Be my chubby รักนี้กี่แคล { ตอนที่ 9 - 2.2.61} #หน้า 3
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Be my chubby รักนี้กี่แคล { ตอนที่ 9 - 2.2.61} #หน้า 3  (อ่าน 16296 ครั้ง)

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 

- - - -- - - - - -- - - - - - -

►►   สารบัญ  ◄ ◄

Be my chubby รักนี้ กี่แคล : ตอนที่ 1
Be my chubby รักนี้ กี่แคล : ตอนที่ 2
Be my chubby รักนี้ กี่แคล : ตอนที่ 3
Be my chubby รักนี้ กี่แคล : ตอนที่ 4
Be my chubby รักนี้ กี่แคล : ตอนที่ 5
Be my chubby รักนี้ กี่แคล : ตอนที่ 6
Be my chubby รักนี้ กี่แคล : ตอนที่ 7
Be my chubby รักนี้ กี่แคล : ตอนที่ 8
Be my chubby รักนี้ กี่แคล : ตอนที่ 9   :katai2-1: :katai4:


ฝากแท็ก #รักนี้กี่แคล ในทวิตด้วยนะคะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-02-2018 20:15:41 โดย patwo »

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
Be my chubby รักนี้ กี่แคล
            ตอนที่ 1

   พักเที่ยงหลังเลิกเรียนในคาบเช้า ผมที่กำลังยืนอยู่ในโรงอาหารของมหาลัยวิทยาลัย มองไปยังร้านขายอาหารรอบๆ ในตอนที่สมองกำลังคิดว่ากินอะไรดี ตาก็หันไปเห็นร้านขายสเต็กกับสลัดเพื่อสุขภาพ ขาที่กำลังจะก้าวเข้าไปซื้อ แต่ก็เปลี่ยนใจในวินาทีที่เห็นว่า ข้าวไก่กรอบร้านโปรดคนกำลังว่างพอดี

" ป้า เอาข้าวไก่กรอบผสมหมูบดพิเศษ จานนึง ขอน้ำซุบกระดูกหมูด้วยนะครับ "

" ได้จ้า เอาข้าวสวยนะ "

" ครับ " พยักหน้ารับก่อนจะยิ้มหวานให้เธอ ที่ก็ตักข้าวสวยขนาดเยอะพอควร ไก่ชิ้นหนาถูกหยิบมาสับทั้งชิ้น พร้อมกับหมูบดอีกทั้งชิ้น ก่อนจะที่เธอจะหันไปหยิบแตงกวา " ป้าๆ ไม่เอาแตงกวา ผมไม่กินผัก " ชะงักมือที่กำลังหยิบนั้นลง เธอยิ้มแห้งๆ

" โทษที ป้าลืม "

" แหม น่าน้อยใจนะเนี้ย คนกินทุกวันป้ายังจำไม่ได้ เสียใจ "

" เอาน่าๆ วันนี้ป้าเบลอๆ " เธอบอกก่อนจะยื่นจานข้าวมาให้แล้วหันไปตักน้ำซุป " เดี๋ยวป้าจะตักน้ำซุปให้ถ้วยใหญ่เลย ไถ่โทษๆ "

" โอเค จัดไปขอเนื้อเยอะๆนะป้า ขอชิ้นใหญ่ๆ "

" นี่ถ้าไม่ง้อด้วยของกินไม่หายงอนนะป้า " เสียงที่ทำให้รอยยิ้มของผมชะงัก ตอนที่หันหลังไปมองก็เจอเพื่อนสนิทอย่างอีลิลลี่ หรืออีลี่เพื่อนของผมกำลังยืนคอยอยู่พร้อมจานที่ใส่ส้มตำ ส่วนอีกจานก็เป็นข้าวเหนียวแล้วก็ไก่ย่าง

" กองทัพต้องเดินด้วยท้องมึง ง้อด้วยของกินยังได้แดก ง้อด้วยอย่างอื่น ไม่ได้แดกนะแบบนั้นเสียของฟรีๆ  "

" ก็ว่าทำไมอ้วน " เสียงที่ไม่ใช่ทั้งเสียงของไอ้ลี่ และเสียงของป้า แต่เป็นเสียงของคนที่มายืนต่อคิวอยู่หลังผมพูดขึ้น เป็นผู้ชายหน้าตาคุ้นๆเพราะจำได้ว่าเราเรียนอยู่ห้องเดียวกันแต่ผมจำชื่อมันไม่ได้

" เสือก " ผมหันไปบอกก่อนจะยิ้ม " สนิทกันเหรอมึง ถึงมาออกความคิดเห็นเรื่องของกู "

" ไอ้เชี้ยเขิน " ไอ้ลี่พูดห้ามขึ้น มันที่มองผมสลับกับผู้ชายคนนั้นที่ตอนนี้หน้าเสียไปแล้ว เพราะคำด่าของผมที่ก็จัดว่าไม่ได้พูดเบาๆเลย  " จ่ายเงินๆ ไปๆ หิวแล้ว "

" นี่ครับป้า " ยื่นเงินจ่ายไปให้ป้า ผมตักน้ำจิ้มราดลงไปบนข้าว ก่อนจะหยิบเอาจานข้าวแล้วก็น้ำซุปใส่ถาดเดินออกไปที่โต๊ะที่จองไว้ภายในโรงอาหาร

" มึงง อีเชี้ยเขิน หน้ามึงเมื่อกี้เหมือนจะหันเอาน้ำซุปไปสาดใส่หน้าไอ้เชี้ยนั่นอะ กูนี่กลัวมากจ้า จะปากไวอะไรเบอร์นั้น มือก็ไม่มีจะจับห้ามมึงอีก  " มันบ่นก่อนจะเหลือบมองผู้ชายคนนั้น ผมก็แบะปากพลางยักไหล่ไม่สนใจ

" เสือกเรื่องกู ก็สมควรโดนละ อ้วนก็น้ำหนักกู หนักบนตัวกู เสือกไปหนักบนหัวมันก่อนทำไมละ " ผมบอกก่อนจะหันไปมองคนที่พูดกับผมแบบนั้นด้วยหางตา " ถึงกูจะอ้วน แต่กูก็อ้วนสวยเว้ย กูไม่แคร์หรอก "

   ผมเป็นแค่คนอ้วนคนนึง แต่ผมไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตตัวเองที่เป็นแบบนี้จะเป็นจุดด้อยอะไรเลยนะ เพราะผมมีความสุขกับการกิน และคิดอยู่เสมอว่า เราสวยได้ด้วยรูปร่างแบบที่เรามีนี่แหละ ขอแค่มั่นใจในตัวเองเข้าไว้

“ จ้าๆ อีสวย ว่าแต่มึงนี่แดกข้าวป้าร้านไก่กรอบนี่ทุกวันเลย "

“ แน่นอน ก็มันอร่อยอะมึง " เป็นเมนูที่ผมชอบที่สุดในโรงอาหารของมหาลัยแล้ว เพราะตัวผมเป็นคนไม่ชอบกินข้าวราดแกงก็เลยต้องกินอาหารจานเดียวแบบนี้ อีกอย่างช่วงเวลาเที่ยงๆที่คนเยอะแบบนี้ ข้าวร้านป้าใช้เวลาในการต่อคิวน้อยสุดแล้ว เป็นคนที่ชอบอะไรที่สะดวก สบาย ไม่ชอบต่อคิวยาวๆ นานๆ " อร่อย ไม่ต้องรอนาน ไม่ต้องเบียด เริ่ด "

" แล้วกับผู้ชายนี่ชอบเบียดมะ " ยิ้มกับคำถามของคนตรงหน้า ผมยกแก้วแปปซี่ขึ้นมาดูดก่อนจะพยักหน้ารับ

" แน่นอนว่าต้องทั้งเบียดและแนบชิด "

" โอ๊ยยยย แรดเบอร์แรงไปอีกจ้า ดูทำหน้าแซ่บกว่าส้มตำหอยดองของกูอีก " ปากว่าไป มือก็ตักส้มตำแดกไปเรื่อย ส่วนผมก็ตักข้าวแดกไปพร้อมๆกับมัน

   ลิลลี่ เป็นเพื่อนผู้หญิงที่ผมสนิทที่สุดในตอนนี้ ตั้งแต่เด็กที่รู้ตัวว่าตัวเองไม่ชอบผู้หญิงแล้วรู้สึกอยากจะสีร่างกับผู้ชาย ผมก็คบกับเพื่อนผู้หญิงมาตลอด รู้สึกเข้ากันง่ายกว่าเพื่อนผู้ชายที่ชอบล้อว่า อีตุ๊ดอ้วนหมูตอน อีกอย่างผมชอบไลฟ์สไตส์ที่บ้าแฟชั่น เครื่องสำอางอะไรแบบนี้ มากกว่าจะเล่นเกมส์ แตะบอล 

   แล้วเพื่อนผู้หญิงที่คบด้วย แน่นอนว่า ต้องไม่ใช่สายที่ดูถูกและชอบนินทา และตอนนี้ลิลลี่ ก็จัดได้ว่า คบกันแล้วสบายใจที่สุด แม้จะเพิ่งคบกันตอนเข้าเรียนปีหนึ่งที่นี่ก็เถอะ

“ หื้ม " ไอ้ลี่ที่กำลังดูดน้ำแป็ปซี่ เบิกตาขึ้นก่อนจะวางแก้วลงแล้วสะกิดผมที่นั่งกินข้าวอยู่ " เชี้ยเขิน พี่ทีมๆ "

“ ไหน " หันไปมองแล้วเจอเข้าทันทีกับพี่ทีม เดือนมหาลัยวิทยาลัยของคณะนานาชาติที่กำลังเดินเข้ามา ผู้ชายหล่อ ที่ทั้งหรูและดูแพง เป็นเดือนของคณะที่ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ปีสอง และเป็นคนที่ผมกับไอ้ลิลลี่พร้อมใจกันกรี๊ดกร๊าดเพราะความหล่ออย่างที่สุดของเค้า

“ มึงเรียกๆ เรียกให้เค้ามานั่งกับเรา เขินเรียกๆ "

“ พี่ทีมมม " ด้วยความปากไวก็เรียกอีกคนด้วยเสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมกับยิ้มพิมพ์ใจส่งไปให้ พี่ทีมเองก็ยิ้มตอบกลับมาก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ " เพิ่งเลิกเรียนกันเหรอ "

“ ใช่แล้ว "

“ อ้าว ไอ้หมูตอน " ถอนหายใจออกมากับเสียงของพี่ล๊อคเพื่อนสนิทพี่ทีมที่ก็เดินตามมาทีหลัง เค้ากอดคอพี่ทีมผมก็ ทำหน้าเซ็งใส่ พี่ล๊อคก็หัวเราะ " หมูทำหน้าเซ็งได้ด้วยเว้ย "

“ อย่าเรียกว่าหมูได้มั้ย หมูอะไรจะสวยเบอร์นี้ แค่คนอุดมสมบูรณ์มากเกินไปก็เท่านั้น อวบๆ น่าฟัดนะพี่ "

“ โหหห คงอุดมสมบูรณ์มากกกกกกกก อุดมสมบูรณ์จนเสื้อนักศึกษาปริไปหมดแล้วมึงอะ " พี่ล็อคว่า ก่อนจะมองไปรอบๆ " ไม่มีที่นั่งเลยวะ ขอนั่งด้วยคนนะ "

" เชิญเลยๆ ตามสบาย " ผมบอก เค้าก่อนจะหันไปบอกพี่ทีม

" ได้โต๊ะแล้ว งั้นไปหาอะไรกินกันไอ้ทีม มึงจะกินอะไร " คำถามที่ทำให้คนหล่อในสเป็คของผม หันไปมองรอบๆก่อนจะก้มลงมองจานข้าวของผม

" กินข้าวไก่กรอบเหมือนไอ้เขินแล้วกัน น่ากินดี "

" แต่เขินก็น่ากินนะพี่ทีม " เอามือทาบอกตัวเอง ก่อนจะกระพริบตามองเค้าที่ก็หลุดยิ้มกว้างออกมา

" จ้าๆ น่ากินจ้า "

" แต่คอลแลตอรอส น่าจะสูงอยู่หน่อยๆนะกูว่า ไขมันคงเยอะ "

" ไปเลยไป พี่ล๊อค หงุดหงิด คนจะจีบพี่ทีม " ผมบอกเค้าก็ลอยหน้าลอยตาก่อนจะลากพี่ทีมออกไป

" หล่อแม่งเอ้ยยย ใจกูสั่นหมดเลยอีดอก " ไอ้ลี่กัดฟันพูด มันที่เม้มปากแล้วจ้องผมเหมือนกำลังจะกรีดร้อง

" ดูท่ามดลูกมึงก็เหมือนจะสั่นด้วยนะ ดูออกมากว่าอยากได้อยากโดน " ผมบอกอีกคนก็พยักหน้ารับแบบไม่ปฎิเสธ " แต่เสียใจด้วยนะ พี่ทีมของกู "

“ ว่าแต่มึงนี่ไม่เคยโกรธพี่ล็อคที่ล้อเรื่องมึงอ้วนเลยนะ ปกติกูเห็นมึงด่ากลับตลอด ใครด่ามึงอ้วน "

“ แหมม ด่ากลับแม่งไป กูก็ไม่ได้คุยกับพี่ทีมสิวะ "

“ ก็จริง ปากขนาดมึง พี่ล็อคคงกลัวถึงขั้นหลบหน้า ถ้าด่าจริงๆ "

“ เพราะฉะนั้นก็ต้องยอมๆ มันไป ด่าไม่ได้ ถ้ากูยังสนิทกับไอ้พี่ล๊อคอยู่ พี่ทีมแม่งก็ต้องเข้ามาคุยกับกูด้วย เพราะงั้นกูก็ต้องอดทนเพื่อพี่ทีม กูจะได้ใกล้ชิดเค้าไง เพราะกูเชื่อเสมอว่า รักแท้แพ้ใกล้ชิด สักวันที่พี่ทีมอาจจะเกิดหันมองกูแล้วปิ้งในตัวกูก็เป็นได้ " ผมว่าเพ้อๆ " จีบตอนนี้แถมฟรีเพื่อนไปกินบุปเฟ่ฟ์ทุกสาขา "

“ ฮ่าๆ อีสัด มึงก็ช่างคิดเนอะ  "

   ผมเจอพี่ทีมครั้งแรกตอนงานต้อนรับน้องใหม่ของคณะนานาชาติที่มหาลัยจัดขึ้น ตอนนั้นพี่ทีมขึ้นมาบนเวทีแล้วพี่ที่เป็นพิธีกรก็แนะนำว่า เค้าเป็นเดือนของคณะเมื่อปีที่แล้ว จำได้ว่าตอนนั้นที่เห็นเค้าครั้งแรก ใจของผมสั่น ไขมันของผมมันกระเพื่อมไปหมด เหมือนกับว่า นี่แหละ รักแรกพบ แล้วไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้าย ผมที่เป็นคนสนุกสนานแรดๆอยู่ในงานวันนั้น ก็จับพลัดจับพลูได้มาก็ได้มาสนิทกับพี่ล๊อคที่ตอนแรกก็โคตรเกลียดปากมัน แต่พอรู้ว่ามันเป็นเพื่อนพี่ทีม ตัวผมก็รักมันขึ้นมาทันที ในใจที่กรีดร้องว่า แกล้งกูเลยจ้า แกล้งกูเยอะๆ พี่ทีมเค้าจะได้สนใจกู

   เพราะลำพังให้ผมเข้าไปสนิทกับพี่ทีมตรงๆ ก็คงเป็นไปไม่ได้ เค้าเป็นเงียบๆนิ่งๆ ไม่ค่อยคุยกับใครก่อน เพราะงั้นเข้าทางพี่ล๊อคนี่แหละ ดีที่สุดเพราะพี่ล๊อคกับพี่ทีมสนิทกันมาก เรียนสาขามาเก็ตติ้งด้วยกันแถมเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรื่องม.ปลายแล้ว

" แต่จะว่าไปพี่ล๊อคนี่ก็หล่อเหมือนกันนะ ไอ้เขิน " ไอ้ลี่พูดขึ้นตอนที่มองไปที่พี่ล๊อคกับพี่ทีมที่กำลังยืนต่อคิวซื้อข้าวอยู่

“ งั้นมึงเอาพี่ล๊อคไปกูเอาพี่ทีม อย่ามาแย่งกัน "

“ K! ไม่เอาเว้ย กูอยากได้พี่ทีม " มันว่า ผมก็หัวเราะออกมา ก็แน่นอนว่าต้องเป็นอย่างงั้น ไม่ว่าใครจะหล่อยังไง พี่ทีมก็ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง เป็นคนหล่อที่ไม่ว่าใครจะสเป็คยังไงก็ต้องชอบเค้า เป็นคนหล่อที่ถูกยอมรับว่าหล่อจริงๆ

“ แล้วไงต่อ มึงตอบรับมันมั้ย " พี่ล๊อคเอ่ยถามพี่ทีมตอนที่เค้านั่งลงข้างๆผม จานที่เล็กกว่าผมมาก พี่ทีมส่ายหน้าไปมาก่อนจะตักข้าวขึ้นกิน " ไม่ได้ตอบรับเหรอวะ "

“ เออ ไม่ได้ตอบ ก็กูไม่ได้ชอบเค้า "

“ อะไรกันวะพี่ " ความเสือกของผมถามพี่ล๊อคที่นั่งอยู่เยื้องกันออกไป

" มีผู้ชายมาสารภาพรักกับไอ้ทีม "

" ห๊าา " ไอ้ลี่สถบออกมาเสียงดัง ก่อนจะหุบปากทันทีตอนที่พี่ทีมหันไปมองมันแล้วก็ยิ้ม " ขอโทษค่ะ ลี่ตกใจนิดหน่อย "

" ไม่หน่อยมั้งครับน้องลี่ ได้ยินทั้งโรงอาหารเลย " พี่ล็อคแซวมันก่อนจะยิ้ม ก่อนจะพูดเข้าเรื่องพี่ทีมอีกครั้ง " แต่ว่านะเหมือนมันจะปฎิเสธไปใช่มั้ย " เค้าถามพี่ทีมที่ก็พยักหน้ารับก่อนจะก้มหน้าลงกินข้าวต่อเค้าก้บอก " แต่ก็แน่ละ มึงไม่ชอบผู้ชายนี่หว่า "

" ไม่ใช่หรอก " พี่ทีมปฎิเสธ คราวนี้ทุกคนก็หันไปมองเค้าที่ก็เคี้ยวข้าวไปเรื่อยๆ ก่อนจะกลืนแล้วตอบ " กูแค่รู้สึกว่าเค้ายังไม่ใช่ก็เท่านั้น สำหรับกูจะผู้ชายก็ได้ ผู้หญิงก็ได้ ถ้ากูชอบ กูก็คบ แต่บังเอิญคนที่เข้ามาสารภาพกับกู กูไม่ได้ชอบเค้ามันก็เท่านั้น เลยปฎิเสธไป "

" เอาจริงดิวะเนี้ย " ไอ้พี่ล็อคบอก พี่ทีมก็ยิ้มก่อนจะยักคิ้วแล้วก้มหน้าลงกินข้าวต่อ มือที่กำลังเขี่ยข้าวใส่ช้อน

" ความรักมันก็เป็นเรื่องของคนที่ก็แค่ที่ถูกใจกันมาคบกันแล้วก็รักกันไม่ใช่เหรอวะ กูเลยคิดว่าถ้ามันถูกใจผู้ชายก็ได้ผู้หญิงก็ได้ เอาที่รักกันก็พอ ไม่ต้องไปกำหนดว่าต้องเป็นเพศไหนหรอก ความรักมันไม่มีเพศนะเว้ย "

" โคตรคม " พี่ล๊อคเงยหน้าบอกเพื่อนตัวเองที่ก็ยิ้มก่อนจะยัดข้าวที่อยู่ในช้อนเข้าไปในปาก ท่าทางที่ดูไม่ได้สนใจของพี่ทีม เหมือนกับว่าเค้าคิดแบบนั้นจริงๆ ผู้ชายก็ได้ผู้หญิงก็ได้แต่ถ้าถูกใจเค้าก็คงคบ หัวใจเต้นแรงของผมในตอนนั้นเผลอคิดเข้าข้างตัวเองไปว่า งั้นตัวผมก็มีโอกาสเหมือนกันสินะ โอกาสที่ได้รักกับรักแรกพบของตัวเองที่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะเป็นไปได้

" ไอ้เขินแม่งช็อคไปละ " ไอ้ลี่บอกผมก็เบิกตาใส่มันก่อนจะหันไปมองพี่ๆสองคนที่มองผมอยู่ ส่ายหน้ายิ้มไปมาให้เค้า ก่อนจะสบสายตากับพี่ทีมเข้าเต็มๆ ผมที่ยิ้มค้างในตอนนั้น เม้มริมฝีปากตัวเองอย่างไม่รู้จะพูดอะไร
“ ก็คิดว่าคนหล่อ จำเป็นต้องมีความคิดเท่ห์ขนาดนี้มั้ย "

“ ไม่ได้คิดว่า ตัวเองก็มีโอกาสเหรอวะ ไอ้อ้วน!! “ พี่ล๊อคตะโกนล้อ ผมในตอนนั้นถอนหายใจออกมาก่อนจะบอกปัดแบบเรียกเสียงหัวเราะในกับคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น

“ บ้าจริงงงงงงง แหม พี่ล็อคละก็ รู้ใจ.. "

“ อ้วนๆ แบบนี้ อย่าเพ้อไปหน่อยเลยมึง "

“ ก็นิดนึงน่า ฮ่าๆๆ "

   คนอ้วนที่หน้าตาไม่ได้ดีอย่างผม สำหรับคนที่หล่อและเฟอร์เฟ็คแบบนั้น ก็มีสิทธิ์ทำได้แค่นี้ ทำได้แค่ใกล้ แล้วก็ทำให้เค้าหัวเราะจากภาพลักษณ์ที่ไม่ได้ดูดีของตัวเอง แสดงละครว่าตัวเองเป็นคนอ้วนๆที่ตลกๆ มองโลกในแง่ดีแล้วก็น่าคบหา

   ทั้งๆที่ความจริงผมก็ไม่ชอบความรู้สึกนี้ มันเหมือนตัวเองย้อนกลับไปในช่วงม.ต้น ตอนนั้นผมเป็นคนอ้วนที่ใช้ความอ้วนของตัวเองเป็นจุดขายทำให้มีเพื่อน ผมที่เฮฮา และเข้ากับคนอื่นได้ง่าย เพื่อนเลยมองว่าจะล้อยังไงผมก็ไม่โกรธ ต่อให้ด่าว่า อีหมูตอน อีตุ๊ดอ้วน อีตุ่มเดินได้ ผมก็จะแค่ยิ้มและก็หัวเราะ ผมอดทนกับมันเพราะคิดว่าถ้าไม่ทำแบบนี้ เพื่อนจะไม่คบ และเพื่อนจะยิ่งแกล้งถ้าเกิดผมหงุดหงิด

   แต่พอเข้าม.ปลายจึงได้รู้ว่า สิ่งที่ทำในวันนั้นมันผิด เพราะการที่ทำแบบนั้น นั่นคือการยอมรับให้โดนล้ออย่างยินยอมจนทำให้ผมกลายเป็นคนที่เหมือนไม่รักตัวเอง และไม่ปกป้องตัวเอง แล้วตั้งแต่นั้นผมก็เปลี่ยนไป
 
   ผมกลายเป็นคนที่หันไปด่ากับเพื่อนที่วิจารณ์เรื่องน้ำหนักของผม แซวผม หรือทำให้จิตใจของผมต้องเจ็บซ้ำ ผมไม่ใช่คนที่หัวเราะสนุกสนานกับคำด่าที่ทำให้ตัวเองเจ็บแบบนั้นอีกแล้ว ผมกลายเป็นคนร้าย แรง ในสายตาของคนอื่น เพราะเพียงแค่นิดเดียวที่ใครติติง ผมก็จะไม่ทน แต่วันนี้ ในวินาทีนี้ ผมรู้สึกว่า ผมกำลังจะกลับไปเป็นคนที่ ' คนอ้วนคือตัวตลก ' ต่อหน้าของคนที่อยากจะให้เค้ารักผมสักครั้ง

“ ได้เวลาแล้ว งั้นเขินกับลี่ไปขึ้นเรียนก่อนนะ พี่ล๊อคพี่ทีม "

“ รีบขึ้นไปไหนวะไอ้อ้วน นั่งคุยกันก่อนดิ " พี่ทีมบอกก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นดู " เรียนตั้งบ่ายสองไม่ใช่เหรอวะ "

“ ก็อยากจะอยู่ต่อนะ แต่ว่า..” ทำเสียงเสียดายอย่างที่สุดไอ้ลี่ก็เสริม

“ พอดีจะไปหาอะไรกินต่อน่ะพี่ "จะไปซื้อน้ำปั่นหน้าม.ด้วย เดี๋ยวซื้อไม่ทันเข้าเรียน "

“ เออๆ งั้นไปเถอะ " พี่ล๊อคบอก เราสองคนก็พยักหน้ารับ ผมยิ้มให้พี่ทีม

“ ไปนะครับพี่ "

“ อื้ม ไปเถอะ ไว้เจอกัน "

“ นี่หันมามองหน้ากูแล้วบอกลากูด้วยสิวะ " พี่ล๊อคบอก ผมก็หันไปยิ้มให้เค้า ก่อนจะเดินออกไปจากโรงอาหารพร้อมไอ้ลี่ที่ก็เอื้อมมือมาจูงมือผมเดินออกไป

“ หาอะไรกินกันดีกว่ามึง อย่าซีเรียส " ไอ้ลี่พูดก่อนจะหันมายิ้มให้ผมอย่ารู้ทัน ว่าผมรู้สึกอะไรอยู่ " เอาจริงๆนะเขิน มึงดูไม่เหมือนมึงเลยเวลาที่ยอมให้พี่ล๊อคกับพี่ทีมล้อมึงแบบนั้น แล้วกูก็รู้ว่ามึงคงกำลังเจ็บปวดอยู่แน่ๆ "

" ไม่หรอกมึง กูก็อ้วนจริงๆ อย่างที่เค้าพูดนั่นแหละ "

" ก็จริง แต่เวลามึงอยู่กับเค้า มึงลดคุณค่าความเป็นตัวเองลงไปทำไมวะ แล้วกูก็รู้สึกว่า มันไม่จำเป็น " หันไปมองไอ้ลี่ที่ก็ยักคิ้วให้ผม " เพราะถ้าเป็นมึงปกติ มึงจะด่าทั้งพี่ล๊อคพี่ทีมนั่นแหละ แล้วคนอย่างมึงก็กล้าเข้าไปสารภาพรักกับพี่ทีมด้วย เพราะมึงจะรักตัวเองและมั่นใจในตัวเองเสมอว่า มึงอ้วนแต่มึงสวย "

" อีลี่ มึงงง กูมั่นใจอะใช่ แต่มึงกับพี่ทีมกูไม่มั่นหน้าขนาดนั้น กูอ้วนแบบนี้ กูไม่คิดจะสารภาพรักกับเค้าหรอก ไอ้สัด "

" ผิดวิสัย คนอย่างมึงกล้าได้กล้าเสียไม่ใช่รึไง ตอนแรกที่กูได้ยินว่ามีผู้ชายมาสารภาพรักพี่เค้า แล้วเค้าบอกว่าชายก็ได้หญิงก็ได้ ตอนนั้นกูคิดว่าถ้าแยกออกจากเค้ากูจะให้มึงไปสารภาพรักให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย บอกสโลแกนพี่เค้าไปด้วย ' จีบตอนนี้แถมฟรีตอนผอม ' “

“ กูไม่กล้าหรอกจ้า ดอก " ส่ายหน้าไปมาก่อนจะหัวเราะ แล้วอีกอย่างคือ คนอย่างกูคงไม่ผอมด้วยจ้า กูคงอ้วนจนตายนั่นแหละ

“ ทำไมวะ มึงกลัวอะไร "

“ กลัวผิดหวังมั้ง " ผมบอกก่อนจะหันไปยิ้มให้คนข้างๆ " ก็กูคิดอยากจะได้เค้าจริงๆนี่หว่า " สำหรับพี่ทีมผมไม่ได้คิดเล่นๆว่าจะได้หรือไม่ได้ก็ได้ แต่คิดว่าอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน อยากจะได้จริงๆ แม้ใครจะบอกว่าเหมือนหมาเห่าเครื่องบินก็เถอะ

     เดินไปห้องสหกรณ์หลังจากเลิกเรียน เพราะว่าต้องขับรถกลับบ้านก็เลยคิดว่าจะหาขนมตุนไว้จะได้นั่งกินตอนรถติดเบื่อๆ ไม่มีอะไรทำ

" แดกอะไรดีวะ น้ำเปล่ามีแล้ว น้ำปั่นก็ซื้อแล้ว " พูดกับตัวเองเบาๆ ตอนที่ทำทีจะเดินเข้าไปในชั้นขายของผมก็หยุดชะงักลงเพราะดูเหมือนว่าชั้นวางขายขนมคราวนี้จะวางชิดกันเกินไปจนผมไม่สามารถจะแทรกตัวเข้าไปได้ " ชิบหายแล้วไง แล้วกูจะเดินไปหยิบยังไงวะ " กรอกตามองบน บ่นกับตัวเอง คือมึงคิดว่าทั้งมหาลัยมีแต่คนผอมเพรียวทั้งนั้นเลยสินะ พวกที่สามารถจะแทรกตัวเข้าไปหยิบขนมในชั้นของมึงได้

“ อ้าว เขิน มาซื้ออะไร " เสียงที่ดังขึ้นในระหว่างที่ผมกำลังยืนเซ็งกับตัวเอง ตอนที่หันไปมองก็พบว่าคนที่ทักไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้ชายที่ทำให้หัวใจของผมเต้นรุนแรงเหมือนทุกครั้งที่ได้เจอ

“ พี่ทีม " แล้วหนนี้ เค้ามาคนเดียวด้วย ยิ้มเก้อตอนที่เห็นเค้าจนอีกคนหัวเราะก่อนจะถามซ้ำ

“ ว่าไงครับ มาซื้ออะไร "

“ ขนมน่ะครับ " ชี้ไปที่ชั้นก่อนจะยิ้มแห้งๆให้พี่เค้า " แต่ว่าเข้าไปไม่ได้น่ะสิ "

“ งั้นเดี๋ยวพี่เข้าไปหยิบให้มั้ย จะเอาอะไรละ " เค้าบอกก่อนจะเดินแทรกตัวเข้าไปในทางล็อคของชั้นขนม คือลองคิดดูว่า สูง สมาร์ทหล่ออย่างพี่ทีมยังต้องเอียงตัวแล้วแทรกเข้าไปอะมึง แล้วคนอ้วนสวยอย่างกูจะเข้าไปได้ยังไง ชั้นถล่มพอดี " เขิน จะเอาอะไรบ้าง "

“ ป๊อกกี้ แล้วก็ อื้ม พวกเวเฟอร์รสช็อคโกเล็ตแล้วก็ เลย์ห่อใหญ่สีเหลืองสักห่อ " ผมว่า พี่ทีมก็จัดการหยิบมาให้ เค้าเดินออกมาแล้วยื่นให้ผม

“ นี่ครับ " ยิ้มรับขนมจากพี่ทีม พนักงานที่จัดชั้นอยู่แถวๆนั้น ก็พูดขึ้นคล้ายกับจะนินทากับเพื่อนข้างๆ

“ ดูน้องคนนั้นสิ เค้าอ้วนจนเดินเข้าล๊อคไปเลือกขนมไม่ได้แล้ววะ " ผมหันขวับไปหาพวกเธอ ที่ก็สะดุ้งตอนเห็นผมหันไปจ้อง แต่ยังไม่ทันพูดอะไรพี่ทีมก็พูดขึ้น

" เอาชั้นมาเสริมแล้วทำให้ทางเดินมันแคบขนาดนี้ จะอ้วนจะผอมก็เดินเข้าไปเลือกขนมลำบากครับ "
 
" เอ่อ.."

" เพราะงั้นก็ช่วยจัดชั้นให้มันเดินเลือกสบายๆ ดีกว่ามาโทษคนอื่นว่าอ้วนจนเดินเข้าล๊อคไม่ได้จะดีกว่า แคบขนาดนี้ต่อให้ผอมก็ยังลำบากเลย คนที่เดินได้สบายๆ ก็มีแต่พวกคุณที่อยากจะเอาขนมมาขายเยอะๆ มากกว่า  แล้วเลิกพูดนินทาคนอื่นแบบนั้นเถอะครับ มันดูไม่มีมารยาทเอาซะเลยนะ "

" ขอโทษค่ะ ขอโทษนะคะ ทีหลังจะระวังมากว่านี้ค่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นเลยค่ะ ยังไงจะปรับเปลี่ยนล็อคให้กว้างเหมือนเดิมนะคะ " พนักหน้างานที่โต๊ะคิดเงินเดินมาพูดกับเรา เธอที่ก้มหน้าลงขอโทษ พี่ทีมก็มองพยักหน้ารับ

" คิดเงินเถอะครับ "

" ค่ะ ได้ค่ะ " พี่ทีมยื่นขนมของตัวเองไปให้พนักงาน มันเป็นขนมเลย์ห่อนึง ก่อนจะเป็นคิวผมที่ก็จ่ายเงินต่อจากหลังเค้า เราเดินออกไปจากสหกรณ์พร้อมกัน แล้วในตอนนั้นเค้าก็หยุดแล้วหันมาหาผม ใบหน้าหล่อเหลาที่มองผมก่อนจะถอนหายใจแล้วยิ้มจางๆ พี่ทีมเอ่ยบอก

" ไม่ต้องไปสนใจนะเขิน อย่าไปสนใจปากคนพวกนั้น ไร้สาระ เรามีดีมากกว่ารูปร่าง "

" อ่าา ครับ ขอบคุณนะครับพี่ทีม " ผมก้มหน้าลงให้เค้า อีกคนก็ยิ้มกว้างขึ้นก่อนจะยื่นมือมาขยี้หัวผม ที่ตอนนั้นได้แต่นิ่งไปอย่างไม่รู้จะทำอะไร

" งั้นพี่ไปก่อนละ เราจะกลับบ้านใช่มั้ย งั้นก็กลับดีๆละนะ "

" คะ ครับ " พยักหน้ารับเค้าอีกทีนึง พี่ทีมก็เดินออกไป เหลือไว้แค่ผมที่ยืนหัวใจสั่นอยู่ตรงนั้นคนเดียว ก่อนจะรวบรวมสติเร่งขาตัวเองเดินมาที่รถตอนที่เปิดล็อคแล้วเข้าไปนั่ง วินาทีนั้นผมดีใจจนยังไม่ทันจะสตาร์ทรถหรือทำอะไรทั้งนั้น ปล่อยวางทุกอย่างแล้วกรี๊ดออกมาเป็นอันดับแรก ด้วยความบ้าคลั่งกับความหล่อและเป็นสุภาพบุรุษของผู้ชายคนนั้นราวกับคนบ้า

" อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย พี่ทีม หล่อๆๆๆๆ อยากได้ๆ กูอยากได้เว้ยยยยย " กรี๊ดอยู่สักพัก ก่อนจะหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความตื่นเต้นผสมความเหนื่อย ผมหยิบมือถือออกจากกระเป๋าพิมพ์ข้อความไลน์ออกไปหาเพื่อนสนิทตัวเองอย่างไอ้ลี่ทันทีที่ตั้งสติได้ ' มึง กูอยากจะสารภาพรักกับพี่ทีมว่ะ "

   ครืน ครืน ครืน

“ มึงงงงงงงงงง " ผมกรอกเสียงไปตามสาย อีกฝ่ายก็ถามกลับ

“ อะไรยังไงวะมึง เกิดอะไรขึ้น ทำไมมึงถึงเกิดความคิดแบบนั้นขึ้นได้ ไหนบอกกู ตอนแรกบอกว่าจะไม่มีทางสารภาพเพราะกลัวโดนบอกปัดจากพี่เค้าแล้วจะเสียใจเพราะมึงอยากจะได้เค้ามากกกกไงอีดอก "

“ ทุกอย่างมันเปลี่ยนกันได้ มึงจงฟัง "

“ อะ ฟัง " ไอ้ลี่บอก ผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟัง ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงจุดจบ ส่วนประโยคที่พี่ทีมพูดแน่นอนว่าผมพูดให้ฟังเน้นๆ  แถมยังใส่สีเติมไข่เข้าไปให้ดูน่ากรี๊ดขึ้นกว่าเดิม " ไอ้เหี้ยยยยยยยยยย เค้าพูดแบบนั้นเลยเหรอวะ แล้วมึงไม่กรี๊ดตายรึไง ยังมีชีวิตอยู่มั้ยตอนนี้ "

“ ชีวิตอะยังมี แต่หัวใจอะ ให้พี่เค้าไปแล้วจ้า "

“ โอ๊ยย กูจะอ้วก " ไอ้ลี่บอกก่อนจะหัวเราะ " แล้วเอาไง จะสารภาพรักกับพี่เค้าจริงๆน่ะเหรอ มึงน่ะ "

“ มึงว่าทำดีมั้ย " ถามอีกคนกลับไปด้วยความไม่มั่นใจแต่มันก็ตอบกลับมาด้วยหัวเราะออกมาอีกครั้ง " อีลี่มึงจะหัวเราะอยู่อีกนานมั้ยละไอ้สัด "

“  ก็มันตลกอะมึง ลองคิดดูว่าคนที่แสนมั่นใจระดับมึง กลับมาถามคำถามนั่นกับกู มึงจะไม่ให้กูขำได้ไงวะ แล้วอีกอย่างมึงก็เกริ่นมาตั้งเยอะว่าจะสารภาพรักกับพี่เค้า แล้วแบบนี้จะมาถามกูเพื่ออะไรละค่าาาา  "

“ แต่เรื่องแบบนี้มัน..”

“ คนเรามักไม่มั่นใจในความรักสินะ ต่อให้เป็นคนมั่นใจแค่ไหน ถ้าเป็นเรื่องความรักแล้ว ก็จะไม่มั่นใจขึ้นมาทันที " ปลายสายบอกผมก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะพิงเบาะรถที่ตัวเองนั่ง " ถ้าถามกู กูคงบอกให้มึงสารภาพแต่กลัวว่ามึงจะผิดหวังวะ ไม่อยากจะให้มึงผิดหวังแล้วเสียความมั่นใจ เพราะพี่ทีมดูมีอิทธิพลกับมึงมากเลย มึงยอมเค้าทุกอย่างอะ เพราะชอบเค้า ตั้งแต่ให้ไอ้พี่ล๊อคมาปากหมาใส่นับครั้งไม่ถ้วนเพราะอยากจะสนิทกับพี่ทีมละ "

“ ก็จริง แต่ว่ามึง พี่ทีมเค้าก็ดูไม่รังเกียจกูเลยนะ แถมยังปกป้องกูอีก "

“ เออ กูรู้ มึงก็ไปคิดให้ดีแล้วกัน ว่าจะสารภาพรักกับเค้ามั้ย กูรู้ว่ามึงมีคำตอบในใจของมึงแล้ว แค่อยากจะให้กูช่วยซัพพอร์ตความคิดนั่นเฉยๆ "

“ เหรอ " อาจจะเป็นอย่างงั้นก็ได้ เพราะในใจของผมตอนนี้ รู้สึกเหมือนติดปีกบินกับคำพูดของพี่เค้า ผมอยากจะสารภาพรักเพราะรู้สึกว่าตัวเค้าไม่ได้มีท่าทางรังเกียจในตัวผม ที่มีรูปร่างแบบนี้ และตอนนั้นในห้วงความคิดนึง มันก็มีความรู้สึกที่ว่า  พี่เค้าอาจจะตอบตกลงก็ได้ และถ้าเค้าปฎิเสธ ที่แย่ที่สุดก็คงไม่ทำให้ใจเจ็บซ้ำอะไรอยู่แล้วเพราะเค้าเป็นคนดี

" ลองคิดดูดีๆก่อน คิดถึงผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดแล้วก็ดีที่สุดแบบไม่เข้าข้างตัวเองด้วยนะ "

   ตอบรับคำพูดนั้นของเพื่อนสนิท ผมกดวางสายก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด สตาร์ทรถเปิดแอร์ให้เย็น แกะถุงขนมที่ซื้อมาพลางดูดน้ำปั่นไปเรื่อย มองไปยังทางข้างหน้าที่ตอนนี้มีแต่ความว่างเปล่าของลานจอดรถบนตึก ในใจตอนนั้นมันคิดขึ้นมาว่า ' แค่สักครั้ง ก็น่าจะลองทำตามหัวใจตัวเองดู "

.........................................................

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27

   ช่วงเย็นของวันหลังเลิกเรียนที่ผมยืนรอใครบางคนอยูหน้าตึกคณะนานาชาติ ริมฝีปากที่แห้งผากถูกเลียซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมยกหน้าจอมือถือที่ติดฟิล์มกระจกไว้ ขึ้นมาส่องที่หน้าของตัวเองอีกครั้งด้วยความไม่มั่นใจ เช็คมาแล้วว่าพี่ปีสองที่เรียนมาเก็ตติ้ง จะเลิกเรียนภายในสิบห้านาทีข้างหน้านี้ หัวใจของผมสั่น ร่างกายของผมมันครั้นเนื้อครั้นตัวอย่างไม่เคยเป็น นี่คือการสารภาพรักครั้งแรกในชีวิตของผม

   ครืน ครืน ครืน

   ก้มลงมองโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมา เผลอยิ้มออกมากับข้อความจากไอ้ลิลลี่เพื่อนสนิทที่ส่งเข้ามาให้กำลังใจ ' สู้ๆ คว้าพี่ทีมมาเป็นผัวให้ได้นะมึง '

“ เขิน " เสียงเรียกที่ดูไม่ค่อยมั่นใจ พอหันไปมองผมก็ช็อคนิ่งไปกับคนที่เอ่ยเรียก

" พี่ทีม..” มายืนอยู่ข้างหลังกันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ " เลิกเรียนแล้วเหรอครับ ยังไม่เลิกนี่ " ยกนาฬิกาขึ้นมาดู มันบอกกับผมว่าอีกสิบนาทีกว่าเค้าจะเลิก

“ พอดี พี่มาเข้าห้องน้ำน่ะ แล้วเห็นว่าเหลือแค่สิบห้านาทีแล้ว เลยไม่เข้าไปละ ไว้ค่อยให้ไอ้ล็อคมันเอาหนังสือลงมาให้ "

“ อ๋อเหรอครับ " ก้มหน้าลงต่ำ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน ไม่เคยเขินใครเพียงเค้าแค่เข้ามาพูดด้วย ใจดีด้วย ไม่เคยประทับใจอย่างที่รู้สึกกับพี่เค้าเลยสักครั้ง หัวใจที่พองโตของผมตอนที่ฝืนเงยหน้ามองเค้าด้วยความตื่นเต้น พี่ทีมก็ยิ้มให้ผม

“ เป็นอะไร แล้วทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ มารอลิลลี่เหรอ "

“ เปล่าครับ คือ..” ปากหนักขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ผมรู้สึกว่ามันแข็งจนแทบจะขยับไม่ได้ กลืนน้ำลายลงคอตัวเองไป เม้มริมฝีปากอีกครั้งก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด " พี่ทีม เขินมีอะไรจะคุยด้วยหน่อย "

“ ว่ามาเลยมีอะไรครับ " รอยยิ้มใจดีนั้น เค้าเหลือบมองรอบข้างก่อนจะมองเข้าไปในซอกตึกด้านในที่ลึกเข้าไปจนถึงเขตของคนที่เข้ามาสูบบุหรี่  " ไปยืนคุยกันข้างในดีกว่า ตรงนี้มันขวางทางเค้าจะเดินไปมา "

    พี่ทีมเดินนำเข้าไป ผมที่เดินตามเค้าตอนที่ร่างสูงนั้นหยุด ผมก็เงยหน้าขึ้นไปมองคนที่สูงกว่าแต่พอได้ไม่นานก็ต้องก้มหน้าลงต่ำด้วยความตื่นเต้น นี่เหรอวะ ความรู้สึกของการสารภาพรักเกิดมาก็เพิ่งเคยเจอ ปากที่ดูเหมือนจะเอ่ยคำพูดที่อยากจะพูดออกไปไม่ได้ ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจนี้ มีคำเป็นล้านที่อยากจะบอกเค้าออกไป ความรู้สึกที่แทบจะล้นออกมานอกอก

" เขิน .."

" พี่ทีม เขินชอบพี่วะ ชอบแบบที่อยากจะได้เป็นแฟน พี่ทีมคบกับเขินได้มั้ย " ใบหน้าคมที่ผมเงยหน้าขึ้นมอง ช็อคไปนิดหน่อยก่อนจะหันไปมองทางอื่นแล้วถอนหายใจออกมา เค้ายกยิ้มก่อนจะก้มหน้าลงแล้วเกาหัวตัวเองเบาๆ

" เอ่อ..เอาไงดีละ .. คือ  คือว่านะ พี่ไม่ได้ชอบเราแบบนั้น แล้วก็ไม่มีทางที่จะชอบเราด้วย " พี่ทีมมองผมด้วยสายตาที่จ้องมาเหมือนกำลังขำในสิ่งที่ตัวเค้าได้ยิน " ถ้าให้บอกตรงๆก็คือ เราอ้วน พี่ไม่ได้ชอบคนอ้วนแล้วก็คิดว่า เราคบกันไม่ได้หรอก มันดูไม่เหมาะสมกัน ลองดูสิ " เค้าเชิดหน้าไปที่เงาของกระจกที่ติดใบปลิวต่างๆ เงาสะท้อนร่างของผมกับร่างของพี่ทีมที่ยืนอยู่ข้างกันนั้น ผมรู้สึกเหมือนตัวเองโดนตบอัดกระแทกข้างกำแพงอย่างแรง ร่างของผมในกระจกนั้น ทั้งอ้วนแล้วก็เตี้ย แตกต่างจากคนที่ยืนอยู่ข้างๆ โดยสิ้นเชิง

   พี่ทีมเป็นคนสูง ที่มีรูปร่างดี ไม่ต้องพูดถึงหน้าตาที่หล่อระดับเดือนของมหาลัย แล้วพอหันมามองดูผมที่หน้าตาธรรมดาไม่ได้โดดเด่น หนำซ้ำยังอ้วน ไม่มีอะไรเลยที่ดูเหมาะสมกันกับเค้า อย่างที่เค้าบอกมันก็จริง ผมเถียงไม่ออกสักคำ ' เราไม่ได้ดูเหมาะสมกันเลยสักนิด '

" เราคบกันไม่ได้หรอก " มือหนาเอื้อมมือมาจับไหล่ผมก่อนจะถอนหายใจ " แต่ก็นับว่าเขินกล้ามากนะ ที่มาสารภาพรักกับพี่ ขอบคุณนะที่รู้สึกดีต่อกัน แต่ไปลดความอ้วนให้ผอมก่อนเถอะ แล้วก็ทำตัวให้มันดูดีกว่านี้ แล้วค่อยมาสารภาพใหม่ ไม่แน่ตอนนั้นพี่อาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ แต่ถ้าเขินยังอยู่ในสภาพนี้แล้วเราต้องคบกัน พี่ทำไม่ได้หรอก พี่คงไม่กล้าเดินกับเราแล้วให้คนเค้ามอง แล้วก็ติ ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้มาลดตัวแบบนี้ ขอโทษทีนะ "

   เค้าที่เดินออกไป ปล่อยผมทิ้งไว้อยู่ตรงนั้นแค่คนเดียว หลากหลายคำพูดที่ทำให้ผมนิ่ง เงยหน้ามองตัวเองในเงาของกระจกที่สะท้อนรูปร่างน่าเกลียดของตัวเอง  น่าแปลก ทั้งๆที่ผมควรเกลียดเค้า ที่เค้าพูดจาออกมาได้รุนแรงถึงขนาดนั้น แต่มันกลับมีบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกว่า เค้าก็พูดถูกแล้ว

" หนังหน้าแบบนี้ ยังกล้ามาสารภาพรักกับเค้าอีก ไม่เจียมตัวเองเลยมึง ไอ้อ้วนเอ้ย ทุเรศ "

" แค่เค้าไม่รับรัก ถึงขั้นต้องด่าตัวเองขนาดนั้นเลยเหรอวะไอ้อ้วน " หันไปมองต้นเสียงของผู้ชายคนนึงที่เอ่ยคำพูดนั้นออกมา ร่างสูงที่เดินออกมาจากซอกตึกมือที่คีบบุหรี่เดินสูบออกมาก่อนจะยกยิ้มมองผมด้วยความสมเพช ในวินาทีนั้นผมรู้แล้วว่ามันเองก็คงได้ยินทั้งหมด เรื่องที่ผมสารภาพรักกับพี่ทีมออกไป รวมถึงคำพูดของพี่ทีมเองก็ด้วย

" เสือกไรมึง "

" ก็ไม่ได้เสือกอะไรกูหรอก แต่เห็นแล้วมันน่าสมเพช ก็เค้าแค่ไม่รับรัก ถึงกับต้องด่าตัวเอง การที่เค้าไม่รักมึงมันแย่ขนาดนั้นเลยรึไง แล้วทำไมมึงไม่รักตัวเองละ "

" ไม่ต้องมาเสือก นี่มันตัวของกู กูจะทำอะไรมันก็เรื่องของกู " ผมบอกก่อนจะมองรูปร่างตัวเองในกระจกเงา " คนอย่างกูมันก็สมควรจะโดนด่าแล้ว ก็มันทุเรศจริงๆ ทั้งทุเรศทั้งน่ารังเกียจ"

" ไอ้เหี้ยนั่นตังหากที่น่ารังเกียจ "

" พี่ทีมไม่ได้น่ารังเกียจ! " ผมหันไปด่าผู้ชายขี้เสือกคนนั้นโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นใครแต่ที่รู้คือเราต้องไม่เคยเจอกันมาก่อนแน่นอน แต่ตอนนี้มันกลับหัวเราะก่อนจะพยักหน้ารับแบบยียวนกวนประสาท

" อ๋อออ งั้นเหรอ "

" เค้าแค่บอกว่ากูอ้วนไป เพราะงั้นกูจะผอมแล้วไปสารภาพรักกับเค้าใหม่ กูจะลดความอ้วน "

“ แล้วมึงจะทำได้รึไง "

“ ทำได้ คอยดูกูต้องเอาพี่ทีมมาเป็นแฟนกูให้ได้! “ จ้องหน้าคนตรงหน้าด้วยสายตาหาเรื่องและมุ่งมั่น  แต่สายตาดูถูกของมันที่จ้องมองมาทางผม มันมีคำพูดในแววตานั้นที่บอกกับว่า ผมจะไม่มีวันทำได้ ก่อนจะเค้าจะเดินผ่านผมไป " ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กู! จะลดความอ้วน "

..................................................

ยินดีต้อนรับสู่นิยายเรื่องใหม่แกะกล่องของหนมมี่ผู้ใสซื่อคนเดิม
เพิ่มเติมคือ จากที่หายหัวไปนานก็มีนิยายเรื่องใหม่กับเค้าสักทีจ้าาาา
นิยายเรื่องนี้เราจะพาคุณเข้าสู่โลกของการลดน้ำหนักของผู้ชายอ้วนๆคนนึง ที่หลงรักการกินพอๆกับผู้ชายในฝันของตัวเอง ร่วมลุ้นกันว่า ระหว่างไขมัน กับ ความรัก ใครจะอยู่ใครจะไป

ยังไงฝากติดตามด้วยนะคะ
ส่วนใครมีทวิตหนมขอฝากแท็ก #รักนี้กี่แคล ด้วยเด้อออ
ขอบคุณมากค้าาาา  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ตามมาจากเรื่องเก่าาา เป็นกำลังใจให้น้องเขินนะ
ปล.พี่ทีมพระเอกจิงอ่ะ ฮือออ คำพูดใจร้ายมากเลย

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอดูหนูเขินตอนต่อไป  :katai2-1:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
หนูเขินลดความอ้วนให้ได้ แล้วหาที่มันดีกว่าไอ้พี่ทีมเหอะ เป็นผู้ชายที่ดีแต่เปลือกนอกชัดๆ  :z6:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เขินกินได้แต่ต้องดูแลสุขภาพไปด้วย
เอาให้พี่ทีมหงายเงิมไปเลย
แต่สนใจคนมาใหม่อ่ะ
หรือจะคู่เขิน แบบคู่กัด อิอิ
ลุ้นต่อๆๆๆๆ

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
Be my chubby รักนี้ กี่แคล
           ตอนที่ 2


   ' เราอ้วน พี่ไม่ได้ชอบคนอ้วนแล้วก็คิดว่า เราคบกันไม่ได้หรอก มันดูไม่เหมาะสม' คำพูดที่ยังคงก้องอยู่ในหูผม ตั้งแต่เมื่อคืนจนมาถึงตอนนี้ที่ยืนส่องกระจกมองดูตัวเองแล้วพิจารณาถึงรูปร่างที่ได้เห็นในตอนนี้

    รูปร่างของผู้ชายที่หัวเล็กๆ เวลาถ่ายภาพก็ถ่ายได้แค่หน้าเพราะดูผอมที่สุด น้ำหนักตัว 90 ของผม เกินกว่าค่ามาตรฐานที่คนสูง 170 ควรจะมี แล้วไม่ได้เกินมาน้อยๆ มันเกินมาเยอะเลยด้วย

“ อ้าวเขิน ลงมาแล้วเหรอ กูคิดว่าวันนี้มึงไม่มีเรียน " เสียงแฝดพี่ของผมอย่างเจ๊อาย ถามขึ้นตอนที่มองมา พยักหน้ารับอีกคนตอนที่เดินไปที่ตู้เย็น หยิบน้ำเปล่าออกมากินก่อนจะหยิบนมแล้วเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร ที่ตอนนี้มีทั้งข้าวต้มหมู ปาท่องโก๋ ตั้งรออยู่แล้วในเช้าวันนี้ " นี่ของมึงนะ พิเศษหมูแต่ไม่พิเศษข้าว " ถอนหายใจออกมาตอนที่พี่สาวบอก มันที่เหลือบมองผมก่อนจะหัวเราะ " เป็นอะไรของมึงวะ ถอนหายใจเหมือนโลกจะแตก "

" เปล่าหรอกเจ๊อาย กูแค่ไม่ค่อยอยากจะกินอะ "

" ห๊า! อย่างมึงนี่อะนะ จะไม่ค่อยอยากจะกิน จะผอมแล้วเหรอวะ " เธอว่าพลางหลุดยิ้มออกมาแล้วส่ายหน้า มือที่ตักข้าวต้มกินไปเรื่อย ส่วนมือถืออีกข้างก็เลื่อนดูอะไรบางอย่างในมือถือ

   เราเป็นแฝดชายหญิงที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ตั้งแต่หุ่น ยันหน้าตา เจ๊อายเป็นคนผอม หุ่นดี ร่างยังกับนางแบบ แถมยังเรียนเก่งตอนนี้เรียนหมอฟันอยู่ที่มหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ตัดภาพมาที่ผมที่มีหุ่นทำเจ๊อายได้สองคน แถมหน้าตาก็แค่ธรรมดาไม่โดดเด่น ตั้งแต่เด็กจนโต ก็ชอบมีคนบอกว่า พี่สาวแย่งเอาส่วนดีๆของผมไปหมด เหลือไว้แต่ส่วนแย่ๆให้ผม ชื่อของเรา พ่อเป็นคนตั้งให้เค้าให้เหตุผลว่ามันไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แค่รู้สึกว่ามันน่ารักดี สำหรับชื่อ ' เขินอาย '

" เป็นอะไร ท่าทางไม่สบอารมณ์ แดกๆเข้าไปได้แล้ว จะได้ไปเรียน ถ้าไม่อิ่มขนมปังอยู่ในตู้เย็นนะ "

" เจ๊อาย "

" หื้ม ? “

" เขินอ้วนมากเลยเหรอวะ " คำถามที่ทำให้คนเป็นพี่พยักหน้ารับ

" อ้วนมากอะ ระวังมึงจะเป็นเบาหวาน " ก้มลงมองถ้วยข้าวต้ม เจ็อายก็ยิ้ม " เป็นอะไรของมึงไอ้เขิน มึงก็อ้วนมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว อย่าบอกนะว่ามึงเกิดจะซีเรียสอะไรขึ้นมาเอาตอนนี้ "

“ เออ ตอนนี้กูซีเรียสละ! เพราะงั้นวันนี้จะไดเอท ไม่แดกอะไรละ " ผลักถ้วยข้าวต้มออก

“ ไม่ได้!! “ มันตะโกนขึ้นมาก่อนจะจับมือผมที่ทำทีเป็นจะลุกขึ้นแล้วออกไปเรียน " มึงต้องกิน อาหารเช้าเป็นสิ่งสำคัญ มึงจะไม่กินไม่ได้ มึงจะไดเอทมื้อไหนก็ไดเอทไป แต่มื้อเช้ามึงต้องกิน นั่งลงแล้วกินข้าวซะ "

“ คือทำไมเจ๊ต้องร้าย ต้องเสียงดัง ไม่มีความเป็นผู้ดีอย่างที่สุด "

“ อย่ามาทำเป็นเล่น กูรู้ มึงจะไม่กินแล้วเดินออกไป  มึงนั่งลงเลย แล้วแดก " ใช้สายตาขู่บังคับกันอีก ผมกรอกตามองบนก่อนจะถอนหายใจแล้วนั่งลงก่อนจะตักข้าวต้มกินไปอย่างจำยอม ความอร่อยที่ทำให้ต้องหยิบปาท่องโป๋ใส่ลงไปในถ้วยสามชิ้นติดๆ " เดี๋ยวๆ ถ้ามึงจะลดน้ำหนัก ไม่ต้องเอาปาท่องโก๋ใส่ลงไปถ้วยข้าวต้มก็ได้นะ กินแค่ข้าวต้มพอ "

" ก็มันไม่ครบเครื่องอะเจ๊อาย แดกแล้วก็ต้องแดกให้อร่อย ไม่อร่อยจะแดกทำไมเปลืองแคล "

“ รู้จักคำว่าแคลลอรี่ด้วยเหรอคนอย่างมึงนะ " เธอถามยิ้มๆ "  แล้วเป็นอะไรวะ ทำไมอยู่ๆแกสนใจเรื่องลดน้ำหนักขึ้นมา  ปกติกูเห็นแดกยับ เบาหวานจะแดกยังไม่สนใจ  "

“ นับจากวันนี้ น้องของเจ๊อาย อย่างเขินคนนี้ จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ "

“ ทำไม มึงมีจะผัว ?  "

“ แค่กๆ " สำลักข้าวต้มที่กินอยู่กะทันหัน " เชี้ย เจ๊อายพูดอะไรวะ "

“ กูพูดตรงใจมึงสินะ " อีกคนยิ้ม " แล้วยังไง มึงคบกับเค้าแล้วเหรอ หล่อมั้ย "

“ อีเจ๊ มึงหันมาดูน้องมึง ใครมันจะมาคบ กูอ้วนขนาดนี้ "

“ ไม่ได้ยินคำนี้จากปากมึงมานานแล้วนะ " พี่สาวผมบอก " ปกติมึงจะบอกว่า มึงไม่แคร์ มึงจะอ้วนแบบนี้ใครจะมารักมาชอบมึงต้องรักมึงที่ใจไง "

" บางทีเพราะกูมั่นใจแบบนั้น มันเลยเป็นแบบนี้ไง " ก้มลงเขี่ยปาท่องโก๋ที่ลอยอืดอยู่ก่อนจะตักมันขึ้นมาแล้วกินเข้าไป ก็เพราะมั่นใจเกินไปผลมันเลยออกมาเป็นแบบนี้ มั่นใจว่าเค้าไม่รังเกียจในตัวเราคิดเข้าข้างตัวเองทั้งๆที่มันก็เหมือนกับฝันลมๆแล้งๆ ทั้งๆที่คิดถึงแง่ร้ายแบบสุดๆไว้แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่ได้ยินมันจะทำร้ายใจกันได้มากว่าที่คิดไว้ซะอีก

" เกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ เล่าให้กูฟังหน่อย "

" ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่คนอ้วนๆคนนึง ที่สารภาพรักกับผู้ชายคนนึงแบบไม่ดูตัวเอง เค้าตอบกลับมาว่า กูอ้วนเค้าไม่ชอบ เราไม่เหมาะสมกัน แล้วก็บอกว่า ถ้ากูผอมค่อยมาสารภาพรักกับเค้าใหม่ เรื่องมันก็แค่นั้น "

" แล้วมึงก็เลยจะลดความอ้วนเพราะเค้าเหรอ " เจ๊อายถามผมก็เงยหน้าจากถ้วยข้าวต้มมองเธอที่ก็เลิกคิ้วสงสัย " คือ มันก็ดีนะ ที่มึงคิดจะลดความอ้วน กูอยากจะให้มึงลดเพราะกลัวพอมึงแก่กว่านี้แล้วมึงจะลดไม่ลง กลัวมึงเป็นโรคพวกเบาหวาน ความดัน เลยอยากจะให้มึงออกกำลังรักสุขภาพ แต่ไม่อยากจะให้มึงลดความอ้วนเพื่อให้ใครมาชอบมึง กูอยากจะให้เค้าชอบมึงในแบบที่มึงเป็นมึง เพราะสักวันที่มึงอ้วนอีก เค้าก็ยังจะรักมึง แล้วรักที่มึงเป็นมึง "

“ บางทีนะเจ๊อาย เขินก็ต้องทำให้เค้าเปิดใจรับเขินก่อน ด้วยการทำให้ตัวเองผอมแล้วคบกับเค้า พออ้วนขึ้นมาอีก นิสัยเรา ความรักที่ผ่านมาก็อาจจะทำให้เค้ายังรักเราต่อไปก็ได้ "

“ ก็แค่อาจจะ "

“ กูชอบเค้าจริงๆวะ " หันไปบอกอีกคนที่จ้องกันอยู่ " กูไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้วในตอนนี้ กูไม่ได้แคร์อนาคต กูสนใจแค่ว่า กูอยากจะผอม อยากจะให้เค้าหันหน้ามาสนใจกู มาคบกู มันมีแค่นั้นที่กูต้องการ วันนึงที่กูอ้วนอีกแล้วเค้าจะเลิกกับกูไป นั่นก็ช่างมันแม่ง ยังไงซะกูก็เคยได้คบกับเค้าแล้ว และนั่น มันก็พอแล้ว " กินข้าวเข้าไปคำสุดท้ายผมหยิบเอาถ้วยไปวางไว้ในอ่างล้างก่อนจะเปิดน้ำแล้วล้างจานใบนั้นของตัวเองจนเสร็จ เดินออกมาหยิบกระเป๋าที่ตั้งอยู่ที่เก้าอี้ตรงโต๊ะอาหารที่พี่สาวผมยังนั่งอยู่ " เขินไปเรียนก่อนนะเจ๊อาย ไว้เจอกัน "

“ เออ ขับรถดีๆละ "

   ใช้เวลาฝ่ารถติดร่วมชั่วโมงกว่าจะถึงมหาลัย เมื่อวานสารภาพรักกับพี่ทีมไปไม่รู้ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมคิดถึงพี่ล๊อคที่ตอนนี้คงตั้งใจคิดคำล้อเลียนผม คิดถึงหน้าเพื่อนๆในกลุ่มพี่เค้าก็คงมองมาผมด้วยสายตานินทาแล้วก็สมเพช แต่ในเมื่อพุงและน้ำหนักนี้ ไม่สามารถหายไปเพียงแค่คิดว่าอยากจะให้มันหาย ผมก็ต้องเผชิญหน้ากับทุกอย่างที่เกิดขึ้น อย่างเข้มแข็งเหมือนทีเคยเป็นมา

   เดินขึ้นไปในตึกเรียน แต่ยังไม่ทันจะถึงห้อง ผมก็ต้องเจอคนที่ไม่อยากจะเจอหน้ามากที่สุดในเวลานี้ ถอนหายใจออกมาเซ็งๆ ตอนที่สบตาเข้ากับพี่ทีมเค้าเหลือบมองไปทางอื่นทันทีเหมือนไม่อยากจะเจอหน้าผม แต่ทว่าพี่ล๊อคกลับเอ่ยแซวผม

" ไอ้อ้วนนนนนนนน ว่าไงมึง กูคิดว่าวันนี้มึงจะไม่กล้ามาเรียนแล้วซะอีก "

" ทำไมต้องไม่กล้าวะ " ผมถามกลับ อีกคนก็หลุดหัวเราะก่อนจะยิ้มกว้าง

" ไม่น่าถาม ก็เรื่องที่มึงกล้าไปสารภาพรักกับไอ้ทีมไง " มือหนาเอื้อมมือมาตบไหล่ผมตอนที่พูดคำนั้น " มึงแม่งกล้ามาก กูยอมใจ"

" ไปเถอะวะไอ้ล๊อค เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน " พี่ทีมเดินนำออกไปเหลือไว้แค่พี่ล๊อคที่ยังจับไหล่ผมอยู่ แล้วก็เพื่อนผู้หญิงอีกสองคนที่กำลังยิ้มมองผม ด้วยสายตาที่คงรู้สึกว่า อีอ้วนนี่ช่างกล้าเหลือเกิน ไม่ดูสารรูปตัวเองเลยสักนิด

“ เอาไว้ กูจะไปซื้อกระจกมาฝากมึงแล้วกันนะเขิน กระจกแบบบานสูงๆมึงจะได้ส่องทั้งตัว ก่อนที่จะคิดทำอะไรแบบนี้นะ ไอ้อ้วนเอ้ย ฮ่าๆ " เสียงหัวเราะในท้ายคำนั้น ทั้งคนพูดแล้วก็คนอื่นที่ยืนอยู่ข้างหลังต่างหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน ผมที่ยืนนิ่งแบบนั้น ปกติคงต้องบอกว่า ' เออดี ซื้อมาสวยๆเลยนะพี่ ขอแพงๆ งามๆ ' แต่ตอนนี้รู้สึกว่าไม่จำเป็นแล้ว ที่ต้องทนให้คนตรงหน้ามาดูถูกเพื่อใกล้ชิดคนที่ชอบ ในเมื่อพี่ทีมตอนนี้ก็ดูท่าทางจะรังเกียจผมขนาดนั้น

" ซื้อมาก็ดีนะพี่ แต่ผมว่าพี่เก็บไว้เถอะ " ยกยิ้มมองเค้าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า " เก็บไว้ส่องสันดานเหี้ยๆของตัวเอง ว่าเป็นยังไง จะได้รู้ว่า อะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด "

" ไอ้เขิน..” เค้าหน้าช็อคไปตอนที่ผมพูดแบบนั้น

" แต่ว่าไม่รู้ว่ามันจะส่องเห็นรึเปล่านะ ความเหี้ยของพี่อะ เพราะมันคงอยู่ลึกมากจนกลายเป็นสันดานไปแล้ว " ยักคิ้วบอกก่อนจะเดินออกแต่ทว่าผมก็หยุดเท้าตัวเองไว้ก่อนจะหันมาพูดอีกที " แล้วเวลาซื้อ ซื้อมาเพื่อนข้างหลังด้วยก็ดีนะ สันดานแย่พอๆกันเลย ก็ถึงว่า ทำไมคบกันได้ เป็นแบบนี้นี่เอง "

" นี่ไอ้อ้วน มันไปแรงเกินไปหน่อยเหรอ ที่พูดอะ " พี่ผู้หญิงคนนึงเอ่ยถามผมออกมา เธอที่กำลังอยู่ในท่าทางที่ช็อคเหมือนไม่ได้คิดว่าจะโดนด่าจากผมแต่อย่างใด

“ ไม่แรงหรอก ถ้าเกิดว่าเทียบกับสิ่งที่พวกพี่ทำนะครับ  พี่เถิก " ยิ้มให้อีกทีเธอก็เม้มริมฝีปากก่อนจะเอามือมาปิดหน้าปากเถิกๆของตัวเอง " แล้วจำไว้ด้วยว่า ผมชื่อเขิน ถ้าพี่เรียกผมว่าไอ้อ้วน ผมก็จะเรียกพวกพี่ด้วยจุดด้อยของพี่เช่นกัน ทีใครทีมันจำเอาไว้ "

   หันหลังเดินออกมาจากกลุ่มคนพวกนั้นแล้วไม่ได้หันไปกลับไปมองอีก ผมเดินมาที่ห้องเรียนของตัวเอง ตอนที่หย่อนตัวลงนั่ง ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ไอ้ลี่ที่มาก่อนก็หันมายิ้มให้ผม

“ เป็นอะไรของมึง ถอนหายใจโคตรเสียงดัง เบื่ออะไรขนาดนั้น " มันบอกก่อนจะเอื้อมมือมาตบไหล่ผมก่อนจะยิ้ม " เครียดเรื่องนั้นอยู่เหรอ ถ้าเรื่องนั้นลืมๆมันไปเถอะ คิดว่าฝันร้าย วันนี้เลิกเรียนไปหาอะไรแดกกันดีกว่า มึงอยากจะแดกอะ.. "

“ ไม่อะ กูจะงดมื้อเย็น "

“ ห๊า ? มึงว่าอะไรนะ กูขออีกที " ไอ้ลี่ที่หันมามองผม อ้าปากค้างนิดหน่อยก่อนจะกระพริบตาถี่ๆ
 
“ กูบอกว่า กูจะงดมื้อเย็น กูจะลดความอ้วน เข้าใจมั้ยอีลี่ "

“ เป็นไปไม่ได้ อิมพอสซิเบิ้ลมากค่ะซิสสสส " เอามือทาบอกตัวเอง ผมก็กรอกตามองบน " แล้วเที่ยงนี้มึงจะกินอะไร "

“ สลัด "

“ โอ๊ยยยยยย เป็นชะนีสายเฮลตี้ขึ้นมาเลยทีเดียว คือเอาจริงๆ กูขอถาม นี่มึงจะไดเอทจริงๆอะ เอาจริง "

“ เอาจริง " พยักหน้ารับมัน ก่อนจะก้มหน้าลงมองในมือถือตัวเอง " กูตั้งใจจะลดด้วยสูตรลดน้ำหนักแบบ 7 วันลด 9 กิโล มึงดูนี่กูหามา " ยื่นไปให้เพื่อนสนิทดู อีกคนก็ขมวดคิ้ว

“ มึงทนได้เหรอ นี่แทบจะไม่ได้แดกอะไรเลยนะ เช้าโยเกิร์ต เที่ยงไข่ต้ม เย็นสลัดผัก ตายๆ เป็นกู ต้องตายแน่ๆ "

“ กูต้องทำได้ แค่เจ็ดวันเองมึง สบ๊ายยยย " บอกด้วยความมั่นใจ แต่ไอ้ลี่ก็แค่ยกยิ้มจางๆแล้วพยักหน้ารับ

“ กูจะเป็นกำลังใจให้มึงนะเพื่อนรัก แล้วเมื่อเช้ามึงกินอะไร "

“ กินปาท่องโก๋กับข้าวต้ม "

“ ไม่ได้กินโยเกิร์ตตามสูตรเหรอวะ " ลี่หันมาถามก่อนจะขมวดคิ้ว " ไหนมึงบอกไดเอทตามสูตรนี่ไง "

“ ก็จะลดแหละมึง แต่อีเจ๊อายของกู ชวนแดกข้าวต้มน่ะสิ บังคับให้กูแดกด้วย กูเลยต้องแดก " ทำหน้าเสียดายอยู่หน่อยๆ ก่อนจะถอนหายใจ " เพราะงั้นตอนเที่ยงนี้กูว่าจะแดกของอร่อยๆไปเลย เย็นค่อยงดแล้วกัน ส่วนสูตรนี่ค่อยเริ่มพรุ่งนี้ "

“ แล้วแต่มึงเถอะ แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า การอดจะยิ่งทำให้มึงยิ่งกินในมื้อถัดไปนะ ทางที่ดี กินอะไรไปสักหน่อยน่าจะดีกว่า " ลี่บอกผมก็พยักหน้ารับมันแบบไม่สนใจ คิดว่าตัวเองทนไหวแน่นอนครับแล้วก็แค่เจ็ดวันเอง สบายมาก

   เดินลงไปที่โรงอาหารหลังเลิกเรียน คนในโรงอาหารที่ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ ตอนที่มองหาโต๊ะว่างเพื่อจอง ไอ้ลี่ที่อยู่ข้างผมก็คว้ามือผมมาจับก่อนจะเขย่าหยิกๆ

“ ไอ้เขินๆๆๆๆๆ นั่งนู้นๆ " มันว่าก่อนจะเชิดหน้าไปที่โต๊ะตัวนึง แล้วตอนนั้นผมก็เจอเข้ากับผู้ชายคุ้นตาเพิ่งเจอกันเมื่อวาน หลังจากที่ผมสารภาพรักกับพี่ทีมเสร็จแล้ว ไอ้คนขี้เสือกคนนั้น

“ ไอ้เชี้ยนั่น " พูดเสียงเบาๆ ลี่มันก็หันมามอง

“ มึงว่าอะไรนะ "

“ เปล่า " ผมบอกก่อนจะส่ายหน้า " ว่าแต่มึงจะเข้าไปนั่งตรงนั้นทำไมอะ โต๊ะว่างตั้งเยอะแยะ "

“ ก็มึงเห็นผู้ชายคนนั้นมั้ย คนที่นั่งกินข้าวอยู่คนเดียว เห็นมั้ยคนหล่อๆคนนั้น "

“ ไม่เห็น " ผมบอกก่อนจะส่ายหน้า

“ โอ๊ย อีเหี้ยยย อย่ามาตอแหล กูรู้มึงเห็นเค้า " อีลี่หันมาเถียงผมเสียงมั่นใจ

“ เออ กูเห็น แต่ไม่อยากจะเห็นมัน เข้าใจมั้ย "

“ ทำไม เรียวไปทำอะไรให้มึง "

“ มันชื่อเรียว " ผมถามไอ้ลี่ที่ก็พยักหน้ารับ เพิ่งรู้จักชื่อมันเป็นครั้งแรกเลยเว้ย " มึงรู้จักมันด้วยเหรอ "

“ อ้าวว ต้องรู้สิค่าา จะไม่รู้จักได้ยังไง มันดังจะตาย "

“ ไอ้เหี้ยนี่อะนะ ดังในทางไหนวะ " ขมวดคิ้วมองคนตรงหน้า คือยังไงซะต้องไม่ดังเรื่องหน้าตาแน่นอน เป็นผู้ชายตัวสูงที่หน้าตาธรรมดา ที่ดูไม่ธรรมดาเท่าไหร่ ถ้าให้พูดแบบไม่อคติ ก็คงต้องบอกว่ามันเป็นผู้ชายหน้าไม่พิมพ์นิยม แต่ก็ดูดีในแบบคนที่มีเอกลักษณ์ เข้ากับผิวสองสีที่ดูไม่ได้ขาวมากมาย

" มันเป็นนายแบบนะมึง "

" ห๊ะ ? " อ้าปากนิ่งค้างก่อนจะหันไปมองเพื่อนตัวเองที่ทำหน้าเซ็ง

" แหมมมมึง ในสมองมึงก็มองแค่พี่ทีมหล่ออยู่คนเดียว มึงจะไปชายตามองใครวะ " ลี่บอกก่อนจะหันมาแบะปากมองผม " เรียวมันเคยประกวดเดือนของคณะเราด้วยนะ "

" ให้กูเดา มันต้องไม่ได้ "

" ก็จริง " คนข้างๆผมยิ้มแห้ง " แต่ว่าที่มันไม่ได้ ไม่ใช่เพราะว่ามันไม่ชนะนะ แต่มันไม่อยู่แข่งให้จบตังหาก เห็นบอกว่ามีงานต้องไปทำต่อ ก็เลยยกเลิกกลางคัน คนอื่นก็เลยได้ไป "

“ เพราะรู้ว่าตัวเองแพ้แล้วไม่อยากจะแพ้สิไม่ว่า แม่งก็เลยชิ่งออกก่อน " ผมพูดเสียงเบาๆกับตัวเอง แต่แน่นนอนว่าอยู่ใกล้กันแค่นี้เพื่อนข้างๆก็คงได้ยิน

“ มึงว่าอะไรนะ ? “

" มึงนี่รู้เรื่องมันเยอะจังนะ "

" แน่นอน ก็กูแอบเชียร์มันนิดๆวันแข่ง ใครจะเหมือนมึงที่นั่งดูพี่ทีมตลอดเวลาอีแรด! " หันมาใส่อารมณ์ใส่กูอีก " มึงรู้มั้ยมันเป็นลูกครึ่งด้วยนะ ลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น เรียนอินเตอร์มาตั้งแต่เด็กเลยนะมึง "

" แล้วไง "

" เป็นนายแบบด้วยนะมึง "

" แล้วไง หล่อแค่ไหน ถ้าปากหมา ขี้เสือกก็เท่านั้นอะ "

" เดี๋ยวๆ ทำไมมึงพูดเหมือนเคยเจอเรียวเคยใกล้ชิด ไม่เล่่ากูเลยนะสัด! “

" กูจะรู้มั้ยละว่ามึงชอบ มึงชอบผู้ชายเป็นร้อย อีกอย่างกูเพิ่งเจอมันเมื่อวานด้วย " ถอนหายใจออกมาก่อนจะเหลือบไปทางอื่น คิดว่าจะไม่เล่าแล้วเชียว ต้องเล่าอีก สัดเอ้ย " ก็ตอนที่กูสารภาพรักพี่ทีมเสร็จนั่นแหละ ไอ้เชี้ยนี่มันสูบบุหรี่อยู่ ได้ยินหมดเลย แถมยังมาเสือกเรื่องกูอีก "

" เสือกยังไง ไหนเล่าๆ "

" ก็เสือกประมานว่า ตอนนั้นพอสารภาพรักเสร็จ กูโดนปฎิเสธ กูเลยด่าตัวเอง คือมึงเก็ตมั้ย มันอารมณ์แบบเฟลอะ หงุดหงิดตัวเอง ว่าทำไมกูอ้วน มันก็แค่นั้น แต่ไอ้เหี้ยนี่มาจากไหนไม่รู้ว่า เสือกขึ้นมาว่า พี่ทีมไม่รับรักกูแล้ว กูยังเสือกด่าตัวเองอีก อารมณ์แบบเค้าทำร้ายตัวกูแล้ว กูยังทำร้ายตัวเองอีก อะไรแบบนี้ แต่มันไม่ควรเสือกไง เรื่องของกู ใครไปพูดกับมัน กูพูดของกูคนเดียว "

" กูขอเข้าข้างเรียวแล้วกันนะคะ " ไอ้ลี่บอกก่อนจะยิ้มหวานให้ผม มันเอื้อมมือมาจับไหล่ " คนดีที่กูคู่ควรจริงๆ "

" คนที่มันไม่อ้วน ไม่ได้อยู่ในจุดเดียวกับที่กูอยู่ แม่งจะพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ "

“ เอาน่าๆ มึงก็อย่าซีเรียส ไม่ต้องคิดมาก พอได้แล้วๆ ไปๆ กินข้าว มึงจะกินอะไร " ถอนหายใจเซ็งๆออกมา ผมหันไปมองหน้าร้านสลัดที่ตั้งใจไว้ว่าจะกิน แต่ว่าอีกใจก็ยังอยากจะกินข้าวไก่กรอบของป้าอยู่ อยากเคี้ยวแป้งที่อยู่บนเนื้อไก่พร้อมด้วยรสของน้ำจิ้มที่มีทั้งเปรี้ยว เผ็ด แล้วก็หวาน กลืนน้ำลายลงคอของตัวเองไป

“ กูจะไปกินข้าวร้านป้าวะ " ไอ้ลี่หันมามองผม มันที่มีสายตาสงสัย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคงคิดว่า ไหนมึงบอกจะลดน้ำหนักแล้วแดกข้าวไก่กรอบเพื่อ ? “ ก็ยังไงเมื่อเช้ากูก็ไม่ได้แดกตามสูตรแล้ว งั้นวันนี้กูจะแดกเป็นวันสุดท้ายก็แล้วกัน มื้อเย็นค่อยลด "

“ เอาเถอะๆ ตามสบายมึงเถอะจ้า " มันบอก " แต่กูแดกด้วยดีกว่า กูก็อยากจะกิน งั้นกูไปจองโต๊ะก่อน เอาหนังสือมึงมา "

“ เค " ผมเดินไปสั่งข้าวส่วนอีลี่ก็เดินไปจองโต๊ะ ก็โต๊ะที่ไอ้เหี้ยนั่นนั่งอยู่นั่นแหละ แล้วเสือกจองใกล้ไอ้เสือกนั่นด้วยนะ ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะแบะปากมองบน กูจะแดกข้าวไม่อร่อยก็เพราะแม่งนั่นแหละ สัด  " ป้าเอาข้าวไก่กรอบผสมหมูบดพิเศษ เหมือนเมื่อวาน "

“ ได้เลยจ้า "

“ มึง สั่งแล้วเหรอ " ไอ้ลี่เดินมาต่อคิวผมที่พยักหน้ารับมันก็เอ่ยปากสั่ง " ป้า เอาเหมือนกันค่ะ แต่ไม่พิเศษ " รับข้าวกันมาคนละจานผมชะงักไปนิดหน่อยตอนที่เห็นหนังสือของตัวเองถูกวางลงอยู่ข้างๆ ไอ้ผู้ชายคนนั้น แต่หนังสือของไอ้ลี่มันกลับวางอยู่คนละฝั่ง สงสัยจะอยากนั่งมองหน้าคนที่ชอบ แรดเกินเบอร์ไปอีกเพื่อนกู  เราวางจานข้าวลงบนโต๊ะ แต่ยังไม่ทันนั่งอีกคนก็ถามต่อ “ มึงจะกินน้ำอะไรเดี๋ยวกูไปซื้อให้ "   

“ เอาแปปซี่ดิ "

“ เค เดี๋ยวมา " คนถามเดินออกไป ผมที่กำลังตักข้าวขึ้นกินแต่เสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาจากของคนขี้เสือกคนเดิมก็ถามขึ้น

“ ไหนเมื่อวานบอกจะลดความอ้วนไง "  ชะงักมือที่กำลังจะกินก่อนจะหันไปมองต้นเสียงเสือกๆคนเดิม ที่ทำหน้านิ่งๆ

“ เสือก "

“ คำก็เสือก สองคำก็เสือก กูก็แค่ถามดีๆ เห็นเมื่อวานมึงมุ่งมั่นจะลดน้ำหนัก " คนที่กำลังพูดเว้นเสียงก่อนจะมองลงที่จานข้าวของผม " แต่ดูจากของที่มึงกินกับน้ำที่มึงสั่ง กูไม่คิดว่ามึงจะลดได้เลยวะ "

“ วันนี้กูยังไม่ลด มันก็เท่านั้น กูจะเริ่มจากการงดแค่มื้อเย็นก่อน แล้วมึงจะมาเสือกอะไรกับชีวิตของกู นั่งกินข้าวของมึงไปเถอะ " คนที่ผมพูดด้วยยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้าไปมา ท่าทางที่โคตรยียวนกวนส้นตีนของมัน " ก็ว่าทำไม มานั่งกินข้าวคนเดียว นิสัยขี้เสือกเรื่องชาวบ้านแบบมึง คงไม่มีคนคบสินะ "

“ เฮ้ย! ไอ้เรียว " เสียงที่เอ่ยขึ้นหลังจากที่ผมพูดออกไป ผู้ชายสามที่กำลังเดินเข้ามา คนที่ผมด่าไปเมื่อกี้ก็หันมามองผมก่อนจะยกยิ้ม

“ ไอ้เหี้ย " พูดออกไปแบบไม่ออกเสียง ตอนที่มองหน้ามัน หงุดหงิดชิบหายทำไมกูถึงสรรหาคำด่าอะไร มาด่ามันไม่ได้เลยวะ กูอยากจะให้มันเจ็บปวด แค้นกู อย่างที่กูแค้นแม่งที่เอาแต่เสือกเรื่องกูบ้าง แต่ทำไมแม่งไม่มีเลย หงุดหงิดเว้ยยยย

" เขิน อะ น้ำของมึง "

" ขอบใจ " รับน้ำจากไอ้ลี่ที่เดินเข้ามาให้ มันนั่งลงตรงข้ามกับผมที่ก็ก้มหน้าลงกินข้าว เพื่อนของไอ้เหี้ยเรียวเองก็เดินเข้ามานั่ง กลายเป็นว่าโต๊ะที่เรานั่งอยู่ตอนนี้อัดแน่นไปหมด

" อึดอัดชิบหาย " ผมพูดเสียงเบาๆ แต่คนที่นั่งตรงข้ามกันอย่างไอ้ลี่ ก็เบิกตาขึ้นเหมือนจะได้ยิน

" มึงว่าอะไร "

" เปล่า " ส่ายหน้าไปมา ก้มหน้าลงกินข้าวของตัวเอง ที่ก็รู้สึกไม่อยากจะกินขึ้นมาซะงั้น เพราะคำพูดของไอ้เหี้ยนั่นแท้ๆ ทำไมตัวผมถึงรู้สึกว่า ก็เพราะกินอยู่แบบนี้ไงก็เลยอ้วน แล้วถ้ากินอยู่แบบนี้เมื่อไหร่พี่ทีมจะหันมาสนใจกูละ จะรอให้เค้าเรียนจบออกไปแบบนั้นแม่งก็ไม่ทันแล้วแน่

" พวกมึงกินข้าวกันไปก่อนเดี๋ยวกูมา  " เสียงทุ้มของคนที่ชอบเสือกเรื่องของผม เอ่ยขึ้นมาก่อนจะลุกจากโต๊ะที่ตัวเองกินข้าวแล้วเดินออกไป ไอ้ลี่ที่มองตามมันไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มีความสุขกับการแค่ได้มอง

   บางทีก็คิดว่าตัวเองก็ไม่น่าจะสารภาพรักกับพี่ทีมไปเลย ตอนที่ได้แต่แอบมองเค้า ตอนนั้นมันก็มีความสุขดีมากอยู่แล้ว ไม่น่าเลย ตอนนี้แม้แต่มองก็ไม่กล้า พี่ทีมเองตอนที่เจอกันเมื่อเช้าก็เดินออกไปไม่สนใจกันเลย ทั้งๆที่เค้าเป็นคนใจดี ที่ปกติก็ชอบยืนคุยกับผมแท้ๆ

" ไอ้เขิน พี่ทีม " หันไปมองตามสายตาของเพื่อน แล้วตอนนั้นผมก็เห็นพี่ทีมกำลังเดินผ่านโต๊ะที่ผมนั่งไป เค้าไม่ได้สนใจหันมามอง อาจจะไม่ได้เห็น หรือบางทีก็คงทำเป็นไม่สนใจ ความเจ็บปวดที่ทำให้ร่างกายชาจนแทบจะไม่เคลื่อนไหว ไม่อยากจะเสียเค้าไปเลย จะเป็นได้แค่เพื่อน หรือคนรู้จักก็ได้ แต่ขอแค่ได้รอยยิ้มที่ใจดีนั่นกลับมา ขอแค่ได้สายตาที่มีผมอยู่ในนั้นบ้างไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกไหน กลับมามองกันเมื่อวันก่อนๆ ก็พอ

" เดี๋ยวกูมานะ " ไวเท่าความคิด ผมวางช้อนที่กำลังกินวิ่งตามหลังของคนที่แอบชอบมานานออกไป ปากที่ไม่กล้าเอ่ยเรียกต่อหน้าผู้คน ผมเม้มริมฝีปากไว้แน่นตอนที่พี่ทีมกำลังเดินเข้าไปในที่ในพื้นที่สูบบุหรี่ตรงข้างตึก เค้าหยิบม้วนบุหรี่ออกมา " พี่ทีมครับ "

   ใบหน้าคมที่หันมามอง นิ่งไปสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วยิ้มเซ็งๆมาให้  " ว่าไง "  ไม่น่าพูดคำนั้นออกไปเลย คำว่าชอบเค้า ยิ่งมาเห็นหน้าตาของเค้าในตอนนี้ก็ยิ่งมั่นใจ ว่าไม่น่าเลย ไม่น่าจะบอกออกไปเลย " เขิน.. มีอะไรรึเปล่า "

" ผม ขอโทษครับ " ก้มหน้าลงบอกเค้าแบบนั้น " ขอโทษที่เมื่อวานพูดตามใจตัวเองออกไปแบบนั้น เขินคงทำให้พี่ทีมลำบากใจ "

" ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก " เค้าบอกก่อนจะนั่งลงที่ขอบปูนยกสูงข้างคณะ ท่าทางที่ดูก็รู้ว่าตอนนี้เค้าก็คงเจอปัญหาเหมือนกัน พี่ทีมสุบบุหรี่เข้าไปในปอด " พี่ก็แค่โดนเพื่อนๆในห้องแซว ว่าโดนเขินมาสารภาพรัก มันก็เท่านั้น " เค้ายิ้ม " มันแย่หน่อยก็ตรงที่ มันไม่ใช่คนหน้าตาน่ารัก อย่างที่เคยเป็น ก็เลยโดนล้อว่า ตกต่ำถึงขนาดนี้แล้วเหรอ "

" ขอโทษด้วยนะครับ ที่คนอย่างผมทำให้พี่ต้องเป็นแบบนั้น " เค้าเงียบตอนที่ผมก้มหน้าลงขอโทษเค้า พี่ทีมถอนหายใจแล้วหันไปทางอื่น " แต่ว่า เขินก็รู้สึกอย่างงั้นจริงๆนะ รู้สึกอย่างที่พูดออกไป เขินชอบพี่มาก มากจนบอกไม่ได้ว่ามากแค่ไหน ชอบจนอยากจะทำทุกอย่างให้พี่กลับมาคุยกับเขินแล้วยิ้มให้เขินเหมือนเดิม เพราะงั้นพี่ทีมเขินจะลดน้ำหนักนะ " เค้าเหลือบมองผม " แต่สัญญากันได้มั้ย ว่าถ้าเขินผอม พี่จะกลับมาเป็นคุยกับเขินเหมือนเดิม ไม่ต้องคบกันก็ได้ แค่คุย แค่เราได้สนิทกันเหมือนเดิม เขินขอแค่นั้น "

" แล้วถ้าไม่ผอมละ " ผมเม้นริมฝีปากกับคำถามของเค้า " ถ้าเขินไม่ผอมพี่จะไม่คุยกับเขินเลยนะ " นิ่งไปอยู่นานกับคำพูดของอีกฝ่ายที่เสนอมา ในห้วงนึงของความรู้สึกผมคิดว่าคนที่สามารถพูดข้อตกลงแบบนี้ออกมาได้ นั่นหมายความว่าเค้าไม่ได้อยากจะอยู่ในความสัมพันธ์อะไรสักอย่างกับเราแล้ว มันคงแย่มากสำหรับเค้าที่มีคนหน้าและรูปร่างทุเรศอย่างผมไปสารภาพรัก อย่างที่เค้าบอก เค้ารู้สึกตัวเอง ตกต่ำลงแล้ว แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังอยากจะอยู่ในความสัมพันธ์นั่นอยู่ดี

" ครับ ตกลงตามนั้นก็ได้ "

   ว่ากันว่า ความรัก คือพลังความรู้สึกของมนุษย์ที่น่าพิศวงที่สุด คนเรามีความสุขเพราะรัก เสียใจก็เพราะรัก และสามารถทำได้ทุกอย่างก็เพราะรัก ผมเองก็เช่นกัน

......................................................

มีคนถามเข้ามาว่า " ใครพระเอกอะแกกกก "
คำตอบคือ ไม่บอกเฟ้ยยย อ่านเองง ฮ่าๆๆๆๆๆๆ อยากจะให้ร่วมลุ้นกับความรักครั้งนี้ไปด้วยกัน
อยากจะให้เอาใจช่วยน้องเขินลดน้ำหนักแล้วเอาไขมันไปปาใส่หน้าพี่ทีม
สุดท้ายนี้ พรุ่งนี้ลงอีกตอน  คนอ่านจะได้รู้ทิศทางของเนื้อเรื่องมากขึ้นเนอะ
ใครมีทวิตหนมฝากแท็ก #รักนี้กี่แคล ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ ขอบคุณมากค่าาา
 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เขินก็คิดได้นะ ว่าคนแบบนี้(สำหรับเรา)มันน่ารังเกียจนะ ยิ่งเขาพูดเขาแสดงออกมาแบบนี้แล้ว มันแสดงให้เราเห็นถึงสิ่งที่เขาคิดเห็นต่อสิ่งๆหนึ่งได้แย่ขนาดไหน
อยากให้เขินรักตัวเองให้มากกว่านี้หน่อย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fahdekkom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
คนอย่างทีมอย่าไปเอาเลยเขิน
หันมาสนใจเรียวดีกว่า เราว่ารายนั้นต้องแอบชอบอยู่แน่ๆ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เขินยังตัดทีมไม่ขาดนิ ตัดทิ้งไปเลยคนนี้ เลือกคนอื่นเถอะ  :กอด1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เออเนาะ คนมันรักอะ ทำได้ทุกอย่าง ยอมแม้ถูกว่ามาขนาดนี้
เขินเอ้ย คนเตือนดีๆ ไม่ชอบ ชอบคนด่า

เรียวเป็นคนนั้นใช่ไหม คนที่สุดท้ายแล้ว เขินจะสยบ

ทีมแย่นะ แค่หน้าตาดี ก็เลือกได้ ว่างั้น

ออฟไลน์ iamtsubame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คือ....หวังเป็นอย่างยิ่งว่า พระเอกจะไม่ใช่พี่ทีม :call:
เขิน มึงจะหน้ามืดตามัวอะไรขนาดนั้นวะ คนจิตใจต่ำทรามขนาดนั้นมึงยังชอบอะไรในตัวมัน!!! :m31:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-12-2017 02:10:09 โดย iamtsubame »

ออฟไลน์ wonwon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เรียวเป็นพระเอกแน่ๆ  อยาก :z6: ทีมจริงๆ นึกว่าหล่อจะพูดทำร้ายจิตใจใครก็ได้เหรองัย

น้องเขินเลิกชอบมันไปเหอะ  ถ้าผอมแล้วก็เมินมันซะ ขอ :beat: ทีมอีกที เพื่อนก็นิสัยเหมือนกันเลยทั้งฝูง

รีบๆผอมนะคะ สู้ๆ  (รอวันน้องเขินผอม น่ารัก)


ปล.เรื่องนี้เป็นแนวที่ชอบเลยคะ รออ่านต่อนะคะ ^^

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
น่าจะเลือกเรียวนะ ทีมนี่ผ่านๆไปเถอะ ไหนคบคนที่อื่นไงไม่ใช่หน้าตา

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

ความรักทำให้คนโง่เป็นเรื่องจริงสำหรับเขิน
กับคนอื่นๆด่าได้ กับคนนิสัยเลวมองแต่ภายนอกแบบทีม พูดแบบนี้ก็ควรจะมองออกว่าสตอไหม

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27

Be my chubby รักนี้ กี่แคล
    ตอนที่ 3

“ น่าสมเพช " ผมพูดกับตัวเองตอนที่ยืนฟังการสนทนาของผู้ชายสองคนที่ก็จำเสียงได้ดีเพราะมันไม่ต่างอะไรไปจากเมื่อวานเลย เรื่องราวที่เกิดขั้นนั้นก็ไม่ต่างกันด้วย ผมเองก็ยืนสูบหรี่อยู่ตรงนี้ ได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นเหมือนกันกับเมื่อวาน

   เรื่องราวของผู้ชายคนนึงที่แอบหลงรักใครสักคน เค้าที่ใช้ความกล้าเข้ามาสารภาพความจริงนั้น แต่น่าเศร้า ที่มันไม่สำเร็จแต่ที่แย่ไปกว่านั้น คือคำยกยอตัวเองว่าอยู่สูงเหนือกว่าคนชนชั้นล่างที่ไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาดีเหมือนกับตัวเอง แล้วที่เหี้ยคือ คนฟังก็รู้สึกว่า มันจริงอย่างงั้น

   คนอ้วนไม่ผิด แต่ผิดที่คนประเทศนี้ยึดว่า อ้วนคือไม่ดี คนผอมคือดี ค่านิยมที่ลดคุณค่าความเป็นตัวเอง ทั้งๆที่เป็นคนชอบกินแต่กลับไม่ได้กินเพราะกลัวอ้วน กลัวสายตาทางสังคมที่มองมา กลัวการล้อเลียนเหยียดหยามจากคนอื่นๆ เป็นประเทศที่มองรูปลักษณ์ภายนอกสำคัญกว่าสิ่งที่อยู่ภายใน ตัวผมเองก็เคยรู้สึกแบบนั้น เมื่อก่อนก็รู้สึกว่าหน้าตาตัวเองไม่ได้มีอะไรดี ผิวสองสีที่ไม่ได้ดูขาวอย่างที่ใครๆชอบ หลายครั้งตั้งแต่เด็กก็ถูกเหยียดหยาบว่า เป็นนายแบบแบบนี้ได้เพราะอานิสงส์ของแม่ที่เป็นนางแบบ ลำพังหน้าตาแบบนี้ก็คงไม่มีใครรับหรอก เพราะไม่ได้หล่อแบบพิมพ์นิยมอย่างที่คนไทยชอบ

   แต่นั่นก็ผ่านมานานแล้วละ ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ในการทำงานทุกคนยอมรับผม แต่กว่าที่เค้าจะยอมรับ ผมก็ต้องอดทนกับเสียงน่ารำคาญเหล่านั้น แต่ว่าเสียงนั่นมันไม่ได้จากคนที่ผมรัก ต่างจากคนที่ยืนร้องไห้อยู่ในตอนนี้ ถึงจะเข้าใจยังไงก็ไม่เท่ากับสิ่งที่เจ้าตัวรู้สึกหรอก มันต้องต่างกันอยู่แล้ว

" มึงไม่คิดว่าการร้องไห้มันน่าสมเพชเหรอ " ผมเอ่ยถามอีกคนออกไป ใบหน้าอ้วนกลมที่แดงจัดเพราะกำลังร้องไห้หันมามองผม ด้วยแววตาโกรธๆ ผู้ชายคนนั้นหายไปแล้ว เหลือแค่มันที่ยืนนิ่งไม่ไปไหน " หยุดร้องไห้ได้แล้วมึงไม่ได้ดูน่าสงสารหรอก "

" เสือก " คำนี้อีกแล้ว เราคุยกันครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม และผมก็ได้ยินมันทั้งสามครั้ง  " แล้วทำไม มันต้องเป็นมึงที่มาได้ยินเรื่องแบบนี้ของกูด้วยวะ หรือว่ามึงตั้งใจจะมาล้อกู "

" อย่าสำคัญตัวเองผิด " ผมบอก " ตั้งสติหน่อย กูมายืนตรงนี้ก่อนมึงนะ มึงเถอะ เป็นเหี้ยอะไร ทำไมต้องมาสารภาพตอนกูสูบบุหรี่ตลอด ทำไม ? มึงอยากจะให้กูสงสารเหรอ "

" ไม่มีทาง กูไม่รู้จักมึงด้วยซ้ำ จะอยากจะทำให้มึงสงสารทำไม อย่ามาสำคัญตัวผิด " หันมาเถียงแบบคนไม่ยอมใคร พื้นฐานมันก็คงเป็นคนแบบนี้ แต่ก็แปลกทำไมมันไม่ด่ากลับไอ้เชี้ยนั่นไปสักที ความรักแม่งเปลี่ยนสิ่งที่ต้องทำเป็นไม่ต้องทำได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ

" หึ " ยกยิ้มมองมันที่กำลังทำหน้าโกรธใส่ผม ฝ่ามืออวบๆยกขึ้นปากน้ำตาที่แก้มแดงๆของตัวเอง เป็นคนผิวขาวที่สุขภาพดีจากการกินโดยแท้ แก้มแดงๆที่ไม่ต้องปัด ใบหน้ากลมที่ดึงทุกอย่างในใบหน้าให้ออกไปทางข้าง ไม่ว่าจะเป็นตาหรือจมูก คิดว่าถ้ามันผอมขึ้นมา มันคงกลายเป็นคนน่ารักอีกคนนึงแน่นอน แล้วผมก็รู้สึก อยากจะเห็นมันในวันนั้นชะมัด

" คอยดูนะ สักวัน กูจะต้องผอมให้ได้เลย " มันพูดกับตัวเองเสียงหนักแน่นอีกครั้ง แล้วในตอนที่กำลังจะเดินออกไป ผมก็จับข้อมือมันไว้ " อะไร " หน้าตาไม่สบอาหารณ์กับเสียงโกรธๆ หันมามองผม

" กูช่วยมั้ย จะเป็นเทรนเนอร์ให้มึง "

" ห๊า ? “ มันอ้าปากค้างแบบงงๆ ผมก็ยักคิ้ว " เรื่องอะไร ไม่จำเป็น กูทำเองได้ "

" งั้นเหรอ "

" แล้วมึงจะมาช่วยกูทำไม เราเป็นอะไรกัน " ผมนิ่งคิด ก็จริงอย่างที่มันพูด มันก็แปลกที่ผมจะเข้าไปช่วยมันแบบนี้ ยิ่งบอกว่าอยากจะเห็นตอนมันผอม อยากรู้ว่าจะน่ารักอย่างที่คิดมั้ย นั่นก็คงเป็นคำตอบที่ดู ยิ่งแปลกกันไปใหญ่

" สงสารแล้วก็สมเพช ก็เลยอยากจะช่วย ทำให้มึงผอมจริงๆ "

" หึ คำว่าสมเพช ไม่ใช่คำพูดของคนอยากจะช่วยหรอก มึงก็แค่จะกวนตีนกูแล้วก็ชอบเสือกเรื่องชาวบ้าน มันก็เท่านั้นแหละ " มันที่สะบัดมือออกจากมือของผม

" ถ้าจะเปลี่ยนใจก็บอกแล้วกัน "

" ไม่มีทาง! “ เสียงที่ตอบกลับมา ก่อนจะเดินออกไป ในตอนนั้นผมยกยิ้มกับตัวเอง  ก็จริงอย่างที่มันบอก คำที่พูดออกมาว่า ' สมเพช ' ไม่น่าจะใช่คำที่คนอยากจะช่วยเค้าพูดกันหรอก

" มึงลดเองไม่ได้แน่ไอ้อ้วน " แล้วกูที่อยากเห็นไอ้ผู้ชายคนนั้นมันกลับใจมาชอบมึง ต้องทำยังไงวะ ถ้ากูอยากจะเล่นเกมส์นี้แต่คนในเกมส์ลงไม่ครบโดยเฉพาะตัวหลัก แม่งก็ไม่เป็นเกมส์สิวะ " เซ็งชิบหาย คิดว่าจะได้มีอะไรทำอะไรสนุกๆสักหน่อย " 

.................................................................

“ อีเขิน ! มึงหายไปไหนมา! “ เสียงไอ้ลี่ตะโกนขึ้นตอนที่เห็นผมนั่งลงตรงหน้ามัน ถอนหายใจมองจานข้าวที่ยังเหลืออยู่ ผมเงยหน้าบอก

“ ไปเรียนกันเถอะ "

“ แล้วมึงไม่แดกแล้วรึไง " มันถามหน้างงๆ ผมก็ส่ายหน้า

“ ไม่อะ อิ่มละ "  ลุกขึ้นจากที่นั่งอีกครั้ง ผมตั้งใจจะลดน้ำหนักตั้งแต่วินาทีนี้แหละ แล้วก็จะไม่ต้องพึ่งพาใครมาช่วยด้วย ผมจะลดด้วยตัวเอง แล้วก็จะทำให้สำเร็จให้ได้!

   เข้าไปเรียนคาบเย็นที่เป็นคาบสุดท้ายของวันนี้ ก่อนจะขึ้นรถของตัวเองแล้วขับออกมาจากมหาลัยโดยที่ไม่แวะไปที่สหกรณ์เพื่อซื้อขนมเหมือนอย่างปกติ แล้วในตอนที่กำลังติดไฟแดงอยู่นั้น

“ หิววะ " ผมพูดกับตัวเองตอนที่มองหาขนมในรถ ที่คิดว่าคงเหลือไว้บ้างแต่ก็ไม่มีอะไรสักอย่าง " เออวะ เมื่อวานกูกินหมดแล้วเพราะตั้งใจจะลดความอ้วนนี่หว่า " บอกกับตัวเองแบบนั้นก่อนจะถอนหายใจ " สัด เสือกหิวอะไรขึ้นมาตอนนี้วะ " เหลือบมองไปรอบๆตอนที่ติดไฟแดง จำได้ว่าขับออกไปอีกหน่อยจะเจอเข้ากับร้านสะดวกซื้อร้าน แต่ผมก็ฝืน " ไม่ๆ กูจะไม่กิน กูจะอดทน จะไม่กิน กูต้องผอม "

   ขับรถผ่านเซเว่นแรกไปโดยไม่แวะกลับไปมอง ขับต่อไปเรื่อยๆท้องก็เริ่มร้อง ตอนแรกคิดว่ามันเป็นเพราะความอยาก เพราะผมกินขนมตอนขับรถทุกวัน แต่พอเริ่มปวดท้องมาขึ้นก็ค้นพบว่า มันไม่น่าจะใช่แค่ความอยากแล้วละ 

" เอาวะ ในเซเว่นมันต้องมีอะไรผอมๆ แดกบ้างละ " ในที่สุดก็ตัดสินใจแวะจอดที่เซเว่นที่สอง ผมเดินตรงเข้าไปตอนที่เห็นข้าวผัดไข่กับไก่สูตรเกาหลี กลืนน้ำลายลงไปในท้องก่อนจะเหลือบไปกินอย่างอื่น " ไม่เขิน มึงต้องผอม และต้องตั้งสติก่อนซื้อนะ "

   หยิบถั่วขึ้นมาจากในชั้นทั้งๆที่ไม่ได้อยากจะกิน ก่อนจะเหลือบไปมองเลย์ห่อสีเหลืองแล้วป๊อกกี้สีชมพู " แต่ว่าวันนี้กูก็ไม่ได้ลดมาทั้งวันแล้ว ก็แดกๆ ไปเถอะ ค่อยลดพรุ่งนี้ " และพอคิดได้แบบนั้น วินาทีถัดมาผมก็เดินไปหยิบตะกร้ามาหยิบขนมที่อยากจะกินทุกอย่างลงในนั้น ลืมไปหมดเลยคำพูดดูถูกและคำสัญญาของพี่ทีม หรือแม้แต่เสียงลอยมาของไอ้เรียวคนขี้เสือกที่บอกว่า ' แดกแบบนี้เมื่อไหร่จะผอม ' แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันครับ ที่ผมแพ้ให้กับตัวเอง

   ทั้งข้าวผัดไก่เกาหลี เลย์ห่อใหญ่ไซส์ครอบครัว หรือแม้แต่ป๊อกกี้ก็หมดไปแล้ว ผมที่นั่งดูดน้ำแป๊ปซี่ในแก้วของตัวเองจนหมด ตักน้ำแข็งขึ้นมาเคี้ยวก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปในบ้าน จอดที่ลานจอนรถเรียบร้อย ตอนที่เดินเข้าไปข้างในบ้านและกำลังจะผ่านในครัว

" เขิน มากินข้าวสิ วันนี้แม่ทำหมูตุ๋นหม้อไฟ ไข่เจียวหมูสับ แล้วก็กุ้งผัดพริกเอาไว้ เมื่อวานแม่ดูวิธีทำมาจากในเน็ตดูน่ากินมากเลย " แม่ของผมที่เอ่ยทักขึ้นมา รูปร่างอวบที่ดูคล่องแคล่วของเธอ แม่ใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วกำลังตักข้าวใส่จาน รอทุกคนลงมากิน กลิ่นหอมๆของอาหารบวกกับหน้าตาที่น่ากินของมัน ผมถอนหายใจออกมา " เมื่อกี้อายมาชิมมันบอกว่าอร่อยมาก เขินมานั่งๆ แม่จะไปเรียก อายกับป๊ามากินด้วย " เธอบอกก่อนจะยิ้ม

" แต่ว่า.." คือ ผมกินมาแล้วไงแม่ อิ่มมากแล้วด้วย มันก็น่ากินอยู่หรอก แต่อิ่มไง อิ่มมากด้วย แม่จะเข้าใจมั้ย

" หรือว่า เขินลดน้ำหนัก " เธอถาม ก่อนจะเอียงหน้ามอง " จะไม่กินเหรอ แม่ลงครัวเองเลยนะ "

" กินก็กิน แต่แค่นิดเดียวนะ "

" ให้มันได้อย่างงั้น พ่อลูกชาย เอาไปเลย " ข้าวพูนชามถูกส่งมาให้สมเป็นแม่ของผมจริงๆ เวลาที่แม่ลงครัวเป็นอะไรที่ต้องกินครับ เป็นไฟท์บังคับเพราะแม่ไม่ค่อยทำ เวลาทำขึ้นมาก็เลยต้องกินเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ พ่อผมบอกไว้แบบนั้น " กินเถอะเชื่อแม่ กินเยอะๆ พรุ่งนี้ค่อยลด "

" เขินจะไม่ผอมก็เพราะแม่นั่นแหละ " บ่นออกมาแบบนั้นก่อนจะตักหมูตุ๋นหม้อไฟขึ้นมากิน เป็นเนื้อชิ้นกระดูดอ่อนที่พอกินเข้าไปคำแรกผมก็ตาโตขึ้นมา " อร่อยอะแม่ " แล้วดูท่าว่าข้าวพูนชามที่ได้มา อาจจะต้องเพิ่มก็เป็นได้

   ตื่นเช้าขึ้นมาด้วยความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักวันนี้เป็นวันแรก ผมหยิบน้ำขึ้นมากินหนึ่งขวดเต็มๆก่อนจะนอนลงแล้วนวดท้องไปมาเหมือนทุกวัน เป็นวิธีที่ทำให้ตัวผมถ่ายในทุกเช้า หลับตาลงแล้วคิดถึงหมูตุ๋นหม้อไฟเมื่อคืนที่กินเข้าไป เป็นอะไรที่อร่อยมาก เนื้อแดงนุ่มกำลังดี กระดูกอ่อนก็กรุบๆกรอบๆ

" อยากกินอีกวะ " พูดกับตัวเองแบบนั้นก่อนจะส่ายหน้าไปมาสลัดความคิดของตัวเอง แล้วพูดออกมาเสียงดัง " ไม่! วันนี้กูจะลดความอ้วน กูจะจริงจัง!! กูจะผอม "

   เดินลงมาชั้นล่างของบ้าน กลิ่นหอมๆของข้าวต้มปลาก็ลอยมาเตะจมูก สูดกลิ่นความน่ากินนั่นเข้าไปจนเต็มปอดก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ เขินนน มากินข้าวต้มปลาลูก มา " แม่เอ่ยเรียกผม ตอนที่กำลังจะเดินผ่านห้องครัวของบ้านไป ส่ายหน้าให้เธอก่อนจะบอก

" เขินจะไดเอทตามสูตรอะแม่ ไม่กินนะ อาทิตย์นึงเลย "

" ไดเอทตามสูตรแล้วเค้าไม่ให้กินข้าวเช้าเหรอ " เธอถามต่อ ด้วยสายตาเป็นห่วง " แบบนั้นไม่ได้นะ ข้าวเช้าสำคัญนะเขิน "
" กิน แต่เค้าให้กินอย่างอื่นแทนอะ "

" แล้วเค้าให้กินอะไร " คำถามที่ทำให้ผมนิ่ง แต่เจ๊อายก็เป็นคนตอบขึ้นมาแทน

" กินโยเกิร์ต ถ้วยนึง "

" ห๊า ? แล้วมันจะไปอิ่มอะไร โยเกิร์ตถ้วยเดียว มากินข้าวดีกว่ามา อร่อยนะลูก " กวักมือเรียกให้เค้าไปหา ผมก็ส่ายหน้าไปมา
" ไม่อะแม่ ไม่กิน " วิ่งหนีออกไปจากบ้านหลังจากพูดคำนั้นจบ ปลดล็อครถของตัวเองตอนที่เข้าไปนั่งผมสูดลมหายใจเข้าไปในปอด เค้าบอกว่าการเริ่มต้นช่วงสามวันแรก เป็นอะไรที่ยากที่สุด ถ้าเราผ่านไปได้ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว เพราะงั้นผมจะต้องผ่านมันไปให้ได้

   จอดรถที่ลานจอด ผมแวะซื้อโยเกิร์ตในสหกรณ์กับน้ำ อ่านมาในเน็ตเค้าบอกว่าให้กินน้ำสองแก้วก่อนจะกินอาหารทุกมื้อจะช่วยให้อิ่มแล้วอยู่ท้อง นั่งลงที่โต๊ะหน้าคณะที่ว่างอยู่แกะน้ำออกมากินเป็นอย่างแรก แต่ยังไม่ทันหมดขวดก็อิ่มแล้ว

" ท่าทางจะได้ผลวะ "

" เชี้ยเขินนนน " เสียงที่ดังมาของไอ้ลี่เอ่ยทักผม ก่อนจะนั่งลงข้างๆ " ทำไมวันนี้มึงมาเร็วจังวะ ปกติกูเห็นมาหลังกู "

" วันนี้ไม่ได้แดกข้าวที่บ้านไง " ผมบอกก่อนจะเปิดโยเกิร์ตขึ้นกิน

" นี่ทำตามสูตรแล้วสินะ "

" ใช่ " พยักหน้ารับมัน ไอ้ลี่ก็ท้าวคางมองผมที่นั่งกินโยเกิร์ต

" สู้ๆนะมึง กูขอให้มึงผอมเร็วๆ เป็นกำลังใจให้ "

" ทำไมหน้าตามึงดูไม่ค่อยมั่นใจเลยวะ ว่ากูจะทำได้ "

" แหมมม มึงมันก็ยากนะ มึงลองคิดดูว่า ปกติมึงกินเยอะแค่ไหน แล้วจะให้กินแค่นี้แบบฉับพลัน  มันก็ยากนะเว้ย ทำไมมึงไม่ลองแบบค่อยๆ ทำวะ "

“ กูอยากจะผอมเร็วๆไง "

“ แต่กว่าจะอ้วน ยังใช้เวลาเลย กว่าจะผอมมันก็ต้องใช้เวลานะเว้ยไอ้เขิน มึงไม่ลองออกกำลังกายอะ "

“ ไม่เอาอะ กูจะเอาเวลาที่ไหนไปออกวะ " ผมบอกอีกคนที่ก็ถอนหายใจออกมา " มึงลองคิดดูว่า กูกลับถึงบ้านก็เย็นแล้ว ไหนจะมีการบ้าน รายงานอีกอะ บางทีก็ต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน "

   พ่อแม่ของผมท่านเปิดบริษัทออแกไนซ์ครับ พวกรับจัดงาน เป็นบริษัทขนาดเล็กที่ได้รับการยอมรับในระดับนึง ซึ่งคนที่ต้องรับช่วงต่อก็คือผม แน่นอน ไม่ใช่เจ๊อายที่ตอนนี้ก็ทุ่มเทให้กับการเรียนหมอฟันเต็มที่ เพราะงั้นพ่อกับแม่ก็ให้ผมไปช่วยงานท่านบ่อยๆ เหมือนเป็นการเรียนรู้ไปด้วยในตัว แต่ผมก็ชอบนะ มันสนุกดี ซึ่งแน่นอนว่าเวลาชีวิตในหนึ่งวันของผม บางทีก็เต็มอย่างไม่ต้องสงสัย ครั้นจะให้ไปออกกำลังกายอีก ก็คงเป็นไปไม่ได้ครับ ขี้เกียจด้วยละ ขอลดความอ้วนด้วยการคุมอาหารอย่างเดียวดีกว่า

" ซื้อเครื่องวิ่งดิ วิ่งสักแบบ ก่อนออกมาเรียน 30 นาที กลับบ้านไป 30 นาที ผอมแบบเฟิร์มๆไงมึง "

" ขอตังค์หน่อย " ยื่นมือไปหามัน ไอ้ลี่ก็ตีเข้าที่มือ ผมก็หลุดหัวเราะ " เอาไว้ให้กูลดลงไปสัก 10 กิโลแล้วก็จะซื้อละกัน "

" เออ ก็ดีจะได้ไม่ต้องเปลืองเงิน เอาไว้ให้จริงจังจริงๆ ก็ค่อยซื้อ "

" แต่นี่กูก็จริงจังนะเว้ยย " ผมบอกมัน อีกคนก็พยักหน้ารับ แบบไม่ค่อยเชื่อใจผมเท่าไหร่

" จ้่าๆ แล้วเที่ยงนี้มึงจะกินอะไร "

" ไข่ต้ม สองฟอง ตามสูตร "

" แล้วจะไปหามาจากไหนวะ "

" เซเว่นไงมึง เซเว่นมีทุกอย่าง "

" เออ จริงด้วย เคๆ แล้วแบบนี้มึงจะไปแดกข้าวกับกูมั้ย "

" แดกสิวะ เดี๋ยวกูซื้อไข่ต้มมานั่งกินกับมึง "

" กูกลัวมึงตะบะแตกอะดิ งั้นกูจะส้มตำแล้วกันวันนี้ มึงจะได้ไม่โหยหาข้าวป้า "

" เป็นคนดี รักเพื่อน " ผมบอกก่อนจะยื่นมือไปตบไหล่มัน " ขอให้ความดีนี้จงทำให้มึงมีเงินแล้วไปบินไปศัลยกรรมที่เกาหลีได้สักทีนะ "

" จ้า อีดอกกกก " มันย้ำเสียงใส่ผม ก่อนที่เราจะหัวเราะกันออกมาเสียงดัง

   ............................................................

   ชั่วโมงแรกของการเรียนหมดไป ผมนั่งมองนาฬิกาทุกสิบวิ เพื่อดูว่าเมื่อไหร่มันจะถึงเที่ยง ผมกินน้ำเข้าไปจนหมดขวดจนตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว ท้องที่เริ่มว่างเปล่า อาการมือชาแปลกๆ ก็ตามมา หนำซ้ำผมยังรู้สึก ปวดท้อง

“ เป็นอะไรของมึงวะ ไอ้เขิน นั่งบิดอยู่นั่นอะ "

“ ลี่ กูปวดท้องวะ " ผมบอกก่อนจะเม้มริมฝีปากมองเพื่อนตัวเอง " คงเพราะกูกินน้อยไปมั้ง "

“ ชิบหายละ เห็นมั้ยบอกแล้วว่ามันโหดไป " ไอ้ลี่ถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปเหลือบมองอาจารย์ที่หน้าห้อง " แล้วเอาไง แต่นี่มันเพิ่งสิบโมงเองนะ ยังไม่ถึงเวลากินของมึงไม่ใช่เหรอ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับ " กูทนได้ ไม่เป็นไร แต่ขอน้ำมึงกินหน่อย "

“ เค " ยื่นน้ำของตัวเองมาให้ " เอาไป แดกไปจะได้หายหิว "

“ ขอบใจมึง " นั่งกินน้ำเข้าไปจนเกือบหมด แต่ไม่ว่ายังไงการกินน้ำมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรผมเท่าไหร่ ความปวดท้องยังอยู่หนำซ้ำยังแทรกด้วยความจุกน้ำที่กินเข้าไปอีกตังหาก

" เป็นยังไงบ้าง หายปวดมั้ย "

" ไม่หายวะ "

" กูว่าเที่ยงนี้กินข้าวเถอะ เดี๋ยวเป็นกระเพาะแล้วจะเรื่องใหญ่ "

" ไม่ๆ กูไหว กูต้องทำให้ผ่านสองวันแรกไปให้ได้ ผ่านสองวันแรกก็สบายๆแล้วมึง วันที่สามให้แดก เกาเหลาได้ "

   เลิกคลาสด้วยความทรมานอย่างที่สุด ท้องที่เหมือนไม่มีอะไรของผม หอบหิ้วตัวเองออกจากห้องเรียนเหมือนคนหมดแรง ลงลิฟต์ไปชั้นล่างตึกด้วยยาดมที่ไอ้ลี่ยื่นมาให้ด้วยความเป็นห่วง

" มึงนั่งนี่เถอะ เดี๋ยวกูไปซื้อมาให้ มึงไม่ได้แดกอะไรเลยแบบนี้ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไป " ลี่เชิดหน้าไปที่โต๊ะนั่งที่ใกล้ทางออกของมหาลัย ผมพยักหน้ารับ " แล้วมึงจะเอาอะไรบ้าง น้ำหวานหน่อยมั้ยจะได้มีแรง กูจะซื้อจากหน้าม.มาให้ บอกเค้าว่า หวานนิดเดียว "

" ไม่เอาอะ เอาแค่น้ำเปล่า ขวดใหญ่เลยนะ กับ ไข่ต้มสองฟอง เอามาแค่นั้นพอ "

" แต่มึง.."

" กูอยากจะทำให้มันสำเร็จจริงๆ " เงยหน้าบอกไอ้ลี่ที่มีสีหน้ากังวล มันถอนหายใจออกมา " มึงช่วยไปซื้อให้หน่อยเถอะ "

" แต่การลดน้ำหนักไม่ใช่การทรมานร่างกายนะเว้ย แค่มึงกินน้อยลงจากเดิม มันก็ลดลงแล้วเชื่อกูสิ "

" เอาน่า มึงอย่ามัวแต่บ่น ไปซื้อได้แล้ว กูหิวว "

" เออๆ รอแปป " ในเมื่อพูดไปก็เท่านั้น ไอ้ลี่ก็เลยตัดสินใจเดินออกไป ผมหยิบน้ำขึ้นมากินอีกครั้ง กุมท้องตัวเองไว้ด้วยความปวด แบบทรมานอย่างที่ไม่เคยพบไม่เคยเจอมาก่อน นี่แหละเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตลอดมาผมถึงไม่คิดจะลดน้ำหนักเลย ความรู้สึกทรมานแบบนี้ ผมรู้สึกว่า การกินคงเป็นวิถีทางที่ดีกว่า

“ ปวดท้องชะมัด " พูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าลงนอนบนกระเป๋าผ้าของตัวเอง สายตาที่มองไปที่หน้าประตูมหาลัย ผมมองอยู่แบบนั้นเป็นยี่สิบนาทีก่อนที่เพื่อนสาวคนสนิทจะเดินเข้าไปมาด้วยถุงอาหารแบบพะรุงพะรัง

“ มึงงง จะตายยัง กูมาแล้ว " มองถุงทั้งหมดลงบนโต๊ะ ผมหยิบน้ำมาดื่มเป็นอย่างแรก " นี่กูซื้อของที่ไม่อ้วนในเซเว่นมาให้มึงเลยนะ มีอกไก่นุ่มด้วย เผื่อมึงกินไข่ต้มแล้วไม่อิ่ม "

" แล้วมึงจะซื้อมาทำไมมมมมมม " ผมลากเสียงยาวก่อนจะถอนหายใจ " มึงซื้อมา กูก็อยากจะแดกสิวะ "

" มันไม่อ้วนหรอก มันเป็นของลดความอ้วน มึงกินเข้าไปเถอะน่า วันนี้เลิกเรียนแล้ว มึงต้องขับรถกลับบ้าน เกิดหิวจัดจนเบลอ เผลอไปขับรถชนเสาไฟฟ้า ไม่ตายห่าเหรอวะ “

“ อีลี่ มึงแช่งกูเพื่อออ “

“ พูดความจริง แดกๆ ไปเถอะ กินแค่อกไก่กับไข่สองฟองมันไม่อ้วนหรอก จะได้อิ่มๆด้วยไง นี่ซื้อถั่วมาให้ด้วย มึงจะได้เคี้ยวๆ เพลินๆ "  มันว่าก่อนจถอนหายใจออกมา ลี่ดึงจานข้าวสีดำของตัวเองขึ้นมาจากถุง ผมมองจานข้าวมันก่อนจะกลืนน้ำลาย มันเป็นข้าวเซเว่นที่ผมโคตรชอบครับ ข้าวผัดไข่ไก่เกาหลี วินาทีที่มันตักไก่เกาหลีคลุกข้าว พร้อมด้วยควันอุ่นๆที่พุ่งขึ้นมา ผมกลืนน้ำลายอีกครั้ง

" เปิดอกไก่แดกเถอะมึง " ไอ้ลี่ยื่นให้พลางเปิดให้เสร็จสรรพ " อร่อยนะ รสชาติไม่แย่หรอก กูเคยกิน "

" อื้ม " ตอบมันเสียงเบาๆ ก่อนจะสูดกลิ่นอาหารที่อยากจะกินเข้าไปในปอดแล้วคิดว่าตัวเองได้กินมันคนเดียวทั้งหมด ก่อนจะพูดในใจ กูต้องผอม กูต้องผอมให้ได้ " หน้าตาน่ากินดีนะมึง "

“ หมายถึงอกไก่ ? “

“ อื้ม " พยักหน้ารับก่อนจะกินเข้าไป รสชาติไม่ได้แย่เลยครับ อร่อยมากเลยด้วย ผมกินเข้าไปเข้าไปจนหมด ก่อนจะตอกไข่ต้มกินตามเข้าไป อีกสองฟอง พร้อมกับน้ำเปล่า

“ โอ้โหหหหหห ลดน้ำหนักเหรอจ๊ะ น้องเขิน " เสียงที่ทำให้มือที่กำลังกินไข่ต้มของผมอยู่ชะงัก เงยหน้าขึ้นไปมองก็เจอพี่ล๊อคที่เดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะนั่งลงร่วมโต๊ะกับเราแบบไม่มีใครเชิญ ผมมองไปรอบๆแต่ว่ากลับไม่เจอพี่ทีม " ไอ้ทีม มันไม่ได้เดินตามหรอก มันเห็นมึงนั่งอยู่ มันก็เดินออกไปอีกทางละ "

“ ไหงงั้นวะ " ไอ้ลี่พูดขึ้น " ทำไมพี่ทีมต้องหลบหน้าไอ้เขินขนาดนั้น "

“ พอดีมากับเพื่อนกลุ่มใหญ่อะ ว่าจะไปกินส้มตำกันหน้ามหาลัย ถ้าเดินมาเจอมึง มันก็แซวไอ้ทีมกันดิวะ "

“ แซวว่า ? “ ผมถาม อีกคนก็ยกยิ้ม

“ มึงอยากฟังเหรอ " เค้ายกคิ้วถาม " นั่นไง ไอ้อ้วนที่มาสารภาพรักกับมึง ไม่ก็ ไอ้อ้วนอยู่นั่นไงไอ้ทีม ว่าไงจ๊ะ มาสารภาพรักกับพี่ทีมอีกทีมั้ย อ้วนนนนน อะไรแบบนี้ "

“ ทุเรศ " ไอ้ลี่บอก " แค่อ้วนเองนะเว้ย ไม่ได้มีอะไรผิดไปมากกว่านี้เลย มันร้ายแรงมากเลยเหรอวะ ถึงทำให้เพื่อนๆพี่ มองดูไอ้เขินเป็นตัวตลกขนาดนี้ พี่ทีมถึงขั้นอายมันขนาดนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่น่าอายเลย คนเราแค่หลงรักใครสักคนมันผิดมากเหรอวะ "

“ คนที่เค้าหน้าตาดีมาตั้งแต่เกิด เจอแต่คนสวยๆ หน้าตาน่ารัก สารภาพรักมาทั้งชีวิต คนที่จะดูตัวเองก่อนว่าอาจจะมีโอกาสที่เค้าจะตอบรับ ไม่ใช่คนที่ไม่ได้แคร์อะไร แล้วก็ไปสารภาพ มึงก็ต้องเข้าใจไอ้ทีมมันด้วยนะ มันไม่เคย ก็ไม่แปลกที่มันจะอาย ยิ่งมาโดนเพื่อนล้อแบบนี้อีก ทุกอย่างก็ยิ่งแย่ "

“ อื้ม เข้าใจ " ผมบอก ไอ้ลี่ที่เตรียมเถียงก็ถอนหายใจ

“ พี่ทีมคงเกลียดผมไปแล้วละ ไม่น่าเลย ผมไม่น่าพูดออกไปเลย " ก้มหน้าลงมองไข่ต้มที่กำลังจะกิน ผมยัดมันเข้าไปอีกคำ ก่อนจะเคี้ยว

“ กูได้ข่าวว่ามึงไปท้ากับไอ้ทีมว่า ถ้ามึงลดน้ำหนักได้จนผอม มึงจะขอกลับไปคุยกับมันเหมือนเดิม แต่ถ้าไม่ผอม มึงจะไม่คุยกับมันอีก "

“ อื้ม ใช่ " พยักหน้ารับอีกคน ไอ้พี่ล๊อคก็ยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืน

“ เอาชาตินี้แล้วกันนะ อย่าให้นานเกินละมึง "  ยักคิ้วให้อีกครั้งเค้าที่เดินไป ไอ้ลี่ก็มองตาม

“ ปากหมาไอ้สัด มึงแม่งก็ยอม จริงจริ๊งงงงงงงง กับพี่ทีม น่าจะด่ากลับไปแบบปกติที่เคยด่า ความปากแรงหายไปไหนหมด "

“ เค้าก็พูดจริงของเค้า จะให้กูด่าอะไร " กินไข่ต้มเข้าไปคำสุดท้ายก่อนจะดูดน้ำเปล่าตามเข้าไป

   มันจริงอย่างที่พี่ล็อคบอก ผมทำให้พี่ทีมต้องอายเพื่อน ต้องทนฟังคำล้อ จากการที่คนอย่างผมไปสารภาพรัก เป็นคนอ้วนๆ ที่ก็ไม่ได้เจียมตัวเองเลยสักนิด

“ แล้วเป็นไง ดีขึ้นมั้ย " ไอ้ลี่ถาม ผมก็เงยหน้ามองมันก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ดีขึ้นละ " ผมบอก " แต่ว่าไม่อิ่มวะ "

“ ฮ่าๆๆ มันก็ปกติ เปล่าวะ " อีกคนยิ้ม " ทุกวันมึงกินข้าวพิเศษ วันนี้ให้มากินแค่นี้มันจะไปอิ่มอะไรเล่า "

“ กูอยากจะกินชาเขียววะ จะไปดูชาเขียวแบบไม่หวานในสหกรณ์หน่อย มึงจะเอาไรมั้ย "

“ ไม่เอาอะ มึงไปเถอะ " พยักหน้ารับมัน ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะเดินตรงไปที่สหกรณ์ ระหว่างที่ผมเดินไป ผมรู้สึกว่ามีหลายสายตามองมาทางผม มองมาที่รูปร่างของผม หลายคนหัวเราะ แล้วชี้ชวนให้เพื่อนดูความอ้วนของผม เมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้ แต่ผมไม่เคยสนใจเลย แต่มันกลับไม่ใช่วันนี้ เงาสะท้อนของกระจกร้านที่ฉายร่างของผม

   ' เพราะอ้วนแบบนี้ แล้วก็เพราะผมน่าเกลียดแบบนี้ ก็เลยทำให้พี่ทีมต้องโดนล้อ ผมทำให้เค้าอยู่ในสารภาพนั้น ชีวิตที่มีความสุขของพี่ทีม วันนี้ผมทำให้ความสุขบางส่วนของเค้า หายไปแล้ว '

“ ขอโทษครับ " มือที่จะผลักประตู สวนทางกับคนในร้านที่กำลังจะออกมาพอดี ประตูที่ชนร่างของผมชวนให้ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอ่ยปากขอโทษ ปากที่อยากจะบอกออกไปว่าไม่เป็นไร แต่มันก็หยุดนิ่งลงเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

" ไอ้เรียว " ยักคิ้วให้ผมเป็นการทักทาย มันเดินผ่านผมออกไป แต่อยู่ๆคำพูดของมันที่พูดกับผมเมื่อวาน ก็ดังขึ้นมาในความรู้สึก ' กูช่วยมั้ย จะเป็นเทรนเนอร์ให้มึง ' 

   มองตามแผ่นหลังที่เดินออกไปในตอนนั้น ขาที่กำลังจะเดินเข้าไปในร้านของผมชะงักค้างลง ในช่วงเวลานึงผมคิดขึ้นมา บางทีมันอาจจะมีวิธีอะไรสักอย่างที่ช่วยผอมได้ก็เป็นไปได้

" ไอ้เรียว! " ไวเท่าความคิด เสียงของผมตะโกนออกไป มันดังจนเจ้าของชื่อที่เดินออกไปไกลแล้วหันกลับมา รวมถึงคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆนั่นก็ด้วย ร่างสูงหันกลับมามองผม มันที่เลิกคิ้วขึ้นมองราวกับจะถามว่ามีอะไร ผมที่ก็เดินเข้าไปใกล้ถอนหายใจมองมัน ก่อนจะเม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่น รู้สึกเซ็งตัวเองอยู่หน่อยๆ ที่กลับคำจากเมื่อวานได้รวดเร็วขนาดนี้ แต่ว่าผมก็ไม่อยากจะให้มันช้าไปมากกว่านี้อีกแล้ว  ยิ่งเริ่มต้นเร็วเท่าไหร่ ยิ่งผอมเร็วเท่านั้น เพราะฉะนั้นก็ต้องพูดออกไปแม้จะเสียหน้าเท่าไหร่ก็ตาม แล้ววินาทีนั้นก็เงยหน้ามองมันแล้วพูดออกไปด้วยเสียงมั่นใจ  " มึง..ช่วยมาเป็นเทรนเนอร์ลดน้ำหนักให้กูหน่อยจะได้มั้ย ช่วยทำให้กูผอมที  "

....................................................

อยากเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น ปฎิบัติการเปลี่ยนนายให้เป็นฟามิงโก้
รู้สึกฟามิงโก้ดูสดใสแรดๆ แบบน้องเขินดี เอ็นดูความลดน้ำหนักของน้องเค้า
ไม่เป็นไรนะลูก ถ้าหนูพยายามมันต้องผอม เอาใจช่วยน้องเขินกันนะคะ มาดูกันว่าพี่เรียวจะทำยังไง ให้เขินผอม
แต่ก่อนอื่นคือ เรียวจะรับมั้ย ฮ่าๆๆ
โอเค เจอกันตอนหน้า ในวันศุกร์หน้า
ใครมีทวิตน้องหนมฝากแท็ก #รักนี้กี่แคล ด้วยนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
เจอกันจ้า

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

สู้วววววว เราจะลดไปด้วยกัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ llmaumill

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พล็อตน่าสนุก แต่ไม่ชอบนายเอกเท่าไหร่ การพูดการจานึกว่าจะคิด จะแยกแยะได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ ก็ยังยอมให้ไอ้เหี้ยทีม โขกสับอยู่ดี ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงกลายเป็นตัวตลกได้ ทำตัวเอง ยอมด้วยตัวเองล้วนๆ

ขอชมคนเขียนเลยว่าเก่ง ทำการบ้านดี ในการจี้ปมในใจ เพราะเรานี่ก็เป็นคนนึงที่เคยอ้วนและตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับนายเอกมากก่อน ต่างกันตรงที่ว่าไม่ได้ลดน้ำหนักเพื่อผู้ชาย แต่ลดเพราะ อยากมีชีวิตอยู่นานๆ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ แต่คงของดตามก่อน เพราะหมั้นไส้ และโมโหนายเอกมาก ขอพักก่อนเนาะ สู้ๆจ้า

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ขอให้เรียวช่วย แล้วเรียวจะช่วยไหมเนี่ย เขินพูดเพราะๆ กับเรียวซิ เขาจะได้ช่วย  :hao3:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
เป็นกำลังใจให้จ้า ขอให้ผอมๆ สวยๆ แล้วเทอิคนอย่างรุ่นพี่ปากหมาหลงตัวเองซ่ะ   

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เขินเอ้ยย ไม่ไหวนะ เจอคนแซวไม่เท่าไหร่ แต่เจอคนดูถูก ก็ไม่ไหวนะ
เขินยอมเพราะจะให้ทีมหันกลับมาหรอ ชอบมากขนาดนั้นเลยหรอ

เรียวเอ้ยย งานสนุกที่ว่า ระวังเข้าตัวนะ

เขินปากไวกับทุกคน ยกเว้นทีมและเพื่อน เลยโดนว่าแบบไม่แคร์
ทีมทำตัวน่าเกลียด ล็อคก็แย่มาก

เอาใจช่วยเขินนะ พยายามเข้า แล้วถึงตอนนั้นได้มีโมเมนท์เรียวเขินแน่ ให้ทีมช้ำใจไปเลย

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
Be my chubby รักนี้ กี่แคล
    ตอนที่ 4

“ เปลี่ยนใจไวจังนะมึง " คำแรกที่มันพูดออกมาตอนที่ผมบอกออกไปแบบนั้น ถอนหายใจหลบหน้าคนที่ยิ้มล้อๆ ก่อนที่มันจะหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ หัวเราะเหี้ยอะไรของมึง น่าตลกมากรึไงไอ้สัด "

“ มันก็น่าตลกนะ " มันว่าพลางทำท่าคิด " เมื่อวานมึงยังบอกกูก็เลย ว่ากูเสือก  มึงไม่มีทาง และก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งกู นี่ผ่านมาแค่วันเดียว มึงกลับมายืนอยู่ตรงนี้ แล้วขอให้กูช่วยละ "

“ ถ้ามึงไม่อยากจะช่วยงั้นก็ไม่ต้อง ไอ้สัด ! " ถอนหายใจใส่มันตอนที่กำลังจะเดินออกไป อีกคนก็พูดขึ้น

“ กูยังไม่พูดเลย ว่าจะไม่ช่วย " หันไปเหลือบมองมันที่เอาแต่ยิ้มกวนตีนใส่ผม " กูจะช่วยนะ แต่ว่ามึงต้องทำตามกูทุกอย่าง "

“ หมายความว่าไง "
 
“ หมายความว่า มึงต้องทำตามที่กูสั่ง กูบอกให้กินอะไรก็ต้องกิน สั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ "

“ ไม่เอา เผลอมึงสั่งให้กูแดก ยาบ้า กูไม่ตายเหรอ ไอ้ห่า " ผมหันไปด่า " มึงเป็นคนแบบไหนกูยังไม่รู้เลย กูจะไว้ใจมึง กินทุกอย่าง อย่างที่มึงบอกได้ยังไง "

“ มึงเป็นบ้ารึไง "

“ ก็.. ก็รู้จะรู้รึไง เผลอมึงให้กูเอายาบ้าไปส่งให้เงี้ย มึงอาจจะเป็นคนส่งยาก็ได้นะ ทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นได้ กูก็ต้องระวังตัวเปล่าวะ พ่อแม่กูสอนมาดี " เถียงกลับไปแบบไม่ยอมแพ้ อีกฝ่ายก็เริ่มนิ่งไป มันที่จ้องผมด้วยสายตานิ่งๆ ขอบอกตามตรงเลยครับว่า แม่งเป็นสายตาที่น่ากลัวอยู่เหมือนกัน คล้ายกลับว่าจะกระโดดมาฆ่าผมตายยังไงอย่างงั้น " ก็กูผิดเหรอวะ ก็มึงแม่ง  หรือมึงเป็นคนที่กินของกินที่รับจากคนแปลกหน้ารึไง ก็ไม่ใช่ ถูกมั้ยละ กูก็ต้องระวังตัว "

" กูไม่เอาให้มึงกินหรอก เพราะมันไม่่ธุระอะไรของกู ที่ต้องจัดหาให้มึงแดก ที่กูจะบอกแล้วมึงต้องทำตามมันก็แค่ ถ้ากูบอกว่า วันนี้มึงต้องกินอะไร มึงก็แค่ไปหามา แล้วกินมันเข้าไป ตามที่กูบอก มันก็แค่นั้น แล้วถ้ากูให้ไปออกกำลังกาย มึงก็ต้องไป ให้ออกท่าไหน ก็ต้องออก "

" แต่ว่ากูไม่ชอบออกกำลังกาย "

" งั้นก็ไม่ต้องลดความอ้วน " มันบอกปัดก่อนจะหันหลังเดินออกไป แต่ทว่าผมก็คว้ามือมันไว้ได้ก่อน

" เฮ้ยๆ เดี๋ยวสิ อะไรของมึงวะ ฟังกูก่อนสิวะ ไอ้เหี้ยนี่ " อีกคนหันมามองผม มันเหลือบมองมือของผมที่จับมือมันอยู่ ผมปล่อยมือทันที " กูไม่ได้อยากจะจับนะ เป็นแค่การรั้งไม่ให้มึงไปเฉยๆ "

" ว่ามา "

" กูแค่ไม่ชอบออกกำลังกาย อีกอย่างน้ำหนักตัวกูขนาดนี้ ไปออกกำลังกายไม่ได้หรอก " มันขมวดคิ้วตอนที่ผมอ้างออกไปแบบนั้น ก่อนจะถอนหายใจตามออกมาแล้วพูดเสียงเบาๆ

“ ก็ว่าทำไมอ้วน "

“ มึงว่าอะไรนะ กูได้ยินนะไอ้สัด " คำก็อ้วนสองคำก็อ้วน คนเหี้ยอะไรโคตรย้อนแย้ง เจอกันครั้งแรกเรียกกูไอ้อ้วนแต่บอกให้รักตัวเองที่กำลังด่าว่าตัวเองอ้วน เจอกันครั้งที่สองบอกกูน่าสมเพช แต่จะมาช่วยกูลดความอ้วน ส่วนหนนี้หนที่สาม สถบว่ากูอ้วน ทั้งๆที่ก็จะเข้ามาเป็นเทรนเนอร์ช่วยลดน้ำหนัก  " มึงเป็นเทรนเนอร์แบบไหนกันไหนวะ ถึงได้ว่าคนอ้วนว่าอ้วน ปกติมันต้องให้กำลังใจกันไม่ใช่เหรอ "

" หึ.. อ้วนก็คืออ้วน อย่างแรกมึงก็ต้องยอมรับก่อนว่ามึงมันอ้วน อ้วนส่วนไหน อ้วนเพราะอะไร ก็ต้องรู้ก่อน "

" แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่มึงด่ากูอ้วน มึงด่ากูอ้วนจะทำให้กูรู้เหรอ ว่ากูอ้วนส่วนไหน อ้วนเพราะอะไร " ผมถามมันอีกคนก็นิ่ง " มันไม่เกี่ยวหรอก มึงก็แค่ปากหมา ไอ้เทรนเนอร์เซินเจิ้นเอ้ย "

" จะลด ไม่ลด " มันถามสั้นๆ เหมือนตัดคำพูดของผม ที่ก็พยักหน้ารับลงทันที

" ลด "

" แล้วนี่แดกอะไรรึยัง " มันถามก่อนจะหย่อนตัวเองลงนั่งลงตรงท้ายรถกระบะของมหาวิทยาลัย ผมที่ยืนมองมันอยู่ตรงนี้บอกได้คำเดียวเลยว่า จริงๆ ไอ้เชี้ยนี่แม่งก็หล่อนี่หว่า หล่อแบบพวกนายแบบ ที่หล่อกันแบบคลูๆ หล่อแบบในหน้าไม่มีอะไรดี ตาก็ตี๋ ปากก็หนา แต่พอรวมกับจมูกโด่งแล้วก็หล่อดี แต่.. ต้องมองดีๆ  มองแบบใช้ความคิด ความเข้าใจทางศิลปะ 

" ไม่ๆ กูจะไม่มองใครหล่อยกเว้นพี่ทีม " บอกกับตัวเองเสียงเบาๆ ไอ้เรียวก็ขมวดคิ้ว

" อะไรของมึง กูถามว่าแดกอะไรยัง มา ไม่ๆ เหี้ยอะไรของมึง ยังไม่ได้แดกอะไรรึไง "

" ก็ไม่เชิง " ผมบอกมันก่อนจะเม้มริมฝีปาก " กินไข่ต้มไปแล้วสองลูก แล้วก็กินอกไก่ไปแล้วชิ้นนึง แต่ว่ามันไม่อิ่มอะดิ " ลูบมือตัวเองไปมาเบาๆ  เขินนิดนึงเหมือนกัน คนปกติทั่วไปกินแบบนี้ก็คงอิ่มแล้ว แต่พอดีคนที่กินจนอิ่มทุกครั้งอย่างผมมันยังไม่ถึงครึ่งกระเพาะเลย

" ก็ไม่แปลก ปกติมึงแดกเหมือนจะยัดคนเข้าไปทั้งตัว กินแค่นั้นมันก็ไปอิ่มอะไร " กรอกตามองบนกับคำพูดของอีกคน ผมเหลือบไปทางอื่น แต่ไอ้เชี้ยเรียวมันกลับยิ้มขำ " งั้นก็ไปแดกของที่มึงอยากจะแดกสิ "

" อะไรก็ได้เหรอ "

" อื้ม "

" แล้วแบบนี้กูจะผอมเหรอ มึงจะช่วยกูลดน้ำหนักจริงๆเหรอวะเนี้ย ไอ้สัด "

" ถ้ามึงไม่กิน มึงก็หิว ถูกมั้ย เพราะงั้นมึงก็แค่ต้องกิน แต่กูมีข้อแม้.. "

“ อะไร "

“ ห้ามกินน้ำอัดลม หรือน้ำหวาน ให้กินได้แต่น้ำเปล่าเท่านั้น " ขมวดคิ้วมองมันก่อนจะถอนหายใจออกมา แต่คิดในใจว่าก็ยังดีกว่าที่กูได้กินแค่ไข่ต้มแล้วก็อกไก่นั่นละวะ " ทำได้มั้ย "

“ ก็ได้ " ผมบอกก่อนจะพยักหน้ารับมัน

“ แล้วมึงจะกินอะไร "

“ อยากกินข้าวผัดไข่ ไก่ย่างเกาหลีที่เซเว่นแล้วก็ อยากจะกินขนมอีก " มันถอนหายใจตอนที่ผมบอก เรียวลุกขึ้นจากที่ที่ตัวเองนั่งปัดก้นตัวเองสองสามครั้งก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แต่ทว่ามันก็หันมาบอก

“ มาสิ มึงจะยืนเอ๋ออีกนานมั้ย "

“ ไอ้สัด " สถบออกมาเบาๆก่อนจถอนหายใจ "  คือกูจะตรัสรู้มั้ยว่า มึงจะให้กูเดินตาม กูก็คิดว่ามึงจะกลับบ้าน "

“ จะไปไม่ไป " มันหันมาถามอีก ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหา

“ ไปซิ "

    เซเว่นสาขาใกล้มหาวิทยาลัยเป็นเซเว่นเล็กๆที่อยู่ในบ้านเพียงแค่คูหาเดียว เป็นเซเว่นที่อยู่ปากซอยเข้ามหาวิทยาลัยแต่ถึงจะเล็กแบบนี้แต่ก็ครบครันด้วยสินค้าตามสไตส์เซเว่นที่อยากจะได้อะไรก็มีหมด

“ กูจะกินอันนี้ " ผมบอกอีกคนที่ก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินไปดูอย่างอื่น " แล้วมึงไม่กินเหรอเรียว "

" ไม่อะ เดี๋ยวกูมีถ่ายแบบ "

" นั่นน่ะสินะ มึงเป็นนายแบบนี่นะ แล้ว.. คือกูถามอะไรหน่อยได้มั้ย " คนข้างๆหันมามองหน้าสายตานิ่งๆ แบบนั้นก็น่าจะถามได้นั่นแหละมั้ง ไม่ได้กูก็จะถามละ เพราะแม่งไม่ตอบอะไรเลย คือตั้งแต่วันนี้กูต้องเดาคำตอบจากสายตาของมึงใช่มั้ย ว่าอะไรได้ อะไรไม่ได้ " เอาเป็นว่า กูจะคิดว่ามึงตอบว่าได้สิ แล้วกันนะ งั้นกูถามหน่อย มึงทำงานเป็นนายแบบมานานแล้วเหรอ "

" ตั้งแต่เด็ก แต่ถ้าเริ่มทำเป็นงานจริงๆ ก็คงเกรด 11 มั้ง ประมาณม.ห้า "

" งั้นก็ประมาน สองปี ใช่มั้ย " เอียงหน้าบอกมัน อีกคนก็พยักหน้ารับ " แล้วทำไมมึงถึงอยากเป็นนายแบบอะ ชอบถ่ายรูปเหรอ ? “

" แม่กูเป็นนางแบบ " คำตอบที่ไม่คิดว่าจะได้รับ ผมหันไปมองหน้ามันที่ก็หันมามองหน้าผม " ทำไม แม่กูเป็นนางแบบ มันแปลกมากนักเหรอ "

" ก็เปล่าหรอก แค่ไม่คิดว่าแม่มึงจะเป็นนางแบบก็เท่านั้น คิดว่าเป็นแม่บ้านเฉยๆ "

" เมื่อก่อนเค้าทำงานเป็นนางแบบ อยากเสือกอะไรอีกมั้ย " หันมาถามเหมือนรู้ ผมเม้มริมฝีปาก

" อยากนิดนึง คือ.. ก็อยากจะถามมึงว่า แล้วที่เค้าบอกว่ามึงเป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น ใครเป็นคนญี่ปุ่นวะ "

“ แม่ แต่พ่อกูก็เป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นนะ "

“ งั้นมึงก็เหมือนคนญี่ปุ่นอะดิ เพราะว่ามีความเป็นญี่ปุ่นมากกว่าไทย " ยักคิ้วให้มันก่อนจะยิ้ม ไอ้เรียวหันไปทางอื่นแต่ผมสะกิด " งั้นมึงก็ต้องพูดภาษาญี่ปุ่นได้อะดิ ไหนพูดให้กูฟังหน่อย "

“ เป็นเหี้ยอะไรถึงต้องให้คนที่พูดญี่ปุ่นได้ พูดให้ฟังวะ " มันหันมาถาม " ทำไมพอบอกว่าเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น ก็ต้องถามว่า แล้วพูดญี่ปุ่นได้มั้ย พูดให้ฟังหน่อย แล้วจะให้กูพูดเหี้ยอะไร "

“ แล้วทำไมมึงต้องยั๊วะใส่กูขนาดนั้น ไม่อยากจะพูดก็บอกสิวะ ก็ง่ายๆ " เรียวหยิบนมขวดใหญ่ขึ้นมา แบ๋วมากครับ ขอบอกเลยเพราะมันคือนมสตอเบอรี่ น่ารักจนต้องแซวมันไปขำๆ  " อุ้ย น่ารักจุง "

" พูดมาก ไปจ่ายเงินได้แล้วไป " พยักหน้ารับผมก็ยื่นข้าวไปให้พนักงานที่เค้าเตอร์คิดเงินก่อนจะจ่ายตังค์ และในระหว่างที่รอเวฟ ผมก็มองไปรอบๆ

“ มึง กูอยากจะกินเลย์อะ กินได้มั้ย "   

“ ไม่ได้ "

“ แต่กูอยากจะกินขนม ข้าวแค่นี้กูไม่อิ่มหรอก " มันหันมามองหน้าผม เหมือนจะหาคำด่าอะไรสักอย่าง มองจากตามันก็รู้ " ด่าได้นะแต่อย่าแรง กูขอร้อง "

“ ไปเอาผลไม้มากินสิ " ทำหน้าแหยะแหยงใส่มัน เรียวก็เดินไปหยิบมะม่วงเป็นกล่องที่มีน้ำปลาหวานมาให้ผม

“ งั้นขอกินนี่ด้วยได้มั้ย " หยิบขนมของเลย์ที่ใช้การอบแทนการทอดขึ้นมา " อบแทนทอด ไม่อ้วน ลดน้ำมัน กินได้ เคี้ยวเพลิน "

“ นี่มึง จะลดความอ้วนได้มั้ยวะ "

“ มันก็ต้องค่อยเป็น ค่อยไป เปล่าวะ มึงจะให้กูที่อยู่ๆ แดก 100 มาแดกแค่ 30 มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน " 

“ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามึงจะแดกขนมได้นะไอ้อ้วน  ไปแดกอย่างอื่นให้อิ่มก็ได้ ผลไม้มีตั้งเยอะแยะ "

“ มึง ไอ้เหี้ย! “ ผมหันไปด่าก่อนจะชี้หน้ามัน " ต่อไปนี้ถ้ามึงเรียกกูว่าไอ้อ้วน กูจะเรียกมึงว่า ไอ้เหี้ย จำไว้ "

“ แล้วไง ใครแคร์ " ยักไหล่ใส่กูอีก ไอ้สัด อยากจะถีบแม่งให้กลิ้งออกทางประตูเซเว่น ออกไปที่ถนนแล้วโดนรถสิบล้อทับตาย

“ งั้นแสดงว่า มึงก็ยอมรับว่า มึงเหี้ยสินะ มึงก็เลยไม่แคร์คำด่าของกู "

“ ใครจะเหมือนมึง ที่ไม่ยอมรับที่ตัวเองอ้วน ก็เลยเจ็บปวด เวลาใครเรียกว่า อ้วน "

“ มันไม่เหมือนกันนะเว้ยไอ้สัด " ผมที่กำลังจะด่ามันต่อไอ้เรียวก็หันมามองหน้า สายตาคมที่จ้องมองกันนั้น ผมหยุดทุกนิ่งไปแบบกระทันทัน

“ งั้นก็รีบๆ ลดความอ้วน ให้กูเปลี่ยนจากเรียกมึงว่าไอ้อ้วน เป็นอย่างอื่นสิ " 
 
“ อะ เออ! ไม่ต้องกลัว ยังไงกูก็ต้องลดแน่ๆ " หันไปบอกมันก่อนจะเอาขนม น้ำเปล่า แล้วก็มะม่วงให้พนักงานคิดเงินเรียบร้อย

“ ข้าวได้แล้วค่ะ " เธอบอกก่อนจะยื่นถุงข้าวมาให้ผม

“ ขอบคุณครับ "  ยื่นมือไปรับ ผมก็เดินหิ้วถุงของกินทั้งหมดมาไว้ในมือเดียว เราออกมาจากเซเว่นพร้อมกันแต่ยังไม่ถึงหน้ามหาลัยคนข้างๆผมก็บอก

“ แยกกันตรงนี้แล้วกัน กูจะไปทำงานต่อ "

“ อื้ม โอเค " พยักหน้ารับมัน ผมก็ทำทีจะเดินออกไป แต่ทว่ามันก็เรียกไว้อีก

“ นี่ ”

“ อะไร " เอ่ยถามมันอีกคนทำทีเป็นหน้านิ่งๆก่อนจะพูดออกมาเสียงนิ่งๆ

" ขอเบอร์หน่อย ไลน์ด้วย กูจะได้ติดต่อมึงได้ "

“ ได้สิ " ยื่นมือไปให้มันอีกคนก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผม มันที่ปลดล็อคเรียบร้อย ผมก็กดเบอร์ตัวเองแล้วก็แอดไลน์ตัวเองเข้าไปในเครื่องมัน " จะว่าไปนะมึง นี่ก็ครั้งแรกเลยน้าา ที่มีผู้ชายมาขอไลน์กับเบอร์กู รู้สึกสวยชะมัด "

“ เพ้อเจ้อ " มันว่าด้วยท่าทางเก็กๆก่อนจะเดินออกไป ตอนนั้นผมก็ตะโกนบอก

" เจอกันพรุ่งนี้นะมึง " ไม่มีเสียงตอบกลับมา มีแต่มือที่ยกขึ้นโบกไปมาเป็นคำตอบว่ามันรับทราบแล้ว ผมถอนหายใจออกมาตอนที่หยิบมือถือตัวเองออกมาดู ก่อนจะพบว่านอกจากเบอร์ที่เข้ามาของไอ้เรียว ไลน์ใหม่ที่แอดเข้ามา แล้วก็ยังมีเบอร์ของไอ้ลี่ที่โทรมาแทบจะเป็นสิบสาย แต่เพราะผมทั้งปิดเสียงแล้วก็ปิดสั่นเลยไม่รู้ตัว " เชี้ยเอ้ยยยยย โดนแดกหัวแน่เลยกู "

" มึงหายไปไหนของมึงมาเนี้ย! " เสียงที่ตะโกนออกมาดังออกมาตอนที่ผมเดินมาถึงโต๊ะ " กูโทรมึงจะเกือบจะร้อยสาย กูหอบตัวเองไปหามึงที่สหกรณ์ก็ไม่เจอ คิดว่ามึงน้อยใจที่พี่ล็อคพูดจนไปโดนคลองข้างมหาลัยตายไปละ ไอ้สัด "

“ มากไป อีเหี้ย ชีวิตกูมีอะไรให้ทำมากกว่านั้น " ผมบอกก่อนจะยิ้ม " น่าๆ โทษทีๆ กูมัวคุยธุระอยู่อะ "

“ ธุระอะไร " มันถามก่อนจะเอียงหน้าดูถุงที่ผมถือมา " เดี๋ยวๆ แล้วนั่นเหี้ยอะไร ขนมเต็มถุงเลยนะมึง ไหนบอกจะลดน้ำหนักไง "

“ ลดก็ลดแหละ แต่จะไม่ลดแบบอดไง เข้าใจมั้ย "

“ เอออ ดี เพิ่งคิดได้รึไง อีดอก " ยิ้มหวานให้เพื่อนผมจัดการเอาเปิดฝากล่องข้าวทิ้ง กลิ่นหอมน่ากินของมันผมก้มลงสูดกลิ่นนั่นเข้าไปเต็มปอด ไอ้ลี่ก็ถามต่อ " แล้วธุระของมึงที่มึงไปทำ ธุระเหี้ยอะไร ถึงขนาดลืมบอกกู ห๊า บอกมาหน่อย "

“ ธุระกับไอ้เรียว "

“ ไอ้เรียว ไอ้เรียวไหน..” มันเอียงหน้างงๆ ผมก็หันไปยิ้มให้มัน

“ รู้แล้วอย่าตกใจนะ "

“ อย่าบอกนะว่า เรียว ที่กูแอบปลิ้มปริ่มเค้าอยู่ ไอ้เรียวที่เป็นนายแบบ "

“ อะ ถูกต้องจ้า " ชี้นิ้วถูกต้องไปหามันอีกคนก็อ้าปากค้างก่อนจะเอื้อมมือมาตีไหล่ผม

“ อีเหี้ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทำไม มึงไม่มาบอกกู "

“ กูมีอะไรให้มึงตกใจมากกว่านี้ " บอกแบบนั้นไอ้ลี่ก็เงียบไป " ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไอ้เรียวของมึงจะมาเป็นเทรนเนอร์ลดน้ำหนักให้กูจ้าา "

“ อีดอกกกกกกกกกกกกก มึงงง กูรับไม่ได้ ม่ายยย พี่เรียวของกู ไอ้สัด " เสียงโวยวายของไอ้ลี่ทำเอาผมหัวเราะไม่หยุด มันที่มองหน้าผมงงๆ ด้วยรอยยิ้มแบบไม่อยากจะเชื่อ " เดี๋ยวๆ แล้วมึงไปรู้จักกับเรียวมันได้ยังไงอะ อะไรวะ ทำไมกูไม่รู้เรื่อง ไหนมึงบอกไม่ชอบมันเพราะมันขี้เสือกไงไอ้สัด อย่าบอกนะว่าเปลี่ยนใจ "

“ กูไม่ได้เปลี่ยนใจอะไรเลยจ้าดอก คือฟังนะ ไอ้เรียวของมึงมันเสนอตัวมาช่วยกูเอง ว่าจะเป็นเทรนเนอร์ช่วยกูลดน้ำหนัก ตอนแรกกูปฎิเสธเพราะคิดว่ากูทำเองคนเดียวได้ แต่ตอนนี้กูรู้ละ ว่ากูทำไม่ได้ กูเลยตอบตกลงมันไป นี่ก็เพิ่งเซเว่นกับมันมา "

" อีเหี้ยยยยยย แล้วไม่ชวนเพื่อนเลยนะคะ!! "

" มันสุดวิสัยจริงๆ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็ว มึงต้องเข้าใจนะ "

" แล้วทำไมมึงต้องไปให้ไอ้เรียวช่วย เทรนเนอร์ประเทศไทยมีเป็นร้อย จะจ้างในเน็ต จะจ้างในฟิคเนตก็มี ปกติกูเห็นมึงเกลียดใครแล้วไม่ค่อยยุ่ง แต่กับเรียวนี่เหี้ยอะไร ไหนชี้แจงข้อนี้มาด่วนๆ "

" ไม่มีอะไรมากหรอกมึง ก็แค่กูเห็นมันพอดี ตอนที่เดินไปสหกรณ์เมื่อกี้ ก็ยอมรับว่ากำลังเฟลอะนะ เศร้าแล้วก็ท้อแท้ พอเจอหน้ามันกูคิดถึงคำพูดที่มันพูด แล้วก็คิดขึ้นได้ว่า มันอาจจะช่วยกูได้ก็ได้ กูก็เลย ไปตอบตกลงเรื่องที่จะให้มันช่วยลดน้ำหนัก "

" อย่างงั้น " ไอ้ลี่ว่าก่อนจะหยักหน้ารับ สองมือที่ยกขึ้นค้ำหน้าตัวเองมันถอนหายใจออกมาสายตาที่กำลังมองไปไกลแบบเพ้อๆ " หล่อแล้วยังใจดีอีกนะ คนอะไรก็ไม่รู้ "

" ปากหมาด้วยมึง นิสัยก็ขี้เก็ก เดาอารมณ์ก็ไม่ค่อยจะถูก " จากที่เจอกันแค่ไม่นานเมื่อกี้ ผมสรุปได้ว่า ไอ้เหี้ยนี่ นิสัยโคตรแย่ แย่สุดๆ

" แหมมม ข้อเสียมากขนาดนี้ให้กูไปลดด้วยคนได้มั้ย "

" ที่มึงจะลดอะไรอีก " ผมมองมันที่มีรูปร่างผอมจะแทบจะเป็นเสาไฟฟ้า แดกเหี้ยอะไรก็ไม่อ้วน เหมือนแดกเข้าไป แล้วขี้ออกหมด ร่างกายไม่ได้ดูดซับไปกักเก็บไว้เลยสักนิดเดียว " ลดกระดูกเหรอ "

" ย๊ะ! ก็แหมมมม กูก็อยากจะไปเจอเรียวบ้างอะไรบ้าง "

" แรดนะลี่ สมชื่ออีดอกจริงๆ "

" K ว่ากู แดกๆ ไปเลยไอ้สัด " มันผลักถุงขนมที่ผมวางอยู่บนโต๊ะเข้ามาใกล้ผมก่อนจะพูดขึ้น " มึงต้องลดน้ำหนักให้ผอม สวย จนหนุ่มๆเหลียวกันจนคอเคล็ดเลยนะอีเขิน " หันมองไอ้ลี่ที่พูดออกมาแบบนั้นอย่างจริงจัง " ลดความอ้วนให้ผอมจนคนที่เคยด่ามึงเสียดายมึงที่ไม่ได้จีบมึงตอนนี้ "

" ถือคติ จีบตอนนี้แถมฟรีตอนผอม "

" เออ!! " อีกคนย้ำ ก่อนจะเอามือมาจับไหล่ผม " กูจะเป็นกำลังใจให้แล้วช่วยมึงลดน้ำหนักเอง มึงต้องทำได้ "

" กูต้องผอมอยู่แล้ว จะเริ่มจากเย็นนี้เลย กูจะไม่กินอะไรละ " ก็รู้ว่ามันยาก สำหรับการลดน้ำหนักสำหรับผม แต่ว่าไม่รู้ทำไมถึงตอบออกไปแบบนั้น ราวกับว่าตัวเองไม่ได้กลัวผิดหวังอะไรเลย เหมือนใจมันบอก ' ยังไงก็ทำได้อยู่แล้ว '

   เลี้ยวรถเข้ามาถึงบ้านในช่วงเกือบเย็นของวัน ผมที่เดินฮัมเพลงเข้าไปในบ้าน สะดุดกึกกับกลิ่นหอมๆที่ลอยเข้าจมูกอย่างจัง แล้ววินาทีที่หันไปมองในครัว แม่ก็เอ่ยขึ้นมาว่า

“ เขิน วันนี้แม่ทำพะโล้ กุ้งผัดพริก แล้วก็เอ็นไก่ทอดนะ ของโปรดเขินทั้งนั้นเลย เดี๋ยวลงมากินข้าวเย็นด้วยกันนะลูก "  รอยยิ้มของแม่ที่ส่งมาให้ ถ้าไม่ตอบตกลงไปแม่คงเสียใจแน่ ในตอนนั้นผมถอนหายใจออกไปก่อนจะพยักหน้ารับ

“ โอเค เดี๋ยวเขินลงมากินนะ "

ส่วนความอ้วนก็ขอให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน
..............................................................

ปล่อยความอ้วนให้เป็นหน้าที่ของวันพรุ่งนี้
ส่วนเราในตอนนี้ก็จงกินต่อไปด้วยความสุข #ตบไหล่เขินสามครั้ง
ไม่เป็นไร คนลดความอ้วนก็เป็นเหมือนกันแหละ แรกๆมันก็อย่างงั้น #ปลอบโยน
โอเคค เจอกันตอนหน้า
ยังไงฝากแท็ก #รักนี้กี่แคล ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
เราก้เคยเป็นแบบเขิน  อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ของการลดความอ้วนคือการมีแม่ที่ทำอาหารอร่อย ให้เยอะ ถูกปาก ที่สำคัญถ้าไม่กินจะโดนงอน 5555+

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ wonwon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นี่น้องเขินจะลดได้ไหมนี่ เห็นของกินก็ไม่ปฏิเสธ :laugh: 
เรียวช่วยเขินให้ผอมไวๆนะ อยากเห็นคนเลวตะลึง :hao3:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 อ่านเรื่องนี้แล้ว ไม่อยากให้มีคำว่า "พรุ่งนี้" เลย เพราะคำ ๆ นี้เป็นอันตรายต่อการลดความอ้วน  :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด