กุญแจดอกที่ 12
หลังจากที่ส่งหนูด้วงและโอบอุ้มเข้านอนแล้วพญาถึงได้เดินกลับมาที่ห้อง ห้องนอนสีขาวตัดครีมขนาดใหญ่กว่าห้องที่เรือนไทยประมาณสามเท่านั้นประดับประดาไปด้วยของตกแต่งราคาแพง ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ โคมไฟระย้า ภาพประดับฝา ผ้าม่านหรือแม้กระทั่งเตียงหรูสไตล์ยุโรปกับชุดเครื่องนอนที่เพียงสัมผัสก็รับรู้ได้ถึงมูลค่าของมัน ของเหล่านี้ทำให้พญานึกไปถึงห้องนอนเล็กๆ ของตัวเองรวมไปถึงบ้านของนายหัวพยนต์ ถึงที่นั่นจะถูกตกแต่งอย่างดีแต่ก็เทียบไม่ได้กับทุกอย่างที่อยู่ในวังแห่งนี้เลยสักนิด
“หนูด้วงกับน้องโอบหลับแล้วเหรอครับ” เทียมฟ้าถามพญาระหว่างที่นั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ที่พื้นห้อง
“ทำไมไม่ขึ้นไปนั่งที่โต๊ะทำงาน” พญาพยักหน้าให้แทนคำตอบก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียง เมื่อเห็นเจ้าของห้องนั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ที่พื้นแทนที่จะเป็นโต๊ะทำงานเลยถามกลับไป
“น้องชอบนั่งกับพื้น”
“ทำไมวังนี้ถึงเป็นของน้องคนเดียว”
“พี่เอกกับพี่รองเลือกวังอื่นกันไปหมดแล้ว เหลือที่นี่เอาไว้ให้น้อง”
“มีหลายวังเหรอวะ แค่วังเดียวก็ใหญ่โตอยู่กันได้ทั้งหมู่บ้าน” พญาพึมพำเบาๆ
“ท่านป้าก็ไม่ยอมอยู่ที่นี่ ท่านโปรดประทับอยู่ที่วังสรลักษณ์มากกว่า ท่านโปรดความสงบ”
“วังนั้นชื่อว่าวังสรลักษณ์ แล้ววังนี้ล่ะ” พญาเอนตัวพิงหัวเตียงก่อนจะมองไปรอบๆ ห้องอีกครั้ง
“เมื่อก่อนชื่อว่าวังอโนทัย แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นวังเทียมฟ้า”
“โอ้โห มีชื่อวังของตัวเองด้วยนะเจ้ากระต่าย ไม่ธรรมดา” พญาหยอกเทียมฟ้าก่อนจะหยิบกรอบรูปของเทียมฟ้าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงขึ้นมาดู
“พี่ไม่ชอบที่นี่ใช่ไหม” เทียมฟ้าละสายตาจากคอมพิวเตอร์ขึ้นไปมองพญา
“สำคัญตรงไหน”
“ความรู้สึกของพี่สำคัญสำหรับน้อง”
“ไม่ได้ไม่ชอบ วังใหญ่โตหรูหราแบบนี้มีใครบ้างที่ไม่ชอบ แต่มันไม่ใช่สไตล์”
“แล้วน้องใช่สไตล์ของพี่รึเปล่า”
พญาเอากรอบรูปกลับไปไว้ที่เดิมก่อนจะลุกจากเตียงมานั่งที่พื้น เขาดันคอมพิวเตอร์ที่วางขวางระหว่างตัวเองกับเทียมฟ้าออกและขยับตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนเข่าไปเกยอยู่บนเข่าของเทียมฟ้า พญานั่งจ้องดวงตาที่ฉายแววเศร้าของเจ้ากระต่ายในระยะที่จมูกแทบจะสัมผัสกันอยู่แล้ว
“กังวลอะไร” พญาถามก่อนจะเอามือไปวางบนศีรษะของอีกฝ่าย
“กลัวว่าพี่จะก่อกำแพงขึ้นมาอีก”
“ขี้เกียจปีนแล้วรึไง”
“น้องไม่ได้ขี้เกียจแต่กลัวว่ามันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ จนปีนข้ามไปไม่ได้”
“แล้วจะปีนทำไม ก็แค่เดินเข้ามาดีๆ พี่ให้กุญแจไปแล้วก็แค่ปลดล็อกเข้ามา”
“จริงนะครับ” เทียมฟ้าถามด้วยความดีใจ
“ยินดีตอนรับสู่พญาแลนด์ ดินแดนของเทียมฟ้า” พญายีผมของเทียมฟ้า ตั้งใจจะหอมหน้าผากของเจ้ากระต่ายให้ชื่นใจแต่โดนอีกฝ่ายชิงหอมแก้มเสียก่อน
“เดี๋ยวก่อน”
“อะไรอีก” พญากำลังจะจูบแต่โดนเทียมฟ้ายกมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้
“พี่มีกุญแจกี่ดอก”
“ดอกเดียว”
“เดี๋ยวก่อน” เทียมฟ้ายังไม่ยอมให้พญาจูบ
“อะไรอีก”
“แล้วถ้าน้องไขเข้าไปแล้วจะเจอใครอยู่ในนั้นไหม”
“ไม่เจอ”
“เดี๋ยวก่อน”
“อะไรอีก”
“อย่าทำกุญแจสำรองให้ใครนะ...นะครับ”
“เฮ้อ...น้องนี่นะ จำไม่ได้รึไง” พญายิ้มอ่อนให้เทียมฟ้าก่อนจะจับมือของเทียมฟ้าที่ทำท่าจะปิดปากตัวเองอีกรอบมาทาบที่อกข้างซ้ายแทน
“อะไรครับ”
“พี่รักน้องเท่าไหน” พญาถามคำถามที่เคยตอบเทียมฟ้าไปแล้ว
“เท่านั้น” เทียมฟ้าตอบก่อนจะระบายยิ้ม
“ใช่ พี่รักน้องเท่านั้น”
“จูบได้แล้วครับ” เทียมฟ้าหลับตารอรับจูบจากคนรักแต่แล้วก็ต้องตกใจเพราะจู่ๆ ก็ถูกพญาอุ้มจนตัวลอยแล้วพาไปนอนบนเตียงแทน
“วันนี้ได้นอนเตียงราคาแพงไม่โยกเยกเหมือนเตียงสี่เสา กำแพงก็หนาไม่ต้องพึ่งพาตุ๊กแก แบบนี้ก็จัดเต็มได้ใช่ไหมครับคุณชาย” พญายิ้มเจ้าเล่ห์
“พี่...”
“จะถามอะไรอีกล่ะ” พญานึกหมั่นเขี้ยวเจ้ากระต่ายที่ทำท่าจะถามอะไรขึ้นมาอีก
“ไม่ได้ถามครับ แค่บอกว่าให้พี่ลองเปิดลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงดูก่อน” เทียมฟ้าพูดก่อนจะหลบตา พญาขมวดคิ้วก่อนจะลุกไปเปิดลิ้นชักดู
“เฮ้ย...” พญาเห็นของในลิ้นชักแล้วต้องอุทานออกมาก่อนจะเหลือบตามองเทียมฟ้าอย่างจับผิด
“น้องไม่เคยใช้นะ แต่เพื่อนของน้องมันซื้อมาแกล้งน้องในวันเกิด น้องแค่...แค่คิดว่า...เผื่อพี่อยากจะลอง” เทียมฟ้ารีบอธิบายเมื่อเห็นสายตาของพญา แต่พอพูดไปแล้วก็เขินจนไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร
“จะว่าไป...ก็อยากลอง” พญายิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะหยิบกุญแจมือหนังมาชูไปชูมา
“พี่อย่ายิ้มแบบนี้สิ” เทียมฟ้ายิ่งรู้สึกเขินเมื่อพญายกยิ้มมุมปาก
“เอ๊า...คนกำลังจะได้กินของอร่อยมันก็ต้องยิ้มแบบนี้แหละ มาให้กินเสียดีๆ เจ้ากระต่าย ฮ่า...เฮ้ยๆ จะทำอะไร” พญาหัวเราะชอบใจเมื่อแกล้งให้เทียมฟ้าเขินได้ แต่เสียงหัวเราะของพญาต้องสะดุดเมื่อเทียมฟ้าพลิกตัวกลับมาแย่งกุญแจหนังที่อยู่ในมือของพญามาได้
“เดี๋ยวก็รู้” เทียมฟ้ายิ้มสดใสก่อนจะเอากุญแจมือมาพันธนาการข้อมือทั้งสองของพญาเอาไว้ด้วยกัน
พญาหน้าเสียเพราะคิดว่าเทียมฟ้าจะทำอะไรแผลงๆ แต่สุดท้ายใบหน้าที่วิตกกังวลกลับเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่พึงพอใจเมื่อเทียมฟ้าปรนนิบัติให้ตนเองราวกับเป็นเจ้านายของวังแห่งนี้แทน นอกจากกุญแจมือแล้วเจ้ากระต่ายขี้อ้อนยังเอาสารพัดของเล่นมาแกล้งจนพญากลั้นอารมณ์แทบไม่อยู่ แส้ขนนกไม่ได้ฟาดบนร่างของเขาอย่างที่นึกกังวลแต่กลับลากผ่านตัวเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าจนพญาขนลุกไปหมด อยากจะจับเจ้ากระต่ายมาขย้ำก็ทำไม่ได้เพราะมือถูกพันธนาการเอาไว้ แถมยังโดนอีกฝ่ายคร่อมทับตัวเองไว้จนขยับไม่ได้
ร่างเล็กเปลือยเปล่าที่นั่งขยับเขยื้อนบนตัวของพญาชุ่มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าที่เชิดขึ้นบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไต่ขึ้นสูงจนเจ้าตัวก็แทบทรงตัวไม่อยู่ ยิ่งพญาขยับสะโพกสวนกลับมาก็ยิ่งทำให้เทียมฟ้าแทบขาดใจ ร่างเล็กกว่าโถมตัวลงไปนอนซบกับอกของพญาและเริ่มสั่นสะท้านกับแรงตอบโต้ที่ร้อนแรง เมื่อพญาเห็นว่าเทียมฟ้าใกล้ถึงจุดหมายจึงพลิกอีกฝ่ายให้นอนลงราบกับที่นอน
“ปลดกุญแจให้พี่นะ” พญายื่นข้อมือไปตรงหน้าเทียมฟ้า เทียมฟ้าพยักหน้าให้ก่อนจะหยิบลูกกุญแจที่ซ่อนอยู่ใต้หมอนมาไขกุญแจมือออกให้พญา
พญาเอากุญแจมือหนังที่พันธนาการตัวเองเมื่อครู่มาใส่ให้เทียมฟ้าแทน หลังจากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบผ้าผืนยาวสีดำสนิทมาคาดปิดตาอีกฝ่าย เสร็จแล้วก็ช้อนตัวเทียมฟ้าให้มานั่งหันหน้าเข้าหากันอยู่บนตักของตัวเอง เทียมฟ้าใช้มือที่ถูกพันธนาการคล้องไปที่คอของพญาและแลกจุมพิตที่เร้าร้อนจนพายุอารมณ์ของทั้งคู่โหมกระหนำขึ้นมาอีกครั้ง เทียมฟ้าเริ่มขยับร่างตามจังหวะรักโดยอัตโนมัติ พญาหยิบแส้ขนนกมาตีที่บั้นท้ายของเทียมฟ้าเบาๆ ให้พอกระตุ้นอารมณ์อีกฝ่ายด้วยอุปกรณ์ที่เจ้ากระต่ายหยิบยื่นให้พญาด้วยตัวเอง ริมฝีปากของพญาสาละวนดื่มด่ำกับยอดอกสีหวานอย่างไม่รู้เบื่อ ยิ่งเห็นเจ้ากระต่ายส่งเสียงครางอย่างทรมานยิ่งทำให้อารมณ์ของพญาทะยานสูงกว่าเดิม ความร้อนแรงที่กำลังดำเนินอยู่ทำให้พญาคิดว่าหากที่นี่เป็นเตียงสี่เสามันคงจะต้องพังลงในวันนี้แน่ๆ
ผ้าคาดตาสีดำทำให้เทียมฟ้าไม่รู้เลยว่าพญากำลังคิดทำอะไรต่อไป มันทำให้เทียมฟ้าใจเต้นและใจสั่นในเวลาเดียวกัน แม้ว่าเทียมฟ้าจะนั่งอยู่บนร่างกำยำนี้แต่คนที่คุมเกมรักนี่กลับเป็นพญา บั้นท้ายที่ถูกปลายแส้ตวัดใส่เบาๆ ยิ่งทำให้เทียมฟ้ารู้สึกซาบซ่านในอก
“น้องรักพี่ ไม่ว่าคนรอบตัวน้องจะพูดยังไงก็ตาม น้องอยากให้พี่รู้ว่าน้องไม่ขอเป็นคุณชายที่อยู่เทียมฟ้า น้องขอแค่เป็นคนธรรมดาที่อยู่เทียมดิน” เทียมฟ้าซบที่ไหล่ของพญาพร้อมกับกระซิบบอกความในใจ
“รู้ใช่ไหม ข้ามกำแพงเข้ามาแล้วพี่จะไม่ยอมให้น้องออกไปไหนอีก” พญาตอบกลับก่อนจะดันตัวอีกฝ่ายให้นอนลงและโถมตัวไปทาบทับ มือหนาดึงผ้าคาดตาออกให้เทียมฟ้าแล้วเร่งจังหวะรักจนคนใต้ร่างกัดริมฝีปากแน่น
มือของเจ้ากระต่ายที่ถูกพันธนาการอยู่โดนอีกฝ่ายดันให้ไปวางอยู่เหนือศีรษะของตัวเอง ยอดอกถูกเจ้าฉลามร้ายดูดกลืนอย่างเร้าร้อนจนสติของเทียมฟ้าเตลิดไปไกลเกินกว่าจะควบคุม เสียงแห่งความสุขถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่เพราะกำแพงห้องนี้ไม่ใช่แค่ฝาเรือนไม้บางๆ ให้ต้องระวังอย่างที่วังของหม่อมเจ้าหญิงวิรงรอง เสียงเรียกชื่อพญาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ทำให้เทียมฟ้าหายทรมาน สุดท้ายก็ต้องโอบรัดอีกฝ่ายไว้แน่นเพราะคิดว่าตัวเองกำลังจะขาดใจเพราะความสุข
แม้พญาจะมีประสบการณ์รักที่เร้าร้อนมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ละคนที่เข้ามาก็พยายามจะสร้างความประทับใจให้พญาอย่างที่สุดเพราะอยากเป็นคนสำคัญ ถึงแต่ละคนจะมีวิธีเอาใจพญาในแบบที่แตกต่าง ลีลารักถูกแสดงอย่างถึงพริกถึงขิงเพื่อชิงหัวใจของฉลามร้าย มันสร้างความสุขสมได้ก็จริงแต่ความรู้สึกดีมันก็จบพร้อมกับไฟสวาทที่มอดดับไป แต่กับเทียมฟ้าแล้วไม่เหมือนกับคนเหล่านั้นเลยสักนิด เทียมฟ้าไม่ต้องพยายามยั่วยวน เพียงแค่อยู่ใกล้ๆ ก็ทำให้พญาพลุ่งพล่านได้ เทียมฟ้าไม่ต้องใช้เล่ห์มารยาแต่กิริยาที่เป็นตัวของตัวเองก็ทำให้พญายอมหมดทุกอย่าง พญาไม่เคยเชื่อในเรื่องความรัก แต่ตอนนี้เทียมฟ้าเข้ามาทำให้พญารู้แล้วว่า ‘รัก’ กับ ‘ไม่รัก’ มันต่างกันอย่างไร ความสุขที่ได้รับมันยังคงอยู่แม้เรื่องเซ็กส์จะจบไป เขายังคงอยากให้เจ้ากระต่ายอยู่เคียงข้างตลอดเวลา
...
หลังจากที่คุณหมออนุญาตให้ตะวันกลับมาพักที่บ้านได้แล้ว วันๆ ตะวันก็เอาแต่เหม่อลอยเพราะ ในใจมันรู้สึกว่างเปล่า แม้ร่างกายจะแข็งแรงขึ้นแต่ตะวันยังไม่อยากทำอะไรแม้กระทั่งล้มตัวลงนอน ข้าวปลาอาหารที่แม่บ้านนำมาให้ ตะวันก็แทบไม่ได้แตะต้อง ตะวันยอมรับว่าก่อนหน้านี้เฝ้าแต่นึกถึงตอนที่ก้านจูบตัวเอง ตะวันไม่รู้ว่าก้านทำอย่างนั้นทำไม หลังจากวันนั้นก้านก็ไม่ได้มาหาและไม่ได้โทรมา ตะวันคิดว่าก้านก็คงแค่สมเพชเวทนาตนเองหรือไม่ก็เผลอไผลไป คนอย่างตะวันไม่มีค่าให้ใครต้องการอีก พ่อเห็นตะวันเอาแต่ซึมเศร้าเลยถามว่าตะวันต้องการอะไรพ่อจะยอมทุกอย่าง หากเป็นเมื่อก่อนตะวันคงตอบว่าต้องการพญา แต่วันนี้พญามีใครบางคนที่สำคัญกว่า ตะวันเลยไม่รู้ว่าตัวเองควรขออะไร ถ้าบอกพ่อว่าต้องการความตายพ่อก็คงไม่ยอมอยู่ดี ตะวันถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจออกมาเดินเล่นเพราะกลัวว่าหากเอาแต่อยู่ในห้องนอนแบบนี้ตัวเองอาจจะคิดถึงเรื่องฆ่าตัวตายอีก สิ่งที่ทำให้ตะวันพยายามทำตัวเองให้ดีขึ้นเพราะรับปากกับก้านเอาไว้นั่นเอง
“รอบส่งของครั้งต่อไปต้องระวังให้ดีนะไอ้จวบ ตอนนี้ได้ข่าวว่าสารวัตรคนใหม่กัดไม่ปล่อยเลย” นายหัวสุริยาถอนหายใจเมื่อเห็นว่าธุรกิจมืดของตัวเองกำลังถูกจับตามองจากสารวัตรคนใหม่ที่เพิ่งย้ายมารับตำแหน่ง
“ผมว่านายหยุดส่งยาก่อนไม่ดีเหรอครับ” จวบเสนอเมื่อสายข่าวรายงานมาว่าเจ้านายของตัวเองถูกเพ่งเล็งเรื่องการส่งยาเสพติดให้กับลูกค้าของมิสเตอร์คิม
“ยังไงก็ต้องทำครั้งนี้ให้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่”
“ถึงพวกไอ้พญาจะไม่อยู่ที่เกาะแต่ไอ้ก้านก็ยังอยู่ ผมเกรงว่าจะไม่ง่ายอย่างที่เราคิดเอาไว้”
“เอ็งก็ใช้น้องมันให้เป็นประโยชน์ เห็นว่าไอ้ก้อนมันอยากได้เงินไม่ใช่รึไง”
“ตอนนี้ไอ้ก้อนมันไม่ยอมทำแล้วครับ คนของไอ้พญากับนายหัวพยนต์ก็คอยจับตาอยู่เต็มเกาะ ผมคิดว่าจะเสี่ยงเกินไป ลองเจรจากับมิสเตอร์คิมให้รอไปหน่อยไม่ดีเหรอครับนาย หรือไม่ก็เปลี่ยนที่ส่ง”
“ไอ้คิมมันไม่ยอม ลูกค้ามันพักอยู่ที่เกาะใบไม้ครามและยืนยันว่าให้เราเอาไปส่งที่นั่น” นายหัวสุริยาถอนหายใจอีกรอบเพราะรู้สึกกังวลเรื่องที่ลูกน้องพยายามเตือนเช่นกัน
“พ่อ...”
“ตวง!” นายหัวสุริยาตกใจเพราะไม่เห็นว่าลูกชายเดินเข้ามา
“พ่อค้ายาเสพติดเหรอ ไหนพ่อบอกตวงว่าพ่อลงทุนทำคาสิโนกับคุณคิมเท่านั้น”
“จวบ พาคุณตวงกลับไปที่ห้อง” นายหัวสุริยาตัดบทเพราะไม่รู้จะตอบลูกชายว่าอะไรและไม่อยากให้ตะวันเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้
“พ่ออย่าปิดบังตวงอีกเลย ทำไมพ่อถึงทำแบบนี้ พี่พญาเคยบอกตวงว่าพ่อค้ายาและขอให้ตวงมาเตือนพ่อ พ่อหาว่าพี่พญาใส่ความแต่สุดท้ายมันก็เป็นความจริง ที่ผ่านมาตวงเลือกที่จะไม่เชื่อพี่พญา ทำไมพ่อต้องโกหกตวง”
“เออ! พ่อค้ายาเสพติดแล้วแกจะทำไมเจ้าตวง จะแจ้งความจับพ่อรึไง คราวที่แล้วแกก็ยุ่งวุ่นวายออกหน้ารับแทนพวกมันจนพ่อเกือบจะมีปัญหากับคุณคิม แกอย่ามายุ่งเรื่องนี้ กลับไปอยู่ที่ห้องของแกซะ”
“พ่อบอกว่าถ้าตวงขออะไรพ่อ พ่อจะยอมทำทุกอย่าง ถ้าตวงขอให้พ่อเลิกทำอาชีพนี้จะได้ไหมครับ พ่อกำลังทำร้ายคนอื่น เงินที่ได้มาเป็นเงินที่ทำร้ายคนอื่น”
“หึ...ที่แกสุขสบายทุกวันนี้ก็เพราะเงินพวกนี้ แปลว่าแกก็ทำร้ายคนอื่นเหมือนกัน”
“พ่อ!”
“ไอ้จวบ! พาคุณตวงกลับห้อง”
“ไม่! ถ้าเงินที่พ่อดูแลตวงเป็นเงินที่มาจากการทำเลว ตวงขอเป็นคนเหลือแต่ตัวดีกว่า”
“แกคิดว่าถ้าคนอย่างแกเหลือแต่ตัวใครจะเข้าหาแก ขนาดแกมีเงินยังไม่มีใครต้องการแกเลย อวดดี! อยากไปไหนก็ไป อยากไปเป็นคนเร่ร่อนก็ไป!” นายหัวสุริยาโกรธที่ได้ยินคำว่าเลวจากปากของลูกชาย
“อย่างน้อยพ่อก็พูดความจริงกับตวงว่าไม่มีใครต้องการตวงจริงๆ” ตะวันยิ้มเศร้าๆ ให้ผู้เป็นบิดาเห็นก่อนจะเดินออกไปโดยไม่มีน้ำตาสักหยด
“นายหัว ถ้าคุณตวงคิดสั้นอีกล่ะครับ” จวบตกใจเพราะไม่คิดว่านายหัวสุริยาจะพูดรุนแรงกับคุณตะวันเช่นนี้ ยิ่งคุณตะวันไม่ร้องไห้เหมือนเคยจวบยิ่งนึกกังวลใจ
“ฉันก็จะคิดว่าฉันไม่มีลูกก็แล้วกัน” นายหัวสุริยายอมรับว่าตัวเองพูดจารุนแรงเกินไปแต่ก็ยังโกรธลูกชายเกินกว่าจะรู้สึกผิด
จวบได้แต่ถอนหายใจ มันรู้ดีว่าการที่เจ้านายของมันเดินเข้ามาสู่เส้นทางด้านมืดแบบนี้ก็แทบจะหาทางออกไม่เจอ มิสเตอร์คิมเป็นคนใจแคบและอำมหิต ถึงนายหัวสุริยาอยากจะเลิกก็ไม่ใช่ว่าจะเลิกง่ายๆ ดีไม่ดีอาจจะถูกเก็บเพราะรู้เรื่องของอีกฝ่ายมากเกินไป แต่มันก็เข้าใจคุณตะวัน คุณตะวันบริสุทธิ์เกินไป ไม่เคยรู้ว่าพ่อของตัวเองมีฉากหลังเป็นอย่างไร ถึงจะมีคนพูดถึงบิดาในแง่ร้ายแค่ไหนแต่คุณตะวันก็พร้อมจะเชื่อบิดามากกว่าคนอื่น ขนาดพญาคนที่คุณตะวันรักพยายามจะเตือนแต่คุณตะวันก็เลือกที่จะเชื่อบิดาของตัวเอง ครั้งนี้คุณตะวันคงเจ็บปวดมากกว่าครั้งไหนๆ เพราะนอกจากจะรู้ว่าพ่อของตัวเองทำผิดกฎหมายแล้วนี่ยังเป็นครั้งแรกที่นายหัวสุริยาออกปากไล่แบบไม่ใยดี จวบตัดสินใจสั่งให้ลูกน้องตามคุณตะวันไป ถึงแม้นายหัวสุริยาจะไม่สั่งให้ทำแต่จวบรู้ดีว่านายของตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไร
...
แม้อากาศยามเช้าภายในวังของเทียมฟ้าจะไม่เย็นสบายเหมือนที่เกาะใบไม้ครามแต่ที่นี่ก็ถือว่าร่มรื่นน่าอยู่ไม่น้อย โอบอุ้มและหนูด้วงตื่นกันตั้งแต่เช้า หลังจากที่โอบอุ้มจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้หนูด้วงเสร็จแล้วถึงพาหนูด้วงลงมาเดินเล่นที่สนามหญ้า โอบอุ้มไม่กล้าปลุกป๊ากับอาน้องเพราะเห็นว่ายังเช้าอยู่เลยลงมากันแค่สองคน เดินเล่นกันอยู่พักใหญ่ก็มีคนมาตามให้ไปรับประทานอาหารเช้า
“อู้วหูว ขอนกินเยอะแยะ หนูกินได้มั้ยปี้โอดอุ้น” หนูด้วงทำตาโตเมื่อเห็นอาหารวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ
“ทำไมทำเยอะจังครับ จะมีแขกมาเหรอครับ” โอบอุ้มยังไม่ได้ตอบเจ้าตัวเล็กแต่หันมาถามคุณป้าแม่บ้านที่ยืนยิ้มให้อยู่ไม่ไกล
“ไม่มีคนอื่นมาหรอกค่ะ แต่ป้าไม่รู้ว่าคุณๆ ชอบทานอะไรบ้างเลยทำเอาไว้หลายอย่าง ที่นี่ไม่มีแขกมานานแล้วค่ะ ป้าดีใจที่คุณๆ มาค้างที่นี่” สำรวลเป็นแม่บ้านเก่าแก่ตั้งแต่คุณชายน้องยังไม่เกิด หลังจากที่หม่อมเจ้าอโนทัยสิ้นชีพิตักษัย ที่นี่ก็เงียบเหงา เหลือแค่เธอกับเด็กรับใช้ที่มีหน้าที่ดูแลวังนี้เท่านั้น พอสิ้นเดือนคุณชายน้องก็จะให้คุณทนายมาจัดการเรื่องเงินเดือนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ทุกคน
“อันนี้อาหย่อย” หนูด้วงชี้ไปที่แพนเค้กราดน้ำผึ้ง
“ยังไม่ได้กินเลยรู้ได้ยังไงว่าอร่อยครับ” โอบอุ้มแกล้งถามหนูด้วงที่แอบเด็ดแพนเค้กไปอมจนแก้มตุ่ยก่อนได้รับอนุญาต
“หนูเป็นปู้วิเฉด จ้อนมอนก็อาหย่อย ปี้โอดอุ้นมา มาดูมาดู จ้อนมอนแบบนี้ก็อาหย่อย” หนูด้วงรีบกลืนแพนเค้กลงคอก่อนจะตอบ โอบอุ้มกับสำรวลต่างก็ลอบขำ
“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่ต้องกิน ใช้จ้องมองเอาก็อร่อยแล้ว ดีไหมครับ” โอบอุ้มถาม อีกฝ่ายทำท่าคิดหนักก่อนจะยิ้มออกมา
“มันอาหย่อยแต่ไม่อิ่ม”
“นั่นสิ พี่ก็ลืมคิดไปว่ามันจะอิ่มได้ยังไงถ้าไม่กิน ถ้าอย่างนั้นกินได้เลยครับ” โอบอุ้มยีผมหนูด้วงด้วยความเอ็นดู หนูด้วงหันไปไหว้สำรวลก่อนจะหันไปสนใจอาหารตรงหน้าต่อ
“ตัวแค่นี้รู้จักไหว้ขอบคุณ น่ารักจริงๆ เลย” สำรวลชื่นชมหนูด้วง
“ตื่นกันแล้วเหรอ หอมจังเลย น้าสำรวลทำอะไรให้ทานบ้างครับ” เทียมฟ้าเดินลงมาทักทายเด็กน้อยทั้งสองคนก่อนจะหันไปถามคนที่ดูแลตัวเองมาตั้งแต่เด็ก
“น้าทำให้เยอะแยะเลยค่ะคุณชาย กระถินไปเอาน้ำมะนาวมาให้คุณชายน้อง” สำรวลตอบเทียมฟ้าก่อนจะสั่งให้เด็กรับใช้ไปรินน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งเครื่องดื่มสุดโปรดมาให้เจ้านาย
“อร่อยใช่ไหมครับหนูด้วง” เทียมฟ้าถามหนูด้วง
“อาหย่อยฉุดๆ”
“แล้วคุณชายจะค้างกี่คืนคะ น้าอยากให้คุณชายอยู่ที่วังนานสักหน่อย”
“พรุ่งนี้น้องต้องกลับไปที่เกาะแล้วครับ น้องคงต้องฝากป้าช่วยดูแลวังให้น้อง”
“โธ่ น้ายังไม่หายคิดถึงเลยนะคะ แล้วคุณชายจะกลับมาเมื่อไหร่ ท่านหญิงวิท่านก็รอให้คุณชายมาดูแลงานของท่านชายต่อ คุณชายเอกกับคุณชายรองก็ไปเอาดีทางรับราชการกันหมด”
“น้องก็ยังไม่แน่ใจครับน้าสำรวล”
“อ้อ...คุณชายน้องคะ คุณดนัยยังตามหาคุณชายอยู่เลย มาที่นี่ตั้งหลายหนแต่น้าก็ปดไปว่าคุณชายไปต่างประเทศ” สำรวลนึกถึง ‘ดนัย’ ผู้ชายที่เคยเป็นคนสนิทของคุณชายน้อง ซึ่งจู่ๆ ระยะหลังดนัยก็หายหน้าหายตาไป ทีแรกสำรวลก็เป็นกังวลเพราะเธอคิดว่าดนัยเป็นสาเหตุให้คุณชายน้องของเธอดูหมองเศร้าและตัดสินใจหนีจากกรุงเทพไปตะลอนเที่ยวตามต่างจังหวัดเป็นเดือนๆ เธอคิดว่าดนัยไม่ได้เป็นแค่เพื่อนสนิทของคุณชายน้องเท่านั้นและเดาว่าทั้งคู่คงมีปัญหากัน
“ถ้าเขามาอีกน้าก็บอกให้เขาไปตายซะนะครับ” เทียมฟ้าพูดด้วยท่าทีที่เรียบเฉย แต่สำรวลเป็นฝ่ายที่ตกใจกับคำพูดที่ค่อนข้างรุนแรงของเทียมฟ้า
“น้าจะบอกว่าคุณชายไม่ต้องการพบเขาอีกแล้วกันนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
“อาน้อน มาดูมาดู อันนี้อะได หนูกินได้มั้ย” หนูด้วงเรียกเทียมฟ้าให้มาดูขนมเค้กรูปคิตตี้ มันถูกตกแต่งสวยงามจนหนูด้วงอยากกิน ลองขอพี่โอบอุ้มแล้วอีกฝ่ายบอกให้กินแพนเค้กในจานให้หมดก่อนหนูด้วงเลยถามอาน้องอีกรอบเผื่อว่าอาน้องจะให้กิน
“กินได้แต่หนูด้วงต้องกินแพนเค้กที่ตักมาให้หมดก่อน”
“ก้อได้ก้อได้” หนูด้วงหน้าจ๋อยก่อนจะมองเค้กคิตตี้ด้วยความอาลัย
“พี่ช่วยกินแพนเค้กให้ก็ได้ แต่ต่อไปหนูด้วงต้องตักทีละน้อยๆ เราต้องรู้จักเสียดายของ ไม่กินทิ้งกินขว้างนะครับ” โอบอุ้มสอนหนูด้วงจนเทียมฟ้ากับสำรวลนึกชื่นชมความเป็นผู้ใหญ่ของโอบอุ้ม
“หนูไม่ได้ทิ้นไม่ได้ขว้านช้ากหน่อย หนูก้อวานในจานอยู่นี่นะ พี่โอดอุ้นมาดูมาดู” หนูด้วงรีบชี้แพนเค้กที่ยังวางอยู่ในจานตามเดิม ไม่ได้โยนทิ้งอย่างที่พี่โอบอุ้มว่าสักหน่อย
“ไปต่อไม่ถูกแล้วใช่ไหมน้องโอบ” เทียมฟ้าหัวเราะเมื่อโอบอุ้มนั่งนิ่งอึ้งไป
“แล้วคุณพญาไม่ลงมาทานข้าวเหรอคะคุณชาย” สำรวลถามเมื่อเห็นเทียมฟ้าลงมาคนเดียว
“ยังไม่ตื่นเลยครับ เดี๋ยวน้องจะยกขึ้นไปให้ทานข้างบนเอง”
“อุ้ย ไม่ได้ค่ะ คุณชายจะทำเองทำไม เดี๋ยวน้าให้เด็กยกขึ้นไปให้เองค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ น้องอยากทำเอง” เทียมฟ้าตอบก่อนจะตัดเค้กคิตตี้ให้หนูด้วง
(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V