บทที่ 11ใครวะที่ล้มหน้าสยามวัน ตายแล้ววว ตายแน่ๆ
ฮือออ ไอ้เราก็ลืมไปว่าไดโนเสาร์เป็นสัตว์กินเนื้อ อยู่ใกล้เท่าไหร่มันก็ยิ่งอันตราย ซื้อบื้อจริงๆ เลยผมเนี่ยยยย
“เรียบร้อยดีมั้ยจ๊ะน้องกุ้ง” หยากไย่ทักทายเป็นคนแรกเมื่อผมมาถึงอาคารแปดเหลี่ยม
ดีกะผีอะไรล่ะ กูไม่น่าเชื่อพวกมึงเลย ฮืออออ ได้ของสมนาคุณมาชิ้นเบ้อเร่อ
“เอามือปิดปากทำไมวะ” ไอ้อู๋ที่ถอดเสื้อเหงื่อท่วมตัวเอ่ยถาม
“พวกมึงคือกู…”
“อย่าบอกนะ” มุนินหน้าแดงแถมเอามือทาบอก “เสร็จแล้วเหรอ”
“ไม่ใช่!” ไอ้นี่ก็จะจับกูจิ้นอยู่เรื่อย “น้อยกว่านั้น”
“เล้าโลมเหรออออ”
“โว้ยยย มึงดูเอวีมากไปเปล่ามุนิน ไม่ใช่!!”
“แล้วมีอะไรมึงก็พูดมาสิ” หยากไย่เท้าเอว
ฮือออออ ผมได้แต่ย่นจมูกด้วยความเขิน
“ไม่มีอะไร” ไม่บอกดีกว่าเดี๋ยวโดนล้อ จะไม่คูลเอา
“แน่ใจนะ” หยากไย่หรี่ตา แต่เหมือนกับว่ามันเห็นใครที่ด้านหลังของผมซะก่อนเลยเลิกสนใจ “อ้าวทัก! ทางนี้ๆๆๆ”
ไอ้ทักมาเรอะ!!
พอหันไปนี่ใช่เลย อาบน้ำใส่ชุดนอนพร้อมสรรพ ฮืออออ หนีไม่เคยพ้น
เดือนมหาลัยเลิกคิ้วมองผมพร้อมกับทำเป็นยิ้มๆ โว้ยยยย เดี๋ยวจะโดนถีบ นี่ถ้าปากมากจะเอามืออุดจริงๆ ด้วย ดูท่าแล้วน่าจะยัดเข้าไปได้อยู่ มือผมแค่นี้เอง
“มาหลบหลังกูทำไม” ไอ้อู๋หันมาทำหน้างงเมื่อผมกระดึ๊บๆ มาพรางตัวข้างหลังมัน
“เออน่า” ถามมากจัง
“ตัวนี้ได้มั้ยอะดาว” เสียงทุ้มๆ ของไอ้ทักเอ่ยถามหยากไย่ ผมแอบเห็นว่ามันคือกางเกง อย่าบอกนะว่ามันจะเดินแบบให้ไอ้ไย่อะ
“ได้อยู่ ขอบใจนะจ๊ะ พรุ่งนี้เที่ยงอย่าลืมมาบล็อกกิ้งล่ะ” หยากไย่ยิ้มแป้น “เออ เมื่อกี้ไอ้กุ้งมัน... อ้าว”
หากูไม่เจอล่ะสิ หึๆๆๆ
“อยู่หลังอู๋โน่น” แว้กกกก ไอ้ไย่ไม่เห็น ไอ้ทักเสือกเห็นเอง ฮืออ จ้องกูไม่วางตาเลยหรือไงเล่า
“มึงจะหลบทำไมเนี่ยยยย” ไอ้ไย่ขึ้นเสียงสูง “ทักไปทำอะไรมันมาหรือเปล่า แปลกๆ ตั้งแต่เดินมาและ”
“หึ” เดือนมหาลัยโชว์ลักยิ้ม “เปล๊า ก็ไม่ได้ทำอะไรนะ”
“...”
“ไอ้เจี๊ยบ” ไอ้ทักชะโงกผ่านไหล่อู๋มา “ไปซื้อมาม่าเป็นเพื่อนหน่อยดิ”
“...” ถึงกับบุ้ยปากใส่มันเลยฮะ
“เร็วววว” ไอ้ทักโน้มตัวมากระซิบ “เดี๋ยวเพื่อนสงสัยเอาน้า”
หึ ไอ้เวร แผนการเยอะนักนะ อยากให้ดีเอสไอมีคนอย่างมึงอยู่ในองกรณ์บ้าง หัวกระทิแบบนี้จับคนร้ายได้ไวแน่ๆ
เอาเหอะ เพื่อความปลอดภัย ผมเลยยอมเดินตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไอ้อู๋ถึงกับทำเป็นส่ายหัวยิ้มๆ เลย ไอ้ทักนี่ก็นะ ไม่คิดว่าเพื่อนกูจะได้ยินหรือไงเล่า
“เอามั้ย?” ไอ้ทักหยิบมาม่าคัพขึ้นมาเขย่า
“ไม่หิว”
“เลี้ยง”
“งั้นหมูมะนาวจ้า” ผมพูดหน้านิ่งๆ ของฟรีไม่เอาก็บ้าแล้วววว
“หึ” ไอ้ทักยิ้ม “ระวังตัวจะแตก”
“...” ผมก้มหน้างุด “แตกก็ดี มึงจะได้เลิกยุ่งกะกู”
“ใครบอก กูชอบคนเนื้อเยอะๆ อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา”
“...” รู้สึกว่าอะไรๆ ก็เข้าทางมึงไปซะหมดเลยเนอะ
ไอ้ทักเลิกคิ้ว “แล้วพรุ่งนี้มึงจะโชว์อะไร กูต้องรอดูมั้ย?”
“ไม่บอกกกกก”
“โธ่”
“แล้วมึงเดินแบบให้หยากไย่เหรอ ไม่เห็นรู้เรื่องมาก่อนเลย”
“ถ้ามึงสนใจกูเหมือนที่กูสนใจมึงก็จะรู้เอง” ...กรรไกรที่ตัดซองมาม่านี่ยังไม่คมเท่าคำพูดของมันอีกมั้ง ฮือออออ
“ก็รอดูสิ” ผมกอดอก มองมันใส่น้ำร้อนให้
“เป็นอะไรเนี่ย” ไอ้ทักเท้าเอว “หงุดหงิดที่กูจูบตะกี้?”
“บ้า แบบนั้นเค้าเรียกว่าจูบที่ไหน”
แค่ฉิวเฉียด ปุ๊บปั๊บแบบนั้นไม่นับโว้ยยยย
“สำหรับกูเรียกว่าจูบ” ไอ้ทักแยกเขี้ยว “...ขั้นแรก”
ไม่อยากจะนึกภาพขั้นสอง สาม และสี่ ขั้นร้อยนี่คงกระซวกไส้ทะลักแน่ๆ
“เออออออ”
“น้องกุ้ง!”
ผมที่กอดอกอยู่หันหลังไปตามเสียงเรียก อ้าวววว นี่มันพี่โน่! หมอสุดฮอตนี่หว่า
อื้อหือออ ใส่เสื้อกล้ามโชว์ความแข็งแกร่งเต็มที่เลย เห็นแล้วมันอยากจะละลายอยู่ตรงนี้
“หวัดดีครับพี่โน่ แหม่ไม่เจอกันนาน”
“นั่นสิ ลืมนัดของเราแล้วม้างงงง”
“อ๋อ...” เดาว่าผมคงยิ้มกว้างเกินไปแน่ๆ เพราะพอเหลือบไปเห็นไอ้ทัก รายนั้นทำหน้าบึ้งตึงพร้อมบวกเต็มที่
เวรละ ชะตากรรมพี่หมอจะจบลงเหมือนพี่วินมั้ย ไม่เอานะ
“ผมไม่ค่อยสะดวกเลยอะครับ”
พี่โน่เหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผม “เดี๋ยวนี้สนิทกันแล้วเหรอ เห็นคราวก่อนยังจะตีกันอยู่เลย”
“เอ่อ...” ยังไงดีล่ะ เดือนพละแม่งก็ทำหน้าทำตารอคำตอบผมเต็มที่ไม่แพ้กัน “ครับ สนิทกันแล้ว แฮะๆ”
“อ่อ” พี่หมอพยักหน้า “ยังไงพี่ขอต่อคิวน้องเขานะ คราวนี้ห้ามเบี้ยวล่ะ”
“สะ...”
ผมไม่รอให้ไอ้ทักพูดจบ จัดการเหยียบมันด้วยรองเท้าแตะพูม่าทันที ดูจากพยางค์แรกแล้ว คำด่าชัวร์! “ชู่ว!”
“...”
“ไว้คุยกันนะครับ พอดีผมต้องรีบไปจัดงานต่อ”
พี่โน่ยิ้มแป้น “ได้เลย ฝันดีครับน้อง พรุ่งนี้พี่จะมาดูนะ”
แล้วพี่หมอกับเพื่อนอีกสองสามคนก็เดินออกจากร้านไป..
เฮ้อ รอดตาย เกือบได้ยกเวทีมวยลุมพินีมาที่นครนายกแล้วมั้ยล่ะ
ผมหันไปมองท่าทีของคนข้างๆ ทันทีเผื่อว่าถ้ามีการเดือดจะได้หาที่กำบังได้ทัน แต่ไอ้ทักเพียงแค่ทำหน้านิ่งๆ และหยิบมาม่าคัพทั้งสองถ้วยไปให้พี่เจ้าของร้านคิดเงินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อ้าว มันไม่ได้โกรธผมใช่มั้ยเนี่ยยย ฮู้ววว โชคดีไป
“เดี๋ยวมึงไปซ้อมกับเพื่อนต่อใช่ปะ” มันส่งเสียงถาม
“อือ” ผมพยักหน้า โอ๊ยยย ปกติเกินไป ห้ามใจไม่ให้ถามไม่ได้หรอก “มึงไม่ได้รู้สึกอะไรใช่ปะ... ที่พี่เขาพูดตะกี้อะ”
ไอ้ทักเลิกคิ้วขณะที่ผลักประตูออกไป มันดันหลังผมให้เดินก่อน
“มึงนี่ก็ไร้สาระ”
เออว่ะ วันนี้เค้าควบคุมสติได้ดีเยี่ยม ต้องเขียนไว้ในสมุดพรก
“แต่ถ้าเจอมันอีก ฝากไปบอกด้วยนะ”
“...”
“ว่าถ้าจะต่อคิวกูอะรอไปอีกสิบชาติ” “...”
“กูไม่ปล่อยมึงไปง่ายๆ แน่”“กุ้งงงงง เอาไฟล์เพลงมาสิ” มุนินเดินเข้ามาสะกิด
เฮ้ยยย ลืมไปสนิท “มึง...กูยังไม่รู้จะแสดงอะไรเลย”
“อ้าว” เพื่อตุ๊ดแฟชั่นหน้าเสีย “เอาดีๆ”
“จริงๆ” ผมถามหันไปถามดาว “ไย่ มึงแสดงอะไรวะ”
ดาวมหาลัยยิ้มเริงร่า “กูจะแสดงทรีบิ้วให้กับไอดอลตลอดกาลของกู”
“...”
“เทเลอร์ สวิฟต์”
“โห...” ผมอ้าปากค้าง “ดูน่าสนใจดีอะ”
ฮืออออ เหลือแต่กูสิเนี่ยยย
“มาๆ เดี๋ยวกูช่วยคิด” ไอ้ไย่ดึงผมให้นั่งลงตามมัน
“มึงว่ายังไงดีวะ?”
“อยากเกิดอีกรึเปล่า”
“พอเลย!” ผมยกมือห้าม แหมมม คราวก่อนโชว์นมหรายังเกิดไม่พออีกหรือไง “กูอยากได้อะไรที่มันเป็นตัวกูสดใสๆ ร่าเริงๆ”
“มึงร้องเพลงได้มั้ยล่ะ?”
“เอ่อ...” ผมอ้ำอึ้ง “คิดว่าได้นะ”
“งั้นก็ร้องเล่นเต้นระบำไปเลย”
“ยากจัง อะไรที่มันเซอร์ไพร์สคนดูได้บ้างอะ”
“ปีนผ้าแบบก๊อตทาเล้นท์” ไอ้ไย่ว่า
“ไอ้สัดเดี๋ยวตกมาคอหัก!” ผมเบ้ปาก “เออ ร้องเพลงก็ได้วะ... เพลงไรดี”
“ต้องหาเพลงที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักเว้ย มันจะได้เป็นของมึง เพลงแบบ...”
โฮ่ง! โฮ่ง! พวกเราที่นั่งคุยกันอยู่หยุดกระทันหันเมื่อได้ยินเสียงเห่าเล็กๆ นั้น พอหันไปก็เห็นลูกหมาตัวน้อยๆ เดินโซซัดโซเซเข้ามาในอาคาร เนื้อตัวมอมแมมเชียว
“ว๊าย มาจากไหนเนี่ยลูกกกก” ไอ้ไย่อ้าแขนต้อนรับ จนน้องเดินดุ๊กๆ เข้าไปในอ้อมกอด
“ไย่ สกปรกจะตาย” ผมย่นจมูก “มีโรคหรือเปล่าก็ไม่รู้ ระวังมันจะกัดเอานะ”
“ไม่มีหรอกน่า” ไอ้ไย่อุ้มน้องขึ้นมาบนตัก “เนอะลูกเนอะ หนูแค่มอมแมมเฉยๆ เนอะ”
“...” บุญของกูแท้ๆ มีเพื่อนสื่อสารกับหมารู้เรื่อง
“หนูหลงมาจากไหนครับ” ไอ้อู๋ที่เดินมาสมทบทิ้งตัวลงข้างๆ ไอ้ดาว “อ้วนเชียว แง่มมมมม”
“หิวมั้ยลูกกก อะนี่ไส้กรอก” มุนินเสียสละของกินตัวเองให้น้อง
อะไรกันวะ พอน้องมา ผมก็หัวเน่าเช้ยยย แงงงงง สรุปแล้วใครเป็นหมากันแน่ สนใจกูบ้างงงง ช่วยกันคิดโชว์ก่อนนน
แหนะ มอง... น้องหมามองผมตาแป๋วเชียว คงจะอยากให้ผมเข้าไปลูบไล้ด้วยล่ะสิ แต่หนูสกปรกมากอะลูก อาบน้ำก่อนได้มั้ยอะแล้วค่อยว่ากัน
เดี๋ยวนะ...
อาบน้ำเรอะ “มึง” ผมส่งเสียง “กูคิดโชว์ได้ละ”
“ฮะ?” ไอ้ไย่เอียงคอ
“หึๆ” ผมยื่นมือเข้าไปอุ้มน้องออกมา น้องยังคงทำหน้าตาบ๊องแบ๊วไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง “หนูดังแน่ลูกเอ๊ย”
“...” พวกเพื่อนๆ ของผมทั้งสามตัวได้แต่งงไปตามๆ กัน
“สวยมั้ยมึง”
ไอ้ไย่เดินออกมาด้วยชุดสูทสีดำใส่วิกผมบ๊อบแบบไม่คุ้นตา แถมแต่งหน้าแต่งตาก็จัดเต็ม อันที่จริงมันเป็นคนที่สวยอยู่แล้วนะ พอมีเครื่องสำอางยิ่งสวยขึ้นไปใหญ่ ฮือออ อยากให้มันมีแฟนบ้าง เสียดายของ
“สวัสดีค่ะพี่ช่าบันทึกของตุ๊ด” ยังไม่ทันตอบ มุนินก็วิ่งปรี่เข้ามาล้อ
“เดี๋ยวจะโดนถีบ แซวอะไรเกรงใจวิกกูด้วย” ไอ้ไย่สะบัดผมของตัวเองไปมา “เออกุ้ง แล้วน้องหมาอยู่ไหนอะ”
“อยู่ในบ้าน” ผมชี้ไปที่กล่องสีน้ำตาลใบใหญ่ “ตื่นเต้นว่ะ นี่กูคิดถูกแล้วใช่มั้ยอ่า”
ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วอะ เปลี่ยนเป็นโชว์มายากลได้มั้ย จะได้ซ้อมโยนบอลรอ ฮืออออ
“ถ้ามึงคิดว่าสนุกมันก็จะสนุก ไม่ต้องกังวลลล” ไอ้ไย่เข้ามาสวมกอด “คิดซะว่านี่คืองานปลดปล่อยหลังจากที่โดนพี่ว้ากกดขี่มาเป็นเดือนสิ”
โหงั้นฮึดเลย ฮึดดดด ฟังแล้วอยากจะไปหยิบดาบมานำทัพสู้เพื่ออิสระภาพซะเดี๋ยวนี้
“เออ” ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด “สู้ก็สู้”
“ดีมากกกกกก” ไอ้ไย่ยิ้มร่า
“พวกมึงงงง” ไอ้อู๋ที่สวมชุดนิสิตวิ่งเข้ามาหา “พร้อมนะ”
“แล้วมึงล่ะพร้อมมั้ย” ไอ้ไย่ถามกลับ แถมยังใจดีจัดเนคไทของคนที่มาใหม่ให้เนี๊ยบกว่าเดิมอีกด้วย
“ตื่นเต้นว่ะ งานจะไม่ล่มเพราะกูใช่มั้ยวะ”
งานนี้ไอ้อู๋อาสาตัวเองเป็นพิธีกรครับ ตอนแรกก็ทำท่าจะดีๆ นะ ทำไมไปๆ มาๆ มันถึงตื่นเต้นได้ล่ะเนี่ย ดูดิเหงื่อแตกเชียว ผมเลยต้องยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดให้มัน
“มาๆ รวมพลังกันหน่อย” ผมดึงทั้งสามตัวเข้ามากอด “ไม่มีใครครบจะต้องเป็นที่จดจำแน่นอน”
“เออ” ไอ้ไย่พยักหน้า “มันจะต้องไปได้สวยเว้ยเชื่อกู”
“กูให้กำลังใจพวกมึงอยู่หลังเวทีนะ” มุนินพูดออกมาบ้าง
“กูต้องไปเตรียมตัวและ” ไอ้อู๋ยิ้มให้พวกผม “เวลากูยิงมุกอะไรต้องขำไว้ก่อนเลยนะ โอเคมั้ย”
“ก๊ากกกกก ฮ่าๆๆๆๆ” นี่ กูขำให้ก่อนเลย
“ขอบใจนะสัด” ไอ้อู๋หันมาตบหัว “มึงก็สู้นะเข้าใจมั้ย”
“เอออ” ให้กำลังใจกันอยู่อย่างนี้มันจะหายตื่นเต้นมั้ยเล่า “ไปๆ เดี๋ยวงานก็เริ่มแล้ว”
เราจะเริ่มโชว์ด้วยการเดินแบบชุดที่ตัดเย็บโดยเด็กเอกแฟชั่น เพราะฉะนั้นพวกนายแบบนางแบบที่ไหว้วานฟรีๆ จากคนหล่อคนสวยคณะต่างๆ ก็แต่งหน้าแต่งตัวผมแล้วเรียบร้อย ผมจำคนที่เดินคนแรกไม่ได้ว่าเป็นใคร แต่สำหรับคนที่เป็นฟินนาเล่แล้ว... มันคือคนที่ผมกำลังจะเข้าไปหานี่แหละครับ
“โห... หล่อนะเนี่ยยยย” ผมทำเป็นแซวไอ้ทักที่ยืนอยู่ท้ายแถว
แต่ไอ้เดือนแม่งดันมองผมหัวจรดเท้า ไม่ได้สนใจสิ่งที่ผมพูดสักกะนิด “แต่งตัวอะไรของมึง อย่าบอกนะว่าจะใส่ชุดนี้โชว์?”
“ทำไมอะ” ผมมองตัวเอง “เท่จะตาย สมัยนี้เทรนด์ชุดคลุมมาแรงโว้ย”
“เอาดีๆ จะทำอะไร?”
“เออน่ะ บอกให้รอดูก็รอดู”
“...” ไอ้ทักถอนหายใจเฮือกใหญ่ “กูดูเป็นไงบ้าง?”
“ฮะ!? จะให้ตอบยังไงอะ” อยู่ดีๆ ก็มาถาม ใช่เรื่องม้ายยย
“หล่อ?”
ผมมองหน้ามัน “ก็เด้...”
“เท่?”
“ใช้ได้...”
“โอเค พอใจและ”
พูดบ้าอะไรเนี่ย...
ผมสำรวจดูคนตรงหน้าแล้วก็ต้องใจเต้น เดือนมหาลัยคนล่าสุดอยู่ในชุดสูทที่ตัดเย็บอย่างดีโดยฝีมือของหยากไย่ เสื้อเชิ้ตด้านในไม่ติดกระดุมสักกะเม็ด เพื่อที่จะโชว์แผงอกอย่างภาคภูมิใจ แถมพอเห็นมันแต่งหน้ากับจัดทรงผมเข้าท่าแบบนี้ ภาพวันประกวดเดือนลอยกลับมาเลย ที่จริงงานนี้ดูดีกว่าอี้กกก
ฮือออ
จาอาววว จาอาวววว “มองกูขนาดนั้นคงไม่ใช่แค่ก็ดีแล้วมั้ง” ไอ้ทักยิ้ม
โอ๊ยยย จะปล่อยให้กูมีเวลาส่วนตัวบ้างไม่ได้รึไงฮะ รู้ทันไปหมดซะทุกเรื่องจริงๆ
“นี่กูต้องกอดให้กำลังใจอะไรมึงมั้ย” ผมลอยหน้าลอยตาอย่างตั้งใจกวนตีน
“ไม่ต้อง”
“...”
“เมื่อวานได้จุ๊บแล้ว มีโควต้าใช้ได้อีกเป็นอาทิตย์”
“...” หูแดงหมดแล้ว ฮืออออ ไม่น่าหาเรื่องเลยกู
“สวัสดีคร้าบบบบบบบบบ” เสียงไอ้อู๋ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องของผู้ชมนี่นั่งกันหนาแน่นเต็มอาคารแปดเหลี่ยม
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่งานเปิดหอศิลปกรรมศาสตร์ประจำปีหกหนึ่ง! ผมอู๋ประธานรุ่น รับหน้าที่เป็นพิธีกรในวันนี้คร้าบบบบ!” “โอ๊ยยยตื่นเต้นว่ะ” ใจมันเต้นตึกๆ จนผมถึงกับต้องพูดออกมาเลย แงงงง ว่าจะไม่งุ่นง่านแล้วนะ
“เอามือมา”
“ฮะ!?” ผมทำหน้างงกับคำพูดของไอ้เดือนมหาลัย แต่อีกฝ่ายไม่รอช้า คว้ามือผมยัดเข้าไปในช่องแคบๆ ของกางเกงที่มันสวม กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกับมันกำลังจับมือกันอยู่... ในกระเป๋ากางเกง
“จะได้ไม่ต้องตื่นเต้น” มันพูดออกมา ทำเป็นลอยหน้าลอยตาชะโงกดูบรรยากาศของงานไปเรื่อยเปื่อย
เออจริงด้วย หายตื่นเต้นเป็นปลิดทิ้งเลยอะ
“ทัก” ผมส่งเสียงเรียกมัน
ไอ้ทักหันมายิ้มให้ “ว่าไง”
“รอดูกูด้วยนะ” ฮึ่ยยย กลั้นใจพูดเลยนะเนี่ย
“ไร้สาระ”
อ้าว ไอ้สัดนี่ ถ้าเป็นรถคงคว่ำเข้าข้างทางไปแล้ว เบรกกูซะ...
“มึงก็พูดไปเรื่อย...”
“...”
“ไม่ดูมึงแล้วกูจะดูใครวะ”“โอ้โหหหหหห เรามาพูดคุยกับดาวกันหน่อยดีกว่า” ไอ้อู๋เดินออกมาหลังจากหยากไย่โชว์เสร็จ “แซ่บเชียวนะครับวันนี้”
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ” ไอ้ไย่ขยิบตา แหมมม หมั่นไส้ ขนาดดูผ่านจอที่หลังเวทีนะเนี่ย รังสีความสวยของมันยังทะลุมาถึงตรงนี้ ฆ่าไม่ตายจริงๆ
“ทำไมถึงโชว์เป็นเทเลอร์ สวิฟต์ครับ”
“ชอบค่ะ บูชาอยู่ทุกวัน” ไอ้ไย่หัวเราะ “คิกๆ ล้อเล่นค่ะ จริงๆ ก็ชอบเพราะเป็นไอดอลนั่นแหละ เลยอยากจะคอสเพลย์เป็นคุณแม่สักหน่อย”
“โอเคครับ... เรามาดูความเห็นจากผู้ชมกันบ้างดีกว่า” ไอ้อู๋หันไปรับกระดาษแผ่นเล็กๆ จากทีมงาน มันมาจากกล่องที่เปิดรับความเห็นที่ตั้งไว้ข้างหน้านั่นเองครับ “ทีมงานกำชับมาเลยว่าข้อความนี้เด็ดมาก และต้องอ่านให้หยากไย่ฟังเท่านั้น”
“เอาดีๆ นะอีสัด” แม้จะกระซิบลอดไรฟัน ทว่าเสียงนั้นก็ดังเข้าไมค์อยู่ดี ฮือออ คนเขาขำกันแล้วน่ะ
“ข้อความจากคุณ... เด็กโยธา”
“...” ไอ้ไย่ถึงกับหน้าถอดสี
“หยากไย่น่ารักจัง... รอวันไปกินข้าวกับเธอไม่ไหวแล้ว”
เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ! กลุ่มวิศวะถึงกับโห่ร้องกันยกใหญ่
“ไปกันที่โชว์ต่อไปดีกว่าค่ะอู๋” ไอ้ไย่ฉีกยิ้มเปลี่ยนเรื่อง ถือวิสาสะเป็นพิธีกรแม่งซะเลย “พูดได้แค่ว่า คนนี้เขาดังมาก ขนาดดาวมหาลัยอย่างเรายังยอมแพ้เลย”
“ไอ้กุ้ง แสตนบายได้แล้ว” มุนินวิ่งเข้ามาหา ผมพยักหน้าแล้วก็จูงน้องหมาตัวน้อยไปเตรียมตัว
“โอ้โห อย่าบอกนะครับว่าถึงเวลาโชว์ของกุ้งแล้ว!”
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด! “ใช่แล้วค่ะ บอกเลยนะคะ เทเลอร์ สวิฟต์ก็ต้องแพ้ ร้อนแรงจนดิชั้นนี่ยังจะอยากบูชามันแทนเลย” ดูพูดเข้า เดี๊ยะๆ จะโดนเรียงตัว “ถ้าพร้อมแล้ว ไปชมโชว์สุดเซอร์ไพร์สจากกุ้งอิมเมจของคณะได้เลยค่า!”
เอาล่ะถึงตาผมแล้วสินะ
ไฟค่อยๆ หรี่ลง พร้อมกับมีทีมงานหอบหิ้วกาละมังและอุปกรณ์อาบน้ำมาวางไว้ด้านหน้า ผมเดินจูงน้องหมาออกไป ไม่นานเท่าไหร่ไฟก็เปิดอีกครั้ง ทุกคนจึงเห็นผมยิ้มแป้นโดยมีน้องหมานั่งรออยู่ข้างๆ แล้ว
“....”
เงียบกริบกันทั้งงาน ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของคนดูแถวหน้าสุดเลยคิดดูดิ
“โฮ่ง!” “รู้แล้ววววว จะอาบน้ำให้เดี๋ยวนี้แหละ” ผมพูดผ่านไมค์ที่ติดข้างปาก
ผมอุ้มน้องลงไปในกาละมัง จัดการเทแชมพูเยอะๆ จนฟองฟ่อดแล้วก็นวดๆ น้องอย่างเบามือ ดูท่าแล้วน้องจะชอบด้วยแฮะ ส่ายหางใหญ่เลย
“ค่า...” ไอ้ไย่เดินออกมายืนข้างๆ “คนเขางงหมดแล้วค่า ดิชั้นก็งงค่า คนอื่นเขาซ้อมแทบตายมันดันโชว์อาบน้ำหมา”
ถึงจะไม่มีเสียงกรี๊ดอะไร แต่ผมก็ได้ยินเสียงชัตเตอร์รัวไปหมด บางคนเอามือถือขึ้นมาถ่ายวีดีโอไว้ด้วยอีกตะหาก
“โฮ่งงงง!” “เออ เห่าเข้าไปลูก สบายล่ะสิ” หยากไย่ยังคงคอยช่วยบิ้ว “มีใครอยากเป็นหมามั้ยคะ?”
พรึบ! กว่า 80% ยกมือกันอย่างพร้อมเพรียง
“คือเมื่อวานน้องหมาหลงเข้ามาในนี้ เนื้อตัวมอมแมมมากๆ ผมเลยอยากจะอาบน้ำให้น้อง” ผมอธิบาย
“งืออออออออออ”“เพราะผมรู้ว่าพวกเราที่นี่หลายคนเห็นน้องแล้วก็คงอยากจะเล่นด้วย ถ้าน้องสะอาดๆ พวกเราจะได้เอ็นดูกันเยอะๆ เนอะ”
“โง้ยยยยยยยยย”“เป็นยังไงล่ะคะเพื่อนดิชั้น สดใสจนโชว์เมื่อกี้เป็นความอัปยศของมวลมนุษย์เลยทีเดียว” ไอ้ไย่เท้าเอว
“เอาล่ะมาเป่าตัวให้แห้งกันเถอะ” ผมอุ้มน้องออกมาจากกาละมัง
“...”
ผมขยี้น้องด้วยผ้าขนหนูแรงๆ แม้จะไม่แห้งสนิทแต่ก็ถือว่าใช้ได้
“น้องสะอาดแล้วนะครับ ผมจะปล่อยไปให้เล่นกันน้า” ผมปลดสายจูงออก แล้วน้องก็วิ่งไปหาสาวๆ พยาบาลที่นั่งแถวหน้าๆ แหมมม โดนสาวรุมเชียวนะ คนหล่อก็เงี้ยอะเนอะ
คนดูปรบมือให้ผมอย่างงงๆ หึๆ คิดว่าจบโชว์แล้วล่ะสิ
“ว้ายยยย” ไอ้ไย่กรีดร้องเมื่ออยู่ๆ ไฟก็ดับทั้งอาคาร “เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ยยยยย”
หึ บอกแล้วว่าจะเซอร์ไพร์ส ขนาดเพื่อนตัวเองยังไม่รู้เลยเห็นมั้ย วะฮ่าๆๆ
เอาละครับทุกคน เตรียมตัวเจอโชว์ที่แท้จริงกันได้แล้ววววว!!
[อ่านต่อด้านล่าง]