บทที่ 7คืนตาค้าง “เอาล่ะครับทุกคน กลับมาเข้าเรื่อง” ไอ้อู๋เคาะกระดาน
“มึงกูว่าคนนี้ไม่หล่อ เอาคนนี้ดีกว่า”
“ไย่อย่าเพิ่งคุย…”
“คนนี้กูรู้จัก ติดต่อให้มึงได้”
“ไอ้เหี้ยดาวนรก ฟังกู!” ไอ้อู๋ทนไม่ไหว ปาแปรงลบกระดานมาทางกลุ่มหยากไย่ที่กำลังคุยเรื่องผู้ชายอย่างออกรส ฝ่ายหญิงถึงกับกรี๊ดโดดกระเจิงไปคนละทิศละทาง
นั่นจึงเป็นจังหวะที่ผมซึ่งกำลังนอนหนุนตักไอ้ดาวอยู่ถึงกับต้องเด้งตัวขึ้นมาอย่างร้อนรน ในหัวมีคำว่า
“ช่วยด้วยยยยยยยยย” ผุดขึ้นมาเป็นอย่างแรก ตั้งท่าจะวิ่งหนีเพราะคิดว่าเครื่องบินมาทิ้งระเบิดถึงนครนายกแล้ว
แต่พอลืมตามาเจอเพื่อนๆ ในรุ่นกำลังนั่งหน้าสลอนก็ถึงกับถอนหายใจ อ้าวตีกันหรอกเหรอ โว๊ยยยย คนจะหลับจะนอน เกือบวิ่งไปหลบภัยแบบแม่อังศุมาลินแล้วมั้ยล่ะกู
“ไอ้สัสอู๋! เกือบจะโดนหัวกูแล้วเนี่ย” ไอ้ไย่ร้อง แก้เกมด้วยการปาแปรงลบกระดานกลับไป ทว่าไอ้อู๋รับได้อย่างสวยงามอย่างกับซ้อมมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว
“เลิกคุยกันสักทีดิ๊ กูเรียกมารวมหัวคุยงานไม่ใช่ประชุมสมัชชาคนเหงา”
“มึงนี่ไม่เข้าใจคนสวยเล้ยยยยย” ไอ้ไย่กับสาวๆ รอบข้างเบ้ปากกันเป็นแถว
“เลิกสวยแล้วฟังกูก่อน” ไอ้อู๋ชี้หน้า “มึงด้วยไอ้กุ้ง จะง่วงอะไรนักหนาฮะ!”
“อือออ” แม้ร่างกายจะเริ่มขยับได้ แต่ในหัวก็ยังงัวเงียอยู่ครับ นึกภาพออกเลยว่าสภาพผมคงเหมือนกบอย่างที่ไอ้ทักเคยบอกไว้จริงๆ
“…” ไอ้อู๋หรี่ตา “ไอ้กุ้ง มึงยังอยู่มั้ย”
“อือออออออออ”
“มันโอเคปะวะน่ะ” ไอ้มุนินที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆ ไอ้อู๋เริ่มไม่แน่ใจ
ไอ้ดาวเห็นท่าทีก็สะกิดไหล่ผมบ้าง “มึงๆ กลับมาก่อน”
“แป๊บบบบ” ผมครางอีกรอบ “ตื่นแบบไม่รู้ตัว กูมึนนนนน”
“อดหลับอดนอนมาจากไหนฮะ” อีมุนินจิ๊ปากทำทีเป็นเท้าเอว แหมอย่ามาทำเบ่ง เห็นงัวเงียๆ แบบนี้ไม่ได้หมายความว่ามองไม่เห็นนะว้อยยยยยย
แต่ตอนนี้เถียงมันกลับไม่ได้ ต้องตั้งสติอย่างแรง
“อีกนิดนะ…” ผมชูนิ้วชี้แล้วใช้มืออีกข้างนวดพื้นที่ว่างตรงกลางระหว่างคิ้ว “อะ ตื่นละ”
“ลีลานักนะมึง” ไอ้อู๋ทำดุ แล้วก็หันไปเขียนกระดานต่อ “เอาล่ะ เรามีงานสองอย่างที่จะต้องทำในเทอมนี้…”
ผมเอนตัวนอนตักไอ้ไย่อีกครั้งโดยมีกลุ่มสาวๆ รุมเล่นหัว ขณะที่ตาก็มองเพื่อนรักเขียนอะไรยุกยิกบนกระดานด้วยมาดครูประจำชั้นสุดหล่อ ซึ่งสุดท้ายแล้วพื้นที่ขาวๆ ก็ถูกแบ่งเป็นสองช่องใหญ่ๆ
งานเปิดหอสินกำ | เฟรชชี่เกม “ที่ต้องกังวลเลยคืองานเปิดหอ เพราะเรามีเวลาไม่ถึงสองอาทิตย์ในการเตรียมตัว” ไอ้อู๋เริ่มอธิบาย “แม่งโคตรเร็ว”
งานเปิดหอสินกำ คืองานที่สินกำทำโดยฝ่ายหอไม่รู้เรื่องด้วย (เอ๊า) มันคืองานปล่อยของสำหรับพวกเด็กปีหนึ่งนั่นแหละครับ พวกพี่ๆ ทุกชั้นปีจะแวะมาดู ปีหนึ่งอย่างเราจะต้องทำการแสดงโชว์ต่างๆ ให้เหมาะสมกับแต่ละเอก เช่นการแสดงก็ต้องเล่นละคร แฟชั่นก็ทำชุดเดินแบบ อะไรอย่างเนี้ย
“เราจะจัดกันที่อาคารแปดเหลี่ยม” มุนินช่วยผัวอธิบาย “เราจะแบ่งโชว์ต่างๆ เป็นละครสั้น แฟชั่นโชว์ เต้น แล้วก็จบงานด้วยดนตรีสด”
พอได้ยินคำว่าดนตรีสดแก๊งไอ้ฟิวส์ก็เฮกันใหญ่ จ้าๆ งานแบบนี้เหมาะกับพวกขี้หลีอย่างพวกมึงแล้วจ้า
“แล้วคอนเส็ปต์คืออะไรวะ” ดาวมหาลัยสายโหดยิงคำถาม
“เนี่ยแหละหัวข้อที่เราจะมาหารือกัน” ไอ้อู๋พยักหน้า “ใครมีไอเดียดีๆ บ้างมั้ยวะ”
ไอ้ไย่ก้มหน้าลงมาถามผม “มึงคิดออกปะ”
“ไม่อะ” ผมบุ้ยปาก
“กูว่าแล้วล่ะ ถามไปงั้น”
“อ้าวไอ้…” โอ๊ย ยังไม่มีแรงจะต่อกร
“คิกๆ มึงก็เล่นละครไง”
“ให้เล่นเป็นอะไร พระเอกเหรอ”
“ม้าแคระ”
“ไอ้สัส” ขอดึงผมมึงหน่อยเถอะดาว หมั่นไส้
“หรือว่าเราทำโชว์เดี่ยวกันมั้ยมึง” ไอ้ไย่ขยิบตา
“ทำไมต้องโชว์เดี่ยวด้วยอะ” ผมย่นคิ้ว
“เรามันเป็นตัวท็อปนะกุ้ง ถ้าเปรียบเทียบเนี่ย เราคืออิมเมจของคณะ เราต้องโชว์ตัวให้คนอื่นเห็นหน้าเยอะๆ”
แหม่ เปรียบเทียบซะกูอยากลุกขึ้นมาฟอร์มทีมเตรียมเดบิ๊วตอนนี้เลยอะ
“ใครบอก กูไม่ได้เป็นอิมเมจของคณะ กูเป็นมักเน่…” ว่าแล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่มให้มันหมั่นไส้เล่นๆ
“อีสองตัวนั้นมึงคุยอะไรกัน!” เสียงมุนินทำให้เราต้องเงียบ ผมรีบลุกขึ้นมาทำเป็นตั้งใจมองกระดาน เรื่องสร้างภาพละเก่งเก่งที่หนึ่ง
“ไม่มีอะไรจ้า พูดต่อๆ” ผมยิ้มแหยๆ
“อะอีกุ้ง ไหนมึงลองเสนอซิว่าเราควรจะทำคอนเส็ปต์อะไร”
แหนะ สุดท้ายก็โยนขี้มาให้ผมอีกจนได้ บ้านมันทำปุ๋ยหรือไงนะ ขี้เยอะจริงๆ
“เอาจริงปะ กูว่าเราไม่ควรมีอะไรมาครอบหัวตีกรอบความคิดสร้างสรรค์อะ ตั้งเป็นอะไรที่กลางๆ แล้วต่อยอดได้กูว่าเวิร์คกว่า” ผมเกาคางประดุจเหมือนโคนันเปี๊ยบ ไม่ใช่ฉลาดนะ…เตี้ย
“ไหนลองยกตัวอย่างแบบที่ว่ามาซิ” ไอ้อู๋เท้าเอวขณะที่จ้องผม คิดว่ามันคงจะสนใจความคิดนี้ไม่น้อย
“อืม…” ผมเอียงคอ “เอางี้ กูคิดชื่อเท่ๆ ได้ชื่อนึง”
“…” ทุกคนหันมาทางผมอย่างพร้อมเพรียง
“คือพวกเราอะ ส่วนมากอายุสิบเก้าใช่ปะ แล้วกูคิดว่าการอยู่ปีหนึ่งมันเป็นช่วงที่เราจะได้เป็นวัยรุ่นครั้งสุดท้าย ลองเอาอะไรพวกนี้มาเล่นมะ?”
ไอ้อู๋เอนตัวพิงกระดาน “น่าสนใจดี แล้วจะตบออกมาเป็นชื่องานยังไงอะ”
“ก็… อายุสิบเก้าคือ nineteen ใช่ปะ อืม…เอางี้
‘สุดทีน’ ละกัน” ผมดีดนิ้วดังเปาะ
“โอ้โห…” ไอ้อู๋ถึงกับอึ้ง
แหงะ ทำไมอะ “ไม่ดีเหรอ…”
“เปล่า กูแค่ไม่อยากเชื่อว่ามึงจะคิดอะไรแบบนี้ได้”
“ทำหน้าตกใจขนาดนั้นก็อุ้มกูแห่รอบม.เลยดิ” ถึงจะเพี้ยนนิดๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าโง่นะเฟ้ยยย “พวกมึงว่าไงอะ สุดทีน… การเป็นทีนครั้งสุดท้าย เล่นคำกับสุดตีนได้ด้วย คือคนฟังก็จะรู้สึกว่าเออว่ะมันเก๋ มางานนี้ต้องเจออะไรมันส์ๆ แน่เลย”
ไอ้อู๋กับมุนินมองหน้ากัน ก่อนจะเป็นฝ่ายประธานรุ่นที่มองไปรอบๆ “ทุกคนว่าไง”
“กูชอบนะ” ไอ้ไย่พยักหน้า “กูว่าโอเค ต่อยอดได้จริงๆ แหละ”
พอไอ้ไย่ชอบใจ เหมือนนั่นคือตรารับรองความถูกต้องที่ถูกอนุมัติแล้วจากองค์การอาหารและยา ทำให้เพื่อนๆ ทุกคนที่เข้าร่วมประชุมไม่มีใครคัดค้านเลยสักคน
“มีใครจะเสนอชื่ออื่นอีกมั้ย…”
“…”
เอ… นั่งกันนิ่งแบบนี้ เป็นเพราะพวกมึงเห็นด้วยกับกูหรือพวกมึงขี้เกียจคิดกันแน่เอ่ย ชักเริ่มไม่แน่ใจและ
“เก่งมากไอ้กุ้ง งั้นเอาชื่อนี้” ไอ้อู๋ชูนิ้วโป้ง “ในฐานะประธานรุ่น กูชอบ กูอนุมัติ”
เย่สสสสส วันนี้ทำดีมาก จะตอบแทนตัวเองด้วยการวิ่งขึ้นวิ่งลงหอพักแพทย์สักสองสามรอบ อิๆ
“แล้วพวกเราค่อยมาคุยเรื่องโชว์กันทีหลัง ทีนี้ไปต่อกันที่เฟรชชี่เกม” ไอ้อู๋เดินมาอีกฝั่งของกระดาน “ที่จริงงานนี้พวกเราไม่ต้องลงแรงทำร้อยเปอร์เซ็นต์ มันเป็นหน้าที่ของสโมสินกำ พวกรุ่นพี่เขาจะจัดการกันซะมากกว่า แต่พี่ๆ ให้กูมาจดชื่อว่าใครจะคัดลีด เป็นแสตน หรือจะลงกีฬาอะไรบ้าง”
“กูเป็นลีด!” อีไย่ยกมือคนแรก “กูเป็นๆๆๆๆๆ ใส่ชื่อกูลงไปเลย”
“เรื่องบ้าบอเนี่ยที่หนึ่ง” ไอ้อู๋บ่น แต่ก็ยอมเขียนชื่อไอ้ดาวลงบนกระดาน “อะ ไอ้ไย่เป็นลีดคนแรก”
“กูด้วย” อีมุนินยกมือตาม
“ใครให้มึงเป็น!?” ไอ้อู๋ถึงกับงง
“กูเสนอตัวเอง ผิดตรงไหนฮะ”
“คนอย่างมึงไปยกน้ำหนักโน่น”
โอ๊ยยยย ผมล่ะเบื่อเวลาสองผัวเมียนี่ตีกันจริงๆ
ด้วยความรำคาน ผมเลยหยิบมือถือขึ้นมาเช็คไอจีเล่นๆ ขณะที่ไถไปไถมา ไล่ดูสตอรี่สาวๆ หนุ่มๆ ที่ฟอลโล่ไว้ทีละคนก็เกิดอาการหมั่นไส้ แหม่ เดี๋ยวเที่ยวสยาม เดี๋ยวเดินเอมควอเทีย หึ สวยหล่อกันจังงง ใช่สิเรียนมหาลัยในกรุงเทพจะแสบใสไฮโซแค่ไหนก็ได้ อย่าให้ถึงทีผมบ้างแล้วกัน เดี๋ยวตอนปีสองเรียนที่กรุงเทพจะเดินแม่งให้ทั่วสยาม จะอัปรูปอ้าปากกินน้ำพุหน้าพารากอนให้ขึ้นเทรนด์
#กูจะไม่ยอมเห็นรูปนี้คนเดียว เลยคอยดู!
ขณะที่กำลังไล่ดูรูปสวยๆ พวกนั้น อยู่ๆ ที่มุมขวาล่างก็เกิดแถบสีส้มรูปคนขึ้นมา พอกดเข้าไปดูถึงกับอึ้งเลยว่ามาฟอลโล่กันเยอะแยะขนาดนี้ได้ยังไง มีใครเอาไอจีผมไม่ปล่อยหรือเปล่าเนี่ย ชอบผู้ชายโปรไฟล์เพี้ยนๆ แลบลิ้นปลิ้นตาแบบผมกันเหรอออออ
ผมไล่ดูเพื่อนใหม่ทีละคน เห็นใครน่าสนใจก็มีฟอลกลับบ้าง แต่สุดท้ายก็มาสะดุดอยู่ที่ชื่อหนึ่ง
TAK_EMPTY ทักผู้ว่างเปล่า… แปลแล้วปลงสังขารเลยกู รูปโปรไฟล์เปลือยหลังโชว์หราแบบนี้ยิ่งอยากรู้ขึ้นไปอีก ใครวะ
ผมตัดสินใจกดเข้าไปแล้วมันก็ทำให้ผมรู้ว่า เอ้ออออออออออออ กูว่าแล้ว ชีวิตนี้จะรู้จักชื่อทักกี่คนเชียว
ก็มีอยู่คนเดียว ทัก… โรหิตจันทร์ คณะพละศึกษานี่แหละ!
“แหวะ” ผมถึงกับเบ้ปากเมื่อรู้ว่าเป็นมัน แหม่ ทำเป็นถอดเสื้อถ่ายรูป ขี้โชว์จังนะมึง เด็กพละก็ยังเป็นพละอยู่วันยังค่ำ
แล้วมันจะมาฟอลโล่ผมทำบ้าอะไรเนี่ย…
‘eat smoke play sleep and then repeat.’ ผมมองไบโอนั้นแล้วก็นึกขำ นี่มันเด็กฮิปเตอร์2018นี่หว่า
ผมมองซ้ายมองขวาเห็นว่าไม่มีเพื่อนๆ อยู่ใกล้ๆ ก็เลยจิ้มเข้าไปไล่ดูรูปเก่าๆ ซึ่งมีไม่ถึงสิบ ดูเหมือนว่าไอ้ทักเพิ่งจะเริ่มเล่นไอจีมาไม่นานนี้เองอะ เพราะรูปแรกเป็นรูปรวมรุ่นในงานรับใบจบที่โรงเรียนชายล้วนชื่อดังของมัน ส่วนรูปต่อมาเป็นแก๊งเพื่อนสี่คนกอดคอกันกลมเกลียว ผมจำปราโมทย์ที่ยืนอยู่ริมซ้ายสุดได้ทันทีเพราะหน้าเหมือนเดิมเดี๊ยะ ผมไม่รู้จักสองคนตรงกลางก็เลยข้ามไป แล้วก็มาสะดุดกับคนสุดท้าย…
ไอ้ทักยิ้มแป้นชูใบจบขึ้นฟ้า ทำให้ผมรู้ว่ามันเป็นคนที่โครงหน้าชัดเป็นไดโนเสาร์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร จะขำน้ำลายพุ่งก็ตรงทรงผมสกินเฮดเหมือนมันอบซิสเล่อร์ของมันนั่นแหละ แถมผิวก็แทนกว่าตอนนี้ซะอีก สภาพอย่างกับนักบวชตัวร้ายในเรื่องเดอะมัมมี่ยังไงยังงั้น
ผมลองเลื่อนไปดูรูปอื่นๆ ส่วนมากก็จะมีแต่รูปวิวสวยๆ กับรูปหน้าปกซิงเกิ้ลเพลงเพราะๆ ทุกรูปล้วนมีแต่แคปชั่นเพ้อๆ ตามประสา แอบเห็นว่ามันลงรูปรายชื่อผู้สอบเข้าคณะพละศึกษาเอาไว้ด้วย โอเค้…ก็เป็นที่หนึ่งจริงๆ อย่างที่มุนินว่า แหม่ เห็นแล้วมันยิ่งน่าหมั่นไส้กว่าเดิมอีก คนอะไรวะหล่อแล้วยังฉลาด ลูกออกมาอัจฉริยะตายเลย
ผมเลื่อนมาที่รูปล่าสุด เป็นภาพไอ้ทักใส่ชุดไปรเวทเสื้อแขนกุดสีดำพร้อมกับสวมหมวกแก๊ปยืนล้วงกระเป๋ากางเกงหน้าประตูหอใน พร้อมแคปชั่น…
‘รอ’ โอ้โห… แค่ข้อความสั้นๆ แต่คนเม้นต์เป็นร้อย ทุกคนล้วนถามว่ารอใครกันเป็นแถว ส่วนคอมเม้นท์ใหม่ๆ ก็เป็นการแสดงความยินดีที่มันได้เป็นเดือนมหาลัย
เออ จะว่าไป ทำไมมันไม่ลงรูปตอนได้ตำแหน่งเลยอะ ไม่อยากโชว์หรือไง ขนาดไอ้ไย่ลงแล้วลงอีก กะจะลงให้ถึงประกวดดาวเดือนปีหน้าเลยมั้งน่ะ
พอคิดได้อย่างนั้นมันก็คันไม้คันมือ ขอคอมเม้นท์บ้างดีกว่าแฮะ เอารูปสุดท้ายนี่แหละเนอะ
idsara_k : ไหนอะรูปเดือนมหาลัย[/i]
ยังไม่ทันจะได้กดล็อคหน้าจอ มือถือก็สั่นซะแล้ว
ใครดีเอ็มมาล่ะเนี่ย
Tak_empty : สืบรูปกูเหรอพ่อโคบาล ผมนี่ถึงกับขมวดคิ้วเลย มันว่างนักหรือไงฮะถึงตอบเร็วขนาดนี้ แล้วทำไมไม่คุยกันในรูป จะส่งข้อความมาเพื่ออออ
Idsara_k : โคนัน! โคบาลบ้านมึงเซ่ะ จะให้กูไปรีดนมวัวหรือไงเล่า!
Tak_empty : อยู่ไหน
Idsara_k : อยากรู้จริงเหรอ… เดี๋ยวร้องไห้เอาน้า
ผมหัวเราะคิกคักอยู่หน้าจอ
อ้าว แล้วทำไมไอ้บ้านั่นอ่านแต่ไม่ตอบล่ะเนี่ย
Idsara_k : โหลๆ ยังอยู่มั้ยเอ่ย
Tak_empty : อยู่
Idsara_k : แล้วเงียบทำบ้าอะไร
Tak_empty : ร้องไห้ไง โอ๊ย
Idsara_k : แล้วจะร้องไห้เพื่อ? กูยังไม่บอกเลยว่าทำไร
Tak_empty : ไม่รู้กูเชื่อคนง่าย
Idsara_k : มึงนี่มัน…
Tak_empty : แล้วสรุปอยู่ไหน
Idsara_k : อาคารเรียนรวม ประชุมอยู่กับเพื่อนๆ คิดว่าอยู่ไหนฮะ!
Tak_empty : นึกว่าออกล่า… ดูมันใช้คำ กูไม่ใช่มธุสรนะโว้ยยยยยยย ผึ้งหนีไปปปปปป
Idsara_k : ยังไม่มีคิว
Tak_empty : จ้าาาาาาาา
Tak_empty : แล้วประชุมไรกัน
Idsara_k : ตอนนี้คุยเรื่องเฟรชชี่เกม
Tak_empty : เออ กูก็โดนบังคับให้ไปคัดลีดเพราะเป็นเดือน โคตรเซ็ง
Idsara_k : ไม่ใช่เพราะมึงเป็นเดือนหรอก เขาต้องการคนให้เหยียบหลัง ถึกๆ แข็งแรงๆ
Tak_empty : มึงโดนกูเหยียบก่อนคนแรกเลยสัส ดุจังวะ เดี๋ยวปั๊ดดดดด
Tak_empty : เอาลายมา
Idsara_k : หา!? ลายไรอะ
Tak_empty : ลายกนกมั้งไอ้กบ ไลน์มึงอะ! กูพิมพ์ผิด! เดี๋ยวๆ มาขอลงขอไลน์ทำบ้าอะไรเนี่ย แถมพิมพ์ผิดอีกตะหาก ไม่มืออาชีพซะเล้ยยยย
Tak_empty : เร็วๆ ไอ้เจี๊ยบ หวงเหรอ “ไอ้กุ้ง!” “หา…” ผมสะบัดหัวหนีจากหน้าจอ โว้ยยยย หายไปจากสังคมนานแค่ไหนวะเนี่ย ถึงไม่รู้ว่าไอ้อู๋ไอ้ดาวรวมถึงไอ้มุนินยืนล้อมผมจนมุมแบบนี้ ความรู้สึกเหมือนกำลังจะโดนไถตังค์เลยอะ
“ทำไรอยู่ฮะ!” ไอ้อู๋จ้องตาเขม็ง แงงงง มันโมโหจริงๆ แล้ววววว
“กะ…กู” ผมก้มลงมองมือถือ เวรแล้ววววว หน้าแชทโชว์หราขนาดนี้ ต้องรีบกดปุ่มล็อคหน้าจอให้ไว “กูซื้อของออนไลน์อยู่…”
โชคดีที่ไม่มีใครสงสัย พวกนั้นก็เลยปล่อยผ่าน
“สรุปมึงจะเป็นลีดหรือเปล่า?” ไอ้อู๋ถาม
“ฮะ!!” ผมอ้าปากค้าง ลุกขึ้นยืนหลังตรงแหน่วอย่างกับจะเคารพธงชาติ “บ้า… ลีดอะไร กูไม่เป็นนะ”
“อ้าว มึงไม่เป็นแล้วใครจะเป็นได้อีก” ไอ้ไย่เท้าเอว
“กูเป็นไม่ได้หรอก เป็นลีดยากจะตาย สมองกูมีอยู่แค่เนี้ยยย” ผมจีบนิ้ว “จะให้ไปจำท่า เปลี่ยนโซนต่างๆ นานาไม่ไหวแน่ๆ”
จริงๆ นะ แค่เต้นธรรมดาก็จะไม่รอด ให้ไปเต้นเป็นเซ็ตๆ แบบนั้นมีหวังคนขำแน่ อยากเห็นกุ้งเต้นเหรอ หมายถึงกุ้งเต้นจริงๆ นะ เด้งไปเด้งมาไม่มีความอ่อนช้อยใดๆ ทั้งสิ้น
“มึงต้องเป็น!”
“กูไม่เป็นนนนน” ผมส่ายหัว ฮือออ อย่าบังคับกันสิโว้ยยย “ให้กูทำอย่างอื่นเหอะ”
“แล้วคนดังอย่างมึงจะทำอะไรฮะถ้าไม่เป็นลีด” ไอ้อู๋เค้น
“กู…” เป็นไรดีวะ มองกระดานแป๊บ “กู…อยากเล่นกีฬา”
“ฮะ?” มันสามตัวตกใจพร้อมกัน
“จริงๆ ให้กูเล่นกีฬาเหอะ หาคนที่อยากเป็นแบบอยากจริงๆ เหอะมึง หมดยุคเลือกลีดจากคนดังแล้ว ให้โอกาสคนอื่นๆ บ้างนะ”
“แล้วมึงจะเล่นกีฬาอะไรได้วะ” ไอ้ไย่ หน้าตามึงดูถูกกูมาก เดี๋ยวจะโดน
“อะไรก็ได้ ว่ายน้ำก็ได้เอ๊า รับรองพวกมึงได้เหรียญทองแน่ๆ นะๆๆ” ผมเขย่าแขนไอ้อู๋ครางหงิงๆ ออดอ้อน “ไอ้อู๋มึงก็รู้นี่ กูเคยเป็นลีดตอนม.สาม แล้วผลเป็นไงล่ะ?”
ไอ้อู๋พยักหน้า “เออว่ะ จำได้”
“ชนะหรือแพ้วะมึง” ไอ้ไย่สะกิดถาม
“แพ้ดิจะเหลือเหี้ยไร ไอ้กุ้งลื่นแพร่ดตอนต่อตัว แถมหันซ้ายหันขวามั่วไปหมดเลย”
ขอบคุณที่เผากูครับเพื่อนรัก ฮึ่ยยย ก็ตอนนั้นกูมันเป็นตีมปอมปอมเชียร์นี่ยากจะตาย จำฝังใจไม่เคยลืมเลย
“งั้นกูลงชื่อมึงเป็นนักกีฬาไว้แล้วกัน” ไอ้อู๋กอดอก “แต่มีข้อแม้”
“…”
“มึงต้องมีโชว์ของตัวเองตอนงานเปิดหอ”
“เอาจริงดิ?” ผมกระตุกยิ้มแบบช็อคๆ “กูเนี่ยนะ?”
“ใช่ครับ ถ้าไม่ใช่มึงแล้วจะใครล่ะ” ไอ้อู๋แยกเขี้ยวก่อนจะหันไปประกาศกับเพื่อนๆ “ทุกคนครับวันนี้พอเท่านี้ เดี๋ยวมาลงชื่อกันต่อในกรุ๊ปไลน์”
เพื่อนๆ ทุกคนเก็บของและพากันลุกออกจากเก้าอี้ ผมทิ้งจังหวะให้คนอื่นๆ เดินออกไปกันก่อน พอเห็นว่าตัวเองได้รั้งท้ายก็ค่อยๆ หยิบมือถือขึ้นมาดูโดยไม่ลืมมองซ้ายมองขวาด้วยความระหวาดระแวง
Tak_empty : เงียบ…
Tak_empty : ไม่เอาหรอกกูล้อเล่น
Tak_empty : …
Tak_empty : โกรธไรกูอีกเปล่าวะ ไม่ได้โกรธอะไรทั้งนั้นโว้ยยยย กูโดนจี้อยู่รู้บ้างมั้ยเนี่ยยยย
ผมหมดอารมณ์ในการคุยแชทแล้วก็เลยกดย้อนกลับไปหน้าหลัก แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อหน้าไอดีไอ้ทักมีรูปที่เพิ่มอัปใหม่ มันเป็นภาพถ่ายจากบนเวทีเฟรชชี่ไนต์ฉายให้เห็นคนนับร้อยเบียดกันด้านล่าง น่าจะเป็นช่วงที่มันได้รางวัลนั่นแหละ เพราะทุกคนต่างยิ้มแย้มมีความสุข
ไอ้เดือนลงแคปชั่นว่า
‘ขอบคุณ’ สั้นๆ ได้ใจความ ไม่มีอิโมค่อนโพนี่ให้ผมได้ร่าเริงเลย
เออดีเว้ย บอกให้ลงก็ลง ทีหลังเจอหน้าจะทำเป็นขอมือมันหน่อย ให้แลบลิ้นแฮ่กๆ ด้วยก็ได้
ผมเกือบจะกดปิดแอพฯ อยู่แล้วถ้าตาไม่ไปเห็นจุดเด่นของภาพซะก่อน ไอ้คนนี้มันต้องเป็นจุดโฟกัสที่ไอ้ทักต้องการถ่ายแน่ๆ และพอเพ่งดูแล้ว…
“เชี่ย…” ผมหลุดอุทานออกมาเมื่อใช้นิ้วขยายรูปให้ใหญ่ขึ้น
จะไม่เชี่ยได้ยังไงครับ ก็ไอ้จุดเด่นที่ว่านั่นคือผมเอง! หน้าวอกติดกิ๊บยืนยิ้มแป้นหน้าบานโคตรน่ากลัวอยู่ตรงด้านล่างเวที ฮือออ คนอื่นจะคิดว่าเป็นรูปถ่ายติดวิญญาณเอาได้นะเนี่ย
ไม่ลงรูปตัวเองละโว้ยยยยยย
“พ่อค้าออนไลน์ชื่อทักอันเดอร์สกอเอ็มตี้เหรอ” เสียงเย็นๆ ที่อยู่ๆ เข้ามากระซิบข้างหู เล่นเอาผมโดดโหยง! ไอ้ไย่… นี่มึงยังไม่ไปอีกเหรอวะเนี่ย
“…” ผมได้แต่อึ้ง ทำอะไรไม่ถูก จะซ่อนโทรศัพท์ก็คงไม่ทันแล้ว หน้าโปรไฟล์โชว์หรากระแทกตาขนาดนี้
“ไม่เป็นไร…” ไอ้ไย่แตะบ่าผมด้วยใบหน้านิ่งๆ “กูไม่ว่ามึงหรอก”
“…”
ไอ้ไย่ยื่นหน้าเข้ามา “กูจิ้น”
“สรุปได้ยังว่าจะอยู่ชมรมอะไร” ผมหันไปถามไอ้อู๋ที่แบกดาบยศด้วยความทุลักทุเล สงสารมันอะ ไปไหนก็ต้องพกดาบไปด้วย โชคดีแค่ไหนที่ผมไม่มีตำแหน่ง คนที่มีของประจำตัวนะแม่งลำบากกันทุกคน เวลาของเสียหาย หรือลืมทีนะโดนรุ่นพี่รุมเละเป็นโจ๊ก
“พี่ประสานงานแนะนำว่าให้เข้าชมรมสันทนาการ” ไอ้ประธานรุ่นว่า “แต่กูไม่ค่อยอยากอยู่ว่ะ เต้นกันจริงจังเกิ๊น”
ผมพยักหน้าหงึกหงัก เข้าใจนะ เต้นแบบพวกสันฯ อะมีหวังได้เป็นไส้เลื่อนจุกหน้าเขียวกันพอดี ลำบากหมอต้องมาช่วยดึงคืนที่ให้อีก
ผมหันไปถามอีกสองตัว “พวกมึงว่าไง”
“อะไรก็ได้มึง ขอสบายๆ ไม่ต้องทำไรเยอะ” ดาวมหาลัยมองผ่านแว่นดำ จริงๆ ผู้หญิงสินกำใส่แว่นกันทุกคนครับเพราะไม่มีคิ้ว รุ่นพี่ยังไม่ให้แต่งหน้า
“กูคิดได้แล้ว” ไอ้มุนินดีดนิ้ว “ชมรมกีฬามั้ย”
ผมยิ้มแหยๆ “กีฬาเนี่ยนะ?”
“กูได้ยินมาจากรุ่นพี่ว่าไม่ต้องทำอะไรเลย แค่มีชื่อเฉยๆ เข้ากิจกรรมครั้งสองครั้งก็ผ่านแล้ว สบายๆ ไร้กังวล”
“แหม อยากสบายหรืออยากอยู่กับผู้ชายกันแน่” ไอ้ไย่เบะปาก
“อิๆ ยอมรับก็ได้ว่าผู้ชาย” มุนินหัวเราะคิกคัก “เอาไงอู๋ ลองดูมั้ย?”
“พวกมึงเอาเลย” ประธานรุ่นสุดหล่อส่ายหัว “เดี๋ยวกูไปเดินดูซุ้มอื่นๆ ก่อน”
ไอ้อู่กับหยากไย่เดินกันต่อไป ผมกับมุนินเลยพากันพุ่งตรงไปยังซุ้มชมรมกีฬา เอาวะ อย่างน้อยก็หาเรื่องออกกำลังกาย เดี๋ยวอ้วนกลมเป็นโอลาฟแล้วจะร้องไห้ทีหลัง
ชาวพละเสื้อสีเขียวแทบจะล้นออกมานอกถนน แน่สิ ชมรมกีฬามันก็ต้องเป็นที่โปรดปราณของพวกพละอยู่แล้ว แต่พวกมึงไม่คิดจะไปทำอย่างอื่นกันบ้างเหรอ ลองไปอยู่ชมรมทำอาหารก็ได้ เผื่อจะทอดอร่อยๆ ให้ลูกเมียกินในอนาคต
“สวัสดีคร้าบบบ น้องกุ้งคนดัง พวกพี่ฝันไปหรือเปล่าเนี่ย” รุ่นพี่พละที่ผมเคยเห็นหน้าออกมาต้อนรับ ปากนี่ยิ้มจนจะถึงใบหูอยู่แล้ว
อ๋อ จะเล่นใช่มะ ด้ายยยยยยยย
ผมคว้ามือของพี่เขามาวางแหมะไว้บนหัวตัวเอง
“…” หึ อึ้งไปเลยล่ะสิ
“ฝันหรือเปล่าล่ะครับ” ผมโชว์ยิ้มหวาน
“มึงๆๆๆ” รุ่นพี่ตรงหน้าสะกิดคนข้างๆ พร้อมกับถอยกรูดไปด้านหลัง “รับช่วงต่อที กูจะเป็นลม”
เอ๊า อะไรอ่า จะเล่นด้วยเฉยๆ เอง
“สนใจลงชื่อเลยมั้ยครับกุ้ง” คนที่มารับหน้าแทนไม่ใช่ใครที่ไหน ปราโมทย์รูมเมทของผมนั่นเองครับ โธ่ไม่สนุกเลยอะ
“ต้องทำไรบ้างอะโมทย์” ผมยื่นหน้าถาม
“ก็ลงชื่อว่าอยากเล่นอะไรเท่านี้เอง” โมทย์ขยับแว่น “มีหลายอย่างเลยลองดูก่อน”
ผมค่อยๆ กระเถิบไปดูใบลงชื่อทีละใบๆ ไล่ตั้งแต่บาส ฟุตบอล ปิงปอง ว่ายน้ำ…
อ๊ะ ว่ายน้ำดีกว่า เหมาะกับฉลามกุ้ง เบบี้ชาร์กแห่งบางขุนเทียนที่สุดแล้ว
ยังไม่ทันจะจรดปากกาก็มีเสียงอันคุ้นเคยแทรกเข้ามาซะก่อน “ทำไรอะ”
พอเงยหน้าก็เห็นว่าเป็นไอ้เดือนมหาลัยนั่นเอง ใส่เสื้อแขนกุดโชว์มัดกล้ามเหมือนทุกที
“อย่าบังแสง” ผมใช้มือดันท้องไอ้ทักให้ถอยออกไป โว้ยยย ตัวเบ้อเริ่มยังจะมาบดบังทัศนียภาพอีก
“ลงผิดแล้ว”
“ผิดตรงไหน…” ผมอ่านหัวข้อของกระดาษตรงหน้าซ้ำอีกครั้ง “ก็นี่ว่ายน้ำไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ดีหรอกเชื่อกู” มันส่ายหัวก่อนจะถอยตัวออกไป มือผมที่ดันท้องมันไว้ก็เลย…
หวืดดดดด แว้กกกกก เฉี่ยวเป้ากางเกงไปนิดเดียว ฮือออ ใจหายแว้บบบบ
“อ่ะ” มันวางกระดาษแผ่นใหม่มาให้ ผมรีบก้มหน้าอ่านเพราะไม่อยากให้มันเห็นว่ากำลังหน้าแดง
เดี๋ยวนะเอาอะไรมาให้กูเนี่ย… “กูไม่ได้อยากเล่นเทนนิสสักหน่อย”
“เออน่า สนุกดี มึงต้องชอบ”
“มาตัดสินใจแทนกูทำหยัง” ผมเขี่ยใบใหม่ที่มันเอามาให้ออกไป
“กูบอกให้ลงก็ลงดิ”
“ไม่” ผมสะบัดหัว “กูจะว่ายน้ำ”
“งั้นก็ตามใจ อยากเขียนก็เขียนไปเลย เดี๋ยวกูจะเอามาฉีกทิ้งทีหลัง”
“เกรี้ยวกราดมาก… กูทำอะไรให้มึงฮะ” ผมยืดตัวขึ้นมาเท้าเอวมอง “กูอยากว่ายน้ำ!”
“มึงอยากให้คนอื่นเห็นน้องมึงหรือไง”
“น้องอะไร?” ผมขมวดคิ้ว “กูลูกคนเดียว”
“โง่ดักดานเอ๊ยยยย” ไอ้เดือนส่ายหน้า “กูหมายถึงโน่น”
ผมมองตามสายตาที่มันพยักเพยิดมาแล้วก็ชี้ที่เป้าตัวเอง “น้องคนนี้อะนะ?”
“อูยยยยยยยยยยยย” คนรอบซุ้มร้องออกมาเป็นเสียงเดียว ง่ะ อะไรกัน แอบดักฟังการสนทนาของผมกันเรอะ
“จะชี้ทำบ้าอะไร!” ไอ้ทักคว้าข้อมือผมไว้ “ชี้ขนาดนี้ก็พูดคำว่ากระโปกไปเลยเหอะ”
“กระโป…”
“ชู่ว!” ไอ้ทักรีบปิดปากผมทันที โห…มือแม่งใหญ่จนจะบังตามิดอยู่แล้ว “มึงนี่มัน…”
“อิๆ” นานๆ ทีได้แกล้งมันบ้างสะใจดี เอ๊ะ… แต่มาคิดดูดีๆ ฝ่ายเสียคือกูนี่หว่า “กูยืนยันว่าจะว่ายน้ำ”
ไอ้ทักกอดอกทำเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำอย่างกับไม่สนการยืนยันเสียงแข็งของผม “มึงไม่อายนมตัวเองเหรอ?”
“…”
บ้าเอ๊ย มันโจมตีจุดอ่อน มันโจมตีนมชมพู!
แงงงง ขนาดใส่เสื้อแท้ๆ ยังรู้สึกอายขึ้นมาเฉย
“ไม่อายสีชมพูสดๆ นั่นหรือไง…” ไอ้ทักก้มมาจ้องเสื้อเชิ้ต
“…”
“ไม่อายเนื้อเยอะๆ น่าบีบแบบนั้นจริงๆ อะ”
“พอ!” ผมยกมือห้าม ไอ้บ้าเอ๊ย ทีงี้จำได้ละเอียดเชียว เอาพรสวรรค์นี้ไปใช้กับข้อสอบปลายภาคเถอะ! จำแม่นซะนึกว่ากำลังจะสเก็ชภาพคนร้าย “เทนนิสก็เทนนิส”
“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง”
ก็ยอมเปลี่ยนให้แล้วนี่ไงเล่า พูดมากจัง “เงียบๆ ดิ๊ กูกำลังใช้สมาธิเขียนชื่อ”
“ใส่ไลน์ไอดีด้วย”
ผมเงยหน้าขึ้นมางง “ไม่เห็นมีช่องให้ใส่เลย”
“กูเนี่ยบอกให้ใส่เอง”
“…”
“เร็ว มองหน้ากูทำหยัง” มันยิ้มล้อ พูดหยังตามทำไม ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองเรอะ!
“จะเอาให้ได้เลยนะสัส”
“อย่าหวง ได้ข่าวว่าเค้ามีไลน์มึงกันทั้งม.”
“แล้วจะทำไม” ผมกลอกตาแล้วทำเป็นกระซิบ “มึงอิจฉาล่ะสิ บอกแล้วให้มานอนกับกูตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง”
ไอ้ทักก้มหน้าลงมาใกล้ๆ “ไม่นอน…”
“งั้นก็ไม่ให้ไลน์”
“งั้นนอน”
“เปลี่ยนใจง่ายจัง…” ผมเบิกตากว้าง
“หึ แต่มีข้อแม้”
“…”
“ถ้ากูนอนด้วย มึงต้องไม่นอนกับใครอีกเลย”
ผมหรี่ตา “นานเท่าไหร่”
“ตลอดชีวิต”
“นานไป ขอสองอาทิตย์พอ”
*ปรับแก้ ชื่อ tuk เป็น tak
ขอโทษทีนะครับพอดีคนชื่อทักที่เคยแอบชอบมันดันสะกดว่า tuk ก็นึกว่าถูก
แหม่ ตามหลอกหลอนไม่เลิกจริงๆ พับผ่าสิ
[อ่านต่อด้านล่าง]