(เรื่องสั้น) ....ดวงใจในภาพฝัน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) ....ดวงใจในภาพฝัน  (อ่าน 6724 ครั้ง)

Peridot_Garnet

  • บุคคลทั่วไป
เอาเรื่องสั้นที่เคยปั้นไว้มาลงค่ะ ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่แต่ก็ไว้ขัดเวลาที่ทุกคนว่างๆไม่มีอะไรทำละกันนะคะ  :pig4:

ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านนะคะ หึหึ.....//(มือใหม่หัดขีดค่ะ)  :m13:

ปล.เน่านิด เซงหน่อยก็ขออภัยด้วยนะคะ

//////////////////////////////////////////////

........เพียงแพรลมผ่านพลิ้ว ปลิวไหว
ระเรื่อยผ่านผิวไป ผ่อนเศร้า
แสงทองส่องไสว เมฆผ่าน เลื่อนลอย
ขับกล่อมดวงใจเฝ้า สื่อเจ้า หวลหา....

เสียงจรดปากกาและภาพของชายหนุ่มที่มีใบหน้าคมคายและแววตาที่ดูหม่นแสงเล็กน้อยคล้ายคนที่รอคอยความหวังบางอย่างที่ไม่รู้ว่าจะมีวันเป็นจริงหรือไม่แต่กลับมีรอยยิ้มน้อยๆแต้มที่มุมปากคล้ายจะพึงพอใจในการรอคอยนั้น หลังจากที่เขาบรรจงเรียงร้อยถ้อยคำผ่านปลายปากกาออกมาเป็นบทกลอนในยามเช้ารับแสงอรุณท่ามกลางเสียงนกน้อยที่พากันประสานเสียงคล้ายจะขับกล่อมและปลอบโยนชายหนุ่มอยู่กระนั้น...

“คุณพี่.....คุณพี่เจตน์สฤษฎิ์”เสียงอ่อนหวานของหญิงสาว หน้าตาสวยงามหมดจดกำลังเอ่ยเรียกชายหนุ่มที่เป็นทั้งพี่ชายและคนที่เป็นเจ้าของดวงใจของเธอมาตั้งแต่เด็กๆอย่างอ่อนหวานเหมือนชื่อของเจ้าตัว

“มีอะไรหรือ มธุรดา ถึงมาหาพี่ถึงนี่แต่เช้า” เสียงทุ้มและดูสุขมแต่แฝงไปด้วยความเอ็นดูเอ่ยถามคนที่เขารักและเอ็นดูเฉกเช่นน้องสาวแท้ๆของตนเลยทีเดียวเนื่องจากน้องสาวแท้ๆของเขาได้เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่พวกเขาอายุเพียงสิบกว่าปี เมื่อได้มาเจอหญิงมธุรดาที่อายุไล่เลี่ยกับน้องสาวของเขาซึ่งห่างจากเขาเกือบเจ็ดปี และด้วยความน่ารัก สดใสของหญิงมธุรดาก็ยิ่งทำให้เขาเอ็นดูน้องสาวคนนี้มากขึ้น

“พอดีเมื่อวานมีคนนำชาฝรั่งมาให้เจ้าคุณพ่อ หญิงก็เลยนึกถึงคุณพี่น่ะค่ะเพราะเห็นว่าคุณพี่ชอบดื่มชาฝรั่ง”

“ขอบใจนะ มธุรดา”

“ด้วยความเต็มใจเลยเจ้าค่ะ แค่คุณพี่ชอบมันหญิงก็ดีใจที่สุดแล้ว”

ชายหนุ่มไม่ได้กล่าวอะไรตอบได้แต่ยิ้มน้อยๆให้อย่างอ่อนโยน เขารู้ดีว่าความรู้สึกของหญิงมธุรดาที่มีให้เขานั้นเป็นเช่นไร แต่เขาก็ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกนั้นได้ ไม่ว่าจะหลายปีที่ผ่านมา จวบจนทุกวันนี้และตลอดไป..ความรู้สึกที่เขามีให้ก็เป็นได้แค่เพียงพี่ชายและน้องสาวเท่านั้น

อาการนิ่งเงียบของชายหนุ่มแบบที่ตัวหญิงสาวเองก็รู้ดีว่าชายผู้นี้เห็นเธอเป็นได้แค่เพียงน้องสาวเท่านั้น แต่ที่เธอเพียรแวะเวียนมาหา มาดูแลอยู่เรื่อยมาก็เพียงหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะเห็นเธอในฐานะของหญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่ใช่น้องสาวบ้างสักนิดก็เพียงพอแล้ว....

จากนั้นเจ้าคุณก็ชวนหญิงมธุรดาไปรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน และให้คนไปส่งหญิงมธุรดากลับไป เมื่อหญิงมธุรดากลับไปแล้วเจ้าคุณหนุ่มจึงไปนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ศาลากลางน้ำเพื่อรอเวลา ก่อนที่เจ้าคุณชัชพิมุข สหายที่สนิทที่สุดจะมาหาในยามบ่ายวันนี้หลังกลับจากการไปว่าราชการที่เชียงใหม่มากว่าหกเดือน

.....แต่ดูเหมือนเจ้าคุณหนุ่มจะไม่ได้แตะหนังสือที่ตนนำมาวางไว้บนโต๊ะที่ศาลากลางน้ำสักเท่าใดนักเพราะตั้งแต่มานั่งที่ศาลากลางน้ำ เจ้าคุณก็เอาแต่ทอดสายตาออกไปบนฟ้าสีครามที่เต็มไปด้วยก้อนเมฆสวยงาม และตกอยู่ในภวังค์ของตน โดยที่ยังไม่รุ้ตัวเลยว่าบ่ายนี้อาจจะเป็นบ่ายที่ดีที่สุดในชีวิตก็ว่าได้

... ‘กว่าสองปีที่เขาได้เห็นภาพฝันแปลกๆ ที่เป็นภาพของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งมีรูปร่างผอมบาง ผิวขาวละเอียด ผมสั้นสีน้ำตาลระต้นคอ และดวงหน้าเรียวงามที่ออกจะดูเหมือนผู้หญิงเสียมากกว่า แต่ใบหน้านั้นกลับเต็มไปด้วยความตระหนกตกใจ เหมือนตนได้หลุดมาอยู่ในที่แปลกถิ่น เพราะการแต่งกายแปลกๆที่ดูแตกต่างกับผู้คนรอบข้างอย่างเห็นได้ชัด ไม่เหมือนพวกบ่าวไพร่ แต่ก็ไม่เหมือนพวกผู้ดีมีเงินหรือแม้แต่พวกคนฝรั่ง......แปลกตายิ่งนัก แต่ดวงหน้าเล็กๆที่เต็มไปด้วยความตื่นกลัวตกใจก็กลับตรึงใจมาจนทุกวันนี้..

แรกๆเจ้าคุณหนุ่มเองก็ไม้ได้ติดใจอะไรนักแต่เขากลับฝันเห็นภาพเดิมๆแบบนี้เกือบทุกคืน และภาพนั้นก็ยิ่งติดอยู่ในห้วงคำนึงของเขามากขึ้นทุกทีๆทั้งยามฟ้ามืดหรือยามที่อาทิตย์ฉายแสงอร่ามก็ตาม

จนมาเมื่อปลายปีก่อนที่เจ้าคุณหนุ่มได้รับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของหญิงมธุรดา แต่ตัวเขาเองกลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลยนอกจากพาลคิดไปถึงเด็กหนุ่มในภาพฝันของเขาแทนจนตัวเขาเองยังประหลาดใจตัวเองยิ่งนัก

แต่ด้วยความที่เจ้าคุณหนุ่มผู้นี้เป็นคนที่ซื่อตรงต่อความรู้สึกนึกคิดของตนเอง ในตอนแรกที่เขาเริ่มรู้ใจตัวเองก็ยังแปลกใจนักว่ามันเป็นไปได้อย่างไร เพราะคนที่เขาเฝ้าคำนึงนั้นก็เป็นผู้ชายเฉกเช่นเดียวกับเขาและที่สำคัญนั่นเป็นเพียงแค่ภาพฝันเท่านั้น หาใช่จะเคยพบตัวจริง หรือแม้แต่ภาพฝันนั้นจะมีวันเป็นจริงได้หรือไม่ตัวเขาเองก็ยังไม่อาจล่วงรู้ได้

แต่เขากลับรู้สึกรัก โหยหา และผูกพันกับภาพฝันนั้น ดั่งคนที่เคยรู้จักและผูกพันกันมาแต่ชาติปางก่อน ยิ่งพอคิดไปถึงความรู้สึกที่หญิงมธุรดามีให้แล้ว เจ้าคุณหนุ่มยิ่งตระหนักดีว่า บัดนี้ดวงใจของเขาคงไม่สามารถตอบรับความรู้สึกนั้นได้ไม่ว่าจะเป็นหญิงใด หรือเมื่อไหร่ เพราะเวลานี้และตลอดไปใจของเขาก็มิอาจเป็นของตัวเขาเองได้อีกต่อไป.....

ทุกๆเช้าหลังจากตื่นมา เขาก็จะมานั่งประพันธ์บทกลอน เพื่อระลึกถึงภาพฝันในยามค่ำคืนที่คอยหล่อเลี้ยงดวงใจของเขาให้มีชีวิตชีวา และยังความรู้สึกถวิลหา รอคอย...รอคอยในสิ่งที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันจะมีจริงหรือไม่ แต่เขาก็รู้สึกเพียงแค่ว่า ขอแค่ให้พบในยามหลับ และนึกฝันได้ในยามตื่น ได้จรดลึกจารจำในใจมิเคยลืม และรำพันถึงด้วยปลายปากกากับสมุดแทนใจของเขาเท่านั้นก็เพียงพอ....’


อีกด้านหนึ่งหญิงมธุรดาเองก็ตกอยู่ในภวังค์ของตน และนึกหวลไปเมื่อปลายปีก่อนที่เธอได้พยายามรวบรวมความกล้า บอกความรู้สึกในใจของเธอออกไปให้เจ้าคุณเจตน์สฤษฎิ์ได้รับรู้ แม้มันอาจจะเป็นกิริยาที่ไม่เหมาะนักสำหรับหญิงสาวแต่เธอก็ยังตัดสินใจที่จะทำตามความต้องการของใจตัวเองอยู่ดี และแม้เธอจะรู้ว่าความรู้สึกของเธออาจจะไม่ได้รับการตอบสนองแต่เธอเองก็ไม่เคยคิดที่จะเสียใจ

เพียงหลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีจดหมายจากชายหนุ่มที่เธอรักที่สุดมาเอ่ยขอโทษ และบอกแต่เพียงว่า
“ มธุรดา...พี่ขอบใจที่หญิงมีความรู้สึกดีๆให้กับพี่ แต่พี่ก็ต้องขอโทษที่ไม่อาจจะตอบรับมันได้ แต่ขอให้หญิงรู้ไว้ว่าพี่ก็รักหญิงมาก...มากเหมือนน้องสาวในสายโลหิตของพี่ พี่รักและเอ็นดูหญิงเสมอ แต่พี่เสียใจที่ดวงใจของพี่นั้นกลับไม่มีพื้นที่เหลือ ไม่มี แม้แต่จะให้ตัวพี่เองไปนั่งอยู่ในใจของตัวเองได้อีกต่อไป...

แต่มันกลับเป็นของคนที่ไม่มีแม้แต่ตัวตนในยามกลางวัน ในโลกแห่งความเป็นจริง เป็นได้ก็แต่เพียงภาพฝันในยามค่ำคืน

หญิงเองอาจจะคิดว่าพี่นั้นฟั่นเฟือนไปแล้ว แต่มธุรดาเอ๋ย พี่เชื่อว่าวันหนึ่ง เมือหญิงได้พบคนที่หญิงรัก รักสุดหัวใจยิ่งกว่าที่หญิงรักพี่ หญิงจะเข้าใจเองว่า ความรักนั้นมันไม่มีเหตุผลสำหรับคำถามว่าทำไม

ไม่มีตำราเล่มใดเสลาสลักไว้ หากจะมีก็เพียงสายใยแห่งดวงใจที่ผูกพันกันและกันไว้ไปในทุกชาติภพ ให้เราได้รู้สึกถวิลหา และพร้อมที่จะรอคอยมันอย่างมีความหวัง แม้ว่าคนๆนั้นจะอยู่ที่ใดก็ตาม

สำหรับพี่ แม้จะเป็นเพียงแค่ภาพฝันที่อาจจะไม่มีแม้แต่สักวันที่มันจะเป็นจริงได้ และไม่ว่ามันจะนานเพียงใดก็ตาม พี่ก็พร้อมที่จะรอ......"

ด้วยรักและขอโทษ
-เจตน์สฤษฎิ์-


เมื่อคิดไปถึงจดหมายฉบับนั้น หญิงมธุรดาที่นั่งคิดอยู่บนเตียงก็ลุกขึ้นไปยืนที่ริบขอบหน้าต่าง และมองไปยังท้องฟ้าครามกว้างใหญ่

“ มธุรดาคนนี้ขอให้คุณพี่ที่รัก ได้เจอกับมนต์วิเศษ ที่จะทำให้ภาพฝันของคุณพี่ได้กลายมาเป็นความจริง มนต์ที่จะทำให้ใจของคุณพี่ได้หลุดพ้นจากการรอคอยและการถวิลหานั้น เพื่อคุณพี่จะได้มีความสุข

ไม่ใช่แค่ในยามค่ำคืนที่คุณพี่จะได้สัมผัสกับภาพฝันที่เป็นน้ำหล่อเลี้ยงดวงใจของคุณพี่ ที่เช้ามาก็กลับต้องเหือดแห้งไปด้วยภาพฝันนั้นที่จะค่อยๆจางหาย ดั่งหมอกควันที่ค่อยๆจืดจาง....

แม้เป็นได้แค่เพียงพี่น้อง แต่หญิงขอเพียงแค่ได้รู้ว่า คุณพี่ยังรัก และเป็นห่วงหญิงเสมอ มธุรดาคนนี้ก็ได้รู้สึกอิ่มใจบ้างแล้ว...”

หญิงมุรดาเอ่ยเบาๆกับตนและยิ้มอย่างอ่อนโยน คล้ายจะวอนขอต่อฟ้าด้วยฝากความหวังและความจริงใจนี้ของตน กับหยาดน้ำตาที่ไหลริน น้ำตาแห่งความรักที่บริสุทธิ์ใจ ไปยังท้องฟ้าและหมู่เมฆ เพื่อสักวัน จะได้มีแสงสว่างมาสาดส่องและแปรเปลี่ยนให้ภาพฝันของคนที่เธอรัก ให้ได้กลายกลับ มาเป็นความจริง



“ท่าน...ท่านเจ้าคุณเจตน์สฤษฎิ์ขอรับ!” เสียงทุ้มแต่กลับแฝงไปด้วยความขี้เล่น แกล่งเรียกเสียงดังไปยังชายหนุ่มอีกคนที่เอาแต่เหม่อมองท้องฟ้าอยู่อย่างนี้ ขนาดที่เขามานั่งรอได้สักพักแล้วก็ยังไม่รู้สึกตัว

“หือ...ท่านเจ้าคุณชัชพิมุขมาแล้วหรือ” เสียงนุ่มตอบรับออกมาเบาๆเมื่อหันมาเห็นผู้ที่เรียกเขา คล้ายกับยังไม่อยากจะหลุดออกจากภวังค์นั่นแม้แต่น้อย

“ใช่สิขอรับ ท่านเจ้าคู๊ณ ไอ้กระผมเนี่ยก็อุตส่าห์มาหาสหายเก่าทันทีที่กลับมา แต่กลายเป็นว่าต้องมานั่งมองท่านเอาแต่เหม่อมาเป็นชั่วยามเยี่ยงนี้!”

“ขอโทษด้วยท่านเจ้าคุณ” เจ้าคุณเจตน์สฤษฎิ์ กล่าวขอโทษอย่างจริงใจ พร้อมกับใบหน้าที่ตระหนกเล็กน้อย ที่ตัวเองไม่รู้สึกเลยว่ามีคนมาที่ศาลานี่กว่าชั่วยามแล้ว

“ข้าล้อเล่นน่า อันที่จริงข้าเองก็เพิ่งมานั่งรับลมรอท่านได้สักประเดี๋ยวเองแหละ แต่ไอกว่าชั่วยามที่ว่าน่ะ บ่าวท่านเป็นคนบอกข้าต่างหากเล่า” เจ้าคุณชัชพิมุขเอ่ยอย่างสนุกและก็ดีใจที่ได้กลับมาพบสหายเก่าอีกครา

“อ่อ ท่านก็หลอกข้าได้อีกตามเคย”

“ก็ข้าว่าท่านมันน่าหลอกนี่”

“แล้วนี่ท่านมาอย่างไร มาคนเดียวหรือ”

“ข้าก็คงเหาะมามั้งท่าน ไอเจ้าคุณเจตน์!”

“อ่อ ข้าก็นึกว่าท่านจะกลิ้งมาเสียอีกนะเจ้าคุณชัช” ชายหนุ่มที่ปกติออกจะมาดนิ่ง พูดจาเป็นทางการ และเอาแต่นั่งคิดอยู่คนเดียวกลับมีทีท่าอารมณ์ดี เป็นกันเอง และพูดคุยอย่างสนุกสนาน เมื่อได้มานั่งเสวนากับสหายเก่าที่รู้ใจกันอย่างเจ้าคุณชัชพิมุขคนนี้

“อันที่จริงข้าเองก็มีเรื่องรบกวนท่านสักอย่าง จะได้หรือไม่”

“ลองว่ามาสิ ถ้าข้าช่วยได้ข้าเองก็เต็มใจอยู่แล้ว”

“พอดีข้าไปรับเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาตอนที่อยู่ที่เชียงใหม่ มีพระท่านมาฝากให้มันมาทำงาน ข้าเห็นว่ามันดูท่าทางหัวดีและไว้ใจได้เลยรับไว้ พอเอามาช่วยงานมันก็ทำได้ดี งานเอกสารก็ทำได้คล่องแคล่ว แถมยังรู้ภาษาอังกฤษ และบางทีก็ยังรู้เรื่องระบบราชการ เรื่องราวประวัติศาสตร์เป็นอย่างดีอีกด้วย

แม้บางทีจะทักท้วงหรือพูดเรื่องอะไรแปลกๆ คำพูดคำจาก็แปร่งๆ แต่พอเกิดปัญหาขึ้นก็กลับเสนอหนทางแก้ไขได้อย่างน่าประหลาดใจ”

“เช่นนั้นเลยหรือเจ้าคุณชัช”

“อื้อ ข้าก็เลยให้มันมาช่วยงานข้าอยู่ตลอดตอนที่ข้าไปประจำอยู่ที่นั่น เพียงแต่ตอนนี้พอข้ากลับมาแล้วข้าเลยว่าจะขอให้ท่านช่วยรับมันไว้ช่วยงานท่านหน่อยได้หรือไม่”

“แล้วทำไมท่านถึงจะให้มันมาทำงานกับข้าแทนซะล่ะ”

“พอดีก่อนกลับข้าไปลาพระท่านที่วัดนั่นแหละ แต่ไปเจอเด็กหนุ่มคนหนึ่งเข้า คงจะวัยเท่าๆกันนั่นแหละ แต่ดูเจ้าคนนั้นท่าทางอ่อนล้า อิดโรย กว่ามากนัก แถมยังเหลือตัวคนเดียว เพราะแม่มันเพิ่งเสียชีวิตไป ส่วนพี่สาวก็ถูกพ่อขายใช้หนี้พวกเจ้ามือบ่อนไก่ ส่วนพ่อมันก็ต้องไปทำงานใช้หนี้ด้วย ดีว่าตอนนั้นมันไม่อยู่บ้านพอดี แต่ดันกลับมาตอนที่ไอพวกบ่อนไก่มันมาซ้อมพ่อมันแล้วก็ลากพี่สาวมันไปน่ะสิ มันเลยรีบหนีออกมา”

“โชคร้ายของมันแท้ๆ” เจ้าคุณเจตน์กล่าวด้วยสีหน้าเวทนา และรู้สึกไม่ชอบใจเจ้าพวกนักเลงบ่อนพวกนั้น

“จากนั้นมันก็เลยไปพึ่งใบบุญพระท่านที่วัด มันก็ไปช่วยปัดกวาด เป็นเด็กวัดอยู่ แต่ทางวัดเองก็ไม่ได้มีข้าวปลาอาหารมากพอที่จะเลี้ยงได้ทุกคนหรอก เพราะใครๆก็พากันไปพึ่งวัดเสียหมด

ข้าไปเจอมันเข้าพอดี ดูหน่วยก้านใช้ได้แม้ตัวไม่ใหญ่นักแต่ก็ดูสูงใช้ได้ หน้าตาก็ไม่น่าเกลียดอะไร ออกจะดูดีด้วย ข้าว่า ถ้าจับมันมาทำความสะอาดและอบรมกิริยากันสักหน่อยน่ะนะ และที่สำคัญแววตามันดูซื่อตรง และเด็ดเดี่ยว ไม่กลัวแม้แต่จะจ้องหน้าข้าตรงๆ ข้าชอบใจนักล่ะท่าน

พอพระท่านเห็น ท่านก็เลยขอให้ข้าช่วยรับมันมาทำงานอีกคนเสียเลย เพราะไม่แน่ว่าพวกเจาหนี้มันอาจจะมาตามเจอได้อีก และทางวัดเองก็ไม่ค่อยจะมีกำลังเลี้ยงอะไรมากมายนัก”

“อ้อ ท่านก็เลยเปิดโรงเลี้ยงเด็กเสียเลยน่ะเหรอ”

“เปล่าหรอก แต่ท่านก็รู้นี่เจ้าคุณเจตน์ ว่าข้าน่ะมันพวกรับคนมาทำงาน เพราะความถูกชะตาเป็นหลัก และไอแววตาที่ดูซื่อสัตย์นั่นอีก ข้าก็เลยช่วยรับมันมาเท่านั้นเอง อีกอย่างมันเองก็เป็นพวกชาวบ้านที่อยู่ห่างไกลแถมยังเป็นพวกที่พบเจอความแร้นแค้นมาก่อน มันก็น่าจะมีประโยชน์ต่อพวกเราบ้างเวลาที่คิดหาหนทางแก้ปัญหา หรือบำรุงสุขชาวบ้านพวกนั้น เพราะข้าเห็นว่าการที่เราจะทำงานให้ได้ผลบางทีมันก็ต้องมองจากมุมอื่นๆ โดยเฉพาะมุมของคนที่มันเจอเรื่องมาจริงๆ”

“แล้วทำไมท่านไม่เอาไอเจ้าคนที่มันรู้งาน คล่องแคล่ว รู้ภาษาฝรั่งนั่นให้ช่วยงานท่านเล่า”

“ข้าก็คิดอยู่ แต่จะให้รับทั้งสองคนมันก็ดูจะเกินกองงานที่จะทำเสียเปล่าๆ เลยคิดว่าให้มันมาช่วยท่านสักคนน่าจะดีกว่า อีกอย่างยังงัยงานท่านก็ปวดหัวมากกว่าข้าแน่ๆล่ะท่านเจ้าคุณเจตน์ ฮ่ะฮ่ะ ข้าล่ะดีใจเสียจริง”

“ขอบใจท่านมากที่เป็นห่วงข้า จนทำให้ท่านมานั่งหัวเราะข้าเยี่ยงนี้”

“ท่านเจ้าคู๊ณ ข้าเปล่าหัวเราะท่านหรอก ก็แค่มันดีใจจริงๆที่ไม่ต้องมานั่งทำงานเยอะแยะ แถมวุ่นวายกว่าข้า แล้วต้องคอยติดต่อกะพวกฝรั่งหัวแดงหัวเหลือง ให้ปวดหัวอีก ก็เท่านั้นเอง”

“อืม ถ้าท่านต้องการเช่นนั้นข้าเองก็คงไม่มีปัญหา ว่าแต่ท่านเองก็ไม่ได้ติดต่อกับเจ้าพวกฝรั่งแล้วทำไมถึงรู้ได้ว่าไอคนนนั้นมันรู้ภาษาได้”

“อ๋อ พอดีมีอยู่วันข้าต้องออกไปงานเลี้ยงก็เลยให้มันตามไปด้วย แล้วมีพวกพ่อค้าฝรั่งมันมาพูดๆอะไรก็ไม่รู้กับหญิงมธุรดา
พอดีว่าตอนนั้นหญิงไปเยี่ยมข้าที่นั่นพอดีข้าก็เลยให้ไปงานกับข้าน่ะท่าน ก็คงตอนที่เพิ่งผิดหวังจากท่านละมั้ง แต่แค่คุยเฉยๆไม่ว่า พวกฝรั่งมันดันมารุมพูดกันสองสามคน ท่าทางไม่น่าไว้ใจน้องหญิงก็เลยตกใจทำอะไรไม่ถูก ภาษาก็แค่พอพูดคุยทักทายนิดหน่อยเท่านั้น
ก็ได้ไอเจ้านี่แหละที่เข้าไปพูดกับพวกฝรั่งจนพวกนั้นมันเลยยอมเดินหนีไป แต่ข้าเองก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันไปพูดอะไรไว้ ข้าก็เลยได้รู้ว่ามันพูดได้”

“ถ้าเช่นนั้นมันก็คงช่วยงานข้าได้มากอยู่ ขอบใจท่านมาก เจ้าคุณชัช”

“มิได้ๆ ข้าเองก็ต้องขอบใจท่านเหมือนกันที่ช่วยรับมันไว้ทำงาน อีกอย่างนะท่าน อยู่ดีๆข้าก็นึกชอบใจไอเจ้าเด็กหนีหนี้ขึ้นมา ต่อปากต่อคำกับข้าไม่ได้เกรงกลัวเลยสักนิด แต่มันก็ไม่เคยเกี่ยงงานนะท่าน อีกอย่างเวลาที่ต่อปากกับมันแล้วข้าล่ะสนุกจริงๆ ฮ่าๆๆ”

“ไม่น่าเล่า ท่านเลยเอาอีกคนมาให้ข้าแทน ถูกชะตาจนถูกใจเลยสินะท่าน”

“ก็ไม่ได้ขนาดนั้นหรอก ว่าแต่วันนี้ข้าคงจะต้องขอตัวก่อนแล้วล่ะ เพราะเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ “

“เชิญท่านเถอะ ไว้ครั้งหน้าข้าจะไปเยี่ยมท่าน”

ขณะที่เจ้าคุณชัชพิมุขกำลังจะเดินออกจากศาลา จึงนึกขึ้นได้พลางกวักมือเรียกเด็กหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาด้านในศาลาเพื่อฝากฝังไว้กับเจ้าคุณเจตน์สฤษฎิ์ ผู้ที่จะมาเป็นนายใหม่

“นี่คือเจ้าคุณเจตน์สฤษฎิ์ ต่อไปนี้เจ้าก็มาคอยอยู่รับใช้เจ้าคุณเจตน์เสีย ท่านเป็นสหายที่สนิทที่สุดของข้า เจ้าก็ช่วยงานท่านให้ดีเหมือนตอนที่เจ้าคอยทำงานให้ข้าก็แล้วกัน แล้วอย่าให้เสียชื่อข้าล่ะเจ้าหนุ่ม”

“ขอรับ...” เสียงนุ่มที่ฟังดูติดจะอ่อนล้า เหมือนคนที่ต้องหัดปลงตกในชีวิต แต่ก็แฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวเชื่อมั่นในตนเอง ขานรับเจ้าคุณชัชพิมุข ที่ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นนายเก่าของเขาไปเสียแล้ว

“ชื่ออะไร” เสียงทุ้มของเจ้าคุณเจตน์สฤษฎิ์ถามออกมาทั้งๆที่ยังนั่งเหม่อมองฟ้าอยู่เหมือนเดิม ไม่แม้แต่จะหันมาดูบุคคลผู้มาใหม่ที่เขาเพิ่งตกปากรับคำจะให้มาช่วยงานตนเองเลยสักนิด

“ผม...เอ่อ....ข้าชื่อมนต์มนัส ขอรับ” เด็กหนุ่มกล่าวตอบพลางลูบผมแก้เก้อที่หลุดคำพูดที่แปลกๆออกมา

‘เอาอีกแล้วสิ มันยังไม่ชินสักทีเลยแฮะ ไอเรารึก็เกลียดเหลือเกินไอตอนที่ต้องมานั่งเรียนไอภาษาแปลกๆ กับประวัติศาสตร์ชาติไทย ตอนอยู่มหาลัย ทำไม๊ ทำไมตอนนี้ถึงกลับต้องมาเจอกับไอสิ่งที่น่าเบื่อได้ทุกวี่ทุกวันแบบนี้กันนะ ฮึ่ย~~ เพราะไอตาแก่แป๊ะแว่นร้านนั้นเชียว อยู่ดีๆก็เลยต้องมานั่งผลุบโผล่เอาในสมัยนี้เนี่ย...พีเอสพีก็ไม่มี ไฮไฟว์ก็ไม่มี อย่าว่าเล้ย แค่คอมยังจะไม่มีเลยมั้งเพราะตั้งแต่มาก็ไม่เคยเห็นเอาซะเลย....’ มนต์มนัสคิดสงสารตัวเองอยู่ในใจพาลคิดหมั่นไส้ไปถึงแป๊ะแว่นที่ทำให้ตนต้องเจอเหตุประหลาดข้ามชาติภพมาแบบนี้

‘เอาวะ อย่างน้อยก็ยังโชคดีได้มาช่วยงานที่ไม่ต้องแบกหามอะไนมากมายเหมือนที่เห็นตามละครบ้านเรา ดูอีเย็นสินั่น น่าสงสารกว่าเราอีกแฮะ ต้องขอบคุณหลวงตาที่เข้าใจและช่วยฝากฝังไว้กับเจ้าคุณชัช ไม่งั้นมีหวังได้เสร็จไอเจ้าพวกฝรั่งหื่นกามพวกนั้นแหงๆ’

ว่าแล้วมนต์มนัสก็คิดไปถึงตอนที่เขาหลุดมาที่นี่ใหม่ๆ มาถึงก็ได้กลายเป็นพระเอกวิ่งสู้ฟัดเลยทีเดียว เพราะต้องมาเจอกับไอพวกฝรั่งหัวทองแต่ดันหน้าตาแถมแววตาหื่นกระหายขนาดนั้นอีก ก็เข้าใจอ่ะนะว่าตอนอยู่ในยุคปัจจุบันก็เป็นหนุ่มฮอตทั้งหญิงทั้งชาย แต่ไม่นึกเลยจริงๆว่ามาถึงอดีตชนิดเจ้าคุณนุ่งโจงแล้วยังจะมาฮอตในหมู่ผู้ชายได้ขนาดนี้ ต่อให้ตัวเขาเองก็เป็นไบก็เหอะ

“เอ้า เจ้าเด็กนี่มาไม่ทันไรก็มีพฤติกรรมเลียนแบบเจ้านายเชียว เจ้านายเหม่อ เจ้าก็เหม่องั้นเหรองัย เรือนนี้นี่ชักจะยังงัยเสียแล้ว... ฮ่ะฮ่ะ”

“อ่ะ...ขอโทษครับ เอ้ย ขอรับท่านเจ้าคุณ” มนต์มนัสกล่าวขอโทษด้วยใบหน้าที่ปูเลี่ยนชอบกล จะอายก็อายจะขำก็ขำเพราะไอที่เจ้าคุณชัชพูดมาเนี่ยมันก็จริงแฮะ มาถึงเราก็คิดมากติดโรคเจ้าคุณเจตน์เข้าซะแล้วหรืองัยน๊า มนต์มนัสเอ๊ย

“ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน แล้วไว้พบกันใหม่นะเจ้าคุณเจตน์ เพราะนี่ก็ใกล้เย็นแล้ว อีกอย่างข้าคงต้องรีบกลับไปฝึกฝนผู้ช่วยคนใหม่เสียหน่อย แกล้งมันวันละนิดจิตแจ่มใสน่ะท่าน ฮ่าๆ”

“ตามสบาย สงสัยท่านจะถูกใจเอามากๆเลยนะ เดินทางดีๆล่ะท่านเจ้าคุณชัช” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ทำท่าจะลุกไปส่งเจ้าคุณชัชพิมุข แต่ถูกขัดขึ้นเสียก่อน

“ไม่เป็นไรๆ ข้าไปเองดีกว่า ‘กูดบาย’ นะท่าน” ว่าแล้วเจ้าคุณชัชพิมุขก็หันหลังเดินจากไปพร้อมกับบ่าวที่ติดตามอีกสามสี่คน

“หึหึ เข้าใจล่ะว่าทำไมถึงต้องให้ฟ้าส่งผู้ช่วยภาษาอังกฤษมาให้เจ้าคุณชัช” เจ้าคุณเจตน์สฤษฎิ์ พูดติดตลก แต่ความจริงก็ต่างรู้กันอยู่แล้วว่าทั้งตัวเจ้าคุณชัช หรือตัวเขาเองก็พูดอังกฤษได้ไม่ได้แย่เลย จะนับว่าดีเมื่อเทียบกับคนอื่นก็ยังว่าได้ จะมีก็แค่ตัวเขาเองที่ออกจะคล่องกว่าเสียหน่อยเพราะต้องเจอกับชาวต่างชาติมากกว่า

จากนั้นเจ้าคุณเจตน์สฤษฎิ์เลยเดินเลยบุคคลอีกคนออกไปอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนัก และกำลังจะเดินกลับเข้าไปในเรือนใหญ่ จนมีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาถึงนึกขึ้นได้ว่ายังมีคนอยู่แถวนั้นอีกคน

“เอ่อ....ท่านเจ้าคุณ แล้วข้าล่ะขอรับ”

“อ้อ ข้าลืมไปว่าเจ้าเพิ่งมา งั้นก็ตามข้ามาแล้วกันเดี๋ยวจะพาไปที่เรือนใหญ่ก่อน” แล้วเจ้าคุณก็เดินนำออกไป

พอเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าวเจ้าคุณหนุ่มจึงนึกขึ้นได้ว่าตนเองลืมหนังสือเอาไว้เลยจะหันกลับไปหยิบมันมา แต่ด้วยความว่าอยู่ดีๆจะหยุดก็หยุด จะหันก็หันเอาเสียเฉยๆเลยทำให้หันไปชนเข้ากับเด็กหนุ่มที่เดินตามหลังมาอย่างจัง

“อ๊ะ! เอ่อ ขออภัยขอรับท่านเจ้าคุณ”

“ไม่เป็นไร ข้าเองแหละที่อยู่ดีๆก็หันกลับมาเสียเฉยๆ”

มนต์มนัสจึงรีบเก็บห่อผ้าขึ้นมาแล้วทำท่าจะเดินต่อแต่กลับรู้สึกเหมือนคนข้างหน้าจะยังอยู่เฉยๆที่เดิมไม่ขยับไปไหนสักนิด

“เอ่อ.......”

“เจ้านั่นเอง! ในที่สุดเจ้าก็มายืนอยู่หน้าข้าแล้วสินะ” เจ้าคุณหนุ่มกล่าวอย่างยินดีและให้รู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นเพราะภาพของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่เขาเห็น เด็กหนุ่มที่เขาเฝ้าฝันถึงเสมอๆ บัดนี้ภาพฝันนั้นกลับมาปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว

“เอ๋?? อะไรเหรอขอรับ” มนต์มนัสที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยพูดออกมาอย่างงงๆ นี่เขาก็มาอยู่ทั้งข้างๆ ข้างหน้า ข้างหลังเจ้าคุณนี่ตั้งแต่มาถึงแล้วไม่ใช่เหรองัยนะ

“มนต์...มนต์มนัส สินะ”..... ‘มนต์มนัส มนตราแห่งใจของข้าจริงๆ’ เจ้าคุณหนุ่มนึกในใจแล้วยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ชนิดที่ว่าให้ชายหญิงผู้ใดมาเห็นเข้าก็มีอันเข่าอ่อนกันได้ง่ายๆ

เช่นเดียวกันกับมนต์มนัส หลังจากที่เขาได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองที่ให้ความรู้สึกอ่อนหวานและแฝงไปด้วยความรู้สึกลึกล้ำ จะดีใจก็ไม่เชิง จะโล่งใจก็ไม่ใช่ ติดๆจะโหยหาเสียด้วยซ้ำ แต่มันก็ให้ความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งพอได้เห็นรอยยิ้มบาดใจนั่นอีก ก็ทำเอาเขาทั้งอึ้งและก็ใจเต้นตึกตึกเลยทีเดียว

‘คนอะไรจะยิ้มได้ดูดีขนาดนี้นะ ตอนแรกก็ว่าหน้าตาก็คมคาย มาดก็นิ่ง หุ่นก็สมส่วนแล้วยิ่งมาเจอแบบนี้ แล้วเขาจะทนไหวได้งัยล่ะเนี่ย ~ ~’

“อ่ะ โทษทีพอดีคิดอะไรเพลินไปหน่อยน่ะ เดี๋ยวเจ้าไปหยิบหนังสือที่ศาลาแล้วตามข้ามาที่เรือนใหญ่แล้วกัน เดินตรงไปข้ามสะพานเล็กนั่นแหละ ว่าแล้วเจ้าคุณหนุ่มก็หันหลังเดินกลับไปอย่างหน้าชื่นตาบาน อารมณ์ดีผิดวิสัย จากที่นั่งเหม่อมาทั้งวันและทุกวันแบบนี้

“คะ..ขอรับ” มนต์มนัสเองก็เกิดอาการมองค้าง พูดจาตะกุกตะกักไปตามกัน แล้วก็รีบวิ่งกลับไปเอาหนังสือที่ศาลากลางน้ำ

“อะไรกันเนี่ย เราน่ะมันไบแต่นั่นมันก็ชายนะ ทำไมถึงเป็นได้มากขนาดนี้นะ” มนต์มนัสพึมพำกับตัวเองเมื่อมาหยิบหนังสือที่ศาลา และตัวเขาเองก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกแปลกๆ ในใจที่มันเกินกว่าอาการเจอคนที่ถูกใจ หรือคนหน้าตาดีเหมือนที่ผ่านๆมา แต่มันเป็นความรู้สึกที่วูบๆแปลกๆ เหมือนจะโหยหา แต่ก็เหมือนจะโล่งใจ แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม

“ก็เพิ่งจะเจอหน้ากันแท้ๆ แล้วไอความรู้สึกนี่มันอะไรกันนะ” แต่ก็ไม่มีเวลาให้เด็กหนุ่มได้คิดอะไรมากนักก็ต้องรีบเก็บข้อสงสัยแล้ววิ่งตามเจ้าคุณไปก่อนที่จะเกิดอาการหลงทางเอาได้ง่ายๆ

ขณะเดียวกันเจ้าคุณหนุ่มเองก็พูดกับตัวเองเบาๆอย่างอดจะตื่นเต้นไม่ได้ “มนต์มนัสงั้นรึ มนต์จริงๆสินะ มนตราแห่งดวงใจในภาพฝันของเขาเสมอมา...มนต์มนัส บัดนี้ข้าได้เจ้ามาอยู่ตรงหน้าข้าแล้ว ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปไหน ให้ฝันของข้าต้องสลายหายไปเหมือนที่ผ่านๆมาอีกแล้ว....มนต์มนัส ดวงใจในภาพฝันของข้า........”

...ความรัก เสมือนดั่งมนตรา ที่ทำให้ดวงใจติดตรึงและถลำลึกเข้าไปหามนตรานั้น ไม่ว่าคนที่เรารักจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน หรือแม้แต่จะเป็นเพียงแค่ภาพฝัน ภาพสมมติที่เคยคิดไว้ว่ามันคงจะไม่มีวันได้เป็นจริงก็ตาม แต่วันนี้มนต์วิเศษแห่งดวงใจข้าคนนี้ก็มาสาดแสงให้หมอกควันในภาพฝันของเขาได้แจ่มชัดขึ้นสักครา.....

หมอกควันสีเทาฟุ้ง
แจ่มดังรุ้งสุขสดใส
มนตราแห่งดวงใจ
ที่สุดไซร้กลับเรืองรอง
ดวงใจในภาพฝัน
ที่ทุกวันฉันเฝ้ามอง
บัดนี้ใจเราสอง
ใกล้เป็นของกันและกัน

*********************END*********************

ยังงัยก็ฝากเรื่องเรื่อยๆเปื่อยๆนี้ไว้กับผู้อ่านทุกท่านด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ



Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ WEERACHOT

  • ฉันดีใจที่มีเธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +337/-5
Re: (เรื่องสั้น) ....ดวงใจในภาพฝัน
«ตอบ #1 เมื่อ10-10-2008 15:35:30 »

 :L1:>>>เป็นกำลังใจให้ครับบบบบบ

Peridot_Garnet

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น) ....ดวงใจในภาพฝัน
«ตอบ #2 เมื่อ11-10-2008 00:47:41 »

ขอบคุณมากมายค่า  :pig4:

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-15
Re: (เรื่องสั้น) ....ดวงใจในภาพฝัน
«ตอบ #3 เมื่อ11-02-2010 19:28:45 »

เหมือนเป็นฉากหนึ่งของเรื่อง  คิด ๆ มันยังยาวได้อีก ซะงั้น  อยากรู้เรื่องระหว่างเจ้าคุณชัชกับหนุ่มหนีหนี้จัง 

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
Re: (เรื่องสั้น) ....ดวงใจในภาพฝัน
«ตอบ #4 เมื่อ05-12-2010 21:11:37 »

เรื่องนี้มันน่าจะมีต่อนะเนี่ยชอบเรื่องแนวนี้อ่ะ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: (เรื่องสั้น) ....ดวงใจในภาพฝัน
«ตอบ #5 เมื่อ24-12-2010 20:25:36 »

 :L1:เจอกันซะที่ จะได้มีความสุขทั้งสองคน

Peridot_Garnet

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น) ....ดวงใจในภาพฝัน
«ตอบ #6 เมื่อ09-09-2014 02:05:20 »

ขอบคุณทุกท่านนะคะ หายไปนานเลย กลับมาคราวนี้จะหาโอกาสเข็นงานมาลงเรื่อยๆค่ะ

ออฟไลน์ natt lUcky

  • อะโย่ อะเย่
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: (เรื่องสั้น) ....ดวงใจในภาพฝัน
«ตอบ #7 เมื่อ17-09-2014 21:22:13 »

ในที่สุดก็เจอจนได้ อิอิ

ออฟไลน์ GMT101

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
Re: (เรื่องสั้น) ....ดวงใจในภาพฝัน
«ตอบ #8 เมื่อ24-06-2017 18:48:10 »

 :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด