ซีรีส์ชุด Intania ภาค IE
เรื่อง เซียนเหนือฟ้า
[ IE : Industrial Engineering วิศวกรรมอุตสาหการ ]
เขียนโดย Boorina
อิมเมจ
แจบอม + จินยอง
(สามารถแว้บไปดูได้ในเด็กดีนะคะ)
ตอนที่ 6
หน่วง
ตังค์หมดคงไปได้หรอกนะ!
นอกจากหมดไปกับของไร้สาระที่ไม่นึกอยากถอดออกเพราะมีคนใส่ให้ ยังเสียไปกับค่าถ่ายเอกสารข้อสอบเก่าและหนังสือรวมฮิตเคล็ดวิชาดิฟอิเคว ไหนจะค่ารายงานที่มาเรียกเก็บวันนี้ กลายเป็นเงินหมดกระเป๋าของจริง
คิดวิเคราะห์ถึงความลำบากเรื่องเงินทองแล้วจึงตัดสินใจนั่งรถตู้ไปหาอาพัด ใช้สกิลออดอ้อนสักนิดคงได้เงินมาหลักพันอย่างสบายๆ และอาจต้องนอนค้างที่คอนโดฯ สักคืนไม่ให้ดูน่าเกลียด ผมในตอนนี้จึงนั่งอยู่ในรถตู้แถวที่สามริมซ้ายซึ่งเป็นที่นั่งเดี่ยว สักพักสังเกตเห็นแผ่นหลังคุ้นตาด้านนอกแว้บๆ จึงพยายามเอียงซ้ายเอียงขวาเพื่อหามุมที่สามารถมองได้ชัดเจน
โป๊ก!!
“โอ๊กกกก เจ็บสาดดดด!”
ร้องครวญพร้อมยกมือขึ้นกุมหัวก่อนจะชะงักให้กับเสียงหัวเราะที่ดังขึ้น แต่พอสะบัดหน้าพรืดไปมอง ไอ้เด็กเวรสองตัวบนรถแถวเดียวกันก็รีบหุบปากแล้วหันหน้าหนีไปทันที
ถังดับเพลิงจัญไร! มาแขวนเกะกะอะไรตรงนี้เนี่ย! เจ็บจนน้ำตาจะไหล แต่ต้องทำเข้มเเข็ง เพราะมีตัวเสือกจ้องหัวเราะ ว่าแล้วก็อยากเตะเด็ก
“อ้าว ไปไหนอ่ะ” เป็นไอ้เซียนที่ร้องถามหน้าเหวอทั้งที่ยังยืนโก้งโค้งอยู่ในรถ ก่อนจะเดินไปนั่งเบาะหลังสุดด้านหลังผมแล้วยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหูผมว่า “ทีกูชวนไปไหนล่ะไม่ไป ที่แท้ก็แอบนัดคนอื่นไว้”
“ให้กูไปเถอะ ก่อนจะไม่มีแดก”
“ตังค์รายเดือนหมดแล้วเหรอ แล้วจะไปเอาที่ใคร พ่อแม่อยู่ต่างจังหวัดนี่”
“ว่าจะไปขายตูดเล่น”
เพียะ! “ไม่ขำ”
“แล้วมึงจะมาตบหัวกูทำไม กูพูดเล่นไหม รุนแรงกับกูตลอด เห็นกูเป็นอะไรเนี่ย ถาดส้มตำเหรอ กระโหลกร้าวขึ้นมาทำไง ใช้สมองคิดสิ ตอบสิ เงียบทำไม มีตะกร้อครอบปากอยู่เหรอ อ่อนหรือกาก ซากหรือเดน ไอ้เวรหรือเดือน เพื่อนหรือ...”
เฮ้! ฉิบหายแล้ว พล่ามมากจนเกือบพลั้งปาก ดีนะที่ตะปบปากตัวเองทัน ถ้าหลุดออกไปมีหวังโดนเค้นแน่ๆ
“เพื่อนหรือแฟน? แฟนหรือผัว? ผัวหรือเมีย? เอ้า เลือกเลยไอ้เทียน”
อะไรวะ ย้อนกลับมาที่ผมได้ไง คล้ายถูกย้อนกลับมาอย่างงงๆ แต่อย่าคิดนะเซียน ว่าคนอย่างกูจะหน้าบางยอมแพ้มึง พลาดแล้ว รู้จักคนอย่างกูน้อยไปแล้วโว้ย
“เลือกให้มึงแพ้ทางผู้ชาย” เป็นไงล่ะ อึ้งเลยไหมเพื่อนเซียน
“ฝอยเก่งแบบนี้ ก็ลื่นหูดี”
มันพูดสั้นๆ ไม่แยแสต่อถ้อยคำย้อนศรจากปากผม ก่อนจะกระหวัดแขนโอบรอบคอผมจากด้านหลัง สักพักจึงรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดลงมาที่ไหล่ ใบหน้าที่ขยับซุกไปที่คอ ลมหายใจที่เป่ารดบนผิวผม
“รู้สึกเหมือนเมารถเลยว่ะเทียน ฉิบหายแล้วกู”
แล้วกูต้องทำไงวะเซียน?
มึงรู้ไหมว่ากูในตอนนี้ตื่นเต้นจนขาแขนเป็นอัมพาตไปทั้งยวง สติสตังจะควานหายาดมในเป้ให้มึงก็หลุดหาย ลืมแม้กระทั่งลำดับโมเมนท์เซียนเทียนล่าสุด ครั้งนี้มันเท่าไหร่แล้ววะ ดูท่าสมองจะชะงักและประกาศหยุดทำการชั่วคราวซะแล้ว
แต่เอาเถอะ ใช่ว่าโอกาสแบบนี้จะมีกันง่ายๆ ขอ ‘แชะ’ เก็บไว้เป็นที่ระลึกสักภาพก็แล้วกัน
ภาพคู่... เส้นผมที่พันกันของเซียนเทียน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ท้องฟ้า : สุดท้ายกูเลยต้องพามันนั่งรถตู้ไปส่งที่บ้าน
PlengR&B : แล้วตอนนี้มึงอยู่ไหน
ท้องฟ้า : ห้องนอนมัน แม่มันกับมันยื้อกูอยู่กินข้าวเย็น
นี่จะสี่ทุ่มแล้วยังไม่ให้กูกลับ
อยากขึ้นเตียงกับกูก็บอกตรงๆ เหอะ ทำเป็นให้แม่มาช่วยออกหน้า
PlengR&B : เฮ้อ...
จุก เพื่อนกูเพ้อได้อีก
งั้นกรี๊ดดิ รอไร
ท้องฟ้า : เหอะๆๆๆ มันคงได้ยินหรอก
ใส่หูฟังเล่นเกมสบายใจเฉิบ สาบานได้ว่าตะกี้มันป่วย
PlengR&B : มันวางแผนลากมึงมาล่อตูดเปล่า
ท้องฟ้า : สาาาาาธุ!
พูดเห้ละ!!!
PlengR&B : เอาจริงๆ นะโว้ยไอ้เทียน
กูว่ามึงลองเสี่ยงบอกชอบมันอ้อมๆ ดูสักครั้งไหมวะ
ยังไงก็ไม่ใช่เพื่อนกลุ่มเดียวกัน
ถ้ามันจะรังเกียจมึงจนเลิกคบ
มึงก็ยังมีกูนะ
ท้องฟ้า : ถามกูบ้างยังว่าอยากมีมึงป่าวววววว
PlengR&B : ไอ้บัดซบ! ไปตายห่าไหนก็ไปเลย!!!
กูไม่สนใจมึงแล้ว
ไอ้เพื่อนเวงงงงงงงง
ไม่ทันได้พิมพ์โต้กลับไป มือถือผมเป็นอันดับวูบ สายชาร์ตของตัวเองก็ไม่ได้เอาติดตัวมาด้วย เหลียวไปมองหาของไอ้เซียนก็พบว่ามันกำลังใช้อยู่ ทั้งยังรู้สึกเซ็งที่ไอ้เซียนลากให้ผมอยู่ค้างด้วยแต่ตัวเองดันไปนั่งเล่นเกม ผมชักอยากแกล้งสับเบรกเกอร์ไฟให้มันคลั่งตาย
ลองยื่นสายตาไปใกล้ๆ ก็ชักเริ่มไม่แน่ใจว่ามันมัวเล่นเกมหรือแชทคุยกับเพื่อนในเกมกันแน่ แลดูได้อรรถรสจนลืมเพื่อนที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี่
“จะเอาอะไรป่ะ?” ไอ้เซียนถอดหูฟังออกแล้วเอ่ยถาม
ผมส่ายหน้าตีมึนแต่สายตาจับจ้องไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ “ไปอาบน้ำไป กูจะขอใช้คอมพ์หน่อย จะส่งงานเขียนแบบให้ไอ้เพลงอาร์แอนด์บี” ท้ายเสียงกระแดะเสตรสเสียงซะอ้อร้อเลยกู
“อ้อ วันนี้เปลี่ยนชื่อไลน์จากเพลงเคป็อบเป็นอาร์แอนด์บีแล้ว เยอะเนอะเพื่อนมึง”
“เยอะได้ไม่เท่ามึงหรอก”
“แตะไม่ได้เลยเนอะ เพื่อนคนนี้”
“ไม่ได้... ห้าม... อยากแตะมาแตะกูนี่”
“แตะไงอ่ะ” มันถามพร้อมหมุนเก้าอี้มาเผชิญหน้ากับผมที่ยืนอยู่ ตามด้วยงานมือที่ตะปบแหมะที่เอวผมทั้งสองข้าง “งี้เหรอ?” ว่าแล้วก็เลื้อยมือขึ้นสูงอีกหน่อย “หรือจะวกลงต่ำดี” ไม่พูดเปล่า มันเลื่อนมือลงสอดคล้องกับคำพูดจนถึงสะโพก “ยืนทำหน้าเป็นผีตายซากซะกูหมดอารมณ์เลย”
ไอ้เชี่ยเซียน... กูตกใจจนลืมหายใจต่างหากโว้ย ตัวกูแข็งทื่อเพราะตกใจขนาดนี้ยังไม่รู้อีก มึงลองเอาหูแนบมาที่อกกูนี่ มึงจะรู้เลยว่าหัวใจกูสั่นแรงมากแค่ไหน ไอ้บ้าเอ๊ย แล้วนี่อะไร แกล้งกูแล้วยังมาทำเป็นถอนหายใจพรวดยาวน่ารังเกียจใส่กูอีก
ผมมองตามไอ้เซียนที่เดินไปไปหยิบผาเช็ดตัวในตู้แล้วดิ่งเข้าห้องน้ำ
“กูใช้คอมพ์นะ” ผมตะโกนไล่หลังไอ้คนที่กำลังปิดประตูห้องน้ำ โชคดีที่เสียงไม่สั่น คงเพราะตะเบ็งเสียงเข้มสุดแรง
“เออ แต่อย่าแตะเกมกูนะ”
หลังใช้ไอแมคจอโตของมันส่งอีเมลให้ไอ้เพลงเรียบร้อยแล้วผมก็นึกอยากส่งไลน์หามัน แต่เพราะมือถือแบตหมดผมจึงกดเข้าไปที่โปรแกรมไลน์ในคอมพ์ แต่พอกดปุ๊บโปรแกรมดันรันเข้าสู่ระบบอัตโนมัต กรอบสีเขียวเต็มไปด้วยรายชื่อเพื่อน ช่องแชทมีหมายเลขแจ้งเตือนข้อความที่ยังไม่ได้อ่านยาวเหยียด
เฮ้อ... โคตรป็อบ
ผมมองรายชื่อไอ้เอกที่ไอ้เซียนค้างอ่านห้าข้อความ ในใจนึกอยากเสือกความลับของมันไม่น้อย แต่กลัวว่ากดเข้าไปแล้วมันจะรู้ว่ามีคนกดเข้าไปอ่าน และกลัวว่าจะมีการพูดถึงชื่อสาวที่มันสนใจ ผมตัดใจไม่ขอเสือก กดกากบาทปิดหน้าต่างโปรแกรม แต่มันไม่ใช่การล็อกเอาท์ เพราะเมื่อมีคนส่งข้อความเข้ามา ได้มีกล่องสี่เหลี่ยมแจ้งเตือนเล็กๆ ปรากฏข้อความแชทที่มุมขวามือทุกครั้งก่อนจะเลื่อนหายไป
เอกหัวหอม : เป็นไง เที่ยวเทอร์มินอล
ได้กันยัง เอายังวะ จับปล้ำเลยไหม
ไอ้เซียนนนนนนน อยู่หนายยยยยย
สถานะกูพร้อมเสือกกกกกกกกกกก
ตอบไวๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หน่วง...
“ทำไรวะ”
หน่วงยังไม่เสร็จ ดราม่าชะงักลึกได้แค่ปากทางซอกหลืบในหัวใจ ไอ้เซียนก็เดินตัวปลิวเข้ามาหาด้วยสภาพชิลสุดๆ ยืนเช็ดผมเปียกในสภาพสวมชุดบาสไร้แขนสีขาว สายตาจับจ้องหน้าจอที่ยังคงมีข้อความจากไอ้เอกหัวหอมเด้งขึ้นมาเรื่อยๆ
“กูไม่ได้กดอ่านนะ” ผมแหงนหน้ามองมันที่ยืนค้ำหัวผม “แค่เห็นไงว่ามันเด้งขึ้นมา”
“……” เงียบ?
“ไม่ได้เสือกอะไรเลย กูมีมารยาท”
“……” กูไม่ได้ร้อนตัวนะ มึงอย่าเงียบ
“กูเคยเป็นตัวแทนประกวดมารยาทไทยตอน ป.6 ได้ที่หนึ่งเลยนะ”
“……”
“แม่กูสอนมาดี แม่กูเป็นครูภาษาจีน มึงเชื่อใจกูได้”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร”
“……” เออว่ะ
“ร้อนตัวนะเราน่ะ”
มันตอบงงๆ เหมือนไม่ใส่ใจ ไม่รู้จะโล่งอกหรือเจ็บใจดี ใช่สิ แค่นัดสาวไปคั่วกันแล้วมีเพื่อนนอกกลุ่มมาเห็น ไม่มีอะไรต้องอาย ถูกแล้ว ใช่แล้ว เป็นผมเองต่างหากที่เพ้อไปเองว่ามันอยากเก็บเป็นความลับ ผู้ชายอย่างเราๆ การได้อวดสกิลสอยสาวเป็นเรื่องดีจะตายห่า รู้งี้กูเสือกไม่ยั้งไปนานแล้ว
แล้วจู่ๆ ไอ้เซียนก็หย่อนก้นลงมาเบียดบนเก้าอี้ตัวเดียวกับผม คลิกเมาส์ไปที่โปรแกรมไลน์แล้วเปิดแชทไอ้เอกที่พร่ำแต่อยากจะขอเสือกเต็มที่
“ชอบเสือกเนอะ”
“เออ ไอ้เอกแม่งเสือกโคตร”
“กูว่ามึง”
อ้อ นี่กูถูกเหน็บ?
“เจ็บก็ได้”
มันไม่หือไม่อือ คว้าหัวผมไปชิดแล้วกดถ่ายรูปส่งไปให้ไอ้เอก ตามด้วยพรมนิ้วลงบนแป้นเพื่อส่งข้อความออกไปสั้นๆ ว่า ‘อยู่กับไอ้เทียน กูเล่นเกมก่อน’ ก่อนจะเหยียดตามองมาที่ผมด้วยอารมณ์เหมือนอยากถีบหน้า
“เหม็นเปรี้ยวแล้ว ไปอาบน้ำไป”
“ไปเอาผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนมาให้กูยืมก่อน” มันส่ายหน้ารำคาญ เดาได้ว่าคงกำลังกราดด่าผมในใจที่ขัดเวลาเล่นเกมของมัน ผมจึงส่งเสียงบงการหวังแกล้ง “เอาเสื้อสีเหลืองนะ วันนี้วันพุธกูถือเคล็ด”
“เยอะ!”
หลังจากนั้นไอ้เซียนก็พาตัวไปเปิดตู้เสื้อผ้าก่อนจะส่ายหน้ารัวแล้วบอกว่าจะลงไปเอาที่ชั้นล่าง ไม่นานมันก็กลับเข้ามาพร้อมโยนแปรงสีฟัน เสื้อ กางเกง และชั้นในใหม่แกะกล่องสีเหลืองอ๋อยสะท้อนแสงลงบนตักผม เจ็บใจจนอยากโพล่งด่าแต่ก็เป็นตัวเองที่ร้องขอมันไป จึงทำได้เพียงส่งยิ้มหน้าระรื่นขอบคุณ
“อ้าว ยังส่งเมลไม่เสร็จเหรอ”
“อ้อ…” ผมมองย้อนกลับไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ อีเมลถูกส่งออกเรียบร้อยแล้ว “เสร็จพอดี”
ตอนที่มันหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้แทนที่ผมพร้อมมือที่ขยับคลิกเมาส์เปิดเกม มันได้ถามขึ้นว่า
“ไม่ถอดสร้อยข้อมือก่อนวะ”
“ไม่ถอด”
ถึงจะตังค์กู ถึงกูจะไม่อยากได้ แต่เพราะเป็นมึงที่ใส่สร้อยข้อมือหนังสีน้ำตาลเส้นนี้ให้ กูเลยไม่อยากถอดออก ให้วินาทีนั้นติดตรึงอยู่แบบนี้เถอะ เฮ้อ พล่ามแล้วอารมณ์ซึ้งขึ้นจมูกฟึดฟัด รันทดในความแอบเพ้อของตัวเอง
“ช่างมึงเหอะ แค่กลัวมันเปียกแล้วชื้น ที่นี้ก็จะเหม็นอับ กลิ่นชวนอ้วกก็จะติดตัวมึงเหมือนซากหมาเน่าๆ”
“เหมือนกลิ่นหัวมึงตอนนั่งบนรถตู้เลย”
ผมกระโดดหลบผ้าเช็ดผมของมันที่ถูกเขวี้ยงมาก่อนวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำไป...
โมเมนท์ที่ 188(มั้ง) ผมโดนไอ้เซียนนั่งเบียดก้น และกำลังได้นอนร่วมเตียงเดียวกับมัน
โมเมนท์ที่ 189 ขณะที่ผมนอนตื่นเต้นอยู่บนเตียงท่ามกลางความมืด แสงจากพระจันทร์เหลืองนวลด้ทอผ่านม่านบางกระทบร่างของไอ้เซียนที่ทิ้งน้ำหนังลงบนฟูกเดียวกัน ผ้าห่มที่คลุมเพียงขาผมถูกเลื่อนสูงขึ้นมาที่อก ก่อนที่เจ้าตัวจะเอนกายลงนอนบนหมอนอีกใบใกล้กัน ลมหายใจของมันที่ดังกระทบแก้วหูฟังคล้ายกระสับกระส่ายเล็กน้อย ต่างจากผมที่คล้ายสตั้นนิ่งจนลืมหายใจ
เชี่ย โมเมนท์แบบนี้ ไม่ใช่ว่ามันก็คิดอะไรกับผมนะโว้ย!
“เทียน...”
ในที่สุดมันก็เรียกผม... รู้สึกหน้าซ่านใจสั่น แม้กระทั่งตัวก็แทบเป็นตะคริวจนพูดไม่ได้หายใจก็ไม่ออก
“อืม…”
“มึงว่ากูเป็นเพื่อนที่ดีไหม”
นี่เป็นการอารัมภบทเข้าสู่ใจความสำคัญของความรู้สึกใช่ไหมวะ แล้วมือที่ทาบทับบนมือผมคืออะไร ไหนจะนิ้วทั้งห้าที่พยายามสอดประสานกับนิ้วผมอีก
“ดะ… ดี-ดิ-วะ”
เสียงจะสั่นไปไหน... โอ๊ย... กลัวหัวใจจะวายตาย มือกูนิ้วกูมันอ่อนปวกเปียกหมดแล้ว ปล่อยสิ อย่ายื้อดิวะไอ้เซียน เดี๋ยวกูข้ามขั้นสมยอมมึงเลยนะ
“งั้น... ติวแล็บเคมีมิดเทอมให้หน่อยนะ กูไม่อยากติดเอฟเป็นครั้งที่สองว่ะ ไม่งั้นกูโดนม้าด่าเละแน่เลย แต่นั่นไม่เท่าไหร่ ที่น่ากลัวของจริงคือเฮียกูอ่ะดิ มันได้กระทืบกูจมคอนกรีตถนนหน้าบ้านแน่ นะนะ เทียนน้าาา...”
ม่ายยยย มึงปล่อยมือกูเลย อย่าบีบดิวะ เจ็บ ไอ้เซียน! ไอ้ขี้โกง! ไอ้ขี้อ่อย! ไอ้คนตอแหลหลอกลวง! กูรังเกียจมึง!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อ่านไป เดาไป ลุ้นไป ว่าใครจะเนียน ใครจะแหก ใครจะหน่วง ใครจะอด... ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณที่อ่านค่ะ