กุญแจดอกที่ 8
เจ้าของร่างผอมบางที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยยังคงส่งสายตาเหม่อลอยไปยังประตูห้องพักด้วยความหวังว่าคนที่รอคอยจะมาปรากฏกายอยู่ตรงนั้น แต่จนแล้วจนเล่าคนที่เฝ้ารอก็ยังไม่มีแววว่าจะมา หยาดน้ำตาที่พยายามจะกักเก็บเอาไว้จึงร่วงลงอาบแก้มจนผู้ที่เป็นพ่อเห็นแล้วอดสังเวชใจไม่ได้
“นอนเถอะลูก คุณหมออยากให้ลูกพักผ่อนมากๆ” นายหัวสุริยาเดินไปลูบผมของลูกชายเมื่อเห็นว่าลูกชายของตัวเองยังไม่ยอมนอนพักทั้งที่ดวงตาจะลืมแทบไม่ขึ้นด้วยฤทธิ์ของยา
“เดี๋ยวพี่เขาต้องมาหาตวง ตวงไม่อยากหลับตอนพี่เขามา”
“มันไม่มาหรอก” นายหัวสุริยาอยากจะด่าทอตัวต้นเหตุให้มากกว่านี้แต่เพราะรู้ดีว่าลูกชายของตนให้ความสำคัญกับมันขนาดไหน เขาจึงจำต้องอดทนไม่พูดอะไรออกไปมากกว่านี้
“เขาต้องมา เขามาทุกครั้งที่ตวง...”
“ทุกครั้งที่ตวงทำร้ายตัวเอง” นายหัวสุริยาพูดต่อให้ลูกชาย ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาถึงหัวใจของคนที่เป็นพ่ออย่างเขาเมื่อเห็นว่าลูกชายยอมแลกชีวิตของตัวเองเพียงเพื่อจะได้เห็นหน้าไอ้คนเลวคนนั้น
“ตวง...ตวงแค่อยากรู้ว่าตวงยังสำคัญสำหรับเขาไหม” ตะวันร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะรู้ดีว่าตัวเองทำให้พ่อเสียใจ แต่ตะวันไม่รู้จะทำยังไงที่จะให้คนที่ตะวันรักมาหาตะวันบ้าง
“ตวงเอ้ย ลูกสำคัญสำหรับพ่อ ทำไมไม่คิดถึงพ่อบ้าง ถ้าลูกเป็นอะไรไปพ่อจะอยู่ยังไง” นายหัวสุริยาเอ่ยถามลูกชายคนเดียว
“พ่อก็ยอมให้พี่พญารักกับตวงสิครับ พี่พญาไม่ใช่คนเลวอย่างที่พ่อคิด” ตะวันพยายามเอื้อมมือไปจับมือของผู้เป็นบิดาแล้วร้องขอด้วยความหวังว่าพ่อจะไม่กีดกันความรักของตนอีก
“เอาเถอะ พ่ออยากให้ตวงรักตัวเองก่อน ถ้าตวงไม่รักตัวเองใครจะอยากกลับมาหาตวง จริงไหมไอ้จวบ”
“จริงครับนาย คุณตวงต้องรีบหายแล้วดูแลตัวเองให้สดใสไวๆ” จวบรีบพูดอย่างเอาใจเมื่อเจ้านายของมันถามความคิดเห็น
“นั่นสิ ตวงดูไม่ดีเลยใช่ไหมพ่อ ถ้าอย่างนั้นตวงจะรีบพักก่อน ถ้าพี่พญามาพี่จวบต้องมาบอกตวงก่อนนะ ตวงต้องทำตัวให้ดูดีกว่านี้ก่อน”
“ได้ครับคุณตวง คุณตวงรีบพักเถอะครับจะได้ไม่โทรม”
“ได้ๆ” ตะวันรับคำพร้อมกับรีบหลับตาลง ไม่นานก็หลับไปจริงๆ เพราะความอ่อนเพลียบวกกับฤทธิ์ยาที่ได้รับ
“ปกติมันจะรีบมา นี่ก็ข้ามวันแล้ว มึงไม่ได้ส่งข่าวคุณตวงไปให้มันรู้เหรอไอ้จวบ” นายหัวสุริยาถามลูกน้องคนสนิท
“ผมส่งข่าวไปแล้ว เห็นว่ามันรีบมาเมื่อได้ข่าวคุณตวง แต่อยู่ดีๆ มันก็เบนหัวเรือกลับไปที่เกาะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่ามันจะมาเลยครับ”
“เอ็งส่งคนไปสืบสิว่าเพราะอะไร”
“นายจะยอมให้มันกลับมาอยู่กับคุณตวงเหรอครับ”
“ฉันไม่เคยกีดกันมันตั้งแต่ต้นแล้ว ใครจะไม่อยากดองกับตระกูลภูมิเทพ แต่พอมันรู้ว่าฉันมีธุรกิจกับคุณคิมมันก็ตีตัวออกห่างเจ้าตวงทันที ฉันจะลองให้โอกาสมันอีกครั้ง ถ้ามันรักเจ้าตวงจริงและยอมให้ฉันทำธุรกิจที่เกาะใบไม้คราม ฉันก็จะปล่อยให้ทั้งคู่คบหากัน ไปสืบมาด้วยว่าข่าวล่าสุดที่ฉันได้มามันจริงเท็จแค่ไหน ฉันไม่ไว้ใจข่าวที่คู่ขาของไอ้พญาคนนี้มาบอกสักเท่าไหร่”
“ครับนาย” จวบรับคำก่อนจะโทรไปสั่งให้น้องชายของตัวเองไปสืบเรื่องของพญามาให้ได้เจ้านายของตัวเองรับรู้
..
พญาพยายามจะพลิกตัวเมื่อรู้สึกถึงความหนักอึ้งที่บริเวณท้องของตัวเอง แต่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากตัวต้นเหตุเขาจึงลืมตาขึ้นมามองทั้งที่ยังรู้สึกว่าตัวเองนอนไม่เต็มอิ่มสักเท่าไหร่ เมื่อคืนกว่าหักห้ามใจไม่ทำมากไปกว่าจูบเจ้ากระต่ายได้ก็เล่นเอานอนไม่หลับ ส่วนเจ้าของเสียงหัวเราะไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นหลานรักที่กำลังนั่งทับอยู่บนตัวเขาพร้อมกับยกมือขึ้นมาปิดปากเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะ
“หนูด้วง มาแต่เช้าเลยนะ แล้วขำอะไรน้าครับคนเก่ง” พญาทำได้แค่เพียงชันแขนขึ้นมาเท้ากับที่นอนเพราะกลัวว่าถ้าลุกพรวดพราดแล้วหลานรักจะตกจากร่างของตัวเอง
“ยุงมีอะไดติดเต็มหน้าเยย” หนูด้วงชี้บอกแล้วก็หัวเราะต่อ พญาขมวดคิ้วก่อนจะอุ้มหนูด้วงลงไปนั่งบนที่นอน จากนั้นเขาก็ลุกเดินไปที่หน้ากระจกบานใหญ่
“เฮ้ย อะไรวะนี่” พญาร้องถามเมื่อเห็นว่ามีกระดาษโพสต์อิทที่ถูกตัดเป็นรูปลูกศรขนาดเท่านิ้วก้อยแปะอยู่ตรงหน้าผาก ตรงแก้มและใต้คาง ส่วนแผ่นสุดท้ายใหญ่กว่าแผ่นอื่นมันถูกแปะอยู่หน้าอกด้านซ้าย หัวของลูกศรชี้ไปที่ตำแหน่งหัวใจพอดี
พญาดึงแผ่นที่ติดตรงหน้าผากมาดู มันมีข้อความเขียนบนกระดาษว่า ‘ตรงนี้เป็นของน้อง’ พอหยิบแผ่นที่แปะบนแก้มก็เขียนเหมือนกันว่า ‘ตรงนี้เป็นของน้อง’ เมื่อมองไปยังแผ่นที่แปะบริเวณใต้คางก็เห็นว่าหัวลูกศรมันชี้ไปที่ริมฝีปากพร้อมกับมีข้อความเขียนเอาไว้เหมือนสองแผ่นแรกก็คือ ‘ตรงนี้ก็เป็นของน้อง’ จากนั้นพญาก็ดึงแผ่นสุดท้ายที่แปะอยู่ตรงอกด้านซ้ายขึ้นมาอ่านแล้วก็ต้องหัวเราะในลำคอเพราะมันเขียนว่า ‘ส่วนตรงนี้..สักวันจะต้องเป็นของน้อง’
“นั่นอะได” หนูด้วงร้องถามเพราะนึกว่าเป็นเครื่องแต่งหน้าแบบใหม่ แต่พญาไม่ได้ตอบกลับดึงขอบกางเกงเลของตัวเองออกแล้วก้มดูส่วนสำคัญภายใน เมื่อไม่เห็นว่ามีกระดาษแปะก็พรูลมหายใจแล้วก็พูดกับตัวเองเบาๆ
“โล่งอก นึกว่ามันจะจองในนี้ด้วย”
“ยุงดูอะได” หนูด้วงลุกขึ้นยืนบนเตียงแล้วดึงกางเกงของตัวเองออกเพื่อดูตามพญาบ้าง
“เฮ้ยๆ เราไม่ต้องดูสิ ในนั้นมีหนอนตัวน้อยนะหนูด้วง” พญารีบเดินมาหอมแก้มหลานรักแล้วดึงมือเจ้าตัวน้อยออกจากกางเกง
“ในกุนเกนมีหนอนตัวน้อยอ๋อ หนอนขอนยุงพะยาหย่ายก่าหนูอ๋อ” หนูด้วงเอียงคอถาม
“แหม ของน้ามันก็ไม่ธรรมดา” พญาตอบก่อนจะหัวเราะในลำคอ
“หนอนขอนอาน้อนตัวโตมั้ย” หนูด้วงทำตาโตพร้อมรับคำตอบ
“อืม...ไม่น่าจะโตนะ เฮ้ย เราไม่คุยเรื่องนี้ดีกว่าเนอะ แล้วนี่คนอื่นไปไหนกันหมด ทำไมทิ้งหนูด้วงอยู่คนเดียว” พญาเผลอนึกภาพหนอนของเทียมฟ้าตามคำถามของหนูด้วง พอนึกขึ้นได้ว่าหนูด้วงเป็นแค่เด็กเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง นึกบ่นตัวเองในใจว่าดันเคลิ้มไปนึกถึงหนอนของเจ้าปิศาจกระต่ายได้ยังไงกัน
“ปี้โอดอุ้นถูบ้าน ปี้โอดอุ้นให้หนูมาอยู่กะยุงก่อน”
“เจ้าอุ้มมันจะถูบ้านทำไม มานี่มา ออกไปข้างนอกกัน” พญาอุ้มหนูด้วงแล้วพาออกมายังสำนักงานทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอน เขาเห็นโอบอุ้มกำลังเช็ดถูสำนักงานด้วยความขะมักเขม้นก็นึกชื่นชมในใจ
“ป๋า เอ้ย ยุงตื่นแล้วเหรอครับ โอบขอโทษนะครับที่เอาหนูด้วงไปฝากเอาไว้ในห้อง โอบไม่อยากให้หนูด้วงอยู่กับฝุ่น” โอบอุ้มรีบอธิบายเพราะคิดว่าหนูด้วงคงปลุกพญาให้ตื่น
“เราจะมาทำความสะอาดทำไม ไม่ใช่หน้าที่เราสักหน่อยเจ้าอุ้ม”
“ไม่เป็นไรครับ พื้นมันก็สะอาดดีแต่ว่าตามซอกตามมุมมันยังมีฝุ่นอยู่ โอบไม่อยากให้ป๋า เอ้ย ยุงต้องจามบ่อยๆ “
“ถนัดเรียกป๋าก็เรียกตามเดิมเถอะ เฮ้อ...ที่ผ่านมาอีจุ๋มมันคงไม่เคยดูแลสำนักงานเลย เราไม่ต้องทำต่อแล้ว เดี๋ยววันนี้ช่างจะมาต่อเติมตกแต่งใหม่หมด ยังไงก็เปื้อนอยู่ดี มาดูหนูด้วงให้ดีกว่า กู เอ้ย ป๋าจะไปอาบน้ำ” พญานึกถึงจุ๋มแล้วก็นึกละเหี่ยใจ ที่ผ่านมาเขาละเลยที่จะดูแลและเข้มงวดกับลูกน้องเองคงโทษไม่ได้นอกจากโทษตัวเอง
“งั้นโอบเรียกป๊าดีไหมครับ คงดีกว่าป๋า” โอบอุ้มยิ้มกว้างเมื่อคนที่รักและเคารพยอมให้เรียกคำที่มีความหมายว่า ‘พ่อ’
“ตามใจ หนูด้วงอยู่กับพี่อุ้มก่อนนะครับ น้าขอไปอาบน้ำก่อน”
“ป๊าคืออะได” หนูด้วงถามด้วยความสงสัย
“เจ้าหนูอะไดเอ้ย อุ้มมาอธิบายให้น้องฟังแล้วกัน” พญายีผมหนูด้วงก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง
“ป๊าก็คือพ่อไงครับ ยุงของหนูด้วงคือพ่อของพี่” โอบอุ้มยิ้มด้วยความสุข หนูด้วงเห็นแล้วก็พลอยยิ้มตามไปด้วย
“หนูเก๊าะมีแด๊ด แล้วก๊ะมีหยวงป้ออยู่ที่วัด หนูมีป้อสอนคนเลย” หนูด้วงชูสองนิ้วขึ้นมาอวด
“ไปให้อาหารเจ้าป่ากับเจ้ากระต่ายกันไหม” โอบอุ้มชวนเสร็จเจ้าตัวน้อยก็กระโดดดีใจแล้ววิ่งไปที่ตู้ปลาทันที
“ปลามันมีป้อมั้ย” หนูด้วงถาม
”มันก็คงมี แต่มันคงหาพ่อของมันไม่เจอ” โอบอุ้มนึกถึงตัวเอง เกิดมาก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นลูกของใครเหมือนกัน
“ป้อมันหายไปอ๋อ หนูฉงฉานมัน” หนูด้วงหน้าเศร้าเพราะสงสารปลา
“ไม่ต้องเศร้านะ เดี๋ยวพี่จะเป็นพ่อให้มันเอง” โอบอุ้มเห็นเจ้าตัวน้อยหน้าเศร้าก็รีบพูดปลอบใจ
“เย้ๆ นั้นหนูเป็นแม่ให้น้อนปลานะ” หนูด้วงปรบมือดีใจที่น้องปลาจะมีทั้งพ่อและแม่ โอบอุ้มเห็นหนูด้วงยิ้มได้ก็เลยไม่ได้อธิบายให้เข้าใจว่าแม่จะต้องเป็นผู้หญิง โอบอุ้มไม่อยากขัดอารมณ์ให้เจ้าตัวน้อยทำหน้าเศร้าอีก
..
วันนี้ภายในตลาดเงียบเหงาเพราะว่าพ่อค้าแม่ค้าเริ่มทยอยกันขนของไปขายในตัวเมือง อีกสองวันก็จะถึงฤดูกาลปิดเกาะแล้ว ถึงแม้ว่าทางรีสอร์ทและโรงแรมต่างๆ จะยังมีนักท่องเที่ยวอยู่แต่จะงดให้บริการล่องเรือหรือพาไปดำน้ำ นักท่องเที่ยวที่ยังยืนยันจะอยู่ต่อก็ทำได้เพียงแค่เที่ยวอยู่บนเกาะ เรือที่จะรับส่งระหว่างเกาะกับตัวจังหวัดจะเป็นเรือจากทางจังหวัดและมีแค่รอบเช้ากับเย็นเพียงวันละรอบเท่านั้น ทางจังหวัดมีกฎห้ามผู้ให้บริการเรือรับจ้างเอกชนมารับหรือส่งลูกค้าในช่วงฤดูกาลนี้ด้วย เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวที่ยังอยู่ที่เกาะส่วนใหญ่คือพวกที่อยู่ง่ายกินง่ายและต้องการพักผ่อนจริงๆ เพราะจะมีแค่ธรรมชาติที่เงียบสงบ ร้านอาหารก็เหลือเพียงร้านเล็กๆ ของชาวบ้านที่ให้บริการอยู่แค่สองสามร้านเท่านั้น แม้แต่ในโรงแรมใหญ่อย่างโรงแรมภูมิเทพของนายหัวพยนต์ก็งดให้บริการสถานบันเทิงภายในโรงแรมรวมถึงห้องอาหารด้วย จะบริการอาหารเช้าให้ลูกค้าแค่มื้อเดียว นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ทีแรกนายหัวพยนต์ต่อต้านเรื่องการฟื้นฟูเกาะเพราะจะทำให้ธุรกิจของตระกูลขาดทุนเป็นเงินจำนวนมาก
“คุณชายมาทำอะไรตรงนี้ครับ” ก้านถามเทียมฟ้าเมื่อเห็นว่าเทียมฟ้ามายืนอยู่ที่ท่าจอดเรือยอร์ช สถานที่ที่เกิดเหตุการณ์ถูกลอบทำร้ายเมื่อวานนี้
“พี่ก้านเล่าให้น้องฟังได้ไหมว่าเมื่อวานนี้พี่พญาจะไปไหน”
“เอ่อ...ก้านว่า...”
“ถ้าเล่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ” เทียมฟ้าเห็นก้านอึดอัดก็รู้สึกเกรงใจ
“คือ เมื่อวานนี้ลูกชายของนายหัวสุริยาฆ่าตัวตายครับ แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว” ก้านตัดสินใจเล่าให้เทียมฟ้าฟังเพราะคิดว่าสักวันเทียมฟ้าก็ต้องรู้อยู่ดี
“เขาเคยเป็นแฟนของพี่พญาเหรอครับ”
“เรื่องมันก็นานมาแล้วครับ นายหัวสุริยาเป็นผู้มีอิทธิพลพอตัวแต่ทำธุรกิจที่ไม่สะอาดเท่าไหร่ คุณตวงเป็นลูกชายคนเดียวที่นายหัวสุริยารักมาก คุณตวงมาตกหลุมรักนายพญา นายพญาก็ดูจะถูกใจคุณตวงเพราะคุณตวงแสดงให้นายพญาเห็นถึงความจริงใจและไม่ต้องการหาผลประโยชน์อะไรเหมือนคนอื่นๆ นายหัวสุริยาก็ไม่ขัดข้องเพราะต้องการดองกับตระกูลภูมิเทพอยู่แล้ว”
“แล้วทำไมเขาไม่ได้คบกันล่ะครับ”
“มันมีสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องแรกคือนายหัวสุริยาหวังจะใช้ให้นายเป็นตัวกลางช่วยส่งยาเสพติดให้ แต่นายพญาปฏิเสธ ตอนนั้นไอ้ก้านนี่แหละครับที่โดนนายหัวสุริยาหลอกใช้จนนายพญาต้องมาเดือดร้อนไปด้วย นายไม่ปริปากอธิบายกับนายหัวพยนต์ว่านายไม่รู้เรื่อง ปล่อยให้นายหัวพยนต์และคนอื่นเข้าใจว่านายพญาเตรียมลักลอบส่งยาเสพติด ดีว่าคุณตวงช่วยเป็นพยานให้นายเลยพ้นผิด อีกเรื่องก็คือคุณตวงไปลักลอบได้เสียกับคนส่งปลาลับหลังนาย แถมยังมาลักลอบกันบนเรือยอร์ชของนายเสียด้วย นายพญาคงรู้สึกเหมือนถูกหักหลังจึงไม่ยอมให้คุณตวงมายุ่งกับตัวเองอีก”
“แปลก”
“แปลกอะไรเหรอครับ”
“ไม่มีอะไรหรอกพี่ก้าน ขอบคุณมากนะครับที่เล่าให้น้องฟัง”
“แล้วคุณชายมาทำอะไรตรงนี้คนเดียว” ไอ้ก้านยังนึกห่วงเพราะรู้ว่าคุณชายน้องว่ายน้ำไม่เป็น
“อยู่คนเดียวที่ไหน ลูกน้องของพี่ก้านอยู่ตั้งสามคน” เทียมฟ้าหัวเราะก่อนจะมองไปตามมุมต่างๆ ที่ลูกน้องของก้านยืนแอบอยู่
“คุณชายรู้ด้วยเหรอครับ ผมขอโทษนะครับที่ต้องให้คนมาตามแบบนี้” ก้านหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะยกมือไหว้ขอโทษ
“อย่าไหว้น้องสิพี่ก้าน น้องต้องขอบคุณพี่ต่างหากที่ดูแลน้องเป็นอย่างดี” เทียมฟ้าเอื้อมมือไปจับมือของก้านเพื่อไม่ให้ไหว้ตน
“คุณชายครับ อดีตของนายพญาอาจจะน่าปวดหัวไปหน่อย แต่คุณชายอย่าถอดใจนะครับ”
“อย่ากังวลไปเลยพี่ก้าน น้องจะถอดใจถ้าพี่พญาบอกว่าไม่ต้องการน้องเท่านั้น”
“แหม อยากให้นายมาเห็นภาพจับมือถือแขนกันอย่างสนิทสนมแบบนี้จัง” โจ้ยิ้มเยาะเมื่อเห็นว่าเทียมฟ้าให้ความสนิทสนมกับก้านจนถึงกับจับมือกันในที่สาธารณะ เมื่อเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้ามาพูดจาเย้ยหยัน
“นายไม่คิดอกุศลแบบมึงหรอกไอ้โจ้” ก้านค่อยๆ ดึงมือของตัวเองออกก่อนจะหันไปด่าคนที่เข้ามาหาเรื่อง
“ก็ไม่แน่นะ มึงก็รู้ว่านายพญาไม่ชอบให้เด็กของนายยุ่งกับคนอย่างมึง นายพญาเกลียดการถูกหักหลัง คราวที่แล้วมึงคงไม่เข็ดสินะ”
“ก็รู้นี่นาว่าพี่พญาไม่ชอบการถูกหักหลัง พี่ก้านว่าพี่พญาจะทำยังไงถ้าจับได้ว่ามีคนคิดหักหลัง” เทียมฟ้ายิ้มให้โจ้ก่อนจะถามความเห็นจากก้าน
“นายคงไม่ปล่อยแน่ครับ”
“มึงพูดอะไร” โจ้ร้อนตัวจนเผลอแสดงสีหน้ากังวลออกไป
“ไม่เข้าใจเหรอ อืม...ไม่เข้าใจก็ดีแล้วล่ะ เพราะถ้าเข้าใจวันไหนคงเป็นวันที่ใครสักคนต้องไปจากเกาะ” เทียมฟ้าจ้องตาโจ้อย่างไม่มีความเกรงกลัวใดๆ
ไอ้ก้านยอมรับว่าหม่อมราชวงศ์เทียมฟ้าผู้นี้เหมือนคนที่มีสองบุคลิก บางครั้งดูเป็นคนยิ้มง่ายและใจดี แต่บางทีรอยยิ้มนั้นก็ดูมีอำนาจอะไรบางอย่างที่ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกขนลุกได้ พอไอ้ก้านเห็นโจ้หน้าเสียก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ว่าคุณชายน้องกำลังพูดถึงอะไร
“ไอ้โจ้! มึงมาหาเรื่องอะไรอีก” พญาตะโกนถามมาแต่ไกลเมื่อเห็นโจ้ยืนประจันหน้าอยู่กับเทียมฟ้า
“นาย คนที่ทำไม่ใช่ผมสักหน่อย” โจ้รีบฟ้อง
“ถ้ามึงไม่เที่ยวหาเรื่องใคร กูก็ไม่เห็นว่าจะมีใครหาเรื่องมึงก่อนสักที” พญายังคงไม่เชื่อเพราะคิดว่ารู้จักโจ้ดี
“นายก็ถามของเล่นใหม่ของนายกับลูกน้องคนสนิทของนายดูเอาเถอะ” โจ้พูดจบก็เดินหน้าบึ้งออกไปเพราะน้อยใจที่พญาไม่เห็นตัวเองสำคัญเหมือนแต่ก่อน พอโจ้ไปแล้วพญามองหน้าเทียมฟ้าสลับกับก้านอย่างงงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“น้องจับมือพี่ก้านเพราะพี่ก้านจะไหว้น้อง พี่โกรธไหม” เทียมฟ้าถามออกไปตรงๆ
“แล้วกูต้องโกรธเหรอ” พญาถามเพราะจากที่เทียมฟ้ามาก็ไม่เห็นว่ามีเรื่องอะไรที่ทำให้ต้องโกรธ
“ไม่มีอะไรให้โกรธเลยครับนาย เพราะต่อให้ไอ้ก้านต้องตายก็ไม่มีวันหักหลังนายแน่ๆ” ไอ้ก้านรีบบอกความรู้สึกของตัวเองเพราะกลัวว่านายจะเข้าใจคุณชายน้องผิด
“ทำไม คิดว่ากูจะหึงมึงสองคนอย่างนั้นเหรอ” พญาเห็นไอ้ก้านรีบอธิบายก็เลยถามสวนกลับไป
“ก็ไอ้ก้านกลัวนายหูเบาเหมือนคราวก่อนอีก ไอ้ก้านไม่ได้ทำอะไรไอ้โจ้มันเลยแต่นายก็เชื่อไอ้โจ้มัน” ก้านอดตัดพ้อเรื่องเก่าไม่ได้
“ที่กูชกมึงไม่ใช่เพราะกูไม่เชื่อใจมึง”
“อ้าว แล้วตอนนั้นนายชกไอ้ก้านทำไม”
“ก็ถ้ามึงโง่ขนาดให้ไอ้โจ้มันสร้างเรื่องใส่ร้ายมึงได้ มึงก็ไม่สมควรจะอยู่เคียงข้างกูหรอกไอ้ก้าน ถ้ามึงไม่เจ็บมึงก็จะไม่รู้จักระวังตัวเองเท่าวันนี้”
“ที่แท้นายต้องการสั่งสอนไอ้ก้าน ไอ้ก้านก็น้อยใจนายมาตั้งนานนึกว่านายไม่เชื่อใจไอ้ก้าน” ไอ้ก้านอยากจะร้องไห้เมื่อเข้าใจแล้วว่าเจ้านายที่มันรักและเคารพไม่ได้หูเบาเชื่อไอ้โจ้อย่างที่เข้าใจมาโดยตลอด
“แล้วกูจะบอกให้นะ กูไม่ระแวงมึงกับคุณชายของมึงหรอก” พญากอดคอไอ้ก้านแล้วพาเดินออกมาให้ห่างจากเทียมฟ้านิดหน่อยก่อนจะกระซิบลูกน้องคนสนิท
“ทำไมครับนาย”
“ก็คุณชายของมึงไม่ได้ร่านแบบไอ้โจ้ แถมยังหลงกูจะตาย ถึงกับแปะป้ายจองหัวใจของกูเลยนะโว้ยไอ้ก้าน ฮ่าๆ” พญากระซิบบอกเหตุผลจบก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหันไปมองเจ้ากระต่ายที่ยืนยิ้มสดใสอยู่ข้างหลัง
“ขำอะไรกันเหรอครับ” เทียมฟ้าถาม
“มึงมานี่” พญาเรียกเทียมฟ้าให้เดินมาหา
“พี่นินทาน้องแน่เลย” เทียมฟ้าจ้องตาพญาเพื่อจับผิด จนกระทั่งมือของพญาเอื้อมมาตรงหน้าของเทียมฟ้า เจ้าตัวจึงต้องหลับตาโดยอัตโนมัติ
‘แปะ’ สิ้นเสียงการกระทำบางอย่างจากพญา เทียมฟ้าถึงได้ลืมตาขึ้นมาดู
“หึ มึงนึกว่าทำฝ่ายเดียวได้รึไงเจ้ากระต่าย ไปโว้ยไอ้ก้าน ไปช่วยกูขนของ เดี๋ยวช่างจะมารื้อสำนักงานแล้ว” พญาแปะกระดาษโพสต์อิทไปที่หน้าผากของเทียมฟ้าเสร็จก็เดินกลับขึ้นไปข้างบน
“ครับนาย” ไอ้ก้านกลั้นขำเมื่อมองไปที่หน้าผากของเทียมฟ้า แล้วมันก็รีบวิ่งตามนายของมันไปติดๆ
เทียมฟ้าดึงกระดาษบนหน้าผากของตัวเองออกมาดู ในกระดาษมีรูปกระต่ายอยู่ในกรงพร้อมกับลายมือของพญาที่เขียนกำกับเอาไว้ว่า ‘ถ้าอยากได้หัวใจของกูก็ต้องเอาหัวใจมึงมาแลก ส่วนตัวของมึงเป็นของกูตั้งแต่หัวจรดเท้า เข้าใจ๊’
“พี่น่ารักจัง เฮ้อ...หัวใจของน้องอยู่กับพี่ตั้งนานแล้วไม่รู้รึไง” เทียมฟ้าอ่านข้อความของพญาอยู่หลายรอบก่อนจะระบายยิ้มแล้วเพ้อออกมา นึกในใจว่าคนปากแข็งเวลาทำตัวน่ารักมันก็น่ารักแบบนี้นี่เอง
...
พญาปล่อยให้ก้านกับลูกน้องคนอื่นๆ ช่วยกันขนของจากสำนักงานและของในห้องพักที่นั่นมาไว้ที่บ้านใหญ่ชั่วคราวก่อน หนูด้วงรู้สึกจะตื่นเต้นมากกว่าใครที่ได้มาเห็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ในเขตบ้านหลังนี้ บ้านหลังใหญ่นี้มีเพียงนายหัวพยนต์อยู่กับพเยียแค่สองคน นอกนั้นก็มีแค่คนรับใช้และคนงานที่ช่วยดูแลสวน แต่วันนี้พเยียไม่อยู่เพราะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศตั้งแต่วันก่อนแล้ว ส่วนนายหัวพยนต์ค่อนข้างตื่นเต้นที่รู้ว่าพญาจะพาหนูด้วงมาที่นี่จึงสั่งให้ทำห้องนอนของหนูด้วงใหม่และเตรียมของเล่นเอาไว้ให้มากมาย
“ไปสวัสดีพ่อของป๊าสิเจ้าอุ้ม” พญาบอกกับโอบอุ้ม
“สวัสดีครับคุณท่าน” โอบอุ้มยกมือไหว้นายหัวพยนต์
ท่าทางที่ดูเจียมเนื้อเจียมตัวของโอบอุ้มทำให้นายหัวพยนต์นึกชื่นชมในใจ นายหัวรู้จากพเยียมานานแล้วว่าพญารับเด็กคนหนึ่งมาเป็นลูกบุญธรรมแล้วส่งเสียให้ไปเรียนถึงอังกฤษ ทีแรกนายหัวพยนต์คิดว่าพญาไปทำใครท้องแล้วคิดปิดบัง แต่เมื่อรับรู้ว่าลูกชายของตัวเองไม่ได้มีจิตใจชอบเพศตรงข้ามจึงตัดข้อสงสัยนี้ไป แต่ถึงอย่างไรนายหัวพยนต์ก็คิดว่าการรับลูกคนอื่นมาเลี้ยงมันไม่เห็นจะเข้าท่าตรงไหน เห็นตัวอย่างจากดาวเรืองแล้วนายหัวพยนต์ก็เข็ดไม่กล้ารับใครมาเลี้ยงดูกลัวว่าจะเป็นลูกเสือลูกตะเข้ แต่กับเด็กที่ชื่อโอบอุ้มคนนี้นายหัวพยนต์พินิจดูแล้วเห็นว่าเป็นเด็กที่ได้รับการสั่งสอนมาอย่างดี ซึ่งเดาว่าคงไม่ใช่พญาแน่ๆ ที่เป็นคนสั่งสอน
“ชาหวัดดีคับคุณท่าน” หนูด้วงพูดเลียนแบบโอบอุ้ม
“หนูด้วงต้องเรียกตาว่าคุณตานะครับ ส่วนเราเรียกฉันว่าปู่ก็ได้” นายหัวพยนต์ลูบผมหนูด้วงด้วยความเอ็นดูก่อนจะหันมาพูดกับโอบอุ้ม
“เรานี่มีบุญนะ” พญาเห็นบิดาของตนเองยอมให้โอบอุ้มเรียกว่าปู่ก็รู้สึกประหลาดใจ
“ทำไม ฉันดูร้ายกาจในสายตาแกสินะ” นายหัวพยนต์หันมาถามลูกชายคนเดียว
“น้องว่าอย่าเถียงกันเลยนะครับ” เทียมฟ้ารีบเตือนทั้งนายหัวพยนต์และพญา
“วันนี้หนูด้วงมานอนค้างที่บ้านตานะ ตาเตรียมห้องนอนของหนูด้วงเอาไว้ห้องใหญ่เลย” นายหัวพยนต์เห็นด้วยว่าไม่ควรทะเลาะพญาต่อหน้าหนูด้วงเลยเปลี่ยนเรื่องคุย
“หนูไปดูได้มั้ย” หนูด้วงถามพญา
“ได้สิ เดี๋ยวตาพาไปนะ” นายหัวพยนต์เป็นฝ่ายตอบแทน
“ให้ปี้โอดอุ้นไปด้วยได้มั้ย”
“ได้สิ” นายหัวพยนต์ยอมทุกอย่างขอแค่หนูด้วงได้อยู่ใกล้ชิดกับตนบ้าง
“ปี้โอดอุ้นมาเร็ว มาดูมาดูห้อนนอนขอนหนูกัน” หนูด้วงรีบเดินไปจูงมือโอบอุ้มเพื่อให้ไปดูห้องของตัวเอง นายหัวพยนต์ก็รีบเดินตามหลานไปเพราะอยากไปหว่านล้อมให้หนูด้วงค้างที่นี่คืนนี้
(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V