,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}  (อ่าน 88330 ครั้ง)

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


รักนี้ แค่นาย




สารบัญ


บทนำ     1     2
3     4     5     6
7     8     9     10
11     12     13     14
15     16     17     18
19








ผลงานเรื่องที่ผ่านมา

Just you and I เพราะนายคือของฉัน [จบแล้ว] (โช x กลอย)
No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ [จบแล้ว] (ฟลอยด์ x ต้อม)
คำทำนาย...ทายว่าต้องรัก [จบแล้ว] (พี่ใหญ่ x น้องอัด)
พี่ครับ...ไอเลิฟยู [จบแล้ว] (เม่น x ม่าน)
Hello Daring คนนั้น ที่รักของผม [จบแล้ว] (ป๋ากร x ปูน)






*** หมายเหตุ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากจิตนาการ ไม่มีบุคคลในชื่อหรือสถาบันใดๆ เกี่ยวข้องทั้งสิ้น***
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2018 21:51:15 โดย aiaea83 »

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [บทนำ] // {22/12/60}
«ตอบ #1 เมื่อ22-12-2017 19:37:30 »


,,บทนำ,,




       “นะขมิ้น ช่วยแม่หน่อย พลีส” คำร้องขอมาพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ท่าทางน่าสงสารแบบนั้น จะทำให้ลูกสักกี่คนที่ใจแข็งอยู่ได้ ซึ่งก็ไม่ใช่ผมแน่นอน “หากขมิ้นไม่ช่วย แม่ต้องแย่แน่ๆ”

   “แต่ผม...”

   “ขมิ้น”

   ผมเม้มริมฝีปากแน่น ใจหนึ่งก็อยากช่วย แต่อีกใจก็...

   “เรื่องของคนอื่นก็ให้จัดการกันเอง” เสียงแข็งแทรกเข้ามา ผมหันหน้าไปมองคนที่เพิ่งเดินเข้าประตูมา มือข้างหนึ่งถือกระบอกซูมใส่แปลนบ้าน อีกมือถือกระเป๋าเอกสาร “อย่าคิดไปยุ่งเชียวนะ”

   “ฉันไม่ได้ขอให้นายช่วยสักหน่อย” เสียงแวดใส่คนมาใหม่จนผมสะดุ้ง “อีกอย่าง ขมิ้นก็ลูกฉัน แล้วขิงก็ลูกของนายเหมือนกันนะ”

   “ลูกที่ไม่เคยเห็นหัวพ่อมันเหรอ แบบนั้นก็เรียกว่าลูกเหรอ” พ่อผมกระแทกข้าวของที่ถือมาไว้บนโต๊ะ ขายาวๆ นั่นสาวเร็วมาจนถึงตัวผมและแม่ที่นั่งอยู่ “ตั้งแต่เลิกกันมา มันเคยมาหาบ้างไหม ก็ไม่ เจอกันมันทักไหม ก็ไม่ แล้วแบบนี้...”

   “ก็นายเล่นแต่งตัวมอมแมม ขิงจะไปทักได้ยังไง เขาเป็นถึงนายแบบชื่อดังนะ” แม่แทรกขึ้นทันทีแม้พ่อจะยังพูดไม่จบ

   “อ๋อ เป็นคนดังมีพ่อเป็นคนธรรมดาไม่ใช่อย่างงั้นสิ งั้นไอ้ขมิ้น มึงอย่าไปช่วยนะ มึงมันลูกคนธรรมดาแบบกู”

   “นี่”

   “ทำไม”

   ผมรีบลุกขึ้นแยกพ่อและแม่ออกจากกัน หน้าของทั้งคู่แทบจะชนกันอยู่แล้ว แถมสายตาก็ฟาดฟันซะผมกลัวว่าผ้าม่านจะขาดลงเสียก่อน คมเหลือเกินสายตา

   “ทะเลาะกันแบบนี้ ไม่อายคนอื่นบ้างเหรอ” ผมว่าออกมา สายตาเหลือบไปมองบุคคลแปลกหน้าที่นั่งยิ้มแห้งๆ อยู่ท้ายโซฟา “ทะเลาะกันเป็นเด็กตลอด” พูดจบก็ถูกฝ่ามือพ่อตบซะหน้าคว่ำ

   “กูพ่อมึงนะ”

        พ่อเดินปั้นปึงหยิบข้าวของตัวเองขึ้นชั้นสองไป เหลือแค่แม่ที่กระแทกตัวนั่งโซฟาอย่างหงุดหงิด

   “นิสัยไม่เคยเปลี่ยน” แม่บ่น ก่อนจะยื่นมือมาดึงให้ผมนั่งข้างตามเดิม “ขมิ้น ช่วยแม่หน่อยนะลูก ช่วยพี่ขิงด้วย มีขมิ้นคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยได้” ระหว่างแม่พูด คนแปลกหน้าก็พยักหน้าตามตลอดจนอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร

   “ใครเหรอแม่” ถามเสร็จ คนแปลกหน้าก็รีบปรี่เข้ามานั่งข้างๆ แม่

   “คนนี้เขาชื่อพี่หมูหวาน เป็นผู้จัดการส่วนตัวของพี่ขิงเขาน่ะ” คำแนะนำของแม่ก็ยังทำให้ผมงงอยู่ดี “คือเขาเนี่ย เป็นผู้ช่วยของแม่ด้วย”

   “แล้วเขามาทำไม”

   “เขาก็อยากเจอขมิ้นไง แม่บอกเขาว่าขมิ้นหน้าเหมือนพี่ขิงอย่างกับโคลนนิ่งออกมา”

   นั่นแหละครับ เป็นเหตุผลที่แม่มาขอร้อง อ้อนวอนให้ผมช่วยเหลือพี่ชาย เพราะผมกับพี่ขิงเราเป็นฝาแฝดกัน ส่วนมากฝาแฝดมักจะมีหน้าตาคล้ายคลึงกันไม่มากก็น้อย บางคู่ก็มีบางจุดที่แตกต่างให้พอแยกแยะได้ว่าใครเป็นใคร แต่สำหรับผมกับพี่ชายนั้น คงเป็นพวกส่วนน้อย เพราะแม้แต่ไฝที่ต้นคอเราก็ยังมีเหมือนกัน เรียกได้ว่า ผมกับพี่ขิงเราเหมือนกันตั้งแต่เส้นผมจนไปถึงปลายเล็บราวกับโคลนนิ่งอย่างแม่บอก ขนาดที่ว่าตอนเด็กๆ พ่อกับแม่ก็มักจะจำพวกเราสลับกันแทบทุกครั้ง

   ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายไม่รู้นะครับ

   “หากคุณหญิงแม่ไม่บอก หมูหวานต้องคิดว่าคนที่นั่งตรงหน้า คือน้องขิงแน่นอนค่ะ” เสียงดัดให้เล็กของคนแปลกหน้าทำให้ผมเลิกคิ้วนิดๆ เป็นผู้ชายแต่ลงท้ายประโยคด้วยค่ะ

   “ใช่ไหมๆ ฉันบอกแล้วว่าเขาเหมือนกันมาก” แม่หันไปพูดกับคนของตัวเองด้วยรอยยิ้ม ก่อนหันกลับมาหาผมด้วยใบหน้าเศร้าโศก

   เปลี่ยนอารมณ์เก่งเหลือเกินแม่ผม

   “แม่ก็รู้ ถึงผมจะหน้าเหมือนพี่ขิงมากแค่ไหน แต่นิสัยเราสองคนไม่เหมือนกันเลยสักนิด” แล้วคิดเหรอว่าคนจะจับไม่ได้น่ะ

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เชื่อใจพี่หมูหวานได้” แอบผงะเล็กน้อยเมื่อถูกขยิบตาส่งมาให้ ผมกัดปากล่างเมื่อต้องใช้ความคิด

   “นะขมิ้น แม่ไม่เคยขอร้องอะไรลูกเลยนะ ช่วยแม่หน่อยนะลูก”

   “ถ้าช่วยแล้ว แม่ต้องรีบตามหาพี่ขิงให้เจอไวๆ นะ”

   “ได้สิลูก ตอนนี้พ่อเขาก็ให้คนออกตามหาอยู่ รับรอง อีกไม่นานต้องเจอพี่เขาแน่ ตกลงขมิ้นจะช่วยแม่ใช่ไหมลูก ขอบใจนะ แม่ดีใจที่สุด ขมิ้นช่างมีน้ำใจ ไม่เหมือนคนบางคน” ตอนแรกๆ เหมือนจะดี แต่ประโยคหลังนี้คงประชดคนที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นสอง พ่อของผมกระแอมจนหลอดคอแทบจะพังเมื่อผมถูกแม่รัดไว้ทั้งตัว

   “มึงมันโง่ ไอ้ขมิ้น ถูกหลอกใช้ยังไม่รู้ตัวอีก”

   ผมรู้ ว่าแม่ทำแบบนี้เพราะอยากช่วยพี่ขิง จนลืมว่าผมก็ควรมีตัวตนเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยก็ได้ตอบแทนแม่บ้าง ถึงแม้จะเป็นการตอบแทนแบบแปลกๆ ไปสักหน่อยก็เถอะ หวังว่าแม่จะรีบตามหาพี่ขิงแล้วให้ผมกลับมาเป็นไอ้ขมิ้นตามเดิม เพราะเป็นตัวเองนี่แหละ ดีที่สุด


TBC


.......

เปิดเรื่องใหม่ค่าาาา เย้ๆ ไม่รู้วันดีหรือเปล่า แต่ก็เปิด ฮ่าๆๆ (22.12.60)
ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ ผิดพลาดประการใด ติหรือชมบอกกันได้ค่า คุยกันได้ทุกอย่าง พร้อมรับฟังเสมอค่า

รักสมอ เอ๊ย เสมอ จุ๊บๆ >3< 

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [บทนำ] // {22/12/60}
«ตอบ #2 เมื่อ22-12-2017 20:21:54 »

 :L2: :pig4:

ติดตาม

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [บทนำ] // {22/12/60}
«ตอบ #3 เมื่อ22-12-2017 22:34:29 »

 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 1] // {23/12/60}
«ตอบ #4 เมื่อ23-12-2017 14:21:09 »


-1-




       “หลับสบายไหมขมิ้น” คำถามของแม่เอ่ยขึ้นเมื่อผมเดินลงมาจากบันไดชั้นสอง ตอนนี้ที่โต๊ะอาหารมีเจ้าของบ้านหน้านิ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะ “กินข้าวเช้ามาลูก”

   “ก็ดี” ผมตอบก่อนเลื่อนเก้าอี้นั่ง จานอาหารเช้ามีไข่ดาวสองฟองกับไส้กรอก แค่นี้มันไม่อิ่มหรอกนะเอาจริงๆ

   “ทำไม” คงเพราะผมขมวดคิ้วจ้องจานมื้อเช้านานไปหน่อย เจ้าของบ้านก็เลยเอ่ยถามออกมา “หรือไม่เคยกิน”

         เป็นคำดูถูกที่ผมต้องทนข่มอารมณ์โกรธ ที่จริงก็เป็นมาตั้งแต่เมื่อวานตอนบ่าย แม่กับผู้จัดการพี่ขิงเจ้ากี้เจ้าการพาผมมาอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ แล้วขัดแจงทุกอย่าง ไม่รู้ลืมขออนุญาตเจ้าของบ้านหรือเปล่า ถึงได้ตั้งแง่แขวะผมอยู่ตลอด 

   “เคยสิครับ แต่ผมกำลังคิดว่า คนรวยมีเงินตั้งเยอะ แต่กินข้าวเช้านิดเดียว”

   “มื้อเช้าเขาให้กินแต่พออิ่ม จะได้บำรุงสมอง ไม่โง่”

   “อ๋อ มิน่าล่ะ ผมถึงฉลาดมาก เพราะมื้อเช้าผมกินข้าวเยอะ เลยมีอาหารบำรุงสมองเยอะมาก”

   ไม่ยอมหรอกนะ มาดูถูกผมเนี่ย แม้ผมจะหน้าเหมือนพี่ขิง แต่ดูแล้ว เขาคงจะไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่

   “นายไม่ได้ครึ่งของลูกชายฉันเลย”

   “นั่นถือว่าเป็นโชคดีของผม”

   “แก”

   “อย่าทะเลาะกันสิคะ เดี๋ยวทานมื้อเช้าไม่อร่อยนะ แล้วก็ขมิ้น อย่าไปต่อปากต่อคำแบบนั้นสิ” แม่ขยิบตาถี่ๆ เป็นสัญญาณเตือนให้ผมหุบปาก “วันนี้ลูกต้องไปเรียนแทนพี่เขาใช่ไหม อย่าลืมที่แม่บอกนะ”

   “ครับ จดไว้หมดแล้ว” เบะปากนิดๆ ก่อนลงมือจัดการมื้อเช้าที่แสนน้อยนิด “แล้วถ้าเพื่อนพี่ขิงจับได้ล่ะครับ” ตอนถามเสร็จ เหมือนเจ้าของบ้านจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่าง แต่ถูกแม่ส่งสายตาให้ เลยเงียบลง

   “ไม่หรอก เพราะปกติพี่ขิงก็ไม่สนิทกับใครอยู่แล้ว เรียนเสร็จก็ไปทำงาน ไม่ไปสังสรรค์กับเพื่อนคนไหนเลย” พอได้ยินแบบนี้แล้ว ก็แอบสงสารชีวิตพี่ชายฝาแฝดตัวเองเหมือนกัน คนอะไรไม่มีเพื่อนคบ

   “ก็ดี” ผมว่า

   “อ่อ นี่รถของพี่เขานะ” ผมมองกุญแจรถยนต์ของพี่ชายบนโต๊ะ “ปกติพี่ขิงเขาจะขับคันโปรดของเขา แต่เขาเอาไปด้วย ขมิ้นเลยต้องขับคันนี้แทน ลูกขับรถยนต์เป็นใช่ไหม”

   “ครับ” แน่ล่ะสิ ก็ผมทำงานอู่ซ่อมรถก็ต้องขับเป็นสิ “แต่ผมมีรถส่วนตัวแล้ว ไม่เอารถของแม่หรอก” พอบอกปุ๊บแม่ก็ทำตาโต

   “อย่าบอกว่ารถที่ลูกขี่ตามแม่มาเมื่อวานนะ”

   “อืม คันนั้นนั่นแหละ” เป็นรถที่ผมตั้งใจทำงานเก็บเงินซื้อมาเลยนะครับ ที่สำคัญ พ่อออกเงินดาวน์ให้ โคตรภูมิใจ “แม่เก็บรถของแม่ไว้เถอะ”

   “ไม่ได้หรอกนะขมิ้น ลูกจะเป็นพี่ขิง ขับแบบนั้นไม่ได้”

   “ทำไมล่ะครับ”

   “ก็พี่เขาเป็นลูกชายเศรษฐี แถมเป็นนายแบบดังด้วยนะ ขับมอเตอร์ไซค์คันเล็กๆ แบบนั้นได้ยังไง” แม่หน้าบูดทันที

   “ไม่เห็นเป็นไร อยากขับคันไหนก็ปล่อยมันไป” เจ้าของบ้านพูดขัดออกมา แม่เลยส่งเสียงฮึดฮัดใส่ “แต่จำไว้ ลูกชายของฉันเป็นคนมีหน้า มีตาทางสังคม จะทำอะไรก็คิดให้มันดีๆ หน่อย อย่าทำให้ขิงต้องเสียชื่อ”

   “แล้วทำไมไม่รีบตามหาลูกชายของคุณล่ะ รีบๆ ตามหานะ ก่อนที่ผมจะทำให้ลูกชายของคุณแปดเปื้อน” พูดจบผมก็ลุกออกมาจากโต๊ะทันที โมโหมาก ไม่รู้เกลียดอะไรผม ไม่เคยเจอ ไม่เคยทำอะไรให้สักหน่อย

   ผมเดินหน้าบึ้งมาที่โรงจอดรถ รู้ว่าบ้านหลังนี้รวย รถก็เลยเยอะตามกำลังซื้อ แถมแต่ละคันก็นำเข้าทั้งนั้น ชีวิตหรูหราแบบนี้สินะ ที่ทำให้พี่ขิงติดสบายจนไม่ชายตาแลพ่อแท้ๆ ที่ขับมอเตอร์ไซค์คันไม่กี่หมื่น

   “น่าเบื่อโว๊ย” สบถออกมาจนลุงที่เพิ่งวิ่งเข้ามาหาตกใจ “ขอโทษครับ”

   “ไม่ต้องไหว้ขอโทษผมก็ได้ครับ” ผมไหว้ขอโทษเสร็จ ลุงแกตกใจยิ่งกว่าตอนผมตะโกนออกมาซะอีก “คือคุณหนูจะขับคันไหนไปครับ”

   “อย่าเรียกผมว่าคุณหนูเลยครับลุง ผมไม่ใช่พี่ขิง” ว่าอย่างเซ็งๆ

   “ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวถูกคุณหญิงดุเอา”

   “ไม่ดุหรอกครับ ผมน่ะ แค่มาอาศัยไม่นานก็ไปแล้ว” แวบหนึ่งเห็นสายตาของลุงมองมาที่ผมอย่างสงสาร คงเพราะประโยคที่ผมเพิ่งพูดไปสินะ “ลุงว่า ผมกับพี่ขิงเหมือนกันมากไหม” อยากถามเพิ่มความมั่นใจก่อนออกจากบ้าน

   “เหมือนมากครับ เมื่อวานผมยังตกใจนึกว่าคุณขิงกลับมาแล้ว” ลุงแกทำตาโตเล่าให้ฟัง “แต่หน้าตาล่ะครับที่เหมือน”

   “ลุงว่าอะไรนะครับ” เหมือนได้ยินคำพูดเบาๆ ที่ฟังไม่ถนัด แต่ลุงก็รีบส่ายหน้า “งั้นผมไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ”

   “โธ่ อย่าไหว้ลุงสิครับ” ผมขำเมื่อลุงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

   ผมขึ้นควบรถมอเตอร์ไซค์คันเล็กที่แม่ดูไม่ค่อยชอบใจเพราะดูไม่สมฐานะ แต่ผมไม่สน KSR คันนี้กว่าจะผ่อนหมดก็กินเวลาชีวิตผมไปมากโข ใครไม่ชอบ ผมชอบเอง




   เส้นทางจากบ้านไปมหาวิทยาลัยของพี่ขิงก็ไม่ค่อยไกลกันมากสักเท่าไหร่ แต่รถติดบรรลัยมาก ดีที่เอามอเตอร์ไซค์มา ไม่งั้นคงติดแหง็กอยู่บนสะพานไม่ได้ลงมาหรอก KSR สีดำคันโปรดของผมลัดเลาะมาจนถึงหน้าที่เรียนของพี่ชาย รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน เพราะผมไม่เคยเรียนมหาลัยใหญ่โตแบบนี้ จบมอปลายมาได้ก็บุญหัวแล้ว คนเราเลือกเกิดไม่ได้นี่เนอะ

   ผมจำเส้นทางไปคณะของพี่ขิงตามที่แม่บอกได้เป๊ะ จนตอนนี้ผมมาจอดรถอยู่ลานมอเตอร์ไซค์หน้าตึก พอยิ่งมาอยู่ใกล้แบบนี้ก็ยิ่งตื่นเต้น ขาแทบก้าวลงจากรถไม่ได้เพราะมันสั่นไปหมด วันแรกของผมจะรอดไหมวะเนี่ย

   “นั่นขิงไม่ใช่เหรอ ทำไมขี่มอเตอร์ไซค์แบบนั้นมาล่ะ” เสียงแว่วเข้ามาจนผมต้องรีบหันไปมอง แต่คนพูดก็รีบหลบสายตาแล้วเดินหนี


   ทำไมต้องทำเหมือนผมเป็นตัวประหลาดวะ


   ลานจอดรถเมื่อกี้แปลกแล้วนะ พอเดินเข้ามาใต้ตึกยิ่งแปลกไปกันใหญ่ เสียงซุบซิบมากมายจะมีชื่อพี่ชายผมอยู่ในนั้นเสมอ คงเพราะพี่ขิงเป็นนายแบบไฮโซคนอาจจะพูดถึงกันเยอะก็ได้ คิดบวกเข้าไว้ พลังในตัวจะได้บวกไปด้วย

   “ไง มึง ทำไมวันนี้มาเช้าได้วะ” แรงตบที่หลังเบาๆ ทำให้รีบหันไปดู ชายแปลกหน้าส่งยิ้มกว้างมาให้อย่างเป็นมิตร

   “ก็กูตื่นเช้า” ผมตอบ จำหน้าคนนี้ได้ มันคือเพื่อนเพียงคนเดียวของพี่ขิง เป็นเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่มัธยม และยังเป็นคนที่ทำทุกอย่างแทน หรือเรียกง่ายๆ ว่าเบ๊นั่นเอง ไอ้นี่ตัวสูงพอๆ กับผมเลย

   “แปลกเหี้ย ปกติคุณหนูอย่างมึงไม่เคยตื่นเช้า ขนาดเรียนเที่ยงมึงยังไม่มาเลย” แทบอยากถามพี่ขิงเลยให้ตาย ว่าทำแบบนี้แล้วมาเรียนทำเพื่ออะไร “เออใช่ รายงานของมึงน่ะ กูทำเสร็จละนะ”

   “ขอบใจนะ” พูดจบ ไอ้คนตรงหน้าก็ตกใจตาแทบถลน “ทำไมวะ”

   “มึงพูดขอบใจกูเหรอ” คำถามนั้นทำเอาผมงง แต่ก็พยักหน้าตอบ “บุญหูกูจริงๆ ที่ได้ยิน”

   “แล้วปกติ พี่ เอ่อ กูต้องทำยังไง” เกือบหลุดชื่อพี่ขิงไปแล้ว

   “ปกติมึงก็จะปรายตามองแบบนี้” ผมขำออกมาเมื่อคนตรงหน้าสาธิตท่าทางให้ดู “เสร็จแล้วมึงก็จะใช้แบงค์สีเทาฟาดหน้ากู”

   “ขอโทษว่ะ พี่ เอ่อ กูไม่ได้ตั้งใจ” แค่ได้ยินผมก็รู้สึกไม่ดีแล้ว แต่คนโดนกลับขำออกมาซะงั้น

   “นี่ก็อีก พอเลยๆ ขนลุกสัด กูไปแดกข้าวนะ เจอกันบนห้อง”

   ผมมองหลังเพื่อนสนิทพี่ชายด้วยรอยยิ้ม อย่างที่แม่บอก มันเป็นคนดี พี่ขิงโชคดีที่มีเพื่อนแบบนี้ ทั้งที่ตัวเองนิสัยโคตรไม่น่าคบเลยจากที่ได้ยินเมื่อกี้

   “ขอโทษแทนพี่ขิงนะโว๊ยเจมส์ แต่กูจะไม่ทำแบบนั้นกับมึงแน่นอน” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ แล้วรีบสาวเท้าไปกอดไหล่เพื่อนพี่ชาย มันทำตาโตมองหน้าผม

   “อะไรของมึง อย่าบอกว่าจะไปกับกู” คำถามที่ทำให้ผมพยักหน้ารับ “มึงไม่ชอบโรงอาหารมหาลัยนี่”

   “ก็อยากลองไปดูไง เผื่อชอบ”

   “ก็ตามใจ แต่อย่ามาบ่นนะเว้ย มึงอยากไปเอง”

   “เออน่า กูไม่บ่น ไม่ด่ามึงแน่นอน”

   “นี่มึงไม่ได้ถูกผีเข้ามาใช่ไหม”

   “แล้วมึงรู้จักหมอผีหรือเปล่าล่ะ กูรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เหมือนไม่เป็นตัวเอง”

   “ไอ้เหี้ยขิง อย่าทำให้กูกลัว” 

   ผมหัวเราะลั่นเมื่อเจมส์ทำหน้าตื่นกลัวแล้ววิ่งหนี ผมว่า ผมคงจะเป็นเพื่อนกับมันได้อย่างแน่นอน





 
   โรงอาหารที่เจมส์พาผมมาอยู่ห่างจากตึกเรียนไม่มาก แม้จะเช้าอยู่ แต่โรงอาหารที่นี่ก็คึกคักไปด้วยนักศึกษาหลากหลายชั้นปี เสียงพูดคุยมากมายแยกแทบไม่ออกว่าใครพูดอะไรหรือเสียงมาจากโต๊ะไหน แต่ผมชอบนะ บรรยากาศแบบนี้

   “มึงคงกินมาแล้ว งั้นเดี๋ยวกูไปซื้อ...”

   “อะไรอร่อยบ้างวะ”

   รีบพูดขัดออกมา สายตาก็กวาดมองหาร้านอาหารที่มีมากมายอย่างเลือกไม่ถูก

   “มึงไม่ได้กินข้าวเช้ามาเหรอ” เจมส์จ้องหน้าผมอย่างสงสัย “ปกติคุณชายอย่างมึงต้องกินอาหารคลีนนี่”

   “เบื่อไง กูอยากเปลี่ยนบ้างอะไรบ้าง ไม่ได้หรือไง” ส่งเสียงจิ๊จ๊ะจนเจมส์ขำออกมา “สรุป ร้านไหนอร่อยบ้างวะ ขอแบบเด็ดๆ นะ” ตอนนี้เสียงท้องเริ่มร้องแล้ว

   “แนะนำเลย ข้าวมันไก่ทอด น้ำจิ้มก็เด็ด ลูกสาวก็เด็ด”

   “จมูกบานเลยนะมึง”

   “ก็ต้องมีบ้าง”

   เมื่อได้ร้านเด็ด ผมก็แยกกับเจมส์ทันที ปกติข้าวเช้าผมต้องข้าวสองจานนะครับ ที่กินเมื่อเช้ายังไม่ได้ครึ่งท้องเลยให้ตาย แต่จังหวะที่ก้าวไปจนเกือบจะถึง ผมก็ถูกผู้ชายสามคนเดินเข้ามาขวาง

   “ไงคุณนายแบบไฮโซ” หนึ่งในนั้นเอ่ยทัก แต่น้ำเสียงดูไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ “วันนี้วันอะไรวะ ถึงได้เจอคุณนายแบบเข้ามาในนี้ได้”

   “กูว่า วันปล่อยผีว่ะ” ไอ้คนริมอีกฝั่งพูดออกมาพร้อมขำเยาะ

   “ปล่อยผีหรือกระแดะอยากมาอ่อยคนในนี้วะ” คนตรงกลางปิดท้าย ประโยคพวกนี้ทำเอาคิ้วผมกระตุกนิดๆ “กูขอเตือนนะ ถ้าไม่อยากถูกกระทืบ อย่ากวนตีนเพื่อนกูมากนัก”

   ผมมองนิ้วที่ชี้มาจนเกือบจะทิ่มตา พี่ชายผมคงมีวีรกรรมกับพวกนี้สินะ แต่ดูจากเสื้อที่ใส่กับตัวหนังสือที่บอกชื่อคณะ คงหนีไม่พ้นแน่นอน

   “พวกพี่ ผมขอล่ะ อย่าหาเรื่องเพื่อนผมเลย” เจมส์รีบปรี่เข้ามายืนขวาง มันยกมือไหว้พวกที่ยืนตรงหน้าอย่างอ้อนวอน

   “กูก็ไม่อยากหาเรื่อง แต่เพื่อนมึงวอนหาเรื่องเอง” ไอ้คนตรงกลางส่งสายตาโหดมาที่ผม “สั่งสอนเพื่อนมึงด้วยนะไอ้เจมส์”

   “ครับๆ โห ใจร้อนแต่เช้าเลยเว้ยพวกพี่เนี่ย”

   ผมมองหลังเพื่อนพี่ชายที่ไหวเล็กๆ มันคงจะขำแห้งๆ นั่นแหละ พอสามคนนั้นไป เจมส์ก็รีบหันมามองหน้าผม มือมันจับตัวผมหมุนไปหมุนมาอย่างโอเวอร์

   “กูไม่ได้เป็นอะไร” ผมบอกพร้อมรอยยิ้ม

   “เชี่ยเอ๊ย เกือบแล้วไหมล่ะ” เจมส์ถอนหายใจออกมาอย่างแรงจนผมสงสัย แต่ก็ต้องเก็บคำถามไว้ก่อน เพราะตอนนี้ปากท้องสำคัญกว่า “ไอ้นี่แปลกไปจริงๆ”

   เมื่อไล่เจมส์ไปซื้อข้าวต่อ ผมก็เดินมาต่อคิวร้านที่ถูกแนะนำ ยืดคอมองไก่ที่ห้อยในตู้หน้าร้าน ดูน่ากินอย่างที่เจมส์ว่าจริงๆ พอหดคอกลับมาก็เจอสายตาจากสาวที่ต่อคิวอยู่ตรงหน้า เธอหันมายิ้มหวานให้ ผมก็ยิ้มตอบตามมารยาท แต่เพียงแค่นั้น ผู้หญิงตรงหน้าก็กรี๊ดเบาๆ แล้วตีหลังคนข้างหน้ารัวๆ ในเสียงกรี๊ดนั้นเท่าที่จับใจความได้ เธอบอกว่าขิงยิ้มให้ด้วย

   ...ปกติพี่ขิงไม่เคยยิ้มให้ใครเหรอวะ

   รอคิวอยู่นานกว่าจะได้กิน ข้าวมันไก่ทอดชิ้นใหญ่ น่าอร่อยสมกับคำโม้ของเจมส์ ผมเดินมาหยิบช้อนส้อม บังเอิญมือไปชนกับใครอีกคนที่ยื่นลงมาหยิบเช่นกัน

   “ขอโทษครับ” ผมเงยหน้าขอโทษ แต่คนที่ผมชน กลับเอาแต่จ้องหน้า นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นดูไม่สบอารมณ์จนผมรู้สึกได้ “ขอโทษนะครับ” บอกแล้วรีบเดินหนีมา คนอะไรวะ ขอโทษแล้วยังทำหน้าไม่พอใจ

   เดินห่างออกมาได้แป๊บเดียวแขนก็ถูกจับ เจ้าของมือนั้นออกแรงดึงผมไปด้านหลังจนจานข้าวมันไก่ทอดในมือร่วงลงพื้น พอจานข้าวกระทบกับพื้นซีเมนต์ เสียงพูดคุยก็ค่อยๆ เงียบลง ก่อนสายตาทุกคู่จะหันมาจ้องเป็นตาเดียวด้วยความอยากรู้อยากเห็น

   “ขอโทษแค่นี้คิดว่ากูพอใจเหรอวะ” ไอ้บ้าที่ดึงผมกระชากเสียงจนผมตกใจ 

   “ผมก็ขอโทษแล้วไง จะอะไรอีก” แค่หยิบช้อนอันที่เขาจะหยิบแค่นั้นเอง ทำไมต้องทำโมโหเหมือนผมไปแย่งแฟนด้วย
 
   “แต่มึงเอาช้อนกูไป” นั่นไง คิดไว้แล้ว กะจะหาเรื่องกันนี่หว่า

   “ในนั้นมีช้อนเป็นสิบ แล้วอันที่ผมหยิบก็ไม่มีชื่อเขียนสักหน่อย”

   “มึงกวนตีนกูเหรอ”

   “ใครกันแน่ที่กวนตีน”

   “ไอ้เหี้ยขิง”

   ผมทำตาโตเมื่อถูกคว้าคอเสื้อ สายตาเหลือบไปเห็นกำปั้นที่เงื้อ ผมก็รีบยกแขนขึ้นบังหน้าตัวเองโดยอัตโนมัติ แต่ก็เกิดเหตุแบบไม่ได้ตั้งใจ เมื่อหมัด (แบบไม่ตั้งใจ) ของผมพุ่งเฉียดแก้มคนจับคอเสื้อ แล้วแววตาที่จ้องก็เพิ่มความแข็งกร้าวอย่างน่ากลัว

   “ฉิบหายแล้ว” เผลอพูดออกมาเบา “ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

   “มึงกล้าต่อยกูเหรอวะ มานี่เลยมึง”

   ยิ่งกว่าความฉิบหาย ผมถูกลากออกมาจากโรงอาหาร ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่ไม่มีใครคิดจะเข้ามาห้าม หรือช่วย ไอ้ขมิ้นจะตายไหมเนี่ย แรงมันก็เยอะ ลากจนคอเสื้อผมจะขาดติดมือมันอยู่แล้ว

   “ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ มือมันไปโดนเอง” รีบอธิบาย แต่ไอ้คนลากมันก็หาสนใจไม่ จ้ำอ้าวอย่างกับจะไปตามควายหลุดคอก

   ห่างจากโรงอาหารมาไม่ไกลมันก็เหวี่ยงผมไปด้านหน้าจนผมล้มกลิ้งที่พื้น คิดว่าใหญ่นักเหรอถึงทำกับคนอื่นแบบนี้เนี่ย ผมตวัดสายตามองอย่างไม่พอใจ มือก็ยกขึ้นดูเพราะรู้สึกเจ็บจี๊ดตอนครูดไปกับพื้นดิน มีเลือดไหลด้วยอะ

   “มาจบเรื่องของมึงกับกูเลยดีกว่า”

   ผมละสายตาจากฝ่ามือตัวเอง เงยหน้าขึ้นมองคนอยากจบเรื่องด้วยความงงงวย

   “จบเรื่องอะไร”

   “อย่ามาทำเป็นใสซื่อกับกู ขยะแขยง”

   “เฮ้ย ผมก็ถามดีๆ ทำไมต้องด่าด้วยวะ” ตะคอกกลับอย่างโมโห คำพูดคำจาไม่สมกับหน้าตาเลย “ผมไม่รู้ว่าระหว่างเรามีปัญหาอะไรกัน แต่ผมขอโทษทุกอย่าง”

   “ถุย อย่ามาทำตัวเป็นคนดี กูจะอ้วก”

   “ก็บอกว่าขอโทษ พูดจาดีๆ ไม่เป็นหรือไง หรือที่บ้านไม่สอนวะ”

   “ไอ้เชี่ยนี่กล้าด่าพ่อแม่กูเหรอวะ”

   แล้วคอเสื้อผมก็ถูกกระชากอีกรอบ ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงบ่งบอกอารมณ์ว่าโกรธจริงไม่ได้ล้อเล่น กรามก็เริ่มนูนคงกำลังข่มความโกรธเต็มอัตรา

   “ผมด่าตอนไหน”

   “ไอ้...”

   จังหวะที่หมัดใหญ่ๆ กำลังจะกระทบกับหน้า ผมเห็นคนวิ่งมาจากด้านหลังพุ่งล็อคตัว ล็อคแขนไอ้หน้าขาวให้ออกห่างจากผม พอดูดีๆ คนที่เข้ามาขวาง คือผู้ชายสามคนที่เจอตอนจะไปซื้อข้าวเมื่อกี้ ด้านหลังของผมก็มีเจมส์นั่งอยู่ มันทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้ มือก็พยุงผมให้ลุกขึ้นจากพื้น แต่แล้วเสียงโวยวายตรงหน้าเรียกให้หันไปมอง คนหาเรื่องผมพยายามสะบัดตัวออกจากการถูกล็อค ดูจากแววตาที่จ้องมาแล้ว คงอยากพุ่งต่อยหน้าผมมากเลยล่ะ

   “ปล่อยกู ไอ้บิ๊ก กูจะกระทืบมัน”

   “ใจเย็นๆ สิวะไอ้ไฮท์ นี่กลางมอนะเว้ย” ผู้ชายผิวคล้ำใส่แว่นที่ด่าผมว่ากระแดะเมื่อครู่ พยายามบอกคนใจร้อนให้เย็นลง “เมื่อกี้มีคนถ่ายคลิปด้วย มึงอยากถูกเรียกเข้าห้องเหรอวะ”

   “นั่นดิ่ ใจเย็นๆ”

   แม้เพื่อนมันจะพูดให้ใจเย็น แต่คนที่จ้องหาเรื่อง ยังมองผมไม่วางตา
 
   “แค่เห็นหน้ามัน กูก็อยากกระทืบแล้วไอ้สัด” พูดไม่พอ ยังชี้นิ้วมาที่ผมด้วย “ระวังตัวมึงไว้ให้ดีไอ้ขิง กูกระทืบมึงแน่”

   พูดจบก็สะบัดออกจากการจับกุมของเพื่อนแล้วเดินหนีไป โดยที่อีกสามคนได้แต่ยักไหล่ทำท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนเท่าไหร่

   “ขอบคุณพวกพี่มากนะครับ” เจมส์เอ่ยออกมา

   “เออ เพราะมึงขอร้องหรอก ถ้าเพราะเพื่อนมึง กูไม่มีทางสนใจไอ้เจมส์” ไอ้แว่นผิวคล้ำบอก มันโบกมือแล้วเดินตามไอ้หน้าขาวไป

   “โดนเพื่อนกูกระทืบแน่ ไอ้ขิง” ไอ้ตัวผอมดูทะเล้น พูดเสร็จก็ลากแขนเพื่อนอีกคนวิ่งตามคนอื่นไป

   นี่พี่ขิงไปก่อเรื่องอะไรไว้วะ ถึงจะถูกกระทืบแบบนี้เนี่ย ไหนแม่บอกพี่มันไม่สุงสิงหรือสนิทกับใครไงวะ

   “มึงช่วยเล่าให้กูฟังหน่อยได้ไหม ทั้งหมดเลย”

   ตอนนี้ผมไม่สนแล้ว ว่าจะถูกสงสัยหรือยังไง เพราะผมต้องรู้ ว่าพี่ขิงไปก่อเรื่องอะไรไว้และมันรุนแรงถึงขั้นไหน ผมจะได้หาวิธีหลบตีนได้ถูก อยู่ๆ ถูกกระทืบตายโดยไม่รู้ตัวขึ้นมาจะทำไง ไอ้ขมิ้นไม่อยากตายแทนแบบไม่รู้ต้นสายปลายเหตุนะเว้ยเฮ้ย



..TBC

ฝากด้วยค่าา #ไฮท์ขมิ้น  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 1] // {23/12/60}
«ตอบ #5 เมื่อ23-12-2017 15:09:14 »

 :katai1: :katai1: :katai1:อย่าให้เรารอนานนะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 1] // {23/12/60}
«ตอบ #6 เมื่อ23-12-2017 18:30:50 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ มาชิ มาชิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 1] // {23/12/60}
«ตอบ #7 เมื่อ23-12-2017 19:07:58 »

jขิงนี่วืรกรรมเยอะ สงสารขมิ้นเเล้ว มาวันเเรกก็โดนเขม่น  เราเดาว่าขิงต้องไปแย่งผู้หญิงพระเอกมาเเน่ๆ รึเปล่า 5555

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 1] // {23/12/60}
«ตอบ #8 เมื่อ23-12-2017 19:22:54 »

 :hao7: เจอกันครั้งแรกก็จะตีกันตายแระ กว่าจะรักกันไม่รู้กี่แผล

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 2] // {24/12/60}
«ตอบ #9 เมื่อ24-12-2017 19:56:46 »


-2-





        “พี่ เอ่อ กูไปแย่งแฟนไอ้หน้าขาวเมื่อกี้เหรอวะ” กระพริบตาปริบๆ เมื่อไอ้เจมส์เริ่มเล่า ซึ่งมันก็พยักหน้าตอบกลับ “กูเนี่ยนะ”

   “เออ ก็มึงนั่นแหละ” คนเล่ากัดไอศกรีมแท่งดูน่าอร่อย ไม่สนใจว่าผมจะตกใจมากน้อยแค่ไหน “กูห้ามแล้วมึงก็ไม่ฟัง”

   “แล้วตอนนี้กูคบกับผู้หญิงคนนั้นอยู่หรือเปล่า”

   “เอ๊าไอ้นี่ มึงคบไม่คบแล้วกูจะรู้ไหมล่ะ”

   “ก็มึงเป็นเพื่อนสนิทไง ต้องรู้สิ”

   ส่วนผมคนนอก ถ้ารู้เรื่องก็แฮรี่แล้ว

   “ดูเหมือนควงแค่อาทิตย์เดียวนะ แล้วกูก็ไม่เห็นอีกเลย” เจมส์ทำหน้าย่นเมื่อคิดย้อน “แต่มึงเคยหลุดปากบอกว่าลีลาดีแต่ไม่เด็ดอะไรนี่แหละ”

   “เชี่ย” ผมตะโกนออกมาจนถูกคนใต้ตึกมอง “ขิงพูดแบบนั้นเหรอวะ” สมควรแล้วที่มันอยากจะกระทืบให้จมดิน เล่นไปนอนกับแฟนคนอื่นขนาดนั้น เป็นผมคงกระทืบให้ตายตั้งแต่รู้แล้ว

   “ถ้าจำไม่ผิดนะ เพราะปกติมึงก็ไม่ค่อยเล่าอะไรให้กูฟังหรอก นอกจากจะหลุดปากออกมาเอง”

   “แล้วเขารู้ได้ยังไง กูหมายถึงรุ่นพี่คนเมื่อกี้”

   “พี่ไฮท์อะเหรอ ก็มึงเล่นควงแฟนเขาเปิดเผยซะขนาดนั้น ไม่รู้ก็แปลก”

   ฉิบหายกว่าเดิมอีก นี่ขิงเป็นคนน่ากลัวขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย

   “กูเครียด” ผมเอาหน้าผากโขกกับโต๊ะสองสามทีแล้วเงยหน้าขึ้นมองเจมส์ “กูจะโดนกระทืบไหมวะเนี่ย”

   “ช่วงหลังๆ มานี้ มึงบอกเองว่า จะให้ลูกน้องพ่อมึงมาคุ้มกัน”

   “ลูกน้อง?”

    “เออ กูเห็นวันสองวันนี่แหละ ชุดดำเหมือนในละครเลย ว่าแต่วันนี้ไม่มาเหรอ”

   “กูก็ไม่รู้”

   ตอนนี้ไม่อยากสนใจอย่างอื่น เพราะชีวิตตัวเองนี่แหละน่าสนใจสุด หรือเพราะเรื่องนี้ที่ทำให้ขิงต้องหนีหาย ไม่ยอมติดต่อกับใคร นี่ให้ผมมาถูกกระทืบแทนหรือเปล่าวะ ไอ้ขมิ้นเครียด

   “แต่ที่จริง พี่ไฮท์เป็นคนดีนะเว้ย ใจดีมาก กูก็เพิ่งเคยเห็นว่าพี่เขาโหดตอนมีเรื่องกับมึงนี่แหละ” ไอ้เจมส์เริ่มอมแล้วดูดไอศกรีมแท่งที่เริ่มละลาย “มึงทำตัวมึงให้ซวยเอง โทษใครไม่ได้”

   “พูดมาก รีบๆ กินให้หมด กูเห็นแล้วอยากอ้วก” แหวใส่ อารมณ์ผมตอนนี้เริ่มไม่ค่อยนิ่ง ความกลัวตายมันผุดขึ้นมา เพราะท่าทางกับสายตาที่เจอมันเป็นเครื่องยืนยันว่า ไอ้รุ่นพี่ที่ชื่อไฮท์อะไรนั่น มันเอาจริงแน่ พี่ขิงก็นะ จะไปอยากได้แฟนคนอื่นทำไม ผู้หญิงมีเป็นแสนเป็นล้าน “กูจะตายไหมวะเนี่ย”

   “ไม่หรอก อาจแค่นอนหยอดน้ำข้าวต้ม”

   “กูไม่ได้ถาม”

   “ก็กูได้ยิน”

   “ไอ้ขี้เสือก”

   “ขอบใจที่ชม”

   ผมส่ายหน้าให้กับเพื่อนพี่ชาย เอาวะ เมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้ว รอให้ถึงเวลานั้นค่อยหาทางออกก็ยังไม่สาย ชีวิตต้องมีพรุ่งนี้เสมอ หากรอดจากวันนี้ไปได้นะ



   เจมส์กินไอศกรีมหมดแท่งก็ถึงเวลาเรียนพอดี ผมไปนั่งอยู่ในห้องสโลบชั้นเกือบบนสุด เจมส์บอกพี่ขิงจะงีบหลับทุกครั้งเพราะความเบื่อ แต่ผมไม่ใช่ไง ความรู้ตรงหน้าทำให้ผมมีแต่คำถาม ว่าทำไม ต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้อยู่ตลอด คือผมไม่เคยเรียนมา ไม่มีพื้นฐานด้วยเลยฟังแบบงงๆ แต่ก็รู้สึกเพลินดี กว่าจะรู้ตัวก็หมดเวลา

   “เชี่ย นี่สองชั่วโมงแล้วเหรอ” ผมมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดฝาผนัง เจมส์อ้าปากหาววอดๆ มือก็เก็บสมุดที่จดรายละเอียดใส่เป้ตัวเอง

   “มึงโคตรแปลกอะวันนี้” อยู่ๆ เสียงเจมส์ก็ลอยเข้าหู “ตั้งแต่เช้าละ”

   “แปลกอะไร กูก็เป็นกูนี่ไง” เริ่มทำหน้าเลิกลัก หรือมันจับได้วะ

   “ช่างมัน กูคงเบลอๆ เมื่อวานทำรายงานให้มึงทั้งคืน” พูดจบมันก็หาวอีกรอบ “ง่วงสัด กลับหอไปนอนดีกว่า”

   “อ่าว แล้วอีกวิชาล่ะ” วิชาแรกกับอีกวิชาห่างกันหลายชั่วโมง

   “วันนี้มึงไม่ไปทำงานเหรอ”

   “ไม่อะ”

   “จริงดิ่ ปกติมึงมีงานตลอดไม่ใช่เหรอ”

   “ก็ตอนนี้กูไม่มีงาน ไม่มีที่ไปด้วย” ผมจ้องหน้าเพื่อนสนิทพี่ชายคล้ายขอความเห็น “กูต้องไปที่ไหนวะ”

   “อ่าวไอ้ขิง กูว่ามึงนั่นแหละที่เบลอ”

   “สงสัยจะใช่ งั้นกูไปรอที่หอมึงได้หรือเปล่าวะ”

   ทันทีที่ผมพูดจบ เจมส์ก็เบิกตาโตๆ ของมัน ก่อนจะยกมือตบแก้มตัวเองเบาๆ

   “มึงทำให้กูอยากนอนจริงๆ กูรู้สึกเบลอจนเพี้ยนไปแล้วเนี่ย”

   “หรือมึงไม่อยากให้กูไปอยู่หอด้วย รังเกียจกูเหรอ”

   “กูว่า กูต่างหากที่ควรพูด มึงไม่เคยชอบหอกู ไปทีไรแม่งบ่นตลอดว่าร้อน แคบ อึดอัด”

   “ช่วงนี้กูไม่บ่นแน่นอน” ผมยกมือชูสามนิ้วคล้ายลูกเสือ เจมส์ถึงกับเดินหนี ผมก็รีบเดินตาม “เจมส์ กูไปด้วย น้า”

   “ไอ้ขิง กูขนลุกสัด”

   “เจมส์ นี่ขิงไง เพื่อนเจมส์”

   “ไอ้เชี่ยขิง กูไม่ชิน อย่าพูดแบบนี้”

   ผมหัวเราะตามหลังไป เจมส์เป็นคนตลกดี ผมว่าพี่ขิงน่าจะดูแลรักษาเพื่อนแบบนี้นะ นี่ทำอย่างกับเขาเป็นทาสรับใช้



   เจมส์เดินแยกไปเอารถที่จอดไว้หลังตึก ส่วนรถผมจอดอยู่หน้าตึกแล้ว รอแค่มันมาหา จังหวะก้าวขาลงบันไดขั้นสุดท้ายก็เจอกำแพงมนุษย์อีกรอบ เดจาวูหรือเปล่าวะเนี่ย

   “เอ่อ” ยังไม่ทันได้อ้าปากเอ่ยคำใดๆ หมัดเน้นๆ ก็พุ่งเข้าใส่หน้าจนเซล้มลงนั่ง “ต่อยกูทำเหี้ยอะไรเนี่ย” แม้ทั้งหน้าจะชาแต่ก็ยังพูดได้ ผมจับมุมปากตัวเองมีรอยเลือดติดมือมาด้วย

   “ปากดีนักนะมึง อีกสักรอบเป็นไง” ขายาวนั่นเกือบกระทบอกผมแล้ว หากไม่มีผู้ชายหน้านิ่งดึงไว้ “เอาไงต่อไอ้เกน”

   “กูคุยเอง”

   ผมถูกคนหน้านิ่งแววตาดุจ้องจนไม่กล้าขยับ สายตานั่นเหมือนมีคำสั่งให้ผมนั่งอยู่เฉยๆ หากไม่อยากตายลอยออกมา

   “มะ มีอะไรกับผม”

   “มีอะไรงั้นเหรอ” เสียงทุ้มแต่นิ่งจนขนลุก “มึงจำความผิดมึงไม่ได้งั้นเหรอ ไอ้วิศวะปีสอง” ได้แต่กระพริบตาปริบๆ เพราะไม่รู้ว่าผมไปเหยียบเท้าพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ “งั้นกูจะทวนความจำให้นะ ว่ามึงขี่มอเตอร์ไซค์เฉี่ยวเมียเพื่อนรักกู แล้วเอาเงินฟาดหน้าเพื่อจบปัญหา” หน้าผากผมกำลังถูกนิ้วจิ้มหลายจึ๊ก และจึ๊กสุดท้ายคือหงายหลังด้วยความแรง

   “ขี่รถเฉี่ยว? เอาเงินฟาดหน้า?” ผมอ้าปากหวอ นี่ผมไปเฉี่ยวชนใครตอนไหนวะ หรือว่า....

   “ดีแค่ไหนแล้วที่เพื่อนกูไม่มาเอง แบบนั้นมึงคงไม่ได้มานั่งทำหน้าจืดแบบนี้หรอก” ไอ้หน้านิ่งตบแก้มผมเบาๆ แต่เพราะความชาจากหมัดเมื่อครู่ทำให้รู้สึกเจ็บจี๊ดอยู่ตลอด

   “ผมขอโทษ” ยกมือไหว้ขอโทษเขาไป แต่เรื่องก็ดันไม่จบซะนี่ มือผมถูกปัดอย่างแรง

   “ขอโทษกูทำไม กูไม่รับ คนที่มึงต้องขอโทษคือเมียเพื่อนกูนู้น”

   พูดจบผู้ชายด้านหลังสองคนก็ปรี่เข้ามาหิ้วแขนผมคนละข้าง

   “จะพาผมไปไหน”

   “ไปขอโทษให้ถูกคนไง”

   “เดี๋ยวสิ เดี๋ยว”

   แหกปากร้องลั่นตึก ไอ้พี่ขิงมันก่อเรื่องไว้กี่เรื่องวะเนี่ย แค่วันแรกผมก็จะตายอยู่แล้ว

   “มีอะไร”

        เสียงคำถามนั่นทำให้ผมลืมตาจากการสวดมนต์ขอพรให้ตัวเองมีชีวิตรอด ตอนนี้มีกลุ่มคนที่จะกระทืบผมตอนเช้าเดินเข้ามาขวาง โดยคนที่ชื่อไฮท์ยืนอยู่หน้าสุด

        “ไอ้นี่เป็นของผม” คนชื่อไฮท์ชี้นิ้วมาที่ผม พร้อมๆ กับสายตาทุกคู่หันมามองกันหมด

   “แล้วไง”

   “พี่ไม่มีสิทธิ์หิ้วมันไปแบบนี้”

   “จะบอกว่ามึงทำได้คนเดียวงั้นสิ”

   “ใช่”

   ไอ้คนหน้านิ่งขำในลำคอ ผมโคตรลุ้นเลยว่าพวกเขาจะตกลงกันยังไง เพราะชีวิตผมแขวนอยู่บนเชือกฟาง ไม่ว่าไปกับใครก็ตายเหมือนกัน

   “ได้ งั้นมึงก็พามันไปขอโทษเมียเพื่อนกูด้วย ถ้ากูไม่เห็นหัวมันละก็...” ผมถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ไอ้คนหน้านิ่งหันมามองหน้าผม แล้วยกมือขึ้นทำท่าปาดคอ “เจอกันไอ้นายแบบหน้าจืด”


   ตอนนี้ตัวผมถูกทิ้งขวางอย่างไม่ใยดี ทันทีที่แขนเป็นอิสระ ผมก็ทรุดตัวนั่งกับพื้น พยายามหายใจเข้าออกอยู่หลายรอบ ทำไมชีวิตผมต้องมาอยู่ท่ามกลางความโหดร้ายแบบนี้ ไม่สิ ทำไมชีวิตผมต้องมาอยู่ในดงคนเถื่อนพวกนี้แทนพี่ชายด้วย พี่ขิงอยู่ไหน รีบกลับมาสิวะ

   “มึงติดหนี้ชีวิตกู” ผมมองรองเท้าผ้าใบสีขาวที่ยื่นมาสะกิดที่ขาตัวเอง พอเงยหน้าก็เจอกับดวงตาแววโรจน์ “จำใส่หัวมึงไว้”

   “ขอบคุณครับ” พยายามไม่สนใจคำพูด อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรอดจากการถูกหิ้วไปกระทืบมาได้

   “ศัตรูเยอะนะมึง ระวังจะไม่ตายดี” พอพี่แว่นพูดจบ เจมส์ก็วิ่งเข้ามาหาผม มันประคองผมให้ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก “เพื่อนมึงไม่ได้สาหัสขนาดนั้น” น้ำเสียงและแววตาที่ผมเห็นยามพี่แว่นจ้องเจมส์ มันดูนิ่งแต่แฝงความอ่อนโยน

   “มึงเจ็บมากไหมขิง กูขอโทษนะ กูรับปากกับแม่มึงไว้แล้วแท้ๆ” เจมส์ทำท่าเหมือนจะร้องไห้จนผมตกใจ ขนาดพี่แว่นยังขมวดคิ้วอะ

   “กูไม่ได้เจ็บมาก แต่ที่ยืนลำบากเพราะขาอ่อน” พูดพร้อมขำเผื่อเจมส์จะหัวเราะ และมันก็ขำออกมาจริงๆ แต่ขำพร้อมน้ำตาไหล “เอ้า มึงขี้แยเหรอวะ”

   “แม่มึงจะด่ากู” ผมลูบหัวเพื่อนพี่ชายอย่างเอ็นดู

   “กูไม่ให้แม่ด่ามึงหรอก ไม่ต้องร้อง เห็นป่ะ คนมอง”

   ผมพูดจบ ตัวเจมส์ก็ถูกพี่แว่นดึงให้หันหน้าไปหา และผมก็ต้องทำตาโตเมื่อไอ้พี่แว่นเช็ดน้ำตาให้เจมส์อย่างเบามือ โดยที่เพื่อนคนอื่นๆ ทำหน้าเบื่อหน่าย

   หรือว่าพวกเขา.....?

   “ทำไมมึงชอบร้องไห้วะ กูไม่ชอบ เคยบอกไปแล้วไง”

   “ขอโทษ ก็มันห้ามไม่ได้”

   “มึงนี่นะ”

   ประโยคธรรมดาแต่ทำไมดูหวานจนขนลุก ผมหลุดยิ้มออกมาตอนพี่แว่นทำท่าดุคนขี้แย ก่อนจะรีบปรับสีหน้าเมื่อคนช่วยชีวิตผมเดินมายืนตรงหน้า

   “ชีวิตมึงเป็นของกู” โดนพูดใส่หน้าแบบตรงๆ แล้วก็แปลกๆ รู้สึกเหมือนเป็นลูกไก่ ที่เขาจะบีบก็ตาย จะคลายก็ตายเลยว่ะ “เตรียมตัวตายได้เลยไอ้ขิง”

   ผมยืนนิ่งดั่งถูกสาบให้กลายเป็นหิน แม้กลุ่มคนที่ช่วยจะเดินขึ้นตึกไปแล้วก็ตาม แต่สายตากับน้ำเสียงเมื่อกี้ มันน่ากลัวจริงๆ นะ พรุ่งนี้ผมไม่มาแล้วได้ไหม แค่นี้ผมก็ไม่ไหวแล้ว ไม่รู้พี่ขิงไปก่อเรื่องอะไรไว้อีกหรือเปล่า ผมน่าจะเชื่อฟังพ่อว่าอย่าเข้ามายุ่ง พ่อครับ ไอ้ขมิ้นยอมแล้ว อยากกลับบ้านของเราแล้วครับ

   “มึงไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เสียงเจมส์เรียกให้ผมมอง

   “ไม่ว่ะ” ตอบเสียงเรียบๆ

   “ดีแล้วที่ไม่เป็นไร เมื่อกี้กูกลัวมึงถูกพี่บริหารกระทืบตาย กูจะพุ่งเข้ามาแต่พี่บิ๊กแม่งดึงกูไว้ มึงโอเคแน่นะ ขิง มึงได้ยินกูหรือเปล่า มึงไม่เป็นไรจริงๆ นะ”


   “ไม่ กูไม่ไหว ไอ้เหี้ย”


   ตะโกนดังลั่นตึกจนเจมส์ต้องเอามืออุดปาก


   ไอ้ขมิ้นอยากกลับบ้านแล้วครับ พ่อครับ มารับผมด้วย



...TBC


ขมิ้นจะมีชีวิตรอดหรือเปล่าในการเป็นขิง ช่างเป็นคนที่น่าสงสารเสียจริงค่า

#ไฮท์ขมิ้น  :mew1: :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 2] // {24/12/60}
« ตอบ #9 เมื่อ: 24-12-2017 19:56:46 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ มาชิ มาชิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 2] // {24/12/60}
«ตอบ #10 เมื่อ24-12-2017 20:25:26 »

ชอบเรื่องนี้มากกกก มาบ่อยๆน่ะตัวเองงงงง

งื๊อออ ตะไมตอนที่ไฮท์พูดว่า นายเป็ชีวิตฉัน แล้วมันแบจักจี้หัวใจอ่ะ เค้าเถือนใสรกัน เเต่่เรามองวาเค้ากำลังจีบกันนนนน

ฮี่ๆๆๆๆๆ  o13 o13

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 2] // {24/12/60}
«ตอบ #11 เมื่อ24-12-2017 20:31:01 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 2] // {24/12/60}
«ตอบ #12 เมื่อ24-12-2017 20:45:32 »

ซวยแท้ๆเลยขมิ้นเอ้ย :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 2] // {24/12/60}
«ตอบ #13 เมื่อ24-12-2017 21:48:41 »

เลิกเป็นขิงเลยขมิ้น
ดูเหมือนขิง นิสัยเสีย มีเรื่องไปทั่ว
ทั้งที่ไม่ได้เก่งการต่อสู้เอาซะเลย

ขมิ้น เป็นขิงนี่ หวั่นๆถูกซ้อม
นี่แอบคิดนะว่า จะโดนมากกว่าซ้อมซะด้วย

พ่อขิง กับพ่อขมิ้น คนละคนกันสินะ
แล้วแม่ทำไมมาอยู่กับพ่อขิง  แปลกๆนะ

แล้วขิงกับขมิ้นหน้าเหมือนกัน
จะหนีพวกนั้นพ้นหรือ ถึงไม่ไเรียน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
«ตอบ #14 เมื่อ27-12-2017 13:25:52 »


-3-





        หลังจากเจอเรื่องเลวร้ายในวันแรกที่มาเรียน ผมเริ่มใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทโดยการคาดมาร์กปิดปากไว้ ที่จริงมาร์กปิดปากนี่ก็เป็นอุปกรณ์เสริมตอนผมเป็นไอ้ขมิ้นอยู่แล้ว เพราะเบื่อคนเข้ามาทักว่าเป็นพี่ขิงนั่นแหละ ไม่คิดเลยว่าต้องเอามาใช้ตอนนี้ด้วย

   “มึงไม่อึดอัดเหรอวะ” เจมส์ถามผมแบบนี้หลายรอบมาก ตั้งแต่วันที่สอง จวบเข้าอาทิตย์ที่สองของการเป็นพี่ขิงในมหาลัยแห่งนี้ “กูเห็นแล้วร้อนแทนไอ้สัด”

   “แต่มันก็ทำให้กูไม่โดนกระทืบไง” ผมตอบกลับ “แล้วนี่ต้องไปไหนต่อวะ กูได้ยินคนอื่นคุยเรื่องประชุมอะไรสักอย่าง”

   “ก็เรื่องออกค่ายของคณะนั่นแหละ”

   “ออกค่ายเหรอวะ”

   ผมอยากเข้าค่ายมานานมาก เคยไปสมัยตอนมัธยมต้น ตอนนั้นโคตรสนุก ได้เดินป่า ก่อไฟผิง สนุกมาก

   “แต่มึงไม่เข้าก็ได้นะ เพราะปกติมึงก็ไม่สนใจอะไรเกี่ยวกับคณะอยู่แล้ว”

   “สนสิวะ กูไปด้วย”

   พูดจบ คนที่เดินนำหน้าก็หยุดกึก ทำให้ผมที่เดินตามชนเข้าเต็มแรง

   “มึงทำให้กูแปลกใจอีกแล้วนะ” เจมส์ขมวดคิ้วจ้องผมอย่างคาดคั้น “เกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมา มึงทำให้กูรู้สึกว่า เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”

   ก็จริง รู้จักกันก็แปลก

   “มึงพูดอะไรเนี่ย กูก็ขิงไง เพื่อนมึงนั่นแหละ”

   ผมรีบหลบสายตาแล้วตีเนียนกอดคอเจมส์ให้เดินต่อ รู้หรอกว่ามันกำลังมองผมอยู่ แต่ก็ไม่ได้หันไปสนใจ เพราะเดี๋ยวมีพิรุธ





   ห้องประชุมที่เขานัดกันมา ก็เป็นห้องเรียนที่จุคนได้ค่อนข้างเยอะ ซึ่งตอนนี้คนที่รออยู่ก่อนก็นั่งประจำที่กันหมด ผมเดินตัวลีบตามหลังเจมส์ไปเงียบๆ นั่นเพราะคนที่ยืนเด่นเป็นสง่าด้านหน้าคือเจ้าหนี้ชีวิตของผม ดูเหมือนเขาจะไม่เห็น  ช่างดีจริงๆ ที่คาดมาร์ก

   “นั่งหลังๆ นะ” ผมกระซิบบอกคนเดินนำ

   เมื่อได้ที่นั่ง เจมส์ก็หันไปทักทายคนอื่นๆ ส่วนผมก็ก้มหน้าก้มตาอย่างเดียว ไม่ชินด้วยส่วนหนึ่ง อีกส่วนคือไม่รู้จัก จะรุ่นน้อง รุ่นพี่ หรือรุ่นเพื่อนก็ไม่รู้จักสักคน

   “มากันครบหรือยัง ปีสองเลิกแล้วใช่ไหม” คำถามดังมาจากด้านหน้า มีเสียงตอบรับหลายเสียง แต่ผมก็ยังก้มหน้าก้มตา เพราะตอนนี้เริ่มมีคนหันมามองบ่อยขึ้น บางคนถึงกับสะกิดต่อกันเป็นทอดๆ ให้หันมามองผม 

   ผมรีบถอดเสื้อช็อปสีเลือดหมูออกแล้วเอาคลุมหัวป้องกันคนมอง เสียงพูดคุยถามความเห็นยังดังอยู่ต่อเนื่อง บ่อยครั้งเจมส์จะถูกไอ้พี่แว่นถามและตามมาด้วยเสียงโห่ ท่าทางเขินอายของเพื่อนสนิทคนใหม่ทำให้ผมยิ้มออกมา แต่ก็ไม่ได้นานเมื่อเผลอไปสบตากับคนยืนเด่นกลางหน้าห้อง

   ต้องรู้การมาของผมแน่เลย มองมาแบบนั้น

   กว่าจะได้ข้อสรุปก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง เมื่อประชุมเสร็จสิ้น ผมก็รีบดึงแขนเจมส์ให้ออกจากห้อง แต่ออกไปได้แค่ขาข้างซ้ายเท่านั้น เพราะทั้งตัวถูกรั้งเอาไว้จากการดึงเสื้อช็อปที่ผมคลุมหัว พอหันไปดูก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ คนที่ทำแบบนี้ต้องไม่ใช่ใครคนอื่น

   “คิดว่าแค่นี้กูจะจำมึงไม่ได้เหรอวะ” เสียงนิ่ง หน้าก็โหด เมื่อกี้ผมยังเห็นยิ้มให้คนอื่นๆ อยู่เลย “ค่ายครั้งนี้มึงต้องไป”

   “ผมต้องไปเหรอ”

   “กูบอกต้องไป แปลว่ามันคือคำสั่งที่มึงหลีกเลี่ยงไม่ได้”

   ถ้าเป็นพี่ขิง จะทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้เนี่ย

   “ถ้ามันมีงานละพี่ไฮท์ มันก็คงไปไม่ได้” เหมือนสวรรค์ส่งเจมส์มาช่วย มันขัดขึ้นทันทีที่เห็นผมทำหน้าลำบากใจ แต่คำถามของมันจะลอยหายไปในอากาศเมื่อไม่รับคำตอบ

   “ถ้าผมไปได้นะครับ”

   “มึงต้องไป”

   “ต้องดูงานของผมก่อน...”

   “กูบอกว่าต้องไป ก็คือต้องไป”

   “เออๆ ไปก็ได้ อะไรนักหนาเนี่ย”

   “เดี๋ยวมึงจะโดนกระทืบไอ้ขิง”


   รุ่นพี่อะไรวะ เอะอะก็จะกระทืบท่าเดียว


   “ไม่มีอะไรแล้ว ผมไปได้แล้วใช่ป่ะ” ต้องรีบชิ่งครับ อยู่นานกว่านี้เห็นท่าจะไม่ดี ได้ยินเสียงซุบซิบชื่อของพี่ขิงมาจากสาวๆ ที่เดินผ่านอยู่ตลอด “ไปนะครับ เชี่ย” ถูกดึงเสื้อช็อปอีกรอบจนแทบหงายหลัง ที่สำคัญ เผลอถอยหลังไปเหยียบเท้าคนดึงด้วย สายตาท่านลอร์ดโวลเดอมอร์ก็พุ่งเข้าจู่โจมทันที

   “เหยียบตีนกูอีกไอ้นี่”

   แม้จะหัวเราะแห้งๆ ส่งไปก็ถูกด่าอยู่ ชีวิตพี่ขิงช่างน่าลำบาก

   “พี่ดึงผมไว้ทำไมเหรอครับ”

   “นี่มึงสมองเสื่อมหรือเป็นลาวะ ถึงได้ขี้ลืมแล้วก็โง่แบบนี้”

   โอ้โห คำด่าเจ็บแสบถึงทรวงโคตรๆ ขนาดพ่อผมที่ว่าปากจัดยังไม่ขนาดนี้ น่านับถือจริงๆ

   “ผมโง่ก็ได้ ยอมรับ พี่มีอะไร”

   พอได้ยินผมด่าตัวเอง ไอ้พี่ไฮท์ก็ขำในลำคอเบาๆ

   “มึงต้องไปกับกูก่อน”

   “ไปไหน” นี่ไม่ใช่เสียงผมครับ เป็นเจมส์ที่แทรกขึ้นมา ก่อนจะถูกมือคล้ำยื่นมาอุดปาก

   “พี่จะพาผมไปไหนเหรอ”

   “ก็ไปตามนัดที่มึงเคยถูกกระทืบหน้าตึกไง จำได้หรือยัง”

   “อ๋อ” ความทรงจำของแรงหมัดนั่นผุดเข้ามาทันที ผมกระพริบตาช้าๆ เมื่อจำได้ “ผมต้องไปวันนี้เหรอ” ถามอย่างงงๆ เพราะไม่ได้เตรียมใจ เตรียมหน้าเผื่อถูกกระทืบ

   “เพราะตอนนี้กูว่าง ต่อไปไม่ว่าง หรือมึงจะไปคนเดียว” ไอ้พี่ไฮท์ว่า

   “ไปวันนี้ก็ได้ครับ”

   “ท่าทางแบบนี้ มันใช่ไอ้ขิง นายแบบผู้หยิ่งยโสคนนั้นจริงๆ หรือเปล่าวะ” ประโยคนี้ทำให้ผมหันขวับไปมอง รุ่นพี่ท่าทางทะเล้นจ้องหน้าผมคล้ายกับแสกนร่าง “แต่ดูๆ มันก็ไอ้ขิงนี่หว่า”

   “พูดมาก พวกมึงไปรอกูที่ห้องก่อน เดี๋ยวกูมา ส่วนมึง ตามกูมานี่”

   สั่งเสร็จ ไอ้พี่ไฮท์ก็ดึงผมให้เดินตาม จะดึงแขน ดึงมือก็ไม่ได้ว่า แต่ดึงชายเสื้อช็อปเนี่ย มันแปลกๆ นะเว้ย และพอดึงช็อป หน้าผมก็โผล่สิ แม้จะมีมาร์กปิดไว้ก็เถอะ คนก็ยังมองอย่างสนใจอยู่ดี

   “นั่นขิงนี่”

   “ขิงไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นตั้งนาน”

   “ขิงมาเรียนด้วยเหรอ”

   “ทักคนอื่นด้วย ไม่น่าเชื่อ”

   และอีกมากมายที่ได้ยินเวลาเดินผ่าน ผมยกมือโบกทักทายให้กับทุกคนอย่างเป็นมิตร แต่พอใครเห็นก็จะทำหน้าตื่นๆ กันหมด หรือผมไม่ได้รูดซิปวะ

   “รถมึงอยู่ไหน” คำถามดังขึ้นมาหลังจากถูกดึงมาถึงหน้าตึก พอผมชี้ ไอ้พี่ไฮท์ก็ขมวดคิ้วทันที “มอเตอร์ไซค์คันนั้น?”

   “ใช่ รถผมเอง” ยืดอกอวดอย่างภูมิใจ ก่อนจะห่อตัวลงเมื่อถูกตบหัวคว่ำ

   “ก็รีบไปสิ จะยืนรอให้แดดเลียตูดหรือไง”

   “พี่ทำไมชอบใช้กำลังวะ ครับๆ ไปครับ” ก่อนจะถูกฝ่ามือที่เงื้อขึ้นกระทบสักส่วนบนตัว ผมก็รีบวิ่งไปที่รถ เสื้อช็อปของพี่ขิงตอนนี้อยู่ในมือของไอ้พี่ไฮท์นู้น “พี่จะซ้อนผมไปเหรอ” ถามออกมาอย่างงๆ ก็อยู่ๆ ขึ้นมาควบนั่งเฉย

   “เออ มึงจะให้กูเดินไปหรือไง ถามเหมือนไม่ได้ใช้สมอง” โดนสายตาดุตวัดมองอีก หัวหดเลยไอ้ขมิ้น “รีบๆ ไป กูร้อน”

   “ขี้โมโหจังวะ” พึมพำเบาๆ แต่กลับมีคนหูดีได้ยินซะงั้น

   “อย่านินทากู”

   ผมเบ้ปากก่อนสตาร์ทรถ เสียงเครื่องยนต์แสนไพเราะดังตามคันเร่งที่บิด ทันทีที่ออกตัวคนซ้อนคงไม่ทันตั้งตัว แขนขาวๆ นั่นยื่นมารัดท้องผมซะแรงจนต้องรีบเหยียบเบรกจนหัวทิ่ม และมันก็ทำให้หน้าผากของไอ้พี่ไฮท์ชนกับหัวผมพอดี เจ็บโคตร จะโนหรือเปล่าวะ

   “มึงแกล้งกูเหรอวะ” คนด้านหลังกัดฟันพูด พลางยกมือลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ ผมรีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน
 
   “ก็พี่เล่นรัดเอวผมซะแน่น มันก็ตกใจสิ”

   “ใครให้มึงออกตัวไม่บอกล่ะ”

   “นี่ผมผิดเหรอเนี่ย”

   “เออ มึงผิดทุกอย่าง”

   เลิกต่อปากต่อคำ เพราะยังไงผมก็กลายเป็นคนผิดวันยังค่ำ

   “จะออกตัวละนะ”

   “เออ”

   เบ้ปากอีกรอบก่อนออกตัวช้าๆ ความเกร็งของคนซ้อนผมรับรู้ได้เพราะรถมันจะเซ เส้นทางในมหาวิทยาลัยนั้นค่อนข้างซับซ้อน หรือเพราะผมไม่รู้ทางก็ไม่รู้ ที่รู้ๆ คือผมวนกลับมาหน้าตึกคณะอีกรอบ

   “มึงจะวนกลับมาทำเหี้ยอะไร”

   “ก็พี่ไม่บอกว่าต้องไปที่ไหนนี่” แถครับ เราต้องแถให้สุด “ผมไม่รู้เลยต้องกลับมาตั้งหลักใหม่”

   “ไอ้ขิง นี่มึงกวนตีนกูใช่ไหม”

   “ไม่ได้กวน” ผมรู้ว่าพวกที่มาหาเรื่องผมคือรุ่นพี่คณะบริหารเพราะเจมส์บอกแต่... “คณะนั้นไปทางไหน”

   “ไอ้ห่า มึงเรียนที่นี่มากี่ปีถึงไม่รู้”

   อยากตอบเหลือเกินมาเพิ่งมาแค่สองอาทิตย์

   “ก็...ก็ผมไม่ค่อยเข้าเรียนไง มาคณะแล้วก็กลับไม่เคยไปที่อื่น” พูดจบ ไอ้พี่ไฮท์ก็เงียบครับ มันคงจะเชื่อในสิ่งที่ผมพูด “พี่บอกทางให้ผมหน่อยสิ”

   “เออๆ ตรงไป เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา”

   “เชี่ย ค่อยๆ บอกสิวะ”

   “อย่าขึ้นวะกับกู”

   “ครับพี่ครับ”

   แม่ง ไหนเจมส์บอกเป็นคนใจดี ใจเย็น นี่มันคนใจเย็นประเภทไหนถึงตบหัวผมทุกนาทีวะ





   ถนนในมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้วกวนอย่างที่คิด ผมขี่ตามทางที่คนข้างหลังบอก จนมอเตอร์ไซค์ KSR สีดำเข้าจอดที่ลานหน้าตึกสูง ด้านหน้าที่ผ่านเข้ามามีตัวอักษรขนาดใหญ่บอกชื่อคณะ ผมจำได้ว่าเคยหลงผ่านคณะนี้ครั้งหนึ่ง เพิ่งนึกออก ผมตั้งขาตั้งรถเมื่อคนซ้อนลงไปยืนทำเท่ให้สาวกรี๊ด คงคิดว่าตัวเองเท่ซะเต็มประดาล่ะสิ

   “เอาเสื้อมึงไป”

   เสื้อช็อปของพี่ขิงถูกปามาจนผมต้องรีบรับไว้ ส่วนคนปาก็เดินนิ่งๆ เข้าไปใต้ตึก ผมเลยต้องรีบเดิมตาม มือก็ขยับมาร์กปิดปากกันคนจำได้ ซึ่งมันก็ช่วยได้ไม่มาก

   “ขิงใช่ไหม” แรงดึงชายเสื้อยืดสีดำของผมทำให้ต้องหยุดเดินและหันไปมอง ผมกระพริบตาปริบๆ เพราะไม่รู้จักคนทัก “ขิงจริงด้วย ดิวโทรหาตั้งหลายสายทำไมไม่เคยรับ”

   “หา?” อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงเดินมาทักผม ดวงตากลมโตจ้องหน้าผมอย่างตัดพ้อ “เรา รู้จักกันเหรอครับ”

   “ขิง!” เธอตวาดจนผมสะดุ้ง ขนาดคนเดินนำไปไกลยังหันกลับมามอง “อ๋อ เพราะขิงไปติดเด็กปีหนึ่งที่ชื่อกานนั่นใช่ไหม ขิงถึงไม่สนใจดิว ทำไมขิงทำกับดิวแบบนี้”

   “เดี๋ยวครับเดี๋ยว” ผมรีบยกมือห้ามประโยคยาวๆ ที่ฟังแทบไม่ทัน ตอนนี้สาวที่เกาะแขนผมเริ่มมีน้ำตาคลอแล้วด้วย ทำไงดีไอ้ขมิ้น “คือ ผมขอโทษจริงๆ นะ แต่ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ” นี่พี่ขิงคบผู้หญิงกี่คนวะ

   “ตอแหล!” เสียงแหวดังมาจากอีกทาง พร้อมแรงเหวี่ยงฟาดเข้าที่แก้มผมอย่างจังจนชา “ฉันเห็นเต็มสองตาว่าแกพาอีเด็กนั่นเข้าโรงแรม”

   “เข้าโรงแรม!” ฉิบหายแล้วครับ

   “เออ เข้าโรงแรม”

   “อาจไปกินข้าวก็ได้นะครับ”

   “กินอย่างอื่นน่ะสิ คิดว่าหล่อเลือกได้เลยมาหลอกเพื่อนฉันเหรอ”
 
   ไปกันใหญ่แล้ว แถมตอนนี้คนใต้ตึกก็พุ่งสายตามาที่ผมเป็นหนึ่งเดียว

   “ผมขอโทษนะครับ” ได้แต่ขอโทษไป ไม่รู้ว่าพี่ขิงทำแบบที่เขาพูดหรือเปล่า แต่ทางออกที่ดีที่สุดคือขอโทษ แม้แก้มจะชาอีกสองรอบก็ไม่เป็นไร ถือว่าไปถอนฟันมาก็แล้วกัน

   มาร์กปิดปากดูไม่มีประโยชน์ ผมดึงออก ก่อนนวดแก้มตัวเองไปมา ไม่รู้กรามขยับหรือเปล่า ผู้หญิงอะไรมือหนักชะมัด

   “วีรกรรมเยอะนะมึง” เสียงทุ้มลอยมาแต่ไกล ผมไม่มีอารมณ์ตอบโต้เลยปล่อยให้แขวะไป

   ระหว่างการเดินผ่านกลุ่มคน เสียงพูดคุยซุบซิบนินทาจะลอยมาเข้าหูอยู่ตลอด ส่วนมากก็เรื่องที่เกิดเมื่อครู่ กับเรื่องที่ผมเป็นพี่ขิงเดินอยู่ใต้ตึกบริหารนี่แหละ ผมก็เพิ่งรู้ว่าพี่ขิงจะดังขนาดนี้ เห็นเป็นแค่นายแบบธรรมดาแค่นั้น

   ไอ้พี่ไฮท์เดินนำผมผ่านตึกแรก ทะลุเข้าไปยังลานสนามหญ้าด้านใน และขึ้นบันไดไปอีกตึก ซึ่งใต้ตึกนี้มีคนนั่งพอๆ ตึกแรก แต่คนที่ทำให้ขนแขนผมลุกก็ดูจะโดดเด่นกว่าใครเพื่อน ไอ้พี่ตาดุนั่งยิ้มอ้าปากรอกินส้มที่คนข้างๆ ป้อน

   บรรยากาศสีบานเย็นแปลกๆ

   เสียงพูดคุยที่ได้ยินตอนแรกค่อยๆ เบาลง เมื่อหันมาเห็นคนแปลกหน้าสองคนที่สวมเสื้อช็อปเดินตรงเข้าไปหา และไม่รู้อะไรดลใจให้ผมขยับไปยืนซ้อนหลังไอ้พี่ไฮท์ทันทีที่มีคนลุกมาจากโต๊ะแล้วตรงเข้ามาหาผม

   “เก่งแต่มุดหัวเหรอมึง” เสียงเหวี่ยงพอๆ กับหน้าตา ผมขยับตัวออกห่างพี่ไฮท์นิดๆ แล้วยกมือไหว้ขอโทษ

   “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ไม่รู้ล่ะ ขอโทษไว้ก่อน พ่อสอนไว้

   “ขอโทษกูทำไม” เสียงเหวี่ยงจนผมต้องรีบหดหัว ก่อนเขาจะบุ้ยปากไปทางด้านหลัง “มึงต้องขอโทษคนรักกูนู้น” พอได้ยิน ผมก็เอียงคอไปมอง เห็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง แขนมีผ้าพันแผลสีขาวพันไว้
 
   “พี่ฟลอย์ ไม่ต้องหรอก ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย” คนเจ็บเดินกระเผลกมายืนข้างๆ พร้อมกับยกยิ้มให้ผม “แม้ตอนแรกจะโมโหจนอยากต่อย แต่นายก็ขอโทษแล้ว ช่างมันเถอะ”

   “ได้ไง มันทำต้อมเจ็บนะ” คนที่ผมขอโทษตอนแรกโวยวาย แต่พอโดนสายตาดุตวัดมองก็เงียบลง

   “ที่จริงนายก็ขอโทษแล้ว แต่ตอนนั้นอารมณ์คนเจ็บอะเนอะ ก็เลยโวยวายไป”

   “ต้อม อย่าเป็นคนดี”

   “พี่นั่นแหละ อยากเลวหรือไง”

   แล้วเสียงหัวเราะก็ดังมาจากด้านหลัง ไอ้พี่หน้านิ่งระเบิดเสียงหัวเราะตัวเองออกมา แต่ก็ถูกคนข้างๆ ยัดส้มเข้าปากทั้งลูก

   “เงินที่นายให้ แม้ไม่พอซ่อมสุดหวง แต่ก็พอค่าทำแผล ช่างมันเถอะ” คนที่เจ็บเดินเข้ามาหาผม มือที่มีรอยถลอกยกขึ้นแตะบ่าผมเบาๆ “ไม่เป็นไร”

   “ขอบคุณนะ”

   “นี่รุ่นพี่นาย อายุเท่าฉัน”

   ผมพูดไม่ทันจบดี ไอ้พี่ไฮท์ก็รีบขัดขึ้นมา ผมตวัดสายตามองอย่างขุ่นๆ ก่อนจะพูดใหม่อีกรอบ คราวนี้ยกมือไหว้ด้วย จนคนถูกไหว้ตกใจ

   “ขอโทษครับ แล้วก็ขอบคุณที่ไม่เอาเรื่อง”

   “ไม่เป็นไร พวกนี้ก็หาเรื่องไปเรื่อย อีกอย่าง ได้ข่าวว่านายก็ถูกต่อย ถือว่าหายกันก็แล้วกันนะ”

   ผู้ชายคนนี้ มีออร่าสีขาวอยู่รอบตัวสินะ ผมยิ้มกว้างส่งให้ทันที แต่ไม่นานก็ถูกร่างใหญ่ๆ เดินมาขวาง พร้อมส่งสายตาขู่และส่งเสียงคำรามข่ม

   เมื่อเห็นท่าไม่ดี ผมก็ถูกพาออกมาจากที่นั่น ช่วงที่เดิน คนพามาไม่ยอมพูดยอมจา หรือเกิดเป็นใบ้หาเสียงไม่เจอชั่วขณะ

   “พี่จะให้ผมไปส่งที่หน้าคณะไหม” ถามเพื่อทดสอบการได้ยิน พอถูกสายตาดุมองก็เบาใจที่ประสาทกับรับรู้ยังดีอยู่ ไอ้พี่ไฮท์ขึ้นมาซ้อนด้านหลังผมตามเดิม “ผมจะออกรถแล้วนะ”

   บอกเสร็จก็ออกตัวอย่างช้าๆ เส้นทางที่เริ่มคุ้นเคย (เพราะการหลงทาง) ทำให้ผมมาถึงหน้าตึกคณะโดยไม่ต้องรอการบอกทางจากคนซ้อนที่นั่งเป็นหุ่นไม่ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด

   “ถ้าพี่ไม่มีอะไรแล้ว ผมกลับก่อนนะครับ” บอกคนที่ก้าวขาลงจากรถไป ไอ้พี่ไฮท์จ้องหน้าผมนิ่งๆ “สวัสดีครับ” ยกมือไหว้ลาแบบเจมส์ทำ

   “มึง...เหมือนไม่ใช่ไอ้ขิงที่กูรู้จัก”

   “ครับ?”

   “ไม่มีอะไร ช่างเถอะ” 

   ผมตีหน้างงใส่คนที่หันหลังใส่ บทจะพูดก็พูด บทจะไปก็ไป อะไรของพี่เขาวะ แต่ที่แน่ๆ ปัญหาของพี่ขิง มันจะหมดแล้วจริงๆ เหรอวะ หรือยังมีปัญหาอื่นๆ อีก แค่คิดก็ปวดหัวแล้วโว้ย เมื่อไหร่แม่จะหาพี่ขิงเจอสักที ไอ้ขมิ้นอยากกลับบ้านแล้ว



...TBC

ขิงนี่ตัวดึงดูดปัญหาจริงๆ เลย ว่าแต่ ปัญหาจะหมดแล้วจริงๆ เหรอ.... >w<
#ไฮท์ขมิ้น

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
«ตอบ #15 เมื่อ27-12-2017 13:48:21 »

พ่อแม่ขิง เคยรู้วีรกรรมขิงบ้างไหมเนี่ย
แล้วให้ขมิ้นมาแทนขิง เท่ากับโยนขมิ้นเข้าดงมือดงตีนแท้ๆ
แล้วขมิ้นทำไมต้องยอม
ไม่เข้าใจ ถูกพ่อขิงดูถูก ทั้งที่มาช่วยลูกตัวเอง งงๆ

ที้แท้เกี่ยวข้องกับต้อม พี่ฟลอยด์ด้วย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
แล้วจะมีกลอย พี่โช โผล่มามั้ยนะ คิดถึงงงงง  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:



ออฟไลน์ มาชิ มาชิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
«ตอบ #16 เมื่อ27-12-2017 13:51:14 »

ถถถ  น้องขมิ้นของพรี่ อดทนไว้น่ะลูก แต่คิดว่าหลังจากนี้คุณพี่ไฮท์จะคอยปกป้องหนูวแหละ

" มึงดูเหมือนไม่ใช่ไอ้ขิงเหมือนที่กูรู้จัก" พ่อจ๋า คนนี้ขมิ้นคะ ขมิ้นไง จะไปเหมือนขิงได้ไงล่ะล



ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
«ตอบ #17 เมื่อ27-12-2017 14:41:33 »

มารอ

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
«ตอบ #18 เมื่อ27-12-2017 15:52:58 »

รักนี้ แค่นาย ไม่ใช่ว่าพอขิงกลับมาแล้วคิดว่าเป็นขมิ้นอีกนะแบบนี้ไม่เอ๊าไม่เอา :serius2: :serius2: :serius2:เราคิดไกลไปหรือเปล่าวะ

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
«ตอบ #19 เมื่อ27-12-2017 18:03:19 »

เห็นใจขมิ้นเลย เหมือนสีดำกับสีขาว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
« ตอบ #19 เมื่อ: 27-12-2017 18:03:19 »





ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
«ตอบ #20 เมื่อ27-12-2017 19:29:05 »

พ่อแม่ของขิงเคยรู้ปัญหาของลูกตัวเองบ้างไหมเนี่ย

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
«ตอบ #21 เมื่อ28-12-2017 09:13:54 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Chise

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
«ตอบ #22 เมื่อ28-12-2017 10:03:25 »

ดีจริงๆที่ขมิ้นไปอยู่กับพ่อ ไม่รู้แม่กับพ่อฝั่งนี้เลี้ยงขิงมายังไงถึงกลายเป็นคนแบบนี้
แถมยังเอาปัญหามาโยนให้ขมิ้นอีก เป็นพ่อแม่ที่ดีจริงๆ(ประชด)

ออฟไลน์ o4u0n7

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 3] // {27/12/60}
«ตอบ #23 เมื่อ28-12-2017 10:35:40 »

คุณชายขิง ดูท่าจะร้ายยยย  o22

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 4] // {29/12/60}
«ตอบ #24 เมื่อ29-12-2017 21:37:08 »


-4-




        วันนี้ตารางพี่ขิงไม่มีเรียน ผมกะจะนอนกินบ้านกินเมืองสักหน่อย นานๆ ทีจะได้นอนที่นอนนุ่มๆ แต่ความคิดนั้นไม่เป็นผล เสียงแปดหลอดมาพร้อมแรงดึงและทึ้งให้ผมลุกขึ้น โดยมีแม่คอยจัดแจงชุดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า

   “จะให้ผมไปไหนครับ ผมไม่มีเรียน” งอแงระดับสิบ ความง่วงไม่เคยปราณีใครนะครับบอกเลย

   “นอนไม่ได้แล้วค่าคุณน้อง วันนี้มีงานถ่ายแบบหนังสือค่ะ” คนที่ผมเจอวันที่แม่ไปหาที่บ้าน ยิ้มแป้นแล้น แรงมหาศาลที่มาจากกล้ามแขนนั่นฉุดแป๊บเดียวผมก็แทบปลิวจากเตียง “ไปอาบน้ำค่ะ หรือจะให้พี่อาบให้อย่างน้องขิงคะ”

   “ผมอาบเองได้” ว่าแล้วก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาไม่นานก็ตัวหอมฉุยออกมา

   “นี่อาบหรือวิ่งผ่านคะคุณน้อง” แล้วแขนของผมก็ถูกดึงไปดู “ขี้ไคลหมดไหมเนี่ย”

   “โอ๊ยพี่ครับ ผมอาบสะอาดน่า” รีบดึงแขนตัวเองออกจากการจับๆ ลูบๆ มันขนลุกแปลกๆ “แล้วผมต้องไปที่ไหนนะ” เพราะเมื่อกี้ตื่นไม่เต็มตาเลยฟังไม่ค่อยถนัด

   “ถ่ายแบบหนังสือจ้ะ”

   “อ๋อ ถ่ายแบบหนังสือ หา? ถ่ายแบบอะไรพี่ ไม่เอา ผมไม่ทำ”

   รีบกระโดดขึ้นไปอยู่กลางเตียงทันที บ้าเหรอ จะให้ไอ้ขมิ้นไปถ่ายแบบเนี่ยนะ ไม่เอาหรอก เขินตายห่า แล้วหุ่นผมก็ไม่ได้ดีด้วย

   “ต้องทำนะขมิ้น งานของพี่ขิงเขา ลูกจะทำให้พี่เขาถูกด่าเหรอ ไม่สงสารพี่ขิงเหรอ” เสียงแม่ดังแทรกเข้ามา ในมือแม่ถือชุดที่ผมจะต้องใส่ “ใส่ชุดนี้นะ”

   “แม่ครับ ขมิ้นไม่อยากไป” ผมส่งสายตาอ้อนวอน แต่ดูไม่เป็นผล ตอนนี้ขาผมถูกดึงจากผู้ช่วยของแม่และพี่ขิง “ไม่เอา ไม่ไป”

   “คุณน้องจะมาดีๆ หรือให้พี่ดึงผ้าขนหนูหลุดคะ”

   พูดจบผมก็รีบกุมปมผ้าไว้แน่น

   “ต้องถ่ายเหรอ”

   “ต้องถ่ายค่ะ”

   “ไม่อยากถ่ายอะ”

   “ไม่อยากก็ต้องถ่ายค่ะ อ่านปากพี่หมูหวานนะคะ ต้องถ่ายค่ะ”

   “ถ้าทำไม่ได้ ห้ามด่ากันนะครับ”






   ผมนั่งรถออกมากับแม่และผู้ช่วยที่ชื่อหมูหวาน รถราคาแพง เบาะเลยนุ่มน่านอน แต่พอจะนอนก็ถูกดึงขึ้นมาเพื่อฟังแม่บอกรายละเอียดต่างๆ ของวันนี้ ซึ่งกว่าจะจบก็ถึงที่หมายพอดี ก่อนลงรถ แม่กำชับให้ผมวางตัวให้ดี อย่าหลุดเด็ดขาด เพราะคนที่นี่คอยจ้องแต่จะนินทาพี่ขิง

   ตึกระฟ้าสูงเด่นจนต้องหรี่ตามองปลายยอด ผมเดินตามหลังแม่กับพี่หมูหวานเข้าไปด้านใน คนที่เดินสวนไปมาต่างก็จ้องมาที่ผมเป็นตาเดียว และนั่นทำให้ผมต้องยิ้มตอบกลับเพื่อแสดงความเป็นมิตรพร้อมโบกมือทักทาย แต่ไม่รู้ทำไม เสียงที่พูดตามหลังมาถึงบอกว่าผมตอแหล

   ยิ้มทักทายนี่เรียกตอแหลเหรอครับ หรือเป็นศัพท์ใหม่ของคนที่นี่กัน

   พี่หมูหวานเปิดประตูห้องที่มีชื่อของพี่ขิงติดไว้ ด้านในมีกระจกบานใหญ่ บนโต๊ะหน้ากระจกมีข้าวของมากมาย รวมทั้งเครื่องสำอางที่ผมเคยเห็นในทีวี

   “นั่งตรงนี้นะ เดี๋ยวช่างเขาจะมาแต่งหน้า ทำผมให้” บอกปุ๊บ แม่กับผู้ช่วยก็เดินออกไปทันที โดยที่ผมอ้าปากร้องทักไม่ทัน คิดเอาผมมาปล่อยไว้ที่นี่หรือเปล่าวะ

   เก้าอี้หน้ากระจกสามารถหมุนและขยับขึ้นลงได้ มันช่างเป็นของเล่นแก้เบื่อของผมได้ดีซะจริง ยืดๆ หดๆ สนุกดี พอหมุนซ้าย หมุนขวาได้ไม่นาน ประตูห้องก็เปิด มีคนแปลกหน้าเดินเข้ามาสองคน แม้พวกเขาจะส่งยิ้มให้มา แต่ดูไม่ได้มาจากใจ เป็นรอยยิ้มที่ยกยิ้มไปส่งๆ แค่นั้น

   “คิวน้องขิงดั่งทองคำเลยนะคะ” ผมรู้ว่านี่คือคำประชด แต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจ “ว่าแต่ คุณแม่น้องได้บอกไหมคะ ว่าวันนี้เรานัดคิวน้องเตอร์มาถ่ายด้วย”

   “ครับ” ผมตอบสั้นๆ

   ตอนนี้หน้าของผมกำลังถูกละเลงโดยแปรงสารพัด ฝุ่นของแป้งที่เข้าจมูกทำให้จามอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่จามผมจะยกมือขอโทษ เห็นท่าทางตกใจของช่างแต่งหน้าอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้สนใจมากไปกว่าอาการคันจมูก นี่พี่ขิงทนได้ยังไง ไม่เป็นภูมิแพ้แย่เหรอ

   “เสร็จแล้วค่ะ”

        ช่างแต่งหน้าฉีดสเปร์ยน้ำอะไรสักอย่างใส่หน้าผมก่อนบอกว่าเสร็จ พอส่องกระจกดู มันก็เหมือนเดิม เพียงแต่หน้าผมมีแป้งหนาขึ้น สิวกับรอยแผลเล็กๆ ก็หายไปหมด

   “ขอบคุณครับ”

        หลังจากสำรวจหน้าตัวเองเสร็จก็ยกมือไหว้ขอบคุณตามมารยาท และผมก็ได้คำอุทานแสนตกใจจากช่างแต่งหน้าและผู้ช่วย
 
   “อุ๊ย มาแปลกนะคะ พี่ตั้งตัวไม่ถูกเลย” สีหน้าละล้าละลังจนผมต้องยิ้มแห้งให้ ผมผิดตรงไหนอีกวะ “ไปเปลี่ยนชุดเลยค่ะ”
 
   “ครับ”

   ทันทีที่ขาก้าวเดินไป เสียงที่ลอยตามหลังก็ยังเป็นเรื่องของผม ไม่สิ ของพี่ขิง ได้ยินแว่วๆ เรื่องผิวหน้าที่แห้งกร้านไม่เหมือนคนบำรุงน้ำนมเช่นเดิม ก็แหงล่ะสิ หน้าไอ้ขมิ้นเจอแต่ฝุ่น แต่ลม จะไปนุ่มนิ่มเหมือนก้นเด็กได้ยังไง

   “ถอดชุดเลยค่ะ”

   “ครับ?”

   “ถอดสิคะ ไม่งั้นจะเปลี่ยนได้ยังไง”

   “ถอดตรงนี้?”

   ตกใจประหนึ่งจะถูกลวงไปปู้ยี้ปู้ยำ ก็คนตรงหน้าเป็นหญิงสาวแท้ๆ ไม่ได้เป็นสาวนะยะอย่างช่างแต่งหน้า จะให้ผมแก้ผ้าให้ผู้หญิงดู มันก็ไม่ควรหรือเปล่าวะ

   “ก็ตรงนี้แหละค่ะ เร็วๆ เดี๋ยวจะถ่ายแล้ว”

   เอาวะ ผมกลั้นใจถอดเสื้อผ้ามันตรงนั้น บ็อกเซอร์ลายมิกกี้เม้าท์สร้างเสียงขำเล็กๆ จากคนตรงหน้าจนผมเขิน แต่ก็ไม่ถึงนาที ชุดที่ถูกเลือกก็สวมอยู่บนตัวของผม กางเกงหนังสีขาวมีซิบเยอะไปหมด พอๆ กับเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีขาวรูดซิบจากด้านล่างมาถึงลิ้นปี่

   “ไม่มีเสื้อด้านในเหรอครับ” ถามขณะถูกใส่เครื่องประดับบนตัว คำตอบคือการส่ายหน้าพร้อมแลตามอง “มันเย็นๆ”

   เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จ ผมก็เดินออกมาพร้อมกับผู้หญิงที่แต่งตัวให้ เธอเดินนำไปยังห้องใหญ่ที่ติดป้ายว่าสตูดิโอ ด้านในนี้มีอุปกรณ์สำหรับถ่ายหนังสือครบครัน ทั้งไฟ ทั้งฉาก รวมไปถึงกล้องที่ตั้งอยู่ด้านหน้า มันเหมือนฉากในละครที่ป้าในตลาดชอบดูเลย

   “อ่าวขิง มาแล้วเหรอลูก มานั่งตรงนี้”

   เสียงแหลมของแม่ทำให้ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผม บอกตรงๆ ผมโคตรไม่ชอบเลย ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ถูกจับตามองแบบนี้ทุกครั้ง มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวประหลาดเดินได้ พี่หมูหวานเห็นผมไม่ยอมเดินเลยเป็นฝ่ายเดินมาหาพร้อมดึงแขนให้ไปนั่งเก้าอี้นวมสุดพิเศษ

   “นั่งตรงนี้นะคะ” คำกำชับของพี่หมูหวาน ก่อนเขาจะเดินปรี่ไปหาตากล้องที่กำลังดูความเรียบร้อยหน้าฉาก

   ช่วงที่อยู่รอ ผมลองสอดสายตามองไปทั่วบริเวณ จนไปสะดุดตาผู้ชายอีกคนที่นั่งตรงมุม เขาใส่ชุดหนังสีดำดูเท่ไปอีกแบบ ผมเผลอจ้องเขาอยู่นานกว่าจะถูกเรียกให้ไปยืนที่หน้าฉากเพื่อลองกล้องและไฟ

   แสงไฟหลายดวงสาดเข้าหน้าจนต้องหรี่ตาอยู่ตลอด ใบหน้าที่มีแป้งหนาๆ คงจะกันความร้อนจากหลอดไฟพวกนี้ไม่ค่อยได้สินะ รู้สึกแสบหน้ามากตอนนี้

   “เตอร์ ลองมายืนข้างๆ ขิงหน่อย” เสียงของตากล้องเรียกคนที่นั่งมุมให้เดินเข้ามา พอมายืนข้างกัน เราทั้งสองคนตัวสูงพอๆ กันเลย “โอเค ปรับไฟตรงเตอร์อีกหน่อยนะ”

   “เดี๋ยวนะคะคุณตากล้อง ถ้าจะเพิ่มต้องเพิ่มฝั่งน้องขิงสิคะ น้องจะได้เด่นกว่า” เสียงขัดของแม่ ทำเอาคิ้วผมขมวดเป็นปม “ตามนี้นะคะ”

   “ก็ได้ๆ” ผมเห็นตากล้องลอบถอนหายใจครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มสั่งงานต่อ

   เสียงสั่งให้ทำท่าทางตามที่นายทุนต้องการ คนข้างผมดูชำนาญอย่างมืออาชีพ แต่สำหรับคนไม่เคยอย่างผม มันช่างยากนัก
 
   “ขิง ทำไมทำหน้าแบบนั้น ดึงหน้าหน่อย” เสียงติดโมโหของตากล้องที่บอกผมรอบที่สิบ ก็ผมไม่เข้าใจ ว่าไอ้การดึงหน้ามันต้องทำยังไง เก็กหล่อก็ไม่เอา ทำหน้าเอ๋อๆ ก็ไม่ใช่อีก จะเอายังไงกับผมวะเนี่ย “ขิง ทำแบบเตอร์น่ะ เห็นป่ะ”

   “ทำไงวะ” พูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนหันไปมอง คนข้างผมยกยิ้มมุมปากเล็ก หน้าก็ยกขึ้นทำมุม น่าแปลกที่มองจากผม เขาดูเท่มากจริงๆ 

   การถ่ายแบบวันนี้กว่าจะผ่านไปได้ก็ใช้เวลาทั้งวัน ทุกคนดูเบื่อหน่ายในความเก้ๆ กังๆ ของผม แต่ก็พยายามใจเย็นจนมันสำเร็จลุล่วง ผมเดินตามพี่หมูหวานไปที่ห้องแต่งตัว พอประตูปิดลง พี่เขาก็กรีดร้องจนผมปวดแก้วหูไปหมด ผีเข้าหรือเปล่าวะ

   “เอ่อ พี่เป็นอะไรครับ” ถามไป มือก็ยังยกปิดหูอยู่

   “ก็คุณน้องทำพี่ลุ้นมาทั้งวัน ฉี่จะแตกอยู่หลายรอบน่ะสิคะ โอ๊ย คุณพี่เห็นเส้นเลือดคุณหญิงแม่เต้นตุบๆ อยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ”

   “ขอโทษครับ” ผมยกมือไหว้ขอโทษสำหรับความไม่เป็นงานของตัวเอง

   “ไม่ต้องขอโทษหรอก พี่เข้าใจว่ามันเป็นครั้งแรก”

   “พี่ขิงคงเก่งมากเลยนะครับ”

   อดไม่ได้ที่จะนึกไปถึงพี่ชายตัวเอง งานพวกนี้เป็นงานถนัดของเขา ไม่เก่งก็คงแปลกล่ะ

   “ถ้าเป็นน้องขิงละก็ งานวันนี้ไม่เสร็จแน่นอนจ้ะ” ผมยืนโป้เหลือแต่บ็อกเซอร์มองพี่หมูหวานที่ยังสาละวนกับชุดที่ผมถอดส่งคืน “น้องขิงน่ะนะ ถ้ามีอะไรผิดใจหรือไม่ชอบใจก็จะเดินหนีออกมาเลย อย่างเช่นถ่ายร่วมกับเตอร์”

   “เหรอครับ”

   “อุ๊ย พี่ปากพล่อยอีกละ อย่าไปบอกคุณหญิงแม่นะคะ ไม่งั้นพี่หมูหวานโดนด่าแน่” สีหน้าและท่าทางหวาดกลัวนั่นทำให้ผมพยักหน้ารับปาก

   เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จ ผมเดินออกมาด้านนอกก่อนพี่ผู้ช่วย สายตากวาดมองทุกคนที่ยังคงวุ่นวายกับการทำงานของตัวเอง จนไปสะดุดตานายแบบที่ถ่ายงานกับผมเมื่อครู่

   “ขอโทษนะครับที่ทำให้เสียเวลาทั้งวัน” รู้มาว่าเขาอายุเยอะกว่า ผมเลยยกมือไหว้ขอโทษเขาไป นายแบบรุ่นพี่ปรายตามองมาก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ กาแฟร้อนตรงหน้าของเขาส่งกลิ่นหอมจนผมชักอยากกินบ้าง “เอ่อ แล้วขอโทษแทนแม่ผมด้วยที่พูดไม่ดีกับพี่”

   “เลิกเสแสร้งได้แล้วนายน่ะ” อยู่ๆ เขาก็พูดออกมาหลังจิบกาแฟร้อน “ฉันไม่รู้หรอกนะ ทำไมนายถึงมาพูดกับฉัน แล้วไอ้ท่าทางใสซื่อแบบนี้ มันไม่เมคเซ็นซ์เลยว่ะ”

   “ผมไม่ได้...”

   “อย่ามายุ่งกับฉัน”

   “ขอโทษครับ” เมื่อเขาไม่อยากคุย ผมเลยเดินออกมา เป็นอะไรของเขาวะ หรือจะไม่ถูกขี้หน้ากับพี่ขิงอีกคน “โอ๊ะ ขอโทษครับ” เพราะผมมัวแต่เผลอจนลืมมองทาง ทำให้เดินชนกับทีมงานของที่นี่อย่างจังจนเขาลงไปนั่งกองที่พื้น พอเขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นผม ก็รีบชักสีหน้าใส่ทันที “เจ็บไหมครับ ผมขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้ดูทาง”

   คนล้มทำปากขมุบขมิบนั่น อาจกำลังด่าผมอยู่ในใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนั้น ผมรีบเข้าไปประคองให้เขาค่อยๆ ลุกขึ้น แต่พี่เขากลับร้องโอดโอยแล้วชี้ไปที่ข้อเท้า

   “เจ็บๆ”

   “สงสัยขาจะเคล็ดนะครับ” ผมหันไปหันมามองหาคนช่วย แต่กลับไม่มีใครอยู่แถวนี้สักคน พอจับข้อเท้าพี่เขาดู ก็โวยวายดังลั่นว่าเจ็บ “งั้น ไปหาหมอกันครับ”

   “ที่นี่มีห้องพยาบาล” เสียงแหวตอบกลับมาทันที คงเพราะพี่เขาขาเจ็บเลยใส่อารมณ์ ผมเข้าใจเลยทำเป็นเมินสายตาขึงขังนั่น

   “งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง” พยายามประคองคนเจ็บให้ลุก แต่พี่เขาก็ร้องเจ็บขึ้นมาอีก เอาวะ ผมเป็นคนชน ผมก็ต้องรับผิดชอบ “พี่เดินไม่ได้ เดี๋ยวผมแบกพี่ไปเอง”

   “หา?”

   ไม่พูดพร่ำทำเพลง ผมขยับตัวหันหลังให้พี่เขาขึ้นมา คนเจ็บยังนั่งงงเลยเป็นผมที่ดึงแขนพี่เขาให้ขยับขึ้นมาบนหลังแทน แม้จะมีเสียงโอดโอยและความทุลักทุเลไปบ้างก็เถอะ

   “ห้องพยาบาลอยู่ที่ไหนเหรอครับ”

   ใช้เวลาตั้งตัวอยู่นานกว่าจะลุกขึ้นยืนโดยมีพี่คนเจ็บเกาะหลังอยู่ พอนิ้วชี้บอกทางปุ๊บ ผมก็รีบก้าวขาอย่างไว ระหว่างทางมีคนหันมามอง มาสนใจก็มาก แต่ผมไม่ได้สนใจอะไร ตอนนี้ต้องพาคนเจ็บไปรักษาก่อน อีกอย่างคือหนักมาก หากหยุดเดินตอนนี้ ผมอาจจะทำพี่เขาหล่นได้ กว่าจะมาจนถึงห้องพยาบาลแขนผมก็แทบล้า ผมค่อยๆ วางพี่คนเจ็บไว้บนเตียง สายตาก็มองหาคุณหมอหรือคนเฝ้าห้องแต่ไม่มีใครอยู่สักคน

   “หมอไม่อยู่”

   “ไม่มีหมอหรอก”

   “อ่าว”

   “ทายาก็พอ เดี๋ยวมันก็หายเอง”

   ผมยืนมองหน้าคนเจ็บอย่างงงๆ เหมือนเขาไม่ชอบผมเลยอะ ที่จริงก็ทุกคนที่นี่นั่นแหละ ปฏิกิริยาจากทุกคนมันทำให้ผมคิดแบบนี้

   “งั้นรอแป๊บนะครับ”

   ไม่รอคำตอบใดๆ ผมจำได้ว่า ห้องที่ถ่ายแบบทั้งวันนั้นมีกระติกน้ำแข็งอยู่ กึ่งเดินกึ่งวิ่ง มือก็หยิบผ้าเช็ดหน้าราคาแสนแพงของพี่ขิงออกจากกระเป๋าเสื้อ พอถึงห้องก็พุ่งไปเปิดฝากระติก หยิบน้ำแข็งที่ยังเป็นก้อนวางบนผ้าอย่างลวกๆ

   “ทำอะไรคะ” เสียงทักดังมาจากด้านหลัง เธอคือคนที่ช่วยผมแต่งตัวเมื่อตอนเช้า

   “พอดีผมชนพี่ทีมงานขาเจ็บ เลยมาเอาน้ำแข็งไปประคบ ขอตัวนะครับ”

   ทันทีที่ได้ก็รีบออกจากห้องไป คนถามเมื่อครู่ก็เดินเร็วตามหลังมาด้วย จนมาถึงห้อง พี่คนเจ็บยังนั่งนวดข้อเท้าตัวเอง ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บร้าว

   “เอาน้ำแข็งประคบนะครับ เดี๋ยวค่อยทายา”

   “เดี๋ยวๆ ผ้านั่น...”

   ไม่ทันทักท้วงใดๆ ผมก็รีบเอาผ้าเช็ดหน้าที่มีน้ำแข็งก้อนประคบที่ข้อเท้า ทำไมผมถึงต้องเป็นเดือดเป็นร้อนแบบนี้น่ะเหรอ ก็เพราะตลอดเวลาพ่อจะสอนผมเสมอ เราเป็นผู้ชาย เวลาทำผิดต้องรับผิดชอบ จะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ก็ตาม เห็นปากร้ายๆ แบบนั้น เป็นคนจิตใจดีมากนะครับ พ่อของผมเนี่ย

   ข้อเท้าคนเจ็บบวมนิดๆ แต่พอประคบเย็นก็เริ่มดีขึ้น ผมเลยขยับหนี เพื่อให้พี่ที่เดินตามหลังเข้ามาช่วยนวดยาให้แทน แต่ตลอดเวลา สายตาสองคู่ก็มักจะแอบมองผมอยู่เสมอ และผมก็จะยิ้มกลับทุกครั้ง

   “ขอบคุณนะน้องขิง” คำขอบคุณพร้อมรอยยิ้มดูจริงใจกว่าช่วงที่ผ่านมา

   “ไม่เป็นไรเลยครับ ผมต่างหาก ที่ต้องขอโทษพี่ ขอโทษจริงๆ นะครับ พี่เจ็บตัวเพราะความซุ่มซ่ามของผมแท้ๆ” ยกมือไหว้อีกรอบ พี่คนเจ็บรีบโบกมือทันที

   “ก็น้องไม่ได้ตั้งใจ ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หายจ้ะ”

   ผมรู้สึกว่าพี่เขาดูเป็นมิตรกว่าเมื่อกี้ ทั้งสีหน้า และแววตา

   “เอ่อใช่ แม่น้องขิงตามหาอยู่นะ รีบๆ ไปเถอะ ตรงนี้พี่ดูแลเอง”

   “ขอบคุณครับ”

   ยกมือไหว้ลาก่อนจะเดินออกจากห้อง ไม่รู้อะไรดลใจให้ยืนแอบอยู่ข้างประตู เสียงพูดคุยดังเบาๆ มาจากในห้องเรื่องที่พี่ขิงเปลี่ยนไป จากปกติไม่เคยเห็นหัวใครเลย ไม่แม้แต่จะเอ่ยคำทักทาย แต่วันนี้กลับยิ้มแย้ม แถมยกมือไหว้ขอโทษอีก ก็ผมไม่ใช่พี่ขิงไงครับถึงทำแบบนี้ได้

   “เมื่อกี้ น้องขิงเอาผ้าเช็ดหน้าราคาเป็นหมื่นมาแตะที่ขา ฉันแทบช็อก”

   ผมมองผ้าเช็ดหน้าในมือที่เปียกชุ่มจากน้ำแข็ง ผืนนี้ราคาเป็นหมื่นเหรอวะ ทำมาจากไหมทองคำหรือเปล่า

   “ตอนฉันช่วยเปลี่ยนชุดก็ยกมือไหว้ขอบคุณตลอด ตกใจมากเหมือนกัน”

   “ผีเข้าสิงหรือเปล่า ถึงเปลี่ยนจากฝ่าเท้าเป็นหน้ามือขนาดนี้”

   ช่างเป็นคำเปรียบเปรยที่...พูดไม่ออกบอกไม่ถูกจริงๆ ครับ




   เลิกสนใจคำพูดของคนอื่น ผมก้าวขายาวๆ เพื่อตามหาแม่ ก่อนจะเจอพี่หมูหวานยืนหันรีหันขวาง พอหันมาเจอหน้าผมปุ๊บ ก็รีบปรี่เข้ามา มือใหญ่จับที่แขนแล้วออกแรงลากให้ไปที่รถ

   “รีบอะไรขนาดนี้ครับเนี่ย” ผมว่า

   “คุณหญิงแม่มีงานต่อค่ำนี้ค่ะ เลยต้องรีบกลับไปอาบน้ำแต่งตัว”

   ผมพยักหน้าให้กับคำตอบ ตอนนี้เวลาเกือบจะทุ่มอยู่แล้ว ยังมีงานอะไรที่จัดดึกกว่านี้อีก เมื่อถึงรถ แม่ก็เริ่มบ่นที่ผมหายไป ลามไปจนถึงการถ่ายแบบที่เสร็จช้ากว่ากำหนดมาก นั่นก็เพราะผมอีกนั่นแหละครับ จะทำยังไงได้ ก็คนมันไม่เคยนี่หว่า

   รถราคาแพงแล่นเข้ามาจอดในรั้วบ้าน แม่ก็รีบวิ่งเข้าตัวบ้านทันทีโดยมีพี่หมูหวานหิ้วกระเป๋าวิ่งตาม เห็นภาพแบบนั้นแล้ว นึกอยากจะขำ แต่ก็ขำไม่ออก ความเบื่อหน่ายทำให้ผมเดินเอื่อยๆ มาที่สวนข้างบ้านแทน สนามหญ้ามีแสงไฟส่องสว่าง ความกว้างขวางนี้ทำให้นึกถึงสนามฟุตบอลสมัยเรียนมัธยม ผมชอบไปเตะบอลกับเพื่อนบ่อยๆ พอกลับบ้านดึกพ่อก็จะบ่นจนหูชา แต่ตอนนั้นเป็นอะไรที่สนุกมากจริงๆ

   หงิงๆ

   เหมือนได้ยินเสียงครางของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ไม่ไกล ผมสอดสายตามองหาจนเจอก้อนสีขาวนอนขดตัวอยู่ใต้พุ่มไม้ ยิ่งเข้าไปใกล้ เสียงร้องก็จะค่อยๆ ชัดขึ้น

   “ลูกหมา?”

   สิ่งมีชีวิตที่ขดตัวมีสีขาว ขนฟูฟ่องไม่เหมือนลูกสุนัขพันทางเลย ผมขยับเข้าไปใกล้ ก่อนยื่นมือเข้าไปแตะ ทันทีที่ขนฟูนั่นถูกมือ เจ้าลูกหมาก็ร้องลั่นทำเอาผมตกใจสะดุ้งหงายหลัง

   “ใจเย็นๆ นะ ฉันไม่ได้จะทำร้าย มานี่มา” ผมลองกวักมือเรียกดู ลูกหมาก็เริ่มเงยหน้าขึ้นมอง “หิวข้าวไหม ไปกินข้าวกัน ออกมาเร็ว”

   ลูกหมาขนสีขาวมองหน้าผมนิ่ง มันดูลังเลนิดๆ แต่สุดท้ายก็ยอมเดินออกมา แต่เอ...ดูเหมือนไม่ใช่ลูกหมาแล้วล่ะผมว่า มันเหมือนหมาที่คนรวยชอบเลี้ยงกัน หมาพันธุ์เล็ก หน้าแหลม ขนฟู ร้องทีแสบแก้วหูไปเจ็ดวัน

   “อ่าว คุณหนู มาทำอะไรตรงนี้ครับ” เสียงร้องทักดังจากด้านหลัง ลุงคนขับรถนั่นเอง แกยืนทำหน้าสงสัยก่อนจะเห็นเจ้าขนฟูในอ้อมแขนของผม “นั่นมันปุยเมฆนี่ครับ นังแต้วกำลังตามหาอยู่เชียว”

   “ปุยเมฆ? ชื่อหมาเหรอลุง?” ชื่อเพราะซะด้วย “หมาของพี่แต้วเหรอครับ”
 
   “หมาของคุณขิงครับ”

   “อ่าว แล้วทำไมถึงมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ” ผมชี้ไปที่ใต้พุ่มไม้ ลุงคนขับรถทำสีหน้าลำบากใจ ไม่กล้าตอบอะไรออกมามากนัก ท่าทางแบบนั้นผมก็พอจะเดาออก “คงเห็นตอนเด็กน่ารักเลยซื้อมาเลี้ยง พอเบื่อก็เลิกสนใจ ประมาณนี้สินะครับ” ได้ยินปุ๊บ คนน้ำท่วมปากก็รีบพยักหน้า

   “ตอนนี้คุณหญิงให้นังแต้วดูแล แต่เจ้าปุยเมฆก็ชอบวิ่งหนีมารอคุณขิงอยู่หน้าประตูทุกวัน จนต้องมาอุ้มกลับไปขังกรงน่ะครับ”

   “น่าสงสารแย่ อยู่แต่ในกรงแบบนั้น” หมาคนรวยทำไมน่าสงสารแบบนี้เนี่ย “แต่มันเหมือนจะเจ็บขาเลยนะครับ” เพราะเมื่อกี้ตอนมันเดินเข้ามาหา ผมเห็นมันเดินกะเผลกด้วย

   “อ๋อ นั่นก็เพราะถูกรถคุณท่านเฉี่ยวเมื่อเช้า”

   “ครับ?”

   “นังแต้วบอกผม แต่คุณหนูอย่าไปบอกใครว่าผมบอกนะครับ ผมแก่แล้วไม่อยากตกงาน”
 
   “โรงพยาบาลสัตว์ไกลไหมครับ”

   ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจว่าใครจะด่าใคร จะว่าอะไรใคร สิ่งที่คิดอย่างเดียวตอนนี้คือ ต้องพาปุยเมฆไปหาหมอก่อน มันดูเจ็บขาจริงๆ เมื่อกี้ที่อุ้มไปตอนแรก มันร้องดังลั่นจนผมคิดว่าจะถูกกัดซะด้วยซ้ำ มือผมคงไปโดนขาข้างที่เจ็บ

   “มีคลินิกห่างจากที่นี่ประมาณชั่วโมงหนึ่งครับ แต่ไม่รู้ตอนนี้จะปิดหรือยัง”

   “ลุงบอกทางหน่อยได้ไหม เดี๋ยวผมพามันไปเอง”

   “ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวคุณหญิงว่า”

   “ไม่มีใครว่าลุงหรอก บอกผมมาเถอะ นะครับ ผมขอร้อง”

   เพื่อให้ลุงใจอ่อนโดยเร็ว ผมยกมือไหว้ข้างหนึ่ง อีกข้างขยับตัวปุยเมฆไปด้วยเป็นการกระตุ้น ลุงคนขับรถทำหน้าลำบากใจครู่หนึ่งก่อนบอกทางมาอย่างละเอียด แล้วลุงแกก็รีบวิ่งไปหยิบกระเป๋าใส่สุนัขมาให้ด้วย โชคดีที่กระเป๋านี้มีสายสะพาย ผมคล้องสายกับลำตัว แล้วเดินไปควบมอเตอร์ไซค์คันโปรด

   “ไปหาหมอกันนะปุยเมฆ”

   คุยกับหมาเบาๆ ก่อนขี่ออกมาจากบ้านมุ่งหน้าสู่คลินิกรักษาสัตว์ เส้นทางที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็พอเดาได้ ตลอดทางผมภาวนาให้คลินิกนั่นยังไม่ปิด กลัวว่ารอพรุ่งนี้ปุยเมฆจะเจ็บหนักกว่านี้ คนเฉี่ยวก็ใจร้ายเกินไป ไม่คิดจะช่วยก็น่าจะให้คนงานพาไปหาหมอ ใจดำยิ่งกว่าถ่านซะอีก






   ป้ายนีออนมีชื่อคลินิกติดอยู่ ผมบิดเร่งเพิ่มความเร็วเพื่อให้ถึงจุดหมาย ทันทีที่จอดรถ ป้ายไฟก็ถูกดับลง ผมตาเหลือกรีบวิ่งไปที่ประตูกระจกที่ด้านในยังเปิดไฟสว่าง มีคนเดินไปมาอยู่สองสามคน

   “อย่าเพิ่งปิดครับ” แหกปากก่อนที่ตัวจะถึง “รักษาหมาผมหน่อย”

   “คลินิกปิดแล้วค่ะ” ผู้หญิงสวมชุดสีฟ้าบอกพร้อมรอยยิ้ม

   “แต่หมาผมถูกชนเฉี่ยวตั้งแต่เช้า มันเจ็บมากเลยนะครับ รอพรุ่งนี้ก็คงไม่ไหว” พยายามส่งสายตาอ้อนวอน แต่ผู้หญิงตรงหน้ากลับยิ้มแห้งๆ “นะครับ”

   “มีอะไร” เสียงทุ้มที่ช่างคุ้นหูเหลือเกิน “ไอ้ขิง”

   นั่นไง ทำไมผมไม่ซื้อหวยแล้วถูกแจ็คพอตแบบนี้วะ

   “สวัสดีครับพี่ไฮท์” ยกมือไหว้ตามมารยาท

   “มึงมาทำไม” นี่พี่เขาถามกวนหรือว่าถามจริงวะ “แล้วนั่น...”

   “หมาไง มันโดนรถเฉี่ยวเมื่อเช้า” ผมวางกระเป๋าลง แล้วรูดซิปให้ปุยเมฆออกมา “ขามันเจ็บ”

   “โดนตั้งแต่เช้าแต่เพิ่งเอามาเนี่ยนะ” ไอ้พี่ไฮท์มองผมตาขุ่น แต่ก็อุ้มหมาไปวางบนเครื่องช่างขนาดใหญ่ “มึงให้มันกินข้าวหรือเปล่าเนี่ย ตัวโคตรผอม”

   อยากบอกเหลือเกิน ว่าผมก็เพิ่งเจอมันก่อนหน้าชั่วโมงกว่าๆ นี้เอง

   “มันจะเป็นอะไรมากหรือเปล่าพี่” ถามพร้อมเดินตามพี่ไฮท์เข้าไปในห้องที่หน้าประตูมีรูปหมาหน้าย่นติดอยู่

   “กูไม่ใช่หมอ จะรู้ไหมเล่า”

   “ผมก็ลืมไป”

   “มึงกวนตีนกูเหรอ”

   “ตอนไหน”

   “ก็ตอนนี้นี่แหละ”

   แล้วผมก็ถูกขายาวๆ นั่นหวดมาที่ก้นทีหนึ่ง แม้ไม่เจ็บแต่ก็เคืองนะครับนั่น เพราะพี่ชุดฟ้าก็ยืนอยู่ด้วย จังหวะที่พูดกวนกันไปมา ประตูก็ถูกเลื่อนเปิดกว้างขึ้น ผู้ชายสวมชุดสีขาวเดินยิ้มแย้มเข้ามาหา ขนาดมีอายุแต่ก็ยังดูเท่อยู่เลย

   “เป็นอะไรมาล่ะ เรา”

   “รถชนครับ”

         ผมตอบแทนปุยเมฆเลยได้ยินเสียงขำให้ลำคอไอ้พี่ไฮท์พร้อมเสียงกระซิบชิดใบหู

   “มึงเป็นหมาเหรอ”

   “แล้วพี่คุยกับผมรู้เรื่องหรือเปล่า”

   “มึงด่ากูเป็นหมาเหรอ”

   “พี่พูดเอง ผมยังไม่ได้ว่าเลย”

   “ไอ้ขิง มึง...”

   ก่อนที่จะเกิดความรุนแรงในคลินิก เสียงของคุณหมอก็ดังขัดขึ้นมา ทำให้สงครามน้ำลายยุติลง

   “ขามันอักเสบน่ะ ไม่ได้หัก เดี๋ยวหมอจะฉีดยาแก้อักเสบให้ก่อน แล้วพรุ่งนี้ก็ค่อยพามาดูอีกทีนะ” เสียงทุ้มมาพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ต้องยิ้มตาม “ไฮท์ พาน้องเขาไปกรอกประวัติสุนัขด้วย”

   “ทำไมต้องผม”

   “ก็รู้จักกันไม่ใช่เหรอ”

   “พ่อรู้ได้ไง...ก็ได้ ตามมาดิ่”

   ผมมองหน้าพี่ไฮท์สลับกับคุณหมอ นี่พ่อลูกกันหรือนี่ แต่มองดีๆ ก็คล้ายกันอยู่นะครับเนี่ย

   “พ่อพี่เป็นสัตวแพทย์ ทำไมพี่เรียนวิศวะล่ะ” ถามแบบอยากรู้จริงๆ แต่คนถูกถามคงคิดว่าผมกวนละมั้ง ถึงได้วางเอกสารบนโต๊ะซะเสียงดัง

   “ไม่ใช่เรื่องของมึง”

   “ตามนั้น” ยักไหล่ก่อนจะเริ่มเขียน “พี่ไฮท์”

   “อะไรอีก”

   “คือ ผมรู้แค่ชื่อกับเพศมันอะ นอกนั้นไม่รู้เลย” มองรายละเอียดบนหน้ากระดาษแล้วก็ต้องเครียด
 
   “มึงเลี้ยงหมายังไงถึงไม่รู้วะ”

   “ก็มันไม่ใช่หมาของผมนี่ เพิ่งเจอแล้วก็เอามารักษาเนี่ยแหละ”

   คราวนี้ไม่มีคำพูดหรือคำด่าหลุดออกมาอีก พี่ไฮท์จ้องหน้าคล้ายกับจะจับโกหก แต่พอผมส่งสายตาใสปิ๊งๆ คืนให้ พี่แกก็เบือนหน้าหนีไปเฉย

   “เขียนเท่าที่รู้นั่นแหละ”

   กรอกเสร็จก็พอดีพี่ชุดฟ้าอุ้มปุยเมฆออกมา ตอนแรกท่าทางมันดูหงอยๆ แต่พอเจอหน้าผม มันก็รีบกระดิกหางฟูแบบรัวๆ แถมทำหน้าบ๊องแบ๊วน่าเอ็นดูใส่ยามที่อยู่ในอ้อมกอดของผม

   “พรุ่งนี้ค่อยพามาดูอีกทีนะ” คุณหมอว่า

   “ครับ” ผมรับคำ แม้จะถูกปุยเมฆเลียหน้า เลียปากไม่หยุดก็ตาม

   “เมื่อกี้หงอยเชียว คงคิดว่าถูกทิ้งแหง” ได้ยินคุณหมอพูด ผมก็หน้าสลดลง มันคงคิดว่าผมเป็นพี่ขิงแน่ๆ เลย “ปุยเมฆดูเหมือนจะเป็นเรื้อนด้วยนะ”

   “เรื้อนเหรอครับ”

   “รักษาหายน่า ไม่ใช่โรคร้ายแรง” ไอ้นั่นผมก็พอรู้ แต่ค่ารักษานี่สิ ขนาดมาวันนี้ผมมีเงินติดตัวแค่สองพันเอง “รีบรักษาจะได้หายไวๆ”

   “อ่า ครับ แล้ววันนี้เท่าไหร่เหรอครับ” เตรียมเหงื่อตกแล้วไอ้ขมิ้น

   “เห็นเป็นเพื่อนของไฮท์ จะคิดราคาพิเศษก็แล้วกัน”

   เป็นคุณหมอที่โคตรใจดี ไม่เหมือนลูก...

   “มันเป็นรุ่นน้อง ไม่ใช่เพื่อน และไม่ได้อยากรู้จัก”

   นั่นไง ไม่เหมือนพ่อจริงๆ

   “วันนี้หนึ่งร้อยก็พอ” พ่อพี่ไฮท์ส่ายหน้าระอาส่งให้ลูกชาย ก่อนจะหันมายิ้มแย้มให้ผม “ส่วนพรุ่งนี้ก็มาดูอาการ ท่าดีขึ้นก็ค่อยว่ากัน”

   “ขอบคุณครับ คุณหมอใจดีมาก...” ไม่อยากพูดต่อ เลยใช้สายตาเหล่มองแทน ดูพ่อพี่ไฮท์จะรู้เพราะหัวเราะเสียงดังออกมาเลย “ลานะครับ”

   “กลับบ้านดีๆ นะ”

   คำอวยพรจากคุณหมอเจ้าของคลินิกที่ออกมายืนส่งอยู่ด้านหน้า ผมยกมือไหว้ลาอีกรอบก่อนขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ทำไมวันนี้ถึงเจอแต่คนขาเจ็บ ขนาดหมาก็ยังขาเจ็บ เริ่มมีความรู้สึกอยากเรียนหมอซะแล้วสิ แต่ไม่รู้คนสมองทึบๆ อย่างผมจะสอบติดหรือเปล่า แต่ถ้ามีโอกาส ผมก็อยากลองสู้ดูสักตั้ง เพื่อพ่อและอนาคตของตัวเอง ไอ้ขมิ้นสู้อยู่แล้ว


...TBC

 :mew1: :mew1:

#ไฮท์ขมิ้น

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 4] // {29/12/60}
«ตอบ #25 เมื่อ29-12-2017 22:26:33 »

 อยากเหวี่ยงครอบครัวขิงให้หลุดจากวงโคจรของขมิ้น :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 4] // {29/12/60}
«ตอบ #26 เมื่อ30-12-2017 01:14:27 »

 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ มาชิ มาชิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 4] // {29/12/60}
«ตอบ #27 เมื่อ30-12-2017 07:49:34 »

น้องขมิ้นของเจ้เป็นคนน่ารัก สู้ๆน่ะลูก :katai2-1: :katai2-1:

แล้วก็หวังว่าในเร็ววันไอ้พี่ไฮท์มันจะรู็ความจริงน่ะว่านี่ไม่ใชขิง แต่คือ ขมิ้น :ling2:

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 4] // {29/12/60}
«ตอบ #28 เมื่อ30-12-2017 17:20:53 »

อห.สงสารหมา นึกถึงหมาตัวเองเลย มันน่ารัก ตอนเรากลับมาจากม.มันดีใจทุกวันเลยฮือออ สงสาร

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 5] // {30/12/60}
«ตอบ #29 เมื่อ30-12-2017 23:01:19 »


-5-




        เช้าวันใหม่ ผมพาปุยเมฆมาคลินิกอีกครั้ง คราวนี้มาแต่เช้าตรู่ แถมเป็นลูกค้ารายแรกซะด้วย พอคุณหมอเห็นหน้าผมก็ยิ้มแย้มต้อนรับทันที

   “ไม่มีเรียนหรือเรา”

        เป็นคำทักทายที่ดูเป็นกันเองกว่าเมื่อวานนี้ สงสัยพี่ไฮท์จะเล่าอะไรให้ฟังแหงๆ

   “มีครับ แล้วพี่ไฮท์...”

   “ขานั้นนอนหลับตูดโด่งอยู่บ้านนู้น มีเรียนบ่ายน่ะ” เผลอหัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน จนต้องยกมือขอโทษที่เสียมารยาทและนึกภาพตาม “แล้วเมื่อคืนเป็นไงบ้าง หลับดีหรือเปล่า”

   “ครับ หลับสบายมาก แทบไม่อยากจะตื่น”

   “อาหมายถึงปุยเมฆน่ะ” ได้ยินเสียงหน้าผมแตกไหมครับ เก็บเศษแทบไม่ทัน คุณหมอก็หัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี “ล้อเล่นน่า เช้าๆ เราต้องทำจิตใจให้แจ่มใส เพราะจะทำให้รู้สึกดีไปทั้งวัน”
   
   “คุณหมอกับลูกชายต่างกันมากเลยนะครับ” หัวเราะแห้งๆ ตอนพูด แต่คุณหมอกลับหัวเราะดังกว่าเดิม...มันน่าขำตรงไหน

   “ใครๆ ก็บอกว่าเหมือน มีเรานี่แหละ บอกว่าต่าง” ผมไม่ตอบเพียงแค่ยิ้มแกนๆ ส่งคืน “แล้วเรียกอาก็ได้ ไม่ต้องเรียกคุณหมอหรอก หรือไม่ก็เรียกแบบเพื่อนไฮท์เรียกก็ได้”

   “เรียกกว่าอะไรเหรอครับ”

   “เพื่อนไฮท์ก็เรียกว่าพ่อ”

   “เอ่อ แล้วปุยเมฆจะหายเมื่อไหร่เหรอครับ”

   ผมไม่ได้สนิทกับพี่ไฮท์ขนาดนั้นเลยทำเมินประโยคของพ่อพี่เขา อีกอย่าง ผมก็อยู่ที่นี่ไม่นาน เจอพี่ขิงเมื่อไหร่ก็ต้องกลับไปเป็นไอ้ขมิ้นคนธรรมดาเดินดินกินข้าวแกงข้างทางเหมือนเดิม ไม่มีโอกาสได้เจอใครหรอก

   “งั้นไปตรวจกันเลย”

   เดินตามคุณหมอมาที่ห้องเมื่อวาน ตอนนี้มีพี่ชุดฟ้ากำลังเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้ ผมถอยห่างออกมาเพื่อให้คุณหมอทำงานสะดวกๆ ดูปุยเมฆจะเอาแต่มองมาทางผม เห็นแล้วก็สงสาร เมื่อคืนผมก็แอบเอามันขึ้นไปนอนด้วย ถ้าแม่หรือลุงเจ้าของบ้านรู้ ผมอาจถูกไล่ออกจากบ้านก็ได้

   จังหวะที่รอ ผมก็มองไปรอบๆ เห็นมีป้ายรับอาบน้ำ ตัดขนด้วย ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา ตอนนอนกอดเมื่อคืนกลิ่นมันก็ตุๆ เอาการ แต่มันจะแพงหรือเปล่าวะ ยิ่งไม่มีเงินอยู่ด้วย

   “เอ่อ” ขัดขึ้นจนคุณหมอกับผู้ช่วยหันมามอง “อาบน้ำตัดขนแพงไหมครับ”

   “ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของสัตว์เลี้ยงค่ะ” พี่ผู้ช่วยตอบแทน

   “แล้วถ้าปุยเมฆนี่ แพงไหมครับ” คราวนี้พี่ผู้ช่วยหันไปมองหน้าคุณหมอคล้ายกับจะให้เจ้าของคลินิกตอบเอง ผมก็ลุ้นอยู่ กลัวว่าราคาจะสูงจนทำให้ผมไม่มีเงินกินข้าว

   “เดี๋ยวอาอาบน้ำตัดแต่งขนให้ฟรีแล้วกัน”

   “ครับ?” ตาแทบถลนเมื่อได้ยิน “ฟรีเหรอครับ”

   “ก็เป็นรุ่นน้องของไฮท์ อาให้เป็นกรณีพิเศษอยู่แล้ว”

        คุณหมอตอบพร้อมขยิบตาส่งมาให้ นี่ถ้าผมเป็นผู้หญิงละก็ คงหลงเสน่ห์ไปแล้ว ขนาดมีอายุยังดูดีขนาดนี้ ตอนเป็นหนุ่มคงมีสาวมาให้เลือกไว้เว้นแต่ละวัน

   “ผมเกรงใจ แต่ขอบคุณมากๆ ครับ”






   
   หลังจากฝากฝังปุยเมฆกับคุณหมอที่คลินิกแล้ว ผมก็รีบไปเรียน วันนี้มีทำควิซด้วย ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า คนไม่เคยเรียนแต่ต้องมาทำโจทย์ยากๆ แม้เจมส์จะนั่งติวมาตลอดก็เถอะ ไม่มีพื้นฐานอะไรเลยแบบผมมันก็ช่างยากเกินคำบรรยาย มอเตอร์ไซค์คันโปรดจอดเรียงกับคันอื่นๆ อย่างเช่นทุกครั้ง ผมปลดล็อคหมวกกันน็อกออกก็เจอผู้หญิงสามคนรีบปรี่เข้ามาหา

   “มีอะไรหรือเปล่าครับ” ถามอย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้ม แต่สาวทั้งสามกลับสะบัดหน้าใส่ แล้วเดินหนีไปซะงั้น อะไรของเขาวะ หรือสามคนนี้ก็เป็นโจทย์ของพี่ขิงอีก นี่พี่เขาสร้างคนเกลียดมากขนาดนี้ได้ยังไง พอเดินขึ้นตึกก็เจอเจมส์นั่งอ่านหนังสือจนหน้าแทบจะติดโต๊ะอยู่แล้ว “ไง”

   “อ่าว มาเร็วนี่หว่า” มันทักผมแบบนี้มาตลอดในการมาเรียนที่นี่ “แต่มาเร็วก็ดี กูจะได้ติวให้ นั่งๆ”

   “มึงกินข้าวมาหรือยังวะ” ผมถามขณะหย่อนก้นนั่งลงอีกฝั่ง

   “ยัง ก็รอมึงนั่นแหละ” เผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นหน้ามุ่ยของคนรอ “ไปกินข้าวก่อนดีกว่าว่ะ กูหิว เดี๋ยวค่อยกลับมาอ่านต่อ”

   “ก็ดีนะ กูก็หิวมากเหมือนกัน กินมึงได้ทั้งตัวแล้วเนี่ย”

   “มึงด่ากูว่าควายเลยดีกว่า”

   “ฉลาดว่ะ รู้ด้วยว่ากูด่า”

   “เพราะกูมีนี่”

   “ขมับเหรอ”

   “สมองเว้ย ไอ้ห่าขิง”

   ผมหัวเราะเอิ้กอ้ากรอเจมส์เก็บหนังสือ เก็บสมุดใส่เป้ แต่ก่อนที่มันจะลุกจากเก้าอี้ ก็มีคำถามที่ทำให้ผมต้องรีบหยุดหัวเราะแล้วทำหน้าเหลอหลาแทน

   “มึงเหมือนไม่ใช่ไอ้ขิงคนเดิมที่กูรู้จัก”

   “เหรอ ยังไงวะ”

   “ช่างเถอะ ไปแดกข้าวกัน กูหิว”

   ผมย่นคิ้วเมื่อเจมส์ทำเหมือนจะพูดแต่ก็เงียบ ผมดูออกว่ามันคงสงสัยในตัวผม ก็นะ มันคบกับพี่ขิงมาตั้งกี่ปี ทั้งนิสัย การพูด การใช้ชีวิตมันต่างกันขนาดนี้ ไม่สงสัยก็คงแปลกมาก ผมวาดแขนโอบไหล่เพื่อนสนิทพี่ชาย รู้ดีว่ามันรักพี่ผม ก็เพื่อนกันนี่เนอะ ไม่รักก็คงไม่คบกันหรอก ขนาดมีคนเกลียดพี่ขิงตั้งมากมาย แถมพี่ขิงก็ยังทำกับมันเหมือนทาสอีก แต่เจมส์กลับไม่มีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ถูกพี่ขิงมองแบบนั้น เป็นผมล่ะก็ เลิกคบไปนานละ 

   เจมส์มันเป็นคนดีจริงๆ ไอ้ขมิ้นนับถือ





   โรงอาหารที่คนยังคึกคักเหมือนเช่นทุกวัน ผมเดินตามหลังเจมส์ไปต่อคิวร้านข้าวราดแกงเจ้าอร่อย พูดคุยเล่นหัวกันปกติ หากไม่ถูกสะกิดเรียกยิกๆ จากด้านหลังจนต้องหันไปมอง

   “ครับ?”

   ในใจคิดว่าเป็นพวกพี่ไฮท์แน่ๆ แต่กลับกลายเป็นคนที่ผมไม่รู้จัก ไม่เคยเจอหน้าเลยด้วยซ้ำมายืนยิ้มให้

   “ไม่เจอแค่ไม่กี่วัน น่ารักขึ้นนะเนี่ย”

   “เชี่ย ทำไรวะ” อยู่ๆ ไอ้คนที่สะกิดก็ยื่นมือมาดึงแก้ม ผมยกมือขึ้นปัดออกอย่างไวด้วยความตกใจ

   “อะไรกัน ทำเป็นเขิน ของเคยๆ น่า” ไอ้คนแปลกหน้าขยิบตา กัดริมฝีปากล่างมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า “ไปรำลึกความหลังสักหน่อยไหม”

   “พี่นาว อย่ายุ่งกับไอ้ขิงอีก ผมขอร้องล่ะ” เจมส์พูดแทรกขึ้นมา ไอ้คนแปลกหน้าไม่แม้แต่จะชายหางตามอง เพราะเอาแต่จ้องหน้าผมอยู่ตลอด “ไอ้พี่นาว”

   “อะไรของมึง อยู่เงียบๆ ไปเลย ผัวเมียเขาจะคุยกัน”

   แทบสำลักน้ำลายเมื่อได้ยิน ผมมองคนที่อ้างว่าเป็นผัวของผม ไม่สิ ของพี่ขิงตาถลนจนจะออกจากเบ้า พอหันไปมองเจมส์ มันก็ทำหน้าเอือมๆ นี่เรื่องจริงเหรอวะ ที่พี่ขิงเป็นเมียของไอ้หน้าตี๋นี่

   “ผมก็ไม่อยากจะยุ่ง แต่พี่พาไอ้ขิงไปเสียคน”

   “เสียคนยังไง มึงพูดดีๆ นะไอ้เจมส์”

   “จะให้พูดตรงนี้ไหมล่ะ”

   ตอนนี้ท่าทางเจมส์มันดูเอาเรื่องจริงๆ สีหน้าที่เห็นเหมือนแมวกำลังขู่ฟ่อๆ ใส่ตัวเหี้ยอยู่

   “ระวังตัวมึงไว้ อย่าคิดว่าพวกไอ้บิ๊กถือหางไว้แล้วกูจะไม่กล้า” ไอ้หน้าตี๋ชี้หน้าคาดโทษเจมส์ ก่อนจะปรายตามามองผมที่ยังยืนงงๆ “ส่วนเมียจ๋า ถ้าอยากละก็ โทรมาได้ทุกเมื่อนะ”

   “โทรหาพ่องมึงสิ” ผมยกมือกำจูบที่ส่งมาในอากาศปาลงพื้นแล้วกระทืบซ้ำๆ จนเจมส์หัวเราะ ไอ้คนส่งทำหน้าเสียนิดๆ แต่ก็เดินไปรวมกลุ่มกับพวกที่ยืนรอ “ขนลุก”

   “มึงนี่นะ”

        เจมส์ถอนหายใจแล้วกลับไปยืนรอคิวต่อ ปล่อยให้ผมมีคำถามมากมายอยู่บนหน้า ช็อคจริงๆ นะครับ พี่ขิงน่ะเหรอ มีผัว ไอ้ขมิ้นไมเกรนจะขึ้น แค่ทำตัวให้คนเกลียดก็จะบ้าตายอยู่แล้ว นี่มีผัว โอ้มายก็อด

   ผมเก็บความสงสัยและคำถามมากมายมาจนถึงห้องเรียน ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีคนเข้ามา ผมเลยถือโอกาสนี้ถามเจมส์ทันที ช่วงกินข้าวก็พยายามคิดหาคำถามที่จะไม่ทำให้เจมส์สงสัยว่าผมไม่ใช่พี่ขิง

   “ไม่น่าเชื่อ ว่ากูจะเอาไอ้นั่นเป็นผัว” ลองเกริ่นไป เจมส์ก็หันหน้าตึงๆ มาหาผมทันที “ใช่ไหม”

   “มาก มึงอะ หลงคารมมัน”

   “คารมมันดีมากขนาดกูหลงผิดเลยเหรอวะ”

   “กูก็ไม่อยากจะพูด แต่กูเตือนมึงแล้ว มึงก็ไม่สนใจ แถมมันยังพามึงเล่นบอลอีก”

   “เล่นบอล? ก็ดีนะ เพื่อสุขภาพที่ดี”

   “มึงโง่หรือเปล่า กูหมายถึงเล่นพนันบอลอะ โต๊ะบอล”

   “หา? พี่ขิง เอ๊ย กูเนี่ยนะ เล่นพนันบอลด้วย”

   ฉิบหายละ วีรกรรมแต่ละเรื่องของพี่ขิง ทำให้ผมตกใจทุกครั้งที่ได้ยิน

   “เออสิ ยังเคยมายืมเงินกูเลย แต่กูจน มึงเลยด่ากู พอพูดแล้วกูยังเคืองอยู่เลยไอ้ห่า เห็นผัว เห็นบอลดีกว่ากู”

   เจมส์สะบัดหน้างอน ที่จริงเจมส์เป็นคนน่ารักนะครับ แม้ไม่ได้หวานหยดย้อย แต่ก็น่ามองเลยทีเดียว ผิวก็สองสีไม่ได้ขาวซีดเหมือนผม หรือคล้ำเหมือนไอ้พี่แว่น เอ ชื่อบิ๊กใช่ไหม ชื่อสมตัวจริงๆ

   “กูขอโทษ ตอนนั้นอาจหลงผิดไง ตอนนี้ตาสว่างโดยไม่ต้องพึ่งกาแฟเลยล่ะ” แกล้งพูดให้ขำ และเจมส์ก็ขำจริงๆ “กูยืมเงินมึงเท่าไหร่วะ”

   “นี่มึงจำไม่ได้เหรอ”

   “ก็...”

        ผมเริ่มกระพริบตาถี่ๆ อย่างมีพิรุธ ยิ่งถูกเจมส์จ้องหนักๆ ก็เริ่มลน

   “ห้าหมื่น”

   “หา?”

   “มึงมาขอยืมเงินกูห้าหมื่น” ทันทีที่รู้ผมก็แทบหงายหลังตกเก้าอี้ “แต่กูมีแค่ไม่กี่พัน มึงเลยด่ากูว่าจน” พอถึงตรงนี้ผมเริ่มเห็นใจเจมส์ที่ต้องมาทนคบเพื่อนแย่ๆ อย่างพี่ขิง

   “กู...ขอโทษนะเว้ย ที่ด่ามึงไป” ขนาดผมไม่ได้โดนด่ายังรู้สึกเสียใจเลย “แต่มึงก็น่าจะด่าคืนบ้างสิ ปล่อยให้โดนด่าฝ่ายเดียวได้ยังไง”

   “มึงก็รู้ว่าบ้านกูลำบาก เพราะแม่มึงจ้างกูดูแลมึง กูถึงมีเงินเรียนโดยไม่ต้องขอที่บ้าน”

   ผมมองใบหน้าที่เริ่มสลดลงของเจมส์ ชีวิตมันเศร้าเหมือนผมเลย แต่เราสองคนก็ยังทำตัวเป็นคนดี ไม่เหมือนไอ้พี่ขิงที่มีเงินแต่ทำตัวโคตรแย่ มีโอกาสที่ดีกว่าคนอื่นเขาแท้ๆ แต่ทำตัวได้สิ้นคิดจริงๆ   

        “ช่างมันๆ มาสนใจไอ้หน้าตี๋นั่นดีกว่า” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง เจมส์ก็มีสีหน้าดีขึ้นนิดหนึ่ง “มันพากูไปเล่นบอลจนมีหนี้ห้าหมื่น แล้วกูทำยังไงต่อ”

   “มึง...”

        อยู่ๆ เจมส์ก็หยุดค้นกระเป๋า มันหันหน้ามาจ้องผมตรงๆ แววตานิ่งของมันกำลังจ้องจับผิดผมอยู่

   “อะไร”

   พยายามฉีกยิ้มให้ดูเป็นธรรมชาติ แถมทำตาโตค้างไว้กลัวหาว่าหลบตาเพราะกลัวความผิด

   “มึง ไม่ใช่ไอ้ขิงใช่ไหม”

   คำถามที่ทำให้ผมสำลักน้ำลายทันที สายตาเจมส์มันจริงจังจนผมต้องหลบ แม้อยากทำตัวให้เป็นปกติ แต่คนทำผิด มีเรื่องปกปิดก็ต้องเผยพิรุธกันบ้าง อย่างเช่นหันรีหันขวาง จับอะไรก็มือไม้อ่อนไปหมด

   “อะไร” ถามกลับเสียงสูง

   “มึงคิดว่าคนอย่างกูโง่เหรอ กูคบกับไอ้ขิงมาตั้งกี่ปี แล้วอยู่ๆ มันจะเปลี่ยนนิสัยจากหน้ามือเป็นหลังมือไม่ได้หรอก สันดานคน มันเปลี่ยนกันภายในวันเดียว หรือเดือนเดียวไม่ได้”

   อยากจะปรบมือให้กับความฉลาดของเจมส์มันนะ แต่ตอนนี้เหมือนจะไม่เหมาะ ผมกำลังถูกคาดคั้นจากสายตานิ่งๆ พยายามหลบแล้วแต่ก็ไม่พ้น สุดท้ายเลยต้องจำใจ เอาวะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องรู้สึกผิดกับคนดีๆ อย่างเจมส์

   “เออ”

   “มึงเป็นใครวะ ทำไมหน้าเหมือนไอ้ขิงขนาดนี้” เจมส์ยื่นมือมาจับคางผมบิดไปมา “หรือทำศัลยกรรม แม่ง ทำหมอไหนวะ เหมือนยันไฝที่คอ”

   “ไม่ได้ทำเว้ย แม่ให้มา” ผมปัดมือเจมส์ออกจากหน้าหลังจากยอมรับ

   “แม่ให้มา? แม่...หรือว่ามึงกับขิง”

   “กูเป็นน้องฝาแฝดของพี่ขิง”

   “เชี่ย อย่างกับละครช่องมากสี”

   “เออ กูก็คิดว่าเหมือน”

   ผมส่ายหน้าเอือมๆ ให้กับเพื่อนพี่ชาย ที่เริ่มคุยกับตัวเองอย่างคนบ้า หรือมันเพี้ยนไปแล้ววะ

   “มึงเป็นแฝดไอ้ขิงจริงๆ เหรอ ทำไมมันไม่เห็นบอกกูเลย”

   “คงอายละมั้ง ที่มีน้องจน”

   เจมส์ตีหน้างง ก่อนผมจะเล่าเรื่องราวชีวิตแบบย่อๆ ให้มันฟัง เริ่มจากพ่อกับแม่หย่ากันเพราะแม่ทนความลำบากไม่ไหว แม่จะพาผมกับพี่ขิงไปด้วย แต่พ่อดึงผมไว้ แม่เลยอุ้มพี่ขิงไปคนเดียว ตอนผมฟังพ่อเล่า ผมก็แอบโมโหพ่อนะ ถ้าพ่อปล่อยผมไป ผมอาจจะมีชีวิตที่สุขสบาย พอย้อนคิดถึงตอนนั้นก็แทบอยากตบหัวตัวเองที่คิดโคตรไร้สมอง

   แม่แยกกับพ่อปุ๊บ ก็แต่งงานใหม่ปั๊บ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงแต่งงานเร็ว รู้แค่ว่า ช่วงนั้นพ่อเมาเหล้าทุกวัน ผมก็ยังเด็ก อายุแค่เจ็ดแปดขวบเอง กว่าพ่อจะฟื้นกลับมาเป็นคนปกติก็ใช้เวลานานเป็นปี ต้องขอบคุณคนบ้าที่จับผมไปขู่ ทำให้พ่อมีสติกลับมา

   ชีวิตผมโคตรดราม่า เอาไปสร้างหนัง สร้างละครได้เลยนะเนี่ย


   “แล้วตอนนี้ขิงอยู่ไหนวะ”

       เสียงเจมส์ดึงผมกลับมาจากอดีตที่น่าจดจำและน่าลืมเลือน

   “กูก็อยากรู้เหมือนกัน แม่ก็พยายามตามหา แต่ก็ไม่เจอ มึงพอจะรู้จักเพื่อนคนอื่นๆ ของพี่ขิงบ้างไหม”

   “กูตอบตามความจริงนะ ตั้งแต่เป็นเพื่อนไอ้ขิงมา กูนี่แหละ เพื่อนคนเดียวของมัน” ผมเม้มปากมองหน้าเพื่อนคนเดียวของพี่ขิง “หรือต้องไปถามไอ้พี่นาววะ”

   “ไอ้พี่นาว?”

   “ก็คนที่มึงเจอที่โรงอาหารไง”

   “ผัวพี่ขิง?” รู้สึกกระดากปากพิกล ที่ต้องเรียกไอ้หน้าตี๋นั่นว่าเป็นผัวของพี่ชายตัวเอง “เดี๋ยวเจมส์” เหมือนมีเรื่องบางอย่างผุดขึ้นมาจนเผลอเรียกชื่อคนที่กำลังเก็บของเตรียมออกห้อง

   “อะไร”

   “ก็ถ้าพี่ขิงมีผัว เอ่อ มีแฟนเป็นผู้ชาย แล้วแฟนของไอ้พี่ไฮท์นั่นล่ะ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”

   “ก็ต้องผู้หญิงสิวะ”

   “ผู้หญิง...พี่ขิงนอนกับแฟนไอ้พี่ไฮท์แล้ว แต่ก็ยังมีแฟนเป็นผู้ชายอีก โอ๊ย งงโว้ย นี่พี่ขิงเป็นคนยังไงเนี่ย” ทึ้งผมตัวเองจนยุ่งเหยิง แต่เจมส์มันก็ไม่สนใจในความสับสนของผม มันตั้งหน้าตั้งตาดึงผมออกจากห้องก่อนที่อาจารย์จะเข้า

   ...นี่พี่ขิงได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงหรือนี่ ช็อคสุดๆ

   “เดี๋ยวๆ” ผมร้องทักอีกรอบตอนจะก้าวขาออกห้อง

   “อะไรของมึงอีก เดี๋ยวอาจารย์เข้านะมึง”

   “แล้วควิซ?”

   “ขอสอบใหม่ได้เว้ย อาจารย์ซี้กู”





   พอออกมาจากห้อง เจมส์มันก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินจนผมตามแทบไม่ทัน แล้วจู่ๆ มันก็หยุดเดิน ทำให้คนที่ก้าวเท้ายาวเพื่อให้ทันอย่างผม ชนมันเข้าอย่างจัง จนเกือบล้มทั้งคู่

   “อะไรของมึงเนี่ย จะหยุดก็ไม่บอก”

   “ว่าแต่ มึงชื่ออะไรวะ”

   “ก็นึกว่าเรื่องอะไร กูชื่อขมิ้น”

   “ขมิ้น?”

   “เออ รู้จักป่ะ”

   “ถ้าหมายถึงที่ไว้ใส่แกงก็รู้จัก แต่ถ้าเป็นมึง กูไม่รู้จัก”

   “กูบอกชื่อไปเมื่อกี้ไง”

   “เออว่ะ แปลว่ารู้จัก” แล้วผมก็เผลอหลุดขำออกมา เจมส์ทำหน้าโคตรเอ๋อจนอดที่จะหัวเราะไม่ได้ “เชี่ย อย่าหัวเราะกู”

   “ขอโทษนะ ไม่ได้อยากโกหกหรอก” ผมว่า

   “แต่มึงโคตรเหมือนไอ้ขิงอะ กูพูดจริงๆ” แล้วมันก็เดินวนรอบตัวผมอยู่หลายรอบ “ไม่ว่าจะมุมไหน ก็ไอ้ขิงอะ”

   “สวรรค์ปั้นพวกกูมาดีไง”

   “ก็จริง แต่นิสัยไม่เหมือน”

   “แหงล่ะ ก็กูกับพี่ขิงถูกเลี้ยงมาคนละที่นี่หว่า”

   “ก็จริง ไอ้ขิงเป็นคุณหนู ส่วนมึงก็เป็นคนธรรมดา กูเข้าใจๆ” เจมส์มันตบบ่าผมเบาๆ คล้ายปลอบ “กูก็คนธรรมดา กูเข้าใจ”

   “ไอ้เจมส์”

   “ล้อเล่นน่า ว่าแต่ ทำไมไอ้ขิงถึงหายไป”

   “นั่นกูก็อยากรู้ว่ะ” ผมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย “แค่กูมาเป็นพี่ขิงวันแรก กูยังอยากหนีเลยไอ้ห่า คนอะไรเรื่องเยอะฉิบหาย”

   “ก็มึง ไม่ใช่สิ ไอ้ขิงก่อเองทั้งหมด เขาเรียกว่าอะไรนะ...”

   “แกว่งตีนหาเสี้ยนใช่ไหม”

   “เออนั่นแหละ หาเสี้ยนมาตำตีนเอง ช่วยไม่ได้”

   “เจมส์ มึงว่า...”

   “ว่าอะไร”

   “ตำตีนอร่อยป่ะ”

   “ลองกินดูไหมล่ะ ตีนกูเนี่ย”

   ผมยกแขนกอดคอเพื่อนของพี่ชาย ผมอยากสนิทกับมันแบบที่เป็นไอ้ขมิ้นคนนี้ ไม่ใช่ผ่านจากชื่อพี่ขิง ผมว่า เราคงเข้าขากันน่าดู นี่ถ้าไม่อายคนอื่น ผมหอมแก้มคนงอนไปแล้วนะเนี่ย

   “ช่วยกูหาพี่ขิงหน่อย”

   “เออ ไม่ขอกูก็จะช่วย เพื่อนกูนะ”

   “กูเป็นเพื่อนมึงด้วยได้หรือเปล่า”

   “ขอคิดดูก่อน”

   “คิดนานกูมีดอกเบี้ยนะเว้ย”

   “ไอ้สัด”

   ผมบอกแล้ว ว่าเราจะเข้ากันได้ดี อาจจะมากกว่าพี่ขิงที่คบมาหลายปีซะด้วยซ้ำ อย่างน้อยมันก็ตบมุกผมได้ ไม่ปล่อยให้แป้กอย่างเดียวดาย

   “กูชอบมึงนะ”

   “ไอ้เหี้ยขมิ้น กูขนลุก”



...TBC

เจมส์รู้แล้ว ขมิ้นจะได้มีคนช่วยสักทีค่าา สงสารเหลือเกิน โดนมือโดนเท้าคนอื่นมามากซะจริงๆ  :mew5:

..
วันที่ลงคือ วันที่ 30/12/60 ซึ่งพอพ้นคืนพรุ่งนี้ไปก็จะเป็นปีใหม่ พ.ศ.ใหม่ ขอให้เพื่อน พี่ น้องทุกท่านมีความสุขในปีจอนะคะ
ขอให้ปีหน้า เป็นปีที่ดี คิด หวังอะไรไว้ขอให้สมปรารถนา ร่ำรวยด้วยเงินทองและความสุข เรื่องไม่ดีให้ทิ้งไว้ในปีนี้ และไปเริ่มต้นปีหน้าด้วยรอยยิ้มและความสุข

ส่วนใครที่เดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัด ก็ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ง่วง เมา ไม่ขับ ให้พักแล้วค่อยไปต่อนะคะ แล้วก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะ อากาศทุกภาคแปรปรวนซะเหลือเกิน ....

รักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือรักมากทุกวันค่ะ จุ๊บๆ  :mew1: :mew1:


 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด