ตอนที่ 13 คุณลุงเเปลกหน้า มหาวิทยาลัยเปิดเทอมได้เป็นเดือนเเล้ว การบ้านเเละรายงานสำหรับกวินทร์ผ่านไปได้อย่างทุลักทุเล เวลาส่วนมากก็ถูกใช้ไปกับการ อ่าน อ่าน เเละอ่าน จนเขาอยากจะลาออกให้มันรู้เเล้วรู้รอด เเต่มันดันมีคำว่า"บุญคุณ"ค้ำคออยู่ เจ้าสัวยอมให้เขารับเด็กๆ มาเลี้ยงดูในบ้าน เเถมยังคอยปรามคุณเอมอรที่มาด่าเขาฉอดๆ กวินทร์เลยต้องกัดฟันสู้ เพื่อไม่ให้ขายหน้าคุณปู่ที่มีหลานไม่เอาไหนเเละเรียนไม่จบ
เเต่โชคดีที่เขามีเพื่อนเกรดสวยอย่างณัชชาเเละจีรวรรณคอยติวให้ เลยพอถูๆ ไถๆ คลานตามเพื่อนได้ทัน
เเต่ทั้งสองสาวโดยเฉพาะณัชชารู้สึกจะอินกับบทติวเตอร์มากจนเกินไป ติวเข้มจนเขาต้องเเอบหนีมาตั้งตัวเเละโซ้ยน้ำเเข็งใสที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ พวกเเม่ค้าพ่อขายในมหาวิทยาลัยนี่ใจดีจริงๆ พอเห็นหนุ่มฝรั่งปากหวานขี้อ้อนก็ตักอาหารให้จนพูนถ้วย
ถึงจะเเอบหนีมาเเต่เขาก็ยังใส่หูฟัง ฟังเลคเชอร์ที่ณัชชาส่งมาให้อยู่นะ จะหาว่าเขาอู้ไม่ได้ หูฟัง ปากเคี้ยว ตาก็มองสอดส่องไปเรื่อย จนปะทะเข้ากับร่างของอนิวัต ทำเอากวินทร์เเทบสำลักน้ำเเข็งใส
กวินทร์ไม่ได้กลัว เเต่เขาไม่อยากอยู่ในเรดาร์ของอีกฝ่ายก่อนที่จะปล่อยคลิป
เขาอยากให้อนิวัตชะล่าใจเเละลืมว่ามีศัตรูที่ชื่อกวินทร์
ร่างโปร่งรีบลุกขึ้นเเล้วหนีไปนั่งโต๊ะเเถวๆ ข้างหลัง ที่มีกลุ่มนักศึกษานั่งอยู่ เเละหน้าตาเหมือนกำลังเคร่งเครียดกับอะไรซักอย่างบนจอคอมฯ
"ขอนั่งด้วยนะครับ"
ทั้งสี่มองร่างโปร่งอย่างงงๆ จะปฏิเสธได้ไง ในเมื่อเจ้าตัวหย่อนก้นลงโดยไม่รอคำอนุญาตด้วยซ้ำ
"ไม่ต้องเกรงใจครับ ผมไม่กวนหรอก" ยังมีหน้าไปบอกเขาไม่ต้องเกรงใจ...
"ทำไมเเก้เท่าไหร่ก็ยังไม่ได้วะ" เสียงโอดครวญจากหนุ่มร่างอวบ
"นั้นดิ ฉันลองมาทั้งคืนเเล้ว ยั๊งไม่ได้เลย" หญิงสาวในกลุ่มเห็นด้วย
"ไอ้เมต มึงอ่ะ?"
"ยัง" ผู้ชายที่นั่งข้างกวินทร์ตอบ
"บุ้ง?"
"ทุกอย่างโอเค lib output เหมือนจะไม่มีปัญหา กูเขียนไพทอนสคริปต์ไว้คอยเช็คล่ะ ส่วน external IP ตามเว็บต่างๆ มันก็โชว์ proxy IP นะ เเต่พอเปิด iceweasel กับ proxychains กลับใช้ไม่ได้ว่ะ" หนุ่มเเว่นร่างผอมตอบ ทำเอาคนที่กำลังซดน้ำเเข็งใสหูผึ่ง เเละพยายามเนียนเเอบเหล่ตามองโจทย์บนกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้าคนข้างๆ
"ขนาดหัวกะทิอย่างไอ้บุ้งยังไม่ได้ เเล้วอย่างกูเนี้ย จะเอาขี้สมองที่ไหนมาทามม?" เพื่อนร่างหมีบ่นเสียงยาน
"อาจารย์จรินทร์นี่ก็สรรหาโจทย์มาให้ทำจริงจริ้ง"
"กูได้ข่าวว่าเเกเคยเป็นแฮกเกอร์หมวกขาวเว้ย โดนบริษัทใหญ่ๆ จ้างไปเจาะระบบเพื่อหาจุดอ่อนเเละวางระบบป้องกันมาเเล้ว"
"มิน่าล่ะ วิธีสอนไม่เหมือนอาจารย์คนอื่นๆ เเต่ฉันว่าท้าทายดีนะ ได้เรียนรู้เเละปฏิบัติจริง ดีกว่าให้มานั่งท่องจำตำรา"
ช่าย นั่งท่องจำเหมือนกูเนี่ย กวินทร์คิดในใจเห็นด้วยกับหญิงสาว
"เเต่โจทย์ครั้งนี้ยังไม่มีกลุ่มไหนทำได้เลยว่ะ" ว่าเเล้วก็ถอนหายใจกันทั้งกลุ่ม
อย่างนี้ล่ะน้า เด็กที่เรียนมาก็มักจะคิดในกรอบที่ถูกสอน ต่างจากพวกเเฮกเกอร์อย่างเขา ที่รักในการเจาะข้อมูล เเละการที่จะเเฮกอะไรซักอย่างได้ เราก็ต้องทำความเข้าใจกับโครงสร้างของมันอย่างละเอียด ส่วนพวกนักศึกษาก็อ่านเเต่สิ่งที่อาจารย์สอน
กวินทร์หยิบกระดาษมาจดหยุกหยิกๆ อยู่ซักพัก "ขอบคุณที่ให้นั่งด้วยนะครับ ไปล่ะ" พูดจบก็ยื่นกระดาษให้ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ ตน เเล้วลุกเดินหนี เขาช่วยได้เท่านี้เเหละ
ถ้าไม่เข้าใจข้อความก็ตามเวรตามกรรมเเล้วกันนะเด็กๆ "โว้ยยยย ไอ้เมต มึงนี่ฮ็อตกับทุกเพศทุกวัยจริงๆ" ชยากรเเซวเพื่อนหน้าหล่อ
"คนนี้ฉันว่าน่ารักดีอ่ะ เเต่หน้าคุ้นๆ นะ เหมือนเคยเห็นในเฟส" ปานกมล หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มช่วยเสริม
เธียรวิชญ์ส่ายหัวให้กับความช่างยุของเพื่อน ก่อนจะคลี่กระดาษดูว่าชายหนุ่มหน้ามึนเมื่อกี้เขียนอะไร
go back .config file-->proxy-->''tab'' twice between ''http''-->64th line คิ้วเข้มขมวด เขานึกว่าจะเป็นไอดีไลน์หรือไม่ก็เบอร์โทรศัพท์เหมือนทุกๆ ครั้ง เเต่กลับเป็น... เธียรวิชญ์เบิกตากว้างเมื่อเขาเริ่มปะติดปะต่อข้อความบนใบกระดาษได้ มือเขาเริ่มทำงานโดยมีเพื่อนๆ นั่งมองอย่างงงๆ
ห้านาทีผ่านไป
"ได้เเล้ว" เธียรวิชญ์พูดเสียงเเผ่ว
"เฮ้ย มึงทำไงวะเมต?"
"กูไม่ได้ทำ" ชายหนุ่มตอบ เเล้วเอากระดาษข้อความให้เพื่อนดู
"ใครวะมึง? พวกเรานั่งคิดทั้งวันยังคิดไม่ออก เเต่นี่มานั่งเเค่สิบนาที เสือกทำได้เฉย" ชยากรบ่นกระปอดกระแปด
"อ๋ออออออ" บุญทิวาที่นั่งเงียบมาตลอดตบมือดังฉาดเหมือนคิดอะไรออก "คนที่เป็นข่าวกับไอ้ป้องไง เนี่ยๆ" หันจอคอมฯให้เพื่อนดู
"จริงด้วย มิน่าล่ะมานั่งกับพวกเรา สงสัยหลบไอ้ป้อง เมื่อกี้กูเห็นมันเเว๊บๆ"
"ข่าวเน่าขนาดนี้ยังมีหน้ามาทำกร่าง คนเขาเกลียดทั่วมหาลัยฯ มีเเต่พวกหน้าเงินอ่ะ ที่คอยเลียเเข้งขา เชอะ" ปานกมลเเบะปาก "เเต่เดี๋ยวนะ... ฝรั่งเมื่อกี้ไม่ได้อยู่คณะเราหนิ ในเพจมันบอกอยู่อักษร กรี๊ดดดด กูอาย" ก็เด็กอักษรนี่ขึ้นชื่อว่าเรียนหนักเเละอ่านหนังสือเยอะมาก เเต่เจ้าตัวกลับมีความรู้ด้านคอมฯ จนเธอเองที่เป็นเด็กวิศวะเอกคอมฯ เเท้ๆ ยังอาย
******
กวินทร์เเทบจะบินออกจากห้องเมื่อถึงเวลาเลิกคลาส ตอนนี้เขาปรับตัวเข้ากับการเป็นนักศึกษาได้เเล้ว เเต่ถ้าให้เลือกก็ขออยู่บ้านเล่นกับเจ้าเเฝดดีกว่า
"กวินทร์!"
ร่างโปร่งหันไปตามเสียงเรียก นึกว่าใคร เเฟนเก่าเขานั่นเอง
"มีไร?" น้ำเสียงเรียบ ไม่สื่ออารมณ์ใดๆ ก็คนมันไม่ได้รู้จักมักจี่กันนี่นา
"โอ๊ตขอคุยด้วยได้ไหม?"
"ก็คุยดิ" กวินทร์ตอบอย่างสบายๆ เเต่อีกฝ่ายกลับยื่นมือมาจับเเขนเขา
"คือ.. โอ๊ตอยากคุยแบบส่วนตัวหน่อยน่ะ กวินทร์ว่างไหม? ปะ.." ยังไม่ทันได้พูดจบก็มีเสียงนริศราทักขึ้นมา
"โอ๊ต!"
ทำให้สหรัถรีบปล่อยมือจากเเขนร่างโปร่งทันที โดยมีกวินทร์กรอกตากับการกระทำของอีกฝ่าย ส่วนนริศราเองก็รีบปรี่เข้ามากอดเเขนสหรัถเเละเเสดงความเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่
"โอ๊ต มายืนทำอะไรกับมัน?" นริศราเสียงเขียว
"เอ่อ.. เปล่าครับ เเค่เดินผ่าน"
"หึหึ" กวินทร์หัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินคำโกหกของอีกฝ่าย น่าสมเพช
"ขำอะไรไอ้กวินทร์?!"
"เปล๊า ก็เเค่ขำเสียงหมาเสียงเเมว" กวินทร์ตอบอย่างยียวน
"เเกหาว่าฉันเป็นหมาเหรอไอ้กำพร้า! ไอ้วิปริต ออกไปไกลๆ เดี๋ยวเชื้อตุ๊ดมาติดเเฟนฉัน" นริศรานี่ยั่วโมโหง่ายจริงๆ
"นี่ ถ้ายังหาคำด่าที่มันแอดวานซ์กว่ากำพร้าหรือเหยียดเพศไม่ได้ก็ไม่ต้องเปลืองน้ำลายหรอก มันไม่เจ็บ ขี้เกียจฟัง เเต่ฉันก็เข้าใจนะ ว่าสมองเธอมันคิดได้เเค่นี้"
"กะ.. เเก เเก.." หญิงสาวเต้นเร่าๆ พยายามคิดคำด่า โดยมีร่างโปร่งเเกล้งอ้าปาก
พะงาบๆ ล้อเลียน
นริศราทนไม่ไหว ยกมือทำท่าจะตบใบหน้าที่กำลังลอยไปลอยมาของอีกฝ่าย
"เอาดิ! เธอตบมาฉันตบกลับ" เขาไม่ใช่พวกสุภาพบุรุษที่จะมายืนให้ผู้หญิงตบหรอกนะ ความเลวมันไม่เลือกเพศเลือกวัย
เเต่ก่อนจะทันได้ปะทะคารมกันต่อ ก็มีมือเเกร่งมาจับเข้าที่เเขนกวินทร์เสียก่อน
"ขอคุยด้วยหน่อย"
กวินทร์ถอนหายใจ "นี่มันวันอะไรเนี่ย ทำไมมีเเต่คนอยากคุยกับกูวะ" อีกฝ่ายเเค่เลิกคิ้วกับคำบ่น เเต่ไม่ปล่อยมือ
พอเห็นใบหน้าของคนมาใหม่ นริศราก็อยากเข้าไปตบกวินทร์เสียเดี๋ยวนั้น
ไปรู้จักกันตอนไหน? ทำไมเธียรวิชญ์ต้องให้ความสนใจมันขนาดนี้? ที่เธอควงสหรัถทุกวันนี้ก็เเค่ต้องการทำร้ายจิตใจกวินทร์เเละเพราะอีกฝ่ายเป็นดาราหน้าใหม่ที่กำลังมาเเรง เเต่ฐานะครอบครัวของชายหนุ่มถึงจะพูดได้เต็มปากว่ารวยเเต่ก็เทียบไม่ติดเลยกับเธียรวิชญ์หรือหมอธีรไนย
"สวัสดีจ๊ะเมต รู้จักกันเหรอ" เธอชี้นิ้วไม่ทางกวินทร์ ทำท่าเหมือนเมื่อกี้ไม่ได้มีปากเสียกัน
"เปล่า"
นริศรายิ้มพอใจ "เหรอ... งั้นเราว่าเมตไม่ควรไปไหนมาไหนกับกวินทร์สองต่อสองนะคะ เดี๋ยวคนจะนินทาเอา ขนาดโอ๊ตยังเคยโดนเลย" เธอพูดเหมือนเป็นห่วงเธียรวิชญ์ เเละอ้างชายหนุ่มข้างกายที่กำลังปั้นหน้าไม่ถูก
"นินทา? ทำไม?"
"เเหม ใครๆ เขาก็รู้ว่ากวินทร์น่ะ เป็นตุ๊ด อุ้ย เป็นเกย์ เกรซไม่อยากให้เมตโดนเข้าใจผิด" ใครไม่รู้ว่าเธอจงใจพูดผิดก็คงโง่เสียเต็มประดา
"เข้าใจผิดว่าอะไรล่ะครับ?" เธียรวิชญ์ถามทั้งที่ยังไม่ปล่อยมือ
"ก็เข้าใจผิดว่าเมตเป็นคู่ขาไอ้กวินทร์น่ะสิ น่าอายจะตาย" นริศรายิ้มหยัน
"เหรอ" ชายหนุ่มหันมามองกวินทร์ที่กำลังยืนถอนหายใจ ใบหน้าเเสดงควาาม
รำคาญเต็นทน
"ถ้าโดนเข้าใจผิดกับคนนี้...ผมไม่ถือ" เธียรวิชญ์ยิ้มมุมปาก เเล้วลากอีกฝ่ายเดินหนีโดยไม่กล่าวขอตัวซักคำ
"เอาล่ะ นายมีธุระอะไรก็ว่ามา" กวินทร์เอ่ยปากถาม
"เปล่า เห็นกำลังโดนผู้หญิงตบเลยมาช่วย" ตอบหน้าตาย
"เหรอ?" น้ำเสียงเหมือนไม่เชื่อ "เเน่ใจนะว่าเเค่นี้?" ถามย้ำ
อีกฝ่ายพยักหน้ายกยิ้มเล็กน้อย
กวินทร์พยักหน้าส่งๆ "ถือว่าฉันเชื่อเเล้วกัน ไปล่ะ" พูดจบก็ผละไปขึ้นรถตัวเอง โดยมีสายตาคมมองตามหลัง
******
กลับมาถึงบ้าน กวินทร์ก็พาหมูน้อยสองตัวไปอาบน้ำ อาบพร้อมกันทั้งสามคนนั่น จะได้ไม่เสียเวลา ยังไงๆ เขาก็ต้องเปียกเพราะมือป้อมๆ ที่คอยตีน้ำให้กระเด็นอยู่ดี ปากเล็กร้องกรี๊ดกร๊าด หนูๆ สนุก เเต่ปะป๊าเปียกเป็นหมาตกน้ำไปเเล้ว
"น้องปรายอยู่นิ่งๆ เดี๋ยวตกเตียง" กวินทร์ดุลูกสาวเเสนน่ารัก เเต่ยัยหนูก็ไม่เเคร์ เเถมยังมองเขาด้วยสายตาดูถูก
อย่างปะป๊าจะทำไรหนูได้ "ปะๆๆ" ว่าเเล้วก็คลานไปขอบเตียงอีก จนกวินทร์ต้องละมือจากการเปลี่ยนเเพมเพิสให้น้องปลื้มเเล้วรีบไปจับร่างอวบย้ายมาไว้กลางเตียง เเต่ไม่กี่วินาทีก็เอาอีก จนเขาต้องเหยียบชายเสื้อไว้เเทน เเละดูเหมือนน้องปรายจะไม่ชอบใจเป็นอย่างยิ่ง
"อืออ งื้อ" หนูน้อยพยายามคลานหนี เเต่ก็ไปไม่ได้ ถึงขนาดนั่นก็ยังไม่ลดละความพยายามจนกวินทร์อดขำไม่ได้
"อ่ะ เสร็จเเล้ว" ร่างโปร่งอุ้มหนูน้อยทั้งสองวางลงพื้นที่มีของเล่นวางอยู่
"น้องปลื้มกับน้องปรายรอปะป๊าอยู่นี่นะครับ เดี๋ยวปะป๊าลงไปทำหม่ำๆ ให้" ร่างสูงไม่ค่อยกังวลที่จะปล่อยให้เจ้าเเฝดเล่นอยู่ชั้นบนของบ้าน เพราะมีที่กั้นตรงบันไดหนาเเน่น อีกอย่างเขาสอนเด็กๆ ให้ขึ้นลงบันไดจนคล่อง เเต่ก็ยังห่วงอยู่ดีเลยต้องมีที่กั้นอย่างที่เห็น
หมูน้อยทั้งสองส่งเสียงอ้อเเอ้สื่อสารกันไปมา เเละอยู่ๆ ก็มีเสียงกึกกักปลดล็อคตรงบันได เจ้าเเฝดรีบทิ้งของเล่นในมือ ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเเล้ววิ่งตุตะไปยังที่มาของเสียงเพราะคิดว่าเป็นปะป๊า ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นตา
ใครกัน? สูงกว่าปะป๊า หน้าดุเหมือนคุณทวดเลย เเต่ไม่เป็นไร น้องปรายชอบคนหล่อ หนูน้อยหัวเราะคิกคัก คลานดุ๊กๆ ไปหยุดที่เท้าร่างสูง ส่วนน้องชายพอเห็นพี่สาวนำหน้าไป ก็คลานตามติดๆ พี่ไปไหนหนูไปด้วย
น้องปรายชูเเขนหวังให้ร่างสูงอุ้ม "อุม!"
เเต่คุณลุงกลับนิ่งเฉย น้องปลื้มเลยช่วยอีกเเรก ชูเเขนกำมือเข้าๆ ออกๆ "อื้อออ อุมๆ"
ถึงกระนั้นคุณลุงเเปลกหน้าก็ยังนิ่ง เเละมองเจ้าเเฝดทั้งสองอย่างงงๆ จนหนูน้อยต้องงัดไม้ตายมาใช้ ปากเล็กจิ้มลิ้มเริ่มเเบะ ตากลมโตสั่นระริกทั้งพี่ทั้งน้องราวกับนัดกันมา ไม่นานเสียงสะอื้นฮักๆ ก็ดังขึ้น จนคุณลุงเเปลกหน้าถอนหายใจ เเล้วก้มลงอุ้มหมูสองตัวขึ้นมา
"อะไร เมื่อกี้ยังเเบะปากจะร้องอยู่เลย" ชายหนุ่มเอ่ยปากถามเมื่อเสียงสะอื้นเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะคิกๆ เเย่งกันเล่นเนคไทของคุณลุงเฉย
"เจ้าหมู ปะป๊ามาละ... อ่าว คุณภูผา"
ร่างสูงหันไปมองต้นเสียง ที่เป็นหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนในชุดกันเปื้อนลายการ์ตูนหวานเเหวว เเต่เจ้าตัวกลับไม่มีท่าทีเขินอายเลยซักนิด
"อะไรเนี่ยเจ้าหมู ไปรบกวนอะไรคุณลุง?"
หนูน้องทั้งสองยิ้มร่าโชว์ฟันที่มีอยู่ไม่กี่ซี่ อีกคนซบไหล่เเกร่ง อีกคนงับเนคไทจนชุ่มไปด้วยน้ำลาย
"มาหาปะป๊านี่มา" กวินทร์กางเเขนยื่นมือรับเด็กๆ เเต่ทั้งสองเเฝดกลับหันหน้าหนีปะป๊า เเถมซบอกเเน่นๆ ของคุณลุงเเปลกหน้าเฉ๊ย ทำไงได้ ก็เเขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของคุณลุงอุ้มเเล้วสบายก้นนี่เนอะ ไม่เหมือนเเขนเรียวๆ ของปะป๊า
"วันนี้ปะป๊าทำซุปฟักทองหวานๆ มันๆ ด้วยนะ จิ้มขนมปังอร่อยยยย หม่ำๆ" เอาของกินเข้าล่อ เเต่หนูน้อยก็ยังเกาะคอคุณลุงไว้ไม่ปล่อย อย่าหาว่าฟ้อง ก็ตอนปะป๊าทิ้งพวกหนูไปเรียน คุณย่าทวดป้อนขนมน้องปลื้มกับน้องปรายอิ่มจนพุงกลางเลย
ไม่ว่ากวินทร์จะทำไงเจ้าเเฝดก็ไม่ยอมปล่อย เเถมเห็นเป็นเรื่องสนุกเข้าใจว่าปะป๊ากำลังเล่นด้วย หัวเราะคิกคักๆ สลับกันโผล่สลับกันซบอกคุณลุง
จนภูผาต้องเอ่ยปากช่วย "นายนำทางไปสิ เดี๋ยวฉันอุ้มตาม"
"เอางั้นก็ได้ครับ" กวินทร์รับคำ เห็นของกินเเล้วขี้คร้านจะดิ้นกระแด่วๆ ออกจากวงเเขนเเกร่ง
เเล้วก็เป็นไปตามคาด พอเห็นถ้วยซุปสีเหลืองข้นเเละมีขนมปังชิ้นเล็กวางจุ่ม เเถมส่งกลิ่นหอมเตะจมูกเล็ก ร่างอวบๆ ป้อมๆ ก็ดิ้นดุ๊กดิ๊กส่งเสียง "หม่ำๆ" จนกวินทร์ช่วยรับเเฝดคนน้องมาหย่อนใส่เก้าอี้เด็กเเทบไม่ทัน
"คุณภูช่วยติดผ้ากันเปื้อนให้น้องปรายหน่อย" กวินทร์ยื่นผ้ากันเปื้อนให้อีกฝ่ายในขณะที่ตัวเองติดให้น้องปลื้ม
หยิบช้อนให้คนละคัน "เอ้า ลงมือเลยครับลูกหมู" หนูน้อยปรบมือเเปะๆ ชอบใจ รับช้อนมาเเล้วตักทานเอง เข้าปากบ้าง เลอะบ้าง เเต่กวินทร์อยากให้เด็กๆ ช่วยตัวเองได้เเต่อายุยังน้อย อะไรทำเองได้ก็อยากให้ทำเอง เขาไม่อยากให้เด็กๆ โตมาเป็นลูกคุณหนู
"โอ๊ะ ลืมไปเลย" กวินทร์อุทานขึ้น "ผมว่าเนคไทคุณถอดออกดีกว่าครับ เดี๋ยวผมซักคืนให้ เลอะเอนไซม์น้องปลื้มขนาดนั้น" พอได้ยินปะป๊าเรียกชื่อตัวเอง เด็กชายก็เงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบซุปเเล้วยิ้มเเฉ่ง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานต่อ
"ไม่เป็นไร" คนตัวสูงกล่าวเสียงเรียบ
"ไม่ได้หรอกคุณ ยิ่งปล่อยไว้นานเดี๋ยวเป็บคราบซักไม่ออก มาๆ" ไม่พูดเปล่า มือเรียวก็เอื้อมไปปลดเนคไทภูผาเหมือนบังคับกลายๆ
ใบหน้าของกวินทร์สูงเท่าอกเขาพอดี มองใกล้ๆ ผิวหน้าขาวละมุนไร้ริ้วรอย ขนตาที่เป็นเเพรยาวสีเข้มตัดผิวขาวละเอียด ปากชมพูอิ่ม
ถ้าโดนบดขยี้ให้บวบเจ่อจะน่ามองขนาดไหนนะ ... กำลังคิดอะไรวะภูผา?! ร่างสูงตกใจกับความคิดตัวเอง สงสัยทำงานเยอะจนเบลอ เขาเลยเบนความสนใจไปยังสองเเฝดที่หม่ำซุปจนเเทบจะยกซด เเก้มป่องๆ มือป้อมๆ เลอะเทอะไปหมด ทำเอาเขาอดรู้สึกเอ็นดูไม่ได้
******
"ผมเพิ่งรู้ว่าเจ้าสัวมีเหลน" ภูผาพูดยิ้มๆ
"ปู่เองก็เพิ่งรู้ไม่นานมานี่เอง" เจ้าสัวยิ้มขำ
ร่างสูงเลิกคิ้วไม่เข้าใจ
"อยู่ๆ ตากวินทร์ก็เดินมาบอกปู่กัยย่าว่าจะเอาลูกของเพื่อนที่เสียเเล้วมาเลี้ยงเพราะเด็กไม่มีญาติ" เจ้าสัวส่ายหัวเล็กน้อย เเต่มีรอยยิ้มเเตะริมฝีปาก
"ผมทายว่าเจ้าสัวคงไม่ยอม?"
"หึหึ ถูก" ชายชราตอบเเล้วยกน้ำชาขึ้นมาจิบ
"เลี้ยงหลานมาเกือบยี่สิบปี เพิ่งจะมีวันนั้นมั้ง ที่ปู่รู้สึกว่าตากวินทร์โตเป็นผู้ใหญ่เเล้วจริงๆ พอปู่บอกไม่ได้ กวินทร์กลับตอบว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวย้ายออกไปก็ได้ ดูมัน ฮ่าๆ"
ภูผาอดเเปลกใจไม่น้อยที่กวินทร์จะยอมทิ้งการใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเพื่อรับเลี้ยงลูกของคนอื่น นอกจากว่าเจ้าตัวจะพูดขู่เฉยๆ เเละเหมือนเจ้าสัวจะอ่านความคิดอีกฝ่ายออก
"ฟังเหมือนคำขู่ของเด็กอมมือใช่ไหม? เเต่น้ำเสียงตากวินทร์ในวันนั้นไม่ใช่การขู่ ไม่ได้อวดดี เหมือนเเค่เป็นการบอกเล่าธรรมดาๆ"
ภูผาไม่นึกเลยว่ากวินทร์จะมีมุมอย่างนี้ น่าสนใจจริงๆ
ก๊อก ก๊อก เสียงเคราะประตูดังขึ้นขัดจังหวะ
"เข้ามาได้" คุณธาราตอบ
กวินทร์เปิดประตูเข้ามาอย่างทุลักทุเลเพราะกำลังถือถาดที่มีถ้วยซุปสองถ้วยกับขนมปังสามสี่ชิ้น ซุปฟักทองที่เขาปรุงให้ถูกปากผู้ใหญ่ ส่งกลิ่นหอมของเนยเเละเครื่องเทศชวนน้ำลายสอ
"ขอโทษที่รบกวนครับ กวินทร์เห็นว่าบ่ายเเก่เเล้ว ปู่ควรมีอะไรรองท้องนะครับ คุณภูผาก็ด้วย เข้าขากับคุณปู่ขนาดนี้คงบ้างานจนลืมทานอาหารบ่อยๆ ล่ะสิท่า" พอเห็นเจ้าสัวทำท่าจะค้าน หลานชายก็รีบพูดดัก "คุณปู่ไม่ต้องเเก้ตัวเลย คุณย่าเล่าให้กวินทร์ฟังหมดเเล้ว"
ทำเอาภูผากับเจ้าสัวได้เเต่มองตาปริบๆ ร้อยวันพันปีไม่เคยโดนเด็กที่ไหนกล้ามาดุมาสอนเหมือนเจ้าคนนี้ นิ้วเรียวสวยหยิบถ้วยวางอย่างคล่องเเคล่ว
"มีน้ำเสาวรสเย็นๆ ด้วยครับ จะได้สดชื่น นี่กวินทร์ทำเองเลยนะ ถ้าไม่ติดว่ารวยอยู่
เเล้วจะทำขายซะเลย ฮ่าๆ" ถ่อมตัวคืออะไร? เจ้าสัวได้เเต่ส่ายหน้าอย่างเอื่อมระอา
อยู่ป่วนคุณปู่ไม่กี่นาทีโดยมีสายตาสนเท่ห์ของภูผาคอยมอง กวินทร์เลยขอตัวออกไป ร่างสูงมีความรู้สึกว่าการรับกวินทร์เข้ามาฝึกงานอาจจะไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด
"เอ้า ไหนๆ ก็ยกมาเเล้ว ทานไปด้วยคุยไปด้วยเเล้วกันนะตาภู" คุณธาราเชื้อเชิญเมื่อหลานชายออกไปเเล้ว
ชายหนุ่มตักซุปเข้มข้นเข้าปากคำเเรก อืม เขายอมรับว่ามันอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว รสชาติหวานมันกำลังพอดี เอาขนมปังมาจิ้มยิ่งอร่อย
ขนมปังที่ร่างโปร่งนำมาไม่ใช่เเบบนุ่มๆ นิ่มๆ เหมือนที่คนไทยนิยม เเต่เป็นขนมปังซาวร์โดที่มีรสชาติออกเปรี้ยวและมีเนื้อปุย มักนำมาทานกับของคาว เข้ากันได้ดีอย่าบอกใครเชียว
******
ก่อนกลับบ้าน ไม่รู้อะไรดลใจให้เขามาเเวะมาหยุดอยู่หน้าห้องที่มีเสียงหยอกล้อเเละเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากของเด็กน้อยอวบอั๋นสองคน
พอเห็นคุณลุงเเปลกหน้า เจ้าหนูทั้งสองก็ทิ้งปะป๊าเเล้ววิ่งเตาะเเตะไปกอดขาร่างสูง ก่อนจะเงยหน้ายิ้มเเฉ่ง
"อะไรเนี่ยเจ้าหมู" กวินทร์เท้าเอวมองภูผาที่ก้มลงอุ้มเด็กๆ เเละเขาสาบานได้เลยว่าคนหน้านิ่งเเอบอมยิ้มเหมือนถือไพ่เหนือกว่า
"ฉันกำลังจะกลับ เลยเเวะมาลาเด็กๆ" ภูผาทำท่าจะวางเจ้าเเฝดลง เเต่กลับโดนกอดคอไว้เเน่น
"ผมว่าคุณภูผาเอาเด็กๆ มาวางที่เตียงดีกว่าครับ ซนมาทั้งวัน หัวถึงหมอนเดี๋ยวก็หลับ"
พอถูกวางลงบนเตียงหมูสองตัวก็กลิ้งไปมา อ้อนเเกมงอเเงให้ปะป๊าเเละคุณลุงมานอนขนาบข้าง หัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจ เเต่ไม่นานก็สงบนิ่งให้ปะป๊าจุ๊บเหม่ง ก่อนจะหันไปมองคุณลุงอย่างคาดหวัง จนร่างสูงต้องก้มหน้ามาจุ๊บถึงส่งเสียงพอใจ เเละไม่ถึงนาทีก็หลับสนิทกันทั้งคู่
คืนนั้นกวินทร์ส่งภูผากลับบ้านพร้อมมะยงชิดลอยแก้วกล่องโต ก็ทำไว้ซะเยอะ เเล้วมะยงชิดก็ได้มาฟรีๆ เพราะไปผูกมิตรกับเด็กเกษตร ตอนกลับบ้านที่ต่างจังหวัด เพื่อนใหม่อย่างปทิตเลยขนผลไม้มาฝากเขาถุงใหญ่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเเบ่งไปให้อีกฝ่ายเเละเพื่อนๆ เพราะมันอร่อยมากกก เขาเลยอยากอวดฝีมือ! มะยงชิดรสชาติหวานอมเปรี้ยวกับน้ำเชื่อมหวานละมุน มีกลิ่นใบเตยเเละดอกมะลินิดๆ ได้ทั้งรสได้ทั้งกลิ่นเลยทีเดียว
******
ภายในรถเก๋งคันหรู
"มีอะไรดีๆ ที่บ้านเจ้าสัวเหรอครับบอส?"
"ทำไม?"
"ตั้งเเต่ออกจากบ้านเจ้าสัวมา ผมก็เห็นบอสยิ้มไม่หุบ เหมือนเวลาไอ้สิงห์กลับ
จากบ้านเเฟนมันเลย"
"เสือ"
"ครับ?"
"หุบปาก เเล้วขับรถ"
....
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นค่าาา
