✦ว่าด้วยเรื่องของพระรอง✦ภาคปลาย บทหนึ่ง P.25 14/01/66 อัพพ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✦ว่าด้วยเรื่องของพระรอง✦ภาคปลาย บทหนึ่ง P.25 14/01/66 อัพพ  (อ่าน 179870 ครั้ง)

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
รออ่านเรื่องนี้ กำลังเข้มข้นเลย  o13

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
อื้อหื้อตอนนี้มีครบ พระเอกเค้ามีหึงจื่อฟางหน่อยๆแล้ว ส่วนจิ้งเฟยกะอ๋องสามต้องรู้จักกันแน่เลย เผลอๆที่ยอมคบกับหลี่ฮุ่ยอาจจะมีนัยยะทางการเมืองแอบแฝง ยิ่งอ่านยิงสนุกค่ะ ติดเรื่องนี้งอมแงมเลย

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
เสิ่นจิ้งเฟย ทำตัวเสเพลเพราะผิดหวัง จากการแอบรักฮ่องเต้ จินตนาการล้ำเลิศ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ยังไงๆ.........อยากอ่านต่ออีกแล้ว   :z3: :z3: :z3:

เส่ยจิ้งเฟยทำไมวิพากษ์ฮ่องเต้  :katai1:
ทำไมรู้เรื่องลับๆของฮ่องเต้ได้  :ling1:
หรือเส่ยจิ้งเฟย รู้จักกับอ๋องสาม  o22
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
จริงๆน่าจะเป็นคนฉลาดมากๆ ถึงขนาดเขียนบทความวิพากย์ฮ่องเต้ ไม่ธรรมดาเลยค่ะ ตื่นเต้นไปหมด ค่อยๆเฉลยมาทีล่ะนิด  :hao5:

ออฟไลน์ vy0Cik

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ปมเริ่มเยอะเรื่อยๆแล้ว คิดว่าเสิ่นจิ้งเฟยคงไม่ได้โง่ ทุกอย่างน่าจะถูกนางจัดฉากไว้ เพื่อเอาชีวิตรอดให้คนคิดว่าเป็นคนไม่เอาไหนจะได้ไม่มีคนสนใจ แล้วเสิ่นจิ้นเฟยตัวจริงอยู่ไหนกันนะ จะอยู่ในร่างของจื่อฟางหรือว่าอยู่ที่ไหนสักที่ในโลกนิยาย แล้วร่างของจื่อฟางในโลกจริงจะเป็นยังไง น่าติดตามๆ :hao4:

ออฟไลน์ knxiiviii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ติดตามตอนต่อไปปปปปป

ออฟไลน์ qq_oo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +143/-4
เริ่มซับซ้อน

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
มีความลับกันหมดทุกตัวละครเลย จื่อฟางจะรู้ความลับอะไรต่อไปบ้างนะ  :hao4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
มารอยิ่งอ่านยิ่งลุ้น

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
ตัวจริงนางแค่แกล้งโง่สินะ
คุณพระเอกตาแหลมคม เรื่องที่เห็นเสิ้นจิ้งเฟยโง่กว่าเดิม
 :laugh:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
สนุกมาก รอติดตาม

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
แปะป้ายรออออ สนุกมากกก

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ความลับเยอะจริงๆ :mew5:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ยิ่งอ่านเนื้อเรื่องยิ่งน่าติดตาม อยากอ่านต่อเรื่องสนุกมาก

ออฟไลน์ kimlowbatt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
คาดว่าเสิ่นจิ้งเฟยแกล้งโง่เพื่อสิบอะไรซักอย่าง
อาจจะเป็นคดีของปู่ก็เป็นได้
อึดอัด อยากรู้มากกกกกกกกกก   :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ Thunderyong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากอ่านต่อล๊าววววววววววววว :z13:

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
เพราะว่ายังอ่านนิยายไม่จบด้วยหรือเปล่าจึงมีหลายเรื่องที่ยังไม่เฉลย

แล้วถ้าเป็นชายรักชายจริง ที่เศร้าจนไปเมาที่หอนางโลม จนมาเข้าร่างได้นี่ยังไง



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Toxic

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :z1: :z1: เค้าหูแดงแล้วนะจื่อฟาง :-[ :-[

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
สนุกกกกกค่ะ น่าติดตามมากกกก

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4

บทสิบ: ข่มขู่



เสียงตีกลองบอกเวลายามเหม่า ดังขึ้นฟ้ายังไม่สว่างดีนัก แต่จื่อฟางถูกหยางชวีปลุกให้ลุกจากเตียงด้วยสภาพสะลึมสะลือ เขาลุกมาบ้วนปากล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น พบว่าจางต้ากำลังเคี่ยวยาสมุนไพรอยู่ที่มุมห้องด้วยท่าทางขันแข็ง จื่อฟางสวมเสื้อคลุมทับเสื้อผ้าไหมตัวบางเดินตามหยางชวีออกไปนอกเรือน อากาศเย็นยามเช้าไล่อาการง่วงงุ่นได้ดีนัก

“เจ้าจะให้ข้าทำอะไร”เขาถามระหว่างที่คนตรงหน้านำเขาออกมาที่ลานบ้าน สายลมพัดเอื่อยๆทำให้ใบหลิวส่ายไหวน้อยๆ

“ออกกำลังสักเล็กน้อยจะช่วยกระตุ้นร่างกายของคุณชาย...”หยางชวีร่ายสารพัดประโยชน์ของการออกกำลังให้เขาฟัง หมอนี่ว่าอย่างไรเขาก็ทำตามนั้น การออกกำลังที่ว่าคล้ายกับการรำไทเก็ก หยางชวีให้เขาฝึกเพียงสามท่า แต่ไม่คิดว่าเท่านี้ก็ทำให้เขาเหนื่อยหอบแล้ว ร่างกายของเสิ่นจิ้งเฟยบอบบางจริง ๆ บ่าวไพร่ในเรือนต่างก็มองคุณชายเสิ่นด้วยสายตาแปลกใจ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นคุณชายตื่นแต่ฟ้ายังไม่สาง ทั้งยังฝึกกำลังกับหยางชวีอีก สาวใช้ลู่เฟยแอบมาเมียงมองอยู่หลายคราแต่ก็โดนพ่อบ้านสุ่ยไล่กลับไปทำหน้าที่ของตน

“พอก่อนได้หรือไม่”ถึงปากจะเอ่ยถามแต่เขาไม่รอฟังคำตอบนั่งพักที่ม้านั่งใต้ร่มไม้ทันที หยางชวีรอจนคุณชายเสิ่นหายใจเป็นปกติจึงค่อยช่วยเดินลมปราณ ครั้งนี้จื่อฟางรู้สึกสั่นสะท้านน้อยกว่าคราวก่อน ใจนึกไปถึงบทความวิพากษ์ฮ่องเต้ของเสิ่นจิ้งเฟย เรื่องของอ๋องสามและคำพูดของไป๋ผูอวี้เมื่อคืน ก็ต้องดูว่าท่านมีค่าพอให้เขาเล่นงานหรือไม่ หรือว่าเสิ่นจิ้งเฟยเกี่ยวข้องกับอ๋องสามผู้นั้นจริง ๆ? แล้วอ๋องที่ว่ามีประวัติความเป็นมาเช่นไร เหตุใดเสิ่นจิ้งเฟยถึงไปรู้จักมักจีได้

“คุณชายไม่ได้ยินที่ข้าถามหรือ”เสียงของหยางชวีทำให้จื่อฟางกลับมามีสติ เขากระพริบตาเพิ่งรู้สึกตัวว่าชายหนุ่มเดินลมปราณให้เสร็จแล้ว

“เจ้าว่าอะไรนะ”เขาถามซ้ำ หยางชวีเดินอ้อมมาอยู่ตรงหน้า

“คุณชายสิ่งที่ท่านควรรู้หากคิดจะฝึกวิชาลมปราณคือสมาธิและจิตตั้งมั่น หากคุณชายไม่พร้อมข้าก็ไม่อยากเร่งรีบ กลัวว่าร่างกายของท่านจะรับไม่ไหว”หยางชวีกล่าวด้วยน้ำเสียงติติง

“ข้าแค่คิดฟุ้งซ่านมากไปหน่อย เจ้าว่าอะไรพูดมาอีกทีซิ”จื่อฟางถามอีกรอบ

“ข้าบอกว่าท่านควรพักผ่อนให้เพียงพอ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าจะให้ท่านออกกำลังตอนเช้าทุกวันเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง บางทีข้าควรให้ท่านนั่งสมาธิเพิ่มด้วย คุณชายจะได้ไม่กลายเป็นคนสมาธิสั้นไปเสีย”คนสมาธิสั้น จื่อฟางมุ่นคิ้ว เจ้านี่กล้าพูดเช่นนี้กับเขาแล้วหรือ แต่ก่อนไม่ได้เป็นคนแบบนี้เสียหน่อย

“เจ้าดูเปลี่ยนไปจากตอนที่มารับใช้ข้าวันแรกนะหยางชวี”เขายิ้ม แต่ก็ดีแล้วเขาชอบที่อีกฝ่ายเป็นเช่นนี้มากกว่า

“มนุษย์ย่อมพัฒนาขึ้น คุณชายก็ต้องพัฒนาเช่นกัน”บุรุษตรงหน้าตอบโต้อย่างไหลลื่น จื่อฟางอ้าปากจะพูดแต่ก็คิดว่าเถียงไปคงโดนสวนกลับมาด้วยถ้อยคำสำบัดสำนวนจึงเลือกที่จะเงียบ เขาถอนหายใจลุกยืนบิดเนื้อบิดตัวไปมา มองท้องฟ้าที่เริ่มสว่าง

“คุณชาย…เมื่อคืนท่านทำอะไรดึกดื่นหรือ ข้าได้ยินเสียงจากด้านนอก”หยางชวีเอ่ยถามเลี่ยงไม่เอ่ยถึงไป๋ผูอวี้ ภาพที่เห็นเมื่อคืนเขาไม่แน่ใจนักว่าคุณชายแค่แกล้งเล่นหรือเป็นเรื่องจริง แต่บรรยากาศระหว่างคุณชายและไป๋ผูอวี้ก็ดูคลุมเครืออย่างบอกไม่ถูก

“เจ้าหมายถึงที่ข้าทำกับไป๋ผูอวี้?”เขาแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ ลอบมองหยางชวีที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง

“คุณชายเสิ่น…”

“ไม่มีอะไร ข้าแค่นอนไม่ค่อยหลับคิดเรื่องท่านพ่อ เจ้าทำงานกับพ่อข้ามานาน คิดว่าเขาเป็นคนเช่นไร”จื่อฟางยกเรื่องนี้มาพูดแทน เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่กล้าซักไซ้มากความแน่นอน เขายังไม่ไว้ใจหยางชวีเต็มร้อย ถึงอย่างไรหมอนี่ก็ยังต้องรายงานเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเขาให้เสิ่นมู่หยางฟังอยู่ดี น่าเสียดายจริง ๆ หากได้หยางชวีเป็นพวกคงอุ่นใจไม่น้อย

“ข้าน้อยไม่กล้า”คุณชายแกล้งเขาอีกแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นใดๆเกี่ยวกับเจ้านายทั้งสิ้น

“เจ้าช่างน่าเบื่อจริงๆ”จื่อฟางพึมพำ หยางชวีได้แต่นิ่งเงียบ รู้ดีว่าคุณชายเสิ่นยกเรื่องนี้มาเบี่ยงประเด็น ถึงอย่างไรคุณชายก็คงไม่ไว้ใจเขาง่ายๆ เพราะเขาทำงานให้นายท่านเสิ่น ชายหนุ่มรู้ว่าการทำให้คนเชื่อใจต้องใช้เวลา เขาไม่รีบร้อน ดูท่าคุณชายจะมีความลับมากกว่าที่คิด หยางชวีได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆดังเข้ามาใกล้จึงถอยเว้นระยะห่างจากคุเสิ่นจิ้งเฟย พอดีกับร่างสูงใหญ่ของเสนาบดีเสิ่นก้าวเข้ามาในบริเวณลานบ้าน เขาสวมชุดขุนนางสีเข้มเสริมให้ดูน่าเกรงขามกว่ายามปกติ

“เจ้าตื่นเช้าเป็นด้วยหรือ”เสิ่นมู่หยางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ วันนี้ฮ่องเต้ไม่เรียกประชุมท้องพระโรง เขาก็เลยไม่ต้องตื่นแต่ฟ้ามืด เห็นว่าเช้านี้อากาศดีจึงออกมาเดินเล่นรับลมรอเวลาไปราชสำนักแต่ได้ยินเสียงดังมาจากเรือนของบุตรชายจึงแวะมาดูก็พบว่าเสิ่นจิ้งเฟยและหยางชวีพูดคุยอยู่ในลานบ้านท่าทางดูเข้ากันได้ดี ทีแรกเขาคิดว่าบุตรชายไม่ชอบใจที่ตนส่งคนมาตามติดเสียอีก

จื่อฟางเก็บสีหน้าประหลาดใจก่อนเอ่ยตอบ “ข้าแค่อยากสูดอากาศยามเช้าดูบ้างว่าจะสดชื่นอย่างที่เขาว่ากันหรือไม่”เขาใช้น้ำเสียงสบายๆ เสิ่นมู่หยางได้ยินก็หัวเราะเสียงดัง กวาดตามองใบหน้าหมดจดที่แฝงความซีดเซียวของบุตรชายก่อนเบนหันมองหยางชวีด้วยสายตาตักเตือน ตอนที่ให้หยางชวีมาทำหน้าที่เขาบอกอีกฝ่ายไปว่าให้ทำหน้าที่ให้ดี อย่าคิดสนิทสนมกับบุตรชายของเขา คงไม่ได้ถูกเจ้าเด็กนี่หลอกตีสนิทอยู่กระมัง

“ฝีมือวาดภาพของเจ้าถูกพูดถึงไปทั่ว”ผู้เป็นบิดาพยายามสานต่อบทสนทนาเพราะคิดว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกับบุตรชาย ไม่รู้คิดไปเองหรือไม่ว่าเสิ่นจิ้งเฟยวางตัวห่างเหินกับตนยิ่งนัก เสิ่นมู่หยางรู้ว่าเจ้าเด็กนี่เคยใช้ให้คนตามสืบเรื่องของเขาและค่อนข้างแน่ใจว่าบุตรชายทราบเรื่องที่ปกปิดไว้แล้ว แต่เสนาบดีเสิ่นกลับไม่มีความกล้าจะเอ่ยบอกด้วยตัวเองเพราะเกรงว่าเสิ่นจิ้งเฟยจะทำใจไม่ได้และยามนี้ก็ยังไม่ใช่เวลาที่สมควร

จื่อฟางคงดีใจอยู่หรอกหากการแสดงฝีมือของตัวเองไม่ได้แลกมาด้วยการทำให้คนของอ๋องสามถูกจับ

“แค่ความสามารถเล็กน้อยของข้าเท่านั้น”เด็กหนุ่มพูดถ่อมตัว เสิ่นจิ้งเฟยอย่างกับดาราที่ไม่ว่าจะมีเรื่องดีหรือเรื่องแย่ก็เป็นที่พูดถึงตลอดไม่รู้ว่าเสิ่นจิ้งเฟยทนไปได้อย่างไร เสิ่นมู่หยางได้ยินคำว่าความสามารถก็นึกได้ว่าไม่ได้ยินบุตรชายบรรเลงกู่เจิงมาสักพักแล้ว

“จริงสิ พักนี้ข้าไม่เห็นเจ้าฝึกกู่เจิง เพลงบทใหม่ที่เจ้าพูดถึงคงไม่ใช่แค่คำพูดลอย ๆหรอกกระมัง”เขาลูบคางไปมา ระหว่างสำรวจดูบุตรชาย โหยวหลันเคยเขียนบทเพลงไว้ เสิ่นจิ้งเฟยจึงมักบรรเลงเพลงที่นางชอบบ่อย ๆ แต่พักนี้เขากลับไม่ได้ยินเสียงดีดกู่เจิงดังมาจากเรือนของบุตรชายเลยสักครั้ง เสิ่นจิ้งเฟยมีพรสวรรค์ในการเล่นดนตรีตั้งแต่เด็ก ชื่อเสียงและฝีมือจึงเป็นที่กล่าวถึง กระทั่งฮ่องเต้เจี่ยผิงยังเคยเรียกเสิ่นจิ้งเฟยไปบรรเลงให้ฟังถึงวังหลวง ตอนนั้นเขาไม่สบายใจมากเพราะข่าวลือที่ฝ่าบาททรงเลี้ยงดูชายงามเป็นเรื่องจริง บุตรชายของเขามีใบหน้าหมดจดจึงหวาดกลัวว่าฝ่าบาทจะสนใจในตัวบุตรไม่เอาไหนผู้นี้เข้า

“เรื่องนั้น…”อา แย่แล้ว! จื่อฟางใจกระตุก “พักนี้ข้าไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่…”

“เอาเถอะ ข้าไม่ได้เร่งร้อน หากฝึกเสร็จสมบูรณ์เมื่อใดก็มาบรรเลงให้ข้าฟัง”เสิ่นมู่หยางตบบ่าบุตรชายเบาๆ ก่อนหันมองหยางชวีด้วยสายตาคมปราบ

“เจ้ามากับข้า”เสิ่นมู่หยางเอ่ยเสียงห้วนก่อนหมุนตัวออกไปจากลานบ้าน หยางชวีเดินตามผู้เป็นนายออกไปด้วยจิตใจที่ไม่กริ่งเกรง เตรียมพร้อมกับการถูกซักถามแล้ว

จื่อฟางมองร่างของทั้งสองจนลับตาก่อนพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เสิ่นจิ้งเฟย เจ้ารู้ไหมว่าทำให้ข้าเจอแต่เรื่องยุ่ง! เขารีบกลับไปในเรือน คิดฉวยโอกาสตอนที่หยางชวีไม่อยู่สอบถามจางต้าเรื่องอ๋องสาม เขาต้องรู้คร่าวๆก่อนว่าคนผู้นี้เป็นใคร จะได้จับต้นชนปลายได้ถูก หากได้ความทรงจำของเสิ่นจิ้งเฟยก็ดีน่ะสิ

จื่อฟางตรงไปที่เรือนนอน บ่าวคนสนิทยังคงเฝ้าหมอต้มยาอยู่เช่นเคย “จางต้า...เจ้าเคยได้ยินเรื่องของอ๋องสามบ้างหรือไม่”

เขาเอ่ยถามอย่างไม่รอช้า สายตาสอดส่องอยู่ที่ประตูราวกับกลัวว่าหยางชวีจะกระโดดโผล่เข้ามาได้ทุกเมื่อ

“อ๋องสาม? เคยได้ยินสิขอรับ ท่านถามทำไมหรือ”จางต้าถามเสียงฉงนเงยหน้ามองคุณชายเสิ่นด้วยความแปลกใจ ปกติเขาไม่เคยเห็นคุณชายสนใจเรื่องพวกนี้มาก่อน

“ข้าแค่สงสัย พอดีได้ยินท่านพ่อกล่าวถึงบ่อย ๆ ก็เลยคิดว่าท่านอ๋องเป็นคนสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ”จื่อฟางพูดอย่างลื่นไหล จางต้าละมือจากหม้อต้มยา อยากบอกคุณชายเหลือเกินว่าท่านช่างไม่รู้อะไรเลย! แต่ก็ไม่แปลกเพราะคุณชายของเขาเอาแต่เที่ยวเล่นไม่เคยสนใจเรื่องบ้านเมือง

“หลิวอ๋องเจี่ยซินเป็นพระอนุชาคนสนิทของฮ่องเต้เจี่ยผิง ท่านอ๋องมีความสามารถตั้งแต่อายุยังน้อย ฮ่องเต้จึงให้อยู่ช่วยงานข้างกาย เรียกได้ว่ารักใคร่กลมเกลียวกันดี แต่มีเสียงเล่าลือกันว่าเป็นเพราะฮ่องเต้ต้องการให้ท่านอ๋องอยู่ใกล้สายตาจึงไม่ยอมส่งหลิวอ๋องไปครองหัวเมืองอื่น”จางต้ากระซิบเสียงเบา เขาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แน่ล่ะ มีฮ่องเต้คนไหนบ้างที่ไม่ระแวงคนเก่งมีฝีมือโดยเฉพาะพวกอ๋องทั้งหลาย ไม่ว่ายุคไหนก็ต้องคิดกบฏ

“หลิวอ๋องไม่เคยคิดอยากแย่งบัลลังก์ฮ่องเต้บ้างเลยหรือ”จื่อฟางถามอย่างสงสัย เท่าที่อ่านประวัติศาสตร์มาพวกอ๋องทั้งหลายมักจะคิดก่อกบฏอยู่เสมอ จางต้าได้ยินเขาพูดก็ทำตาโตจุ๊ปากใส่ทันที

“คุณชายก็พูดไป หลิวอ๋องเป็นคนดี ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเสียหายของท่านอ๋องเลยสักเรื่อง เขาไม่คิดอยากได้อำนาจถึงได้เป็นพระอนุชาที่ฮ่องเต้ทรงสนิทสนมมากที่สุด แต่จะอย่างไรพระองค์ก็ระแวงหลิวอ๋องอยู่ดี”จางต้าเล่าตามที่เคยได้ยินมา รู้สึกพอใจในตัวเองน้อย ๆที่เห็นคุณชายตั้งใจฟังที่ตนพูดทุกคำ

จื่อฟางยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย “แล้วฮ่องเต้เล่า เป็นคนเช่นไร ข้าเคยได้ยินว่าเขาแอบเลี้ยงชายงามไว้ด้วย”เขาเอ่ยถามเมื่อนึกถึงข้อความในบทวิพากษ์ของเสิ่นจิ้งเฟย ดูแล้วไม่น่าจะใช่ฮ่องเต้ที่นิสัยดีเท่าไหร่ แต่เสิ่นจิ้งเฟยก็ยังชมว่าบริหารบ้านเมืองได้ดี จื่อฟางคิดว่าฮ่องเต้ก็เหมือนนักการเมืองมีทั้งด้านดีและไม่ดี

จางต้าหรี่ตาใส่คุณชาย “คุณชายป่วยจนหลงลืมไปแล้วหรือ ท่านยังเคยบรรเลงกู่ฉินให้พระองค์ฟังถึงในวัง ข้าจำได้ว่านายท่านเป็นกังวลมาก กลัวว่าฮ่องเต้เจี่ยผิงจะถูกใจท่าน”

“…”โอ้ อะไรนะ จื่อฟางได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง ที่แท้เสิ่นจิ้งเฟยก็เคยเจอฮ่องเต้มาก่อน มิน่าเล่าในบทความวิพากษ์ถึงได้มีถ้อยคำแฝงแววรังเกียจอยู่ด้วย จื่อฟางอยากกรีดร้องดังๆ ไม่คิดว่าเสิ่นจิ้งเฟยจะมีเรื่องลึกลับสร้างปัญหาให้เขารับหน้าเช่นนี้ แล้วตอนนี้เจ้านั่นไปอยู่ที่ใดแล้ว? เขาไม่อยากจินตนาการเลยว่าเสิ่นจิ้งเฟยอยู่ในร่างของตนในโลกปัจจุบัน เพราะมันเลวร้ายเกินไป!

“ข้าจะไปเตรียมน้ำร้อนให้คุณชาย”จางต้าเห็นว่าคุณชายไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดอีกจึงออกไปจัดการตามหน้าที่ จื่อฟางยืนทำอะไรไม่ถูก หลายเรื่องประดังประเดเข้ามาพร้อมกันจนไม่รู้ว่าจะเริ่มจากเรื่องไหนก่อน จากที่ฟังหลิวอ๋องดูไม่ใช่คนเลวร้ายคงไม่คิดโกรธที่เขามีส่วนทำให้ขอทานนั่นโดนจับหรอกกระมัง เขาได้แต่เดินไปเดินมาอย่างว้าวุ่น ไป๋ผูอวี้เหมือนจะรู้เรื่องบางอย่าง ไว้ค่อยแวะไปถามให้รู้เรื่องก็แล้วกันดังนั้นจื่อฟางจึงทำกิจวัตรยามเช้าตามปกติราวกับไม่มีเรื่องใดกวนใจ

หยางชวีกลับมาตอนที่เขากำลังกินมื้อเช้าพอดี เขาเงยหน้ามองผู้ติดตามด้วยความอยากรู้ว่าเสิ่นมู่หยางซักถามอะไรบ้าง

“คุณชายไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้พูดเรื่องอาการป่วยของท่าน”หยางชวีตอบเพราะรู้ว่าคุณชายอยากรู้เรื่องใด นายท่านเพียงสงสัยว่าเพราะเหตุใดเขาถึงดูสนิทกับคุณชายเสิ่นและย้ำกับเขาว่าอย่าผูกมิตรกับคุณชายเด็ดขาด จื่อฟางพยักหน้า ในห้องจึงตกอยู่ในความเงียบเป็นเวลานาน หลังจากกินข้าวเสร็จก็ตามด้วยยาสมุนไพรหนึ่งถ้วยเช่นเคย

“วันนี้คุณชายจะทำอะไรดีขอรับ”จางต้าเอ่ยถามเพราะทราบมาว่าคุณชายไม่มีเรียนสองวัน คุณชายเสิ่นชี้ไปที่หีบหนังวัวใบแรกที่วางอยู่ใกล้กับตู้เก็บของ

“ยกไปที่ศาลาในสวน”จื่อฟางบอก สีหน้างุนงงปรากฏอยู่บนหน้าของบ่าวรับใช้แต่ก็ทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย เมื่อคืนตอนที่เปิดดูหีบเก็บพัด เขาเจอบทกลอนที่เสิ่นจิ้งเฟยเขียนไว้จึงตั้งใจจะนำมาอ่านทั้งหมด เผื่อว่าจะเข้าใจความคิดของเจ้านั่นบ้าง เขาหยิบหนังสือนิยายชายรักชายปกเก่าที่ยังอ่านไม่จบมาด้วย รู้ว่าโลกนี้ไม่เหมือนในนิยายที่ตนอ่าน แต่ก็รู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก หยางชวีเหลือบมองหนังสือในมือคุณชายก็หน้าชาไปครู่หนึ่ง ท่านถือหนังสือเช่นนี้เดินไปเดินมาในจวนได้อย่างไร

จื่อฟางเดินเตร่ไปที่ศาลาในสวนอันเงียบสงบ ท้องฟ้ากระจ่างใส ลมเย็นพัดวูบทำให้เศษใบไม้ปลิวเกลื่อน สงสัยจะเข้าใกล้เหมันต์ฤดู กระมัง เด็กรับใช้ในจวนเห็นเขาเดินมาก็ค้อมตัวให้ก่อนเร่งรีบหลบไปให้พ้นทาง จื่อฟางเดินมาถึงศาลาที่ก่อสร้างแบบเก๋งจีน ทิ้งตัวนั่งอ่านนิยายเงียบๆ จางต้ายกหีบมาวางไว้ข้างตัวคุณชาย สายตาจับจ้องอยู่ที่หนังสือในมือของร่างบางทำสีหน้าฉงนเมื่อเห็นหนังสือที่คุณอ่าน คุณชายยังอ่านอยู่อีก เขาอยากรู้นักว่าหนังสือนั่นสนุกมากเลยหรือ เขาจำหนังสือเล่มนี้ได้ เมื่อหลายเดือนก่อนคุณชายไปที่ร้านหนังสือเถ้าแก่จางเพื่อซื้อตำราเครื่องดนตรี เถ้าแก่แนะนำหนังสือเล่มนี้ให้ด้วยท่าทางลับลมคมใน หนังสือนิยายจำพวกนี้ไม่ขายอย่างโจ่งแจ้ง แต่เขาไม่คิดว่าคุณชายเสิ่นจะบ้าจี้ซื้อมาจริง ๆ

จื่อฟางไม่สนใจสายตาของบ่าวรับใช้ทั้งสองคน กวาดตาอ่านนิยายต่อ หนังสือเล่มนี้ไม่มีชื่อเรื่อง ภาพประกอบโจ่งแจ้งชัดเจนจนเขาต้องรีบเปิดผ่าน เมื่อมาไตร่ตรองดี ๆเขาว่านิยายเรื่องนี้แปลก ตัวเอกมีชื่อเรียกว่าเจี่ยเป็นคหบดีที่ร่ำรวยในแคว้นหนึ่ง มีที่ดินหลายพันไร่ที่ได้มาด้วยเล่ห์เหลี่ยม เขาเป็นคนเก่งแต่มีความคิดแปลกประหลาด เจี่ยชอบสะสมบุรุษรูปงามจนสร้างตำหนักให้อยู่กิน ทั้งที่ตัวเขามีทั้งภรรยาและอนุอีกหลายคน เรียกว่าเป็นคนมักมากในกามคนหนึ่ง เจี่ยยังหมกมุ่นในเรื่องยาอายุวัฒนะอีกด้วย

จื่อฟางรู้สึกหนาวขึ้นมาเมื่อหนังสือเล่มนี้ทำให้เขานึกถึงบทความวิพากษ์ของเสิ่นจิ้งเฟย ฮ่องเต้ก็แซ่เดียวว่าเจี่ย และยังเลี้ยงดูชายงามเหมือนกันด้วย หรือนี่เป็นเรื่องราวของฮ่องเต้ที่ถูกตีแผ่อย่างลับๆ เขากัดริมฝีปากอย่างกังวล หนังสือเล่มนี้เป็นของต้องห้ามอย่างแน่นอน หากเจ้าแผ่นดินรู้คงได้หัวขาด ดูแล้วเสิ่นจิ้งเฟยเกลียดชังฮ่องเต้เจี่ยผิง เด็กหนุ่มอยากถามจางต้าใจจะขาดว่าเสิ่นจิ้งเฟยซื้อหนังสือเล่มนี้มาจากที่ใดแต่ก็ไม่อยากทำตัวมีพิรุธ

“คุณชายหากท่านจะอ่านหนังสือพวกนี้ก็ระวังหน่อยได้หรือไม่”หยางชวีกล่าวขึ้นเมื่อเหลือบมองเห็นภาพวาดบรรยายกิจกรรมบนเตียงอย่างโจ่งแจ้ง คุณชายเสิ่นเงยหน้ามองเขาด้วยใบหน้าไร้สีเลือด

“เจ้าอ่านรู้เรื่องด้วย?”คุณชายรีบปิดหนังสือคล้ายกับกลัวเขาแอบอ่าน

“ข้าอ่านออก แต่ไม่ได้อยากอ่านหนังสือของท่าน”ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ

จื่อฟางไม่อยากเก็บหนังสือที่สุ่มเสี่ยงไว้กับตัวแต่ก็ไม่อยากทำลายทิ้งสุ่มสี่สุ่มห้าจึงได้แต่เก็บไว้ก่อน เขาเริ่มจัดการนำกล่องพัดออกมาจากหีบมีทั้งหมดยี่สิบกว่ากล่อง ใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะอ่านบทกลอนบนพัดกระดาษครบทุกอัน บทกลอนที่เสิ่นจิ้งเฟยแต่งล้วนรำพึงถึงชีวิตอันเปลี่ยวเหงาในจวนเสนาบดี เช่นใต้แสงจันทร์ มีเพียงเสียงพิณเป็นเพื่อน เอื้อนเอ่ยบทกลอนกับสายลม ตัวอักษรเหล่านี้แฝงไว้ด้วยความโดดเดี่ยวของเสิ่นจิ้งเฟย จื่อฟางถอนหายใจ รู้เพียงว่าเสิ่นมู่หยางไม่เคยใส่ใจบุตรชายอย่างแท้จริง

จางต้าและหยางชวีได้แต่มองท่าทางเซื่องซึมของคุณชายด้วยสีหน้าโง่งม

“ไปเตรียมรถม้าให้ข้าที”จื่อฟางหันไปสั่งจางต้า เขาต้องไปคุยกับไป๋ผูอวี้เสียหน่อย

“ขอรับ”จางต้ารับคำก่อนทำตามคำสั่งของคุณชายโดยไม่เอ่ยถามสักคำ

“ท่านจะไปที่ใดหรือ”แต่ยังมีคนที่ขี้สงสัยอยู่อีกคน

“ไปหาไป๋ผูอวี้ เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่ได้ไปก่อเรื่อง ข้าแค่คิดถึงเขา”จื่อฟางตอบพร้อมรอยยิ้มซุกซน หยางชวีนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนก็พูดไม่ออก จื่อฟางเก็บหนังสือไว้ในหีบ เรียกบ่าวไพร่คนหนึ่งให้นำไปเก็บในห้องนอน เขายืดกายปัดเสื้อคลุมลายดอกสีเทาสง่างามให้เรียบร้อย หยิบพัดกระดาษเล่มหนึ่งมาใช้

“เจ้าจะไปหรือไม่”จื่อฟางถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ยืนทึ่มอยู่ที่เดิม หยางชวีปั้นหน้านิ่งเดินตามเขามาเงียบๆ จะว่าไปแขกที่พักอยู่ในจวนอย่างใต้เท้าเฉินแทบไม่ได้ออกมาเจ้ากี้เจ้าการกับตน เอาแต่อยู่ในเขตเรือนรับรองของตน แต่จื่อฟางรู้ดีว่าหากถึงวันเรียนกับใต้เท้าเฉินเมื่อไหร่คงถูกทดสอบความรู้แน่

พ่อบ้านสุ่ยกำลังดุด่าบ่าวรับใช้เห็นคุณชายเสิ่นทำท่าจะออกไปนอกจวนก็ได้แต่ชะเง้อชะแง้มองด้วยความใคร่รู้ เด็กหนุ่มเดินเอ้อระเหยไปตามเฉลียงทางเดินทอดยาวกว่าจะเดินมาถึงประตูหน้าก็กินเวลาไปนาน จางต้าเตรียมรถม้าให้เขาเรียบร้อยแล้ว คนขับรถม้าหน้าเดิมรออยู่เช่นกัน เขาก้าวเข้าไปนั่งบนรถม้า รถเคลื่อนตัวออกทันที จื่อฟางใช้พัดเขี่ยม่านมองออกไปด้านนอก เขาจำถนนสายนี้ได้ขึ้นใจแล้ว ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงโรงน้ำชาขนาดใหญ่ของสกุลไป๋

“ข้ารออยู่ด้านนอกนะขอรับ”หยางชวีกล่าวเพราะไม่คิดไปเจอกับคุณชายไป๋และเว่ยหลง จื่อฟางจึงเข้าไปในร้านกับจางต้า ภายในร้านมีคนแน่นขนัดแทบไม่มีโต๊ะว่าง แต่เขาไม่ได้มาดื่มชา จื่อฟางตั้งใจจะเรียกเด็กในร้านมาถามหาไป๋ผูอวี้ แต่เขาเห็นคุณชายสูงศักดิ์นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดิม มาอีกแล้ว? เขาคิดอย่างประหลาดใจ เพียงแต่วันนี้เขานั่งอยู่คนเดียวไม่มีสหายมาด้วย มีเพียงองครักษ์ใบหน้าเข้มยืนเฝ้าอยู่ด้านหลัง จื่อฟางคงสนใจมากกว่านี้หากสายตาไม่สะดุดอยู่ที่โต๊ะด้านใน หญิงงามสวมชุดสีเหลืองอ่อนสบายตามีรอยยิ้มประดับหน้าทำให้นางยิ่งดูอ่อนหวาน เขามองปราดเดียวก็จำได้ นางคือฉินเซียงอิน เนื่องเพราะนางนั่งหันหน้ามาทางเขา ฉินเซียงอินจึงเห็นจื่อฟางเต็มตารอยยิ้มของนางจางลง ส่วนแผ่นหลังคุ้นตาของชายหนุ่มคนหนึ่งจะเป็นใครไปได้หากไม่ใช่คนที่เขาตั้งใจจะมาหา

ไป๋ผูอวี้

“คุณชาย…”จางต้ากระซิบเรียกเสียงอ่อน คุณชายของเขาเจอภาพบาดตาอีกแล้วถึงได้ชะงักไปเช่นนี้

“คุณชายเสิ่นโต๊ะเต็มหมดแล้ว แต่ชั้นบนยังมีที่เหลือขอรับ”เด็กร้านน้ำชาเข้ามาบอกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม จื่อฟางเหมือนได้ยินเสียงหึ่ง ๆดังอยู่ในหู เขาแทบลืมฉินเซียงอินไปแล้วไม่คิดว่าจะได้เจออีก แต่ทุกครั้งที่เจอเหตุใดนางต้องอยู่กับไป๋ผูอวี้ทุกที

ไป๋ผูอวี้ได้ยินเด็กในร้านเอ่ยถึงคุณชายเสิ่นจึงหันมอง วันนี้เสิ่นจิ้งเฟยไม่มีเรียนกับเขาแต่ก็ยังมาที่โรงน้ำชาหรือมาก่อกวนจนเคยชินไปแล้ว ชายหนุ่มนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนใบหน้าก็ยิ่งเรียบเฉย เรื่องของหลี่ฮุ่ยจือทำให้เขาไม่สบายใจ คำตอบของเสิ่นจิ้งเฟยทำให้เขาผิดหวังอยู่บ้างแต่ก็ไม่ผิดคาดนัก เจ้าหวังอะไรอยู่?ไม่มีทางที่นิสัยส่วนนี้ของเสิ่นจิ้งเฟยจะเปลี่ยนได้ ไป๋ผูอวี้จึงมองผ่านคุณชายเสิ่นราวกับมองไม่เห็น   

“คุณชายไป๋ ไม่กลัวเขาก่อเรื่องวุ่นอีกหรือ”คุณหนูฉินเอ่ยถาม ปรายตามองเสิ่นจิ้งเฟยด้วยสายตาปั่นปึ่ง นางรู้ว่าคุณชายไม่ได้เรื่องผู้นี้คิดอย่างไรกับนาง แม่ว่าหญิงสาวจะปฏิเสธไปหลายครั้ง เสิ่นจิ้งเฟยก็ไม่เคยลดละความพยายามแม้แต่น้อย แต่นางไม่ได้ชมชอบบุรุษที่หยิบจับสิ่งใดไม่เป็น

“ก็ให้เขาก่อไป”เขาตอบเสียงเรียบคล้ายไม่ใส่ใจ

หนอย ไป๋ผูอวี้ เห็นเขาแล้วแท้ๆ จื่อฟางพลันหงุดหงิดใจที่ถูกเจ้าท่อนไม้มองเมิน เขาได้ยินเสียงโต๊ะใกล้ๆกระซิบกระซาบใส่กันเบาๆจึงหันไปมองตาเขียว ในฉางอันมีใครไม่รู้บ้างว่าคุณชายเสิ่นชอบพอคุณหนูฉิน

“คุณชายเสิ่นเชิญด้านบนเถอะขอรับ”เด็กร้านน้ำชาไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่น เห็นท่าทางของคุณชายไป๋ก็ได้แต่จนใจ เว่ยหลงไปที่ใดแล้ว เหตุใดไม่โผล่มาเสียที ดูท่าเขาต้องรับมือกับคุณชายเสิ่นเพียงลำพัง

“ข้ามาหาไป๋ผูอวี้”จื่อฟางเอ่ยกับร่างที่ยืนนอบน้อมอยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายมีท่าทีลำบากใจทันที

“คุณชาย…ท่านก็เห็นว่าคุณชายไป๋มีแขก”เจ้าเด็กนี่เน้นคำว่าแขกเป็นพิเศษ จื่อฟางนึกอยากเดินเข้าไปหาไป๋ผูอวี้ที่โต๊ะ แต่การทำเช่นนี้เสียมารยาทและจะยิ่งทำให้เขากลายเป็นที่หัวเราะ

“คุณชายเสิ่น…”เด็กรับใช้เรียกอีกครั้งคล้ายจะร่ำไห้อยู่รอมร่อ ลูกค้าที่นั่งกันหน้าสลอนต่างก็มองดูว่าคุณชายเสิ่นจะอาละวาดหรือไม่

“ข้าจะรอจนกว่าเขาจะส่งแขกกลับ”จื่อฟางเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง สายตาจับจ้องศีรษะของไป๋ผูอวี้เขม็ง เหมือนอยากมองให้ทะลุว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ ฉินเซียงอินเหลือบมองจื่อฟางด้วยสายตาปั้นปึ่งราวกับต่อว่าที่เขามาทำให้เสียบรรยากาศ

ไม่ต้องมองข้าเช่นนั้น ข้าไม่ได้ชอบพอท่านเสียหน่อย!

เขาส่งเสียงขึ้นจมูก เช่นนั้นเขาก็จะก่อกวน เด็กหนุ่มใช้พัดชี้ไปที่โต๊ะตัวใกล้กับไป๋ผูอวี้ซึ่งมีคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว

“ข้าจะนั่งโต๊ะนี้”จื่อฟางบอกคล้ายกับเด็กที่อยากได้ของเล่น

“คุณชายด้านบนยังมีโต๊ะเหลืออยู่…”เด็กรับใช้มองไปที่เจ้านาย

ไป๋ผูอวี้เพียงแค่ยกถ้วยชาจิบไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เอาเถิดหากท่านอยากสร้างเรื่องก็สร้างไป ข้าจะนั่งชมว่าท่านจะทำอย่างไร 

“คุณชายข้าว่าไปที่ชั้นบนดีกว่า”จางต้าช่วยพูดอีกแรง เห็นเด็กรับใช้ในร้านเหมือนจะร้องไห้ก็รู้สึกเห็นใจเล็กน้อย แต่คุณชายของเขาน่าสงสารมากกว่า คุณหนูฉินมองท่านด้วยสายตาดูแคลนเช่นนี้... จางต้าช้ำใจแทนคุณชายจนอยากพาไปหอผูเยว่เลือกสาวงามมาปลอบใจสักสองสามคน จื่อฟางใช้ความคิดว่าจะอาละวาดต่อหรือยอมแพ้จากไปเงียบๆ แต่ทางไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น

“น้องชาย หากไม่รังเกียจเชิญนั่งกับข้าเถอะ”เสียงหนึ่งดังขึ้น เขาหันมองก็พบว่าเป็นคุณชายสูงศักดิ์ผู้นั้นนั่นเอง คนในร้านต่างมองอย่างแปลกใจเพราะเห็นคุณชายท่านนี้นั่งมองอยู่นานแล้วและดูเหมือนจะสนุกเสียด้วยซ้ำ

“ข้า…”จื่อฟางไม่แน่ใจว่าจะรับน้ำใจดีหรือไม่ หากเขารู้จักกับเสิ่นจิ้งเฟยจริงจะทำอย่างไร? ปฏิเสธคงไม่ดีนัก

“รบกวนท่านแล้ว”เขาจึงตัดสินใจรับคำเชิญ แม้รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่มาจากองครักษ์ด้านหลัง คุณชายสูงศักดิ์ยิ้มก่อนเอ่ยพูด

“เจ้าอย่าสนใจ เขาเป็นเช่นนี้เสมอ”คุณชายสูงศักดิ์รินน้ำชาให้อีกร่างที่ดูประหม่าอย่างเห็นได้ชัด บุรุษหนุ่มมองไปที่โต๊ะของคนแซ่ไป๋ เห็นว่าคนผู้นั้นมองมาที่ตนด้วยสายตาเรียบนิ่ง

“ขอบคุณท่านมาก”จื่อฟางรับถ้วยน้ำชามาอย่างเกรงใจ ยิ่งรู้สึกอึดอัดเพราะคนในโรงน้ำชาพุ่งสายตามาที่เขาและคุณชายท่านนี้อย่างใคร่รู้

“ฮ่า ๆ ตามสบายเถอะ ข้ากับเจ้ายังต้องเกรงใจกันอีกหรือ”ฝ่ายนั้นเอ่ยเสียงใส เด็กหนุ่มไม่รู้ชื่อแซ่ของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ แต่จะให้เอ่ยถามก็คงแปลกพิลึกในเมื่อเสิ่นจิ้งเฟยรู้จัก จื่อฟางมองคนตรงหน้าอย่างครุ่นคิด คนๆนี้มีใบหน้าหล่อเหลาอ่อนเยาว์ ผิวขาวละเอียดปานหยก แต่ลักษณะท่าทางเหมือนคนที่ผ่านโลกมาเยอะ คงมีฐานะไม่ธรรมดา จื่อฟางยกถ้วยชาแตะริมฝีปากสายตาเหลือบมองจางต้าที่ทำสีหน้างุนงง เจ้านี่ก็ไม่รู้จักสินะ เสิ่นจิ้งเฟยมีความลับเยอะนัก! ความลับเต็มไปหมด

“ดูท่าเจ้าคงลืมข้าไปแล้วจริง ๆ”ฝ่ายตรงข้ามพูดเสียงแผ่ว สายตากวาดมองใบหน้าของเขาเหมือนหาสิ่งผิดปกติ จื่อฟางได้แต่ซ่อนสีหน้าตื่นตกใจไว้ พยายามทำใจให้สงบ 


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2019 15:33:12 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4


“ช่วงนี้ข้าไม่ค่อยสบาย…”จื่อฟางจำต้องปั้นน้ำเป็นตัว แม้รู้ดีว่าเรื่องที่ตนเล่าฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่ก็ทำได้เพียงเท่านี้ 

“อา…เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้าคิดว่าเจ้าลืมพี่ชายเช่นข้าไปเสียแล้ว ปกติเจ้าจะเรียกหาข้าว่าพี่ฝู่จวิ้นเสมอ แต่เจ้ากลับทำเหมือนข้าเป็นคนแปลกหน้าเช่นนี้…”ที่แท้อีกฝ่ายก็มีชื่อว่าฝู่จวิ้น ร่างนั้นกล่าวด้วยเสียงนุ่ม นัยน์ตาสีดำนิ่งลึกอ่านไม่ออก จื่อฟางกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อ แต่ทำอย่างไรได้เล่า เขาเองก็จนปัญญา เขาได้แต่ดุด่าเสิ่นจิ้งเฟยอยู่ในใจ

“อาการป่วยทำให้ช่วงนี้ข้าเจอแต่เรื่องลำบาก พี่ฝู่จวิ้นอย่าได้ขุ่นเคือง”จื่อฟางตีหน้าเศร้าให้ดูน่าสงสาร ใบหน้าของเสิ่นจิ้งเฟยเหมาะทำเรื่องแบบนี้ และดูเหมือนได้ผล ฝ่ายนั้นถอนหายใจคว้ามือของเขาไปกุมพร้อมตบเบาๆ องครักษ์ด้านหลังมีสีหน้าดำคล้ำถลึงตามองจื่อฟางราวกับไม่เชื่อคำโกหกที่เขาพูด ร่างบางจึงเหงื่อตกในใจเริ่มร้อนรน

ฝู่จวิ้นยิ้มบางทำสีหน้าเข้าใจ “ข้ามิได้ขุ่นเคือง เพียงแต่ข้าไม่เคยได้ยินโรคเช่นนี้มาก่อน พ่อเจ้าเป็นถึงเสนาบดีหาหมอเก่งๆมารักษาไม่ได้เชียวหรือ” 

“ท่านหมอบอกว่าอาการของข้ารักษาไม่หาย ข้าพยายามฟื้นความทรงจำ แต่คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่”จื่อฟางตอบลอบมองไปยังไป๋ผูอวี้ เห็นว่าอีกฝ่ายมองดูอยู่เช่นกัน แต่มองมายังมือของเขาที่ถูกฝู่จวิ้นกุมอยู่

“เป็นเช่นนี้เอง หากเจ้าออกไปกับข้าบ่อย ๆความจำคงฟื้นคืนกระมัง”ฝู่จวิ้นเอ่ย องครักษ์ส่งเสียงกระแอมกระไอขัดราวกับไม่เห็นด้วย   

ไป๋ผูอวี้ฟังบทสนทนาของคุณหนูฉินด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มพอเป็นพิธี ลอบมองไปที่เสิ่นจิ้งเฟยเป็นครั้งคราวเห็นว่าคุยได้ถูกคอกับคุณชายผู้นั้นทั้งยังจับไม้จับมือกันด้วย เขาหลุบตามองน้ำชาที่มีควันลอยกรุ่นในถ้วย ความรู้สึกไม่สบายใจในอกยิ่งเพิ่มขึ้น คุณหนูฉินยังคงพูดเสียงเจื้อยแจ้วไม่หยุด จะส่งนางกลับตอนนี้ก็เสียมารยาท ไป๋ผูอวี้จึงทำได้แค่แกล้งสนใจในสิ่งที่นางพูดเท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วความสนใจของเขาอยู่ที่เสิ่นจิ้งเฟย ข้าไม่ได้เตือนเจ้าไปแล้วหรือว่าอย่าเข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่ง ทำไมถึงได้ดื้อนัก!

“ที่ข้ามาวันนี้เพราะคิดว่าเจ้าต้องมาที่โรงน้ำชาหลิวซื่อและข้าก็คิดถูกเสียด้วย”ฝู่จวิ้นเอ่ย เห็นสีหน้างุนงงของเสิ่นจิ้งเฟยก็เผยรอยยิ้ม

“ความจริงแล้วข้ามีเรื่องอยากให้เจ้าช่วย”

“เรื่องใดหรือ”จื่อฟางพยายามไม่แสดงท่าทางกังวลออกมา

“ข้าเห็นฝีมือวาดภาพของเจ้ายอดเยี่ยมมาก จึงคิดอยากให้เจ้าวาดภาพเหมือนให้ข้าสักรูป”

“อ้อ เรื่องแค่นี้เองย่อมได้อยู่แล้ว ข้าวาดให้พี่ชายฟรีๆยังได้”เขายิ้มอย่างโล่งอกเมื่อไม่ใช่เรื่องที่เหนือบ่ากว่าแรง

ฝู่จวิ้นย่นคิ้วอย่างงุนงงเมื่อได้ยินคำพูดไม่คุ้นหู “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”

“ข้าหมายถึงไม่คิดเงิน”จื่อฟางยิ้มแห้งอยากเอาพัดตบหน้าตัวเองซักสองสามที

“ข้าไม่อยากเสียเวลา ที่นี่ไม่ค่อยสะดวก ข้าได้ยินว่าตรอกทางทิศตะวันตกมีศาลารับลมอยู่หลังหนึ่ง ไปวาดภาพที่นั่นคงดีกว่า เจ้าเห็นด้วยหรือไม่”ฝู่จวิ้นไม่รอให้เขาตอบก็ลุกยืนแล้ว จื่อฟางได้แต่ลุกตาม องครักษ์วางเหรียญเงินจำนวนหนึ่งลงบนโต๊ะก่อนรีบตามผู้เป็นนายออกไป

จื่อฟางเดินตามคุณชายฝู่จวิ้นออกไปจากโรงน้ำชาด้วยจิตใจอันหนักอึ้ง

“ไม่คิดว่าคุณชายผู้นั้นจะรู้จักกับคุณชายเสิ่นด้วยน่าแปลกจริงๆ”ฉินเซียงอินเอ่ยระหว่างที่มองคุณชายท่วงท่าสง่างามผู้นั้นออกไปจากโรงน้ำชา

“คุณชายเสิ่นเป็นลูกขุนนาง ข้าคิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”ไป๋ผูอวี้ตอบไม่ตรงอย่างที่ใจคิด

คุณหนูฉินมองมาอย่างประหลาดใจ “ดูเหมือนท่านจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณชายเสิ่นมากกว่าที่ข้าคิดซะอีก”นางเอียงศีรษะอย่างครุ่นคิด ช่วงสองสามวันมานี้มีข่าวลือมากมายเกิดขึ้น ส่วนใหญ่ไม่พ้นเรื่องโรงน้ำชาหลิวซื่อและเสิ่นจิ้งเฟย

“คุณชายเสิ่น…ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ท่านคิด”ไป๋ผูอวี้กล่าว คุณหนูฉินเลิกคิ้วแต่ไม่ได้เอ่ยแย้งออกมา ชายหนุ่มจึงสบโอกาสมองหาเว่ยหลงเมื่อพบว่าผู้ติดตามเพิ่งออกมาจากห้องเก็บชาก็ส่งสายตาสื่อความนัยไปให้ เว่ยหลงขมวดคิ้วเขาติดตามคุณชายมานานจนรู้ว่าคุณชายคิดสิ่งใด ตอนที่เสิ่นจิ้งเฟยเข้ามาเขาลอบมองเหตุการณ์จากในห้องเก็บชาโดยตลอด เว่ยหลงจึงรู้ว่าคุณชายของตนใส่ใจเสิ่นจิ้งเฟยมากกว่าคุณหนูฉินเสียอีก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่มันก็ชัดเจนแล้วสำหรับเขา

คุณชายไป๋ เทพธิดาอยู่ตรงหน้าท่านแท้ๆเหตุใดไปสนใจเจ้าเต่านั่นได้หนอ

~•~

จื่อฟางนั่งอยู่ในศาลารับลมหลังเล็กๆที่แห่งนี้คล้ายเป็นศาลาริมทาง คุณชายฝู่จวิ้นสั่งองครักษ์ให้ไปซื่ออุปกรณ์วาดภาพ ใช้เวลาแค่ชั่วอึดใจก็กลับมาอย่างรวดเร็ว ทั้งผ้าไหมและพู่กันสีสกัดธรรมชาติเป็นของดีมีราคา องครักษ์คนนี้มีฝีมือสูงส่ง ทำให้หยางชวีมีท่าท่างเคร่งเครียด

“ท่านอยากให้ข้าวาดภาพใดหรือ”จื่อฟางเอ่ยถาม ทีแรกคิดว่าคุณชายท่านนี้อยากให้เขาวาดภาพเหมือนของตัวเอง แต่อีกฝ่ายกลับยืนเอามือไพล่หลังมองเขาอยู่เป็นพักแล้ว

“คนผู้หนึ่ง...” ฝ่ายนั้นเอ่ยเสียงเรียบ จื่อฟางกวาดตามองไปรอบ ๆก็ไม่พบใครอีกนอกจากองครักษ์หน้าดุที่ยืนจ้องเขาอยู่ เจ้านี่ท่าทางดูมีปัญหากับเขามาก

“ใครเล่า หากข้าไม่เห็นคนผู้หนึ่งของท่าน ข้าก็วาดออกมาไม่ได้”เขาบอกด้วยน้ำเสียงจนใจ คุณชายฝู่จวิ้นคิดเล่นตลกกับเขาหรือ

อีกฝ่ายยกยิ้มชวนฝันส่งมาให้ พร้อมก้มมากระซิบใกล้ๆใบหูของเขา “เจ้าอย่างไร”

“อะไรนะ”จื่อฟางกระพริบตามองใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษหนุ่มตรงหน้าอย่างมึนงง

“ข้าอยากให้เจ้าวาดภาพตนเอง วาดได้หรือไม่”ฝู่จวิ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงลื่นหู สายตากวาดมองใบหน้าของเสิ่นจิ้งเฟย แม้ว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปราวคนละคน นิสัยแตกต่างไปจากเดิม แต่ว่าอย่างไรแล้วเขาก็ยังชอบใบหน้างดงามของเด็กหนุ่มตรงหน้าอยู่ดี เขายกมือเกลี่ยใบหน้าของเสิ่นจิ้งเฟยเบาๆอย่างอดไม่ไหว แต่เจ้าตัวเบี่ยงหนีด้วยสีหน้าตกใจ เขาหัวเราะในลำคออย่างนึกสนุก

หยางชวีและจางต้าลอบมองหน้ากัน พวกเขาเจอหลี่ฮุ่ยจือคนที่สองอีกแล้ว

“ได้…แต่ข้าต้องใช้สมาธิ พี่ฝู่จวิ้นต้องรอซักหลายชั่วยาม”จื่อฟางพึมพำไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาไม้นี้ จึงปั้นหน้าไม่ถูก

“ข้ารอได้”ฝ่ายนั้นตอบด้วยรอยยิ้ม เขายกชายเสื้อคลุมนั่งตัวตรงอยู่ที่ม้านั่งอีกฝั่ง จื่อฟางอึดอัดใจเล็กน้อยรอยยิ้มคลุมเครือของชายหนุ่มทำให้เขาร้อนๆหนาวๆชอบกล เขารู้สึกว่าฝู่จวิ้นไม่เชื่อคำโกหกที่เขาพูด

หยางชวีและจางต้ายืนอยู่ด้านนอกศาลาด้วยในใจที่เต็มไปด้วยความสงสัย คุณชายเสิ่นไปรู้จักคุณชายท่านนี้ได้อย่างไร ท่านมีความลับมากเหลือเกิน จางต้าครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ หยางชวีมุ่นคิ้วลอบมองคุณชายฝู่จวิ้นทคุณชายท่านนี้ต้องการสิ่งใดกันแน่ เขามองออกว่านอกจากความชื่นชอบในตัวคุณชายแล้วยังมีเรื่องอื่นอีก แต่มองได้ไม่นานสายตาขององครักษ์ก็พุ่งตรงมาที่เขา เป็นสายตาที่ไม่กริ่งเกรงใด ๆ

หยางชวีได้แต่หลุบตามองพื้น รู้ดีว่าองครักษ์ผู้นี้มีฝีมือสูงส่งเกินกว่าที่เขาจะทำสิ่งใดได้ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มสู้ คนที่มีฝีมือมากเช่นนี้….จะต้องติดตามคนที่ไม่ธรรมดา อีกทั้งเขาไม่เคยได้ยินชื่อฝู่จวิ้นมาก่อน ขุนนางชั้นสูงจะมีสักกี่คน นอกเสียจาก….เป็นคนที่ระดับสูงมากกว่านั้น ท่านโหว? ท่านอ๋อง?หรือ…เขาพลันขนลุกวูบ มีคนผู้หนึ่งที่เขาเคยได้ยินนายท่านกล่าวถึงว่าชอบสะสมบุรุษงาม สายลมพัดเอาความหนาวเย็นมาด้วย หยางชวีเหงื่อไหลซึมตามแผ่นหลัง เขาคงต้องไปถามนายท่านอีกที แต่หากเป็นท่านผู้นั้นจริง คุณชายเสิ่นคงสติเลอะเลือนเป็นแน่ถึงยังพูดจาไร้ความเคารพเช่นนี้ได้อยู่

~•~

กว่าจื่อฟางจะได้กลับจวนเสนาบดีตะวันก็คล้อยต่ำแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาใช้เวลาวาดภาพนาน แต่เป็นเพราะคุณชายฝู่จวิ้นพาเขาเที่ยวไปทั่วฉางอัน เขาดูพอใจมากที่ได้ภาพเหมือนม้วนนั้นไปทั้งยังกล่าวชมไม่หยุดปาก เมื่อเขาเข้ามาในเรือนก็ออกปากไล่หยางชวีและจางต้าออกไปด้านนอกไม่ต้องมาปรนนิบัติ ทั้งสองคนมีสีหน้าเหมือนอยากซักถาม แต่ตอนนี้เขายังให้คำตอบใดๆไม่ได้ แม้แต่ตัวเขาเองยังมึนงง เขาจะให้คำตอบผู้อื่นได้อย่างไร

หยางชวีมีสีหน้ากลัดกลุ้มมาก “คุณชายความจำของท่านไม่มีทางดีขึ้นเลยหรือ”จื่อฟางหันมองด้วยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนส่ายหน้า อยู่ ๆก็เอ่ยออกมาเช่นนี้ เจ้านี่คิดอะไรอีก

“ข้าจะไปดูว่านายท่านใหญ่กลับมาหรือยัง…”ผู้ติดตามพึมพำความคิดล่องลอยก่อนถอยออกไปเงียบๆ

เมื่ออยู่เพียงลำพังจื่อฟางก็ตรวจดูหีบหนังวัวที่บ่าวไพร่นำมาวางไว้ที่เดิม เขาชะงักเมื่อมองเห็นกล่องไม้สีแดงกล่องหนึ่งวางอยู่บนเตียง จื่อฟางขมวดคิ้วเพราะไม่เคยเห็นกล่องใบนี้มาก่อน เขาหยิบมาถือพบว่าหนักเล็กน้อยจึงลังเลใจที่จะเปิด เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึกๆก่อนกลั้นหายใจเปิดกล่อง

 “…!”

สิ่งที่อยู่ในนั้นทำให้เขาส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ เนื้อตัวอ่อนยวบ ใจเต้นแรง ได้กลิ่นคาวเลือดฉุนจมูก กระต่ายน้อยนอนไร้ชีวิตอยู่ในกล่อง ขนสีขาวถูกย้อมไปด้วยเลือด มีกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่ในนั้น

“คุณชายเป็นอะไรหรือขอรับ”เสียงจางต้าดังออกมาจากด้านนอก

“ไม่มีอะไรข้าแค่เดินเตะหีบ…ไม่ต้องเข้ามาวุ่นวาย”จื่อฟางตอบยังตกใจไม่หาย หลับตาปรับลมหายใจให้เป็นปกติ เมื่อจิตใจสงบก็หยิบกระดาษแผ่นนั้นมาอ่าน ที่น่าตกใจคือไม่ได้เขียนด้วยหมึกแต่เขียนด้วยเลือด

‘ยามสุขร่วมเสพ ยามทุกข์ร่วมเผชิญ’

คำสาบานที่เจ้าเคยกล่าวไว้ข้ากลัวว่าเจ้าจะหลงลืม สองเดือนที่เจ้าเงียบหาย ตัวข้ามีเรื่องอยากซักถามมากมายนัก เหตุใดถึงช่วยทางการจับอาสือ…ข้าให้เวลาเจ้าสามวันเตรียมคำตอบดีๆไว้ให้ข้า มาพบกันที่หอผูเยว่ห้องเดิม …หากคิดทรยศ…เจ้าจะเป็นเช่นกระต่ายตัวนี้

จื่อฟางกวาดตาอ่านจนจบ กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ รีบปิดกล่องไม้กลัวว่ากลิ่นเลือดจะฉุนออกไปด้านนอก เขาทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงร่างกายไร้เรี่ยวแรงระหว่างที่ประติดประต่อเรื่องราว เหตุใดถึงช่วยทางการจับอาสือ อาสือ?ขอทานตัวเหม็นผู้นั้นน่ะหรือ ขอทานเป็นคนของอ๋องสาม ถ้าอย่างนั้น…คนที่ส่งจดหมายข่มขู่มาก็คือหลิวอ๋อง? ท่านอ๋องที่จางต้าบอกว่าเป็นคนดีนักหนาคนนั้น

เขาอ่านจดหมายทบทวนอีกครั้ง เมื่อไตร่ตรองดี ๆก็พบว่าทุกอย่างลงตัวไปหมด เสิ่นจิ้งเฟยรู้จักกับหลิวอ๋องคงร่วมมือกันทำเรื่องบางอย่าง....ซึ่งไม่น่าใช่เรื่องดี ช่วงสองเดือนที่ผ่านมาเขาไม่ได้ติดต่อฝ่ายนั้นไปเลย หลิวอ๋องจึงส่งอาสือขอทานตัวเหม็นมา หากเป็นเสิ่นจิ้งเฟยก็คงส่งสัญญาณไปคุยนอกรอบแล้ว แต่ว่าเขาไม่รู้ทั้งยังมีส่วนช่วยทางการจับอาสือด้วยซ้ำ หลิวอ๋องจึงคิดว่าเสิ่นจิ้งเฟยทรยศจึงส่งจดหมายมาขู่ถึงในห้อง!

ยามสุขร่วมเสพ ยามทุกข์ร่วมเผชิญ คำสาบานเช่นนี้…เจ้าทำเรื่องอะไรอยู่กันแน่ เขาไม่อยากคิดในแง่ร้ายเลย มาพบที่หอผูเยว่ห้องเดิม…หอผูเยว่เป็นหอนางโลมที่เสิ่นจิ้งเฟยชอบไปเที่ยวหาความสุขบ่อย ๆ ในจดหมายบอกว่าห้องเดิมหรือที่ผ่านมาเสิ่นจิ้งเฟยแอบพบกับหลิวอ๋องมาโดยตลอด เขาไม่คิดว่าเป็นเรื่องชู้สาว มีเวลาแค่สามวันเท่านั้น จื่อฟางลุกจากเตียงเดินวนไปวนมาอย่างใช้ความคิดไม่อยากมีชะตาชีวิตเหมือนกระต่ายน้อยตัวนั้น เขาพลันนึกถึงคำพูดของไป๋ผูอวี้ ก็ต้องดูว่าท่านมีค่าพอให้เขาเล่นงานหรือไม่ ท่านก็อย่าเข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่ง

…นี่มันมากกว่าเรื่องยุ่งอีก!

“ใจเย็นๆ”จื่อฟางบอกตัวเอง เมื่อหายสับสนก็เรียกสาวใช้ให้นำเตาเครื่องหอมเข้ามาในห้อง อี้เหมยยกเตาเครื่องหอมเข้ามาย่นจมูกเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นแปลกๆในห้อง

“คุณชายในห้องมีกลิ่น…”นางยังเอ่ยถามไม่ทันจบประโยค จื่อฟางก็โบกมือด้วยสีหน้าหงุดหงิด

“พาตัวลุงสุ่ยมาหาข้าที”จื่อฟางมีเรื่องต้องซักถาม จวนเสนาบดีไม่ปลอดภัยเช่นนี้เขาจะนอนหลับลงได้อย่างไร 

“เจ้าค่ะ”นางรับคำก่อนออกไปจากห้อง จื่อฟางนึกถึงหยางชวีจึงเปล่งเสียงถาม “จางต้า หยางชวีไปหาท่านพ่อกลับมาหรือยัง”

“เขาอยู่ด้านนอกขอรับ… ดูเหมือนนายท่านจะไม่อยู่”บ่าวรับใช้พึมพำบอกเสียงแผ่ว ทำให้อารมณ์ของเขายิ่งย่ำแย่ เสิ่นมู่หยางไม่อยู่อีกแล้ว เด็กหนุ่มกำมืออยู่ในแขนเสื้อตอนแรกเขาคิดจะขอให้เสิ่นมู่หยางเพิ่มเวรยามเฝ้าจวนให้รัดกุมกว่าเดิม คืนนี้เขาคงนอนไม่หลับ

รอไม่นานพ่อบ้านสุ่ยก็มาถึง “คุณชายมีเรื่องใดหรือ”พ่อบ้านสุ่ยเอ่ยถาม ในห้องของคุณชายเสิ่นมีกลิ่นหอมชวนปวดหัว จนเขาต้องกลั้นอาการอยากจามไว้

“ท่านอยู่ในจวนตลอดเวลา ท่านเห็นสิ่งผิดปกติในจวนบ้างหรือไม่”

“ไม่นี่ขอรับ ทุกอย่างปกติดี”พ่อบ้านตอบด้วยเสียงแปลกใจ ร้อยวันพันปีคุณชายไม่เห็นสนใจไต่ถามเขา จื่อฟางแค่นเสียงหึในใจ ปกติดี มีคนเข้ามาถึงในห้องนอนเขาเช่นนี้ วันใดหากเขาถูกปาดคอตายเหมือนกระต่ายตัวนั้นคงไม่มีใครรู้

“มีอะไรเกิดขึ้นหรือคุณชาย”พ่อบ้านเห็นว่าคุณชายมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

“เปล่า…แล้วใต้เท้าเฉินเล่า”จื่อฟางถามเมื่อนึกได้ว่ายังมีคนแก่ร้ายกาจอยู่อีกคน

“ใต้เท้าออกไปพบสหายยังไม่กลับมาเลยขอรับ”คำตอบของพ่อบ้านทำให้เขานิ่งงันไป ใต้เท้าเฉินไม่อยู่ แสดงว่าตอนนี้เขาก็อยู่จวนคนเดียวน่ะสิ ถึงจะมีหยางชวีและบ่าวไพร่อีกหลายสิบชีวิตแต่เขาก็ยังกลัว เด็กหนุ่มโบกมือไล่พ่อบ้านสุ่ยออกไป พ่อบ้านได้แต่ออกไปอย่างงุนงง

จื่อฟางเคยคิดว่ามีหยางชวีอยู่ก็ปลอดภัยแต่หากคนที่ลอบเข้ามาในจวนมีฝีมือมากเล่า แม้แต่ไป๋ผูอวี้ก็ยังเคยเข้ามาได้…ไป๋ผูอวี้ จริงสิ แค่นึกถึงเจ้าของชื่อเขาก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา เขาโยนความรู้สึกขุ่นเคืองต่ออีกฝ่ายทิ้ง เอาล่ะ ในเมื่อไป๋ผูอวี้ยังลอบเข้ามาหาเขาในจวนได้ เขาก็จะหน้าด้านไปจวนสกุลไป๋บ้าง จื่อฟางรีบเก็บเสื้อผ้าหนึ่งชุดใส่ห่อผ้าห่อใหญ่ ยัดกล่องไม้บรรจุซากกระต่ายไปด้วย เขาจะเอาไปให้ไป๋ผูอวี้ดู ไม่คิดบอกเรื่องทั้งหมดกับอีกฝ่าย แค่บอกคร่าวๆเท่านั้น 

“คุณชายจะไปที่ใดหรือ”หยางชวีกับจางต้าอยู่นอกห้องเอ่ยถามเมื่อเห็นคุณชายเสิ่นออกมาจากห้องพร้อมกับห่อผ้าใบใหญ่ หยางชวีย่นจมูกเมื่อได้กลิ่นคล้ายคาวเลือด แต่เมื่อกวาดมองตามร่างกายของเสิ่นจิ้งเฟยก็ไม่พบร่องรอยบาดแผลใด

“ข้าจะไปหาไป๋ผูอวี้”

“แล้วเหตุใดท่านต้องเอาห่อผ้าไปด้วย ท่านซ่อนอะไรไว้”หยางชวีมองห่อผ้าของคุณชายที่ดูจะหนักกว่าปกติด้วยสายตาสงสัย

“เปล่า ไม่มีอะไร วันนี้ข้าจะไปนอนค้างที่จวนสกุลไป๋”พอจื่อฟางเอ่ย บ่าวทั้งสองคนก็ทำสีหน้าพิลึกพิลั่นทันที พวกเขาได้ยินที่คุณชายพูดผิดไปหรือไม่? จื่อฟางไม่รอให้ทั้งสองคนเอ่ยแย้งรีบเดินออกมาจากเรือนสั่งบ่าวไพร่คนหนึ่งให้ไปเตรียมรถม้าให้เขา

จางต้าวิ่งตามมาหน้าตื่น“คุณชายเหตุใดท่านต้องไปนอนที่จวนสกุลไป๋ด้วย”ทำอย่างกับคุณชายไป๋จะต้อนรับท่านอย่างนั้นแหละ บ่าวคนสนิทยังไม่ทราบเรื่องที่ไป๋ผูอวี้แอบย่องมาหาเจ้านายของตน

“ข้าเหงา”เขาแกล้งตอบ

“…”หยางชวีมองคุณชายเสิ่นหน้านิ่ง ท่านกินอะไรผิดสำแดงมาหรือ?

“หรือว่าพวกเจ้าจะขึ้นมานอนบนเตียงเป็นเพื่อนข้า”จื่อฟางแกล้งทำสายตาแพรวพราวใส่ข้ารับใช้ทั้งสองคน จางต้าตัวสั่นเพิ่งเคยโดนเสิ่นจิ้งเฟยแกล้งก็วันนี้

“คุณชาย…ท่านไม่คิดหรือว่ามันไม่เหมาะ”หยางชวีพยายามหาเหตุผลมาแย้ง

“ไม่เหมาะอย่างไร ข้าไม่ใช่ผู้หญิงเสียหน่อย”เขาหัวเราะกับความคิดของอีกฝ่าย “พวกเจ้าอย่าห้ามข้าเลย วันนี้ใต้เท้าเฉินยังไม่กลับ ท่านพ่อก็ไม่อยู่จวนไม่ใช่หรือ เขายังไปค้างที่อื่นได้ ทำไมข้าต้องอุดอู้อยู่แต่ในจวนด้วย”เขากล่าวจบก็เดินต่อ

หยางชวีถอนหายใจ จางต้าได้แต่เดินตามคุณชายอย่างไม่เต็มใจนัก พ่อบ้านสุ่ยเห็นคุณชายเสิ่นออกไปข้างนอกทั้งๆที่ฟ้าใกล้มืดแล้วก็รีบเข้าไปถาม

“คุณชายเสิ่นนี่ก็เย็นย่ำแล้วท่านจะไปที่ใดอีกหรือ”

“เรื่องของข้า”พ่อบ้านสุ่ยได้แต่ยืนตาค้างมองคุณชายเสิ่นออกไปข้างนอก ถอนหายใจ ส่ายหน้าไปมา นายท่านก็ไม่อยู่ คุณชายก็ออกไปข้างนอก นับวันจวนสกุลเสิ่นยิ่งเงียบเหงา จวนแห่งนี้เป็นที่ให้บ่าวไพร่อยู่หรือไรฃ

จื่อฟางเดินอาดๆออกไปนอกจวน รถม้าจอดเตรียมพร้อมแล้ว เขากวาดตามองไปรอบ ๆรู้สึกเหมือนถูกจับตามอง ก็ลูบแขนไปมาอย่างหวาดกลัวรีบผลุบเข้าไปในรถม้าทันที ข้ารับใช้ทั้งสองจำต้องตามเข้าไปด้วย หยางชวีชะงักขมวดคิ้วรับรู้ถึงบางสิ่งแปลกๆ มีคนจับตามองคุณชายอยู่ เขามองไปรอบ ๆก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ เขารู้ว่าคุณชายมีความลับซุกซ่อนไว้มากมาย หากเขาจมูกไม่เพี้ยนก็คิดว่าได้กลิ่นคาวเลือดจริง ๆ ต้องมีของอยู่ในห่อผ้าของคุณชายอย่างแน่นอน ชายหนุ่มรู้ว่าสกุลไป๋ไม่ธรรมดา ไป๋ผูอวี้มีฝีมือมากกว่าเขา ไหนจะเว่ยหลง ยังมีบ่าวไพร่อีกหลายคนที่เป็นวรยุทย์อีก หยางชวีจึงไม่คิดห้ามคุณชาย หวังว่าสักวันคุณชายจะไว้ใจเขาบ้าง   

รถม้าเคลื่อนโขยกเขยกไม่นานก็จอดที่หน้าจวนสกุลไป๋ จื่อฟางมองเห็นบ่าวไพร่เฝ้าอยู่หน้าประตูมองมาด้วยสายตาแปลกใจ

“คุณชายไป๋จะยอมให้ท่านค้างคืนจริงหรือขอรับ”จางต้าเอ่ยถามอย่างเป็นกังวลกลัวว่าคุณชายจะถูกไป๋ผูอวี้เมินอีก

“ทำไมจะไม่ยอม เขายังเคยแอบย่องมาหาข้าตอนดึกได้เลย เคยเห็นข้าโป๊แล้วด้วยซ้ำ”จื่อฟางพูดออกมาอย่างอัดอั้น ความรู้สึกขุ่นมัวที่ถูกเมินใส่กลับมาอีกครั้ง

“อะ..อะไรนะขอรับ”ทั้งจางต้าและหยางชวีหน้าซีดเผือด

“ช่างเถอะ”จื่อฟางลงจากรถม้า โชคไม่ดีที่เขาหน้าด้านกว่าคนยุคนี้มากโข แค่บอกว่าไป๋ผูอวี้เคยเห็นเขาโป๊เจ้าสองคนนี่ก็ไม่กล้าสบสายตากับเขาแล้ว

“คุณชายเสิ่น…”บ่าวรับใช้เอ่ยเสียงนุ่มนวล สีหน้างุนงงเมื่อเห็นเขาและผู้ติดตามอีกสองคนยืนตระหง่านอยู่หน้าประตู

“ข้ามาหาไป๋ผูอวี้”เขาพูดด้วยน้ำเสียงกังวาน รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า บ่าวรับใช้เหม่อมองก่อนเลื่อนสายตามองห่อผ้าใหญ่ในอ้อมแขนของคุณชายเสิ่นก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก

“มีเรื่องใดกัน”กุ้ยตานได้ยินเสียงจึงออกมาดู ไม่คิดว่าจะพบกับคุณชายรูปงามอย่างเสิ่นจิ้งเฟยอยู่หน้าประตูจวน จื่อฟางเห็นใบหน้าเรียบนิ่งของกุ้ยตานมีความแปลกใจพาดผ่านก็ยกมือเรียก อย่างน้อยก็ยังเจอคนรู้จัก

“คุณชายเสิ่นท่านมีธุระใดหรือ”

“ข้ามาหาไป๋ผูอวี้ มีเรื่องสำคัญจะคุย พาข้าไปหาเขาที”เขาพูดคำเดิม กุ้ยตานมีสีหน้าไม่แน่ใจ

“ยามนี้คุณชาย….”กุ้ยตานยังเอ่ยไม่จบก็มีคนโผล่เข้ามาอีก จื่อฟางยืนรออย่างอดทน ฟ้ามืดพอดีกว่าเขาจะได้เข้าไป

“ท่านมาทำไมขอรับ”เว่ยหลงส่งเสียงถามด้วยน้ำเสียงที่แสร้งนอบน้อม เขาไม่คิดว่าเจ้าเต่าจะมาหาคุณชายถึงคฤหาสน์ วันนี้คุณชายไป๋ให้เขาตามเสิ่นจิ้งเฟยไปก็ว่าแปลกแล้ว แต่เขาไม่ได้เข้าไปใกล้เพราะองครักษ์หน้าดุผู้นั้นแข็งแกร่งเกินไป จึงได้แต่ลอบมองอยู่ห่างๆแล้วกลับมารายงานคุณชายไป๋

“ข้ามีเรื่องคุยกับไป๋ผูอวี้ เรื่องเมื่อคืนที่เขามาคุยถึงในห้องข้า”จื่อฟางจงใจพูดให้เว่ยหลงได้ยินคนเดียว อีกฝ่ายหน้าทะมึนทันที ไล่บ่าวไพร่ที่ยืนอยู่กลับไปทำหน้าที่ตามเดิม ก่อนเดินนำจื่อฟางและข้ารับใช้อีกสองคนไปที่เรือนของไป๋ผูอวี้ ชายหนุ่มร่างกำยำเหลือบมองห่อผ้าในอ้อมแขนของเสิ่นจิ้งเฟยก็ขมวดคิ้ว

“เหตุใดท่านเอาห่อผ้ามาด้วย”เจ้าเต่าหอบผ้าหอบผ่อนมาถึงคฤหาสน์สกุลไป๋ หากมีคนรู้เข้าก็ถูกเอาไปนินทาอีก เว่ยหลงเบื่อเรื่องซุบซิบของเสิ่นจิ้งเฟยเหลือเกิน ในโรงน้ำชาหลิวซื่อจะต้องมีคนพูดถึงทุกวัน

“เรื่องของข้า”จื่อฟางไม่อยากบอก เว่ยหลงคล้ายอยากเถียงแต่ก็เลือกหุบปากเงียบ สายตามองปราดไปที่หยางชวีและจางต้าอย่างไม่พอใจนัก ‘เห็นจวนสกุลไป๋เป็นโรงเตี๊ยมหรือไร’ เรือนของไป๋ผูอวี้เงียบสงบและปลูกแต่ต้นไผ่เงิน สายลมเย็นพัดเข้ามา เว่ยหลงย่นจมูกเมื่อได้กลิ่นเลือดจากห่อผ้าที่คุณชายเสิ่นถืออยู่

“อะไรอยู่ในห่อผ้ากันแน่”

“กระต่าย”จื่อฟางตอบเบาๆ ภาพของกระต่ายสีขาวยังติดตา คนทั้งสามมีสีหน้าไม่เข้าใจนัก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอีกคล้ายกับรู้ว่าคุณชายรูปงามคงไม่ตอบ เว่ยหลงบ่นอยู่ในใจ ให้คุณชายจัดการเองก็แล้วกัน เขาชักเหนื่อยหน่ายกับเรื่องไร้สาระพวกนี้แล้ว

“ท่านรออยู่ตรงนี้ก่อน”ชายหนุ่มบอกเมื่อเดินมาถึงลานบ้าน

“จะให้คุณชายข้ายืนขาแข็งอยู่เช่นนี้หรือ”จางต้าแย้ง แต่เว่ยหลงไม่สนใจเดินเข้าไปรายงานคุณชายไป๋ในเรือน แต่เขาคิดว่าคุณชายน่าจะทราบเรื่องแล้ว จื่อฟางมองไปรอบ ๆ เรือนของไป๋ผูอวี้ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป ให้บรรยากาศเป็นธรรมชาติ เรียบง่ายเหมือนเจ้าของ รอไม่นานนักไป๋ผูอวี้ก็ก้าวออกมาจากห้องด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ จื่อฟางเม้มปาก นึกถึงเหตุการณ์ที่โรงน้ำชาหลิวซื่อก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ต้อนรับ

ร่างสูงตรงหน้าถอนหายใจ “เข้ามา ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่านพอดี”ไป๋ผูอวี้เอ่ยก่อนหันไปทางเว่ยหลง

“เจ้าไปบอกบ่าวพวกนั้นว่าอย่านำเรื่องนี้ไปบอกท่านพ่อ ข้าไม่อยากให้เขารู้”เขาสั่งเสียงเข้มก่อนหันมาพยักหน้าเรียกจื่อฟาง เด็กหนุ่มกระชับห่อผ้า รู้สึกแปลกเหมือนแอบหนีมาค้างบ้านแฟนหนุ่มอย่างไรอย่างนั้น แต่เขาแค่มานอนค้างบ้านสหายไม่ใช่เรื่องน่าแปลกตรงไหน แม้ว่าเขาพยายามจะ‘อ่อย’สหายผู้นี้ก็เถอะ

“พวกเจ้ารออยู่ด้านนอกก่อน”จื่อฟางหันไปบอกจางต้าและหยางชวี ก่อนเดินตามไป๋ผูอวี้เข้าไป ภายในห้องของไป๋ผูอวี้มีเครื่องเรือนประณีต ไม่มีของราคาแพงหรูหราอย่างเรือนของเสิ่นจิ้งเฟย ข้าวของในห้องก็ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ เตียงสี่เสาอยู่ชิดริมห้อง ตู้เก็บของอยู่ทางซ้ายมือ โต๊ะเขียนหนังสืออยู่อีกฝั่ง

ไป๋ผูอวี้กวาดตามองทั่วร่างของเขาด้วยสายตาสำรวจ

“ท่านนำสิ่งใดมา”เขาพยักเพยิดไปที่ห่อผ้าในอ้อมแขนของเสิ่นจิ้งเฟย ร่างตรงหน้าจึงคลี่ห่อผ้าหยิบกล่องไม้ส่งมาให้ ไป๋ผูอวี้ขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นเลือดจางๆ เปิดดูก็พบว่ามีซากกระต่ายตัวหนึ่ง เขาใช้นิ้วเขี่ยดูพบว่าเจ้ากระต่ายที่น่าสงสารถูกปาดคอ

“มีคนส่งให้ข้าถึงในห้อง คนในจวนไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นสักคน ข้ารู้สึกไม่ปลอดภัย”จื่อฟางเริ่มเดินงุ่นง่านไปมา เรื่องโดนวางยาพิษก็ยังไม่กระจ่าง ตอนนี้ยังมีท่านอ๋องมาข่มขู่อีก

“เป็นผู้ใด”บุรุษหนุ่มเอ่ยถามทั้ง ๆที่เดาได้อยู่แล้ว

“ข้าคิดว่าเป็นหลิวอ๋อง”จื่อฟางตอบด้วยสีหน้าหนักใจ ไป๋ผูอวี้มองหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่ง

“ท่านเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องยุ่งจริงเสียด้วย ดูจากที่ท่านอ๋องข่มขู่ท่านเช่นนี้ ท่านคงถลำลึกพอดู”ไป๋ผูอวี้เอ่ยช้า ๆ เท่าที่รู้มาจากสหายลับ เขารู้เพียงว่าเสิ่นจิ้งเฟยติดต่อกับหลิวอ๋องมานานแล้ว แต่ด้วยเรื่องใดนั้นได้แต่คาดเดา แต่สิ่งที่เขาและสหายคาดเดาเป็นเรื่องที่ค่อนข้างร้ายแรง คิดว่าท่านหลิวอ๋องเจี่ยซินที่ดูจงรักภักดีกับฮ่องเต้เจี่ยผิงกำลังคิด‘กบฏ’ บุรุษหนุ่มแค่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเสิ่นจิ้งเฟยถึงเข้าร่วมด้วย

“เสิ่นจิ้งเฟย ข้าขอถามได้หรือไม่ เหตุใดถึงร่วมมือกับหลิวอ๋อง”ไป๋ผูอวี้ลดเสียงลง เดินเข้าไปใกล้คุณชายเสิ่น จ้องมองเข้าไปในดวงตาของคนร่างผอมบางราวกับอยากมองให้รู้ชัด

“…”จื่อฟางไม่ได้เอ่ยตอบในทันที เขาไม่รู้เหตุผลของเสิ่นจิ้งเฟย ในนิยายที่ตนอ่านก็อ่านได้เพียงครึ่งเดียว พระรองเสิ่นจิ้งเฟยก่อกบฏจริงหรือไม่ยังไม่สามารถรู้ได้ แต่จากนิสัยที่ในเรื่องที่ผ่านมา ก็เป็นเพียงคนที่ต้องการอำนาจและพิสูจน์ให้ผู้อื่นเห็นว่าไม่ได้อ่อนแอเป็นตัวตลก เสิ่นจิ้งเฟยที่จื่อฟางมาอาศัยร่างจะเป็นแบบเดียวกันหรือเปล่า? แต่เหตุใดไป๋ผูอวี้ถึงได้รู้เรื่องนี้ ไปรู้มาจากไหน

“สักวันข้าจะบอกท่าน”เขาได้แต่ตอบไปเช่นนั้น

“ข้าคิดว่าท่านไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร หากท่านคิดถอนตัวตอนนี้ก็ยังทัน”ไป๋ผูอวี้เอ่ยเสียงนุ่มคล้ายกำลังหลอกล่อ  หากวันใดเสิ่นจิ้งเฟยหมดประโยชน์คิดหรือว่าท่านอ๋องจะไว้ชีวิต

“ถอนตัว ข้าจะทำได้อย่างไร หากข้าถอนตัวจริงคงได้มีชะตาเหมือนกระต่ายตัวนั้นแน่”จื่อฟางนึกถึงข้อความในจดหมาย เสิ่นจิ้งเฟยร่วมมือกับท่านอ๋องทำเรื่องน่าสงสัยลับหลังฮ่องเต้จะเป็นเรื่องดีไปได้อย่างไร เขาไม่อยากคิดว่าเสิ่นจิ้งเฟยจะเป็นกบฏ เจ้านั่นคงไม่โง่ทำเรื่องที่ไม่มีทางสำเร็จเช่นนั้น ทำไปเพราะอะไร เสิ่นจิ้งเฟยมีเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังใดกับฮ่องเต้ แต่หากถูกจับได้ขึ้นมาก็มีแต่โทษตายเท่านั้น


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2019 15:35:45 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
 
 

 

“เจ้าเป็นคนพูดก็ง่ายสิ หากเกิดอะไรขึ้นมาผู้ใดจะช่วยข้า”เด็กหนุ่มถอนหายใจคิดว่าเรื่องนี้โทษผู้อื่นไม่ได้ คนนอกมองอย่างไรก็เป็นการตัดสินใจของตัวเขา แต่จื่อฟางเป็นคนโชคร้ายที่มาติดอยู่ในร่างของผู้อื่น เอาเข้าจริงก็มืดแปดด้าน หากไม่มีทางออกจื่อฟางจะพึ่งผู้ใด ไป๋ผูอวี้เป็นเพียงบุตรชายคหบดีไม่มียศตำแหน่งคงช่วยอะไรไม่ได้จะยอมช่วยเหลือตนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ความเงียบคืบคลานเข้ามาระลอกใหญ่ เขาชายตามองบุรุษร่างสูงที่มีสีหน้าเรียบเฉย

“ข้าไม่รบกวนท่านดีกว่า”มาคิดดูอีกทีรังแต่จะทำให้ไป๋ผูอวี้เดือดร้อน จื่อฟางหมุนกายออกจากห้อง แต่ไป๋ผูอวี้คว้าแขนเขาไว้ ใบหน้าแฝงแววขบขัน เจ้าท่อนไม้ยังขำออกอีกหรือ?

“ท่านนำห่อผ้ามาเช่นนี้ มิใช่ว่าอยากมานอนกับข้าหรือ”

“…”จื่อฟางมองอีกฝ่ายตาเขียว ไม่อยากเชื่อว่าคนผู้นี้จงใจใช้คำกำกวมกับตนแต่ในยามนี้ไม่มีอารมณ์มาหยอกล้อด้วย

“ไยท่านทำตัวคาดเดาไม่ได้เช่นนี้เล่า”บุรุษหนุ่มพึมพำเมื่อเห็นว่าคุณชายเสิ่นยังทำหน้าบึ้งตึงใส่

“เจ้ากับข้าเป็นสหายกันแล้ว หากท่านพบเจออันตรายข้าย่อมช่วยเหลือ”ไป๋ผูอวี้กล่าวอย่างสุขุม ไม่ได้จริงจังมากนัก รู้ดีว่าเรื่องจริงคงไม่ง่าย หากคิดจะยื่นมือช่วยเสิ่นจิ้งเฟยถอนตัวจากหลิวอ๋อง เขาต้องไม่ทำให้สกุลไป๋เดือดร้อนไปด้วย แต่ขาจำเป็นต้องช่วยเหลือเสิ่นจิ้งเฟยถึงขั้นนี้ด้วยหรือ พูดตามจริงหากเป็นเมื่อสองเดือนก่อน คุณชายเสิ่นจะถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏอย่างไรตนก็ทำเพียงถอนหายใจเท่านั้น แต่เสิ่นจิ้งเฟยตรงหน้าเขาไม่เหมือนคนเก่า แม้จะมีนิสัยบางส่วนที่ยังคล้ายกัน แต่ไป๋ผูอวี้รู้สึกชัดเจนว่าคุณชายไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว แม้จะไม่รู้ว่าเป็นไปได้หรือไม่ แต่ลายมือของเสิ่นจิ้งเฟยเปลี่ยนไปเล็กน้อย บุรุษหนุ่มมุ่นคิ้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขามีความรู้สึกเป็นห่วงต่อเสิ่นจิ้งเฟยจริง

“เจ้าพูดจริง? เหตุใดถึงช่วย ข้ากับเจ้าพึ่งรู้จักกัน”เขาไม่เคยคิดระแวงไป๋ผูอวี้มาก่อนเพราะคนผู้นี้ป็นพระเอก อย่างไรก็ต้องอยู่ฝ่ายดี เขาแค่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงช่วย

ไป๋ผูอวี้ตอบไม่ได้ “ข้าไม่รู้”

จื่อฟางมองอีกฝ่ายนิ่งงัน ก่อนจะหัวเราะเบา ๆคำว่าไม่รู้เป็นคำแก้สถานการณ์ที่หาคำตอบไม่ได้ดีที่สุด เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดถึงได้เชื่อใจไป๋ผูอวี้ ร่างบางสบตากับอีกฝ่ายเนิ่นนานถึงได้สืบเท้าเข้าไปสวมกอดไป๋ผูอวี้หลวม ๆ ใบหน้าอยู่ที่ระดับปลายคางของร่างตรงหน้า กลิ่นอายของคนผู้นี้ให้ความรู้สึกปลอดภัย ไป๋ผูอวี้ไม่ได้ผลักตนออกเพียงแต่ยืนเป็นท่อนไม้ให้สวมกอดอยู่นานสองนาน

เมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศหนักอึ้งคลายลงจึงกล่าว “เจ้าให้ข้านอนด้วยจริงหรือ”

“อีกห้องหนึ่ง”ไป๋ผูอวี้พึมพำ ว้าวุ่นใจที่ไม่ได้รู้สึกอยากผลักไสร่างบางออกไป แบบนี้มันผิดปกติใช่หรือไม่?

“ไม่ได้ นอนกับเจ้าข้าจะสบายใจกว่า”จื่อฟางเพิ่งเคยรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องตลอดเวลาก็ครานี้ นึกไปถึงเมื่อตอนที่ขึ้นรถม้ามาที่คฤหาสน์สกุลไป๋ค่อนข้างแน่ใจว่ามีใครบางคนจับตามองเขาอยู่ หลิวอ๋อง?ความคิดนี้ทำให้ขนลุกวูบวาบ

“นอนกับข้า?”ไป๋ผูอวี้ถามซ้ำด้วยน้ำเสียงหยอกล้อจนชวนให้คิดว่าตัวเองหูฝาดไปเอง     

“ข้าหมายถึงนอนเตียงเดียวกับเจ้า แค่คืนเดียวเท่านั้น อีกอย่างข้ากับเจ้าก็เป็นบุรุษด้วยกัน จะกลัวอะไร”

“ก็ได้ แต่มีข้อแม้…”ไป๋ผูอวี้เปรยทำให้รอยยิ้มของจื่อฟางลดลง

“ข้าอยากรู้ว่าท่านไปสนิทกับคุณชายสูงศักดิ์ผู้นั้นได้อย่างไร”คำถามนี้ทำให้เสิ่นจิ้งเฟยผละมามองหน้าบุรุษหนุ่มเขามองเห็นอาการลนลานในดวงตาคู่งาม 

“อ้อ คุณชายฝู่จวิ้นน่ะเหรอ”จื่อฟาวต้องปั้นแต่งเรื่องโกหกอีกแล้วสินะ

“ฝู่จวิ้น?”ไป๋ผูอวี้ขมวดคิ้ว ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ความสงสัยของเขาเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง

“อืม…”เขาตัดสินใจเล่าเรื่องที่แต่งขึ้นให้ไป๋ผูอวี้ฟัง บอกว่าเคยรู้จักคุณชายฝู่จวิ้นเมื่อหลายปีก่อนเพราะถูกช่วยชีวิตไว้โดยบังเอิญ (นี่มันบทของไป๋ผูอวี้และฉินเซียงอินชัดๆ) ถึงจะรู้สึกผิดที่ต้องโกหกแต่ในตอนนี้เขาไม่รู้ว่าฝู่จวิ้นเป็นผู้ใด เมื่อเล่าจบไป๋ผูอวี้ก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ

“ข้าจะให้เว่ยหลงจัดที่นอนให้ข้ารับใช้ของท่าน”ร่างนั้นเอ่ยเพียงเท่านี้ จื่อฟางยืนมองอีกฝ่ายคิดได้ว่ายังไม่ได้เอาจดหมายให้ไป๋ผูอวี้ดู ตอนแรกตั้งใจจะบอกแค่เพียงครึ่งเดียว แต่ไป๋ผูอวี้รู้เรื่องท่านอ๋องมากกว่าที่คิด เขาไม่อยากเผชิญเรื่องคอขาดบาดตายเพียงลำพัง หากมีไป๋ผูอวี้คอยช่วยเหลือบางทีอาจมีวิธีเอาตัวรอดจากหลิวอ๋องได้

“ไป๋ผูอวี้…”เขาเอ่ยเรียก “ข้าคิดว่าไว้ใจท่านได้”จื่อฟางหยิบจดหมายออกมาจากห่อผ้าก่อนส่งให้บุรุษหนุ่มตรงหน้า ไป๋ผูอวี้รับไปอ่านด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเช่นทุกครา

“เขานัดเจอท่าน แล้วท่านจะทำเช่นไร”

“ก็คงต้องไปตามนัด ข้าไม่คิดว่าท่านอ๋องจะลงมือฆ่าข้าในตอนนี้”

“หอผูเยว่…หอคณิกานั่น…ข้าจะบอกซูเหลียนฮวาให้นางเฝ้าดูอีกแรงหากมีสิ่งผิดปกตินางย่อมลงมือช่วยอย่างแน่นอน”ไป๋ผูอวี้ไม่อยากออกโรงเองเพราะห่วงสกุลไป๋จะเดือดร้อน แต่หากเกิดเรื่องร้ายแรงจริง เขาค่อยเข้าไปช่วย

“เหตุใดท่านถึงรู้เรื่องพวกนี้ได้”จื่อฟางเอ่ยถามอย่างสงสัย ไป๋ผูอวี้มองเขาอย่างพินิจ

“ข้าขอตอบเช่นเดียวกับท่าน สักวันข้าจะบอก เรื่องบางเรื่องไม่อาจบอกได้ถ้ายังไม่ถึงเวลา”ไป๋ผูอวี้มองเห็นร่องรอยผิดหวังของอีกฝ่าย แต่เรื่องนี้จะตัดสินโดยใช้อารมณ์ส่วนตัวไม่ได้ เรื่องที่เขาทำงานให้ท่านผู้อาวุโสอวิ๋นน้อยคนนักที่ล่วงรู้ ผู้อาวุโสอวิ๋นเป็นขุนนางเก่าเคยดำรงตำแหน่งอัครเสนาบดี ท่านผู้อาวุโสเคารพบอกว่าได้รับคำสั่งลับๆจากฝ่าบาทให้จับตาดูคนกลุ่มหนึ่ง ฮ่องเต้ระแคะระคายว่าหลิวอ๋องจะก่อกบฏ มีกลุ่มคลื่นใต้น้ำเคลื่อนไหวอย่างลับๆ ไป๋ผูอวี้ไม่เคยเจอฮ่องเต้เพียงแต่มีคนที่สงสัยอยู่ในใจและเขาก็ไม่คิดอยากเข้าเฝ้าเพราะเขาไม่ได้อยากเป็นขุนนาง เขาร่วมมือกับผู้อาวุโสอวิ๋นเพราะมีเรื่องที่อยากทำ มิใช่เพราะฮ่องเต้เจี่ยผิง

“แต่อย่างไรข้าก็ขอบคุณท่านที่ไว้ใจข้า”ไป๋ผูอวี้ยกยิ้ม หากเจ้าไปพบหลิวอ๋องโดยไม่ได้เผยความลับใด ข้าจะบอกเจ้าอย่างแน่นอน เสิ่นจิ้งเฟย

“คุณชาย…”เสียงเรียกของเว่ยหลงดังอยู่ด้านนอกเบาๆ “ข้านำน้ำร้อนมาให้”

“เข้ามาสิ”ไป๋ผูอวี้ตอบรับ เว่ยหลงแบกถังน้ำร้อนเข้ามาสองถัง จื่อฟางมองด้วยสายตาชื่นชม จางต้าแบกแค่ถังเดียวก็หอบแฮ่กเป็นลูกหมาแล้ว

“ท่านพ่อกลับมาหรือยัง”บุรุษหนุ่มเอ่ยถามระหว่างที่มองผู้ติดตามยกถังน้ำไปไว้หลังฉากกั้น

“ยังขอรับ”เว่ยหลงตอบ รำพึงอยู่ในใจว่าช่างเป็นใจนัก

“เถ้าแก่ไป๋ไม่อยู่หรือ”เขาเอ่ยถามเจ้าของห้อง

“ออกไปกับใต้เท้าเฉิน”อีกฝ่ายตอบ เด็กหนุ่มส่งเสียงร้องอืมในลำคอ เว่ยหลงออกไปจากห้องด้วยสีหน้าแปลกประหลาด

ไป๋ผูอวี้ก็หันมาทางเขา “เชิญท่านอาบน้ำก่อนเลย”

    “ขอสาวใช้มาช่วยขัดหลังได้หรือไม่”

    “…”ไป๋ผูอวี้ไม่ตอบเพียงแต่ทำหน้านิ่งมองเขาเท่านั้น 

“ข้าเรียกหยางชวีมาก็ได้”

“ข้าขัดให้ท่านดีหรือไม่”ไป๋ผูอวี้คล้ายรำคาญ

จื่อฟางหัวเราะ“ถ้าท่านไม่รังเกียจ”คิดว่าไป๋ผูอวี้แค่พูดหยอกเล่นเท่านั้น ไม่คิดว่าตอนที่เขาแช่น้ำอุ่นอยู่ในถัง เจ้าตัวจะเข้ามาช่วยขัดหลังให้เขาจริง ๆ

“ท่านเอาจริงหรือ”จื่อฟางหันหลังให้แทบไม่ทัน รู้สึกเขินอายขึ้นมา รับรู้ว่าสายตาของไป๋ผูอวี้จ้องแผ่นหลังขาวเนียนของร่างนี้อยู่

“บุรุษด้วยกัน จะกลัวอะไรเล่า”ไป๋ผูอวี้ลอกคำพูดของเขามาตอบ

“ทำไมวันนี้ท่านทำตัวแปลกนัก ปกติทำตัวเป็นท่อนไม้”จื่อฟางพูดแต่อีกฝ่ายออกแรงใช้ไยบวบขัดหลังให้เขา

“โอ๊ยยย”

“เจ็บหรือ”อีกฝ่ายถามด้วยเสียงเจือหัวเราะ

“ลองบ้างไหมล่ะ”จื่อฟางพึมพำรู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งตนแน่ ไป๋ผูอวี้ขยับมากระซิบใกล้ใบหูของเขา

“เว่ยหลงกับหยางชวีแอบฟังอยู่ ท่านช่วยเล่นละครไล่สองคนนั่นไปได้หรือไม่”จื่อฟางไม่อยากเชื่อว่าสองคนนั่นจะมาแอบฟังตอนที่ตนใช้เวลาอาบน้ำ คิดอะไรกันอยู่นะ ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงแกล้งร้องเสียงดังเป็นพิเศษ ในหัวพลันสงสัยว่าท่อนไม้อย่างไป๋ผูอวี้จะยังบริสุทธ์ผุดผ่องอยู่หรือไม่ ไป๋ผูอวี้ได้ยินเสียงร้องสมจริงของเสิ่นจิ้งเฟยก็รู้สึกว่าหน้าร้อน บุรุษหนุ่มรีบหยุดความคิดไร้สาระ เมื่อรู้สึกว่าหยางชวีและเว่ยหลงไปแล้วเขาจึงทิ้งไยบวบ

    “เชิญท่านตามสบาย”ร่างสูงใหญ่เดินออกไปโดยไม่หันมอง จื่อฟางเหลียวมองอย่างขบขัน ใช้เวลาไม่นานเพราะไป๋ผูอวี้ต้องอาบน้ำต่อ จึงออกมาจากฉากกั้นพบว่าจางต้ากำลังจัดแจงโต๊ะอาหารให้ บ่าวคนสนิทใช้สายตามองหาสิ่งผิดปกติบนร่างกายของเขาอย่างโจ่งแจ้ง เมื่อไป๋ผูอวี้หายเข้าไปหลังฉากกั้นจางต้าก็กระซิบกระซาบเบาๆ

“ข้าได้ยินเสียงท่านกับไป๋ผูอวี้…”จางต้ากระซิบหน้าแดงซ่าน

“แล้วอย่างไร”จื่อฟางมองกับข้าวที่มีแต่ผักก็คีบกินไม่กี่คำ

“ท่านไม่ได้ชอบคุณหนูฉินหรือ”

“ข้าไม่ได้ชอบนาง ข้าชอบไป๋ผูอวี้ต่างหาก”จื่อฟางเพียงตอบเล่นๆเท่านั้น ไม่คิดว่าไป๋ผูอวี้ที่อยู่หลังฉากกั้นจะได้ยิน ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เสิ่นจิ้งเฟยชอบเขา? เป็นไปได้หรือ แต่นัยน์ตาของเขาก็เป็นประกายเล็กน้อย มองไม่ออกว่าคิดสิ่งใดอยู่ 

“คุณชาย! ท่านล้อเล่นแล้วหากนายท่านรู้เข้า…”จางต้ามีสีหน้าตื่นตระหนก แต่พอเห็นคุณชายหัวเราะก็รู้ว่าถูกแกล้งเข้าแล้ว

“หยางชวีอยู่ที่ใด”เขาเอ่ยถาม วางตะเกียบลง กับข้าวสกุลไป๋ไม่ถูกปากเอาซะเลย

“ฝึกยุทธ์กับเว่ยหลงอยู่ขอรับ”จางต้าตอบด้วยน้ำเสียงปนอิจฉา

“เจ้าเป็นไรแล้ว”

“ข้าอยากฝึกบ้าง เพื่อจะปกป้องคุณชายได้”จางต้าพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ส่งถ้วยยากลิ่นแรงให้คุณชาย นี่เป็นยาสุมนไพรที่เว่ยหลงนำมาให้

“ให้หยางชวีสอนสิ”จื่อฟางรับถ้วยยามาดื่มรวดเดียวก่อนทำหน้าบิดเบี้ยวเพราะรสชาติขมฝาด

“เขาไม่ยอมสอน ทั้งยังดูถูกข้าอีก!”จางต้ามีท่าทีเจ็บแค้น

“แล้วเว่ยหลง…”เขาคิดว่าเจ้านั่นเก่งมากทีเดียว หากสู้กับหยางชวีจริง ๆ ผลแพ้ชนะอาจพลิกได้ตลอด

“ท่านล้อเล่นอีกแล้ว เขาเกลียดพวกเราสกุลเสิ่นจะตาย อย่าว่าแต่ยอมคุยด้วยเลย”จางต้าทำเสียงจุ๊ๆเมื่อนึกถึงคนร่างกำยำนั่น

เมื่อไป๋ผูอวี้อาบน้ำเสร็จ จางต้าก็รีบออกไปจากห้องคิดอยู่ในใจว่าคุณชายดูมีชีวิตชีวากว่าตอนอยู่ที่จวนเสนาบดีนักหรือเป็นเพราะไป๋ผูอวี้ เขาได้แต่หวังว่าเรื่องที่คุณชายบอกว่าชอบคุณชายไป๋จะเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นเท่านั้น เดาใจนายท่านใหญ่ไม่ออกว่าคิดเห็นเช่นไร

ฟ้ามืดแล้วจื่อฟางนำหนังสือตำราของไป๋ผูอวี้มาอ่านเล่นแก้เบื่อ ในขณะที่เจ้าของห้องนั่งสมาธิอยู่หลายชั่วยาม  เขาเพิ่งเคยเห็นไป๋ผูอวี้ปล่อยผมยาวสยายเป็นครั้งแรก จึงลอบมองบ่อย ๆ ร่างที่นั่งหลับตาขมวดคิ้วราวกับรู้ตัวว่าถูกจับจ้องไม่วางตา

ผ่านไปหนึ่งเค่อ ไป๋ผูอวี้ก็ลืมตาช้า ๆด้วยท่าทางปรอดโปร่ง มองจื่อฟางด้วยดวงตากระจ่าง

“ข้าจะช่วยท่านเดินลมปราณ”

จื่อฟางตกใจจนทำหนังสือตำราหล่นพื้น ท่อนไม้รู้ด้วยหรือว่าตอนนี้เขาเดินลมปราณไม่เป็น

“หยางชวีบอกข้าหมดแล้ว”ชายหนุ่มกล่าว นึกถึงสีหน้าจริงจังและยอมรับของหยางชวียามที่พูดกับเขา ‘ข้าฝากดูแลคุณชายด้วย’ เจ้านี่เห็นเขาเป็นพี่เลี้ยงของเสิ่นจิ้งเฟยหรืออย่างไร แต่หยางชวีเป็นคนมีฝีมือหากยอมลดความถือตน ยอมให้เว่ยหลงสอน ฝีมืออาจจะไปได้ไกลกว่านี้

“จริงหรือ”จื่อฟางแทบไม่อยากเชื่อ หยางชวีเอ๋ย ไยเจ้าปากสว่างเช่นนี้!

“เขาบอกว่าท่านคล้ายเสียความทรงจำ เรื่องที่เคยทำได้กลับไร้ความสามารถ แม้แต่กู่เจิงก็เล่นไม่ได้แล้ว”ไป๋ผูอวี้ถามระหว่างที่เดินมายืนซ้อนด้านหลัง แนบฝามือลงกลางหลังของเสิ่นจิ้งเฟย ร่างบางพยายามไม่เหม่อลอย ใจเต้นตุบตับรุนแรง พลังลมปราณของไป๋ผูอวี้แข็งแกร่งจนเขารู้สึกได้ ร่างกายของสั่นเล็กน้อย บุรุษหนุ่มจึงละมือออกจากแผ่นหลังของตรงหน้า

จื่อฟางนั่งพักรู้สึกง่วงขึ้นมา เขาจึงแบกร่างไปนอนแผ่บนเตียง “ไยท่านถึงสนใจเรื่องกู่เจิงนัก”เขาพึมพำถาม

“ตั้งแต่ย้ายมาฉางอันข้าก็ได้ยินเรื่องนี้มาตลอด จึงอยากฟังสักครั้งว่าจริงหรือไม่”ไป๋ผูอวี้ตอบยืนมองอยู่ข้างเตียง จื่อฟางมองเส้นผมสีดำขลับยาวถึงกลางหลังของอีกฝ่ายก็รู้สึกอยากจับ

“ข้าเล่นไม่ได้แล้ว”เด็กหนุ่มตอบเสียงหม่น ไป๋ผูอวี้ชอบความสามารถของเสิ่นจิ้งเฟย “แต่หากท่านอยากฟังข้าจะลองฝึกดู”พอพูดออกไปแล้วจื่อฟางก็อยากคืนคำ

“รอให้ท่านสอบซิ่วไฉได้ค่อยฝึก”ไป๋ผูอวี้ยิ้มจาง   

“อืม”เขาเพียงโคลงศีรษะ ไม่รู้ว่าตนจะสอบได้หรือไม่

กลางดึกจื่อฟางฝันถึงกระต่ายสีขาวแปลงร่างเป็นปีศาจร้ายไล่กัดคน เขาจึงนอนอย่างกระสับกระส่าย คิ้วขมวดมุ่น พลิกตัวไปมาอยู่หลายรอบทำให้ไป๋ผูอวี้นอนไม่หลับไปด้วยเพราะเสิ่นจิ้งเฟยนอนดิ้นอยู่ใกล้ๆ บุรุษหนุ่มจึงนอนเงี่ยหูฟังเสียงลมพัดจวบจนไม่มีเสียงใดให้ฟัง เขาก็ยังนอนไม่หลับ ไป๋ผูอวี้จึงพลิกตัวพินิจมองเสิ่นจิ้งเฟยที่นอนหันหน้ามาทางตนเงียบๆ ใบหน้าของอีกฝ่ายขาวซีด มีเหงื่อผุดตามหน้าผากราวกับกำลังฝันร้าย แน่ล่ะ ถ้าคุณชายเสิ่นยังหลับสบายได้อยู่ก็แปลกแล้ว ไป๋ผูอวี้ยื่นมือออกไปอย่างลังเลก่อนเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเด็กหนุ่มอย่างเบามือเพราะกลัวเจ้าตัวจะตื่น

“เสิ่นจิ้งเฟย…เจ้า…”เสิ่นจิ้งเฟยละเมอ คิ้วยังขมวดเป็นปม ไป๋ผูอวี้เลิกคิ้ว มุมปากมีรอยยิ้ม มีคนละเมอด่าตัวเองด้วยหรือ บุรุษหนุ่มนึกถึงตอนที่ตนยังเด็กยามที่ฝันร้ายท่านแม่มักมานอนปลอบเสมอ แต่เสิ่นจิ้งเฟยเสียมารดาไปนานแล้ว ยามที่ฝันร้ายคนผู้นี้จะมีคนปลอบหรือไม่ เสนาบดีเสิ่นคงไม่ใช่คนอ่อนโยนเท่าไหร่ นอกจากตามใจบุตรชายแล้วเคยสนใจเสิ่นจิ้งเฟยด้วยหรือ ไม่รู้ว่าคิดสิ่งใดอยู่จึงเอื้อมมือไปตบหลังคุณชายเสิ่นเบาๆ แต่เขากลับคิดผิดเพราะเสิ่นจิ้งเฟยขยับตัวมาซุกในอ้อมแขนของเขาทันที คิ้วที่ขมวดมุ่นค่อยคลายลง แม้แต่ตอนนอนคุณชายท่านนี้ก็ยังคิดแกล้งเขา ไป๋ผูอวี้ได้แต่ถอนหายใจ

นี่ไม่ใช่แค่ล้ำเส้นแล้วกระมัง แต่ดูเหมือนก้าวข้ามมาทั้งตัวแล้ว





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2019 15:36:10 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
มีปมเยอะแยะ สนุกมากรอติดตาม

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
รอคุณชายทั้งสองได้กันนะจ๊ะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ลึกลับไปอีกกกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด