ตอนที่8
เนื่องจากเบอร์โทรของผมมันเชื่อมต่อกับไอดีไลน์เอาไว้เมื่อฟรานกดเมมมันก็แอดเราเป็นเพื่อนกันในไลน์โดยอัตโนมัติทำให้ผมมีไลน์ของฟรานไว้ในครอบครอง แม้จะเสียดายที่ไม่ได้เบอร์ของอีกฝ่ายแต่ไม่เป็นไร แค่นี้ก็ถือเป็นก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่แล้ว
ใกล้ได้เวลาแข่งผม เต้ย นิทานและเพื่อนๆของนิทานมาพร้อมหน้ากันที่สนามบอลกลางซึ่งจุคนได้เยอะ มีผู้ชมจากสองคณะที่เข้ารอบชิงมาเชียร์เพื่อนอย่างเนืองแน่น ส่วนที่เหลือเป็นเด็กหอที่ว่างๆหรือไม่ก็สาวๆที่ต้องการมาเพื่อส่องหนุ่ม
“ที่นั่งดีๆโดนแย่งไปหมดแล้วแหง นี่กูน้องนั่งบัตรดอยแม้แต่งานกีฬามหาลัยเลยเหรอวะ”ไอ้เต้ยบ่นอุบ
วันนี้ไอ้เต้ยมาพร้อมผ้าเหลือง เหลืองโทนยูนิโคล่ โทนจีวรอารมณ์ประมาณว่าเชียร์บอลเสร็จก็ไปโกนผมบวชได้เลย มันพยามยัดเยียดผ้าแดงผืนเก่าให้ผมโชคดีที่นิทานบอกว่าวันนี้จะมาดูด้วยผมเลยมีโล่กำบัง
“บ่นมากนักก็กลับไปสิ”
“กูจะดูผู้ชาย อ่านปากกูนะคะ กู!จะ!ดู!ผู้!ชาย!”
“ดูในไลฟ์เอาก็ได้นี่”ผมแย้ง
เฟรชชี่เกมปีนี้คณะICTสนับสนุนระบบใหม่ด้วยการไลฟ์สดการแข่งที่น่าสนใจลงในเว็บเพจของมหาวิทยาลัย ซึ่งเรตติ้งวันนี้พุ่งกระฉูดที่สุดในประวัติการ เพราะฟุตบอลก็เป็นกีฬาที่คนชอบเยอะที่สุดแถมนี่ยังเป็นรอบชิงก่อนปิดเฟรชชี่เกมคนยิ่งให้ความสนใจมากขึ้นไปอีก
“ตรงนั้นว่าง!”เพื่อนของนิทานรีบชี้ไปยังจุดที่มีคนกลุ่มหนึ่งลุกออกไปพอดีพวกเราก็เลยแห่กันไปนั่ง
ทำเลตรงนี้ไม่เลวเท่าไหร่ถึงจะไม่ได้นั่งติดขอบสนามแต่ก็อยู่ไม่สูงถึงดอยแถมยังอยู่แถวกลางสนามอีก เมื่อพอใจกับที่นั่งผมก็เอ่ยปากขอตัวกับเพื่อนรัก”เดี๋ยวกูมานะ”พูดจบก็เดินลงมาจากแสตนด์ เดินชิดรั้วกั้นระหว่างนักกีฬาและผู้ชม ลัดเลาะมาเรื่อยๆจนถึงเต็นท์ที่พักของฝั่งดุริยางค์
“ฟราน”คนที่ผมเรียกหันมามองก่อนเดินผละออกมาจากเต็นท์
“มาแล้วเหรอ”
“อืม มาแล้ว”
“ไปนั่งตรงไหน อุตส่าห์จองที่ไว้ให้”เขาเพยิดหน้าไปยังสองที่นั่งใกล้ๆซึ่งมีแค่กระเป๋าวางไว้
“เพื่อนพี่มากันเยอะเกินเลยต้องไปนั่งตรงโน้นนน”ผมชี้นิ้วและลากเสียงเพื่อให้รู้ว่าไกลมาก
“จากตรงนั้นมองเห็นผมมั้ย”
“เห็นสิ! ที่นี่สนามมหาลัยนะไม่ใช่ราชมังคลาจะได้เห็นนักกีฬาตัวเท่ามด”
“ผมใส่เสื้อเบอร์9นะ”ไม่พูดเปล่ามีการหันหลังให้ดูซะด้วย
“เห็นแล้วน่า สัญญาว่าจะมองตามเสื้อเบอร์9ไปทุกซอกมุมของสนามเลย!”ผมตอบ
“อีกฝ่ายก็มีเบอร์9อย่าสับสนนะ”
“พี่ไม่ได้ตาบอดสี...”คิดมาได้ ตัวเองสวมชุดสีน้ำเงินในขณะที่ทีมวิทย์กีฬาใส่สีเขียว ต้องโง่ขนาดไหนถึงจะดูผิด”จริงสิ คู่แข่งคือวิทย์กีฬา...คงให้ความสำคัญกับเหรียญนี้มาก ยังไงตอนเล่นก็ระวังไม้ละวังมืออย่าให้บาดเจ็บล่ะ!”ผมรู้สึกเป็นห่วงจากใจ
ทีมนึงคือนักกีฬาในสายเลือก ครองตำแหน่งเจ้าเหรียญทองของเฟรชชี่เกมมาไม่รู้กี่ยุคกี่สมัย
ในส่วนของเด็กดุริยางค์ที่มีดนตรีในสายเลือดนั้น...เพิ่งลงแข่งเฟรชชี่เกมเป็นปีแรก
“ผมอยากชนะ”ขณะที่ผมคิดว่ายังไงชาวดนตรีก็สู้กลุ่มชายเถื่อนอย่างวิทย์กีฬาไม่ได้ เด็กดนตรีตรงหน้าผมกลับทำหน้างอและพูดอย่างขึงขังย้ำความตั้งใจของตัวเองว่า”ถึงจะชนะไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาแต่พวกเราไม่ได้มาเพื่อเดินเล่นในสนาม”
“พี่ขอโทษ...”ก้มหน้าเจื่อนสิครับรออะไร เผลอพูดจาไม่ดีไปซะแล้ว
“ผมไม่ได้โกรธ ผมแค่อยากให้สีครามเชียร์”
“!?”
“ฝากเก็บกระเป๋าให้ผมหน่อย แข่งเสร็จจะไปเอา”
“ได้ๆ”
“ผมใส่เสื้อเบอร์9นะ”
“รู้แล้วน่า...ไปรวมกลุ่มกับเพื่อเถอะจะได้เวลาแล้ว”ผมโบกมือลาคนโปรดของผมอีกครั้งก่อนเดินไปหยิบกระเป๋าของฟราน เดินกอดมันกลับมานั่งรวมกลุ่มกับเพื่อน
พอก้นผมถึงเก้าอี้ไอ้เต้ยก็เอ่ยปากถามตามประสาคนสอดรู้สอดเห็นว่า
“เมื่อกี้มึงไปหาใครวะ เห็นหายเข้าไปในเต็นท์ เด็กมึงอยู่คณะดุริยางค์เหรอคนไหนวะ ไหนๆๆๆๆ ว๊ายยย ลงสนามแล้ว ว๊ายยยยยยยยยยยย เบอร์9!!!! เบอร์9งานดีชิบหายมึง!!! คนนี้กูจอง!!! กรี๊ดดดด ชะนีพวกนี้ทำไมตาไวจังวะเขายังไม่ทันจับมือกันเสร็จพวกนางก็หวีดเบอร์9รัวๆเลยดูสิ”เพื่อนผมหวีดร้องเสียงสนั่นเมื่อนักกีฬาของทั้งสองทีมเดินลงสนาม
และไม่ใช่แค่เพื่อนผมที่สะดุดตากับเจ้าของเสื้อหมายเลข9ฝั่งดุริยางค์
ไอ้เต้ยมีสกิลแยกสมาธิสูง ตาข้างนึงใช้มองผู้ชายในสนาม ตาอีกข้างใช้อ่านคอมเมนต์ในไลฟ์ มันยื่นมือถือของมันมาให้ผมดูคอมเมนต์ ทำหน้ากระเง้ากระงอดเหมือนเด็กโดนแย่งของเล่น
Pee Limpat : #9ดุริยางค์ชื่ออะไรคะ!?
Worrarat Jaroensan : เบอร์9ผัวหนูเองงง!
ไอด้า มาอุดม : ตากล้องซูมไปที่เบอร์9หน่อยค่า
ไอด้า มาอุดม : #9ดุริยางค์สิคะพี่!!
ผมเกือบหลุดหัวเราะเมื่อตากล้องซูมไปที่เบอร์9ฝั่งวิทย์กีฬาแทน และหลังจากนกหวีดเริ่มเกมดังขึ้นยอดวิวแบบออนไลน์ก็เพิ่มขึ้นเป็นหลักพัน คาดว่าเป็นอิทธิพลกระแสปากต่อปาก หลายคนคงโทรไปตามเพื่อนให้มาหวีดด้วยกัน
“ฮือออออ ผู้ชายของกูกลายเป็นผู้ชายสาธรณะไปซะแล้ว น้องเบอร์9เขาชื่ออะไรมึงมองเห็นมั้ยกูตาสั้นมองไม่เห็น”เต้ยเบ้ปาก
“ชื่อฟราน...”
“เอ๊ะ ชื่อคุ้นๆนะ...ใช่คนเดียวกับที่แหกหน้าอิเบลล์วันนั้นรึเปล่ามึง!? กูเห็นหน้าไม่ชัดมึงช่วยเช็คสิ”ไอ้เต้ยสายตาสั้นประมาณร้อยกว่าๆครับ แต่ไม่ยอมใส่แว่นเพราะกลัวไม่สวยและกลัวไม่กล้าใส่คอนแทคมันเลยใช้ชีวิตอยู่ในโลกมัวๆของมันแบบนั้น
“มึงมองไม่เห็นหน้าแล้วมึงรู้ได้ไงวะว่าหล่อ”
“เรดาห์กูดี สรุปว่าใช่คนนั้นปะล่ะ ถ้าใช่ก็แปลว่าพวกเราพลาดซะแล้ว”
“พลาด?”พลาดไรของมึงวะ
“วันนั้นเราเจอน้อง น้องยังไม่ใช่คนดังเรามีโอกาสจีบติดสูงถูกมั้ย แต่มาวันนี้กูขอบอกเลยว่าอดแดกค่ะ! ทั้งชะนีในสนามทั้งชะนีที่ดูไลฟ์สดเป็นพันๆคนคือคู่แข่งของเรา! ที่สำคัญคณะดุริยางค์มันอยู่ใกล้วิทยาลัยนานาชาติซึ่งชะนีคณะนี้สวยมาก!รวยมาก!และขาวมาก! เห้อ...เสียดาย”
“...”ผมเงียบเพราะไม่รู้จะตอบอะไรดี ผิดกับนิทานที่แอบได้ยินเลยหันมายิ้มล้อผม
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าเล่นตัวมากระวังชวด”นิทานกระซิบ
“เราเลิกเล่นตัวแล้วเหอะ”
“คบกับเขาแล้ว?”
“ยัง แค่ให้เบอร์”การสนทนาทั้งหมดเป็นการกระซิบไอ้เต้ยจึงพยามเสือกหูของมันเข้ามาแต่เสียงเฮบนแสตนด์ดังเกินไปมันเลยไม่ได้ยินอะไร
“โถ ความสัมพันธ์ไม่คืบหน้างานนี้สงสัยคงอดชิ้นปลามันซะแล้ว”นิทานพูดพลางส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย
สิ่งที่เพื่อนๆพูดทำให้ผมเริ่มกลัว...จบงานนี้ฟรานดังเป็นพลุแตกแน่ ผมจะกลายเป็นคนหนึ่งในหลายๆคนที่ตามจีบเขา
“ฮือออ..”ทำไรไม่ได้นอกจากเบะปาก
“มีความลับอะไรกัน อ๊ะ ว่าแต่ตกลงเด็กมึงคือคนไหน บอกเป็นเบอร์เสื้อนะกูตาไม่ค่อยดี”มีไลฟ์ก็ไม่ช่วยอะไรเพราะมันเล่นเปิดโชว์คอมเมนต์แทบเต็มจอ
“เบอร์9”ผมตอบพร้อมยืดตัวตรงตามสัญชาติญาณแห่งความเกร็ง
“เบอร์9? ใช่เบอร์9พรีเมี่ยมของกูรึป่าว”
“เออ ฟรานนั่นแหละ”
“กรี๊ดดดด อย่างงี้เพื่อนกูก็ยังมีหวังสินะ มึงตกลงเอาคนนี้แล้วใช่ปะ กรี๊ดดดด”
“ชู่วว เบาๆหน่อย”ผมรีบปรามเพื่อนเพราะสาวๆแกงค์ข้างหน้าหันขวับมามองผมด้วยสายตาอัดแน่นไปด้วยไอทมิฬ พวกหล่อนคงอยากรู้ว่าใครกันที่กล้าพูดถึงสุดหล่อเบอร์9แบบนี้แต่พอเห็นผมจ้องกลับพวกลูกเจี๊ยบก็รีบหดคอกลับไป
การแข่งขันดำเนินมาจนจบครึ่งแรก ผลการแข่งอยู่ที่เสมอกัน0-0
แต้มเสมอแต่คนไม่เสมอ ขนาดผมดูไม่ค่อยเป็นยังรู้เลยว่าดุริยางค์กำลังเสียเปรียบเหตุผลหลักมาจากแรงข้าวต้ม ดูสิแต่ละคนหอบกันแฮ่กๆ ครึ่งแรกที่แรงยังมีเท่ากันยังเกือบเสียประตูไปตั้งหลายครั้ง กองหลังกับโกล์ทำงานหนักมากและเหนื่อยมาก
คนโปรดของผมเล่นเป็นกองหลังครับ ตอนนี้กำลังนั่งเหงื่อโทรมอยู่ข้างสนาม
พอหมดเวลาพักมีการเปลี่ยนตัวนิดหน่อย กองหลังที่ขาเริ่มสั่นแล้วคนนึงถูกเปลี่ยนตัวออก ทางฝั่งวิทย์กีฬาบุกหนักขึ้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ได้ยินเสียเชียร์จากทางแสตนด์ของพวกวิทย์กีฬาสนั่นว่า ชนะเพื่อรุ่น!! ยังกับสโลแกนทหารชีวิตเพื่อชาติใจนี้เพื่อเธอ ปลุกใจตีกล้องตุ้งแช่กันอย่างฮึกเหิม
เด็กคณะอื่นลงแข่งเฟรชชี่เกมเพื่อกระชับมิตร แต่เด็กวิทย์กีฬาลงแข่งเพื่อศักดิ์ศรี
ภาพลักษณ์ของคณะทำให้นักกีฬาทุกคนแบกคำว่าแพ้ไม่ได้ไว้บนบ่า ทุกคนต่างทุ่มพลังทั้งหมดที่มีออกมา
“อ๊ายยย หัวใจกูจะวายไม่รู้กี่รอบ”เต้ยกัดผ้าแดงของตัวเองจนแทบขาด ใส่อารมณ์เชียร์ฝั่งดุริยางค์ยังกับเรียนอยู่คณะนี้ ผมเองก็ลุ้นตัวโก่งไม่แพ้กันหรอกแค่ไม่แสดงออกอย่างเอิกเริก
“ย๊า~~~~~”ผมอดครวญออกมาไม่ได้เมื่อพ่อเบอร์9ของผมสกัดลูกทำคะแนนของฝ่ายตรงข้ามสำเร็จ
การแข่งมันเป็นแบบนี้ครับ วิทย์กีฬาบุก กองหลังดุริยางค์สกัดได้และเตะคืนไปให้กองหน้า กองหน้าโดนแย่งลูก วิทย์กีฬาบุก วนลูปไม่จบไม่สิ้นแต่ที่น่าประหลาดใจมากคือ...สกอร์จบเกมอยู่ที่0-0
“เสมอ!!”ผมตะโกนขึ้นอย่างอดกลั้น เป็น90นาทีแห่งความเครียดโดยแท้จริง
เสียงกรี๊ดดังลั่นสนามเพราะไม่มีใครคิดว่าดุริยางค์จะเตะบอลเสมอกับวิทย์กีฬาได้!! ตรงกันข้ามกับแสตนด์ฝั่งวิทย์กีฬาที่เงียบเป็นเป่าสาก รุ่นพี่ที่ยืนถือโทรโข่งอยู่ตะโกนสั่งให้รุ่นน้องออกเสียงเชียร์เพื่อนต่อห้ามหยุดเพราะเกมยังไม่จบ!
ยิงจุดโทษ...
ใน5ลูกใครยิงเข้าได้มากกว่ากันทีมนั้นชนะไป
นักกีฬา5คนของฝ่ายดุริยางค์ไม่มีฟรานอยู่เนื่องจากเจ้าตัวเป็นกองหลังคนเดียวที่เล่นตั้งแต่เริ่มจนจบเกม พูดง่ายๆคือได้บทเหนื่อยที่สุดฉะนั้นตอนนี้เลยนั่งพักอยู่ในเต็นท์
และคณะดุริยางค์ก็พ่ายแพ้ในเกมยิงจุดโทษ
ผมกอดกระเป๋าของฟรานแน่น แอบเจ็บใจลึกๆเพราะเห็นคนโปรดของตัวเองเล่นได้ดีมากและยันมาได้จนแต้มเสมอแต่ผลสุดท้ายก็จบลงที่ความพ่ายแพ้ นักกีฬาทั้งสองทีมเดินเข้าไปในสนาม ฝ่ายผู้ชนะอย่างวิทย์กีฬาเองก็ยิ้มได้อย่างไม่เต็มปาก ทั้งสองทีมเวียนจับมือกันและก็ตัดเข้าช่วงมอบถ้วยและสัมภาษ์นักกีฬา
นักข่าวจากคณะนิเทศทำหน้าที่ดำเนินรายการโดยช่วงนี้ผมเลือกดูจากไลฟ์ในมือถือเอาเพราะมันเห็นหน้านักกีฬาชัดแจ๋ว
ช่วงสัมภาษณ์กัปตันวิทย์กีฬาคอมเมนต์ไม่ค่อยไหลแต่พอพิธีกรเดินไปทางดุริยางค์คอมเมนต์ก็ถูกฟลัดเร็วยังกับน้ำป่าไหลหลาก[ผู้ชมจากทางบ้างรีเควสขอให้เราสัมภาษณ์เบอร์9ค่า เบอร์9ก้าวออกมาข้างหน้าสิคะลูก...ไม่ต้องกลัวพี่ไม่กัดค่ะ]
จากในจอผมมองไม่เห็นฟรานแต่ได้ยินเสียงหึ่งๆของฝ่ายเด็กดนตรีเหมือนกำลังเกี่ยงกันออกมาสัมภาษณ์ สุดท้ายคนที่ถูกรีเควสก็ก้าวเข้ามาในกล้อง[รู้สึกยังไงบ้างคะ เพิ่งลงแข่งปีแรกก็มาไกลถึงขนาดนี้!]
[ดีครับ]
[คะ?]ตอบสั้นจนพิธีกรงง
[ครับ!]ฟรานของผมยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ตอบสั้นและไม่ได้ใจความ
[เอ่อ มีอะไรจะฝากถึงทีมคู่แข่งมั้ยคะ]
[เก่งมากครับ!]
อาการแบบนี้มันเขินกล้องชัดๆ! ไม่รู้ว่าคนอื่นจะสังเกตมั้ยแต่ผมเห็นนะว่าหูของฟรานตอนนี้เริ่มขึ้นสีแดงๆแล้วมิน่าถึงตอบซะสั้น พิธีกรไปต่อไม่ถูกจึงเปลี่ยนคำถามใหม่ผมเดาว่านี่เป็นคำถามสุดท้ายที่หล่อนคิดออก
[มีอะไรจะฝากถึงกองเชียร์มั้ยคะ น้องเป็นคนที่ได้รับกำลังใจเยอะที่สุดในสนามวันนี้เล้ย]
[เอ่อ...]คำถามนี้มันยากเกินไปหรือฟรานกำลังหัวตื้อคิดอะไรไม่ออกกันแน่นะ เจ้าตัวถึงกับต้องหันไปหาเพื่อนและมีใครสักคนในทีมยัดกระดาษหนึ่งแผ่นใส่มือของฟราน ร่างสูงคลี่อ่านสักพักคิ้วเข้มก็เริ่มขมวดเป็นปม
[ว่าไงคะ มีอะไรฝากถึงสาวๆให้ชื่นใจสักหน่อยมั้ย อะไรก็ได้ ถ้าคิดไม่ออกจริงๆแจกไอจียังได้เลยค่ะ]
[วันศุกร์หน้า...]
วันศุกร์หน้า?
[ปี1 วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ สาขาดนตรีป็อปมีการแสดงสดที่ลานกว้างหน้าตึกคีตกาล...ถ้าว่างก็ไปกันได้นะ!!]
สิ้นคำเสียงตะโกนคำว่าไปค่า! ว่างค่า! ก็ดังสนั่น คนข้างตัวผมอย่างเต้ยก็ไม่เว้น
อืม...วันศุกร์หน้าผมก็ว่างนะ! จะไปด้วยตัวเองหรือรอให้ใครบางคนมาชวนเป็นการส่วนตัวดีล่ะ
---------------------------
กระชากคอเสื้อน้องครามมาแล้วตะโกนถามอัดหน้าว่า...ยังจะเล่นตัวอะไรอีก!! ไปเลยลูกไม่ต้องรอประธานมาตัดริบบิ้นแล้ว 5555 เขามาไม่ชวนก็ต้องไปเองนะจุดนี้ ฟฟฟ