใภ้ไปเจอพ่อแม่ซะแล้ว

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 26




“พี่เคยเล่าให้ฟังหรือยังว่าที่บ้านทำโรงกลึง? ”

“เอ่อ อืม ก็เหมือนจะเคยพูดให้ฟังอยู่นะครับ จำไม่ค่อยได้แล้ว”

“ร้านไม่ใหญ่มากหรอก” เขาพูดพร้อมกับยิ้มอย่างภาคภูมิ นี่ขนาดผมมองเขาจากด้านข้างนะ รอยยิ้มนั่นยังดูดีเลย “แต่ลูกค้าค่อนข้างเหนียวแน่นน่ะ อีกอย่างที่พี่มาเรียนด้านนี้ก็เพราะต้องสืบธุรกิจต่อจากที่บ้านด้วย ถึงจริงๆ แม่จะอยากให้เรียนบริหารมากกว่าก็เถอะ แต่พี่คิดว่าด้านนี้มันสำคัญมากกว่าเลยมาเรียนพวกเครื่องยนต์”

“ผมเข้าใจครับ” เหมือนจะเคยได้ยินพี่กชเล่าให้ฟังอยู่ แต่เหนือสิ่งอื่นใด เรื่องที่ผมประหม่าอยู่ตอนนี้คือผมจะทำหน้ายังไงตอนทักทายพ่อแม่พี่กชดีล่ะเนี่ย คือถ้าผมเป็นผู้หญิงที่กำลังคบกับลูกชายพวกเขาก็คงไม่เท่าไร แต่นี่ผมดันเป็นผู้ชายเหมือนเขาด้วยนี่สิ แล้วที่บ้านพี่กชจะว่ายังไงนะ

“คือ… พี่กช ผมถามอะไรหน่อยสิ”

“ว่าไง? ”

“ที่พี่บอกว่าจะพาผมไปทำความรู้จักคนที่บ้านนี่… คือ พี่จะบอกด้วยไหมว่าเราสองคนคบกัน? ”

พี่กชนิ่งไปครู่หนึ่ง ตามองตรงไปยังถนนเบื้องหน้า

“อืม ก็ตั้งใจว่าจะบอกนะ”

“แล้วพ่อแม่พี่กชจะรับได้เหรอครับ”

“ไม่น่าได้”

อูย… ขวัญและกำลังใจมาเต็มเปี่ยม

“ถ้างั้น---”

“แล้วมิวบอกที่บ้านมิวหรือยัง” เขาพูดแทรกขึ้นมา “เรื่องที่เราคบกันน่ะ

“เอ่อ… ก็ยังหรอกครับ ยังไม่ได้บอกแบบจริงๆ จังๆ ขนาดนั้น” แต่เคยถามเกริ่นไว้เหมือนกันว่าพ่อกับแม่คิดยังไงกับการที่ผู้ชายคบกับผู้ชาย ก็ดูจากปฏิกิริยาแล้วคงไม่โดนต่อต้านแรงมากหรอกมั้ง อีกอย่างผมคิดว่าบ้านผมค่อนข้างเปิดกว้าง แต่ก็ยังไม่ได้สารภาพไปตรงๆ หรอกนะว่าตัวเองคบกับผู้ชายอยู่ “แต่ก็ตั้งใจจะบอกเร็วๆ นี้เหมือนกัน แต่ไม่นึกว่าพี่กชจะชิงบอกก่อน”

“อยากเปิดตัวน่ะ จริงๆ ก็คิดจะทำมานานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสเหมาะ” พูดยิ้มๆ “แต่รอบนี้เป็นทางผ่านขากลับพอดี เหมาะเหม็งเลย”

“แต่ถ้าพ่อแม่พี่ไม่ยอมรับ แล้วจะทำยังไงล่ะครับ”

“ไม่รู้สิ” ว่าเสียอย่างนั้น “คงต้องหาทางอธิบายให้เข้าใจมั้ง”

ผมหัวเราะแห้งๆ ออกมานิดหนึ่ง “ผมชักหายใจไม่ทั่วท้องแล้วสิ”

“ไม่ต้องกลัวนะมิวมิว มีพี่อยู่ด้วย” เขาช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้





พี่กชพาผมไปที่โรงกลึงที่เป็นธุรกิจของบ้านเขาก่อน เขาบอกว่าบ้านที่ใช้อยู่จริงๆ อยู่ถัดไปอีกหน่อย แต่เวลาแบบนี้ทุกคนในบ้านมักจะไปสิงอยู่ที่ทำงานกันหมด

ผมเกร็งตัวเล็กน้อยขณะที่พี่กชเดินพาผมเข้าไปด้านใน ไหว้คุณลุงทั้งหลายที่ทำงานอยู่ที่ต่างทักพี่กชกันระนาวอย่างคุ้นเคยกันดี

“อ้าว กช มาไงเนี่ย” ลุงที่ประอยู่หน้าเครื่องคนหนึ่งถาม “ไม่ได้อยู่หอของมหาลัยเหรอ หรือว่ามาเยี่ยมพวกลุง? ”

“นิดหน่อยครับพี่ ผมเอาขนมมาฝากด้วยนะ เดี๋ยวฝากแม่ไว้ให้” พี่กชว่าหลังจากยกมือไหว้ “แล้วนี่พ่อกับแม่อยู่หรือเปล่าครับเนี่ย”

“อยู่ๆ อยู่ในออฟฟิศนั่นแหละ ลองเข้าไปหาดู แล้วนี่พาเพื่อนมาด้วยเหรอ? ”

“รูมเมทที่อยู่หอเดียวกันน่ะครับ” เขาว่า ผมรีบยกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่าทันที “แต่ไม่ใช่รูมเมทธรรมดาหรอกนะ เดี๋ยวมาบอกอีกทีว่าไม่ธรรมดายังไง”

“อ้าว” ว่าแล้วพี่กชก็โอบบ่าพาผมเดินต่อไปทันที อื้อหือ ถ้าจะชัดเจนขนาดนี้ไม่บอกไปเลยล่ะครับว่าเราได้เสียกันแล้ว แต่ผมก็พอเดาได้นะว่าเขาอยากบอกพ่อกับแม่เขาก่อนเรื่องความสัมพันธ์ของเรา เห็นพี่กชกระตือรือร้นขึ้นมาแบบนี้แล้วผมก็ชักฮึดอยากบอกที่บ้านบ้าง บางทีวันหยุดครั้งต่อไปผมน่าจะพาพี่กชไปที่บ้าน จะได้บอกพ่อกับแม่ว่าผมกับใครเป็นตัวเป็นตนสักที

พี่กชผลักประตูบานกระจกของสำนักงานเข้าไปด้วยรอยยิ้ม

“แม่ครับ พ่อครับ ผมมาเยี่ยม”

แต่แล้วทั้งผมกับพี่กชก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนหันหลังให้อยู่ ผมใจหายวูบเลยตอนที่เจ้าหล่อนหันหน้ากลับมาหาพวกเราพร้อมกับระบายยิ้มกว้างบนใบหน้า

“กช น้องมิว”

ขอผมถามคำเดียว… ทำไมพี่ก้อยมาอยู่ที่นี่?

“มานี่ได้ไงเนี่ย” พี่กชเปิดปากถามขึ้นมาก่อน ส่วนผมรู้สึกเหมือนใบ้กิน

“พูดอะไรของนายน่ะกช” พี่ก้อยยกมือขึ้นกอดอก ทำสีหน้าเหมือนงอนนิดๆ ขณะพูด “เราก็มาที่นี่บ่อยๆ อยู่แล้วไม่ใช่รึไง ช่วงนี้อาจจะมาบ่อยกว่ากชด้วยซ้ำ”

“เธอเห็นในเฟสเราใช่ไหม” พี่กชถามกลับไปเสียงเรียบ อันที่จริงผมรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงห่างเหินแล้วก็ไม่ค่อยเป็นมิตรจากปากพี่กชได้ ผมรู้นะว่ามันไม่ดีที่จะคิดงี้ แต่ผมแอบโล่งใจนิดหนึ่งเหมือนกันที่พี่กชไม่ได้ดูสนิทสนมกับพี่ก้อยแบบครั้งแรกที่ผมเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว “เราเช็กอินตอนที่ไปยิงธนูกับมิว เธอเลยรู้ล่ะสิว่าเราจะกลับบ้าน”

“ก็นะ” พี่ก้อยยักไหล่ ก่อนจะพยักพเยิดไปที่ถุงขนมบนโต๊ะ “เราก็แค่อยากเอาของมาฝากคุณลุงกับคุณน้าเฉยๆ ส่วนเรื่องนาย… ไม่ได้คิดสักนิดว่าจะได้เจอ แต่ก็ดีใจนะที่บังเอิญแกมานี่พอดี”

“มีธุระอะไรกับเรา”

“อ้าว กช” หญิงวัยกลางคนที่น่าจะเป็นแม่ของพี่กชเดินออกมาจากอีกห้องพอดี “มาได้ไงเนี่ย พาเพื่อนมาเหรอลูก สวัสดีครับ พอดีเลย นี่หนูก้อยมาพอดี”

“อ้าว อะไร ตากชพาเพื่อนมาบ้านเหรอ” คราวนี้คงเป็นพ่อพี่กชที่เดินตามออกมาติดๆ พี่กชหน้าเหมือนแม่มากกว่าพ่อแฮะ ผมรีบยกมือไหว้ทั้งสองคนทันที

“นี่รูมเมทผมครับ ชื่อมิว เป็นรุ่นน้องผมปีหนึ่ง” พี่กชแนะนำ “มิว นี่พ่อกับแม่พี่นะ”

“เอ้อ ดีๆ แล้วจะอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันหมดนี่เลยไหม” แม่พี่กชถามยิ้มๆ ยังไม่ทันที่ทั้งผมและพี่กชจะได้เปิดปากตอบอะไร พี่ก้อยก็หย่อนระเบิดลงกลางวง

“อ้าว กช ทำไมไม่บอกคุณลุงกับคุณน้าไปตรงๆ ล่ะว่ามิวเป็นแฟนกชน่ะ”

ผมอ้าปากค้าง ส่วนพ่อกับแม่พี่กชนี่ชะงักกลางอากาศไปแล้ว พี่กชเบิกตากว้าง มองหน้าอดีตแฟนของตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ หลังจากนั้นบรรยากาศรอบตัวก็เย็นลงฮวบฮาบอย่างที่ใครๆ ก็รู้สึกได้ ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าตอนนี้พี่กชหัวเสียมาก ผมเองก็ผิดหวังนิดๆ เหมือนกัน เพราะถึงเราจะไม่ได้เตี๊ยมกันมาแต่ผมก็รู้ว่าพี่กชคงตั้งใจตะล่อมพูดเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเราให้พ่อกับแม่ฟังทีละนิด ไม่ใช่ทำเหมือนปาระเบิดอัดหน้ากันแบบนี้

คนที่เหมือนจะคุมสติได้ก่อนใครคือแม่พี่กช

“เอ้อ น้าว่าเราอย่าเพิ่งมายืนคุยกันแบบนี้ดีกว่าไหม หนูชื่ออะไรนะจ๊ะ มิวใช่ไหม มานั่งพักทานน้ำทานท่าก่อนเถอะ หนูก้อยจะเอาด้วยไหมลูก”

“ขอบคุณค่ะน้าหวาน” พี่ก้อยว่าพร้อมกับหันมาชวนผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “มาเถอะมิว ไปนั่งตรงโซฟาตรงนั้นก่อน น้าหวานจะให้ก้อยช่วยไหมคะ”

“กช” คนที่ดูอารมณ์จะถึงจุดเดือดพอๆ กับพี่กชก็หนีไม่พ้นพ่อพี่กชนั่นแหละ “มาคุยกับพ่อหน่อยซิ”

ผมได้ยินเสียงพี่กชสูดลมหายใจเข้าปอดหนักๆ ทีหนึ่ง มือก็กำหมัดแน่นขึ้น ผมไม่สบายใจโคตรๆ เลย เหมือนผมมาทำให้ครอบครัวเขามีปัญหากันยังไงก็ไม่รู้

แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินมานั่งที่โซฟาที่แม่พี่กชเชิญชวนมา เหมือนคุณน้าก็พอจะรู้ว่าผมกระอักกระอ่วนใจ แต่ดูเขารับมือได้ดีกว่าพ่อของพี่กชมาก เพราะถึงเขาจะตกใจแต่ก็ไม่ได้ดูช็อกหรือรับไม่ได้อะไรขนาดนั้น

“นี่มิวคบกับกชอยู่จริงๆ เหรอลูก? ”

“ครับ ใช่” มาถึงขั้นนี้ผมก็ไม่เห็นเหตุผลอะไรต้องปฏิเสธแล้ว แต่บอกตามตรงว่าสีหน้านยิ้มๆ กับท่าทีไม่ทุกข์ร้อนของพี่ก้อยชักทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆ

บางทีนะ… บางทีเมื่อก่อนพี่ก้อยอาจจะไม่ได้เป็นคนแบบนี้ พี่กชถึงได้ยกตำแหน่งเพื่อนสนิทให้พี่ก้อยได้ แต่ตอนนี้… บอกตามตรงนะ ผมไม่อยากให้พี่กชเป็นเพื่อนกับพี่ก้อยต่อแล้วล่ะ เพราะนอกจากเขาจะไม่ชอบขี้หน้าผมแล้ว ผมว่าเขาเองก็อาจจะอยากทำร้ายพี่กชด้วยเหมือนกัน

“แกคิดบ้าอะไรของแกอยู่หา! ” เสียงตะโกนที่ดังมาจากอีกห้องตามมาด้วยเสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังขึ้นอย่างแรกทำให้ผมผุดลุกขึ้นพรวด แม่ของพี่กชยกมือขึ้นปิดปากเหมือนตกใจส่วนพี่ก้อยเองก็ดูจะอึ้งไปเหมือนกัน

“อะไรน่ะ” ผมพูดอย่างตกใจ “เสียงเมื่อกี้….”

“อ่า แย่จัง” น้าหวานว่าพร้อมกับยิ้มฝืนๆ “สงสัยคราวนี้จะหนักจริงๆ พ่อกชเขารับเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยได้น่ะ”

“ไม่เป็นไรนะคะ คุณน้า” พี่ก้อยว่า “คือมันก็จริงว่าผู้ชายคบกันอาจจะแปลกๆ แต่กชกับมิวเขาก็รักกันจริงๆ ”

โอ้โห ให้ตาย

ผมไม่ได้มีเพื่อนผู้หญิงเยอะมากมายหรอกนะ แต่ก็พอมีคนที่สนิทระดับหนึ่งอยู่สองสามคน แล้วผมก็แน่ใจว่าเพื่อนผมไม่ได้น่ากลัวเหมือนพี่ก้อย

พี่กชเดินกลับเข้ามาในห้องที่พวกเราสามคนอยู่ หน้าของเจ้าตัวบวมไปแถบเพราะโดนต่อย ผมอ้าปากค้างอย่างตื่นตะลึง ส่วนแม่พี่กชพูดขอตัวเบาๆ แล้วตรงเข้าไปในห้องที่สามีอยู่

“พี่กช---”

“กช! ” พี่ก้อยพูดขัดผมพร้อมกับถลาเข้าไปหาร่างสูงอย่างรวดเร็ว ผมนี่หน้ามืดเลยตอนที่หญิงสาวทำท่าจะเอื้อมมือไปลูบแก้มแฟนตัวเอง หากพี่กชคว้าข้อมือของพี่ก้อยไว้ได้ทัน สายตาของชายหนุ่มแข็งกร้าวจนผมยังนึกหวั่นแทน

“กะ… กช ทำอะไรน่ะ เจ็บนะ” พี่ก้อยว่าอย่างเสียขวัญ คงไม่เคยเห็นพี่กชโกรธขนาดนี้มาก่อน แม้แต่ผมยังตกใจเลย

“สะใจเธอแล้วใช่ไหม”

ผมอ้าปากค้าง แต่พี่ก้อยน่าจะช็อกหนักกว่าเพราะถึงกับพูดอะไรไม่ออก

“เธอรู้ไหมว่าที่ผ่านมาฉันคิดยังไง” เขาออกแรงบีบข้อมืออีกฝ่ายแน่นขึ้นจนพี่ก้อยครวญ “ฉันเห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเรา เห็นแก่ไอ้บอสที่ขอให้ฉันยังรักษาความเป็นเพื่อนกับเธอเอาไว้ เธอไม่รู้หรอกว่าเรื่องคราวก่อนที่เธอเอาเรื่องฉันกับมิวไปพูดเสียๆ หายๆ นั่นทำให้ฉันโกรธแค่ไหน แต่ฉันก็ยอมปล่อยผ่าน… เห็นแก่ความสัมพันธ์ดีๆ ที่เราเคยมีด้วยกันมา แต่ตอนนี้…”

เขาปล่อยข้อมือพี่ก้อยลงอย่างหัวเสีย

“เธอไม่ได้อยากเป็นเพื่อนฉันอีกแล้วล่ะ ก้อย ฉันเองก็เหมือนกัน ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว เธอไม่ชอบเรื่องที่ฉันคบกับมิว เรื่องนั้นฉันรู้มาแต่แรก ฉันก็พยายามจะมองข้ามเรื่องนั้น แต่ตอนนี้เธอไม่ได้แค่ไม่ชอบ แต่เธอพยายามจะทำลายมัน… ทำลายความสัมพันธ์ของฉันกับแฟนฉัน จริงๆ แล้วเธอเองอาจจะพยายามทำลายมาตั้งแต่คราวก่อนที่โพสท์ลงเฟซบุ๊คแล้วก็ได้ แต่ฉันดันโง่คิดว่าเธอจะกลับตัวได้ คิดว่าที่เธอทำไปนั่นแค่อารมณ์ชั่ววูบ แต่ตอนนี้มันชัดมากพอแล้วว่าเธอพยายามจะทำลายฉันขนาดไหน” พี่กชหันมาดึงแขนผม “ไปกันเถอะมิว พี่ว่าอยู่นี่ก็ไม่มีอะไรดีแล้ว”

“เดี๋ยว! ” พี่ก้อยรั้งชายเสื้อพี่กชไว้ สีหน้าแตกตื่นเหมือนคนเสียขวัญเต็มที่ “กช เราไม่ได้ตั้งใจ… ไม่คิดว่าคุณลุงจะ---”

“แต่เธอก็รู้อยู่ว่าพ่อฉันเป็นคนยังไง” พี่กชปัดมือพี่ก้อยออก สีหน้าและแววตาเย็นชาจนผมยังนึกหวั่นใจแทนพี่ก้อยเลย “ไม่สิ ฟังนะ มันไม่เกี่ยวหรอกว่าพ่อฉันจะเป็นคนยังไง แต่มันอยู่ที่เธอนั่นแหละ นี่มันเรื่องของฉันกับมิว เรื่องของครอบครัวฉัน ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับเธอเลย แต่เธอดันสอดมือเข้ามายุ่ง ถามจริงๆ เหอะ มันใช่เรื่องไหม”

“กช! ” พี่ก้อยสะดุ้ง ผมเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน พี่กชบีบมือผมแน่นขึ้นเหมือนกลัวว่าผมจะหนีหายไปไหน

“ยังไงซะฉันตั้งใจจะพูดเรื่องนี้กับพ่อแม่อยู่แล้ว อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะค่อยๆ คุย แต่เธอมาทำงี้ก็ไม่ต่างจากทำลายกันหรอก ขอบอกเลยนะว่าผิดหวังว่ะ เสียดายความเป็นเพื่อนของเรา แต่ฉันว่าเธอคงไม่เห็นค่ามันแล้วล่ะ เพราะงั้นต่อให้ฉันจะอยากรักษามันไว้ก็ไม่มีประโยชน์ ขอบใจนะก้อย ขอบใจมากเลยที่ทำให้ฉันรู้วันนี้”

“เดี๋ยว กช! ” พี่ก้อยตะโกน เหมือนเจ้าหล่อนจะถึงขีดจำกัดแล้วเหมือนกันเพราะน้ำตาเริ่มคลออยู่ที่เบ้า “ก็เราบอกแล้วว่าเราไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ เราไม่คิดว่าคุณลุงจะทำแบบนี้กับนาย เราแค่อยาก… อยากให้นายรู้สึกตัวว่าความสัมพันธ์ของนายกับน้องมิวน่ะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับได้หรอกนะ นายก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ ขนาดพ่อของนาย---”

“โว้ย! ” พี่กชทุบกำปั้นลงกับผนัง เสียงดังปึ้งนั่นทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว ดีนะที่นั่นเป็นผนังคอนกรีต ไม่งั้นคงได้เป็นรูแน่ๆ “ฉันไม่สนหรอกว่าเธอจะพูดยังไงหรือคิดยังไง แต่ถ้าเธอพูดแบบนั้นต่อหน้ามิวอีกล่ะก็… ฉันจะไม่ให้ยกโทษให้แน่”

“กช…”

“ไปกันเถอะ” เขาพาผมออกมานอกพื้นที่สำนักงานจนได้ พนักงานหลายคนหันมามองอย่างงงวยเพราะเสียงเอะอะเมื่อครู่ไม่เบาเลย แถมยิ่งเห็นสภาพลูกชายเจ้านายตัวเองหน้าบวมไปแถบ ลุงหัวหน้าคนหนึ่งก็ตรงเข้ามาอย่างเป็นห่วง

“น้องกชครับ เป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย ทำไมหน้า---”

“แค่ปัญหาในครอบครัวนิดหน่อยครับพี่” พี่กชตอบยิ้มๆ “ไว้รออารมณ์เย็นกันกว่านี้ผมจะไปคุยกับพ่อใหม่ ขอโทษที่ทำให้ตกใจกันนะครับ ทำงานต่อเถอะ”

แล้วพี่กชก็เดินลิ่วๆ ไปที่รถ ไม่สนหลายๆ คนที่อาสาจะช่วยปฐมพยาบาลให้

ทันทีที่ประตูรถปิดลงผมก็เริ่มสำรวจใบหน้าของแฟนตัวเองทันที เห็นเลือดที่มุมปากเล็กน้อย ผมรีบหาทิชชู่มาซับเลือดตรงนั้นอย่างเบามือ พี่กชหัวเราะออกมาเล็กน้อยทำให้ผมต้องขมวดคิ้วมุ่น

“ขำอะไรของพี่เนี่ย”

“ก็วันก่อนพี่ต้องนั่งทำแผลให้มิว” เขาว่าพร้อมกับปิดเปลือกตาลง “แต่วันนี้มิวต้องมานั่งเช็ดเลือดให้พี่แทน”

“นั่นสินะครับ” ผมยิ้มเพื่อคลายความตึงเครียดจากเหตุการณ์เมื่อครู่บ้าง “วันก่อนผมก็โดนต่อย วันนี้กลายเป็นพี่โดนต่อยแทน”

“สลับๆ กันเนอะ”

“ดีแล้วนี่ครับ เราจะได้ผลัดกันปลอบไง”

เขาลืมตาขึ้นมาอย่างอ่อนล้า นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นจ้องมองผมอย่างลึกซึ้ง พี่กชเลื่อนนิ้วมาเกลี่ยผมที่แก้มแผ่วเบา

“แต่พี่ไม่เจ็บเท่ามิวหรอก ตอนนั้นมิวโดนรุมยำซะเละเลยนี่”

ผมมองเขาตอบนิ่ง รู้ดีว่าพี่กชเจ็บมากแน่ในเมื่อคนที่ต่อยเขาคือพ่อของเขาเอง

“พี่ต้องประคบเย็นนะครับ” ผมว่า “ไม่งั้นจะบวมอยู่อย่างนี้ เราไปหาซื้อน้ำแข็งกันหน่อยดีไหม พี่ขับไปเซเว่นหรือแวะปั๊มหน่อย”

“ได้สิ” เขาว่า แต่กลับเอนหลังไปพิงกับเบาะพร้อมกับยกแขนก่ายหน้าผากแล้วหลับตาลง “แต่ขอพักแป๊บหนึ่งนะ ทำใจก่อน”

ผมเอื้อมมือไปบีบมืออีกข้างของเขา “ได้สิพี่ ถ้าอยากพักก็พักเถอะ”

“ก้อยเคยพูดจาแบบนั้นใส่มิวไหม”

ผมเงียบไป

“เคยใช่รึเปล่า”

“ก็… ครับ ใช่ จริงๆ ก็เคย”

“แบบต่อหน้าตรงๆ หรือทางเน็ต”

ผมสัญญากับเขาไปแล้วว่าจะไม่ปิดบังอะไร “ต่อหน้าตรงๆ ครับ”

“เมื่อไหร่”

“อืม… ผ่านมานานแล้วเหมือนกันนะ เดือนที่แล้วมั้ง วันนั้นพี่กชมีนัดกับพวกพี่บอส”

“เจอก้อยที่ไหน”

“ตลาดนัดที่เลยหอเราไปอีกหน่อยน่ะครับ พี่ก้อยมากับเพื่อนอีกสองสามคนมั้ง” ยังจำได้อยู่เลยว่าพี่ก้อยพูดประมาณว่าเผื่อได้เจอพี่กช

“เขาพูดอะไร”

“ก็… อะไรทำนองแบบที่พูดเมื่อกี้ล่ะครับ แบบว่า พี่กชเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมาก่อนแท้ๆ แบบ… เป็นเชิงว่าพวกเราสองคนไม่ควรคบกัน”

พี่กชเป็นฝ่ายบีบมือผมแน่นคราวนี้ “มิว”

“อะไรครับ”

“พี่ขอโทษนะ”

“พี่จะขอโทษอะไรผมล่ะ” ผมยิ้มออกมาบางๆ

“ทุกอย่างเลย”

“ทำอะไรผิดมาเหรอครับ? ”

“พี่ควรจะปกป้องมิวมากกว่านี้”

ผมเงียบ

“จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้พี่เห็นก้อยโพสท์ลงในเฟซบุ๊คน่ะ แบบ… ด่าเราสองคนแรงอยู่เหมือนกัน แต่ด่ามิวแรงกว่า พี่ควรจะตัดเพื่อนกับก้อยตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่พี่ก็ยังให้โอกาสเขา”

“ก็เขาเป็นเพื่อนสนิทพี่นี่ครับ” ผมว่า “พี่ก็ต้องไม่อยากเสียเขาไปอยู่แล้ว”

“เคยเป็นเพื่อนสนิทต่างหาก” พี่กชแก้ “แล้วตอนนี้ก็ไม่ใช่แล้ว แล้วเอาจริงนะ เขาเองก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนพี่อีกแล้วล่ะ ดูจากที่เขาทำวันนี้ก็รู้”

“เขาอาจจะยังชอบพี่กชอยู่ก็ได้นะ”

“งั้นก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่” พี่กชแค่นเสียง “มิว ถ้ามิวชอบใครสักคน มิวจะอยากทำร้ายเขาแบบนี้เหรอ? ”

ผมส่ายหน้ารัวๆ “ไม่มีทางครับ”

“ก็แบบนั้นแหละ”

จากนั้นพวกเราสองคนก็เงียบกันไปครู่ใหญ่ แต่ตอนนี้ผมเริ่มกังวลอาการบวมที่แก้มพี่กชแล้ว เหมือนพี่กชจะรู้ตัว เขาหัวเราะเมื่อเห็นผมกระสับกระส่าย จากนั้นก็หันมาสบตาผมตรงๆ อีกรอบ

“มิว”

“ครับ? ”

“อยู่กับพี่ได้ไหม? ”

ผมมองตาเขาตอบ

“อยู่… ข้างๆ พี่นะ มิว”

ผมรู้ดีว่าคำถามนั้นครอบคลุมมากแค่ไหน เขาไม่ได้ต้องการแค่แฟนที่คบกันเล่นๆ หรือเพื่อบอกคนอื่นๆ ว่ามีคนคนนี้เป็นแฟน แต่เขาต้องการใครสักคนที่จะอยู่เคียงข้างเขาในทุกๆ สถานการณ์ คนที่พร้อมจะให้กำลังใจเขาในวันที่เจอเรื่องหนักๆ คนที่จะยอมสู้ไปพร้อมกับเขาแม้ว่าจะโดนคนรอบตัวหรือแม้แต่คนในครอบครัวตัวเองปฏิเสธความสัมพันธ์นี้

ผมบีบมือเขาตอบแน่น

“ผมสัญญาครับพี่กช”

“มิว...”

“ผมจะอยู่ข้างๆ พี่นะ”

และผมหมายความตามนั้นจริงๆ




---------------------------------------------
Talk: ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ :) ขอบคุณสำหรับทุกทุกกำลังใจด้วย >w< รักทุกคนเลย <3

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ผิดคิวแล้วล่ะก้อย ล้ำเส้นไปจริง ๆ น่ะล่ะ
พยายามเข้านะพี่กชมิว

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
จริงค่ะ คนไม่ได้เกลียดกันทำแบบนั้นไม่ลงหรอก ต้องอยากเห็นอีกฝ่ายเจ็บปวดเท่านั้นแหละ
มิวววว ได้เวลาดูแลพี่บ้างแล้วนะลูกนะ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะค้าาาา

ออฟไลน์ mmello07

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากจะมุดจอเข้าไปจัดการยัยก้อยแทนจริงๆเลย ถ้ารู้สึกดีๆต่อกันจริงคงไม่ทำลายชีวิตเขาแบบนี้ :katai1:

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
โกรธแทนมิวมิวและพี่กชเลย ฮืออ :z3:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ยัยก้อยนี่บ้าของแท้เลย

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 27




ผมกลับมาลงคลิปหลังจากที่ใบหน้าบอบช้ำของตัวเองเริ่มกลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้งหนึ่ง แฟนคลับผมหลายๆ คนคอมเม้นท์แสดงความยินดีที่ผมกลับมา บางคนก็บอกรอมานานจนรากงอกเหมือนน้อยอกน้อยใจ แต่โชคดีที่ไม่มีใครสังเกตรอยช้ำบนหน้าผม คงเพราะมันหายดีแทบหมดจดแล้วด้วย

“เอาล่ะนะครับ สวัสดีนะครับ หายหน้ากันไปนานเลย” พูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้กล้อง วันนี้พี่กชไม่ได้มาเล่นเกมกับผมด้วย แต่เจ้าตัวก็วนเวียนอยู่ในห้องนี่แหละ “เห็นมีหลายคนทักมาถามหลังไมค์ แวะมาทิ้งข้อความไว้ที่หน้าเพจกันเยอะมาก ถามว่าพี่หายไปไหน ก็ไม่ได้หายไปไหนนะครับ แค่ช่วงก่อนหน้านี้ไม่ค่อยสบาย แล้วก็มีปัญหาชีวิตส่วนตัวนิดหน่อย”

ผมตอบกลางๆ ไป ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่พูดถึงพี่แบงค์หรือช่อง black moon เด็ดขาด ไม่ว่าจะในแง่ไหนก็ตาม ที่ผมจะทำต่อจากนี้คือตัดเขาออกจากสารบบชีวิต ส่วนกับพี่แอมป์ ถ้าพี่เขายังชวนแคสเกมอีกล่ะก็ ผมก็จะเล่นกับเขานั่นแหละ

ผมไม่ได้คิดเกาะพี่แอมป์ดัง และพี่แอมป์ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ ทำไมจะต้องเลิกเล่นเกมกับพี่แอมป์ด้วย

“แต่นี่ผมก็กลับมาแล้วคร้าบ ขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง ขอบคุณมากจริงๆ ที่ถามกันเข้ามา งั้นขอผมแนะนำเกมของวันนี้เลยดีกว่า”

เกมที่ผมเอามาวันนี้เป็นเกมที่สร้างด้วยโปรแกรม RPG Maker เป็นเกมสองมิติที่มีตัวละครเดินไปมาในช่อง ลักษณะเป็นภาพพิกเซลทั้งเกม สิ่งที่ต้องทำในเกมประเภทนี้ก็คือหาของ แก้ปริศนาเพื่อปะติดปะต่อเนื้อเรื่อง ไม่ค่อยต้องใช้ทักษะขยับนิ้วพลิ้วไหวอะไรมากมาย ขอแค่มีหัวคิดก็พอ

ผมรับบทเป็นเด็กสาวผมทองคนหนึ่งที่หลงมาอยู่กลางป่า ระหว่างทางเจ้าหล่อนก็เจอศพและภยันตรายมากมาย อย่าได้ดูถูกภาพพิกเซลงอกง่อยพวกนี้เชียว บทผีมาทีหนึ่งผมนี่สะดุ้งพอๆ กับเกมผีสามมิติเลย ถ้าบรรยากาศเกมกับเนื้อเรื่องบิวด์มาดี อะไรก็น่าตกใจทั้งนั้นแหละครับ

“แฮ่! ”

“เหี้ย! ” ถึงกับอุทานคำหยาบ ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าเกมมันจะทะลุมาถึงข้างหูแบบนี้

แต่ไม่ใช่เกมหรอกที่ทำให้ผมเสียขวัญ ไอ้คุณพี่กชต่างหาก!

หน็อย มาตะปบหลังตอนเล่นเกมผีแบบนี้ มันใช่เรื่องไหม!?

“พี่ก๊ช! ”

“ฮ่าๆ ๆ ๆ ดูหน้ามิวมิวดิ โคตรตลก” ไม่พูดเปล่า ยังจะชี้หน้าผมเหมือนสะใจสุดๆ อีก แล้วนั่นไง… พี่กชเอาอีกแล้ว ไอ้ถอดท่อนบนเดินไปเดินมาในห้องเนี่ย ถึงนี่จะเป็นห้องของพวกเรา แต่ผมกำลังอัดคลิปอยู่นะเฮ้ย!

“พี่กช” ผมเอ็ดเสียงดัง “บอกกี่รอบแล้วครับว่าอย่าถอดเสื้อเดินไปมาตอนผมถ่ายวิดีโออยู่ มันดูไม่โปรนะพี่”

“โธ่เอ๊ย ก็เห็นพูดงี้ทุกครั้ง” ว่าพร้อมกับเอื้อมมือมาดึงจมูกผมอย่างมันเขี้ยว “แต่ก็เห็นเอาลงคลิปตลอดเลยนี่ ทั้งๆ ที่ตัดออกก็ได้แท้ๆ บอกมาตรงๆ ดีกว่า จริงๆ ก็ภูมิใจล่ะสิที่แฟนตัวเองหุ่นดีขนาดนี้”

“โหย พี่” ผมแกล้งครวญ “แบ่งความมั่นใจมาให้สักนิดได้ไหมครับ ล้นเหลือจริง”

“แน่นอนสิ” ยังอีก ยังไม่รู้ตัวอีก

ผมแคสเกมต่อจนจบแล้วเริ่มตัดต่อคลิป พอมาย้อนดูแล้วสังเกตหน้าพี่กช รอยช้ำที่อีกฝ่ายโดนพ่อต่อยมายังหลงเหลือให้เห็น ผมผ่อนลมหายใจออกมานิดหนึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่กชเดินมาหลังเก้าอี้แล้วโน้มตัวมากอดจากด้านหลัง ผมลูบแขนเขาเบาๆ

“พี่ยังเจ็บแผลอยู่รึเปล่าครับ”

“หือ? แผลไหน? ” เขาพูดงงๆ “อ้อ ไอ้ที่โดนต่อยมาเนี่ยเหรอ อูย เจ็บสิ ระบมไปหมดเลย”

“ยังอีก ยังจะเป็นเล่นอีก” ผมพูดเสียงดุ พี่กชเลยหัวเราะร่วนพร้อมกับเลื่อนหน้ามาหอมแก้มผมฟอดใหญ่

“ไม่เจ็บแล้วครับคุณแฟน เป็นห่วงด้วยเหรอ น่ารักที่สุด”

“ก็ต้องเป็นห่วงสิครับ” ว่าพร้อมกับถอนหายใจอย่างอัดอั้น “แล้วนี่พี่ได้คุยกับคุณพ่อหรือยังตั้งแต่วันนั้น”

“ยังเลย” ถึงตรงนี้ รอยยิ้มมั่นใจในตัวเองของพี่กชก็ชืดลง “ไม่ได้ติดต่อที่บ้านเลยอะ ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี”

“ปล่อยทิ้งไว้มันยิ่งเรื้อรังนะพี่” ผมพูดอย่างกังวล เห็นปัญหาบ้านพี่กชแล้วชักเริ่มกลัวมาถึงบ้านตัวเอง ผมต้องไปเกริ่นให้พ่อกับแม่รู้เรื่องที่ผมคบกับผู้ชายแล้ว หวังว่าพ่อคงไม่ต่อยผมหรอกนะ

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะลองหาทางคุยดู” พี่กชว่า จะเรียกว่ามองโลกในแง่ดีหรือเรื่อยเฉื่อยเกินไปก็ไม่รู้ “แล้วมิวล่ะ บอกที่บ้านหรือยัง? พ่อแม่ว่าไงบ้าง”

“ผมยังไม่ได้บอกเลยพี่” ผมสารภาพ “แต่พอเจอกรณีบ้านพี่แล้วก็คิดไว้เหมือนกันว่าต้องไปบอก ไม่งั้นถ้ารู้แบบกะทันหันอาจมีการช็อกแบบสายฟ้าฟาด”

“เหมือนบ้านพี่” พูดแล้วก็ลูบแก้มข้างที่โดนต่อยของตัวเอง ผมลูบแก้มเขาบ้างเป็นเชิงปลอบ เท่านั้นแหละ พี่กชซุกหน้าเข้ามาอ้อนที่คอผมเลย

“พี่ จั๊กจี้น่ะ”

“อย่าทิ้งพี่ไปนะมิวมิว”

“โอ๊ย ไม่ทิ้งพี่ ผมสัญญาแล้วไง” พูดพร้อมกับตบบ่าเขาแปะๆ เหมือนพี่กชจะกังวลว่าผมจะไม่อยู่สู้ไปพร้อมเขาเรื่องครอบครัวไม่ยอมรับนี่มาก ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด ผมไม่มีทางยอมเลิกกับเขาด้วยเหตุผลแค่นี้แน่ กับที่บ้านผมเองก็เหมือนกัน “งั้นเดี๋ยวเสาร์อาทิตย์นี้ผมกลับไปนอนบ้านนะ จะได้พูดเกริ่นกับพ่อแล้วก็แม่”

“เฮ้ย เสาร์อาทิตย์เลยเหรอ” รัดผมแน่นขึ้น “ไม่เอานะ มากเกินไปแล้ว วันเดียวได้ไหมล่ะ”

“โอย พี่ มันเดินทางลำบากไหมเล่า” ให้ตายเถอะ พี่กชนี่ บทจะทำตัวเป็นเด็กก็โคตรจะเด็กเลย



และเมื่อถึงเวลาที่ผมได้มาอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวจริงๆ …

“นี่ มอส ไปหยิบซอสมะเขือเทศให้แม่หน่อยลูก มิว กินอีกหน่อยสิ ทำไมตักไปน้อยแค่นั้นแล้วจะโตไหมฮะ” นี่คุณนายธีรตา

“คุณ ลูกมันโตจนหยุดโตไปแล้ว จะไปอะไรกับมันนัก มิว แล้วช่วงนี้ที่มหาลัยเป็นไง ยุ่งเหรอลูก เห็นไม่ค่อยกลับบ้านเลย” นี่คุณพ่อ

“อะ แม่ นี่ซอส” มอสเดินกลับมาหลังจากผลุบไปในครัว น้องสาวผมทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ พร้อมกับก้มหน้าเล่นมือถือ ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดพลาดเวลารับประทานอาหารกับครอบครัว

“มอส แม่บอกกี่รอบแล้วว่าอย่าเล่นมือถือไปด้วยกินข้าวไปด้วยน่ะ”

“มิว ตกลงยังไง แล้วปิดเทอมอีกทีเมื่อไหร่ อ่านหนังสือเตรียมตัวรึยัง”

โอย แยกประสาทตามไม่ทันแล้วครับ ผมควรต้องตอบพ่อก่อนใช่ไหม

“ผมก็อ่านเรื่อยๆ แหละพ่อ เออ นี่ พ่อฮะ แม่ฮะ ผมมีเรื่องอยากปรึกษา”

เปิดประเด็นจริงจังขึ้นมาแต่ทุกคนก็ยังดูไม่ตื่นเต้นหรือมีปฏิกิริยาอะไรมากมายเท่าไร ส่วนไอ้มอสก็ยังนั่งเล่นมือถือตามเดิม สมแล้วจริงๆ ครอบครัวผมนี่เหมือนเดิม

“ว่าไงลูก เรื่องเรียนรึเปล่า”

“แหม แล้วคุณจะช่วยลูกได้เหรอคะถ้ามิวถามเรื่องเรียนขึ้นมา”

“เออ นั่นสิ พ่อก็ไม่ได้ภาษาญี่ปุ่นซะด้วย”

“แม่ ส่งน้ำให้มอสหน่อย”

โอย ปวดหัว จะได้เข้าเรื่องไหม

“คือ…” ผมพยายามดึงบทสนทนามาจริงจังอีกครั้ง “พ่อกับแม่… คิดยังไงกับการที่ผู้ชายจะคบกับผู้ชายเหรอครับ”

“หืม” แม่ผมยังตักผัดผักเข้าปากอย่างไม่ทุกข์ร้อน พ่อเองก็ตักไข่เจียวเพิ่มใส่จานตัวเองแล้ว ยังหรอก มันยังไม่ถึงจุดพีค “ก็เฉยๆ นะลูก ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนก็โอเค”

“นั่นสิ” พ่อผสมโรงตาม “ขนาดมิวยังคบอยู่กับผู้ชายเลย ไม่เห็นจะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นตรงไหน”

“จริง” มอสว่าต่อ แต่ตอนนี้ช้อนส้อมในมือผมไปนอนอยู่บนจานล่ะ ผมอ้าปากค้างกับสิ่งที่เพิ่งทะลุเข้ามาในโสตประสาทของตัวเอง

“ฮะ? เดี๋ยว อะไรนะ เมื่อกี้พ่อ…”

อ้าว ฉิบหาย ตอนแรกผมคิดว่าจะทำให้พ่อกับแม่ตกใจหรือถึงขั้นช็อกตอนที่ได้รู้เรื่องที่ผมคบกับพี่กช กลับกลายเป็นว่าผมเป็นฝ่ายช็อกเสียแทนที่พ่อกับแม่ทำท่าเหมือนรู้อยู่แล้ว… แถมไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรกับเขาด้วยเลยนะ!

“อ้าว” แม่กคิ้วอย่างแปลกใจ คงพอจับปฏิกิริยาของผมได้ “เป็นความลับหรอกเหรอลูก”

เดี๋ยวนะ…

“วู้ จะเป็นความล้งความลับทำไม” พ่อว่าพร้อมกับส่ายหน้าเหมือนเอือมระอา “สมัยนี้แล้วเนี่ยนะ เขาก็เปิดรับเพศที่สามที่สี่กันทั้งนั้นแหละ ไม่เห็นเหรอ กฎหมายที่คนเพศเดียวกันแต่งงานกันได้ของต่างประเทศน่ะ เยอะแยะ จะไปกลัวหรือกังวลทำไม”

“อ้าว คุณ ลูกจะกังวลก็ปกติไหม แต่มิวไม่ต้องเครียดไปนะลูก ยังไงพ่อกับแม่ก็เข้าใจมิวนะ”

ผมหันไปมองไอ้มอสทันที “มอสบอกใช่ไหม”

ในที่สุดน้องสาวผมก็ละหน้าออกจากหน้าจอจนได้ แถมยังมองผมตาแป๋วอย่างน่าถีบอีก

“อ้าว มอสบอกพ่อกับแม่ไม่ได้เหรอ ใครๆ ก็รู้กันทั้งนั้นว่าพี่กชกับพี่มิวคบกัน จะปิดพ่อแม่ไปทำไม”

“เออ ใช่ เล่นประกาศตัวในคลิปแบบนั้น ยังไงก็เพลาๆ ลงบ้างนะลูก” คุณนายธีรตารีบว่าด้วยน้ำเสียงของคนเป็นแม่ทันที “ถึงเราจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่คนอื่นมองเข้ามันจะดูไม่ดี รักนวลสงวนตัวบ้าง”

ฮะ?

แบบนี้ก็ได้เหรอ!?

“ลูกเป็นผู้ชายนะคุณ” พ่อผมว่าพร้อมกับตักข้าวเข้าอีกคำ “พูดแบบนั้นมันไม่ฟังดูแปลกไปหน่อยรึไง”

“ก็นั่นแหละค่ะ” ว่าพร้อมกับเชิดหน้านิดๆ “จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่ควรให้มันเกินงาม แล้วพี่กชดูแลลูกดีรึเปล่าล่ะมิว วันหลังก็ชวนเขามากินข้าวที่บ้านอีกสิ รอบนี้แม่ยังแปลกใจที่ลูกไม่ชวนพี่เขามาด้วย”

“เอ๊ะ คุณนี่ยังไง” พ่อผมเอ็ด “ก็ลูกบอกไปแล้วว่าพี่กชไม่ว่างไม่ใช่เหรอ”

“โห” มอสเงยหน้าขึ้นมาตีสีหน้าแหยๆ “พ่ออย่าเรียกพี่กชว่าพี่กชเลย อายุนี่ห่างกับเขาไปกี่รอบ”

“อ้าว ก็เห็นมอสกับมิวเรียก พ่อก็เรียกตามไง”

ครอบครัวสุขสันต์… อย่างน้อยก็เบาใจได้แล้วว่าพ่อไม่ต่อยผม





หลังจบมื้อเย็น ผมตรงเข้าไปนั่งเล่นนอนเล่นในห้องของตัวเองอยู่พักใหญ่ หลังจากอาบน้ำเสร็จสรรพผมก็แวะเข้าไปในห้องนอนของพ่อกับแม่ ตอนนี้พ่อไปอาบน้ำเลยมีแม่ที่แต่งชุดเตรียมนอนแล้วอยู่คนเดียว แม่กำลังนั่งจิ้มไอแพดเล่นเกมไพ่อยู่ และเมื่อผมนั่งลงข้างๆ แม่ก็เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้แล้วดึงผมไปกอดแนบตัว

“ไหน เป็นไงบ้างลูก หายหน้าหายตาไม่กลับบ้านมานาน มหาลัยยุ่งมากเหรอครับ”

“เอ่อ เปล่าครับ ก็ไม่ยุ่งขนาดนั้น” แม่พูดทีนี่ทำเอาความรู้สึกผิดพวยพุ่งเลย “ขอโทษนะครับ ไว้ผมจะหาเวลากลับมาให้มากขึ้น”

“ดีแล้ว ว่างๆ ก็ช่วยน้องติวหนังสือหน่อย มอสจะสอบเข้ามหาลัยอยู่แล้วยังไม่รู้จะเป็นไงเลย”

“มันน่าจะทำได้แหละแม่” น้องสาวผมถึงจะเฮี้ยวไปหน่อย ดูไม่ตั้งใจเรียนไปบ้าง แต่จริงๆ แล้วมันเป็นคนหัวดี ถ้าใส่ใจสักนิดก็ไม่มีปัญหาหรอก “มอสมันฉลาด แล้วเวลาที่มันอยากให้ผมช่วยอะไรมันก็ทักมาเองแหละ”

“เฮ้อ กลัวแต่น้องจะไม่มีที่เรียนน่ะสิ”

“มีอยู่แล้วแม่ ไม่ต้องกลัวหรอก” กลัวว่าเข้าไปเรียนแล้วจะจบไหมดีกว่า ฮ่าๆ ๆ

แม่ผมก้มหน้าเล่นเกมต่ออีกครู่หนึ่งโดยที่ผมยังเอียงคอซบบ่า ชั่งใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเปิดปาก

“จริงๆ แล้วผมแปลกใจมากเลยนะที่พ่อกับแม่ไม่ว่าอะไรเรื่องที่ผมคบกับพี่กช”

“อ้อ” แม่เลื่อนไพ่ใบหนึ่งไปไว้ในกอง “จะว่าทำไมล่ะ”

“ไม่รู้สิครับ” ผมว่า “ก็แบบ… เผื่อแม่ไม่ชอบเกย์หรือไม่อยากให้ลูกเป็นเกย์ไรงี้ไง”

“แม่ไม่คิดอะไรหรอก” พูดพร้อมกับเอื้อมมือมาลูบหัวผมทีหนึ่ง “ขอแค่มิวตั้งใจเรียน ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี เป็นคนดีก็พอแล้ว ส่วนเรื่องจะรักใครชอบใคร ถ้าคนนั้นไม่ทำร้ายมิว แม่ก็โอเคทั้งนั้น”

โอย แล้วแบบนี้ผมจะไม่รักแม่ตัวเองไหวเหรอครับ ว่าแล้วก็ขอกอดแม่แรงๆ ที

“เออ แม่”

“หืม? ”

“จริงๆ แล้วที่ผมกลัวว่าพ่อกับแม่จะรับไม่ได้น่ะ เพราะทางบ้านพี่กชไม่ยอมรับแหละ”

แม่ผมเงยหน้าขึ้นมาจากจอแล้วสบตาผมตรงๆ อย่างตั้งใจฟัง

“คือเหมือนพ่อพี่กชน่าจะเคร่งพอสมควร” ผมอธิบาย “พอเขารู้ว่าพี่กชคบกับผู้ชายอยู่นะ เขาเรียกพี่กชเข้าไปคุยเป็นการส่วนตัวเลย แบบไม่ให้ใครเห็น”

“แล้วเป็นไง”

“เป็นไงล่ะ” คิดถึงตรงนี้ผมก็ตีหน้าสยอง “พี่กชกลับมาอีกทีหน้าบวมไปข้าง โดนพ่อเขาต่อย”

“โอ๊ย ตายแล้ว”

“อือ ใช่ ผมก็เลยกลัวว่าแม่กับพ่อจะไม่ยอมรับเหมือนกันไง”

“แล้วนี่พี่กชเป็นยังไงบ้างล่ะลูก หายดีหรือยัง”

ผมพยักหน้า “ดีขึ้นเยอะแล้วครับ” ทั้งนี้ทั้งนั้นพ่อกับแม่ไม่รู้เรื่องที่ผมโดนรุมยำจากพวกพี่แบงค์มาคราวก่อนหรอกนะ เพราะผมอยู่หอตลอดจนกว่าจะหายดีเลย ไม่อยากให้ทั้งสองคนกังวล

“แล้วเขาไปคุยกับพ่อแม่เขาดีๆ หรือยัง”

“รู้สึกจะยังเลยครับเนี่ย” ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ผมเองก็กลุ้มใจเหมือนกัน ไม่รู้จะทำยังไงดี”

“บางทีเรื่องแบบนี้มันก็พูดยากนะลูก คนที่เขาหัวแข็ง ไม่ยอมรับมาก่อน อยู่ๆ ให้มาเจอว่าลูกตัวเองเป็นก็อาจจะช็อกจนรับไม่ได้”

“แล้วควรทำยังไงเหรอครับ”

แม่ผมนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง “ก็คงต้องรอไปคุยกันตอนอารมณ์เย็นๆ นั่นแหละ”

“แม่ว่ามันจะได้ผลเหรอ”

“อาจจะได้หรือไม่ได้” พูดพร้อมกับดึงผมไปกอดอีกรอบ ผมชอบเวลาแม่ลูบหัวแบบนี้ที่สุดเลย “แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ อีกอย่าง… ลูกชายแม่ก็ไม่ใช่เด็กเกเรอะไร ถึงจะเป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน บางทีวันนี้เขาอาจจะไม่เข้าใจ แต่ถ้ามิวกับพี่กชหนักแน่น พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าพวกลูกรักกันจริงๆ แม่ว่าเขาก็คงทำใจยอมรับได้เอง”

ผมหัวเราะออกมานิดหนึ่ง “ใช้คำว่าทำใจเลยเหรอครับ”

“อ้าว จะไปรู้เหรอ” คุณนายยักไหล่หนึ่งที “ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับคน แต่ถ้ามิวตัดสินใจว่าจะคบกับรุ่นพี่คนนี้ก็ต้องสู้ไปพร้อมกับเขาใช่ไหม”

เรื่องนั้นต่อให้แม่ไม่บอก ผมก็คิดจะทำแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ







บรรยากาศทางฝั่งครอบครัวของพี่กชดีขึ้นมานิดหน่อยเพราะพี่กชกลับไปนอนบ้านช่วงสุดสัปดาห์ที่ผมกลับบ้านเหมือนกันนี่แหละ

พี่กชเล่าให้ฟังว่าแม่กับน้องชายเขาไม่มีปัญหาอะไร แต่พ่อไม่ยอมพูดเรื่องนี้กับพี่กชเลยแม่แต่คำเดียว คือถ้าพี่กชไปชวนคุยเรื่องอื่นก็ยังตอบปกติ แต่เหมือนจะยังไม่ยอมรับเรื่องที่พวกเราสองคนคบกันอยู่

“คงต้องใช้เวลาแหละ” พี่กชพูดเหมือนปลง “อาจจะนานหน่อย แต่พี่เชื่อว่าสักวันพ่อคงเข้าใจแหละ มิวไม่ต้องคิดมากนะ เราทำดีที่สุดของเราก็พอ เดี๋ยวไว้มีโอกาสพี่พาไปที่บ้านอีก”

“ถ้าพ่อพี่โอเคผมก็โอเครับ”

“ก็คงไม่โอเคหรอก” พี่กชยอมรับพร้อมกับยิ้มชืดๆ “แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรให้เขาเห็น เขาก็คงไม่เข้าใจ”

ก็ฟังดูมีประเด็น

แต่วันนี้ทั้งวันผมไม่ค่อยได้กังวลเรื่องที่บ้านพี่กชไม่ยอมรับเท่าไรหรอกครับ มัวแต่เครียดเรื่องเรียนอยู่ สอบใหญ่กำลังจะมาอีกครั้งในไม่ช้า และคันจิมหาศาลก็กำลังรอผมอยู่ ผมต้องตั้งใจทบทวนให้ดี ผมแอบหวังเกียรตินิยมอยู่นิดๆ น่ะ ไม่ใช่อะไร คือมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดที่ต้องเอามาให้ได้อะไรแบบนั้นหรอกนะ แต่ถ้าได้ก็คงดี อะไรแบบนั้น

และเพราะมัวแต่ใจลอยคิดว่าต้องเตรียมอ่านอะไรบ้างนี่แหละ ผมถึงได้ไม่รู้ตัวเลยตอนที่มีใครบางคนเรียก วิ่งเข้ามาหา จนมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้านี่

“เฮ้ย ไอ้แว่น! ” เรียกพร้อมกับดีดนิ้วดังเปาะ ผมสะดุ้งแรงๆ เมื่อเห็นพี่บอสปรากฏตัวอยู่ต่อหน้า แถมยังมีสีหน้าหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ “นอกจากตาจะไม่ดีแล้วหูยังมีปัญหาอีกเหรอ เรียกตั้งนานทำไมไม่ตอบ”

“พะ… พี่บอส” ผมยิ้มแหยให้เขา กระชับกระเป๋าในอ้อมแขนมากขึ้นราวกับจะใช้มันเป็นเกราะป้องกัน “มะ… มีธุระอะไรเหรอครับ? ”

“มัวเหม่ออะไร ทำไมไม่ตอบ”

แง ป๋มขอโต้ด

“ขอโทษครับ คือ… คิดเรื่องเรียน---”

“เออ ช่างเหอะ” อ้าว แล้วจะถามทำไมวะ “แล้วนี่ไอ้กชไปไหนเสียล่ะ ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ”

“พี่กชมีเรียนที่อีกตึกน่ะครับ” ซึ่งตึกที่ว่าก็อยู่ไกลขนาดต้องขี่รถมอไซค์เลยด้วย “พี่บอสตามหาพี่กชอยู่เหรอ? ลองโทรดูหรือยังครับ ให้ผมโทรไหม”

“เปล่า” เขาว่า ถอนหายใจยาวเหมือนอัดอั้นอะไรบางอย่าง “หลังจากนี้พอมีเวลาไหม แบบ ยาวไปถึงค่ำๆ เลยอ่ะ”

“อื๊อ? ” ผมเลิกคิ้วก่อนจะส่ายหน้า “ก็… ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษนะครับ”

“ไม่ได้นัดไอ้กชด้วยใช่ไหม? ”

“เปล่าครับ ไม่ได้นัด”

“ดีล่ะ” เขาคว้าข้อมือผมอย่างรวดเร็วโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว “งั้นไปกินข้าวกัน เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”

“หา? ”

“เถอะน่า ไม่ได้มีอะไรไม่ใช่หรือไง” ท่าทางเขาดูลุกลี้ลุกลนชอบกล แต่ผมว่าตัวผมเองน่าจะอาการหนักกว่านะ “มาเร็ว เดี๋ยวซ้อนท้ายพี่ไป ไปนั่งห้างกันดีกว่า”

“เอ๊ะ เอ่อ แต่...” คือถามผมสักคำไหมว่าผมอยากไปกินข้าวด้วยไหมน่ะ

“อ้อ ใช่” เหมือนรู้ความคิด พี่บอสหันกลับมาจ้องตาผมอย่างจริงจัง “ห้ามบอกไอ้กชนะ ถือว่าพี่ขอ”

เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนดิ…

พี่จะพูดเองเออเองแบบนี้ไม่ได้นะเฮ้ย!





------------------------------------------------------
Talk: รู้ตัวอีกทีก็ใกล้จะจบแล้ว>.< ฝากทุกคนติดตามกันจนถึงบทสุดท้ายเลยน้าาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
สงสัยน้องมังกรจะเผยตัว

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 658
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
จะตามพี่กชกะน้องมิวจนถึงตอนสุดท้ายนะ

อย่างน้อยครึ่งนึงคือครอบครัวมิวก้อผ่านไปได้ด้วยดีละ

 :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:

..

.

.

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
นิมิตหมายดีดี
เอาใจช่วยน้องๆนะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
กชมิวสู้ๆนะ เอาชนะใจพ่อให้ได้

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ชอบความอ้อนของพี่กชมากอ้ะ น่ารักกก มิวก็น่ารักกก

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 28




ผมไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้ยังไง

สถานการณ์ที่ต้องมานั่งกินข้าวสองต่อสองกับผู้ชายที่ตัวเองรู้สึกไม่ถูกชะตาด้วยสุดๆ ในขณะที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ดูดำดูดีหรือกระตือรือร้นที่จะคุยอะไรกับผม

พี่บอสนั่งจิ้มมือถือพร้อมกับตักข้าวเข้าปากหนึ่งคำ ผมเองก็เริ่มลงมือกินอาหารในจานของตัวเองบ้าง คือจะบอกว่าร้านที่พี่บอสพามาบรรยากาศดี อาหารหรู ราคาสูง แล้วโต๊ะที่แบ่งก็เป็นสัดส่วนกว้างขวาง เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้แก่ลูกค้าเป็นอย่างมาก

แต่ถึงทุกอย่างจะดูดีไปหมด ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าพี่บอสต้องการอะไร ยิ่งเจ้าตัวเอาแต่เล่นโทรศัพท์ด้วยแบบนี้ผมก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงถูก

จริงสิ เกือบลืมแน่ะ ผมต้องบอกพี่กชว่าอยู่กับพี่บอส ปกติเราตัวติดกันเวลาที่มีเวลาว่างตรงกัน ถึงพี่บอสจะขอไม่ให้ผมบอกพี่กชก็เถอะ แต่ผมเป็นแฟนพี่กชนี่นา แล้วการทำให้แฟนตัวเองเป็นห่วงมันคงไม่ดีใช่ไหม

ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาบ้าง… นั่นไง ยังไม่ทันขาดคำเลย พี่กชส่งข้อความมาหาผมก่อนแล้วจริงๆ ด้วย ก็เป็นเรื่องปกติล่ะนะ





KOCH: มิว อยู่ไหน เลิกเรียนยัง





ผมจิ้มแป้นพิมพ์บนหน้าจอพร้อมกับชำเลืองมองพี่บอสไปด้วยอย่างเกรงๆ





Mewミュウミュウ★: เลิกนานแล้วพี่ แต่นี่โดนลากออกมากินข้าวด้วย

KOCH: อ้าว?

KOCH: ไปกินข้าวกับเพื่อนเหรอ

KOCH: ทิ้งกันเลยนะ

KOCH: แล้วเพื่อนคนไหนน่ะ นั่นแน่ะ แอบไปกินกับผช. สองต่อสองหรือเปล่า

KOCH: แอบมีกิ๊กเหรอเรา





นั่น ยังจะมาแซว





Mewミュウミュウ★: อือ ใช่

Mewミュウミュウ★: ผมมากินข้าวกับผู้ชายสองต่อสองล่ะ





แซวดีนัก สนองให้ซะเลย

KOCH: เฮ้ย!

KOCH: ใครอ่ะ? กับเก่งเหรอ?

KOCH: หรือว่าแนท





สัมผัสได้ถึงความร้อนรนของคนถามจริงๆ ผมจึงตัดสินใจบอกตามตรง





Mewミュウミュウ★: เปล่าพี่

Mewミュウミュウ★: พี่บอสลากผมมากินข้าวด้วยอ้ะ

Mewミュウミュウ★: ผมเองก็ยังงงๆ





“มิว” เสียงเรียกจากคนฝั่งตรงข้ามทำให้ผมรีบกดพักหน้าจอแล้วยัดมือถือใส่กระเป๋ากางเกง ฉิบหาย ตกใจหมด พี่บอสเพิ่งบอกไม่ให้ผมติดต่อพี่กชไง พอแกเรียกตอนผมกำลังคุยกับพี่กชงี้ก็มีสะดุ้งสิครับ “ตกใจอะไรของนายน่ะ”

“เอ่อ เปล่าครับ พอดีผมแค่เหม่อๆ ”

“อืม” เขาพูดสั้นๆ เงียบไปอีกครู่หนึ่งหลังจากเสหน้าออกไปมองอีกฝั่ง ท่าทางเหมือนลำบากใจ

ผมรู้สึกไม่ดีเลย… คือปกติแค่ต้องอยู่กับพี่บอสพร้อมหน้าพร้อมตากับคนอื่นก็อึดอัดแล้วไง แล้วนี่ต้องมาอยู่กับเขาสองคน แถมยังเป็นสถานการณ์ที่เหมือนเขาจะไม่ได้อยากมาอยู่ด้วย

ไม่เข้าใจ… แล้วจะลากผมออกมากินข้าวด้วยทำไม ถึงจะดีใจที่เจ้าตัวบอกจะเลี้ยงก็เถอะ

“ขอโทษ”

ผมอ้าปากค้างอย่างไม่รู้ตัว “หา? ”

“ก็บอกว่าขอโทษไงเล่า” เพื่อนรุ่นพี่เริ่มยกมือขึ้นมาปิดหน้าที่ขึ้นสีเล็กน้อยของตัวเอง เหมือนเขากำลังอายอยู่อย่างนั้นแหละ

“อะไรนะครับ? ”

พี่บอสตวัดสายตาคมกริบกลับมามอง “นี่หูหนวกรึไง”

“เอ่อ ไม่… ผมหมายถึง” ผมรีบยกสองมือขึ้นมาเป็นเกราะป้องกันตัวเอง วูบหนึ่งผมนึกกลัวว่าไปพี่บอสอาจจะต่อยผมเหมือนที่พี่แบงค์เคยทำคราวนั้น คือมันยังหลอนจนถึงทุกวันนี้อยู่เลย “ผมแค่งงว่าพี่ขอโทษเรื่องอะไร”

“ก็ขอโทษที่เคยพูดจาไม่ดีใส่นายไง” พูดพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ หากน้ำเสียงอ่อนลงและบ่งบอกถึงความจริงใจมากขึ้น “ขอโทษนะ”

“เอ่อ…” ผมอ้ำอึ้ง เจอแบบนี้ถึงกับไปไม่เป็น แต่ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรเขามาแต่แรกน่ะนะ อาจจะมีอึดอัดบ้างก็จริงแต่ไม่ได้โกรธ “ไม่เป็นไรครับ มันก็ผ่านไปแล้ว”

“คือ… จะว่ายังไงดีล่ะ” ชายหนุ่มยกมือเกาหลังคออย่างคนไม่คุ้นชินกับสถานการณ์แบบนี้ “พี่น่ะ อาจจะปากหมาไปหน่อย แล้วก็พูดจาทำร้ายจิตใจมิวไปหลายทีโดยที่ไม่ทันคิด ไม่ทันรู้ตัว แต่ต่อจากนี้ไปจะพยายามระวังให้มากขึ้นนะ”

ผมยังคงอึ้ง นี่เกิดอะไรขึ้นกับพี่บอสคนนั้นกันแน่เนี่ย? ก็ปกติดูพี่แกขวางโลก แถมไม่ได้สนใจอะไร

“แต่ก็นั่นแหละ ไม่รับปากหรอก” ว่าแล้วพี่บอสคนเดิมก็กลับมาอย่างรวดเร็ว มือเลื่อนมาจับตะเกียบเตรียมจะจัดการอาหารตรงหน้าต่อ “เอาเป็นว่าที่อยากจะบอกคือ… ถ้าพี่พูดจาอะไรไม่ดีใส่ก็อย่าไปคิดมาก ไม่ได้ตั้งใจทำให้มิวรู้สึกแย่หรอก แต่ยังไงก็จะพยายามระวังแล้วกัน เข้าใจที่พูดแล้วนะ? ”

“ครับ” ท่าทางกับน้ำเสียงที่ดูดุขึ้นมาเล็กน้อยทำให้ผมต้องรีบพยักหน้าหงึก

“เข้าใจแล้วก็รีบกิน” ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า แต่เหมือนพี่บอสจะดูผ่อนคลายมากขึ้นถ้าเทียบกับตอนที่เขาลากผมมาที่นี่ เหมือนเขาได้บรรลุสิ่งที่ตัวเองต้องการจะทำไปเรียบร้อยแล้ว นี่แปลว่าเขาแคร์ความรู้สึกผมขนาดนี้เลยเหรอ?

พี่บอสก้มลงไปกดมือถือ เป็นจังหวะเดียวกับที่น้องมังกรทักผมมาพอดี เรากำลังคุยค้างกันเรื่องเกม แต่ก่อนหน้าที่ผมจะตอบน้องแฟนคัลบได้ผมต้องตอบแฟนตัวเองก่อน





KOCH: เฮ้ย!

KOCH: แล้วไปอยู่กับไอ้บอสได้ไง

KOCH: อยู่กันสองคนเหรอ?

KOCH: มิว โหลๆ ๆ ๆ

KOCH: มิวมิว ตอบหน่อย ทำไมไปอยู่กับไอ้บอสสองคน





โอ้โห ใจเย็น นี่พี่บอสเป็นเพื่อนสนิทพี่กชไม่ใช่เรอะ ทำไมพูดจาอย่างกับคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผมเป็นโจรป่าอย่างนั้นล่ะ





Mewミュウミュウ★: โทษทีครับ พอดีเมื่อกี้พี่บอส





“เชี่ย! ” เสียงอุทานของพี่บอสเรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นมามองงงๆ เจ้าตัวลุกขึ้นพรวดขณะที่มองออกไปยังกระจกใสของร้าน มีคนจากมหาลัยเดียวกับผมอยู่กลุ่มหนึ่งเดินด้วยกันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล “ไอ้ธีนี่หว่า รอแป๊บนะมิว พี่ไปหาเพื่อนก่อน”

“โอเคครับ” ผมรับคำงงๆ ขณะที่พี่บอสก้าวพรวดพราดออกจากร้านไป คือพี่แกบอกจะไปหาเพื่อน แต่หน้าตาเหมือนคนเจอลูกหนี้มากกว่า

ผมก้มลงมองหน้าจอเพื่อพิมพ์ตอบพี่กชให้เสร็จ





Mewミュウミュウ★: โทษทีครับ พอดีเมื่อกี้พี่บอสชวนคุย

Mewミュウミュウ★: ไม่มีอะไรน่ากังวลนะพี่กช พี่บอสแค่ชวนออกมากินข้าวด้วยเฉยๆ จริงๆ

Mewミュウミュウ★: เดี๋ยวกลับไปแล้วผมเล่าให้ฟัง





แต่พี่กชไม่ตอบ สงสัยจะสติแตกไปแล้วมั้งที่รู้ว่าผมมากินข้าวกับผู้ชายสองต่อสอง

ผมจัดการอาหารตรงหน้าของตัวเองพร้อมกับเลื่อนนิ้วไปตอบแชทของใครอีกคนที่ยังคุยค้างไว้ พี่บอสออกไปคุยกับเพื่อนนานเหมือนกัน เท่าที่ดูจากตรงนี้เหมือนเขาจะพยายามทวงหนังสือหรือสมุดคืนจากพี่ผู้ชายคนหนึ่ง คงจะเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับเขา





SlimeSmileS: เออ ใช่ แต่ไอ้ด่านนั้นแบบเล่นให้ผ่านยากมากจริง

SlimeSmileS: เราดูที่พี่แอมป์เล่นแล้วเหมือนกัน แต่พี่แอมป์เล่นเก่งมาก T T เรานี่แบบ ยอมเลย





เสียงโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะอีกเครื่องสั่นครืดคราด ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยอย่างแปลกใจ พี่บอสรีบพุ่งออกไปหาเพื่อนจนไม่ได้หยิบมือถือไปด้วย ผมไม่ได้สนใจมันจริงจังสักเท่าไรเพราะถือว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง อีกอย่าง ถึงตอนนี้ผมจะเริ่มรู้สึกดีกับเขาขึ้นมาบ้างจากที่พี่บอสมาขอโทษ แต่ไอ้ความรู้สึกเกรงๆ เกร็งๆ ก่อนหน้านี้ก็ยังคงอยู่ เพราะงั้นถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากไปทำอะไรขัดใจเขาหรอก

ผมพิมพ์ข้อความถึงน้องมังกรเรื่อยๆ เพราะน้องเขาทักมาคุยยาวมาก แต่แล้วผมก็เริ่มสังเกตถึงความผิดปกติบางอย่าง คือตอนที่ผมกดส่งข้อความโทรศัพท์ของพี่บอสก็จะครืดเลยไง มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ พอดีเพื่อนเขาอาจจะทักมาหรือตอบอะไรมาจังหวะเดียวกันก็ได้ แต่อะไรมันจะเหมาะเหม็งได้ทุกประโยคขนาดนั้น

ผมหรี่ตาลงมองโทรศัพท์ของพี่บอสอย่างชั่งใจ นิ้วกดส่งสติ๊กเกอร์ให้น้องมังกรตัวหนึ่ง มือถือเครื่องนั้นสั่นครั้งหนึ่ง ผมลองกดสติ๊กเกอร์ตัวอื่นดูอีกครั้ง ผลก็ออกมาแบบเดียวกัน

นี่มันไม่ใช่ล่ะ… มันจะบังเอิญเกินไปล่ะ

ผมตัดสินใจชะโงกหน้าไปดูหน้าจอมือถือของพี่บอสจนได้ รู้สึกใจเต้นแรงขึ้นตอนที่เห็นข้อความที่ส่งมาค้างอยู่ด้านบน





SlimeSmileS ส่งสติ๊กเกอร์ถึงคุณ





นั่นไง! ชัดเลย!

ผมพิมพ์ข้อความสั้นๆ ส่งไปหาน้องมังกรเพื่อความแน่ใจ ข้อความเดียวกันนั่นปรากฏขึ้นมาบนมือถือของพี่บอส มีนามแฝงของผมขึ้นเด่นหราชัดเจน ผมไม่รู้ว่าควรรู้สึกกับเรื่องนี้ยังไงดี รู้แต่ว่าตอนนี้หุบปากที่อ้ากว้างของตัวเองไม่ได้เลย คือเดี๋ยวก่อนนะ… เหมือนสมองยังประมวลผลไม่ค่อยทัน

นี่แปลว่า… ตลอดเวลาที่ผ่านมา…

“โทษที มิว” พี่บอสกลับเข้ามาพร้อมกับสมุดละหนังสือจำนวนหนึ่งในมือ “พอดีไปทวงของจากเพื่อน---”

ผมเงยหน้าขึ้นพรวด จ้องเขาอย่างคาดคั้น พี่บอสชะงักไปอย่างตกใจ ก่อนจะต้องตกใจขึ้นไปอีกเมื่อผมหลุดคำพูดออกมาแค่สั้นๆ

“Vk Dragon? ”

เท่านั้นแหละพี่บอสก็ได้มาอ้าปากค้างแบบหุบไม่อยู่ตามผมมาอีกคน ใบหน้าของร่างสูงก็แดงขึ้นวูบ แล้วมันก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความกระอักกระอ่วนระหว่างเราทั้งคู่ ขอบคุณมากเลย นี่พี่บอสคือน้องมังกรจริงดิ? แปลว่าที่ผ่านมาผมพิมพ์คุยกับแฟนคลับของตัวเองต่อหน้าเจ้าตัวมาตลอดเลยเหรอ? แล้วไอ้ความสัมพันธ์ระหว่างสไลม์สไมลส์กับน้องมังกร… เทียบกับความสัมพันธ์ของมิวกับพี่บอสแล้ว…

ต่างกันคนละขั้ว!

คือนี่ไม่รู้จะดีใจ เสียใจ เขิน หงุดหงิด หรือปลื้มใจดี คือมันสับสนไปหมด

“ทำไม” ผมเค้นเสียงออกมาได้ในที่สุด “ทำไมพี่บอสถึงไม่บอกผมล่ะครับว่าพี่คือน้องมังกร”

“เอ่อ… อือ…” เขาอึกอัก แล้วอยู่ๆ ผมก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ คราวก่อนที่เขามาขอลายเซ็น… ที่มาขอผมถ่ายรูปที่งานเกม

เขาคือ VK Dragon… เขาคือคนที่คอยติดตามและให้กำลังใจผมมาตลอด แม้มันจะขัดกับพี่บอสที่ปากไม่ดีและคอยบั่นทอนกำลังใจผมตลอดก็เถอะ

ความย้อนแย้งนี่มันอะไรกัน!?

“พี่บอส” ผมเรียกเขาทั้งที่ยังสับสน “ตกลงว่าพี่ใช่น้องมังกรจริงๆ ---”

“มิว! ”

ยังไม่ทันได้เคลียร์กับพี่บอส ตัวละครใหม่ก็เข้ามาแทรก พี่กชวิ่งกระหืดกระหอบมาหาผม เหงื่อนี่ซึมเต็มหน้า แขนแกร่งของเขาพาดหลังคอพร้อมกับดึงตัวผมไปแนบอกอย่างหวงแหน ผมว่าผมเคยบอกแล้วนะว่านอกจากเขาเนี่ยก็ไม่ได้มีใครอยากจะแตะเนื้อต้องตัวหรือทำมิดีมิร้ายผมหรอก แต่พี่กชก็ยังขี้หึงไม่เปลี่ยน

“ไอ้บอส” พี่กชพูดทั้งที่ยังหอบหายใจอยู่ “นี่แกพามิวมากินข้าวด้วยทำไมเนี่ย มีจุดประสงค์อะไร”

“หา? เปล่า” พี่บอสที่ยังตั้งสติไม่ได้เหมือนกันตอบงงๆ “ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรเลย แค่มีเรื่องอยากคุยกับมิว…”

“พี่กช” ผมกระตุกชายเสื้อแฟนตัวเอง “พี่บอสคือน้องมังกรล่ะ”

“หา” พี่กชมองผมสลับกับเพื่อนตัวเอง “นี่มึงพามิวมากินข้าวเพื่อบอกมิวเรื่องนี้เหรอ? ”

“เปล่า…”

“เดี๋ยว! ” ผมขัด “พี่กชรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอครับ? ”

แฟนตัวแสบของผมสะดุ้งอย่างคนมีชนักติดหลัง ฮึ่ม… มันน่างอนไม่พูดกับเขาสักอาทิตย์หนึ่งให้เข็ดเลยไหมเนี่ย มีอย่างที่ไหนมารวมหัวกับเพื่อนหลอกแฟนตัวเองอย่างผมเนี่ย

“ง่า มิวมิว” เหมือนพี่กชจะอ่านสีหน้าผมออก “ขอโทษน้า ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกหรือปิดบังอะไรมิวมิวเลย แต่… แต่ไอ้บอสมันขอ”

ผมหันกลับไปจ้องพี่บอสหรือน้องมังกรต่ออย่างเอาเรื่อง เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกตัวเองเหนือกว่าอีกฝ่ายเพราะพี่บอสก้มหน้ามองพื้น ทำหน้าตาสำนึกผิดจนผมใจอ่อนยวบอย่างรวดเร็ว ผมยิ่งไม่ใช่คนที่จะโกรธใครได้นานด้วยสิ

“ตกลงว่าพี่บอสคือน้องมังกรจริงๆ ”

“ก็… ใช่”

“แล้วทำไมไม่บอกผมล่ะครับ? ” ผมถามอย่างไม่เข้าใจจริงๆ ไม่มีร่องรอยความโกรธหรือหงุดหงิดในน้ำเสียง “พี่ก็รู้ว่าผมอยากเจอน้องมังกรมาก อยากเจอพี่มาตลอด อยากคุยกับมังกรแบบตัวเป็นๆ ผมนึกว่าพี่เองก็เหมือนกันซะอีก”

“คือ… ง่า” พี่บอสยกมือเกาหัวอย่างลำบากใจ “ขอโทษนะสไลม์ ไม่ได้ตั้งใจให้รู้สึกไม่ดีเลย แค่แบบ… ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไง”

เอาจริงๆ ถ้าลองนึกย้อนกลับไปดู พิจารณานิสัยของพี่บอส… นิสัยจริงๆ ที่น้องมังกรของผมเป็น ผมก็พอจะเข้าใจนะว่าทำไมเขาถึงไม่อยากเปิดเผยตัวตน ก็เขาขี้เก๊ก ขี้วางฟอร์มจะตาย แถมครั้งหนึ่งเขายังพูดด้วยว่าการตามนักแคสเกมเป็นอะไรที่ไร้สาระ เพราะงั้นเขาคงกลัวว่าผมจะล้อมั้งถ้ารู้ว่าตัวเขาเองนั่นแหละที่คอยตามให้กำลังใจนักแคสอย่างผมอย่างเต็มที่ขนาดนั้น

คิดแบบนั้นแล้วผมก็ทั้งขำทั้งอ่อนใจขึ้นมา บางทีผมควรจะโกรธกับเรื่องนี้ก็ได้ แต่เอาเถอะ ยังไงซะผมก็อยากเจอน้องมังกรตัวเป็นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก่อนหน้าที่จะได้รู้จักพี่บอสทุกวันนี้ด้วยซ้ำ เพราะงั้นผมจะไม่หงุดหงิดใส่เขาหรอก

“ไม่เป็นไรครับ พี่บอส” ผมยิ้มให้รุ่นพี่ในที่สุด “ผมไม่โทษพี่หรอก ก็คราวก่อนตอนงานเกม พี่ยังเคยพูดเลยว่าน้องมังกรคงไม่อยากเปิดเผยตัวตน ผมว่าผมเข้าใจแล้วล่ะ ผมไม่โกรธพี่ก็ได้ อีกอย่าง… ยังไงซะพี่ก็อุตส่าห์พาผมมาเลี้ยงข้าวทั้งที”

พี่บอสมีสีหน้าดีขึ้นนิดหนึ่งส่วนพี่กชที่มือยังโอบบ่าโอบเอวผมเป็นปลาหมึกเริ่มโวยขึ้นมา

“เออ ใช่ ไอ้บอส ตกลงนี่แกเรียกมิวมากินข้าวสองต่อสองทำไม ห่าเอ๊ย ก็รู้อยู่แล้วไหมว่ามิวอ่ะเมียกู นี่มึงจะมาแทงข้างหลังกันแบบนี้ไม่ได้นะ”

“โว้ย/โอ๊ย” ผมกับพี่บอสครางออกมาพร้อมกัน

“พอเลย ไอ้กช กูไม่ได้จะทำอะไรเมียมึงทั้งนั้นแหละ แค่อยากมาเคลียร์อะไรนิดหน่อยเท่านั้นเอง แล้วที่กูอยากเคลียร์ก็ไม่ใช่เพราะกูอยากเองหรอกนะ มีคนบอกให้กู---” พี่บอสหยุดพูดไปแค่นั้น ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเริ่มโบกมือไล่พวกเราสองคน “ช่างเถอะ เอาเป็นว่ากูแค่อยากขอโทษมิวที่เคยพูดไม่ดีใส่ก็เท่านั้นแหละ ขอบคุณนะมิวที่รับฟัง ส่วนเอ็ง… ไอ้กช ถ้าอยากจะเอาแฟนกลับไปก็เชิญตามสบาย ยังไงนี่ก็กินจะหมดอยู่แล้วนี่ ถือว่าได้ไถ่โทษแล้ว ทีนี้ก็แยกย้ายกันไปได้ ส่วนกูจะกินของตัวเองที่เหลือให้หมดก่อน”

“เออ” พี่กชแยกเขี้ยวใส่เพื่อน “ไปกันเถอะมิว เจ้าภาพไล่แล้ว เดี๋ยวกูจะส่งไลน์ไปเค้นคอมึงทีหลัง”

“ตามสบายเลยเพื่อน” พี่บอสว่าอย่างไม่ยี่หระ

ผมหยิบกระเป๋าของตัวเองพร้อมกับพูดขอบคุณพี่บอสที่เลี้ยง ระหว่างที่ก้าวเท้าผ่านเก้าอี้ตัวที่อีกฝ่ายนั่ง ผมก็พูดอย่างนึกขึ้นมาได้

“จริงสิครับ พี่บอส”

“ว่าไง”

“ไว้เจอกันที่มอครั้งต่อไป” ผมยิ้มให้เขา “เรามาคุยเรื่องเกมกันนะ”

พี่บอสมองผมอย่างแปลกใจก่อนจะส่งยิ้มมาให้ เป็นยิ้มแบบเดียวกับตอนที่เขาดูรูปที่ถ่ายคู่กับผมโดยอ้างว่าจะเอาไปให้น้องมังกรดู

“ตกลง”

ผมยิ้มกว้างกว่าเดิม

“แต่ระวังไอ้กชหน่อยนะ ย้ำด้วยว่าเราสองคนไม่ได้มีอะไรกัน”

ผมหันกลับไปมองแฟนตัวเองที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแถมยังตีหน้าบูดขึ้นเรื่อยๆ ที่เห็นผมยิ้มวานให้พี่บอส

อืม… สงสัยกลับไปผมคงเจอศึกหนักแหง พี่กชทำหน้างี้ทีไรเป็นได้เรื่องทุกทีสิน่า!







“โอย… พี่กช” ผมครางพร้อมกับยกมือขึ้นลูบสะโพกเปลือยเปล่าของตัวเอง “ให้ตายเถอะพี่ จะบ้าพลังไปไหนเนี่ย แล้วอีกอย่างผมก็อธิบายไปแล้วไงว่าผมกับพี่บอสไม่ได้มีอะไรกัน”

“ไม่รู้แหละ” พี่กชที่นอนอยู่ข้างๆ ดึงผมไปกอดแนบอกที่เปลือยเหมือนกัน “ไม่ชอบให้มิวมิวสนิทกับใครเกินความจำเป็น กับน้องมังกืออะไรนี่ก็ไม่ได้ ยิ่งไอ้บอสมันปลื้มมิวขนาดนั้น ใครจะไปอยากให้อยู่ด้วยกันสองต่อสองล่ะ”

“โธ่” ผมแกล้งคราง กอดคนข้างตัวตอบ “พี่บอสเขาไม่ได้ปลื้มอะไรผมสักหน่อย เขาปลื้มช่องผมเฉยๆ เหอะ”

“นั่นแหละ” พูดพร้อมกับกดจูบบนปากผมแรงๆ “หึงนะ เข้าใจไหม อย่าทำตัวให้หึงบ่อยนัก”

“ก็พี่กชขี้หึงเองอ้ะ” ผมบ่นงึมงำ ซุกหน้าลงบนแผงอกเขา เอาจริงๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่ดีใจหรอกนะที่เขาหวง ดีใจอยู่เหมือนกัน แต่ไม่อยากแสดงออกมาก แค่นี้แกก็เหลิงมากพออยู่แล้ว “ว่าแต่… พี่บอสพูดใช่ไหมว่ามีคนบอกให้พี่แกมาเคลียร์เรื่องที่เคยพูดจาไม่ดีกับผม”

“อ่า จริงด้วยสิ” พี่กชยกมือแตะคางอย่างครุ่นคิด “เหมือนไอ้บอสจะพูดอยู่นะ ใช่”

“พี่ว่า… ใครเป็นคนบอกให้พี่บอสทำแบบนั้นเหรอครับ? ” ถ้าพี่กชหงุดหงิดที่ผมมากินข้าวกับพี่บอสตามลำพังก็คงไม่ใช่พี่กชล่ะ แต่เป็นใครอีกนี่ผมก็นึกไม่ออก

“อืม” พี่กชเองก็คงนึกไม่ออกเหมือนกัน “ไม่รู้สิ”

“หืม”

“ลองไปถามมันไหมล่ะ”

“โอย ไม่ต้องหรอกครับ” ผมเริ่มยกแขนขาก่ายตัวพี่กชอย่างที่ชอบทำหลังจากที่เราทำกิจกรรมบนเตียงร่วมกัน “ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น”

“นั่นสิ” พี่กชหัวเราะร่วน ทาบริมฝีปากอุ่นลงบนหน้าผากพร้อมกับกดร่างผมให้นอนราบบนเตียงแล้วขึ้นคร่อม “เรามาโฟกัสกันที่เรื่องของเราดีกว่าเนอะ”

ก็ว่าไป





--------------------------------------------------
Talk: สวัสดีค่า! แวะมาบอกทุกคนว่าตอนหน้าก็จบแล้วน้า >__< แต่หลังจากตอนหน้าจะมีบทส่งท้ายมาปิดอีกบทค่า
ขอบคุณที่ติดตามและให้กำลังใจมาตลอดนะคะ ^^

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
หื่นแล้วหึงรึว่าหึงแล้วหื่น 5555

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ว้าย ความแตก 555555 สงสัยบอสโดนแนทบังคับมาแน่ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
พี่บอสน่าร้ากกกกกกก อยากอ่านเรื่องของแนทกับพี่แกบ้างแล้วค่ะ
มิวกับพี่กชก็หวานกันเหลือเกินค่าาาา มีความอิจ 5555

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะค้าา

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
 :hao5: จะจบแล้วหรอ ฮือ คิดถึงมิว

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 29




“มิวมิว” พี่กชเรียกผมในช่วงสายของเสาร์ “เย็นนี้ไปกินข้าวบ้านพี่กันนะ”

แล้วผมก็มาโผล่อยู่ที่บ้านเดี่ยวหลังหนึ่งในจังหวัดอยุธยา รอบนี้ผมเอาขนมเล็กๆ น้อยๆ มาฝากคุณแม่พี่กชกับน้องก้อง

ทั้งสองคนต้อนรับขับสู้ผมอย่างดี แต่คุณพ่อพี่กชก็ยังวางท่าปั้นปึ่งกับผมและพี่กชเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ได้ปั้นปึ่งหรือเย็นชาเท่าที่ผมจินตนาการเอาไว้ก่อนจะมา ลึกๆ แล้วผมมีความรู้สึกว่าท่านเองก็พยายามลองเปิดใจอยู่เหมือนกัน บางทีน่ะนะ แต่ของแบบนี้มันจะให้ปุบปับมาทำความเข้าใจคงไม่ได้ และพี่กชเองก็คงพยายามหาช่องให้ผมทำคะแนนถึงได้พาผมมา

“นี่ คุณคะ ลองกินนี่ดูสิ” คุณแม่พี่กชพูดยิ้มๆ ขณะตักปลากะพงผัดเปรี้ยวหวานใส่จานของสามี “จานนี้น้องมิวเป็นคนทำ เห็นบอกว่าอยากรู้เมนูโปรดของบ้านเราแล้วก็ขนวัตถุดิบมาช่วยฉันทำตั้งเยอะแน่ะ แถมตอนอยู่ในครัวคล่องมากเลยนะ”

ผมยิ้มทื่อๆ อย่างหวั่นเกรงให้ชายที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ พ่อของพี่กชมองผมด้วยสายตาแบบหนึ่งก่อนจะตักกับข้าวที่เพิ่งได้มาเข้าปาก ผมทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัวเหมือนตอนที่เปิดดูผลสอบในเว็บไซต์ของทางมหาลัย คือเป็นวินาทีที่ต้องลุ้นว่าความพยายามที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนคุ้มค่าไหม

คุณพ่อของพี่กชพยักหน้าเนิบๆ เหมือนเสียไม่ได้ “รสชาติดีนี่”

ผมผ่อนลมหายใจออกมานิดหนึ่งอย่างโล่งอก พี่กชที่นั่งข้างๆ บีบบ่าผมพร้อมกับส่งยิ้มเหมือนภูมิใจมาให้ นั่นทำให้ผมใจพองฟูขึ้นมาบ้าง

“พี่มิวนี่เก่งจังเลยนะครับ” น้องก้องที่อายุห่างกับพี่กชเกือบหกปีว่าบ้าง “ตอนอยู่ในครัวก็ทำกับข้าวคล่อง เรียนหนังสือก็ได้เกรดสี่ แถมยังพูดภาษาญี่ปุ่นได้อีก”

“ไม่ถึงกับพูดได้ขนาดนั้นหรอก” ผมรีบแก้ เดี๋ยวจะกลายเป็นน้องเข้าใจผิด “แค่พอฟังแล้วก็พูดได้นิดหน่อย จากเกมแล้วก็การ์ตูนทั้งนั้นแหละ”

อุ๊บส์ ตายล่ะหว่า หลุดปากไปแล้วก็นึกขึ้นได้ พ่อพี่กชจะคิดว่าผมเป็นเด็กไม่ได้เรื่องรึเปล่าเนี่ยที่เอาแต่ดูการ์ตูน แต่ท่านก็ไม่ได้พูดอะไรเรื่องนั้น

“แล้วที่บ้านพ่อแม่ทำอะไรล่ะ” นั่นเป็นประโยคแรกที่คนหัวโต๊ะพูดกับผม ผมรีบตอบอย่างกระตือรือร้นทันที

“ที่บ้านทำร้านอาหารตามสั่งครับ คุณแม่กับป้าทำด้วยกัน ส่วนคุณพ่อผมทำงานบริษัท”

“มิน่า ที่บ้านทำร้านอาหารนี่เอง น้องมิวถึงได้คล่องนัก” แม่พี่กชว่าอย่างชื่นชม แถมยังหันไปช่วยหยอดกับสามีตัวเอง “แถมรสชาติก็ดีเลยใช่ไหมคะคุณ กำลังดีเลย ไม่เหมือนลูกชายเราสองคน ทำอะไรไม่เป็นสับปะรดสักอย่าง”

“อ้าว แม่ พูดงี้ได้ไง” พี่กชแกล้งโวยขึ้นมา “ผมเองก็พอทำกับข้าวได้นะ ถึงจะไม่อร่อยเท่าที่มิวทำก็เถอะ”

“ไม่ใช่แค่ทำกับข้าวนะ” น้องก้องว่า “เรื่องเรียนพี่กชก็สู้พี่มิวไม่ได้เหอะ”

“ไอ้ก้อง” พี่กชหันไปเอ็ดน้องชายตัวเอง “ว่าแต่เขา เราเรียนเก่งกว่าพี่มากนักรึไงฮะ? ”

“แต่พี่มิวเก่งกว่า! ”

“เออ ไอ้แว่นมันขยัน” พูดพร้อมกับตักกับข้าวใส่จานผม “แต่เดี๋ยวคอยดูเถอะ สอบคราวนี้พี่จะทำคะแนนดีๆ ให้ดู”

“จริงเปล่า” ก้องพูดแซว

“เอาให้มันแน่เถอะกช” พ่อพี่กชพูดขึ้นมาทำเอาทั้งผมและพี่กชไหวตัวกันแทบไม่ทัน “หัดตั้งใจเรียนเหมือนน้องเขาบ้าง ไม่ต้องถึงขั้นเกรดสี่หรอก แค่อย่าซ้ำชั้นก็พอ”





หลังจากนั้นตลอดมื้อค่ำพ่อพี่กชก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่แค่ที่ท่านพูดมาผมก็เริ่มมีความหวังนิดหนึ่ง

“นี่ พี่กช” ผมทักคนข้างตัวที่ยืนล้างจานเป็นเพื่อน “ตอนที่พ่อพี่บอกตั้งใจเรียนให้เหมือนน้องนี่… หมายถึงผมหรือน้องก้องน่ะ? ”

“ก็ต้องเหมือนมิวสิ” ลดเสียงพูดเล็กน้อยเพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน แม้ว่าตรงนั้นจะไม่มีใครเลยก็ตาม “ไอ้ก้องมันจะไปเอาอะไรเป็นแบบอย่างได้ล่ะ มันขี้เกียจกว่าพี่อีก”

“ก็เพราะพี่ทำตัวไม่ดีให้น้องเห็นล่ะสิ” ผมซ้ำเติม พี่กชจิ๊ปากเหมือนไม่พอใจพร้อมกับตีก้นผมแรงๆ หนึ่งที ผมหน้าร้อนวูบ “พี่! ”

“หมั่นไส้ว่ะ” พี่กชลอยหน้าลอยตา ล้างจานต่อเฉย ผมเขยิบตัวไปกระซิบกับเขา

“อย่าทำตัวรุ่มร่ามได้ไหมครับ เกิดพ่อพี่มาเห็นจะทำยังไง”

เขายื่นหน้ามาจูบปากผมเร็วๆ ทีหนึ่ง ไม่สนใจว่าผมจะหน้าร้อนไปถึงหลังหูขณะพูดตอบ

“งั้นเดี๋ยวจูบโชว์พ่อให้ดูเลยเป็นไง”

“...ผมว่าคราวนี้คนที่จะโดนซัดคงไม่ใช่พี่แค่คนเดียว”

“ไม่ต้องห่วงนะ พี่จะปกป้องมิวมิวเอง”

พี่กชว่ายังไงก็เอาแบบนั้นแหละครับ

คืนนั้นผมได้นอนค้างพี่บ้านอย่างงงๆ เพราะเวลาที่เราสองคนตั้งใจจะปลีกตัวลาค่อนข้างมืด แม่พี่กชนั่นแหละเป็นคนเริ่ม

“แม่ว่าคืนนี้กชนอนที่บ้านดีกว่าไหมลูก ให้น้องมิวนอนด้วย ขับรถกลับค่ำๆ แบบนี้แม่เป็นห่วง”

“ยังไม่สามทุ่มเลยนะแม่” พี่กชว่าหากอีกฝ่ายก็เซ้าซี้จนกระทั่งพ่อของพี่กชที่เดินลงมาจากชั้นบนได้ยินเข้าแล้วพูดเรียบๆ ขึ้นมา

“ก็นอนนี่สักคืนสิกช จะให้แม่แกเป็นห่วงทำไม”

ผมรู้นะว่าตัวเองเป็นคนมองโลกในแง่ดีจนบางทีเหมือนซื่อบื้อ แต่ผมรู้สึกว่าคุณพ่อของพี่กชก็ไม่ได้ใจร้ายอะไรกับพวกเราทั้งนั้น

“พ่อพี่ก็งี้แหละ” พี่กชว่าหลังจากผมถามความเห็น “จะชอบโกรธปึงปัง เอะอะไว้ก่อน แต่พอใจเย็น ค่อยๆ พูดจากันแล้วก็เป็นคนมีเหตุผลอยู่ อีกอย่างเห็นพ่อพี่ดุๆ แบบนั้นแต่จริงๆ แล้วแกตามใจพี่จะตายไป แต่เรื่องที่พี่คบกับผู้ชายมันอาจจะเกินลิมิตแกไปหน่อย แต่ให้เวลาสักพักเถอะ เดี๋ยวแกก็ยอมรับพวกเราเอง”

“ครับ” ผมตอบรับอย่างง่ายดาย พี่กชนั่งลงบนเตียงข้างๆ ดันผมลงไปนอนแล้วเริ่มไซ้คอลงมาอย่างนุ่มนวล ผมหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะดันเขาออกอย่างไม่จริงจัง “จั๊กจี้น่า พี่”

“มิวมิวหอมจัง” ยังอีก ทำเป็นไม่ได้ยินที่ผมพูดอีก

“ก็สบู่ขวดเดียวกับพี่ไหมล่ะ”

“แต่พอลงบนผิวมิวมิวแล้วหอมกว่า”

เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำเอาทั้งผมและพี่กชผละออกจากกันแทบไม่ทัน พี่กชเดินไปเปิดประตู พ่อพี่กชเป็นคนที่ยื่นหน้าเข้ามาพร้อมกับถุงขนมจากต่างประเทศถุงหนึ่ง

“มิว”

ผมลุกขึ้นยืนตรงพรวดเลย “ครับ”

“เอานี่ไปฝากพ่อกับแม่สิ” เขาว่าเรียบๆ “ทางนั้นเอามาฝากตั้งหลายครั้งแล้ว นี่ไม่มีอะไรกลับไปให้สักที”

“ไม่ต้องลำบากก็ได้ครับ” ผมว่าอย่างเกรงใจ ดูจากถุงแล้วน่าจะมาจากประเทศจีนไม่ก็ไต้หวัน

“เอาไปเถอะ นี่พ่อไปทำงานมาเมื่อสัปดาห์ก่อน”

“ขอบคุณครับพ่อ” พี่กชฉีกยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายที่ค่อยผละจากไป จากนั้นร่างสูงก็ตรงเข้ามารัดผมด้วยความดีใจ “เย่! มิว เห็นไหม พี่ว่าพ่อพี่น่าจะยอมรับมิวขึ้นมาเยอะแล้วนะ ถึงกับให้เอาของไปฝากที่บ้านแบบนี้”

ผมพยายามพูดตอบเขา แต่ไม่ทันพี่กชที่ดันปากลงมาจูบปากผมอย่างหนักหน่วงแล้ว ให้ตายเถอะ ก็รู้หรอกนะว่าดีใจ แต่แบบนี้จะคุยกันรู้เรื่องได้ยังไง

พี่กชดันผมไปที่เตียงอีกรอบ ไม่ได้สำนึกเลยว่าอยู่ในบ้านตัวเอง พ่อแม่น้องชายอยู่กันครบ ยังคิดจะทำเรื่องหื่นๆ อีก แล้วไอ้มือที่สอดเข้ามาใต้เสื้อนี่ยังไง!? เดี๋ยวก่อนนะ พี่กชล้อผมเล่นใช่ไหม เขาคงไม่ได้คิดจะทำเรื่องอย่างว่าทั้งที่รู้ว่ามีสมาชิกในบ้านพร้อมหน้าแบบนี้หรอกใช่ไหม? คือผมก็มียางอายเหมือนกันนะเว้ย

“อะ… อื้อ”

อืม… ขอโทษครับ ผมมียางอาย แต่เจอจูบอ่อนหวานกับสัมผัสร้อนแรงนี่ก็ทำให้ผมละลายทุกที แล้วผมก็ไม่เคยรอดมือพี่กชเลยสักครั้งถ้าพี่แกคิดจะกินผมขึ้นมา

“มิวมิว” เสียงนั้นดังอยู่ข้างหูตามมาด้วยสัมผัสนุ่มหยุ่นจากลิ้นร้อนของเขาที่แทรกเข้ามา ผมสะดุ้งสุดตัว หูเป็นอะไรที่โคตรเซนซิทีฟเลย แล้วพี่กชก็รู้ดีซะด้วยถึงได้คอยแกล้งผมอยู่เรื่อย “รักนะ”

“พี่กช… เดี๋ยวก่อนครับ” ผมพยายามห้าม “คือ… ผมว่าเราไม่ควรทำนะ มันคงไม่ดีเท่าไร นี่มันบ้านพี่”

“ไม่มีใครดูอยู่สักหน่อย”

“มันเป็นเรื่องของความรู้สึก”

“งั้นเดี๋ยวทำให้รู้สึกอยากเอง”

คนละความรู้สึกแล้วเฟ้ย!

ระหว่างที่กำลังปู้ยี่ปู้ยำ (?) กันอยู่นั่นเอง เสียงเคาะประตูอันเปรียบเสมือนมารผจญของพี่กชก็ดังขึ้นอีกรอบ ใบหน้าคมของอีกฝ่ายชักเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาจนผมนึกขำปนสงสาร พี่กชคว้าข้อมือผมที่พยายามดันไหล่เขาออกจากนั้นก็ซุกหน้าลงบนซอกคออีกรอบ ผมเลยใช้มืออีกข้างที่เป็นอิสระตบหัวเขาไปทีหนึ่ง

“ลุก พี่ มีคนมาแน่ะ”

“อือ… ไม่อยากไปเปิดเลย”

“ไปเดี๋ยวนี้เลยครับ” ผมว่า พี่กชลุกขึ้นไปเปิดประตูอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ก่อนจะหงุดหงิดหนักเข้าไปอีกเมื่อเห็นว่าคนที่มาหาครั้งนี้คือน้องก้อง

“พี่กช ทำไมมาเปิดประตูช้าจัง มัวทำอะไรอยู่”

“ธุระ” เขาว่า ผมรีบยกมือปัดผมของตัวเองให้เป็นทรง หวังว่าก้องคงไม่ทันสังเกตนะว่าที่พี่กชไปเปิดประตูให้ช้าเพราะมัวแต่แทะโลมผมอยู่

“ธุระอะไรในห้องนอน”

“ตีความสิ ลองเชื่อมโยงเรื่องราวดู”

นั่น ยังจะไปเสี้ยมสอนน้องแบบนั้นอีก มันน่าตบหัวอีกสักทีไหม

“แล้วพี่มิวเป็นยังไงบ้างครับ” ก้องเดินผ่านพี่ชายเข้ามาในห้องเพื่อคุยกับผม “โห เสื้อพี่กชใหญ่ไปเปล่าเนี่ย จริงๆ ให้พี่มิวใส่เสื้อผ้าผมดีกว่าไหม”

“ไม่ต้องเลย” คนที่อารมณ์ค้างว่าอย่างหงุดหงิด “นี่แฟนพี่นะ ให้ใส่เสื้อผ้าพี่อ่ะถูกแล้ว แล้วนี่มีอะไร”

“อะไรกัน” ก้องเบ้ปาก เด็กชายมีเค้าโครงหน้าที่ค่อนไปทางคุณแม่ ส่วนพี่กชน่ะเหมือนพ่อ “พอเอาแฟนมานอนด้วยหน่อยก็ทิ้งน้องเลยนะ”

“ทิ้งที่ไหน แค่ถามว่ามีธุระอะไรเฉยๆ เอง”

ก้องทรุดตัวนั่งลงข้างผมบนเตียง “พี่กช พี่บล็อกเฟสพี่ก้อยเหรอ”

พี่กชดึงเก้าอี้ที่ติดกับโต๊ะออกมานั่ง “ก้อยมาฟ้องล่ะสิ”

“ไม่ได้มาฟ้อง แค่วันก่อนผมบังเอิญเจอพี่ก้อยแล้วคุยกัน” น้องก้องมองหน้าพี่ชายอย่างคาดคั้น ผมเองก็สนใจเหมือนกัน นี่พี่กชตั้งใจจะตัดขาดกับแฟนเก่าของตัวเองอย่างจริงจังแล้วสินะ

“อืม ใช่” พี่กชมองหน้าคนถามตรงๆ “แล้วก็ไม่ใช่แค่เฟสนะ ไลน์ด้วย ก็อย่างว่า ไม่ได้มีเรื่องให้ต้องติดต่อกันนี่”

“เพราะที่ก้อยโพสท์ก่อนหน้านั้นรึเปล่า” ก้องน่าจะพูดถึงโพสท์ที่พี่ก้อยพูดเรื่องผมกับพี่กชในทางที่ไม่ดีล่ะมั้ง ผมเองก็ไม่เคยเห็นโพสท์ที่ว่าหรอก แล้วก็ไม่อยากเห็นด้วย

“ก็มีส่วน” พี่กชพยักหน้ายอมรับ “แต่ก็มีอีกหลายๆ เรื่องด้วย แล้วจริงๆ ก้อยอยากกลับมาคบกับพี่น่ะ แต่พี่มีแฟนแล้ว” หันมาส่งยิ้มหวานให้ผมนิดหนึ่งอย่างเอาใจ “ก็เลยคิดว่าตัดขาดกันไปน่าจะดีกับทุกฝ่ายมากกว่า”

“หืม” ก้องลากเสียงยาว หันมามองผมพร้อมกับส่งยิ้มให้ “ขอโทษนะครับพี่มิว เรื่องแฟนเก่าของแฟนแบบนี้ พี่คงไม่อยากฟัง”

“ไม่หรอก” ผมว่า “พูดกันตรงๆ ต่อหน้าแบบนี้ดีกว่ามีอะไรลับหลังนะ”

“พี่มิวเป็นคนดีจัง” ก้องหัวเราะ ผุดลุกขึ้นจากเตียง “น่าเสียดายที่ต้องมาคบกับพี่ชายผม”

“อ้าว ไอ้ก้อง พูดงี้เดี๋ยวได้ฟาดปาก”

“น่ะ นักเลงหัวไม้อีกแล้ว” ก้องว่าพร้อมกับแกล้งยกนิ้วชี้ขึ้นมาส่าย ทำเสียงจุ๊ๆ “ทำตัวป่าเถื่อนระวังพี่มิวไม่รักน้า เหวอ! พี่กช! ผมล้อเล่น ไปแล้วๆ คืนนี้ฝันดีกันนะครับพี่ ผมจะไปเล่นเกมต่อล่ะ”

“เออ รีบไปเลย” พี่กชยกมือไล่น้องตัวเอง ผมหัวเราะกับความสนิทแปลกๆ ของทั้งสองคน

“น้องพี่เล่นเกมอะไรน่ะ” เผื่อเล่นเกมเดียวกันจะได้ชวนเล่นด้วย แต่พี่กชตีหน้าเบ้ ยกมือมาบีบแก้มผมแรงๆ ทันที

“หน็อย คิดจะไปเล่นเกมกับไอ้ก้องงั้นเหรอ ไม่ให้หรอกเฟ้ย แค่ทุกวันนี้มิวเล่นกับแอมป์อะไรนั่นพี่ก็หึงจะแย่แล้ว”

“อ้อแอ้อางอั๊งเอง (ก็แค่บางครั้งเอง) ” ผมพูดเสียงอู้อี้เพราะพี่กชยังไม่ปล่อยมือ คนตัวสูงกว่าถอนหายใจยาวเฮือกแล้วถลาเข้ามากอดผมแน่น

“โอ๊ย ทำไมมิวมิวของพี่ถึงได้น่ารักแบบนี้”

“น่ะ อีกแล้วนะพี่” ผมหน้าร้อนขึ้นด้วยความเขิน ดีนะที่หัวพี่กชอยู่บนบ่าเลยมองไม่เห็นหน้าผม

“ทำกันเถอะ”

“ทำอะไรครับ” ผมแกล้งถามซื่อๆ

“เรื่องบนเตียง”

“แล้วถุงยาง? ”

“น่ะ อีกแล้วนะพี่” ผมหน้าร้อนขึ้นด้วยความเขิน ดีนะที่หัวพี่กชอยู่บนบ่าเลยมองไม่เห็นหน้าผม

“งั้นก็ต้องอดไปตามระเบียบครับ” ผมดันเขาออกพร้อมกับส่งยิ้มเย็นไปให้

หึ เรื่องไหนก็ไม่ว่าหรอกนะ เขาอ้อนมานิด รุกมาหน่อยผมก็ยอมใจอ่อนให้ แต่เรื่องนี้นี่ไม่ว่ายังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด!







วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายแล้ว และผมก็เพิ่งส่งกระดาษคำตอบกับข้อสอบทั้งหมดคืนให้อาจารย์ที่คุม

ออกมานอกห้อง ไอ้เก่งที่เดินตามมาติดเริ่มถอนหายใจเฮือกๆ ครวญครางประหนึ่งว่ามีญาติเสีย แถมตอนนี้เจ้าตัวก็กำลังระหองระแหงกับแฟนอีก ยิ่งทำเอาบ่นเป็นหมีกินผึ้งเข้าไปใหญ่

ผมทำได้ตบบ่ามันแปะๆ เพื่อปลอบ

“เอาน่า ไอ้เก่ง อย่าคิดมากไปเลย อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ผ่านไป ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ อีกอย่าง… มันอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่แกคิดก็ได้นะ ตอนก่อนสอบแกก็อ่านหนังสือมาเยอะขนาดนั้น”

“ก็ใช่… ก็ใช่อยู่หรอก” คนคิดมากยังซึม “แต่ไอ้มิว ไอ้ข้อสามสิบสองอะ ที่เป็นคันจิตัวเปิดกับตัวปิดอะ แม่งเอ๊ย อุตส่าห์มั่นใจว่าท่องมาดิบดีแล้วนะ แต่เหมือนสมองมันเบลอไปเลยตอนนั้น แล้วเพิ่งมานึกได้ตอนออกจากห้องสอบมาแล้ว โอ๊ย”

“แค่ข้อเดียวเองมึง” ผมปลอบ อันที่จริงไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจไอ้เก่งนะ อันที่จริงเราสองคนเป็นประเภทเดียวกัน ที่ต้องมาซึมหลังสอบเสร็จไปแล้วเนี่ย แต่เหมือนเราผลัดๆ กันปลอบไง แล้วรอบนี้ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าทำได้ดีเลยไม่ค่อยเฟลมาก “ช่างแม่งเหอะ คิดแต่เรื่องสนุกๆ ดีกว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปก็ปิดเทอมแล้ว นี่แพลนจะทำอะไรบ้าง”

“ยังไม่รู้เลยว่ะ”

“ไว้ไปเที่ยวที่ไหนกันไหม”

“กับมึงสองคนอะนะ? ” ไอ้เก่งทำแหยงผมเลยศอกใส่สีข้างมันไปที

“ก็ชวนคนอื่นไปด้วยดิ้”

“ใคร” พูดด้วยเสียงเหยียดหยามอย่างรู้ดีว่าพวกเราสองคนไม่ค่อยคบหาสมาคมกับคนอื่นๆ ในคณะเท่าไร… แต่เราไม่จำเป็นต้องชวนแต่คนในคณะนี่!

“ไอ้แนทไง! ”

“อะไรกับกู? ”

“เฮ้ย! /เหี้ย” ผมกับไอ้เก่งร้องออกมาพร้อมๆ กันเมื่อจู่ๆ คนที่พูดถึงก็โผล่มาอยู่ตรงหน้า “ไอ้แนท มาไงเนี่ยมึง ตกใจหมด”

“เดินมา” แนทว่าพร้อมกับยกมือกอดอก “สอบเสร็จกันหรือยังพวกแก”

“แล้ว” ไอ้เก่งตอบ

“นี่มีอีกวิชาหนึ่ง เดี๋ยวก็เป็นไทล่ะ”

“โชคดีนะเพื่อน” ผมว่าบ้าง ไอ้แนทเลิกคิ้วให้ผม

“แล้วเมื่อกี้พูดอะไรถึงเรา”

“แค่คุยๆ กับไอ้เก่งว่าปิดเทอมน่าจะไปเที่ยวไหนกันบ้าง” ผมว่า “แล้วจะไปกันแค่สองคนก็ฟังดูน่าหดหู่เกินไป ก็เลยนึกถึงแกไง”

“ไอ้มิว” แนทส่ายหน้าน้อยๆ เหมือนเอือม “แกลืมคิดอะไรไปรึเปล่าวะ ไอ้เก่งมีแฟนแล้วมันก็ควรจะไปเที่ยวกับแฟนมัน ส่วนมึง…” พูดพร้อมกับพยักพเยิดไปด้านหลัง “ผัวมาแล้วนั่นน่ะ”

หือ?

ผมหันขวับไปมอง พี่กชกำลังเดินแยกจากกลุ่มเพื่อนของตัวเองเข้ามาหาผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไอ้แนทก้มลงกระซิบข้างหูผม

“แกรู้ไหมว่าเราเห็นแล้วนึกถึงอะไร”

“อะไร? ”

“หมาตัวใหญ่ๆ ที่เจอเจ้าของตัวเอง” พูดเสร็จแล้วก็ยิ้ม “กระดิกหางมาแล้วนั่น”

“ไอ้ห่าแนท” ผมต่อยไหล่มันไปที “อย่าว่าแฟนกู” ถึงผมจะแอบขำและเห็นด้วยกับที่มันพูดก็เถอะ แต่แฟนผม ผมมีสิทธิ์ว่าได้คนเดียวเฟ้ย

“มิว” พี่กชเลื่อนแขนมาโอบรอบบ่าผม “สอบเสร็จแล้วใช่ไหม พี่เองก็สอบหมดแล้วเหมือนกัน หลังจากนี้ก็ปิดเทอมแล้ว”

“ดีเลยครับ” แนทพูดยิ้มๆ “พี่จะได้พาแฟนไปเที่ยวไง เนอะมิว อยากไปไหนทำไมไม่บอกพี่กชล่ะ”

“อยากไปมาเก๊า” ผมแกล้งพูด พี่กชสะดุ้งเฮือกก่อนจะชักสีหน้าแหยๆ

“ไม่ไหวมั้งที่รัก”

พี่กชขอกลับไปคุยอะไรบางอย่างกับเพื่อนกลุ่มตัวเองอีกครู่หนึ่ง ไอ้เก่งมีนัดหลังจากนี้เลยปลีกตัวไป ส่วนแนทเหมือนจะรอจังหวะที่จะได้กับผมตามลำพัง มันก้มลงกระซิบกระซาบ

“มิว ถามไรหน่อยดิ”

“อะไร? ”

“พี่บอสมาคุยกับแกยัง”

ผมกะพริบตาปริบๆ “คุยอะไร”

“ก็แบบ… ปรับความเข้าใจอะไรกันงี้”

“เออ” ผมยกแขนขึ้นกอดอก “จะว่าไปล่าสุดพี่บอสก็มาชวนเราไปกินข้าวแล้วขอโทษที่เคยพูดจาไม่ดีใส่เราด้วย”

“งั้นเหรอ” ดูแนทจะยิ้มอย่างยินดี แต่ผมยังเล่าต่ออย่างเมามัน

“แถมนะ… แกรู้ไหม พี่บอสกับน้องมังกรเป็นคนคนเดียวกัน! ”

ถึงตรงนี้ไอ้แว่นเพื่อนผมก็นิ่งไปเล็กน้อย แต่มันดูไม่ตกใจเท่าที่ผมคิดนะ?

“แล้วแกรู้ได้ไง? ”

“บังเอิญหลายๆ อย่าง แต่รู้แล้วกัน”

แนทนิ่งไปครู่หนึ่ง ผมอ่านอารมณ์มันไม่ออกเลย แต่แล้วเจ้าตัวก็ยิ้มแล้วตบบ่าผมแปะๆ

“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”

“หืม? ”

“ก็แกอยากเจอน้องมังกรมาตั้งนานแล้วนี่”

“ก็ใช่” ผมว่า “แต่แกไม่ตกใจเลยเหรอวะ? ”

“เออ ก็นิดหน่อย” มันพูด แต่ผมว่าไม่อ้ะ เอ็งดูไม่ตกใจเลยสักนิด “แต่ตอนนี้กังวลเรื่องสอบอยู่ ขอตัวก่อนนะมิว ต้องไปอ่านหนังสือหน้าห้องสอบหน่อย”

“ตามสบายเพื่อน” ผมว่า เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่กชเดินกลับมาหาผมพอดี

“โทษทีที่ให้รอ” เขาว่ายิ้มๆ ยกแขนขึ้นโอบบ่าผม “งั้นไปหาไรกินกันนะ พี่อยากกินบิงซู”

“ไม่เอารสสตรอว์เบอร์รี่แล้วนะครับ” ผมดักคอ ไปกินทีไรพี่แกชอบสั่งแต่รสเดิมๆ เบื่อจะแย่ล่ะ

“งั้นชาไทย”

“ม่ายอ้ะ” ปฏิเสธขณะก้าวเท้าไปพร้อมคนข้างตัว ปัทที่บังเอิญเดินผ่านมาส่งเสียงทักทาย ผมหันไปโบกมือตอบให้เจ้าตัว

“แล้วมิวอยากกินรสอะไร”

“ชาโฮวจิ”

“โห ฟังดูไม่น่ากินเลย”

“ไม่ลองจะรู้ได้ไงอะพี่” ผมดักคอพร้อมกับหัวเราะร่วน เดินตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของคนข้างตัว

ว่าแต่… ปิดเทอมนี้ผมจะชวนพี่กชไปเที่ยวไหนดี




------------------------------------------------
Talk: จบ แล้ว! //ชูสองมือกลางอากาศ// เดี๋ยวจะเอาบทส่งท้ายสวยๆ มาให้ทุกคนคราวหน้านะคะ^^ ส่วนบอสแนท(หรือแนทบอส) ที่หลายๆ คนขอกันมาอาจจะเปิดเรื่องไว้ก่อน ยังไงจะเอามาแจ้งให้ทุกคนทราบอีกทีค่า
ขอบคุณที่อ่านกันมาจนถึงตอนนี้น้าาาา รักทุกคนเลย >3< ม้วฟๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-02-2018 18:11:58 โดย Airiณ »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อ้าวจะจบเสียแล้ว ชอบตรงที่ไม่ทีถุงก้อไม่ยอมนี่แหละ
พี่กชเชื่อเมียไว้เป็นดี

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ฮืออ จบแล้ว ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ :hao5:

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทส่งท้าย



“สวัสดีครับทุกคน กลับมาพบกับผม สไลม์สไมลส์อีกครั้งนะครับ ตามที่สัญญาไว้ว่าจะมาเล่นต่อจากคราวที่แล้ว วันนี้ก็กลับมาเจอกันอีกครั้งนะครับ” ผมเริ่มต้นคลิปอย่างสดใส สิ่งสำคัญที่จะทำให้คนดูตัดสินใจว่าจะดูคลิปเราต่อหรือไม่ก็อยู่ที่ตอนเริ่มนี่แหละ ยิ่งกับคนดูหน้าใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้ามาครั้งแรก ถึงผมจะทำคลิปมานานแล้วก็ตาม แต่หลายๆ คนอาจจะเพิ่งเข้ามาดูก็ได้ และถ้าอยากเขาติดตามเรา ผมก็มีแต่ต้องทำให้มันน่าสนใจในแบบของผมเท่านั้นแหละ

“เย้! ” พี่กชที่ออกกล้องด้วยกันชูสองมือขึ้นบนอากาศ เรื่องล้นๆ นี่ขอให้บอก

“และคราวนี้เราก็มีแขกรับเชิญขาประจำที่ทุกคนคงเห็นกันจนเบื่อแล้ว”

“เดี๋ยวๆ ๆ ๆ ” พี่กชค้านพร้อมกับดึงผมไปล็อกคอ ผมแกล้งร้องโวยวายว่าหายใจไม่ออก “ไม่จริงเลย คนดูมิวไม่เคยบอกว่าเบื่อพี่เลยสักนิด ตรงข้ามเลย คลิปไหนพี่ไม่มานะ คอมเม้นท์ถามหากันระนาว”

“เหรอครับ”

“ใช่สิ

“จริงเหรอ? ”

“แน่นอน”

ผมแกล้งส่งยิ้มแบบไม่เชื่อถือให้เขา รุ่นพี่ตัวแสบยิ้มแบบไม่ยี่หระกลับมาให้ จากนั้นพวกเราถึงได้เริ่มเล่นเกมและอัดคลิปกัน

หลังจากที่คลิปจบ ผมกดปิดการอัดลงเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่กชลุกออกจากเก้าอี้ ยืดตัวขึ้นแล้วบิดขี้เกียจแรงๆ เห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ ทำอย่างกับเพิ่งออกกำลังมาอย่างหนักหน่วงงั้นแหละ

“อะไรพี่ แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอ แก่แล้วสินะครับถึงได้ล้าง่ายแบบนี้”

คนโดนหาว่าแก่หันกลับมายิ้มให้อย่างไม่ทุกข์ร้อน ไม่สิ ออกแววท้าทายเลยด้วยซ้ำ พี่กชเดินเข้ามาประชิดตัว วางมือลงบนพนักเก้าอี้ผมแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจเป่าแก้ม

“อยากรู้ไหมล่ะว่าแก่หรือยังไม่แก่ พิสูจน์กันบนเตียงเลยดีกว่า”

“หื่น” ผมตะปบมือลงบนหน้าเขาเต็มๆ “นี่ยังเพิ่งหัวค่ำอยู่เลยแท้ๆ แต่ก็คิดเรื่องอย่างว่าแล้วเหรอครับ จิตใจทำด้วยอะไร”

พี่กชตอบคำถามด้วยการตวัดลิ้นเลียลงบนฝ่ามือผมเต็มๆ ผมชักมือออกอย่างตกใจ มองหน้าคนอายุมากกว่าที่หัวเราะก๊ากอย่างไม่อยากจะเชื่อ โอ๊ย ให้ตาย บางทีพี่แกก็ทำตัวเป็นเด็กได้อย่างน่าสรรเสริญจริงๆ

“พี่กช! ”

“อะไร” ยังอีก ยังหัวเราะไม่เลิก

“จะมาเลียมือผมทำไมเนี่ย!? ”

“มันเขี้ยว” พูดพร้อมกับหัวเราะหึๆ “ก็เห็นเอามาประเคนให้ถึงปากเลยนึกว่าอยากให้ชิม”

ผมไม่สนข้ออ้าง พุ่งตัวเข้าไปประชิดตัวพี่กชแล้วปาดฝ่ามือลงบนไหล่เขาทันที เท่านี้ก็เท่ากับผมเช็ดคราบน้ำลายสกปรกไปแล้วเรียบร้อย เยส!

“เฮ้ย! ” พี่กชโวยวาย ก้าวเท้ายาวๆ มาหาผมบ้าง “ไอ้ตัวแสบ เล่นแบบนี้ใช่ไหม”

“ผมไม่ผิดนะ! พี่ต่างหากที่เริ่มก่อน” จะรออะไรล่ะ หนีสิครับ! แต่การวิ่งไล่จับในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายวัยเจริญพันธุ์สองคนควรทำกัน แถมพี่กชถึงจะตัวใหญ่กว่าแต่เขาปราดเปรียวแล้วก็เคลื่อนไหวร่างกายคล่องมากๆ ประสาคนที่ชอบทำกิจกรรมเอาท์ดอร์ ไม่ถึงสามนาทีต่อมาผมก็มานอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงโดยมีพี่กชคร่อมอยู่ด้านบน

“จับตัวได้แล้ว” พูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ หน็อย คิดว่าตัวเองชนะแล้วเหรอ ผมไม่ยอมง่ายๆ หรอก!

“ปล่อยพี่” ว่าแล้วผมก็ดิ้นสุดแรง ทำท่าจะยกขาขึ้นไปเตะลำตัวเขา แต่พี่กชไวกว่า เขารีบใช้ขาตัวเองกดทับขาผมไว้ทั้งสองข้างไม่ให้หนีไปไหน โอเค ก็ได้ ยอมแพ้ เสียท่าจริงๆ รอบนี้

“ไหน บอกพี่มา” พูดเสียงเข้มเชียว คิดว่าผมจะกลัวเหรอ “เอามือมาเช็ดเสื้อพี่ทำไม หืม? ”

“ก็มันสกปรกไหมล่ะครับ” ผมโต้ตอบอย่างไม่หวั่นเกรง พี่กชแกล้งร้องอ้อแล้วพยักหน้าเนิบๆ

“สกปรก? น้ำลายพี่สกปรกสินะ ดีล่ะ”

“พี่กช… เดี๋ยว! ” แต่ผมห้ามเขาไม่ทัน ตอนนี้พี่กชเริ่มลากลิ้นลงบนซอกคอ ไล้ขึ้นมาที่ใบหู ครอบปากลงบนนั้นพร้อมกับกวาดลิ้นไปมาอย่างซุกซน “ฮะ… ฮื้อ พี่กช อ๊ะ…”

ผมละลายอยู่ในอ้อมแขนเขาเหมือนช็อกโกแลตที่เจอแดดประเทศไทย ทำได้แค่หอบหายใจระรัวระหว่างที่พี่คนด้านบนแทะโลมร่างกายตัวเอง ริมฝีปากร้อนเล้าโลมอยู่ที่ยอดผ่านเสื้อของผม ให้ตาย เสียวชะมัด… และเพราะแบบนั้นผมถึงได้เผลอแอ่นอกขึ้นให้เขา แต่พี่กชไม่ยอมทำตามความปรารถนาของร่างกายผมง่ายๆ เขาเลิกเสื้อผมขึ้น ไล้ฝ่ามือลงบนหน้าท้องจากนั้นก็เริ่มซุกซนไปยังใต้กางเกง

“ไม่ต้องห่วงนะ” พี่กชกระซิบข้างหูเมื่อเห็นว่าอารมณ์ผมไต่ขึ้นตามการหยอกเย้าของเขา “รอบนี้อุปกรณ์พร้อมมาก เพิ่งซื้อถุงยางกล่องใหม่มาเอง”

อ้อ เหรอ ดีใจจังที่ได้รู้

“พี่รักมิวนะ”

ผมยิ้มออกมาบางๆ ทั้งที่หน้าแดงระเรื่อ เคลื่อนหน้าขึ้นไปหอมแก้มร่างสูงฟอด

“ผมก็รักพี่ครับ”

“ให้ตาย” เขากระชากกางเกงผมออก โยนลงบนพื้นอย่างเร่งร้อน “บอกรักก่อนทำอะไรกันนี่เซ็กซี่ชะมัด”

“ฟินสุดๆ เลยล่ะสิ”

“มากๆ เลย”

“ผมยังตัดต่อคลิปไม่เสร็จเลย” พูดเสียงกลั้วหัวเราะ แต่ในใจน่ะกำหนดเวลาไว้แน่นอนแล้วว่าต้องไปทำคลิปต่อตอนกี่โมง

ไม่ได้หรอกครับ จะมาเอาใจแต่พี่กชคนเดียวไม่ได้ พี่กชเป็นแฟนผมก็จริงแต่ผมก็มีแฟนคลับอีกหลายคนที่ต้องเทคแคร์นะ ถึงจะมีบางกลุ่มที่เลิกติดตามช่องผมไปอย่างถาวรจากเรื่องที่ผมโกหกเรื่องคบกับพี่กชก็เถอะ แต่การที่ผมยังทำคลิปต่อไปเรื่อยๆ ก็เรียกคนดูกลุ่มใหม่เข้ามาได้เช่นกัน

“เดี๋ยวปล่อยให้ไปทำต่อนะ” พี่กชว่าราวกับอ่านความคิดผมได้ เขายกขาข้างหนึ่งของผมขึ้นไปพาดเอว “แต่ตอนนี้ขอเวลาส่วนตัว”

“แน่นอนครับ” ผมพูดยิ้มๆ “ว่าแต่เกมต่อไปเราจะเล่นอะไรกันดี จำที่ผมให้พี่เลือกได้ไหม”

“ฮื่อ” พี่กชคำรามเหมือนไม่พอใจนิดหนึ่งขณะก้มหน้าลงมาจูบปิดปากผม “อย่าเพิ่งพูดเรื่องเกมตอนนี้น่า”

“ก็ได้ครับ” การพูดเรื่องอื่นคือการเลี่ยงความเขินของผมเองแหละ ทำไงได้ล่ะ

“อ้อ แต่...” พี่กชยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าพูดเรื่องเกมบนเตียงของเราก็ไม่ว่านะ”

“! ”

ผมหน้าแดงเถือก และเหมือนนั่นทำให้พี่กชยิ่งได้ใจเพราะเขาหย่อนระเบิดลงมาอีกลูก

“เออ ลืมไป ของแบบนี้มันพูดไม่ได้เนอะ ต้องทำเลย”

“พี่กช! ”

บางครั้งผมก็หมั่นไส้เสียงหัวเราะของไอ้รุ่นพี่คนนี้สุดๆ เลย





-Fin-







--------------------------------------------

Talk: เอาบทส่งท้ายมาปิดฉากกันแบบสวยๆ ค่า XD ขอโทษที่ทิ้งช่วงซะนานเลยนะคะ >__< พอดีว่าช่วงนี้ยุ่งพอสมควร

ขอบอกกันอีกรอบเนอะว่านิยายเรื่องนี้จะตีพิมพ์กับสนพ. Deep Publishing และจะออกในช่วงเดือนพ.ค. นะคะ เดี๋ยวมีรายละเอียดเพิ่มเติมหรือความคืบหน้าใดๆ ไอรินจะเอามาบอกทุกคนน้า~ ขอบคุณที่เอ็นดูพี่กชกับน้องมิวมาตลอดค่ะ อย่าลืมไปติดตามพี่บอสกับน้องแนทในเรื่องต่อไปด้วยนะคะ

แล้วเจอกันในโอกาสหน้าค่ะ <3

ออฟไลน์ StarPasO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จบแล้วววว แม้แต่ตอนจบพี่กชก็ยังหื่น ฮ่าๆ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
พี่กชน้องมิวรักกันร้อนแรงดีมาก
ขอบคุณค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด