[จบ]➤└ อย่ามาอยู่กับกุ้ง ┐✿ พิเศษ4/4 : 1 ปีแล้วไง 10 ปีก็ยังได้ (15/2/62) [P.35]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบ]➤└ อย่ามาอยู่กับกุ้ง ┐✿ พิเศษ4/4 : 1 ปีแล้วไง 10 ปีก็ยังได้ (15/2/62) [P.35]  (อ่าน 395654 ครั้ง)

ออฟไลน์ J029

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ป่าวประกาศไปอี๊กก

ออฟไลน์ 양아치

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนนี้ยาวจุใจมากกกก
ชอบความที่น้องกุ้งเริ่มคิดถึงทัก
ปล. ทักประกาศเรื่องกุ้งออกสื่อตลอด ชอบ 555  :-[

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
เรื่องนี้มันดี
หันมาแต่งแนวน่ารักใสๆเราก็ยังชอบเด้อออ
หวังว่าเรื่องนี้จะได้ตีตลาดคนอ่าน จะได้มีกำลังใจแต่งแบบว่างแต่งว่างปั่นเลย  :katai4: :katai4: :katai4:
ผลพลอยได้ก็ตกอยู่ที่เราอยู่ดี 55555


น้องกุ้งน่ารัก ทักอย่าทำหล่อ เดี๋ยวเจ๊หว่นไหว 5555  :3123: :impress2: :man1:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เล่นตอบแบบนี้ แล้วกุ้งจะว่าไงเนี่ย  :mew4:

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ฮืออ ติดตามนะคะ ชอบคาแรคเตอร์น้องกุ้งมากเลย น่ารักอะ อยากบีบบ ตามค่าาาา

ออฟไลน์ singalone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
ทักชอบกุ้งแน่ๆ แต่ไม่อยากจีบแบบคนอื่นเค้า 5555555555555

ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
ทักกวนประสาทเกิน ชอบเขาแล้วยังกวนแบบนี้ไม่ลดลงขอให้พระเอกแห้วเถอะ5555

ออฟไลน์ CHOIGYK_

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :sad4: มันกร้าวใจมากค่าาาาาา

ออฟไลน์ Supansahn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทักชอบกุ้ง ใช่ไหมมม ถึงได้ตามตอแยเค้าขนาดนี้

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
บทที่ 4

นี่คุณเดือนหรือหมาใน


ขวับ!

   ทุกคนในคณะหันมามองผมอย่างพร้อมเพรียงอย่างกะซ้อมไว้ ผมได้แต่อ้ำอึ้งอ้าปากค้างไม่รู้จะทำอะไรต่อ

   อะ…ไอ้ทัก อะไรของมึง! มาไม้ไหนอีกวะเนี่ยยยย

   “อีเนรคุณ” มุนินมองผมตาขวางมาจากที่นั่งด้านล่าง

   “เอ๊า?! ด่ากูทำไมอะ?”

   “มึงไปต่อยกับมันมาตอนไหน ตอนเข้าฐานเหรอ?” ไอ้อู๋กระซิบถาม หน้าตาดูพยายามจับผิดแบบเกินเหตุ

   “อือ”

   “แล้วมึงไปรู้จักมันได้ยังไง?”

   “เรื่องมันยาว ไว้เล่าได้มะ” ผมบุ้ยปาก แต่ดูท่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ลดละ

   “กุ้ง…” ไอ้อู๋พยายามเค้น ผมล่ะเกลียดสายตารู้ทันของมันจริงๆ

   “กับไอ้นี่กูไม่ได้คิดอะไรด้วยเลย จริงๆ สาบานได้” ผมชูสามนิ้ว “มันกับกูออกจะไม่ค่อยชอบกันด้วยซ้ำ”

   “ไม่ค่อยชอบ?” เพื่อนรักทำตาโต “โอ้โห มันเป็นคนแรกเลยนะเนี่ยที่ปฏิเสธของดี”

   “กวนตีนละ ของดงของดีอะไรเล่า พูดจาเพ้อเจ้อ” ผมส่ายหัว “มันชอบแกล้งกูอะ”

   “อ๋อเหรอ...” ไอ้อู๋หรี่ตามอง

   ผมเลิกใส่ใจและหันไปยังบนเวทีต่อ ไอ้ทักยังคงมองมาไม่เลิก ผมส่งยิ้มเจื่อนๆ กลับไปเพื่อเป็นการลองเชิง แต่มันก็ยังคงยืนนิ่งใส่ แหงะ

   “เอ...พี่ว่าเข้าเรื่องกันดีกว่าเนอะ” พิธีกรถอยออกมาจากไอ้ทัก “เดี๋ยวดาวเดือนจะยังอยู่กับเราบนเวทีนี้ แต่สำหรับน้องๆ คณะต่างๆ พี่มีกิจกรรมมาให้เล่นกัน ชิงรางวัลเป็น...”

   แล้วพิธีกรสาวก็ดึงผ้าสีแดงที่คลุมอะไรบางอย่างออก แล้วก็พบว่ามันคือขนมปี๊บขาไก่เกือบห้าสิบกล่องถูกตั้งไว้อย่างสวยงามเหมือนกับช็อปแบรนด์เนม เด็กปีหนึ่งอย่างพวกเราเห็นแล้วก็โห่ร้องไปตามๆ กัน

   “โอ๊ยคุณเจ๊คะ ลงทุนหน่อยเห้อออออ!” มุนินตะโกนลั่นเป็นคนแรก เรียกเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนๆ ที่อยู่ข้างๆ ได้ดี

   “แค่เห็นก็เค็มลิ้นแล้วใช่มั้ยล่ะคะ… เอาล่ะ แต่ละคณะส่งตัวแทนกันมาหนึ่งคน เดี๋ยวนี้เลย!”

   เกิดความชุลมุนในห้องประชุม ทุกคณะไม่มีใครยอมใคร ต่างขมักเขม่นเลือกคนที่ดีที่สุดออกไปหน้าเวที
แตกต่างจากเด็กสินกำอย่างเรา ที่ทุกคนแม่งไม่ได้สนใจ เอาแต่นั่งนิ่งๆ และไม่มีใครคิดจะอาสา แปดสิบเปอร์เซ็นต์ล้วนเท้าคางมองดูเหตุการณ์วุ่นวายรอบๆ โดยไม่คิดจะทำอะไร บ้างก็หาววอดๆ พร้อมจะนอนต่อ

   “เอาล่ะค่ะ ทยอยกันมาแล้ว รีบมาเร็ว!”

   “ไม่มีใครไปจริงๆ เหรอ?” ทว่าหลังจากนิ่งกันอยู่นาน ไอ้อู๋ผู้เป็นประธานรุ่นยืนขึ้นเพื่อตะโกนถามเพื่อนๆ

   “ไร้สาระน่าอู๋ จะเหนื่อยแลกขนมปี๊บทำไม” ผมสะกิดบอกมัน

   “เออ หรือว่าต้องหาคนออกไปอะอู๋ ดูดิ ขาดแต่คณะเราแล้วเนี่ย” มุนินเริ่มสับสน ทำหน้าครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะทำยังไงต่อดี แหม แล้วตอนแรกทำเป็นบ่น

   “อ้าว ยังไงค้า เหลือแต่สำกำนะค้า อย่าให้กูอายน้า กูยังอยู่บนนี้เด้อออ” เสียงในไมค์นั้นไม่ใช่พิธีกร หากแต่เป็นหยากไย่ดาวคณะ ที่บัดนี้เริ่มหน้าเจื่อนเพราะสินกำไม่คิดจะส่งใครขึ้นไปบนเวที

   “เอาไงมึง อีไย่หน้าแหกแล้วน่ะ” มุนินกังวลจนต้องยืนขึ้นบ้าง สีหน้าเคร่งเครียด ไม่ต่างจากไอ้อู๋ผัวมโนของมัน

   “ทำไมมึงไม่ไปเองอะ พูดมากจัง” ผมเห็นปฏิกริยาของมันแล้วรำคาญชะมัด

   “มึงเลยอีกุ้ง มึงออกไปเลย”

   “บ้า! เรื่องอะไรอะ!” ผมตาโต ไอ้นี่ชอบหาเรื่องให้กูอีกละ

   “เออ ไปมั้ยกุ้ง” ไอ้อู๋ก็เอากับเขาด้วย

   “ไม่ไปไหนทั้งนั้น! จะไปก็ไปกันเองสิ”

   “อีกุ้งอยู่ไหนคะ ขึ้นมาหน่อยค้า บนนี้มีคนอยากเจอ” หยากไย่ยังคงเอาไมค์ไปเล่น

   “แหงะ” ผมเริ่มหน้าเสีย แต่ก็ชะโงกไปดูบนเวทีด้วย อยากรู้เหมือนกันว่าใครมันจะอยากเจอผมกันวะ

   “พวกมึงไม่ต้องเถียงกัน กุ้ง! มึงลุกขึ้นมาเลยเร้วววว”

   “เอ่อ น้องไย่คะพี่ขอไมค์คืนหน่อยเนอะ...” พิธีกรเริ่มกลับมามีบทบาทบ้าง “อะๆ เหลือแต่สินกำนะจ๊ะ ยังไงเอ่ย จะยอมสละสิทธิ์หรือเปล่า!?”

   “กุ้ง มึงออกไปเถอะ” ไอ้อู๋ดึงแขนเสื้อผมให้ลุกขึ้นมา แงงงง ช่วยด้วยยย

   “โหยยยย ทำไมอะไรๆ ก็กูวะ” ชักหงุดหงิดแล้วนะ ฮึ่ย!

   “เร็วๆ มึงคือความหวังของพวกกูนะ”

   “ไม่ต้องมาปากดีเลยอีมุนิน เมื่อกี้มึงยังด่ากูฉอดๆๆๆ” ผมมองค้อน แต่ก็เอาเถอะ มาถึงขนาดนี้แล้วนี่ “เออๆๆๆๆ กูไปเอง”

   “เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”

   เพื่อนๆ ในคณะส่งเสียงร้องเมื่อผมลุกขึ้นและวิ่งลงไปยังบนเวที หยากไย่เข้ามากอดผมอย่างดีอกดีใจเป็นคนแรก ส่วนไอ้ฟิวส์เดือนจากสินกำเช่นกันกลับยักคิ้วให้อย่างกวนๆ ตามประสาคนขี้เก๊ก และข้างๆ กันนั้นก็คือไอ้ทักที่กอดอกทำหน้านิ่งๆ อยู่ เมื่อผมเดินผ่านมัน หน้าหล่อๆ ที่บัดนี้ไม่ดูไม่ค่อยกวนตีนเท่าไหร่ก็หลุดยิ้มออกมาซะอย่างนั้น เล่นเอาผมต้องสะบัดหน้าหนี รีบก้าวขาผ่านพวกดาวเดือนไปยังตำแหน่งที่พิธีกรเรียกอย่างรวดเร็ว

   ไอ้บ้า นิ่งอยู่ดีๆ จะมายิ้มหาแปะมึงเร้อออออ ยังไม่ได้เคลียร์เรื่องก่อนหน้านี้นะเว้ยยยย

   “เอาละคะ แนะนำตัวกันก่อนเลยอย่างแรก เริ่มจากน้องกุ้งคนดังเลยแล้วกันเนอะ”

   เพราะผมเป็นคนสุดท้ายที่ขึ้นมาบนเวที ไมค์เลยจ่อเข้าให้ที่ปากผมอย่างเลี่ยงไม่ได้

   โอ๊ยยยย ทำไมอยู่บนนี้แล้วมันตื่นเต้นจังวะ ทุกคนแม่งจ้องผมเป็นตาเดียวเลยอ่า

   “สวัสดีครับ ผมชื่อกุ้ง…”

   “อ๊ะๆ ไม่ได้จ่ะ เมื่อกี้ดาวเดือนเค้าไม่ได้แนะนำตัวตามลายเซ็นต์ของสินกำ พี่ว่าหนูต้องกู้ชื่อเสียงหน่อยแล้วล่ะน้า”[/i]

   “ง่า…”  ผมอ้าปากเด๋อด๋า

   หึ่ยยย กูว่าแล้วเชียว

   “ขออนุญาตแนะนำตัวครับ” ผมยกมือตามกฎก่อนจะเริ่ม “ผมชื่อนายอิสระ นามสกุลปัจฉิมสะหะ ชื่อเล่นกุ้ง น้องกุ้งน่ารัก ใครไม่รักก็บ้าแล้ว! จบจากโรงเรียนเซนต์เจมส์...ยอม! ยอมเป็นข้าวมันไก่! อยู่เอกการแสดงและกำกับการแสดง...”

   “เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”

   “ชื่อพรีเซ้นต์ด้วยมึง” ไอ้ไย่เขยิบเข้ามาส่งซิก

   “ฮะ?” ผมนี่งงเลย ทำไมต้องทำด้วยอะ เขาไม่ได้บอกสักหน่อยยยยย

   “เชื่อกู ทำชื่อพรีเซ้นต์ด้วย เอาปังๆ” สีหน้าของดาวคณะช่างดูอ้อนวอนเหมือนผมเป็นความหวังสุดท้าย จริงๆ มันก็อยากทำเองอะแหละดูก็รู้ แต่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ดาวคณะที่สวยเพรียบพร้อม

   “กะ..กูคิดไม่ออกกกกก”

   “เอาแบบแซ่บๆ ให้คนกรี๊ดกันไปเลย” หยากไย่กระซิบต่อ ผมได้แต่ทำตาวอกแวกจนจะหลุดออกจากเบ้ามากลิ้งที่พื้นอยู่แล้ว ส่วนหนึ่งก็เพราะตื่นเต้น แต่อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะกำลังคิดชื่อดีๆ อยู่

   โอ๊ยย ยากจังอะ!

   “กูคิดได้แต่อะไรแบ๊วๆ”

   “อย่าแบ๊วเดี๋ยวไม่เกิด!” คนสวยชี้นิ้วคาดโทษ “...งั้นเอาชื่อนี้ไป”

คุณดาวเข้ามาใช้มือป้องข้างหู พอได้ยินคำที่มันกระซิบมาก็เล่นเอาผมช็อค!

   “จะ...จะดีเหรอมึง” ผมหน้าซีด

   “เชื่อกู... เกิด” หยากไย่ขยิบตาให้

   “มีอะไรอีกมั้ยคะน้องกุ้ง” พิธีกรเอียงคอถามเพราะเห็นผมยึดไมค์ไว้นาน

   “เอ่อ...ชื่อพรีเซ้นท์…” ผมกลั้นใจ เอาวะ! ถ้ามันจะเรียกเสียงกรี๊ดเป็นหน้าเป็นตาของคณะอะ

ขอให้มันได้ผลละกัน!

ผมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกสามเม็ด ด้วยความที่ชุดระเบียบนิสิตตัวใหญ่มากผมจึงถอดออกมาทางหัวได้อย่างง่ายดาย หยากไย่ยื่นมือมารับมันไว้ให้ ท่ามกลางเสียงกรี๊ดที่เล่นเอานึกว่านักร้องเกรดเอมาเปิดคอนเสิร์ทแถวๆ นี้ ใจเย็นๆ น้า แค่ถอดเสื้อเองงงง
ผมยกมือขึ้นมาตั้งวงเตรียมจะรำ

 “รำวงๆ ด๊าวด่าว ดาวได่ ดาวได๋ ดะดิดง (เซิ้งอย่างเมามัน) หนุ่มเอ๊ย สาวเอ๊ย เรามารำวงกันด่าวด่าว เรามารำวงกันด่าวด่าว (แถมเด้าเอวแรงๆ ให้สองสามที)" ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ยืนเปลือยอกต่อหน้าประชาชนจากนั้นก็พูดด้วยเสียงที่หนักแน่น "...ชื่อพรีเซ้นท์ รำแก้บน!

“แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อีกุ้ง!” เสียงกรีดร้องจากมุนินคือสิ่งแรกที่ผมได้ยิน เหมือนเป็นแกนนำให้เพื่อนๆ โห่ร้องที่ตามมา มันดังกระหึ่มชนิดที่ผมอึ้งไปเลย

   เดี๋ยวนะ! มะ...ไม่ใช่แล้ว! ไม่ใช่แค่อัฒจรรย์สินกำ แต่ทุกคนในห้องส่งต่างก็สติแตกกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งไปหมด

   ชอบกันใช่มั้ยอะ! โอ๊ยยย น้ำตาจะไหล ชื่อพรีเซ้นท์แรกที่ไม่แป้ก ถูกการันตีด้วยความถูกใจของคนหมู่มาก ต้องบันทึกไว้ในกินเนสบุ๊คแล้วโว้ยยยยยย!

   ผมดีใจจนต้องยกมือขึ้นมาไหว้สลับไปทุกสารทิศ แต่ผมสะดุดไปจังหวะหนึ่งเมื่อเห็นท่าทีของไอ้ทัก เดือนพละสุดกวน

   มัน... กำลังอ้าปากค้าง แถมสายตาจ้องมายังจุดที่ไม่สมควรเอามากๆ อีกตะหาก!!

   “...”

   ผมดึงเสื้อจากมือหยากไย่มาปิดหน้าอกสีชมพูนมเย็นของตัวเองไว้จนไอ้ฝ่ายที่มองอยู่รู้ตัว ไอ้ทักรีบหุบปากแทบจะทันทีพร้อมกับแสร้งทำเป็นเอามือไพล่หลัง เขย่าตัวเองไปมาส่งยิ้มให้กับสิ่งแวดล้อม เหมือนจะเนียนว่าปฏิกริยาที่เห็นก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น!

   โอ๊ยยยยยยย จะมาจ้องนมกูทำไมกันเล่า!

   “อ๊ายยย น่ารักเว่อร์ค่ะน้องกุ้ง แหมหูแดงเชียว เขินสาวเหรอจ๊ะ?” พิธีกรหยิกแก้มผมอย่างหมั่นเขี้ยว

   โอเค ยอมรับก็ได้ว่าเขิน สาวๆ อะไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้เดือนพละโน่นสิ! แง๊ อายหัวนมอะ...

   ไมค์ถูกส่งต่อไปที่คนอื่นเรื่อยๆ แล้วช่วงเวลาแนะนำตัวก็หมดไปในที่สุด

   “เอาล่ะ เราจะเริ่มแข่งขันชิงขนมขาไก่แล้ว กติกาก็คือ แดนซ์แบทเทิ่ล!”

   นั่นไง…กิจกรรมสร้างสรรค์อีกแล้วแม่คุณ

   “ใครเต้นได้แรงสุด ได้เสียงกรี๊ดมากที่สุด รับไปเลยขนมขาไก่ที่กินทั้งชาติก็ไม่หมด เราจะเริ่มกันหลังจากที่เพลงขึ้น พร้อมนะคะ”

   เดี๋ยวววว ผมยังไม่พร้อมมมม

   “ปิ๊ดดดดดดด เริ่มได้!”

   จังหวะดนตรีเริ่มขึ้นเมื่อสิ้นเสียงนกหวีด ดาวเดือนข้างหลังช่วยบิ้วเพื่อนจากคณะเดียวกันด้วยการโห่ร้องไม่ก็ตบมือตามจังหวะเพลง ซึ่งขอบอกเลยอีไย่ก็เป็นกำลังใจชั้นดีเลยทีเดียว เสียงกรี๊ดของมันนี่ดังกว่าใครเลย แต่ยังไงผมก็ไม่กล้าเต้นอะ ฮืออออ

   “เต้นสิกุ้ง นิ่งทำไมเนี่ยยยย!” อีไย่เขยิบเข้ามาประชิดตัวผมอีกรอบเมื่อเห็นว่าเอาแต่ยืนนิ่ง

   “เต้นไงดีอะมึง” ผมทำหน้าแหยอย่างกังวล

   “เอาแรงๆ”

   “โอ๊ยยย กูเต้นไม่เป็น เคยแต่เต้นคัฟเวอร์”

   “วงอะไร?” ดาวคณะเท้าเอว

   “ทูพีเอ็ม”

   “ไม่แรงเท่าไหร่ กูว่าต้องเต้นแบบมิสเอ ลองดูๆๆๆๆ”

   “โอ๊ยยยย” ปวดหัวโว้ยยยย

   ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ได้คะแนนนำโด่งไปก่อนแล้วเพราะออกเสต็ปแบบไม่มีใครยอมใคร เหลือแต่ผมคนเดียวนี่แหละที่ยืนเอ๋อ ขนาดแค่ขยับแข้งขยับข้าก็ยังไม่ตรงจังหวะเลยด้วยซ้ำ

   “ยืนนิ่งทำไม เต้นดิ”

   หืม นี่มันเสียงไอ้ทักนี่หว่า

   เดือนพละที่ตอนนี้ปาดผมเรียบแปล้โชว์ความหน้าใสยืนกอดอกมองอยู่ใกล้ๆ แถมยังทำเป็นขมวดคิ้ว อย่ากับเป็นเรื่องเครียด เอ๊า แล้วเด็กคนละคณะอย่างมันจะมาสนใจผมทำไมอ่า

   “กูอายอะ ไม่ค่อยได้เต้น” ผมพูดแบบเหนียมๆ ส่วนหนึ่งก็เพราะกลัวมันด้วยแหละ ไม่รู้ว่าจะหายเดือดหรือยัง เดี๋ยวโดนดุแบบมะวานจะทำไง

   “อายอะไรวะ” ไอ้ทักเดินเข้ามาใกล้ “อายกู?”

   ผมเป้ปาก “อย่าเข้าข้างตัวเองดิ๊”

“อ้าว ถ้างั้นไม่ได้อายกูแล้วอายอะไร?”

   “ก็…”

   นั่นสิ… อายอะไรวะ ตอบตัวเองไม่ถูกเหมือนกัน

   “ไอ้เต้นอะ แค่ใส่อารมณ์หน่อยมันก็ได้แล้ว” ไอ้ทักโคลงตัวเข้ามาใกล้ “ไม่ต้องกลัวกูจะเห็นมึงหรอกน่า กูเห็นถึงนมมึงแล้ว”

   “ไอ้ส้นตีน! ก็บอกว่าไม่ได้อายโว้ยยยย”

   “ถ้างั้นจัดสเต็ปมันส์ๆ ให้ดูสักทีดิ๊” ไอ้ทักแยกเขี้ยว “เดี๋ยวแพ้แล้วจะขายขี้หน้าเอานะ”

   ถึงตอนแรกกะจะไม่สนใจ แต่พอได้ยินคำว่าแพ้แล้วมันนึกขึ้นได้ว่านี่คือการแข่งขันนี่หว่า การเต้นครั้งนี้มันมีคำว่าศักดิ์ศรีมาเดิมพันด้วยด้วย โอเค งั้นผมจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!

   เสียงกรี๊ดเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อผมทำท่าปาดเจล ที่เลือกจะเต้นท่านี้เพราะตาดันเหลือบไปเห็นทรงผมของไอ้เดือนพละเข้า แต่เอาจริงๆ ผมจำท่านี้มาจากวัยรุ่นแถวบางขุนเทียนตอนวันสงกรานต์ด้วยแหละ แม่งโคตรเท่

   จากนั้นผมก็จัดมาให้ทุกท่า แว๊นซ์ทุกสไตล์ แต่ยอมรับเลยว่าแม่งปลดปล่อยได้ดีโคตรๆ แถมยังเรียกสายตาจากคนอื่นได้ดีอีกตะหาก เชื่อเลยว่าตอนนี้ผมมีคะแนนนำแล้ววววววว

   เห็นงั้นผมจึงไม่ปล่อยให้ตัวเองนิ่ง จัดต่อทั้งท่าปะแป้ง ดึงดาว และสาวเชือก และอื่นๆ เท่าที่จะนึกออก

โอ๊ยยย มันส์โว้ยยยยย

   “ปิ๊ดดดดดดดดดดด” เสียงนกหวีดบอกหมดเวลา โห่ไรวะ ยังไม่หายมันส์เลย

   “ตายแล้วววว เดือดทุกคน แต่เห็นทีพี่ต้องมาหาคนนี้ก่อนเลย” พิธีกรเดินมาใกล้ “น้องกุ้งคะ ท่าเต้นไม่ค่อยเข้ากับหน้าเลยนะลูก”

“แฮะๆ” ได้แต่แลบลิ้นหอบแฮ่กๆ อย่างกับหมา เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ยย

“เอาล่ะคะเราได้ผู้ชนะแล้วด้วยคะแนนอันเป็นเอกฉันท์… น้องกุ้งจากคณะศิลปกรรมศาสตร์!!”

   “เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ” เพื่อนๆ ร่วมคณะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ แหม่ พอเห็นแล้วผมละภูมิใจซะจริงๆ ถือว่าได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์ได้สักที ไอ้พวกชอบเหน็บจะได้เลิกแซว

   “น้องกุ้งรับไปเลยค่ะ ขนมขาไก่! อย่าลืมเอาไปแบ่งเพื่อนๆ ด้วยน้า… “

   ผมทำพิธีรับมอบรางวัลโดยมีดาวเดือนทุกคณะเป็นสักขีพยาน ขณะที่กำลังจะปั้นหน้าให้กล้องของพี่สภาฯ แชะภาพ สายตาผมก็ดันไปเห็นไอ้ทักทำเป็นดึงหน้าขรึมสู้กับกล้องอยู่ ไม่รู้ทำไมเห็นแล้วจู่ๆ หูก็ร้อนขึ้นมาอีกครั้ง

   แม่ง...เห็นนมผมอะ

   “น้องกุ้งคะ สุดท้ายแล้ว… มีอะไรจะบอกเพื่อนๆ ในคณะที่ส่งเสียงเชียร์มะกี้มั้ย” พิธีกรจ่อไมค์ถาม

   “เรา…” โอ๊ย ยังไม่หายหอบเลย เหนื่อย! “เราจะ… เป็นโรคไตไปด้วยกันครับ”

   ผมยิ้มอย่างฝืนๆ เพราะหายใจไม่ทัน แต่ถึงอย่างนั้นคำพูดของผมก็เรียกเสียงหัวเราะของคนทั้งฮอลล์ได้

   ซึ่งนั่นก็รวมถึงไอ้เดือนคณะพละที่อยู่บนเวทีนี้ด้วย…

   ไอ้ทักคงรู้ตัวแน่ว่าผมเห็นมันหัวเราะ เพราะมันรีบหุบปากลงทันทีอย่างกับตั้งใจจะวางฟอร์ม แถมมีการทำเป็นรีบเหล่ๆ หลบๆ มาทางนี้เพื่อจะดูว่าผมมองอยู่หรือเปล่าอีกต่างหาก หึ ไม่เนียนลูก ไม่เนียน...

   ผมยิ้มกว้างแบบกวนตีนๆ ตอนที่มันทำเป็นหันมาอีกรอบ พออีกฝ่ายเห็นมันก็ค้างไปเลย ไอ้ทักมองผมนิ่งๆ เหมือนดูท่าที มีการเลิกคิ้วขึ้นมาหนึ่งข้างแบบคนสงสัยอีกต่างหาก

   งงบ้าอะไร ก็ยิ้มให้มึงเนี่ยแหละ นึกขึ้นได้ เข้ามาคุยกับผมแบบนี้มันคงหายโกรธผมแล้วสินะ!

   “…”

   “ผีออกยัง ไอ้บ้า” ผมขยับปากแบบไม่มีเสียง

   ไอ้เดือนพละกระตุกรอยยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ๆ กวนๆ ตามสไตล์ คนบ้าอะไร ยกมุมปากขึ้นข้างเดียวแล้วโคตรดูน่าถีบ ดูดิ เหมือนหมาในอย่างที่ผมว่าไว้ไม่มีผิด

   เอาเถอะผมจะคิดว่านั่นคือคำตอบ ไม่ว่ามันจะโกรธผมเรื่องอะไร ก็ถือว่าเราง้อกันแล้วล่ะนะ




กร๊วบๆๆ

   ผมเคี้ยวขาไก่อย่างเมามัน ส่วนตาก็กำลังอ่านบทที่ต้องจำไปแคสติ้งซึ่งโมเดลลิ่งดีลมาให้ ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้องอ่านหนังสือบริเวณชั้นหนึ่งของหอ โชคดีที่ยังไม่เปิดเทอมจึงไม่ค่อยมีใครมาใช้บริการมากเท่าไหร่ ผมเลยค่อนข้างจะมีสมาธิ แม้ลิ้นจะไม่สามารถรับรสอะไรได้อีกแล้วนอกจากความเค็มของขนมขาไก่ก็เหอะ ผมร่วงแน่โว้ยยยย

   ใครบางคนผลักประตูกระจกเข้ามา ผมสบตากับบุคคลปริศนานั้นเมื่อเขาเงยหน้า ไอ้ทักผู้สวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นมาพร้อมกับกีต้าร์ในมือ เส้นผมสีดำสนิทเหนือดวงตาคมนั้นเปียกชื้น ไม่คิดจะเช็ดให้มันแห้งก่อนหรือไงนะ

   ไอ้ทักเห็นผมจ้องก็ทำเป็นยิ้มแป้นจนตาหยี

   “ยิ้มบ้าอะไร” ผมส่ายหัว

   “อ้าวก็มึงจ้องหน้ากู ให้ทำไงอะ?”

   “กูแค่มองเฉยๆ ปะ” ผมพูดพึมพำก่อนจะก้มอ่านบทต่อทำเป็นไม่สนใจ

   “อ่านไรอะ”

   “บท” ผมตอบสั้นๆ ไม่ได้เงยหน้ามองมันด้วยซ้ำ แต่เห็นว่าเท้ายาวๆ ที่สวยน่ามองนั้นก้าวเข้ามาใกล้

   “บท? บทละครอะเหรอ? จะเป็นดาราแล้วรึไง”

   “เปล่า แค่จำไปแคสติ้ง” ผมเงยหน้าเพราะเสียสมาธิ พร้อมกับเพยิดหน้าไปทางเครื่องดนตรีในมือชิ้นนั้น “แล้วมึงอะทำอะไร”

   “ภารกิจเพื่อชาติ” ไอ้ทักยิ้ม “โดนรุ่นพี่ดุว่ะ ต้องซ้อมอีกเยอะเลย”

   “ประกวดดาวเดือนอะเหรอ?”

   “เออดิ” มันพยักหน้า “กูขอซ้อมในนี้นะ รูมเมทกูแม่งก็นอนหมดแล้ว จะไปหาไอ้โมทย์ก็กลัวมึงจะว่า ไม่คิดว่ามึงอยู่ตรงนี้ ...จะรบกวนปะ?”

   “ไม่เป็นไร ตามสบายเหอะ” ผมโบกมือ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ามีบางเรื่องยังไม่ได้เคลียร์ “นี่หายโกรธกูยังอะ?”

   ไอ้ทักเลิกคิ้ว “โกรธเรื่อง?”

   “อ้าว ก็...”

   “ถ้าเรื่องวันนั้นมึงไม่ต้องคิดมาก อากาศแม่งร้อนทำกูสติแตก”

   “มึงเป็นหมาบ้าหรือไงเล่า” แม่งชอบทำเป็นเล่น “เอาดีๆ”

   “เอออออออ ไม่ได้เป็นเหี้ยอะไรเลย กูก็ลืมไปว่ามึงเป็นของมึงอยู่แล้ว กูขี้เสือกเองแหละ”

   โห... ‘มึงเป็นของมึงแบบนั้นอยู่แล้ว’ เจ็บสึสสสสสส

   “งั้น กูไปนั่งตรงนู้นนะ”

   ไอ้ทักเดินไปจับจองโต๊ะมุมห้อง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะดูคอร์ด ผมก้มลงอ่านบทต่อตอนที่มันเริ่มดีดโน้ตแรก โอ้โห อ่านบทพร้อมมีดนตรีคลอโคตรจะโรแมนติกเลยอะ และเอาจริงนะ ไอ้บ้านั่นก็ฝีมือใช้ได้ ฟังแล้วไม่ระคายหูเท่าไหร่เลย

   “เห็นเธอเดินมาไกลๆ ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร หน้าเธอสวยที่สุดเลย”

   มือผมชะงักคาปากคาไฮไลท์เมื่อเสียงเพราะเกินคาดนั้นทะลุเข้าหู ผมเงยหน้ามองแผ่นหลังของคนที่กำลังดีดกีต้าร์พร้อมกับวางปากกาเงี่ยหูอย่างตั้งใจฟัง


[อ่านต่อด้านล่าง]

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
[ต่อ]

มันไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกมอง ผมจึงมีโอกาสได้สังเกตแผ่นหลังกว้างและยาวนั้นขยับขึ้นลงตามจังหวะได้อย่างไม่ต้องหลบซ่อน

   อยู่ๆ ผมก็ยิ้มออกมา มันเป็นยิ้มแบบ... ไม่รู้ดิ อย่างกับว่าเสียงร้องของมันนั้นช่วยบำบัดให้ผมสดใสขึ้นมาได้อย่างนั้นแหละ

   ผมตัดสินใจวางปากกา ก่อนจะลุกขึ้นไปยังมุมห้องนั้น ถือวิสาสะหย่อนตูดนั่งยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามคนที่กำลังเล่นดนตรี

   แล้วเสียงกีต้าร์ก็หายไป ไอ้ทักทำหน้าฉงนเหมือนหมาใส่ผมทันที

   “กูกวนมึงเหรอ” คนตรงข้ามหน้าเสีย

   “เปล่า” ผมทำเป็นเอียงคอ “แค่อยากมาดู”

   ไอ้ทักเกือบจะยิ้มออกมาแวบหนึ่ง... จริงๆ นะผมรู้สึกได้ แต่มันดันกลบเกลื่อนด้วยการทำหน้ากวนตีนอย่างที่เคยทำประจำ

   “กูเขินเลยนะครับเนี่ย”

   “มึงจะโชว์ร้องเพลงเหรอ”

   “ก็ทำได้แค่เนี้ย” ไอ้ทักทำหน้าเหม็นเบื่อ “รุ่นพี่ก็บอกว่าแม่งโคตรจะเบสิก แต่จะให้กูไปเต้น เหาะเหินตีลังกาก็ไม่ไหวว่ะ”

   “แต่มึงเป็นเด็กพละนะ?”

   “กูเรียนวิทย์กีฯ” ไอ้ทักเท้าคาง “กูเก่งแต่เรื่องมวลกล้ามครับน้องกุ้ง”

   ผมกระตุกยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินมันพูดชื่อเล่นจริงๆ ฮึ่ยยยยย ไม่ใช่กบ ไม่ใช่ไก่อะเนอะ

   “มันต่างกันยังไงอะ”

   “เอาง่ายๆ กูสอนมึงได้ว่าออกกำลังกายแบบไหนถึงจะดูดี แต่กูจะไม่สามารถเอ็นเตอร์เทนให้คนหมู่มากสนุกได้หรอก” ไอ้ทักถอนหายใจ “เฮ้อ ทำไมไม่เลือกเดือนจากนันทนาการก็ไม่รู้”

   “คงหล่อไม่เท่ามึงมั้ง”

   ไอ้ทักเลิกคิ้วหนึ่งข้างทันที

   “กูหมายถึง มึงขี้เหร่น้อยที่สุดไง” ผมเกาท้ายทอย โอ๊ยยย พอกูพูดตรงๆ นี่ก็มีปัญหาจังเลยนะ

   “อ่า… ก็คงงั้น” มันพยักหน้า “แล้วนี่มึงจะนั่งดูกูจริงๆ อะ?”

   “เออ”

   “ฮึ่ยยย เขินมากกว่าเดิมแล้วเนี่ย”

   “เป็นบ้าอะไรนักหนา!!” ผมหมั่นไส้อาการสะดิ้งแบบเฟคๆ ของมันซะเต็มประดา

   “อะๆ งั้นกูจะเล่นให้มึงฟัง ดีไม่ดีบอกด้วย โอเค้?”

   ผมอมยิ้ม “ก็ได้”

   “ทำไมทุกครั้งที่มึงทำลอยหน้าลอยตาแล้วกูรู้สึกว่ามึงแรดสุดๆ เลยวะ”

   “เห็นมั้ย กูว่าแล้วว่ามึงต้องด่ากูด้วยคำนี้” ผมกลอกตา ตั้งใจยื่นคางเข้าไปเพื่ออธิบายให้ชัดๆ “กูไม่ได้แรด กูแค่สดใสที่สุดในวิทยาเขตนี้”

   “เหรออออออ” ไอ้ทักทำหน้าเหม็นเบื่อ “ไม่เข้าใจ แรดขนาดนี้ทำไมยังมีแต่คนชอบวะ” มันยื่นหน้าสวนเข้ามาบ้าง

   “มึงจะยื่นหน้าเข้ามากัดคอกูหรือไงฮะไอ้ไดโนเสาร์”

   เวร!

   “ฮึ? กูอะนะไดโนเสาร์?”

   โอ๊ยยยยยยย หลุดปากพูดคำด่าที่รู้แค่คนเดียวออกไปจนได้ มันรู้หมดแล้วเนี่ยยย

   “ลืมๆ ไปซะ”

   “แล้วมาทำโวยวายเวลากูเรียกกบ โถ…ไอ้กบเอ้ย โอ๊ย!!”

   นี่!! หมั่นไส้ ถีบขาแม่งซะเลย!!

   “เจ็บสัส ...โดนไข่กู” ไอ้ทักหน้าเขียว กุมของรักสูดปากเหยเกด้วยความเจ็บปวด

   “จริงอะ…” เวรเอ๊ยยย เมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจจะให้โดนน้องชายมันนะสาบานได้!!

   “ฮึ กูล้อเล่น” อ้าว ไอ้สัสทัก

เนี่ยยย แม่งก็ชอบเล่นอย่างเนี้ยยยยย

ไอ้เด็กพละทำเป็นยิ้มเก๊กๆ ยักคิ้วหลิ่วตา “ถ้ามึงโดนไข่กู ขามึงได้หักวิ่งแจ้นไปใส่เฝือกแล้ว”

   “พ…พูดบ้าอะไรเนี่ย”

   “พอๆ เลิกยุกยิก! จะฟังกูมั้ยฮะ!”

   “ยุกยิกบ้าอะไรเล่า!” ผมทำเป็นเอามือเกาแก้ม ลามไปปิดหูแดงๆ ไม่ให้อีกฝ่ายเห็น “เล่นสักทีดิ”

   “เห็นเธอเดินมาไกลๆ ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร หน้าเธอสวยที่สุดเลย ท่ามกลางผู้คนมากมาย สายตาเธอเป็นประกาย อย่างนางฟ้าอยู่ตรงนี้…”

   ไอ้ทักเหลือบขึ้นมามองเป็นระยะๆ ผมรีบหลบตาแล้วโคลงหัวเอ็นจอยกับจังหวะดนตรี

   “อยากจะมอง อยากจะมอง อยากมอง ลึกเข้าไป อยากจะรู้ในใจเธอนั้นคิดอะไร…” ไอ้ทักหยุดแปบนึงแล้วยกนิ้วชี้มาทางผม

   “เป็นบ้าเหรอ” ผมเบ้ปาก

   “เธอจะเหงา เธอจะเหงา เธอจะเหงา เหมือนกันบ้างไหมเธอ… แค่อยากให้เธอได้รู้ อยากให้เธอลอง เธออาจจะยังไม่พร้อม จะยอมรักใครจริงสักคน โอกาสดีๆ อย่างนี้จะมีอีกกี่หน จะเป็นไปได้ไหม ให้เราสองคนได้มาคุยกัน…”

   มันใช้นิ้วเรียวข้างเดิมนั้นโซโล่อยู่สักนาทีจากนั้นก็หยุด นั่นทำให้ผมรู้สึกตัวและเอนหลังตรงติดเบาะอย่างเก้ๆ กังๆ

   เคลิ้มขนาดนี้ ใครก็ได้ส่งมันไปไอแคนซียัววอยซ์สิ

   “ว่าไง” มันเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

   “ก็ดี…”

   “จริงใจปะเนี่ย”

   “เห็นกูเป็นคนตอแหลเหรอ” ผมมองหน้าหาเรื่อง “บอกว่าดีก็ดีดิ”

   “แล้วมึงว่าคนอื่นจะชอบปะ?”

   “อืม... กูว่ามึงได้ใจสาวๆ ชัวร์”

   “แล้วมีสิทธิ์ชนะมั้ยอะ?”

   “ก็ถ้าไม่มีใครเสียงดีเท่ามึงอะนะ... ไม่แน่ๆ”

   ไอ้ทักแยกเขี้ยว ทุกอย่างกำลังจะดีอยู่แล้วเชียวถ้ามันไม่ระเบิดหัวเราะลั่นซะก่อน

   “ฮ่าๆๆๆๆๆ”

   “…”

   อะไรของมันวะ

   “นี่มึงคิดว่ากูจะใช้เพลงนี้ประกวดจริงๆ เหรอ?”

   “อ้าว…”

   “มึงเป็นคณะคู่แข่งนะคร้าบบบ ขืนเอาเพลงที่จะใช้แข่งจริงมาเล่น มึงก็เอาไปบอกคนอื่นหมดดิ”

   “ไอ้สัส…” ผมเอื้อมมือไปทุบไหล่มันดังอั่ก “แล้วจะเล่นหาป้ามึงเหรอ”

   ไอ้ทักร้องโอดโอยแต่ก็ฝืนอธิบายต่อ

   “เอ๊า ก็มึงบอกว่าอยากดูกูเล่น กูก็เลยเลือกเพลงนี้ให้มึงไง…”

   พอได้ยินอย่างนั้น อารมณ์ที่พุ่งพล่านก็ดับลงทันที ดับแบบดับมอด ดับสนิท ไม่มีทางฟื้น อย่างกับมีคนเอาน้ำมาสาดแล้วกระโดนเข้าไปกระทืบๆๆๆ กองฟืนที่ดับมอดนั้นไม่ให้มีเศษไฟเหลือสักจุดเดียว

   หมายความว่ามันร้องเพลงนี้ให้ผมฟังถูกมะ? ไม่ได้เข้าข้างตัวเองเนอะ

   ง่า...ไหงเป็นงี้ได้อ่ะ

   “มึงนี่มันน่ารำคาญ กูไปนอนและดีกว่า” ผมก้มหน้างุด ลุกพรวดจากเก้าอี้แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

   “เดี๋ยวดิ” ไอ้ทักใช้คอกีต้าร์ดันตัวผมไว้ หน้ามันเริ่มเสีย “นี่โอเคปะเนี่ย”

   “กูเบื่ออะ” ผมมุ่ยหน้า “มึงชอบกวนตีน”

   “โถกุ้งยังไม่ชินอีกเหรอ มีเวลาไหนบ้างฮะที่กูไม่แกล้งมึง”

   “เออ ระวังกูทนไม่ไหวขึ้นมาแล้วกัน”

   “หึ” มันส่ายหัวอย่างยอมแพ้ “เออๆ ขอโทษๆ ไปนอนเหอะ กูนี่แม่งมาไล่ที่มึงชัดๆ”

   “รู้ตัวก็ดี” ผมทำเป็นกลอกตารีบพุ่งไปคว้าข้าวของจากโต๊ะ ใช้สายตาเหลือบไปที่ไอ้ทักซึ่งกำลังจ้องมาแปบนึง ก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องโดยไม่ล่ำลากันสักคำ

   “เดี๋ยวไอ้กุ้ง!”

   ผมหมุนตัวเพราะเสียงนั้นเรียกไว้ ไอ้ทักโผล่หัวออกมาจากประตูกระจก ใบหน้ายิ้มแป้นจนเปลือกตาหยีแทบไม่เห็นลูกตาดำ

   “เดี๋ยวจะหาว่าเสียเวลา”

   “...”

“งั้นถือว่าทนๆ ฟังกูร้องเพลงกล่อมแล้วกันเนอะ”

   “…”

“คืนนี้ก็... อย่านอนดิ้นแล้วกัน”

   ผมอ้าปากค้างจนกระทั่งมันมุดหัวกลับไป ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเกือบนาที

   เมื่อกี้… ผมไม่ได้หูฟาดใช่มั้ย แล้วไหนจะรอยยิ้มแบบไม่เฟคอย่างที่มันชอบทำนั่นอีก...
โอ๊ยยยย ใจ... อยู่ๆ ก็ใจบาง มันออกจะหวิวๆ

   ผมผลักประตูเข้าไปอีกครั้ง ไอ้คนที่อยู่ในห้องสะดุ้งจนเกือบจะทำกีต้าร์หลุดมือ

   “เมื่อกี้มึงพูดอะไรนะ?” ผมส่งเสียงถาม

   “ก็...” ไอ้ทักเลิกคิ้ว “บอกว่าอย่านอนดิ้นไง”

   “มันคือการบอกให้ฝันดีใช่ปะ?”

   ไอ้ทักสตั๊นท์ไปเสี้ยวนาทีตอนที่ได้ยิน ก่อนจะอ้าปากพูดต่อด้วยใบหน้าเรียบเฉย “อย่านอนดิ้น ก็คือ อย่านอนดิ้น”

   “...”

   “แต่ถ้ามึงจะตีความอย่างนั้น...” ไอ้เดือนพละยักไหล่ “กูก็ไม่มีปัญหานะ”

   ผมไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้อีกต่อไป เข้าใจคำว่ายิ้มแก้มปริแล้วว่าเป็นยังไง บ้าเอ๊ยยย ทำไมต้องมาทำให้มันเห็นด้วยเนี่ยยยย

   “มึงก็…สู้ๆ แล้วกัน” ผมชี้ไปที่เครื่องดนตรีในมือมัน

   “บอกกูหรือกีต้าร์?”

   “ใครมีหูก็ได้ยินไป”

   ไอ้ทักกระตุกยิ้มบ้างพร้อมทั้งผงกหัวให้ ก่อนจะเป็นฝ่ายผมเองที่ถอยออกมาจากห้อง

   แว๊กกกกกกกกก พูดอะไรของกูเนี่ยยยยยย

   ผมยกสองมือขึ้นปิดหูขณะที่วิ่งขึ้นบันไดไปอย่างรีบร้อน (แล้วก็มานึกขึ้นได้ว่ากูไม่ได้หนีอะไรนี่หว่า ...งงเวอร์)

พอถึงหน้าห้องตัวเอง ผมก็ยืนพิงกำแพงหัวเราะคิกคักอย่างกับคนโดนจี้เอว

   นี่อะน้า แล้วจะไม่ให้มีคนด่ามึงว่าแรดได้ยังไงไอ้กุ้งเอ๊ยยยยยยย

TBC*


 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:


อยากจะขอบคุณทุกเสียงตอบรับจริงๆ ผมซึ้งใจมาก
วันนี้เลยมาเสิร์ฟบทที่ 4 ให้นะคร้าบบบบบ

ยังไงก็ฝากบวกเป็น คอมเม้นท์ เป็นกำลังใจให้ได้นะคร้าบบบ <3

พูดคุยกันได้ที่ https://www.facebook.com/thene0classic
หรือ #อย่ามาอยู่กับกุ้ง นะครับ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดีใจ ไรท์ใจดี  มาต่อทียาวจุใจ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

โอ๊ย.........ฮามากๆ  :m20: :m20: :m20:
น้องกุ้ง ยิ่งมาย่ิ่งแรง  :laugh: :laugh: :laugh:

ว่าและ ในที่สุดตัวแทนสินกำ ก็เป็นน้องกุ้ง จนได๋
คนรู้จักก็เยอะอยู่แล้ว ตอนนี้รู้จักทั้งมอ แล้ว
ชื่่อพรีเซนต์ รำแก้บน อะจ๊ากกกกกก หยากไหย่ นางแน่มากกกกกก
ทัก อ้าปากหวอ มองนมชมพู ไม่วางตาเลย

แล่ว แล่ว แล้ว ทั้งทัก ทั้งกุ้ง เริ่มหวั่นไหวกันและ  :hao3:
(ทุ่งชอบกั๊ก)ทัก กุ้ง(อย่ามายูกับกุ้ง)  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
น้องกุ้ง ฉายารำแก้บน หัวนมสีชมพู 5555555

ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
น้องกุ้งน่ารักสมคำแนะนำตัว ชอบมาก แรดแบบตลกๆ แรดแมนๆ คำพูดคำจาฮาจริง ทักกวนตีนน้อยลงแบบนี้ จะยอมให้จีบกุ้งต่อไปก็ได้พ่อว่าที่เดือนมหาลัย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ 양아치

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชอบความเขินหัวนมชมพู
ชอบความเขินเวลาคุยกัน โง้ยยย จีบกันแบบนี้ก็ได้หรอ 555

ออฟไลน์ singalone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
โอ้ยยยยยย น่ารักกก ต่างคนเหมือนต่างอ่อยกัน เง้ออออ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
มีร้องเพลงจีบกันด้วย ฟินนนนน  :o8:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
น้องกุ้งน่ารัก ใครไม่รักก็บ้าแล้ว  จ๊ะๆๆ ทักก็รักกุ้งนะแต่ฟอร์มจัดงัย

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
สารภาพว่าอ่านเพราะชื่อตอนที่สองครับ ‘อย่ามาอยู่กับกุ้ง... อย่ามายุ่งกับกู!’ สะดุดครับ สะดุดทันทีเลย เออเว้ย มันผันได้จริงๆ (หัวเราะ)

น้องกุ้งน่ารักดีครับ ไม่มีอะไรจะคอมเมนท์นะครับ เพราะค่อนข้างโอเค แต่ควรมีฉากสื่อถึงลักษณะเด่นของน้องกุ้ง ที่ชอบหิ้วคนไปนอนกอดด้วยมากกว่านี้ ตอนนี้ผมเห็นแค่พี่เก่งคนเดียว มันไม่สื่ออะไรเท่าไหร่ครับ ถ้ามีมากขึ้น นอกจากเราจะเห็นภาพลักษณ์น่ารักของน้องกุ้งที่มีในสายตาคนอื่น เรายังสามารถเล่นประเด็นอื่นได้อีก (เช่น สารพัดเข้าใจผิด หรือกองทัพแฟนคลับที่ปวารณาตัวเป็นพี่ชายปกป้องน้องกุ้งมุ้งมิ้งของเราครับ (หัวเราะ))

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ Supansahn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบชื่อพรีเซนต์กุ้งมากกกก ฮาาาาาา :pig4:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ไม่ค่อยได้เจอนายเอกแบบน้องกุ้งเท่าไหร่ มีเอกลักษณ์มากๆ จะว่าเพี้ยนก็ไม่เชิง แต่ไม่ปกติแน่ๆ 55

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2

“กุ้ง คณะศิลปกรรมศาสตร์ ต่อยผมในบ่อโคลนเมื่อวานนี้ โทษฐานที่ปากหมาครับ”

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!
ตาย...อย่าง...สงบ...
อ๊อยยยยยยยยยยยยยยย
 :heaven

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
ทักต้องตั้งใจร้องให้กุ้งฟังแน่เลยอะ
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย ดีต่อใจมาก
อ้อยกันไปอ้อยกันมา ไม่เกรงใจคนอ่านเลยลูกเอ้ยยยย
 :katai4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
บทที่ 5

ไดโนเสาร์/สีเหลือง



ทั้งๆ ที่เป็นเฟรชชี่ไนต์แท้ๆ แต่พวกผมกลับยังไม่ได้เข้าไปเต้นกับวงดนตรีของมหาลัยเหมือนคณะอื่นๆ ไม่รู้อะไรเข้าฝันให้พวกพี่ๆ มาเรียกแถวพวกผมเอาเวลานี้ แงงง อยากฟังเพลงแล้วอะ

   “ใครที่ของประจำตัวผ่านวันนี้ก็ยินดีด้วย” พี่วิน พี่ว้ากเคราแพะสุดเซอร์เจ้าประจำประกาศลั่น “เหลือแต่ดาวกับเดือน ถ้าพวกคุณได้ตำแหน่งในคืนนี้ อย่าลืมว่าสายสะพายคือของประจำตัวของคุณ เข้าใจมั้ย?”

   “เข้าใจค่ะ/ครับ” ทั้งหยากไย่คนสวยและไอ้ฟิวส์ขี้เก๊กตอบฉะฉานสมกับตำแหน่ง แม้เวลานี้มันควรจะอยู่หลังเวที แต่มันก็ยืนกรานที่จะมารวมแถวเหมือนกับเพื่อนๆ ซึ้งใจที่สุดเลยอ่า

   “ส่วนชื่อรุ่น…” พี่ว้ากกางกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่ประธานรุ่นอย่างไอ้อู๋ส่งรายชื่อที่พวกเราช่วยกันคิดไปก่อนหน้านี้ “ผมว่ามีหลายชื่อที่น่าสนใจ แต่ผมค่อนข้างตกใจนิดหน่อยกับชื่อ… มงกุฎ”

   เอ่อ…

   “ผมเข้าใจที่คุณจะตั้งให้พ้องกับเลขสิบแปด แต่สิบแปดมงกุฎฟังแล้วทะแม่งๆ” พี่ว้ากเงยหน้า “ใครเป็นคนคิดชื่อนี้”

   ทุกคนเงียบสนิท ในขณะที่ผมค่อยๆ ชูมือขึ้นฟ้า

   ครับ ผมคิดเอง ฮือออออ

   “กูว่าแล้วเชียว” พี่วินคนเซอร์ส่ายหน้า ย่นจมูกอย่างกะเหม็นขี้ “ทำไมครับคุณกุ้ง อยากจะให้เพื่อนๆ เป็นโจรกันทั้งก๊กเลยเหรอ”

   “ผมว่ามันเท่ดีออกครับ นึกภาพว่ารุ่นพวกเราเป็นแก๊งเจ๋งๆ ยืนโพสสมาร์ทๆ ออกแนวหนังโจรกรรม โอเชี่ยนอีเลฟเว่นอะไรเงี้ย”

   “ฟังที่พูดมาแล้วยังไม่เห็นมีอะไรดีเลย”

   “ง่า…” ผมก้มหน้า ตัวหดเหลือนิดเดียว

   “รู้ว่ามันเท่ แต่ผมไม่อยากให้อนาคตสิบปียี่สิบปีผ่านไปพวกคุณแก่แล้วมานั่งส่ายหัวว่ามีชื่อรุ่นที่มีความหมายว่าแก๊งโจร”

   ป๊าดโธ่ แค่เท่ก็จบแล้วมั้ง ไม่เห็นต้องคิดไปไกลขนาดนั้นเลยนี่หว่า

   “คุณคิดชื่อนี้ก็ไปหาชื่อมาเปลี่ยน แล้วยังไงส่งมาอีกรอบ คราวหน้าเรามาตรวจชื่อรุ่นกัน”

   โอย… แค่ฟังก็นึกภาพความเดือดออกแล้ววว ส่งงานรุ่นแต่ละทีเลือดตาแทบกระเด็น ขี้เกียจจะไฟท์แล้วนะคร้าบบบ ปล่อยผมไปซักที จบๆ ได้แล้วการรับน้องเนี่ยยยย

   “คุณพูดมาก็ดีแล้ว ผมว่าเรามีอะไรต้องเคลียร์กันหน่อยนะครับน้องนมเย็น”

   ผมหันซ้ายหันขวา ใครวะนมเย็น รับน้องมาจนจะเปิดเทอมยังไม่เคยได้ยินเพื่อนชื่อนี้เลย

   “จะมองอะไรครับ คุณนั่นแหละ!”

   ผมหน้าเหวอตอนที่พี่วินชี้มา อะ…อะไรอะ ทำไมอยู่ดีๆ มาเรียกผมว่านมเย็น

   “เชิญออกมาหน้าแถว”

   ถึงจะค่อนข้างงงๆ แต่ผมก็ทำตามที่พี่ว้ากสั่งอยู่ดี ตอนนี้พวกพี่ๆ ปีโตๆ รุมล้อมผมกันหมดแล้วววววว

   “คุณทำอะไรมาครับคุณกุ้ง!”

   ผมงงซ้ำสอง อะไรวะ ทำอะไรมาอะ มีเด็กมาอ้างตัวว่าผมเป็นพ่อเหรอ ไม่เคยทำอะไรแบบนั้นนะโว้ยยย

   “เอ่อ…”

   “ได้ข่าวว่าคุณสร้างความภูมิใจให้คณะเหรอ…”

   “ตอนไหนเหรอครับ” ผมย่นคิ้ว

   “เอ๊า ก็วีรกรรมแนะนำตัวพร้อมชื่อพรีเซ้นท์ และการเต้นแบบแว๊นพระประแดงของคุณไง”

   อ๋อออออออออออออออออออ เชี่ยเอ๊ย ใจหายวาบ พูดมาแต่แรกก็หมดเรื่อง

   “ในฐานะตัวแทนของรุ่นพี่ ผมขอบอกว่าพวกเราภูมิใจ และขอบคุณที่สร้างสีสันได้ไม่แพ้รุ่นพี่ปีก่อนๆ และหวังว่าในอนาคตพวกคุณจะสั่งสอนรุ่นน้องให้เข้าใจในเอกลักษณ์ของคณะเราและดันให้พวกเขาโดดเด่นเหมือนพวกคุณ เข้าใจมั้ย!!”

   โห… น้ำตาซึมเลยอะ ดีใจจัง

   …จริงๆ นะ เหมือนผมได้ทำอะไรถูกที่ถูกทางซักที

   “เข้าใจครับ” ผมส่งเสียง

   “แต่ถึงยังไงเราก็ต้องเอาความจริงมาคุยกัน” พี่ว้ากเข้ามายืนใกล้ๆ “ผมได้รับการแจ้งจากพี่เทคของคุณ ว่าเขาไม่ค่อยพอใจที่คุณถอดเสื้อและทำชื่อพรีเซ้นท์ต่อหน้าคนทั้งมหาวิทยาลัย และผมก็เห็นด้วย”

   ผมมองหน้าพี่วิน รู้สึกได้เลยว่าสายตาที่พี่เขามองมาแม่งจริงจังสุดๆ

   “ในฐานะหัวหน้าพี่ว้าก ผมคือผู้รับผิดชอบและดูแลความปลอดภัยของพวกคุณ รวมทั้งควบคุมไม่ให้เกิดเรื่องอะไรที่จะส่งผลกระทบกับอนาคตของเด็กปีหนึ่งทุกชีวิต”

   “…”

   “คุณรู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น?”

   “ไม่ครับ” ผมส่ายหัว สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล

   “พี่สันครับ ขอของที่เตรียมมาด้วย”

   หลังจากพี่วินหันไปสั่ง พี่คนสวยหน้าหมวยเจ้าเดิมก็หอบหิ้วถุงดำขนาดใหญ่ชนิดที่ต้องใช้คำว่าเบ้อเร้อออกมาด้วยความทุลักทุเล ผมเกือบจะเข้าไปช่วยแล้วแต่ติดตรงที่ว่าเจ๊แกมองไม่เห็นทาง เดี๋ยวเดินซ้ายทีขวาทีจนผมหาจังหวะเข้าไปช่วยไม่ถูก และสุดท้าย…

   ปัก!

   “โดนหัวผมครับพี่…”

   “ว๊าย ขอโทษทีลูกพี่มองไม่เห็น”

   แต่ถึงจะยากลำบากยังไงถุงขนาดใหญ่นั้นก็ถูกวางลงตรงหน้าอย่างเรียบร้อย แถมผมก็เจ็บหัวเฉย ฮือ

   “คุณรู้มั้ยว่านี่คืออะไร?”

   ผมหรี่ตามองถุงตรงพื้น ค่อนข้างกลัวๆ จนต้องถอยหลังมาหนึ่งก้าว “ไม่มีใครนอนอยู่ในนั้นใช่มั้ยครับ”

   “เฮ้อ” พี่วินก้มลงไปแก้มัดที่ปากถุง “ทั้งหมดนี่เป็นของจากแฟนคลับคุณ มาจากทุกคณะทุกชั้นปี! ถูกวางไว้หน้าตึกสินกำที่กรุงเทพ”

   “โอ้….ใช่เหรอครับ?”

   “งั้นเรามาดูกัน” พี่วินควานหาของในถุงแบบสุ่มๆ จากนั้นก็มีเสื้อกันฝนติดมือมา โง้ยยยย มันน่ารักจนอยากจะใส่ซะเดี๋ยวนี้เลย ถ้าเป็นสีเหลืองจะรักเลย “ถึงน้องกุ้ง เสื้อตัวนี้จะทำให้น้องไม่ต้องตากฝนกลับหอ พี่ไม่อยากให้น้องเป็นหวัด ถ้าอยากจะขอบคุณพี่ แอดไลน์มาที่ lukcyman98”

   “…” ผมนี่ถึงกับยืนอึ้ง

   “เอาไง สนใจแอดกลับเลยตอนนี้เลยมั้ย?”

   “ไม่ดีกว่าครับ ผมยอมเป็นคนไร้มารยาทก็ได้”

   “มาดูอีกอันแล้วกัน” คราวนี้เป็นหมอนหมีน้อย โง้ยยย นี่ก็น่ารักกกก “หลับตาทีไรฝันเห็นแต่เธอ เลยอยากให้หมอนเธอเผื่อจะได้ฝันถึงกันบ้าง… อันนี้ไม่มีชื่อแต่มีเบอร์โทรเลยแฮะ”

   เชี่ยยย น่ากลัวเกิ๊นนนน

   “พี่ไม่ต้องหยิบออกมาแล้วก็ได้น้า เดี๋ยวผมจัดการเอง” ผมบอกพี่ว้าก กลัวว่าถ้าปล่อยให้เขาค้นไปเรื่อยๆ จะเจอข้อความฮาร์ดคอกว่านี้เข้า อายเพื่อนๆ ตายเลย

   “ก็ตามใจ ของคุณนี่นะ” พี่วินหันมาจ้องหน้า “แล้วคุณสงสัยมั้ยว่าทำไมผมเรียกคุณว่าน้องนมเย็น”

   พอได้ยินผมก็ได้แต่ส่ายหัวดิก

   “คุณรู้ใช่มั้ยว่าที่นี่มีเพจไนซ์บอย คล้ายๆ คิ้วบอยของม.อื่นๆ นั่นแหละ ตอนนี้กระทู้ที่โดนปักหมุดเอาไว้คือ…” พี่วินก้มกดมือถือยุกยิกก่อนจะยื่นมาให้ “นี่!”

   ผมหรี่ตามองหน้าจอที่ส่องสว่างนั้น แล้วก็ต้องกลืนน้ำลายเมื่อเห็นรูปตัวเอง มันเป็นตอนที่ผมถอดเสื้อบนเวทีวันปฐมนิเทศ!!

   ‘กุ๊ง นมเย็น – ฉายานี้ไม่ได้มาเพราะชอบกินน้ำแดง’

   ผมยกมือไหว้ขออนุญาตหยิบมือถือมาดูใกล้ๆ ค่อยๆ ใช้นิ้วลากไปทีละรูปๆ

   ผมก็เห็นตัวเองจากทุกมุม จากมุมที่นั่ง จากมุมหน้าเวที จากกล้องสภาฯ ส่วนกลาง และที่สำคัญมีรูปแอบถ่ายบนเวทีอีกตะหาก!!

   ไอ้บ้าเอ๊ยยย รูปอื่นยังพอเข้าใจนะ แต่รูปบนเวทีนี่ใครมันจะถ่ายได้ถ้าไม่ใช่พวกตัวแทนคณะกับดาวเดือน อย่าให้รู้เชียวนะ จะไปข่วนหน้าใส่ซะให้เข็ด ฮึ่ยยยยยย

   แต่ยังไงก็เหอะ ทั้งหมดทั้งมวนต้องเลิกคิดไปให้หมดเมื่อเห็นจำนวนไลค์ที่มีจำนวนห้าหมื่น!! บ้าไปแล้ววว เยอะกว่ายอดไลค์ในไอจีตั้งแต่รูปแรกถึงรูปสุดท้ายรวมกันซะอีก

   “รู้สึกยังไงครับคุณ” พี่วินคว้ามือถือกลับไป

   “ก็… เขินๆ อะครับ”

   “คุณเขินกว่านี้อีกแน่ถ้าเห็นคอมเม้นท์ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟัง” พี่วินใช้นิ้วเลื่อนไปมา “ขออนุญาตพูดคำหยาบนะ… ไอ้สัส เกิดมายี่สิบห้าปี เพิ่งสับสนรสนิยมตัวเองก็วันนี้ น้องน่ารักจนอยากจะไปฟัดถึงนครนายก

   “…”

   “ต่อนะ ไม่อยากเชื่อว่าน้องดูดีขึ้นขนาดนี้ ผิดจากสมัยเรียนเซนต์เจมส์อย่างกับคนละคน ไม่รู้ว่าน้องเขาจะจำได้มั้ย แต่พี่คือคนที่โดนน้องลากกลับคอนโดวันที่น้องหนีเที่ยวทองหล่อตอนวันปัจฉิม ห้าๆๆ …คุณจำเขาได้หรือเปล่า?” พี่วินเหล่มองมาถาม

   “จำไม่ได้ครับ” ผมตอบตามตรง ก็มันนึกไม่ออกแล้วอะ เหยื่อแถวทองหล่อไม่ได้มีแค่คนเดียวนะ

   “มีเม้นท์นึงน่าสนใจแต่ผมคงต้องเซ็นเซอร์ บอกว่า …แม่งชมพูกว่า ตู๊ด ตู๊ดดดดด ของกูอีก น้องน่ากอดมาก อยากคว้ามาเขย่าแรงๆ …อะอันนี้เด็ดสุด น้องชื่อกุ้ง แต่ตอนนี้น้องทำให้ผมตัวงอเป็นกุ้งไปหมดแล้ว

   “พี่ครับ!”

   “หืม?” พี่วินสงสัยเมื่ออยู่ดีๆ ผมก็โพล่งขึ้น

   “ไม่ต้องอ่านแล้วก็ได้ครับ ผมจั๊กจี้” ผมยิงฟันทำหน้าแหยๆ

   แล้วไอ้ตู๊ดตู๊ดดดดนั่นคืออะไร หวังว่าจะเป็นหัวแม่โป้งนะ พยายามไม่คิดว่าจะมีอวัยวะส่วนไหนที่เป็นสีชมพูได้อีก…

   “งั้นก็ไปอ่านต่อเองแล้วกัน”

   “ผมไม่เล่นเฟสบุ๊คครับ”

   “ถือว่าโชคดีไป” พี่วินเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า “คุณว่าการที่ได้ของพวกนี้กับโดนเม้นท์อย่างนั้นในโซเชียลมันเป็นเรื่องดีหรือเปล่า”

   ยังไงดีวะ คือถ้าเป็นสมัยก่อนก็คงจะชอบที่มีแต่คนชื่นชม แต่พอตอนนี้มาคิดอีกทีแม่งน่ากลัวสุดๆ ไปเลย

   “ผมว่าไม่ครับ”

   “เข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าทำไมพวกผมถึงเป็นห่วง”

   ผมพยักหน้าหงึกหงัก โหยยย ชอบแววตาพี่วินตอนนี้มาก เหมือนพ่อปกครองลูกไม่มีผิด อยากจะซบอกแรงๆ ออดอ้อนซื้อของเล่น

   “ส่วนชื่อรำแก้บนต้นเหตุ ผมมั่นใจว่าคุณไม่ได้คิดเองแน่ๆ …ไปเอามาจากไหน”

   เอ๊า เลิกซึ้งแม่งละ อย่ามาดูถูกสมองผมแบบนี้เซ่ะ ในสายตาคนอื่นผมดูโง่ขนาดนั้นเลยหรือไงเล่า

   “ขออนุญาตตอบค่ะ” หยากไย่ยกมือ “หนูเป็นคนให้ชื่อนั้นกับกุ้งเอง”

   “คุณไม่ได้คิดจะแกล้งเพื่อนใช่มั้ยครับ?”

   “ไม่ใช่ค่ะ ตอนนั้นหนูแค่อยากจะให้บรรยากาศมันสนุก หนูขอโทษจริงๆ” หยากไย่ลุกขึ้นมายกมือไหว้จนฝ่ายผมต้องรับไหว้เป็นพัลวัน หน้าดาวแม่งรู้สึกผิดมากๆ “กูขอโทษนะกุ้ง กูไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้”

   “มะ…ไม่เป็นไร” ผมโบกมือ “มึงไม่ผิดเลยไย่ กูรู้ว่ามึงเจตนาดี มันเป็นเรื่องเกินควบคุม”

   “จำไว้นะคุณดาว ผมอยากให้คุณคิดเยอะๆ กว่านี้ ลองคำนวณนึกถึงผลที่จะตามมา คุณคือคนสวยและเป็นหน้าตาของคณะ แต่นอกจากรูปลักษณ์ที่ดีแล้ว ผมอยากให้คุณมีความคิดที่ดีด้วย” พี่วินเท้าเอว จ้องไปที่หยากไย่ด้วยแววตาที่ไม่มีอารมณ์ดุเลย ออกแนวสั่งสอนมากกว่า

   แต่พี่เขาพูดแรงไปปะเนี่ย รู้ว่าเป็นพี่ว้ากแต่มันไม่ต้องรักษาลุคโหดแบบนี้ก็ได้มั้งงงง

   “ขอโทษจริงๆ ค่ะ” โอ๊ยยยย ไย่ร้องไห้แล้ว

   “ผมเชื่อว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ แต่ที่พูดไปเพราะผมเป็นห่วงนะ …ส่วนคุณกุ้ง” ผมหันไปตามเสียงเรียก “ผมรู้ดีว่าคุณเป็นคนยังไง มีชื่อเสียงในด้านไหน ในฐานะรุ่นพี่ผมจะปกป้องคุณให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”

   โอ้โห ซาบซึ้งสัสๆ จริงๆ นะ

   “ขอบคุณนะครับ” ผมระบายยิ้มออกมา และผมก็ต้องอึ้งเมื่อพี่ว้ากที่กำลังกอดอกอยู่ก็ฉีกยิ้มกลับมาให้ด้วยเช่นกัน เป็นครั้งแรกที่เห็นเลยนะเนี่ย…

   “ดาวเดือนขอเชิญมาตรงนี้หน่อยครับ” พี่วินหุบยิ้มและออกคำสั่งต่อ

   ทั้งหยากไย่และฟิวส์เดินออกมานอกแถว ฝ่ายเดือนประคองไหล่ของดาวเอาไว้ด้วย เป็นมุมสุภาพบุรุษของไอ้ขี้เก๊กที่เพิ่งเคยได้สัมผัสเลยนะเนี่ย

   “ผมรู้ว่าพวกคุณมีของ เอามันออกมาโชว์” พวกพี่ๆ มารุมมันทั้งสองเพื่อให้กำลังใจ “ไม่ต้องหวังตำแหน่ง แค่คุณทำเต็มที่พวกผมก็ภูมิใจแล้ว”

   “ขอบคุณค่ะ” หยากไย่พยักหน้า

   “ไย่” ผมส่งเสียงเรียก ไอ้ดาวเดินเข้ามาหาทันที “มึงไม่ต้องนอยด์นะเข้าใจมั้ย มึงไม่ผิดอะไรเลย เรื่องพวกนี้กูเจอมาบ่อยมาก เล็กน้อยนิดเดียวเอง”

   หยากไย่ที่โดนผมจับแก้มถึงกับยิ้มออกมา “กูรู้ว่ามึงไม่โกรธกูหรอก แต่กูรู้สึกผิดเอง กูจะเอาตำแหน่งมาไถ่โทษนะ”

   โอ๊ยยย น้ำตาผมจะไหลแทน ทำไมรับน้องวันนี้มันเศร้าขนาดนี้วะเนี่ย

   “พวกคุณรีบไปเตรียมตัวได้ ขอให้โชคดี!!”

   ดาวเดือนทั้งสองยกมือไหว้ก่อนจะจูงมือวิ่งกันเข้าไปยังอาคารซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน

   “วันนี้แม่งดราม่าพอแล้ว ลืมๆ มันไปซะ สนุกกับเฟรชชี่ไนต์ให้เต็มที่!” พี่วินเอามือไพล่หลัง “พี่ๆ ทุกคนเตรียมอุปกรณ์ด้วย!!”

   ผมตาโตเมื่อเห็นว่าพี่ๆ ทุกคนกรูกันเข้าไปประชิดตัวน้องๆ ส่วนผมที่ยังยืนอยู่หน้าแถวก็ได้ประจันหน้ากับพี่วินขาโหด ซึ่ง
ตอนนี้ในมือมีกิ๊บดำตัวเล็กและแป้งเด็ก

   “คุณรู้มั้ยว่าอะไรใหญ่กว่ากุ้ง”

   ฮะ? ปริศนาธรรมเหรอ “มะ…ไม่รู้ครับ”

   พี่วินแยกเขี้ยว “กุ้งชุบแป้งทอดไง!”

   ก่อนจะได้มีโอกาสขำแห้งๆ รู้ตัวอีกทีก็โดนมือหนาๆ ป้ายป๊าบเข้าให้ที่หน้า ลิ้นรับรสชาติแป้งเต็มๆ

   แค่กๆ ไอ้สัสนี่มันมุกควาย




   แชะ แชะ

   ผมล่ะเซ็งจริงๆ ที่จะต้องมาโดนแอบถ่ายทั้งๆ ที่ตั้งใจจะดูโชว์บนเวที รู้นะว่าสภาพทุเรศ หน้าที่เคยหล่อๆ กลับต้องขาวโพลนไปด้วยแป้ง แต่อย่ามาทำเหมือนผมเป็นจระเข้เผือกในสวนสัตว์ได้ม้ายยยย ยกมือถือมาแอบถ่ายกันระวิงขนาดนี้ก็โยนเหรียญมาให้งับเลยเซ่ะ

   โชว์ของสินกำได้เสียงกรี๊ดแบบไม่ขี้ริ้วขี้เหร่เลย ไอ้ไย่ออกมาในชุดสาวเปรี้ยวคาแรคเตอร์แรงๆ พร้อมจะตบ (เหมือนตัวจริงสัสๆ) โดยมีไอ้ฟิวส์ที่แต่งองค์ทรงเครื่องเป็นหนุ่มฮอตไล่จีบอีกฝ่ายด้วยการสีไวโอลิน แหม่ ก็เขาเป็นเดือนจากดุริยางค์อะเนอะก็ต้องโชว์สกิลกันหน่อย สุดท้ายก็จบด้วยการเต้นเบบี้ชาร์ก เรียกติ่งให้กรี๊ดกันม้ามจะแตก เพิ่งจะรู้ว่าทั้งสองคนนี้มันมีฐานแฟนคลับไม้แพ้ใครเหมือนกัน

   “เหลือคณะอะไรวะ” ไอ้อู๋หันไปถามเมีย ซึ่งอีมุนินดูเริงร่าสุดๆ

   “คณะพละไง กรี๊ดดดด ทักของกู ตื่นเต้นสุดๆ” ออกนอกหน้าจนหมั่นไส้

   “น้องกุ้ง… เฮ้ย!” คนมาใหม่เรียกชื่อผม แต่ก็ต้องตกใจทันทีเมื่อผมหันไปหา

   “อ้าวพี่โน่” คุณหมอสุดแซ่บนี่เอง นึกว่าใคร แงงง คงตกใจที่ผมหน้าวอกกับมีกิ๊บห้าตัวติดอยู่ที่หัวงั้นสิ

   แล้วมาเจอคนเท่ในสภาพนี้ เอาโขกขอบเวทีแม่งดีมั้ยเนี่ย ฮือออ

   “นึกว่าแคสเปอร์”

   จะบ้าตาย เปรียบเทียบได้น่ารักไปปะ

   “หน่อมแน้มไปมั้งพี่ เหมือนลูกกรอกมากกว่า” ผมยกยิ้ม

   “ไม่ได้ดิ ลูกกรอกมันน่ากลัวไป กุ้งไม่ได้น่ากลัวสักหน่อย”

   โอเค… โชคดีที่สภาพเหมือนผีเด็กในจูออน หน้าวอกแบบนี้จะได้ไม่รู้ว่ามีคนกำลังเขิน

   “พี่มาดูน้องเหรอครับ”

   “อื่อ พี่ต้องมามอบตำแหน่งไง”

   ผมนี่หูผึ่งทันที…

   พี่โน่เห็นผมนิ่งไปเลยพูดต่อ “พี่เป็นรองอันดับหนึ่งนะ ต้องมาอยู่แล้ว”

   จะบ้าตาย รอยยิ้มนั้นไม่ได้ดูโชว์เหนือเลย แค่เหมือนรุ่นพี่ใจดีอยากจะอธิบายให้ฟังก็เท่านั้น

   “ว่าแล้วเชียว ก็พี่เท่ขนาดนั้น”

   “ขอบคุณนะครับ” พี่โน่แยกเขี้ยว “แล้วคราวก่อนใครน้าที่เบี้ยวนัดไม่ไปกับพี่”

   “อ่า…” อย่ามาพูดตรงนี้เซ่ ดีนะเสียงพิธีกรดังจนไอ้สองตัวข้างๆ ไม่ได้ยิน “ขอโทษทีนะพี่ ตอนนั้นมีปัญหานิดหน่อย”

   “พี่ก็แค่แซว” พี่หมอโปรไฟล์ดีทำเป็นขรึม “แต่ยังรออยู่นะ…”

   ในใจอยากจะตอบไปว่า ‘ผมก็รอจังหวะดีๆ อยู่พี่’ แต่ก็กลัวจะแรดไป ก็เลยตอบไปแค่ว่า

   “ครับ”

   “งั้นพี่ไปเตรียมตัวก่อนดีกว่า ไว้เจอกัน”

   “เดี๋ยวผมจะโบกมือให้พี่บนเวทีนะ”

   “จะรอดูเลย” พี่โน่ขยิบตาแล้วหายลับไปกับฝูงชน

   “มาแล้วๆๆๆๆ” เสียงระริกระรี้ของมุนินมาพร้อมกับไฟในฮอลล์ที่ค่อยๆ หรี่ลง เล่นเอาผมต้องชะโงกผ่านผู้คนไปหน้าเวทีด้วยความอยากรู้

   ไอ้ทักปรากฏตัวขึ้นมาคนแรก มันสวมชุดวอร์มอย่างกับเทรนเนอร์ พุ่งตรงมายังเครื่องออกกำลังกายที่มีดาวจากคณะมันเล่นอยู่ก่อนแล้ว

   อ้าวไอ้ไดโนเสาร์ ไม่เจอกันนานเลยนะมึ้งงงง

   “เจอกันอีกแล้วนะครับคุณ” เสียงนั้นเข้มขรึมปราศจากการกวนตีน

   “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

   โว๊ยตกใจหมด! กรี๊ดกันซะนึกว่ามีระเบิด! รอให้ถึงกลางเรื่องก่อนมั้ยค่อยร้อง อวยกันจัง

   จากนั้นทั้งคู่ทำเป็นพ่อแง่แม่งอนอย่างกับละครหลังข่าว ดูแล้วได้แต่หาววอดๆ เหมือนว่าฝ่ายหญิงใจแข็งมาก จนสุดท้ายฝ่ายชายเลยต้องงัดไม้เด็ดออกมา

   ผมเกือบจะหลับคอพับอยู่แล้วถ้าไม่ได้ยินเสียงกีตาร์ซะก่อน ถึงตาเริ่มจะปิดแต่ก็ยังพอเห็นว่าไอ้ทักกำลังเตรียมจะร้องเพลง…

   “เห็นเธอดินมาไกลๆ ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร หน้าเธอสวยที่สุดเลย…”

   ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเนื้อเพลงคุ้นๆ นั้นผ่านหู

   เดี๋ยวก่อนนะ นี่มัน…

   “แว๊กกกกกกก” ผมยกมือขึ้นทึ้งหัวตัวเองทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยได้ยินเพลงนี้ที่ไหน

   ไอ้อู๋ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ตกใจจนต้องถาม “เป็นห่าอะไรของมึงเนี่ย?”

   “ไม่มีอะไร!” ผมส่ายหน้า พยายามซ่อนอารมณ์ตัวเองสุดๆ

   โอ๊ยยยย ไหนมึงบอกว่าจะไม่ใช้เพลงนี้ไงไอ้ทัก!

   “ไหวปะอีกุ้ง” อีมุนินก็มองมาด้วยสายตาจับผิด ผมนี่เกร็งหน้าไม่ให้ยิ้มจนแก้มจะระเบิดแล้ว ฮืออออออ ช่วยด้วย

   “อยากจะมอง อยากจะมอง อยากมองลึกเข้าไป อยากจะรู้ในใจเธอนั้นคิดอะไร เธอจะเหงา เธอจะเหงา เธอจะเหงาเหมือนกันบ้างไหมเธอ…”

   แล้วไอ้เดือนขี้กวนบนเวทีก็แจกรอยยิ้มมั่วซั่วไปหมด ไอ้บ้าเอ๊ย กะจะให้คนอยู่นอกอาคารเห็นเลยละมั้งน่ะ

   ขณะที่ผมจ้องหน้ามันอยู่นั้น ผมก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

   อยู่ดีๆ ผมก็รู้สึกว่าไอ้ทักแม่งเท่ มาดดี แถมยัง…หล่อสุดๆ หล่อแบบในด้านที่ผมไม่เคยคิดจะมอง หรือเป็นเพราะไม่เคยตั้งใจมองก็ไม่รู้

   เพิ่งรู้ว่ามันมีผิวแทนสุขภาพดีน่าหยิก

   เพิ่งรู้ว่ามันมีคิ้วเข้มๆ เหนือดวงตาคมๆ ชวนละลาย

   เพิ่งรู้ว่าริมฝีปากสีชมพูเข้มเป็นธรรมชาตินั้นน่ามองขนาดไหน

   เพิ่งรู้ว่า…พอ!

   ช่างแม่ง เอาแค่ตอนนี้มันดูฮอตสุดๆ แล้วกันครับ ที่สำคัญ พอมองท่าทางของมันผมกลับใจเต้นสั่นอีกตะหาก

   โอ๊ย เป็นบ้าอะไรของกู ทำอย่างกะ…

   เดี๋ยวนะ

   “แย่แล้ว…” ผมอยากจะร้องไห้เมื่อทบทวนถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็น

   นี่ผม… อยากนอนกับมันอย่างนั้นเหรอ อาการแบบนี้มันเป็นเฉพาะตอนเจอคนถูกใจไม่ใช่หรือไงเล่า!!

   ไม่อยากจะพูดเลย แต่สงสัยเวลานี้มันต้องงัดคำเด็ดออกมาใช้

   จาอาวววว จาอาวววว จาอาวววว

   อยากจะบ้าตาย ผมทำได้แค่ลูบหน้าอกปลอบใจตัวเอง ผิดคนแล้วลูกกกก ผิดคนแล้วจ้าาาาา

   ผมตัวแข็งทื่อเมื่อไอ้คนดีดกีต้าร์จ้องมา โว้ยยย หน้าวอกเป็นนางรำถวายตัวแบบนี้ยังหากูเจออีกเนอะ

   ผมพยายามสุดความสามารถในการเม้มปากซ่อนอารมณ์เอาไว้ แต่ไอ้ทักนี่ดิ จะยิ้มหาพระแสงโสมเหล้าไทยอะไรนักหนาห๊า!! เดี๋ยวกูก็กลั้นไม่ไหวแย้มแป้นใส่มึงเข้าหรอก!

   “แค่อยากให้เธอได้รู้ อยากให้เธอลอง เธออาจจะยังไม่พร้อม จะยอมรักใครจริงสักคน โอกาสดีๆ อย่างนี้จะมีอีกกี่หน จะเป็นไปได้ไหม ให้เราสองคนได้มาคุยกัน…”

   “อะไรของมึงวะเนี่ย!?” ไอ้อู๋ฟึดฟัดอีกรอบเมื่อผมเบียดไปซ่อนตัวเองที่ด้านหลังไหล่กว้างๆ ของมัน
 
   “กูว่าเพี้ยน” มุนินเสริม

   เงียบๆ ดิ๊ พวกมึงไม่เคยเขินกันหรือไงเล่า บ้าที่สุด




หลังจากที่การแสดงความสามารถจบไปก็ถึงคิวตอบคำถาม หยากไย่กับฟิวส์เข้ารอบห้าคนสุดท้ายทั้งคู่ตามความคาดหมาย และแน่นอนว่าต้องมีไอ้ทักด้วยเช่นกัน แหม่ คนมันเป็นตัวเก็งจะไม่เข้ารอบได้ไงล่ะครับ

   “…ผมไม่เชื่อว่าความแตกต่างจะทำให้เราอยู่รวมกันไม่ได้ การได้เป็นตัวแทนของคณะที่คนอื่นๆ มองว่าเป็นแหล่งรวมคนเพี้ยน ผมกลับเห็นสิ่งที่แตกต่างออกไปนั่นก็คือครอบครัวครับ”

   “เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”

   “ไม่แย่มึง!” มุนินวิพากษ์วิจารณ์อย่างกับกูรู เออ แต่ผมก็เห็นด้วยนะ วันนี้ไอ้ฟิวส์แม่งทำดีจริง ต้องยกนิ้วให้เลย

   “มากันที่คนสุดท้ายของฝ่ายหญิงแล้วนะคะ ขอเชิญน้องหยากไย่ ภัทราพร อ่อนมากจากศิลปกรรมศาสตร์ค่า”

   เอาละโว้ยยยย ใจมันมา ใจมันมา!!

   “คำถามค่ะ… ถ้าคุณติดอยู่ในตึกคณะศิลปกรรมศาสตร์เป็นเวลาหนึ่งเดือน คุณจะทำอะไร”

   เงียบกริบ… ทันทีที่พิธีกรอ่านคำถามจบไม่มีใครพูดเลย เสียงแอร์นี่ดังหึ่งชัดเจนเชียว

   “ค่ะ ก็…” แม้จะมีความตื่นเต้นฉายบนใบหน้าดาวคณะอยู่พักหนึ่ง แต่หยากไย่ก็แก้เกมด้วยการกับมายิ้มยืนตัวตรงอย่างมั่นใจอีกครั้ง “ไย่คิดเสมอว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดคือเวลาที่ได้อยู่กับตัวเราเอง เพราะฉะนั้นไย่จะลองหาสาเหตุว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ จะใช้เวลาที่มีอยู่ทบทวนและปรับปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น เพื่อจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกครั้ง…”

   ผมจับความสั่นคล้ายคนสะอื้นผ่านการตอบคำถามนั้นได้ เด็กสินกำทุกคนที่ยืนฟังอยู่จับมือน้ำตาคลอกันหมดแล้ว ไม่ต้องพูดถึงมุนิน รายนั้นร้องไห้โฮแบบไม่อายใคร

   “แต่ถ้าไย่ได้ติดอยู่ในตึกศิลปกรรมจริงๆ เชื่อว่าเพื่อนๆ ในคณะทุกคนจะต้องมาช่วยไย่ออกไปอย่างแน่นอนค่ะ”

   “เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”

   เสียงโห่ร้องครั้งนี้ดังกว่าครั้งไหนๆ หยากไย่ยิ้มพร้อมๆ กับน้ำตาที่เอ่อล้นลงมาอาบแก้ม ฮือออ ทำดีมากแม่ดาวน้อยของกู ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ !!

   “และก็ถึงหนุ่มหล่อคนสุดท้ายของเรา ทัก โรหิตจันทร์จากคณะพละศึกษา!”

   ไอ้ทักยิ้มอย่างมั่นใจขณะที่ก้าวออกมาข้างหน้า รอยยิ้มนั้นไม่หายไปไหนแม้กระทั่งตอนที่พิธีกรเริ่มอ่านคำถาม

   เดี๋ยวนะ… ชื่อจริงกับชื่อเล่นเหมือนกันเลยเหรอ ง่ายดีจัง เอาความเท่ไปลงกับนามสกุลหมดแล้วล่ะสิ

   “คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่เปลี่ยนมุมมองในชีวิตของคุณตั้งแต่ก้าวเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัย?”

   เดือนพละไม่มีทีท่าประหม่าแม้แต่นิดเดียว แถมยังตอบเสียงดังฟังชัด

   “สีเหลืองครับ”

   สิ่งที่ออกจากปากไอ้ทักแทรกทะลุความเงียบจนดังไปทั่วทั้งฮอล์ล ทำให้ผมที่ตอนแรกตั้งใจจะเฉไฉมองไปที่อื่นแล้วแท้ๆ ยังต้องหันกลับมาสนใจ

   สีเหลืองเนี่ยนะ!? จะบ้าปะเนี่ย! ตอบอะไรของมึงฮะไอ้โง่เอ๊ยยยยย

   ปากน่ามองเหนือไมค์นั้นยังคงพูดต่อ “ผมเคยมองว่าสีเหลืองเป็นสีปลายแถวที่มักจะลืมนึกถึง ตอนยังเด็กผมเคยมีกล่องสีไม้ และสีเหลืองจะเป็นแท่งที่ยาวกว่าใครเพราะไม่เคยคิดจะหยิบมาใช้ ผมมองว่ามันเห็นแล้วหดหู่ รู้สึกถึงพลังแง่ลบตลอดเวลา…”

   ผมได้ยินเสียหายใจของตัวเอง ให้ตายดิ สุดท้ายผมก็ลุ้นไปกับมันจนได้

   “แต่ใครบางคนทำให้ผมต้องเปลี่ยนความคิดใหม่” ไอ้ทักคลี่ยิ้มบางๆ “การได้มาที่นี่ทำให้ผมมองสีเหลืองได้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”

   ตึกตึก… และหัวใจของผมก็เต้นแรงเอาดื้อๆ ราวกับว่าต้องการขานรับไอ้คนบนเวที

   “ต่อจากนี้ สีเหลืองจะเป็นตัวแทนความสดใส จะทำให้นึกถึงเสียงของใครสักคนที่ทำให้ผมยิ้มเมื่อได้ยิน จะเป็นสิ่งที่คอยเตือนถึงเป้าหมายในการตื่นมาแต่ละวันอย่างที่ไม่เคยเป็น…”

   ‘โธ่กุ้ง มีเวลาไหนบ้างฮะที่กูไม่แกล้งมึง’ เสียงหนึ่งแวบเข้ามาในหัว

   “และมันจะคอยสอนผมว่าอย่าเพิ่งด่วนสินใครจากสิ่งที่ได้ยิน ให้ลองเปิดใจทำความรู้จักด้วยตัวเอง”

   “…”

   ผมกอดอกยิ้มแป้นให้กับคนบนเวที ถึงแม้มันจะกำลังใช้สมาธิจนไม่สามารถรับรู้ได้ว่าผมกำลังมองอยู่ตรงนี้ก็ตาม แต่ผมก็อยากจะขอบคุณมันจริงๆ

   ขอบคุณนะไอ้ทัก มันเป็นคำพูดที่น่ารักและดูเห็นอกเห็นใจซึ่งกูไม่เคยได้ยินจากใครมาก่อนเลย

   ครับ… ผมจะไม่เข้าข้างตัวเองหรอกนะ แต่มั่นใจเลยว่า ‘สีเหลือง’ ที่มันว่าหมายถึงผม

   เพราะมันคือคนแรกที่รู้ว่าผมชอบสีนี้ยังไงล่ะ…

   ราวกับมีผีเสื้อนับล้านตัวกระพือปีกอยู่ในท้องเมื่อเห็นไอ้ทักอวดรอยยิ้ม แม้สีหน้าจะฉายแววความสับสน แต่สุดท้ายแล้วมันก็จบประโยคอย่างสวยงาม

   “หึ…  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงตอบแบบนี้ แต่มันเป็นสิ่งแรกที่แวบเข้ามาในใจ และผมเลือกที่จะเชื่อมันครับ”


TBC*


 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:


วันสุดท้ายของปี ก่อนจะออกไปเมา เลยแวะมาต่อบทที่ 5 ก่อน

สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะครับ :)


ยังไงก็ฝากบวกเป็ด คอมเม้นท์ เป็นกำลังใจให้ได้น้า <3

พูดคุยกันได้ที่ https://www.facebook.com/thene0classic
หรือ #อย่ามาอยู่กับกุ้ง นะครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด