[จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว] ►Have a ghost night - รักนี้ผีไม่เกี่ยว (รีไรท์)◄ [บทส่งท้าย] 25/4/18  (อ่าน 37729 ครั้ง)

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คิทเป็นแค่เพื่อนจริง ๆ เหรอ  :hao4:

ออฟไลน์ windwrite

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ชักอยากรู้ปมของคิทละแหะ

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
มีคนคิดเหมือนกันเลย
ส่าคิทเนี่ยแค่เพื่อนจริงๆหรอ
ทำไมต้องตามหาขนาดนี้

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ไม่เคยอ่านเรื่องนี้ แต่พอเห็นว่ารชาแต่งนี่รีบกดเข้ามาเลย อ่านแล้วคิดถึงละครเรื่องรากบุญนิดๆ คือถ้าพี่ซีไม่อยากวุ่นวายกับผีพี่ก็ต้องทำเป็นมองไม่เห็นสิ แต่นี่พี่เล่นโวยวายซะขนาดนี้เขาก็รู้ตัวกันพอดี คนอ่านเลยไม่รู้จะสงสารหรือขำก่อนดีเลยเนี่ย ส่วนปมคิทกับน่านเราว่าน่าจะเป็นเพื่อนที่กลายมาเป็นแฟน คิดว่าคิทตายเพราะทะเลาะกับน่านแล้วเกิดอุบัติเหตุรึเปล่า ก็ต้องรอลุ้นต่อไป รอติดตามนะคะ ชอบๆสนุกปนหลอนนิดๆ

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
ตอนที่ 8
มาเล่นกันเถอะ

 

วันนี้เป็นวันหยุดผมชวนทิมมาที่บ้านของคิท บ้านมันเป็นร้านอาหารชื่อ KK’s Kitchen ที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมแถวๆ นี้ สมัยเรียนเรามาบ้านคิทบ่อย ซึ่งแน่นอนว่าเราจะได้กินอะไรอร่อยๆ กันทุกครั้งที่มา อย่างครั้งนี้ก็เช่นกัน

"กินเยอะๆ นะพี่ พอรู้ว่าพวกพี่จะมาพ่อหนูทำไม่หยุดเลย" แคทน้องสาวของคิทพูดพลางวางจานอาหารที่เพิ่งยกมาวางบนโต๊ะก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผม

"คิดถึงพวกพี่อ่ะ ไม่มาตั้งนาน"

ผมได้แต่ยิ้มหน่อยๆ ให้น้อง แคทอายุน้อยกว่าเราแค่ปีเดียว แต่เป็นผู้หญิงตัวเล็ก เลยดูเด็กในสายตาพวกเราอยู่เสมอ เราเรียนที่เดียวกันแต่คนละคณะ จึงไม่ค่อยได้เจอกัน ตั้งแต่เข้ามหาลัยมาก็บังเอิญเจอกันที่มหาลัยไม่ถึงสิบครั้งเลยมั้ง

"แล้วแคทเป็นไงบ้าง "

"ก็ดีพี่ เรื่อยๆ"

"เลิกกับแฟนยัง" ทิมถามขึ้น คำถามไม่ถูกหูเลยโดนมือเล็กๆ ฟาดไหล่ไปทีหนึ่ง

"เดี๋ยวจะโดน"

"โห่ไรวะ รอเสียบอยู่เนี่ย รู้งี้จีบแกตั้งแต่ม.สามก็ดี"

"จีบตอนไหนหนูก็ไม่เอาพี่หรอก"

"โห ไอ้นี่!" ทิมยกส้อมทำท่าจะจิ้มแคท

"แล้วพี่ทิมอะ มีแฟนยัง"

"ยัง"

"ไม่น่าถาม อย่างพี่ไม่มีใครเอาหรอกเนอะ"

"ไอ้แคท! เดี๋ยวเหอะ!"

แคทหัวเราะออกมาเสียงดังแล้วหันมามองผม

"แล้วพี่น่านอะ คิดจะมีแฟนหรือยัง"

ผมส่ายหน้ายิ้มๆ

"ไม่มีใครเอาทั้งคู่ ว้าย!"

ทันทีที่แคทพูดจบผมจับเธอล็อกคออย่างหมั่นเขี้ยว 

"ฆ่ามันเลยไหม" ผมถามทิม

"ฆ่าเลย กูยอมติดคุก" ทิมว่าแล้วยกส้อมขึ้นจิ้มๆ แคท 

"เฮ้ยพี่! ปล่อยหนูนะ! มันจักจี้"

"ตายซะ!"

"อะไรกันเด็กๆ เสียงดังกันเชียว" ลุงพล พ่อของคิทเดินเอาอาหารเข้ามาวางอีกจาน ทั้งที่พวกผมอิ่มตั้งแต่สองจานแรกแล้วแต่ก็ไม่ได้ขัดตอนที่ลุงพลเอาอาหารมาให้เพิ่ม ผมปล่อยมือที่ล็อกคอแคทออก ไอ้เด็กนี่มองผมกับทิมด้วยสายตาเคืองๆ แล้วหันไปหาพ่อตัวเอง 

"พ่อหยุดทำอาหารได้แล้ว จะทำให้วัตถุดิบหมดครัวเลยหรือไง"

"ของพวกนี้ทิมกับน่านชอบทั้งนั้นแหละ ใช่ป่ะ?"

"ครับ ชอบครับ" ทิมว่าแล้วหยิบไก่ทอดกิน

"นึกถึงสมัยก่อนเลยเนอะ เด็กพวกนี้มาเล่นซนที่บ้านเราได้ทุกวัน"

"ใช่! มาก่อความรำคาญทุกวันแหละพ่อ"

"แกก็เล่นอยู่กับพวกพี่นะแคท"

แคทย่นจมูกใส่ผมแล้วยื่นมือไปหยิบไก่ทอดใส่ปากบ้าง

"เดี๋ยวนี้บ้านเงียบเลย"

ผมพยักหน้ารับ เสียงลุงพลเรียบเฉยแต่แฝงความเศร้าไว้ภายใต้ดวงตาที่ดูสลดลงไป ไม่มีใครไม่คิดถึงคิท ผมเข้าใจลุงพลดี อดนึกไปถึงเมื่อก่อนไม่ได้ เพราะบ้านคิทมันใกล้โรงเรียนสุด หลังเลิกเรียนเราจะมารวมหัวกันอยู่ที่นี่ มาก่อความรำคาญอย่างที่ลุงพลบอก พวกเราทำทุกอย่างที่เพื่อนจะทำ เราทำการบ้านบ้าง ลอกการบ้านกันเองบ้าง เราติวหนังสือเตรียมสอบ เราเที่ยวด้วยกัน เราหัดกินเหล้าด้วยกัน เราเมาอยู่ด้วยกัน เรามีความสุขอยู่ด้วย เราสนุกด้วยกันและใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง โดยไม่เคยคิดถึงวันที่ไม่มีมันอยู่ ไม่เคยคิดถึงวันที่จะต้องจากกันไป ไม่คิดว่ามันจะมาเร็วขนาดนั้นอย่างไม่ทันตั้งตัว 

หลังจากกินข้าวเสร็จผมขึ้นมาที่ห้องของคิท ทั้งห้องนอนและข้าวของของมันยังคงเหมือนเดิม ผมเคยคิดว่ามันแค่ไปไหนไกลๆ เดี๋ยวก็กลับมา ผมมองรูปคิทที่วางอยู่ตรงนั้น มันที่อยู่ในรูปนั้นยังคงยิ้มให้ผมอยู่เสมอ

ไอ้สัด ไม่ต้องมายิ้มเลยนะ

"โย่ว! ไอ้คิท" ทิมที่เดินตามเข้ามาทักทายรูปนั่น ก่อนจะทิ้งตัวลงที่นอน ไอ้นี่มันเป็นโรคสภาวะทิ้งตัว เจอที่นอนไม่ได้ต้องล้มเข้าใส่ทันที ผมเองก็นั่งลงที่ปลายเตียงนั่นด้วย

"มึงว่า ตอนนี้มันจะทำอะไรอยู่วะ"

ทิมถามขึ้น ผมก็ไม่รู้ แต่สิ่งเดียวที่มั่นใจ คือมันยังอยู่ที่นี่

"ไอ้คิท กูรู้มึงยังอยู่ที่นี่"

"เฮ้ย ไอ้น่าน" ทิมเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอน

"กูพูดจริง มันยังไม่ไปไหนหรอก"

"ไอ้ห่าน่าน กูรู้มึงอยากเจอมัน แต่มึงจะประสาทแดกไปกันใหญ่แล้วนะ มันตายไปเกือบสามปีแล้ว ป่านนี้ไปเกิดใหม่ โตจนเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้วมั้ง"

ผมไม่ได้สนใจคำพูดทิมก่อนจะเลื่อนสายตากลับมาที่รูปถ่ายนั้น

"และถ้ามึงยังอยู่จริงๆ ก็ออกมาเลย กูก็รอมึงอยู่เหมือนกัน" ถ้าพี่ซีมาด้วยก็คงดี เขาคงมองเห็นคิทไปแล้วหากว่ามันอยู่ที่นี่จริงๆ

"ไอ้น่าน"

ทิมดึงผมให้นั่งลงข้างๆ

"สติมึงสติ"

"กูไม่ได้บ้า"

"มึงบ้า!"

"กูมีสติดี"

"มึงไม่มีสติ!"

"ไอ้ทิม มึงอยากปากแตกหรืออะไรไหม"

"กูสิจะต่อยมึง เผื่อจะดึงสติมึงกลับมาบ้าง"

"จะต่อยกูเหรอ ฝันไป!" ผมหยิบหมอนตรงนั้นขึ้นมาแล้วฟาดใส่มันไม่ยั้งมือ แต่ก็อย่าหวังว่ามันจะยอมง่ายๆ ห้องนอนของคิทกลายเป็นสนามต่อสู้ของเราสองคน หมอนสองใบกลายเป็นอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงที่สุดในจุดนี้

"ไอ้น่าน มึงมันบ้า!"

"มึงหุบปากไปเลย!"

"กูไม่หุบจนกว่ามึงจะมีสติ!"

"ไอ้ห่านี่!"

"มึงอยากเจอมันมากก็ตายตามมันไปเลย!"

"โครม!"

ทั้งผมและทิมหยุดกึกหลังจากของบางอย่างที่หัวเตียงหล่นลงมา ทิมหันมองหน้าผมอย่างหน้าตาตื่น

"กูบอกแล้วไงว่ามันยังอยู่"

"ไอ้สัด กูไม่ตลกนะ"

ผมยิ้มมุมปากมองหน้าทิม มันลุกขึ้นช้าๆ แล้วมองไปยังของที่หล่นลงมา เป็นหนังสือรุ่นตอนม.ปลายที่บังเอิญเปิดไปยังหน้าที่มีรูปเราอยู่พอดี

"กูว่าคิทมันอยากเล่นด้วยว่ะ"

"พวกมึงเล่นกันไปสองคนเหอะ กูไปก่อนนะ" ทิมว่าแค่นั้นก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป ผมหัวเราะออกมาเบาๆ กับท่าทางของมัน ไม่ได้บอกมันว่าที่หนังสือตกเพราะมือผมไปโดนตอนที่ยกหมอนฟาดมัน ผมหยิบหนังสือนั่นขึ้นมาดู ตอนม.ปลาย ใครๆ ก็รู้ไอ้คิทมันตัวแสบของห้องเลย ไม่คิดจะได้เป็นเพื่อนกับมันเหมือนกันเพราะเราต่างกันคนละขั้วเลย แต่งงๆ ยังไงไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นเพื่อนสนิทของมันไปแล้ว

"ปัง!"

ผมสะดุ้งเฮือก หนังสือหลุดออกจากมือตอนที่ประตูห้องกระแทกปิดเสียงดัง บางทีอาจเป็นเพราะลม แต่ใจผมมันบอกว่าไอ้นั่นมันกำลังแกล้งผมอยู่

"มึงใช่ไหมไอ้คิท"

ผมหลุดหัวเราะกับความบ้าบอของตัวเอง หันกลับไปมองรูปไอ้คิทอีกครั้งเสียงหัวเราะนั่นมันก็หายไปกลายเป็นรอยยิ้มฝืนๆ และคำพูดแผ่วเบาจากความรู้สึกข้างใน

   

"คิดถึงมึงจริงๆ ว่ะ"

 

...

 

 

ผมเดินกลับเข้ามาในหอพัก ภาพที่เห็นจนชินตาก็คือบุรุษผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าของหอที่นั่งอยู่ตรงโซฟา ในมือถือขวดเบียร์ราวกับมันเป็นอวัยวะที่งอกออกมาตรงนั้น คนตรงนั้นหันมาทักผมก่อน 

"กลับดึกจัง ไปไหนมาวะ"

"กินเบียร์ได้นี่แปลว่าหายป่วยแล้วดิ" ผมไม่ได้ตอบคำถามเขาแถมยังถามกลับ ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาข้างๆ 

"ก็ไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย"

"นี่เมาป่ะ"

เขาส่ายหน้า

"นี่ขวดที่เท่าไร"

"สอง"

"เออ พอแค่นี้แหละ" ผมว่าแล้วหยิบขวดที่ยังไม่ได้เปิดซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ เอาเข้าไปเก็บในตู้เย็น

"อะไรของมึงเนี่ยไอ้หนู"

"หนูอะไรเล่า!" ผมตะโกนตอบ แล้วมองดูตู้เย็นในครัว ซึ่งทุกพื้นที่ในนั้นเต็มไปด้วยขวดเบียร์

"เอามาคืนเลย"

"สองขวดก็พอแล้ว"

"กูจะกินกี่ขวดก็ได้เว้ย ตับกู กูรับผิดชอบเอง"

"ผมเป็นห่วงนะ"

"มีสิทธิ์อะไรมาห่วงกู"

ผมเงียบ พลางคิดว่ามันจริงอย่างที่เขาพูด ผมจะสนทำไม ต่อให้คนตรงหน้าตับแข็งหรือเป็นมะเร็งตายมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมตรงไหน แต่แม่งทำเหมือนความห่วงของผมไม่มีความหมายแบบนี้ไม่มากไปหน่อยเหรอ ถามว่าผมมีสิทธิ์อะไรนั่นผมไม่รู้ แต่อย่างน้อยก็ในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งไม่ได้หรือไง ผมส่ายหัวกับความคิดตัวเองเบาๆ แล้วหยิบขวดเบียร์ออกมาจากตู้เย็นกำลังจะเอาไปคืนให้เขา

"เออๆ ไม่ต้องเอามาละ กูไม่กินแล้วก็ได้"

กวนตีน

ผมหันไปมองแรงใส่เขาทีหนึ่งก่อนจะกลับไปยัดเบียร์ใส่ตู้เย็นเหมือนเดิม แล้วกำลังจะเดินขึ้นบันได

"เฮ้ย งอนเหรอ"

"มีสิทธิ์อะไรไปงอน"

"ก็มึงทำเหมือนงอนกูอยู่เลยเนี่ย"

"กูไม่ได้งอนเว้ยพี่"

"อ้าว พูดไม่เพราะใส่กูอีก"

"ทีพี่ยังพูดได้เลย"

"หนู อย่าขี้เถียงดิ พี่ไม่ชอบ"

"พี่ก็อย่าปากหมาดิ"

"ขอโทษ"

"พรวด! ปัง!" พี่ซีหยุดชะงักขณะที่กำลังเอ่ยคำขอโทษใส่ผมอยู่ ผมเองก็ตกใจที่อยู่ๆ ไคโรก็เปิดประตูพรวดเข้ามาแล้วปิดมันเสียงดังอย่างกับกำลังหนีใครเข้ามา สภาพเขาตอนนี้สะบักสะบอมเหมือนผ่านดงตีนมายังไงยังงั้น 

"มีอะไรวะ" พี่ซีเอ่ยถาม ไคโรไม่ตอบก่อนเสียงโวยวายข้างนอกจะดังขึ้น

"ปังๆๆๆ! อย่าหนีนะโว้ย! กูรู้มึงอยู่ในนั้น ออกมา!"

"กูถามว่ามีอะไร!" เสียงดังของพี่ซีถามซ้ำ แต่อีกฝ่ายก็ยังอึกอักที่จะตอบ

"คือ..."

"มึงมีเรื่องกับพวกข้างนอกเหรอ"

"ผมไม่ได้เริ่มนะเฮีย"

"มึงมานี่เลย" พี่ซีลากไคโรไปอีกทาง แต่เสียงข้างนอกยังโวยวายไม่หยุด

"พี่ซี แล้วข้างนอกนั่น" ผมชี้ไปที่ประตูที่คล้ายจะถูกทุบเข้ามาอยู่แล้ว

"ไปจัดการให้หน่อย"

"ฮะ"

ให้ใครจัดการ กูเหรอ?

"เพล้ง!"

เชี่ย! ผมสะดุ้งโหยงที่ไอ้พวกข้างนอกนั่นใช้ก้อนหินทุบประตูกระจกเข้ามา เด็กสมัยนี้หัวรุนแรงจังโว้ย ผมสูดลมหายใจเฮือกหนึ่งแล้วเดินไปที่ประตูก่อนจะเปิดมันออก แล้วพบกับกลุ่มนักเรียนชายเกือบสิบคน จะเรียกมันว่ากลุ่มนักเรียนรหรือฝูงซอมบี้ดีวะเนี่ย ทั้งหน้าตาที่ดูเอาเรื่อง และทุกคนอยู่ในท่าที่พร้อมจะตีใครสักคน

ก็ได้แต่ภาวนาว่าคนนั้นคงไม่ใช่กู

"มีอะไรกัน" ผมเก๊กหน้านิ่งถามเสียงเรียบ

"มันอยู่ในนี้ใช่ไหม!"

"ใคร?"

"ไอ้ไคโรไง! ออกมานะโว้ย อย่ามัวมุดหัวอยู่!"

"เฮ้ยๆ! ถ้ามึงก้าวเข้ามากูแจ้งตำรวจแน่!" ผมชี้หน้ามันก่อนที่หนึ่งในนั้นกำลังจะเดินเข้ามา พวกมันหยุดด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก เสียงหักนิ้วดังกรอบราวเจ้าป่ากับพร้อมจะขย้ำเหยื่อแล้ว

"ข้อหาบุกรุกนะโว้ย! ทำลายทรัพย์สินด้วย!" ผมทำเป็นเก่งไว้ก่อนเพราะยังไงผมก็อายุมากกว่า คิดว่าจะดูเหนือกว่าด้วยวัยวุฒิอยู่แล้ว แต่ผิดถนัด ไอ้ข้อบังคับตามกฎหมายยกมาอ้างไม่ได้ทำให้พวกมันเกรงกลัวแต่อย่างใด คนที่ยืนจ้องหน้ากับผมเหมือนกับเป็นหัวโจกกำลังขู่ผมด้วยสายตา เอาแล้วไง กูเป็นแค่หนูแฮมทาโร่เอง อย่าคิดรุนแรงกับกูเชียวนะ ทำไมพี่ซีต้องปล่อยให้ผมต้องมาเผชิญหน้ากับไอ้หมาบ้าพวกนี้เพียงลำพังด้วยเนี่ย น่ากลัว...

"พวกผมไม่เข้าไปก็ได้ แต่เอาไอ้ไคโรออกมา"

"ไม่ได้"

"ทำไมจะไม่ได้ ผมแค่มีเรื่องจะเคลียร์กับมัน ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่ซักหน่อย"

"บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ดิวะ! นี่อายุเท่าไร อยู่ม.อะไร ทำไมทำตัวแบบนี้ เอาเวลาไปอ่านหนังสือทำการบ้านดีกว่าเปล่า ทำเรื่องแบบนี้ไม่เกิดประโยชน์นะเว้ย วันนึงพวกมึงต้องมานั่งเสียใจแน่ๆ ว่าทำอะไรลงไป..."

"รำคาญ! เข้าไปเลยเหอะ!" คำพูดของผมหมดความหมายตอนที่หนึ่งในนั้นผลักผมจนกระเด็นไปอีกทางขณะที่กำลังเทศนาให้พวกมันฟัง แล้วเดินเข้าไปในหอไป

ไอ้เด็กเวร!

"เฮ้ย! กูแจ้งตำรวจจริงๆ นะ" ผมควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า

"ฟึ่บ!" มันใช้เท้าเตะโทรศัพท์ผมร่วงจากมือ สมาร์ทโฟนตัวใหม่ที่ถอยมาได้ไม่ได้นานร่วงไปนอนแอ้งแม้งคว่ำหน้าอยู่กับพื้นเป็นเหตุให้ผมเดือดพรวดขึ้นมาเลย

"ไอ้เหี้ยนี่! กูว่าจะใจเย็นแล้วนะ!"

ผมพ่นคำหยาบก่อนจะตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อมันอย่างเอาเรื่อง ไอ้พวกที่เหลือกำหมัดแน่น ทุกสายตาพุ่งมาที่ผมคนเดียว เอาก็เอาดิวะ! เอาเลยเว้ย! มาเลย!

"เฮ้ย"

พี่ซีเดินออกมาจากห้อง เสียงแข็งๆ คำเดียวของเขาทำให้ทุกอย่างเงียบ

"เข้ามาทำอะไรกันวะ" พี่ซีดึงมือผมออกมาจากคอเสื้อไอ้นั่น

เหอะ! ต้องขอบคุณพี่ซีที่ช่วยชีวิตมึงไว้นะ ไม่งั้นปากมึงแตกแล้วไอ้เด็กเปรต!

"ไอ้ไคโรอยู่ไหน"

"พวกมึงมีปัญหาอะไรกับมัน"

"ไม่เกี่ยวกับพวกพี่"

"เกี่ยวดิวะ ไอ้ไคโรมันน้องกู"

"กูไม่กลัวพวกมึงหรอก เอามันออกมา!"

"ไอ้เด็กเวร! แน่จริงพวกมึงเข้ามาเลยดีกว่า! เจ๋งจริงป่ะ!"  ผมพูดออกไปอย่างเหลืออด พี่ซีดึงผมไปกัดฟันกระซิบข้างหู

"หนู จะพูดจาหาเรื่องทำไม"

"ก็มันน่าหมั่นไส้นี่พี่ นักเลงมาจากไหน พี่ต่อยมันเลย"

"มึงดูคนก่อนสิหนู มากันเป็นฝูงกูจะเอาอะไรไปสู้มัน"

"ผมว่าเรามาพูดกันดีๆ ดีกว่า พวกผมจะออกไปถ้าพี่ส่งไอ้ไคโรมา"

"พวกมึงกลับไปเหอะ"

"พวกกูไม่กลับจนกว่าไอ้ไคโรจะออกมา!"

"เฮีย!"

ทั้งผมและพี่ซีหันขวับไปมองเท็นที่ยืนอยู่ที่บันได เท็นโยนวัตถุบางอย่างให้พี่ซี เขารับมันไว้ได้ทันพอดี

"ฟึ่บ!"

พี่ซียกวัตถุที่รับมาจากเท็นขึ้น จนเราทุกคนที่นี่ถึงกับตาค้าง

เชรด! ปืน!

"จะกลับได้ยัง" พี่ซีเอ่ยเสียงเรียบ พวกมันได้แต่หันมองหน้ากัน 

"สัด! อย่าให้กูเจอมึงนะไอ้ไคโร!"

"อย่าให้กูเจอพวกมึงเหมือนกัน"

ทิ้งท้ายด้วยคำพูดเท่ๆ ของพี่ซีก่อนพวกมันจะรีบวิ่งออกไป พี่ซีเดินไปปิดประตูที่กระจกแตกนั่นแล้วเดินกลับมาที่โซฟา

"ไอ้เหี้ย! ปืน!"

อ้าว!

ผมหันมองพี่ซีที่ร้องลั่นก่อนจะโยนสิ่งนั้นลงบนโซฟา 

"ไอ้เท็น มึงมีของแบบนี้ได้ไง!"

"ของปลอมน่ะเฮีย" เท็นว่าแล้วหยิบปืนนั่นขึ้นมา

"ไอ้ห่า มือกูนี่สั่นไปหมด ไอ้นี่ เอาไปไกลๆ กูเลย!" พี่ซีผลักแขนเท็นที่แกล้งเอาปืนจ่อหัวเขาออก

"ของปลอม! เฮียจะกลัวอะไร"

"เมื่อกี้ยังทำเท่อยู่เลย" ผมพูด พี่ซีหันมาแยกเขี้ยวใส่ ยกมือทำท่าจะเขกกบาลผม

"เท่เหี้ยอะไร กูเกร็งจนไส้ติ่งจะบิดแล้วเนี่ย แม่งก็มากันเป็นฝูง มึงก็ไปพูดจาหาเรื่องมันอีก เกิดมันตีมึงขึ้นมาจริงๆ ทำไง"

"พี่ก็อัดมันก่อนดิ"

"กูไม่ใช่ทีมอเวนเจอร์นะเว้ย กูเป็นแค่มนุษย์ตัวเล็กๆ บอบบาง ลูกคุณหนูด้วยกูเนี่ย"

ถุย! ผมอยากถุยใส่หน้าแต่ติดตรงที่ว่าทำได้แค่ในใจนี่แหละ ก็ตาลุงฝรั่งนี่มันน่าหมั่นไส้ซะเหลือเกิน ผมส่ายหน้าหน่อยๆ แล้วเดินไปเก็บมือถือที่ตกอยู่อีกทาง สะดุ้งโหยงตอนที่ปลายนิ้วสัมผัสกับเศษกระจกจากบานประตูที่แตก วินาทีเดียวเลือดก็ซึมออกมา แต่ผมไม่ได้สนใจแผลเล็กๆ นั่นก่อนหันกลับไปหาพี่ซี

"ประตูหอกูพังเลยเนี่ย ใครรับผิดชอบล่ะทีนี้" เขาบ่นหัวเสียก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟา

"ไอ้ไคโร มึงออกมาเลย!"

สิ้นเสียงตะโกนนั่น ไคโรเปิดประตูห้องนอนพี่ซีออกมา ใบหน้าฟกช้ำกับเนื้อตัวที่ดูมอมแมม เลือดที่เลอะเสื้อนักเรียนและรอยสกปรกทำให้ตอนนี้เขาดูหมดสภาพ ไม่ใช่เด็กนักเรียนหน้าใสอย่างเคยเลย  เขาก้มหน้าลงแล้วปิดประตูห้องเบาๆ

"มานี่เลย มานั่งนี่" พี่ซีเอ่ยเสียงดุ อีกคนก็เดินเข้ามาอย่างว่าง่าย

"เกิดอะไรขึ้นวะ" เท็นถาม

"ไงมึง นักเลงมากเลยดิ"

"ผมไม่ได้เริ่มนะ"

"ใครเริ่มก็ไม่สำคัญป่ะวะ! เป็นเหี้ยอะไรต้องตีกัน มันเรื่องอะไรกัน"

"มันไม่พอใจเพื่อนผม พอผมเข้าไปช่วยเพื่อน มันก็เหมาผมไปด้วย"

"แล้วมึงเข้าไปเสือกทำไม"

"ก็นั่นเพื่อนผมอะ พี่จะให้ผมอยู่เฉยๆ เหรอ"

"มึงไม่ต้องเถียง!"

ไม่มีคำแก้ตัวนอกจากการก้มหน้ารับคำบ่นของพี่ซีอยู่อย่างนั้น ทั้งผมและเท็นพยายามจะช่วยสงบอารมณ์ของพี่ซีแต่จังหวะนี้อะไรก็เอาไม่อยู่

"มึงเป็นนักเรียน มีหน้าที่เรียนก็เรียนไปดิวะ"

"พี่ซี พอแล้ว"

"ไม่พอ! มึงคิดว่าใช้กำลังตัดสินปัญหาแล้วจะจบเหรอวะ มึงเป็นมนุษย์ มึงมีสมอง มึงควรใช้สมอง ไม่ใช่มากัดกันเป็นหมาแบบนี้..."

"เฮ้ย! น่านเลือดออกเหรอ"

สิ้นเสียงของเท็น พี่ซีก็หยุดปากที่กำลังบ่น ละจากไคโรแล้วหันมาหาผมในทันที   

"ไหน"

"โดนกระจกบาดอะ นิดเดียว"

"แล้วทำไมไม่บอก"

"ก็ไม่ได้เจ็บ พี่ซี..." ผมร้องห้ามไม่ทันตอนที่พี่ซีใช้ชายเสื้อนักศึกษานั่นเช็ดเลือดที่ปลายนิ้วผม แผลมันไม่ได้ลึก เลือดก็ไม่ได้ไหลมาก แต่ก็พอที่จะทำให้เสื้อนักศึกษาของเขาเลอะเป็นรอย

"พี่ซี เสื้อเปื้อน"

"ช่างมันดิ แล้วนี่เจ็บป่ะเนี่ย"

"ไม่เจ็บ ไม่เป็นไร"

ขณะที่พี่ซีจดจ่ออยู่กับแผลของผม สองคนข้างหลังก็ชวนกันย่องออกไปจากตรงนี้ช้าๆ ผมหลุดยิ้มตอนที่เท็นกับไคโรหนีออกไปได้สำเร็จ

"ยิ้มไร เจ็บตัวนี่ชอบเหรอ"

"เปล่า ไคโรหนีไปแล้วนะ"

"ช่างมันดิ กูโฟกัสมึงอยู่"

"ฮะ?"

"เป็นห่วงมึงอยู่ไง ทำไมต้องสนใจคนอื่นด้วย"  พี่ซีพูดแค่นั้นแล้วเป่าลมเบาๆ เข้ามาที่ปลายนิ้ว ผมเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมก็ไม่ได้งงกับคำพูดของเขา แต่ก็ไม่เข้าใจอย่างชัดเจน เอาเป็นว่าสับสนในระดับที่รับได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ในตอนที่พี่ซียิ้ม...

 

ผมเองก็ยิ้ม

 

To be continued.

 


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ว่าง ๆ พี่ซีชวนคิทมานั่งคุยด้วยซิ เคยเห็นเขาแล้วนิ  :hao3:

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
พี่ซีน่ารักนะคะแต่ทำไมกากจังเลยละคะคุณพี่ น่าจะเป็นพี่น้องกับพี่อิสในรักอิสระนะ นิสัยใกล้เคียงกันจริงๆ

ออฟไลน์ ANIKI.

  • 兄貴
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1

ออฟไลน์ marisa9397

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกมาก รอติดตามค่ะ ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
พี่ซีคนกากอะ เท่ได้แปปเดียวเอง555555

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
ตอนที่ 9
เป็นเพราะฝน

 

ผมเดินลงมาที่ห้องโถงด้านล่างในตอนสายๆ ของวันหยุดที่ไม่มีเรียน จากเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ประตูตรงนั้นอยู่ในสภาพที่ไม่น่าเรียกว่าประตู ป้าทิพย์บอกว่ายังหาช่างซ่อมกระจกไม่ได้ เลยเอาแผ่นเฟรมที่มีรูปวาดของพี่ซีมาปิดเอาไว้แก้ขัดไปก่อน 

"หวัดดีน่าน!"

ผมสะดุ้งนิดหนึ่งที่เท็นโผล่มากจากข้างหลังและยกมือกอดคอผม หันไปมองแล้วก็อดตกใจไม่ได้ที่วันนี้มันใส่เสื้อผ้า ผมมองเท็นที่อยู่ในชุดนักศึกษาที่ดูเรียบร้อย ในมือถือตู้กระจกที่มีกัปตันเมริกาที่อยู่ในนั้น

"มองอะไรขนาดนั้นวะ"

"เพิ่งเคยเห็นมึงใส่เสื้อครั้งแรกเลย"

"ผมเป็นรุ่นพี่คุณนะ รู้ยัง?"

"รู้แล้ว แต่ทำใจให้เรียกมึงว่าพี่ไม่ได้ว่ะ"

"เออ เอาที่มึงเห็นว่าดี" เขาทำเสียงประชดแล้วเบ้ปากใส่เคืองๆ

"มีเรียนวันเสาร์ด้วยเหรอ"

"เรียนชดเชยอะดิ"

"แล้วนี่จะเอามันไปไหน" ผมชี้ไปที่กัปตันฯ ในตู้ 

"ขามันดีขึ้นแล้ว เลยจะเอาไปปล่อย แต่ก็ต้องคิดถึงมันมากแน่ๆ" ว่าที่สัตว์แพทย์ติ๊งต๊องคนนี้ทำหน้าอาลัยอาวรณ์เมื่อมองเหี้ยตัวนั้น 

"เอาที่มึงเห็นว่าดี" ผมใช้คำพูดของมันสวนคืนไปก่อนเท็นจะมองผมตาขวางแล้วสะบัดหน้าเดินออกจากหอไป ในตอนนั้นพี่ซีก็เดินออกมาจากห้องพอดี เขาหันมาเห็นผมแล้วยิ้มกว้างให้

"ยิ้มอะไรวะพี่" ผมถาม

"ยิ้มให้หนูไงจ้ะ" เขาว่าแล้วเดินมานั่งที่โซฟา เอื้อมมือไปหยิบไอรอนแมนที่นอนอยู่ขึ้นมาเกาพุงมันเล่น ไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อไคโรก็เดินลงมาจากบันได มันมองผมกับพี่ซีแล้วก้มหน้าเดินไปโดยไม่ทัก แต่พี่ซีเรียกมันเอาไว้ก่อน

"จะไปไหนวะ"

"เรียนพิเศษครับ" ไคโรหันมาตอบเสียงเบา

"ตอนเย็นกลับเร็วๆ นะ"

ไคโรพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป ผมเองก็เดินตามเขาออกไปด้วย 

"อ้าวน่าน จะไปไหนอะ"

"ไปหาอะไรกิน"

"ไปด้วยดิ"

พี่ซีวางแมวลงแล้วเดินตามผมมา 

"ไม่เลี้ยงนะ" ผมพูดดักคอเอาไว้ก่อน เพราะพี่ซีรวยอะ รวยกว่าผมแน่นอนจึงไม่มีเหตุผลที่ต้องเลี้ยงข้าวเขา

"เออ จ่ายเองก็ได้" อีกคนตอบรับส่งๆ ขณะก้มลงหยิบรองเท้าจากชั้นวางหน้าหอมาสวม แล้วเดินออกมาพร้อมกับผม เราเดินกันมาเรื่อยๆ จนถึงหน้ามหาลัยซึ่งมีร้านอาหารเยอะแยะไปหมด แล้วผมก็ยังเลือกไม่ได้ว่าจะกินอะไร เดินผ่านหลายร้านจนคนที่มาด้วยคงเริ่มหงุดหงิดเลยสะกิดถาม

"ซักร้านดิหนู จะเดินอีกนานป่ะ"

"ก็มันเลือกไม่ได้นี่"

"เป่ายิ้งฉุบกันไหม ถ้าพี่ชนะกินร้านนี้ ถ้าน่านชนะกินร้านนั้น จะได้ไม่ต้องเลือก"

"ปัญญาอ่อนละ เอาร้านนี้ก็ได้" ผมพูดส่งๆ แล้วเดินนำเขาเข้าร้านที่อยู่ตรงหน้าพอดี แต่ก่อนที่จะเข้าไปในนั้น สายตาก็ไปสะดุดกับที่ผู้หญิงสวมแว่นคนหนึ่งที่เดินออกมาจากร้านยาข้างๆ

"น้ำขิง!"

พี่ซีทักเสียงดังจนน้ำขิงสะดุ้งนิดหนึ่งแล้วหันมามอง

"อ้าว น่าน เฮีย ทำไมมาด้วยกันได้เนี่ย"

"กูตามมันมา" พี่ซีตอบ 

"ขิงไม่สบายเหรอ" ผมถามพลางมองไปยังถุงยาในมือ อีกคนดูจะตกใจแล้วรีบดึงมือไปซ่อนเอาไว้ด้านหลัง การกระทำดูมีพิรุธจนพี่ซีต้องถามเสียงดุ

"มึงซ่อนอะไร"

"ไม่...ไม่มีอะไรเฮีย"

"แล้วทำไมต้องซ่อนอะ ยาอะไร"

"ไม่ได้ซ่อน นี่ยาแก้ปวดท้องอะ เป็นเอ่อ...เป็นเมนส์" เธอพูดเสียงเบา ผมกับพี่ซีพยักหน้าเบาๆ อย่างเข้าใจ 

"งั้นไปก่อนนะ รีบกลับไปอ่านหนังสือก่อน" น้ำขิงว่าแล้วรีบเดินออกไปด้วยความเร็วแสงเช่นเคย เห็นน้ำขิงทุ่มเทให้การเรียนขนาดนี้ผมกลายเป็นนักศึกษาง่อยๆ เรียนคณะง่ายๆ แต่ไม่ค่อยสนใจเรียน เป็นพวกโง่แล้วยังใจเย็น 

"วันๆ มันอ่านแต่หนังสือ ไม่คิดจะทำอย่างอื่นบ้างหรือไงวะ"

"แล้วพี่อะ วันๆ กินแต่เหล้า ไม่คิดจะทำอย่างอื่นบ้างเหรอ"

"วนมาเรื่องกูทำไมเนี่ย ไปกินข้าวเลย หิวแล้ว!"

พี่ซีโวยแล้วผลักหัวผมให้เดินเข้ามาในร้านข้าว ผมพลิกเมนูไปๆ มาๆ ก่อนจบด้วยการสั่งอาหารสิ้นอย่างผัดกะเพรา พี่ซีก็เช่นกัน ผมก็ไม่เข้าใจว่าเราจะเดินลากขามากว่าหลายร้อยเมตรเพื่อมาสั่งไอ้สิ่งนี้กินทำไม ทันทีที่พนักงานเอาอาหารของเราสองคนมาเสิร์ฟ ผมหลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เพราะทั้งผมและเขาตั้งใจเขี่ยใบกะเพราออกเป็นอย่างแรกเหมือนกันเลย

"ไม่ชอบอะ"

"ผมก็เหมือนกัน"

พี่ซีพยักหน้าพลางยิ้มกว้าง เอาจริงเพิ่งเคยนั่งมองหน้าเขาชัดๆ ในตอนกลางวัน พอมองตอนไม่เมานี่งานดีนะ เบ้าหน้าลูกครึ่งดูเด่นกว่าใครอยู่แล้ว ผมยาวประบ่าแต่ไม่ได้ดูรุงรังจนน่ารำคาญ ตาสีเข้มดูคมแต่ใต้ตาคล้ำเพราะไม่ค่อยนอน ทั้งจมูก ทั้งปากตรงนั้นก็รวมกันเป็นพี่ซีที่โคตรงานละเอียดเลย

"ปกติวันหยุดทำอะไรเหรอ"

เสียงพี่ซีที่ดังขึ้นปลุกผมจากความคิด ผมทวนคำถามของเขาในใจแล้วตอบมันออกมาส่งๆ

"ก็แล้วแต่อารมณ์อะ"

"ทำอะไรต้องใช้อารมณ์ด้วยเหรอ"

"ใช่ดิ ถ้ามีอารมณ์อยากไปไหนก็ไป แต่ปกติก็ชอบอยู่ห้องเฉยๆ แหละ แล้วพี่ล่ะ"

"กินเหล้า"

"ไม่ใช่วันหยุดก็แดกป่ะวะ"

"พูดไม่เพราะ ตีปากเลย" ไม่พูดเฉยๆ เขายื่นมือมาตีปากผมจริงๆ จนผมต้องโยกตัวหลบมือนั่น

"เจ็บ!"

"โทษๆ"

ผมคว่ำปากใส่เคืองๆ ก่อนตักข้าวกินต่อแต่พี่ซียังไม่หยุดชวนคุย

"ปกติดูหนังแนวไหนอะ"

"ก็ดูได้หมดอะ แต่ชอบพวกอนิเมชั่นนะ"

"เออ ชอบเหมือนกัน"

"ตอนนี้มีเรื่องหนึ่งเข้าอยู่ น่าดูนะ"

"เออ ยังไม่ได้ดูเหมือนกัน"

"อาจจะไปดูวันนี้แหละ"

"วันนี้พี่ก็ว่างนะ"

ผมหรี่ตามองเขาที่พูดออกมาอย่างนั้น ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม แต่ก็ถามให้แน่ใจดีกว่า

"นี่พี่จะชวนดูหนังป่ะเนี่ย?"

เขาเงียบ กระพริบตาปริบๆ สองสามทีแล้วตอบออกมาอึกอัก

"ก็ไหนๆ ก็จะไปแล้ว ก็ไปด้วยกันดิ"

"แล้วมันเรียกว่าชวนเปล่าอะ"

"ชวน! มึงจะไปไหมล่ะ!"

ผมสะดุ้งนิดหนึ่งเพราะเสียงดังของเขา แค่ชวนกูดูหนังต้องทำตัวร็อกอย่างงี้? แต่ผมเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ ยอมไปดูหนังกับเขาหลังจากกินข้าวเสร็จ พี่ซีจ่ายค่าตั๋วให้ แถมยังซื้อป็อบคอร์นเซ็ทเดียวกับหนังให้ผมด้วย ผมไม่ได้ร้องจะเอานะ แค่ยืนจ้องอยู่นานแต่ติดตรงราคาแพงเลยเกือบถอดใจ พี่แกมาจากข้างหลังแล้วก็จ่ายตังค์ให้เรียบร้อย ประทับใจในความเปย์ของเขาจึงรับเอาไว้อย่างไม่เกรงใจ พี่ซีรวย ท่องไว้ พี่ซีรวย

จนกระทั่งเข้าไปดูหนัง ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องผมแอบมองพี่ซีอยู่หลายครั้ง ไอ้ที่บอกว่าชอบดูอนิเมชั่นนี่เหมือนจะโกหกหน้าด้านๆ ผมเห็นเขานั่งหาวแล้วหาวอีกจนหนังจบ เครดิตท้ายเรื่องยังไม่ทันขึ้นก็แทบจะวิ่งสี่คูณร้อยออกมาจากโรงเลย ไม่รู้ว่าเห็นผีหรืออะไรแต่ผมก็ไม่ได้ถาม หอบป็อบคอร์นกับน้ำที่ยังกินไม่หมดตามเขาออกมาที่หน้าห้าง เมื่อเห็นฝนลงเม็ดบางๆ นั่นทำให้ผมถึงกับมองแรงใส่ฟ้าข้างบน ตกทำไมเนี่ย อารมณ์เสียเลย 

"เอาไงดีอะ ไม่มีร่มด้วย จะเข้าไปรอข้างในก่อนป่ะ"

ผมชั่งใจอยู่นิดหน่อย เพราะว่าเกลียดฝนจริงๆ เลยไม่อยากเปียก แต่ก็ไม่อยากให้พี่ซีต้องมารอฝนหยุด กลัวจะเสียเวลาเลยบอกปัดๆ ไป

"ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่เบาๆ เอง"

"งั้นรีบไปไหม เผื่อมันตกหนัก"

ผมพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินไปยังฟุตบาท พี่ซีไม่ชอบนั่งรถยนต์ และผมก็ไม่มีจักรยานที่จะขี่มากับเขาได้ ดังนั้นการเดินจึงเป็นทางเลือกสุดท้ายของเราสองคน ละอองฝนเบาๆ พัดเข้ามาโดนทำให้รู้สึกเย็นนิดๆ พี่ซีที่ตอนแรกเดินตามหลังอยู่ ก็ก้าวขาเข้ามาเดินคู่กับผม บังฝนที่สาดเข้ามาให้

ทำตัวพระเอกอีกละ

"พี่เปียกฝน เดี๋ยวก็ป่วยอีกหรอก ลูกคุณหนูบอบบางไม่ใช่เหรอ"

"ป่วยแต่เท่ก็ยอมนะ" เขาพูดขำๆ

"พี่นี่ดูแลคนอื่นมากกว่าตัวเองอีกนะ"

"แน่นอน ถ้าน่ารักก็ดูแลแบบถึงเนื้อถึงตัว" เขาว่าแล้วยื่นมือมากอดไหล่ผม

"มากไปๆ" ผมว่าแล้วสะบัดมือเขาทิ้ง 

"เอาจริงๆ พวกมึงก็เหมือนน้องกูแหละ อยู่ด้วยกันก็ต้องดูแลกันดิวะ"

"พี่นี่ใจดีจัง ใจดีกับทุกคนไหม"

"ก็ใจดีกับทุกคน แต่ใจดีกับมึงเป็นพิเศษ"

"ฮะ? ทำไมต้องพิเศษ"

"คิดเองดิ"

"อ้าว! ทำไม บอกมา"

"อันนี้ไม่รู้จริงหรือกวนตีน"

"อ้าว! ก็ไม่เข้าใจ"

"ก็มึงน่ารักไง"

ผมหยุดเดินแล้วเงยขึ้นมองหน้าเขาเพื่อถาม และผมคงทำหน้างงอย่างชัดเจน คนข้างๆ เลยพูดมันออกมาตรงๆ

"น่ารักจนอยากจีบแล้วเนี่ย"

เดี๋ยว... 

ขณะที่ผมกำลังยืนเด๋อเพราะไม่รู้ว่าที่เขาพูดนั่นจริงหรือเล่น จังหวะนั้นฝนก็ตกหนักลงมาอย่างไม่บอกไม่กล่าวล่วงหน้า

"มานี่" พี่ซีดึงผมเข้าไปหลบหน้าตึกเพราะให้ฝ่าฝนไปตอนนี้คงไม่ได้ เม็ดหนาของฝนที่สาดกระเซ็นมาโดนหน้าทำผมอารมณ์บูด กระชับกอดป็อบคอร์นเพราะกลัวมันเปียกแล้วจะไม่อร่อย พี่ซีหันมองยิ้มๆ แล้วขยับตัวเองไปยืนด้านหน้าผม เขาไม่ได้ตัวใหญ่เป็นหมี แต่แผ่นหลังนั่นก็กว้างพอที่จะทำให้ผมไม่เปียก ผมรู้ตัวเองไม่เปียกแต่มันก็อดบ่นไม่ได้   

"เกลียดหน้าฝนอะ"

"อย่านอยด์ดิ เย็นดีออก" พี่ซีว่าแล้วยื่นมือไปรองรับน้ำฝนที่ตกลงมา มุมปากยกขึ้นยิ้มเพราะเม็ดฝนที่กระทบฝ่ามือตัวเอง โคตรศิลปินว่ะ และผมในตอนนี้ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา เผลอมองคนๆ นี้อย่างไม่ได้ละสายตา เจอกันครั้งแรกไม่ชอบหน้าเลย แต่ตอนนี้ความคิดเปลี่ยน ตอนนี้ชอบหน้าพี่ซีแล้วนะ 

"มึงเคยบอกว่ามึงเก่งไม่ใช่เหรอ!"

"ขวับ!"

ทั้งผมและพี่ซีหันหน้ามองกันเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากในมุมตึก

"เก่งนักมึงก็ลุกขึ้นมาสิ!"

"อะไรวะ" พี่ซีถามเสียงเบา

"คนตีกันมั้งพี่ ไปดูไหม"

"เราอย่าไปยุ่งเลยไหม"

"เอางั้นเหรอ แต่ถ้าเป็นเด็กโดนรังแกล่ะพี่"

"งั้นมึงรอนี่ กูไปดูเอง"

"อ้าวพี่ ไปด้วยกันดิ"

"เดี๋ยวมึงโดนตีนไปด้วยทำไงอะ ขาก็สั้นวิ่งทันเหรอ"

"พี่ซี!"

"ทำไมเล่า กูกลัวมึงโดนเตะ กูไม่ยอมหรอกนะ"

"งั้นไม่ต้องไปเลย พี่ก็ไม่ต้องไป"

"ก็ไปดูเฉยๆ ไง"

"ไม่เอา"

ผมว่าแล้วดึงเสื้อพี่ซีเอาไว้ก่อนที่เขาจะหันไปที่มุมตึกนั่น

"เดี๋ยวพี่โดนต่อย ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน"

พี่ซีพยักหน้ารับ แล้วหันมาบอกเบาๆ

"งั้นเราไม่ยุ่งเนอะ"

ผมพยักหน้าเบาๆ อย่างเห็นด้วย ก็แค่ยืนอยู่ตรงนี้แล้วรอให้ฝนหยุดตกก็พอ น่านต้องไม่ขี้เสือกเพราะมันไม่ใช่เรื่องของเรา 

"ไอ้ไคโร!"

"ขวับ!" ทันทีที่ได้ยินชื่อนั่น คนข้างๆ ผมทะยานออกไปจากตรงนี้ด้วยความเร็วสูง เพราะชื่อแปลกๆ ของไอ้โคโรที่คิดว่ามีไม่กี่คนที่จะซ้ำกัน เราจึงมั่นใจว่าเป็นไคโรเด็กที่หอแน่ๆ ผมรีบวิ่งตามพี่ซีเข้าไปในมุมตึก แล้วก็เจอกับไคโรจริงๆ เด็กนั่นกับผู้ชายอีกคนโดนเด็กนักเรียนหน้าเดิมที่เคยบุกเข้าไปที่หอยืนล้อมกันอยู่ ไอ้หัวโจกคราวก่อนหันมามองเรา พลางขมวดคิ้วแน่น เหยียดยิ้มแล้วพูดออกมา 

"แหม พี่มึงนี่จะตามดูแลมึงไปทุกที่เลยป่ะวะ"

"มึงทำอะไรน้องกูอีก" พี่ซีก้าวขาเข้าไปถาม

"ก็บอกแล้วไงอย่าให้ผมเจอมันอีก"

"กูก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าให้กูเจอมึงอีก"

"เอาจริงๆ มันเป็นปัญหาวัยรุ่นว่ะพี่ อย่าเสือกได้ป่ะ"

"ไอ้นี่!" ผมตรงเข้าไปอย่างเอาเรื่องแต่พี่ซีดึงเอาไว้ก่อน เพราะเกลียดหน้ามันตั้งแต่คราวที่แล้วเป็นทุนเดิมเลยโมโหมากกว่าใคร แต่ตอนนี้ผมควรใจเย็นก่อน สถานการณ์ไม่เอื้อให้ทำตัวเปรี้ยวเลย พวกมันมีเยอะกว่าแล้ววันนี้พี่ซีก็ไม่มีปืนมาขู่เท่ๆ แล้วด้วย

"ใจเย็นพี่ คุยกันดีๆ จริงๆ เรื่องมันจะจบแล้วแหละ ไอ้ไคโรน้องพี่มันกำลังจะยอมขอโทษผมแล้ว"

ผมมองไปยังไคโรที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้ามัน สภาพสะบักสะบอมไม่รู้ว่ามันโดนอะไรมาบ้าง เห็นอย่างนั้นมันจึงอดที่จะอยู่เฉยไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน 

"แค่มันขอโทษทุกอย่างก็จบ ไหนๆ พี่ก็มาแล้ว ช่วยเป็นพยานในเหตุการณ์ด้วยก็แล้วกัน"

"มึงถ่ายคลิปไว้เลย บันทึกภาพสุดประทับใจซะหน่อย" เด็กอีกคนว่าแล้วยื่นมือถือให้เพื่อน

"พร้อมจะขอโทษกูหรือยัง"

"ถ้าพวกกูขอโทษแล้วจะจบใช่ไหม"

"จบแน่ กูรับปาก"

"ได้ งั้นกูขอ..."

"กราบตีนกูดิ!" มันพูดขัดขึ้นมาระหว่างที่ไคโรจะพูดขอโทษ

"เฮ้ย มากไปหน่อยมั้ง" ผมพูดแทรก

"พี่จะเสือกอะไร!"

"เออกูจะเสือก! แต่นี่มันไม่มากไปหน่อยเหรอวะ!"

"ไอ้หน้าหวานนี่ กูหมั่นไส้ตั้งแต่คราวก่อนแล้วนะ! พล่ามเหี้ยอะไร!" มันพูดอย่างเดือดๆ แล้วผลักผมออกมา พี่ซีรับผมเอาไว้ก่อนที่จะล้ม   

"กล้าดียังไงมาผลักกู!" 

"ทำไมวะ! เอาดิ! กูจะกระทืบแม่งทั้งพี่ทั้งน้องเลย!"

"ไอ้เหี้ยเอ๊ย!"  ความอดทนของพี่ซีเป็นศูนย์ในตอนที่ลั่นคำหยาบออกมา แล้วตรงเข้าไปเปิดศึกกับไอ้เด็กนั่นอย่างที่ไม่มีใครห้ามได้ ผมดึงไคโรให้ลุกขึ้นมา แล้วตรงเข้าไปร่วมปะทะกับไอ้เด็กพวกนี้อย่างอดไม่ได้

"พลั่ก!"

ผมหน้าหันไปอีกทางเพราะแรงชกของไอ้หัวโจกนั่น ไอ้ห่านี่! อยากจะเล่นตั้งแต่คราวที่แล้วแล้วนะ ผมกำหมัดแน่นแล้วตรงเข้าไปแลกหมัดกับมันอย่างบ้าคลั่ง พวกมันหันไปหยิบไม้ขึ้นมาเป็นอาวุธแล้วจะฟาดผมในจังหวะที่กำลังล้ม

"น่านหลบ!" พี่ซีดึงผมให้หลบจากไม้นั่น ก่อนเขาจะตรงเข้าไปจัดการไอ้นั่นแทน

ผมมองดูสงครามขนาดย่อมตรงหน้า ฝนที่ตกลงมาไม่หยุดทำให้ทุกอย่างพร่ามัวไปหมด บ้าชิบ! ทำไมชีวิตที่แสนจะเรียบง่ายและมีความสุขของไอ้น่านต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย ผมรวบสติตัวเองตอนที่รู้ตัวว่าการใช้กำลังไม่ใช่ทางออก ไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจนเราทั้งหมดหันขวับไปมอง

"ทำอะไรกัน!"

ผู้ชายในชุดเครื่องแบบตำรวจเจ้าของเสียงทำให้ทั้งหมดตรงนี้ตกใจ ก่อนเด็กพวกนั้นจะเรียกพวกพากันวิ่งหนีออกไป

"ไปเร็วพี่!" เพื่อนของไคโรดึงมึงมือผมและพี่ซีให้วิ่งหนี แต่ผมหยุดเขาไว้ก่อนในตอนที่เห็นหน้าตำรวจนั่นชัดๆ อีกคนที่เดินเข้ามาข้างๆ นายตำรวจยิ่งย้ำชัดว่าผมรู้จักพวกเขา

"ไอ้น่าน!"

"ไอ้ทิม" 

"ไอ้น่าน! มึงจริงๆ ด้วย มึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย!"

ผมอึกอักไม่ได้ตอบ ยกมือไหว้พ่อของไอ้ทิมที่เป็นตำรวจ แล้วยืนในท่าที่สงบสุดเท่าที่จะทำได้ พ่อมันไม่ได้ว่าอะไร แต่ตัวไอ้ทิมใส่ผมยับเหมือนผมทำเรื่องผิดบาปที่อภัยให้กันไม่ได้เลย

"มึงต่อยกับเด็กมัธยมเหรอ ไอ้น่านนี่มึง..."

"อย่าเพิ่งด่าดิวะ ฟังกูก่อน"

"ไม่ฟังอะไอ้สัด เป็นเหี้ยอะไร นักเลงอะไรเข้าสิง"

"กูแค่ช่วยน้อง" ผมว่าแล้วชี้ไปยังไคโรและเพื่อน

"มึงมีน้องตั้งแต่เมื่อไร!"

"น้องที่หอไง"

"มึงไม่ต้องพูด มึงผิดตั้งแต่คิดจะต่อยกับพวกมันแล้ว"

ทำไมผมไม่มีคำพูดอะไรจะเอามาเถียงมันได้เลยเนี่ย ทำไมทุกครั้งที่ไอ้ทิมด่าผมจะต้องยืนฟังเงียบๆ อย่างสำนึกผิดด้วย

"แล้วไอ้ฝรั่งนี่ใคร"

"มึงเรียกใครไอ้ฝรั่ง"

"ก็มีมึงหน้าฝรั่งอยู่คนเดียวนี่!"

"ไอ้นี่ปากดี"

"เฮ้ย! หยุด!" ผมตรงเข้าไปห้ามทัพระหว่างทิมกับพี่ซีที่ทำท่าจะตีกัน 

"ทิม มึงฟังก่อน"

"มึงจะแก้ตัวอะไร"

"มึงฟังสิ นี่เจ้าของหอกู ส่วนนี่ก็น้องที่หอ พวกมันกำลังโดนรุมทำร้าย กูกับพี่เขาแค่เข้ามาช่วยมัน กูไม่ใช่อันธพาลนะเว้ย ก็แค่มาช่วยคนที่ถูกรังแก ผมทำในสิ่งที่ถูกต้องนะครับลุง" ผมอธิบายยาว ประโยคหลังหันไปพูดกับพ่อไอ้ทิม ใช้ไม้ตายทำหน้าตาน่าสงสารด้วยการเบะปากขึ้นพร้อมยกหัวคิ้วขึ้นนิดหน่อย กระพริบตาปริบๆ ขอความเห็นใจ แล้วไอ้ทิมก็แพ้

"เออ กลับหอไปเลยมึงอะ แล้วอย่าทำอะไรแบบนี้อีก"

ผมพยักหน้ารับ ยกมือไหว้พ่อทิมครั้งหนึ่งแล้วดึงมือพี่ซีกับไคโรและเพื่อนมันออกมาจากตรงนั้น เดาว่าพี่ซียังคงขุ่นเคืองใจกับไอ้ทิมจึงหันกลับไปขมวดคิ้วมองตาขวางๆ ก่อนหันมาพูดกับผม

"เพื่อนเหรอ"

"เพื่อนน่ะสิ"

"ทำไมมันต้องดุมึงขนาดนั้น"

"มันเป็นแบบนี้แหละ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมแล้ว ดุเป็นหมาเลย"

"มันชอบมึงหรือเปล่า"

"บ้า ไม่ใช่! เพื่อนกันจริงๆ"

"จะไปรู้เหรอ ดูมันหวงๆ มึงอะ"

"ไม่หวง ไม่ใช่เลย"

"เออ มันไม่ได้ชอบก็ดี"

"ดียังไง"

"พี่จะได้ไม่มีคู่แข่งไง"

 

To be continued.

           

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
นี่จะเขม่นกันอีกคู่เหรอ พี่ซี ทิม  :hao4:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
พี่ซีคะนึกจะจีบก็จีบเลย แบบนี้ก็ได้เหรอ แล้วตกลงไคโรไปมีเรื่องอะไรกัน น้ำขิงด้วยซ่อนยาอะไรไว้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2018 16:30:06 โดย TachibanaRain »

ออฟไลน์ windwrite

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
แบบนี้เรียกจีบแล้วรึเปล่าคะพี่ซีคนกาก :mc2:

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
ตอนที่ 10
ในความมืด

 

            เรากลับมาที่หอหลังจากจบเรื่องแล้ว แต่ระหว่างพี่ซีกับไคโรยังคงอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด พี่ซีบ่นไม่หยุด ขณะที่ไคโรเองก็เถียงไม่ละ ผมรู้น้องมันก็โมโหพอๆ กับที่พี่ซีโมโห และการเถียงกันอยู่แบบนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย 

"เมื่อไรมึงจะเลิกทำตัวแบบนี้สักทีวะไอ้ไค" 

"ผมก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้หรอก แต่พวกมันไม่ยอมจบจะให้ผมทำยังไง"

"คราวนี้กูต้องบอกพ่อแม่มึงแล้วนะ"

"อย่านะเฮีย!"

"มึงทำตัวเหลวไหลเองนะไอ้ไค กูไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก"

"เฮียกับพี่น่านนั่นแหละไม่น่าเข้ามายุ่ง!"

ผมที่ยืนเงียบอยู่หันขวับไปมอง

"มันกำลังจะจบแล้วไง ผมกำลังจะขอโทษมันแล้วไง แล้วเฮียกับพี่น่านเข้าไปยุ่งทำไม"

"ไอ้ไค นี่กูช่วยมึงนะ"

"ช่วยทำให้มันแย่ลงกว่าเดิมอ่ะดิ! เพราะพี่สองคนนั่นแหละเรื่องมันเลยไม่จบ เดี๋ยวมันก็กลับมาหาเรื่องผมอีก"

"แล้วมึงจะยอมกราบตีนมันหรือไง!" ผมพรวดเข้าไปหลังเงียบอยู่นาน

"ใช่! แค่นั้นไม่ตายหรอก! พี่อะเสือกไม่เข้าเรื่อง!"

"มึงหุบปากเลยนะ!" พี่ซีตวาดเสียงดังจนเขาเงียบ

"มึงเป็นเด็กก้าวร้าวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร"

"เฮียไม่ต้องมาสั่งสอนผม เฮียไม่ใช่พ่อผม!"

พี่ซีกำหมัดแน่น มือหนึ่งยกขึ้นขยำคอเสื้อไคโรอย่างเดือดๆ

"เฮีย! พวกผมมาแล้ว มีอะไรกันวะ" เท็นกับน้ำขิงที่เปิดประตูพรวดเข้ามาชะงักไปเพราะเห็นภาพตรงหน้า พี่ซีปล่อยมือออกจากคอเสื้อไคโรแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ

"เฮียคะ นี่ที่ฝากซื้อ แต่สถานการณ์ดูตึงเครียด หนูเอาไปเก็บในครัวเงียบๆ ก็ได้" ผมหันมองน้ำขิงที่ถือถุงอะไรบางอย่างเดินผ่านหน้าพี่ซี แต่เขาคว้าถุงนั่นมาจากมือน้ำขิงแล้วโยนลงพื้นด้วยอารมณ์โมโห ก่อนจะเดินเข้าครัวไป ไคโรก็วิ่งขึ้นบันไดไปโดยไม่พูดอะไร

"เขาทะเลาะอะไรกันวะ"

"มีเรื่องนิดหน่อยอะ"

"สภาวะฉุกเฉินระดับสิบ"

"อ้าว งานกร่อย" เท็นว่าพลางหันหน้ามองน้ำขิงแล้วยักไหล่พร้อมกันเบาๆ แล้วแยกตัวขึ้นบันไดกลับห้องตัวเองไป ผมหันมองถุงที่พี่ซีโยนทิ้ง แล้วก้มลงเปิดดูจึงพบว่าข้างในเป็นกล่องเค้กที่เละไม่เป็นรูป แต่ยังเห็นข้อความบนหน้าเค้กนั่นอยู่ 

 

HAPPY BIRTHDAY CAIRO

18TH

 

 

ผมจำได้ว่าเมื่อเช้าพี่ซีสั่งให้ไคโรกลับหอเร็วๆ แต่ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดไคโร เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ความหวังดีของพี่ซีถูกวางกองเอาไว้กับพื้นแบบนี้ ผมเก็บกล่องเค้กแล้วเดินเข้าไปหาพี่ซีในครัว เห็นเขากำลังยกเบียร์ขึ้นกระดก

"ไม่ต้องเข้ามาบ่นเลยนะ"

"ไม่ได้บ่นซะหน่อย ขอขวดดิ"

"กินเป็นด้วย?"

"เป็นดิ ขอ" ผมแบมือขอเบียร์จากเขาบ้าง อีกคนไม่เปิดขวดใหม่ให้ แต่ส่งขวดในมือที่เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งให้แทน

"แค่นี้พอ เดี๋ยวเมา" 

ผมรับเบียร์ขวดนั้นมาแล้วกระดกขึ้นดื่ม

"ไม่รู้ว่า วันนี้วันเกิดไคโร"

"เออดิ อุตส่าห์ให้ขิงไปซื้อเค้กเสือกมาทะเลาะกันก่อน"

"พี่เคยทะเลาะกันแบบนี้ไหม"

"นี่ครั้งแรกเลย"

พี่ซีพูดเสียงเบาแล้วถอนหายใจออกมาหน่อยๆ พี่ซีบอกผมว่าที่นี่เหมือนบ้าน แล้วการทะเลาะกันของคนในหอ ก็เหมือนทะเลาะกับคนในครอบครัว ไม่มีใครอยากทะเลาะกับพี่น้องตัวเอง ผมรู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อยที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการทะเลาะในครั้งนี้

"เดี๋ยวไคโรก็หายโกรธนะ"

"อือ"

"พี่โอเคใช่เปล่า ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม"

"เจ็บดิ โดนตีมานะเว้ย"

"จริงป่ะเนี่ย"

"จริงดิวะ ตรงนี้โคตรเจ็บเลย" เขาว่าแล้วหันไหล่ข้างหนึ่งให้ผมดู

"ไหนดูหน่อย" เขาไม่พูดอะไร ถอดเสื้อออกให้เห็นแผลที่ไหล่ด้านหลัง เป็นรอยเหมือนโดนของมีคมบาดยาว เลือดที่ไหลยังเลอะอยู่ตรงนั้น แผลลึกจนผมตกใจ

"เฮ้ย พี่"

"เยอะเลยเหรอ"

"ไปโดนตอนไหนเนี่ย"

"รู้ตัวอีกทีก็ตอนเจ็บนี่แหละ"

"แผลลึกนะพี่ ไปโรง..."

"อย่าหวังว่ากูจะไปโรงพยาบาล!" เขาสวนขึ้นทันควันก่อนที่ผมจะพูดจบ

"แล้วจะทำยังไง"

"หนูทำแผลให้หน่อยสิ"

"ผมเนี่ยนะ ไปเรียกน้ำขิงมาทำให้ดีกว่า เดี๋ยวผมไปเรียก..."

พี่ซีดึงมือผมขณะที่กำลังลุกไปให้นั่งลงที่เดิม

"อยากให้หนูทำให้มากกว่า"

ทำไมพี่ซีอ้อนวะ และเพราะน้ำเสียงและการถูกเรียกแบบนั้นผมจึงแพ้และต้องยอมทำแผลให้เขาทั้งๆ ที่ไม่รู้จักวิธีปฐมพยาบาลด้วยซ้ำ ผมเตะสำลีที่ชุ่มแอลกอฮอล์ลงไปที่แผลพี่ซีอย่างเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เดาว่ามันคงไม่นิ่มนวลเท่าไร เจ้าของแผลจึงหันมามองแรงใส่กันแบบนี้

"นี่เบาสุดแล้ว สาบาน?"

ผมพยักหน้าหงึกๆ

"ก็พอทนได้" เขากัดฟันพูดขณะที่ผมแตะสำลีลงไปอีกที และค่อยๆ ทำแผลจนเสร็จ

"พี่โอเคป่ะ"

"เจ็บอะ"

เขาทำหน้ายุ่ง แล้วหันมามองผมด้วยสีหน้าอ้อนๆ

"ทำไงดีอะ ถ้าแขนใช้งานไม่ได้ขึ้นมาก็วาดรูปไม่ได้ กินข้าวก็ไม่ได้ โห ต้องให้หนูป้อนข้าวมั้งเนี่ย"

"ใช้อีกข้างสิ"

"มันไม่ถนัดอะ ถอดเสื้อก็ไม่ถนัด ถอดกางเกงก็ไม่ถนัด โห ต้องให้หนูถอดให้มั้งเนี่ย"

"ตลก!"

"ผั๊วะ!"

ผมเผลอฟาดใส่แขนเขาไปทีหนึ่งอย่างหมั่นไส้เพราะความกวนตีน พี่ซีถึงกับร้องลั่นห้อง เงยหน้ามองผมน้ำตาคลอดูเจ็บจริงผมจึงรีบขอโทษเขาก่อน

"เฮ้ยพี่ ขอโทษ เจ็บจริงเหรอ"

"เจ็บดิ!"

"ขอโทษ ก็พี่พูดจากวนตีนอะ"

"โอ๊ย เจ็บอะ เลือดไหลอีกหรือเปล่าเนี่ย โอย..." เขาทำเสียงออดอ้อนก่อนจะหยิบเสื้อมาใส่แล้วเขยิบเข้ามาใกล้ผม ใช้ไหล่มากระแซะกับไหล่ผมอย่างกวนประสาท 

"นี่เจ็บจริงหรืออ่อย เอาดีๆ" 

"เจ็บจริงเว้ย!"

"..."

"อ่อยเป็นผลพลอยได้" ประโยคหลังเขาพูดเสียงเบาแต่ก็จงใจให้ผมได้ยิน ผมจึงได้แต่ส่ายหน้าหน่อยๆ   

"พี่ชอบผมเหรอ"

"ทำไมอยู่ดีๆ มาถามกันตรงๆ งี้วะ"

"อยากรู้ ชอบเหรอ"

"ถ้าให้พูดตรงๆ ก็ใช่"

"..."

"โคตรสเป็กเลย"

ผมเงียบไปคำถามตรงๆ ถูกตอบมาอย่างตรงๆ ไม่มีลังเล ผมไม่ได้ตกใจคำตอบของเขา แต่แค่ไม่แน่ใจว่าจะต้องทำหน้ายังไงกับความชัดเจนนั่น จะต้องเขินไหมหรือว่าตอบกลับไปยังไง

"พรึบ!"

"เหี้ย!" ทั้งผมและเขาร้องออกมาพร้อมกันหลังจากไฟดับพรึบลง

"ไฟดับได้ไงอะ" ผมไม่เห็นหน้าพี่ซี แต่เสียงชัดเจนดีเพราะเขาขยับเข้ามาใกล้อย่างอัตโนมัติ เพราะห้องของพี่ซีไม่มีผ้าม่านที่ประตูกระจก จึงมองออกไปเห็นข้างนอกก็มืดสนิทไปหมด ฝนก็ตกลงมาไม่หยุด ผมกำลังจะลุกไปหยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องเขาแต่ก็ต้องสะดุดกึกเมื่อหันไปเห็นแขนตัวเองที่ถูกพี่ซีจับเอาไว้แน่น

"จับทำไมเนี่ย ปล่อย"

"มืดๆ แบบนี้ไว้ใจไม่ได้! เกิดมีอะไรโผล่พรวดพราดมาทำไง"

"นี่กลัวจริงหรืออ่อย?"

"กูกลัว! มืดขนาดนี้กูไม่มีเวลามาอ่อยหรอก!" เขาโวยวายลั่นก่อนจะยิ่งจับแขนผมแน่นกว่าเดิม ขณะที่ผมลุกไปหยิบมือถือเขาก็เดินตามมาด้วยชนิดที่ว่าแทบจะเข้ามาสิงผมอยู่แล้ว ผมหยิบมือถือของเขาเอามาเปิดไฟฉายเพื่อทำให้ห้องสว่างขึ้น

"แค่นี้ก็สว่างละ งั้นผมไปก่อนนะ"

"ไปไหน"

"ไปห้องผมดิ" ผมแกะแขนเขาออกแล้วเดินไปที่ประตู

"เฮ้ยๆ อย่าทิ้งกันดิวะ"

"เดี๋ยวไฟก็มาแล้ว ดับไม่นานหรอก"

"โทรหากฟฝ.เลย บอกให้มันติดเดี๋ยวนี้!"

"ไม่มีอะไรหรอกน่าพี่  ผมไปนะ"

"นอนที่นี่ก็ได้!"

"ฮะ?"

"มึงก็เคยนอนนี่ เนี่ย นอนเถอะ ซักผ้าปูที่นอนแล้ว นะ"

"พี่จะกลัวอะไร"

"พี่ไม่ชอบความมืด!"

ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วเดินกลับไปนั่งข้างๆ บนเตียงเขาเพื่ออยู่เป็นเพื่อน แลกกับการที่เขาเอาตัวเองบังฝนให้ผมบ่อยๆ ครั้งนี้จะยอมเป็นเครื่องรางไล่ผีให้สักแป๊บก็ได้ ผมไม่ได้คิดว่าเขาจะแกล้งกลัว เพราะท่าทางหวาดระแวงที่หันมองซ้ายมองขวาตลอดเวลา ผมจึงขยับตัวเองไปใกล้เขาอีกนิด มือหนึ่งก็ยกจับกันไว้แน่น ทำลายความเงียบด้วยการชวนคุยเพื่อให้บรรยากาศมันน่ากลัวน้อยลง

"ปกติเวลาไฟดับพี่ทำยังไง"

"วิ่งไปแดกเบียร์ให้เมา"

"ตลก"

"หนูไม่เข้าใจหรอก" เขาพูดเสียงเบา แล้วขยับเข้ามาใกล้อีกนิด

"ชิดขนาดนี้ นั่งตักเลยไหมฮะ"

"ได้เหรอ"

"ไม่ได้โว้ย!"

เขาหัวเราะเบาๆ แล้วหันมองรอบๆ ห้องอีกที

"พี่กลัวความมืดเหรอ"

"อือ ยิ่งมืดยิ่งไม่ปลอดภัย"

"ที่จริงพี่ไม่ชอบเข้าโรงหนังใช่ป่ะ"

เขาเงียบ ก่อนจะยอมพยักหน้าเบาๆ

"วันนี้เจออะไรเหรอ ถึงได้รีบวิ่งออกมา"

"พนักงานโรงหนังที่ถูกรถชนตายแต่ยังห่วงหน้าที่ คนอื่นเข้าไปดูการ์ตูนแต่กูได้ดูหนังสยองขวัญ พิเศษไหมล่ะ"

ผมหัวเราะเบาๆ กับคำพูดของเขา

"แล้วมาชวนผมดูหนังทำไมอะ"

"..."

"ถ้าพี่ไม่ชอบ ก็ไม่ต้องมาตามใจผมก็ได้นะ"

เขาเงียบแล้วแสร้งมองไปอีกทาง ก่อนพูดประโยคหนึ่งออกมาเบาๆ 

"แค่อยากหาเรื่องอยู่ใกล้ๆ"

พี่ซีโคตรชัดเจนกับผมเลย ตรงไปตรงมาโดยที่ผมไม่ต้องคิดเองเลย ผมไม่ได้เกลียดพี่ซี และพี่ซีชอบผมจึงจีบผม ทุกอย่างมันก็ดูลงตัวไปหมด แต่ความไม่สมบูรณ์ของความสัมพันธ์มันอยู่ที่ความรู้สึกของผม พี่ซีไม่ถามความรู้สึกของผม ไม่เคยถามสักครั้งเลย

"นอนดิ ไหนบอกว่าง่วงไง"

"ผมจะกลับไปนอนห้องของผม"

"นอนที่ไหนก็เหมือนกันแหละ" ผมถูกดึงให้ลงไปนอนข้างๆ เขา และไม่ได้พูดอะไรต่อ มีแค่เสียงฝนที่สาดมาที่หน้าต่างเท่านั้นที่ดังท่ามกลางความเงียบ ถึงไม่มีแอร์หรือพัดลมแต่ในห้องเขาก็ยังเย็นเฉียบ ทุกอย่างนิ่งเฉยอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ๆ จนผมเกือบเผลอหลับ จนกระทั่งไฟกลางห้องสว่างขึ้นทำให้รู้ตัว ผมหันไปมองพี่ซีและกำลังจะเรียกเขา แต่พบว่าเขาหลับไปแล้ว

"พี่..." ผมสะกิดเขาเบาๆ แต่ไม่ตื่น ผมแกะมือเขาที่ยังเกาะแขนผมเอาไว้ออกอย่างเบามือ กำลังจะก้าวออกจากเตียงแต่อีกใจมันพาผมกลับไปนอนลงที่เดิมข้างๆ เขา

 

คืนนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อนพี่ซี

 

To be continued.

ออฟไลน์ wikawee

  • มีชีวิตอยู่เพื่อทำฝันให้เป็นจริง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-7
ทำไมชีวิตพี่ซีน่าสงสาร  :mew6: :mew6: :mew6: ขอให้อยู่รอกปลอดภัยนานๆนะ

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
ตื่น ๆ พี่ซี ... น้องหนูใจอ่อนแล้วค่าพี่ซี :mew3:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คนอื่นได้ดูการ์ตูน แต่พี่ซีได้ดูหนังสยองขวัญ อิจฉาจริงๆ เลย  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ชอบตอนพี่ซีเรียกน่านว่าหนูมากเลย เหมือนเสี่ยเรียกอีหนูไงงั้น  :hao7:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
พี่ซีนี่นะจะน่าเอ็นดูก็ไม่เชิงจะน่าตลกก็ไม่ใช่ ปกตินายเอกจะขี้กลัวพระเอกก็จะเข้มแข็งแมนๆหน่อย แต่เรื่องนี้เหมือนสลับตำแหน่งกันอะ

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
ตอนที่ 11
หนู

 

ผ่านไปหลายอาทิตย์สำหรับการย้ายเข้ามาอยู่หอใหม่ ผมเริ่มชินกับหอที่นี่และคนที่นี่ ในตอนเช้าก็ได้กินมื้อเช้าไม่เคยขาด ในตอนเย็นก็มีใครบางคนรออยู่เหมือนได้กลับบ้าน วันนี้ผมเดินกลับเข้ามาในหอหลังจากเลิกเรียนแล้วผมทิ้งตัวลงโซฟาอย่างเพลียๆ หมดพลังไปกับการสอบเก็บคะแนน แถมอากาศข้างนอกก็ครึ้มฟ้าครึ้มฝนพาให้ร่างกายเหี่ยวแห้งไปหมด

"วาบ!"

ผมสะดุ้งโหยงเมื่อถูกของเย็นนาบเข้าที่แก้ม หันไปมองจึงเห็นว่าเป็นเท็นเอากระป๋องโค้กเย็นๆ มาแตะหน้าผม

"เอาป่ะ"

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ

"กินเป็นเพื่อนหน่อยดิ วันนี้เครียดอยากหาเพื่อนดื่ม" เขาว่าแล้วเปิดกระป๋องโค้กส่งให้

"ดื่มโค้กเนี่ยนะ"

"อือ ไม่ใช่พวกขี้เมา ไม่อยากให้บั้นปลายชีวิตไปจบกับคำว่ามะเร็งตับ"

ผมพยักหน้าขำๆ ขณะที่คนบางคนที่ถูกพาดพิงก็เดินเข้ามาพอดี

"ไอ้ห่า เมื่อไรช่างซ่อมประตูมันจะมาซ่อมให้วะ" ที่ผู้ป่วยมะเร็งตับเดินเข้ามาพร้อมเสียงบ่นพึมพำ ก่อนหันมายิ้มให้ผมแล้วก้าวเท้ามานั่งข้างๆ       

"เฮีย หิ้วอะไรมาอะ" เท็นเอ่ยถามหลังจากมองไปเห็นลังกระดาษที่เขาถือมาด้วย 

"มึงต้องคิดไม่ถึงแน่ๆ ว่าในนี้คืออะไร" เขาพูดให้เราตื่นเต้นก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ แล้วค่อยๆ หยิบของในนั้นออกมา ผมขมวดคิ้วมองกรงเล็กๆ สีชมพูข้างในบรรจุหนูแฮมสเตอร์สีขาวที่ลักษณะเป็นก้อนๆ

"หนู?"

"ใช่ รู้ได้ไงว่ามันชื่อหนู"

"ฮะ?"

ผมกับเท็นประสานเสียงกันงง เจ้าของสัตว์เลี้ยงก็เลยพรีเซนท์มันให้พวกเรารู้จัก

"ลูกกูเอง ชื่อหนู น่ารักป่ะ"

"เฮียซื้อหนูมาเลี้ยงเนี่ยนะ"

"เออ"

"เฮียเนี่ยนะเลี้ยงหนู"

"ทำไมเล่า! ก็กูชอบหนู" ปากพูดกับเท็น แต่ตาหันมามองผม ผมจึงยิ้มแห้งๆ กลับไปให้ กูสะดุดตั้งแต่หนูชื่อหนูแล้วเฮีย 

"รู้จักเฮียมาสามสี่ปี ไม่รู้มาก่อนว่ารักสัตว์กับเขาด้วย"

"กูก็ไม่ได้รักทุกตัวเหมือนมึงละกัน มึงเก็บไอรอนแมนมึงดีๆ เลยนะ อย่าให้มาเกะกะกับลูกหนูของกู"

"ไอรอนแมนของผมมันไม่ใช่เด็กเกเรหรอก วันๆ มันเอาแต่นอนเนี่ย แมวขี้เกียจ" เท็นว่าแล้วใช้เท้าสะกิดแมวที่นอนอยู่ข้างๆ โซฟา ไอรอนแมนลุกขึ้น แล้วย้ายตัวเองไปนอนอีกฝั่ง ใบหน้าฟ้องว่ารำคาญพวกมนุษย์   

"ตึ้ด..." พวกเราหันไปมองเสียงคีย์การ์ดจากประตูที่ถูกเปิดออก พอพบว่าเป็นไคโรที่เดินเข้ามา พี่ซีก็คว้ากรงหนูแล้วเดินเข้าห้องทันที ไคโรเองก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากเดินขึ้นบันไดไปเงียบๆ

"ตึงเครียดสุด โกรธกันเป็นผัวเมียทะเลาะกันเลย ผู้ชายเขาไม่ควรงอนกันแรงขนาดนี้ป่ะวะ"

ผมได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ผมก็ไม่ได้อยากให้พี่ซีกับไคโรทะเลาะกัน แต่ก็ไม่รู้จะช่วยให้ดีกันยังไงเหมือนกัน

"ปวดประสาท ไปดีกว่า" เท็นว่าแล้วหยิบแมวแล้วแบกขึ้นบันไดไป ส่วนผมยังคงนั่งเล่นคนเดียวอยู่ที่โซฟา ดูรายการในทีวีไปเพลินๆ

"น่าน"

"ขวับ!"

"แชะ!"

ผมหันขวับหลังจากถูกเรียกชื่อ หันไปเจอพี่ซีกำลังยกมือถ่ายรูปผม อีกมือถือไอ้หนูตัวเล็กๆ นั่นชูขึ้นมาตรงหน้าผม

"ว้าย เหมือนกันเป๊ะเลย" 

"เฮ้ยพี่"

"มองมุมนี้ยิ่งเหมือน"

"ลบเลย!"

"ไม่ลบเว้ย"

"ลบ!" ผมตั้งใจจะคว้ามือถือเขา แต่อีกฝ่ายก็เอาหลบอย่างไว แค่เขายกมือถือขึ้นสูงผมก็ไม่มีปัญญาตะกายขึ้นไปแย่ง จึงทำได้แค่มองแรงด้วยตาขวางๆ แล้วย้ำความต้องการของตัวเองอีกทีด้วยเสียงงอแง

"ลบเลย"

"ลบทำไม น่ารักออก"

"ไม่เอา หน้าเหวออะ เดี๋ยวพี่เอาไปประจานในเฟสบุ๊ก"

"เฟสบุ๊กอะไร ไม่มี"

ผมหันมองคนข้างๆ ด้วยใบหน้าเฉยๆ กับน้ำเสียงเรียบๆ ผมไม่ได้คิดว่าเขาโกหกแต่ก็แอบแปลกใจว่าทำไมเขาไม่มีมัน

"พี่ไม่มีเหรอ"

"ไม่มีอะ"

"เฮ้ย ติสท์สัดๆ"

"ติสท์ห่าอะไรล่ะ ก็ใช้ไม่เป็น"

ผมเลื่อนสายตามองสมาร์ทโฟนในมือเขา มันก็เป็นรุ่นใหม่ที่ใช้งานแอพลิเคชั่นนั้นได้แน่นอน แต่ดูเขาจะไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น เพราะวันๆ ก็เมาหัวทิ่ม คงไม่มีเวลามานั่งเช็กโซเชี่ยลหรอก

"สอนหน่อยดิ"

"ฮะ?"

"เฟสบุ๊กอะไรนั่นไง สอนหน่อย"

เพราะผมจุดชนวนนั้นขึ้นมา เลยเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเป็นคนสอนเขาใช้งานเฟสบุ๊ก ทีแรกก็คิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องยากเพราะเขาก็น่าจะเรียนรู้มันได้ง่ายอยู่แล้ว แต่ผิดถนัด พี่ซีเหมือนเพิ่งออกมาจากถ้ำเลย พูดอะไรไปก็ตีมึนใส่ตลอด

"ถ้าพี่จะเปลี่ยนรูป พี่ก็ไปที่โปรไฟล์ของพี่"

"ไหนวะ"

"นี่ไง! อ่านภาษาไทยออกไหมเนี่ย"

"ใจเย็น"

ผมก็เกือบจะหงุดหงิดแล้ว แต่ก็ยอมใจเย็นเพราะคำพูดของเขา คนข้างๆ ยังคงค่อยๆ จิ้มตรงนั้น ตรงนี้อย่างอย่างรู้ ก่อนขยับไปถ่ายรูปหนูในกรงแล้วเอามันขึ้นเป็นรูปโปรไฟล์

"แล้วทำไงถึงจะเห็นของน่านได้อะ"

"พี่ต้องเป็นเพื่อนกับผมก่อน"

"เป็นเพื่อน?"

"อือ"

"จะเป็นเพื่อนได้ไงอะ คิดมากกว่านั้นอยู่แล้ว"

"หมายถึงเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊กโว้ย!"

"อ๋อเหรอ โทษๆ"

เขาทำเป็นยิ้มกว้าง แต่ผมแทบจะหยิบมือถือเขาปาทิ้ง ไม่น่าเริ่มประเด็นเรื่องเฟสบุ๊กขึ้นมาเลย ปล่อยให้มันเป็นมนุษย์หินไปก็ดี

"แอดหน่อยเร็ว"

ผมหยิบมือถือเขามาแอดเฟสบุ๊กหาตัวเอง ก่อนจะส่งคืนให้ แล้วหยิบมือถือตัวเองขึ้นมากดรับ ผมหลอกเขาว่าต้องใช้ชื่อนามสกุลจริงในการสมัครไม่อย่างนั้นโดนตำรวจจับ มันก็เชื่อเป็นตุเป็นตะ เลยจำเป็นต้องใช้ชื่อนามสกุลจริงที่ทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็น

 

ซี นิติวุฒิพงศ์ ได้ส่งคำขอเป็นเพื่อนถึงคุณ

 

ผมจิ้มนิ้วกดรับเพื่อนจากเขาอย่างไม่เต็มใจเท่าไร ก่อนพี่ซีจะหัวเราะอย่างชอบใจเมื่อมันขึ้นว่าเราสองคนเป็นเพื่อนกันแล้ว

"ถ้าพี่อยากจะเป็นเพื่อนกับใครก็แอดไป"

"ไม่เอาอะ หนูคนเดียวก็พอแล้ว"

"ถ้าจะเล่นเฟสบุ๊กแล้วมีเพื่อนคนเดียว พี่เดินไปเรียกผมมาคุยที่ชั้นสามก็ได้ไหม"

เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะกำลังตั้งอกตั้งใจกับมือถือในมือมากกว่า จริงจังอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งก่อนผมจะได้ยินเสียงแจ้งเตือนมาจากมือถือตัวเอง

 

ซี ได้แท็กภาพที่มีคุณ

 

ผมมองรูปผมที่คู่กับหนู ด้วยใบหน้าที่เหวอแดก แถมแคปชั่นเหนือภาพนั่นก็โคตรจะกวนประสาท

 

หนูสองตัวอยู่หอเดียวกันก็ได้ 

 

ไอ้เฮีย! ใครสอนมึงแท็กรูป!

 

...

 

 

เพราะผมชินกับการอยู่หอนี้แล้ว แล้วก็ชินกับพี่ซีแล้ว จึงเป็นเรื่องปกติที่วันไหนผมกลับดึกก็จะต้องเห็นเจ้าของหอที่ทุ่มเทกับการดูแลหอขนาดที่ทำตัวเป็นหมานั่งเฝ้าหน้าหออยู่ตรงนั้น ผมส่ายหัวเบาๆ กับภาพตรงหน้า เป็นก่อนหน้านี้คงรังเกียจแล้วเดินข้ามเข้าหอไปแล้ว แต่เพราะว่ามันเป็นพี่ซีผมจึงต้องนั่งลงไปเรียกเขา

"พี่ซี"

คนถูกเรียกเงยหน้ามองผม ดูรู้ว่าเมาแต่ก็เหมือนจะมีสติดี เขาขยับตัวหลีกทางให้ผม แล้วพยักหน้าเป็นเชิงให้เข้าหอไปก่อน แต่ผมไม่ได้ทำอย่างที่เขาบอกแล้วนั่งลงข้างๆ พี่ซีก็ยังคงเงียบไม่พูดอะไร

"เป็นไรเนี่ย ทำหน้าเหมือนหมาโดนทิ้งเลย"

"คิดมากอยู่"

"คิดเรื่องอะไร"

"ไอ้ไคโรมันยังไม่มาง้อเลยอะ"

"พี่ก็ง้อมันก่อนดิ"

"ได้ไงวะ กูไม่ผิดซะหน่อย ง้อก่อนไม่เห็นเท่เลย"

"พี่จะเท่หรือจะปล่อยให้น้องมันโกรธไปตลอดล่ะ"

"ไม่รู้แหละ มันผิด มันต้องมาง้อกู" เขาว่าแล้วหยิบบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาจุดสูบ ผมเผลอแสดงออกถึงความเอือมระอาในตัวเขาผ่านเสียงถอนหายใจแรงๆ

"พี่ ห่วงตัวเองบ้างเหอะ"

"หนูขี้บ่นวะ ทำอย่างกับไม่เคย"

ผมไม่ได้เถียง ก็ยอมรับว่าเคย ผมก็มีเพื่อนที่กินเหล้าสูบบุหรี่แล้วก็อยากลองบ้าง แต่ผมก็ไม่ใช่พวกลิซึมแบบเขาซะหน่อย

"แบบนี้พี่ไม่ได้แก่ตายหรอก ไม่มะเร็งปอดก็ตับแข็งแน่นอนอะ นี่เก็บเงินได้เยอะยัง เงินที่จะเอาไว้รักษาตัวเองอะ"

"ตับกู กูจะทำอะไรกับมันก็ได้"

"แต่พี่กินเหล้าทุกวันแบบนี้ไม่ได้ พี่ควรจะ..."

คำพูดของผมหายไปตอนที่พี่ซีดึงหัวผมไปใกล้ เอาปากมาชนปากผม แล้วพ่นควันบุหรี่ใส่เข้ามา ผมเผลอสูดควันบุหรี่นั่นเข้าไปเต็มๆ ก่อนพ่นมันออกมา   

"พูดมาก" เขาพูดยิ้มๆ แล้วอัดควันบุหรี่เข้าไปอีกครั้ง ส่วนผมได้แต่มองเขาตาขวางๆ ผมไม่ได้รังเกียจควันบุหรี่ แต่ไอ้ปากที่มาจูบเมื่อกี้อะคืออะไร 

"พี่แม่ง!"

"ก็พี่ชอบหนูอะ"

"แต่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน พี่ทำแบบนี้ไม่ได้"

"ขอโทษ" เขาพูดเบาๆ แต่ก้มหน้าลงไปอมยิ้มเล็กๆ ผมรู้ว่าพี่ซีชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองขนาดไหน ผมไม่ได้โง่หรือดูไม่ออกเลยว่าเขาคิดอะไร เขาเองก็ไม่ใช่คนที่น่ารังเกียจ กับอีแค่ ขี้เมา ปากหมา อารมณ์ร้อน เถื่อน  สถุน สกปรก แค่นี้ผมก็พอรับได้ แต่ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน ผมลืมไปแล้วว่าการที่จะรักใครสักคนมันต้องทำยังไง แม้กระทั่งความรักคืออะไรก็ลืมไปแล้ว แล้วกับพี่ซี ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ผมกำลังรู้สึกอะไรกันแน่ มันเหมือนกับว่า ไม่อยากให้เขาเข้าใกล้ แต่ก็ไม่อยากผลักไสเขาออกไปเหมือนกัน

"ทำหน้าแบบนี้มันยิ่งเหมือนหนูนะรู้ไหม"

ผมยกมือทุบพี่ซีแล้วปรับสีหน้าบูดๆ ของตัวเองให้กลับเป็นปกติ อีกคนยื่นมือมาเคาะหัวผมเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้น

"เปิดประตูให้หน่อยดิ คีย์การ์ดพี่หายอะ"

คนเมาก็คือคนเมาจริงๆ ผมยกมือเขาที่ถือคีย์การ์ดอยู่แตะเพื่อเปิดประตู พี่ซีมองคีย์การ์ดในมือตัวเองอย่างงงๆ ก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไป ผมเองเดินตามหลังเขาไปก่อนจะยื่นมือไปคว้าไหล่เขาไว้

"พี่ซี"

"หืม?"

"เลือดไหลอะ" ผมยกมือแตะเลือดที่ซึมผ่านเสื้อนักศึกษาสีขาวออกมา แล้วจึงตามเข้ามาทำแผลให้เขาในห้องระหว่างนั้นเขาก็ชวนผมคุยนั่นนี่เหมือนไม่มีคนคุยด้วยมาสิบปี ผมทำได้แค่ฟัง แล้วก็พยักหน้าตาม ตอบรับบ้างเพื่อให้รู้ว่าฟังเขาอยู่ 

"เมาแล้วพูดมากเนอะพี่เนี่ย"

"ว่าอะไรนะ"

"บอกว่าพี่เมาแล้วพูดมาก"

"จริงๆ แล้วเมาแล้วทำอะไรได้หลายอย่างนะ" พี่ซีหันหน้ามามองผมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

"..."

"เมาแล้วหื่นก็ได้นะ"

"เมาแล้วโดนถีบก็ได้นะ" ผมว่าพลางยกขาขึ้นมา อีกคนถอยห่างผมไปแล้วก้มหน้าพูดพึมพำ

"ใจร้ายอะ"

"ก็พี่จะกวนตีนทำไมล่ะ หันไปเลยจะได้ทำแผลให้เสร็จ" ผมว่าขณะที่ยาแดงและลำสีที่ชุบยาแล้วยังถืออยู่ที่มือ พี่ซียิ้มมุมปากแล้วเขยิบหน้าเข้ามาหาผม

"เวลาพี่จีบนี่ไม่เขินบ้างเหรอ"

"เขินดิ"

"นี่เขินแล้วดิ สาบาน?"

"ก็ไม่รู้ว่าต้องทำหน้ายังไง"

"น่าน"

"ครับ"

"ไม่ชอบพี่เหรอวะ"

"..."

"รักคนอื่นอยู่หรือเปล่า"

"พี่อย่าเพิ่งถามได้ไหม ขอผมไปตกลงกับตัวเองให้เสร็จก่อน"

"โหย! รำคาญ จับปล้ำแม่งเลยดีไหม"

"กวนตีน!"

"ชอบด่าอะ เดี๋ยวก็เอาจริงเลย"

"เฮ้ย!"

จังหวะที่พี่ซีพุ่งเข้ามาก็ชนเข้ากับขวดยาแดงในมือผมหกราดตัวเอง

"เลอะเลย!" ผมพูดอย่างหงุดหงิดเพราะทั้งตัวเลอะยาแดงไปหมด พี่ซีทำหน้าแบ๊วกลบเกลื่อนความผิด ผมจึงทำได้แค่แยกเขี้ยวใส่แล้วทุบเขาไปเบาๆ ทีหนึ่ง ก่อนลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างมันออก มันเลอะจนไม่รู้จะเช็ดตรงไหนก่อน ผมจึงถอดเสื้อออก ตอนนั้นพี่ซีก็เปิดประตูห้องน้ำเข้ามาพอดี เขาชะงักไปนิดหนึ่งแล้วถอยหลังออกไปก่อน

"เข้าไปได้ไหมเนี่ย"

"ทำไมจะไม่ได้อะ"

"ก็คิดว่าจะอาย"

"อายทำไม มีไม่เหมือนกันหรือไง"

"ไม่เหมือน นมพี่ใหญ่กว่า"

"พี่ซี!"

"ล้อเล่น!" พี่ซีกระโดดหลบผมที่ฟาดเสื้อใส่หน้าผม คนถูกฟาดไม่สลดซ้ำยังยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ

"เอาเสื้อเปลี่ยนไหม"

"ไม่เอาอะ เดี๋ยวกลับไปเปลี่ยนที่ห้อง"

เขาพยักหน้ารับ ในตอนนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูมาจากด้านนอก

"ใครมาวะ ขัดจังหวะเนอะ"

ผมคว้าเสื้อฟาดใส่หน้าเขาไปอีกทีแล้วไล่เขาไปเปิดประตู
"พี่ไปเปิดเลย ผมอยู่ในนี้แหละ ไม่อยากให้คนข้างนอกเข้าใจผิด"
"เข้าใจผิดอะไร" 

"พี่ดูสภาพเราสองคนดิ" ผู้ชายสองคนยืนเปลือยท่อนบนอยู่ในห้องน้ำสองต่อสอง นี่ไม่ใช่ภาพที่ใครควรจะเข้ามาเห็นตอนนี้เลย เสี่ยงต่อการเข้าใจผิดได้ง่ายๆ ผมจึงเลี่ยงด้วยการยืนรอในนี้แล้วผลักให้เขาออกไปเปิดประตู

"ก๊อกๆๆ!"

"มาแล้ว ใจเย็น"

"เฮีย!"

"ขิง มีอะไรวะ"

ผมได้ยินเสียงคุยของสองคนนั้นโดยไม่ได้แอบฟัง อีกมือก็เช็ดคราบยาแดงที่เลอะไปด้วย

"หนูขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ"

"อะไร"

"เฮีย หนูมีเรื่องมาขอคำปรึกษา"

"เรื่องอะไรดึกๆ ดื่นๆ"

"เรื่องใหญ่มากนะเฮีย"

"จริงจังป่ะเนี่ย กูเมาอยู่ด้วย สร่างเมาแล้วค่อยคุยกันไหม"

"ไม่ไหวแล้วเฮีย ต้องพูดวันนี้เท่านั้น"

"งั้นก็พูดมาสิ"

"เฮีย..."

"อะไรเล่า"

"เฮียสัญญาว่าต้องช่วยหนูนะ"

"กูไม่มีเงินให้ยืมนะ"

"เฮีย! ไม่ใช่"

"เอ้า! ก็พูดมา"

"คือหนู..."

"อ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละ มึงจะได้พูดพรุ่งนี้เลยไหมขิง"

"เฮีย..."

"พูดมาโว้ย!"

"หนูท้อง!"

"..."

"หนูท้อง...ทำไงดี"

 

To be continued.

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2021 02:55:51 โดย เต้าหู้ไข่ »

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
ตอนที่ 12
ผีบอก

 

"ฮะ!"

ไม่ใช่แค่พี่ซีแต่เป็นผมด้วยที่ร้องลั่นแล้วพุ่งพรวดออกไปจากห้องน้ำ น้ำขิงตะลึงนิดหนึ่งเมื่อเห็นผม แต่เรื่องที่ควรโฟกัสตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของผม 

"ทำไม ทำไมน่านอยู่ที่นี่ล่ะ แล้วน่านกับเฮีย" ขิงมองผมกับพี่ซีสลับกันไปมา

"เรื่องกูเอาไว้ก่อนเลย เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ"

"คือ..."

"มึงท้อง?"

ขิงกัดริมฝีปากล่าง กำมือแน่น แล้วพยักหน้ารับเบาๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ 

"ขิงจะท้องได้ไง วันนั้นยัง...ยังเป็นเมนส์อยู่เลย" ผมพูดไม่เต็มปาก แต่ก็จำได้วันที่ผมเจอน้ำขิงที่หน้าร้านยา วันนั้นยังบอกว่าซื้อยาแก้ปวดท้องประจำเดือนอยู่เลย

"วันนั้นเราไม่ได้ซื้อยาหรอก เราซื้อที่ตรวจครรภ์"

"เดี๋ยวๆ มึงล้ออะไรกูเล่นป่ะเนี่ย"

"เฮีย หนูไม่ตลกแล้วนะ"

"มึงจะท้องได้ไง วันๆ กูเห็นมึงอยู่แต่กับหนังสือ มึงจะท้องกับใคร"

"หนูพลาดอะเฮีย"

น้ำขิงก้มหน้าลงต่ำพูดเสียงเบา

 หนูจะทำไงดีอะ"

"กูก็ไม่รู้ไง! กูไม่เคยท้อง!"

"พี่ซี" ผมเรียกพี่ซีเบาๆ เพื่อสงบสติที่ดูเหมือนจะเดือดพล่านขึ้นมา 

"แม่ง สร่างเมาเลยกูเนี่ย"

"ใจเย็นๆ นะขิง แล้วเขารู้หรือเปล่าว่าขิงท้อง"

ขิงส่ายหน้าแทนคำตอบ

"เราไม่กล้าบอกเขา เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน เขาไม่รับผิดชอบหรอก"

"ไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วมึงไปเสียตัวให้มันเนี่ยนะ มึงบ้าเหรอขิง!"

"พี่ซี อย่าตอกย้ำมันดิวะ ค่อยๆ พูด"

"ยังไงก็ต้องบอกพ่อกับแม่มึง"

"หนูไม่กล้า"

"แล้วจะปล่อยไว้อย่างนี้หรือไง"

"หนูไม่อยากให้พวกเขาผิดหวังในตัวหนูอะ"

"ถ้าไม่อยากให้เป็นแบบนั้นมึงก็ไม่ควรทำแบบนี้ตั้งแต่แรกเว้ย กูรู้ด่าไปมันก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก แต่กูอยากจะด่ามึงจริงๆ ชิบหาย พวกมึงนี่ขยันหาเรื่องให้กูปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน"

ขิงที่น้ำตาร่วงออกมาในทันทีแล้วก็ทำได้แต่นั่งเงียบ พี่ซีกุมขมับแน่นอย่างหาทางออกไม่เจอ ส่วนผมก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ท่ามกลางความเงียบพี่ซีก็เสนอทางออกหนึ่งขึ้นมา

"บอกพ่อแม่มึงเลย บอกว่าท้องกับกูก็ได้"

"เฮียจะบ้าเหรอ!"

"ทำไม ไม่อยากได้กูเป็นผัวเหรอ"

"เฮีย!"

"งั้นมึงคิดดิว่าจะบอกพ่อแม่มึงยังไง"

"ยังไงหนูก็ไม่เอาเฮียมาเกี่ยวหรอก"

"แล้วจะเอายังไง ยังไงก็ต้องบอกพวกเขา ปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้หรอก"

"โอเค หนูจะบอกพวกเขา"
            "บอกไอ้นั่นด้วย เผื่อมันจะมีสำนึกรับผิดชอบบ้าง"

"หนูจะลองบอกเขาดู"

"ไม่ต้องคิดมากนะขิง" ผมพูดเพื่อต้องการปลอบใจ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอะไรได้บ้าง

"ไปนอนเหอะ ดึกแล้ว" พี่ซีผลักหัวน้ำขิงเบาๆ เธอถอนหายใจยาวก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป แววตาที่เดาความรู้สึกไม่ออกมองมาที่ผมกับพี่ซี ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าที่จะมานั่งใจเย็นอยู่ พี่ซีเองก็ได้แต่ทำคิ้วขมวดดูเครียดไม่แพ้กัน 

"หนูไปนอนเหอะ ดึกแล้ว"

"ครับ พี่ก็นอนได้แล้ว"

"อืม เดี๋ยวก็นอนแล้ว"

ผมเดินออกมาจากห้องพี่ซีแล้วมาหยุดอยู่ตรงบันได เพราะรู้ตัวว่าเขาเดินออกมาด้วย พี่ซีไม่ได้ตามผม แต่ผลุบเข้าไปในห้องครัว ได้ยินเสียงกระแทกเบาๆ เดาว่าใช้ขอบโต๊ะเปิดฝาเบียร์ ครู่เดียวก็กลับออกมาพร้อมขวดเบียร์ในมือ พี่ซีทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยใบหน้าเรียบๆ เขาคงกำลังคิดมากเรื่องของน้ำขิง ผมปล่อยให้พี่ซีนั่งอยู่ตรงนั้น ขณะเดินไปหยุดที่หน้าห้องของน้ำขิง ผมได้ยินแค่เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังไม่หยุด ค่ำคืนนี้ก็ยังคงไม่มีทางออกของเรื่องนี้

 

...

 

ผมนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะเผลอคิดมากเรื่องของน้ำขิงไปด้วย ผมเข้าใจว่าความผูกพันในตอนนี้ ถึงผมจะเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน แต่เพราะมันเหมือนบ้าน เหมือนคนในครอบครัว หลังเหตุการณ์เมื่อคืนผมก็อดเป็นห่วงน้ำขิงไม่ได้ 

"ใครเห็นไอ้ขิงบ้างวะ" พี่ซีเดินเข้ามาถาม ขณะที่ผมกับเท็นนั่งคุยกันอยู่ที่ชั้นล่าง

"เห็นออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วนะ"

"ปกติวันหยุดมันไม่ออกไปไหนนี่หว่า" พี่ซีพูดขึ้น ผมกับเท็นก็พากันพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ไม่ทันได้พูดอะไรต่อเสียงไลน์ของผมและเท็นก็ดังขึ้นพร้อมกัน

"ติ๊ง..."

ผมหยิบมันขึ้นมาดูพบว่าเป็นไลน์กลุ่มของสมาชิกหอพัก ข้อความนั่นถูกส่งมาจากน้ำขิง เป็นประโยคสั้นๆ ที่ทำให้พวกเราขมวดคิ้วแน่นตอนที่อ่าน

 

"เฮีย หนูอยากให้เฮียเลิกเหล้า หนูก็รักเฮียนะ"

 

"อะไรของไอ้ขิงวะ สารภาพรักเฮียเหรอ" พี่ซีหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาเปิดดูก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผม ไม่นานอีกข้อความก็ถูกส่งตามมา 

 

"พี่เท็น หนูรู้ว่าพี่หุ่นดีแต่พี่ควรใส่เสื้อ หนูรักพี่เท็นนะ"

 

"ขิงมันเป็นอะไร สารภาพรักไปทั่วเลยเนี่ย" เท็นขมวดคิ้วมองในมือถือ ผมกับพี่ซีหันมองหน้ากัน ผมคิดว่าพี่ซีกำลังคิดอย่างที่ผมคิด ในจังหวะเดียวกัน อีกข้อความก็ถูกส่งมา

 

"ไคโร ไปง้อเฮียซะ! รักนะเด็กบ้า"

 

และอีกข้อความที่พูดถึงผม

 

"น่าน น่านน่ารักที่สุดในหอเลย เฮียชอบน่านนะรู้ยัง"

 

"เฮียชอบน่านเหรอ จริงอะ!" เท็นพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น แต่ผมคิ้วขมวดแน่น พี่ซีก็กำลังวุ่นอยู่กับการกดโทรศัพท์ ผมเดาว่าโทรหาน้ำขิง พี่ซีเริ่มหงุดหงิดแล้วตอนที่ปลายสายไม่ยอมรับแม้จะโทรเป็นครั้งที่สาม และสี่

ผมหวั่นใจไปด้วยจึงนั่งไม่ติดพื้น ขยับเข้าหาพี่ซีอย่างวุ่นวายใจ เท็นที่ไม่รู้เรื่องอะไรเข้ามาสะกิดถาม

"มีเรื่องอะไรกันเหรอ"

"เดี๋ยวเล่าให้ฟัง"

"แล้วที่ขิงมันบอกว่าเฮียชอบน่าน คือไร?"

"เดี๋ยวเล่าให้ฟัง"

"อะไรกันวะ!"

พี่ซีหมดความพยายามที่จะโทรหาน้ำขิงจึงลดมือถือลงด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่จู่ๆ ก็หันขวับไปอีกทางเหมือนกำลังมองใครอยู่ ผมเดาว่าเป็นผีแล้วก็จริงอย่างคิด พี่ซีพูดกับอากาศโดยไม่สนว่าเท็นกำลังมองอยู่อย่างงงๆ 

"มีอะไร โผล่มาทำไมกลางวันแสกๆ อะไรนะ! เหี้ยเอ๊ย!" พี่ซีสบถออกมาก่อนจะวิ่งพรวดออกไปที่ประตู ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจแล้ววิ่งตามเขาออกไป

"มีอะไรเหรอพี่"

"ไอ้ขิงจะฆ่าตัวตาย ตอนนี้อยู่ที่ตึกร้าง"

"ฮะ!" เราประสานเสียงร้องลั่นก่อนพี่ซีจะวิ่งออกจากหอ ผมรีบวิ่งตามเขาไปทางตึกร้างแปดชั้น ใช้เวลาไม่นานเราก็มาหยุดกันอยู่ที่หน้าหอ ผมเงยหน้ามองไปยันชั้นสูงสุดของตึกแต่ไม่เห็นอะไร พี่ซีหยุดกึกขณะที่กำลังก้าวเข้าไปในตึก เขาหลับตาแน่นคงมองเห็นอะไรบางอย่างเข้าแล้วก้าวเท้าถอยออกมา ลมหายใจถูกพ่นออกมาช้าๆ แล้วคำพูดเรียกกำลังใจให้ตัวเอง   

"ไอ้ขิงสำคัญกว่าพวกมึงเยอะ กูไม่กลัวหรอก"

ผมอาจช่วยอะไรไม่ได้มากแต่ก็ยื่นมือตัวเองไปจับมือเขาเอาไว้ให้รู้ว่าตรงนี้ยังมีเครื่องรางของพี่อยู่

"พี่ซีไม่ต้องกลัว"

"..."

"ผมก็อยู่"

พี่ซีพยักหน้าเบาๆ แล้วจับมือผมวิ่งขึ้นบันไดไปพร้อมกันก่อนเรามาหยุดกันอยู่ที่ชั้นดาดฟ้า พี่ซีปล่อยมือผมแล้วโผเข้าไปหาน้ำขิงที่ขอบตึกนั่น ส่วนผมพูดอะไรไม่ออก

โคตรเหนื่อย! ผมขอหยุดหายใจแป๊บ! 

"ไอ้ขิง!"

"เฮีย น่าน"

"มึงจะทำอะไร"

"เฮียมาที่นี่ได้ไง"

"กูถามว่ามึงจะทำอะไร!"

"เฮีย หนูไม่มีทางออก หนูไม่รู้จะทำยังไง หนูไปบอกเขาแล้วแต่เขาไม่รับผิดชอบ แถมยังเอาไปบอกเพื่อนที่มหาลัยจนทุกคนรู้หมดแล้ว อนาคตหนูไม่เหลือแล้วเฮีย"

"มึงอย่าทำอะไรบ้าๆ แล้วลงมานี่ กูวิ่งขึ้นมานี่กูเหนื่อยนะ ไม่มีแรงจะพูดอะไรมากแล้ว ลงมา!"

"เฮีย หนูขอโทษ ทางออกของหนูคือทางนี้เท่านั้น" น้ำขิงหันมองไปยังอีกฟากของตึก

"น้ำขิง ใจเย็นๆ นะ" ผมพูดขณะที่ยังไม่หายเหนื่อย แต่น้ำขิงสำคัญกว่า

"เราขอโทษ แต่เราไม่ไหวแล้ว"

"น้ำขิง แล้วพ่อกับแม่ล่ะ!"

"เราบอกพ่อกับแม่แล้ว ขอโทษพวกเขาแล้ว เราเป็นลูกที่แย่ไม่มีหน้าอยู่ต่อเพื่อให้พวกเขาผิดหวังหรอก"

"แล้วทำอะไรโง่ๆ แบบนี้ มึงคิดว่าดีแล้วเหรอ"

พี่ซีว่าแล้วเดินเข้าไปหาน้ำขิง คนที่ขอบตึกไม่ได้ถอยหลังหนี พี่ซีจึงขยับเข้าไปจนถึงตัว 

"มึงดูอย่างไอ้ผีที่ฆ่าตัวตายที่นี่ ทุกวันยังวนเวียนอยู่ที่นี่เพราะไปไหนไม่ได้ มึงจะคิดว่ากูไร้สาระก็ได้ แต่กูคุยกับมันทุกวันแล้วมันก็ยืนอยู่ตรงนี้ด้วย" พี่ซีหันไปมองอีกข้างของเขา เดาว่าผีสาวคงอยู่ตรงนั้น 

"เฮียพูดอะไร"

"มันบอกกับกูทุกวันว่าถ้ามันย้อนเวลากลับไปได้มันจะไม่ทำแบบนี้ มันจะไม่ฆ่าตัวตาย มึงไม่รู้ว่าชีวิตหลังความตายมันทรมานแค่ไหน มึงอยากเป็นแบบมันหรือไง"

"เฮียพอได้แล้ว หนูไม่รู้ว่าเฮียพูดอะไร!"

"มึงคิดว่าตายแล้วจบเหรอ!" พี่ซีตวาดลั่นแล้วกระโดดขึ้นไปที่ขอบตึกข้างๆ น้ำขิง ก่อนกระชากแขนน้ำขิงมาจับ

"เฮียทำบ้าอะไรเนี่ย!"

"เอาดิ! โดดก็โดดด้วยกัน"

เฮ้ย...

"เฮียปล่อยหนู!"

"ก็ตายด้วยกันไปเลย กูก็เบื่อๆ ชีวิตเหมือนกันแหละ ตายแบบนี้ก็น่าจะดีกว่าเป็นตับแข็งตายแหละวะ"

"ไม่เอานะเฮีย!"

"ทำไม มึงโดดกูก็โดดแหละ"

"เฮีย อย่าทำแบบนี้!"

"มึงจะไปแคร์เหี้ยอะไรกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนที่รักมึงก็ยังอยู่ พ่อแม่มึงก็ยังอยู่"

"..."

"กูก็ยังอยู่"

"เฮีย หนูขอโทษ"

"ไปขอโทษพ่อแม่มึงนู่น" น้ำตาของน้ำขิงไหลออกมาในตอนนั้นอย่างฟูมฟาย ก่อนพี่ซีจะดึงเธอมากอดแน่นเพื่อปลอบใจ

"นี่ จะซาบซึ้งอะไรกันก็เหอะ ลงมาก่อนได้ไหม ผมเสียวเว้ย!"

พี่ซีกระโดดลงมาจากขอบตึกแล้วดึงน้ำขิงลงมาด้วย ในตอนที่พ่อกับแม่ของน้ำขึงจะวิ่งขึ้นมาถึงดาดฟ้าพอดีพร้อมกับเท็นและไคโร

"พ่อ แม่"

"ไอ้ลูกบ้า! ทำบ้าอะไร!"

"หนูขอโทษ! หนูขอโทษ!"

"ไม่เป็นไรลูก ทุกอย่างจะไม่เป็นไร"

"หนูขอโทษจริงๆ" เสียงพร่ำขอโทษดังไม่หยุดจากปากน้ำขิง ผมเดินเข้าไปหาพี่ซีที่เซเข้ามาหาผมจึงรับร่างเขาเอาไว้

"พี่เป็นอะไรเปล่า"

"ขาอ่อน แม่งโคตรเสียวอะ"

"แล้วกระโดดขึ้นไปทำไมเล่า"

"เดินไม่ไหวแล้ว อุ้มหน่อยดิ"

"ใครจะไปอุ้มไหว" ผมอุ้มพี่ซีไม่ไหวอยู่แล้วแต่ก็ยอมให้เขาพาดแขนไว้บนคอ เขาชอบทำตัวเท่แต่เสียหมาทีหลังแบบนี้เสมอ แต่ในความเท่จอมปลอมของเขา มันก็ช่วยชีวิตน้องที่เขารักเอาไว้ได้

 

และผมชอบที่พี่ซีเป็นแบบนี้ที่สุดเลย   

 

 

หลังจากเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย น้ำขิงตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่บ้าน เราทุกคนที่นี่ไม่รู้ว่าเรื่องหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ แต่ผมก็เชื่อว่าความผิดพลาดมันจะกลายเป็นบทเรียนให้เราเสมอ หลังจากนี้น้ำขิงจะต้องเข้มแข็งขึ้นเพื่อตัวเอง เพื่อพ่อและ และสิ่งเล็กๆ ในท้องที่จะกลายมาเป็นลูกของน้ำขิงอย่างแน่นอน ผมมองดูรถของพ่อแม่น้ำขิงที่กำลังแล่นออกไปหลังจากเราบอกลากัน น้ำขิงโผล่ออกมาจากกระจกแล้วโบกมือให้เราอีกครั้ง พี่ซีพยักหน้ารับกระทั่งรถและคนลับตาเราไป 

"รายได้หายไปอีกหนึ่ง" พี่ซีพูดออกมาเบาๆ

"หอเจ๊งแน่ๆ"

"ไอ้...เวร" พี่ซีเอ่ยช้าๆ ชัดๆ แล้วซัดหมัดเข้าพุงเท็นไปทีหนึ่ง

"หอนี้ไม่มีผู้หญิงแล้วนะ เฮียไปหาสาวๆ มาเช่าหอใหม่สักคนไหม"

"มึงไปหามาดิ เอามาห้าคนเลยจะได้ครบห้องพอดี"

"พี่ขิงไม่น่าย้ายออกเลย ที่จริงอยู่ต่อก็ได้"

"นั่นดิ..." พี่ซีหันไปตอบไคโร ก่อนชะงักคำพูดตอนที่รู้ตัวว่าเผลอพูดกับไคโรไปแล้ว เด็กนั่นก็ได้แต่หันหน้าขวับหนีไปอีกทาง ไม่สู้หน้ากัน 

"โอ๊ย! ไม่ต้องฟอร์มแล้ว จะคุยก็คุยกันเลย" เท็นพูดขึ้นแล้วดึงสองคนนั่นให้หันมองหน้ากัน พี่ซีปรายสายตามองไคโรที่ก้มหน้าเงียบๆ

"มึงขอโทษกูยัง"

"ขอโทษ..."

"พูดดีๆ"

"ขอโทษครับเฮีย"

"ขอโทษน่านด้วย วันนั้นมึงเสียงดังใส่น่าน"

"ขอโทษครับพี่น่าน"

ผมโบกมือปัดๆ เพราะไม่ได้โกรธเคืองอะไรเขา

"ผมขอโทษนะเฮีย ผมจะไม่ทำตัวแบบนั้นอีก จะไม่ปากเสียใส่เฮียอีก ผมรู้แล้วว่าเฮียเป็นห่วงผมครับ" ไคโรพูดแล้วยกมือไหว้ลงบนอกของพี่ซี

"มากไปๆ มึงไม่กราบตีนกูเลยล่ะ"

"กราบครับเฮีย" ไคโรเปลี่ยนตำแหน่งมือไปที่หน้าของพี่ซี

"ไอ้เด็กเวร!" พี่ซีพูดขำๆ แล้วผลักหัวไคโรเบาๆ

ผมมองเห็นมิตรภาพที่เกิดขึ้นที่นี่ ผมมองเห็นครอบครัว เราอยู่กันแบบพี่น้อง โดยมีพี่คนโตเป็นพี่ซี ที่คอยดูแลและเอาแต่เป็นห่วงพวกเราอยู่เสมอ พี่ซีเป็นคนดีมากกว่าที่ตาเห็น ในจิตใจของเขาแตกต่างกับบุคลิกที่เขาเป็น เขาคือคนที่พร้อมจะดูแลคนอื่นมากกว่าตัวเอง ผมเคยคิดเอาไว้ว่าตัวเองยังไม่พร้อมจะชอบใคร หรือบางทีชีวิตนี้อาจจะไม่ชอบใคร แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้แล้วว่าทำไมเปลี่ยนใจ

 

แล้วเริ่มชอบคนบางคนเข้าแล้ว   

 

To be continued


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ใครทำน้ำขิงท้องฟะ จับได้แม่จะตบให้ยับไปทั้งตัว  :katai1:

ปล. เขากด +เป็ดให้ไม่ได้อ่ะ ทั้ง 2 ตอนเลย ใครเป็นอย่างคนแก่บ้าง  :seng2ped:

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
 :o8: ในความเขินมีความกากอ้ะพี่ซี ชอบความพระเอกกรังๆของคนแต่งมากเลย ตั้งแต่พี่อิสแล้วว

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ใครทำน้ำขิงท้องฟะ จับได้แม่จะตบให้ยับไปทั้งตัว  :katai1:

ปล. เขากด +เป็ดให้ไม่ได้อ่ะ ทั้ง 2 ตอนเลย ใครเป็นอย่างคนแก่บ้าง  :seng2ped:

เป็นเหมือนกันค่ะ ไม่ใช่แค่เรื่องนี้กับเรื่องอื่นเราก็กดไม่ได้ค่ะ ระบบน่าจะมีปัญหา


----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ฮุเล่ ใกล้จะได้สมหวังแล้วนะเฮีย อ่านเรื่องนี้แล้วคิดถึงรักอิสระบรรยากาศของตัวละครมีความใกล้เคียงกัน ส่วนคนที่ทำน้ำขิงท้องนี่เลวจนอยากเตะก้านคอ ไม่รับผิดชอบไม่พอยังไปป่าวประกาศอีก ชั่วจริงเชียว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2018 18:23:54 โดย TachibanaRain »

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
ตอนที่ 13
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่


ผมมาอยู่ที่สุสานหลังวัดเพราะพี่ซีชวนผมมาหาผีสาวที่ตึกแปดชั้น ผมรู้ทีหลังว่าเธอชื่อ มินท์ มินท์เป็นคนมาบอกกับพี่ซีเรื่องน้ำขิง เพราะมินท์เราจึงไปช่วยน้ำขิงไว้ได้ทัน พี่ซีบอกว่ามินท์มาทวงบุญคุณด้วยการขอให้เอาอาหารที่อยากกินมาให้ พี่ซีเลยปฏิเสธไม่ได้เพราะบอกว่าโดนขู่จะหักคอให้ตาย วันนี้จึงลากผมมาเป็นเพื่อน ผมพร้อมที่จะเข้าไปในสุสานตั้งนานแล้วแต่คนข้างๆ ยังเหมือนจะทำใจไม่ได้

"พี่ ไปยัง จะมืดแล้ว ตอนมืดน่ากลัวกว่านี้อีกนะ"

"นี่ขนาดยังไม่ได้เดินเข้าไปยังออกมาต้อนรับกันเพียบเลย"

"อยู่กันเยอะเลยเหรอพี่"

"อย่างกับมีฟูลมูนปาร์ตี้"

"ไปเหอะน่า ไม่น่ากลัวหรอก"

"ก็มึงไม่เห็นอย่างกูนี่หว่า" พี่ซีทำเสียงอิดออดขณะที่ผมจับมือเขาลากให้เดินเข้าไป เอาจริงมันก็น่ากลัวอยู่เหมือนกันนะ สถานนี้เงียบสงบ เต็มไปด้วยโกศบรรจุอัฐิ บวกกับอากาศของฤดูฝน ลมพัดผ่านหน้าเย็นๆ ไม่อาจรู้ได้ว่าอะไรวิ่งผ่านหน้าหรือเปล่า แต่คนข้างๆ ผมรู้ เขาสะดุ้งเฮือกหลายต่อหลายครั้งก่อนเราจะมาหยุดกันที่โกศเก็บอัฐิของมินท์ รูปหน้าโกศนั่นยิ้มกว้างและผมเพิ่งเห็นหน้าตาของเธอเป็นครั้งแรก

"คนนี้เหรอมินท์ สวยนะเนี่ย"

"มันบอกว่า ตัวจริงสวยกว่าในรูปอีก" พี่ซีพูดขึ้น เธอคงอยู่ตรงนี้ด้วย พี่ซีจัดการจุดธูปแล้วปักลง แกะอาหารที่มินท์บอกว่าอยากกินวางเอาไว้ ผมวางดอกไม้สีขาวที่พี่ซีบอกว่ามินท์ชอบลงไป ผมกล่าวขอบคุณมินท์ในใจที่ช่วยเรื่องน้ำขิง ไม่อย่างนั้นเรื่องคงแย่มากกว่านี้ไปแล้ว

หลังจากเสร็จจากตรงนั้น ผมกับพี่ซีออกมานั่งที่เก้าอี้หน้าสุสาน พี่ซีไม่คุยกับผมเลย เพราะดูเหมือนจะยุ่งอยู่กับการทำความรู้จักเพื่อนใหม่ ผมหันมองคนข้างๆ ที่พูดคนเดียวไม่ได้หยุด ซีจิตสัมผัสมากเลยพี่

"พี่ซี"

เขาละสายตาจากอากาศอีกฝั่งหันมาหาผมแล้วเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ

"ทำไมมินท์ต้องฆ่าตัวตายด้วยอะ"

พี่ซีเงียบ ก่อนเลื่อนสายตาไปมองข้างหลังผม ผมเดาว่ามินท์อาจจะอยู่ตรงนี้แล้วไม่พอใจในคำถามของผมก็ได้จึงรีบออกปากไปก่อน

"หรือผมไม่ควรถาม ผมไม่รู้ก็ได้ครับ"

พี่ซีส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเอ่ยปากเล่าให้ผมฟัง

"มันอกหักไง แค่อกหักก็หาเรื่องตายเฉยเลย กระจอกชิบ"

ผมหันมองพี่ซีที่หันไปด่าความว่างเปล่าข้างๆ ตัวผม

"ทำไม กูพูดผิดหรือไง อีผีไม่มีสมอง เป็นพี่เป็นน้องกู กูจะตบให้ กะอีแค่ผู้ชายคนเดียว ทำไม! มึงจะเอาหรือไง!"

"พี่ซี" ผมดุหน่อยๆ ตอนที่เขาโวยวายอยู่ ปกติคนไหมเนี่ยยืนทะเลาะกับวิญญาณ 

"ยังไงก็ต้องขอบคุณมินท์จริงๆ นะครับ ถ้าน้ำขิงเป็นอะไรไป เราก็คงเสียใจกันมากกว่านี้"

"อืม มันไม่อยากให้ไอ้ขิงเป็นแบบมันไง ก็เลยรีบมาบอก"

ผมพยักหน้าเบาๆ

"มันเสียใจนะ ยังเสียใจอยู่จนทุกวันนี้"

"มินท์คงเหงามากใช่ไหม"

"เออ ถึงได้มาวุ่นวายกับกูบ่อยนัก" ประโยคนี้เขาพูดเคืองๆ ขณะหันมองตาขวางๆ

"ก็พี่เป็นคนเดียวที่มองเห็นพวกเขาได้นี่"

"ถามกูไหมว่ากูอยากเห็นหรือเปล่า... เฮ้ย!" ผมสะดุ้งตอนพี่ซีเสียงดังขึ้นมาขณะยังพูดไม่ทันจบประโยค ก่อนหันมองขวับไปอีกทาง

"มีอะไรเหรอพี่"

"เพื่อนมึงอะ" เขาพูดแล้วลุกขึ้น มองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังหาใครสักคน

"คิทเหรอ"

พี่ซีไม่ตอบผมก่อนจะเดินเข้าไปในสุสานนั่น ผมเองก็เดินตามไปด้วย

"เฮ้ย! จะไปไหนวะ" พี่ซีเปลี่ยนจากการก้าวเท้าเร็วๆ เป็นวิ่ง

คิท ถ้าอยู่ที่นี่จริงๆ ก็ออกมาเหอะ มาคุยกันให้รู้เรื่อง ขอให้กูได้คุยกับมึงสักครั้ง 

"เปรี้ยง!"

ทั้งผมและพี่ซีหยุดกึกเมื่อได้ยินเสียงฟ้าผ่าลงมา ไม่นานนักท้องฟ้าครึ้มๆ เมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นดำมืด เรามาหยุดอยู่ในด้านในสุดของสุสานที่ทะลุด้านหลังไปเป็นป่ารก บรรยากาศไม่น่าไว้วางใจ ขนาดผมยังรู้สึกว่าที่นี่น่ากลัวเลย ผมมองพี่ซีที่มองมาทางผมและในป่านั่นสลับกันไปมา ก่อนเขาจะตัดสินใจเดินต่อไปยังป่ารกนั่น ผมไม่อาจรู้ได้ว่าเขามองเห็นอะไรบ้าง แต่ผมคิดว่ามันคงน่ากลัวขนาดนี้ทำให้เขาต้องกำหมัดแน่นแล้วเดินช้าลง

"พี่ซี..."

"เปรี้ยง!"

เสียงฟ้าคำรามไม่หยุด ในจังหวะเดียวกันฝนก็ลงเม็ดลงมา หนาเม็ดจนไม่อาจจะเดินฝ่าต่อไปได้ พี่ซีจึงดึงมือผมเข้าไปหลบใต้ต้นไม้ใหญ่

"น่านเปียกหมดเลย"

"ไม่เป็นไรครับ พี่เปียกกว่าอีก" ผมพูดขณะที่ถูกพี่ซีเอาตัวเองบังฝนที่สาดมาโดน

"เพื่อนน่านหายไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะหนีทำไม"

"ไม่เป็นไรพี่"

"ขอโทษนะ ตามให้ไม่ทันอีกแล้ว"

"พี่ซี..."

"ฮึ?"

"มันน่ากลัวมากใช่ไหม"

"..."

"สิ่งที่พี่เห็นอะ"

"น่านก็อยู่นี่ไง ไม่กลัวหรอก"

"ถ้าพี่กลัว ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้นะ ผมไม่รู้ว่าพี่ต้องเห็นอะไรบ้าง แต่รู้ว่าพี่กลัว แล้วถ้ากลัวก็ไม่ต้องทำแบบนี้แล้วก็ได้"

เขาทำเหมือนไม่สนใจคำพูดของผม หันหน้าหนีไปอีกทาง แต่ยื่นมือมาจับมือผมเอาไว้ ก่อนคำพูดเบาๆ ดังแทรกเสียงฝนมาให้ผมได้ยิน 

"กูทำเพื่อมึงนั่นแหละ"

ผมกัดริมฝีปากตัวเองแล้วก้มหน้าลง ความคิดในหัวผมตีกันให้วุ่นไปหมด ผมไม่รู้วิธีที่จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง เพราะไม่เคยรู้สึกอะไรกับใครแบบนี้มานานมากแล้ว ครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นก็ตั้งแต่ตอนที่คิทยังมีชีวิตอยู่ ผมกับคิท เราเป็นมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่คนรัก และคิทจากผมไปทั้งที่ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันยังติดค้างอยู่ในใจผม

 

ผมรักคิทไหม

 

"เปรี้ยง!"

 

คิทรักผมไหม

 

"เปรี้ยง!"

 

แล้วต่อจากนี้ผมจะรักใครได้หรือเปล่า...

 

...

 

 

 

หน้าที่หลักหลังเลิกเรียนของผมก็ยังคงเป็นการที่ต้องแบกงานไปส่งอาจารย์ที่ห้อง ประธานเอกนี่มันต้องเป็นกันตลอดสี่ปีให้ครบวาระแบบนายกรัฐมนตรีเลยหรือไงวะ ไม่มีใครคิดอยากจะทำรัฐประหารหรือปลดผมออกกลางคันบ้างเลยหรือไง ผมบ่นอยู่ในใจแล้วก็รวบกองงานขึ้นถือ คราวนี้เป็นรายงานเล่มหนาของเพื่อนกว่าสี่สิบชีวิตในคลาสมันเลยหนักกว่าปกติ

"หนักป่ะวะ" ทิมที่ยังอยู่ในห้องเอ่ยถาม ผมขมวดคิ้วมองหน้ามัน ใบหน้าบูดบึ้งของผมก็น่าจะเดาได้ว่ามันหนักหรือไม่หนัก กูไม่ใช่นักยกน้ำหนักทีมชาติซะหน่อย

"งั้นเดี๋ยวกู..."

"จะช่วยเหรอ"

"ไปสูบบุหรี่รอที่รถนะ"

"เพื่อนเหี้ย!" ผมด่ามันชัดๆไปทีหนึ่ง อีกฝ่ายก็ทำหน้าลื่นแล้วเดินออกไป ผมส่ายหน้าเบาๆ แล้วเดินเอารายงานไปส่งที่ตึกคณะ แน่นอนว่าต้องผ่านห้องหุ่นอาถรรพ์ของตึกสถาปัตย์ และระหว่างทางนั้นผมหันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาคุ้นๆ กำลังแบกเฟรมอันใหญ่กว่าตัวหลายเท่าด้วยท่าทางทุลักทุเล จึงส่งเสียงเรียกไป   

"แคท"

เธอหันซ้ายหันขวาหาคนเรียกไม่เจอ ก่อนจะวางเฟรมลงแล้วมองเข้าไปในห้องหุ่นด้วยหน้าตาตื่นแปลกๆ ริมฝีปากผมยกขึ้นนิดๆ ก่อนในใจจะคิดเล่นอะไรสนุกๆ ผมวางกองรายงานไว้อีกมุมแล้วค่อยๆ เดินเข้าไป เฟรมที่สูงกว่าตัวบังผมมิดจนเธอไม่ทันมองเห็น จึงเปิดโอกาสให้ผมแกล้งได้สบายๆ ผมก้าวเท้าเบาๆ แล้วโผล่หน้าออกไปจากหลังเฟรม

"แคท!"

"กรี๊ด!"

"โอ๊ย!" ผมร้องลั่นเมื่อแคทใช้ไอ้เฟรมอันเท่าบ้านนี่ทุ่มมันลงมาใส่ จนผมลงมานอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้นพร้อมกับโดนเฟรมนั่นหล่นทับ เหมือนตึกแปดชั้นถล่มใส่

"พี่น่าน!"

"เออ พี่เอง!"

"ไอ้พี่บ้า! เล่นอะไรเนี่ย ตกใจหมด" แคทดึงเฟรมออกไปจากตัวผม ก่อนผมจะค่อยๆ ยันตัวเองขึ้นมา ตะปูหลังเฟรมเกี่ยวมือจนเลือดซิบ แม่งเอ๊ย! ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวเร็วเกินไป

"เจ็บไหมเนี่ย"

"เจ็บดิ"

"ก็พี่จะแกล้งหนูทำไมล่ะ" แคทยกเฟรมวางพิงกับผนังห้อง แล้วช่วยดึงผมให้ลุกขึ้น 

"คิดว่าผีห้องหุ่นหรือไง"

"นี่ๆๆ! เงียบเลยนะ" แคทว่าแล้วยื่นมือมาปิดปากผม

"ทำไม"

"ไม่เชื่ออย่าลบหลู่สิ ของเขาแรงจริงนะพี่"

ผมพยักหน้าเบาๆ ก็ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อซะหน่อย มันเป็นห้องเก็บหุ่นของพวกที่เรียนประติมากรรม หุ่นบางตัวก็น่ากลัวจริงผมไม่ปฏิเสธ แต่พี่ซีบอกว่าเขาไม่เคยเห็นผีในห้องนั้น มันเป็นแค่เรื่องไซโคโง่ๆ จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้องเท่านั้นผมก็เลยเชื่อพี่ซีมากกว่า 

"แล้วนี่จะแบกอะไรมาเนี่ย"

"งานของเทอมที่แล้ว อาจารย์ให้เอากลับบ้านอะ"

"แล้วไม่มีใครช่วยเหรอ แฟนไปไหนอะ"

"อย่าพูดถึงได้ป่ะพี่ หงุดหงิด"

"ทะเลาะกันอีกละ?"

"ทุกวันอะพี่"

"ไม่ดีทำไมไม่เลิกวะ"

"รักไง"

แคทพูดหน้ายุ่งๆ  ผมเองก็ได้แต่พยักหน้าเบาๆ อยากทำความเข้าใจน้องแล้วก็ปลอบใจมันเหมือนกัน แต่เรื่องของตัวเองยังจัดการไม่ได้เลย ไม่กล้าเสนอหน้าไปช่วยใครหรอก

"แล้วนี่จะขนไปไหนอะ พี่ช่วยป่ะ"

"ไม่เป็นไรพี่ หนูมีคนช่วยแล้ว"

"ใครอะ"

"พี่รหัสหนู ดีดนิ้วทีเดียวก็มาแล้ว นู่นมาพอดี" แคทพยักหน้าไปอีกทาง ผมหันไปมองก่อนจะพบผู้ชายตัวสูงอยู่ในชุดนักศึกษาที่ไม่เรียบร้อยกับรองเท้าอีเตะกากๆ ใบหน้าที่คุ้นเคยดีนั่นหันมาเห็นผมก่อนเราจะอยู่ในอาการเดียวกัน

"พี่ซี"

"หนู"

"อ้าว พี่สองคนรู้จักกันเหรอ?"

"แล้วแคทรู้จักน่านด้วยเหรอ"

"แล้วพี่เป็นพี่รหัสแคทเหรอ" ไม่มีใครให้คำตอบ เอาแต่ผลัดกันถามจนกระทั่งเราหัวเราะออกมาพร้อมกัน ดึงสติแล้วมาคุยกันดีๆ ผมจึงรู้ว่าน้องรหัสที่พี่ซีรักนักรักหนาก็คือแคทน้องสาวของคิทซึ่งเป็นเพื่อนของผม ทฤษฏีโลกกลมทำหน้าที่ของมันได้ดีเยี่ยมอย่างไม่เคยรู้มาก่อน

ผมกับพี่ซีช่วยแคทขนเฟรมรูปวาดนั่นไปส่งที่รถขนของ ก่อนผมจะแยกไปส่งรายงานแล้วเดินกลับไปหาไอ้ทิมที่ยืนรอหน้าหงิกรออยู่ที่รถ เข้าไปถึงก็บ่นใส่ทันที 

"มึงไปไหนมาวะนานจัง"

"ใครใช้ให้มึงรอล่ะ มึงจะกลับก่อนก็ได้นี่"

เพราะพูดแบบนั้นจึงโดนกำปั้นเขกหัวเข้ามาแรงๆ ทีหนึ่ง

"เจ็บ!"

"เถียงกูอะ"

ผมได้แต่ขยับปากด่าแบบไม่มีเสียงตอนไอ้ทิมหันไปอีกทาง

"เมื่อกี้กูเห็นมึงเดินไปกับไอ้ฝรั่งนั่นอะ"

"พี่ซี"

"จะเอบีซีอะไรกูไม่สนอะ แล้วมึงสนิทกับมันมากหรือไง"

"แล้วมึงนอยด์อะไรอะ หึงกูป่ะ"

"หึงป้ามึงดิ!"

"จะไปรู้เหรอ เห็นดุกูจัง"

"กูไม่ได้หึงเว้ย กูเป็นห่วง"

"ห่วงเรื่องอะไร"

"มึงจะรักใครอะ..."

"..."

"ขออนุญาตไอ้คิทหรือยัง"

คำพูดของทิมกระแทกเต็มแรงเข้าที่ความรู้สึกของผม ลำพังตัวเองก็สับสนอยู่มากพอแล้ว ยังจะมาพูดแบบนั้นให้ผมคิดมากเข้าไปอีก ก็แล้วจะให้ทำยังไง...จะให้ผมทำยังไง 

 

...

 

ผมกลับมาถึงหอแต่ไม่ทันจะเปิดประตูเข้าไป ก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมีแขนของใครสักคนพาดเข้ามาคล้องคอ เอาจริงๆ ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใคร มีคนเดียวในหอที่แขนใหญ่แล้วก็หนักแบบนี้

"พี่ซี หนัก!"

"ทำไมมาช้าจังอะ"

"ไปหาอะไรกินมา"

"อ้าว ว่าจะชวนกินข้าวซะหน่อย"

"ถ้าพี่เลี้ยงก็ไปได้"

"เห็นแก่กิน" 

ผมยักไหล่หน่อยๆ ก็พี่รวย อยากปลอกลอกพี่

"ไปเดินเล่นกันป่ะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงไอติม"

"เดินเล่น?"

"อือ วันนี้อากาศดี ฝนไม่ตกหรอก"

"แล้วพี่ไม่ไปกินเหล้าเหรอ"

"จะเลิกแล้ว"

"ตอแหล"

ผมเผลอพูดหยาบใส่อีกฝ่ายจึงขยับแขนที่พาดอยู่บนคอล็อกแน่นจนผมตัวลอย

"พี่ซี!"

"เป็นหนู ไม่มีสิทธิ์พูดจาหยาบคาย"

"ทีพี่ยังหยาบได้เลย"

"พี่เป็นพี่ไง"

"ไม่แฟร์!"

"อ่ะๆ เดี๋ยวต่อไปนี้พี่พูดเพราะกับน่านก็ได้"

"ถ้าหลุดหยาบมา ผมตีปากพี่เลยนะ"

"ได้ดิ สรุปไปป่ะเนี่ย เดินเล่นอะ"

"แล้วเลี้ยงไอติมอะไรอะ"

"ก็ไปเลือกเอาดิ"

"แล้วเอาสองอันได้ไหม"

พี่ซีหันขวับมองตาขวาง ผมจึงยิ้มแห้งๆ กลับไป ก่อนจะยอมออกไปเดินเล่นกับเขา อากาศดีอย่างที่เขาบอกเราจึงเดินเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมาย แวะซื้อไอติมในมินิมาร์ทใกล้หอ ผมเอามาสองโคนเพราะคิดจะโลภมากแต่กินไม่ทันมันละลายก่อน พี่ซีเลยเอาอันที่เหลือไปกินต่อ เราเดินผ่านสวนสาธารณะ แวะเล่นของเล่นเด็กอยู่พักหนึ่ง เรื่องที่อยากจะพูดคุยก็ผุดขึ้นมาผลัดกันชวนคุยจนบทสนทนาระหว่างเราไม่ได้เงียบเลย ผมก็ไม่รู้ว่าที่ทำอยู่มันรู้สึกยังไง แต่ที่แน่ๆ ผมกำลังสบายใจ...สบายใจมากจริงๆ

"พี่ซี"

"ฮึ?"

"พี่ชอบแคทเหรอ"

"ตลก"

"ไม่ชอบเหรอ"

"รักมันนะ แต่ไม่ใช่แบบนั้น"

"รักแบบน้องสาว"
           
"อือ แบบน้องสาว"

"พี่นี่มีคนในครอบครัวเยอะเนอะ" ผมพูดแซวๆ ก็เขารักทุกคนเหมือนเป็นเป็นพี่น้อง ดังนั้นคนในครอบครัวเขาจึงเยอะเป็นพิเศษ

"พี่ก็รักน่านแบบคนในครอบครัวนะ"
           
"แบบพี่น้องอะเหรอ"

"แบบผัวเมียอะ"

"เพี๊ยะ!"

ผมยกมือตบปากเขาเข้าไปทีหนึ่ง

"ตบทำไมเนี่ย!"

"ก็บอกว่าพูดหยาบจะโดนตีปากไง" พี่ซีขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วหันไปบ่นพึมพำ

"เป็นผัวเมียกันมันหยาบคายตรงไหนวะ"

ผมยกมือชกไหล่พี่ซีแรงๆ ซ้ำไปอีกทีหนึ่งเพราะความหมั่นไส้ล้วนๆ เขาหัวเราะแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินต่อไปเรื่อยๆ

"พี่เคยบอกแคทเรื่องคิทป่ะ"

"ก็เพิ่งรู้ว่ามันเป็นน้องไอ้คิทวันนี้แหละ"

"อ้าวเหรอ"

"แคทมันก็ไม่เคยพูดถึงพี่มันเลยนะ"

"คิทตายไปนานแล้ว คงมีแต่ผมที่ยังไม่ปล่อย"

"ชอบมันมากเหรอ"

"ครับ?"

"น่านอะ ชอบไอ้คิทมากเหรอ"

"..."

"ยังรักมันอยู่เหรอ"

"..."

"ปัง!"

เสียงดังลั่นขัดบทสนทนาของเราเป็นเหตุให้ผมทั้งเขาและหันไปมอง พลุที่แตกประกายอยู่บนท้องฟ้าคือต้นเหตุของเสียงเมื่อครู่ มีลูกทีสอง สาม สี่และตามติดๆ กันจึงดึงความสนใจของอีกฝ่ายไป จนลืมคำถามเมื่อครู่

"สวยว่ะ" พี่ซีว่าแล้วหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ผมเผลอมองหน้าเขา แสงไฟจากพลุส่องประกายอยู่ในดวงตาของเขา คำถามของเขาก็วิ่งวนอยู่ในหัว และก็เป็นอีกครั้งที่ผมยังไม่ได้พูดความรู้สึกของตัวเองออกไป

 

To be continued.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2021 02:58:04 โดย เต้าหู้ไข่ »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด