(ต่อนะคะ)
“เริ่มจากตรงไหนดี”เซโครถามพลางเอนตัวไปพิงขอบเรือด้านหลัง
“เฮ้อ ตรงไหนก็ได้...สวัสดีครับยูทาร์”ผมถอนหายในอย่างปลงก่อนจะหันไปทักทายชายหน้าตาหล่อเหลาที่ยืนอยู่ข้างเซโคร ชายคนนี้ก็เป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์เหมือนลูก้า
แค่มองก็รับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่ไม่ควรเข้าใกล้
“สวัสดีครับ”ยูทาร์ตอบกลับมา
“อืม...เริ่มจากสถานที่ที่เราจะไปละกัน เราจะไปยังทะเลน้ำลึก”
“ทำไมต้องไปลึกด้วย”ผมรีบถามต่อ
“ก็ถ้าลึกไม่พออาจเกิดอันตรายได้”
“อันตราย?...สรุปว่านายกำลังทำอะไรกันแน่เซโคร”คำถามที่คาใจที่สุดถูกเอ่ยออกไป
“ผมกำลังจัดการทดสอบ”
“การทดสอบที่ว่าคืออะไร”ผมไม่คิดว่าจะเป็นการทดสอบธรรมดาอย่างการดำน้ำลึกหรอกนะ
ระดับเซโครยังต้องมาเอง
อย่างน้อยๆก็ต้องมีอะไรที่มากว่านั้น
“อย่างทรีน่าจะวิเคราะห์ได้ไม่ยากนี่”เซโครบอกพร้อมส่งยิ้มมาให้
เหอะ...อย่างกับตอนนี้ผมมีอารมณ์จะคิดอะไรออกงั้นแหละ
ดวงตาสีน้ำตาลของผมประสานเข้ากับดวงตาสีเขียวอมฟ้าของเซโครสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆเนื่องอีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะยอมเอ่ยปากบอก
“ก็ได้ๆ...การที่ออกเรือมายังน้ำทะเลระดับลึกแบบนี้แปลว่าการทดสอบจำเป็นต้องใช้พื้นที่ใต้น้ำเป็นวงกว้าง ถ้าจะให้เดาว่าอะไรที่ต้องใช้พื้นที่น้ำเป็นวงกว้างก็คงเป็น...ไดโนเสาร์”ผมพูดสิ่งที่คิดพร้อมสบตากับเซโครนิ่งเพื่อรอดูว่าตัวเองเดาถูกหรือไม่
“ใช่...ที่ต้องไปยังน้ำทะเลระดับลึกก็เพื่อให้ไดโนเสาร์มีพื้นที่มากในการขยับตัว แล้วยังไงต่อล่ะ?”เซโครถามต่อด้วยรอยยิ้มเหมือนคนกำลังนึกสนุก
คำตอบแค่นี้ยังไม่พอที่จะให้เฉลยสินะ
ดีจริงๆที่พี่จันกับพี่พลลากไปกินมื้อเช้าไม่งั้นคงไม่มีแรงพอจะมาวิเคราะห์อะไรแบบนี้แน่
“ดูจากคนที่ไม่คุ้นหน้าบนเรือนี้คิดว่าคงเป็นการทดสอบการต่อสู้กับไดเสาร์ที่จัดขึ้นบ่อยๆ...แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมต้องต่อสู้ในน้ำด้วย ทำเหมือนกับการต่อสู้ที่พวกเขาต้องเจอนั้นอยู่ในน้ำเป็นหลักงั้นแหละ...”คำอธิบายของผมอยู่ๆก็เบาลงพร้อมกับดวงตาสีน้ำตาลของผมที่เบิกกว้างขึ้นเมื่อคิดอะไรได้
ผู้คนชายหญิงที่อยู่บนเรือนี่เป็นผู้เข้ารับการทดสอบ
การทดสอบของหน่วยปฏิบัติการพิเศษเป็นการทดสอบเพื่อดูความสามารถว่าเหมาะสมที่จะได้เป็นคู่หูกับไดโนเสาร์กลายพันธุ์ไหม
การมาทดสอบยังทะเลแปลว่าการต่อสู้หลักต้องอยู่ในน้ำ
หมายความว่าไดโนเสาร์กลายพันธุ์คนนั้นต้องเป็นไดโนเสาร์น้ำ
ถ้าพูดถึงไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่เป็นไดโนเสาร์น้ำก็มีอยู่แค่รุ่นที่6เพียงตัวเดียวเท่านั้น!
“...”เซโครไม่ยอมตอบอะไรเมื่อผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ระดับอย่างเซโครรู้อยู่แล้วว่าผมต้องการจะถามอะไรแต่อีกฝ่ายทำเพียงยิ้มแล้วหันหน้าไปทางท้ายเรือ
เพียงแค่นั้นผมก็รีบหกลับหันหลังวิ่งตรงไปยังท้ายเรือด้วยความเร็วสูงสุด ตลอดการวิ่งผมหันซ้ายขวาเพื่อหาคนเพียงหนึ่งที่อยากเจอจนมาถึงด้านท้ายของเรือ ด้านท้ายของเรือมีเพียงคนคนเดียวที่ยืนหันหลังก้มหน้าลงมองผืนทะเลสีฟ้าคราม
ถึงจะไม่ได้เห็นหน้าแต่เส้นผมสีฟ้าแซมแดงอันเป็นเอกลักษณ์ซอยสั้นที่กำลังปลิวสไวนั่นทำเอาผมถึงกับพูดไม่ออก ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้
ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกในวันนี้
“ลูก้า”ผมเรียกชายหนุ่มตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
ความสูงในตอนนี้มากเกินจะเรียกว่าเด็กแล้ว อีกทั้งร่างกายสมส่วนที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อนั่นดูแข็งแรงกว่าเมื่อก่อนมาก
เด็กตัวเล็กที่ผมเคยอุ้มตอนนี้กลับโตเป็นหนุ่มแล้ว
“...”คนถูกเรียกหันกลับมา ดวงตาเรียวคมสีเงินจับจ้องมายังผมโดยไม่มีคำพูดอะไร
“ลูก้า...”ผมเรียกแล้วเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น
“ถึงแล้วนะครับ ทุกคนเตรียมตัวได้”เสียงประกาศจากคนขับเรือทำให้การสนทนาที่ยังไม่เริ่มต้นถูกตัดขาดไป
“...”ลูก้าหลับตาลงแล้วลืมขึ้น เขามองมายังผมเงียบๆก่อนจะเดินเข้ามาใกล้และผ่านร่างผมไปทั้งๆแบบนั้น
“ลูก้า!”ผมหันกลับไปเรียกแต่แผ่นหลังนั่นก็ห่างออกไปทุกที
นี่เขายังโกรธอยู่เหรอ
ไม่สิ ผมรู้อยู่เต็มอกว่าต้องถูกโกรธ
ทั้งที่รู้อยู่แล้วแต่พอมาเจอจริงๆก็ทนแทบไม่ไหวอย่างที่คาด
ก็ยังดีที่ยอมมองมา ไม่เหมือนกันวันนั้นที่จากไปโดยไม่มีแม้คำลาหรือหันมามอง
ผมใช้เวลาสูดลมหายใจเข้าปอดอยู่สักพักถึงจะเดินกลับไปหาเซโครที่กำลังอธิบายอะไรสักอย่างอยู่หน้ากลุ่มคนประมาณ10กว่าคน ด้านข้างของเซโครมียูทาร์ยืนนิ่งๆอยู่ ถัดออกไปไม่ไกลก็มีร่างที่พึ่งเดินผ่านผมไปเหม่อมองออกไปยังทะเลด้านหน้า
“จากนี้จะทำการปล่อยไดโนเสาร์น้ำออกมา...พวกคุณคือผู้ที่ได้รับการคัดเลือกว่ามีทักษะด้านการดำน้ำควบการต่อสู้ในระดับดี ดังนั้นช่วยแสดงให้ผมเห็นหน่อยว่าพวกคุณจะจัดการไดโนเสาร์ตัวนั้นได้ยังไง”เซโครอธิบายให้คนทั้งกลุ่มฟัง
“ไดโนเสาร์ที่จะปล่อยมาเป็นพันธุ์อะไร”หนึ่งในผู้เข้ารับการทดสอบยกมือถาม กล้ามแน่นๆนั่นดูเหมือนคนที่ไม่น่าจะว่ายน้ำได้ดีเท่าไหร่ในความคิดผม
“ซิมโบสปอนไดลัส”
“ว่าไงนะ”
“บ้าน่า”
“นี่แค่การทดสอบทำไมต้องเป็นมันด้วย”
เสียงพูดคุยดังอึกกะทึกทันทีที่ได้ยินสายพันธุ์ไดโนเสาร์ที่ว่า ไม่แปลกที่ทุกคนต่างตกใจเพราะขนาดผมเองยังอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น
ถึงผมจะไม่รู้ชื่อสัตว์บนบกเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นในน้ำผมจำได้หมด แน่นอนว่ารวมถึงซิมโบสปอนไดลัสที่ว่ามาด้วย ซิมโบสปอนไดลัสเป็นสัตว์ทะเลลำตัวยาวกว่า10เมตรที่มีรูปร่างคล้ายปลาโลมาแต่ไม่มีกระโดง หางของมันยาวและคล้ายกับปลาไหล ด้วยความที่มีส่วนหัวยาวกว่า1เมตรทำให้มันเป็นนักล่าที่มีขากรรไกรกว้าง
ความอันตรายของมันบอกได้เลยว่าไม่ธรรมดา
ซิมโบสปอนไดลัสเป็นนักล่าที่มีฟันแหลมคมและคมมากพอจะกัดกระดองเต้าให้แหลกละเอียดได้ในพริบตา
น่าตกใจที่มันถูกใช้มนการทดสอบแบบนี้...ถ้าเกิดพลาดคงได้มีการสูญเสียเกิดขึ้นแน่
“เงียบได้แล้ว...อย่างที่ทุกคนเห็นว่ามีเรือจอดล้อมอยู่ในระยะด้านละ500เมตร ดังนั้นขอบเขตการต่อสู้เลยอยู่ในระยะของเรือเท่านั้น การทดสอบนี้ก็ง่ายๆลงไปจัดการซิมโบสปอนไดลัส แน่นอนว่าเราไม่รับประกันความปลอดภัยถึงจะมีหน่วยช่วยเหลือก็ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยทัน”เซโครอธิบายต่อด้วยใบหน้ายิ้มๆต่างจากผู้เข้าทดสอบที่ซีดเป็นไก่ต้ม
ปัง
“โอ๊ะ...สัญญาณนั่นแปลว่าซิมโบสปอนไดลัสถูกปล่อยออกมาแล้ว”คำพูดของเซโครดูเหมือนจะยิ่งสร้างความหวาดกลัวที่มีให้มากขึ้นไปอีก
ตู้ม
เสียงกระโดดลงน้ำเรียกความสนใจของทุกคนให้หันไปมองแทบจะทันที ร่างสูงของชายหนุ่มผมสีฟ้าแซมแดงที่ยืนอยู่เมื่อครู่กลับหายไปอย่างไร้ร่องลอย
ไม่จริงน่า
“ลูก้า!!”ผมตะโกนแล้วรีบวิ่งไปมองยังพื้นน้ำที่แตกเป็นวงกว้างด้านล่าง ถัดไปไม่ไกลมีร่างขนาดใหญ่ของซิมโบสปอนไดลัสว่ายมาด้วยเร็วสูง
“อะไรกัน”
“ทำไมกระโดดลงไปล่ะ”
เสียงอื้ออึงด้านหลังไม่ได้เข้าหัวสักนิด มือของผมกำแน่นก่อนจะเดินไปเผชิญหน้ากับหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษตรงๆ
“ทำไมลูก้าถึงกระโดดลงไป”ผมถามในสิ่งที่ต้องการรู้มากที่สุด
“การให้มนุษย์ลงไปสู้กับซิมโบสปอนไดลัสตรงๆนั้นไม่มีทางเลยที่จะชนะ...ผมเลยขอให้เขาช่วย...และเขาก็ตกลงที่จะลงไปด้วยตัวเอง”
“แล้วถ้าลูก้าได้รับบาดเจ็บขึ้นมาจะทำยังไง”ผมไม่สนว่าคนตรงหน้าจะเป็นเพื่อนสนิท หัวหน้าหน่วยหรือใครทั้งนั้น
ที่ผมสนคือตอนนี้ลูก้ากำลังอยู่ในอันตราย
“ไม่มีการต่อสู้ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บหรอกนะทรี”เซโครตอบกลับ
“จะบอกว่าต่อให้เขาตายก็ไม่สนงั้นสิ...”
“แล้วแต่ทรีจะคิดเลย”
“เซโคร!!”ผมพึ่งเคยอยากชกใครขนาดนี้ครั้งแรก
“ใครที่อยากทดสอบก็ตามลงไปได้เลย...แต่ถ้าไม่พวกคุณก็จะไม่ผ่าน”กลุ่มผู้เข้ารับการทดสอบในชุดดำน้ำยืนตัวสั่นด้วยใบหน้าซีดกันเป็นแถบๆ
“ขืนลงไปก็มีแต่เอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆ”ผมบอกเสียงเบาแต่ก็ดังมากพอที่คนอื่นๆจะได้ยิน
พวกเขาไม่เหมาะจะต่อสู้ร่วมกับลูก้า
เข็มขัดสีเงินถูกถอดแล้วโยนไปด้านข้างพร้อมๆกับรองเท้าสีดำที่ใส่อยู่ทำให้ตอนนี้ผมอยู่ในสภาพที่ร่างกายเบาขึ้นกว่าเดิม
“จะทำอะไรทรี...นายไม่ใช่ผู้รับการทดสอบนะ”เซโครพูดพลางจ้องมายังผม
“คิดว่าผมสนเหรอ...ในเมื่อไม่มีใครคิดจะลงไปผมก็จะเป็นคนทำเอง...ผมไม่ยอมให้ลูก้าต้องได้รับอันตรายหรอกนะ”
การจะยืนดูอีกฝ่ายเจ็บโดยไม่ทำอะไร
ผมทำไม่ได้
ตู้ม!!
ร่างของผมกระทบกับผิวน้ำก่อนจะจมลงอย่างรวดเร็วตามต้องการ แขนทั้งสองข้างแหวกกระแสน้ำออกเพื่อดันตัวเองให้ลงไปลึกมากขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลลืมขึ้นในน้ำแล้วหันซ้ายขวาเพื่อหาว่าตอนนี้ลูก้าอยู่ไหน
คอนแทคเลนส์สำหรับดำน้ำดูจะใช้ได้ดีเพราะสามารถมองเห็นโดยรอบได้อย่างชัดเจนทีเดียว
กระแสน้ำอันรุนแรงพัดร่างผมจนพัดไปตามกระแสนั่น ตามทิศทางที่เกิดกระแสน้ำอันรุนแรงขึ้นผมเห็นร่างลายแดงที่กำลังเข้าปะทะกับอีกร่างหนึ่งอยู่ลิบๆ
เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็ทิ้งตัวลงให้หลุดจากกระแสน้ำที่แรงขึ้นก่อนจะว่ายตรงไปหาไดโนเสาร์ร่างยักษ์ที่ปะทะกันจากด้านใต้ อากาศที่กลั้นไว้มีเหลือพอที่จะเข้าไปช่วยสบทบลูก้าสู้ได้สบายๆ
เพียงแต่ผมไม่มีอะไรเป็นอาวุธ
แต่กว่าจะนึกได้ผมก็ได้เข้ามาอยู่ในเขตการต่อสู้ซะแล้ว
ซิมโบสปอนไดลัสหันมามองผมพร้อมกับอ้าปากขนาดใหญ่ที่เต้มไปด้วยเขี้ยวอันแหลมคมออกกว้างพร้อมกับพุ่งเข้ามาโจมตีแต่ร่างสีฟ้าลายแดงของไดโนเสาร์อีกตัวกลับใช้ส่วนหัวพุ่งกระแทกจนซิมโบสปอนไดลัสลอยไปไกล
กรรร
เสียงขู่ที่แม้แต่ในน้ำยังได้ยินเรียกผมให้หันกลับไปหาดวงตาสีเงินขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ดวงตานั่นใหญ่มากจนเกือบจะสะท้อนภาพผมได้ทั้งตัว กะขนาดคร่าวๆคงยาวทะลุ12เมตรไปแล้ว
ลูก้า
ผมเรียกอีกฝ่ายในใจก่อนจะเอื้อมมือไปทาบบริเวณขอบตานั้นเบาๆ ตาผมที่จ้องประสานไปไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจมันไหมแต่ผมก็อยากบอกคำคำนี้ออกไป...
ขอโทษนะ
งี๊ดดดด~
ร่างขนาดยักษ์ของลูก้าขยับเล็กน้อยพลางส่งเสียงครางออกมา ผมไม่รู้ว่าเสียงนั่นหมายถึงยอมยกโทษให้หรือยังโกรธอยู่ แต่ในสถานการนี้คงไม่เหมาะจะพูดอะไรเท่าไหร่เพราะซิมโบสปอนไดลัสที่โดนกระแทกไปว่ายกลับมาอีกครั้ง
ถ้าไม่จัดการให้จบก่อนก็ไม่ได้ขอโทษอย่างจริงจังสักที
ก็อยากจะทำให้จบอยู่หรอกแต่ในมือไม่มีทั้งอาวุธหรืออะไรเลยนี่สิ
กรรรรร
กรรรรร
ระหว่างคิดหาวิธีไดโนเสาร์น้ำร่างยักษ์ทั้งสองตัวก็เข้าปะทะอีกรอบ ครั้งนี้ซิมโบสปอนไดลัสหลบการโจมตีของลูก้าได้เลยอาศัยจังหวะนั้นใช้หัวกระแทกจนลูก้ากระเด็นไปไกล
กรรรรร
ซิมโบสปอนไดลัสส่งเสียงคำรามออกมาราวกับประกาศชัยชนะครั้งนี้ ดวงตาของซิมโบสปอนไดลัสจ้องมองไปยังลูก้าด้วยแววตาของนักล่า นั่นทำให้ผมรู้ทันทีว่ามันไม่ยอมปล่อยลูก้าไปแน่
พอคิดได้แบบนั้นผมก็ว่ายเข้าไปหาลูก้าที่สะบัดส่วนหัวไปมา ซิมโบสปอนไดลัสไม่ยอมเสียเวลาไปแม้แต่นาทีเดียวพุ่งตัวเข้ามาหาลูก้าเต็มแรง
กรรรรรร
กรรรร
เสียงคำรามสองเสียงที่ได้ยินทำให้ผมทำเรื่องบ้าที่สุดในชีวิตอย่างเอาตัวเองมาขวางหน้าลูก้าโดยมีซิมโบสปอนไดลัสอ้าปากขนาดใหญ่แล้วพุ่งตัวเข้ามา ดวงตาสีน้ำตาลของผมจ้องไปยังซิมโบสปอนไดลัสพร้อมกับกางแขนทั้งสองข้างออก
ผมจะปกป้องลูก้าเอง!
กรรรรรรรรรร
กึก
คมเขี้ยวขนาดใหญ่ที่อ้าออกกว้างถึงกับหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงคำรามจากด้านหลัง
เสียงนั่น
ของลูก้า
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ซิมโบสปอนไดลัสหยุดโจมตีแล้วค่อยๆว่ายถอยหลังกลับไปด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมกว่าตอนแรกที่เห็นอย่างสิ้นเชิง
เฮือก!
ผมสะดุ้งตัวฉับพลันเมื่ออยู่ก็ถูกเขี้ยวขนาดใหญ่ของลูก้าคาบคอเสื้อว่ายขึ้นไปยังผิวน้ำด้านบน บริเวณที่โผล่ขึ้นมามีราวบันไดสำหรับเกาะขึ้นไปอยู่พอดี
“นี่...”ผมกลืนคำพูดลงคือเมื่อร่างไดโนเสาร์ขนาดยักษ์กลับกลายเป็นร่างของมนุษย์ที่เปลือยท่อนบนอยู่ ไม่ต้องถามก็พอจะเดาได้ว่าท่อนล่างก็คงจะเปลือยไม่ต่างกัน
เส้นผมสีฟ้าแซมแดงถูกเสยขึ้นทำให้เห็นใบหน้าหล่อคมคายได้ชัดเจนกว่าปกติ ดวงตาสีเงินมองประสานกับดวงตาผมนิ่งสักพักก่อนจะค่อยๆหลับตาลง
“ลูก้า”ผมเรียกเสียงเบา
หลับตาแบบนั้นหมายความว่าไม่อยากเห็นกันแล้วเหรอ
“สาม”
“...”ทั้งร่างเกร็งราวกับถูกกระแสไฟฟ้าช็อตเพียงแค่ได้ยินชื่อของตัวเองดังออกมาจากปากของลูก้า น้ำเสียงทุ้มๆนั่นต่างจากเมื่อปีก่อนมาก
นึกว่าจะไม่ได้ยินชื่อตัวเองออกมาจากลูก้าซะแล้ว
“เป็นอะไรสาม”ลูก้าว่ายเข้ามาใกล้พลางใช้มือเกลี่ยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มโดยไม่รู้ตัวให้
“ลูก้า...ลูก้า...ลูก้า”ผมเข้าไปกอดคออีกฝ่ายไว้แน่นโดยไม่สนว่าตัวเองยังอยู่ในน้ำหรือร่างกายของลูก้าเปลือยเปล่า
ที่สนตอนนี้มีแค่ลูก้ายอมพูดกับผมแล้ว
“ขึ้นไปข้างบนก่อนไหม”เพราะความไม่คุ้นกับเสียงทุ้มที่กระซิบข้างหูเลยทำให้หัวใจผมอยู่ๆก็เต้นแรงขึ้นมา
“...อืม”ผมพยักหน้าแล้วค่อยๆพาตัวเองขึ้นไป
ลูก้าหยิบเสื้อด้านข้างราวบันไดที่ดูจะเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะขึ้นมาสวมก่อนจะตามด้วยกางเกง ทั้งหมดที่เขาทำอยู่ในสายตาผมที่ได้แต่อ้าปากค้างเพราะห้ามไม่ทัน
จะรอให้หันหน้าไปก่อนไม่ได้รึไงกัน
เขาไม่อายแต่ผมอายนะ
“สาม”
“ลูก้า...คือผมมีเรื่องอยากอธิบายเยอะเลย แต่ตอนนี้ผมอยากพูดว่าขอโทษนะ...ขอโทษจริงๆ”
“มันไม่ใช่ความผิดของสาม”
“ลูก้า...”
“ตอนนั้นผมยังเด็กเลยไม่รู้ว่าทำไมสามถึงได้ยอมที่จะแยกกับผม แต่พอค่อยๆโตขึ้นผมกลับสามารถเข้าใจถึงสิ่งที่สามคิด...สามทำเพราะผม เพื่อตัวผม สามไม่จำเป็นต้องขอโทษเพราะคนที่จะพูดคำนั้นคือผมเอง...ขอโทษที่ทำให้สามร้องไห้ในวันนั้น”ลูก้าบอกพร้อมกับใบหน้าเศร้า
“ลูก้า...ผม...”
“ยกโทษให้ผมได้ไหม”
“ทำไมถึงพึ่งมาพูดเล่า...ตลอดหนึ่งปีกับสองเดือนรู้ไหมว่าผมรู้สึกยังไง เพราะลูก้าโกรธขนาดนั้นผมเลยไม่มีหน้าไปพบนายอีก แต่ถ้านายบอกว่าเข้าใจแล้ว แล้วทำไมถึงพึ่งมาหากันเล่า”ผมตะโกนออกไปสุดเสียง
ต้องรออะไรอีก
“วันนี้เป็นวันที่ผมโตเป็นผู้ใหญ่”
“โต?”
“สามบอกว่าผมจะเป็นผู้ใหญ่ในอีกหนึ่งปีสองเดือนเพราะงั้นผมถึงรอให้โตพอที่จะสามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเองโดยที่สามไม่ต้องมาห่วง ถ้าก่อนหน้านี้ผมกลับมาสามก็คงจะมองผมเหมือนเป็นเด็กอยู่...แต่ตอนนี้ไม่ใช่ผมโตแล้ว โตมากพอที่จะรับฟังและรับรู้ในทุกๆอย่าง”
“ทำไมไม่พูดตั้งแต่ที่เจอกันก่อนหน้านี้ล่ะ...ทำไมต้องหลบหน้าแถมยังไม่ยอมพูดอะไรสักคำอีก”ผมถามต่อไปอีก
“ผมยังไม่อยากพูดอะไรจนกว่าจะแน่ใจ”
“แน่ใจเรื่องอะไร”ผมรีบถามกลับ
“แน่ใจว่าสามยังต้องการผมอยู่รึเปล่า”
“แล้วจะแน่ใจได้ยังไง...อย่าบอกนะว่าที่กระโดดลงไปต่อสู้กับซิมโบสปอนไดลัสก็เพื่อเหตุผลแค่นี่น่ะ”ผมตะโกนเสียงดังลั่นเมื่อคิดอะไรออก
“อืม”ลูก้าพยักหน้าไปมา
“จะบ้ารึไง ถ้าผมไม่กระโดดลงไปจะทำยังไงล่ะ”ทำอะไรเสี่ยงขนาดนี้กัน
เขาเอาอะไรมาเสี่ยงว่าผมจะยอมกระโดดลงไป
“สามจะกระโดดลงมา”
“ก็ถามอยู่นี่ไงว่าถ้าผมไม่กระโดดลงไปเล่า”
“ผมเชื่อว่าสามจะกระโดดลงมา”
“ลูก้า...”
“สามจะมาหาผม...จะมาแน่นอน ผมหวังแบบนั้น”ดวงตาสีเงินประสานเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลของผมพร้อมคลี่ยิ้มออกมาบางๆ
“เชื่อใจกันเกินไปแล้ว...ถ้าเจ็บหนักขึ้นมาจะทำยังไง”ผมพูดออกไปด้วยความเป็นห่วง
“เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก”
“จะไม่เป็นไรได้ยังไง”มันไม่ใช่อาการบาดเจ็บเล็กๆน้อยอย่างโดนแมวข่วนหรือมีดบาดแต่เป็นเขี้ยวที่ทั้งใหญ่ทั้งคม แถมยังมีแรงกระแทกที่รุนแรงอีก
โดนไปครั้งนึงก็อาจต้องนอนโรงพยาบาลได้ทั้งอาทิตย์
“เรื่องนั้นเพราะผมกับซิมโบสปอนไดลัสเป็นเพื่อนกันน่ะ”
“...ห๊ะ”เพื่อนเหรอ
หมายความว่ายังไง
“เรื่องนี้เราค่อยๆมาคุยกันหลังนายเปลี่ยนเสื้อเสร็จดีไหมทรี”เสียยงจากบุคคลที่สามดังขัดจังหวะการสนทนา ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าคนพูดเป็นใคร
“ทั้งหมดนี่เป็นแผนของนายสินะ...เซโคร!!”
.........................................................................
มาต่อแล้วๆ
คิดว่าหลายคงต้องค้างมากสำหรับตอนที่แล้ว ในตอนนี้เราเลยพยายามจะแต่งออกมาให้เร็วขึ้นหน่อย
แต่ตอนนี้ก็เหมือนจะยาวอยู่เลยใช้เวลามากกว่าที่คาดไว้พอสมควร
หลายคนบอกว่าตอนที่แล้วหน่วงมาก ซึ่งเราดีใจสุดๆเพราะพยายามแต่งให้มันออกหน่วงๆหน่อย
อย่างที่เคยบอกว่าเราไม่เก่งพวกแต่งฉากเศร้า จากลาหรือหน่วงจิตสักเท่าไหร่แต่ก็จำต้องแต่งเพื่อให้เป็นสีสันของเรื่อง
สำหรับเรื่องนี้เราแบ่งออกเป็น2ช่วง คือช่วงแรกที่เป็นวัยเด็ก และช่วงที่2 ซึ่งเป็นวัยผู้ใหญ่ เรียกว่าดีใจมากที่แต่งจบช่วงแรกไปได้อย่างราบลื่น จากนี้ก็จะเห็นฉากบู๊กันมากขึ้นเรื่อยๆ หวังว่าทุกคนจะคอยติดตามต่อไปด้วยนะคะ
ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้า
บ๊ายบายค่ะ
-----มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์-----
วันนี้ขอเสนอซิมโบสปอนไดลัสหรือเพื่อของลูก้าตอนอยู่เกาะนั่นเอง

ซิมโบสปอนไดลัส (Cymbospondylus) อยู่ในยุคไทรแอสสิค (248 - 206 ล้านปีก่อน)เป็นยุคที่ไดโนเสาร์บนผืนแผ่นดินกำลังวิวัฒนาการอยู่แต่ไดโนเสาร์ในยุคนี้ยังมีขนาดเล็กเมื่อเปรียบเทียบกับไดโนเสาร์ในยุคจูราสสิค และเช่นเดียวกับยุคออร์โดวิเชียน ท้องทะเลในยุคไทรแอสสิกเต็มไปด้วยสัตว์ทะเลและนักล่า นักล่าที่รู้จักกันดีคือ สัตว์เลื้อยคลานอย่างเช่น กิ้งก่า นอโธซอร์ แต่นักล่าที่ร้ายที่สุดในยุคนี้ก็คือซิมโบสปอนไดลัส สัตว์ทะเลลำตัวยาว 10 เมตร รูปร่างคล้ายปลาโลมา แต่ไม่มีกระโดงและหางยาวปลายหางคล้ายหางของปลาไหลทะเล
เครดิต :
http://www.thaigoodview.com/library/contest2552/type2/science04/49/Cymbospondylus.htmlnicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪