✦ว่าด้วยเรื่องของพระรอง✦ภาคปลาย บทหนึ่ง P.25 14/01/66 อัพพ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✦ว่าด้วยเรื่องของพระรอง✦ภาคปลาย บทหนึ่ง P.25 14/01/66 อัพพ  (อ่าน 179902 ครั้ง)

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
 o13 รอลุ้นตอนต่อๆไปค่ะ

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
มาต่อแล้วเย้ๆ

ออฟไลน์ flowerloveyaoi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
อนาคตต้องดราม่าแน่ ฮืออออ สุขภาพของจิ้งเฟยไม่ดีคงไม่ใช่โรคร้ายหรอกใช่มั้ย :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ wifesuju

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พระเอกของเราเริ่มเจ้าเล่ห์แล้วสิ ไม่ใช่ท่อนไม้อีกแล้วนะหนูจื่อฟาง จะอ่อยก็ระวังเค้าเต๊าะกลับแล้วหน้าร้อนนะจ๊ะ

ออฟไลน์ Thunderyong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนนี้มีความน่ารัก  :-[ :-[ :-[ :o8:

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
แอบขำนายเอก ย้อนยุคมาแล้วยังติดนิสัยอ่านนิยายอีก แถมอ่อยพระเอกได้น่าเอ็นดูมากค่ะ เรื่องนี้ยิงอ่านยิ่งรอคอย ชอบฉากที่นายเอกวาดรูปแม่ให้พ่อที่ย้อนยุคแล้วใส่กวีเข้าไปแอบร้องไห้

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
อยากรู้ว่าถ้าท่อนไม้ตกหลุมรักแล้วจะเป็นยังไง o18

ออฟไลน์ kimlowbatt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อยากเห็นนายท่อนไม้เอาคืนการอ่อยของจื่อฟางบ้าง
เชื่อว่าต้องเขินตนไปไม่ถูกแน่ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ANIKI.

  • 兄貴
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
เหมือนโดนบอก ไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่ 5555555555555555555555555555555555555555555555555555555555

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
วิธีอ่อยสมัยโบราณ

ออฟไลน์ nekodollzz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
555555 ท่อนไม้ท่อนนี้ปากจัดจริงๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ตกลงมันภาษาเดียวกันป่ะ ระหว่างหนังสือเรียนกับหนังสือโป๊ ทำไมสกิลการอ่านมันต่างกันฟ่ะ  :hao4:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ไม่เนียนต้องไปเรียนเพิ่มนาาาาาา  :hao7:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
ของอย่างงี้มันต้องดูกันไปยาวๆ   :z1:

ออฟไลน์ __puppy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ขอแปะ เดี๋ยวมาอ่านจ้ะะ  :katai4:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
โถ่วๆๆๆๆ เอ็นดูคนอ่อยไม่เนียน 55555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ knxiiviii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สงสารนาง อ่อยไม่เนียน 555 เดี๋ยวต้องดูกันต่อไป ><

ออฟไลน์ TheCatmewt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอออออออออออ

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
บทแปด: จื่อฟางออกโรง

จื่อฟางออกมาจากจวนเสนาบดีตั้งแต่ยามเฉิน* นั่งรถม้าหอบตำราสองสามเล่มไปยังโรงน้ำชาหลิวซื่อ จางต้าและหยางชวีตามมารับใช้ตามปกติ วันนี้ท้องฟ้าปรอดโปร่งอากาศเย็นสบายเหมาะแก่การเดินเล่น เขาจึงบอกให้คนขับรถม้าจอดที่หน้าตรอกเพราะอีกไม่ไกลก็ถึงโรงน้ำชาหลิวซื่อแล้ว หากเดินไปก็ยังทันเวลาที่ไป๋ผูอวี้นัดหมายไว้ หยางชวีเห็นว่าคุณชายกำลังอารมณ์ดีทั้งยังดูมีชีวิตชีวากว่าเมื่อวันก่อน เขาจึงยอมตามใจคุณชายผู้นี้สักครา จื่อฟางลงมาจากรถม้าก็พบผู้คนเดินขวักไขว่ส่งเสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่เช่นทุกที

จางต้ายังไม่คลายกังวลเรื่องสุขภาพของคุณชายจึงรีบเข้าไปประคอง แต่คุณชายกลับส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ

“ข้าเดินเองได้”เขาเอ่ยเสียงดุ จัดเสื้อคลุมให้เรียบร้อย วันนี้เขาสวมชุดสีอ่อน ใช้พัดขนนกกระเรียนเลียนแบบขงเบ้งในวรรณกรรมสามก๊กเพื่อเสริมภาพลักษณ์ให้ดูภูมิฐาน

ชาวบ้านร้านตลาดที่อยู่โดยรอบเห็นคุณชายเสิ่นก็อดเหลียวมองไม่ได้ นับแต่เกิดเรื่องกับเว่ยหลง เสิ่นจิ้งเฟยก็ไม่ได้ออกมานอกจวน มีข่าวลือว่าเขาตั้งใจเล่าเรียนหนังสือ เสิ่นมู่หยางถึงกับยอมไปขอร้องใต้เท้าเฉินให้มาช่วยสอน ไหนจะข่าวลือที่คุณชายไป๋ยอมช่วยชี้แนะอีก ทีแรกพวกเขาไม่เชื่อ แต่วันนี้เห็นคุณชายเสิ่นในคราบบัณฑิตก็ต้องเปลี่ยนความคิด หรือคุณชายไม่เอาไหนผู้นี้จะเปลี่ยนไปแล้ว ดูท่าว่าจะตั้งใจไปสอบระดับอำเภอจริง ๆ ชาวบ้านบางคนหัวเราะเยาะคิดว่าคนเช่นนี้ทำสิ่งใดก็ไม่มีทางสำเร็จ ในบ่อนพนันจึงคึกคักเป็นพิเศษ ลงขันกันว่าเสิ่นจิ้งเฟยจะสอบได้ซิ่วไฉหรือไม่ เสียงข้างมากตกไปที่สอบไม่ได้ แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่นึกสนุกคิดว่าคุณชายเสิ่นจะสอบผ่านเพราะความช่วยเหลือของบิดา


   แต่เรื่องเหล่านี้จื่อฟางล้วนไม่ล่วงรู้ เขาไม่ได้ออกมานอกจวนเกือบหนึ่งอาทิตย์ ส่วนหยางชวีเองก็ไม่คิดบอก เกรงว่าคุณชายจะโมโหที่ตกเป็นหัวข้อพนัน อีกทั้งเสียงข้างมากยังลงไปที่สอบไม่ได้อีก จื่อฟางได้กลิ่นหอมของร้านเนื้อแพะย่างข้างทางก็น้ำลายสอ สั่งให้จางต้าซื้อมาสามไม้ แบ่งให้บ่าวรับใช้คนละไม้ แต่หยางชวีไม่ยอมรับไว้ ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงขันแข็ง จื่อฟางจึงยกให้จางต้าแทน เสียงดังรอบตัวทำให้เขารู้สึกกระฉับกระเฉง แม้จะมีสายตาจ้องมองมาเป็นระยะ แต่เรื่องยิบย่อยพวกนี้กลับไม่ทำให้อารมณ์ดีๆของเขาหายไป

ระหว่างที่กำลังคิดเพลินๆกลับมีชายสวมชุดเก่ามอซอเนื้อตัวมอมแมมคล้ายขอทานเดินมาชนเขาเต็มแรงจนเนื้อแพะย่างหล่น จื่อฟางขมวดคิ้วปัดอกเสื้อที่เปื้อนออก ย่นจมูกเมื่อได้กลิ่นเหม็นสาบ ชายขอทานแก้มตอบมีจมูกงุ้มดูน่ากลัวจ้องมองเขาครู่หนึ่ง

“ยังไม่ขอโทษคุณชายอีก”จางต้าเห็นคนตัวเหม็นหึ่งมองหน้าคุณชายก็ตวาดดุ หยางชวีขมวดคิ้ว รู้สึกว่าแปลกชายผู้นี้คล้ายกับว่าตั้งใจเดินมาชนคุณชายเสิ่น

“ขออภัยขอรับคุณชาย”ชายสารรูปมอซอเอ่ยเสียงเบา ผู้คนรอบข้างต่างก็หันมองอย่างสนใจ คิดว่าคุณชายเสิ่นจะก่อเรื่องอีกหรือไม่

“ช่างเถอะ เดินดูทางให้ดี อย่าไปชนผู้อื่นอีก”จื่อฟางหงุดหงิดอยู่บ้างที่ถูกชนจนแต่ก็ไม่คิดเอาเรื่อง อีกฝ่ายเป็นแค่ขอทานเท่านั้น พอเขาพูดเช่นนี้ชายขอทานก็เหลือบมองก่อนก้มหน้าก้มตาเดินจากไปอย่างเร่งรีบ หยางชวีหรี่ตามองจนร่างผอมแห้งนั้นกลืนหายไปกับฝูงชน

จื่อฟางเลิกสนใจ คิดไม่ถึงว่าตอนเดินผ่านร้านขายผ้าไหมและเสื้อผ้าราคาแพงจะเจอกับจ้าวเซียวชิงบุตรชายเสนาบดีกรมพระคลังผู้ชอบทำสีหน้าเบื่อหน่ายตลอดเวลา คุณชายจ้าวมากับบ่าวรับใช้คนหนึ่งที่หอบหิ้วของเต็มมือ อีกฝ่ายมองเห็นตนแล้ว จื่อฟางจำต้องหยุดทัก

“เจ้านี่เอง ไม่เจอกันเสียนาน”เด็กหนุ่มแสร้งทักหน้าชื่น จ้าวเซียวชิงมองเขาด้วยแววตาเหมือนคนง่วงนอน

“ได้ข่าวว่าเจ้าถูกหลี่ฮุ่ยจือวางยาหรือ”จ้าวเซียวชิงยื่นหน้ามากระซิบถาม รอยยิ้มของจื่อฟางหายวับไปทันตา เจ้านี่รู้เรื่องด้วยหรือ แต่ก็แน่ล่ะ คนผู้นี้คบค้าสมาคมกับหลี่ฮุ่ยจือ จะไม่รู้เรื่องได้อย่างไร เสิ่นจิ้งเฟยมีมิตรแท้บ้างหรือไม่? เหตุใดคนรอบตัวถึงมีแต่คนเช่นนี้

“ไปได้ยินมาจากที่ใด แค่ข่าวลือไร้สาระเท่านั้น”เขาตอบด้วยเสียงราบเรียบ ไม่คิดจะเสวนาต่อตั้งใจจะบอกลาแต่อีกฝ่ายกลับทำจมูกฟุดฟิด

“ข้าเห็นว่าเจ้าถูกขอทานชน ไม่คิดว่ากลิ่นเหม็นสาบจะติดมาด้วย”จ้าวเซียวชิงเพียงแค่เอ่ยหยอกล้อสหายเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าคุณชายใบหน้างามตรงหน้าจะคิดเป็นเรื่องจริงจัง

“จริงหรือ เจ้าลองดมดูซิ”เขาแสร้งหันไปหาบ่าวคนสนิท จางต้าลอบมองคุณชายจ้าวก่อนรีบส่ายหน้าตอบเสิ่นจิ้งเฟย

“ไม่มีกลิ่นหรอกขอรับ”จางต้าตอบ ‘ท่านโดนล้อเล่นอีกแล้ว’

“นี่ ถึงข้าจะไม่เอาไหน แต่ก็ชอบให้ใครมาแกล้งเล่น”จื่อฟางยกยิ้มเย็น คนพวกนี้ชอบพูดจาหยอกล้อเสิ่นจิ้งเฟย เขาไม่เห็นว่าน่าขำตรงไหน คนถูกแกล้งจะสนุกได้อย่างไร นึกถึงวันที่เจอหลี่ฮุ่ยจือครั้งแรกแล้วโดนแทะโลมต่อหน้าสหายก็ยิ่งรู้สึกขุ่นเคือง หากเขามีเพื่อนเช่นนี้สู้ไม่มีดีกว่า จ้าวเซียวชิงมองเสิ่นจิ้งเฟยด้วยความประหลาดใจ สีหน้าเบื่อหน่ายสลายไปแล้ว ดูท่าเขาจะหยอกล้อผิดเวลา คุณชายจ้าวอ้าปากหมายจะพูดแต่ก็ถูกเสิ่นจิ้งเฟยเอ่ยขัด

“ข้ามีธุระ ขอตัวก่อน”พูดจบคุณชายรูปงามก็ผละจากไปโดยไม่คิดหันมองอีก จางต้าได้แต่เดินตามคุณชายด้วยความตกใจเพิ่งเคยเห็นคุณชายใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับสหาย คุณชายจ้าวแม้จะนิสัยแปลกประหลาดแต่ก็เป็นคนที่คบหาสมาคมได้ไม่เหมือนคุณชายหลินเจียงหยง รายนั้นเป็นพวกลากมากไป ไม่ใช่สหายที่ดีเท่าไร

จื่อฟางถูกจ้าวเซียวชิงทำลายอารมณ์ดีๆไปเสียแล้ว เขาจึงมาถึงโรงน้ำชาหลิวซื่อด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ยามนี้ร้านน้ำชาเปิดแล้วแต่คนยังบางตา เขามองไปที่โต๊ะด้านใน มีชายสามคนนั่งอยู่ หนึ่งในนั้นเป็นชายวัยไม่เกินสามสิบ ลักษณะที่ไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไปดึงดูดสายตาของจื่อฟางได้ทันที ท่วงท่ายามดื่มชาสง่างาม ชายอีกสองคนที่ร่วมโต๊ะด้วยมีท่าทางเกรงใจอยู่หลายส่วน เขาสวมชุดสีเทาเรียบ ๆแต่ท่าทางเหมือนคุณชายสูงศักดิ์ บางทีอาจเป็นขุนนางตำแหน่งสูงก็ได้

แต่เขาก็นึกไม่ออกว่านอกจากอัครเสนาบดีหลี่แล้วยังมีผู้ใดอีก ตำแหน่งที่สูงเทียบเท่าอัครเสนาบดียังมีอีกสองตำแหน่ง อาจจะเป็นหนึ่งในนั้นก็ได้ เจ้าตัวคล้ายกับรู้สึกถึงสายตาของเสิ่นจิ้งเฟยจึงเงยหน้ามอง แววตานิ่งสงบของชายผู้นั้นคล้ายกับมีระลอกคลื่น มุมปากคล้ายยกเป็นรอยยิ้มจาง

‘คนรู้จักเสิ่นจิ้งเฟยหรือ’

จื่อฟางรีบดึงสายตากลับทันที หยางชวีสังเกตเห็นชายหนุ่มผู้นั้นเช่นกัน ท่าทางไม่ธรรมดาดูแล้วอาจจะเป็นคนมียศตำแหน่ง โรงน้ำชาหลิวซื่อมีลูกค้าหลายประเภทจริง ๆ

“คุณชายเสิ่น เชิญทางนี้ขอรับ”เป็นเว่ยหลงที่มาต้อนรับ บุรุษหนุ่มหายดีจากการถูกโบยแล้วพอรู้ว่าเสิ่นจิ้งเฟยจะมาจึงระวังท่าทีมากกว่าปกติ จงใจใช้น้ำเสียงอ่อนน้อม จื่อฟางย่นคิ้วฟังแล้วเหมือนประชดมากกว่า เขาจึงเดินตามชายร่างกำยำตรงหน้าไปยังห้องดื่มชาส่วนตัวชั้นสอง

“เจ้าคงหายดีแล้วกระมัง”เขาเอ่ยถาม กวาดตามองอีกฝ่ายที่ดูปกติดีทุกอย่างแล้วก็เบาใจ เว่ยหลงเพียงส่งเสียงตอบรับเบาๆ ตนเองยังแปลกใจที่คุณชายเสิ่นสั่งโบยเพียงสามสิบทีเท่านั้น นี่ใช่เสิ่นจิ้งเฟยจริงหรือ คิดว่าจะโดนหนักกว่านี้เสียอีก เว่ยหลงจึงคิดว่าเสิ่นจิ้งเฟยอาจมีแผนการใดอยู่ในใจเป็นแน่ อยู่ ๆจะต้องการผูกมิตรกับคุณชายไป๋ที่นับได้ว่าเป็นศัตรูหัวใจทำไม ไม่แปลกไปหน่อยหรือ คุณชายไป๋คิดสิ่งใดอยู่ เว่ยหลงไม่เข้าใจจริง ๆ นึกถึงช่วงนี้ที่คุณชายของเขาสนใจเสิ่นจิ้งเฟยมากกว่าทุกทีก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจระหว่างที่เดินนำทางคุณชายเสิ่นมาถึงห้องริมสุด จากนั้นก็ถอยไปยืนด้านข้างหลีกทางให้เสิ่นจิ้งเฟย

“คุณชายไป๋รออยู่ด้านในขอรับ”เว่ยหลงยังคงก้มหน้า จื่อฟางไม่ชินกับท่าทางเช่นนี้ของเว่ยหลง ดูก็รู้ว่าประชด เห็นสายตาคมปลาบของอีกฝ่ายก็ได้แต่คิดว่าคงถูกเกลียดเข้าแล้ว พอคิดว่าหากไม่มีไป๋ผูอวี้และเว่ยหลง เสิ่นจิ้งเฟยจะก่อกวนใคร

จื่อฟางปัดความคิดไร้สาระทิ้งแล้วหันไปทางหยางชวี “เจ้ารออยู่ด้านนอก…ดื่มชารอไปก่อน…”เขามองไปทางเว่ยหลงอย่างลังเล หยางชวีกับเว่ยหลงคงไม่ทะเลาะกันหรอกนะ

“เจ้าอย่าหาเรื่องทะเลาะกับเว่ยหลงล่ะ”เขากระซิบใกล้ใบหูของผู้ติดตาม หยางชวีก้มมองเขาด้วยสายตาที่คล้ายกับระอา แต่เมื่อมองอีกทีเจ้านี่ก็ยังทำหน้าตายเช่นเคย จื่อฟางอาจตาฝาดไปเอง เขายกมือตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ

‘เขาไม่ใช่ท่านนะคุณชาย’จางต้าคิดอย่างละเหี่ยใจ เขามีหน้าที่ฝนหมึกให้คุณชายจึงต้องเข้าไปด้วย จางต้าคันปากอย่างบอกคุณชายเหลือเกินว่าได้โปรดอย่าทำเรื่องแปลกๆอีกเลย

จื่อฟางไหนเลยจะล่วงรู้ความคิดของบ่าวรับใช้ เขาคิดทำเรื่องแปลกๆอยู่แล้ว มีโอกาสอยู่กับไป๋ผูอวี้ทั้งที ก็ต้องแกล้งบ้าง ถึงแม้จะไม่ได้ผล แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ จื่อฟางเลิกม่านมุกเข้าไปในห้อง ไป๋ผูอวี้ยืนเอามือไพล่หลังรอด้วยท่าทางเคร่งขรึมเหมือนอาจารย์ผู้เข้มงวด

“ท่านมาเร็วกว่าที่ข้าคิดเสียอีก”ไป๋ผูอวี้เอ่ยชม เช่นนี้ค่อยรู้สึกว่าเสิ่นจิ้งเฟยมีความตั้งใจเล่าเรียนจริง

“ข้าไม่อยากถูกเจ้าจัดอยู่ในประเภทคนขี้เกียจสันหลังยาว”จื่อฟางนั่งลงอย่างไม่รีรอทำตัวเหมือนลูกศิษย์ผู้มุ่งมั่นคนหนึ่ง ไป๋ผูอวี้ยังคงมองคุณชายเสิ่นด้วยสายตาครุ่นคิด เขาควรจะชี้แนะอย่างไรดี ความรู้ของคุณชายท่านนี้ทำให้เขาหนักใจนัก เขาชี้ไปที่คัมภีร์กวีบนโต๊ะ

“ใต้เท้าเฉินคงให้ท่านอ่านคัมภีร์เล่มนี้แล้ว ท่านเข้าใจวิธีแต่งกวีแล้วกระมัง อย่างที่ท่านคงรู้ในการสอบจะมีหัวข้อกำหนดคำขึ้นต้นบทมาให้ เดิมทีข้าจะลองให้ท่านลองแต่งดูก่อน แต่…”จากเหตุการณ์เมื่อวานเขาก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก ไม่แปลกใจที่สองปีก่อนเสิ่นจิ้งเฟยสอบไม่ผ่าน

“ท่านลองดูเถอะ”จื่อฟางเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เขาอ่านคัมภีร์กวีมาหลายวัน ย่อมเข้าใจหมดแล้ว ถึงเขาจะหัวช้าแต่ก็ไม่ได้โง่จนแต่งกลอนไม่เป็นเสียหน่อย แค่อาจจะไม่ไพเราะอย่างนักกวีเท่านั้น ไป๋ผูอวี้มองอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเขียนอักษรลงบนกระดาษด้วยลายมือบรรจง จื่อฟางมองคำว่า‘ลูกไหน’ด้วยสายตาทึมทื่อ ไป๋ผูอวี้จะให้เขาเขียนอะไรจากคำนี้เล่า จางต้าที่กำลังฝนหมึกให้เสิ่นจิ้งเฟยลอบมองอย่างกังวล กลัวว่าคุณชายของเขาจะโดนดูถูกอีก จื่อฟางจับพู่กันขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด ลูกไหนก็คือลูกพลัม ว่าแต่เขาจะแต่งออกมาอย่างไรดี ไป๋ผูอวี้เห็นเสิ่นจิ้งเฟยไม่ลงมือเขียนสักทีก็เคาะโต๊ะเบาๆ

“ท่านเขียนได้หรือไม่”

จื่อฟางไม่ตอบเพราะกำลังใช้ความคิด นึกถึงเพลงพื้นบ้านสมัยเด็กที่แม่เคยร้องคลอให้ฟังเวลาที่เขานอนไม่หลับ เป็นเพลงจังหวะสนุกกล่าวถึงผู้หญิงที่จีบผู้ชายก่อนและรอให้เขามาสู่ขอไม่ไหวแล้ว หญิงสาวก็เหมือนผลไม้ที่สุกงอมหากไม่กินตอนสุกก็จะเน่าไปเปล่าๆอีกนัยหนึ่งคือขึ้นคานนั่นเอง บางทีแม่ของเขาอาจเคยร้องให้พ่อฟัง จื่อฟางอมยิ้มคิดทบทวนอยู่ในหัวก่อนจรดพู่กันเขียนอย่างตั้งใจ จางต้าเห็นคุณชายเริ่มเขียนก็โล่งใจ ไป๋ผูอวี้รอจนน้ำชาเย็นชืดจึงเรียกเว่ยหลงเข้ามาเปลี่ยนน้ำชา

เว่ยหลงเข้ามาในห้องพร้อมกาน้ำชาร้อนๆและของว่างสองสามอย่าง เขาลอบมองเสิ่นจิ้งเฟยที่ตั้งหน้าตั้งตาเขียนกวี เขาไม่รู้หนังสือแต่เคยอยู่เป็นเพื่อนคุณชายในห้องเรียนจึงพออ่านคำสั้นๆอย่างลูกไหนได้ เห็นเสิ่นจิ้งเฟยเขียนอยู่สามบท ‘เจ้าเต่านี่ก็ยังพอใช้ได้อยู่บ้าง’

“เรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์ตรวจดู”จื่อฟางพูดเสียงหยอกล้อ ไป๋ผูอวี้ทำหน้าตึงรับกระดาษที่เสิ่นจิ้งเฟยส่งให้มาอ่าน

ลูกไหนร่วงหล่น บนต้นเหลือเจ็ดส่วน ข้าเฝ้ารอท่าน โปรดอย่าพลาดยามดี   

ลูกไหนร่วงหล่น บนต้นเหลือสามส่วน ข้าเฝ้ารอท่าน บัดนี้ถึงเวลาแล้ว

ลูกไหนร่วงหล่น ข้าเก็บใส่ตะกร้า เฝ้ามองหาบุรุษ ขอเพียงท่านเอ่ยคำ

ไป๋ผูอวี้มีความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกอยู่ในใจ เขาเคยบอกว่าคุณชายเสิ่นผู้นี้คล้ายกับหนังสือเล่มหนึ่งที่อยากเปิดอ่าน ก่อนหน้านี้เขายังคิดอยู่เลยว่าเสิ่นจิ้งเฟยไร้ความสามารถ แต่ยามนี้คุณชายกลับแต่งกวีบทนี้ได้ แม้จะไม่สมบูรณ์แต่ก็เหนือความคาดหมายของเขา ไป๋ผูอวี้ประเมินคุณชายเสิ่นไม่ออก เขาโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่?บุรุษหนุ่มพบว่าตนเองพอใจไม่น้อย

“เป็นอย่างไร”จื่อฟางเอ่ยถามอย่างกังวล เห็นไป๋ผูอวี้เงียบไปนานสองนานความมั่นใจของเขาก็ค่อยๆลดลง หรือเขาเขียนผิดเผลอใช้ตัวหนังสือปัจจุบันเขียนไป

“อืม..”ไป๋ผูอวี้เห็นเสิ่นจิ้งเฟยมีสีหน้าใคร่รู้เหมือนเด็กจึงแกล้งตอบไปแค่นั้น

“อืม? หมายความว่าดีหรือไม่ดีเล่า”จื่อฟางซัก อยากได้คำชม แต่อีกฝ่ายกลับยกยิ้มไม่พูดไม่จา หึ จงใจกวนประสาทเขาสินะ เขานึกอยากเอาพู่กันปาใส่หน้าหมอนี่เหลือเกิน

แกร๊ง

แค่คิดเท่านั้น แต่มือของเขากลับไร้เรี่ยวแรง พู่กันในมือหล่นลงพื้น จื่อฟางมองมือขาวๆด้วยสายตาว้าวุ่นลองขยับมือก็พบว่าปลายนิ้วยังชาอยู่ มือของเสิ่นจิ้งเฟยเป็นเช่นนี้อีกแล้ว เขาคิดอย่างกังวลระหว่างที่ก้มเก็บพู่กัน แต่ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ไป๋ผูอวี้ก้มมาเก็บพู่กันให้เช่นกัน จื่อฟางเก็บได้ก่อน ฝามือของชายหนุ่มจึงคว้าหมับเข้าที่มือของเขาแทน เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่มีโอกาสได้จ้องตาเหมือนในละคร ไป๋ผูอวี้ชักมือกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่จื่อฟางยังยกแขนไม่ขึ้น จางต้าเห็นคุณชายชะงักไปจึงรีบก้มเก็บพู่กันให้ด้วยความกังวล

“คุณชาย ท่านเป็นเช่นนี้อีกแล้ว”ครั้งนี้เขาปล่อยผ่านไม่ได้จริง ๆ หากกลับจวนเมื่อไรเขาจะรีบไปตามท่านหมอกู้มาตรวจคุณชายทันที จื่อฟางก็เริ่มคิดแล้วว่ามันไม่น่าใช่เรื่องปกติ ไป๋ผูอวี้มองสองนายบ่าวด้วยสายตาคมปลาบ

“ท่านเป็นอะไรหรือ”เขาเอ่ยถาม เห็นความกังวลอยู่ในแววตาของเสิ่นจิ้งเฟย 

“เปล่า”เขาพึมพำตอบ

“คุณชาย!แต่ท่านมีอาการมือไม้อ่อนมาได้สักพักแล้ว”จางต้าเอ่ยตอบอย่างไม่กลัวถูกลงโทษ

“ใครใช้ให้เจ้าพูด”คุณชายเสิ่นหันมามองเขาด้วยสีหน้าบึ้งตึง

“ขอข้าตรวจดูหน่อย”ไป๋ผูอวี้เอ่ย เขาเคยเรียนวิชาจับชีพจรแม้จะไม่เชี่ยวชาญเท่าซูเหลียนฮวาแต่ก็พอมีความรู้อยู่บ้าง อีกอย่างเขาก็อยากรู้ว่าเสิ่นจิ้งเฟยเป็นอะไร เห็นสีหน้าคุณชายซีดเผือดคล้ายไม่อยากให้ตนตรวจ

“ข้าไม่เป็นอะไร”จื่อฟางกลัวขึ้นมา เพิ่งคิดได้ว่าเสิ่นจิ้งเฟยรู้ตัวหรือไม่ว่าร่างกายผิดปกติ ช่วงก่อนที่จื่อฟางจะเข้ามาในร่างนี้เสิ่นจิ้งเฟยทำอะไรมาบ้างเขาไม่รู้เลย ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัวจะเผยพิรุธ

ไป๋ผูอวี้เพียงมองคุณชายเสิ่นด้วยสายตานิ่งสงบ “ข้าไม่ใช่หมอ เพียงตรวจดูเท่านั้น ท่านกลัวเป็นเด็กไปได้”เขาเอ่ยยิ้มๆ

“ใช้แล้วๆ แค่ให้คุณชายไป๋ตรวจดูเท่านั้น”จางต้ารีบส่งเสียงสนับสนุนเพราะรู้ถึงความดื้อด้านของเสิ่นจิ้งเฟยดีแม้จะไม่มั่นใจว่าไป๋ผูอวี้จะจับชีพจรได้แม่นยำ

“เจ้าเป็นบ่าวหรือเป็นเจ้านายข้ากันแน่”จื่อฟางรู้สึกว่าจางต้าพูดมากก็วันนี้ ไป๋ผูอวี้ไม่สนใจสองนายบ่าว เขาเคลื่อนไหวมาถึงตัวเสิ่นจิ้งเฟยอย่างรวดเร็ว จับข้อมือของอีกฝ่ายขึ้นมาถกชายเสื้อคลุมขึ้นเพื่อจับชีพจร จื่อฟางได้แต่มองตาโต

“แขนท่านเล็กเท่านี้ ข้าออกแรงเพียงนิดกระดูกก็หักแล้วกระมัง”ไป๋ผูอวี้เคาะแขนคุณชายเสิ่นเบาๆ น่าเสียดาย กระดูกของเจ้าเด็กนี่ไม่เหมาะจะเรียนวรยุทธ์ แค่นึกอยากให้เสิ่นจิ้งเฟยมีร่างกายที่แข็งแรงมากกว่านี้ จื่อฟางมองไป๋ผูอวี้จับชีพจรของตนเงียบๆ กังวลว่าร่างกายของเสิ่นจิ้งเฟยจะเป็นโรคร้ายแรงที่การแพทย์ในยุคโบราณตรวจไม่เจอ เท่าที่เขาเคยอ่านมาอาการอ่อนแรงส่วนมากก็ล้วนเกี่ยวข้องกับเส้นประสาทยิ่งทำให้เขารู้สึกร้อนๆหนาวๆ

“…”แม้ไป๋ผูอวี้จะตรวจด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่ภายในใจกลับเกิดคำถามขึ้นมากมาย ทันทีที่ปลายนิ้วของเขาสัมผัสกับเส้นชีพจรของเสิ่นจิ้งเฟยเขาก็รับรู้ทันทีว่ามีสิ่งไม่ถูกต้อง จุดชีพจรของคุณชายเสิ่นยุ่งเหยิงผิดปกติ ตามตำราแพทย์เรียกว่าชีพจรโก๋ยเสาะ อีกทั้งพลังลมปราณที่ไหลเวียนอยู่ในร่างก็ติดขัด

‘เหตุใดถึงได้เป็นเช่นนี้’ ไป๋ผูอวี้ขมวดคิ้วเขาเคยฝึกยุทธ์จึงรู้ว่าลมปราณของเสิ่นจิ้งเฟยยังไม่กล้าแข็ง เหมือนเพิ่งฝึกวิชาได้ไม่นานแต่เมื่อคิดดูก็ไม่แปลก ร่างกายของคุณชายเสิ่นบอบบางเดินลมปราณจะช่วยฟื้นฟูปรับสมดุลของร่างกาย แต่เหตุใดลมปราณในร่างถึงติดขัด

“ท่านฝึกวิชาลมปราณใดหรือ”ไป๋ผูอวี้เอ่ยถามอย่างสนใจ รู้สึกว่าชีพจรของเสิ่นจิ้งเฟยเต้นเร็วขึ้น ดูเหมือนคำถามของเขาจะทำให้อีกฝ่ายตื่นตระหนก

“เป็นวิชาลับ ข้าคงบอกไม่ได้”จื่อฟางได้แต่ตอบเอาตัวรอด ลมปราณ? เสิ่นจิ้งเฟยฝึกลมปราณด้วยหรือ เรื่องการฝึกลมปราณเขาเคยได้ยินมาบ้าง สมัยปัจจุบันก็ยังมีคนฝึกชี่กงเพื่อสุขภาพ แต่พลังลมปราณอย่างในหนังกำลังภายในคือเรื่องไร้สาระมีแต่ในนิยายเท่านั่น อ่า…แต่ที่นี่ก็คือโลกนิยายนี่นา อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

ไป๋ผูอวี้ไม่ได้ซักถามต่อ เขาแค่ไม่เข้าใจ จุดชีพจรและลมปราณของเสิ่นจิ้งเฟยคล้ายกับเคยถูกทำลายอย่างรุนแรงมาก่อน...แต่หากเป็นเช่นนั้นจริง คุณชายเสิ่นคงพิการหรือไม่ก็ตายไปแล้ว ความเป็นไปได้อย่างเดียวคือมีคนช่วยเขาได้ทันท่วงที แต่ถึงกับพยุงรักษาชีพจรและปราณแท้ที่ถูกทำลายไว้ได้คงเป็นสุดยอดฝีมือ ในใต้หล้านี้จะมีสักกี่คนกัน เขานึกไปถึงท่านผู้นั้นที่แตกฉานในศาสตร์หลายด้าน ท่านอาจารย์หย่งสือ อาจารย์ของเขาเอง แต่อาจารย์ออกเดินทางท่องเที่ยวไร้ข่าวคราวมาสามสี่ปีแล้ว ไม่น่าเป็นไปได้และไม่น่ายุ่งเกี่ยวกับคนอย่างเสิ่นจิ้งเฟย

“คุณชายไป๋เป็นอย่างไรบ้าง”จางต้าเอ่ยถามเสียงลังเล เห็นบุรุษหนุ่มเงียบไปเป็นนาน เรื่องที่คุณชายเสิ่นฝึกลมปราณบ่าวคนสนิทเช่นเขายังไม่รู้ คุณชายเสิ่นมีความลับจริง ๆด้วย จางต้าแคลงใจสงสัยมานานแล้ว คุณชายมักใช้เวลาก่อนนอนเพียงลำพังเสมอ

“ร่างกายของท่านอ่อนแอเพราะเคยบาดเจ็บอย่างรุนแรงมาก่อน หมั่นเดินลมปราณสม่ำเสมอจะช่วยปรับร่างกายของท่านให้สมดุล”ไป๋ผูอวี้เอ่ยเสียงเรียบ จื่อฟางรู้ดีว่าร่างกายของเสิ่นจิ้งเฟยบอบบางแค่ไหน แค่โดนหมัดของเว่ยหลงก็ช้ำไปหลายวัน หากบาดเจ็บรุนแรงจริงไม่ถึงตายเลยหรือ ไป๋ผูอวี้ตรวจผิดหรือเปล่า ดูเหมือนจางต้าก็คิดเช่นเดียวกับเขา

“คุณชายไป๋ตรวจผิดแล้วกระมัง คุณชายเสิ่นไม่เคยบาดเจ็บรุนแรงมาก่อน หากบอกว่าป่วยเป็นไข้หวัดยังน่าเชื่อมากกว่าอีก”จางต้าส่งเสียงแย้ง เมื่อปีกลายคุณชายเสิ่นเดินทางไปเยี่ยมบ้านเดิมของเสิ่นฮูหยินที่นอกเมือง แต่สภาพอากาศไม่ค่อยดีจึงต้องหยุดพักที่โรงเตี๊ยมข้างทาง คุณชายเกิดไม่สบายหนักจนต้องรอให้ไข้เบาถึงจะพากลับจวนได้ทั้งยังนอนซมอยู่เกือบอาทิตย์ หากบาดเจ็บร้ายแรงจริงจะปกปิดได้อย่างไร ท่านหมอกู้ก็มาตรวจร่างกายอยู่เสมอ

“ข้าคงตรวจผิดไปเองจริงๆ”ไป๋ผูอวี้ตอบ ปล่อยมือออกจากข้อมือของเสิ่นจิ้งเฟย เขาไม่ได้ตรวจผิดแน่นอน ถึงวิชาแพทย์ของเขาจะไม่ได้ล้ำลึก แต่ไป๋ผูอวี้มั่นใจว่าเสิ่นจิ้งเฟยเคยบาดเจ็บหนักมาก่อน ลมปราณเป็นเช่นนั้นร่างกายจะเป็นปกติได้อย่างไร ผู้ใดกันที่ช่วยเขาไว้ ที่เสิ่นจิ้งเฟยไม่อยากให้เขาตรวจชีพจรก็คงเพราะอยากเก็บเป็นความลับ?หรือมีเรื่องใดที่ไม่ต้องการบอก แต่เพราะเหตุใดเล่า แม้แต่บ่าวใช้คนสนิทก็ยังไม่รู้ ไป๋ผูอวี้จึงคิดว่าน่าสนใจแต่ตอนนี้ซักถามไปก็ไร้ประโยชน์ เขาจึงแสร้งทำทีปล่อยผ่าน

จื่อฟางผ่อนลมหายใจพยายามไม่แสดงพิรุธใดออกมา แต่สายตาของไป๋ผูอวี้ราวกับเข็มแหลม เขาจึงหาทางเบี่ยงประเด็น “ข้าไม่ได้เป็นอะไร ช่วงนี้แค่อ่านตำราดึกเกินไปเท่านั้น”เขาพูดเช่นนี้ก็ไม่ถือว่าโกหก ช่วงนี้เขาหักโหมอ่านตำราเพราะอยากอ่านหนังสือให้คล่องเร็วๆ

จางต้าเม้มปากอย่างไม่สบายใจ จะว่าไปเขาก็ไม่ได้อยู่กับคุณชายเสิ่นตลอด แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่เขารู้สึกมานานแล้วว่าคุณชายเหมือนอยู่ตรงหน้าแต่กลับห่างไกล ไม่เรียกใช้จางต้าอย่างแต่ก่อน บ่อยครั้งที่คุณชายเสิ่นออกไปเที่ยวกับพวกหลี่ฮุ่ยจือแต่ไม่ได้พาตนไปด้วย ยามไปหอผูเยว่ก็ไล่เขากลับจวนบ่อยครั้ง ยิ่งพักหลังคุณชายเสิ่นยิ่งชอบอยู่คนเดียวเป็นพิเศษ เขาติดตามคุณชายมาตั้งแต่เด็กจึงรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่ลึกๆ แต่จางต้าเป็นเพียงบ่าวรับใช้ ควรเจียมตัวถึงจะถูก ตั้งแต่มีหยางชวีมาติดตาม คุณชายก็ออกไปไหนตามใจชอบไม่ได้อีก คงเป็นคำสั่งของนายท่าน

“ข้าขอชี้แนะท่านสักเล็กน้อย ท่านเองก็รู้ว่าร่างกายแต่งต่างจากผู้อื่น หากฝึกวิชาลมปราณก็ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ อย่าคิดละเลยเด็ดขาด”ไป๋ผูอวี้รู้สึกขุ่นเคืองอยู่บ้าง ดูเหมือนเสิ่นจิ้งเฟยจะหยุดเดินลมปราณระยะหนึ่งแล้ว เขาไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่ทำเช่นนี้ร่างกายก็ยิ่งอ่อนแอ เขาอยากจะสั่งสอนเจ้าเด็กนี่อีกหลายประโยค แต่ก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องของตนจึงปรับสีหน้าให้เรียบเฉยตามเดิม จื่อฟางนึกว่าตัวเองตาฝาดที่เห็นแววกังวลพาดผ่านใบหน้าของไป๋ผูอวี้แม้จะแค่ครู่เดียวก็ตาม

“เจ้าเป็นห่วงด้วยหรือ”เขายกชาดื่ม อาการว้าวุ่นในใจสงบลงแล้ว ไป๋ผูอวี้ไม่ตอบเช่นเคยแต่กลับถามเรื่องอื่นแทน

“ผู้ใดเป็นผู้สอนท่านฝึกวิชาลมปราณ”ไป๋ผูอวี้ยังติดใจไม่หาย คนที่แนะนำให้เสิ่นจิ้งเฟยฝึกวิชาลมปราณทำถูกแล้ว ร่างกายของคุณชายเสิ่นในเวลานี้ ยังต้องปรับสมดุลฟื้นฟูอีกนาน เขาไม่แน่ใจว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดถึงจะรักษาชีพจรและลมปราณที่ผิดปกติให้กลับมาดั่งเดิมได้

“เรื่องนี้ก็เป็นความลับเช่นกัน”จื่อฟางเอ่ยลื่นไหล ปั้นหน้าจริงจัง ไม่รู้ว่าสมจริงหรือไม่

ไป๋ผูอวี้จึงไม่เอ่ยซักต่อ “ไว้ข้าจะส่งยาสมุนไพรไปให้ท่านก็แล้วกัน”

“ขอบคุณมาก”จื่อฟางหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม “หากเป็นก่อนหน้านี้ เจ้าจะยอมช่วยข้าหรือไม่”หากเป็นเสิ่นจิ้งเฟยคุณชายไม่เอาไหนคนนั้น ไป๋ผูอวี้จะทำอย่างไร

บุรุษหนุ่มตอบโดยไม่หยุดคิด “แม้ตอนนั้นข้าจะรำคาญท่าน แต่ก็ไม่ได้เกลียดจนอยากเห็นท่านตายเสียเมื่อไหร่”เจ้าออกจะน่าสงสาร ไป๋ผูอวี้นึกในใจ เมื่อครั้งที่ย้ายมาฉางอันใหม่ๆ เขาได้ยินชื่อของคุณชายเสิ่นทุกวัน ได้ยินเรื่องที่เขามีใบหน้างดงามบรรเลงกู่เจิงได้ไพเราะ ได้ยินเรื่องที่เสิ่นมู่หยางเอ็นดูเสิ่นจิ้งเฟยเพราะมีใบหน้างดงามเหมือนภรรยาที่จากไป หรือเรื่องที่เสิ่นจิ้งเฟยถูกทิ้งให้อยู่ในจวนอันเงียบเหงากับบ่าวไพร่ เสิ่นมู่หยางเลี้ยงดูบุตรอย่างไรกันแน่? 

ตอนนั้นไป๋ผูอวี้รู้สึกเห็นใจคุณชายเสิ่น เพราะเข้าใจว่าการสูญเสียมารดาเป็นเช่นไร จนกระทั่งได้มาเจอตัวจริงที่โรงน้ำชาหลิวซื่อ จึงได้รู้ว่าเสิ่นจิ้งเฟยคือเด็กนิสัยเสียน่ารำคาญคนหนึ่ง นับจากนั้นมาคุณชายรูปงามก็ชอบแวะมาที่โรงน้ำชาบ่อยๆ มาหาเรื่องเว่ยหลงและเด็กในร้าน ผ่านไปหลายปีก็ยังแวะมาเช่นเดิม ไป๋ผูอวี้คิดว่าคุณชายเสิ่นผู้นี้อาจจะเบื่อไม่มีสหายเล่นกระมัง

จื่อฟางได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายก็อมยิ้มน้อย ๆ ดีใจแทนเสิ่นจิ้งเฟย เจ้าบ้าเอ๋ย พลาดมิตรสหายดีๆแล้ว ไปคบค้ากับพวกหลี่ฮุ่ยจือได้อย่างไร!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2019 12:28:39 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
 “ท่านยิ้มอะไร”ไป๋ผูอวี้เอ่ยถาม คิดว่ารอยยิ้มของเสิ่นจิ้งเฟยน่ามองแต่ก็ดูขัดตา

“เปล่าแค่คิดว่าเจ้าเป็นคนดีจริงๆ”จื่อฟางไม่ได้แสร้งพูด แต่ไป๋ผูอวี้ทำสีหน้าคล้ายไม่เชื่อ

“ตกลงว่าบทกวีของข้าเป็นอย่างไร”เขาวกกลับมาสนใจเรื่องบทกวีอีกครั้ง

“ใช้ได้”ไป๋ผูอวี้ตอบสั้นๆเท่านี้ เขาจึงรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง ทันใดนั้นมีเสียงพูดคุยดังอยู่นอกห้อง เป็นเสียงของเว่ยหลง หยางชวีและเสียงหวานหูที่เขาจำได้ในทันที ซูเหลียนฮวานางมารหมื่นพิษนั่นเอง

“เจ้าไม่ให้ข้าแวะไปหาคุณชายที่จวนก็พอเข้าใจ แต่คุณชายเสิ่นอยู่ที่โรงน้ำชาหลิวซื่อ ข้าเพียงอยากแวะมาหาเท่านั้น เจ้ายังจะขวางข้าอีกหรือ เสี่ยวชวี”เสียงของซูเหลียนฮวาดังแว่วเข้ามาคล้ายกับอยากให้คนในห้องได้ยิน

“เสี่ยวชวีหรือ เจ้ามีชื่อเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร ฮ่าๆ”เสียงหัวเราะของเว่ยหลงดังกังวาน จื่อฟางนึกสีหน้าของหยางชวีออกจึงหัวเราะออกมา เจ้าคนหน้าตายนั่นต้องไม่ชอบใจแน่ เขาเลื่อนสายตามองไป๋ผูอวี้ แล้วคนนี้ล่ะ ควรมีชื่อเล่นว่าอะไรดี ชายหนุ่มคล้ายกับล่วงรู้ความคิดของเขา

“ข้าไม่อนุญาตให้ท่านเรียกข้าด้วยชื่อแปลกๆ”ไป๋ผูอวี้เอ่ยเนิบช้า

“คิดว่าข้าอยากเรียกหรือ”เจ้านี่ขัดเขาอีกแล้ว

“เว่ยหลง ให้นางเข้ามา”ไป๋ผูอวี้คล้ายรำคาญกับเสียงพูดคุยหยอกล้อด้านนอก พอเขาเอ่ยเสียงหัวเราะอย่างนางมารก็ดังขึ้นก่อนที่ร่างแช่มช้อยของซูเหลียนฮวาจะแหวกม่านมุกเข้ามา วันนี้นางสวมชุดสีเหลืองอ่อนสบายตา มีผ้าคลุมปิดหน้าเผยให้เห็นดวงตาสุกใส นางพุ่งสายตามาทางจื่อฟางคนแรกก่อนจะหันมองไป๋ผูอวี้

“คุณชายทั้งสองไม่พบกันเสียนาน เสี่ยวฮวาคิดถึงยิ่งนัก”นางเอ่ยทักเสียงหวาน แสร้งยอบกายคาราวะด้วยกิริยางดงาม

“เจ้าว่างหรือถึงได้ออกมาจากหอผูเยว่ได้”ไป๋ผูอวี้ถามอย่างไม่อินังขังขอบ

“ข้าเพียงคิดถึงคุณชายเสิ่นเท่านั้น”นางตอบพร้อมกับส่งสายตาเย้ายวนมาให้เขา จื่อฟางยิ้ม ถึงแม้หญิงงามนางนี้จะอันตรายชอบปั่นหัวผู้อื่นแต่นางให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ในยุคสมัยที่เคร่งครัดหาได้ยากที่หญิงสาวจะทำตัวสบายๆเช่นนี้

“คุณชาย หากท่านว่างก็แวะมาพูดคุย ดีดพิณเล่นหมากล้อมกับข้าที่หอผูเยว่ได้เสมอ”นางเคลื่อนกายมานั่งอีกฝั่ง กลิ่นหอมจากเครื่องแต่งหน้าและถุงพกลอยอวลอยู่ในห้อง จางต้าแอบลอบมองหญิงงามที่เข้ามาในห้องด้วยสายตาตกตะลึง เขาไม่รู้จักนาง แต่นางเอ่ยถึงหอผูเยว่ก็แสดงว่าเป็นนางคณิกา หอผูเยว่มีหญิงงามถึงเพียงนี้ด้วยหรือ แต่เหตุใดนางถึงออกมานอกหอได้ ท่าทางจะเป็นคนรู้จักของคุณชายไป๋ นางคล้ายจะสนใจคุณชายของเขาเป็นพิเศษ

“ช่วงนี้ข้าคงไม่มีเวลาเที่ยวเล่น น่าเสียดายนัก”จื่อฟางแสร้งเอ่ยเสียงเสียดาย ไป๋ผูอวี้นั่งมองด้วยสีหน้าไม่ปรากฏอารมณ์ทำตัวคล้ายเป็นเพียงอากาศในห้อง

“พัดไม้หอมของข้าถึงมือท่านหรือไม่”ซูเหลียนฮวาเอ่ยถาม กลัวว่าหยางชวีจะนำไปโยนทิ้ง นางจงใจเน้นคำว่าของข้าเป็นพิเศษ แย้มยิ้มเมื่อเห็นคุณชายไป๋ขมวดคิ้ว

“ได้รับแล้ว หากมีโอกาสข้าจะ…”จื่อฟางยังไม่ทันได้พูดจบ ไป๋ผูอวี้ก็กระแอมคล้ายมีอะไรติดคอ

“เจ้ามาก็ดี ศิษย์พี่อย่างข้ามีเรื่องขอให้ช่วย”ไป๋ผูอวี้กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มหูกว่าทุกครา นางกล้าพูดว่าพัดไม้หอมเป็นของนางอีกหรือ แต่เขายกให้ซูเหลียนฮวาแล้วจะทำตัวเป็นคนใจแคบไม่ได้

จางต้ายืนกระสับกระส่าย เหตุใดในห้องถึงอุณหภูมิลดเช่นนี้

“ข้าเป็นเพียงหญิงต่ำต้อยไม่กล้านับเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกับคุณชายไป๋หรอกเจ้าค่ะ”เห็นนางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ไป๋ผูอวี้ได้แต่ถอนหายใจ เหตุใดซูเหลียนฮวาถึงได้ดูอารมณ์ดีนัก แต่ก่อนนางชอบแกล้งเว่ยหลง ดูท่านางจะเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เขาแล้ว

“ท่านอยากให้ข้าช่วยเรื่องใดหรือ”ซูเหลียนฮวากลับมาสู่ท่วงท่าจริงจัง ถึงจะถามไปเช่นนั้น แต่ตอนที่อยู่ด้านนอกนางได้ยินคุณชายไป๋ตรวจชีพจรให้คุณชายเสิ่นแล้ว นางถึงได้อยากเข้ามาตรวจดูคุณชายผู้งดงามเสียหน่อย

‘หยางชวีเอ๋ย เจ้าทำหน้าที่อย่างไรถึงไม่รู้ว่าคุณชายป่วย ทั้งยังแอบฝึกวิชาลมปราณลับหลังเจ้าด้วย’ นางอยากรู้นักว่าภายใต้ใบหน้านิ่งเฉยของหยางชวีจะรู้สึกเช่นไรที่คุณชายเสิ่นไม่ไว้ใจตนเอง

“เจ้าช่วยตรวจชีพจรของเสิ่นจิ้งเฟยดูอีกทีเถอะ”ไป๋ผูอวี้มองซูเหลียนฮวาด้วยสายตาสื่อความนัย เขาอยากให้นางหาสาเหตที่แน่ชัดว่าเสิ่นจิ้งเฟยเคยบาดเจ็บร้ายแรงด้วยสาเหตุใด เขาทำได้แค่คาดเดา แต่ซูเหลียนฮวาเชี่ยวชาญกว่ามาก

จื่อฟางไม่คิดว่าจะถูกตรวจเป็นครั้งที่สองจึงเอ่ยแย้ง “ตรวจอีกหรือ พวกท่านใส่ใจสุขภาพของข้ามากไปแล้ว”

“ให้ข้าตรวจดูเถอะ คุณชายเสิ่น”ซูเหลียนฮวาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง นัยน์ตาทอประกายมุ่งมั่น

“เอ่อ คุณชาย…”จางต้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ ซูเหลียนฮวาเป็นเพียงหญิงคณิกาจะมาจับตรวจชีพจรได้อย่างไร

“นางเก่ง…”จื่อฟางเอ่ยเบาๆ จำได้ว่านางมีฝีมือด้านฝังเข็มสกัดจุดใช้พิษและมีชื่อเสียงเลื่องลือในเมืองหลานโจว เขาจึงพับชายเสื้อคลุมยื่นแขนขวาไปให้จับชีพจร ซูเหลียนฮวาส่งยิ้มให้เขาก่อนกลับสู่มาดจริงจัง นางหลับตาจับชีพจรให้คุณชายรูปงามอยู่นานหลายนาที คิ้วเรียวโก่งขมวดมุ่น

นางรู้ว่าเสิ่นจิ้งเฟยมีร่างกายบอบบางแต่ไม่คิดว่าภายในจะอ่อนแอเช่นนี้ จุดชีพจรและลมปราณของเขาผิดปกติทำให้ร่างกายขาดสมดุล ส่วนต้นเหตุนางรู้ดีเพราะเคยเจอมานักต่อนัก แต่ส่วนมากที่นางเจอมักจะไม่รอด กรณีของเสิ่นจิ้งเฟยจึงแปลกมาก คุณชายเสิ่นเคยถูกพิษมาก่อน นางไม่รู้ว่าคุณชายเสิ่นถูกพิษชนิดใด แต่จากเส้นชีพจรและปราณที่เป็นเช่นนี้ คงเป็นพิษรุนแรง ถึงแม้พิษจะไม่เหลืออยู่ในร่างกายแล้วก็ตามแต่ผลข้างเคียงค่อนข้างหนักหนา คนที่ช่วยชีวิตเสิ่นจิ้งเฟยได้ต้องเป็นสุดยอดฝีมือ แม้ว่าร่างกายจะไม่ปกติ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางรักษาให้ดีขึ้น แต่วิธีค่อนข้างจะยากสำหรับคนที่ร่างกายอ่อนแออย่างเสิ่นจิ้งเฟย

“คุณชาย อาการอ่อนแรงที่เกิดขึ้น ท่านคงรู้ดีกว่าข้าว่ามาจากสาเหตุใด ข้าจะไม่ซักถามให้ท่านลำบากใจ เพียงแค่อยากบอกคุณชายว่าอย่าได้ท้อ อาการที่เกิดกับท่านใช่ว่าจะไม่มีทางรักษา”ซูเหลียนฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ถึงจะพูดเช่นนี้แต่ก็ทำได้แค่รักษาให้ดีขึ้นไม่มีทางหายขาด ไป๋ผูอวี้จิบชานั่งฟังอยู่เงียบๆเห็นสีหน้าของนางก็เบาใจว่าเสิ่นจิ้งเฟยไม่ตายง่ายๆแน่

“อย่างไรหรือ”จื่อฟางเอ่ยถาม เก็บงำสีหน้าสงสัยไว้ไม่อยู่ ถึงจะยังงงว่าเสิ่นจิ้งเฟยป่วยเป็นอะไรก็ตาม

“เปิดจุดทั่วร่าง ใช้กำลังภายในทะลวงจุดชีพจรเพื่อปรับสมดุลให้ลมปราณไหลเวียนเป็นปกติ แต่ในเวลานี้ิร่างกายของท่านไม่อาจรับได้ ท่านจึงจำเป็นต้องฝึกวิชาลมปราณให้กล้าแข็งก่อน ร่างกายท่านไม่เหมือนคนทั่วไปเกรงว่าจะกินเวลานานหลายปี คุณชายเสิ่น ข้าเข้าใจหากท่านจะท้อใจจนปล่อยปละละเลย ความตายง่ายกว่ามีชีวิตอยู่ก็จริง แต่ท่านควรคิดถึงคนข้างหลัง….”ซูเหลียนฮวาเอ่ยเสียงเศร้าหมอง นางตรวจพบว่าธาตุไฟในร่างของคุณชายเสิ่นมีมาก แสดงว่าไม่ได้ดื่มยาสมุนไพรบำรุง และไม่ได้โคจรลมปราณอย่างสม่ำเสมอจนทำให้ร่างกายยิ่งอ่อนแอ

“ท่าน…ว่าอะไรนะ”จื่อฟางมึนงงคล้ายฟังไม่ทัน เหตุใดนางพูดเหมือนกับว่าเขาอยากตายเสียอย่างนั้น จื่อฟางปวดขมับจี๊ดๆขึ้นมาทันที

“นางกลัวว่าท่านจะยอมแพ้ไม่รักษาต่อแล้วเลือกความตายแทน”ไป๋ผูอวี้เอ่ยเสียงนิ่ง แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่านางแค่แกล้งพูดให้เศร้าไปอย่างนั้น อาการของเสิ่นจิ้งเฟยไม่ได้ร้ายแรงใกล้ตาย แค่ต้องดื่มยาบำรุงฝึกลมปราณไปเรื่อยๆเท่านั้นเอง

“ตาย? ข้าจะอยากตายไปทำไม”เขาพลันเข้าใจ รู้สึกอยากหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมๆกัน แค่มีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว!

“แล้วเหตุใดท่านจึงปล่อยร่างกายให้เป็นเช่นนี้เล่า”ซูเหลียนฮวามองตนด้วยสายตาปั้นปึ่งก่อนยื่นมือขาวเนียนมากดบริเวณแขนของเขาอย่างรวดเร็ว

“โอ๊ยย”จื่อฟางปวดแปลบขึ้นมาทันที จางต้าได้ยินซูเหลียนฮวาเอ่ยเช่นนี้ก็ตื่นตระหนก

“คุณชายท่านจะคิดสั้นอยากตายไม่ได้นะขอรับ ข้าน้อย…ข้าน้อยจะหาหมอมารักษาท่านเอง หากนายท่านรู้เรื่อง…”พูดถึงตรงนี้เสิ่นจิ้งเฟยก็รีบโบกมือบอกให้เขาเงียบ จางต้าพลันเข้าใจ คุณชายคิดปกปิดเรื่องนี้ไว้

“เจ้าไม่ต้องห่วง ใช่ว่าข้าใกล้ตายเสียเมื่อไหร่”จื่อฟางพูดเสียงชื่นมื่นไม่อยากให้จางต้ากังวลจนเกินไป ได้แต่ส่งสายตาไม่ให้นำเรื่องนี้ไปบอกเสิ่นมู่หยาง ยังมีหยางชวีที่อยู่ด้านนอกคงได้ยินหมดแล้วกระมัง

“คุณชายเสิ่น…”จางต้ามีคำถามมากมายแต่ก็รีบยั้งตัวเองไว้ หากถามออกไปคุณชายก็ไม่คิดบอกอยู่ดี ไม่เช่นนั้นคงไม่ปกปิดเรื่องอาการป่วยไว้ ไยต้องเก็บเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ไว้กับตัวด้วย จางต้าคิดแล้วไม่เข้าใจ

ไป๋ผูอวี้มองเสิ่นจิ้งเฟยที่นั่งอยู่ข้างกายซูเหลียนฮวาแล้วถอนหายใจ ซูเหลียนฮวาเป็นหญิงงาม แต่ใบหน้างดงามของเสิ่นจิ้งเฟยยังสามารถเทียบเคียงได้ บุรุษเช่นนี้นางชอบตรงที่ใดกัน เขานึกถึงฉินเซียงอิน เมื่อไม่นานมานี้ตนเคยถามนางว่าเหตุใดถึงไม่ชอบเสิ่นจิ้งเฟย นางตอบเพียงว่าไม่ชอบบุรุษที่มีใบหน้างดงาม บุรุษหนุ่มนึกถึงนางแล้วก็หนักใจอยู่บ้าง

ซูเหลียนฮวาส่งสายตาลึกลับไปให้คุณชายไป๋ก่อนก้มอ่านบทกวีที่เสิ่นจิ้งเฟยแต่งไว้ นางอ่านจบนัยน์ตาก็เป็นประกายซุกซน

“ลูกไหนหล่นจากต้น… คุณชายไป๋สนใจเก็บไหมเล่า”นางเอ่ยหยอกล้อ มุมปากยกเป็นรอยยิ้ม จื่อฟางส่งเสียงไอ ซูเหลียนฮวาพูดอะไรของนาง! 

“ข้าไม่ชอบลูกไหน”ไป๋ผูอวี้ตอบเสียงเรียบ สีหน้ายังคงเดิม หญิงสาวหัวเราะ ให้นางจับชีพจรของคุณชายเสิ่นไม่ใช่ว่าสนใจหรือ คุณชายไป๋ยังคงเหมือนเดิมจริงๆ

“อย่าให้ข้าเห็นท่านแอบกินก็แล้วกัน”ซูเหลียนฮวาพึมพำเบาๆให้คุณชายไป๋ได้ยิน ชายหนุ่มส่งสายตาปรามรู้สึกว่านางสนุกมากเกินไปแล้ว

“แล้วคุณชายเสิ่นชอบหรือไม่”นางหันมาทางจื่อฟาง  ดวงตาเป็นประกายมีชีวิตชีวา เด็กหนุ่มปรายตามองไป๋ผูอวี้ที่เหมือนไม่อยากร่วมวงสนทนา

“ข้าชอบแบบตากแห้ง”จื่อฟางได้แต่ตอบไปเช่นนั้น

“แสดงว่าข้ากับท่านใจตรงกัน หากมีโอกาสข้าจะพาท่านไปเก็บลูกไหน”นางเอ่ยอยากไม่ติดขัด รู้สึกขบขันที่ไป๋ผูอวี้ทำหน้าเหมือนอยากเข้ามาพูดสั่งสอนนาง จางต้าได้แต่ทำหูทวนลม เห็นคุณชายเสิ่นทำท่ากระอักกระอ่วนก็แปลกใจ คุณชายท่านแสดงละครอีกแล้วหรือ!

ซูเหลียนฮวาเห็นเสิ่นจิ้งเฟยทำหน้าไม่ถูกรอยยิ้มก็กว้างขึ้น ไม่ใช่ว่าคุณชายชอบหญิงใจกล้าหรือ นางเคยได้ยินแม่นางน้อยในหอผูเยว่จับกลุ่มคุยเรื่องบนเตียงของเสิ่นจิ้งเฟยบ่อยๆ นางไม่แปลกใจที่คุณชายเสิ่นจะชอบคุณหนูฉิน แต่ความงามของนางมองแล้วน่าเบื่อไปหน่อย คุณชายเสิ่นยังน่ามองกว่า ไม่รู้ว่าคุณชายไป๋จะคิดเช่นเดียวกันหรือไม่ เอาไว้ค่อยแกล้งเล่นคราวหลังก็แล้วกัน

จื่อฟางเหงื่อตกสังหรณ์ใจว่านางคิดเรื่องแปลกๆอยู่แน่ ในห้องจึงเกิดบรรยากาศแปลกประหลาด จนกระทั่งมีเสียงพูดคุยดังหึ่งๆอยู่ด้านนอก ไป๋ผูอวี้ขมวดเมื่อเว่ยหลงพรวดพราดเข้ามารายงาน   

“คุณชายไป๋ ด้านนอกมีมือปราบแซ่อู๋มาตรวจค้นโรงน้ำชาขอรับ”เว่ยหลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจนัก

“ตรวจค้นหรือ เกิดอะไรขึ้น”ไป๋ผูอวี้ยืนขึ้นทันที สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด จื่อฟางเริ่มสนใจ 

“ดูเหมือนพวกเขาจะมาหาเบาะแสจับโจรขอรับ”

“โจร?”ไป๋ผูอวี้ถามเสียงงุนงง ไม่รอช้าก้าวออกไปนอกห้องทันที จื่อฟางอยากออกไปดูด้วยจึงขยับตัวลุก

“ท่านอยู่ด้านในดีกว่า”ซูเหลียนฮวาเอ่ย ที่ด้านนอกยังมีหยางชวี รู้สึกพอใจที่เจ้านั่นถูกทิ้งให้ไม่รู้เรื่องใดเลย

“ข้าอยากออกไปดูเรื่องสนุก”จื่อฟางไม่อยากพลาดจึงลุกออกไปด้านนอก จางต้าไม่อยากให้คุณชายเข้าไปยุ่งเกี่ยว จึงได้แต่เดินตามด้วยสีหน้าว้าวุ่น หยางชวียืนอยู่นอกห้องดื่มชาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แต่ไม่ใช่เพราะมีมือปราบมาตามจับโจร แต่เป็นเรื่องที่ตนได้ยินจากด้านในต่างหาก คุณชายเสิ่นป่วยแต่เก็บเรื่องนี้ไม่บอกนายท่านใหญ่ คุณชายคิดสิ่งใดอยู่ หยางชวีไม่คิดว่าตนจะมีอารมณ์โกรธมากเท่านี้ เป็นอารมณ์ขุ่นเคืองของเขาเอง

ผู้ติดตามยอมรับว่าหงุดหงิดที่คุณชายไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ ลมปราณของเขาแข็งแกร่ง เรื่องเดินลมปราณหากคุณชายขอให้เขาช่วยไยจะไม่ได้ หยางชวีทำงานรับใช้คุณชายมาเกือบสองเดือน เสิ่นจิ้งเฟยยังไม่ไว้ใจตนอีกหรือ ความคิดนี้ทำให้เขาไม่สบายใจนัก

จื่อฟางออกมาด้านนอกก็เจอกับหยางชวีที่ยืนหน้าเรียบเฉยรออยู่ ฝ่ายนั้นขมวดคิ้วท่าทางเหมือนกำลังโกรธ

“คุณชาย ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน”หยางชวีก้าวมาขวางไม่รอให้คุณชายได้ลงไปชั้นล่าง จื่อฟางขมวดคิ้ว รู้สึกหงุดหงิดที่ถูกหยางชวีทำท่าทางคุกคามใส่

“ว่ามา”เขาเองก็มีเรื่องจะคุยเช่นกัน

“ท่านป่วยเป็นอะไรกันแน่”ชายหนุ่มกระซิบถาม สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง

“ข้าไม่บอก”จื่อฟางตอบเสียงเข้มเพราะตนก็ยังไม่รู้แน่ชัด อีกทั้งเขาไม่โง่บอกเรื่องสำคัญกับคนที่ทำงานให้เสิ่นมู่หยาง เสิ่นจิ้งเฟยตัวจริงเก็บงำเรื่องนี้มาตั้งนานแสดงว่าต้องมีเหตุผลและเขาจะเก็บต่อไป


“ท่าน…”หยางชวีเหมือนอยากเข้ามาบีบคอจื่อฟางอย่างไรอย่างนั้น เจ้าตัวสูดลมหายใจก่อนกลับมามีท่าทีสงบตามเดิม

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก หากนายท่านรู้เข้า…”

“พอได้แล้ว ข้าจะพูดสั้นๆ ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกท่านพ่อเด็ดขาด!ไม่อย่างนั้น…”จื่อฟางชะงักไปไม่รู้ว่าจะนำขออ้างไหนมาข่มขู่อีกฝ่าย หยางชวีเลิกคิ้วรอฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉยที่ทำให้เขาอยากต่อยสักหนึ่งที

“ข้าจะให้ซูเหลียนฮวาไปจัดการเจ้า”เขากระซิบ หยางชวีมองคุณชายเสิ่นอย่างอ่อนใจ

“คุณชาย เรื่องนี้ข้าช่วยท่านไม่ได้จริงๆ”เขาก็มีหน้าที่ของตนเอง คุณชายเสิ่นไม่เข้าใจหรือ

“ก็ดี ข้าจะได้รู้ว่าเจ้าไว้ใจไม่ได้ เจ้าไม่ต่างอะไรกับพวกบ่าวไพร่ในจวนสักนิด อยากทำอะไรก็เชิญเถอะ”จื่อฟางรู้ว่าหยางชวีพูดคำไหนคำนั้น ทั้งยังเคารพเสิ่นมู่หยางมากกว่าตัวเขา จะพูดอย่างไรก็คงไร้ประโยชน์ เขาหมุนตัวจากไปพยักหน้าเรียกจางต้าลงไปชั้นล่างด้วยจิตใจว้าวุ่น 

“คุณชาย…”จางต้าเอ่ยเรียกรู้สึกเป็นห่วง

“เจ้าเลือกเอาว่าจะเป็นแค่บ่าวรับใช้หรือมิตรข้า”จื่อฟางถามเสียงแข็ง จะว่าไปแล้วคนรอบตัวของเสิ่นจิ้งเฟยมีผู้ใดไว้ใจได้บ้าง เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก

“ข้าน้อยจะไม่บอกนายท่านเด็ดขาดขอรับ ขอแค่คุณชายไว้ใจข้าน้อยก็พอแล้ว ข้าน้อยไม่กล้าเป็นสหายของคุณชาย…”จางต้าพูดไม่ออก จะไม่ทำตัวน่าขายหน้าต่อหน้าคุณชายอีก จื่อฟางเห็นอีกฝ่ายตาแดงเหมือนจะร้องไห้ก็ยกมือตบบ่าเบาๆ

“ลงไปข้างล่างกันเถอะ”

ชั้นแรกเนื่องแน่นไปด้วยผู้คน ช่วงสายๆเป็นช่วงที่คนแน่นร้านอยู่แล้ว แต่เวลานี้มีคนมาเพิ่มอีกกลุ่มหนึ่งก็ยิ่งแน่นขนัด เป็นมือปราบตำแหน่งซื่อจี้ทำหน้าที่ลาดตระเวนจับโจรแซ่อู๋นายหนึ่ง เขานำทหารชั้นผู้น้อยอีกสี่คนยืนอออยู่กลางโถงด้วยท่าทางอวดเบ่ง ยิ่งสร้างความตื่นตระหนกให้ผู้คนในร้าน ต่างก้สงสัยเหมือนๆกันว่ามาตามจับโจรแล้วเหตุใดต้องมาที่โรงน้ำชา

จื่อฟางลงมาก็เห็นไป๋อู่เหยียนและไป๋ผูอวี้กำลังพูดคุยกับมือปราบรูปร่างใหญ่ด้วยสีหน้าจริงจัง การปรากฏตัวของเขาเรียกสายตาของคนในโรงน้ำชาได้ดี จื่อฟางรู้สึกอึดอัดที่สายตาเกือบทั้งหมดพุ่งตรงมาที่ตนเองคล้ายกับสปอร์ตไลท์

‘มองอะไรกันไม่เคยเห็นเสิ่นจิ้งเฟยหรือไร’

จื่อฟางได้แต่บ่นอยู่ในใจ รู้สึกเสียวสันหลังวาบ สายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่ร่างของตนราวกับอยากฉีกเสื้อผ้าออก เขาไม่ได้คิดไปเอง สายตาเช่นนี้เคยเจอมาก่อนในผับบาร์ แต่ไม่คิดว่าจะเจอในโรงน้ำชายามสาย เขากวาดตามองหา ก็พบว่าเป็นสายตาของคุณชายท่าทางสูงศักดิ์ที่โต๊ะด้านในนั่นเอง เขาเริ่มเครียด หรือเป็นสหายของเสิ่นจิ้งเฟย เป็นไปไม่ได้ อายุห่างกันเกินไป แววตาดำลึกของชายหนุ่มอ่านไม่ออก ประกายในดวงตาทำให้จื่อฟางไม่สบายใจ เขาจึงเบนสายตากลับไปมองดูเหตุการณ์ตรงหน้า มองเห็นนายทหารคนหนึ่งถือแผ่นกระดาษหลายแผ่น คล้ายเป็นภาพวาดหมึกดำ

“ได้ยินว่าท่านมาตามหาเบาะแสโจร ไม่ทราบว่ามีเรื่องใดที่ข้าช่วยได้หรือไม่”ไป๋ผูอวี้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ รู้สึกไม่พอใจที่คนพวกนี้เข้ามาในร้านด้วยท่าทางวางอำนาจจนทำให้ผู้คนตกใจ

“มีคนแจ้งมาว่าเคยเห็นชายคนนี้มาขอขนมที่โรงน้ำชาหลิวซื่อบ่อยๆ”มือปราบอู๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนเล็กน้อยก่อนจะส่งภาพวาดขาวดำให้ไป๋ผูอวี้ดู ถึงแม้สกุลไป๋จะไม่มียศตำแหน่ง แต่ก็เป็นคหบดีที่ร่ำรวยสกุลหนึ่ง เขาจึงไว้หน้าอยู่หลายส่วน ไป๋ผูอวี้กวาดตามองภาพวาดอยู่นาน ภาพถูกวาดอย่างลวกๆ ทำให้มองออกยากว่าเป็นผู้ใด แต่เขาจำลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ของชายคนนี้ได้ บวกกับข้อมูลที่ได้รับเขาจึงรู้ว่าโจรที่มือปราบอู๋เอ่ยถึงคือขอทานคนหนึ่งที่เคยมาขอขนมและน้ำชาที่นี่บ่อยๆ

“ข้าเกรงว่าจะช่วยอะไรท่านไม่ได้ โจรที่ท่านตามหาไม่ได้มาที่โรงน้ำชาระยะหนึ่งแล้ว”ไป๋ผูอวี้ตอบ แม้จะแปลกใจว่าชายขอทานผอมแห้งคนนั้นจะกลายเป็นโจรไปได้อย่างไร แต่เขาก็เก็บงำสีหน้าสงสัยไว้ มือปราบอู๋รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง

“หากพวกท่านพบเห็นเขา โปรดแจ้งทางการด้วย”เขาไล่สายตาไปเจอคุณชายเสิ่นกับบ่าวรับใช้ ก็ลอบแปลกใจ ดูท่าข่าวลือในตลาดที่บอกว่าคุณชายไป๋ช่วยสอนหนังสือให้คุณชายใบหน้างามผู้นี้จะเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว

จื่อฟางเดินเอื่อย ๆเข้าไปขอรูปวาดจากทหารชั้นผู้น้อยนายหนึ่งมาดู ผู้คนในร้านมองตามการก้าวย่างของคุณชายรูปงาม สงสัยว่าเขาจะทำเรื่องใด ไป๋ผูอวี้ขมวดคิ้ว เสิ่นจิ้งเฟยคงไม่ได้คิดก่อกวนอีกหรอกนะ เกิดเรื่องทีไรต้องเป็นที่โรงน้ำชาของเขาทุกที

มือปราบอู๋มองคุณชายเสิ่นอย่างไม่เข้าใจ“คุณชายเคยเห็นเขาหรือ”เขาถามเสียงประจบประแจง เว่ยหลงแค่นเสียงหึอยู่ในใจ ทำอย่างกับสุนัขเห็นกระดูก

จื่อฟางขมวดคิ้วกวาดตามองภาพวาดน่าเกลียดตรงหน้า “นี่เรียกว่าภาพวาดได้หรือ”รอยยิ้มประจบบนหน้าของอู๋โจวสือกระตุก

“คุณชาย นี่เป็นเบาะแสเดียวที่เรามี…”หากท่านไม่คิดช่วยอะไรก็อย่ามายุ่ง อู๋โจวสือคิดอย่างเผ็ดร้อน คุณชายเสิ่นไยต้องก่อกวนการทำงานของผู้อื่นด้วย

“เบาะแสเดียว? เกรงว่าชาตินี้พวกท่านก็จับโจรไม่ได้หรอก ข้ามองมุมไหนก็ไม่เห็นเป็นภาพคน”จื่อฟางวิจารณ์ เขาพูดความจริง ภาพวาดมองไม่ออกเลยว่าตามจับใคร ยกเว้นจมูกยาวๆทำให้เขานึกถึงพิน็อคคิโอ เว่ยหลงกลั้นอารมณ์อยากหัวเราะเอาไว้อย่างยากลำบาก น้อยครั้งนักที่คุณชายผู้นี้จะพูดจาเข้าหู

“คุณชายเสิ่น…”หยางชวีส่งเสียงปราม บุรุษหนุ่มตามลงมาได้สักพักแล้ว มือปราบอู๋ข่มอารมณ์โกรธอยู่ในใจ หากบิดาของเสิ่นจิ้งเฟยไม่ใช่ขุนนางขั้นสองล่ะก็ เขาคงสั่งให้คนลากคุณชายผอมบางแรงน้อยไปทุบตีจนแบนแล้ว

“ข้าแค่เพียงอยากช่วยเท่านั้น”ผู้คนในโรงน้ำชาทำสีหน้าพิกล เมื่อได้ยินเสิ่นจิ้งเฟยพูด นี่เรียกว่าช่วยหรือ? ฃ

คุณชายสูงศักดิ์มองเหตุการณ์ด้วยความสนใจ อยากรู้ว่าบุตรของเสนาบดีเสิ่นผู้นี้จะทำสิ่งใดอีกให้เขาแปลกใจอีก

“บุตรชายเป็นเช่นนี้ เสนาบดีเสิ่นคงปวดหัวน่าดู”ชายร่วมโต๊ะเอ่ยเบาๆ แววตาไม่ใคร่จะชอบคุณชายไม่เอาไหนเช่นนี้นัก

“เรากลับคิดว่าน่าสนใจ พวกท่านไม่คิดหรือว่าเขาดูแปลกไปจากคราวก่อนมาก เราอยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อ”คุณชายสูงศักดิ์เอ่ยเสียงราบเรียบแต่กระแสความพอใจนั้นปิดไม่มิด ผู้ร่วมโต๊ะอีกสองคนไม่ได้เอ่ยสิ่งใด พวกเขาชินกับความคิดแปลกๆของคนผู้นี้แล้ว จึงได้แต่ก้มหน้ารับฟัง

หยางชวีเข้ามาประชิดตัวคุณชาย กระซิบพูดเสียงเบา “ข้าไม่อยากให้ท่านก่อเรื่อง ครั้งนี้นายท่านจะเสียหน้าไปด้วย”เขากวาดสายตามองภาพวาดในมือของคุณชาย ถึงแม้จะดูไม่ออกจริงอย่างที่คุณชายว่าแต่เขาก็จำจมูกงุ้มของชายในภาพได้

“นี่เป็นขอทานที่ชนท่านเมื่อเช้า”หยางชวีเอ่ย มองใบหน้าหมดจดของเสิ่นจิ้งเฟยเพื่อดูว่าคุณชายจำได้หรือไม่ จื่อฟางร้องอ้ออยู่ในใจ เจ้าคนตัวเหม็นสาบนั่นเอง เขามองภาพวาดตรงหน้าอยู่นาน หากหยางชวีไม่บอกเขาคงมองไม่ออก

“คุณชายเสิ่น เคยเห็นเขาหรือ”มือปราบอู๋ไม่รอช้าเอ่ยแทรก เขาต้องนำตัวเจ้าโจรในคราบขอทานผู้นี้มาให้ได้ มีบัณฑิตผู้หนึ่งต้องการจับชายผู้นี้ ค่าจ้างอย่างงามจนไม่สามารถปฏิเสธได้พวกเขาจึงแค่ทำตามเท่านั้น

“อืม เขาเดินชนข้าในตลาด ที่ข้าพูดว่าอยากช่วยคือเรื่องจริง ภาพวาดใบนี้มองอย่างไรก็ไม่เหมือนเขาสักนิด ข้าจะวาดใหม่เอง”จื่อฟางเอ่ยด้วยเสียงก้องกังวาน ถึงเวลาเขาออกโรงแล้ว จังหวะดีเสียด้วย ผู้คนในโรงน้ำชาเยอะเช่นนี้ก็ดี เขาจะได้แสดงให้เห็นว่าเสิ่นจิ้งเฟยก็มีดีเช่นกัน

“ท่านว่าอะไรนะ”มือปราบอู๋คิดว่าตนได้ยินผิดไปแน่ แต่จื่อฟางหันไปทางจางต้าแล้วสั่งให้เขานำหมึกและพู่กันออกมา

“คุณชายจะวาดจริงหรือ”หยางชวีไม่แน่ใจนัก เขารู้ว่าช่วงนี้คุณชายชอบวาดภาพ แต่เขายังไม่เคยเห็นเสิ่นจิ้งเฟยวาดคนมาก่อนจึงกลัวว่าจะเป็นการโม้เหม็นไปเสียเปล่าๆ

ซูเหลียนฮวานั่งอยู่ในห้องดื่มชาฟังเสียงจากด้านนอก เวลานี้นางไม่สะดวกออกไปเจอผู้คนจึงได้แต่เสียดายที่ไม่สามารถชมเรื่องสนุกได้ ไป๋ผูอวี้ไม่เคยเห็นเสิ่นจิ้งเฟยวาดภาพมาก่อน จึงคิดห้ามแต่บิดาของเขากลับส่ายหน้าไปมา

“รอดูเถอะ”ไป๋อู่เหยียนเห็นว่าเสิ่นจิ้งเฟยมั่นใจมาก บนใบหน้างดงามมีรอยยิ้มสว่างไสวไม่เหมือนยามที่หาเรื่องแกล้งคนเล่น ไป๋ผูอวี้เลิกคิ้วแปลกใจที่ท่านพ่อของเขาเห็นดีเห็นงามให้เสิ่นจิ้งเฟยก่อเรื่องในโรงน้ำชา

“คุณชายเสิ่น ข้าไม่มีเวลามาล้อเล่นกับท่าน”มือปราบอู๋ตัดสินใจพูด เหตุใดไม่มีใครมาหยุดเรื่องไร้สาระนี่ เขามองไปรอบ ๆก็พบว่าชาวบ้านหลายคนมามุงดูอยู่หน้าร้านน้ำชาด้วยความสนใจ เรื่องที่เกี่ยวกับเสิ่นจิ้งเฟยพวกเขาสนใจเป็นพิเศษ

“วางใจเถิด ข้าไม่ได้ล้อเล่น ฝีมือวาดภาพของข้าไม่ด้อยกว่าผู้ใดแน่นอน”จื่อฟางไม่ได้โอ้อวดเกินจริง แต่เขานำเทคนิคการวาดภาพเหมือนในยุคปัจจุบันมาใช้ในโลกที่ยังไม่มีผู้ใดคิดทำ ได้แต่เสียดายที่ไม่มีสีน้ำมัน 

ผู้คนในโรงน้ำชาเริ่มส่งเสียงหัวเราะ บางคนก็รู้สึกคึกคักที่จะได้เห็นเรื่องสนุก เว่ยหลงก็เป็นหนึ่งในนั้น วันนี้จะได้เห็นเสิ่นจิ้งเฟยขายหน้าอีกแล้ว ไป๋ผูอวี้รู้สึกปวดหัวขึ้นมา มองบิดาของตนที่ยืนดูด้วยสีหน้าสนุกก็ไม่กล้าก่นด่าผู้อื่นว่าไร้สาระอีก

‘เสิ่นจิ้งเฟย เจ้าเห็นโรงน้ำชาสกุลไป๋เป็นพื้นที่อวดตัวไปแล้วหรือ’

“คุณชาย ข้านำหมึกและกระดาษมาแล้ว”จางต้ากลับมาพร้อมกับกระดาษซวนจื่อ พู่กันและจานหมึก แต่หาโต๊ะว่างไม่เจอจึงยืนโง่งมอยู่เช่นนั้น

“พี่สาวท่านนี้ ข้าขอยืมโต๊ะได้หรือไม่”จื่อฟางเอ่ยถามหญิงวัยประมาณยี่สิบปลายๆที่โต๊ะตัวใกล้สุด นางอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง แต่ก็ยอมให้จื่อฟางนั่งร่วมโต๊ะด้วย จางต้าวางกระดาษซวนจื่อลงตรงหน้า จื่อฟางจับพู่กันตั้งสมาธินึกถึงใบหน้าชายขอทานผู้นั้น ค่อนข้างเป็นเรื่องยากอยู่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าเขาจะวาดภาพเหมือนได้ แต่ครั้งนี้แตกต่างจากคราวก่อน เขาวาดเสิ่นจิ้งเฟยเพราะเห็นหน้าทุกวัน แต่เขาเคยเห็นชายขอทานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ให้นึกจากความจำก็ยาก เขาจึงนำภาพวาดน่าเกลียดใบนั้นมาเป็นแบบร่าง

ใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะปัดพู่กันเติมแต่งส่วนที่ควรวาด ชายขอทานแก้มตอบ จมูกงุ้ม จื่อฟางคล้ายจะลืมไปแล้วว่าดวงตาเป็นอย่างไร แต่หยางชวีมาช่วยบอก อาจจะไม่เหมือนตัวจริงเท่าไร แต่แค่เห็นจุดเด่นบนใบหน้าของโจรในคราบขอทานผู้นี้ก็ต้องจำได้แน่นอน เขาแต่งเติมอีกเล็กๆน้อยๆจึงเสร็จ

“นี่อย่างไร”จื่อฟางวางพู่กันโชว์ภาพเหมือนให้คนในโรงน้ำชาด้วยท่าทางภูมิใจ ถึงแม้พวกเขาจะไม่เคยเห็นชายในภาพ แต่แค่มองก็รู้ว่าเสิ่นจิ้งเฟยมีฝีมือวาดรูปอย่างแน่นอน เด็กหนุ่มยิ้มพอใจที่เห็นปฏิกิริยาของทุกคน จื่อฟางส่งภาพให้มือปราบอู๋ดู ฝ่ายนั้นรับภาพไปด้วยใบหน้าตะลึงงัน ไป๋ผูอวี้และหยางชวีเคยเห็นขอทานผู้นี้เมื่อเห็นฝีมือวาดภาพของเสิ่นจิ้งเฟยก็พูดไม่ออกไปครู่ใหญ่

‘คุณชายเสิ่นมีความสามารถถึงเพียงนี้เชียว’ ไป๋ผูอวี้มองจื่อฟางที่มีรอยยิ้มเต็มหน้าด้วยสายตาคาดไม่ถึง 


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2019 12:29:23 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
 



 

มีเสียงปรบมือดังมาจากโต๊ะคุณชายสูงศักดิ์ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาปรากฏความพอใจ

“ฝีมือของน้องชายยอดเยี่ยมนัก ข้าไม่เคยเห็นการวาดเช่นนี้มาก่อน”คุณชายสูงศักดิ์เอ่ยชมจากใจจริง ไม่คิดว่าคุณชายเสิ่นจะมีความสามารถอย่างอื่นซุกซ่อนอยู่ จื่อฟางได้แต่ก้มหน้ารับคำชม

“คุณชาย ขอบคุณท่านมากจริงๆ!”มือปราบอู๋เอ่ยเสียงดัง เขาม้วนภาพวาดเก็บไว้ราวกับเป็นสมบัติชิ้นสำคัญ

“ขออภัยที่รบกวนพวกท่าน”มือปราบอู๋หันไปทางสกุลไป๋ ไม่ได้แสดงพิธีรีตองใดมากก่อนที่จะพากันออกไปจากโรงน้ำชา ชาวบ้านที่มาดื่มชาต่างจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป จื่อฟางอารมณ์ดีมาก หันไปเจอคุณชายสูงศักดิ์ที่ยังมองสำรวจตนอยู่พบว่าสายตาของคนผู้นั้นแฝงรอยยิ้ม

‘คนรู้จักของเสิ่นจิ้งเฟยจริงๆสินะ’จื่อฟางไม่กล้าทำอะไรทั้งไม่แน่ใจจึงได้แต่ตีหน้านิ่งเฉย

“คุณชายเสิ่น ข้ากับท่านยังมีเรื่องต้องจัดการ”ไป๋ผูอวี้ไม่รอให้เขาตอบ เดินนำไปยังชั้นสองอย่างรวดเร็ว จื่อฟางแจกรอยยิ้มให้คนทั้งโรงน้ำชาก่อนเดินตามไป๋ผูอวี้ไปยังห้องดื่มชา หยางชวีได้แต่ตามไปเฝ้าหน้าห้องเงียบๆเช่นเดิม คล้ายกับเรื่องที่คุณชายเสิ่นพูดก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น

“ท่านรู้จักคุณชายผู้นั้นหรือ เห็นเขามองท่านไม่วางตา”ไป๋ผูอวี้ถามเมื่อเสิ่นจิ้งเฟยเข้ามาแล้ว ซูเหลียนฮวาไม่ได้อยู่ในห้อง ไม่รู้ออกไปเมื่อใด เขาจำคุณชายท่าทางไม่ธรรมดาคนนี้ได้ เพราะลักษณะที่มองอย่างไรก็มิใช่ชาวบ้านธรรมดา ไป๋ผูอวี้พบเขาไม่บ่อย แต่หากมาจะนั่งโต๊ะตัวเดิม และไม่ใช้ห้องส่วนตัวซึ่งน่าแปลกมากสำหรับคุณชายร่ำรวย บุรุษหนุ่มมีความคิดที่คาดเดาอยู่ในใจ แต่ไม่แน่ใจนัก

จื่อฟางไม่กล้าตอบออกไปส่งเดช จึงแค่นยิ้มปริศนาไปให้

“ดูเหมือนท่านคบหาแต่ชายหนุ่มรูปงาม”

“ท่านก็รูปงาม”จื่อฟางเอ่ยชมอย่างไม่คิดมาก คำพูดออกไปเร็วเสมอ เขาจึงแสร้งรินน้ำชาแก้เก้อ ไป๋ผูอวี้ไม่คิดว่าจะถูกชมกะทันหันจึงนิ่งค้างไปบ้าง ส่วนจางต้าเอาแต่ก้มหน้ามองพื้นประหนึ่งไม่มีตัวตน

ไป๋ผูอวี้แนะนำเรื่องบทกวีให้เขาเกือบๆหนึ่งชั่วยาม จื่อฟางต้องทนไม่หาวนอนแทบแย่ เสียงของท่านอย่างกับยานอนหลับดีๆนี่เอง

~•~

ไป๋ผูอวี้ยืนเอามือไพล่หลังมองภาพวาดบนผนังในห้องดื่มชาส่วนตัว เสิ่นจิ้งเฟยกลับไปได้สักพักแล้ว หากบอกว่าไม่สนใจคุณชายเสิ่นก็คงเป็นเรื่องโกหก เขากำลังรอซูเหลียนฮวา เพราะรู้ว่านางยังไม่กลับ มีเสียงเคลื่อนไหวดังขึ้น เมื่อหมุนตัวกลับไปมองก็พบว่าเป็นนางจริงดังคาด หญิงงามคล้ายกับคาดไว้แล้วว่าตนรอพบด้วยเรื่องอะไร รอยยิ้มบนใบหน้าของนางจึงยิ่งอ่อนหวานไม่น่าดู

“เจ้าตรวจอาการเสิ่นจิ้งเฟยได้ความว่าอย่างไรบ้าง”ไป๋ผูอวี้เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่คิดเปิดปากพูดก่อน ซูเหลียนฮวาเดินมาหยิบบทกวีของเสิ่นจิ้งเฟยมาดู ยกมือลูบตัวอักษรสวยงามช้าๆ

“ท่านอยากรู้ด้วยหรือ ข้าคิดว่าท่านจะไม่สนใจเสียอีก”ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยตอบ นางชอบยกเรื่องของเสิ่นจิ้งเฟยมาหยอกล้อเสมอ ตกลงนางชอบคุณชายใบหน้างามผู้นี้หรือไม่กันแน่ ซูเหลียนฮวาถอนหายใจท่าทางจริงจังกลับมาอีกครั้ง

“เสิ่นจิ้งเฟยเคยโดนพิษจริง ข้าไม่รู้ว่าพิษใด แต่ว่ารุนแรงมากพอที่จะทำให้เขาตาย ข้ายังแปลกใจที่เขายังรอดอยู่ได้ ผู้ที่ช่วยชีวิตเขาไว้มีความสามารถไม่ธรรมดา”นางนึกถึงท่านอาจารย์หย่งสือ แต่ไม่รู้ว่าจะมีความเป็นไปได้แค่ไหน อาจารย์หายตัวไปอย่างลึกลับหลายปี ถึงแม้นางและคุณชายจะสืบหา แต่ก็ไม่เคยพบ

“อืม ข้าก็คิดเช่นกัน เขาโชคดีที่ถูกช่วยไว้ทันเวลา”ไป๋ผูอวี้พึมพำ ถึงแม้ร่างกายของคุณชายเสิ่นจะไม่แข็งแรงเท่าแต่ก่อน

“เขาป่วยมานานหรือยัง”

“หากไม่ผิดพลาด น่าจะไม่ถึงปี ลมปราณของเขายังไม่แข็งแกร่ง”ซูเหลียนฮวานิ่งเงียบไปอย่างใช้ความคิด   

“ใครกันที่อยากได้ชีวิตเขาถึงขนาดต้องวางยาพิษ”ไป๋ผูอวี้พึมพำกับตัวเองเบาๆ   

“คุณชายไป๋ มีหลายเรื่องที่ไม่อาจคาดเดาได้ เรื่องอำนาจในราชสำนัก ภายนอกอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น”นางถอนหายใจ นึกถึงข่าวลือที่นางได้ยินมาจากหลายๆที่ เสิ่นฉินอี้เป็นขุนนางที่เก่งกาจและมีอำนาจมากคนหนึ่ง เขาเป็นฝ่ายสนับสนุนฮ่องเต้องค์ปัจจุบันให้ขึ้นครองราชย์ แต่น่าเศร้าที่ดันต้องมาตายก่อนฮ่องเต้ แต่ซูเหลียนฮวาไม่เชื่อว่าเสิ่นฉินอี้จะป่วยตายเพราะโรคประจำตัว ด้วยเวลาที่กะทันหันเช่นนี้ เวลานั้นเสิ่นฉินอี้เกือบได้เป็นอัครเสนาบดีอยู่แล้ว น่าเสียดายนักไม่อย่างนั้นคงได้เห็นคุณชายเสิ่นวางท่ามากกว่านี้ นางยิ้มเมื่อคิดถึงเสิ่นจิ้งเฟย นางชมชอบคุณชายรูปงาม แต่คุณชายเสิ่นผู้นี้ดูจะแตกต่างออกไปซักหน่อย

“ท่านมีความคิดหรือไม่ว่าเสิ่นจิ้งเฟยนิสัยเปลี่ยนไป ท่านรู้จักกับเขามาหลายปี คิดเช่นไรหรือ”นางเอ่ยอย่างครุ่นคิด คุณชายไป๋มองนางด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“เขาแตกต่างจากเดิมจริง”ไป๋ผูอวี้เคยขบคิดเรื่องนี้แล้วแต่ก็ไม่มีคำตอบ นิสัยของคุณชายเสิ่นไม่เหมือนคนที่เขาเคยรู้จัก แตกต่างราวคนละคน แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปกับทำให้เขาชอบ เสิ่นจิ้งเฟยดูโง่กว่าแต่ก่อน แต่มีชีวิตชีวามากกว่าเดิม เขามักรู้สึกเสมอว่าคุณชายผู้นี้โดดเดี่ยวน่าสงสาร ถึงจะรำคาญแต่ไม่เคยเกลียด เสิ่นจิ้งเฟยในเวลานี้เขาว่าดีแล้ว ซูเหลียนฮวาเห็นคุณชายไป๋มีรอยยิ้มจางก็สงสัยว่าคิดถึงเรื่องใดอยู่ ใช่เสิ่นจิ้งเฟยหรือไม่

“ท่านแน่ใจนะว่าไม่ชอบลูกไหน”นางแสร้งเอ่ยถามอีกครั้ง ไป๋ผูอวี้ปรายตามอง ไม่เอ่ยอะไรอีกเช่นเคย ก็แค่ลูกไหนไม่ใช่หรือ แต่ไป๋ผูอวี้กลับไม่เอ่ยคำ

“ข้าฝากท่านนำยาสมุนไพรบำรุงร่างกายไปให้คุณชายเสิ่นด้วย ต่อจากนี้คงออกจากหอผูเยว่ยากแล้ว”นางส่งกระปุกยาลูกกลอนให้ไป๋ผูอวี้ นี่เป็นยาส่วนตัวของนาง แต่หญิงสาวคิดว่าคุณชายเสิ่นจำเป็นต้องใช้มากกว่า

“เห็นข้าเป็นสารถีรักของเจ้าหรือ”เขาเอ่ยหยอกล้อบ้าง

“ข้าแค่เพียงคิดว่าท่านถนัดเรื่องย่องเบาเท่านั้น”พูดจบนางก็ไม่อยู่รอฟังประโยคสั่งสอน รีบหมุนตัวออกไปจากห้องทันที ทิ้งเสียงหัวเราะรื่นหูไว้ ไป๋ผูอวี้ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมย่องเบาหรือ ให้เด็กในจวนนำสมุนไพรไปให้ก็ได้แล้ว ไม่ได้สิ คนในจวนเสนาบดีไม่รู้ว่าเสิ่นจิ้งเฟยป่วย หรือตนต้องทำตัวเป็นโจรย่องเบาจริง ๆ

“คุณชายจดหมายขอรับ”เว่ยหลงส่งเสียงมาจากด้านนอก ก่อนที่จะนำผ้าไหมมาส่งให้เขา ในผ้าไหมมีจดหมายซ่อนอยู่ จดหมายมีเนื้อความยาว ลายมือเรียงสวยคุ้นตา เขาอ่านจดหมายในมือด้วยแววตานิ่งสงบ 

ชายขอทานผู้นั้นคือคนของอ๋องสามจริง ๆ ข้าได้ยินว่าท่านสอนหนังสือให้เสิ่นจิ้งเฟย ฝากท่านจับตามองเขาด้วยได้หรือไม่ ข้าเป็นห่วง จะอย่างไรเขาก็เป็นสหายข้า พักนี้คงไม่ได้ติดต่อท่านมากนัก

ไป๋ผูอวี้ถอนหายใจก่อนเก็บจดหมายจากสหาย จับตาดูเสิ่นจิ้งเฟยหรือ เขาคงไม่ได้เกี่ยวข้องกับอ๋องสามหรอกกระมัง แต่เสิ่นจิ้งเฟยมีเรื่องปกปิดอยู่จริง เรื่องเคยถูกวางยาพิษก็ด้วย เรื่องน่าปวดหัวเช่นนี้…เขาน่าจะเชื่อคำอาจารย์ที่เคยบอกไว้อย่าไปข้องแวะกับพวกคุณชายเจ้าสำราญ โดยเฉพาะคนไม่เอาไหนอย่างเสิ่นจิ้งเฟย



(Cr. https://zhidao.baidu.com/question/237021277.html



www.wenyanhanyu.com/zhaonan/6033.html



บทกลอนจีนลูกพลัม แปลไทยออกมาไม่เพราะขออภัยอย่างสูง)



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2019 12:29:39 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ^^

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
มียาวกว่านี้อีก สมกับที่รอคอย

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
สนุกดี ซูเหลียนฮวาท่าทางจะเป็นสาววาย
แล้วเจ้าของร่างตัวจริงตอนนี้ไปอยู่ไหนเสียแล้วนะ ทิ้งปัญหาไว้ให้จื่อฟางเยอะแยะเลย

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
กำลังสนุกเลย รอติดตามตอนต่อไปจ้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด