{End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}  (อ่าน 85524 ครั้ง)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พอร์ชหื่นตลอดเวลา555

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
พอร์ชทะลึ่งได้ตลอดเวลาเลย

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ญาติคนไหนนะที่คิดไม่ดีกับโซ่ ร้ายมากไหม  :katai1:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
อาม่า อาก๋ง อาโกว โอเคกับพอร์ชแล้วใช่ไหม? o13
เรื่องของคุณทนายกับพ่อโซ่ นี่แอบช้อกนิดนึงตอนแรกก็คิดเล่นๆนะ พอเป็นเรื่องจริงนี่ฟินไม่ค่อยออกเลย
สงสารโซ่เพราะก็หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
น่ารักๆ
รอๆ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มาต่อไวไวนะ

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{23}






          “พอร์ชๆ ตื่นได้แล้วพอร์ช” โซ่ปลุกคนรักตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เพราะวันนี้พวกเขาต้องรีบเข้าไปไหว้เจ้าพ่อเจ้าแม่
ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่ชาวบ้านในอำเภอศรัทธามากกว่าสิ่งอื่นใด เพราะเชื่อว่าท่านช่วยปกปักษาให้ลูกหลานชาวอำเภอชุมแสง
อยู่ร่มเย็นเป็นสุขมาเป็นร้อยปี



            “อือ…เช้าแล้วหรอ” เอ่ยถามออกมาทั้งที่ยังคงนอนหลับตานิ่ง



            “ยัง แต่เราต้องรีบออกก่อนเช้า วันนี้มันวุ่นวาย ถ้าไปช้ากว่านี้จะเข้าตลาดลำบาก เดี๋ยวเราต้องเข้าไปไหว้
เจ้าพ่อเจ้าแม่ด้วยนะ…ตื่นเร็ว” ตบตุบลงไปที่พุงที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นๆของคนรัก ให้คนขี้เซาได้รู้สึกตัวตื่น
ขึ้นมาสักที หลังจากที่ทำใจเย็น นั่งปลุกอยู่นานสองนาน



            “โอ้ย! เล่นแรงอีกแล้วนะโซ่” ที่ว่าอย่างนั้นใช่ว่าจะโกรธหรืออะไรหรอกนะ เพราะสุดท้ายแล้ว โซ่ก็โดน
พอร์ชฟัดแก้มอยู่หลายที กว่าที่เจ้าตัวจะยอมไปอาบน้ำได้



            “มึงนั่นแหละเล่นแรง ไอ้หมาพอร์ช” โซ่ยู่หน้าบ่นไล่หลังคนมือหนักไปอย่างเซ็งๆ เมื่อโดนแกล้งจนเจ็บช้ำ
ไปทั้งตัว



            ก๊อก ก๊อก ก๊อก



            “โซ่ตื่นรึยังโซ่! เฮียมาแล้วนะ!” เสียงเคาะประตูรัวๆดังเข้ามาพร้อมกับสียงร้องเรียกของใครบางคนทำเอา
พอร์ชที่เพิ่งจะเดินออกจากห้องน้ำมาถึงกลับสะดุ้งตกใจจน ต่างจากโซ่ที่ยังคงนั่งนิ่งทำเป็นหูทวนลม ทั้งที่คนข้าง
นอกแทบจะพังประตูเข้ามาอยู่แล้ว


            “ใครมาวะ? ทำไมไม่เปิดประตู?” พอพอร์ชถามอย่างนั้นโซ่ก็ลุกเดินไปเปิดประตูแบบที่ไม่สงสารชีเปลือย
อย่างพอร์ชเลยว่าจะหาเสื้อผ้ามาใส่กันโป้ทันไหม



            “โซ่จ๋า~ เฮียคิดถึง” หนุ่มตี๋ตาชั้นเดียวบ่งบอกถึงสัญชาติโผเข้ากอดโซ่ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก



            “ปล่อย” โซ่สะบัดตัวหนีออกจากการกอดกุมแล้วรีบเดินเข้ามานั่งปลายเตียงที่มีพอร์ชกำลังยืนใส่เสื้อผ้า
อยู่ตรงหน้า



            “อ่าว! โซ่มีแขกหรอ เฮียขอโทษนะครับที่เสียมารยาท…สวัสดีครับ ผมชื่อเซฟเป็นลูกพี่ลูกน้องของโซ่
ส่วนคุณ…?” ชายหนุ่มชื่อกายเอ่ยขอโทษน้องชายและผู้ชายที่อยู่ในสภาพที่แทบจะเรียกได้ว่าเปลือยเปล่ากับ
น้องชายของตนเองสองต่อสองตามมารยาท พร้อมทั้งแนะนำตัวเองไปด้วยเลย ก่อนจะเว้นว่างทิ้งจังหวะให้แขก
ของน้องได้แนะนำตัวเองบ้าง



            “ผมชื่อพอร์ชเป็น…”



            “ผัว” ยังไม่ทันที่พอร์ชจะได้พูดจบโซ่ก็โพล่งสวนขึ้นมา ทำเอาสองหนุ่มที่เหลือตกใจอ้าปากค้างไปแล้ว



            “นะ…น้องโซ่ว่าอะไรนะ เมื่อกี้เฮียฟังไม่ทัน” แล้วก็เป็นเซฟที่เรียกสติตัวเองกลับมาได้เป็นคนแรก เอ่ยถาม
ออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักอย่างไม่แน่ใจ



            “มันชื่อพอร์ชเป็น ‘ผัว’ โซ่เอง ทำความรู้จักกันไว้สิเฮีย คนกันเองทั้งนั้น” โซ่ลุกขึ้นเผชิญหน้ากับคนรัก
ก่อนที่จะซบศีรษะลงบนอกแกร่งเปล่าเปลือยของพอร์ช แล้วพูดเน้นถึงสถานะความสัมพันธ์ระหว่างตนกับพอร์ช
ให้พี่ชายได้เข้าใจแจ่มแจ้งด้วยรอยยิ้มหวานที่พอร์ชแอบลงความเห็นไว้ในใจว่า…ชวนขนหัวลุกมากเสียมากกว่า
ความน่ารักอย่างที่ควรจะเป็น



            “ไม่จริงใช่ไหม? น้องโซ่อย่าล้อเฮียเล่นอย่างนี้สิ…ไม่น่ารักเลยนะ” เซฟพยายามที่จะคิดว่ามันเป็นเรื่องตลก
แต่สีหน้าและแววตาที่บ่งบอกถึงความจริงจังของโซ่ มันทำให้เขายิ้มไม่ออก



            “ไม่เชื่อก็ไปถามอาม่าได้เลย” ผลักพี่ชายออกจากห้องไปอย่างมึนๆแล้วปิดประตูใส่ทันที



            “ทำแบบนี้ ดีแล้วหรอ?” ไม่ใช่ว่าพอร์ชเกิดอยากจะเป็นสุภาพบุรุษอะไรขึ้นมาหรอกนะ แต่เพราะเป็นคนใน
ครอบครัวของโซ่ พอร์ชจึงเลือกที่หุบปากเงียบ แล้วปล่อยให้โซ่เป็นคนจัดการเอง อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการให้
เกียรติคนรักอีกวิธีหนึ่ง



            “ถ้าไม่อยากให้มันวุ่นวายก็ปล่อยไว้แบบนี้แหละ มันโตแล้ว แค่นี้…ไม่ตายหรอก” โซ่พูดทิ้งไว้แค่นั้น ก่อนที่
จะเดินหนีไปนั่งเช็คกล้องถ่ายรูปที่ปลายเตียง ปล่อยให้พอร์ชได้แต่งตัวต่ออีกนิด เพียงเท่านี้คนฉลาดอย่างพอร์ชก็
พอจะเดาได้แล้ว ว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ได้รู้สึกกับโซ่เหมือนอย่างพี่น้องทั่วไป แต่น่าจะเป็นเชิงชู้สาวเสียมากกว่า



            “เห็นว่ามีขายข้าว ก็ไม่คิดว่าบ้านมึงจะมีโรงสีข้าวผลิตเองอย่างนี้” เพราะตอนขามามัวแต่คุยอยู่กับอาม่าของโซ่
พอร์ชจึงไม่ทันได้เห็นว่าบ้านของโซ่เป็นแบบไหน แต่พอมาเห็นลานข้าวกว้างใหญ่สุดสายตาอย่างนี้แล้ว พอร์ชบอกเลยว่า
…บ้านนี้ไม่ธรรมดา



            “อือ…วันนี้ห้ามพูดหยาบคายนะพอร์ช” โซ่ไม่ได้สนใจในความตื่นเต้นของคนรักมากนัก เขาเลือกที่จะพูดในสิ่งที่ต้องการให้พอร์ชรับรู้เท่านั้น เพราะต่อให้เขาจะมีสิทธิ์ในบ้านหลังนี้ในฐานะทายาทหนึ่งเดียวของลูกชายคนโตของอาม่า
และก๋งอย่างชอบธรรม แต่เขาก็ไม่มีคิดที่จะกลับมาปักหลักอยู่ที่นี่เหมือนอย่างลูกหลานคนอื่นให้วุ่นวาย เพราะแค่อยาก
จะเก็บที่นี่ไว้เป็นที่พักใจสุดท้ายในยามที่ชีวิตวุ่นวายจนไร้หนทาง…แค่นั้นพอ



            “รับทราบครับเมีย!” ทำเป็นรับปากขันแข็งเลียนแบบทหารยามรับคำสั่งของผู้บัญชาการ แล้วก้มลงกดจูบลงปลาย
จมูกของโซ่เบาๆ ก่อนที่จะรีบผละออก เมื่อสายตามองเห็นแต่ไกลว่ามีคนบางคนกำลังเดินตรงมาทางที่พวกตนยืนอยู่



            “ม๊าบอกให้พี่พาโซ่กับแฟนไปส่งที่ร้าน” เป็นเซฟนั่นเองที่เดินมาตามทั้งสองคนไปขึ้นรถ เพราะโดนแม่ของตนเอง
หรือก็คืออาหญิงของโซ่บังคับให้ไปส่งพอร์ชกับโซ่ที่ร้านในตลาด เพราะอาม่ากับญาติพี่น้องคนอื่นๆที่เพิ่งจะเดินทางมาถึง
เมื่อกลางดึก มาครบหมดแล้ว



            “เดี๋ยวพอเขาแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่เข้าศาลแล้วพวกลื้อก็ยกของไหว้ไปวางได้เลยนะอาหลิงเดี๋ยวอั๊วจะพาอาโซ่กับ
อาพอร์ชไปเดินหาของกินในตลาดก่อน” อาม่าพูดสั่งกับลูกสาวคนสุดท้องของตนเองที่เพิ่งจะเดินทางมาจากกรุงเทพฯ
พร้อมกับลูกหลานคนอื่นๆ เมื่อกลางดึก หลังจากที่พอร์ชกับโซ่เข้านอนไปแล้ว



            และก็เป็นอย่างที่พอร์ชคาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่จะมา ว่าตนคงไม่สามารถทำให้ญาติของโซ่ยอมรับได้ทั้งหมด
เพียงแค่ได้เจอกันครั้งแรก แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะต่อต้าน และตัวพอร์ชคงจะต้องใช้เวลาในพิสูจน์ความจริงใจของตนเอง
อีกสักพักใหญ่ ถึงจะซื้อใจทุกคนได้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้ครอบครัวคนจีนแท้ๆอย่างโซ่มายอมรับความรัก
ที่แตกต่างแบบนี้ได้



            “วันนี้ควงหนุ่มที่ไหนมาละอาม่า หน้าคุ้นๆ” แม่ค้าร้านขนมหวานที่รู้จักกับอาม่ามาเป็นสิบปีเอ่ยทักอย่างอารมณ์ดี
เมื่อเห็นว่าสาวสองพันปีประจำตลาดยอมทิ้งไม้เท้าคู่กายมาควงแขนหนุ่มน้อยหน้ามนเสียได้



            “นี่ก็อาโซ่ลูกชายอาหมอไง” อาม่าแนะนำหลานชายคนโปรดให้พวกแม่ค้าที่อยู่ละแวกนั้นได้รู้จักกันทั่วหน้า
ไม่ว่าวันเวลาที่ผ่านไปสักแค่ไหน โซ่ก็ยังคงเป็นหลานชายที่หญิงชราภาคภูมิใจอยู่ร่ำไป



            “ฉันก็ว่าหน้าคุ้นๆอยู่น้า…แล้วพ่อหนุ่มรูปหล่ออีกคนล่ะลูกหลานใคร” แม่ค้าถามต่ออย่างอารมณ์ดี ตามประสา
คนคุ้นเคยที่ลองได้เปิดปากคุยแล้วก็เป็นอันติดลมเสียทุกครั้งไป



            “นี่ก็อาพอร์ช…หลานชายของอั๊วอีกคนนะสิ ลื้อก็ตามแปลกๆนะอาลี เดินมากับอั๊วอย่างนี้จะเป็นใครไปได้…
ก็ลูกหลานอั๊วทั้งนั้น” คำตอบของอาม่าทำเอาพอร์ชยิ้มกว้างออกมาอย่างถูกใจเมื่อได้ยินคำพูดที่แสนน่ารักของอาม่า
ต่อหน้าต่อตาแบบนี้



            “ผมพาพอร์ชไปเดินเที่ยวก่อนนะม่า” หลังจากไหว้เจ้าและทานอาหารเช้าที่ร้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว โซ่ขอตัว
หลีกหนีออกจากความวุ่นวายของญาติพี่น้องพาคนรักอย่างพอร์ชไปเดินเที่ยวชมงานในจุดต่างๆที่น่าสนใจจะดีกว่ามา
นั่งปวดหัวกับคำถามมากมายแบบนี้



            “ดีๆ ไปพากันไปเดินเล่นเถอะ แล้วตอนเที่ยงก็อย่าลืมกลับมากินข้าวนะอาโซ่” เพราะรับรู้ได้ว่าหลานชายรู้สึก
อึดอัดในการอยู่รวมกับญาติพี่น้องมากมาย อาม่าจึงยอมปล่อยไปแต่โดยดี แม้ว่าใจจริงแล้วอยากจะให้โซ่อยู่ใกล้ๆก็ตามที



            “เจอกันตอนบ่ายเลยดีกว่าฮะม่า เที่ยงนี้โซ่ว่าจะพาพอร์ชไปกินเย็นตาโฟหลังตลาด” อาจจะดูเสียมารยาท
ไปนิดที่เอ่ยปฏิเสธคำชวนของอาม่าไปแบบนั้น แต่โซ่ก็เลือกที่จะทำ เพราะอยากจมอยู่กับความอึดอัดที่เรียกว่าครอบครัว
มาถึงตรงนี้โซ่บอกเลยว่า นอกจากอาม่ากับก๋งแล้ว คนที่เหลือไม่มีใครสามารถทำให้เขาสบายใจได้อย่างที่พ่อกับแม่พอร์ช
ทำได้เลย ทั้งที่เป็นสายเลือดเดียวกันแท้ๆ แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กับคนนอกที่ไม่เคยรู้จักกันเสียอย่างนั้น



            “ก็ได้ๆ ถ้าอย่างนั้นเอานี่ไปนะอาโซ่ อาพอร์ช…เอาไว้ซื้อขนมกิน” แม้ว่าโซ่จะปฏิเสธสักแค่ไหน แต่หญิงชราก็
ยังคงบังคับยัดเงินจำนวนหนึ่งใส่มือหลานชายจนได้ โซ่เลยจำต้องรับมาเพื่อตัดปัญหา แล้วคิดซะว่าเป็นความสบายใจ
ของบุคคลอันเป็นที่รักของตน



            “ที่นี่เขาดูจริงจังกับงานนี้มากเลยเนอะ” พอร์ชเอ่ยพูดขึ้นมาหลังจากที่โซ่พามานั่งที่หน้าศาลเจ้าเพื่อรอชมขบวนแห่ต่างๆที่กำลังจะทยอยเข้ามาแสดงในรอบเช้า หลังจากเชิญองค์เจ้าพ่อเจ้าแม่ออกจากศาลเจ้าชั่วคราวไปเดินแห่รอบตลาดชุมแสง เพื่อเป็นสิริมงคลตามความเชื่อสืบต่อกันมามากว่าร้อยปี



            “อือ…สำหรับคนชุมแสงแล้ว เจ้าพ่อเจ้าแม่เป็นยิ่งกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีไว้ประดับศาลเจ้า เหมือนอย่างที่อื่น ไม่ว่า
จะมีเรื่องเดือดร้อนหรือทุกข์ใจมากขนาดไหน สิ่งแรกที่คนที่นี่จะนึกถึงก็คือเจ้าพ่อเจ้าแม่ และไม่ว่าจะไปย้ายไปอยู่ไกลสัก
แค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อถึงเวลามีงานประจำปี ทุกคนก็จะกลับมาร่วมงาน กลับมาบ้านที่เป็นศูนย์รวมจิตใจ” แม้ว่าโซ่จะไม่ได้
ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เหมือนอย่างที่น้องคนอื่น แต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่โซ่จะพลาดงานนี้ เพราะเขาเองก็กลับมากราบไหว้บูชาเหมือนอย่างทุกปี แม้ว่าปีก่อนๆนั้นเขาจะต้องเดินเที่ยวเพียงลำพังก็ตาม



            “งั้นก็แสดงว่าที่พิจิตรก็เป็นเทศกาลอาหารอะดิ กูเห็นมีแต่คนไปหาของกิน ไม่เห็นมีใครมาเดินตามขบวนแห่อย่างนี้เลย” พอร์ชพูดบอกไปตามที่คิด ไม่ได้มีเจตนาจะลบลู่อะไร เพียงแต่งานงิ้วที่บ้านเขาเน้นเฉลิมฉลองด้วยการกินมากกว่าที่จะมานั่งดูขบวนแห่เป็นจริงเป็นจังอย่างคนที่นี่ ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยผู้คนละลานตา



            “อาจเป็นเพราะพิจิตรมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คนเคารพมาก โดยเฉพาะพระคู่บ้านคู่เมืองอย่างหลวงพ่อเพชร เลยไม่ค่อยมีคนสนใจเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่นั่นนัก แต่กว่าครึ่งของจำนวนคนที่นี่คือลูกหลานเชื้อสายจีน ที่อยู่ห่างถิ่นฐานบ้านเกิด เทพเจ้าอย่างเจ้าพ่อเจ้าแม่เลยเป็นเหมือนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจอีกทางหนึ่ง นอกจากครอบครัวที่อยู่รอบตัว” คำตอบที่ได้จากโซ่ทำให้พอร์ชรู้สึกแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าคนรักจะมีมุมมองตามความเชื่อแบบนี้อยู่ในตัว



            “โคตรคมอ่ะคำพูด” พอร์ชปรบมือชมเชยให้คนรักเบาๆ ก่อนที่จะทำหน้าเซ็งเมื่อได้ยินคำตอบแบบขวานผ่าซากของโซในประโยคถัดมา ว่า…



            “กูจำเขามาอีกที”



            “ทำไมได้อย่างนี้มันมีหลายคณะจังวะโซ่” พอร์ชเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็นคณะเอ็งกอเด็กวิ่งเข้ามาแสดงหน้าศาลเจ้าในจุดที่โซ่พาพอร์ชมานั่งรอดูการแสดงในช่วงเช้าทั้งหมด



            “อันนี้มันเอ็งกอเด็ก อันก่อนหน้านั้นมันเอ็งกอผู้ใหญ่ แต่ที่กำลังจะตามหลังมาคือเอ็งกอย้อนยุค”



            “แล้วมันต่างกันยังไงวะ กูก็เห็นเหมือนๆกันหมด” แม้ว่าโซ่จะบอกแบบนั้น แต่พอร์ชก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าการที่มีคนวาดหน้าแต่งตัวมิดชิดมาตีกลองเคาะไม้ตรงหน้านี้ต่างกันอย่างไร



            “เอ็งกอเด็กที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้คือเด็กนักเรียนระดับชั้นอนุบาลยันชั้นประถมอายุไม่เกินสิบสองของโรงเรียนเชื้อสายจีนในอำเภอนี้แหละ ส่วนเอ็งกอผู้ใหญ่ที่เราดูก่อนหน้านี้ อันมีตั้งแต่วัยรุ่นตอนต้นตั้งแต่เด็กมัธยมยันวัยทำงานที่ออกไปหาทำมาหากินที่ต่างจังหวัดต่างอำเภอ แต่พอถึงเวลามีงานประจำปีเขาก็กลับมาซ้อม มาเล่นถวายเจ้าพ่ออยู่ทุกปีจนกว่าร่างกายจะไม่ไหว หรือมาไม่ได้จริงนั่นแหละถึงจะหยุดไป” ถ้าเป็นปกติโซ่คงจะด่าพอร์ชว่าโง่ไปแล้วด้วยความรำคาญที่อีกฝ่ายเอาแต่ถามซอกแซก แต่เป็นเพราะรู้ถึงซึ้งถึงความต่างทางวัฒนธรรมที่คนรักไม่เข้าใจ เขาจึงเลือกที่จะอธิบายให้พอร์ชได้รู้แจ้งในทุกสิ่งอย่างที่เจ้าตัวสงสัย



            “แล้วเอ็งกอย้อนยุคที่มึงว่าล่ะ?” เพราะโซ่ยังอธิบายไม่หมด พอร์ชจึงเอ่ยท้วงออกมา



            “มาโน่นแล้วไง ดูเอาเองสิ” โซ่ชี้ชวนให้พอร์ชดูคณะเอ็งกอย้อนยุคที่กำลังวิ่งเข้ามาในลานแสดง ต่อจากคณะเอ็งกอเด็กที่พึ่งจบการแสดงออกไป



            “เฮ้ย! ไม่จริงน่า” พอร์ชอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อได้เห็นนักแสดงทั้งหมดในชุดนี้ ที่แม้ว่าจะวาดหน้าทาตาแต่งชุดรัดกุมแค่ไหนก็ไม่อาจปกปิดริ้วรอยแห่งวัยเอาไว้ได้



            “หึๆ ก็อยากจะปฏิเสธหรอกนะ แต่บอกเลยว่าของจริง ผู้แสดงคณะเอ็งกอชุดนี้มีอายุหกสิบปีขึ้นไปทั้งนั้น มีพวกวัยกลางคนอยู่ไม่กี่คนหรอกที่เบื่อเอ็งกอผู้ใหญ่แล้วหนีมาเล่นกับเอ็งกอย้อนยุคแบบนี้” โซ่หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะอธิบายถึงความแตกต่างให้คนรักฟังต่อ



            “มึงรู้เรื่องพวกนี้ได้ไงวะโซ่” พอร์ชถามออกมาอย่างแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าคนรักจะมีความรู้เรื่องศิลปะการแสดงแน่นขนาดนี้



            “อย่างแรกเลยคือกูเป็นลูกหลานชาวชุมแสง อย่างที่สองคือกูโดนอาม่าเล่าให้ซ้ำๆจนฝังอยู่ในหัวมาตั้งแต่จำความได้ อย่างที่สามเลยคือ เมื่อสองปีที่แล้วกูเคยเป็นหนึ่งในนักแสดงเอ็งกอย้อนยุคคณะนี้ เพราะก๋งกูเป็นทั้งคนแสดง และครูฝึกสอนอยู่ในนี้ ก่อนที่เขาจะไปนอนเป็นผักอยู่บนเตียงอย่างที่มึงเห็นนั่นแหละ” พอร์ชถึงกับเหวอเมื่อรับรู้เรื่องราวอีกมุมหนึ่งของคนรัก ซึ่งเป็นมุมที่พอร์ชคิดว่าไม่น่าจะเหมาะกับคนโลกส่วนตัวสูงติดเพดานอย่างโซ่เลย เพราะดูเหมือนว่าการแสดงชุดนี้จำเป็นต้องมีความสามัคคีการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มันเป็นอะไรที่ห่างไกลจากคนอย่างโซ่อยู่มากโข







            “มึงมีเรื่องให้กูต้องตกใจอยู่ตลอดเลยนะน้องนิ่ง” หลังจากที่อ้าปากหวอเพราะเหลอรับประทานอยู่พักใหญ่แล้ว พอร์ชก็พูดบอกออกมาในที่สุด



            “ในร้านก็มีรูปกูกับก๋งตอนเล่นเอ็งกอแปะอยู่ที่ข้างฝาบานอย่างใหญ่มึงไม่เห็นหรอ?”



            “ไม่ทันได้สังเกตว่ะ แต่กลับไปกูจะไปขออาม่าดู ว่าแต่มึงเล่นเป็นตัวไหนวะ?” พอร์ชถามต่อ



            “ก็ที่อยู่ตรงกลางนั่นไง เมื่อก่อนมันมีสามคน แต่พอกูไม่ได้กลับมาเล่นก็เหลือแค่สองคน” โซ่ชี้ให้คนรักดูในตำแหน่งตัวละครสมมุตที่ตนแสดงอยู่ในคณะ



            “โกหกน่า…” พอร์ชลากเสียงยาว อย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ลำพังแค่คิดว่าโซ่คงจะแสดงเป็นหนึ่งในตัวละครชุดสีน้ำเงินที่มีมากมายก็ว่ายากแล้ว แต่นี่เจ้าตัวชี้ไปยังจุดที่มีคนแสดงเป็นงู ซึ่งอยู่กลางวงเป็นจุดสนใจแล้วพอร์ชว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้





            “ก็เรื่องของมึง…เมื่อสองปีที่แล้วก๋งกูเล่นเป็นตัวหัวหน้าหนวดแดงตรงนั้น ส่วนกูเป็นงูที่อยู่ตรงกลางแบบปฏิเสธไม่ได้ เพราะถ้าคนเล่นไม่ครบ แต่กว่าจะเล่นได้แบบนี้ กูถูกก๋งใช้ไม้พองตีขาแทบหักเพราะเต้นไม่สวย ไม่พลิ้วอย่างที่เขาต้องการ…เอ็งกอใหญ่ที่มีวัยรุ่นอาจจะเล่นเอามันส์ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับเอ็งกอย้อนยุคที่กูคุ้นเคย พวกเขาตั้งใจมาแสดงเพื่อถวายเจ้าพ่อเจ้าแม่จริงๆ มึงคิดถึงสภาพความเป็นจริงสิพอร์ชว่าคนวัยนี้ที่มีตั้งแต่หกสิบจนถึงแปดสิบปี ลำพังแค่ยืนนานๆยังแทบจะไม่ไหว แต่นี่พวกเขาต้องตื่นมาแต่งหน้าแต่ตัวตั้งแต่ตีสองตีสาม แสดงตั้งแต่เช้ายันค่ำเป็นสิบๆรอบ ถ้ามีแค่ใจ แต่ไม่ศรัทธา กูบอกเลยว่าไม่รอด” ความจริงแล้วโซ่ก็เป็นหนึ่งในอีกหลายคนที่อยากจะเก็บวิถีชีวิตและวัฒนธรรมประเพณีนี้สืบต่อไป แต่จะไปได้ไกลมากน้อยเพียงใด ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้นำและความสามัคคีของคนในอำเภอ



            “กูเพิ่งจะเข้าใจคำว่าแก่แต่เก๋าแบบจริงๆจังๆก็วันนี้นี่แหละ” พอร์ชพูดบอกในขณะที่สายตาก็เอาแต่จับจ้องอยู่กับการแสดงตรงหน้า ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่เพราะเก็บเอาคำพูดของคนรักมาเป็นที่ตั้งในการตัดสิน แต่เพราะท่าทางการแสดง ไม่ว่าจะทางสีหน้าหรือท่าทาง คณะนี้แสดงออกมาได้อ่อนช้อย สวยงาม และดุดันกว่าสองกลุ่มแรกอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าความแข็งแรงของสภาพร่างกายจะเป็นรองอยู่ก็ตาม



            “กูดีใจที่มึงชอบ” แม้ว่าพอร์ชจะไม่ได้เอ่ยปากออกชมออกมาให้ได้ยิน แต่แววตาวาววับที่แสดงถึงความตื่นเต้นของเจ้าตัวในยามที่ได้ชมการแสดงต่างๆ มันทำให้โซ่รู้สึกภูมิใจ ที่อย่างน้อย วันนี้เขาก็ได้เผยแพร่วัฒนธรรมประเพณีอันเก่าแก่ที่อยู่คู่บ้านประจำอำเภอออกสู่คนนอกอย่างพอร์ชได้อีกหนึ่งคน…ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี



            “ทำไมคนพวกนั้นถึงต้องวิ่งเข้าไปแบกเกี้ยวด้วยวะโซ่?” หลังจากดูการแสดงหน้าศาลเจ้าชั่วคราวเสร็จแล้ว โซ่ก็พาพอร์ชออกมาเดินเที่ยวชมไปตามจุดต่างๆรอบตลาด บริเวณที่เขาขายสินค้าและจัดการแสดง แต่พอเดินถ่ายรูปเล่นมาได้สักพัก พวกเขาก็มาเจอกับเกี้ยวเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่ชาวบ้านร้านตลาดที่เป็นผู้ชายพากันเข้าผลัดเปลี่ยนหมุดเวียนเข้าไปแบกเกี้ยว เรื่องน้ำหนักของเกี้ยวก็อาจจะเป็นส่วน แต่ดูเหมือนกับว่าคนเหล่านี้ที่เขาเห็นจะมีจุดประสงค์ที่แตกต่างออกไป



            “คนที่นี่เขาเชื่อกันว่า ถ้าผู้ชายที่แต่งงานแล้ว มีเมียแล้ว หรือกำลังจะแต่งงาน ถ้าได้แบกเกี้ยวเจ้าพ่อเจ้าแม่ตอนแห่อย่างนี้จะได้ลูกชายสมอย่างใจหวัง” โซ่บอกไปตามที่เคยได้ฟังมาจากอาม่าอีกทีหนึ่ง



            “งั้นกูไปแบกมั่งดีกว่า” พอร์ชทำท่าจะเข้าไปแบกเกี้ยวเจ้าพ่อเจ้าแม่อย่างที่ปากพูดจริงๆ แต่ถูกโซ่ดึงรั้งไว้เสียก่อน



            “กูท้องไม่ได้ มึงจะไปแบกหาป้ามึงหรอ? หรือคิดจะมีเมียใหม่?” โซ่กระชากคอเสื้อคนรักเข้ามาเสียงแข็ง



            “เมียใหม่ห่าอะไร ก็มีมึงคนเดียวนี่แหละ แต่โลกทุกวันนี้มีแต่เรื่องแปลกๆ กูเลยอยากจะไปขอไว้ก่อน เผื่อท่านจะเห็นใจ ส่งลูกชายลงมาให้เรา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง…เมื่อเราพร้อม” นั่นคือสิ่งที่พอร์ชคิด อาจจะเป็นเพราะว่าอยู่กับโซ่มาก ทุกวันนี้พอร์ชเลยกลายเป็นพวกคิดวางแผนชีวิตระยะยาวไว้เหมือนกันกับคนรัก



            “ถ้างั้นก็อยู่นี่แหละ ไม่ต้องเข้าไป” พูดบอกพร้อมกับจัดปกเสื้อคนรักให้เรียบร้อยดังเดิม



            “ทำไม?” พอร์ชไม่เข้าใจว่าทำไมโซ่ถึงห้ามตน เพราะจากที่สังเกตพฤติกรรมของคนรักมาพักใหญ่แล้ว โซ่เองก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่อยากมีลูกเพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ตัวเองขาดในวัยเด็ก เหมือนอย่างเขาที่เคยคิดจะมีลูกทันทีที่เรียนจบ เพราะอยากจะเป็นทุกสิ่งอย่างในชีวิตของลูก ไม่ใช่พ่อที่เอาแต่ทำงานหาเงินส่งให้ลูกเมียเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นคนที่ลูกไว้ใจให้เป็นทั้งพ่อ พี่และเพื่อนไว้คอยปรึกษาปัญหาได้ในขณะเดียวกัน



            “กูอยากมีลูกสาว”





TBC.
     PS. มีอะไรผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัย แม้ว่าวัฒนธรมมประเพณีที่หยิบยกขึ้นมาเขียนจะเป็นเรื่องจริง แต่ในส่วนของพอร์ชกับโซ่ก็ยังคงเป็นนิยายที่แต่งแต้มออกมาจากจินตนาการของผู้เขียน หากมีจุดไหนไปกระถึงผู้ใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้เลยนะคะ #สำนึกรักบ้านเกิด #โปรโมทแบบเนียนๆ #ด้วยรัก

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
หลากหลายอารมณ์ในตอนเดียว
รอตอนต่อๆไปนะครับ

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ WaterProof

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชอบอ่ะ :mew1:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คงต้องเป่ายิงฉุ้บเรื่องลูกแล้วแหละ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คนหนึ่งอยากได้ลูกชาย อีกคนอยากได้ลูกสาว งั้นก็เอาเป็นแฝดเลยแล้วกัน  :laugh:

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{24}









            “คุณนายปลื้มจิตกำลังจะมาถึง” พอร์ชที่เพิ่งวางสายโทรศัพท์จากแม่ของตนเอง หันมาบอกกับโซ่ที่
นั่งพักดื่มน้ำอยู่ข้างกัน หลังจากเดินถ่ายรูปเล่นมาหลายเกือบสองชั่วโมง



            “ไหนบอกว่าจะมาพรุ่งนี้ไง” โซ่เลิกคิ้วถาม



            “ไม่รู้เหมือนกัน” ยักไหล่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแม่ถึงเปลี่ยน
กำหนดการ จากที่บอกไว้ว่าจะมารับพรุ่งนี้กลับมาวันนี้แทน



            “โทรไปบอกให้เขาแวะจอดรถที่ศูนย์นี่แหละ” โซ่บอกกับคนรักให้โทรไปหาคุณนายปลื้มจิตที่
กำลังเดินทางมา แวะหาที่รถตรงท่ารถเมล์ที่มีชาวบ้านแถวนั้นนำเชือกฟางสีสดใสมาล้อมกรอบสี่เหลี่ยม
บริเวณหน้าบ้านตนเอง เพื่อทำเป็นที่รับฝากรถชั่วคราว



            “มานั่นแล้วไง โคตรไวเลย” พอร์ชชี้ให้โซ่ดูรถหรูที่คุ้นตาของแม่ตนเองกำลังเลี้ยวเข้าจอดยัง
จุดรับฝากรถที่ว่างอยู่ตามที่ตนเองได้โทรไปบอกเมื่อครู่



            “มาให้แม่กอดทีสิน้องโซ่ คิดถึงจังเลย” คุณนายปลื้มจิตทำเมินลูกชายแท้ๆของตนเองแล้ว
หันไปกอดทักทายลูกสะใภ้สุดที่รักแทน



            “อะไรจะขนาดนั้นแม่ พวกผมพึ่งมาถึงแค่คืนกับอีกครึ่งวันเองนะ…เว่อร์ไปปะ?” พอร์ชละอด
ไม่ได้ที่จะทำปากยื่นปากยาวเข้าไปพูดแซวแม่ตัวเอง



            “เรื่องของฉันเถอะ! ว่าแต่น้องโซ่พาแม่ไปเดินเที่ยวหน่อยสิ เมื่อกี้ก่อนจะถึงทางข้ามรถไฟ
แม่เห็นขบวนพาเหรดอะไรก็ไม่รู้ มีเด็กตัวน้อยๆ ถือกระเช้าดอกไม้น่ารักดี” ว่าลูกชายเสร็จคุณนายเธอ
ก็หันมาคุยกับลูกสะใภ้ต่อ



            “ตอนนี้เขาคงพักเที่ยงกันหมดแล้วฮะแม่ เอาไว้ผมพาไปดูหน้าศาลเจ้ารอบบ่ายดีกว่าฮะ
จะได้ดูครบทุกขบวนเลย” โซ่บอก



            “นั่นสิแม่ ผมว่าเราไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า ผมล่ะทั้งเหนื่อยทั้งหิวเลย” พอร์ชช่วย
คนรักกล่อมแม่อีกแรง



            “ก็ได้ ถ้าน้องโซ่ว่าอย่างนั้นแม่ก็ตามใจ” เธอยิ้มหวานส่งให้ลูกสะใภ้อย่างเอาใจ จนพอร์ช
ถึงกลับต้องเบ้หน้าด้วยความหมั่นไส้ ไม่รู้ว่าแม่ผัวลูกสะใภ้คู่นี้เขาจะรักจะหลงกันไปถึงไหน



            “งั้นไปนั่งพักที่ร้านก่อนแล้วกันครับ แล้วค่อยไปหาอะไรกิน ป่านนี้พวกร้านข้าว ร้านก๋วยเตี๋ยว
แถวนี้คงเต็มไปหมดแล้ว คนเยอะขนาดนี้” โซ่มองพวกนักแสดงที่อยู่ในช่วงพักเดินปะปนกับคนดูแล้ว
ก็คิดว่าควรจะไปตั้งหลักที่ร้านก่อน แล้วค่อยคิดดูอีกทีว่าจะทำอะไรต่อ



            “มาพอดีเลยอาโซ่อาพอร์ช ม่าว่าจะให้เด็กในร้านไปตามหาพอดี” อาม่าเอ่ยเรียกโซ่กับพอร์ช
อย่างดีใจ เพราะกำลังจะวานให้เด็กในร้านออกไปเดินตามหาทั้งสองคนพอดี เพราะถึงเวลาทานอาหาร
กลางวันแล้ว และถึงแม้ว่าโซ่จะบอกไว้ก่อนหน้าว่าจะหาอะไรกินเอง แต่ตนก็อดห่วงหลานชายไม่ได้อยู่ดี



            “ม่า…นี่พ่อกับแม่ของพอร์ช ส่วนคนนี้ก็อาม่าผมเองฮะ” แม้ว่าจะขัดเขินไปบ้าง เพราะไม่เคยคิดว่า
ตนจะมีวันที่มายืนแนะนำให้ครอบครัวของตนเองและคนรักได้รู้จักกันแบบนี้ แต่โซ่ก็ตีหน้าพูดบอกออกมาจนได้



            “อายินดีๆ ยินดีที่ได้รู้จักนะ…มากินข้าวกันก่อน เรื่องอื่นไว้คุยกันที่หลัง” อาม่าของโซ่ยิ้มรับคำทักทาย
จากพ่อแม่พอร์ชด้วยความยินดี ก่อนที่จะชวนร่วมวงทานมื้อกลางวันด้วยกัน



            “ไม่กินข้าวได้ไหมม่า โซ่อยากกินเย็นตาโฟ” เพราะแผนการเดิมคือตั้งใจจะพาคนรักอย่างพอร์ชไป
ลองทานก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟรสเด็ดเจ้าประจำ บวกกับความอยากทานเป็นพิเศษของตนเอง โซ่ถึงได้ออก
อาการงอแงออกมาอย่างที่เห็น



            “ม่าว่าลื้อจดใส่กระดาษมาดีกว่านะอาโซ่ว่าอยากจะกินอะไร เดี๋ยวม่าจะให้เด็กที่ร้านไปซื้อให้ ส่วนลื้อ
ก็อยู่รอกับม่าที่ร้านนี่แหละ อีกเดี๋ยวขบวนแห่ก็จะมาทางนี้แล้ว” แม้ว่าจะนำอาหารหวานคาวไปไหว้ที่ศาล
เจ้าชั่วคราวตอนค่อนแจ้งก่อนที่จะอันเชิญเจ้าพ่อเจ้าแม่แห่รอบตลาดเพื่อความเป็นสิริมงคลไปแล้ว แต่อาม่า
ก็อยากจะให้หลานชายอยู่ด้วยกันตอนที่ขบวนแห่ต่างๆจะพวก สิงโตทอง มังกรทอง เอ็งกอเด็ก เอ็งกอผู้ใหญ่
เอ็งกอย้อนยุคเหล่านี้เข้ามาวิ่งวนในร้าน พร้อมกับการจุดประทัดถวายเจ้าพ่อเจ้าแม่ยามที่เกี้ยวอันเชิญผ่านหน้าร้าน
เพราะถือว่าเป็นสิริมงคล จะทำมาค้าขายร่ำรวย กิจการงานค้าไม่มีติดขัด



            “ก็ได้ฮะ” ในเมื่ออาม่ายื่นข้อเสนอมาอย่างนั้น โซ่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี เพราะไม่อยากให้ญาติพี่น้องที่
ไม่ค่อยชอบหน้าตนเองเอาไปนินทารับหลังหาว่าเรื่องมา



            “อยู่กับม่านี่แหละ ใครจะว่าอะไรก็ไม่ต้องไปสนใจ เพราะเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด” อาม่าลูบผมนุ่ม
ของโซ่เพื่อปลอบโยน เพราะพอจะเข้าใจในความรู้สึกของหลานชาย แต่เพราะตนเป็นผู้ใหญ่(ที่รู้ทุกเรื่อง)จึงจำ
ต้องวางตัวเป็นกลาง แต่ถ้าหนักหนาสาหัสเกินไป ตนก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน ลูกสะใภ้ หลานสะใภ้หรือจะมารักมาก
กว่าหลานชายแท้ๆอย่างโซ่…ไม่มีหรอก



            “ครับ…กินไร?” พยักหน้ารับคำกับอาม่าก่อนที่จะหันมาหาพอร์ชเมื่อได้รับกระดาษกับปากกามาจาก
ลูกจ้างในร้าน



            “เอาเหมือนมึงก็ได้” เพราะไม่รู้ว่าอะไรเด็ดอะไรดัง พอร์ชจึงให้คนรักเป็นคนสั่งให้ เพราะตนเป็นคนกินง่าย
ไม่เรื่องมากอยู่แล้ว ที่สำคัญเลยคือ พอร์ชมั่นใจมากว่าเมนูที่โซ่กำลังจะเขียนใส่กระดาษจะต้องอร่อยในระดับหนึ่ง
ไม่อย่างนั้น อย่าหวังว่าท่านโซ่จะยอมกลืนลงท้อง



            “ป๋ากับแม่ละฮะ…กินไรดี?” พอได้คำตอบจากคนรักแล้วก็หันไปถามพ่อแม่ของคนรักที่กำลังนั่งคุยกับอาม่าต่อ



            “แล้วแต่น้องโซ่เลยลูก แม่กับป๋าไม่เรื่องมากหรอก”



            “ว่าแล้ว!” พอร์ชทำเสียงสูงพูดขัดขึ้นมา เมื่อได้ยินคำตอบที่ออกมาจากปากของแม่ตัวเอง



            “อะไรของแกเจ้าพอร์ช! เสียงดังทำไม ทำคนอื่นเขาตกใจหมด” คุณนายปลื้มจิตเอื้อมมือมาหยิกต้นแขน
ของลูกชายเบาๆเป็นการลงโทษที่ทำให้เธอตกใจ



            “ก็แม่นั่นแหละ อะไรก็แล้วแต่น้องโซ่ๆ จนผมเริ่มจะหึงแล้วนะ ผัวตัวเองก็มี…มาอ้อนเมียคนอื่นอยู่ได้” เพราะความ
ลืมตัวพอร์ชจึงได้พูดโพล่งเสียงดังออกมา ก่อนที่จะทำหน้าจ๋อยเมื่อหันไปเห็นสายตาคนรอบข้างจ้องมาที่ตนเป็นตาเดียว



            “ตายแล้วเจ้าพอร์ช! ขอโทษนะคะอาม่าที่เจ้าลูกชายตัวดีทำเสียมารยาท” คุณนายปลื้มจิตรีบเอ่ยขอโทษ
ขอโพยอาม่าเป็นการใหญ่ กลัวว่าคำพูดห่ามๆของลูกชายจะทำให้อาม่าของโซ่โกรธเอา



            “โอ้ย…อย่าคิดมากเลยอาคุณนาย ฉันไม่โกรธอาพอร์ชอีหรอก อั๊วชอบคนตรงๆแบบนี้แหละ เพราะเมื่อเช้า
หลานอีกคนของฉันก็เพิ่งมาบอกว่าโดนเจ้าโซ่แนะนำให้รู้จักกับผัวของอี เล่นเอาเจ้าเซฟพี่ชายอีหน้าแห้งไปทั้งวัน”
อาม่าหัวเราะชอบใจออกมาเบาๆ ทำให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดก่อนหน้าผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะเธอทำ
เตรียมทำใจไว้ตั้งแต่ที่โซ่แนะนำให้ตนรู้จักกับพอร์ชในฐานะคนรักแล้ว แต่เพิ่งจะปล่อยวางได้ก็เมื่อรุ่งเช้านี้เองที่เซฟ
มาเล่าให้ฟังว่าโดนโซ่แนะนำพอร์ชให้เจ้าตัวรู้จักพร้อมกับคำว่า ‘ผัว’



            “ไม่ได้ค่ะ ยังไงก็ต้องขอโทษ…มาขอโทษอาม่าเลยเจ้าพอร์ช พูดอะไรไม่คิด” แม้ว่าอาม่าจะไม่ได้
ถือโทษโกรธอะไร แต่คุณนายปลื้มจิตไม่สามารถปล่อยผ่านได้



            “ขอโทษนะครับอาม่า ผมไม่ได้ตั้งใจ” พอร์ชทรุดตัวก้มลงกราบที่ตักหญิงชราเป็นการขอขมาที่ทำ
กิริยามารยาทที่ไม่ดีออกไป



            “อย่าคิดมากๆ เป็นตัวของตัวเองมันดีที่สุดแล้วอาพอร์ช…เชื่อม่า” เธอยกมือลูบศีรษะของเด็กหนุ่มเบาๆ
ทั้งยังบอกให้เจ้าตัวแสดงออกถึงการเป็นตัวเองได้ตามสบาย เหมือนให้ท้าย เพราะพอจะมองออกว่าพอร์ชเป็นคนยังไง
จากประสบการณ์ชีวิตที่สะสมมามันบอกว่าเด็กคนนี้ไม่ได้เลวร้ายอะไร อาจจะทะเล้นไปนิดตามประสาเด็กผู้ชาย
แต่พอจะก็วางใจได้ ที่จะฝากให้เจ้าตัวช่วยดูแลหลานชายสุดที่รักอย่างโซ่ให้



            “ที่นี่เขาดูคึกคักกันจังเลยนะคะคุณ” คุณนายปลื้มจิตหันไปคุยกับสามีที่ยืนอยู่ข้างกัน ระหว่างมองดูขบวน
แห่ต่างๆผ่านหน้าร้านขายข้าวของครอบครัวโซ่ไปอย่างตื่นตาตื่นใจ เพราะงานงิ้วที่พิจิตรไม่ได้ขนวนแห่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้



            “รอให้เขาแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่กลับเข้าไปประทับที่ศาลเจ้าชั่วคราวก่อนนะฮะแม่ แล้วโซ่จะพาไปดูการแสดงรอบเย็น”
โซ่ที่ยืนอยู่ไม่ไกลหันกลับมาพูดบอกด้วยรอยยิ้มหวาน เพราะเจ้าตัวกำลังอารมณ์ดีที่ได้ทานของอร่อยไปหลายอย่าง



            “จะทันหรอ ที่เดินผ่านไปนี่พวกเขายังไม่ได้เข้าไปแสดงที่หน้าศาลหรอ?” พอร์ชถามด้วยความสงสัย เพราะ
ถ้าเอาตามความเข้าใจของเขาแล้ว หลังจากที่ขบวนแห่งต่างๆ วนกลับมาเมื่อครบรอบก็จะเป็นการแสดงรอบสุดท้าย
แล้วไม่ใช่หรอ…รึไง?



            “ทันพวกมังกร สิงโต เอ็งกอ แต่ไม่ทันพวกขบวนพาเหรดของโรงเรียนที่เราดูเมื่อเช้าไง อันนั้นเขาจะเล่น
ก่อนที่เจ้าพ่อเจ้าแม่จะเข้าศาล ส่วนพวกมังกรจะเล่นที่หลังปิดท้าย” โซ่อธิบายให้คนรักเข้าใจ เพราะรอบบ่ายจะไม่
เหมือนรอบเช้าที่ให้พวกคณะเอ็งกอ มังกร สิงโตออกไปก่อนแล้วตามด้วยขบวนพาเหรดของโรงเรียนต่างๆ แต่การ
แสดงในช่วงเย็นจะสลับกันให้ขบวนพาเหรดเข้าก่อน คณะอื่นๆ ค่อยตามเข้าไปหลังจากที่แห่เจ้าพ่อเจ้าแม่กลับเข้า
ไปประทับที่ศาลเจ้าชั่วคราวดังเดิม เหมือนตอนที่ออกไป



            “อ๋อ~” พอร์ชลากเสียงยาวอย่างเข้าใจ



            “อา…งั้นแม่ก็อดดูขบวนพาเหรดสวยๆนั่นละสิ” แม่ของพอร์ชทำหน้าเสียดาย มองตามท้ายขบวนพาเหรด
ของโรงเรียนที่ปิดขบวนไปจนสุดสายตา



            “เดี๋ยวโซ่พาแม่ไปดูดักรอดูที่จุดสุดท้ายที่เขาแปลขบวนก่อนเข้าศาลก็ได้ฮะ เพราะถ้าให้ไปนั่งดูที่หน้าศาล
ตามเวลาคงไม่ไหว แดดร้อนเกิน” อาจจะเป็นเพราะว่าได้อยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น โซ่จึงเรียกชื่อตัวเองแทนคำว่าผม
อย่างก่อนหน้าไปโดยปริยาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าทักท้วง เพราะกลัวว่าเจ้าตัวจะเขินอายจนกลายเป็นเปิดช่องว่าง
ที่ปิดไปแล้วขึ้นมาอีก



            “ก็ดีนะ นานๆได้มาเที่ยว แม่ก็อยากจะดูให้ครบไปเลย” แล้วก็เป็นเช่นเดียวกันกับทุกทีที่คุณนายปลื้มจิต
มักจะเห็นดีเห็นงามกับลูกสะใภ้อยู่เสมอ



            “ป๋าว่าไอ้โซ่จะใช่ลูกของแม่ที่พลัดพรากกันไปนานรึเปล่าวะ ถึงได้รักกันขนาดนั้น” พอร์ชเอนศีรษะซบบ่า
คนเป็นพ่อแสร้งทำเป็นอ่อนใจ ทั้งที่ความจริงแล้วเจ้าตัวก็กำลังรู้สึกภูมิใจที่ได้เห็นคนรักกับแม่เข้ากันได้ดี ไม่มีปัญหา
แม่ผัวลูกสะใภ้แบบคนอื่นให้ต้องกังวล



            “มึงก็รู้ว่าแม่มึงหลงเจ้าโซ่มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว” พ่อของพอร์ชพูดบอกพร้อมกับดันหัวลูกชายออกจาก
บ่าเหมือนรังเกียจ บอกเลยว่าถ้าเป็นคนอื่นนี่เขาหึงไปแล้ว แม้ว่าจะเป็นลูกสะใภ้ แต่ก็ยังเป็นผู้ชาย แต่พอเป็นโซ่แล้ว
กลับไม่เคยมีความคิดแบบนั้นอยู่ในหัวเขาเลย เพราะรู้ดีว่าภรรยาของตนเองอยากได้โซ่มาเป็นลูกชายตั้งแต่ไหนแต่
ไรแล้ว เพราะโซ่เป็นเด็กอ้วนตัวกลมๆที่โคตรน่ารัก ชอบพูดจ๊ะจ๋าออดอ้อนทำคนหลงรักมานักต่อนัก ไม่เว้นแม้แต่ตัว
ของเขาเองก็ตามก่อนที่จะหายไปแล้วกลายโตมาเป็นคนนิ่งเงียบแบบนี้



            “นั่นสิเนอะ”

,,

,,

,,

            “ผมพาพอร์ชไปเดินเล่นนะม่า” โซ่กระซิบบอกกับอาม่าที่นั่งอยู่ข้างกันหลังจากที่ทานอาหารบนโต๊ะจัดเลี้ยง
จนอิ่มแล้ว ที่เหลือก็มีแต่รอให้พวกคุณหญิงคุณนายหรือไฮโซโอท็อปเขาแข่งกันประมูลสิ่งของต่างๆของเจ้าพ่อเจ้าแม่
ที่ทางเถ่านั้ง(หัวหน้าผู้จัดงาน)นำออกมาประมูล



            “ไปสิ แล้วกลับมาเจอกันที่ร้านนะ…ม่าจะรอ” คราวนี้อาม่ายอมอนุญาตแต่โดยดี เพราะรู้ว่าการประมูลที่สนุก
สำหรับคนวัยเดียวกันกับตน มันจะกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อมากในวัยของโซ่ พอได้รับคำอนุญาตแล้ว โซ่ก็หันไปสะกิด
คนรักอย่างรู้กัน พอร์ชเองก็หันไปพูดคุยกับพ่อแม่ของตนเองอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะพากันเดินออกมาจากลานประมูลทันที
เพราะเบื่อเต็มทน



            “ดูเหมือนว่าอาม่ามึงกับแม่กูจะเข้ากันได้ดีเลยนะ” พอร์ชพูดบอกในขณะที่สายตาก็มองเหม่อออกไปตาม
เส้นทางความยาวของแม่น้ำทั้งสายที่ทอดยาวไปสุดสายตา เพราะหลังจากที่เดินเล่นและซื้อของฝากจนทั่วแล้ว
พวกเขาก็ไม่รู้จะไปไหนกันต่อ เพราะกระประมูลยังไม่จบ โซ่เลยพาพอร์ชเดินนั่งเล่นอยู่ตรงเขื่อนข้างริมน้ำที่ทาง
เทศบาลเขาจัดไว้ให้ชาวบ้านมานั่งเล่นชมวิวริมแม่น้ำน่าน ซึ่งเป็นแม่น้ำสายเดียวกันกับที่พิจิตร ที่ๆโซ่ชอบไปนั่งดู
เพราะมันทำให้เขาหายคิดถึงอาม่ากับก๋งที่อยู่ทางนี้ไปได้บ้าง



            “ก็ดีแล้ว” สำหรับโซ่แล้วก็คงจะไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกดีไปมากกว่าการที่ได้เห็นผู้ใหญ่ที่ตนรักและเคารพ
ของตนและคนรักเข้ากันได้ดีอย่างนี้



            เช้าวันต่อมา…



            “เมื่อคืนแม่ประมูลอะไรมามั่งอ่ะ?” พอร์ชเอ่ยถามในขณะที่อยู่บนรถระหว่างเดินทางกลับบ้านที่พิจิตร
ในช่วงสาย เพราะกว่าจะจับให้คุณนายปลื้มจิตกับอาม่าของโซ่แยกออกจากกันได้ ทำเอาเสียเวลาไปหลายชั่วโมง
เพราะสองสาวเขามีเรื่องพูดคุยกันมากมาย



            “หึๆ” ยังไม่ทันที่คุณนายปลื้มจิตจะได้ตอบอะไร เสี่ยใหญ่ผู้เป็นสามีที่ทำหน้าที่สารถีก็หัวเราะขัดขึ้นมาเสียก่อน



            “ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะคุณ…แม่ได้อันนี้มา แบ่งกันไปเลยคนละปึก ใครโชคดีก็เอาไปเลย…แม่ให้” คุณนาย
ปลื้มจิตยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนที่จะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าถือที่วางอยู่บนตัก หยิบสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบชุดสิบใบจำนวนห้า
ชุดออกมาแบ่งให้โซ่กับพอร์ชคนละปึก ส่วนสองชุดที่เหลือเธอก็เก็บไว้เสี่ยงโชคเอง



            “โอ้ย…มันคงจะถูกละเนอะ! ผมละเชื่อแม่เลย คนอื่นเขาก็ประมูลของมงคลของมีค่ากัน นี่แม่เอาอะไรมาเนี่ย”
พอร์ชหัวเราะขำออกมาเสียงดัง เพราะถ้าจำไม่ผิดอาม่าของโซ่ก็ประมูลทีกงเต็ง หรือ ต้นไผ่ประดับโคมบูชาเทพยดา
ฟ้าดินประจำปีไป แล้วนี่อะไร? คุณนายปลื้มจิตกลับประมูลสลากกินแบ่งรัฐบาลมาเฉย สมแล้วกับป๋าชอบว่า ‘โต๊ดไม่เต็ง
เก็งก็พลาด’ เพราะร้อยวันพันปีคุณนายเธอจะถูกหวยกับชาวบ้านเขาสักที แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกคนก็รู้ดีว่าเธอไม่ได้งมงาย
หวังรวยด้วยหวย เพราะเธอยังคงตั้งหน้าตั้งตาช่วยสามีบริหารงานกิจการร้านค้าของตัวเองอย่างขันแข็ง แต่อาจเป็น
เพราะว่านึกสนุกที่เห็นลูกน้องเล่นก็เลยเล่นตามไปแบบขำๆ ถูกก็ดี ไม่ถูกก็ไม่เป็นไรประมาณนั้น



            “ทำเป็นขำไปเถอะ อาม่าบอกว่าหวยของเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่ถูกประมูลไป มีคนถูกทุกปี…ถ้าฉันถูกขึ้นมาอย่ามา
ขอแบ่งก็แล้วกัน…ชิ!” คุณนายปลื้มจิตทำเป็นสะบัดบ๊อบใส่ลูกชาย แล้วหันไปทำตาค้อนใส่สามีที่ทำเป็นพยักหน้า
เออออเห็นเห็นดีเห็นงามไปกับคำพูดของพอร์ช

..

..

..

            สองสัปดาห์ต่อมา…



            30 ธันวาคม 2560



            “ทำอะไรกันครับสาวๆ” พอร์ชที่เพิ่งกลับมาจากเอารถไปส่งให้ลูกค้าที่ต่างอำเภอ ร้องถามเมื่อเห็นแม่กับ
คนรักอย่างโซ่กำลังนั่งหน้าจอโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง พร้อมกับแม่บ้านและพนักงานขายกับพนักงานบัญชี
ที่เป็นผู้หญิงอีกสองสามคน



            “อย่าเสียงดังสิเจ้าพอร์ช ไม่เห็นหรอว่าพวกแม่กำลังใช้สมาธิกันอยู่” พอได้ยินอย่างนั้น พอร์ชก็รีบหันไปมอง
บนหน้าจอโทรทัศน์ที่ไม่ได้สนใจมองในตอนแรกทันที ถึงได้รู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้สาวๆถึงได้ทำหน้าเครียดเหมือน
ว่าโลกจะแตกอย่างนี้



            “ดูไปก็เท่านั้นแหละแม่ ผมไม่เคยเห็นแม่ถูกสักที” พอร์ชว่าพลางนั่งลงข้างโซ่ ยกแขนพาดคอ โน้มตัวดึงคนรัก
เข้ามากอด โซ่เองก็ยอมเอนตัวเข้าหาอย่างว่าง่าย แต่สายตาก็ยังคงจับจ้องอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์เช่นเดียวกันกับที่สาวๆเป็น



            “หุบปากสักทีพอร์ช…กูรำคาญ” คราวนี้คุณนายปลื้มจิตทำเป็นหูทวนลม แต่กลายเป็นโซ่เสียเองออกปากว่าออกมา
ทำเอาพอร์ชรู้สึกแปลกใจ เพราะปกติแล้ว โซ่ไม่ใช่คนที่สนใจในเรื่องของหวยเลย ไม่ว่าจะเป็นใต้ดินหรือบนดิน เรียกว่าไม่รู้จักเลยจะดีเสียกว่า เพราะเจ้าตัวเคยถามคุณนายปลื้มจิตแม่ของเขาว่าหวยใต้ดินกับหวยบนดินต่างกันอย่างไร ตอนที่คุณนายเธอวานให้เจ้าตัวช่วยจดเลขเด็ดจากพี่ๆในร้านให้



            “มึงก็เป็นไปกับเขาด้วยหรอห้ะน้องนิ่ง?” พอร์ชแกล้งออกแรงรัดคอโซ่เบาๆ อย่างหยอกๆ แต่โดนโซ่ถองศอกใส่เข้า เล่นเอาจุก



            “กรี๊ด! ของหนูก็ถูกเหมือนกันน้องโซ่!” คุณนายปลื้มจิตหวีดร้องออกมาอย่างลืมตัวด้วยความดีใจ เมื่อสลากกินแบ่งรัฐบาลของโซ่ที่อยู่ในมือของเธอมีเลขตรงกันกับรางวัลที่สามที่เพิ่งถูกประกาศออกมา หลังจากที่ตัวเธอเองถูกรางวัลที่ห้าไปแล้ว



            “อร๊าย! ถูกทั้งคุณนายทั้งน้องโซ่เลย…น่าอิจฉาจัง” หนึ่งในพนักงานขายที่เดินพูดคุยกับเพื่อนของเธอออกไป ทิ้งท้ายไว้ให้พอร์ชได้ยิน ก่อนที่จะเดินออกไปทำงานของเธอตามเดิม



            โซ่อ้าแขนรับร่างของคุณนายปลื้มจิตที่พุ่งเข้ามากอดตนเองด้วยความดีใจไม่ต่างกัน ในขณะที่พอร์ชได้แต่ทำหน้าเหวออย่างไม่อยากจะเชื่อหูที่ว่า แม่และคนรักถูกรางวัลด้วยกันทั้งคู่



            “ตลกแล้ว…ดูผิดรึเปล่าแม่?” พอร์ชเอ่ยถามกับคนเป็นแม่หลังจากที่คุณนายปลื้มจิตยอมปล่อยให้โซ่เป็นอิสระ



            “เสียใจย่ะ! ฉันถูกสามตัวท้าย ของน้องโซ่ถูกรางวัลที่สาม ส่วนแกกับพ่อแกไม่เฉียดรางวัลอะไรเลย…สมน้ำหน้าอยากปากเสียดีนัก” คุณนายเธอทำเป็นจัดเสื้อผ้าหน้าผม เชิดหน้าพูดบอกเหมือนสะใจ เสร็จแล้วก็เดินหนีขึ้นห้องทำงานไป เพราะในส่วนของพอร์ชที่ฝากโซ่ไว้นั้นไม่ถูกรางวัลใดเลย



            “จริง?” เมื่อแม่หายไปรับตาแล้ว พอร์ชก็หันมาถามย้ำกับคนรักอีกที



            “อือ” โซ่หัวเราะขำออกมาเบาๆ เมื่อเห็นคนรักทำหน้าตลก ก่อนที่จะเดินหนีขึ้นห้องไป



            พอร์ชยังคงยืนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ที่เดิมพักใหญ่ สองมือพนม ยกขึ้นเหนือหัว แล้วพูดบอกออกมาเสียงดังว่า…



            “อย่าลืมลูกสาวลูกชายที่ผมขอไปนะครับเจ้าพ่อเจ้าแม่…สาธุ!”









TBC.

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
โถถถ เรื่องถูกหวยพอร์ชคงไม่ซีเท่าไหร่ ที่หวังมาก ๆ เห็นทีจะเป็นเรื่องลูกสาวลูกชายนี่สินะ ฮา

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
พอร์ชจะสมหวังดังที่ขอให้เปล่าหนอ  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ขอลูกก็ต้องขยันปั๊มกันน๊าาาาา อิอิ

ออฟไลน์ WaterProof

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ขอให้สมใจปรารถนาน้าาาาาา

ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ ffffff

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทำไมรู้สึกว่าโซ่เมะอะ คือแบบฟิลแบบโซ่เมะตั้งแต่อ่านตอนแรกเลยอะ 55555555

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ
เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{25}







            “เฮ้ย…ลืมเอาใบขออนุญาตไปให้แม่เซ็นเลยว่ะ” พอร์ชพูดขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนมีเอกสาร
ขออนุญาตผู้ปกครองเกี่ยวกับเรื่องการเข้าค่ายในปลายเดือนมกราคม หลังจากเสร็จงานกีฬาสีได้สาม
สัปดาห์มาให้แม่เซ็นให้ แม้ว่าสายตาของคนภายนอกจะมองว่าเด็กช่างแก่แดดแก่ลม แต่อย่าลืมสิว่า
ถ้านับจากอายุจริง พวกเขาก็เทียบเท่ากับเด็กมัธยมปลายธรรมดาๆ ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จะทำอะไร
แต่ละที ก็จำเป็นต้องขออนุญาตจากผู้ปกครองทุกครั้ง



            “ก็เอาไปให้เขาเซ็นซะสิ จะโวยวายทำห่าอะไร” โซ่ที่นั่งทำรายงานอยู่ตรงข้ามกัน เงยหน้า
ขึ้นมาบอกอย่างเหวี่ยงๆ เหมือนรำคาญ เพราะเสียงโวยวายของพอร์ชเมื่อครู่มันทำให้เขาตกใจ จน
เขียนตัวเลขผิด เลยจำต้องมีรอยน้ำยาลบคำผิดสีขาวๆ ขีดทับตัวหนังสือให้แปดเปื้อนบนหน้า
กระดาษในแบบที่เขาไม่ชอบ



            “หนูจ๋าเอาไปให้หน่อยสิ พี่ละจากตรงนี้ไม่ได้…เดี๋ยวอะไหล่หาย” ไอ้คนที่กำลังนั่งประกอบ
โมเดลบิ๊กไบค์คันใหม่ที่เพิ่งได้มาหลังจากสั่งซื้อไปเป็นเดือน เพราะเป็นของนำเข้า กระพริบตาปริบๆ
ร้องขอให้คนรักที่กำลังหัวหมุนกับการนั่งทำรายงานแบบเอาเป็นเอาตายมากว่าสองชั่วโมง ไปจัดการ
ธุระแทนตัวเองเสียอย่างนั้น เพราะกลัวว่านอตตัวเล็กตัวน้อยซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของโมเดลรถ
ตนเองจะหล่นหาย ถ้าหากว่าตนเผลอละสายตาไป



            “มึงนี่มันจริงๆเลยนะไอ้หมา!” ถึงปากจะบ่น แต่โซ่ก็ยอมลุกเอาเอกสารการขออนุญาต
ผู้ปกครองของพอร์ชที่เจ้าตัวกำลังหยิบยื่นมาให้ออกไปจากห้องทันทีเช่นเดียวกัน แต่จะโทษ
ใครก็ไม่ได้ ในเมื่อตัวเขาเองก็เผลอใจอ่อนไปกับสายตาออดอ้อนเหมือนลูกหมานี่ไปซะทุกที



            “อ้าว! แล้วทำไมมันไม่เอาของตัวเองไปด้วยวะ” พอร์ชที่เหลือบไปเห็นว่าเอกสารขอ
อนุญาตเข้าค่ายของคนรักยังวางอยู่ที่เดิม เพราะเจ้าตัวหยิบแต่ของเขาไป ก็เลยยอมวางมือ
จากโมเดลรถที่หวงนักหวงหนา เดินตามคนรักออกจากห้องไปอีกคน



            ก๊อก ก๊อก ก๊อก



            “แม่ฮะโซ่เอาเอกสาร…” เคาะประตูบอกตามมารยาทก่อนที่จะเปิดเข้าไปเหมือน
ทุกทีที่เคยทำ โดยที่ไม่รู้ว่าคุณนายปลื้มจิตไม่ได้อยู่คนเดียว เพราะกระจกห้องทำงาน
เป็นแบบ One Way ที่คนภายนอกไม่สามารถมองทะลุเข้าไปได้ อีกทั้งตอนนี้ก็ค่ำแล้ว
ทั้งห้องทำงานก็คงจะเหลือแค่พ่อกับแม่ของพอร์ชที่ยังคงช่วยกันทำงานต่อเหมือน
อย่างทุกทีนั่นแหละ



            “ใครให้เข้ามา!” เสียงตวาดของใครบางคนที่ดังสวนกลับมาทำให้โซ่ที่กำลัง
ก้มหน้าอ่านรายละเอียดของเอกสารขึ้นมามองอย่างเสียไม่ได้



            “ทำไมถึงพูดแบบนั้นกับน้องห้ะออดี้! น้องโซ่มีธุระอะไรกับแม่รึเปล่าครับ”
คุณนายปลื้มจิตเอ็ดลูกชายคนโตเสียงเข้ม ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาถามโซ่ด้วยน้ำเสียง
ที่อ่อนลงกว่าเดิม นั่นยิ่งทำให้ออดี้ที่กำลังอยู่ในช่วงสภาวะอารมณ์ไม่มั่นคง รู้สึกฉุนเฉียว
มากขึ้นไปอีก



            “โซ่เอาใบขออนุญาตเข้าค่ายของ…” ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่โซ่รู้สึกสนิทใจกับพ่อแม่
ของคนรักจนเผลอเรียกชื่อแทนตัวเองมาจนเคยตัว หลังจากที่ไม่ได้ใช้มานานกว่าสิบปี



            “ออกไปเลย แม่ลูกเขาจะคุยกัน…คนนอกไม่เกี่ยว” ยิ่งเห็นแม่เข้าข้างคนอื่นมากเท่าไหร่
ออดี้ก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น เพราะเมื่อครู่นี้ตนเพิ่งโดนคนเป็นแม่สวดใส่มาชุดใหญ่ เขาลุกขึ้น
เดินมาผลักอกโซ่อย่างแรง จนโซ่กระเด็นออกนอกห้อง แล้วใช้คำว่า ‘คนนอก’ ตบหน้าโซ่เข้าฉาด
ใหญ่ ก่อนที่จะประตูใส่ แต่ถูกใครมือของใครบางคนยันประตูไว้เสียก่อน



            “ออดี้!” คุณนายปลื้มจิตตวาดเสียงหลง เมื่อได้ยินในสิ่งที่ลูกชายคนกลางของตนพูดว่าโซ่
เพราะอย่างที่รู้กันว่าทุกคนในบ้านนี้ยกเว้นออดี้ที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเขาเลย กำลังเป็นกังวล
เรื่องสภาวะจิตใจของโซ่เป็น ที่แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา แต่ทุกคนก็รับรู้ได้ว่า
ความอ่อนแอที่ฝังรากลึกอยู่หัวใจของโซ่ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นกำแพงน้ำแข็งสูงชันที่พวกตนกำลังใช้
ความรักเป็นตัวละลายมันทิ้งไป แล้วนี่อะไร? ทำไมออดี้ ลูกชายคนที่เธอเคยคิดว่ามีนิสัยเป็นมิตรและ
อ่อนโยนมากที่สุดในบรรดาสามพี่น้องกลับมาทำให้ทุกอย่างพังลงไปต่อหน้าต่อตาของเธออย่างนี้



            “ไอ้พอร์ช!” ออดี้เรียกชื่อน้องเสียงแข็ง เมื่อเห็นหน้าของคนที่เข้ามาขวาง



            “เออ! กูเอง…มึงจะทำไม?” พอร์ชก้าวขึ้นมาเผชิญหน้ากับพี่ชาย ใช้ตัวบังคนรักเอาไว้
มองหน้า จ้องตา แสดงสีหน้าที่บ่งบอกถึงความท้าทายออกมาได้อย่างชัดเจน



            “มึงกล้าผลักกูหรอ?” ออดี้กระชากคอเสื้อพอร์ชเข้าหาตัวอย่างแรง



            “แล้วไง? ทีมึงยังผลักเมียกูได้เลย ทำไมกูจะผลักมึงคืนบ้างไม่ได้” เลิกคิ้วถามด้วย
สีหน้ายียวนกวนประสาท เพราะเขาลงมาได้เห็นและได้ยินในสิ่งที่พี่ชายทำกับโซ่ด้วยสองตาตัวเอง



            “แต่กูเป็นพี่มึงนะ!” ออดี้ว่า แม้ปกติพวกเขาทั้งสองคนจะพูดกูมึงใส่กันเป็นเรื่องปกติ
แต่พอร์ชไม่เคยมีท่าทีต่อต้านแบบนี้กับตนเลยสักครั้ง



            “พี่แล้วไง? ไม่ใช่พ่อกูนี่! ป่ะ…กลับห้องกัน” พอร์ชออกแรงผลักอกพี่ชายอีกที จนออดี้เซ
ไปไกล แล้วหันหลังกลับมาคว้ามือคนรัก จะพาเดินกลับห้อง แต่ถูกออดี้ที่ความพาลครอบงำความคิด
ถึงขีดสุดเดินเข้ามากระชากต้นแขนของโซ่ไว้เสียก่อน



            “อย่าเดินหนีกู” เขาบีบต้นแขนของโซ่จนสุดแรง แต่โซ่ก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงออกถึงความ
เจ็บปวดใดๆออกมาทั้งนั้น แม้ว่าจะปวดร้าวไปถึงกระดูกแล้วก็ตาม



            “ปล่อยน้องนะออดี้!” คุณนายปลื้มจิตที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดรีบเข้ามาห้ามพร้อมทั้งยัง
พยายามที่จะแกะมือของออดี้ออกจากต้นแขนของโซ่ แต่เธอก็สู้แรงคนหนุ่มของลูกชายไม่ไหว



            “มึงเป็นเหี้ยอะไรวะดี้! จะเอาให้ได้เลยใช่ป่ะ?” พอร์ชถาม



            “แล้วยังไง? มึงมีปัญญาจะทำอะไรกูได้ห้ะไอ้พอร์ช?” ออดี้ตีมึน ถามกลับอย่างกวนๆ
ไม่รู้ทำไม ยิ่งเห็นทุกคนปกป้องไอ้หน้าอ่อนนี่แล้วเขายิ่งโมโห



            แต่เขาไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ความจริงแล้ว เขาแค่ต้องการหาคนมาระบายความหงุดหงิด
ที่เกิดมาจากความผิดพลาดของตนเองก็เท่านั้น ถึงได้หน้ามืดตามัวเหมือน ทำตัวไร้สติ แยก
ไม่ออกว่าสิ่งไหนผิดสิ่งไหนถูกเช่นนี้



            “กูก็จะกระทืบให้มึงหายบ้านี่ไงไอ้พี่เหี้ย!” พอร์ชดันตัวแม่ออกจากวิถี ยกขาขึ้นถีบ
กลางอกพี่ชาย จนเจ้าตัวหงายหลังกระเด็นไปไกล ก่อนที่จะเข้าไปกระทืบซ้ำรัวๆแบบไม่มี
หยุดพัก ใช้เท้าเน้นๆ ไม่มีมือผสมให้ระคายเคือง ก่อนที่จะเสียหลักเมื่อออดี้ถีบสวนกลับมา
แล้วลุกขึ้นค่อมต่อยพอร์ชทันทีเช่นกัน เรียกได้ว่าแลกกันหมัดต่อหมัดเลยก็ได้ ทำเอาโซ่เริ่ม
อยู่ไม่นิ่ง มือเท้าเริ่มกระตุก อยากที่จะเดินเข้าไปช่วยคนรัก แต่ติดก็ตรงที่โดนคุณนายปลื้มจิต
ฉุดรั้งไว้ด้วยอ้อมแขนทั้งสองข้างของเธอนี่แหละ ทำให้เขาไม่กล้าสะบัดตัวแรง เพราะเกรงว่า
ตนจะทำให้แม่ของคนรักบาดเจ็บเพิ่มขึ้นอีกคดี หลังจากที่ตัวเองกลายเป็นสาเหตุให้คู่พี่น้อง
ตรงหน้าต่อยตีกันไปแล้ว



            “หยุด! พวกมึงเป็นบ้าไปแล้วรึไง! กัดกันอย่างกับหมา!” พ่อของพอร์ชที่เพิ่งกลับมา
จากข้างนอก รีบเดินเข้ากระชากคอลูกชายทั้งสองคนของตนเหวี่ยงไปคนละทาง ตวาดเสียง
เข้มด้วยสีหน้าและท่าทางที่แสดงถึงความโกรธจัด เพราะตั้งแต่ที่ทั้งสองคนโตมาจนรู้ความ
เขาไม่เคยเห็นพี่น้องคู่นี้ตีกันจนหัวร้างข้างแตกอย่างนี้สักที อย่างมากก็งอนกันแค่ไม่กี่วัน…แล้วนี่อะไร!



            “ป๋าก็ถามมันเอาเองเถอะว่าเป็นเหี้ยอะไร ถึงได้เที่ยวมากัดคนอื่นเขาอย่างนี้” พอร์ช
พูดบอกกับพ่อเสียงห้วน แล้วจงใจเดินชนไหล่พี่ชายที่ยืนขวางอยู่ตรงกลางไปหาโซ่ที่ยืนเป็น
หลักให้คุณนายปลื้มจิตเกาะอยู่ กระชากแขนคนรักมาจากมือแม่ แล้วพาเดินหนีออกจากห้องทันที



            “ปล่อย…กูเจ็บ…กูบอกว่าเจ็บไงพอร์ช!” โซ่พยายามที่จะดึงแขนตัวเองออกจากการจับ
กุมของคนรักมาตลอดทาง แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะพอร์ชยังคงฉุดกระชากลากถูกโซ่ไม่ยอมปล่อย
จนกระทั่งมาถึงห้อง



            ปึง!



            หมับ!



            “พอร์ช…มึง” จากที่เคยโวยวายมาตลอดทางเพราะความเจ็บก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึง
เมื่อจู่ๆพอร์ชก็หมุนตัวกลับมากอดตนเองไว้แน่น ก่อนจะพูดออกมาว่า…



            “ใครจะพูดอะไรก็ไม่ต้องไปฟังมันหรอกนะโซ่ เพราะกูรักมึง ต่อให้คนทั้งโลกเกลียดมึง
กูก็จะรักมึง เพราะเราคือครอบครัว” พอร์ชไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้คนรักกลับมารู้สึกดีเหมือนเดิม
เพราะขนาดเขาที่เป็นคนฟังยังรู้สึกแย่ แล้วคนที่โดนตบหน้าด้วยคำพูดที่ถูกฝังรากลึกอยู่ในจิตใจ
เหล่านั้นแบบโซ่จะรู้สึกอย่างไรกัน



            “อือ…แค่มึงก็พอ” พึมพำตอบรับเบาๆ ก่อนที่จะซุกหน้าซบลงบนอกแกร่งของคนรัก
ตั้งแต่คบกันมาตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ โซ่ก็เพิ่งจะรู้นี่แหละว่าอ้อมแขนของพอร์ชที่เขาเคยบ่น
ว่าอึดอัดตอนที่เจ้าตัวกอดรัดในยามนอนหลับมันอบอุ่นมากขนาดนี้…อบอุ่นเสียจนหัวใจที่ห่อเหี่ยว
ไปแล้วพองโตขึ้นมาอีกครั้ง คิดแล้วก็พาลทำให้น้ำตาลูกผู้ชายรินไหลออกมาอย่างง่ายดาย

..

..

..

            “ฮึ่ย! โคตรหนาวเลยว่ะ” พอร์ชที่อยู่ในชุดกางเกงวอร์มสีกรมคาดฟ้ากับเสื้อพละสีชมพู
เช่นเดียวกับที่โซ่เองใส่เสื้อพละสีฟ้า ซึ่งเป็นสีประจำแผนกของเจ้าตัว



            “เสือกรั้นเองไง” โซ่ที่เพิ่งเดินตามลงมาที่หลังแต่ก็ทันได้เสียงบ่นของคนรัก ว่าพร้อม
กับเหวี่ยงเสื้อกันหนาวสีเข้มวางโปะลงบนศีรษะพอร์ชที่กำลังนั่งผูกเชือกรองเท้าอยู่ที่พื้น เพราะ
ก่อนหน้านี้โซ่ก็เตือนแล้วว่าให้ใส่เสื้อกันหนาวด้วย แต่พอร์ชก็ยังรั้น ทำเป็นไม่หนาว สุดท้ายก็
ต้องมานั่งทานมื้อเช้าด้วยอาการหนาวสั่น จนโซ่อดไม่ได้ที่จะวิ่งกลับขึ้นไปเอาเสื้อกันหนาวให้
คนรักถึงบนห้องนอนที่อยู่ชั้นสี่ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมของตัวเอง ซึ่งมีต้นเหตุมาจาก
ความรักที่โคตรเอาแต่ใจของพอร์ชตอนกลางดึกเมื่อคืน ที่ไม่รู้นึกคึกอะไรขึ้นมา พ่อคุณถึงได้
ลักหลับเขาตอนเกือบจะตีสองแบบนั้น ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องเป็นตัวแทนสีขึ้นไปชกมวยบนเวที!



            ฟอดดดด…



            “เมียใครวะ? น่ารักที่สุด” ยืดตัวขึ้นมาใส่เสื้อกันหนาวพร้อมกับหอมแก้มตอบแทน
โซ่เรื่องเสื้อกันหนาวเสียฟอดใหญ่ ก่อนที่จะนั่งลงใส่รองเท้าเหมือนเดิม



            “กูทำเองได้” โซ่รีบชักเท้ากลับอย่างเร็ว เมื่อพอร์ชคว้าข้อเท้าของตนเองไป ทำ
เหมือนว่าจะสวมรองเท้าให้



            “ยืนเฉยๆเถอะน่า…” พอร์ชบอกพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาจ้องโซ่ด้วยสายตาดุๆ
เป็นเชิงบังคับให้คนรักยืนอยู่นิ่งๆ เพื่อที่ตนจะได้สวมรองเท้าให้เจ้าตัวได้สะดวกๆ เสร็จ
แล้วก็พากันแว้นไอ้แมนลูกรักไปยังวิทยาลัยเหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำมาตลอดหลายเดือน



            “กูจะรออยู่ตรงนี้” พอร์ชพูดกับโซ่ที่อยู่ในชุดเตรียมพร้อมที่จะขึ้นชกมวยสากลเป็น
คู่สุดท้ายของการแข่งขันกับปกป้องซึ่งเป็นนักกีฬาจากสีชมพูของพอร์ช หลังจากที่ต่างฝ่าย
ก็ต่างชนะคู่ต่อสู้ของตนเองมาตลอดทั้งช่วงเช้า และด้วยเหตุที่ว่าสถาบันการศึกษาแห่งนี้ได้
คำนำหน้าขึ้นต้นว่า ‘วิทยาลัยเทคนิค’ ซึ่งเป็นแหล่งรวมนักเรียนนักศึกษาประเภทเสือ สิงห์
กระทิง และแรดไว้ด้วยกันทางวิทยาลัยจึงจำเป็นต้องวางกำหนดการให้การแข่งขันชกมวย
เสร็จสิ้นภายในวันเดียว เพื่อป้องกันปัญหาส่วนตัวของนักกีฬาที่อาจจะตามทีหลัง ส่วนการ
แข่งขันอื่นก็เป็นไปตามกำหนดการทั่วไปที่มีเวลาเว้นว่างให้นักกีฬาได้พักบ้าง อย่างเช่น
ตารางการแข่งขันฟุตบอลสีชมพูของพอร์ชที่จะได้ลงสนามแข่งกับสีเขียวเป็นนัดแรกในวันพรุ่งนี้



            “อือ” โซ่ไม่ได้พูดอะไรกลับมา เขาทำเพียงแค่พยักหน้ารับรู้ ก่อนที่จะเดินขึ้นเวทีไปตาม
เสียงเรียกของกรรมการพร้อมๆกับที่ปกป้องผู้ซึ่งยืนอยู่ข้างขอบเวทีอยู่แล้วสปริงตัวกระโดดข้ามเชือก
เส้นที่สี่เข้ามายืนอยู่กลางเวที ทำเอาคนดูทั้งสาวแท้และสาวเทียมข้างสนามอยู่ไม่เป็นสุข ตะโกนร้อง
เชียร์ออกมาด้วยเสียงหวีดแหลมจนปวดแก้วหู ต่างจากพวกคนดูที่เป็นผู้ชาย ไม่ว่าจะอยู่สีฟ้า สีชมพู
หรือสีใดก็ตาม ต่างก็เอนเอียงมาทางโซ่กันหมด ด้วยเหตุผลง่ายๆที่ว่า รู้สึกหมั่นไส้ในการวางท่า
ของปกป้องนั่นเอง



            แก๊ง!



            “Box!”



            เพียงแค่เสียงระฆังดังออกมาพร้อมกับที่กรรมการให้สัญญาณในการชก ปกป้องก็เข้า
ประชิดตัวโซ่ทันที ในขณะที่โซ่เองก็ทำได้แค่ถอยหนี แต่ไม่ได้หนีเพราะความกลัว เพียงแต่
โซ่กลัวว่าจะยั้งตัวเองไม่อยู่ จนเผลอทำอะไรรุนแรงลงไปเท่านั้นเอง เพราะการกติกามวยสากล
ไม่เหมือนกับคาดเชือกที่เขาถนัด จากที่เคยใช้ได้ทุกสัดส่วนของร่างกาย กลับมาถูกจำกัดเหลือ
เพียงแค่กำปั้นที่อยู่ใต้นวม โซ่เลยกะแรงต่อยของตัวเองไม่ค่อยถูก เขาจึงต้องถอยหนี เพื่อที่จะ
คำนวณแรงบวกจากการปะทะที่ปกป้องส่งเข้ามาเท่านั้นเอง



            “ไงวะ? ทำไมไม่สู้…หรือเกิดปอดแหกขึ้นมา?” ปกป้องถามด้วยน้ำเสียงยียวนชวนให้
โซ่สติแตก ก่อนที่จะวาดแขนชกเข้าที่โหนกแก้มข้างซ้ายของโซ่จังๆ แบบเต็มแรง จนโซ่เสียหลัก
เซถอยหลังออกมาหลายก้าว ทำเอาคนดูอย่างพอร์ชลนลาน แทบยืนไม่ติดที่ เพราะรู้ดีว่าร่างกาย
ของคนรักบอบช้ำเพียงใด เพราะความเอาแต่ใจของตนเอง แถมยังขึ้นชกในรอบเช้าแบบติดๆไปแล้ว
สองนัด เขาจะไม่แปลกใจเลย ถ้าหากโซ่เกิดทรุดขึ้นมา



            แก๊ง!



            “ไหวไหม? ไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนนะ ถ้าใครปากหมา กูจะตามกระทืบให้เอง” พอร์ชรีบเข้า
ไปชิดติดขอบเวทีทันทีเมื่อโซ่กลับมานั่งพักที่มุมของตนเอง หลังจากได้ยินเสียงระฆังบอกหมด
เวลาในยกแรก ทั้งยังย้ำให้โซ่สบายใจ เพราะไม่อยากให้คนรักฝืนร่างกายตัวเอง เพียงเพราะกลัว
คำดูถูกดูแคลนจากปากใคร



            “ไม่เป็นไร…กูแค่รอดูเชิงมวยมันเฉยๆ” โซ่บอกปัดด้วยรอยยิ้มซีดเซียว จนพอร์ชเริ่ม
เป็นห่วง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยกหลังมือขึ้นสัมผัส ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของคนรักที่บริเวณ
หน้าผากและลำคอ



            “ไม่เป็นไรได้ไง! ตัวร้อนขนาดนี้! ไม่รู้แหละ…ถ้ายกนี้ไม่ชนะกูจะให้รุ่นพี่มึงโบกผ้าขาว
ยอมแพ้แล้วนะ” พอรู้ว่าคนรักไข้ขึ้น พอร์ชก็แทบคลั่ง หลุดปากพูดดุออกไป ทั้งที่สาเหตุในการ
ป่วยของโซ่ครั้งนี้ก็เกิดขึ้นมาจากความเอาแต่ใจของตน



            แก๊ง!



            ยังไม่ทันที่โซ่จะได้พูดตอบอะไรกลับมา เขาก็ถูกกรรมการเรียกกลับเข้าไปยืนกลาง
เวทีทันทีที่เสียงระฆังซึ่งเป็นสัญญาฯในการชกในยกถัดไปดังขึ้นมา



            “ไงมึง…ไปอ้อนผัวมาหรอวะ?” เขายิ้มเย้ยแล้วเหวี่ยงหมัดชกไปบริเวณหน้าอกของ
โซ่เบาๆ แต่ดูรุนแรงมากในสายตาคนดูที่ยืนอยู่รอบเวที



            “ไอ้เหี้ย! ถ้ามึงเจ็บอีกมึงเตรียมแพ้ได้เลยโซ่!” พอร์ชคำรามลั่นแบบไม่สนหน้าอินทร์
หน้าพรหมที่ประทับองค์ลงอยู่ในตัวรุ่นพี่ประธานสีของโซ่เลยแม้แต่น้อย เพราะความอดทนของ
เขามันเหลือน้อยลงทุกที ในยามที่ปลายนวมของปกป้องกระแทกลงบนร่างกายของโซ่



            เช่นเดียวกับที่โซ่เองก็กัดฟันยางแน่น เมื่อความหงุดหงิดเล็กน้อยในตอนแรก เริ่มปะทุ
กลายเป็นความโกรธแทน เพราะตนปกป้องเหวี่ยงหมัดมานั้นมันไม่ได้มีความเจ็บปวดที่ตรงไหนเลย
 เพราะมันจงใจลูบหน้าอกเขาเล่นอย่างเนียนมากกว่าที่จะต่อยแบบจริงๆจังๆ



            “หึ! หวงกันขนาดนี้แมร่งแสดงว่าลีลาดีจริง…ลองมากิ๊กกับกูดูไหม? เผื่อจะติดใจ”
ปกป้องแกล้งทำเป็นทรงตัวไม่อยู่ เมื่อถูกโซ่ผลักออกมาเบาๆ เขาแสร้งทำเป็นจะล้ม ใช้ตัว
ดันโซ่เข้าไปชิด ติดอยู่ในมุม จนกรรมการต้องเข้ามาแยก แต่ก่อนจะผละตัวออกไป ปกป้อง
ก็ใช้จังหวะวุ่นวายตอนที่กรรมการเผลอโน้มตัวเข้าไปเบียดกางกายของตัวเองเข้าหาโซ่
มิหนำซ้ำยังเอื้อมมือที่ติดอยู่ในนวมลูบเน้นวนไปที่ก้นของโซ่ ทำเอาพอร์ชที่จับตาดูคนรัก
อยู่ทุกฝีก้าวข่มกรามแน่น เตรียมพร้อมที่จะเหวี่ยงผ้าขาวในมือเพื่อเป็นการยุติการชก แม้ว่า
โซ่จะเป็นฝ่ายแพ้ก็ตาม แต่เขาไม่ต้องการที่จะเห็นคนรักอยู่ในสภาพคนป่วยแถมยังถูก
ลวนลามแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว



            แก๊ง…แก๊ง…แก๊ง!



            “สีชมพูหมดสภาพ…สีฟ้าชนะ!”



            “เฮ้!!!!!!!!!” ยังไม่ทันที่พอร์ชจะได้ทำตามใจปรารถนา คนดูข้างสนามก็เฮลั่น
เมื่อกรรมการประกาศถึงชัยชนะของโซ่ หลังจากที่เจ้าตัวน็อกคู่ต่อสู้อย่างปกป้องลงได้ด้วย
หมัดเดียว เช่นเดียวกับที่พอร์ชเองก็กระโจนขึ้นเวทีเข้าไปรับร่างของคนรักไว้ทัน ก่อนที่โซ่
จะหมดแรงล้มทั้งยืน ด้วยฤทธิ์ของพิษไข้ที่ดูเหมือนว่าจะรุนแรงมากขึ้นทุกที







TBC.

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มาแบบงงๆ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0

ออฟไลน์ uyong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด