คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 27 {Up.270119} - จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 27 {Up.270119} - จบแล้ว  (อ่าน 31388 ครั้ง)

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0






คุณครูพี่มิน




Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-02-2019 21:00:05 โดย แจซอล »

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 1 {Up.010218}
«ตอบ #1 เมื่อ01-02-2018 20:24:27 »



1.


พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

เจ้าของขายาวในชุดนักเรียนเดินเอื่อยเฉื่อยไปตามทางเดินเท้า ไม่เร่งรีบแต่ก็ต้องทำเวลา

วันที่ไม่มีเรียนพิเศษ มินมักจะเดินเรื่อยเปื่อยเพื่อไปหาคุณแม่ซึ่งเป็นคุณครูโรงเรียนอนุบาลที่ตั้งอยู่ห่างจากโรงเรียนมัธยมของเขาประมาณ 1 กิโลเมตร

ในย่านชุมชน ระยะทางแค่นี้ไม่ถือว่าไกล เดินดูนั่นดูนี่เหงื่อยังไม่ทันไหลก็มาถึงโรงเรียนคุณแม่แล้ว

“น้องมิน คุณแม่ยังเคลียร์งานไม่เสร็จเลยค่ะ” คุณครูพี่อรซึ่งทำหน้าที่ยืนส่งนักเรียนเอ่ยทัก ให้เด็กหนุ่มยกมือไหว้ทักทายอย่างคนมารยาทดี

“เดี๋ยวมินไปนั่งทำการบ้านรอแม่ในสวนนะครับ”

ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนเป็นที่ตั้งของสวนสาธารณะ มินมักจะนั่งรอคุณแม่ที่นี่แทนที่จะเข้าไปนั่งรอในโรงเรียน

เขาข้ามถนนตรงทางม้าลายหลังจากมองซ้ายมองขวาแล้วพบว่าบนถนนปราศจากรถรา ตั้งใจเดินตรงไปยังสนามเด็กเล่นเพื่อนั่งไกวชิงช้าให้รู้สึกผ่อนคลายก่อนทำการบ้านอย่างที่ทำเป็นประจำ

หากวันนี้ที่นั่งประจำกลับไม่ว่างอย่างเคย

มินเดินเข้าไปหยุดตรงชิงช้าที่ประจำของตน ดวงตาเรียวจับจ้องเด็กน้อยที่นั่งนิ่งๆ อยู่ตรงนั้น ทั้งที่มีคนแปลกหน้ายืนจ้องอยู่แท้ๆ แต่เด็กนั่นกลับไม่สนใจเลยสักนิด

“น้อง” มินลองเรียกพร้อมกับนั่งยองๆ ลงตรงหน้าเพื่อจะได้มองกันชัดๆ หากเด็กน้อยกลับไม่ยอมเงยหน้ามามอง

ใช้คนหรือเปล่านะ คิดพลางมองสำรวจไปทั่วบริเวณที่เงียบสงัด

“มานั่งทำอะไรตรงนี้”

“ยุ่ง” ถ้าจะพูดอย่างนี้สู้เงียบปากไปเลยดีกว่า

มินใช้ดวงตาคู่สวยภายใต้กรอบแว่นของตนสำรวจร่างเด็กตัวป้อมซึ่งประเมิณด้วยสายตาคร่าวๆ แล้วไม่น่าจะอายุซัก 5 ขวบได้มั้ง และแต่งตัวด้วยเสื้อขาวกับกางเกงสีแดงแบบนี้ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นเด็กนักเรียนจากโรงเรียนประถมตรงข้ามนี้แน่ๆ

“มานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียวครับ”

“ยุ่ง”

“นี่น้อง ที่โรงเรียนสอนให้พูดกับผู้ใหญ่แบบนี้เหรอ” คนใจเย็นถึงกับหัวร้อนเมื่อเด็กตรงหน้าแสดงความก้าวร้าวออกมา

“คุงคูบอกว่าไม่ให้คุยกับคงแปลกหน้า” ไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้าแต่ปล่อยเด็กมานั่งลำพังแบบนี้เนี่ยนะ ย้อนแย้งชะมัด

“พี่ชื่อมิน แล้วเราล่ะชื่ออะไร”

“ทำไมต้องบอก” ครั้งแรกที่เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน ดวงตาใสแป๋วมีแววดื้อรั้นก็ดูเหมาะกับคำพูดคำจาก่อนหน้านี้ดี

“ก็พี่แนะนำตัวไปแล้ว ทีนี้ก็ถึงตาน้องแล้วนะครับ”

“ใครน้อง เราชื่อพี่แพท” มินยิ้มขำให้กับท่าทางแก่แดดแก่ลมนั่นก่อนจะขยับลุกขึ้นเพื่อนั่งลงบนชิงช้าข้างๆ กัน

“ทีนี้พี่แพทกับพี่มินก็รู้จักกันแล้วเนอะ”

“รู้จักก็ได้” พอได้สบตากันแล้วเด็กน้อยก็ไม่ยอมละสายตาไปจากอีกฝ่ายเลย

“บอกพี่มินได้มั้ยครับว่าพี่แพทมานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียว ทำไมไม่รอคุณแม่อยู่กับครูพี่อร”

“พี่เลี้ยงมารับพี่แพทแล้วก็พามานั่งตรงนี้ บอกว่าจะไปทำอะไรก็ไม่รู้แป้บเดียว เนี่ยพี่แพทรอตั้งนางแล้ว ไม่กลับมาซ้ากที” เด็กน้อยว่าพลางชะเง้อรอคนที่กล่าวถึง

“แต่มันเย็นแล้วนะ พี่แพทมีเบอร์ที่บ้านมั้ยครับ เดี๋ยวพี่มินโทรบอกให้คุณแม่มารับ”

“คุงแม่ไม่มาหรอก”

“ทำไมล่ะ”

“พี่มิงถามเยอะจังเลย พี่แพทไม่ตอบได้มั้ยอะ”

“ไม่อยากกลับบ้านเหรอ”

“อยากกลับดิ แต่พี่มิงถามเยอะ พี่แพทไม่อยากตอบ คุงแม่บอกว่าไม่ให้คุยกับคงแปลกหน้า”

“ก็รู้จักชื่อกันแล้วไง ยังแปลกหน้าอยู่อีกเหรอ”

“แปลกดิ รู้แค่ว่าชื่อพี่มิง เปงใครมาจากไหนก็ไม่รู้” อีกครั้งที่มินยิ้มขำ เขาขยับตัวแล้วโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เด็กน้อยแล้วยิ้มอ่อนโยนที่สุด

“มองหน้าพี่มินแล้วจำเอาไว้ดีๆ เจอกันคราวหน้าจะได้ไม่เป็นคนแปลกหน้า”

คนถูกมองใกล้ๆ ถึงกับเบิกตากว้าง

ตายแล้ว หัวใจพี่แพทเต้นแรงมากเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอกเลย พี่มินน่ะ ยิ้มอ่อนโยนที่สุด ยิ้มสวยเหมือนนางฟ้าเลย

“จำหน้าพี่มินได้ยัง”

คนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์พยักหน้าหงึกหงัก

“ทีนี้ขอเบอร์คุณแม่ให้พี่มินได้รึยัง”

“ก็ได้” ป้ายชื่อแบบคล้องคอถูกมือเล็กๆ พลิกอีกด้านขึ้นมาให้ชื่อและเบอร์โทรของผู้ปกครองปรากฏแก่สายตา มินก้มหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ พลางกดโทรศัพท์มือถือ

“น่ารักมากครับพี่แพท”

“น่ารักตรงไหน” คนที่เอามือถือแนบไว้กับหูรอสายเบนสายตามามองคนถาม ใช้ดวงตาเรียวสำรวจใบหน้าบึ้งตึงของเด็กน้อยแล้วยิ้มอีกครั้ง

“น่ารักทุกตรงแหละ ทำไม ไม่เคยถูกชมว่าน่ารักเหรอครับ”

“พี่แพทหล่อต่างหาก ไม่น่ารักหรอก”

“น่ารักจะตาย แก้มก็นุ่มนิ่ม” มินยื่นมือไปบีบแก้มยุ้ยอย่างหยอกเย้าแต่ก็ถูกเด็กน้อยปัดออกเหมือนรำคาญ แล้วก้มหน้าบ่นอุบ

“พี่มิงแหละน่ารัก”

“ว่าไงนะ” ยังไม่ทันได้คำตอบจากเด็กน้อย เสียงหวานก็ดังขึ้นจากปลายสายเสียก่อน

“สวัสดีค่ะ สิริมาพูดสายค่ะ”

“คุณแม่น้องแพทใช่มั้ยครับ”

“ใครพูดสายคะ”

“ผมชื่อมินนะครับ เป็นลูกชายคุณครูที่โรงเรียนน้องแพทครับ พอดีมินมารอคุณแม่แล้วเจอน้องนั่งอยู่คนเดียวในสวนสาธารณะตรงข้ามโรงเรียน”

“น้องไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง อยู่คนเดียวเหรอคะ”

“ใช่ครับ น้องบอกว่าพี่เลี้ยงให้รอ แต่ก็นานแล้วไม่กลับมาซักที ที่มินจะถามก็คือคุณแม่จะมารับน้องหรือเปล่าครับ”

“แม่ยังติดประชุมอยู่เลยค่ะ ยังไงฝากน้องไว้กับมินก่อนได้มั้ย”

“คุณแม่ไว้ใจมินเหรอครับ”

“เอาอย่างนี้ แม่ฝากน้องไว้แค่ชั่วโมงเดียว แม่จะรีบไป”

“แต่ว่า...” ยังไม่ทันได้รับปากหรือปฏิเสธสายก็ถูกตัดไปซะแล้ว

มินจ้องมองโทรศัพท์ในมือตนก่อนเลื่อนสายตาไปยังเด็กน้อยที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว

ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ไหนๆ ก็บังเอิญมาเจอกันแล้ว จะปล่อยน้องไว้คนเดียวก็กะไรอยู่

“พี่แพทอยู่กับพี่มินก่อนนะ เดี๋ยวคุณแม่ก็มา” เด็กน้อยพยักหน้าแทนคำตอบก่อนจะมองไปข้างหน้า ขาสั้นป้อมพยายามออกแรงเพื่อไกวชิงช้า ทั้งที่ถ้าอ้อนซักนิกพี่ชายคนดีก็ยอมไกวให้อย่างเต็มใจแท้ๆ แต่เจ้าตัวเล็กก็ไม่ยอมทำ

เห็นอย่างนั้น คนเป็นลูกชายคนเล็กของบ้านก็นึกเอ็นดู

มินลงจากชิงช้าของตน ก้าวแค่ก้าวเดียวก็มายืนซ้อนหลังเด็กน้อยแล้ว มือเรียววางลงสายชิงช้าก่อนออกแรงไกวเบาๆ ทำอย่างนั้นซ้ำๆ อย่างไม่รู้เหนื่อย

“พี่มิงแรงอีกได้มะ” เสียงใสดังขึ้น ครั้งแรกเลยมั้งที่ในน้ำเสียงนั้นปราศจากความดื้อรั้น แบบนี้ก็น่ารักดี

“เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก”

“ไม่หรอกน่า พี่แพทเกาะอย่างดีเลย” ราวกับรอยยิ้มที่เด็กน้อยส่งมานั้นมีมนต์สะกด มินไกวชิงช้าแรงขึ้นตามคำขอ และยิ่งไกวแรงเท่าไหร่ เสียงหัวเราะใสๆ ก็ยิ่งดังขึ้นเท่านั้น

เห็นเด็กน้อยหัวเราะได้ คนสร้างเสียงหัวเราะก็รู้สึกเต็มตื้นในอก

ขณะชิงช้าลอยสูงจากพื้น เสียงหัวเราะดังสะท้อนในความเงียบที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดสลัว อยู่ๆ มือเล็กที่เกาะสายชิงช้าอย่างเหนียวแน่นก็หลุดออก

ทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของเด็กหนุ่ม มินเบิกตากว้างมองร่างเล็กที่กำลังตกจากชิงช้า ต้องขอบคุณความขายาวที่เพียงแค่กระโดดทีเดียวก็สามารถรับน้องเอาไว้ในอ้อมแขนได้แล้ว

มินกอดน้องแพทไว้แนบอก ตัวเขายังตกใจขนาดนี้ ไม่ต้องเดาเลยว่าน้องจะตกใจมากแค่ไหน

“พี่แพทเจ็บตรงไหนมั้ย” เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือศีรษะเล็ก

น้องแพทไม่เจ็บตรงไหนเลยเพราะพี่มินรับร่างของเขาเอาไว้ได้ทัน แค่ตกใจนิดหน่อยแต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว เพราะพี่มินอีกเช่นเคย เพราะถูกกอดไว้แบบนี้ก็เลยหายตกใจเป็นปลิดทิ้ง

“ไม่เจ็บ” เด็กน้อยตอบอ้อมแอ้มในอกให้มินผละกอดออก

มือเรียวจับที่ไหล่เล็ก ใช้สายตามองสำรวจอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าน้องไม่บาดเจ็บตรงไหนค่อยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“พี่มิงล่ะ เจ็บตรงไหนมั้ยฮะ”

“เจ็บ”

“พี่แพทขอโทษนะ โอ๋ๆ นะ” มือเล็กกอบกุมใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาที่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนแข็งกร้าวดื้อรั้น หากบัดนี้กลับเต็มไปด้วยความใสซื่อน่ารักสมวัย

“พี่มินเจ็บข้อมืออะ ทำไงดี” มินละมือจากไหล่เล็ก ทำหน้าอ้อนพลางยกข้อมือข้างที่เจ็บนิดๆ ขึ้นมาในระดับสายตา

เด็กน้อยคว้าจับมือข้างนั้น ใช้ดวงตาใสแป๋วสำรวจมันก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย

“เจ็บมากมั้ยฮะ”

มินพยักหน้าแทนคำตอบ พอเห็นพี่ชายใจดีเจ็บน้องแพทก็พามือข้างนั้นไปแนบแก้มตัวเอง ปากเล็กขยับเอ่ยคำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างน่าเอ็นดู และก็ยิ่งน่าเอ็นดูเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อน้องประทับริมฝีปากลงบนข้อมือ

คำขอโทษที่เอ่ยพึมพำเหมือนคาถาคลายความเจ็บ

มินไม่รู้ว่าตัวเองมองเด็กน้อยบนตักด้วยสายตาแบบไหน แต่สิ่งเดียวที่เขานึกได้คือ น้องแพทโคตรน่าเอ็นดู







“พี่แพทก็มีกางบ้างเหมืองกังนะ”

เพื่อนใหม่ต่างวัยนั่งอยู่คนละฝั่งของโต๊ะไม้ น้องแพทที่เท้าคางมองพี่ชายคนใหม่ทำการบ้านอยู่นานเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบให้อีกฝ่ายละสายตาจากการบ้านตรงหน้าขึ้นมาสบกับดวงตาใสแป๋วของน้อง

“การบ้านอะไร เอาขึ้นมาทำด้วยกันสิ”

“เลขอะ แต่พี่แพททำไม่ได้หรอก มังยาก”

“พี่มินสอนมั้ย”

“สองได้ไง ไม่ได้เป็นครูซักหน่อย”

“เหอะน่า ขอพี่มินดูหน่อย” เด็กน้อยมีท่าทีลังเลแต่ก็ยอมเปิดกระเป๋านักเรียนสีสันสดใสของตน สมุดการบ้านถูกวางลงบนโต๊ะ มินไม่ได้หยิบมันมาแต่เขาเลือกที่จะย้ายตัวเองไปนั่งข้างๆ น้อง

“เนี่ย นิ้วพี่แพทไม่พออะ ทำไม่ได้หรอก”

สมุดการบ้านเลขถูกเปิดออกโดยเจ้าของมัน น้ำเสียงน้องไม่ค่อยสบอารมณ์นักและตอนที่มินเหลือบมองก็เห็นสีหน้าเหยเกราวกับน้องจงเกลียดจงชังวิชาเลขนักหนา

“พี่มินให้ยืมนิ้วเอามั้ย”

“ได้เหรอ”

“แต่มันมีวิธีที่ง่ายกว่านับนิ้วนะ”

“ยังไงอะ”

“สอนได้เหรอ ไม่ได้เป็นครูนะ”

“พี่มิงก็ทำไม่ได้ใช่มั้ยล่ะก็เลยไม่สอง”

“ทำไมจะทำไม่ได้ พี่มินอยู่ม.ปลายแล้วนะ”

“ม.ปลายแล้วไงอะ เนี่ยๆ น้องแป้งที่อยู่ห้องเดียวกับพี่แพทนะ เรียงเก่งมากๆ ทำกางบ้างได้หมดทุกข้อเลย แต่พอให้สองก็ไม่ยอม เป็นไรมากป่ะ”

“เป็นไรมากป่ะนี่ใครสอนมา”

“ในทีวีไง พี่มิงไม่เคยดูทีวีเหรอ”

“เคยดู แต่พี่มินดูแต่รายการที่มีประโยชน์”

“รายการที่มีประโยชน์ต้องไม่สนุกแน่ๆ เลย เหมืองผักอะ คุงแม่บอกว่ามีประโยชน์แต่ไม่เห็งจะอร่อย สู้ช็อคโกแลตก็ไม่ได้”

“กินช็อคโกแลตเยอะๆ อ้วนนะ”

“พี่แพทไม่อ้วงหรอก”

“เหรอ” มินลากเสียงยาวพลางจับหมับเข้าที่พุงน้อยๆ ให้เจ้าเด็กช่างพูดสะดุ้งเฮือกก่อนจะพยายามปัดมือพี่ชายคนใหม่ทิ้งเป็นพัลวัน

การบ้านคืออะไร ตอนนี้ทั้งคู่เอาแต่เล่นกัน เสียงหัวเราะดังลั่นสนามเด็กเล่นกลบเสียงโทรศัพท์มือถือที่กำลังสั่นอยู่บนโต๊ะไปหมดเลย

เล่นกันจนหมดแรงนั่นแหละเสียงหัวเราะจึงเงียบหายไปและถูกแทนที่ด้วยเสียงหอบเหนื่อย

นานแล้วที่มินไม่ได้หัวเราะจนปวดท้องแบบนี้

ดีจังเลยนะที่ได้เจอน้องแพทในวันนี้

“หายเหนื่อยยัง”

“อยากดื่มน้ำอ่า” เด็กน้อยว่าเสียงแหบแห้งพลางใช้หลังมือเช็ดเหงื่อนตรงไรผม

โชคดีนะเนี่ยที่มินมีขวดน้ำติดกระเป๋ามาด้วย เขาเปิดขวดแล้วยื่นให้เด็กน้อยที่รับไปดื่มอึกๆ ไม่พูดไม่จาอย่างคนกระหายน้ำเต็มที

“เบาหน่อยครับ เดี๋ยวก็สำลักหรอก”

แค้กๆๆ

นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำ อีกครั้งที่มินลุกจากที่นั่งตนเพื่อย้ายไปนั่งข้างเด็กน้อย ใช้มือเรียวลูบหลังให้จนอาการไอสงบลงก่อนจะเลื่อนมือข้างเดียวกันมาช่วยเช็ดเหงื่อบนใบหน้าน่ารักอย่างนึกเอ็นดู

“พร้อมจะทำการบ้านยัง”

“ยังไม่ลืมอีก” เด็กน้อยตัดพ้อ เห็นอย่างนั้นมินก็หลุดขำออกมา “ขำไรอะพี่มิง”

“มา เดี๋ยวพี่มินให้ยืมนิ้ว” น้องแพทมองมือเรียวที่ยื่นมาตรงอย่างชั่งใจ แต่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ในเมื่อพี่มินอยากจะช่วยก็ต้องสนองซักหน่อย

ดินสอลายน่ารักถูกหยิบออกมา สมุดการบ้านถูกกางออก ดวงตากลมจ้องมองโจทย์ในหนังสือ คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างที่เจ้าของมันไม่รู้ตัวเลย

ตลอดเวลาที่มองน้อง ในหัวของมินมีแต่คำว่าเอ็นดู

น้องแพทโคตรน่าเอ็นดูเลย

“แปดบวกสามได้เท่าหร่ายอะ” เด็กน้อยพึมพำพลางมองมายังคนข้างกาย “พี่มิงยกนิ้วขึ้งมาแปดนิ้วสิ” พี่ชายใจดีก็ทำตามคำขอ

นิ้วเล็กๆ ชี้ไปยังนิ้วเรียวของมินพลางนับพึมพำเสียงแผ่วจนถึงแปดจึงยกนิ้วตัวเองขึ้นมาอีกสามนิ้ว นับอยู่อีกครู่ก่อนคิ้วที่ขมวดมุ่นจะคลายปม

“แปดบวกสามเท่ากับสิบเอ็ด ใช่มั้ยพี่มิง”

“เก่งมากครับ”

“แน่นอนอยู่แล้ว” ท่าทางเชิดหน้าภูมิอกภูมิใจเรียกรอยยิ้มจากมินได้เป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนแล้ว

“แล้วข้อนี้ล่ะ เก้าบวกห้าได้เท่าไหร่”

“ง่ายนิดเดียว”

บอกว่าง่ายนิดเดียวแต่ก็ยืมนิ้วพี่มินอยู่ดี

การบ้านน้องแพทเสร็จแล้ว แต่การบ้านพี่มินยังไม่ถึงไหน แต่ว่าจนป่านนี้แล้วแม่ของทั้งคู่ก็ยังคงเงียบไม่โผล่หน้ามาจนนึกแปลกใจ

มินหยิบมือถือตนขึ้นมา มีข้อความจากคุณแม่ของเขาส่งเข้ามาบอกว่ามีงานต้องเคลียร์อีกเยอะให้กลับบ้านไปก่อน ส่วนแม่น้องแพทเงียบกริบเหมือนลูกตัวเองไม่อยู่ตรงนี้

“พี่มิง พี่แพทหิวแล้วอะ” พอบอกว่าหิวเสียงท้องก็ร้องระงม ถึงแม้อยากพาน้องไปหาของกินแต่คำที่บอกกับแม่น้องไว้ว่าจะรอที่นี่ก็ผุดขึ้นมาในหัวให้คิดไม่ตก

หากแม่น้องมาถึงตอนที่พวกเขาออกไปหาอะไรกินกันล่ะ

“พี่แพทดื่มนมรองท้องไปก่อนได้มั้ย” นมที่ได้รับมาเมื่อตอนกลางวันถูกล้วงออกมาจากกระเป๋า พอยื่นให้น้องก็รับมันไปดื่มอย่างไม่ลังเลซักนิด

นั่งมองน้องแล้วก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

พ่อแม่แบบไหนกันนะที่ทิ้งลูกตัวเล็กๆ เอาไว้ลำพังแบบนี้ คงจะเป็นพ่อแม่แบบเดียวกับเขาล่ะมั้ง วันๆ เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงิน โดยไม่สนใจความรู้สึกของลูกเลยซักนิด

“น้องแพท” ยังดื่มนมไม่หมดกล่อง เสียงหวานที่มินเคยได้ยินผ่านสัญญานมือถือก็ดังขึ้น

เขาละสายตาจากเด็กน้อยตรงหน้า มองไปยังต้นเสียงก็พบกับหญิงสาวอายุราวสามสิบต้นๆ กำลังเดินด้วยรองเท้าส้นสูงมุ่งตรงมาทางนี้

“คุงแม่” น้ำเสียงของน้องไม่ได้ดูตื่นเต้นตกใจ ปากจิ้มลิ้มยังคงดูดนมจากหลอดกระทั่งผู้เป็นแม่ก้าวมาหยุดด้านหลัง

“น้องมินหรือเปล่าคะ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับพลางยกมือไหว้ หากตอนที่กำลังขยับปากเพื่อเอ่ยทักกลับถูกเสียงเล็กๆ พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน

“ไม่ใช่น้องมิงซักหน่อย คุงคูพี่มิงต่างหาก” ทั้งคุณแม่และคนถูกเรียกว่าคุณครูพี่มินมองหน้ากันเลิกลั่ก “เนี่ยๆ คุงแม่ คุงคูพี่มิงสองกางบ้างพี่แพทด้วย ทำเสร็จหมดทุกข้อเลย”

เด็กน้อยยิ้มร่าพลางอวด

เพราะช่วยทำการบ้านก็เลยถูกเลื่อนขั้นจากพี่มินเฉยๆ เป็นคุณครูพี่มินอย่างนั้นสินะ

“คุงคูพี่มิงเราจะได้เจอกันอีกใช่มั้ย” มือเล็กป้อมจับนิ้วเรียวของอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยเมื่อต้องบอกลาพลางมองมาด้วยดวงตาน่าสงสารให้มินนั่งยองๆ ลงตรงหน้า เขาลูบเส้นผมนุ่มบนศีรษะเด็กน้อยพลางยิ้มอ่อนโยน

“ต้องได้เจอกันอีกอยู่แล้ว”

“สัญญานะ”

“สัญญาครับ” มินตอบรับ และในทันทีทันใดนั้น มือของเขาก็ถูกปล่อยเป็นอิสระ น้องแพทวางมือเล็กลงบนไหล่มนก่อนจะขโมยหอมแก้มใสด้วยจมูกแทนคำสัญญา







วิชาเรียนช่วงเช้าวันนี้หนักหนาสาหัสเหลือเกิน

มินฟุบหน้าลงบนโต๊ะหลังจากทานมื้อกลางวันเสร็จ ตั้งใจจะงีบหลับซักหน่อย แต่เมื่อหลับตาลงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็สั่นรบกวนซะก่อน

‘คุณแม่น้องแพท’

เขาลังเลนิดหน่อยเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ แต่ก็ยอมกดรับแต่โดยดี

“สวัสดีครับ มินพูดสายครับ”

“คุณครูพี่มิน นี่คุณแม่น้องแพทนะคะ” ได้ยินคำว่าคุณครูพี่มิน เสียใสๆ ของน้องแพทก็ลอยมาในห้วงความคิด

“ครับ”

“ตอนนี้น้องแพทไม่สบาย”

“หืม” เมื่อวานก่อนบอกลากันน้องยังดูร่าเริงอยู่เลย

“ท้องเสียค่ะ อาเจียนจนหมดแรงไปแล้ว และตอนนี้ก็เอาแต่งอแงอยากเจอคุณครูพี่มิน”

ใจนึงก็นึกห่วง แต่… “มินยังไม่เลิกเรียนเลยครับ”

“ถ้างั้น ตอนเลิกเรียนคุณครูพี่มินแวะมาหาน้องที่บ้านได้มั้ย”

ตอนเย็นมีเรียนพิเศษซะด้วย มินลังเล ไม่อยากโดดเรียนแต่ก็เป็นห่วงน้อง

“ถ้าหลังเรียนพิเศษก็ไม่น่ามีปัญหาครับ”

“เดี๋ยวแม่ส่งที่อยู่ไปให้นะคะ”

มินตอบรับก่อนสายจะถูกฝ่ายนั้นตัดไป และตอนนี้อาการง่วงนอนก็หายเป็นปลิดทิ้งเลย

ที่จริงวิชาตอนบ่ายก็ไม่สำคัญนัก ถ้าแวบออกไปซักครึ่งชั่วโมงก็ไม่น่าจะมีปัญหา

ระหว่างกำลังชั่งใจ ที่อยู่บ้านน้องแพทก็ถูกส่งมา ดูแล้วก็ได้แต่คิดว่าเวลาครึ่งชั่วโมงไม่น่าจะแวบทัน ดังนั้นความคิดที่ว่าจะโดดเรียนก็เป็นอันต้องถูกพับเก็บไป

มินนั่งเรียนด้วยใจเลื่อยลอย ห่วงน้องแพทก็ห่วง ห่วงเรียนก็ห่วง กระทั่งตอนเรียนพิเศษก็ไม่มีสมาธิเลย

“มินมึงจะรีบไปไหน” ขายาวที่กำลังก้าวออกจากห้องเรียนพิเศษอย่างเร่งรีบหยุดชะงัก ก่อนมินจะเอี้ยวตัวกลับมาเพื่อตอบคำถามเพื่อน

“มีธุระ”

“นัดสาวไว้เหรอ”

“สาวที่ไหน” เด็กป่วยต่างหาก

มินไม่สนใจท่าทางล้อเลียนของเพื่อน ในใจของเขาร้อนรุ่มอยากไปหาน้องให้เร็วที่สุด แต่เพราะบ้านของน้องตั้งอยู่ในย่านที่ไม่ค่อยคุ้นเคย แม้รีบเท่าไหร่ก็ไม่ทันใจเลย







เสียงออดดังขึ้น

ภาพในจออินเตอร์คอมปรากฏร่างเด็กหนุ่มที่เคยกันมาแล้วครั้งหนึ่ง คนที่เด็กน้อยซึ้งนอนซมอยู่บนเตียงเอาแต่ร้องหาทั้งวัน

ไม่นานประตูบ้านก็ถูกเปิดออก

หลังจากทักทาย คุณแม่น้องแพทก็เดินนำมินเข้าไปในบ้าน คุยเรื่องอาการน้องให้คนฟังคิดบางอย่างได้

หรือว่าต้นเหตุจะเป็นนมกล่องนั้น

ต้องใช่แน่ๆ เลย

“ฝากคุณครูพี่มินดูแลน้องจนกว่าแม่จะกลับมาได้มั้ย พอดีแม่มีธุระด่วนที่ต้องไปจัดการ” คนถูกร้องขอพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้

ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ น้องแพทนอนซมอยู่แบบนี้จะทิ้งเอาไว้ก็กระไรอยู่

คุณแม่น้องแพทออกจากห้องไปแล้ว และไม่นานหลังจากนั้นเสียงสตาร์ทรถก็ดังขึ้นก่อนมันจะดังห่างออกไป

บ้านหลังใหญ่โตปราศจากความอบอุ่นอย่างที่แขกเองยังสัมผัสได้

มินปลดกระเป๋าเป้ออกจากไหล่ วางมันไว้กับพื้นก่อนจะนั่งลงบนเตียงข้างน้องอย่างระมัดระวัง พลางกวาดสายตามองคนหลับโดยเฉพาะใบหน้าซีดเผือดที่ยิ่งมองยิ่งรู้สึกสงสารจับใจ

มือเรียวยื่นไปตรงหน้าลูบแก้มใสแผ่วเบา

“พี่มินขอโทษนะ” พอนึกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องก็รู้สึกผิด

“คุงคูพี่มิง” ริมฝีปากแห้งผากขยับเพื่อเปล่งเสียงอันแหบแห้ง ดวงตากลมที่มีแววอ่อนล้าค่อยๆ ลืมขึ้นเพื่อสบตากัน

“พี่มินกวนพี่แพทรึเปล่าครับ”

เด็กน้อยส่ายหน้าแทนคำตอบ

“อยากกิงน้ำจังเลย”

แก้วน้ำถูกส่งถึงปากเล็ก น้องจิบมันเพียงนิดหน่อยก็ดันแก้วออก มินวางแก้วลงบนโต๊ะใกล้ๆ และพอขยับมานั่งบนเตียงดีๆ ก็ถูกเด็กน้อยอ้อนด้วยการขยับมาหนุนตัก

“อุ่นจัง”

ขี้อ้อนจังนะ และมินก็แพ้ทางเด็กขี้อ้อนซะด้วยสิ

“คุงคูพี่มิงอยู่กับพี่แพทนะ”

จะปฏิเสธได้ยังไงกันล่ะ



[T B C]

ตอนแรกมาแล้วค่า
คุณครูพี่มินฉบับเรื่องยาวอาจจะไม่เหมือนฉบับเรื่องสั้นเท่าไหร่นะคะ
แต่พี่แพทยังคงออกเสียงแม่กนไม่ได้เหมือนเดิม เพราะน้องฟันหลอ 555
ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ
หวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี และหวังด้วยว่าทุกคนจะได้รับรอยยิ้มแล้วความสุขจากน้องแพทและคุณครูพี่มินนะ
คุยกันต่อได้ที่ #คุณครูพี่มิน

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 1 {Up.010218}
«ตอบ #2 เมื่อ01-02-2018 21:27:16 »

คุณครูพี่มินของพี่แพท กับพี่แพทน่ารักจังค่ะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 1 {Up.010218}
«ตอบ #3 เมื่อ02-02-2018 01:28:54 »

น่ารักทั้งคู่เลย  :กอด1:

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 1 {Up.010218}
«ตอบ #4 เมื่อ02-02-2018 09:22:17 »

 :-[ น่ารักมากเลยคู่นี้ ตามลุ้นไปด้วยคน

ออฟไลน์ AppleA-

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 1 {Up.010218}
«ตอบ #5 เมื่อ02-02-2018 09:30:17 »

พพี่แพทน่ารักจังค่ะ ขอยาดหยิกแก้ม55555
ติดตามจ้า

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 1 {Up.010218}
«ตอบ #6 เมื่อ02-02-2018 09:41:13 »

น่ารัก ละลายไปกับไปกับคนน่ารักทั้งสองคน :-[

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 2 {Up.100218}
«ตอบ #7 เมื่อ10-02-2018 20:35:20 »


คุณครูพี่มิน 2


เวลาล่วงเลยมาจนกลางดึก หากคุณแม่น้องแพทก็ยังคงไม่กลับมา ทั้งบ้านเงียบสงัด จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเขาไม่อยู่ตรงนี้ในตอนนี้ น้องแพทจะอยู่ยังไง

มินวางปากกาลงบนโต๊ะ หลังจากทำการบ้านวิชาคณิตศาสตร์เสร็จแล้ว และตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อจึงได้แต่นั่งมองไปรอบห้องอย่างเลื่อนลอย

กระทั่งสะดุดเข้าไปกรอบรูปครอบครัว ซึ่งน่าจะถูกถ่ายเมื่อไม่นานมานี้ เพราะเจ้าเด็กที่ยิ้มแฉ่งอยู่ในรูปนั้นขนาดตัวไม่ต่างจากคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียงเลย

“คุงคูพี่มิง” มินละสายตาจากรูปถ่าย มองไปยังเตียงนอนก็สบกับดวงตางัวเงียของคนเพิ่งตื่น

เขาตั้งใจจะลุกจากพื้นเพื่อเดินเข้าไปหาแต่น้องก็ชิงลุกจากเตียงเดินมายังจุดที่เขานั่งอยู่ซะก่อน

“อยากได้อะไรครับ”

เด็กน้อยไม่ตอบคำถามในทันที เจ้าตัวเล็กแทรกตัวนั่งลงบนตัก พิงศีรษะเล็กกับอกของพี่ชายคนใหม่ มินเองพอถูกอ้อนแบบนี้ก็ทำตัวไม่ค่อยถูกเหมือนกัน สุดท้ายจึงปล่อยให้น้องนั่งอยู่อย่างนั้นท่ามกลางห้องที่เงียบสงัด

ไม่แน่ใจว่าน้องแพทหลับไปแล้วหรือเปล่า มินจึงก้มหน้าลงไปดู ก็พบว่านอกจากไม่หลับแล้ว น้องแพทยังไม่มีอาการงัวเงียใดๆ เลย

“ไม่นอนเหรอครับ”

“คุงคูพี่มิงล่ะไม่นองเหรอ”

“เดี๋ยวพี่มินค่อยกลับไปนอนที่บ้าน”

“ไม่เอา พี่แพทไม่อยากอยู่คงเดียว” น้องเหลียวขึ้นมาด้วยสายตาอ้อนๆ ให้คนที่อยากจะกลับบ้านไปนอนเต็มแก่เผยรอยยิ้มอ่อนโยนก่อนจะลูบเส้นผมนุ่มแผ่วเบา

“พี่มินจะอยู่กับพี่แพทจนกกว่าคุณแม่จะกลับมานะ”

“อือ” เด็กน้อยพยักหน้ารับก่อนย้ายก้นมานั่งบนโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ยๆ หันหน้าเข้าหาคุณครูพี่มินของเขา “คุงคูพี่มิงน่ารักที่สุด”

น้องแพทยิ้มหวาน มือเล็กๆ กอบกุมใบหน้าหล่อเหลาของคนอายุมากกว่าเอาไว้ก่อนฝังปลายจมูกลงบนแก้มนุ่ม ให้คนถูกจู่โจมกะทันหันแข็งค้างไป

มินกระพริบตาปริบๆ เรียกสติ ก็แค่โดนเด็กจุ๊บแก้ม ไม่จำเป็นต้องตกใจขนาดนี้ และพอได้สติน้องก็ย้ายกลับมานั่งบนตักอีกครั้งแล้ว

“พี่แพทยังปวดท้องอยู่มั้ย”

“ไม่ปวดแล้ว แต่พี่แพทหิวอ่ะ หิวมากๆ เลย”

“ดื่มนมมั้ย”

“ไม่อยากดื่มนมเลย แต่ถ้าคุงคูพี่มิงให้ดื่ม พี่แพทก็ดื่มนะ”

“น่ารักมากครับ แต่พี่แพทต้องลุกจากตักพี่มินก่อนนะ”

“ไม่เอา อยากนั่งตรงนี้ ตักคุงคูพี่มิงอุ่นดี พี่แพทชอบ”

“ถ้าพี่แพทไม่ลุก พี่มินจะเอานมมาให้ดื่มได้ยังไง”

“พี่แพทไปด้วย พี่แพทอยากอยู่กับคุงคูพี่มิน”

“เอางั้นก็ได้” มินตอบรับพลางอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา และเจ้าตัวเล็กก็กอดคอหมับอย่างรู้งาน “ตัวแค่นี้น้ำหนักไม่เบาเลยนะ”

“เอาไว้โตขึ้ง พี่แพทอุ้มคุงคูพี่มิงบ้างนะ”

“อุ้มไปไหน”

“ไม่รู้แต่จะอุ้ม” เด็กน้อยส่ายหน้าพรืดตอบเสียงเจื้อยแจ้ว

“พอพี่แพทโต เราก็ตัวเท่ากันแล้วจะอุ้มได้ไง”

“อุ้มได้ก็แล้วกังน่า เชื่อพี่แพทเห้อ” เห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจแล้วคนมองก็ได้แต่ยิ้ม

น้องแพทถูกวางลงบนเก้าอี้ในครัว ก่อนแขกจะทำหน้าที่ประหนึ่งเจ้าบ้าน เทนมใส่แก้วแล้วเอามาเสิร์ฟให้ถึงมือ

“คุงคูพี่มิงไม่หิวเหรอ เดี๋ยวพี่แพทแบ่งให้นะ” แก้วนมถูกส่งมาหลังจากน้องดื่มมันไปแค่อึกเดียว

เด็กก็คือเด็ก ดื่มมากดื่มน้อยก็เลอะเทอะอยู่ดี ลำบากมินต้องยื่นนิ้วโป้งไปปาดเอาคาบนมบนเรียวปากจิ้มลิ้มออกให้

“คุงคูพี่มิงใจดีจังเลยน๊า” เด็กน้อยว่าพลางคะยั้นคะยอด้วยสายตาให้คนอายุมากกว่าดื่มนมจากแก้วเดียวกับตน

ถูกอ้อนทีไร มินไม่เคยปฏิเสธน้องได้เลย ครั้งนี้ก็เช่นกัน ปากแก้วจรดริมฝีปาก มินดื่มมันไปเพียงนิดเดียวก่อนจะส่งคืนให้น้อง

อยู่ๆ น้องแพทก็หัวเราะเสียงใส ขณะดวงตากลมจับจ้องบนใบหน้าหล่อเหลา

“หัวเราะอะไรครับ”

“คุงคูพี่มิงกิงเลอะเทอะเป็งเด็กๆ เลยน๊า” น้องแพทหัวเราะคิกคักพลางยื่นมือไปปาดคราบนมบนเรียวปากอิ่มของอีกฝ่ายอย่างที่พี่มินเคยทำให้เขาก่อนหน้านี้

ตอนนี้ไม่รู้เลยว่าใครเอ็นดูใครมากกว่ากัน

“พี่แพทยังปวดท้องอยู่มั้ย”

“แค่เห็งหน้าคุงคูพี่มิงก็หายปวดเป็งปลิดทิ้งแล้ว” ช่างพูดจริง สีหน้าอ้อนๆ นั้นอีก น่ารักเสียจนอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปสัมผัสแก้มใสแผ่วเบา

“พี่แพทง่วงรึยัง”

“นองมาทั้งวันแล้ว ไม่ง่วงหรอก”

“ปกติถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่บ้าน พี่แพทอยู่กับใคร”

“พี่เลี้ยงอ่ะ แต่คงพวกนั้งไม่ได้เรื่องเลย น่ารักสู้คุงคูพี่มิงไม่ได้ซ้ากคง” ก็รู้สึกดีอยู่หรอกที่ถูกชมซึ่งๆ หน้า แต่คำพูดคำจาน้องแพทไม่น่ารักเอาซะเลย

“พี่เลี้ยงไม่น่ารักยังไง เล่าให้พี่มินฟังได้มั้ย”

“ก็… ไม่รู้อะ ชอบขัดใจพี่แพทไปหมดทุกเรื่องเลย จะดูการ์ตูนก็บังคับให้ทำกางบ้าง พอบอกให้สองก็สองไม่ได้ น่าเบื่อๆ”

“แล้วพอถูกขัดใจน้องแพททำยังไงครับ”

“ก็…” เด็กน้อยอ้ำอึ้ง เดาจากท่าทางได้ไม่ยากเลยว่าต้องทำตัวไม่น่ารักแน่ๆ “หมดแล้วอ่ะคุงคูพี่มิง” แก้วเปล่าถูกวางลงบนโต๊ะก่อนเด็กแสบจะปีนลงจากเก้าอี้

“จะไปไหนอะ”

“นองไง พี่แพทง่วงม้ากมาก”

“เมื่อกี้ใครบอกไม่ง่วงเพราะนอนมาทั้งวันแล้ว”

“ไม่ใช่พี่แพทแน่ๆ” ทำไก๋ไปเถอะ น้องแพทนี่ท่าทางคงแสบไม่เบาเลย อยากรู้จังนะว่าจะแสบได้แค่ไหนกันเชียว

มินทำได้เพียงส่ายหน้า นึกระอาปนเอ็นดูก่อนเดินตามเด็กน้อยเข้าห้องนอน มองดูน้องแพทปีนขึ้นไปบนเตียง สอดตัวเล็กๆ เข้าไปใต้ผ้าห่ม หากแทนที่จะหลับคนบอกว่าง่วงมากๆ กลับมองมายังพี่มินด้วยดวงตาใสให้คนถูกจ้องต้องเดินเข้าไปนั่งลงบนเตียง

“คุงคูพี่มิงเล่านิทางให้ฟังหน่อย” ถูกร้องขอแบบนี้ คนไม่เคยมีน้องก็ทำตัวไม่ถูก ในสมองของมินว่างเปล่า นิทานเหรอ เรื่องอะไรล่ะ คิดไม่ออกเลย

“พี่มิน…” มินอ้ำอึ้งให้เจ้าเด็กแสบหัวเราะคิก

“เล่าไม่เปงเหรอ งั้งเดี๋ยวพี่แพทเล่าให้คุงคูพี่มิงฟังนะ”

เหตุการณ์กลับตาลปัตรซะแล้ว มีที่ไหนเด็กเล่านิทานให้ผู้ใหญ่ฟัง และเล่ายังไม่ถึงครึ่งเรื่อง ผู้เล่าก็หลับกลางอากาศไปซะแล้ว

มินยื่นมือไปลูบผมน้องอย่างนึกเอ็นดู ก่อนเหลือบมองนาฬิกาซึ่งกำลังบอกเวลา 4 ทุ่ม ดึกป่านนี้แล้วคุณแม่น้องแพททำอะไรอยู่ ทำไมกล้าปล่อยลูกตัวเองไว้กับคนแปลกหน้าอย่างเขา

ขณะกำลังคิดเสียงสนทนาก็ดังขึ้นจากด้านนอก หากมันไม่ใช่เสียงพูดคุยธรรมดา ผู้ใหญ่ทั้งคู่ซึ่งมินคิดว่าน่าจะเป็นคุณพ่อกับคุณแม่น้องแพทกำลังเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

ขนาดเขาที่ไม่ใช่สมาชิกครอบครัว พอต้องตกอยู่ในสถานการณ์อึดอัดนี้ยังรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเลย

มินละความสนใจจากเสียงดังนั้น จัดผ้าห่มให้น้อง นั่งมองใบหน้าน่ารักของเจ้าตัวแสบอย่างนึกเอ็นดูทั้งสงสาร

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ประตูห้องน้องแพทจึงถูกเปิดออก

มินที่เผลอหลับไปสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาก็พบกับใบหน้าอ่อนล้าของคุณแม่น้องแพทที่จับจ้องไปยังลูกชายตัวน้อยอย่างอ่อนโยนก่อนจะมองมายังเขา

“ทำให้มินลำบากเลย ขอโทษนะจ้ะ”

“ไม่เป็นไรครับ”

“กลับบ้านเถอะ กลับเองได้ใช่มั้ย” เจ้าของดวงหน้าอ่อนล้าจ้องมองนาฬิกาอย่างกังวล ถึงแม้จะดึกมากแล้วแต่ไม่มีอะไรน่าห่วงเลย มินเป็นผู้ชายนะ เรื่องกลับบ้านดึกน่ะไม่ใช่ปัญหาเลย

“คุณแม่น้องแพทไม่ต้องกังวลนะครับ มินกลับบ้านดึกบ่อย แค่นี้สบายมาก”

“ยังไงก็ขอบคุณมินมากจริงๆ นะ ถ้าเป็นไปได้ แม่อยากให้มินมาช่วยดูน้องแพทจริงจังเลย แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ใช่มั้ย” อยากถามกลับไปว่าจริงจังแค่ไหน เพราะถ้าจริงจังมาก เด็กเตรียมสอบเข้ามหา’ลัยอย่างเขาคงทำไม่ไหว

“มินมีเรียนพิเศษสัปดาห์ละ 3 วัน เลิกเรียน 6 โมงเย็น ส่วนอีก 2 วันเลิกปกติ เสาร์-อาทิตย์ เรียนพิเศษถึงเที่ยง ถ้าคุณแม่น้องแพทไม่ว่าอะไร มินสามารถแบ่งเวลาได้นะครับ”

“แม่อยากให้น้องมินช่วยดูแลน้องแพทจริงๆ เชื่อมั้ยว่าเจ้าเด็กแสบเนี่ยไม่เคยทำตัวน่ารักกับพี่เลี้ยงคนไหนเลย กระทั่งเจอน้องมิน แม่ก็แปลกใจว่าทำไมถึงว่าง่ายขนาดนี้ ถ้าน้องได้อยู่กับมิน อะไรๆ อาจจะดีขึ้น”

“งั้น พรุ่งนี้เลิกเรียนมินไปรับน้องแพทที่โรงเรียนนะครับ”









ไม่คิดไม่ฝันว่าอยู่ๆ ก็จับพลัดจับผลูมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กเสียได้

“กลับบ้านกันเลยมั้ย” มินเอ่ยถามเจ้าตัวเล็กเมื่อจูงมือน้องออกจากโรงเรียนมา

“ม่ายอ่า พี่แพทยังไม่อยากกลับบ้าง”

“แล้วอยากไปไหน”

“ไปทุกที่ที่มีคุงคูพี่มิง” ปากหวานจริง มินยิ้มบางให้กับความน่ารักของเด็กน้อยก่อนทำหน้าครุ่นคิด

“วันนี้มีการบ้านมั้ย” คิดว่าหาที่นั่งทำการบ้านคงดี

“ม่ายมีหรอก พี่แพททำเสร็จหมดแล้ว”

“สรุปไม่มีหรือทำเสร็จ”

“ก็ แบบว่า พี่แพท…”

“โกหกไม่น่ารักนะ”

“ไม่ได้โกหกนะ พี่แพทจำไม่ได้อ่ะ”

“งั้นเอากระเป๋ามาดู” น้องแพทปลดกระเป๋าเป้ออกอย่างอ้อยอิ่ง มินรับมันมาถือไว้ เขาคว้าจับมือน้องเพื่อไปหาที่นั่งดูสมุดการบ้านกัน

ระหว่างทางเจอคาเฟ่น่ารัก และน้องแพทก็บอกว่าหิวจึงตัดสินใจแวะนั่งกันที่นี่

“ไหนดูซิ” สมุดการบ้านถูกเอาออกมาจากกระเป๋า ถึงแม้จะเปิดดูแต่มินก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจริงๆ แล้วน้องมีการบ้านหรือเปล่า

“คุงคูพี่มิง” มือเล็กเอื้อมมาจับมือเจ้าของชื่อพลางมองมาด้วยสายตาอ้อนปนรู้สึกผิด “ที่จริงนะ พี่แพทมีกางบ้าง แต่ว่าพี่แพททำไม่ได้อ่ะ มันยากมากๆ เลย”

“นิ้วไม่พอเหรอ”

“ขอยืมนิ้วคุงคูพี่มิงได้มั้ยอ่า” มือเล็กเลื่อนลงมาจับนิ้วชี้ของมินไว้ ท่าทางที่ทำให้อีกฝ่ายใจอ่อนทันที

นั่งทำการบ้านกันไม่นานอาหารว่างก็ถูกนำมาเสิร์ฟ น้องแพทดีใจใหญ่

“ค่อยๆ กินสิครับ”

“อร่อยอ่ะ” ไม่แน่ใจว่าอร่อยจริงหรือหิวกินแน่ แต่เจ้าตัวเล็กก็กินไม่หยุดเลย “คุงคูพี่มิงกินด้วยกังม้าย”

“ไม่เป็นไร พี่มินไม่หิว”

“เดี๋ยวพี่แพทป้องน๊า” จบคำของว่างในมือน้องแพทก็ถูกส่งถึงปากให้มินต้องรับเอาไว้อย่างยากที่จะปฏิเสธ “อร่อยมั้ย”

“อร่อยมากครับ”

“งั้นก็กินเยอะๆ เลยนะ จะได้โตไวๆ”

มินมุ่นคิ้วให้กับคำพูดคำจาเกินวัยของเด็กน้อย

“พี่มินโตแล้วนะ พี่แพทแหละต้องกินเยอะๆ จะได้โตไวๆ”

“โตกว่าคุงคูพี่มิงมั้ย”

“ถ้าอยากโตกว่าก็ต้องดื่มนมเยอะๆ นะ”

“ม่ายชอบเลยอ่ะ แต่ถ้าดื่มแล้วโตกว่าคุงคูพี่มิง พี่แพทก็จะดื่มเยอะๆ เลยนะ”

“เก่งมากครับ” มินลูบผมน้องอย่างนึกเอ็นดู

“คนเก่งต้องได้อะไรอะ”

“ได้อะไร”

“หอมแก้มไง เวลาพี่แพทเป็งเด็กดีคุงแม่จะหอมแก้มนะ คุงคูพี่มิงก็ต้องหอมด้วยซี่”

ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ น้องยื่นแก้มเข้ามาให้ขนาดนี้แล้ว มินจึงกดปลายจมูกลงบนแก้มใสเบาๆ ให้เด็กน้อยยิ้มกว้างจนแก้มแทบแตก

“พี่แพท…”

“มิน ใช่มินจริงๆ ด้วย” ขณะเด็กน้อยกำลังเอ่ย เสียงของคนอื่นก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน น้องแพทมุ่ยหน้ามองคุณครูพี่มินที่หันไปส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับพี่สาวในชุดเครื่องแบบเดียวกันเมื่อเธอก้าวเข้ามาหยุดข้างโต๊ะ

“ว่าไง”

“ตอนเลิกเรียนไข่มุกแวะไปหามินที่ห้องแต่ไม่เจอ วันนี้ออกจากโรงเรียนเร็วเหรอ”

“อืม มีธุระอะไรกับเรารึเปล่า”

“คือว่า…” เธอมีท่าทีเอียงอายก่อนจะหยิบกล่องขนมที่ผูกโบว์ไว้อย่างสวยงามออกมาวางไว้บนโต๊ะ “วันนี้มุกเรียนทำขนมที่โรงเรียน อยากให้มินช่วยชิมหน่อย”

“ให้พี่แพทช่วยก็ได้น๊า พี่แพทชอบกิงขนมม้ากมาก” กล่องขนมถูกฉวยไปพร้อมกับเสียงใสให้คนอายุมากกว่าทั้งคู่มองตาม

มินส่งสายตาดุ บอกให้เด็กน้อยรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจ

“แต่ถ้าคุงคูพี่มิงไม่ให้ พี่แพทไม่กิงก็ด้ะ” น้องแพททำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พลางเลื่อนกล่องขนมกลับมาที่เดิม

“น้องชายมินเหรอ น่ารักจังค่ะ” ไข่มุกยิ้มหวานพลางยื่นมือไปลูบแก้มน้องแพทเบาๆ คนถูกจับแก้มไม่พอใจนักแต่เพราะอยู่ต่อหน้าคุณครูพี่มินเขาจึงแสดงออกไม่ได้มากนักเดี๋ยวจะโดนโกรธเอา

“ไม่ใช่น้องชายซักหน่อย”

“แล้วเป็นอะไรคะ”

“เป็ง… พี่แพทเป็งคงสำคังของคุงคูพี่มิง” มินหลุดขำให้กับคำพูดคำจาแก่แดดเกินวัยของเจ้าเด็กแสบ

คนสำคัญเหรอ รู้จักกันไม่กี่วันอยากเป็นคนสำคัญซะแล้ว เด็กน้อยที่เห็นเขาเป็นคนแปลกหน้าไม่ยอมคุยด้วย หายไปไหนซะแล้วล่ะ

“แล้วพี่เป็งอะไรกับคุงคูพี่มิงอ่ะ”

“เป็นเพื่อนที่โรงเรียนค่ะ ว่าแต่ ขอพี่ไข่มุกนั่งด้วยได้มั้ย”

เด็กสาวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ น้องแพททั้งที่ยังไม่มีใครอนุญาต

พี่แพทไม่อยากให้พี่คนนี้นั่งร่วมโต๊ะเลย แต่พี่มินก็ไม่ยอมไล่ไปซักที แถมยังทิ้งพี่แพทเอาไว้กับเธอลำพังอีก

น้องแพทมองตามมินที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำจนลับตา เช่นเดียวกับเด็กสาวข้างกายเขา

ลับหลังมิน เธอล้วงโทรศัพท์ออกมากดโทรออก รอสายไม่นานนักปลายสายก็รับ

“แก ให้ทายว่าฉันเจอใคร”

เด็กสาวพูดถึงมินซึ่งเป็นคนที่ตนตกหลุมรักอย่างออกรสออกชาติ แน่นอนว่าทุกคำพูดได้รับความสนใจจากเด็กน้อยซึ่งถึงแม้ไม่ตั้งใจฟังก็ได้ยินอยู่ดี

ก็เล่นคุยเสียงดังขนาดนี้

พลันน้องแพทก็จับจ้องไปยังกล่องขนมที่ยังคงวางอยู่บนโต๊ะ

ไม่อยากให้คุงคูพี่มิงรับขนมกล่องนี้เลย

ตุบ!

“อุ้ย! พี่แพทขอโทษนะฮะ” เด็กน้อยเอ่ยเมื่อตั้งใจปัดกล่องขนมให้ร่วงลงบนพื้น เจ้าของมันตวัดสายตามอง เธอหันไปคุยบางอย่างกับเพื่อนก่อนวางสาย และตั้งใจจะก้มเก็บกล่องขนมขึ้นมา

หากก็ช้าเกินไปเสียแล้ว

ตุบ!

คราวนี้เป็นเสียงน้องแพทที่กระโดดลงจากเก้าอี้แล้วเหยียบกล่องขนมจนบี้แบน เด็กน้อยช้อนสายตารู้สึกผิดมองเพื่อนพี่มินแล้วกล่าวขอโทษด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“พังหมดเลย พี่แพทไม่ได้ตั้งใจนะ พี่แพทจะลงมาเก็บขนมให้แต่...” เด็กน้อยเบะหน้าเหมือนจะร้องไห้ ให้เด็กสาวที่ก่อนนี้นี้ชักสีหน้าไม่พอใจทำหน้าไม่ถูก

ถ้าเด็กคนนี้ร้องไห้เพราะตน มินต้องไม่พอใจแน่ๆ

“ไม่เป็นไรนะน้องแพท พี่ไข่มุกไม่โกรธนะ ไม่ร้องนะคะคนเก่ง” ศีรษะทุยถูกมือบางลูบแผ่วเบาพร้อมกับการปลอบประโลมที่มองก็รู้ว่าเธอไม่เต็มใจทำนัก

“แต่ว่า…” กล่องขนมซึ่งอดีตเคยเป็นทรงสีเหลี่ยมแต่บัดนี้บิดเบี้ยวยับย่นเนื่องจากโดนเหยียบถูกหยิบขึ้นมา

“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไรนะ” เด็กน้อยยิ้มร่าเมื่อได้รับการให้อภัยต่างจากอีกฝ่ายที่จวนเจียนจะร้องไห้เต็มที

“พี่ไข่มุกใจดีจังเลย เดี๋ยวขนมนี่พี่แพทจะรับผิดชอบเองนะ จะกิงให้หมดเลย”

น้องแพทว่าอย่างนั้นก่อนจะพยายามปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ตามเดิม แต่ความพยายามยังไม่ทันเริ่มร่างของเขาก็ถูกใครบางคนอุ้มจนตัวลอยแล้ววางลงบนเก้าอี้อย่างนุ่มนวล

“คุงคูพี่มิง ขอบคุงค้าบ”

“นั่น!?” ดวงตาคมจับจ้องไปยังกล่องในมือน้องแพท “ทำไมสภาพเป็นงั้นล่ะ”

“พี่แพททำพังเองแหละ”

มินยิ้มเจื่อนให้กับคำสารภาพจากปากจิ้มลิ้มก่อนเลื่อนสายตาไปมองเด็กสาวผู้เป็นเจ้าของมัน

“มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ เดี๋ยวไข่มุกกลับเลยดีกว่า ไว้เจอกันที่โรงเรียนนะ”

ทั้งคู่โบกมือลากันตามมารยาท มินไม่ได้มองส่งเด็กสาวแต่เขาเลือกที่จะหันมามองเด็กน้อยที่ถึงแม้จะรู้จักกันได้ไม่นานก็พอรู้ถึงความแสบสันของเจ้าตัวอยู่บ้าง

“พี่แพทไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคุงคูพี่มิง”

“ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”

“ก็คุงคูพี่มิงมองพี่แพทด้วยสายตาแบบนั้น”

“สายตาแบบไหนครับ หืม” มินถามพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ น้องแพทเองก็ไม่คิดจะผละห่างเช่นกัน

ทั้งคู่สบตากันนิ่งๆ ใบหน้าน่ารัก ดวงตากลมโต ริมฝีปากจิ้มลิ้ม แก้มยุ้ยๆ ทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นน้องแพทช่างน่ารักเสียจนพี่มินอดใจไม่ไหว ต้องขยับเข้าไปหอมแก้มน้องฟอดใหญ่ ฝ่ายคนถูกขโมยหอมก็ได้แต่นั่งอึ้ง

“คุงคูพี่มิงหอมแก้มพี่แพททำไมอะ” มือเล็กลูบแก้มตัวเองป้อยๆ

“ก็พี่แพทน่ารักนี่นา”

“ขี้โกงอ่ะ คุงคูพี่มิงก็น่ารัก งั้งก็มาให้พี่แพทหอมแก้มซะดีๆ” มินหัวเราะร่วน และในตอนนั้นเองที่นึกบางอย่างได้

แย่เลย มัวแต่เล่นสนุกกับน้องจนลืมเรื่องสำคัญ

“พี่แพทเมื่อกี้พี่มินคุยกับคุณแม่”

น้องมองมาด้วยสายตาใคร่รู้ แม้ไม่อยากพูดต่อแต่ก็ต้องพูดอยู่ดี

“คุณแม่บอกว่าคืนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านนะ”

“หนีเที่ยวกังอีกแล้ว” คิดว่าน้องจะเสียใจซะอีก หากน้องแพทกลับเพียงแค่พ่นลมหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ แค่นั้น

“ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่บ้าน พี่แพทอยู่กับใครครับ”

“กับพี่เลี้ยงงาย คืนนี้พี่แพทก็จะอยู่กับคุงคูพี่มิงนะ”

“แต่พรุ่งนี้พี่มินต้องไปโรงเรียน ไปค้างบ้านน้องแพทไม่ได้หรอก” มินคิดไม่ตก ครั้นจะปล่อยให้น้องอยู่บ้านคนเดียว ไม่สิ เขาทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก

ทางออกเดียวที่คิดได้ตอนนี้ก็คือ…

“งั้นคืนนี้พี่แพทไปนอนบ้านพี่มินมั้ย”

คนถูกชวนไปนอนบ้านเบิกตาโต ตื่นเต้นกับการได้ไปนอนสถานที่แปลกใหม่กับคุณครูคนโปรด

“ว่าไงครับ ไปนอนบ้านพี่มินด้วยกันมั้ย”

“พี่แพท...”

“ไม่อยากไปเหรอ”

“ก็ไม่ได้อยากไปเท่าไหร่น๊า แต่ถ้าคุงคูพี่มิงอยากให้ไปพี่แพทไปก็ได้”

“ถ้าลำบากใจจะกลับไปนอนบ้านคนเดียวก็ได้นะ”

“ไม่เอา พี่แพทไม่อยากนองที่บ้างคงเดียวแล้ว” เด็กน้อยส่ายหน้าพรืด พูดแบบนี้หมายความว่าเคยถูกทิ้งให้นอนที่บ้านหลังใหญ่นั่นคนเดียวอย่างนั้นเหรอ

“เคยนอนที่บ้านคนเดียวเหรอครับ”

“อือ” น้องแพทพยักหน้าพลางมุ่นคิ้ว กำลังคิดถึงความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นในจิตใจในตอนนั้น

“เล่าให้พี่มินฟังได้มั้ย”

จำได้ว่าวันนั้นคุณแม่ให้พี่เลี้ยงมารับที่โรงเรียนอย่างเคย พอกลับมาถึงบ้านทุกอย่างก็ปกติดี น้องแพทนั่งรอคุณแม่กับคุณพ่อที่โต๊ะกินข้าวเพื่อรับประทานมื้อเย็นด้วยกัน แต่จนเวลาล่วงเลยมื้อเย็นทั้งสองคนก็ยังไม่มา สักพักพี่เลี้ยงก็เข้ามาบอกว่าคุณแม่กับคุณพ่อติดธุระสำคัญคงไม่ได้กลับบ้านคืนนี้

น้องแพทเข้าใจดี กินข้าวด้วยหัวใจห่อเหี่ยวแล้วค่อยอาบน้ำเข้านอน

น้องแพทตื่นขึ้นมาตอนกลางดึก ทั้งห้องมีเพียงแสงจากไฟที่เปิดไว้นอกบ้านลอดส่องเข้ามา น้องแพทเรียกหาพี่เลี้ยงเพราะอยากเข้าห้องน้ำ แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ เลย

เดินหาทั่วบ้านก็ไม่พบ ตอนที่ยืนเคว้งอยู่ในห้องรับแขกนั่นเองที่น้องแพทมั่นใจว่าถูกทิ้งไว้คนเดียวแล้วอย่างแน่นอน

เด็กน้อยนั่งกอดเข่าคุดคู้อยู่ข้างโซฟาทั้งคืน

ความรู้สึกหวาดดกลัวในยามถูกทิ้งนั้นยังคงชัดเจนในใจ ไม่รู้ว่าจะจางหายไปเมื่อไหร่

มินไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าแบบไหนตอนที่ฟังเรื่องราวอันน่าหดหู่นั้นจบ เขาสัญญากับตัวเองในตอนนั้นเลยว่าจะไม่ปล่อยให้น้องตกอยู่ในสถานการณ์อันน่าหวาดกลัวนั้นอีก



[T B C]

ขอมือคนเอ็นดูพี่แพทหน่อยค่ะ 5555
เราเอง ยกมือสุดแขนเลย
ถ้าเอ็นดูน้อง เราก็ขอฝากฝังน้องไว้ในใจทุกคนเลยก็แล้วกันนะ
ขอบคุณที่สละเวลามาอ่าน ซึ้งใจมากเลย จริงๆ นะ
เอาไว้เจอกันตอนหน้า คุยกันต่อที่ #คุณครูพี่มิน
รักค่ะ
แจ๊ส
 :katai2-1:

ออฟไลน์ tear0313

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 1 {Up.010218}
«ตอบ #8 เมื่อ10-02-2018 21:14:13 »

พี่แพทน่ารักจังเลย  :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 1 {Up.010218}
«ตอบ #9 เมื่อ10-02-2018 21:40:43 »

พี่แพทน่ารักนะ แต่เราว่าพี่แพทซ่อนความร้ายกาจไว้ข้างในอ่ะ ฮา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 1 {Up.010218}
« ตอบ #9 เมื่อ: 10-02-2018 21:40:43 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 1 {Up.010218}
«ตอบ #10 เมื่อ14-02-2018 02:27:27 »

น่ารักทั้งพี่มิน พี่แพทเลย  :กอด1:

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 3 {Up.170218}
«ตอบ #11 เมื่อ17-02-2018 19:41:21 »


คุณครูพี่มิน 3


บ้านคุณครูพี่มินเป็นบ้านชั้นเดียวหลังไม่ใหญ่นัก เมื่อเปิดประตูรั้วเข้ามาก็พบกับสวนที่ถูกดูแลเป็นอย่างดี ตรงเข้ามาในตัวบ้าน ถอดรองเท้าเก็บที่ตู้ไม้ ก้าวเท้าขึ้นบนพื้นต่างระดับเลี้ยวขวา ฝั่งขวามือคือห้องรับแขก ซ้ายมือคือส่วนของห้องครัว ตรงหน้าคือบันไดที่จะพาขึ้นสู่ห้องนอน

น้องแพทเดินตามคุณครูพี่มินขึ้นบ้านอย่างว่าง่าย ขณะกวาดสายตามองสถานที่แปลกใหม่ด้วยความตื่นตาตื่นใจ

“มองอะไรครับ เข้ามาสิ” เจ้าตัวเล็กก้าวผ่านกรอบประตูเข้าสู่โลกส่วนตัวของคุณครูผู้เป็นที่รัก พลางปลดกระเป๋าเมื่อเห็นเจ้าของห้องวางกระเป๋าของตนลงบนพื้นใกล้ๆ เตียงนอน

“เตียงคุงคูพี่มิงเล็กจัง จะนองด้วยกังสองคงได้งาย”

“ก็นอนเบียดๆ กัน” มินหันไปตอบพลางปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออก ไม่สนใจดวงตากลมๆ ที่จับจ้องเขาไม่วางตา

“พี่แพทไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยงนะ ไม่อาบน้ำได้มั้ย”

“ไม่ได้” เล่นกับเพื่อนมาทั้งวันจะมาอู้ไม่อาบน้ำไม่ได้เด็ดขาด

“แล้วจะให้ใส่อะไรอะ แก้ผ้านองเหรอ ไม่เอาหรอก งี้คุงคูพี่มิงก็เห็งจู๋พี่แพทดิ”

“ไม่ดูหรอกน่า”

“ไม่เอา พี่แพทอายนะ” เด็กน้อยส่ายหน้าพรืดให้มินขำอย่างนึกเอ็นดู

“พี่มินสัญญาว่าจะไม่ดูจู๋พี่แพทแน่นอน” มินก้มหน้าลงไปหาพลางยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าหากเด็กน้อยก็ส่ายหน้าปฏิเสธพลางถอยหลังออกไป

“ไม่เชื่อหรอก”

“แล้วจะให้พี่มินทำยังไงครับ ต้องกลับไปเอาเสื้อผ้าให้พี่แพทที่บ้านเหรอ ไม่เอาน่า ไกลจะตาย พี่มินเหนื่อยมากเลย”

เด็กน้อยทำหน้าครุ่นคิด พักหนึ่งที่เดียวก่อนจะพยักหน้า

“ก็ได้ นอกจากเกงในแล้ว พี่แพทไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยงนะ”

“เสื้อผ้าพี่มินไง” บอกน้องพลางรื้อหาเสื้อในตู้ที่น้องพอจะใส่ได้ แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่มีเลย ดังนั้นจึงตัดสินใจเลือกเสื้อสีเหลืองออกมาตัวนึง

“ตัวใหญ่ขนาดนั้ง พี่แพทจะใส่ได้ไง”

“ทนใส่ไปก่อนไม่ได้เหรอ” คราวนี้ถึงตาพี่มินอ้อนบ้าง เพราะถ้าน้องแพทไม่ยอมใส่เสื้อของเขาก็ไม่มีทางออกอื่นให้เลือกแล้ว

“ก็ได้ เสื้อมังยาวใช่มั้ยคุงคูพี่มิง”

“ยาวนะ” ตอบพลางทาบเสื้อลงบนตัวเด็กน้อย “คลุมเข่าเลย”

“ก็ดีนะ คุงคูพี่มิงจะได้แอบดูจู๋พี่แพทไม่ได้ไง”

“ใครอยากดู”

“ไม่รู้แหละ แต่คุงแม่เคยบอกพี่แพทว่าห้ามให้ใครดูจู๋เด็ดขาด” นอกจากพวกโรคจิตแล้วคงไม่มีใครขอดูจู๋คนอื่นหรอก และแน่นอนว่ามินห่างไกลคำว่าโรคจิตมากถึงมากที่สุดเลย

“ช่างจ้อนะเรา ไปอาบน้ำได้แล้ว”

“จ้อคือไรอะ เหมืองไก่จ๊อมั้ย ไก่จ๊ออร่อย แต่ช่วงนี้คุงแม่ไม่ค่อยทำให้พี่แพทกิงเลย พูดแล้วก็อยากกิงนะคุงคูพี่มิง”

“เอาไว้วันหลัง พี่มินทำให้กินดีมั้ยครับ”

“ทำเป็งเร้อ” แน่ะ สบประมาทกันซะด้วย ร้ายกาจเสียจริง

“ก็ต้องลองนะ แต่ว่าตอนนี้ไปอาน้ำก่อน”

“คุงคูพี่มิงยังไม่ตอบคำพี่แพทเลย จ้อคือไรอ่ะ”

“จ้อก็คือ...” มินตอบพลางดันหลังน้องให้เดินไปเข้าห้องน้ำ “ช่างพูด”

“แล้วทำไมไม่พูดว่าช่างพูดอ่ะ พูดว่าช่างจ้อทำไม พี่แพทไม่เข้าใจ”

“ก็อยากพูด”

“แต่พี่แพทไม่อยากให้พูด พี่แพทอยากให้คุงคูพี่มิงพูดแต่สิ่งที่พี่แพทเข้าใจ”

“ช่างจ้อ”

“ไม่เอาช่างจ้อไง”

“อาบน้ำได้แล้วไง”

“คุงคูพี่มิงก็ออกไปสิ พี่แพทจะได้ถอดเสื้อผ้า”

“หวงอะไรนักหนาตัวแค่นี้ อาบน้ำเองเป็นเร้อ”

“สบายมาก พี่แพทเก่งนะ”

“ก็ได้ แต่ว่าฝักบัวมันอยู่สูง เปิดฝักบัวถึงเหรอ” เด็กน้อยมองตามแล้วส่ายหน้า ปกติ ตอนอยู่บ้านน้องแพทจะอาบน้ำในอ่างก็เลยไม่มีปัญหาเรื่องความสูง

แย่เลย แบบนี้คุงคูพี่มิงก็เห็นจู๋พี่แพทน่ะสิ

“เอางี้” พอเห็นน้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ มินจึงคุกเข่าลงตรงหน้า บอกให้น้องกางแขนขึ้นแล้วใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กพันเอวน้องเอาไว้ “พันไว้แบบนี้ พี่มินก็ไม่เห็นจู๋พี่แพทแล้ว”

“โห” เด็กน้อยอุทานพลางทำตาโตเหมือนตื่นตาตื่นใจกับความมหัศจรรย์ของผ้าขนหนูผืนเล็ก

ที่บ้านพี่แพทมีผ้าขนหนูไว้เช็ดตัว พอตัวแห้งแล้วก็สวมชุดคลุม แค่ผูกผ้าคาดเอวก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว

“ถอดเสื้อผ้าเสร็จแล้วเรียกพี่มินนะ” พี่มินว่าแล้วหันหลัง แต่ก็ถูกเด็กน้อยสะกิดไหล่แล้วไล่ให้ออกไป โดยให้เหตุผลว่า

“คุงคูพี่มิงออกไปยืนตรงโน้นซี่ พี่แพทอายนะ”

เป็นเด็กที่เรื่องมากเสียจริง ไม่แปลกใจเลยที่พี่เลี้ยงลาออกบ่อยขนาดนั้น

มินก้าวออกมายืนอยู่ห่างๆ อย่างที่น้องแพทต้องการ แอบเหลือบมองคนที่กำลังใช้นิ้วป้อมๆ ปลดกระดุมเสื้อแล้วอยากเข้าไปช่วยแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะขืนทำอย่างนั้นต้องถูกไล่ตะเพิดออกมาแน่

เวลาค่อยๆ ผ่านไป ถ้ามินใช้เวลาระหว่างรอทำการบ้าน งานเข้าคงเสร็จไปสัก 20%

“คุงคูพี่มิง พี่แพทเสร็จแล้ว” คนถูกเรียกหันไปมอง ก็พบน้องแพทยืนอยู่หลังประตู มือข้างหนึ่งจับปมผ้าขนหนูไว้อย่างแน่นหนา คงผูกไม่เป็นล่ะมั้ง ก็เด็กนี่นา

“ใช้ฝักบัวเป็นใช่มั้ยครับ”

“คิดว่า...” เสียงน้องลังเล ฟังก็รู้ว่าไม่เคยใช้และใช้ไม่เป็น

“งั้นเดี๋ยวพี่มินเปิดน้ำให้ พี่แพทก็แค่ถือฝักบัวแล้วก็ใช้มันราดตัวนะ” มือเรียวยื่นไปเปิดน้ำโดยถือฝักบัวไว้ด้วยมืออีกข้างนึง

น้องแพทมองสายน้ำที่ไหลออกมาจากอุปกรณ์ในมือคุณครูพี่มิน ครุ่นคิดสักครู่แล้วจึงถาม

“เปิดปิดน้ำตรงนี้เหรอ” นิ้วเรียวชี้ไปยังส่วนที่ใช้บังคับการไหลของน้ำที่คุณครูพี่มินยังคงจับเอาไว้

“ใช่ครับ”

“พี่แพทแค่หมุงใช่มะ”

“ถูกต้อง”

“ไม่เห็งจะยากเลย พี่แพทอยากอาบน้ำแล้ว คุงคูพี่มิงออกไปสิ” มินผละออกมาเมื่อเด็กน้อยย่นจมูกใส่เขาพลางใช้มือเล็กๆ ดันไหล่ไล่ออกมา

“ถ้าหมุนไม่ได้ก็ไม่ต้องหมุนนะ” ไม่ลืมกำชับก่อนเดินออกจากห้องน้ำมา และเสียงเด็กที่อยู่ข้างหลังก็ดังแว่วตามหลังให้ได้ยิน

“เปิดน้ำทิ้งไว้ได้ไง เปลืองแย่เลย” น้องแพทเนี่ย เป็นเด็กที่คาดไม่ถึงเหมือนกันนะบางที

มินยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่เคยทำ เหลือบมองเด็กที่กำลังตั้งใจใช้ฝักบัวรดตัวเอง พลางใช้มือเล็กๆ ถูต้นแขนอย่างเอาจริงเอาจริงแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าทั้งนึกเอ็นดู

น้องแพทเนี่ยทำให้เขารักได้ง่ายๆ เลยแฮะ







เสียงฝีเท้าที่ก้าวมาหยุดตรงหน้าประตูทำให้เด็กที่กำลังนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนเตียงลุกขึ้นนั่ง เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องเปิดออก

คุณแม่ของมินนั่นเอง

ใบหน้าอ่อนโยนส่งยิ้มให้เด็กที่มองมายังตนด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้

“คุงคู...” คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอที่โรงเรียน แต่น้องแพทก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าผู้มาใหม่คือใคร จนคุณครูพี่มินต้องเฉลย

“คุณแม่พี่มินเอง เป็นคุณครูสอนที่โรงเรียนพี่แพทด้วยนะ”

“พี่แพทคุ้งหน้านะ แต่จำไม่ได้อ่ะ ขอโทษครับคุงคูคุงแม่คุงคูพี่มิง” ช่างเป็นสรรพนามที่ซับซ้อนเสียจนคนฟังหลุดขำ

“เรียกคุณครูแม่แต้วก็ได้ค่ะ”

“คุงคูแม่แต้ว” น้องแพทว่าตามอย่างว่าง่าย

“หิวข้าวกันรึยังเด็กๆ”

“พี่แพทหิวมากเลยนะคุงคูแม่แต้ว” คนหิวว่าพลางลูบท้องตัวเองป้อยๆ ให้พี่มินหันมามองด้วยสายตาแปลก ทั้งที่เพิ่งกินของว่างไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วแท้ๆ หิวเร็วเกินไปมั้ย

“วันนี้มีแกงส้มชะอมไข่เจ้าอร่อยด้วยนะ”

“แกงส้มอะไรนะ พี่แพทไม่รู้จักเลยครับ”

“อร่อยมาก ของโปรดคุณครูพี่มินด้วยนะ” เด็กน้อยเบิกตาโตก่อนหันไปยิ้มให้คนที่ยังคงนั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะเหมือนเมื่อชั่วโมงก่อน

“คุงคูพี่มิงลงไปกิงข้าวกัง พี่แพทหิวมากๆ เลย”

“ลงไปก่อนเลย เดี๋ยวพี่มินตามไป”

“ไม่เอา ลงไปพร้อมกัง นะๆ คุงคูพี่มิง” เจ้าตัวเล็กวิ่งดุ๊กๆ เข้าไปหาพลางจับมือที่กำลังตวัดปากกาทำการบ้านให้มินต้องหยุดทุกการกระทำเพื่อหันไปมองและพบกับใบหน้าอ้อนๆ ที่ทำให้เขาใจอ่อนทันที







พื้นที่หัวโต๊ะถูกยกให้เป็นเจ้าแขกตัวน้อย และดูเหมือนเจ้าตัวจะชอบอกชอบใจมากทีเดียว เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่น้องแพทได้นั่งหัวโต๊ะ

“หูย มีไก่ทอดด้วย” แขกตัวน้อยตาเป็นประกาย มองจานใส่ไก่ทอด สีทองส่งกลิ่นหอมโชยมาเตะจมูกแล้วน้ำลายก็พานจะไหล

“พี่แพทชอบไก่ทอดเหรอลูก”

“ชอบมากๆ เลยฮะคุงคูแม่แต้ว” ผู้อาวุโสที่สุดในบ้านยิ้มเอ็นดู มองน้องแพทแล้วพานนึกถึงลูกชายคนเล็กของตนตอนอายุเท่านี้ เวลาผ่านไป ตอนนี้น้องมินก็โตเป็นผู้ใหญ่เสียแล้ว

“ชอบก็กินเยอะๆ เลยนะ”

“คุงคูพี่มิงก็กิงเยอะๆ เลยนะ” เจ้าตัวน้อยใช้ส้อมเสียบไก่ส่งให้คุณครูพี่มินบ้างก่อนจะหันมาสนใจอาหารตรงหน้าตน

“มินซักผ้าเหรอลูก”

เสียงเครื่องซักผ้าดังครืดๆ อยู่ที่หลังบ้าน

“ชุดนักเรียนน้องแพทครับแม่”

“เลี้ยงน้องไหวแน่นะ ถ้าไม่ไหวให้แม่ช่วยหาพี่เลี้ยงให้มั้ย”

“ไม่เป็นไรครับ” ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่เอ็นดูน้องแพทมากขนาดนี้มินคงตอบตกลงให้แม่หาพี่เลี้ยงมาแทนตน แต่ตอนนี้มันยากเหลือเกินที่จะปล่อยน้องไป

คิดว่าถ้าถึงวันที่ต้องห่างกันจริงๆ เขาคงคิดถึงเจ้าตัวแสบมากทีเดียว

“คุงคูแม่แต้วค้าบ”

“ว่าไงลูก” เสียงเล็กๆ เรียกให้คุณครูแม่แต้วที่กำลังมองหน้าลูกชายตนหันไปมอง และก็พบว่าเจ้าของเสียงกำลังจ้องมองอาหารบนโต๊ะด้วยความสงสัยใคร่รู้

“แกงส้มชะอมไข่คืออังไหนค้าบ”

“เด็กกินไม่ได้หรอก มันเผ็ดนะ”

“ขอชิมคำนึงนะค้าบคุงคูแม่แต้ว” ไม่ว่าจะมินหรือแม่ พอถูกน้องแพทอ้อนก็ใจอ่อนตามกันไปทุกราย

แกงส้มชะอมไข่ถูกตักด้วยช้อนกลางส่งสู่ช้อนในมือน้องแพท เหมือนมือเล็กนั่นสั่นหน่อยๆ ในยามที่กำลังจะส่งช้อนเข้าปาก มินจึงยื่นมือไปช่วยประคองไว้

“ชิมนิดเดียวพอ”

มินเตือนและน้องก็รับฟังทั้งทำตามเป็นอย่างดี

แกงส้มถูกส่งเข้าปากอย่างระมัดระวัง เมื่อสัมผัสมันด้วยลิ้นน้องแพทก็นิ่งไป

เป็นครั้งแรกที่ได้ลิ้มลองอาหารรสจัดแบบนี้ อร่อยดี อร่อยมากเลย

“อร่อยมากเลยครับคุงคูแม่แต้ว พี่แพทขออีกได้มั้ย”

“คำเดียวนะ”

คำเดียวก็ได้ อย่างน้อยก็ได้กินของอร่อยๆ

น้องแพทพยักหน้ารับข้อเสนอ ครั้งนี้คุณครูแม่แต้วปล่อยให้น้องตักอาหารในถ้วยด้วยตัวเอง แต่ก็ยังอยู่ในการช่วยเหลือของมินเช่นเดิม

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารครึกครื้นขึ้นมากอย่างผิดปกติเมื่อมีเด็กน้อยตัวแสบร่วมโต๊ะด้วย

เพราะงานที่ยุ่งมากทำให้มินไม่ค่อยได้เจอแม่นัก นานๆ จะมีโอกาสได้กินข้าวพร้อมหน้ากันซักที และวันนี้กับบรรยากาศบนโต๊ะอาหารแบบนี้ มินมีความสุขจนหัวใจพองคับอกเลยทีเดียว

ต้องขอบคุณน้องแพท เพราะมีเจ้าตัวเล็กอยู่ด้วยเขาถึงได้มีโอกาสหัวเราะไปพร้อมๆ กับแม่ ได้ใช้เวลาที่แสนจะมีความสุขนี้ไปพร้อมๆ กัน







“คุงคูพี่มิงไม่อาบน้ำเหรอ” น้องแพทเอ่ยถามขณะนั่งมองคนที่กำลังทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะจากบนเตียง

“รอตากผ้าให้พี่แพทก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยอาบ”

“คุงคูพี่มิงใจดีจังเลย” คนถูกชมหมุนเก้าอี้มามองหน้ากันพลางยิ้มเล็กๆ อย่างเจ้าเล่ห์ตรงมุมปาก

“ใจดีแล้วได้รางวัลมั้ย”

“อยากให้นะ แต่คุงคูพี่มิงยังไม่อาบน้ำเลย ตัวเหม็ง”

“ไม่เหม็นหรอก”

“เหม็งเซ่ คงไม่อาบน้ำน่ะตัวเหม็งสุดๆ เลย”

“ไม่เหม็นนะ ไม่เชื่อก็ลองพิสูจน์สิ”

มินลุกจากเก้าอี้ ก้าวขายาวๆ ทีเดียวก็ถึงตัวน้องแพทแล้ว เจ้าของร่างเล็กถูกอุ้มขึ้นมานั่งบนตักอย่างไม่ตั้งตัว โวยวายนิดหน่อยแต่พอถูกรัดเอาไว้ด้วยแขนเรียวก็หมดแรงจะห้ามปรามกลายเป็นนั่งนิ่งๆ ให้คนที่ตนบอกว่าตัวเหม็นกอดเอาไว้แนบอก

“พิสูจน์ที่แก้มมั้ย”

น้องแพทชั่งใจเมื่อคุณครูพี่มินยื่นแก้มขาวๆ เข้ามาใกล้

“พี่มินตัวเหม็นมากเลยเหรอ งั้นไปอาบน้ำดีกว่าเนอะ” มินตั้งใจจะลุกขึ้นแต่ก็ถูกน้องแพทใช้แขนเล็กคล้องคอเอาไว้ก่อนใบหน้าน่ารักจะยื่นเข้ามาใกล้แล้วฝังจมูกลงบนแก้มเขา

“คุงคูพี่มิงตัวไม่เหม็งนะ ตัวหอมเหมืองพี่แพทเลย” พอผละออกก็มองมาตาแป๋วพร้อมว่าอย่างนั้น
แต่ถึงอย่างไรก็เถอะ แม้ตัวไม่เหม็นก็ต้องอาบน้ำอยู่ดีใช่มั้ยล่ะ

“เดี๋ยวพี่มินลงไปตากผ้า พี่แพทอยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย”

“อยากไปด้วยอะ”

“ไม่ง่วงเหรอ นี่จะสี่ทุ่มแล้วนะ”

“ม่ายง่วง” น้องแพทส่ายหัว “อยากลงไปด้วยกับคุงคูพี่มิง นะค้าบ”

อ้อนอีกแล้ว และมินก็กำลังจะใจอ่อน

“พี่มินลงไปแค่แป๊บเดียว เด็กดีนอนรอพี่มินอยู่บนห้องนะ”

“แต่ว่า...”

“พี่แพทคนเก่ง” คนเป็นน้องเองพอถูกคุณครูพี่มินอ้อนก็ใจอ่อนยวบยาบเลย

“ก็ได้ แต่สัญญานะว่าจะรีบกลับมา”

“สัญญาครับ” มินแทนคำสัญญาด้วยจูบที่หน้าผากมนแผ่วเบาหนึ่งทีก่อนเขาจะเดินออกจากห้องไป

ใช้เวลาจัดการกับเสื้อผ้าไม่นานก็กลับมาที่ห้องพร้อมนม 2 แก้ว

“ไหนบอกว่าจะไปแป๊บเดียวไง” เมื่อโผล่หน้าเข้ามาแล้ววางแก้วนมลงบนโต๊ะก็พบกับใบหน้าบูดบึ้งของคนที่นั่งกอดอกอยู่บนเตียงมองมาด้วยสายตาไม่พอใจ

“พี่มินรีดชุดนักเรียนให้แพทไงครับ”

“อ๋อ” เด็กน้อยพยักหน้ารับรู้แต่ก็ยังงอนไม่หายที่อีกฝ่ายไม่รักษาสัญญา

“ยังงอนพี่มินอยู่เหรอ”

“ม่าย” คนไม่งอนที่ไหนจะหน้างอขนาดนี้

“ไม่งอนนะ” มินเกลี่ยแก้มใสด้วยนิ้วโป้งแผ่วเบา “ดื่มนมแล้วนอนซะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียน”

มินผละออกไปหยิบแก้วนมส่งให้น้องแพทที่ทำหน้าเหมือนไม่ค่อยอยากรับไว้แต่ก็จำใจยอมรับมา

“ดื่มหมดแล้ววางแก้วไว้บนโต๊ะเลยนะ เดี๋ยวพี่มินไปอาบน้ำแล้ว” มินผละออกมา แต่ก็ต้องชะงักมือที่กำลังปลดกระดุมเสื้อเมื่อเผลอสบเข้ากับดวงตากลมที่จับจ้องเขาไม่วางตาเลย

“มองพี่แพททำไมอะ”

“พี่แพทมองพี่มินก่อนไม่ใช่เหรอ”

“เปล่าซักหน่อย” ปฏิเสธพลางหลบตาให้มินก้าวเข้าไปหา ใช้มือกอบกุมใบหน้าน่ารักที่ทำเป็นเมินมองไปทางอื่นให้หันกลับมาสบตากัน

“ดื่มนมแล้วนอนซะ”

“พี่แพทไม่ชอบดื่มนมนะ แต่ถ้าคุงคูพี่มิงอยากให้ดื่มพี่แพทก็จะดื่มให้หมดเลย”

“เก่งมากครับเด็กดี” มินยิ้มกว้างจากใจก่อนผละออกมา ที่จริงเขาอยากทำการบ้านต่ออีกซักนิด แต่ถ้าเขายังไม่นอนน้องแพทก็คงไม่ยอมนอนด้วยเหมือนกัน จึงจำใจเลิกแล้วค่อยไปทำพรุ่งนี้ก็ได้

มินใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนัก พอก้าวออกจากห้องน้ำมาก มองไปที่เตียงก็สบเข้ากับดวงตากลมๆ ของน้องแพทที่กำลังมองมายังเขาเช่นกัน

“ทำไมยังไม่นอนอีกครับ”

“รอคุงคูพี่มิงไง เข้านองพร้อมกังนะ”

มินยิ้มรับก่อนจะเดินเข้าไปหา มือเรียวเลิกผ้าห่มขึ้น สอดตัวเข้าไปนอนข้างกัน ในตอนนั้นเองที่น้องแพทพลิกตัวมาหาแล้วซุกหน้ากับอกบาง

“ฝันดีนะคุงคูพี่มิง”

“เจอกันพรุ่งนี้ครับพี่แพท”

ถูกน้องกอดไว้อย่างนี้ก็เลยอดดื่มนมก่อนนอนเลย







น้องแพทเป็นเด็กตื่นง่าย เรียกเบาๆ ครั้งเดียวก็ลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำแล้ว และถึงแม้จะเป็นเด็กชายวัยเพียง 5 ขวบแต่ก็เรียนรู้อะไรต่างๆ จากคุณแม่และพี่เลี้ยงมามากทีเดียว

“เย็งนี้คุงคูพี่มิงจะมารับพี่แพทใช่มั้ยครับ”

“แน่นอน แต่ว่าพี่มินจะมาเย็นหน่อยนะ”

“ทำไมอะ คุงคูพี่มิงเบื่อพี่แพทแล้วเหรอ”

“ไม่ใช่ครับ พี่มินมีเรียนพิเศษกว่าจะเลิกก็เย็นเลย”

“พี่แพทไปเรียงพิเศษกับคุงคูพี่มิงด้วยไม่ได้เหรอ พี่แพทไม่กวงหรอก นะน๊า”







เพราะคำพูดนั้น ในห้องเรียนพิเศษคลาสเย็นวันนี้จึงมีเด็กชายวัย 5 ขวบร่วมเรียนไปด้วยกัน เรียนโดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว

“ไอ้มิน ทำตัวอย่างกับเป็นพ่อลูกอ่อนเลยนะมึง”

มินที่กำลังเก็บของเข้ากระเป๋าหลังจากเลิกเรียนจำต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อเพื่อนตัวดียกขบวนกันมาแซ็วเขาถึงที่

“ทำไม อยากช่วยกูเลี้ยงลูกมั้ยล่ะ”

“ไม่ไหวว่ะ” คนตรงหน้าส่ายหน้ารัวๆ เมื่อละสายตาจากเด็กที่นั่งอยู่ข้างเพื่อนเขา “สายตาแม่งเอาเรื่องฉิบหาย”

“มึงแค่แวะมาแซ็วกูเรื่องนี้”

“ว่าจะมาชวนไปเดทไง กับสาวเอกญี่ปุ่นที่เคยคุยกันไว้อะ”

“กูไปไม่ได้ไง”

“สาวๆ คงเสียใจแย่ อุตส่าห์ขายมึงไปตั้งเยอะแยะ งี้พวกกูก็แดกแห้วสิวะ”

“แดกมาทั้งชีวิตแล้วมึงแห้วอะ จะแดกอีกซักหน่อยจะเป็นไรไป”

“พี่ต๊อดเสียใจว่ะ” คนที่แทนตัวเองว่าพี่ต๊อดทำท่าปาดน้ำตาหลอกๆ ก่อนจะบอกลาแล้วเดินนำกลุ่มเพื่อนออกจากห้องไป

“คุงคูพี่มิง แดกคืออะไรอะ”

คำถามใสซื่อทำให้คนที่เพิ่งพ่นคำหยาบกับเพื่อนถึงกับแดกจุด

“เป็นคำไม่สุภาพครับ”

“คุงคูพี่มิงเป็นคงไม่สุภาพเหรอ”

“เวลาอยู่กับเพื่อนๆ ที่สนิทกันมันก็มีบ้างใช่มั้ยล่ะ”

“คุงคูพี่มิงสนิทกับพี่แพทม้าย”

เอ่อ...

“ถ้าสนิทก็พูดไม่สุภาพกับพี่แพทได้สิ”

“ไม่ได้ครับ”

“ทำไมอะ คุงคูพี่มิงไม่รักพี่แพทใช่มั้ยล่ะ”

“รักครับ”

“ถ้ารักก็ต้องพูดไม่สุภาพกับพี่แพทได้สิ” ถ้าไม่ยอมทำตามคิดว่าเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ แน่เพราะน้องแพทไม่มีท่าทีจะยอมแพ้เลยแม้แต่น้อย

“เอาอย่างนี้ เรามาทำความตกลงกัน” เด็กน้อยมองมาอย่างตั้งอกตั้งใจเมื่อคุณครูพี่มินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง

“ยังไงอะ”

“ถ้าพี่มินพูดไม่สุภาพกับพี่แพท พี่แพทต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ และห้ามพูดจาไม่สุภาพกับคนอื่น เข้าใจมั้ย”

น้องแพทพยักหน้าแรงๆ แทนคำตอบ

เห็นอย่างนั้นมินก็สูดหายใจเข้าเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ พลางขอโทษด้วยใจอันบริสุทธิ์ที่วันนี้ต้องจำใจแต่งแต้มคำหยาบลงบนผ้าขาว

“น้องแพท ป่ะ กลับไปแดกข้าวที่บ้านกัน”

“แดกข้าวๆ” น้องแพทว่าตามด้วยอารมณ์ร่าเริงสุดขีด ยิ่งเห็นน้องจดจำเรื่องไม่ดีเหล่านี้ ตัวต้นเหตุก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อมันพลาดไปแล้วนี่นา

คุณแม่น้องแพทครับ มินขอโทษนะครับ




[T B C]

ไม่ง่ายเลยค่ะ
การเขียนอะไรที่เป็นเด็กนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ นะ
พี่แพทนี่มันจะบอกว่าน่ารักก็พูดไม่เต็มปาก บอกว่าเป็นเด็กแสบน่าจะถูกต้องกว่า
ตอนเด็กแสบแค่นี้ ไม่อยากนึกถึงตอนโตเลยเนอะ
คุณครูพี่มินจะรับมือได้มั้ยน๊า
ต้องติดตามกันต่อไปนะ
ขอบคุณสำหรับทุกๆ คอมเมนต์ ทุกๆ กำลังใจนะ
ขอบคุณที่อ่านงานของเรา  คุยกันต่อได้ที่ #คุณครูพี่มิน
แจ๊ส :)
 :mew3:

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 3 {Up.170218}
«ตอบ #12 เมื่อ17-02-2018 22:45:36 »

 :impress2: o13 o13

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 3 {Up.170218}
«ตอบ #13 เมื่อ17-02-2018 23:58:29 »

ถ้าคุณแม่รู้นี่งานเข้าเลยนะ ฮุฮุ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 3 {Up.170218}
«ตอบ #14 เมื่อ18-02-2018 04:34:47 »

ระวังนะคุณครูพี่มิน ระวังโดนคุณแม่ตีปาก โทษฐานสอนน้องพูดไม่เพราะ  :beat:

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 4 {Up.280218}
«ตอบ #15 เมื่อ28-02-2018 20:51:53 »


คุณครูพี่มิน 4

ภาพเด็กชายในคลาสติวหนังสือสำหรับเตรียมสอบเข้ามหา’ลัย กลายเป็นภาพชินตาของทั้งครูและเพื่อนร่วมชั้นไปเสียแล้ว แถมน้องแพทยังได้รับความเอ็นดูจากทุกคนมากๆ เลยด้วย

ได้ขนมติดไม้ติดมือกลับบ้านไม่เว้นแต่ละวัน

“คุงคูพี่มิงกิงด้วยกังมั้ย” ช๊อกโกแล็ตบาร์ที่ถูกกัดไปแล้วเสี้ยวนึงถูกส่งมาขณะทั้งคู่หยุดพักที่โถงบันไดเนื่องจากเจ้าคนขาสั้นบ่นว่าเมื่อยแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังกินไม่หยุดปากเลย

“กินช๊อกโกแล็ตเยอะๆ เดี๋ยวก็ฟันผุหรอก”

“ม่ายผุนะ คุงคูที่โรงเรียงยังชมพี่แพทเลยว่าฟังสวย” ถ้าไม่นับฟันหน้า 2 ซี่ที่หายไปก็ถือว่าฟันน้องแพทสวยแหละ

“แล้วทำยังไงถึงฟันสวยครับ”

“ก็แปรงฟันงาย ตื่งนองก็แปรง ก่องนองก็ต้องแปรงด้วยนะ” เจ้าเด็กช่างพูดหยุดจ้อก่อนยิ้มโชว์ฟันขาว

ไม่เถียงเลย ฟันน้องแพทสวยมากจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ กินของหวานเยอะๆ ยังไงก็ไม่ดีต่อสุขภาพอยู่ดี

“อันนี้ให้พี่มินใช่มั้ยครับ” มินรับขนมมาจากมือเล็กแล้วเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อทั้งอย่างนั้นโดยไม่กลัวเลอะเลยซักนิด

“คุงคูพี่มิงกิงคำนึงแล้วคืงพี่แพทมา”

“ไม่คืนครับ”

“หูย ไรอะ ขี้โกง ขนมนั่งหร่อยมากเลยนะ พี่แพทอยากกิงอีก”

“ขี่หลังมั้ย”

“ว่าไงนะ” น้องแพทหูผึ่ง ได้ยินทุกคำชัดเจนแต่ถามไปงั้นกันพลาด

“ก็พี่แพทบ่นเมื่อยขา จะขี่หลังพี่มินมั้ยแลกกับช็อกโกแล๊ตอันเมื่อกี้”

“ได้เหรอ ตัวพี่แพทหนักนะ”

“จะซักแค่ไหนกันเชียว” มินปลดเป้จากหลังมาไว้ด้านหน้าก่อนนั่งลงบนขั้นบันไดไม่นานเจ้าตัวเล็กก็กระโดดขึ้นมาเกาะหลังกอดคอเขาอย่างกับลูกลิง

“สูงจัง” น้องว่าอย่างนั้นตอนที่มินลุกขึ้นยืน

แน่นอนว่าความสูงกว่า 180 เซนติเมตรเมื่อเทียบกับความสูงของเด็ก 5 ขวบย่อมให้ความรู้สึกว่าสูงมากๆ แน่

“ถ้าพี่แพทดื่มนมเยอะๆ ก็จะสูงเหมือนพี่มินนะ”

“อือ พี่แพทจะดื่มนมเยอะๆ เลย” น้องแพทก้มหน้าลงมาหาจนแก้มแนบกัน “พี่แพทจะเชื่อฟังคุงคูพี่มิงทุกอย่างเลยนะ”

เด็กน้อยกระชับกอดคนตัวสูง เอ่ยคำที่ทำให้มินยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้

น้องแพทขยันทำตัวน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน




(◕‿◕)♡



หลังจากลองนั่งรถเมล์มาแล้วหลายครั้ง ตอนนี้น้องแพทก็คุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี

เจ้าตัวเล็กเงยหน้ามองคุณครูของตนที่ยืนโหนราวหลังจากสละที่นั่งให้คนท้องด้วยสายตาชื่นชม

หากวันนึงพี่แพทโตเป็นผู้ใหญ่ พี่แพทจะเป็นคนดีให้ได้อย่างคุณครูพี่มิน

“ทำไมมองพี่มินแบบนั้นล่ะครับ” มินสังเกตุมาสักพักตั้งแต่จูงมือกันลงจากรถเมล์แล้วว่าน้องแพทมองเขาไม่วางตาเลย แถมยังมองด้วยสายตาชื่นชมจนคนถูกมองรู้สึกเก้อเขิน

“คุงคูพี่มิงใจดี”

“ใจดียังไง”

“ก็คุงคูพี่มิงลุกให้คุงน้าผู้หญิงท้องโตนั่ง ใจดีมากเลย ถ้าพี่แพทโตเป็งผู้หญ่าย พี่แพทก็จะลุกให้คุงน้าท้องโตนั่งเหมืองกัง” อีกครั้งที่มินยิ้มกว้างมองเด็กน้อยด้วยสายตารักใคร่

ถึงแม้ในปัจจุบันทั้งชายและหญิงจะมีสิทธิเท่าเทียมกันแล้ว แต่ความเป็นสุภาพบุรุษก็ไม่ควรหายไปจากสังคม เขาเชื่ออย่างนั้น

พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว บรรยากาศตอนเย็นเหมาะแก่การเดินเล่น

เด็กหนุ่มและเด็กน้อยจูงมือกันค่อยๆ เดินไปตามทางเดินเท้าในหมู่บ้าน ระหว่างทางต้องผ่านสนามเด็กเล่น น้องแพทอ้อนขอนั่งชิงช้า พี่มินก็ใจดีช่วยไกวให้

ทุกนาทีที่ได้ใช้ด้วยกัน ทุกเวลาที่มีคุณครูพี่มินอยู่ข้างๆ พี่แพทรู้จักแต่ความสุข มีความสุขที่สุด

เดินเรื่อยๆ มาถึงบ้านหลังสวยของน้องแพทก็ถึงเวลาอาหารค่ำพอดี กลิ่นอาหารลอยเตะจมูกเร้าน้ำย่อยในกระเพาะอาหารให้เริ่มทำงานอย่างหักโหม

“กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ” คุณแม่น้องแพทยิ้มให้พี่เลี้ยงของลูกชายพลางก้มตัวหอมแก้มเจ้าตัวเล็กฟอดใหญ่

“กลับมาแล้วคร้าบคุงแม่”

“วันนี้เป็นเด็กดีมั้ย”

“พี่แพทเป็นเด็กดีทุกวังเลย ไม่เชื่อถามคุงคูพี่มิงก็ได้”

“เซี้ยวจริงนะเรา”

“เซี้ยวคือไรอะคุงแม่”

“ขี้สงสัยจริงเด็กคนนี้ น้องมินกินข้าวเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับบ้านนะ” ท้ายประโยคเจ้าของใบหน้าอ่อนหวานหันมาชวนมินก่อนจะทิ้งลูกชายไว้กับความสงสัยแล้วเดินนำเข้าบ้านไป

“คุงแม่ เดี๋ยวก่องเซ่ เซี้ยวแปลว่าไรอะ คุงแม่!!!” ฝ่ายเจ้าลูกชายก็ไม่ยอมแพ้ ร้องถามไล่หลังคุณแม่เสียงดังจนมินต้องคว้าไหล่เพื่อเรียกสติ

“เซี้ยวแปลว่าซนครับ”

“ซงไร พี่แพทยังไม่ได้ทำไรเลยนะคุงคูพี่มิง”

“ไปกินข้าวกันเถอะ พี่มินหิวข้าวมากเลย” ถ้าไม่เปลี่ยนเรื่องคงไม่ได้กินข้าวเย็นหรอก ท่าทางน้องแพทน่ะ เซี้ยวเหมือนอย่างที่คุณแม่พูดเป๊ะเลย

“พี่แพทก็หิวนะ” พอคุณครูพี่มินบอกหิว น้องแพทก็เออออด้วยพลางลูบท้องป้อยๆ

“หิวอะไร เมื่อเย็นกินขนมไปตั้งเยอะ”

“มังไม่เหมืองกังนะคุงคูพี่มิง ขนมก็ส่วงขนม ข้าวเย็งก็ส่วงข้าวเย็งนะ”

เด็กนี่กินเก่งจริงๆ

ทั้งคู่จูงมือกันมายังโต๊ะอาหาร ในบ้านนอกจากคุณแม่น้องแพทแล้ว ยังมีคุณแม่บ้านคนเก่าคนแก่ที่มินเคยเจอแล้วหลายครั้งหลายครา แต่สิ่งนึงที่ทำให้แปลกใจ นอกจากคืนนั้นมินก็ไม่เคยเจอคุณพ่อน้องแพทอีกเลย

กับข้าวที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ อร่อยจนคนไม่ค่อยกินข้าวเย็นอย่างมินเผลอตัวกินไปเยอะจนอิ่มแปร้




(◕‿◕)♡




มินช่วยคุณแม่บ้านล้างถ้วยล้างจานแทนคำขอบคุณสำหรับมื้อค่ำแสนอร่อย

“คุงคูพี่มิงทำอะไรอะ” มินก้มมองน้องแพทที่มายืนอยู่ข้างๆ ขณะมือกำลังง่วนอยู่กับการล้างจาน

“ล้างจานครับ”

“สองพี่แพทบ้างสิ”

“น้องแพทไม่มีการบ้านเหรอครับ”

“ถามถึงกางบ้างอีกละ”

“ทำไม รำคาญพี่มินเหรอ”

“เปล่าน๊า” เด็กน้อยส่ายหน้ารัวๆ กลัวคุณครูพี่มินเข้าใจผิดตน “พี่แพทรักคุงคูพี่มิงที่สุดเลย” ว่าเสียงออดอ้อนแล้วกอดขาพลางช้อนสายตาขึ้นมอง

โกรธลงก็บ้าแล้ว

“แต่ว่านะคุงคูพี่มิง พี่แพทน่ะอยากช่วยคุงคูพี่มิงล้างจางจริงๆ นะ”

พอถูกอ้อนมีหรือที่มินจะปฏิเสธลง

เก้าอี้ไร้พนักพิงถูกยกมาวางไว้หน้าซิงค์ล้างจานก่อนคนตัวเล็กจะถูกอุ้มขึ้นไปยืนบนนั้น มินยืนซ้อนอยู่ด้านหลังแล้วยื่นฟองน้ำให้น้องรับไปถือไว้

“ทำไงต่ออะคุงคูพี่มิง” มินหยิบจานที่ตนล้างสะอาดแล้วมาถือไว้ มืออีกข้างกุมมือเล็กข้างที่ถือฟองน้ำก่อนจะเริ่มสอนวิธีการล้างจานที่ไม่มีในหลักสูตรการเรียน

น้องแพททำตามอย่างว่าง่าย ดูมีความสุขกับการได้ทำอะไรที่ตนไม่เคยทำ

“น้องแพทกวนคุณครูพี่มินเหรอลูก”

“เปล่าน๊า พี่แพทกำลังช่วยคุงคูพี่มิงล้างจางต่างหาก เก่งมั้ยฮะคุงแม่” เด็กน้อยที่ถูกร่างมินบังจนมิดชะโงกหน้าออกไปโต้ตอบผู้เป็นแม่ที่เข้ามายืนมองอยู่ใกล้ๆ

“ล้างให้สะอาดด้วยล่ะ”

“เชื่อมือพี่แพทเห้อ พี่แพทเก่งอยู่แล้ว เนอะๆ คุงคูพี่มิง” กลัวคุณแม่ไม่เชื่อจึงหาแนวร่วม มินมองหน้าน้องพลางมุ่นคิ้วกวน ไม่ยอมพยักหน้ารับซักทีจนเจ้าตัวแสบเริ่มร้อนรน หมุนตัวมาเผชิญหน้ากัน มือเล็กเปียกชื้นกอบกุมใบหน้าหล่อเหลาของคุณครูพี่มินพลางทำหน้าอ้อน เหมือนรู้ว่าเมื่อทำอย่างนี้แล้วอีกฝ่ายต้องเข้าข้างตนแน่

พอเห็นลูกชายอ้อนพี่เลี้ยงคนใหม่อย่างที่ไม่เคยอ้อนใครมาก่อน คุณแม่ก็รู้สึกเบาใจ ดีเหลือเกินที่ได้เจอมิน

“จ้าพ่อคนเก่ง” แก้มนิ่มถูกผู้เป็นแม่บีบเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยวก่อนผละออกไปให้ทั้งห้องครัวเหลือเพียงคนที่ยังคงยืนเผชิญหน้ากันอยู่ ไม่มีท่าทีว่าจะผละออกจากกันสักนิด

“แล้วคุงคูพี่มิงล่ะไม่ชมพี่แพทบ้างเร้อ”

“ชมเรื่องอะไรครับ”

“พี่แพทล้างจานเก่งน๊า”

“ไม่ชมได้มั้ยอะ”

“คุงคูบอกว่าทำดีก็ต้องได้รับคำชมนะ”

มินจ้องมองเจ้าเด็กไร้เดียงสาที่ยกเอาคำพูดของคุณครูมาขู่เข็ญเอาคำชมพลางย่นหน้าใส่อย่างนึกหมั่นเขี้ยว มือเรียวยกขึ้นกอบกุมใบหน้าน้องแพทเอาไว้บ้างก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปหา ประทับจูบลงบนเรียวปากจิ้มลิ้มช่างเจรจาแรงๆ ให้เจ้าของริมฝีปากแข็งค้างเหมือนโดนสะกดเอาไว้

มือเล็กที่กอบกุมใบหน้ามินถูกทิ้งลงข้างลำตัว ดวงหน้าใสเห่อร้อน น้องแพทตื่นเต้นกับสัมผัสแปลกใหม่บนเรียวปากจนทำอะไรไม่ถูก ก้มหน้างุด กระโดดลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งหนีซะเลย




(◕‿◕)♡





ร่างเล็กทิ้งตัวลงบนเตียงนอนตนเอง กอบกุมใบหน้าที่กำลังเห่อร้อน สัมผัสนุ่มนิ่มที่ปากยังคงชัดเจนเหมือนคุณครูพี่มินยังไม่ผละออกไป

ฮือออ หัวใจน้องแพทเต้นแรงมากเลย น้องแพทจะตายมั้ยอะ

“พี่แพท พี่มินกลับแล้วนะครับ” ได้ยินเสียงคุณแม่แว่วมา พี่แพทก็อยากออกไปส่งคุณครูพี่มินนะ แต่ว่าหัวใจพี่แพทกำลังเต้นแรงมากๆ เลย ถ้าขยับตัวก็กลัวว่ามันจะกระเด็นออกมาจากอก ถ้าเกิดเป็นอย่างนั้นพี่แพทก็จะตาย พรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปก็จะไม่ได้เจอคุณครูพี่มินอีก

ไม่เอานะ ถ้าไม่ได้เจอคุณครูพี่มินอีก พี่แพทไม่เอาแบบนั้น




(◕‿◕)♡




พี่แพทตื่นแต่เช้าไปโรงเรียน ทุกครั้งในตอนเช้าพี่แพทไม่เคยเจอคุณครูพี่มินเลย แต่วันนี้กลับบังเอิญเจอกันตรงประตูทางเข้า

คุณครูพี่มินเดินเข้ามาหา นั่งลงตรงหน้าแล้วยิ้มอ่อนโยนให้กันอย่างเคย

พอได้มองหน้าคุณครูพี่มินใกล้ๆ เรื่องเมื่อคืนก็วนกลับเข้ามาในความทรงจำให้หัวใจเต้นตึกๆๆ

“ทำไมมองหน้าพี่มินแบบนั้นล่ะครับ”

“เปล่าซักหน่อย” พี่แพทก้มหน้าลง รู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเลย พี่มินต้องจับได้แน่ๆ ว่าพี่แพทใกล้จะตายเพราะจังหวะหัวใจที่เต้นแปลกไปเมื่อเจอหน้ากัน

“สายแล้ว พี่มินต้องไปโรงเรียนแล้วครับ เอาไว้เจอกันเย็นนี้นะ” แก้มใสถูกลูบแผ่วเบา ก่อนมือเรียวข้างนั้นจะเลื่อนขึ้นมาลูบผมอย่างเอ็นดู

พี่แพทเงยหน้าขึ้นมองในยามที่คุณครูพี่มินก้าวห่างออกไป เฝ้ามองจนแผ่นหลังภายใต้เสื้อนักเรียนลับตาจึงเดินตามคุณครูเข้าโรงเรียนของตนบ้าง

รออีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้เจอคุณครูพี่มินแล้ว




(◕‿◕)♡




 “ไอ้มิน มึงจะเบี้ยวพวกกูอีกแล้วใช่มั้ย” ทันทีที่คาบสุดท้ายจบลงมินก็เก็บของใส่กระเป๋า แต่ก็ต้องหยุดมือเพราะถูกรั้งไว้

“กูต้องไปรับน้องแพท”

“เด็กนั่นอีกแล้ว ถามจริงนะ มึงได้ค่าจ้างเท่าไหร่วะ”

“เสือก”

“อ้าวไอ้มิน นี่เพื่อนไง”

“เอาไว้กูเลี้ยงขนม”

“ไปรับเด็กนั่นแล้วตามพวกกูไปที่ร้านนะ สาวๆ อยากเจอมึง”

“แต่กู...”

“ถ้าไม่ไปกูเลิกคบ” เชื่อเถอะว่ามินโคตรลำบากใจ แต่ก็ช่วยไม่ได้เลย เขาน่ะตั้งแต่รับงานเลี้ยงน้องแพทก็เบี้ยวนัดเพื่อนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว และถ้าขืนยังเบี้ยวต่อไป ก่อนจบม.ปลายเขาต้องไม่เหลือเพื่อนซักคนแน่ๆ




(◕‿◕)♡




สถานที่นัดหมายคือร้านฟาสต์ฟู้ทในซอยใกล้ๆ โรงเรียน แต่สำหรับคนที่ต้องเดินเท้าไปรับเด็กที่โรงเรียนประถมแล้วต้องย้อนกลับมาโรงเรียนตัวเองอีกครั้งก็เหนื่อยใช้ได้เลยทีเดียว

“พี่แพทยังทำกางบ้างไม่เสร็จเลยนะคุงคูพี่มิง” เสียงเล็กๆ ดังมาจากคนที่ขี่อยู่บนหลัง

หลังจากได้ใช้ชีวิตอยู่กับคุณครูพี่มินร่วมเดือน เด็กน้อยที่ไม่ชอบทำการบ้านคนเดิมได้ถูกกลืนกินไปแล้ว เหลือไว้เพียงเด็กชายแพทที่รักการทำการบ้านวิชาเลขเป็นชีวิตจิตใจ

“เอาไว้พี่มินสอนนะ”

“เราจะไปไหนกัง”

“ถึงแล้วครับ” ยังไม่ทันได้ตอบคำถาม พวกเขาก็ก้าวผ่านประตูเข้ามาในร้านอาหารแล้ว

กลิ่นไก่ทอดลอยเตะจมูกให้เด็กน้อยที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เที่ยงเกิดอาการหิวขึ้นมาฉับพลัน

“พี่แพทหิวอะ”

“เดี๋ยวพี่มินสั่งไก่ทอดให้นะครับ”

“ไอ้เหี้ยมิน ทางนี้ ทางนี้โว้ย” ไม่ใช่แค่เสียงเดียว แต่เสียงดังโวยวายดังระงม กว่าครึ่งของคนบนโต๊ะต่างโบกไม้โบกมือเรียกผู้มาใหม่

“พวกมึงเงียบๆ หน่อยได้มั้ย” มินก้าวเท้าเร็วๆ ไปยังโต๊ะใหญ่ วางน้องแพทลงบนเก้าอี้ว่างก่อนหันไปตบหัวต๊อดไอ้เพื่อนหัวโจกตัวแสบที่อยู่ใกล้มือที่สุด “พูดให้มันสุภาพๆ ด้วย กูพาเด็กมาด้วยมึงเห็นมั้ย”

“ครับพี่มินครับ ต๊อดขอโทษนะครับ” ต๊อดยกมือไหว้ขอโทษท่วมหัวเรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากสาวๆ ที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่

“มินนั่งนี่สิ” เจ้าของชื่อมองไปยังเจ้าของเสียง

ไข่มุก...

ไม่แปลกใจหรอกที่เจอเธอ ทุกครั้งที่ไอ้ต๊อดชวนมาเที่ยวกับสาวๆ ก็มักจะเป็นสาวๆ กลุ่มนี้เสมอ ไม่แน่ใจว่าป่านนี้มีใครตกลงคบกันไปบ้างหรือยัง

เพราะใช้เวลากับน้องแพทตลอด มินจึงไม่ค่อยรู้เรื่องของเพื่อนมากนัก

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเรานั่งตรงนี้ดีกว่า นั่งกับพี่แพทเนอะ” ท้ายประโยคมินหันไปขอความเห็นจากเด็กน้อยที่ติดสอยห้อยตามตนมา และน้องก็พยักหน้าเห็นด้วยแรงๆ จนหัวสั่นหัวคลอน

“มึงนี่เหมือนพ่อลูกอ่อนเลยว่ะ” ต๊อดคนเดิมนั่นแหละ

“เหรอ ถ้าอย่างกูมีลูกอายุเท่านี้ มึงกับไอ้ฟานคงมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองแล้วมั้ง” ไอ้พวกนี้มันเจ้าชู้ประตูดิน เรื่องผู้หญิงนี่ไม่ต้องพูดถึงหรอก ชุมยิ่งกว่ายุงอีก

“ไม่เอาครับพี่มิน ไม่เผากันเองเนอะ ว่าแต่มึงจะกินไร สั่งเลย จ่ายตังค์เองนะครับ จะเลี้ยงสาวๆ เลี้ยงพวกกูด้วยก็ได้” เมนูอาหารถูกส่งมา

“กูเลี้ยงน้องแพทคนเดียว” บอกเพื่อนด้วยเสียงห้วนเสร็จก็หันมายิ้มหวานเปลี่ยนโหมดให้เด็กน้อยที่นั่งทำหน้างงอยู่ข้างๆ “น้องแพทกินอะไรดีครับ” มินกางเมนูอาหารออกพลางขยับเข้าไปใกล้น้องแพทที่กำลังกวาดสายตามองภาพอาหารต่างๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย

“พี่แพทอยากกิงทุกอย่างเลย”

“กินรองท้องก็พอครับ เดี๋ยวกินข้าวเย็นได้น้อย ป้าประพรโกรธไม่รู้ด้วยนะ”

“ม่าย” เด็กน้อยทำหน้าสลดเมื่อนึกถึงใบหน้าถมึงทึงของแม่บ้านคนเก่าแก่ ยามอารมณ์ปกติดีแกโคตรอ่อนโยน แต่อย่าให้โกรธเชียว ยักษ์ดีๆ นี่เอง “พี่แพทไม่อยากโดงคุงป้าโกรธนะ น่ากลัว”

“งั้นเอาไก่ทอดชุดเล็กนะ”

“เอานมด้วย กิงนมเยอะๆ จะได้โตไวๆ” จะได้สูงเหมือนเพื่อนๆ ในกลุ่มของคุณครูพี่มิน

น้องแพทหยิบสมุดการบ้านขึ้นมากางระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ และมินก็ยังทำหน้าที่คุณครูอย่างดีเยี่ยมด้วยการสอนบวกเลขโดยไม่ต้องพึ่งนิ้ว ไม่สนเพื่อนๆ ที่มองมาคล้ายกับระอา ส่วนสาวๆ ก็เซ็งไปเลย มินมาร่วมโต๊ะด้วยแท้ๆ แต่กลับไม่รู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกันซักนิด

“น้องแพททำการบ้านวิชาอะไรเหรอคะ” ไข่มุกที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะย้ายมานั่งตรงข้ามมินพลางเอ่ยถามให้น้องแพทเงยหน้าขึ้นมามอง

พี่คนนี้อีกแล้ว ไม่ชอบหน้าเลย

“แบบนี้ถูกมั้ยฮะคุงคูพี่มิง” คนถูกเด็กเมินนิ่วหน้าไม่พอใจ อยากจะหยิกให้เนื้อเขียว แต่ก็ได้แต่คิดเพราะไม่ว่าอย่างไรก็คงทำไม่ได้หรอก

“เก่งมากเลย”

“เก่งแบบนี้ต้องได้รางวัล” อยากจะยื่นปากให้คุณครูพี่มินจุ๊บแต่ก็เปลี่ยนใจเอียงแก้มให้แทน

สำหรับเด็กหนุ่ม การจุ๊บแก้มเด็กต่อหน้าเพื่อนนับสิบเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าอาย แต่ถึงแม้จะอายแค่ไหนมินก็ให้รางวัลน้องด้วยการจุ๊บเบาๆ ที่แก้มอย่างที่เคยทำ

น้องแพทยิ้มกว้างพออกพอใจ สมุดการบ้านทั้งหมดถูกเก็บใส่กระเป๋าเมื่ออาหารถูกนำมาเสิร์ฟ

“ไอ้มิน”

“ว่า?”

“ว่าเหี้ยอะไร ถ้ามาแล้วไม่สนใจพวกกูแบบนี้ก็อย่ามาดีกว่ามั้ย”

“ก็มึงชวนกู”

“แต่กูไม่คิดว่า... ไอ้สัดเอ้ย เห็นเด็กดีกว่าเพื่อนเฉย”

“ยังไง คือกูต้องป้อนไก่ทอดมึงงี้เหรอ มึงโตแล้วไอ้ต๊อด”

“ไม่ใช่เว้ยไอ้สัดกูหมายถึง...” ต๊อดพยักเพยิดไปยังไข่มุกที่ก้มหน้าเล่นมือถืออยู่ตรงหน้ามิน

ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ใช่มินไม่รู้ว่าไข่มุกรู้สึกอย่างไรกับตน แต่เขาเองไม่สามารถรับความรู้สึกนั้นไว้ได้ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง แต่ก็รู้สึกขอบคุณและถนอมน้ำใจกันมาตลอด

“เคสมือถือมุกน่ารักดี” อย่างน้อยชวนคุยหน่อยเจ้าตัวคงรู้สึกดี

“ทำเองเลยนะ” จอมือถือถูกคว่ำลงเพื่อโชว์เคสมือถือฝีมือตัวเอง

“ถึงว่า เหมือนมุกมากเลย”

“เหมือนยังไงเหรอ”

“ก็แบบ...” มินทำหน้าครุ่นคิด “เป็นสีชมพู”

คำพูดของมินไม่ได้มีนัยยะพิเศษ สำหรับเขาผู้หญิงเปรียบดั่งสีชมพู ส่วนเด็กน้อยอย่างน้องแพทคือสีเหลืองที่มองแล้วให้ความรู้สึกสดใส หากมุกกลับคิดต่างออกไป เด็กสาวหัวใจพองโตทันทีเมื่อคิดไปเองว่านั่นคือคมชมที่แสนพิเศษ

“มินใช้มือถือแบบไหนอะ วันหลังเดี๋ยวมุกทำเคสที่เหมาะกับมินมาฝาก”

“ไม่เป็นไร ขอบคุณนะ” มุกทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับมายิ้มเหมือนเคยเมื่อหันไปสบเข้ากับสายตาหาเรื่องของเด็กแสบที่มองเขาไม่วางตาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อกัน

อยากให้มินเห็นหน้าเด็กในการดูแลของเขาตอนนี้จริงๆ ว่าไม่ได้น่ารักอย่างที่เจ้าตัวคิดเลยแม้แต่น้อย

“ขนมที่มุกให้ไปวันนั้นรสชาติเป็นไงบ้าง”

“พี่แพททิ้งถังขยะไปแล้ว” เด็กน้อยที่กำลังเคี้ยวไก่ทอดเต็มปากตอบคำถามทะลุขึ้นกลางปล้องให้ทั้งคุณครูและเจ้าของขนมเหวอไป “พี่แพทขอโทษนะครับพี่ไขมุก”

ถามว่าโกรธมั้ย ไข่มุกโกรธมาก แต่ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากแอบกำมือแน่นที่ใต้โต๊ะเมื่อเด็กน้อยบอกด้วยน้ำเสียงใสซื่อ ซึ่งเชื่อเถอะว่าไม่ใสบริสุทธิ์อย่างที่แสดงออกหรอก

“เอาไว้วันหลังไข่มุกทำมาให้มินใหม่แล้วกันนะ”

“ขอบคุงคับ พี่แพทจะกิงให้หมดเลยนะ” และเป็นน้องแพทที่เอ่ยขึ้นพลางยิ้มจนตาหยี

ไม่ใช่แค่ไข่มุกหรอกที่รู้สึกว่าเด็กนี่กำลังกวนประสาท มินเองก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน

“คุงคูพี่มิง พี่แพทอยากล้างมืออะ” กินอิ่มแล้วก็งอแงอยากล้างมือ

“ให้พี่ไข่มุกพาไปล้างมือมั้ยคะ”

“คุงคูพี่มิง” น้องแพทเมินเจ้าของเสียงหวานพลางใช้มือเปื้อนไก่ทอดดึงแขนเสื้อคนข้างๆ ให้มินที่กำลังคุยกับต๊อดหันมาสนใจ

“อ่างล้างมืออยู่ตรงโน้น พี่แพทไปเองได้มั้ย”

“ไม่เอา อ่างมังสูง พี่แพทล้างมือไม่ถึงหรอก”

“ขาสั้นสินะ” ก็ขาสั้นแหละ เพราะเป็นเด็กไงก็เลยขาสั้น “ว้ายๆ ขาสั้น” ต๊อดล้อเด็กอย่างสนุกมากและมันก็คงจะเลยเถิด ไม่สิ นี่มันเป็นจุดเริ่มต้นของความเลยเถิดต่างหากเมื่อน้องแพทตวัดสายตาไม่พอใจไปมองแล้วเถียงอย่างไม่ยอมแพ้

“ขาสั้งแล้วไงอะ พี่ไม่เคยขาสั้งเหรอ”

“ว้ายๆๆ พูดไม่ชัดด้วย”

“ไอ้ต๊อด!!!” มินปรามแต่ต๊อดไม่มีท่าทีจะหยุดเลย ฟากน้องแพทก็เริ่มเบะปากตั้งท่าจะร้องไห้แล้ว

“ขาก็สั้น พูดก็ไม่ชัด บวกเลขก็ไม่ได้ ว้ายๆๆๆ”

“ไอ้ต๊อดมึงเงียบปากไปเลยนะ” แก้วน้ำพลาสติกลอยข้ามโต๊ะไปนั่นแหละต๊อดจึงยอมหยุด แต่ก็ช้าเกินไปเมื่อคนที่ไม่เคยถูกล้อมาทั้งชีวิตน้ำตาไหลอาบแก้มปล่อยโฮออกมาเสียงดังแล้ว

“ฮือ พี่แพท พี่แพท...” ไม่รู้ว่าน้องจะพูดอะไรเพราะในประโยคมีแต่เสียงสะอื้น

คนขาสั้นกระโดดลงจากเก้าอี้ ก้าวเดินผ่านโต๊ะในร้านไปยังหน้าประตู เสียงร้องไห้ยังดังเสมอต้นเสมอปลาย ให้มันหันมาชี้หน้าคาดโทษเพื่อนก่อนจะเก็บกระเป๋าแล้วรีบวิ่งตามน้องออกจากร้านมา

“พี่แพท ไม่เอาไม่ร้องนะ” ไหล่เล็กถูกคว้าเอาไว้ มันยังคงสั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้นอย่างน่าสงสาร

มินนั่งลงตรงหน้า ใช้นิ้วปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มใสก่อนกอดน้องเอาไว้แนบอกอย่างอ่อนโยน

“อย่าถือสาไอ้ต๊อดเลย พี่แพทของพี่มินน่ารักที่สุดแล้ว” มินปลอบพลางลูบหลังน้องแผ่วเบา

“พี่แพทขาสั้น” น้องว่าพลางสะอื้น

“ดื่มนมเยอะๆ เดี๋ยวก็ขายาวแล้วครับ”

“พี่แพทพูดไม่ชัดด้วย”

“เดี๋ยวฟันข้างหน้าขึ้นก็พูดชัดแล้ว แต่ถึงจะพูดไม่ชัดพี่แพทก็น่ารักที่สุดนะ”

“คุงคูพี่มิงสอนเลขพี่แพทด้วยนะ พี่แพทอยากบวกเลขเก่งๆ”

“ได้เลย พี่มินจะสอนพี่แพทเองนะ ไม่เอาไม่ร้องนะครับ” มินดันน้องออกจากอก กวาดมองใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาด้วยสายตาอ่อนโยน

ผ้าเช็ดหน้าสีเขียวถูกล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาใช้มันซับน้ำตาให้น้อง

ไอ้ต๊อดนะไอ้ต๊อด ตัวเขาอยู่กับน้องมาเป็นเดือนไม่เคยทำให้เสียน้ำตา พอเจอคนปากหมาแค่ไม่กี่นาทีกลับร้องไห้โฮเสียสติขนาดนี้

“คุงแม่เคยบอกพี่แพทว่าไม่ให้คบคงไม่ดี”

“ครับ”

“คุงคูพี่มิงก็เลิกคบคงไม่ดีได้แล้วนะ ต๊อดอะไรนั่น นิสัยไม่ดีเลย หาว่าพี่แพทขาสั้ง สั้งอะไรกัง ในห้องเรียงพี่แพทสูงที่สุดเลยนะ ไม่สิ น้อยหน่าสูงกว่าพี่แพทนิดนึง แต่เดี๋ยวกิงนมเยอะๆ พี่แพทก็จะสูงอีกใช่มั้ยฮะ”

มินพยักหน้ารับ “ดื่มนมแล้วก็ต้องกินอาหารที่มีประโยชน์ด้วย”

“คุงคูพี่มิงจะเลิกคบต๊อดมั้ยอะ”

“ถึงต๊อดจะปากร้ายไปหน่อยแต่มันก็เป็นเพื่อนที่ดีนะ”

“ไม่อยากให้คุงคูพี่มิงคบต๊อดเลยอะ ไม่เป็นเพื่อนด้วยไม่ได้เหรอ พี่แพทไม่ชอบ”

“เอาไว้พี่มินให้ต๊อดมาขอโทษพี่แพทดีมั้ย”

“ไม่เอาหรอก พี่แพทไม่อยากเห็นหน้าต๊อดแล้ว”

“โกรธมากเลยเหรอครับ”

“โกรธมาก” น้องแพทกอดอกทำหน้าขึงขังบอกผ่านการกระทำว่าอย่างไรก็ไม่มีทางให้อภัยต๊อดแน่

“แต่เด็กดีต้องรู้จักให้อภัยคนอื่นนะครับ”

“พี่แพทไม่อยากให้อภัยต๊อดเลย ไม่ให้อภัยต๊อดไม่ได้เหรอ แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็จะเป็งเด็กไม่ดีใช่มั้ย แต่ว่าพี่แพทน่ะไม่อยากเจอต๊อดจริงๆ นะ พี่แพท...”

น้องแพทบ่นงึมงัมไปตลอดทางเดินเท้าที่มุ่งหน้าไปยังป้ายรถเมล์ และพอขึ้นรถปุ๊บก็หลับปุ๋ยเลย

เด็กหนอเด็ก



[TBC]

เด็กหนอเด็ก
น้องแพทแอบแก่แดดค่ะ อันนี้ยอมรับ
นอกจากแก่แดดแล้วยังแสบใช่เล่นเลย
ต๊อด เป็นตัวละครใหม่ น่าจะสร้างสีสันได้ดีทีเดียว และจะอยู่กับเราไปยาวๆ จนน้องโต

เราไม่ได้ใช้เวลากับเด็กมานานแล้วค่ะ ใช้วิธีศึกษาจากคลิปต่างๆ อนิเมะไรงี้
อาจมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง ต้องขออภัยด้วย

รักแหละ
เจอกันตอนหน้า
แจ๊ส
 :mew1:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 4 {Up.280218}
«ตอบ #16 เมื่อ01-03-2018 01:36:07 »

จะมีใครมาปราบต๊อดลงไปบ้างไหมเนี่ย หรือให้พี่แพทจัดการดี แบบนี้ -->   :z6:

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 5 {Up.070318}
«ตอบ #17 เมื่อ07-03-2018 19:43:41 »


คุณครูพี่มิน 5


“พี่แพทไม่อยากคุยกับต๊อด ต๊อดนิสัยไม่ดี คุงแม่ไม่ให้คบคงนิสัยไม่ดี”

ทันทีที่เห็นว่าใครเดินตามคุณครูคนดีของตัวเองมา เด็กชายก็ถอยหลังออกห่าง พลางชี้หน้าแล้วตะโกนฉอดๆ ไม่สนใจแล้วว่าคุณครูพี่มินจะมองว่าตัวเองเป็นเด็กนิสัยไม่ดี

ก็ต๊อดทำนิสัยไม่ดีใส่พี่แพทก่อนนี่นา หาว่าขาสั้นบ้างล่ะ บวกเลขไม่ได้บ้างล่ะ พูดไม่ชัดบ้างล่ะ ต๊อดนิสัยไม่ดี พี่แพทไม่อยากให้คุณครูพี่มินคบต๊อดเลย

“พี่แพท ต๊อดมาขอโทษเรื่องเมื่อวันก่อนไงครับ”

“ต๊อดไม่เต็มใจหรอก ถ้าต๊อดเต็มใจมาขอโทษเรานะ ต๊อดมาตั้งนางแล้ว ไม่รอให้เวลามังผ่านไปขนาดนี้หรอก”

“เด็กเหี้ยไรวะ ช่างพูดฉิบหาย” ต๊อดกระซิบคุณครูพี่มิน แต่เสียงไม่เบาเลย พี่แพทได้ยินเต็มสองหู

“เราได้ยินนะต๊อด มาทางไหนกลับไปทางนั้งเลย เราไม่อยากคุยกับต๊อด ไม่อยากเห็งหน้าต๊อดด้วย”

“โธ่พี่แพท” ต๊อดว่าเสียงอ่อนพลางก้าวเข้าไปหาแล้วนั่งยองๆ ลงตรงหน้าเด็กน้อยที่กำลังมองเขาตาขวาง

ที่น้องแพทพูดก่อนหน้าก็ไม่ผิดหรอก ต๊อดไม่ได้อยากมาขอโทษเพราะไม่คิดว่าตัวเองทำผิด ก็แค่หยอกเด็กมันเล่นจะซีเรียสอะไรนักหนา หากเพื่อนสนิทอย่างมินไม่คิดอย่างนั้น ขู่เขาเช้าเย็นว่าถ้าไม่ยอมมาขอโทษไอ้เด็กแสบนี่จะทิ้งทะเลไม่ติวหนังสือให้ ถ้าเด็กหัวกะทิอย่างมินทิ้ง ต๊อดก็คงต้องเอาไก่มาแลกกับใบเกรดแล้วล่ะ

“ต๊อดขอโทษนะ ต๊อดมันปากไม่ดี ปากนี้ใช่มั้ยที่ว่าพี่แพทขาสั้น นี่แน่ะ!”

ต๊อดตบปากตัวเองดังเพี้ยะทีนึงก่อนว่าต่อ

“ปากนี้ใช่มั้ยที่ล้อว่าพี่แพทพูดไม่ชัด นี่แน่ะ!” เสียงฝ่ามือฟาดลงบนริมฝีปากครั้งที่สองเรียกรอยยิ้มจากเด็กน้อย

ตลกดี ถึงแม้น้องแพทจะคิดอย่างนั้นแต่ก็ยังไม่ให้อภัยหรอก ตีอีกสิถ้าแน่จริง

“ปากนี้ใช่มั้ย...” ต๊อดทำหน้าลังเล “จะไม่ห้ามหน่อยเหรอ”

“ห้ามไมอะ ต๊อดตีของต๊อดเองพี่แพทไม่ได้บอกให้ตีซักหน่อย”

“แล้วหายโกรธยังอะ”

“ไม่หายหรอก” คนยังไม่หายโกรธกอดอกสะบัดหน้าพรืด ให้คนที่ตบปากตัวเองไปสองครั้งถ้วนต้องหันไปปรึกษาเพื่อนตนซึ่งไม่มีท่าทีว่าจะเข้ามาช่วยกันเลย

“แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ ต๊อดพาไปเล่นอะไรสนุกๆ ดีมั้ย”

“อะไร?” คำว่าสนุกทำให้คนขี้งอนหูผึ่ง กระนั้นก็ยังคงสงวนท่าทีอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างดี

“หายโกรธต๊อดก่อนละเดี๋ยวต๊อดพาไป”

“แล้วถ้าไม่หนุกล่ะ” ต๊อดหันมองเพื่อนตนเมื่อถูกต่อรอง พลางทำปากมุบมิบให้มันอ่านได้ใจความว่า ‘เด็กมึงแม่งโคตรเรื่องเยอะ’

“นี่ต๊อดนะครับ”

“ต๊อดแล้วไง”

“คุณครูพี่มินไม่เคยบอกเหรอ ว่าต๊อดมีฉายาว่าเจ้าพ่อพันสนุกนะ”

“ไม่เห็งจะเข้าจายเลย แต่ถ้าต๊อดมั่นใจขนาดนั้น พี่แพทไปด้วยก็ได้ แต่ว่าคุงคูพี่มิงต้องไปด้วยนะ” ท้ายประโยคเจ้าตัวเล็กหันไปอ้อนคนตัวสูงที่ยืนมองพวกเขาไม่พูดไม่จามาตั้งแต่ต้น “นะครับคุงคูพี่มิง”

“พี่มินจะกล้าปล่อยพี่แพทไว้กับต๊อดตามลำพังได้ยังไง”

“ใช่มะ ต๊อดเป็นคงไม่ดีใช่มั้ยล่ะ”

“แค่ล้อว่าเตี้ย ขาสั้น พูดไม่ชัด กลายเป็นคนไม่ดีเฉยเลย”

“ถ้าต๊อดพูดแบบนี้อีก พี่แพทไม่ไปด้วยแล้วนะ”

“โอ๋ๆ นะครับ ต๊อดผิดไปแล้ว” คราวนี้ต๊อดถึงกับพนมมือไหว้เด็กพลางปั้นหน้ายุ่งยากคล้ายจะร้องไห้ ไม่ใช่เพราะแคร์น้องแพทมากมายแต่เพราะสายตาเพื่อนตัวเองต่างหาก

ทีใครทีมันนะไอ้มิน อย่าให้ถึงคราวต๊อดบ้างก็แล้วกัน







น้องแพทร้อง ‘หูว’ ตื่นตาตื่นใจกับเกมส์เซ็นเตอร์ที่เคยเดินผ่านตอนคุณแม่พามาเดินเล่นในห้างแต่ไม่เคยเข้ามาสัมผัสเลยสักครั้ง

หัวใจน้องแพทเต้นแรงแต่ก็ไม่เท่าตอนถูกคุณครูพี่มินจุ๊บปาก

“กูว่ามันรุนแรงไปนะ” มินแย้งยามที่ต๊อดจูงมือน้องแพทไปยังเกมส์ยิงซอมบี้

ไม่รู้แล้วสิว่าตัวเองคิดถูกหรือผิดที่ยอมปล่อยเรื่องนี้เลยตามเลย

“มึงอะคิดมาก อุ้มน้องขึ้นมาเร็ว” นอกจากไม่รับฟังความเห็นแล้วยังสั่งมินให้อุ้มน้องแพทขึ้นมาอีก และพอก้มมองเจ้าตัวเล็กที่มองมาตาปริบๆ แล้วก็ต้องใจอ่อนอีกครา

“เกมส์ไรอะต๊อด”

“ต๊อดอายุเท่าพี่มินนะพี่แพท ไม่เรียกพี่ต๊อดเหรอ”

“ม่ายอะ เรียกต๊อดเฉยๆ ถูกแล้ว พี่แพทยังโกรธต๊อดอยู่นะ”

“พามาถึงนี่แล้วยังไม่หายโกรธออีกเหรอ”

“ยังไม่สนุกเลย”

“เตรียมรับความสนุกระดับมาสเตอร์พีชได้เลยไอ้หนู” ต๊อดยื่นมือมาขยี้ผมน้องแพทจนยุ่งก่อนจะหันกลับไปสนใจเกมส์ตรงหน้า

เสียงปืนดังลั่น พร้อมๆ กับเหล่าซอมบี้ที่ถูกยิงเลือดสาด

มันน่าสยดสยองเกินไปสำหรับเด็กอายุ 5 ขวบ แต่คนในวงแขนมินกลับเบิกตาโตมองอย่างสนอกสนใจ พลางนึกชื่นชมว่าต๊อดเท่อย่างนั้นอย่างนี้

“เรียบร้อย” ซอมบี้ในจอถูกยิงจนหมด แน่นอนว่าต๊อดชนะใสๆ “อยากลองบ้างมั้ย”

ปืนกระบอกเดิมถูกส่งมา น้องแพทลังเล มองหน้าคุณครูพี่มินเหมือนต้องการปรึกษา มินเองก็คิดหนัก ในความรู้สึกเขา เกมส์ซอมบี้นั่นมันรุนแรงเกินไป แต่อาการอยากรู้อยากลองของน้องก็ทำให้เขาลังเลเช่นกัน

“ลองดูก็ได้”

“ได้เหรอ” น้องแพทอยากร้องเย้แต่ก็ต้องสงวนท่าทีเพราะต๊อดมองอยู่

มือเล็กๆ ยื่นไปรับปืนมา

“ยิงมันให้เกลี้ยงเลย” มินกระซิบบอกน้องที่ข้างหูเมื่อซอมบี้ปรากฏบนจอ

เสียงปืนดังรัว แต่ซอมบี้ที่ควรจะตายกลับไม่ตาย พวกมันวิ่งกรูกันเข้ามา ไม่นานน้องแพทก็พบกับคำว่าพ่ายแพ้

เสียงหัวเราะดังมาจากคนที่ยืนมองอยู่ใกล้ๆ

“หัวเราะอะไรต๊อด ต๊อดแกล้งพี่แพทใช่มั้ย นิสัยไม่ดีเลย”

“แกล้งอะไร ต๊อดก็ยืนของต๊อดอยู่เฉยๆ” ต๊อดทำท่าทางไม่รู้ไม้ชี้ให้เด็กน้อยเบะหน้าใส่

นอกจากไม่หายโกรธต๊อดแล้ว ดูเหมือนว่าน้องแพทจะโกรธมากขึ้นอีกต่างหาก

“เอาไว้โตแล้วค่อยมาแก้มือนะไอ้หนู”

“คอยดูเถอะ พี่แพทต้องเอาชนะต๊อดให้ได้”

“จะรอ”

ทั้งคู่ทะเลาะกันเหมือนเด็กๆ ระหว่างเลือกเกมส์ คนนึงเด็กจริง อีกคนเด็กโข่ง ร่วมด้วยมินที่คอยห้ามไม่ให้ต๊อดเลือกเกมส์รุนแรงเกินไป สุดท้ายก็พากันมายืนหน้าเกมส์ชู้ตบาส

“โคตรเด็กว่ะมิน” คนที่อยากเล่นแต่เกมส์มันส์ๆ ไม่วายบ่นอุบ แต่มินก็หาได้สนใจไม่

“ต๊อดอ่อนบาส เกมส์นี้พี่แพทต้องชนะแน่ๆ”

“ต๊อดอ่อง” ทั้งที่ตัวเองก็เล่นบาสไม่เป็น ไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าบาสคืออะไร คำว่าอ่อนนั่นอีก ไม่เข้าใจเลย แต่ฟังแล้วรู้สึกเหมือนต๊อดจะแพ้ก็เลยใช้ความรู้สึกหันไปทับถม มินก็ได้แต่ขำไม่ห้ามปรามซักนิด

เสียเด็กกันพอดี

“ไม่อ่อนเว้ย” ต๊อดหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่จริงจังนักเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกเด็กล้อให้เสียศักดิ์ศรี “พี่แพทนั่นแหละอ่อน เล่นกี่เกมส์ก็ไม่ชนะซักเกมส์”

“พี่แพทไม่อ่องนะต๊อด คอยดูเถอะ เกมส์นี้พี่แพทต้องเอาชนะต๊อดให้ได้เลย เนอะๆ คุงคูพี่มิง”

“ร่วมมือกัน” มินยกมือขึ้นให้น้องแปะมือไฮไฟว์

“รุมนี่หว่า” แม้จะแอบบ่นแต่ต๊อดก็ยอมเล่นเกมส์ชู๊ตบาสทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าอย่างไรตัวเองต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

และก็เป็นไปตามคาด ต๊อดชู๊ตลูกลงห่วงด้วยความบังเอิญแค่ไม่กี่ลูกเอง

น้องแพทหัวเราะชอบใจเมื่อคุณครูพี่มินทับถามต๊อดจนฝ่ายนั้นทำหน้าสลด

“เอาล่ะถึงตาเราแล้ว”

“คุงคูพี่มิง” น้องโน้มใบหน้าเข้ามาหา กระซิบที่หู กลัวต๊อดได้ยิน “พี่แพทเล่นไม่เป็นนะ”

“เดี๋ยวพี่มินสอน”

“พี่แพทกลัวแพ้ต๊อด”

“เชื่อมือพี่มินเลย ไม่แพ้หรอก ต๊อดอ่อนบาสมาก”

“คุงคูพี่มิง อ่อนคืออะไรเหรอ” มินขำใหญ่ เห็นล้อต๊อดอย่างสนุกสนานก็คิดว่าเข้าใจซะอีก

“อ่อนแปลว่าไม่เก่งครับ”

“ต๊อดเล่งบาสไม่เก่งก็เลยกลายเป็งต๊อดอ่องเหรอ”

“ใช่แล้วครับ”

“งี้ถ้าพี่แพทแพ้ต๊อดพี่แพทก็อ่องกว่าต๊อดอะดิ น่าอายชะมัด”

“ไม่แพ้หรอกน่า เนี่ยพี่แพทก็หยิบลูกขึ้นมา หยิบขึ้นมาเลยครับ” น้องแพทลังเลแต่ก็ยอมหยิบลูกบาสที่ไม่ค่อยคุ้นเคยขึ้นมาถือไว้ “มองไปที่แป้นแล้วโยนไปเลย อย่าคิดมาก”

“แล้วมังจะลงเหรอ”

“มั่นใจในตัวเองไว้ พี่แพทเก่งที่สุดอยู่แล้ว”

“แต่ว่า...” แม้จะได้รับกำลังใจเต็มเปี่ยมแต่ก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี

“จะยอมแพ้ต๊อดเหรอ”

“ไม่ยอม ไม่ยอมแพ้ต๊อดเด็ดขาด” พอพูดถึงต๊อดก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา น้องพูดเสียงดังเรียกกำลังใจพลางหันไปมองต๊อดด้วยสายตากระหายชัยชนะ อย่างไรพี่แพทก็ไม่ยอมอ่อนไปกว่าต๊อดแน่ๆ คอยดู

“งั้นเริ่มเลยนะ”

เกมส์ชู๊ตบาสจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของต๊อด แพ้เด็กโคตรน่าอาย แต่ความพ่ายแพ้นี้ทำให้เขาได้รับการให้อภัยจากเจ้าเด็กแสบและเพื่อนรักที่รับปากว่าจะไม่ทิ้งเขาไว้กลางทางก่อนจบม.ปลาย

ช้ำใจ แพ้เด็กทั้งเรื่องบาสทั้งเรื่องเพื่อนเลย

“กูจะไปร้านเกมส์ต่อ มึงไปด้วยกันมั้ย”

“กูเคยไปกับมึงเหรอร้านเกมส์เนี่ย”

“ก็ไม่เคยนะ”

“รู้แล้วก็เลิกชวนเถอะ ไม่สำเร็จหรอก”

“ต๊อดจะไปแล้วเหรอ แข่งชู๊ตบาสกับพี่แพทอีกป่าว” ไอ้เด็กนี่!!!!

“เอาไว้วันหลังนะพี่แพท เดี๋ยวต๊อดมาให้เหยียบ”

“เหยียบทำไมอะต๊อด”

พลาดแล้วต๊อด ตัวต๊อดเองก็ใช่ว่าเป็นคนฉลาด หาคำตอบให้น้องไม่ได้ งั้นต๊อดขอชิ่งเลยแล้วกัน บอกลาเพื่อนตน โบกมือให้เด็กที่กำลังปั้นหน้าสงสัยแล้ว ต๊อดก็จ้ำอ้าวหนีลงบันไดเลื่อนไปเลย

“คุงคูพี่มิง ทำไมต๊อดบอกว่าจะกลับมาให้เหยียบล่ะ”

“คราวหน้าต๊อดคงจะซื้อรองเท้าคู่ใหม่มาให้พี่แพทมั้ง”

“ไม่เอาหรอก รองเท้าที่บ้านพี่แพทเยอะมาก แต่ไม่ค่อยได้ใช้เลย คุงแม่ไม่ค่อยพาไปเที่ยว”

“แล้วน้องแพทอยากไปเที่ยวไหน”

“เที่ยว...” เด็กน้อยทำหน้าครุ่นคิด นึกสถานที่ไม่ออก “เที่ยวที่ที่มีคุงพ่อ คุงแม่ มีคุงคูพี่มินด้วย ต้องสนุกมากๆ แน่เลย”

เรื่องยากแต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้

“วันนี้สนุกมั้ย”

“สนุกมากๆ ต๊อดสนุกมากๆ”

“ไม่โกรธต๊อดแล้วเนอะ”

“ไม่โกรธ แต่ถ้าต๊อดว่าพี่แพทขาสั้งอีก พี่แพทก็จะโกรธอีก แล้วต๊อดจะมาง้อมั้ย เหมืองวังนี้”

“อยากเจอต๊อดอีกเหรอ”

“ต๊อดสนุก”

“ยังอยากให้พี่มินเลิกเป็นเพื่อนกับต๊อดอยู่มั้ย”

“ม่าย ถ้าคุงคูพี่มิงเลิกเป็งเพื่องกับต๊อด พี่แพทก็จะไม่ได้เจอต๊อดอีกใช่มั้ย ไม่เอา พาต๊อดมาเล่งกับพี่แพทอีกนะ”

“แล้วอยู่กับพี่มินไม่สนุกเหรอ”

“มีความสุข”

“แล้วมีความสุขกับสนุกต่างกันยังไง”

“ก็ไม่รู้ แต่ว่าอยู่กับคุงคูพี่มิง ไม่ต้องทำอะไร อยู่เฉยๆ ก็มีความสุข แต่กับต๊อด ถ้าอยู่เฉยๆ ไม่เล่ง ไม่สนุก ไม่อยากอยู่ด้วย”







วันเสาร์ มินมาบ้านน้องแพทหลังจากเรียนพิเศษเสร็จ

ในบ้านเงียบเหงาเพราะนอกจากคุณแม่บ้านคนเก่าแก่กับน้องแพทแล้วก็ไม่มีใครอยู่เลย และตอนนี้คุณแม่บ้านก็กำลังจะกลับบ้านแล้ว จะกลับมาอีกทีก็เวลาอาหารค่ำ

“ฝากน้องแพทด้วยนะมิน เย็นนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”

“ไม่เป็นไรครับ แล้วคุณแม่กับคุณพ่อน้องแพทจะกลับมากินข้าวเย็นด้วยมั้ยครับ”

“คงไม่หรอก เห็นบอกว่าคืนนี้มีนัดทานข้าวกับลูกค้าอะไรก็ไม่รู้ น้องแพทน่าสงสารนะ ถึงคุณแม่จะไม่ได้ทำงานแต่ก็ต้องตามคุณพ่อไปพบปะผู้คนตลอด” คุณแม่บ้านส่ายหัวคล้ายรู้สึกระอากับการเลี้ยงลูกทิ้งๆ ขว้างๆ ของคนทั้งคู่ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป

คุณพ่อน้องแพทเป็นนักธุรกิจ ไม่แน่ใจว่าอยู่ในตำแหน่งอะไรแต่คงใหญ่โตมากทีเดียวถึงไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกชาย ทั้งยังต้องพาภรรยาออกงานไม่เว้นแต่ละวัน

มินพยายามไม่คิดเรื่องปัญหาภายในครอบครัว แต่แม้พยายามแค่ไหนก็อดคิดไม่ได้

ครอบครัวของเขาก็ไม่สมบูรณ์เลย มินไม่เคยรู้ว่าพ่อตัวเองคือใคร แม่กลับบ้านยายไม่ได้ ไม่มีญาติที่ไหนให้พึ่งพาเพราะท้องก่อนแต่งงาน คนที่บ้านจึงไม่ยอมให้อภัย

มินใช้ชีวิตลำพังกับแม่ที่ทำงานหนักจนไม่มีเวลาดูแลเขาตลอดมา เขารู้ดีว่าความรู้สึกโดดเดี่ยวเป็นอย่างไร รู้จนถึงขั้นแอดวานซ์เชียวล่ะ

“คุงคูพี่มิง” เด็กน้อยที่กำลังวาดอะไรบางอย่างลงสมุด วางปากกาลงแล้วกระโดดลงจากเตียงวิ่งมากอด มินเองก็นั่งลงอ้าแขนรับเจ้าตัวแสบไว้แนบอก

กอดกันแน่นอย่างกับไม่ได้เจอกันมาเป็นปี ทั้งที่เพิ่งแยกกันเมื่อวานตอนเย็น

“ทำอะไรอยู่ครับ”

“วาดรูป”

“วาดรูปใคร”

“คุงคูพี่มิงกับพี่แพท”

“ขอพี่มินดูหน่อยได้มั้ย” มินนั่งลงข้างน้อง มองสมุดที่ถูกกางเอาไว้อย่างพิจารณา ภาพที่ถูกสรรค์สร้างโดยเด็กอายุ 5 ขวบ ไม่ได้สวยสมจริง แต่มองปราดเดียวก็รู้ด้วยเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่แม้จะวาดไม่เหมือนนักก็มีจุดเด่นให้จำได้

“มีอีกนะ เนี่ยๆ พี่แพทวาดคุงคูพี่มิงทุกวังเลย” คนฟังขมวดคิ้ว เขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน

สมุดวาดภาพถูกน้องแพทถือเอาไว้ ก่อนเจ้าตัวเล็กจะขยับมานั่งตัก มือเล็กค่อยๆ พลิกหน้ากระดาษทีละหน้า ภาพวาดของน้องแพทคล้ายๆ ไดอารี่ที่มีแต่เรื่องราวของคุณครูพี่มิน

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเด็กอายุแค่นี้ คิดได้ขนาดนี้จริงๆ

มินค่อนข้างตกใจ ไม่คิดว่าเวลาไม่ถึง 2 เดือนที่พวกเขาใช้ด้วยกันจะมีค่ากับน้องขนาดนี้ และก็แปลกใจที่ในสมุดมีแต่เรื่องราวของตน ปราศจากเรื่องของคนในครอบครัวโดยสิ้นเชิง

“พี่แพทไม่วาดคุณพ่อกับคุณแม่บ้างเหรอ”

“พี่แพทไม่ค่อยได้เจอคุงพ่อกับคุงแม่เลย” ก็จริงอย่างน้องว่า ช่วงหลังมานี้มินต้องอยู่กับน้องแพทจนดึกดื่นเพื่อรอพ่อกับแม่ของน้องกลับมา

คิดแล้วก็แอบสงสัยว่าถ้าไม่พร้อมเลี้ยงจะมีเขาไปเพื่ออะไร

“คุงคูพี่มิง” น้องแพทพิงอกคุณครูพี่มินพลางเงยหน้ามองใบหน้าที่อยู่สูงกว่าระดับสายตา พอเรียก เจ้าของชื่อก็ก้มหน้าลงมาหา

“ว่าไงครับ”

“ออกไปเล่งข้างนอกกันมั้ย พี่แพทเบื่ออะ”

“กลางวันเนี่ยนะ แดดแรงมาก เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”

“ดูทีวีได้มั้ย ตอนอยู่กับคุงแม่ คุงแม่ชอบให้ดูทีวี” ไม่แปลกใจเลยที่บางครั้งน้องแพทก็ดูแก่แดดเกินวัย เพราะชอบดูทีวีนี่เอง

“พี่มินซื้อของมาฝากด้วยนะ” และเพื่อหลีกเลี่ยงการดูทีวีมินจึงหยิบถุงกระดาษที่ได้มาจากร้านเครื่องเขียนมาเปิดออก

“อะไรอะ”

“แถ่นแท้น นี่ไง ชอบมั้ย” ของที่ถูกล้วงออกมาจากถุงกระดาษคือสมุดภาพระบายสีที่มินคิดเอาเองว่าน่าจะเหมาะกับเด็ก 5 ขวบมากกว่าเกมส์เซ็นเตอร์และทีวีแน่ๆ

“สวงสัตว์เหรอ” น้องแพทรับสมุดภาพระบายสีไปแล้วเปิดดูอย่างตื่นตาตื่นใจ “พี่แพทอยากไปเที่ยวสวงสัตว์จังเลยคุงคูพี่มิง อยากเจอคุงเสือ คุงยีราฟ คุงสิงโตเจ้าป่า คุงช้าง อยากเจอทุกๆ ตัวเลย”

“เอาไว้ไปกัน”

“เมื่อไหร่อ่า พี่แพทอยากไปเร็วๆ”

“ระบายสีหมดนี่ค่อยไปดีมั้ย”

“โหย งั้งพี่แพทจะระบายให้เสร็จวังนี้เลยนะ” ว่าแล้วก็ลงจากตักนิ่มๆ ของคุณครูสุดที่รักกลับไปนอนคว่ำเหมือนเดิมพลางเปิดสมุดภาพดูอย่างพิจารณา เลือกสีไม้ด้วยสีหน้าจริงจัง

จริงจังเหมือนตอนมินทำข้อสอบไฟนอลเลย







ทั้งที่บอกอย่างมุ่งมั่นว่าจะระบายสีให้เสร็จภายในวันนี้แต่พอเวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง ความมุ่งมั่นก็แปลเปลี่ยนเป็นความง่วงและน้องแพทก็หลับไปในที่สุด

ตื่นมาอีกทีก็เย็นแล้ว







เสียงท่อมอเตอร์ไซค์ที่ดังอยู่หน้าบ้านทำให้คนที่กำลังนอนกลางวันตื่นขึ้นมา มองไปทั่วห้องไม่พบคุณครูพี่มินจึงลุกจากเตียง ก้าวออกจากห้องเพื่อตามหา ด้วยความกลัวว่าจะถูกทิ้งอย่างในอดีต

คุณครูพี่มินไม่ได้อยู่ในบ้าน แต่ประตูหน้าบ้านถูกแง้มเอาไว้ น้องแพทเดินตามไปดู ก็พบกับ...

“ต๊อดมาไงอะ” ต๊อดนั่นเอง แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าๆ

“ขี่มอ’ไซค์มา”

“โม้”

“อ้าว ไม่เชื่อเฉย เดี๋ยวพาไปดู” ข้อมือเล็กถูกต๊อดคว้าไว้ให้เจ้าเด็กขี้สงสัยเดินตามไปยังหน้าบ้านอย่างง่ายดาย และพอประตูบ้านเปิดออก ไม่เชื่อก็ต้องจำใจเชื่อว่าต๊อดขี่มอเตอร์ไซค์มาจริงๆ

“พี่แพทขี่ได้มั้ย”

“ก็ได้ แต่ว่า...” การตัดสินถูกโยนมาที่มินซึ่งอยู่ในฐานะผู้ปกครอง

“ไม่ได้” และมินก็ตอบออกมาโดยไม่ต้องกลั่นกรองใดๆ เลย

ต๊อดน่ะเด็กแว้นซ์ตัวจริง มันโตมากับอู่ซ่อมรถของพ่อ ดึกๆ ชอบออกไปแข่งรถ กฎจราจรน่ะเหรอ เอาไว้ทำตามตอนเจอตำรวจเท่านั้นแหละ ถึงแม้จะเป็นเพื่อนที่ดีแต่ก็ไม่ใช่คนที่ปลอดภัยนัก

“ทำไมอะคุงคูพี่มิง พี่แพทอยากขี่นี่นา” คนถูกน้องอ้อนเบือนหน้าหนี แต่น้องแพทก็ยังไม่ถอดใจ มือเล็กเอื้อมจับมือเรียวของคุณครูพี่มิน บีบเบาๆ เพื่อขอร้องแต่ก็เหมือนเคย คุณครูพี่มินใจแข็งเกินไป ไม่เห็นทางที่จะได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์ต๊อดเลย

“มันอันตราย เอาไว้โตกว่านี้แล้วค่อยขี่เนอะ”

“ไม่เอาอ่า พี่แพทอยาก...”

“ไม่ได้!!” คนที่เพิ่งถูกขึ้นเสียงใส่ครั้งแรกหน้าเหวอ มือเล็กปล่อยมือคุณครูพี่มินแล้วขยับถอยหลังไปหาต๊อดอย่างคนต้องการที่พึ่ง “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพี่แพท พี่มินรับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ”

ชีวิตนึงเลยนะ เขาไม่อยากเสี่ยงหรอก เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงไม่มีทางชดใช้ได้

“ต๊อด...”

“เข้าบ้านครับพี่แพท”

“แต่ว่า...” น้องแพทพึมพำพลางก้าวถอยไปหลบหลังต๊อดเมื่อคุณครูพี่มินยื่นมือมา

“ถ้าไม่เข้าบ้านตอนนี้ก็ไม่ต้องมาคุยกันอีก”

“มิน กูว่ามึงเล่นใหญ่ไป ก็แค่ขี่มอเตอร์ไซค์เอง เดี๋ยวกูพาน้องขี่รอบหมู่บ้านรอบนึงแล้วกลับมา แป๊บเดียว”

“ไม่ได้”

“แต่ว่าน้องมันอยาก”

“กูบอกว่าไม่ได้ไง”

“มึงไม่ไว้ใจกูเหรอ”

“เออ ไม่ไว้ใจ เพราะกูรู้ว่ามึงเป็นคนยังไง กูถึงไม่ไว้ใจ”

“กูเพื่อนมึงนะ”

“เพราะเป็นเพื่อนไงก็ถึงไม่ยอมให้มึงพาเด็กไปเสี่ยงด้วย ถ้าเกิดพลาดขึ้นมาทั้งกูทั้งมึงนั่นแหละที่จะเดือดร้อน”

“เออๆ ก็ได้” ต๊อดตอบรับไปส่งๆ ไม่ใช่ไม่เข้าใจเจตนาดีของเพื่อน แต่บางทีก็รู้สึกว่ามันคิดมากเกินไป ก็แค่ขี่มอเตอร์ไซค์มันจะอันตรายอะไรนักหนา

“ต๊อดจะกลับแล้วเหรอ”

“กลับแล้ว”

“เมื่อไหร่จะพาไปเล่นเกมส์อีก”

“ชวนคุณครูพี่มินของพี่แพทสิ” มองตามสายตาคู่สนทนาก็พบกับดวงตาว่างเปล่าไร้ความรู้สึกแต่แฝงความเย็นชาจนน่าขนลุกของคุณครูพี่มิน เพราะไม่เคยเจอโหมดนี้น้องแพทก็เลยรู้สึกกลัว ยังไม่อยากให้ต๊อดที่เป็นเหมือนที่พึ่งหนึ่งเดียวในยามนี้กลับเลย

“พี่แพทเข้าบ้านได้แล้ว”

“ต๊อดเข้าบ้าน” คนถูกเมินเริ่มรู้สึกไม่พอใจ เขารู้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ทำให้น้องกลัวตน แต่คนเราจะให้ใจดีตลอดเวลาเป็นไปไม่ได้หรอก เขาก็คนๆ นึงมีความรู้สึกอื่นด้วยเหมือนกัน

“ต๊อดกลับไป”

“ต๊อดเข้าบ้าน ไปเล่นกัน”

“กูบอกให้มึงกลับบ้านไปต๊อด”

“แต่นี่บ้านพี่แพทนะ”

“แต่ต๊อดเป็นเพื่อนพี่มิน”

“ต๊อดเป็นเพื่อนพี่แพทด้วยเหมือนกัน”

“งั้นก็อยู่กับต๊อดไปก็แล้วกัน” มินเดินผ่านเด็กที่เอาแต่เถียงเขาฉอดๆ เข้าบ้านเพื่อเก็บของของตน แต่ยังไม่ทันเก็บอะไรซักอย่าง เสียงฝีเท้าจากฝ่าเท้าเล็กๆ ก็มาหยุดข้างหลังแล้ว

ไม่นานเสียงเครื่องยนต์ก็ดังจากหน้าบ้าน ต๊อดคงกลับบ้านไปแล้ว

“คุงคูพี่มิงโกรธพี่แพทเหรอ” น้ำเสียงเจ้าตัวฟังก็รู้ว่ากำลังสำนึกผิด และถ้ามินหันมามองหน้าก็ต้องใจอ่อนแน่ เพราะรู้อย่างนั้นเจ้าตัวจึงไม่ยอมหันไปมอง อย่างน้อยก็อยากสั่งสอนให้น้องแพทได้เรียนรู้และจดจำเอาไว้ว่าการเถียงผู้ใหญ่อย่างไร้เหตุผลเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ

“ไม่ได้โกรธ”

“ไม่โกรธแล้วทำไมไม่หังมาคุยกับพี่แพทดีๆ ล่ะ”

“พี่มินจะกลับบ้านแล้ว”

“จะทิ้งพี่แพทไว้บ้างคงเดียวเหรอ”

“เดี๋ยวเรียกต๊อดมาอยู่ด้วย”

“ไม่เอา”

“เมื่อกี้ยังชวนต๊อดเข้าบ้านอยู่เลยนี่ อยากอยู่กับต๊อดมากไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวพี่มินโทรเรียกมาให้”

“ไม่เอา พี่แพทจะอยู่กับคุงคูพี่มิง ไม่เอาต๊อด”

“ทำไมล่ะ ต๊อดมีมอเตอร์ไซค์นะ อยู่กับต๊อดได้ขี่มอเตอร์ไซค์ด้วย”

“ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ดีตรงไหนอะ”

“ไม่ใช่ไม่ดี” คนที่นั่งหันหลังให้กันมาตลอดหมุนตัวกลับมามองหน้าน้องแพทชัดๆ อีกครั้ง “แต่ต๊อดขี่มอเตอร์ไซค์น่ากลัวมาก ถ้าพี่แพทอยากขี่ เดี๋ยวพี่มินจะพาไปขี่เอง”

“ที่ไหน เมื่อไหร่”

มินเองก็ไม่รู้ว่าที่ไหน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่ถ้าน้องอยากขี่เขาก็จะพยายามหามาให้ บางทีอาจจะขอยืมจากต๊อดนั่นแหละ ถึงแม้ไม่มีมอเตอร์ไซค์เป็นของตัวเองแต่มินมั่นใจว่าเขาขี่รถมีมารยาทและปลอดภัยกว่าต๊อดแน่นอน

“คุงคูพี่มิงหายโกรธนะ”

“ไม่ได้โกรธ”

“แต่เมื่อกี้เสียงดัง พี่แพทกลัวมากเลย”

“ขอโทษครับ พี่มินจะไม่เสียงดังอีก แต่พี่แพทต้องสัญญาว่าจะไม่ดื้อ ตกลงมั้ย”

“สัญญา” น้องแพทก้าวเข้ามาใกล้ แขนเล็กวาดโอบรอบคอคุณครูของตนแล้วยื่นหน้าเข้าไปหา

ครั้งที่สองที่ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันแผ่วเบา แทนคำสัญญาว่าพี่แพทจะไม่ทำตัวเป็นเด็กดื้อต่อหน้าคุณครูพี่มินอีก

ลับหลังนั่นก็อีกเรื่องนึง


[TBC]

เขียนแต่อะไรน่ารักๆ ก็กลัวจะเบื่อกัน
พี่แพทก็มีมุมดื้อเหมือนกันนะ ดื้อแล้วเป็นไงล่ะ
อย่าดื้อกับพี่มินนะ พี่มินไม่ชอบ ถูกโกรธเลยเป็นไงล่ะ

ในตอนที่ผ่านมา เราตามอ่านคอมเมนต์ตลอด
ขอบคุณนะคะ
 :heaven

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 5 {Up.070318}
«ตอบ #18 เมื่อ08-03-2018 01:44:50 »

ไม่ดีนะพี่แพท ทำตัวเป็นคน 2 หน้าไปได้ ถ้าพี่มินรู้โดนบิดหูเขียวแน่ ๆ  :hao3:

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 6 {Up.220318}
«ตอบ #19 เมื่อ23-03-2018 23:05:24 »

คุณครูพี่มิน 6


คุณครูพี่มินกำลังโกรธมาก

พี่แพททำอะไรไม่ถูกนอกจากยืนก้มหน้า ฟังคุณครูพี่มินที่กำลังระเบิดอารมณ์ใส่ต๊อดอย่างรุนแรง ถ้าพี่แพทโดนด่าแบบต๊อด พี่แพทต้องร้องไห้แน่ๆ คิดแล้วก็แอบเหลือบมองต๊อด ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าต๊อดแข็งแกร่งมาก นอกจากไม่ร้องไห้แล้วยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงคุณครูพี่มินด้วย

สุดยอดเลย

“ไม่ต้องแอบมองเลย รายต่อไปที่จะโดนดุก็คือพี่แพทนั่นแหละ” ตลอดมาพี่แพทเอาแต่คิดถึงและอยากเจอคุณครูพี่มิน มีครั้งนี้แหละที่ไม่อยากได้ยินแม้แต่เสียง

“ก็พากลับมาโดยสวัสดิภาพแล้วนี่ไง มึงจะอะไรนักหนาวะมิน”

“แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทางล่ะ”

“ก็ไม่เห็นจะมีอะไรนี่หว่า มึงน่ะคิดมากไปเอง”

“ใช่ กูคิดมาก เพราะกูห่วงน้อง กูห่วงมึงไง กูผิดใช่มั้ย”

“กูขอโทษ กูจะไม่ทำอีก พอใจยัง”

“มึงไม่ได้สำนึกผิดเลยต๊อด”

“ก็มึงเอาแต่ด่ากู จะเอาเวลาที่ไหนไปสำนึกวะ เอาเป็นว่าคราวหลังกูจะไม่ทำเรื่องเสี่ยงๆ แบบนี้อีก ยกโทษให้กูเถอะ เลิกด่ากูซักที แค่แม่ด่ากูคนเดียวกูจะประสาทแดกแล้ว นี่ยังต้องมาฟังมึงด่าอีก”

“ถ้ามึงทำตัวดีๆ ใครจะด่ามึง”

“แล้วด่ากูพอยัง กูอยากกลับบ้าน” คำพูดของต๊อดเชื่อไม่ได้ มันไม่ได้อยากกลับบ้านหรอก ก็แค่พูดไปอย่างนั้นเพื่อหาทางออกไปจากบรรยากาศครุกรุ่นนี้ต่างหาก

“ใส่หมวกกันน็อคด้วย”

“ครับพ่อ” ต๊อดยกมือไหว้ท่วมหัวด้วยท่าทางกวนๆ ให้มินยกกเท้าถีบไปทีก่อนเจ้าตัวจะวิ่งออกจากบ้านไป

พอต๊อดไป พี่แพทก็รู้สึกถึงความหนาวเหน็บที่กำลังลุกลามไปทั่วร่างทั้งที่ตอนนี้บนท้องฟ้ายังมีแสงของพระอาทิตย์อยู่







เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อ 1 ชั่วโมงก่อน ขณะที่พี่มินนั่งทำการบ้านอยู่ในห้องนอนพี่แพทอย่างตั้งอกตั้งใจ อยู่ๆ ต๊อดก็โผล่หน้าผ่านกรอบประตูห้องเข้ามาแล้วกวักมือเรียกให้พี่แพทตามออกจากบ้านไป

ไถ่ถามก็ได้ความว่าปีนกำแพงเข้ามาก่อนจะอ้อมไปเข้าประตูหลัง เดินไปรอบๆ นานทีเดียวกว่าจะเจอห้องนอนพี่แพท

เดินกันมาได้ไม่นานก็พบกับรถมอเตอร์ไซค์ถูกจอดเอาไว้ในสวนสาธารณะของหมู่บ้าน

ต๊อดช่วยใส่หมวกกันน๊อคของผู้ใหญ่ที่ไม่กระชับหัวพี่แพทซักนิดก่อนจะอุ้มขึ้นนั่งข้างหน้าตน

รถมอเตอร์ไซค์วิ่งไปเรื่อยๆ ในตอนแรกและค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้นจนลมตีหน้าจนชาไปหมด แค่ก็สนุกและตื่นเต้นดี

ถึงกระนั้นก็ไม่ตื่นเต้นเท่ากับตอนที่รถจอดหน้าบ้านแล้วพบคุณครูพี่มินยืนตีหน้ายักษ์รออยู่







“ไม่ต้องมาทำหน้าสำนึกผิดเลย” มินว่าทั้งที่อารมณ์ฉุนเฉียวยังไม่ลดลงซักนิดพลางคว้ามือน้องแล้วจูงให้เดินตามเข้าบ้าน

“พี่แพทสำนึกผิดแล้ว พี่แพทขอโทษ”

“ถ้ารู้ว่าต้องขอโทษก็อย่าทำให้โกรธตั้งแต่แรกสิ”

“ต๊อดแหละ บุกเข้าบ้างมาชวงพี่แพท”

“แล้วเขาบังคับให้เราไปด้วยมั้ยล่ะ”

“เปล่า” ต๊อดไม่ได้บังคับ และเป็นพี่แพทเองที่เดินตามต๊อดไปอย่างง่ายดาย

“อย่าโทษคนอื่น”

“ก็ต๊อด...”

“ถ้างั้นพี่แพทก็โทษพี่มินด้วยเลยสิ พี่มินเป็นคนทำให้พี่แพทรู้จักกับต๊อดนะอย่าลืม”

“ไม่ คุงคูพี่มิงไม่ผิด พี่แพทเอง พี่แพทไม่เชื่อฟังคุงคูพี่มิง ก็พี่แพทน่ะอยากขี่มอเตอร์ไซค์มากๆ เลยนี่นา”

“หมายความว่าพี่แพทไม่เชื่อพี่มินใช่มั้ย” ที่สัญญาว่าจะเป็นคนพาขี่มอเตอร์ไซค์เอง

“ไม่ใช่นะ พี่แพทเชื่อคุงคูพี่มิง แต่ว่า...”

“พี่มินโกรธมาก”

“พี่แพทขอโทษ คุงคูพี่มิงไม่เอาไม่โกรธนะ”

“เมื่อกี้คุณแม่พี่แพทโทรมา บอกว่ากำลังจะกลับบ้าน ถ้าคุณแม่พี่แพทกลับมาเมื่อไหร่พี่มินจะกลับบ้านทันที”

“ไม่เอาดิ ยังไม่ถึงเวลากลับบ้างเลย พี่แพทไม่ให้คุงคูพี่มิงกลับนะ”

มินไม่ตอบโต้ ไม่แม้แต่ชายตามองเด็กน้อยที่เดินตามเขาเข้ามาในห้อง มองแผ่นหลังของคุณครูที่กำลังโกรธจัด มองมือเรียวกำลังเก็บของเข้ากระเป๋า

ใบหน้าเด็กน้อยเริ่มบิดเบ้ น้ำใสคลอในดวงตา ขาสั้นๆ ก้าวเข้าไปหยุดใกล้ๆ คุณครูพี่มินก่อนมือเล็กจะยื่นไปคว้าข้อมืออีกฝ่ายไว้

“คุงคูพี่มิง” มินเหลือบมองใบหน้าน่ารักที่กำลังเศร้า และเขาเกือบใจอ่อนแล้ว

ไม่ ไม่เด็ดขาด ถ้าเกิดยังตามใจน้องแพทแบบนี้ก็มีแต่จะส่งผลเสีย

“พี่แพทจะไม่ตามต๊อดไปอีกแล้ว อย่าโกรธพี่แพทเลยนะครับ”

มือที่สัมผัสแค่แตะๆ เปลี่ยนเป็นบีบเอาไว้ บอกผ่านดวงตาแม้คนตัวโตจะไม่หันมามองว่า ‘คุงคูพี่มิงอย่าไปเลย อย่าทิ้งพี่แพทไปเลยนะ’ แต่น่าเสียดายที่มินมองไม่เห็น ถึงกระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้

“ต้องทำยังไงคุงคูพี่มิงถึงจะหายโกรธพี่แพทคร้าบ” มินใจอ่อนแล้ว อยากดึงน้องเข้ามากดไว้ให้จมอกแต่ก็ต้องข่มออารมณ์แสร้งทำเป็นไม่สนใจ

มือเล็กๆ ของน้องแพทถูกแกะออก มินสะพายกระเป๋าก่อนเดินออกจากห้องมานั่งที่ห้องรับแขก โดยมีเจ้าตัวเล็กปีนขึ้นมานั่งบนโซฟาข้างๆ กัน

น้ำใสไหลรินรดสองข้างแก้ม มินเหลือบมองเพราะเสียงสะอื้นที่ดังแว่วมา

อยากยื่นมือไปช่วยเช็ดน้ำตา แต่...ไม่เด็ดขาด ถ้าใจอ่อนตอนนี้ล่ะก็สิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็เท่ากับสูญเปล่า

“คุงคูพี่มิง พี่แพท ฮึก” เสียงสะอื้นที่ดังอยู่ใกล้ๆ ทำให้รู้สึกเจ็บเหมือนโดนปาตัวหิน

ความรักนี่มันน่ากลัวจริงๆ ยิ่งเป็นความรักที่เกิดจากใจอันบริสุทธิ์ยิ่งเปราะบางจนน่ากลัวว่ามันจะพังทลายเพียงเพราะสายลมวูบหนึ่งที่พัดผ่านมา

“พี่แพทจะไม่ดื้อแล้ว จะเชื่อฟังคุงคูพี่มิงทุกอย่างเลยนะ อย่าโกรธพี่แพทเลยนะฮะ” น้องขยับขึ้นยืนด้วยเข่า โอบกอดรอบคอคนตัวโตไว้พลางซบหน้าลงบนไหล่ น้ำอุ่นๆ ที่ยังคงไหลรินจากดวงตากลมซึมลงบนเสื้อตัวบาง ให้มินสัมผัสกับความชุ่มชื้นอันหนาวเหน็บ

ทั้งที่น้องรักเขาขนาดนี้ แต่เขากลับเป็นคนทำให้น้องร้องไห้เสียเอง

ช่างแม่งแล้ว ถ้าสิ่งที่ทำไปทั้งหมดต้องสูญเปล่าก็ช่างมัน

“กลับมาแล้วจ้า” หากในยามที่กำลังเอื้อมมือเพื่อสัมผัสน้องนั้นเสียงของคุณแม่ก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

มินชะงักกึก เรียกสติแล้วรีบเบือนหน้าหนีก่อนน้องจะละสายตาจากเจ้าของเสียงมามองเขา

“พี่แพทร้องไห้ทำไมคะลูก” คนถูกถามใช้หลังมือเช็ดน้ำตาป้อยๆ ขณะผละออกห่างคุณครูพี่มิน หากก็ยังมองมาด้วยสายตาละห้อยเหมือนลูกหมาที่ถูกดุ

“พี่แพทเปล่าร้องนะฮะคุงแม่ พี่แพทไม่ได้ทำให้คุงคูพี่มิงโกรธจริงๆ นะฮะ”

คนถูกกล่าวถึงหันมายิ้มแหย บอกลาแล้วจึงเดินออกจากห้องรับแขกมา หากในขณะที่กำลังสวมรองเท้าอยู่นั้นเสียงคุณแม่น้องแพทก็ดังมาจากด้านหลังให้ต้องหมุนตัวกลับไปมอง

มินเล่าทุกอย่างให้ฟัง แน่นอนว่าเขารู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด เอ่ยขอโทษอยู่หลายครั้งหากคุณแม่ของน้องแพทกลับเอาแต่ยิ้มและพูดว่าไม่เป็นไร ดีแล้วที่ลงโทษน้องแพทซะบ้าง

“ที่น้องแพทเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของแม่ พวกเราไม่ค่อยมีเวลาก็เลยปล่อยเอาไว้กับพี่เลี้ยง แม่ไม่รู้เลยว่าพวกเขาเลี้ยงตาแพทยังไง รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นเด็กอย่างที่มินเห็นนี่แหละ”

“น้องแพทเป็นเด็กดีนะครับแม่”

“งั้นเหรอ ดีจังที่มินคิดอย่างนั้น แม่กลัวนะ กลัวว่าเราจะทนความดื้อรั้นของเด็กคนนั้นไม่ไหว แล้วทิ้งเขาไป ตาแพทน่ะชอบมินมากเลย รู้ใช่มั้ย”

มินเองก็ชอบน้องแพทมากเหมือนกัน ก็ตั้งแต่ได้เจอน้อง ชีวิตประจำวันของมันก็มีแต่เรื่องสนุกให้ทำตลอดเลย

ทั้งคู่ต่างได้รับจากอีกฝ่ายอย่างเต็มที่

“มินรู้ใช่มั้ยว่าสถานการณ์ของพ่อกับแม่ไม่ค่อยดีนัก”

ถึงมินจะไม่ตอบแต่ก็รับรู้ด้วยแววตาวูบไหวชั่วขณะหนึ่งนั้น ในคืนนั้นถึงแม้จะไม่ได้ยินทั้งหมดแต่ก็พอจับใจความได้ว่าทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรงพอสมควร และหากปล่อยไว้แบบนี้สุดท้ายคนที่จะได้รับผลกระทบที่สุดก็คงไม่พ้นน้องแพท

“ในระหว่างที่แม่กำลังพยายามยื้อครอบครัวไว้ แม่ฝากมินดูแลน้องได้มั้ย”

ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธเลย

มินพยักหน้าทันที อาจเพราะไม่เคยมีน้องชาย ไม่เคยอยู่ในสถานะที่ตนสามารถเป็นที่พึ่งของเด็กได้ พอถูกมอบหมายให้ทำจึงรู้สึกฮึกเหิมอย่างที่สุด

หากเขารักษารอยยิ้มและเสียงหัวเราะของน้องแพทเอาไว้ได้ตลอดไปคงเป็นเรื่องที่ดีมากทีเดียว







โรงเรียนเลิกแล้ว เพื่อนคนอื่นค่อยๆ ทยอยกลับบ้านเมื่อคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองมารับ บ้างก็กลับพร้อมรถโรงเรียน สุดท้ายก็เหลือแค่น้องแพทกับคุณครูพี่อรที่นั่งอยู่หน้าโรงเรียนอย่างที่เคยเป็น

พระอาทิตย์กำลังจะตก ท้องฟ้าฉาบด้วยสีส้มและมันก็ค่อยๆ จากไปก่อนจะถูแทนทีด้วยความมืดมนชวนให้รู้สึกเหงาะ

“ถ้าคุงคูพี่มิงไม่มารับพี่แพทจะทำไงอะคุงคูพี่ออง” เด็กน้อยว่าด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย มองคุณครูสาวด้วยสายตาละห้อยน่าสงสาร

“ทำไมจะไม่มาล่ะคะ ถ้าพี่มินไม่มา พี่มินต้องโทรมาบอกคุณครูพี่อรแล้วสิ”

“คุงคูพี่มิงโกรธพี่แพทอะสิ”

“แล้วไปทำอะไรให้พี่มินโกรธครับ”

“เมื่อวาน ต๊อดขี่มอไซมา แล้วพี่แพทอยากขี่ด้วยแต่ว่าคุงคูพี่ไม่ให้ขี่ บอกว่ามันอังตราย แต่พี่แพทแอบหนีออกไปกับต๊อด”

“แล้วพี่แพทคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำเนี่ยผิดมั้ยครับ”

“ผิดครับ” เจ้าตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงัก “พี่แพทขอโทษคุงคูพี่มิงแล้วแต่คุงคูพี่มิงไม่ยอมยกโทษให้ พี่แพทถูกเกลียดแล้วแน่เลย”

พี่แพทไม่อยากถูกพี่มินเกลียดเลย

“พี่แพทคิดว่าพี่มินจะเกลียดพี่แพทลงเหรอ”

“พี่แพทไม่รู้ คุงคูพี่มิงใจดีกับพี่แพทมากเลย แต่ว่าพี่แพทเป็นเด็กไม่ดี บางที บางทีนะคุงคูพี่มิงอาจจะทิ้งพี่แพทไปเหมืองคงอื่นๆ ก็ได้”

“ทีหลังก็อย่าดื้อสิครับ”

เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังจากข้างหลัง น้องแพทรีบหมุนตัวกลับไปมอง ตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว ไฟถนนที่เปิดอยู่ด้านหลังสาดเข้าใส่คุณครูพี่มินทำให้มองหน้าไม่ชัดนัก แต่นั่นไม่ใช้ปัญหา เพราะแค่ฟังเสียงที่อบอุ่นขึ้นกว่าเมื่อวานก็รู้แล้วว่าคุณครูพี่มินหายโกรธพี่แพทแล้ว

“ขอโทษนะครับพี่อร มินมีงานที่ต้องทำที่โรงเรียน ปลีกตัวออกมาไม่ได้เลย แถมแบตมือถือยังหมดอีก” มินหันไปบอกเจ้าของความใจดีที่ฉายชัดบนใบหน้าคมอย่างสาวไทยแท้

“ไม่เป็นไร พี่ไม่ลำบาก สาวโสดทำงานอยู่ที่โรงเรียนทั้งวันยันโต้รุ่งยังได้เลย แต่เจ้าคนนี้น่ะสิ กังวลจนไม่เป็นอันทำอะไรเลย เอาแต่บ่นว่าถูกคุณครูพี่มินเกลียดแล้วแน่ๆ เลย”

“ก็คุงคูพี่มิง...”

“แน่ะ!” เด็กช่างจ้อหุบปากฉับเมื่อถูกปรามไม่ให้พูดขณะผู้ใหญ่กำลังคุยกัน

“พาน้องกลับบ้านเถอะ หรือจะรอแม่”

“ไม่ล่ะครับ แม่กลับดึก”

“ใกล้สอบแล้วก็งี้ล่ะ กลับบ้านดีๆ นะเด็กๆ”

“ขอบคุณพี่อรอีกครั้งนะครับ”

“ขอบคุงคุงคูพี่อรนะคร้าบที่อยู่เป็งเพื่องพี่แพท ขอบคุงคร้าบ” แม้จะแสบ ซน ดื้อรั้นในบางครั้งแต่น้องแพทก็เป็นเด็กมารยาทดีมาก ในบรรดาพี่เลี้ยงที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนมาดูน้องก็คงมีคนที่ดีมากๆ อยู่ด้วยแน่ๆ

สำหรับมิน เขาอาจจะไม่ใช่พี่เลี้ยงที่ดีนัก แต่ก็คงไม่ถูกจัดอยู่ในโหมดพี่เลี้ยงที่น้องแพทไม่ชอบหรอกมั้ง

“คุงคูพี่มิง พี่แพท...” มือเล็กเอื้อมจับมือเรียวของคนตัวโตให้มินก้มลงมามองก่อนนั่งลงตรงหน้า

“ว่าไงครับ” รอยยิ้มอ่อนโยนที่ได้รับทำให้เจ้าตัวเล็กใจชื้นขึ้นมาพร้อมกับน้ำใสในดวงตาเหือดแห้งไป

“เกลียดพี่แพทมั้ย”

“ทำไมต้องเกลียด”

“ก็เมื่อวานพี่แพท...”

“พี่มินแค่โกรธไม่ได้เกลียดซักหน่อย ใครจะเกลียดพี่แพทได้ล่ะ ฮึ”

“พี่แพทขอโทษแล้วแต่คุงคูพี่มิงก็หนีกลับบ้างไปเลย พี่แพทกลัวมากเลยนะ กลัวคุงคูพี่มิงจะไม่กลับมาหาพี่แพท กลัวจะไม่ได้เจออีก ถ้าไม่เจอคุงคูพี่มิง พี่แพทไม่เอานะ จะอยู่ด้วยกังตลอดไป”

แค่คิดว่าอาจจะไม่ได้เจอกันอีกน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม เหมือนเมื่อคืนที่น้องแพทนอนร้องไห้จนหลับไป

“ไม่เอาไม่ร้องสิ พี่มินก็อยู่ตรงนี้แล้วไง” มินกุมมือเล็กมาวางไว้บนแก้มตนแล้วมองเข้าไปในดวงตาน้อง ก่อนใช้มืออีกข้างกุมใบหน้าน่ารักเอาไว้ พลางเช็ดคราบน้ำตาที่เปื้อนข้างแก้มด้วยนิ้วตน “เห็นมั้ยพี่มินอยู่ตรงนี้ไม่ได้หายไปไหนเลย”

“พี่แพทจะไม่ดื้ออีกแล้วนะ คุงคูพี่มิงก็อย่าโกรธพี่แพทอีกนะ”

“ไม่รับปากได้มั้ย”

“ทำไมอะ ไม่เชื่อพี่แพทเหรอ พี่แพทจะไม่ดื้อแล้วจริงๆ นะ จะเชื่อฟังคุงคูพี่มิงทู้กอย่างเลย”

“ไม่สัญญาว่าจะไม่โกรธครับ”

“โหยไรอะ พี่แพทจะเป็นเด็กดีแล้วจริงๆ นะ จะไม่ไปเที่ยวกับต๊อดแล้ว ถ้าไม่มีคุงคูพี่มิง พี่แพทจะไม่ไปกับต๊อดแล้ว เชื่อซี่ เชื่อเถอะนะ”

“ก็ได้”

“เชื่อพี่แพทแล้วเหรอ”

“อื้อ” มินพยักหน้า ไม่รู้หรอกว่าเด็กนี่เชื่อใจได้แค่ไหน แต่เชื่อว่าหลังจากเรื่องนี้น้องคงเข็ดไปสักพัก

“เชื่อพี่แพทแล้วจริงๆ นะ”

“เชื่อแล้วครับ”

“คุงคูพี่มิงน่ารักที่สุดเลย ขอหอมแจ้มหน่อย”

“ไม่เอา” มินส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงให้เจ้าตัวเล็กแหงนหน้ามองด้วยสายตาสงสัยใครรู้ ปกติคุณครูพี่มินใจดีจะตาย ขอหอมก็ให้หอม แต่คราวนี้กลับปฏิเสธกันซะอย่างนั้น

คุณครูพี่มินน่ะต้องไม่รักพี่แพทแล้วแน่ๆ เลย

“ไม่รักพี่แพทแล้วเหรอ”

“รักสิครับ”

“ถ้ารักก็ต้องให้หอมแก้มสิ”

“รักครับแต่ไม่ให้หอมแก้ม”

“ถ้ารักก็ต้องให้หอมแก้มสิ” น้องยังยืนยันคำเดิม มินเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้

“ใครสอนว่าการหอมแก้มหมายถึงรัก”

“พี่เลี้ยงงายแต่พี่แพทจำไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไร”

“ถ้าอย่างนั้นพี่แพทจำคำพี่มินนะ” มินโน้มตัวลงไปบอกน้องใกล้ๆ พลางยื่นมือไปจับมือเล็กพาให้เดินตามกันมาตามทางเดินเท้าสลัวๆ “ความรักน่ะไม่ต้องแสดงออกด้วยการสัมผัสกันก็ได้”

“แต่พี่แพทชอบให้สัมผัสนะมังอุ่งดี เหมืองกอดเลย แต่ว่าตอนนี้ไม่ค่อยมีใครกอดพี่แพท ไม่มีใครอ่างนิทางให้ฟังก่องนองด้วย”

มินส่งพี่แพทเข้านอนเกือบทุกคืนและหลังจากคืนที่เด็กน้อยรู้ว่าเขาเล่านิทานไม่เป็น พี่แพทก็ไม่เคยร้องขออีกเลย และคงเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยได้รับความรักจากคุณพ่อคุณแม่ด้วยล่ะมั้งถึงได้ติดเขาแจขนาดนี้

“งั้นคืนนี้พี่มินเล่านิทานให้พี่แพทฟังก่อนนอนดีมั้ย”

“คุงคูพี่มิงเล่าไม่เป็งนี่นา จะเล่าได้งายอะ”

“ได้ก็แล้วกันน่า ไม่เชื่อเหรอ”

“พี่แพทเชื่อคุงคูพี่มิงทุกอย่างเลยนะ”

“ดีครับ งั้นมากอด” มินนั่งลงบนเก้าอี้ตรงป้ายรถเมล์พลางอ้าแขนออก แต่ดูเหมือนเขาจะอ้าแขนเก้อซะแล้วสิ เมื่อน้องแพททำเพียงยืนดูเฉยๆ ไม่ยอมถลาเข้ามาซุกอกเหมือนครั้งก่อนๆ

“ไหนคุงคูพี่มิงบอกว่าความรักไม่ต้องสัมผัสก็ได้งาย”

“ไม่อยากกอดพี่มินเหรอ”

สิ้นคำเจ้าตัวเล็กก็ถลาเข้ามากอดอย่างเคย ใบหน้าน่ารักซุกซบที่อกบาง ความอบอุ่นโอบล้อมคนที่เคยเป็นคนแปลกหน้าสำหรับกันและกันเอาไว้

ดีจังเลยน๊าที่คุณครูพี่มินไม่เกลียดพี่แพท







“มานั่งนี่มา” นั่งรถเมล์มาแค่ป้ายเดียวผู้โดยสารก็ขึ้นมาจนเต็มรถ ด้วยความที่เหนื่อยมาทั้งวันและไม่มีแรงจะไปเบียดกับใคร มินจึงเรียกน้องแพทให้ขยับมานั่งบนตักเพื่อคนอื่นจะได้นั่งด้วย

“คุงคูพี่มิงหนักมั้ย”

“กินข้าวกลางวันบ้างหรือเปล่าเนี่ย ตัวเบามากเลย”

“วังนี้พี่แพทกิงข้าวไม่ลงเลย”

“ทำไมล่ะครับ” มินขยับเข้าไปถามใกล้ๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาด้วยกลัวว่าเสียงพูดคุยของตนกับน้องจะไปรบกวนคนอื่นเขา

“คุงคูพี่มิงโกรธพี่แพทนี่นา จะกิงข้าวลงได้งาย เนี่ย ถ้าคุงคูพี่มิงโกรธพี่แพทบ่อยๆ พี่แพทก็จะกลายเป็นเด็กผอม ไม่น่ารัก”

“ใครบอกว่าเด็กผอมไม่น่ารักครับ”

“พี่เลี้ยงงาย ตอนที่บอกให้พี่แพทกิงข้าว พี่เลี้ยงบอกว่าเด็กผอมไม่น่ารัก คุงพ่อคุงแม่จะไม่รัก”

“พี่มินก็ผอมนะ งี้ก็แปลว่าพี่มินไม่น่ารักน่ะสิ”

“น่ารักซี่ คุงคูพี่มิงน่ารักที่สุดเลยนะ”

“จำเอาไว้นะครับ ความน่ารักไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปร่างหน้าตาหรอก ขึ้นอยู่กับนิสัยต่างหาก”

“แล้วพี่แพทนิสัยน่ารักมั้ย”

“น่ารักดีมั้ยนะ”

“น่ารักซี่ พี่แพทยังบอกว่าคุงคูพี่มิงน่ารักเลย คุงคูพี่มิงก็ต้องบอกว่าพี่แพทน่ารักด้วยซี่”

“แบบนี้ก็ได้ด้วย”

“ได้ซี่ เหมือนเวลาที่พี่แพทให้น้องแป้งหอมยืมสีไม้ไง พอพี่แพทยืมของน้องแป้งหอมบ้างน้องแป้งหอมก็ให้ยืมนะ”

มินคิดตามแต่ก็ไม่สนใจที่จะตอบคำถาม เพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เขาจึงหลับตาลงทั้งที่น้องยังคงมองมาเพื่อรอคอยคำตอบ

“คุงคูพี่มิงไม่ตอบคำถามพี่แพทเหรอ”

“แปะโป้งไว้ก่อน” สัมผัสอุ่นๆ ของนิ้วโป่งประทับลงบนแขนเล็ก

“คุงคูพี่มิงหลับแล้วเหรอ”

“ขอนอนแป๊บนึงนะ”

“แล้วจะตื่นตอนไหน”

“ตอนถึงบ้าน”

“แล้วหลับอย่างนี้จะรู้ได้ไงอะว่าถึงบ้างแล้ว”

“เชื่อใจพี่มินสิครับ” มินว่าเสียงแผ่วเต็มทนพลางดันหัวน้องให้แนบไปอกตน กระชับแขนที่กอดเอวเล็กเพื่อให้นั่งได้สบายทั้งสองฝ่าย

ที่จริงพี่แพทแอบกังวลอยู่หน่อยๆ ล่ะ คุณครูพี่มินเอาหัวแนบกับหน้าต่างรถแล้วหลับไปแบบนี้จะรู้ได้ไงว่ารถเมล์ถึงป้ายที่ต้องลง แต่เมื่อกี้คุณครูพี่มินบอกให้เชื่อใจ และแม้จะกังวลใจแต่ก็ต้องเชื่อใจใช่มั้ยล่ะ

บางครั้งแค่ความเชื่อใจอย่างเดียวคงไม่พอ

พี่แพททอดสายตามองไปนอกหน้าต่าง เพื่อช่วยดูอีกแรงว่าใกล้จะถึงบ้านเราหรือยัง

ตื่นเต้นจังเลยน๊า







คุณครูพี่มินเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารักและแสนมหัศจรรย์ พอใกล้จะถึงป้ายที่ต้องลงก็ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างง่ายดาย พี่แพทนี่อึ้งไปเลย ขณะที่กำลังนึกชื่มชม ตัวก็ลอยขึ้นสู่อ้อมแขนอันอบอุ่นของคนตัวสูงกว่า คุณครูพี่มินเดินไม่กี่ก้าวเราก็ลงมายืนบนฟุตบาธแล้ว

“คุงคูพี่มิงทำได้ไงอะ” พี่แพทถามพลางกระชับกอดที่คอคุณครูพี่มิน

“เก่งไง”

“หูย คุงคูพี่มิงเก่งที่สุดเลย เก่งกว่าพี่เลี้ยงคงก่องๆ อีกนะ”

“เคยนั่งรถเมล์มาก่อนเหรอ”

“เคยซี่ แต่พี่เลี้ยงไม่ให้บอกคุงแม่ บอกให้เก็บเป็นความลับ แต่กับคุงคูพี่มิง พี่แพทไม่อยากมีความลับด้วยหรอกนะ”

“งั้นเรื่องนี้ก็เป็นความลับของเราสิ”

“ช่าย คุงคูพี่มิงอย่าบอกคุงแม่นะ”

“บอกดีมั้ยน๊า”

“ไม่เอา” มือเล็กยื่นมาปิดริมฝีปากสีสดของคุณครูพี่มินเอาไว้พลางส่ายหน้ารัวๆ

มองหน้าหยั่งเชิงกันอยู่นานทีเดียวกว่าเจ้าตัวเล็กจะยอมชักมือกลับ

“ทำไมถึงบอกไม่ได้ล่ะ”

“ความลับไง พี่เลี้ยงบอกว่าถ้าพี่แพทบอกคุงแม่ พี่แพทจะโดนดุ ไม่เอาด้วยหรอก เวลาคุงแม่ดุน่ากลัวมากเลย แล้วพี่แพทก็ร้องไห้ด้วย พี่เลี้ยงบอกว่าตอนร้องไห้ไม่หล่อ พี่แพทไม่อยากร้องไห้” แต่เมื่อวานกับวันนี้ก็ร้องไห้เพราะคุณครูพี่มินไปเยอะเลย

ก็จริงที่ว่าเด็กเปรียบเสมือนผ้าขาวให้ผู้ใหญ่อย่างเราแต่งแต้มสีสันต่างๆ ลงไป ถ้าฝีมือดีผ้าขาวก็จะมีลวดลายที่สวยงามน่ามอง แต่ถ้าฝีมือห่วยคงไม่ต้องบอกว่าผ้าขาวจะมีสภาพเป็นอย่างไร

อย่างน้องแพท มินไม่รู้ว่าที่ผ่านมาน้องเรียนรู้อะไรจากพี่เลี้ยงคนก่อนๆ บ้าง และเด็กน้อยก็หัวดีจำทุกเรื่องราวได้อย่างแม่นยำเสียด้วย

อาจจะไม่ได้บอกเล่าเป็นคำพูด แต่การแสดงออกหลายๆ อย่างก็บอกด้วยตัวมันเองแล้วว่าน้องช่างจดจำ

มีหรือที่เด็กช่างจดจำเช่นนี้จะไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์คนที่อยู่ด้วยกันทุกๆ วันในยามที่พวกเขาหายไป ทุกครั้งที่มีการจากลา ไม่ว่าพี่เลี้ยงคนนั้นจะดีหรือร้าย มินมั่นใจว่าน้องแพทก็คงรู้สึกเศร้า ไม่มากก็น้อย

เด็กน่ะอ่อนไหวจะตาย ขึ้นอยู่ที่ว่าเขาจะแสดงออกมาหรือเปล่าก็เท่านั้น







พวกเรากลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยดี

อาหารเย็นถูกเตรียมเอาไว้แล้ว เหลือแค่อุ่นนิดหน่อยก็พร้อมรับประทาน

พี่แพทวางกระเป๋าไว้บนโซฟาข้างๆ กระเป๋าของคุณครูพี่มินก่อนเดินตามเจ้าของขายาวเข้าไปในครัว ปีนขึ้นไปนั่งรอบนเก้าอี้ เท้าคางมองคนที่กำลังอุ่นอาหารอย่างคล่องแคล่วด้วยความเพลินเพลิน

ถ้าโตขึ้น พี่แพทเก่งอย่างพี่มินก็คงดี

“มองอะไรครับ”

“มองคุงคูพี่มิง” แน่นนอนว่าพี่แพทไม่ได้โกหกเลยแม้แต่น้อย มองก็บอกว่ามอง

“หิวรึยัง”

“หิวมากๆ เลย” พอน้องว่าอย่างนั้นพลางลูบท้องป้อยๆ อย่างคนหิวโซที่ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน ไม่สิ ต้องบอกว่ากินไม่ลงถึงจะถูก มินก็ยกอาหารที่เพิ่งอุ่นเสร็จมาเสิร์ฟ ตักข้าวแค่พอดีแล้วนั่งลงตรงข้ามเพื่นกินข้าวเย็นด้วยกัน

พักหลังมานี้มินกินข้าวเย็นกับน้องแพทบ่อยกว่ากินข้าวกับแม่เสียอีก รวมถึงพูดคุยกันมากกว่าด้วย

ปกติแล้วมินก็ไม่ค่อยได้คุยกับแม่นัก แต่พักหลังมานี้ยิ่งแทบจะไม่ได้คุยกันเลย บ่อยครั้งที่แอบสงสัยว่าแม่คิดกับตนอย่างไร หรือแม่กำลังมีความลับอะไรอยู่กันแน่

“คุงคูพี่มิงไม่กิงเหรอ ไส้กรอกอร่อยมากๆ เลย ถ้าไม่รีบกิงพี่แพทกิงหมดก่องไม่รู้ด้วยนะ” ถึงแม้จะว่าอย่างนั้นแต่มือเล็กๆ ก็ใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกของโปรดแล้ววางลงบนจานคุณครูพี่มินอย่างยากลำบาก แพราะมีตัวป้อมๆ เป็นอุปสรรค

มินตักไส้กรอกที่อัดแน่นไปด้วยน้ำใจเข้าปาก พลางมองหน้าเจ้าตัวเล็กที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ไม่พูดไม่จาซักคำ

สังเกตมาสักพักแล้ว น้องแพทเป็นเด็กมารยาทดีมาก แม้กระทั่งมารยาทบนโต๊ะอาหารเจ้าตัวก็รักษามันได้เป็นอย่างดี ยามเคี้ยวข้าว น้องก็จะเคี้ยวเบาๆ ยามมีอาหารอยู่ในปากก็ไม่เคยปริปากพูดเลย เมื่อกินเสร็จก็ดื่มน้ำตามแล้วใช้ผ้าเช็ดปากเบาๆ

น้องแพทเนี่ย บางทีก็เป็นเด็กแสบ บางครั้งก็เป็นเด็กดื้อ ถึงกระนั้นก็เป็นเด็กดีมากทีเดียว

คงจะดีถ้าได้เฝ้ามองน้องค่อยๆ เติบโตขึ้นตลอดไป

ถ้าเป็นพี่น้องที่ได้อยู่ด้วยกันจริงๆ ก็คงดี




[TBC]

ตอนสุดท้ายก่อนจะหายไปแบบยาวๆ เลย
ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ
สงสัยล่ะสิว่าจะหายไปไหน 555 หายไปแต่ไม่ทิ้งค่ะ
หายไปเขียนพี่แพทกับคุณครูพี่มินให้จบแล้วค่อยกลับมาเจอกันแบบยาวๆ เลย
รอพี่แพทหน่อยน๊า
 :katai5:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 6 {Up.220318}
« ตอบ #19 เมื่อ: 23-03-2018 23:05:24 »





ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 6 {Up.220318}
«ตอบ #20 เมื่อ24-03-2018 04:07:16 »

รอตอนต่อไปนะคะ น้องแพทน่ารักมาก คุงครูพี่มินก็น่าร๊ากกก อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจจังเลย  :man1:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 6 {Up.220318}
«ตอบ #21 เมื่อ24-03-2018 04:37:03 »

บาย บาย พี่มิน พี่แพท แล้วรีบ ๆ กลับมานะ  :bye2:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 6 {Up.220318}
«ตอบ #22 เมื่อ29-04-2018 16:03:10 »

พี่แพทน่ารักกกกก รอตอนต่อไปนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 7 {Up.100718}
«ตอบ #23 เมื่อ10-07-2018 16:33:07 »

คุณครูพี่มิน 7
[/color]


“ต๊อดไปเที่ยวบ้างพี่แพทมะ?”

“ไม่เอาอะ ขี้เกียจ”

“ขี้เกียจทำไมอะ ไม่ได้เดินไปซักหน่อย” มินถึงกับหลุดขำให้กับความใสซื่อที่แสดงออกทั้งทางสีหน้าและน้ำเสียงของเจ้าตัวเล็ก ต่างกับต๊อดที่กำลังคิดว่าเด็กนี่โคตรกวนโอ้ย

“ต๊อดเรียนเหนื่อยไง อยากกลับบ้านไปนอน”

“คุงคูพี่มิงไม่เห็นเหนื่อยเลย เรียงชั้งเดียวกังจริงป่ะต๊อด”

“ก็คุณครูพี่มินของพี่แพทเรียนเก่งนี่ ไม่ต้องพยายามอะไรก็เก่งแล้ว”

“แน่นองอยู่แล้ว คุงคูพี่มิงของพี่แพทเก่งที่สุดในโลกเลย”

“อวยกันเข้าไป”

“อวยคือไรอะต๊อด คุงคูพี่มิงอวยคือไร พี่แพทไม่เคยได้ยินเลย” เอาอีกแล้ว

“อวยคือชมจนออกนอกหน้า”

“ออกนอกหน้าคืออะไรอะ พี่แพทไม่เข้าใจอยู่ดี” เด็กน้อยมุ่นคิ้วอย่างที่มักแสดงออกยามได้ยินศัพท์ที่ตนไม่คุ้นเคย นั่นทำให้พี่แพทดูเป็นเด็กขี้สงสัยขึ้นมาทันที และเด็กขี้สงสัยเนี่ยจะไม่มีทางเลิกถามเลยหากไม่ได้คำตอบที่ตนพอใจ

“ก็คือชม ชมมากๆ ชมเกินจริง” และต๊อดคนที่ไม่เคยตอบอะไรได้อย่างใจพี่แพทซักครั้งก็ตอบแบบขอไปที แน่นอนว่าเรื่องมันจะไม่จบ

“ไม่นะ คุงคูพี่มิงของพี่แพทเก่งจริงๆ ไม่ได้อวยซักหน่อย ต๊อดอิจฉาเหรอ ถ้าอยากให้พี่แพทชมก็ต้องขยังๆ เรียงหนังสือนะ เข้าใจป่ะต๊อด”

คนถูกเด็กสั่งสอนถึงทำชักสีหน้าไม่พอใจ เอาเข้าไปสิชีวิตต๊อด พ่อก็ด่า แม่ก็บ่น เพื่อนก็ไม่รักและตอนนี้ยังโดนเด็กสั่งสอนอีก สงสัยต้องเข้าวัดทำบุญถวายสังฆทาน ปล่อยปลาปล่อยนกและปล่อยหมาออกจากปาก

“ไม่ได้ต้องการเลย”

“ทำไม่ได้อะเดะ” นอกจากสั่งสอนแล้วยังดูถูกกันอีก ไอ้เด็กนี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนโปรดของเพื่อนรักล่ะก็ต๊อดอยากจะโบกหัวซักป๊าบสองป๊าบเป็นการสั่งสอนให้หลาบจำ

“อือ ยากจังเลย” กระนั้นก็ทำได้เพียงตีหน้าเศร้าแล้วตอบรับเพื่อจบเรื่อง

“ทำไมต๊อดไม่สู้ล่ะ ขนาดพี่แพทไม่ชอบวิชาเลข แต่พอคุงคูพี่มิงสองพี่แพทชอบมากๆ เลยนะ เดี๋ยวพี่แพทให้ยืมคุงคูพี่มิงเอามั้ย แต่ให้ยืมแป๊บเดียวนะ”

“ไม่เป็นไร”

“ไม่ต้องเกรงใจนะต๊อด เพื่อนกัน” ไม่รู้เลยว่าตัวเองกลายเป็นเพื่อนกับเด็กอายุ 5 ขวบไปเสียแล้ว ถึงกระนั้นต๊อดก็ไม่ได้เอ่ยอะไรให้น้องแพทข้องใจ

ยอมเด็กบ้างก็ได้มั้ง บางทีผลบุญอาจจะส่งให้การสอบที่ใกล้จะถึงนี้ผ่านไปได้ด้วยดี

“ต๊อดไม่ไปบ้างพี่แพทจริงๆ เหรอ” พอสั่งสอนกันเสร็จก็วกกลับมาเข้าเรื่องที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ตัวต๊อดน่ะสรุปได้ตั้งนานแล้ว แต่เจ้าเด็กนี่สิไม่ยอมเข้าใจซักที เซ้าซี้อยู่นั่นแหละ เอาแต่ใจตัวเองเหลือเกิน

“อยากให้ไปขนาดนั้นเชียว” เด็กน้อยพยักหน้าจนหัวสั่นหัวคลอน ที่จริงก็ไม่อยากปฏิเสธ แต่เพราะต้องกลับไปช่วยงานที่อู่จึงไม่ค่อยสะดวกนัก “เอาไว้วันหลังนะพี่แพท”

“วังหลังเมื่อไหร่อะ”

“พี่แพทครับ” มินกระชับมือเล็กที่ตนจับจูงไว้พลางก้มหน้าลงไปปรามไม่ให้เด็กน้อยแสดงความเอาแต่ใจ

ได้ยินเสียงเล็กๆ บ่นพึมพำว่า “ก็อยากเล่งกับต๊อดนี่นา”

แต่เด็กหนุ่มทั้งสองก็ทำเป็นไม่สนใจ







บริเวณตึกเรียนพิเศษในช่วงเย็นค่อนข้างคึกคัก ทั้งนักเรียนและพี่นักศึกษาเดินกันขวักไขว่ หากในความจอแจวุ่นวายนั้นสายตาของต๊อดก็สะดุดเข้ากับเด็กสาวที่เขาคุ้นเคยดี

“มินนั่นไข่มุกป่ะ” แม้จะมั่นใจแต่ก็ถามเพื่อนเพื่อความชัวร์

มินมองตามสายตาเพื่อนสนิทก็พบกับเด็กสาวเจ้าของชื่อกำลังยืนทำลับๆ ล่อๆ คล้ายกำลังซ่อนตัวจากใครบางคน

“เข้าไปทักดีมั้ย ไข่มุกต้องดีใจแน่ที่มึงเข้าไปทักเขาก่อน” มือที่กอบกุมกับน้องแพทถูกกระชับแน่นเพื่อรั้งเอาไว้ และถึงแม้น้องจะไม่รั้งมินก็ไม่คิดจะเข้าไปทักอยู่ดี

“กูว่า...” ยังไม่ทันห้าม ต๊อดก็เดินฉับๆ เข้าไปหาไข่มุกแล้ว

“เล่นซ่อนแอบเหรอไข่มุก”

“ต๊อด” คนถูกทักหันมาทำหน้าตื่นพลางเรียกชื่อเสียงเบาแต่หนักแน่น เด็กสาวมองหน้าต๊อดสลับกับใครบางคนท่ามกลางความจอแจหน้าตึก “ช่วยมุกหน่อยสิ”

“ช่วยอะไร”

“ช่วยพาออกไปจากที่นี่หน่อย”

“เล่นอะไรเนี่ย” ต๊อดไม่เข้าใจและแอบเข้าข้างตัวเองนิดนึงว่าบางทีเด็กสาวเอกญี่ปุ่นที่คลั่งไคล้มินนักหนาอาจจะเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นตน

“ไม่ได้เล่น เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ช่วยก่อน” น้ำเสียงหนักแน่นของไข่มักย้ำชัดว่าเธอกำลังต้องการความช่วยเหลือจริงๆ

“ช่วยยังไงอะ”

“ไม่รู้ ต๊อดก็คิดสิ”

“ไข่มุกก็รู้ป่ะว่าต๊อดไม่ใช่คนฉลาด” พูดแล้วก็อนาถใจกับความสมองน้อยของตน และเมื่อต้องใช้สมองก็ต้องนึกถึงคนที่ฉลาดเป็นกรดอย่างมินสิ

“ถ้ามินอยู่ด้วยก็คงดี”

“อยู่นะ” คิดได้ดังนั้นก็มองไปยังจุดที่มินกับน้องแพทยืนอยู่ ทั้งคู่ต่างกวักมือเรียกอย่างพร้อมเพรียงกัน

พี่แพทไม่อยากให้คุณครูพี่มินอยู่ใกล้พี่ไข่มุกอะไรนั่นเลย แต่ถึงแม้จะไม่ชอบแต่ก็ไม่มีทางห้ามได้

ไข่มุกไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังมากนัก บอกคร่าวๆ แค่ว่ามีผู้ชายมาตื๊อจีบ ก็เลยโดนต๊อดแซวอย่างไม่รู้เวร่ำเวลาว่า ‘แม่คนสวย’ ที่จริงไข่มุกก็สวย แต่น้องแพทก็แอบเบะปากไม่ยอมรับในความสวยน่ารักของฝ่ายนั้น

“เดี๋ยวมินไปล่อเขาไว้ ส่วนต๊อด มึงพาไข่มุกไปส่งบ้าน”

“ทำไมต้องเป็นกูล่ะ” ต๊อดสวนกลับอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แต่เมื่อมองตามสายตามินก็พบกับคำตอบ บางทีก็นึกหน่ายใจกับความพ่อลูกอ่อนของเพื่อนตัวเองไม่ใช่น้อย

“พี่แพทช่วยอะไรพี่มินอย่างนึงได้มั้ย” สั่งเพื่อนเสร็จก็หันมาอ้อนขอความช่วยเหลือจากเจ้าตัวเล็ก

“ถ้าคุงคูพี่มิงขอ พี่แพทยอมทำให้ทุกอย่างเลย” น้องตอบอย่างไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว

“หมั่นไส้เด็ก”

“อะไรต๊อด ไม่ได้คุยด้วยซักหน่อย พูดแทรกอย่างนี้เสียมารยาทนะ” ต๊อดรู้สึกหน้าชานิดหน่อยที่ถูกเด็กสั่งสอนอีกครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าตนไร้มารยาทจริงๆ

“เอาเป็นว่าต๊อดขอโทษละกัน” พี่แพทเบ้ปากซึ่งนั่นหมายความว่าไม่ให้อภัยเพราะต๊อดไม่ได้พูดออกมาอย่างจริงใจ แต่ยังโกรธได้ไม่เท่าไหร่คุณครูพี่มินที่ย่อตัวนั่งอยู่ตรงหน้าก็ลูบหลังมือเบาๆ ให้กลับมาสนใจกัน

“พร้อมฟังพี่มินรึยังครับ”

“พร้อมแล้ว” เด็กน้อยพยักหน้าแรงๆ แต่ก็ไม่วายหันไปค้อนใส่เพื่อนสนิทของคุณครูตน

“พี่แพทเห็นผู้ชายคนนั้นมั้ย” มองตามนิ้วเรียวสวยของคุณครูพี่มินไปก็พบกับชายหนุ่มในชุดนักศึกษาเรียบร้อยและดูดีมากยืนถือช่อดอกไม้อยู่ท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปมา

หล่อเลย แต่สู้คุณครูพี่มินไม่ได้หรอก

“เห็ง พี่แพทเห็งฮะ” น้องแพทละสายตาจากชายคนนั้นหันมามองคุณครูตน

“น้องแพทวิ่งไปชนเขาเบาๆ ได้มั้ยครับ”

“ทำไมต้องวิ่งชนล่ะ แบบนี้ไม่ดีนะคุงคูพี่มิง”

“ไหนบอกว่าจะเชื่อพี่มินทุกอย่างไงครับ” รู้ว่าไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง แต่ในยามคับขันเช่นนี้มินคิดได้แค่นี้จริงๆ

“ก็ได้ครับ ชงเบาๆ เบาแค่ไหน”

“เบาๆ แค่พี่แพทไม่เจ็บตัว”

“ไม่เจ็บตัว” น้องทวนคำพลางทำหน้ามุ่งมั่นกับภารกิจที่ได้รับมอบหมายสุดๆ

มินหันไปมองต๊อดกับไข่มุก ส่งสัญญาณว่าพร้อมแล้วก่อนหันไปดันหลังน้องแพทให้วิ่งออกไป

พลั้ก!!!

เด็กน้อยที่ตั้งใจวิ่งชนคนอื่นล้มลงกับพื้นก้นจ้ำเบ้า ต๊อดที่จูงมือไข่มุกวิ่งไปยังหน้าตึกถึงกับหยุดชะงักไปชั่วอึดใจ แต่เมื่อเห็นว่ามินวิ่งเข้าไปถึงตัวน้องแล้วเขาจึงวิ่งต่อ

ถึงแม้จะไม่ค่อยชอบหน้านัก แต่ก็อดเป็นห่วงเด็กนั่นไม่ได้จริงๆ

“คุงคูพี่มิง พี่แพทเจ็บ ฮือ” เด็กน้อยโผเข้ากอดคนเป็นคุณครูทันทีพลางซบหน้าลงบนไหล่เมื่อถูกอุ้มขึ้นมา แอ็คติ้งระดับฮอลิวู้ด ไม่รู้ไปร่ำเรียนมาจากไหน

“โอ๋ๆ ไม่เจ็บนะครับเด็กดี” มินปลอบน้องพลางมองไปยังคนที่สุดท้ายก็ละความสนใจจากไข่มุกมาสนใจน้องแพทกับตนจนได้

“อยู่ๆ น้องก็วิ่งมาชน” เขาว่าพลางมองเด็กในอ้อมแขนมินด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย

“ขอโทษจริงๆ ครับ คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า”

“ไม่ ผมโอเค ว่าแต่น้องเถอะ ไม่เป็นอะไรแน่นะ”

ชั่วครู่ที่ได้คุยกัน มินคิดว่าชายหนุ่มหน้าตาดีที่มาตามจีบไข่มุกก็ไม่ได้แย่ ทำไมไข่มุกถึงไม่ยอมเปิดใจลองคุยดูซักหน่อยล่ะ

“น้องเรียนที่เดียวกับไข่มุกป่ะ” เขามองสำรวจเครื่องแต่งกายมินแล้วถาม แต่ก็ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ “พี่มารอไข่มุกนานแล้ว แต่ไม่เจอเลย”

เธอหนีกลับบ้านไปแล้วครับ

“พี่ฝากนี่ให้เขาได้มั้ย” นี่ที่ว่าคือดอกไม้ช่อโตในเขาถือไว้ตลอด

“คิดว่าไม่น่าจะสะดวกนะครับ อีกอย่างที่โรงเรียนมีคนชื่อไข่มุกเยอะมาก ผมอาจจะไม่รู้จัก”

“ไข่มุกคนที่น่ารักๆ”

“ไข่มุกที่น่ารักก็เยอะครับ พี่ไม่ลองโทรหาเธอดูล่ะ”

“โทรไม่รับน่ะสิ โกรธอะไรก็ไม่รู้ แต่ไม่เป็นไร ถ้าน้องไม่สะดวกเดี๋ยวพี่ไปหาไข่มุกเองก็ได้” เขาว่าเช่นนั้นด้วยสีหน้าจ๋อยๆ ก่อนจะขอโทษน้องแพทอีกครั้งทั้งที่ตนไม่ผิดอะไรแล้วเดินออกจากตึกไป

“คุงพ่อก็เคยให้ช่อดอกไม้คุงแม่เหมืองกังนะคุงคูพี่มิง” คล้อยหลังพี่ชายในชุดนักศึกษาน้องแพทคนเก่งก็กลับมาคุยจ้อด้วยน้ำเสียงร่าเริง

“พี่มินก็เคยได้ช่อดอกไม้เหมือนกัน”

“ดอกไม้ของใครอะ คราวหลังอย่ารับนะ พี่แพทไม่ให้รับ”

“ทำไมล่ะครับ” มินถามกลับอย่างนึกสงสัย

“ไม่รู้ แต่ถ้าคุงคูพี่มิงอยากได้ดอกไม้ คุงคูพี่มิงต้องบอกพี่แพทนะ เดี๋ยวพี่แพทหาให้เอง ดอกกุหลาบช่อโตๆ เลย”

“เอาไปทำไมดอกกุหลาบ”

“คุงแม่บอกว่าดอกกุหลาบแปลว่ารักมาก”

“พี่แพทรักพี่มินมากเหรอครับ”

“ก็ต้องรักมากซี่ สัญญากับพี่แพทได้ป่าวว่าจะไม่รับดอกกุหลาบจากคงอื่ง”

“ยากจัง”

“คุงคูพี่มิงสัญญากังนะ” นิ้วก้อยเล็กๆ ถูกยื่นมาตรงหน้า ใบหน้าน่ารักที่กำลังแสดงออกถึงความจริงจังอยู่ใกล้แค่ไม่กี่คืบ มินเบือนหน้าหนีพลางยิ้มอย่างหน่ายใจ ถ้าเกิดว่าไม่สัญญาเรื่องคงไม่จบแน่ เอาน่า พี่แพทคงไม่คิดอะไรจริงจังหรอก

“สัญญาครับ” เด็กน้อยยิ้มร่าเมื่อมินส่งนิ้วก้อยไปเกี่ยวกัน

สัญญาแล้วนะ สัญญาว่าจะไม่รับดอกกุหลาบจากคนอื่นยกเว้นพี่แพทคนเดียว







“มินเดินเร็วๆ สิโว้ย”

โรงอาหารช่วงพักกลางวันวุ่นวายเหมือนตลาดสด และต๊อดก็ทำตัวเหมือนพ่อค้า เสียงดังพลางดันหลังมินให้เดินเร็วๆ ด้วยความกลัวว่าไข่พะโล้ร้านป้าจวงจะหมดก่อน

ถ้ารีบขนาดนั้นก็วิ่งนำไปก่อนสิต๊อด

“เพราะมึงเลย” เมื่อพบว่าของที่อยากกินหมดเกลี้ยงแล้วก็หันมาทำหน้างอนใส่เพื่อนตัวเอง

ต๊อดมึงเป็นไรมากป่ะ

และถึงแม้มินจะไม่พูดอะไร แต่ต๊อดก็เข้าใจจากการแสดงออกทางสีหน้าของเพื่อนสนิทตน

“กูอยากกินไข่พะโล้ป้าจวงอะมึง”

“แล้วมึงจะให้กูทำไง บ่นมากว่ะต๊อด มีอะไรก็กินๆ เข้าไปเถอะ”

“มึงไม่เข้าใจกูหรอกมิน” ตัดพ้อเพื่อนพลางตักลูกชิ้นจากชามของมินไปกินหน้าตาเฉย

“เนียนเชียว”

“เย็นนี้เรียนพิเศษเสร็จไปร้านเกมส์กันมั้ย” ต๊อดนี่มันคนเนียนที่แท้จริง

“ไม่ได้”

“ลืมไปว่ามึงติดเด็ก”

“น้องแพทอยากให้มึงไปเที่ยวที่บ้านมาก เห็นบอกว่ามีอะไรจะอวดเยอะแยะเต็มไปหมด”

“ขี้อวดชะมัด ติดมึงคนเดียวไม่พอ เสือกมาติดกูอีก” คำพูดคำจาเหมือนไม่พอใจหากแววตาของต๊อดกลับฉายแววยินดีออกมาอย่างโจ่งแจ้ง

“เด็กมันรักก็ดีกว่าถูกเด็กเกลียดมั้ยวะ”

“ก็จริง บอกน้องว่าเสาร์อาทิตย์นี้ถ้าช่วยงานป๊าที่อู่เสร็จจะแวะไปละกัน”

“มึงอ่อนโยนขึ้นป่ะเนี่ย มีความรักเหรอ”

“เวรเถอะ โสดมาทั้งชีวิตแล้วกู ถ้าก่อนจบมหา’ลัยยังหาเมียเป็นตัวเป็นตนไม่ได้กูจะลาบวชละ”

“มึงเป็นคริสต์”

“เออว่ะ ลืมตัว ว่าแต่เมื่อวานคุยกับแฟนไข่มุกเป็นไงบ้างวะ”

“สรุปเขาเป็นแฟนกันแล้วเหรอ”

“ไม่ใช่นะ” ไข่มุกนั่นแหละ โผล่มาอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “ไข่มุกไม่ได้ชอบคนนั้นเลยนะมิน” ทั้งคำพูดและสายตาที่มองมาสื่อความหมายชัดเจนเสียจนต๊อดที่นั่งเป็นสักขีพยานอยู่ถึงกับเบือนหน้าหนี

บทจะรุกแรงก็แรงเหลือเกินแม่คุณเอ้ย

“เขาฝากดอกไม้มาให้ไข่มุกด้วยแต่มินไม่ได้รับมา” แต่ดูเหมือนคนถูกอ่อยจะไม่ค่อยเก็ทเลย

“ก็ดีแล้ว ไข่มุกไม่อยากรับอะไรจากเขาทั้งนั้นแหละ”

“เรื่องมันเป็นมายังไงอะมุก” ต๊อดเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ ไข่มุกกรอกตาไปมา เธอทำหน้าเหมือนไม่อยากพูดถึงคนนั้นแต่เพราะติดหนี้บุญคุณต๊อดกับมินอยู่ก็เลยคิดว่าเล่าให้ฟังก็คงไม่เป็นไร

ได้เรื่องว่าคนนั้นชื่อพี่ฟิวส์เป็นนักศึกษาชั้นปี 3 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ไข่มุกไปติวในช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ ตอนแรกก็ช่วยติวปกติ ถึงกระนั้นเขาก็ดูสนใจเธอเป็นพิเศษมาตั้งแต่ต้น กระทั่งผ่านไปประมาณ 3 สัปดาห์พี่เขาก็เริ่มรุกจีบอย่างจริงจังจนน่ากลัว

“ในเมื่อไม่ชอบเขาทำไมไม่ปฏิเสธไปตรงๆ ล่ะ” มินออกความเห็น ถ้าถูกปฏิเสธตรงๆ อาจจะรู้สึกเจ็บปวดหน่อยแต่เดี๋ยวก็คงทำใจได้เอง

“เคยพูดไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่พี่เขาไม่ยอม”

“งั้นก็คบๆ ไปก่อน แล้วค่อยหาโอกาสเลิก” คราวนี้เป็นความเห็นจากต๊อด มินไม่ค่อยเห็นด้วยนัก แบบนั้นมันยิ่งทำให้อีกฝ่ายเจ็บมากกว่าบอกปฏิเสธตรงๆ ซะอีก

“ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็ดีสิต๊อด”

“ผู้หญิงแม่งซับซ้อนว่ะ อันนั้นก็ไม่ดี อันนี้ก็ไม่เอา”

“พี่เขาเรียนที่เดียวกับที่ไข่มุกตั้งใจสอบเข้าใช่มั้ย” มินเอ่ยถามแทรกประโยคไร้สาระของต๊อดให้เพื่อนตนจิ๊ปากไม่พอใจ

“คณะเดียวกันเลย”

“งั้นก็คงต้องหาวิธีที่ประนีประนอมที่สุดแล้วล่ะ ยังไงก็ยังคงต้องเจอกันแน่ๆ” ไข่มุกเป็นคนเรียนดี ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เธอจะสอบเข้าเรียนคณะที่ต้องการ

“ที่จริงมุกมีวิธีนะแต่ไม่มีคนช่วย”

“นี่เราสนิทกันถึงขั้นขอความช่วยเหลือกันได้แล้วเหรอ” ต๊อดทำเป็นพูดลอยๆ จงใจให้ไข่มุกได้ฉุกคิดถึงความสนิทสนมของพวกตน

“มุกยังไม่ได้บอกจะให้ช่วยนะ แต่ถ้าต๊อดพูดถึงขนาดนี้แล้ว มุกก็คงไม่กล้าขอหรอก”

“ต๊อดมึงนี่แล้งน้ำใจว่ะ” มินเอ็ดเพื่อนไปทีก่อนหันไปขอโทษไข่มุกด้วยสายตา “ว่ามาสิ ถ้ามินกับต๊อดพอช่วยได้ก็จะช่วยนะ”

“ถามกูซักคำยัง”

“อยากสอบตกสินะ” จุดอ่อนของต๊อดอยู่ตรงที่การเรียนและการสอบ

“ไอ้มินมึงแม่งอ่อนโยนแค่กับเด็ก สตรีและคนชราถูกมั้ย”

“ถ้าอยากได้รับความอ่อนโยนจากกูขนาดนั้นก็ไปแต่งหญิงสิ”

“สัด”

ยังไม่ทันได้คุยกันเรื่องแผนที่ไข่มุกคิดไว้ก็หมดเวลาพักกลางวันซะก่อน ถ้าจะคุยกันหลังเลิกเรียนมินที่ถึงแม้จะไม่มีเรียนพิเศษก็ต้องไปรับแพทที่โรงเรียนแล้วพาไปส่งบ้าน







“เราไม่กลับบ้างพี่แพทกันเหรอ” น้องแพทเอ่ยถามเมื่อคุณครูพี่มินเลือกขึ้นรถเมล์อีกสายที่ไม่สายประจำที่นั่งกลับบ้านทุกวัน

“ไปบ้านพี่มินแป๊บนึง”

“พี่แพทขอนองบงเตียงคุงคูพี่มิงได้มั้ยอะ” ว่าแล้วก็คิดถึงกลิ่นหอมๆ บนเตียงคุณครูพี่มินสุดๆ เลย

“ไปแป๊บเดียวเอง”

“นองแป๊บเดียวก็ได้”

“เอางั้นเหรอ”

“อื้อ แต่ถ้าคุงคูพี่มิงไม่อนุญาต พี่แพทไม่นองก็ได้” เห็นท่าทางอย่างนั้นแล้วจะไม่ยอมให้นอนบนเตียงได้ยังไงกัน

หลังจากลงจากรถเมล์ ทั้งคู่เดินเรื่อยๆ ไปยังบ้านที่เงียบเหงาของมิน ผ่านบ้านต๊อดที่ข้างๆ เป็นอู่ซ่อมรถของป๊าที่โคตรจอแจวุ่นวาย คนที่กำลังยืนโม้กับพวกช่างอย่างออกรสก็วิ่งเข้าไปตามไข่มุกในบ้านเพื่อออกมารวมตัวกัน

พี่แพทงงนิดหน่อยที่อยู่ๆ ไข่มุกก็อยู่ตรงนี้ด้วยกัน พอจะเอ่ยถามพี่มินก็เอาแต่สนใจเพื่อนๆ ของตน

“ที่จริงคุยกันบ้านมึงก็ได้มั้ย”

“วุ่นวายจะตาย อีกอย่างม๊าอยู่ในบ้านด้วย คุยไม่สะดวกหรอก”







ในห้องรับแขกบ้านมิน นักเรียนม.ปลายทั้งสามนั่งมองกันด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ขณะที่คนเด็กสุดกำลังมีความสุขกับการนอนเล่นบนเตียงของเจ้าของบ้าน

“ไม่เอาน่ามิน กูเนี่ยนะ”

“เราก็ไม่เห็นด้วยนะมิน”

“พี่ฟิวส์เคยเห็นหน้าเราแล้ว”

“ไม่เห็นจะเกี่ยว เห็นหน้าแล้วยังไง”

“ตอนนั้นกูบอกว่ากูไม่รู้จักไข่มุก”

“ให้กูเล่นเป็นแฟนไข่มุกเนี่ยนะ ไม่เนียนหรอก ไข่มุกไม่ได้ชอบกู” ต๊อดปฏิเสธท่าเดียว จริงอยู่ที่ว่าไข่มุกน่ารักมากแต่ถ้าให้เล่นเป็นแฟน ไม่เอาหรอก อย่างไรก็ทำไม่ได้เด็ดขาด

“มันไม่เกี่ยวกับชอบไม่ชอบหรอก”

“ถ้าไม่สะดวกใจกันก็ไม่เป็นไรนะ มุกจะลองพยายามด้วยตัวเองดู”

“ดราม่าป่ะเนี่ยมุก อยากเป็นแฟนกับเราขนาดนั้นเชียว ถึงจะลำบากใจหน่อย แต่ต๊อดก็เป็นคนมีน้ำใจในระดับนึงเหมือนกันนะ”

ไม่ใช่แค่ต๊อดซักหน่อยที่ลำบากใจ ไข่มุกเองก็ลำบากใจไม่ต่างกันหรอก




ต่อด้านล่าง...

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 7 {Up.100718}
«ตอบ #24 เมื่อ10-07-2018 16:33:40 »


ต่อ...


แผนที่วางเอาไว้เริ่มปฏิการทันทีในวันต่อมาหลังเลิกเรียนพิเศษ

“คุงคูพี่มิงเรานั่งรออะไรกันหรอ” มินละสายตาจากชายหนุ่มในชุดนักศึกษาที่ยืนพิงเสาอยู่ห่างจากตนออกไปราว 200 เมตร หันมายิ้มให้น้องแพทที่ถูกลากเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ด้วยทั้งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย

“รอพี่ไข่มุกกับต๊อดครับ”

“ต๊อด เมื่อไหร่ต๊อดจะไปเล่งบ้างพี่แพทซักทีละ สัญญาไม่เป็นสัญญาเลย” เด็กน้อยทำหน้าผิดหวัง มีของอยากอวดต๊อดตั้งมากมายแต่ต๊อดไม่ยอมมาเที่ยวบ้านเลย

“เอาไว้พี่แพทลองชวนต๊อดอีกทีสิ”

“ไม่เอาหรอก คุณแม่บอกว่าเด็กเซ้าซี้ไม่น่ารัก”

“กลัวต๊อดไม่รักเหรอครับ”

“กลัวคุงคูพี่มิงไม่รักต่างหาก” มินมองเจ้าเด็กที่พูดอย่างตรงไปตรงมาด้วยแววตาเอ็นดู น้องแพทเนี่ยขยันหว่านเสน่ห์จริงนะ “แล้วเมื่อไหร่ต๊อดจะมาล่ะคุงคูพี่มิง”

มินก้มมองนาฬิกาข้อมือ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าต๊อดกำลังเดินตรงมาพร้อมกับไข่มุก ไหนบอกไม่เนียนไง แต่ที่เดินคุยกันกระหนุงกระหนิงนั่นมันยิ่งกว่าเนียนซะอีก

“ทำไมต๊อดมากับพี่ไข่มุก” เด็กน้อยที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เงยหน้าขึ้นถาม

ยอมรับว่ามันค่อนข้างประหลาดแหละ ถึงแม้ว่าจะเคยนัดเที่ยวกันเป็นกลุ่มอยู่บ่อยๆ แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้สนิทสนมกันเลยซักนิด

“แล้วทำไมต๊อดเดิงผ่างพวกเราไปเลยล่ะคุงคูพี่มิง เรียกต๊อดเร็ว” มินจับมือน้องแพทไว้ตอนที่เด็กน้อยตั้งท่าจะวิ่งตามต๊อดออกไป

พี่แพทไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ถ้าคุณครูพี่มินไม่ให้ไปพี่แพทก็จะไม่ไป

“พี่ชายคงนั้งนี่นา” น้องแพทว่าพลางมองไปยังฟิวส์ที่ก้าวออกมาดักหน้าต๊อดกับไข่มุกเอาไว้ “รู้จักต๊อดด้วยเหรอ แต่ดูเหมืองเขาโกรธเลยนะ”

เสียงสนทนาไม่ดังนัก มินที่นั่งอยู่ห่างออกมาไม่ได้ยินอะไรเลย แต่ดูจากสีหน้าแล้วการที่ไข่มุกเดินควงผู้ชายมาเย้ยคงทำให้เขาโกรธพอตัวเลยทีเดียว

“คุงคูพี่มิง พี่คงนั้งผลักอกต๊อดทำไมอะ” ดูเหมือนว่าเรื่องจะบานปลายไปถึงขั้นใช้กำลัง ตอนที่วางแผนเรื่องนี้มินไม่ได้คิดเผื่อเรื่องทะเลาะวิวาทซะด้วย

เจ้าตัวลุกขึ้น จูงมือน้องแพทให้เดินตามเข้าไปใกล้คนทั้งสาม

“พอเถอะพี่ฟิวส์ ไข่มุกมีแฟนแล้วนะ เลิกยุ่งกับไข่มุกแล้วปล่อยแฟนไข่มุกได้แล้ว”

“แฟนเหรอ ตลกป่ะน้อง ถ้าจะโกหกก็โกหกให้เนียนหน่อย ร้อยวันพันปีไม่เคยเดินควงผู้ชาย อยู่ๆ วันนี้พาผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ว่าบอกว่าเป็นแฟน พี่ไม่ใช่ควายนะครับ”

ต๊อดถูกปล่อยให้เป็นอิสระหลังจากพี่ฟิวส์เอ่ยประโยคนั้นจบ คนถูกกระชากคอเสื้อจัดปกเสื้อตัวเองด้วยสีหน้าติดโมโหหน่อยๆ แต่เพราะหน้าต๊อดกวนตีนอยู่แล้วเป็นทุนเดิมพอชักสีหน้าอีกนิดก็ทำให้อีกฝ่ายคิดว่าต๊อดอยากมีเรื่องจึงตามเข้ามาผลักอกอีก

“อะไรของมึงวะ”

ดูเหมือนว่าคราวนี้ต๊อดจะโกรธจริงๆ แล้ว เขาผลักคนที่ผลักตนจนเซไปข้างหลังเหมือนกัน เหตุการณ์เริ่มครุกรุ่นต่างฝ่ายต่างโมโห เงื้อหมัดขึ้นพร้อมๆ กัน มินได้ยินเสียงร้องห้ามของไข่มุก ได้ยินเสียงร้องเรียกของพี่แพท ได้ยินเสียงฝีเท้า ได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อ และรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่คลุ้งอยู่ในปาก

เดี๋ยวนะ มันเกิดอะไรขึ้น

อาจจะด้วยความไร้สติ อยู่ๆ มินก็ปล่อยมือแพทแล้ววิ่งเข้ามาห้ามคนทั้งคู่ที่เตรียมจะวางมวย กลายเป็นว่าตัวเองโดนชกเข้าเต็มๆ จนปากแตก

“คุงคูพี่มิงเลือดไหลแล้ว อย่าทำคุงคูพี่มิงของพี่แพทนะ” พี่แพทวิ่งตามเข้ามา กอดขาคุณครูของตน เห็นพี่มินเลือดไหลแล้วนึกสงสารจนร้องไห้ตาม ขาสั้นๆ พยายามยกขึ้นเตะคนต้นเรื่องที่ทำให้พี่มินของตนเจ็บจนเลือดไหล

“เหี้ยอะไรวะเนี่ย” ฟิวส์สบถอย่างหัวเสีย ตั้งใจจะหนีออกจากสถานการณ์อันน่าอับอายนี้แต่ก็ถูกรั้งเอาไว้ซะก่อน ตอนที่เอี้ยวตัวกลับมามองว่าใครจับแขนตนไว้ก็ถูกต๊อดต่อยเข้าที่หน้าอย่างจัง

“โทษฐานที่มึงต่อยเพื่อนกู” ปากก็ทำเป็นเท่แต่เจ็บมือไม่ไหวแล้ว ต๊อดเอี้ยวตัวหลบมุมก่อยลูบมือตัวเองหวังบรรเทาอาการเจ็บแต่ก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อย

“โทษฐางที่ต่อยคุงคูพี่มิงของพี่แพท นี่แน่ะ” เห็นต็อดทำพี่แพทจึงทำตามบ้างด้วยการต่อยสะเปะสะปะไปยังคนตัวสูงกว่าตนมาก โดนไม่ไม่โดนบ้างเอาสะใจเข้าว่า

“พอแล้วครับน้องแพท”

“พี่คนนี้ทำคุงคูพี่มิงเลือดไหลนะ เจ็บมั้ย” พอถูกมินรั้งร่างเข้ามากอดไว้ เด็กน้อยอารมณ์ร้อนค่อยอารมณ์เย็นลงหน่อย

“พี่มินไม่เจ็บแล้ว พี่แพทก็ใจเย็นๆ นะ”

“เอ๊ะ น้องนี่นา” ฟิวส์หรี่ตามองคนที่ตนคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยเจอกันมาก่อน “ที่เคยเจอกันที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนใช่มั้ย เป็นเพื่อนกับไข่มุกนี่”

“ครับ” มินแตะมุมปากที่เลือดหยุดไหลไปแล้วพลางตอบ

“ไอ้กุ๊ยนี่เป็นแฟนไข่มุกจริงเหรอ”

“ไม่ใช่ครับ” ทั้งต๊อดและไข่มุกต่างก็อ้าปากเหวอ ตกใจกับคำตอบของมิน ทั้งที่วางแผนกันมาขนาดนี้จะโกหกต่อก็ได้แท้ๆ แต่กลับพูดความจริงออกไปอย่างง่ายดาย

“ว่าแล้วเชียว”

“พี่ชอบไข่มุกมากเลยเหรอครับ” มินถามอย่างตรงไปตรงมา

“ก็ชอบ” และคำตอบที่ได้ก็ไม่ผิดไปจากที่คิดนัก

“ทั้งที่ถูกปฏิเสธมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ยังชอบเหรอครับ” คนถูกถามไม่ยอมตอบ มินจึงว่าต่อ “ผมว่าพี่แค่ต้องการเอาชนะไข่มุกมากกว่า ใช่มั้ยล่ะ”

“นาย...” อีกฝ่ายเม้มปากแน่น ไม่กล้ามองมินตรงๆ ด้วยซ้ำ แน่นอนว่าท่าทางแบบนั้นทำให้มินรู้ทันทีว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปนั้นมีส่วนถูกอยู่บ้าง

“การที่พี่ตัดใจและเลิกยุ่งกับไข่มุกไม่ได้หมายความว่าพี่แพ้ แต่มันคือชัยชนะ ชนะใจตัวเองที่ยอมตัดใจจากสิ่งที่เรารู้ดีว่าไม่ว่ายังไง ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนเราก็ไม่มีทางได้ครอบครอง”

“ทำมาเป็นสอน”

ฟิวส์เอ่ยประโยคสุดท้ายก่อนหันมามองหน้าไข่มุกตรงๆ อีกครั้ง ไม่รู้ว่ารู้สึกผิดซักนิดมั้ยแต่เขาไม่ยอมพูดอะไรเลย และนั่นทำให้ไข่มุกรู้สึกอึดอัดมาก เธอกำมือแน่นมองคนที่อีกไม่นานจะกลายเป็นรุ่นพี่ตนอย่างชั่งใจว่าควรจะพูดอะไรซักหน่อยมั้ย

“พี่ฟิวส์” สุดท้ายก็เปล่งเสียงเรียกอีกฝ่ายจนได้ “ไข่มุกไม่ได้เกลียดพี่นะคะ ไข่มุกตั้งใจจะสอบเข้าคณะเดียวกับพี่จริงๆ เมื่อถึงตอนนั้นเราจะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ดีต่อกันได้มั้ยคะ”

“ก็ขึ้นอยู่กับว่าน้องจะเป็นรุ่นน้องที่ดีแค่ไหนล่ะนะ”

“ทำเป็นเท่ห์ไอ้โรคจิตเอ้ย” ต๊อดมองตามอีกฝ่ายพลางบ่นให้ได้ยินแค่พวกเราก่อนหันมามองเพื่อนตนที่ยังคงถูกแพทกอดเอาไว้

กะอีแค่โดนต่อยปากแตกมันจะโอ๋กันอะไรขนาดนั้น

“แม่มึงอยู่บ้านมั้ย” ต๊อดเอ่ยถาม ภาวนาให้แม่แต้วไม่อยู่จะได้ไปแอบทำแผลที่นั่นกัน

“ไม่แน่ใจ”

“ไปทำแผลบ้านมึงละกัน” เสี่ยงเอา ถ้าเจอแม่ก็แค่โดนบ่นจนหูชา

“เดี๋ยวไข่มุกช่วยทำให้” เด็กสาวเสนอตัว หากก็ไม่มีใครสนใจตอบรับหรือปฏิเสธ

“ต๊อดมึงไม่เจ็บตรงไหนนะ” มินเอ่ยถาม นึกโกรธตัวเองไม่น้อยที่เอาตัวเข้ามารับหมัดแทนเพื่อน ทั้งที่มันเป็นคนก่อเรื่องแท้ๆ

“เจ็บมือนิดหน่อยตอนที่ต่อยไอ้เหี้ยนั่น”

“ฝากไปส่งไข่มุกหน่อยสิ กูต้องพาพี่แพทกลับบ้านแล้ว”

“เอางั้นเหรอ มึงไหวแน่นะ”

“ไกลหัวใจน่า ทำอย่างกับกูไม่เคยโดนต่อย”

“จ้ะ พ่อคนเก่ง เจอกันพรุ่งนี้มึง”

แม้ว่าไข่มุกจะไม่เห็นด้วยกับการที่มินบอกให้ต๊อดไปส่ง แต่เห็นอาการเหนื่อยล้าของคนที่ตนชอบแล้วก็ไม่กล้าขัดใจ อย่างน้อยที่เขาให้ต๊อดมาส่งก็เพราะเป็นห่วงล่ะนะ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่ามินทำไปเพราะเขาเป็นคนดีแต่ก็อดหวังเล็กๆ ไม่ได้เลย







พี่แพทนั่งกอดเข่ามองคุณครูพี่มินทำแผลที่มุมปากด้วยตัวเองอยู่บนโซฟา เจ้าตัวเล็กเผลอร้องอูยออกมาทุกครั้งที่สำลีชุบแอลกอฮอล์ถูกแตะลงบนปากแผล

จำได้ว่าครั้งหนึ่งตอนที่วิ่งตามคุณพ่อไปทำงาน พี่แพทล้มจนเข่าถลอก พี่เลี้ยงซักคนที่เจ้าตัวจำชื่อไม่ได้ช่วยทำแผลให้ด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์นี่แหละ นาทีที่มันโดนแผลพี่แพทร้องไห้จ้าเลย เจ็บแสบกว่าตอนล้มเสียอีก

แต่พี่มินเก่งมากเลยนะ ทั้งที่น่าจะแสบมากแท้ๆ แต่ไม่ร้องซักแอะ

“คุงคูพี่มิง”

“ว่าไงครับ” สำลีใช้แล้วถูกเก็บลงถุงมัดปากเรียบร้อยเตรียมทิ้ง

“คุงคูพี่มิง” เด็กน้อยเรียกซ้ำก่อนขยับเข้าไปใกล้คนตัวสูงอีก มือเล็กยกขึ้นกอบกุมใบหน้าหล่อเหลา ดวงตากลมใสสั่นระริกด้วยความห่วงใย และนั่นก็ทำให้มินเผลอยิ้มออกมา

“พี่มินไม่เจ็บเลยครับ ไม่ต้องห่วงนะ”

“จะไม่ให้ห่วงได้ยังไง ตอนที่คุงคูพี่มิงล้มลงไปพี่แพทกลัวมากเลยนะ พี่มิงอย่าทำแบบนี้อีกได้มั้ย พี่แพทไม่ชอบเห็นพี่มิงเจ็บตัวเลย”

“มันก็ช่วยไม่ได้นี่นา”

“สัญญาเลยนะ” นิ้วก้อยถูกส่งมาพร้อมกับสายตาคล้ายบังคับ แต่มินก็ไม่ยอมเกี่ยวก้อยทันที ถ้ายอมสัญญาแล้วรักษาไม่ได้มันก็กะไรอยู่ใช่มั้ยล่ะ

“ไม่สัญญาได้มั้ยนะ”

“ทำไมล่ะ พี่แพทไม่ชอบให้คุงคูพี่มิงโดนต่อยนี่นา”

“เอาเป็นว่าพี่มินจะพยายามเลี่ยงนะครับ” มือน้อยถูกกุมไว้แทนการเกี่ยวก้อย

“ไม่เห็งจะเข้าใจเลย ทำไมสัญญาไม่ได้ล่ะ”

“พี่มินเจ็บแผลแล้วอะ” มือข้างที่ถูกจับไว้ถูกพามาวางลงบนแก้มอีกครั้ง

“ไหนเมื่อกี้บอกไม่เจ็บไง”

“พูดเยอะไง อยู่ๆ ก็เลยเจ็บขึ้นมา”

“พี่แพทขอโทษนะ พี่แพทจะไม่ชวงคุงคูพี่มิงคุยแล้วก็ได้”

“ก็ไม่ใช่ว่าคุยไม่ได้หรอกนะ”

“พี่แพทคิดออกแล้ว มังมีวิธีช่วยให้แผลหายเร็วๆ อยู่นะ”

“ยังไงเอ่ย” มินมองเด็กน้อยด้วยความสนอกสนใจ ขณะเดียวกับที่ใบหน้าน่ารักโน้มเข้ามาใกล้ ปากจิ้มลิ้มเปิดออกนิดหน่อยขณะจรดมันใกล้ๆ แผลตรงมุมปาก ลมหายใจอุ่นๆ ถูกเป่าออกมาแผ่วเบา ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อความอุ่นร้อนนั้นช่วยบรรเทาอาการเจ็บได้จริงๆ ถึงแม้จะแค่เล็กน้อยก็ตาม

“ดีขึ้งมั้ยคุงคูพี่มิง”

“ดีขึ้นมากเลยล่ะ”

“ถ้างั้นก็...” ริมฝีปากจิ้มลิ้มที่อยู่ใกล้เกือบชิดเมื่อครู่แนบลงมาแผ่วเบาคล้ายสายลมพัดผ่านก่อนผละออกไป สายตาน้องแพทที่มองมาเต็มไปด้วยความรักอย่างน่าเอ็นดู กระทั่งคำพูดก็น่าเอ็นดูจนคนได้รับแทบจะละลายลงตรงนั้น “หายไวๆ นะคุงคูพี่มิง”

หากนั่นคือเวทมนตร์ก็คงเป็นเวทมนตร์ที่ยอดเยี่ยมมากเลย



[T B C]

คิดถึงกันป่าววววววว
น้องแพทกับพี่มินกลับมาแล้วค่า
เย้ๆๆ :)
กลับมาพร้อมเรื่องชกต่อย วุ่นวายจริงๆ เล้ยเจ้าเด็กพวกนี้ 555
ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ
ขอบคุณที่รอ
พูดคุณกันต่อที่ #คุณครูพี่มิน
 :bye2:


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 7 {Up.100718}
«ตอบ #25 เมื่อ11-07-2018 03:40:36 »

คิดถึงจังเลยพี่แพท  :กอด1:

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 7 {Up.100718}
«ตอบ #26 เมื่อ11-07-2018 09:13:55 »

น่าร๊ากกกกก อยากให้คุงพี่แพทโต แต่ก็ยังอยากให้เด็กน้อยอยู่  :mew1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 7 {Up.100718}
«ตอบ #27 เมื่อ11-07-2018 10:12:16 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

กว่าน้องจะโต...

นี่เรียกได้ว่าเลี้ยงต้อยได้เลยนะ  อิอิ

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 7 {Up.100718}
«ตอบ #28 เมื่อ11-07-2018 11:42:05 »

พี่เเพทน่ารักที่สุด

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 7 {Up.100718}
«ตอบ #29 เมื่อ11-07-2018 22:15:06 »

พี่แพท ฉลาด  รู้เกินเด็กที่อายุเท่ากันนะ
อาจเพราะดูทีวี  อยู่กับพี่เลี้ยงที่เปลี่ยนหน้าไปมาหลายคน

ครูพี่มิน ก็รักตามใจพี่แพท พอกับพี่แพทที่ติดครูพี่มินซะ
น่าเสียดายที่พ่อแม่พี่แพท ไม่ได้รับรู้ความฉลาด การเติบโตของลูกเหมือนที่มินรับรู้
เพราะตัวเองเลือกธุรกิจมากกว่าครอบครัว
วันหนึ่งที่เกิดต้องการลูกขึ้นมา 
แต่จะพบว่าลูกไม่เข้าหา ไม่ต้องการพ่อแม่อีก แล้วคนที่เสียใจก็คือพ่อแม่
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด