(เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) ✹ Get stuck #ติดฝน ::พิเศษ01 [08/01/2561]  (อ่าน 18673 ครั้ง)

ออฟไลน์ asipas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
   3
   
 ตอนเด็กๆเขาเคยคิดว่าพ่อตัวเองเป็นพวกขี้หวงของที่โอเวอร์แอคติ้งที่สุดในสามโลก

          พ่อเขาหวงทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ที่เข้าใกล้แม่เขาในระยะสิบเมตร แถมทำตัวเป็นเด็กงอแงน้อยอกน้อยใจที่แม่เขาให้ความสนใจกับอย่างอื่นมากกว่าตัวเอง

          ถึงขนาดที่ว่าตอนที่เขาเริ่มอ่านออกเขียนได้ก็มาพูดกรอกหูว่าแม่เขาเป็นแฟนพ่อมาก่อนจะเป็นแม่เขาอีก

          เพราะแบบนั้นพอโตขึ้นมาหน่อยเขาจึงชอบแกล้งพ่อตัวเองด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจแม่มาจากพ่อ จากนั้นก็นั่งขำกับท่าทางของพ่ออยู่คนเดียว

          แต่ก็เพราะแบบนั้นแหละที่ทำให้เขากับพ่อสนิทกันยิ่งกว่าพ่อลูกบ้านอื่นๆ

          ที่พล่ามมาก็ไม่ได้อยากมารำลึกความหลังอะไรแบบนี้หรอก แต่เขาแค่รู้สึกว่า…

          การหวงของพ่อเขาไม่ได้โอเวอร์แอคติ้งอย่างที่คิดตอนเด็กๆก็วันนี้

          วันที่เขาเริ่มคุยกับพี่ข้าว

          หลังจากที่วิ่งออกไปทันก่อนที่พี่เขาจะออกจากมหาลัยไป เขาก็เปิดปากบอกสิ่งที่มันค้างอยู่ในใจมาเป็นอาทิตย์ให้พี่เขารู้ แล้วถึงได้ทำแบบที่พ่อเคยบอกตอนสมัยเขาขึ้นม.ปลายใหม่ๆ

          แต่พ่อไม่เคยบอกว่าพี่ข้าวจะหัวเราะเขาแบบนี้!

          ไอ้ดีใจมันก็ดีใจนั่นแหละที่พี่เขาหัวเราะได้เพราะเขา แต่มองในมุนของไอ้คนที่กำลังจะกลายเป็นแฟนพี่เขาในอนาคตนี่ ความประทับใจโคตรติดลบเลยเถอะ!

          แถมคนตรงหน้าเขายังมีหน้ามาถามว่า จะคุยแบบไหน อีก ทั้งๆที่ก็รู้ว่าเขาต้องการจะคุยกับอีกฝ่ายแบบไหนแท้ๆ

          รู้งี้ไม่เชื่อพ่อก็ดี…

          แต่ถึงอย่างนั้นหลังจากนั้นทุกๆวันเขาก็จะพยายามยัดเยียดตัวเองลงไปในตารางเวลาของอีกฝ่ายเสมอ

          ไม่ว่าจะเป็นการทักไปถามเวลาว่างจากการเรียน ตามไปกินข้าวด้วยตอนพักเที่ยงที่คณะ หรือชวนอีกฝ่ายออกมากินมื้อเย็นตามร้านอาหารตามสั่งๆแถวๆหอของอีกคน แม้กระทั่งตามไปเฝ้าอีกฝ่ายถึงที่คณะเวลาที่มีงานด่วนต้องจัดการ

          ช่วงแรกบรรยากาศระหว่างคนสองคนที่เจอกันไม่กี่วันก็ออกจะอึมครึมไปสักหน่อย คุยกันได้ไม่กี่ประโยคก็เกิดอาการเดดแอร์ขึ้นซะอย่างนั้น

          และก็เป็นเขาที่เริ่มหาเรื่องขึ้นมาชวนคุยอีกครั้ง

          เพราะไม่อยากให้พี่เขาอึดอัดเวลาอยู่กับเขา

          แต่หลังจากพ้นสัปดาห์ของงานเปิดบ้านของมหาลัยไป ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดูเหมือนดีขึ้นเรื่อยๆ

          ไม่อยากจะโม้ว่าพี่ข้าวเคยชวนเขาออกไปกินขนมร้านโปรดด้วย!

          แต่ด้วยเพราะพี่ข้าวค่อนข้างเป็นคนเก็บตัว เวลาที่จะออกไปข้างนอกกับเขาส่วนใหญ่จึงเป็นตอนเย็นๆหรือตอนค่ำไปเลย

          อย่างตอนงานเปิดบ้านของมหาวิทยาลัยพี่เขายังไม่ได้อยู่ดูวงเขาด้วยซ้ำ

          ไม่ได้นึกน้อยใจหรืออะไรทั้งนั้น เพราะพี่ข้าวกลับไปตั้งแต่ช่วยงานที่คณะเสร็จเรียบร้อยด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากอยู่เบียดเสียดกับคนมากมายที่แห่เข้ามาร่วมกิจกรรม

          ขนาดวงของเพื่อนพี่เขายังไม่ได้อยู่ดูเลยด้วยซ้ำ

          เพราะแบบนั้นหลังจากที่ขึ้นแสดงเสร็จถึงได้รีบออกจากมหาลัยแล้วโทรไปชวนพี่ข้าวออกไปร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆหอเขาแทน

         
       
          (วันพุธผมมีแข่งบาส)

          ช่วงนี้ชีวิตประจำวันของเขามักจะมีอะไรแปลกใหม่แทรกเข้ามาเสมอ

          ทั้งการที่โต๊ะอาหารมีคนมาร่วมด้วยเพิ่มมาคนหนึ่ง มื้อเย็นที่มีคนโทรมาชวนลงไปกินด้วยกันที่ร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆ มีเสียงแปลกๆกับเบอร์แปลกๆที่โทรมาแทบทุกวันแบบไม่กลัวจะเปลืองเงินค่าโทรศัพท์

          แต่เขาคิดว่ามันเป็นสิ่งแปลกๆที่ดีนะ

          “พี่คงไม่ไปเหมือนเดิมนะ”

          (ครับ รู้แล้ว แค่จะบอกว่าช่วงเที่ยงไม่ได้เข้าไปหาเพราะต้องคุยกันเรื่องที่จะแข่ง)

          “ครับๆ เข้าใจ สู้ๆนะ”

          (พี่ข้าว)

          “หืม? ว่าไง จะเอากำลังใจอีกหรอ”

          (ไม่ใช่ จะบอกว่า…)

          “…..”

          (แข่งเสร็จแล้วไปฉลองกันนะ)

          เกือบๆสามสัปดาห์แล้วตั้งแต่ที่เจ้าเด็กคณะวิทย์กีฬาวิ่งเข้าหาเขาตอนวันที่ไปประชุม หลังจากนั้นน้องก็เริ่มมาที่คณะเขาเป็นประจำ ชอบชวนออกไปกินมื้อเย็น และชอบไปนั่งเป็นเพื่อนเวลาไปร้านขนม

          ยิ่งได้คุยยิ่งได้รู้จักเขายิ่งรู้ว่าน้องเป็นคนดัง เวลาเดินไปกับน้องทีไรก็จะมีคนมองตามหน้ายิ้มๆของน้องตลอด โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรสักนิด

          อย่างหนึ่งที่เขายอมรับว่าทำให้ใจอ่อนกับรุ่นน้องต่างคณะคนนี้มากๆคือการที่น้องต่างจากคนอื่นๆที่เข้ามา

          ไม่ใช่ว่าคนอย่างเขาไม่มีคนเข้าหา ถึงจะเป็นพวกเก็บตัวแต่ก็ต้องการเรื่องรักๆใคร่ๆเหมือนกัน

          แต่ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาคุยมักจะเลิกคุยกับเขาหลังจากผ่านไปได้แค่อาทิตย์สองอาทิตย์

          เจ้าพวกเพื่อนสนิทบอกว่าเพราะเขาชอบเก็บตัวทำอะไรเรียบๆเงียบๆ มากกว่าการเข้าไปนั่งดูหนังในโรงที่คนแน่นเอี๊ยดแล้วต่อด้วยการไปเดินเที่ยวซื้อของไปจนหมดวัน

          และนั่นทำให้คนพวกนั้นบอกเขาว่า เราไปกันไม่ได้

          ตอนแรกก็มีเจ็บจี๊ดๆอยู่บ้าง แต่ความสงสัยมันมีมากกว่า

          ถ้าเกิดเขาไม่ได้ทำตัวอย่างที่เคยทำจะยังคุยกับเขาอยู่ไหม?

          หรือถ้าเขายังทำตัวแบบนี้ ชีวิตนี้จะมีคนทนอยู่กับเขาได้หรือเปล่า?

          แต่หลังจากเจอบ่อยครั้งเข้า ไอ้ความเจ็บจี๊ดๆมันถึงได้เปลี่ยนเป็นชินชา

          เพราะแบบนี้ถึงไม่อยากจะสนใจใครมากเกินไป

          ไม่อยากจะคาดหวังว่าจะมีคนที่สามารถนั่งเงียบกับเขาอยู่ในห้องทั้งวันทั้งคืนได้อีก

          แต่น้องเป็นข้อยกเว้นสำหรับเรื่องนี้

          ตอนแรกเขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะคุยกับน้องได้เกินอาทิตย์

          ทุกครั้งที่น้องมาหา เขาแทบจะไม่ได้เป็นคนจุดประเด็นหาเรื่องมานั่งคุยด้วยซ้ำ กลายเป็นน้องแทนที่พยายามหาเรื่องมาคุยเพื่อกำจัดบรรยากาศน่าอึดอัดนี่ออกไป ทั้งๆที่ปกติจะต้องมีคนเข้ามาชวนน้องคุยอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว

          ตอนงานเปิดบ้านของทางมหาลัย น้องมาชวนเขาให้ไปดูการแสดงดนตรีที่น้องเล่น แต่เขาบอกว่าไม่ชอบอยู่ในที่ที่เหมือนกับตอนงานแสดงดนตรี คนเยอะทำให้น่าเวียนหัว

          เขาคิดว่าน้องคงจะรู้สึกแปลกๆกับนิสัยประหลาดๆของเขาขึ้นมาบ้าง เหมือนกับที่หลายๆคนที่ผ่านมารู้สึก

          และสุดท้ายก็ทนไม่ไหวไปตามๆกัน

          แต่น้องบอกว่า ไม่เป็นไร ให้กลับไปก่อนได้เลย

          คืนนั้นตอนเกือบสองทุ่ม น้องถึงได้โทรมาชวนออกไปกินมื้อดึกด้วยกัน



          “วันพุธวิทย์กีมีแข่งบาส”

          เหล่ตามองเพื่อนที่นั่งสวาปามเค้กตรงหน้านิดหน่อย ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับหน้าจอโน๊ตบุ๊คที่แสดงเนื้อหารายงานที่ต้องทำแทน

          เรียนเสร็จแต่ก็ต้องมีงานให้ทำต่ออยู่ดี

          “แล้วยังไงต่อ”

          “เด็กมึงไม่ได้บอกหรอ”

          “บอก”

          “แล้วจะยังไง ไม่ไป?”

          “…อือ”

          ได้ยินเสียงเพื่อนถอนหายใจก็ได้แต่ถอนหายใจตามมันในใจ

          ใจเขามันก็อยากไปเหมือนกัน อยากเห็นน้องทำอย่างอื่นนอกจากนั่งคุยกับเขา หรือนั่งกินข้าวกับเหมือนทุกๆครั้ง

          แต่เพราะไอ้นิสัยเดิมๆและเรื่องบางอย่างมันทำเขาไม่กล้าจะทำอะไรแบบนั้น

          เกลียดที่สุดก็ตัวเองนี่ล่ะ

          “มึงจะกลัวอะไรนักหนาวะ มึงก็บอกตลอดไม่ใช่หรอว่าน้องมันไม่เหมือนคนอื่น”

          อีกคนที่นั่งเงียบหางานมาสักพักถึงขั้นเข้ามาร่วมวงด้วย เจ้าสองคนนี้ตอนแรกเป็นคนเตือนให้เขาระวังน้องเองแท้ๆ

          จริงๆก็อิจฉาน้องมากกว่ารึเปล่านะ

          “มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบไป”

          “แล้วยังไงวะ ก็แค่ไปดูมันเล่นแป๊ปเดียว ที่ก็มีเยอะแยะ หาที่ๆมันหลบคนเอาก็ได้”

          ก็นั่นแหละที่กังวล

          เพราะรู้ว่าน้องดัง น้องเป็นมิตร และทุกๆคนเหมือนจะเข้าหาน้องได้แบบสบายๆ

          น้องเหมือนดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ๆที่คอยแผ่รอยยิ้มอุ่นๆให้คนรอบๆตัวเสมอ

          เพราะแบบนั้นถึงได้กลัว

          กลัวว่าสุดท้ายน้องก็คงไม่เห็นเขาที่หลบตัวอยู่คนเดียวเหมือนทุกครั้ง

          เพราะรอบๆตัวเต็มไปด้วยคนที่จะสามารถทำให้รู้สึกสนุกมากกว่าที่เขาจะสามารถทำให้ได้

          กลัวว่าสุดท้ายแล้วมันจะไม่ใช่แค่ความเจ็บจี๊ดๆอีกต่อไป




           “บ่นกลัวนั้นกลัวนี้ แต่ก็ยอมมาได้นะมึง”

          อยากจะตอบไอ้คนที่มันนั่งแซวคนอื่นเหมือนกันว่ามันนั่นแหละที่เป็นคนลากเขามาในสนามแข่งบาสจนได้ แต่เพราะขี้คร้านจะนั่งนึกหาคำเถียงกับไอ้คนกวนประสาทถึงได้นั่งเงียบอยู่อย่างนี้

          อยากจะเอาหน้าที่มียิ้มกวนเบื้องล่างบี้กับเสาข้างๆมันจริงๆ

          หลังจากที่นั่งเรียนคาบเช้าเสร็จ ความตั้งใจที่จะรีบกลับหอไปปั่นงานก่อนที่น้องจะแข่งเสร็จก็ล่มไม่เป็นท่า เพราะไอ้พวกตัวดีมันรีบฉุดเขาขึ้นรถแล้วพามานั่งบนแสตนด์เชียร์กีฬาชั้นเกือบบนสุดที่มีเพื่อนจากคณะวิทย์กีฬาจองให้อีกที โดยให้เหตุผลว่า อยากจะดูการแข่งที่เป็นมืออาชีพบ้าง

          คิดคำด่าให้พวกมันไม่ออกจริงๆ

          “เฮ้ย เอาน่า นี่ได้มาดูมันแข่งบาสเลยนะเว้ย โคตรเท่”

          ไอ้การแข่งน่ะจะดูตอนไหนก็ได้เถอะ แต่ต้องไม่ใช่ตอนที่ด้านหน้าเขาเต็มไปด้วยกลุ่มของสตรีเพศจากคณะต่างๆที่แห่กันมาเพื่อจุดประสงค์เดียวกันเกือบทั้งหมด

          จะบอกว่าพาลก็ได้ แต่ทำไมต้องให้เขามาดูคนพวกนี้กรี๊ดน้องด้วยเล่า!

          “ต่อไปจะไม่ให้ยืมสรุปแน่”

          “เชี่ยข้าว ไม่งอนดิ นั่นๆเด็กมึงมาละ”

          เพราะเพื่อนโพล่งปากเรื่องนั้นขึ้นมา ถึงได้ยอมเงยหน้าขึ้นแล้วมองตามไปยังประตูเชื่อมจากด้านหลังโรงกีฬามายังสนาม

          วันนี้เป็นแค่การแข่งกีฬากระชับสัมพันธ์ที่จัดขึ้นโดยคณะวิทย์กีฬาและคณะศึกษาเท่านั้น บรรยากาศโดยรวมจึงไม่ได้เคร่งเครียดและเต็มไปด้วยเสียงเชียร์จากสองคณะมากนัก จะมีก็แต่…

          “กรี๊ดดดดด พี่เด็ด กล้ามแน่นมากค่า”

          “น้องโอ๊นนนนนน น่ารักจังเลยลู๊กกกกก”

          “โอ้ยยยย วิทย์กีงานดีทุกคนเล้ยยยยย”

          “พี่จักศึกษาปีสามขา! หนูรักเพ่!”

          “โอ้ยยยยย มีนยิ้มละลายมากลูกกกกก”

          ไม่ต้องบอกเลยว่าได้ยินเสียงที่เปล่งออกมาเป็นประโยคประมาณด้านบนอีกกี่เสียง และได้ยินชื่อน้องจากปากของคนทั่วสารทิศอีกกี่คน

          โดยเฉพาะกลุ่มตรงหน้าเขาเนี่ย มากันเป็นแฟนไซต์น้องเลยเถอะ!

          “อื้อหือ ความดัง ความยิ้ม อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะมึง”

          ก่อนจะมาทำเสียงเป็นห่วงเป็นใยก็ช่วยสำเหนียกตัวเองด้วยว่าเป็นคนลากเขามา!

          เพราะหงุดหงิดเป็นทุนอยู่แล้ว จึงได้แต่หันไปมองค้อนให้ไอ้คนพูดหน้าเจื่อนเล่น แล้วกลับมาดูภายในสนามอีกรอบ

          พวกนักกีฬาเป็นพวกที่เขาไม่เข้าใจที่สุดแล้วสำหรับฐานันดรของคนพวกนี้ ก่อนการแข่งจะเริ่มมีการวอร์มร่างกายโดยการวิ่งแจกยิ้มไปรอบๆสนามโดยผ่านแสตนด์เชียร์ทุกๆด้าน

          เพื่ออะไรวะ? เช็คแรตติ้ง?

          แต่ก็นั่นแหละเขาไม่ได้เป็นคนที่อยู่ในจุดนั้น ถึงจะไม่เข้าใจแต่ก็คงต้องเอาตามที่พวกนั้นสบายใจ

          ปกติก็คิดแบบนั้นได้อยู่ แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป

          ตอนที่วิ่งวนมาถึงแสตนด์ฝั่งเขา น้องถึงได้เงยหน้าขึ้นแจกยิ้มให้พวกที่นั่งอยู่ตรงหน้ากรี๊ดกันเล่นๆ ก่อนจะโบกมือทักทายคนทั้งแสตนด์ประหนึ่งเป็นพี่ตูนที่กำลังจะวิ่งช่วยโรงพยาบาลอะไรเทือกๆนั้น

          “ข้าว มันโบกให้มึง โบกตอบสิวะ”

          “…ก็โบกให้หมดนั่นแหละ”

          “เออถึงจะโบกให้หมดก็โบกกลับไปสิวะ มึงดูเจ๊ที่นั่งนู่น กูนึกว่าสวิงแขนออกกำลังกาย”

          ก่อนที่จะได้ฟังเพื่อนพล่ามไปมากกว่านั้น เลยจำใจยกมือขึ้นเตรียมโบกให้น้อง แต่ก็เพราะกลุ่มที่นั่งตรงหน้าอีกนั่นแหละ

          “น้องมีนนนน ยิ้มกว้างมากลูกกก”

          “เอมมึงได้ถ่ายไหมมม ชอตเมื่อกี้!”

          “โอ้ยใจกู มือไม้สั่น ไม่ถงไม่ถ่ายแล้วโว้ยย”

          และมืออีกหลายคู่ที่ต่างพากันยกขึ้นโบกจนสูงให้เจ้าเด็กตัวสูงที่ยิ้มกว้างโบกมือกลับมาอีกรอบ

          แน่สิ น้องจะไปเห็นเขาได้ยังไง ก็ที่ที่นั่งอยู่มันมืด แถมทั้งแสตนด์คนตั้งมาก จะให้มองมาทีเดียวแล้วเจอเห็นทีคงจะยาก

          คิดเพื่อปลอบใจตัวเอง

          ไม่ใช่เพราะเป็นเขาสักหน่อยน้องถึงไม่เห็น

          “อ้ะ อิเจ๊ ถึงเวลาเม้าแล้วจ้า ฝอยมาเดี๋ยวนี้”

          “จริง เรื่องคนคุยน้องมีนนี่ยังไง สงสัยใคร่รู้มากๆ”

          “เออ ก็เนี่ย มึงไม่เห็นไอจีน้องมีนช่วงนี้หรอวะ เนี่ยนางเอาแต่เพ้อๆหาใครเกือบทุกโพสต์เลยจ้า”

          “อ้าวก็ว่าอยู่ นี่คิดว่าน้องมีคนคุยรึเปล่า แต่ก็ไม่ค่อยเห็นออกไปเที่ยวกับใคร เลยไม่กล้าคอนเฟิร์มเนี่ย”

          “แต่ถ้าน้องมีคนคุยจริงกูว่าน่าจะเป็นฝ้ายวิทย์เคมีอ่ะ”

          “เออก็จริง คู่นี้คือแม่งดีว่ะ เวลาอยู่ด้วยกันคือออร่าโคตรได้”

          “เออเหมือนออร่าคนหล่อสวยเขามีกันงี้ โอ้ย กูอิจ”

          ตลอดเวลาระหว่างการแข่งไม่ได้อยู่ในการรับรู้ของเขาเท่าไหร่

          มีเพียงคำบอกเล่าจากพวกสาวๆกลุ่มข้างหน้าเขาเท่านั้นที่แว่วมาเข้าหู

          อยากสนใจในสนามมากกว่า อยากจะปิดหู ไม่อยากได้ยิน

          แต่เรื่องพวกนั้นมันดันลอยเข้ามาซะได้

          “อ้าว ไปไหนนะ ไม่รอน้องมันหรอ แข่งเสร็จแล้วนะ”

          “ห้องน้ำ”

          เปล่า

          แค่อยากไปอยู่สักที่

          ที่ที่เหมาะกับคนแบบเขา

 

 

          พี่ข้าวมาดูเขาแข่งบาส

          ก็ไม่ได้อยากจะอวดหรือมั่นหน้าอะไรมากมายนักหรอก แต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าช่วงนี้คนทีสามารถทำให้พี่เขาเข้ามานั่งเชียร์ได้มีแค่เขา

          ตอนแรกก็ไม่ได้อะไรมากมายกับการที่อีกฝ่ายไม่ได้มาดูการแข่งเขาหรอก

          เพราะเข้าใจและรู้ดีว่านิสัยพี่เขาเป็นอย่างไร

          อีกเหตุผลหนึ่งคงเป็นความหวงโดยส่วนตัวของเขาเอง

          ไม่รู้ว่าติดมาจากพ่อตั้งแต่ตอนไหน แต่แค่เห็นคนบางคนหรือคนบางกลุ่มเห็นพี่ข้าวแล้วทำท่าสนใจก็อยากจะเข้าไปแสดงความเป็นเจ้าของเสียเดียวนั้น

          เสียแต่ว่ายังไม่มีสิทธิ์นั้น

          ปกติแล้วถึงจะเป็นแค่การแข่งขันแบบกระชับมิตรทั่วไปหรือแม้แต่จับกลุ่มเล่นกันฆ่าเวลา เขาก็มักจะมีสมาธิอยู่กับเกมเสมอ

          แต่ดูเหมือนเกมนี้ทางฝั่งเพื่อนในทีมเขาเหมือนจะรับหน้าที่หนัก เพราะตัวชู้ตสามแต้มแบบเขากลับไปสนใจคนที่นั่งอยู่บนแสตนด์แทน

          อยากกลับแล้ว อยากเข้าไปคุยด้วย อยากไปกินข้าวด้วยกัน

          แค่สองคน

          เพราะแบบนั้นเมื่อเวลาหมดและสกอร์แสดงคะแนนว่าคณะเขาชนะไปแบบเฉียดฉิวเรียบร้อยแล้วถึงได้รีบวิ่งไปทางขึ้นแสตนด์เพื่อไปบอกพี่ข้าวที่ดูเหมือนอยากจะกลับแล้ว

          รอหน่อย เดี๋ยวไปฉลองด้วยกัน

          ถึงเกมนี้เขาจะแทบไม่ได้ช่วยทีมเลยก็เถอะ

          แต่เพราะพี่ทีรั้งเอาไว้แล้วเล่าสิ่งที่ได้ยินให้ฟังถึงได้เปลี่ยนแผนโดยการวิ่งไปหยิบกระเป๋าสะพาย ยัดเสื้อนักศึกษาใส่ลงไปแบบรีบๆ แล้วก้าวเท้ายาวๆเพื่อไปหาใครอีกคน

          เดินออกมาได้ไม่ไกลเท่าไหร่ก็เจอแผ่นหลังที่เขามักจะแอบมองขณะเดินไปส่งอีกฝ่ายที่หอเสมอ

          “พี่ข้าว…”

          นั่งลงไปข้างๆเกือบนาทีเพื่อปรับลมหายใจของตัวเอง แล้วถึงได้เรียกชื่ออีกคนขึ้นมา

          “ผมดีใจนะที่พี่มา”

          “เห็นด้วยหรอ”

          “แน่นอนสิ…”

          “…..”

          “พี่ไม่รู้หรอกว่าในสายตาผมพี่เด่นขนาดไหน”

          “ดีแล้วจริงหรอ”

          “หือ?”

          “ที่เป็นพี่…”

          “…..”

          “ยังมีคนอีกตั้งหลายคนเลยนะที่เขาอยากทำให้ให้มีนมีความสุข”

          “…..”

          “เขาไม่เหมือนพี่ ถ้ามีนอยากออกไปเที่ยว เขาก็พามีนไปได้”

          “…..”

          “แถมพี่ว่าเขายังเข้ากับกลุ่มเพื่อนมีนได้อีกนะ”

          “ไม่ได้หรอก..”

          “หือ?”

          “ถ้าไม่ใช่พี่ มีนก็ไม่พาไปหาพวกไอ้กานหรอก”

          “…..”

          “ถ้าไม่ใช่พี่ มีนก็ไม่ออกไปกินข้าวด้วยเหมือนกัน”

          “…..”

          “ใช่ว่าคนที่มีนอยากอยู่ด้วยจะเป็นคนที่ทำให้มีนมีความสุขสักหน่อย”

          “…..”

          “แต่เป็นคนที่มีนอยู่ด้วยแล้วมีความสุขแล้วก็สบายใจมากที่สุดต่างหาก”

          “…..”

          “แบบพี่ไง”

          “ถ้าพี่จะปฏิเสธแบบนี้ ผมก็ไม่ยอมหรอกนะ”

          “หมายถึง…”

          “จริงๆไม่ได้ตั้งใจจะขอวันนี้ แต่เห็นพี่คิดมากแบบนี้แล้วไม่ได้อ่ะ”

          “ห๊ะ…”

          “เป็นแฟนกันนะ”

          “…..”

          “ไม่ต้องเอาคนรอบข้างมาตัดสินใจ”

          “…..”

          “ตอนนี้คนที่ตัดสินใจได้มีแค่พี่”

          “…..”

          “นะครับ”

          “อืม..”

          “ห๊ะ…”

          “งงอะไร ก็ตกลงแล้วนี่ไง”

          “…..”

          “ถึงจะเปลี่ยนใจก็ไม่ได้แล้วนะ”

          หลายๆคนบอกเขาว่าเขาเป็นคนยิ้มเก่ง เป็นมิตร และดูใจดีเข้าถึงง่าย

          แต่หลายๆคนไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเขาขี้หงุดหงิดและสันโดษขนาดไหน

          มีแค่ไม่กี่คนที่รู้ว่ายิ้มจริงๆเป็นอย่างไร

          พี่ข้าวเป็นไม่กี่คนในนั้น

          พี่ข้าวที่สามารถแสดงตัวตนจริงๆออกมาแบบที่ไม่กลัวว่าจะมีคนว่าอย่างไร

          เป็นพี่ข้าวที่เขาชอบที่สุด

          พี่ทีเคยบอกว่าเขาคนนั้นเหมือนคนที่อยู่ท่ามกลางฝนตลอดเวลา

          ทั้งเงียบ อึมครึม เข้าถึงยาก และเอื่อยเฉื่อย เหมือนเวลาที่ฝนตก

          พี่ทีแปลกใจว่าคนอย่างเขาที่เพื่อนเยอะ คนรู้จักก็มากจะอยู่กับคนที่เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้องแบบพี่ข้าวได้อย่างไร

          สำหรับเขา พี่ข้าวคือฝนที่ตกเบาๆยามที่นอนหลับอยู่ในห้อง

          คอยกล่อมให้นอน รู้สึกดีเวลาที่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มแล้วค่อยฟังเสียงฝนตกไปเรื่อยๆตลอดทั้งวัน

          และเมื่อฝนหายไปเมื่อไหร่ถึงจะเป็นเวลาของทุกคนที่รอคอยที่จะได้ออกไปข้างนอก

          แต่ไม่ใช่เขา ที่อยากจะติดฝนอยู่ในห้องกับพี่ข้าวของเขาไปอีกนานๆ

          เพราะแบบนี้ เขาถึงชอบเวลาฝนตก

          และเพราะแบบนี้เขาถึงชอบพี่ข้าว

          ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่พี่ข้าวเหมือนกับแม่ผมหรืออย่างใด

          ชอบ… เพราะเขาคือเขา

          และต้องเป็นเขาเท่านั้น







END

03.01.61
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาโดยตลอดนะคะ ขอบคุณที่เม้นให้กำลังใจตลอดเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้นำนิยายมาลง อาจจะมีจุดที่ผิดพลาดไปบ้าง แต่จะนำไปปรับในเรื่องต่อไปค่ะ
สุขสันต์วันปีใหม่ย้อนหลังค่ะ : )


ออฟไลน์ tuuili

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อัพแล้ววว ขอบคุณค่ะ :)
ปีใหม่ขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามานะคะ

ออฟไลน์ nittanid33333

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
น่ารัก...อยากอ่านต่อ  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
สวัสดีปีใหม่ค่าาาา อยากให้มีนช่วยดูแลพี่ข้าวให้ร่าเริงกว่านี้ เอาแบบแซ่บๆอะ (?) จะมีสเปไหมอะ อยากอ่านนนนนน :hao3:

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่ารักมากเลยยยยยย ขอตอนพิเศษค่า

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
พอสองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วดีมากเลยอ่ะ ดีต่อใจ....ฮือออออ

ปล. สวัสดีปีใหม่ค่าาา

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
น่ารักมากๆเลยค่ะ ตอนแรกก็แปลกใจว่าติดฝนตรงไหนยังไม่เห็นฝนตกเลย ตอนนี้เก็ทแล้ว ฮื่อ ชอบมากเลย อยากได้ตอนพิเศษที่เขาอยู่ในห้องด้วยกันจังค่ะ ถ้าคนเขียนจะกรุณา  :impress2:

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
น่ารักกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yunjae123

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
ดีงามมากกกกกกก
ชอบจังเลยอ่าาาาาา
อ่านแล้วอินตามมีนเลย ฟินตามด้วย 5555+
จะมีตอนพิเศษหลังเป็นแฟนกันมั้ยคะ?
อยากอ่านอีกเรื่อยๆๆๆๆๆเลย  :hao7:

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
นึกว่าจะนอยจนไม่ยอมเป็นแฟนซะแล้ว

อยากมีสิทธิ์หวงเหมือนกันสินะ กริ๊วๆๆๆ

ออฟไลน์ asipas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Special -1 ติดเป็นพิเศษ


สัปดาห์แห่งการสอบมิดเทอมเพิ่งจะผ่านไป

แต่หน้าที่ของการเป็นนักศึกษาคณะอักษรศาสตร์ยังไม่สิ้นสุด กำหนดการที่ต้องส่งงานที่กองเป็นตั้งๆในห้องเขาคือหลังจากสอบมิดเทอมเสร็จ

อาจารย์ไม่เคยคิดปรานีนักศึกษามหาวิทยาลัยตัวเล็กๆตาดำๆเลยแม้แต่น้อย

ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ วันเวลา ณ ตอนนี้ คือกลางเดือนมิถุนายน

และสิ่งที่ตามมากับเดือนมิถุนายนก็คือหน้าฝน

หน้าฝนก็ยังเป็นหน้าฝนเหมือนอย่างทุกที ทั้งเปียกแฉะ อับชื้น จะออกเดินทางไปไหนก็ลำบาก

โชคดีที่ครั้งนี้เขาค่อนข้างเตรียมพร้อม ทั้งของสดและอาการสำเร็จรูปชนิดต่างๆอัดแน่นเต็มห้องเล็กๆ

ในความโชคดีก็ยังมีความโชคร้ายตามมาเสมอ หลังจากที่เมื่อคืนเช็คพยากรณ์อากาศไว้แล้วว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีฝนตก ถึงได้ตื่นเช้ามาหอบเสื้อกองโตลงมาซักใต้หอ กะไว้ว่าถ้าซักเสร็จเมื่อไหร่คงทันแดดตอนบ่ายพอดี

ใครจะไปคิดกันว่าพยากรณ์อากาศจะหักหลังกันได้ลงคอ

ฝนเม็ดใหญ่พากันกระหน่ำเทลงมาหลังจากที่เทเสื้อผ้ามีสีลงไปในเครื่องได้สักพัก

ต่อไปนี้คงเชื่ออะไรใครได้ยากแล้ว แม้แต่พยากรณ์อากาศก็เชื่อไม่ได้

บ่นไปก็เท่านั้น ฝนลงห่าใหญ่แบบนี้คงไม่ได้ตากผ้าง่ายๆแน่ คิดแล้วก็ปลงจึงเดินไปลากเก้าอี้พลาสติกสีฟ้ามานั่ง แล้วเปิดหนังสือที่หยิบติดมือออกอ่าน

อ่านไปสักพักก็ยังไม่ได้ยินเสียงเตือนจากเครื่องซักผ้า แต่กลับมีเสียงรองเท้ากระทบกับพื้นที่นองไปด้วยน้ำดังมาจากทางประตูเข้าหอแทน

ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าเป็นพวกคนที่อยู่ในหอกลับมา แต่พอเงยหน้าขึ้นกลับต้องลุกพรวดแล้วเดินออกไปเปิดประตู แล้วสะกิดหลังคนที่เพิ่งวิ่งฝ่าฝนเข้ามาเบาๆ

“มีน ทำไมมาอยู่นี่อ่ะ”

น้องที่กำลังจัดเสื้อตัวเองให้เข้าที่เข้าทางหันกลับมาพร้อมสีหน้าตกใจนิดหน่อยแล้วจึงเปลี่ยนเป็นหน้ายิ้มๆที่เห็นทุกครั้งที่เจอหน้าแทน

“พี่ข้าว ดีจังที่เจอ กำลังคิดเลยว่าจะเรียกยังไงดี”

“หือ เรียกทำไมหรอ หรือนี่มาชวนไปข้างนอก?”

“ใช่ครับ ก็เห็นพยากรณ์อากาศว่าวันนี้จะไม่มีฝนตก เลยกะจะชวนพี่ข้าวไปร้านขนมสักหน่อย แต่ฝนมัน…”

จากหน้ายิ้มๆตอนแรกกลายมาเป็นยิ้มบางๆกับหน้าหงอยๆแทนที่ เห็นแล้วรู้สึกเหมือนเลี้ยงลูกหมาตัวใหญ่อยู่ก็ไม่ปาน

“แล้วนี่มายังไง เอารถมารึเปล่า”

“อ้ะ รถ…”

ก่อนที่น้องจะได้ตอบก็ได้ยินเสียงเครื่องซักผ้าดังขึ้นแจ้งเตือนซะก่อน เลยหันไปเปิดฝาแล้วขนผ้าที่เปียกหมาดๆออกมาใส่กลับเข้าตะกร้ารวมกับพวกชุดนักศึกษา

“พี่ข้าว เดี๋ยวผมถือให้”

กำลังจะหันไปเอาคำตอบก็เห็นน้องมายืนอยู่ข้างๆ แถมแย่งตะกร้าเสื้อผ้าไปถือเองอีกต่างหาก

ก็ดีอยู่หรอกที่มีคนชวนขนตะกร้าผ้าขึ้นบันไดไปยังห้องที่ชั้นสาม

แต่เจ้าตัวที่ขนนี่ไม่รู้ว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่รึเปล่า

จากประสบการณ์ที่คบกันมาแค่ไม่กี่เดือนก็สามารถสรุปได้แล้วว่าน้องเป็นพวกเจ้าเล่ห์ที่ปกปิดความร้ายกาจเอาไว้ใต้ใบหน้ายิ้มๆและท่าทางเชื่องๆ

ทั้งเรื่องที่น้องไปเล่นเล่ห์กับคนอื่นหรือตอนที่มาใช้กับเขา เหตุการณ์ต่างๆระหว่างที่คบกันมาทำให้สรุปได้ง่ายๆเลย

เคยมีครั้งหนึ่งที่น้องบังเอิญมาเจอเขานั่งคุยกับเพื่อนร่วมคณะใต้ตึกเรียนรวม พอน้องเขามาทักเขากับเพื่อนเรียบร้อยแล้ว ก็ตั้งใจจะแนะนำให้รู้จักกันไว้ ถึงเพื่อนเขาเหมือนจะรู้จักอยู่แล้วก็เถอะ

แต่เจ้าตัวสูงที่มาทีหลังกลับพูดจาแสดงความเป็นเจ้าของแบบอ้อมๆแต่สามารถเดาได้ถึงความสัมพันธ์ตั้งแต่ฟังครั้งแรก แล้วจากนั้นจึงจบด้วยการยกมือข้างขวาขึ้นมาทำรูปโทรศัพท์พลางว่า

‘เรียนเสร็จแล้วโทรมานะครับ เดี๋ยวมีนมารับ’

ทิ้งระเบิดให้กันเรียบร้อยก็เดินผิวปากอารมณ์ขึ้นอาคารไป

ไม่ได้รู้เลยว่าวันนั้นทั้งวันเพื่อนเขาคนนั้นจะซักเขาจนสะอาดขนาดไหน

“ไม่เป็นไร แค่นี้เอง ตอนลงมาขนได้ ตอนขึ้นก็ขนได้เหมือนกัน ว่าแต่ตกลงมายังไง”

พยายามจะเบี่ยงประเด็นออกเพื่อไล่อีกฝ่ายกลับหอตัวเอง

ก็ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจอะไรน้องหรอกนะ

ก็แค่เขินเท่านั้นเอง

ถึงจะผ่านการมีแฟนหรือคนคุยมาพอสมควร แต่ก็ไม่มีใครได้เข้ามารุกล้ำภายในพื้นที่ส่วนตัวของเขาเลยแม้แต่คนเดียว

แล้วตอนนี้ ณ ขณะนี้ น้องกำลังจะทำทีเหมือนช่วยขนผ้าขึ้นไปให้บนห้อง

บนห้องเขาเชียวนะ!

“ผมกำลังจะบอกพอดีเลย..”

อย่ายิ้มกว้างแบบนั้นได้ไหม เห็นแบบนี้ทีไร

“พอดีผมเพิ่งกลับจากบ้านมา เลยให้พ่อมาส่งที่นี่เลยน่ะครับ”

นั่นปะไร



คนเราก็ต้องมีครั้งแรกในทุกๆเรื่องอยู่แล้ว

ตอนเด็กพอได้ทำอะไรครั้งแรกก็รู้สึกตื่นเต้น ดีใจไปต่างๆ นานา

แต่พอโตขึ้นความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ทำอะไรเป็นครั้งแรกก็ดูจะลดลงมาหน่อย

อาจจะมีตื่นเต้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้โอเวอร์เหมือนสมัยเด็กๆ

แต่ตอนนี้เขายอมรับเลยว่าครั้งนี้ความรู้สึกนั้นได้กลับมาอีกครั้ง

ตอนที่เขามายินอยู่หน้าบานประตาสีขาว มีเลขกำกับเหนือประตูเป็นเลข 305

ห้องพี่ข้าว

“รกหน่อยนะ พอดีมีงานต้องส่ง ยังไม่ได้จัดห้องเลยตั้งแต่สอบเสร็จ”

อยากจะบอกพี่ข้าวเหมือนกันว่าห้องตัวเองแม้จะไม่มีสอบหรือมีงานก็ทำก็รกเป็นปกติอยู่แล้ว แถมดูเหมือนยังกว่าห้องนี้ซะด้วยซ้ำ

คิดแล้วก็อยากกลับไปทำความสะอาดห้องขึ้นมา

เผื่อวันไหนที่หลอกล่อ เอ้ย ชวนพี่ข้าวเข้าห้องได้จะได้ไม่อาย

หึ

“แล้วตะกร้าให้วางไว้ไหนครับ?”

ถามพลางชูตะกร้าใส่เสือผ้าให้ขึ้นสูงอีกนิด ขณะที่จ้องคนเจ้าของห้องที่ดูประหม่าไม่กล้าสบตา แถมเหมือนจะทำตัวไม่รถูกจนยืนพันมือพันแขนตัวเองอยู่กลางห้อง

ความน่ารักของวันนี้

“เอ้อ ใช่ๆ เอาไว้แถวๆกน้าห้องน้ำก็ได้ เดี๋ยวฝนหยุดตกแล้วค่อยตาก”

เหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่ามีเขาที่ขนตะกร้าผ้าอยู่ เลยหันมาตอบพร้อมหน้าตื่นๆและชี้นิ้วไปทางอีกฟากของห้องที่มีประตูปิดอยู่

พอนำไปวางเสร็จหันกลับมาพี่ข้าวก็นั่งพื้นเปิดโน้ตบุ๊คที่ตั้งอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นเรียบร้อย เห็นแบบนั้นเลยเดินเข้าไปตั้งใจจะถือวิสาสะนั่งข้างๆ แต่ก็เปลี่ยนใจถามออกไปซะหน่อย

“แต่ดูเหมือนฝนจะตกหนักอยู่นะครับ พี่คงไม่ได้ตากผ้าง่ายๆหรอก”

“อืม นั่นสิ ตกมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วด้วย”

“แล้วผมก็คงไม่ได้กลับหอง่ายๆเหมือนกัน”

คนตรงหน้าชะงักไปทันที่หลังฟังเขาพูดจบประโยค พอพี่ข้าวหันหน้ามาจ้องแล้วหรี่ตาลงก็ยิ้มกว้างๆกับตาหยีๆส่งกลับไปให้
ใครบอกว่าผู้ชายตัวโตจะอ้อนไม่เป็น

นี่หัดมาจากพ่อล้วนๆเลย

จ้องได้สักพัก พี่ข้าวก็ถอนหายใจเหมือนจะยอมแพ้แล้วลุกขึ้นไปนั่งหน้าตู้เสื้อผ้า ก่อนจะกลับมาหาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กยื่นมาตรงหน้าพลางชี้ไปที่หัว แล้วว่าต่อ

“ห้องพี่ไม่มีอะไรทำหรอกนะ แล้วพี่ต้องทำงานด้วย”

“ไมเป็นไรครับ แต่หลังจากนั้นพี่ว่างใช่ไหมล่ะ”

“ครับๆ รอได้ก็รอไปเลย”

พอทำหน้ายุ่งๆขัดกับแก้มระเรื่อจนพอใจก็หันกลับไปนั่งจดจ่อกับหน้าโน้ตบุ๊คต่อ

ใครว่าต้องรอกัน เขาก็มีอะไรให้ต้องทำเหมือนกันนั่นแหละ

นั่งมองหน้าพี่ข้าวไง

งานถนัดเขาเลย


“เฮ้อ เสร็จสักที”

นั่งเงียบๆอ่านการ์ตูนที่เอามาจากที่บ้านไปได้เกือบสองชั่วโมง คนที่นั่งจดจ่ออยู่กับหน้าจอถึงได้ถอนหายใจแล้วยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาสักที

พอหันออกไปมองนอกหน้าต่างก็ยังเห็นเม็ดฝนที่กระหน่ำตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้หนักเท่าตอนแรก แต่ก็ยังออกไปข้างนอกไม่ได้อยู่ดี

หันกลับมาก็พอดีกับที่พี่ข้าวหันมามองหน้าพอดี

“ฝนยังตกอยู่เลย มีนหิวรึยัง ฝนตกแบบนี้ก็ออกไปข้างนอกไม่ได้ด้วย ร่มพี่ก็เพิ่งพังไป ทำไงดี”

เหมือนเจ้าตัวจะกังวลเรื่องปากท้องของเขาจนลืมนึกไปว่าในห้องก็พอมีพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่บ้างจากที่เขาสังเกตเห็นบนโต๊ะข้างเคาท์เตอร์เล็กๆ

พี่ข้าวชอบลืมอะไรแบบนี้ประจำ

เมื่อสัปดาห์ก่อนตอนที่พวกเขาไปอ่านหนังสือกันที่ร้านขนมร้านประจำ พอกลับออกมาจากห้างได้สักพักพี่เขาก็โพล่งขึ้นมาพร้อมใบหน้าตกใจว่า ลืมชีทเรียนไว้บนโต๊ะที่ร้าน

ตอนนั้นก็รู้สึกงงนิดๆเหมือนกันเพราะชีทกับหนังสือเรียนทุกเล่มพี่ข้าวเอามาฝากไว้ในกระเป๋าเป้เขาเรียบร้อยแล้ว คิดทบทวนจนมั่นใจว่าไม่ได้ลืมชีทเรียนอีกฝ่ายไว้ที่ร้านแน่ๆเลยบอกออกไปว่า

‘ผมเก็บของพี่มาหมดแล้วนะ มีชีทห้าชุด กับหนังสือสามเล่ม พี่เอามาเท่าไหร่อ่ะ’

หลังจากนั้นสิ่งที่ได้กลับมาคือสีหน้าตกใจของอีกฝ่ายแล้วจึงเปลี่ยนเป็นยิ้มแหย แล้วยกมือขอโทษขอโพย

‘แหะ ลืมอ่ะว่าฝากไว้ที่มีนแล้ว’

สีหน้าตอนพูดแล้วยิ้มแหะๆก็มันเขี้ยวดีอยู่หรอก แต่เรื่องขี้ลืมนี่ดูท่าจะหนักเอาการ

พอคิดถึงตรงนี้ก็เตือนออกไปเหมือนรอบนั้น

“พี่ข้าวไม่มีพวกมาม่าหรือไข่ไก่หรอ”

“โอ๊ะ จริงด้วย! ลืมไปเลย”

และก็ได้เห็นสีหน้าเดิมเหมือนตอนนั้นด้วย

พอจะพูดดุสักหน่อยก็ไม่ทันอีกฝ่าย ที่รีบลุกขึ้นแล้วก้าวพรวดไปที่โซนห้องครัว

น่ารักอีกแล้ว

หายไปสักพักอีกคนก็กลับมาพร้อมกับหม้อที่ต้มมาม่าจนสุก มีพรอพเป็นไข่ที่ไม่สุกมากสองลูกกับพวกไส้กรอกที่ทอดจนสุก

“ต้มใส่ในนี้มันสะดวกดี เดี๋ยวพี่ไปเอาถ้วยให้นะ”

ยังไม่ได้ทันได้พูดอะไรอีกฝ่ายก็รีบหันหันเดินไปหยิบถ้วยกับช้อนส้อมออกมาสองชุด

ไม่รู้ว่ากลัวเขาหิวหรือตัวเองหิวแล้วกันแน่

พอเขากลับมานั่งลงตรงข้ามกันเรียบร้อย ก็รีบฉวยเอาถ้วยของอีกฝ่ายมาตักเส้นใส่ให้ทันที โทษฐานปล่อยให้นั่งรออยู่อย่างเดียว

ถึงจะเป็นแต่ก็เป็นแฟนเหมือนกันนะครับ

ตักแบ่งกันเสร็จสรรพก็นั่งกินไปคุยไปจนกระทั่งหมดหม้อ จนเขาล้างอุปกรณ์ทุกอย่างเสร็จสิ้น ฝนก็ยังไม่หยุดตกสักที หันไปมองนาฬิกาที่ติดบนผนังก็พบว่าเป็นเวลาบ่ายสองกว่าๆแล้ว

หันไปมองอีกทางก็เห็นเจ้าของห้องนั่งพิงหมอนใบโตนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง พร้อมทั้งกางหนังสือการ์ตูนเขาออกอ่านอย่างสนใจ

“พี่ข้าวอ่านรู้เรื่องหรอ อันนี้มันเล่มห้านะ”

พอนั่งลงบนเตียงอีกฝั่งแล้ว อีกคนยังไม่ยอมหันมา เลยเปิดปากทักเรื่องที่พี่ข้าวกำลังให้ความสนใจอยู่ คนตัวเล็กถึงได้เงยหน้าขึ้นมามอง พร้อมถาม

“หรอๆ แล้วมีเล่มแรกไหม สนุกดีอ่ะ อยากอ่าน”

พูดออกมาด้วยความสนใจยังไม่พอ หันกลับไปพลิกหนังสือที่อยู่ในมือสองสามที จนต้องเดินไปหยิบกระเป๋าเป้มาวางไว้ข้างๆเตียงแล้วขึ้นไปนั่งพิงหมอนใบเดียวกับเจ้าของเตียง

“จริงๆเรื่องนี้มันมีหลายเล่มแต่ผมเอามาแค่ห้าเล่มเพราะพวกไอ้กานมันอยากอ่าน”

พูดไปก็นั่งค้นหาหนังสือให้อีกคนไปพลาง พอเจอแล้วก็ยื่นให้เจ้าตัวที่จ้องมาด้วยตาชี้ๆน่ารักๆ เห็นแล้วอยากจะจับฟัดให้จมเขี้ยว แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลยได้แต่ยื่นหนังสือให้ พลางลูบหัวพี่เขาไปมา

“มันจบรึยังอ่ะ พี่ไม่เคยอ่านพวกนี้ด้วยสิ”

นั่งพลิกแผ่นกระดาษของเล่มหนึ่งไปสักพักก็หันมาถามทั้งที่ตายังไม่ละจากตัวหนังสือ แถมไม่ได้รับรู้ด้วยว่าตอนนี้มือผมทั้งสองข้างวนๆเวียนๆเล่นผมบนหัวกลมๆของพี่เขามาได้สักพักแล้ว

“จบตั้งแต่ผมอยู่ม.ห้าแล้ว เรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ผมเขาวิทย์กีฬาเลยน้า”

ตอบออกไปแถมลากเสียงเพิ่มความอ้อนไปอีกระดับ ให้คนที่นั่งอ่านเงยหน้าขึ้นมาสบตากันจนได้

“ทำไมอ่ะ ไม่ใช่ว่าเข้าเพราะชอบเล่นบาสหรอ”

“จริงๆตอนแรกมีนก็ลังเลคณะนี้อยู่แล้วน้า แต่พออ่านเรื่องนี้จบแล้วมันรู้สึกว่าพระเอกโคตรเท่เลย ก็เลยตัดสินใจได้ตอนนั้นเลย”

พูดจบก็หัวเราะออกมาเบาๆ เพราะคนตรงหน้าทำหน้าเอือมๆแต่ก็อมยิ้มซะน่ารัก เหมือนจะไม่รู้ตัวเองว่าเวลาคิดอะไรแล้วมันออกมาทางสีหน้าขนาดนี้

พอเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจแล้วกลับไปตั้งท่าอ่านการ์ตูนต่อ และดูท่าว่าติดลมลากยาวไปจนถึงมื้อเย็นเลยก็เป็นได้

เห็นแบบนั้นเลยหันไปหยิบโทรศัพท์ที่นอนไร้ประโยชน์ขึ้นมา กดเข้าอินสตราแกรมแล้วกดถ่ายรูปผ้าห่มที่ติดมือที่พลิกหน้าหนังสือการ์ตูนมาด้วยนิดหน่อย ปรับสีอะไรเสร็จก็กดแชร์ออกไป พร้อมด้วยแคปชั่น

‘Bedtime , Good time’

โรแมนติกซะไม่มี

นั่งไถหน้าจอดูรูปที่พวกเพื่อนๆโพสต์พร้อมกับเล่นผมของพี่ข้าวไปได้สักพัก ก็มีแจ้งเตือนจากไอ้พวกตัวป่วนที่เข้ามาคอมเม้นป่วนในรูปที่เพิ่งโพสต์ลง

จริงๆก็มีหลายๆคนที่เข้ามาเม้นบ้างไลค์บ้าง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร พอเห็นเป็นไอ้พวกนี้นี่ต้องรีบกดเข้าไปดูให้ไว

ชอบมาแซวพี่ข้าวอยู่เรื่อย

Kaarn.07 อู้ววววววว @Rammit @finalphitthipat
Rammit อยากจะแหมไปใหถึงดาวอังคาร อย่าคิดว่าไม่รู้ว่าไม่ใช่ผ้าห่มห้องมึง
finalphitthipat ไปตอแหลยังไงให้ได้เข้าห้องครับคุณมะระ /ยื่นไมค์
Manat.k เสือก @Kaarn.07 รู้ดี ไหนเห่าโฮ่งๆซิ @Rammit มะระโพ่ง กูชื่อมนัสนันท์ ไอ้ฟาย @finalphitthipat

หลังจากสู้รบกับไอ้พวกกวนส้นติงเรียบร้อยแล้วก็หันกลับมาดูพี่ข้าวอ่านหนังสือต่อ

แต่สิ่งที่ได้คือคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาอ่านการ์ตูนจนไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างตอนนั้นดูเหมือนจะเหนื่อยจากการทำงานหรือเพราะบรรยากาศภายนอกชวนให้ง่วงนอนก็ไม่รู้ ถึงได้เอียงคอซบลงกับอก โดยที่มือยังเปิดหนังสือคาไว้

เห็นแล้วก็เอ็นดู เลยจับๆบีบๆแก้มขาวไปสักพัก แล้วจัดท่าให้อีกคนมาซบให้สบายขึ้น ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่าง แล้วโน้มตัวกอดอีกฝ่ายไว้บ้าง



ว้า ร่มที่อยู่ในกระเป๋าเป็นหมันแล้วซี



เห็นมีบางคนบอกว่าอยากอ่านตอนพิเศษเราก็เลยจัดให้ และอาจจะได้อีกสัก2-3ตอนพิเศษไม่แน่ใจ
เพราะเป็นเรื่องแรกที่ลงก็เลยมีความในการเขียนด้วย
และเร็วๆนี้อาจจะมีการเปิดเรื่องใหม่ด้วยค่ะ
ฝากติดตามด้วยนะคะ : )


ออฟไลน์ PoPoe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่ารักมากๆเลย  :o8:
อยากได้แบบมีนสักคน อิจฉาพี่ข้าวอ่ะค่ะ 555555
ขอบคุณนะคะ รอตอนพิเศษเพิ่มเติมค่ะ อิอิ :impress2:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ชอบ..บบบบบ เป็นกำลังใจให้  :pig4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
น้องมีนเจ้าเล่ห์มาก 5555555

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
วันสบายในบรรยากาศฝนตกไปอีกกกกกกกกกกกกกก  :hao3:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
นังเด็กเจ้าเล่ห์  :hao7:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
น่ารักจัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น่ารักว๊ากกก
น้องมีนเจ้าเล่ห์นะลูก

พี่ข้าวตามไม่ทันหรอก 5555

ชอบมากกกเลย

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ๊ยน่ารักกกกกก เจ้าเล่ห์จังเลยน้ามีน

ออฟไลน์ yunjae123

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
กรี๊ดดดดด
ตอนพิเศษก็มา น่ารักมากกกกก
มีนเจ้าเล่ห์จังเลยเนอะ พี่ข้าวก็ดูยอมน้องอยู่นะ
เราชอบๆๆๆๆๆๆ >< :hao7:

ออฟไลน์ fammi50

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
เพิ่งมาอ่าน น่าร้ากกกกกกกกกก

ออฟไลน์ Jirat17b

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาอ่านวันฝนตกแบบนี้ได้บรรยากาศสุดๆเลยค่าาา ส่วนพี่ข้าวก็น่ารักเหลือเกิน อยากบีบบบบบ

ออฟไลน์ gibari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารัก แล้วก็ดูอบอุ่นมากเลยค่ะ
ชอบตอนน้องลูบหัวคนพี่ ดีกับใจมากเลย

ออฟไลน์ Meercorn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่าร้ากก อยากจะแหม bedtime, good time ไปถึงดาวอังคารเหมือนกัน หมันนนนไส้  :hao3:

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
น่ารักจนอยากให้เป็นเรื่องยาวเลยค่ะ 5555
รู้สึกตกหลุมรักน้องมีนกับพี่ข้าว
โดยเฉพาะน้องมีนอะ เด็กอะไรรรเจ้าเล่ห์ได้น่ารักขนาดนี้
งืออออออออ
ของคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
รอตอนพิเศษและเรื่องต่อๆไปค่ะ

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
น่ารักมากๆๆๆๆเลยค่า ชอบมาก ละมุนละไมดีต้อใจมากเลยค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด