Love of 1999 : มารักกัน.. ก่อนวันสิ้นโลก [ Track 30 : เริ่มรู้จักความหมาย ของคืนวัน.. ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love of 1999 : มารักกัน.. ก่อนวันสิ้นโลก [ Track 30 : เริ่มรู้จักความหมาย ของคืนวัน.. ]  (อ่าน 9035 ครั้ง)

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*******************************************

       

Love of 1999

       
>>>   มารักกัน.. ก่อนวันสิ้นโลก  <<<

นิยายแนว Coming [ out ] of Age

สองมือที่กุมกัน  ก้าวผ่านวันสิ้นโลก

บนกลิ่นไอยุค 90

ซึ่งอุดมไปด้วยความฝัน

ณ ฉากหลังของแม่น้ำสองสีแสนโรแมนติก



                       
                       by Tofu Chan



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-04-2018 00:01:07 โดย TofuChan »

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Jingle :    ยิ่งเจอ.. ยิ่งสั่น.. ยิ่งเจอ.. ยิ่งสั่น.. ยิ่งเจอ.. ยิ่งสั่น.. ก็ยังสู้ตาย


“ตื่นยังวะไอ้ดอย นอนกินบ้านกินเมืองนะมึงเนี่ย”

“หืมมมมมมม ตื่นแล้ววว”  เสียงงัวเงียคลานมายกหูโทรศัพท์ที่หัวเตียง

“ไอ้ตอแหล หน้าคงทิ่มอยู่บนแป้นหมุนโทรศัพท์แล้วไหมวะ”

“มีอะไรวะ ไอ้อาร์ม กูง่วง”

“มึงจะไปวิทยาลัยเอง หรือให้พวกกูไปรับ”

“แล้วนี่มึงจะไปยังล่ะ”

“กูอาบน้ำอยู่เนี่ย”

“ห้องน้ำบ้านมึงมีโทรศัพท์ตั้งแต่เมื่อไหร่ สายบ้านพ่อง มึงยาวขนาดนั้น”ปลายสายทางนี้ ยังคงครึ่งหลับครึ่งตื่น

“กูใช้ โนเกีย 3210 ของไอ้โอ๊คโทรเว้ย  ป้ายแดงหรูเชี่ย ไร้เสา แถมมีเกมงูด้วยมึง”

“โอ๊ยยยย เสี่ยโอ๊ค ถอยให้กูบ้าง กูอิจฉา”

“ไอ้อาร์ม มือถือกูเปื้อนยาสระผมไหมแล้วมึง” เสียงปลายสายอีกเสียงที่ทุ้มกว่าแทรกเข้ามา พร้อมคว้าโทรศัพท์ไปพูดแทน   “แล้วนี่มึงจะลุกจากเตียงได้เมื่อไหร่ ไอ้ดอย”

“โอ๊ค มารับกูที แต่กูนอนต่อเดี๋ยวนะ”

“ไม่ต้องนอนแล้ว ลุกไปกินข้าว เดี๋ยวกูไปรับ กูอาบน้ำจะเสร็จแล้ว”

“นี่พวกมึงอาบน้ำด้วยกันเหรอ”

“กูเป็นแฝด จะอายเชี่ยอะไรกัน  แถมของไอ้อาร์ม ก็ไม่มีอะไรให้มอง  มองแทบไม่เห็น” ก่อนจะมีเสียงแทรก “ไอ้สัส”

“อ้าว ฝาแฝดอันมันไม่เท่ากันเหรอวะ”

“ของกูเจ๋งกว่า”  แล้วมีเสียงแทรกมาอีกเป็นครั้งที่สอง “ไอ้สัสโอ๊ค”

“กูอยากได้มือถือบ้าง เม็มได้ตั้ง สองร้อยห้าสิบชื่อ”

“เม็มได้เยอะ แต่กูกับมึง มีเพื่อนรวมกันถึงสิบคนเปล่าวะ ก็ขอแม่มึงดิ”

“ไม่กล้าว่ะ เก็บค่าหอผู้เช่าเดือนนี้ ก็จ่ายนั่นนี่ไปจะหมดอยู่แล้ว”

“ลับหลังแม่มึงนี่ ทำซ่าส์ ไปแดรกข้าวได้แล้ว”

“อืม อีกแป๊บเหอะนะ ให้กูนอนอีกแป๊บ นะๆๆๆๆๆ เพื่อนรัก”










Track 1 :   ไม่อยากต่อคิวหัวใจกับเธอ.. ไม่รู้จะได้เบอร์อะไร..

“วันนี้มหาดไทย เขาเปลี่ยนชื่อ เขตสาธร เป็น สาทร ว่ะ ไอ้ดอย”  ชายวัยกลางคนหุ่นล่ำเตี้ยนั่งไขว่ห้างมองหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่าน  เอ่ยบอกหนุ่มน้อยผู้ซึ่งกำลังนั่งร่วมโต๊ะม้าหินอ่อน

“แล้วเขาเปลี่ยนให้มันยุ่งยากกันทำไมล่ะน้าแจ้” วัยรุ่นชายเปลือยอกเผยผิวไหม้คล้ำจัด  สวมกางเกงฟุตบอลสีน้ำเงินเข้ม เอ่ยถามกลับด้วยความสงสัย

“รัฐเขาว่า ธอ ธง มันไม่มีความหมาย”

“.....”

“แต่ สาทร ทอ ทหารน่ะ มันแปลว่า เอื้อเฟื้อ เอาใจใส่”  แจ้ น้าชายคนล่ำอธิบาย พลางเหลือบมองไปยังหลานชายที่กำลังเคี้ยวปาท่องโก๋อย่างเมามัน คู่กับ ชาร้อนสีส้มสด

“ทำไม คุณตาไม่ตั้งชื่อน้าว่า สาทร ล่ะ ก็น้าผมคนนี้ ช่างเอื้อเฟื้อ และ เอาใจใส่..  ไม่เชื่อ ถามเจ๊นกน้อย ข้างบ้านนี่ม๊ะ ว่าน้าแจ้น่ะ เฟี้ยวเงาะขนาดไหน ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”  ดอย พูดยั่วแม้จะยังมีปาท่องโก๋อยู่ในปาก

“ไอ้หลานซังกะบ๊วยนี่ เดี๋ยวปั๊ด เบิร์ดกะโหลกร้าวเลย  ข้าจะฟ้องแม่เอ็งว่า ใครนะ แอบไปงานวันไหลที่พระประแดงมา ให้กะเทยล้วงไข่เล่นแล้วไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง”  ผู้เป็นน้าสวนกลับ

“แป่วววว  โอเค..ซึ้ง ยอมก็ได้  โหว  ก็ไอ้แฝดนรก มันจะไปให้ได้เลยสิน้า ผมเองก็อยากไปเที่ยวบ้างดิ ว่าแต่ เขาไม่เรียกวันไหลนะครับ วันไหล มันที่ชลบุรี ส่วนพระประแดงเขาก็เรียก สงกรานต์ เหมือนบ้านเรานี่แหล่ะ คริ คริ”

“สามหนุ่มหล่อไปเดินเล่นน้ำ สาวแถวนั้นไม่กรี้ดกันลั่นเหรอวะ”

“ไม่โดนตีนเจ้าถิ่นก็บุญแล้วน้า มีแต่ทหารเรือ กับ เด็กโรงงาน”

“เออ.. ไม่ถูกรุมกระทืบกลับมาก็ดีแล้ว  เล่นน้ำที่เมืองกาญจน์ทั้งวันยังไม่สาแก่ใจ ดอดไปนั่น แล้ววันนี้ไม่ไปเรียนซ่อมเหรอ”

“เดี๋ยวไปครับ วันสุดท้ายแล้ว  ค่อยเอางานไปส่งอาจารย์ตอนเปิดเทอมไปเลย”  ดอยพูดด้วยอารมณ์เซ็งทุกครั้งเมื่อต้องนึกถึงวิชาภาษาอังกฤษอาชีพช่างยนต์ ที่ตัวเองไม่เอาถ่าน ก่อนจะก้มหน้าซัดปาท่องโก๋ สามคู่จนหมดจาน แล้วขอตัวเดินเข้าตึกขึ้นไปอาบน้ำ



อาคารพาณิชย์สามชั้นครึ่งขนาดสองคูหาที่ ยอดดอย อาศัยอยู่นี้ มีแม่ของเขาเป็นเจ้าของ ทำเป็นหอพักไว้ หากเดินผ่านชั้นลอยก็จะมีโต๊ะรับแขกให้นักศึกษาไว้อ่านหนังสือ โดยชั้นสองมีสี่ห้องเช่า และชั้นสามเป็นห้องใหญ่สองห้อง ห้องน้ำในตัว ส่วนดอยพักอยู่ชั้นล่างสุดที่ทำไว้แยกออกมา

ด้านหน้าของอาคารสองคูหานี้ กั้นเป็นห้องกระจกใสล้อมกรอบอลูมิเนียมสีเงิน ให้คนมาลงทุนเช่าทำร้านอินเทอร์เน็ต  มีซอกเล็กระหว่างตึกกับกำแพงข้างร้านให้รถมอเตอร์ไซค์ผ่านไปจอดรถที่สวนด้านหลัง ห้องนอนของดอยอยู่ใกล้ที่จอดรถ เขาใช้เวลานั่งมองสวน สูบบุหรี่ซึ่งแม่ก็พร่ำบ่นให้เลิกทุกครั้งที่เจอหน้า  และอ่านหนังสือแต่งรถมอเตอร์ไซค์ซึ่งตนเองชอบ 

เขาไม่ได้มีความรับผิดชอบอะไรกับหอพักมากนัก เพราะน้องชายของแม่ คือ ไก่แจ้  เป็นผู้ดูแลหอพักทั้งหมด  ดอยแค่พูดคุยตกลงทำสัญญากับผู้เช่า แล้วค่อยส่งธนาณัติให้แม่   แต่ส่วนใหญ่แม่จะให้เขาเอาค่าเช่าเก็บไว้ใช้จ่าย แบ่งเป็นเงินเดือนน้าแจ้ เหลือเท่าไหร่ก็ฝากธนาคาร 


“เชี่ยยย  ไอ้ดอย นานจังวะ โตกอยู่ในห้องน้ำหรือไง” หนุ่มหน้าคมผิวขาว ไว้จอนผมปัดหน้าผาก ผู้เพิ่งมาเยือน ตะโกนถามที่หน้าห้องนอนของยอดดอย ด้วยท่าทียียวน เขาสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ดำ เอนไหล่พิงข้างประตู เงี่ยหูฟังเจ้าของห้อง

“เฮ้ย ไอ้ดอย มึงเอาน้อง เวิ่นปีเสีย ของกูเข้าห้องน้ำไป โซเดมาคอม ด้วยเหรอ ไอ้เวร อย่ารุนแรงนะโว้ยย สงสารน้อง” หนุ่มที่หน้าเหมือนกันราวกับแกะ แต่งตัวคล้ายกัน แต่เสื้อเป็นสีเทา หูขวาใส่ต่างหูสีเงินสองวง โผล่ตามมายืนหน้าห้องของดอย ด้วยท่าทีที่กวนประสาทไม่แพ้กัน

“กูเผลอหลับ ไอ้พวกเวร  แสบผิวชิบผาย แม่งพากูตากแดดตระเวนเที่ยวสงกรานต์ ราวกับไปกฐินเก้าวัด”  ยอดดอยบ่นหลังจากเปิดประตูห้อง รับการมาเยือนของสองแฝดเพื่อนซี้  ดอยใส่ชุดไปรเวท เสื้อขาว กางเกงยีนส์สีฟ้าฟอก มีรอยขาดจากการจงใจกรีดให้เท่  สามหนุ่มแต่งตัวตามสบายเนื่องจากอยู่ในช่วงปิดภาคเรียน แค่แวะไปช่วยงานอาจารย์เจ้าของวิชาสุดหิน ที่เรียกใช้งานพวกเขาอยู่เป็นนิจ แต่ถือเป็นการซ่อมคะแนนวิชาไปในตัว

“กูก็แค่อยากให้สาวแถวภาคตะวันออกได้ยลหน้าหล่อๆ แบบเด็กฮาร์ดของมึง ไปเร็วอาจารย์จะให้เอารถทดลองไปฝากทำสีที่อู่ด้วย เดี๋ยวกลับมาเตะบอลไม่ทัน” หนุ่มหล่อที่เจาะหูขวาสองรู ดึงแขนดอยเป็นการเร่ง

“เออไปดิ กูก็ต้องพาผู้เช่ารายใหม่ดูทางไปวิทยาลัยเขาด้วย เห็นว่าจะย้ายเข้าเย็นนี้ เศรษฐีที่ไหนไม่รู้ โทรมาฝากฝังลูกชายตัวเองใหญ่เลยว่ะ  ห้องวีไอพีกูเลยนะเว้ย” ดอยกล่าว ก่อนจะปิดล็อคห้อง แล้วเดินตามสองฝาแฝดผ่านซอกกว้างราว 1 เมตร ซึ่งเป็นทางวิ่งมอเตอร์ไซค์ ที่เขาเรียกกันว่า ช่องแคบยิบรอนต้า ขนานผนังร้านอินเทอร์เน็ต ไปสู่ถนน มีรถมอเตอร์ไซค์ สองคัน จอดคู่กันอยู่ เป็น คาวาซากิ KRR-150 รุ่นพิเศษ ที่เพิ่งเข้าเมืองไทย โดย โอ๊ค แฝดผู้พี่ ขี่มอเตอร์ไซค์คันสีดำออกนำไปก่อน  ส่วน ดอย ก็ขึ้นซ้อนท้าย คันสีเขียว ที่มี อาร์ม แฝดน้องเป็นสารถี ขี่ตามออกมา



เข้าสู่ช่วงบ่ายของวันนั้น ถนนเลียบริมแม่น้ำที่ยังหลับใหลเพราะเป็นย่านเกสต์เฮ้าส์ และบาร์เหล้า ก็เริ่มมีคนสัญจรมากขึ้น รถเข็นร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านข้าวแกง ร้านส้มตำ ทยอยเข็นมาตั้งร้านเรียงกันจากหน้าสำนักงานตำรวจท่องเที่ยว ยาวมาจนถึงหน้าหอพักนาตยา  เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว จึงทำให้ชาวต่างชาติจะเยอะเป็นพิเศษ มักนิยมสะพายเป้มาเที่ยวพักกันในช่วงวันธรรมดาเพื่อหนีความวุ่นวาย  แต่ก็จะมีคนไทยมาในวันหยุดสลับกันไป ถนนเลียบริมแควใหญ่ใจกลางเมืองแห่งนี้จึงไม่เคยร้างผู้คน  บ้างก็เรียกกันว่าเป็น ลิตเติ้ลข้าวสาร เพราะมีบาร์ขนาดเล็กเรียงราย ขายเหล้าดริ้งค์ราคาประหยัดเหมาะสมกับกำลังทรัพย์นักท่องเที่ยว 

รถตู้โตโยต้าไฮเอชหลังคาสูงคันใหม่เอี่ยมสีฟ้าเทา จอดเทียบหน้าหอพัก  หนุ่มน้อยผิวขาวใสหน้าตาจิ้มลิ้ม เดินลงมาจากรถในชุดกางเกงขาสั้นสีดำกับเสื้อสีเหลืองสดตัดกับผิวแสนขาวเด่น ดูน่ารักจนผู้หญิงฝั่งตรงข้ามกลุ่มใหญ่ที่กำลังตั้งวงนั่งกินส้มตำหน้าบาร์เพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดบริการ ถึงกับผิวปากแซวกันด้วยความหมั่นเขี้ยว   หนุ่มน้อยเขินอาย รีบพาร่างผอมบางเดินผ่านเข้าไปยังร้านอินเทอร์เน็ต เพื่อติดต่อห้องพักซึ่งพ่อของเขาได้ทำการเช่าไว้ให้แล้ว

“สวัสดีครับ ใช่น้าแจ้หรือเปล่าครับ  ผมที่จะย้ายเข้ามาอยู่ห้องชั้นสามน่ะครับ ทำสัญญาไว้ในชื่อของพ่อผมครับ  ชื่อคุณธรรมเสถียร” หนุ่มหน้าใส ตากลม  ยกมือไหว้ผู้ดูแลหออย่างอ่อนน้อม ชวนน่าเอ็นดู

“อ้าว นี่ใช่น้องปุยไหม มาซะไวเชียว น้าเพิ่งไปตรวจน้ำ ตรวจไฟให้เมื่อสักพักนี่เอง  ทำความสะอาดห้องไว้ให้แล้ว โอ้วโหว หล่อขาวขนาดนี้  เป็นเด็กปั้นสังกัด พจน์ อานนท์ หรือเปล่าเนี่ย” แจ้แซว พร้อมเดินไปช่วยหยิบกระเป๋าใบใหญ่ที่วางไว้หน้าร้าน แต่ก็มีคนขับรถตู้กับเด็กรถอีกคน มาช่วยกันหิ้วขนของให้  แจ้จึงปลีกตัวไปเตรียมกุญแจมาให้กับหนุ่มน้อยผู้มาใหม่ 

“ขอบคุณครับ งั้นผมทยอยขนของเข้าห้องเลยนะครับ”  ปุย ส่งยิ้ม ก่อนจะหันกลับไปช่วยคนขับรถยกของเข้าหอพัก



กว่าจะจัดข้าวของให้เข้าที่เข้าทางก็พลบค่ำ หนุ่มร่างบางเดินลงมาหาของกินด้วยความหิว  ก็เพราะตามคำแนะนำของน้าแจ้ ร้านอาหารตามสั่งที่อยู่ติดกับหอพักจึงเป็นทางเลือกอันดับหนึ่ง ร้านนกน้อย เป็นห้องแถวคูหาเดียวแต่แลดูสะอาดแต่งไฟไว้สวยงาม มีหนุ่มใหญ่ใส่เสื้อแขนกุดสีม่วง รูปร่างอวบ ยืนรับรายการอาหาร  กับแม่ครัวคอยผัดกับข้าวอยู่หลังร้านเสียงเคาะกระทะดังต่อเนื่องอย่างกับคนตีระนาด แสดงถึงความวุ่นวายไม่น้อย ลูกค้าสาวมานั่งรอหลายคน  ส่วนใหญ่สั่งใส่ถุงกลับไปทานที่บาร์  โดยเฉพาะเมนูยำและผัดเผ็ดที่ขึ้นชื่อ

“อุ้ย หล่อเริ่ด อลังการดาวล้านดวงมากค่ะ คุณน้องขา สั่งอะไรดีคะ นั่งทานที่นี่ไหม เดี๋ยวเจ๊ลัดคิวให้  อ้าว ลุก ๆ  ใครนมโตกว่ากู ลุกไป ให้น้องสุดหล่อนั่งที” เจ้าของร้าน จีบปากจีบคอ ออกอาการสนใจปุยอย่างเห็นได้ชัด  ถึงกับตะเพิดสาวบาร์ที่นั่งเกะกะโต๊ะให้ลุกไป  สาวบาร์บ่นอุบอิบหมั่นไส้ผู้เป็นเจ้าของ  แต่ก็หลบทางให้หนุ่มน้อยน่ารักที่เข้ามาใหม่ แถวพร้อมใจส่งสายตายั่วยวนโดยอัตโนมัติราวกับซ้อมกันมา

เขาจึงสั่งข้าวราดปลาหมึกทอดกระเทียม กับ แกงจืดอีกหนึ่งชาม โดยมี เจ๊นกน้อยแวะเวียนมาแทะโลมเป็นระยะ  เมื่อทานเสร็จก็กลับหอพัก  นับเป็นอาหารราคาถูกรสอร่อยที่เขาตั้งใจจะไปทานให้บ่อย แม้นึกเขินเวลาสาวในร้านแซวบ้าง แต่ก็ชินมาสักพักแล้ว ตั้งแต่เขาถอดเหล็กจัดฟัน และขัดผิวด้วยมะขามเปียก ก็พบว่า ตัวเองดูดีขึ้นในแบบที่น่าพอใจ



“อีกสักพักใหญ่ น้าจะให้หลานชาย ก็วัยเดียวกับน้องปุยนี่แหล่ะนะ พาไปตระเวนดูว่ามีร้านค้าร้านอาหารที่ไหนใกล้แถวนี้บ้าง  เห็นคุณพ่อน้องบอกว่าไม่ได้เอารถเครื่องมาใช้ เดี๋ยวมันก็คงจะกลับช่วงค่ำนะ พอดีไปเตะบอลกับไอ้อาร์ม เพื่อนเด็กแนวของมัน มาถึงเดี๋ยวน้าจะรีบให้ไปเรียกนะ”  น้าแจ้แถลงยาว ด้วยความเอาใจใส่ ทันทีที่เห็นปุยเดินกลับมาเข้าหอ  จนปุยสัมผัสได้ถึงความหวังดี และนึกขำกับสำเนียงเหน่อของน้าแจ้ที่ทำให้อารมณ์ผู้ฟังดีขึ้นมา

“ครับ ขอบคุณครับน้า เดี๋ยวอีกวันสองวัน พ่อคงส่งเฟสสันของผมมาให้ใช้ขี่น่ะครับ แต่รู้จักพื้นที่ไว้บ้างก็ดีเลย เดี๋ยวผมขอเช่าเครื่องคอมเพื่อเล่นเน็ตสักชั่วโมง แล้วผมจะรอในห้องแล้วกันนะครับ ว่าจะจัดของให้เข้าที่เข้าทางสักหน่อย” ปุยยิ้มหวาน ก่อนจะนั่งใช้อินเตอร์เน็ตที่ร้านอยู่นานพอดู  แล้วก็กลับห้องพักชั้นบนไป 

โดยทั้งตึกห้องพักมีนักศึกษาอาศัยเต็มทุกห้อง พ่อของปุยเมฆติดต่อให้เขามาพักที่นี่ เพราะว่าขี่จักรยานไปยังสถานศึกษาได้โดยไม่ไกลนัก และถนนสไตล์ลิตเติ้ลข้าวสารทางผ่านไปวิทยาลัยไม่มีรถใหญ่วิ่ง แถมเคลื่อนที่ได้ช้า แลดูปลอดภัยในความคิดของผู้เป็นพ่อ   แม้ค่าเช่าห้อง3A ที่เป็นห้องใหญ่สุดราคาค่อนข้างแพงกว่าหออื่นในระแวก แต่พ่อของปุยไม่คิดลังเลในทันทีที่เลขาส่วนตัวแจ้งมาว่ามีห้องว่าง  จึงรีบจัดการโอนเงินและโทรศัพท์ประสานกับยอดดอย ซึ่งเขาคิดว่าเป็นเด็กที่อัธยาศัยดีอยู่ไม่น้อย 


หลายชั่วโมงผ่านไป หันไปดูเวลาก็เริ่มดึกแล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมาเคาะประตูห้อง ใจนึงก็อยากจะยกหูเอานิ้วแหย่รูแป้นโทรศัพท์ทรงแบนกลมที่หัวเตียง ซึ่งบนนั้นมีโปสเตอร์ อลิเซีย ซิลเวอร์สโตน แปะไว้  ปุยเมฆอยากจะหมุนเบอร์ไปยังร้านอินเตอร์เน็ตข้างล่าง ให้น้าแจ้วานบอกหลานชายตัวดีเสียที ว่าไม่ต้องมาแล้ว เขาอยากนอนจะแย่     

ปุยเดินออกมาที่ระเบียงท้ายห้อง  มองลงไปชั้นสอง  เห็นหญิงสาวกลุ่มนึงเพิ่งเดินจากห้องด้วยกางเกงขาสั้น ถือตะกร้าผ้าคนละตะกร้า เดาว่าน่าจะเอาผ้าไปส่งซัก  พลางเหลือบไปที่สวนขนาดเล็กท้ายหอชั้นล่าง  มีต้นทองกวาวสูงใหญ่ น่าจะให้ร่มเงาได้ดีตรงโคนต้นในช่วงเวลากลางวัน  เขาเห็นชายหนุ่มวัยเดียวกันกับเขาจากระยะไกล เดินออกมาสูบบุหรี่ที่สวน นั่งที่แคร่ใต้ต้นไม้ เมื่อสูบไปได้สักพักก็เอนตัวลงนอนอย่างสบายอารมณ์ 

“นายก็คงจะเหมือนเรา พวกคนขี้เหงาสินะ” ปุยพรึมพรำในใจ    อยู่ต่างบ้านต่างเมือง จะเดินไปทางไหน ก็มีแต่บาร์เหล้า ฝรั่งรายล้อม แถมยังมาโดนใครบางคนเบี้ยวนัดอีก  รอไปก็ไม่รู้จะมาหรือเปล่า ไม่ไหวแล้ว ไม่เอาดีกว่า วันนี้คงถอยดีกว่า ก่อนจะหันกลับเข้าห้องนอนไป..


......................................................…………………………………………………………………………………
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2018 01:59:38 โดย TofuChan »

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Track 2 :       มันถูกหน้าอกข้างซ้าย... เข้าตรงหัวใจพอดี


“ซาล๊ะเปา  ซาลาปาววว ขนมจีบร้อนร้อนมาแล้วคร้าบบ ”  โทรโข่งของรถขายของ หวีดกังวานจากท้ายหอพักนาตยา เสียงผ่านสวนมายังห้องนอนของยอดดอย  จนทำให้เจ้าของห้องที่กำลังสลึมสลือ บิดขี้เกียจไปมาบนเตียงขนาด 5 ฟุต ตามลำตัวมีรอยลอกของผิวหนังที่ไหม้คล้ำ ผลจากการเล่นน้ำเมื่อเทศกาลที่ผ่านมา 
ดอยนอนใส่กางเกงฟุตบอลผ้าร่มขาสั้นสีขาว เปลือยท่อนบนเผยให้เห็นรูปร่างที่ไร้ไขมัน เพราะมันถูกแทนไปด้วยกล้ามเนื้อของชายหนุ่ม ซึ่งได้มาจากการเล่นกีฬาเป็นนิจ
เขาพยายามดึงตัวเองจากเตียงที่แสนสบาย  เตรียมใช้ชีวิตวันหยุดภาคเรียนที่เหลือน้อยให้เต็มที่  ตู้เย็นสีแดงตรงหน้าห้องน้ำ มีโปสเตอร์ภาพ เคิร์ก โคเบน แปะไว้เหนือตู้ ถูกเปิดเอาน้ำเย็นมาดื่ม ก่อนดอยจะทำธุระส่วนตัวจนเสร็จไป

“ต้องถอนมั๊ยวะ ไอ้หลานสุดหล่อ” น้าแจ้ออกปากแซวตั้งแต่เห็นยอดดอย เดินผ่านผนังกระจกใสอย่างงัวเงีย หลานตัวดีเดินอ้อมจากด้านข้างของร้านอินเทอร์เน็ต มาเข้าที่ประตูด้านหน้าฝั่งติดถนน  แจ้หัวเราะออกมาอย่างสะใจ แล้วก็ก้มหน้าเย็บปลอกหมอนที่มีรอยขาดหวิ่นอยู่

“ส.บ.ม.ย.ห. น่ะน้า ระดับไอ้ดอย กึ๊บเบียร์สักนิด เห็นนมน้องอิ๋วชั้น 2 ซะหน่อย หูยย เดี๋ยวมีตาสว่าง” อาร์ม เพื่อนตัวแสบ ที่กำลังนั่งเล่นเกมคอมพิวเตอร์ อยู่ในร้าน ตะโกนยั่ว

“ช้าไปแล้วมั๊ง ดูในมือนู่น ลูกพี่มึงแดก คลอสเตอร์ แต่หัววัน.. มึงไหวไหมวะ ไอ้ดอย กูบอกให้พอ มึงก็นะรั้นเหลือเกิน แดกเสร็จก็อ๊วกอย่างกับหมา” โอ๊คที่นั่งอยู่โต๊ะคอมพิวเตอร์เครื่องติดกับของอาร์ม เสริมด้วยน้ำเสียงเชิงสั่งสอน

“คนล้มอย่าข้ามกันดิวะ กูท้องว่างด้วย ปกติกูแดกกี่กลม ก็ไหว พวกมึงก็รู้” ดอยหอบสังขารสูงใหญ่ แต่สุดโทรมเดินผ่านหลังโอ๊ค เขาบีบไหล่โอ๊คแผ่วเบาเป็นเชิงทักทาย แล้วเลยมานั่งที่โต๊ะคอมอีกเครื่องที่ว่างอยู่ถัดจากโต๊ะของอาร์ม 

“ไอ้โอ๊ค มึงเล่นไม่ดี อย่าโทษจอย ดิวะ” อาร์มมองจอเกม แต่เหลือบไปมองดอย แสดงให้เห็นว่าเป็นคำพูดจิกกัด

“นี่แหน่ะ ขอกูเบิร์ดกะโหลกซักที” พูดเสร็จดอย ก็เอามือโบกหัวอาร์มอย่างแรง “จอยพ่องมึงดิ อย่ามาแหลม”

“อุ้ยๆ เอาแล้วสิ” น้าแจ้ แซวบ้าง เมื่อเห็นอาร์มถูกดอยตบหัวจนผมที่เซ็ทมาอย่างดียุ่งเหยิง

ก่อนทุกคนจะตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกมชนิดต่างคนต่างไม่สนใจกัน  โดยมีลูกค้าวัยรุ่นทยอยเข้ามาเต็มร้าน  น้าแจ้รับออเดอร์ ข้าวราดไปส่งให้เจ๊นกน้อยเพื่อปรุง น้าแจ้ก็ขายน้ำอัดลมและน้ำเปล่าแก่เด็กคอเกมควบคู่กันไปด้วย

ร้านคอมพิวเตอร์ ติดสติ๊กเกอร์ไว้ด้านบนสุด สีเขียวขอบสีขาว เบียร์อินเทอร์เน็ทคาเฟ่ เป็นห้องกระจก มีสติ๊กเกอร์ สีแดงติดเลข เน็ต 50 บาท เกม 40 บาท 3ชม/100 บาท ตัวใหญ่ ขนาด 2 ฟุต และถัดไปเป็นอักษรตัวเล็ก ขนาด 6 นิ้ว ต่อเป็นแนวดิ่งกันมาเป็นแถวสีแดง
-รับพิมพ์งาน 
-รับเข้าเล่ม 
-รับถ่ายเอกสาร
-รับแฟกซ์
-รับส่งอีเมล์   
 
โดยร้านมีเครื่องคอมพิวเตอร์ 18 เครื่อง แบ่งเป็น 3 แถว  ถ้ามองจากหน้าร้านเข้ามาแถวแรก ชิดริมผนังฝั่งทึบด้านซ้ายของร้าน 5 เครื่อง  ยาวจากหน้าร้าน ไปจนถึง โต๊ะคนคุมร้าน ซึ่งตอนนี้ครองโดยน้าแจ้ผู้กำลังนั่งเย็บปลอกหมอนจนใกล้เสร็จ 
ถัดมาตรงกลางร้าน เป็นแถวคู่หันหน้าชนกัน แถวละ 5 เครื่อง  โดยก๊วนของดอย ยึดที่นั่งแถว 2 เป็นประจำเมื่อมีโอกาส เพราะมันจะทำให้ มองเห็นผนังโปร่งด้านขวา ที่มักมีนักศึกษาสาวอาชีวะ สาวพาณิชย์ แวะเวียนมาเยี่ยมเพื่อนที่หอกันได้อย่างสบายตา
ผิดกับแถว 3 ที่อยู่ตรงข้ามกัน ซึ่งจะต้องทนเห็นหน้ายียวนของพวกเขา
ท้ายสุดเป็นเวิ้งชิดริมผนังกระจกโปร่ง จะมีโต๊ะอิสระ อีก 3 โต๊ะ  แต่งไว้เป็นคอร์เนอร์แยกอิสระต่อกัน สำหรับคนที่ไม่ชอบนั่งร่วมกับใคร แต่ 3 โต๊ะนี้ เบียร์อินเทอร์เน็ทคาเฟ่ จะคิดราคา ชั่วโมงละ 80 บาท แพงกว่า 3 แถวกลางร้าน  กระนั้นก็ยังมีคนแวะเวียนมาใช้บริการกันเต็มเสมอ โดยเฉพาะชาวต่างชาติผู้หญิง

“เฮ้ย นั่นเด็กหอคนใหม่เหรอ ขาวอย่างเหี้ยเลย แดกบรีสต่างน้ำหรือไงวะ” อาร์มพูดเสียงดังพอที่จะทำ แถว 2 โต๊ะคอมทั้งหมดเงยหน้าไปมองที่ผนังโปร่ง  โดยมี ปุยเมฆ เดินใส่เสื้อสีตองอ่อน อุ้มหนังสือสองเล่มไว้ที่แขน เดินจากบันไดตึก ลัดผนังกระจกใส อ้อมข้างร้านมาเข้าประตูด้านหน้า  โดยมี โอ๊ค อาร์ม และ ดอย นั่งมองไม่ละสายตา

“น้องปุย เป็นยังไง หลับสบายดีไหม เมื่อเช้ามืดเห็นไปไหนมาล่ะ คนหล่อ เดินคนเดียว ระวังสาวๆ แถวนี้ฉุดเอานะ สาวบาร์แถวนี้ เมาแล้วดุมาก หื่นด้วย” น้าแจ้ เตือนสติอย่างอารมณ์ดี  พลางพับปลอกหมอนที่เย็บซ่อมรอยขาดเสร็จ แล้วใส่ในถุงกระดาษ เขียนด้วยปากกาเมจิคสีดำว่า ห้อง 2D 

“ไปใส่บาตรที่หัวถนนมาครับ เดินไปไม่ไกล ผมกลับมานอนต่อ เพิ่งจะตื่นเลยครับ” ปุยตอบด้วยน้ำเสียงน่าเอ็นดู ก่อนจะมองหาคอมพิวเตอร์ที่ว่าง แต่ถูกจับจองไว้จนเต็ม ยกเว้นโต๊ะเดี่ยวริมผนังโปร่ง  จึงเอ่ยถามน้าแจ้ต่อ “ผมจะใช้อินเทอร์เน็ตสักหน่อย ตรงโต๊ะริมกำแพงนั้นว่างไหมครับ”

“ได้เลยๆๆ เดี๋ยวให้ไอ้เจ้าดอยไปต่อให้ พอดีปิดเครื่องไว้เพิ่งสแกนไวรัสเสร็จ  อ้าวไอ้ดอย เมื่อวานเบี้ยวนัดน้อง ไปชำระความซะ” แจ้หันไปพูดด้วยน้ำเสียงแกมดุกับดอยที่ยังมองผู้มาใหม่ซึ่งกำลังเดินไปที่โต๊ะเดี่ยว  ดอยลุกตามไปยังโต๊ะไม้ทรงสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลอ่อน เขาเดินเข้าไปจากด้านหลังโน้มตัวคร่อมไหล่ขวาของปุยเล็กน้อย  เอามือเลื่อนเม้าส์ขยับ เพื่อต่อ อินเทอร์เน็ตให้กับผู้มาใหม่



“ตี้ดดดดดดดดดด  ตื่ออออออออออออออออออ  แว่งงง  แว่งงงง ซื่ออออออออออ”  เสียงดังออกมาจากลำโพงขนาดเล็ก ที่อยู่ข้างจอคอมพิวเตอร์  ไม่มีเสียงสนทนาอันใดเกิดขึ้นในระหว่างที่รอสัญญาณเชื่อมต่อ  จนเสียงลำโพงเหมือนจะดังก้องกว่าความเป็นจริงสักสิบเท่าในความรู้สึกของดอย

“เครื่องนี้โมเด็มแยกเหรอครับ”  ปุยเมฆที่ไม่ขยับสายตาจากจอตรงหน้า เอ่ยถามชายหนุ่มที่ยังคงโน้มตัวจากด้านหลังคร่อมเขาอยู่ ยอดดอยที่ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าอ่อน เปิดกระดุมสองเม็ดบนจนเกือบเห็นกล้ามท้อง ด้วยตำแหน่งที่ยืนก้มอยู่ในตอนนี้ มันใกล้ปุยเสียจน กลิ่นแป้งเย็นที่ทาลำตัวไว้ ส่งความหอมอ่อนไปยังคนที่อยู่ตรงหน้าจอคอมจนตัวเกร็งไปหมด   

“ใช่ครับน้อง คือ สายแลนมันเสีย ไอ้เจ้าของร้านคนเก่าไม่ยอมซ่อม เลยเอาโมเด็มพี่มายืมใช้ แต่ว่า ไม่ช้านะครับ 56K รับรองได้ว่าเร็วไม่ติดขัด สบายบรื๋อ สะดือโบ๋”  ดอยหยุดพูดทันที ที่คิดว่าการสนทนาอาจไปต่อไม่ได้ด้วยมุกฝืดของเขา

ปุยหันหน้าไปมองดอย เขาต้องตัวเอี้ยวหลบมาทางซ้ายเล็กน้อย เพราะเกรงว่า ปลายจมูกอาจจะชนกันได้ เพราะบัดนี้ ลมหายใจของชายที่ยืนเหนือไหล่ขวา แทบจะรมจนต้นคอของปุยจนร้อนฉ่า  “ผมว่า เราน่าจะวัยเดียวกัน เรียกปุย ก็ได้ครับ” 

“ครับ..   เอ่อ.. ขอโทษนะครับ เมื่อคืนไม่ได้ไปตามนัด พอดีว่า...”  ดอยหยุดพูดเหมือนบทสนทนาจะไปต่อไม่ได้อีกครั้ง

“เมาปริ้น! เมาอย่างกะหมา”  อาร์มตะโกนแซวด้วยเสียงอันดังลั่นร้าน จนคนทั้งแถวที่ 2 หัวเราะกันใหญ่

ก่อนดอยจะพยุงตัวกลับมายืนตรง และชี้หน้ามายังอาร์ม ทำปากหมุบหมิบ จับใจความได้ว่า “มึงอย่าแหลม”

“จร้า พ่อยอดขมองอิ่ม ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ” อาร์มหัวเราะถูกใจ หันขวาไปมอง โอ๊ค ที่ไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับมุกเมื่อสักครู่ ตาของโอ๊คยังจับไปที่ผู้มาใหม่   “ไอ้โอ๊ค มึงช่วยกูเร็ว แม่ง เอาบราซิลมาแข่งกับอิตาลีกู  เอาเบเบโต้ มาย้ำแค้นกูหรือยังไง สัส”   เมื่ออาร์มพูดจบ โอ๊ค ถึงก้มหน้าเล่นเกม ช่วยกันต่อไป    ดอยเดินกลับมานั่งที่โต๊ะแล้วก็เล่นโปรแกรม Pirch98  แต่สายตายังคงเหลือบไปมองหนุ่มน้อยในเสื้อสีเขียวตองอ่อนบ่อยครั้ง  ยิ่งตอนนี้ แสงแดดอ่อน ย้อนจากทางริมผนังโปร่งผ่านกระจกใสเข้ามาในร้าน ผิวของปุย ยิ่งดูขาว.. สีผมดำโดนแดดกลายเป็นสีน้ำตาลแกมแดง ปากนิดจมูกหน่อย  บรรยากาศในแถวที่ 2 เงียบสนิท มีเพียงอาร์มที่ยังร่าเริงเป็นระยะ


เวลาผ่านไปอีกร่วมชั่วโมง มีเด็กนักเรียนหลายคนเดินไปสั่งข้าว โดยมีน้าแจ้ของเด็กๆ ขันอาสาเอาออเดอร์ไปส่ง ทุกคนยังคงมุ่งมั่นอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เล่นเกมอย่างไม่ลดราวาศอก ราวกับว่า ต่อให้ฟ้าจะถล่ม แผ่นดินจะทลาย สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของทุกคนในเวลานี้ เป็นสิ่งที่ละสายตาไม่ได้เสียอย่างนั้น ใครบางคนที่แถว 2 ก็เช่นกัน

“อู้ยยยยยย ขอโทษนะเด็กๆที่ช้า ร้านเจ๊คนเยอะมากกกก นี่เจ๊แถมข้าวมาให้พูนจานเลยจร้า  กินเสร็จก็วางไว้ที่โต๊ะสีส้มที่ต้นเสานั่นเลยนะ เดี๋ยวเจ๊ค่อยมาเก็บ ว่าแต่  มีใครสมัครล้างจานไหมนะ เดี๋ยวเจ๊ให้เล่นเกมฟรี สามวันเจ็ดวันเลยจร้า” เจ๊นกน้อยส่งเสียงแจ๋นเริงร่าตั้งแต่ย่างเข้าประตูมา  ประตูเลื่อนที่เปิดทิ้งไว้ กระทบกับถาดอาหารดังปัง ก็ว่าเป็นการเปิดตัวที่เรียกความสนใจอยู่แล้ว แต่ยิ่งมาเจอลีลาการแซวผู้ชายสไตล์เจ๊นกน้อย เสียงฮาทั้งร้านจึงเกิดขึ้นทุกครั้ง  โดยมี น้าแจ้ยืนยิ้มหัวเราะมองอยู่ไม่ไกล

“อร้ายยยยยยยยยย  พระเจ้าจอร์จ มันยอดมากกกก  น้องขาวจั๊วะ ก็มาเล่นเน็ตร้านนี้เหมือนกันเหรอจ๊ะ อู้ยยย ทานอะไรไหม เดี๋ยวเจ๊เอามาส่ง” เจ๊นกน้อย ยืนกระหมิดกระม้วน กอดถาดรองอาหารไว้กับหน้าอก ทำท่าทีเอียงอายจนเด็กวัยรุ่นในร้านผิวปากแซว 

“ยังไม่หิวเลยครับพี่ ซื้อกลับมากินเมื่อเช้าแล้วครับ  กะว่ากลับจากเดินหาร้านเช่าการ์ตูนเสร็จผมจะแวะไปนะครับ คิดถึงปลาหมึกทอดกระเทียม อร่อยมากเลยครับ” ปุยส่งยิ้มตาหยีชวนระทวยใจ จนเจ๊นกน้อยเขินอายยืนบิดเป็นเกลียวสว่าน 

“หูยยยย อายุเท่าไหร่แล้ว ทำมายืนเขินอาย นึกว่ามัน คิกขุ อะโนเนะ นักหรือไง”  น้าแจ้เดินมาแซว  พร้อมชูหน้าตายียวน

“รมย์เสีย” เจ๊นกน้อยสะบัดก้นหันกลับแบบงอนเล็กน้อย ก่อนจะหันมาบอกกับปุย “แล้วเจ๊จะหมักปลาหมึกรอนะจ๊ะน้องขาวจั๊วะของเจ๊” นกน้อยพูดจบ ก็เอามือหยิกแก้มปุยอย่างเอ็นดู แล้วเดินกลับร้านไป ทิ้งเสียงหัวเราะชอบใจของวัยรุ่นชายในร้านอินเทอร์เน็ตไว้เบื้องหลัง 


ปุยเรียกน้าแจ้ให้เก็บเงินค่าอินเทอร์เน็ต และ ค่าแฟนต้าน้ำองุ่นที่เพิ่งดื่มหมดขวด โดยมีดอยและอาร์ม เหลือบไปมองเป็นระยะ  ปุยขอฝากหนังสือ คำทำนายของนอสตร้าดามุส เล่มหนาไว้ที่น้าแจ้ แล้วเตรียมเดินออกจากร้านไป  โอ๊คก็ลุกขึ้นยืน เดินไปหาชายหนุ่มหุ่นบางที่ประตู

“จะไปร้านเช่าการ์ตูนใช่ป๊ะ  เดี๋ยวเราพาไป” โอ๊คพูดกับปุยด้วยน้ำเสียงนุ่ม เขาก้มหน้ามองพื้นห้องไม่สู้สายตาปุย แต่ยังดูเท่ในสายตาสาวบาร์ในระแวกถนนเวิ้งนี้ ที่อยากจะขย้ำโอ๊คให้แหลกคาปาก

“จริงดิ ขอบคุณคร้าบ” ปุยยิ้มให้กลับ ตาหยีของปุยตอนยิ้ม มันคงพิฆาตอีกฝั่งให้พังทลายไปราวกับประตูที่พรุนของลิเวอร์พูลเมื่อซีซั่นก่อน   ปุยเดินนำออกไปทางหน้าร้านก่อนโดยมีโอ๊คเดินตามไป แฝดผู้พี่หันกลับมาหาน้องที่ยังนั่งอยู่

“ฝากจ่ายให้กูก่อนนะอาร์ม เดี๋ยวกูมา...  ดอย วันนี้กูไม่ไปเตะบอลนะ” โอ๊คพูดจบ ก็รีบตามไปสมทบชายเสื้อสีตอง





“อ้าว จะไปไหนกันล่ะจ๊ะสองหนุ่ม” เจ๊นกน้อยตะโกนจากในร้าน เมื่อเห็นโอ๊คกับปุยได้มาขยับมอเตอร์ไซค์ซึ่งจอดอยู่ตรงหน้าร้านของตน

“อ่อ ผมจะพาเขาไปดูร้านเช่าการ์ตูนหน่อย ผมกะจะไปพอดี ฝากซื้ออะไรเปล่าเจ๊” โอ๊คล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยทีท่าขวยเขิน

“ไม่ฝากหรอก แต่เมื่อไหร่ เจ๊จะมีโอกาสได้นั่งรถเครื่องสุดจ๊าบ คันสีดำนี่บ้างล่ะจ๊ะ เล็งมานานแล้วนะ” เจ๊นกน้อยทิ้งลูกค้าในร้านมายืนคุยกับโอ๊ค โดยไม่สนใจสาวบาร์ที่นั่งรออยู่แน่นร้าน เพราะทุกคนเป็นลูกค้าประจำและเข้าใจจริตนาง

“โหว แล้วแม่ย่านางรถผมจะกระเจิงไหมเนี่ย ได้ข่าวว่า เจ๊นี่แรงกว่าเจ้าป่าเจ้าเขาอีกนะ” โอ๊คเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อแซว ยักคิ้วโปรยเสน่ห์หล่อไปยังเจ๊นกน้อย ที่กำลังทำท่าแกล้งงอน

“ว้ายยย ทำไมอีเด็กเปรตพวกนี้มันปากคอเราะร้าย  นี่แหน่ะ นี่แหน่ะ” เจ้นกน้อยพูดเสร็จก็ทำยกกำปั้นสองมือ มาทุบที่ไหล่ของโอ๊คเบาๆ ราวกับเป็นเด็กสาววัยสิบสี่กำลังถูกแฟนคนแรกจีบ 

“แหม.. ล้อเล่นนนนน  เดี๋ยววันไหนเจ๊ว่าง ผมจะพาควบน้องแบทแมน ไปซื้อผักวนรอบตลาดเลยนะครับ” โอ๊คพูดจบ ก็หันกลับไปยังรถมอเตอร์ไซค์คันเท่ ที่จอดรออยู่

“หูยยย น่ารัก  เจออย่างนี้  ไม่รัก.. ก็บ้า ละนะ คิ คิ”  เจ๊นกน้อยทิ้งท้ายก่อนจะเดินกลับเข้าร้านไปทำงาน ท่ามกลางสาวบาร์ที่ทำปากมุบมิบนินทาด้วยความหมั่นไส้




“เกาะให้แน่นนะ เครื่องเราแรง.. แรงมากเลยอ่ะ” โอ๊คหันไปพูดกับคนซ้อนที่ดูแล้วน่าจะไม่ค่อยได้นั่งมอเตอร์ไซค์คันใหญ่เท่าไหร่ เนื่องจากปุยมีท่าทีเงอะงะเป็นอย่างมาก มือไม้ก็วางไม่ถูกด้วยความลังเล

“ก็ไปอย่าเร็วสิโอ๊ค  เราไม่เคยอะไรแบบนี้อ่ะ” ปุยที่นั่งคร่อมท้าย เอื้อมตัวไปบอกกับโอ๊คจากด้านหลัง คางของปุยแทบจะเกยไหล่โอ๊ค

“เราจะเบามือกับเธอแล้วกันนะ...  บอกให้เกาะให้แน่นไง” โอ๊คเอื้อมมือไปคว้ามือของปุยมาโอบที่เอวของตัวเอง

“ปลอดภัยแน่นะเนี่ย”

“ไม่เกาะให้แน่น เดี๋ยวก็ได้นอนยิ้มอยู่ข้างฟุตบาทซะก่อนถึงร้านนะ” ก่อนโอ๊คจะพุ่งรถออกไปอย่างช้ากว่ามาตรฐานตนเอง  ห่างออกไปสองช่วงตึก มียอดดอย ที่ขันอาสาลุงแจ้ ขอเป็นผู้หอบถุงขยะสีดำที่ยังไม่เต็มดีมาทิ้งข้างร้านเจ๊น้อย ยืนดูคนทั้งคู่ขี่รถแล่นออกไป





“ใช่คนนี้ไหม ที่พ่อเขาฝากให้น้องดอยดูแล”  นกน้อยเดินออกมาที่หน้าร้านอีกครั้งเมื่อเห็นยอดดอยยืนมองตามรถมอเตอร์ไซค์ที่แล่นออกไป

“ใช่ครับพี่น้อย”

“แล้วทำไมปล่อยให้เขาทำคะแนนอย่างนั้นล่ะ”

“คะนงคะแนนอะไรพี่น้อย อย่ามั่ว” ดอยหันไปมองนกน้อยแบบคนถูกจับพิรุษได้จนใบหน้าเหวอ

“เอาหน่า  เอาเป็นว่า ที่หลังอย่าเชื่องช้าอีก เดี๋ยวจะหาว่าเจ๊ไม่เตือน”

“ผมก็แค่ออกมาทิ้งขยะ”

“ขยะ ถ้าทิ้งแล้วมันต้องโล่งสิ ทำไมถึงได้หน้าบูดอย่างนั้นล่ะ”

“ก็มันไม่สนุกนะ ทิ้งขยะเนี่ย”

“ได้ข่าวว่าขันอาสามาดูให้เห็นกับตา  เอ๊ย ขันอาสามาทิ้งเองไม่ใช่เหรอ”

“ใครคาบข่าวมาบอกล่ะ”

“นั่นไง” นกน้อยชี้ไปยัง อาร์มกับน้าแจ้ที่เกาะผนังกระจกแอบดูอยู่

“แสบกันจริงๆ เลย พวกนี้” แล้วยอดดอยก็ดูจะอารมร์ดีขึ้นบ้างจนถึงกับหัวเราะออกมา


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2018 21:47:22 โดย TofuChan »

ออฟไลน์ DekPed

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Track 3 :             ฉันรู้สึก.. ราวกับเคลิ้มไป...

โคมไฟใหญ่ 4 ดวงสีขาวส่องพื้นกำลังถูกแมลงรุมล่อไฟนับพันตัวบินวนเวียนไปมา ใต้ไฟเป็นสนามฟุตบอล โดยมีวัยรุ่นหนุ่มสองคนเดินลัดเลาะข้างสนามเพื่อไปยังตลิ่งริมแม่น้ำที่อยู่ถัดออกไป 
แม้ว่าจะเป็นเวลาเกือบจะห้าทุ่มแล้ว แต่อาร์ม กับ ดอย ก็ยังหิ้วเบียร์คนละถุงใหญ่ ติดมือมาด้วย  พวกเขาซื้อมาจากร้านของหน้าโรงเรียนมัธยม ที่พวกเขาเป็นศิษย์เก่า และขอมาใช้สนามแห่งนี้เล่นฟุตบอลอยู่เสมอ ร้านของทิดเอิ้น ยังมีทีวีจอใหญ่ และโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าเวิ้งร้าน ให้ลูกค้านั่งเชียร์ฟุตบอลในคืนวันเสาร์อาทิตย์ด้วย   เฉกเช่นวันนี้ ที่อาร์ม กับ ดอย ก็มาสิงตัวอยู่ที่ร้านร่วมสองชั่วโมง ตั้งแต่เล่นฟุตบอลกับเพื่อนฝูงเสร็จ 

“แม่ง ไอ้เหี้ยโอ๊คเสือกพลาดช็อตเด็ด เรดเนปป์ทำประตูโครตสวยเลยอ่ะ  เผากุหลาบไฟไป 3-1 นี่เสือกไม่อยู่ดู มัวแต่พาเด็กเที่ยว” อาร์มบ่นด้วยความหงุดหงิด พลางถือถุงเบียร์เดินนำหน้าดอยไปยังท่าน้ำ แล้วนั่งกับพื้นหญ้า

“ปืนใหญ่กดโบโร่ไป 6-1 เด็ดสะมอเร่ เลยกู” ดอยอารมณ์เสีย ยื่นแก้วเบียร์ที่รินไว้แล้วป้อนใส่ปากอาร์มที่มือไม่ว่างเพราะกำลังถอดรองเท้าสตั๊ดและถุงเท้า อาร์มอ้าปากรับฟองนุ่มจากเบียร์เข้าปากด้วยการป้อนจากดอย



บริเวณชั้น 2 ของหอพักนาตยา ไก่แจ้เอาถุงกระดาษสีน้ำตาล ไปแขวนไว้ที่ลูกบิดประตูหน้าห้อง 2D โดยเขาเคาะประตูสองทีเป็นการเรียกให้เจ้าของห้องออกมาเปิดรับของ ก่อนจะหันหลังออกมา เจ้าของห้องในชุดนอนยาวสีขาวสะบัดผมยาวสลวยดำขลับ แล้วหยิบถุงหน้าห้องมาถือไว้แก้ดูของภายใน แล้วเดินกลับเข้าห้องไป


เรือหางยางแล่นในลำน้ำอย่างเชื่องช้า ในเวลาที่ทุกอย่างเงียบสนิท ไฟในสนามฟุตบอลที่อยู่ห่างออกไปประมาณร้อยเมตรดับลง มีเพียงเสียงระฆังจากวัดที่อยู่เชิงสะพานเบื้องหน้า ตีดังทุกชั่วโมงเพื่อบอกเวลา  สองหนุ่มนั่งชันเข่ามองตรงไป แม่น้ำแควใหญ่แทบไม่ค่อยไหลยามค่ำคืน เพราะเขื่อนต้นทางไม่ปล่อยน้ำตอนดึก มีสาวแก่สองคนใส่ผ้าถุงยืนที่ตลิ่งฝั่งตรงข้ามตักน้ำแม่น้ำอาบ พวกเขาเห็นภาพนี้เป็นประจำจนชินตา

“วันนี้กูอยู่ไม่ดึกนะ เมื่อคืนแทบคลาน กูไปนอนที่สวน ตื่นมาอีกที เกือบตีสี่ ยุงเยอะชิบหาย” ดอยพูดไปก็เกิดนึกคันตามร่างกายขึ้นมา วางแก้วเบียร์แล้วเกาไปที่แขนขา 

“พรุ่งนี้กูก็ว่าจะอยู่ดูแมนยูที่บ้านว่ะ ไม่ได้ไปไหน มึงไปดูบ้านกูไหมล่ะ” อาร์มเอ่ยถาม 

“ไม่อ่ะ ตั้งแต่มีถ่ายช่อง 9 กูก็ขี้เกียจจะออกแล้ว ถ้าคู่ไหนถ่ายทอดผ่านยูบีซี กูก็จะขอไปดูบ้านมึงก็แล้วกัน ไอ้เศรษฐี”

“แม่กูติดเคเบิ้ลไว้ให้พี่กูเว้ย กูแม่งขออะไรไม่เคยได้ แต่ถ้าอ้างไอ้โอ๊ค แทบมีประเคน ไอ้โอ๊คนี่ก็อีกคน แม่งอยู่ต่อหน้าแม่ทำเป็นหน่อมแน้ม เด็กดีเหี้ยเหี้ย ลับหลังแม่นี่ เถื่อนกว่ากูอีก” อาร์มพูดไปหัวเราะไป

“แต่มึงก็ยังดีนะ ไอ้เหี้ยโอ๊คแม่งรักมึงมากมาย กูล่ะอิจฉาคนมีพี่น้อง”

“กูยกพี่กูให้ไหมวะ เอาม๊ะ”  อาร์มถามแบบไม่รอคำตอบแต่หัวเราะร่วน

“พ่อแม่กูคงกุ้มใจตายห่า ชุมชนบ้านกูคงพินาศวอดวาย แถวนั้นยิ่งเรียกกูว่าเป็นเด็กกากแห่งหมู่บ้านหินแหลม”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เออวะ พวกเราแม่ง มีดีอะไรกันบ้างวะ กูก็อยากจะรู้ นี่ถ้าบ้านกูไม่รวย กูคงต้องไปขอข้าววัดกิน” อาร์มยกแก้ว
ทั้งคู่ ชนเบียร์กันต่อ ก่อนจะเหลือบไปเห็นครึ่งขวดสุดท้าย พยักหน้าใส่กันเป็นสัญญาณว่า หมดขวดนี้ ก็คงต้องจรลีกลับบ้านกันแล้ว  อาร์มรินเบียร์ครึ่งขวดสุดท้ายนี่ ให้ดอย กับใส่แก้วตัวเองอย่างละเท่ากัน




ในร้านอินเทอร์เน็ต ที่ลูกค้ายังไม่พร่อง นกน้อยเอาข้าวราดมาเสิร์ฟลูกค้าในร้าน เหลือบไปเห็นแจ้ที่กำลังทำบัญชีรายรับรายจ่ายหอพัก จึงถือเอาน้ำกระเจี๊ยบเย็นที่เตรียมมา วางไว้ให้ที่โต๊ะ

“ขอบใจครับ คนสวย”

“พี่ก็อย่าอยู่ดึกล่ะ เดี๋ยวหนูกลับแล้ว ที่ร้านของจะหมดแล้ว”

“อ้าวเหรอ เมื่อค่ำยังเห็นผัดปลาหมึกหอยฉุยมาแต่ไกลเชียว”

“สงสัยจะหมึกกระเทียมของน้องปุยล่ะคะ เด็กอะไรตัดนิดเดียว กินเก่งเชียว”

“ก็เขาชมฝีมือแม่ยอดหญิง ว่าอร่อยขนาดนั้น”

“ชมกันเองอยู่นั่น หนูเขินนะ”

“แล้วนี่จะเก็บร้านแล้วเหรอ ว่าจะไปนั่งจิบเบียร์ที่ร้านสักหน่อย”

“ก็เดี๋ยวเก็บร้านเสร็จก็ไปสิพี่ อีกพักหนูก็ปิดร้านแล้วล่ะ”





“มึงว่า ไอ้โอ๊ค มันแปลกๆ เปล่าวะ นี่ไม่มาเล่นบอลกับกูสองวันแล้ว เมื่อวานตอนบ่ายก็แม่ง ไม่เสือกรอพวกเรา” ดอยเอ่ยถามอาร์ม แล้วก็รอฟังคำตอบ ขณะเดินจากริมตลิ่งแม่น้ำ ลัดสนามฟุตบอล เพื่อกลับไปยังลานจอดรถหน้าโรงเรียนใกล้ป้อมยาม

“เออ กูก็ว่ามันเงียบๆ เหมือนมีเรื่องในใจ  พอกลับบ้าน กูกับมันก็ต่างคนต่างเข้าห้องตัวเอง คุยกันก็ดีปกตินะ แต่เหมือนมันจะเก็บตัว อ่านแต่หนังสือ ดูหนังฝรั่งเรื่องเดิมๆวนไปมา  สงสัยยังเสียใจเรื่องน้องเต้าหู้ล่ะมั๊ง  ไม่เป็นตัวเอง ไม่เหมือนเคย” อาร์มแสดงความเห็น

“คือ อย่างเต้าหู้นี่ ก็ไม่ใช่ว่ามันจะเสียใจอะไรมากมายนี่หว่า แถมยังเป็นฝ่ายห่างน้องเขาออกมาก่อน แต่อย่างวันนี้... เอ่อ.. ไปกับคนแปลกหน้า  กูรู้ว่า มันมีน้ำใจกับทุกคน แต่คนแปลกหน้า อยู่ดีๆ มันก็เสนอหน้าไปช่วยเขา มันผิดวิสัยเปล่าวะ”

“จะว่าแปลกหน้า ก็ไม่แปลกนะเว้ย กับน้องตัวขาวๆ  นั่นเมื่อวานก็เจอกันแล้ว ตอนพวกเราไปเรียนซ่อมอ่ะ  โอ๊คมันขี้เกียจรอพวกเรา มันก็เลยกลับมาเล่นเกม พอตอนมึงเอารถอาจารย์ไปทำสี กูกลับมาเอาชุดบอลที่ฝากไว้กับมัน ก็เห็นไอ้โอ๊คนั่งคุยกับน้องขาวโอโม่แล้ว”  อาร์มเล่าเหตุการณ์ก่อนไปเตะฟุตบอลวานนี้ให้ดอยฟัง

“มิน่า กูก็ว่า มันไม่ใช่คนที่จะเข้าไปคุยนั่นนี่กับใครก่อน มันขรึมจะตายชัก” ดอยเสริม

“แต่กูแปลกที่พอมันจะมีอัธยาศัยขึ้นมา ทำไมไป ถึกถึง โป๊ะ พ่าม พ่าม กับน้องขาวว่อกนั่นวะ กูรู้ว่าน้องเขาก็ดูน่ารักมากนะเว้ย แต่แม่งยังไงก็ผู้ชายเปล่าว่ะ กูยังช็อคเหมือนกัน” 

“หรือมันนึกว่า ปุยเป็นทอม แบบเรื่อง จ้าวฮะ อะไรยังงี้”

“ทอมพ่อง แม่งดูหล่อกว่ากูอีก นี่ถ้าม๊ากูรู้นะ ว่าลูกชายสุดที่รักเอาหนุ่มหน้าหวานกว่า เจ มณฑล ซ้อนท้ายไป มีหวังว่า กูนี่ได้เขยิบเป็นขึ้นเป็นลูกรักอันดับหนึ่งของตระกูล ตรีโอฬารวงศ์ เลยล่ะ”  อาร์มเล่าจินตนาการอันแสนซนของตนเอง

“ไม่มีอะไรมั๊ง กูว่าอย่าไปคิดมาก ผู้ชายกับผู้ชาย มันเป็นไปไม่ได้หรอก คิดมากน่ะมึง  แล้วเลิกเรียกเขาว่าน้อง เขาบอกว่ารุ่นเดียวกัน” ดอยเสริม

ทั้งคู่เดินมาถึงรถก็ขอตัวแยกกันกลับ  อาร์มควบโรบิน  มอเตอร์ไซค์สุดรักสุดหวงสีเขียว ส่วนยอดดอย ก็ขี่ Nova Dash 125 สีแดงดำคันโปรดแล่นกลับบ้านไป




ยอดดอย พาตัวเองผ่านเวิ้งโค้งหัวถนนลิตเติ้ลข้าวสาร ที่แสนคึกคักสุดขีดในคืนวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันโครตเหงาที่สุดของสัปดาห์ ฝรั่งนั่งอ้อล้อหญิงสาวนุ่งสั้นกำลังนั่งรายล้อม ด้วยอัตรส่วน 4 เต้า ต่อ 1 ฝรั่ง 
รถขี่มาหยุดที่หางแถวซึ่งมีเบื้องท้ายรถเก๋ง Honday City Type-Z ป้ายแดงตรงหน้า ท่าทางคนขับจะขี้โมโห พยายามบีบแตรไล่รถเก็บขยะที่ไม่ยอมเคลื่อนตัวสักที ถนนสองเลนจึงคล้ายจะเป็นอัมพาตชั่วขณะ   

เขาเหลือบไปเห็นหนุ่มคนนึงในตู้โทรศัพท์สาธารณะทางด้านซ้าย ที่ความขาวของผิวผ่องทะลุแผงกระจกของตู้จนเห็นได้ด้วยตาเปล่า  เขาจึงเทียบรถไปหา เป็นเวลาเดียวกับที่ ปุยวางหูโทรศัพท์แล้ว

“จะกลับยังครับ ไปด้วยกันสิ” ดอยเอ่ยปากถาม ขณะที่ให้สองขาเหยียดยืนในท่าคร่อมพยุงรถมอเตอร์ไซค์ไว้

“เมามาหรือเปล่าครับ พาผมไปถึงที่หมายไหมอ่ะ” ปุยแซวพร้อมส่งรอยยิ้มหยีให้  ไอ้ตาหยีทรงนี้แหล่ะ ที่วันนี้เขาได้เห็นกับตาตัวเองแล้วว่า ทำเอาไอ้โอ๊คขาโหดนิ่งสงบจนแทบไปไม่เป็น  และมันกำลังทิ่มแทงเขาจนใจเต้นตูมตาม

“ขึ้นมาเลย สัญญาครับ” ดอยยกนิ้วสามนิ้วแบบลูกเสือ ขึ้นมาให้สัญลักษณ์






รถแล่นอย่างช้า แต่เวลาก็ยังคงหมุนไป พวกเขาแวะร้านปาริชาตของชำ ที่อยู่ระหว่างทาง เพราะมีเครื่องใช้ซึ่งนึกได้ว่าขาดอยู่ ดอยรอที่รถประมาณห้านาที  จนปุยซื้อของเสร็จแล้วกลับมา  ดอยเอาขาตั้งขึ้น เตรียมขยับรถออก

“รูปหล่อคันนี้ มีชื่อหรือเปล่าครับ” ปุยถาม  แต่พอเห็นดอยยืนอึ้ง เขาก็เลยชี้ไปที่รถมอเตอร์ไซค์สีดำตัดแดงของดอย 
“ก็ของโอ๊ค ยังชื่อ แบทแมน เลย”

“อ๋อ เอ่อ..  ไอ้หมอนี่ ชื่อ หน้ากากทักซิโด้”

“ห๋า”

“จริงๆ”

“งั้นก็ขอให้ คุณหน้ากากทักซิโด้ ช่วยพาผมไปส่งทีนะครับ” ปุยเอามือตีที่แฮนด์รถ คล้ายคนตบไหล่ทักทายกัน จนดอยรู้สึกเอ็นดูในมุมน่ารักของหนุ่มผิวขาวละมุนตรงหน้า

“คุณก็แปลงเป็นเซเลอร์มูนดิ  ไอ้ทักซิโด้มันชอบคนสวย”

“ไอ้บ้า..   เราเกิดวันศุกร์”

“จะเป็นวีนัส ซะงั้น”

“ไม่เป็นอะไรทั้งนั้นอ่ะ เป็นคนง่วงนอน อยากกลับบ้านแล้วครับ”  ก่อนปุย จะเดินไปท้ายรถ ควบขาขึ้นซ้อนบนเบาะ

“เกาะให้แน่นล่ะ”  ดอยสตาร์ทรถ เตรียมตัวออก

“ทำไมวันนี้ มีแต่คนจ้องจะให้ผมกอดอ่ะ”

“เจ้าของแบทแมนของบอกให้กอดเหมือนกันสินะ”

“ดีจัง แก๊งนี้มีแต่คนเป็นห่วงผม กลัวผมตกรถสินะ”

“ก็นุ่งสั้นขนาดนี้ ทิ้งไว้กลางดงฝรั่ง รับรองได้เลย ตัวแทนแห่งดวงจันทร์ ก็ช่วยไม่ได้แล้วนะ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า.. ทะลึ่ง  ไปได้แล้ว”  ปุยเอื้อมมือไปเกาะชายเสื้อฟุตบอลอย่างหลวมๆ  เขารู้สึกได้ถึงมือที่สัมผัสกับบั้นเอวของคนข้างหน้า มันแข็งแน่นอย่างกับที่นอนใยมะพร้าว  ลมเอื่อยตีใบหน้าขาวเนียนแผ่วเบา  อย่างน้อยคืนนี้ ปุยก็มีเรื่องให้อมยิ้มอย่างไม่คาดหวัง ทั้งที่เมื่อสักครู่ ปุยคิดไปว่า จะต้องกลับหอพักด้วยใจที่หดหู่ หลังวางสายปลายทางไป



หน้ากากทักซิโด้ วิ่งช้าผ่านเข้าช่องข้างกำแพงหอพัก ไปจอดท้ายสวน ทั้งคู่เดินจากลานจอดที่มีรถมอเตอร์ไซค์เรียงรายขนาบสวน มาจนถึงหน้าห้องดอย ซึ่งก็มีบันไดทางขึ้นจากตรงนี้ ไปยังชั้นสอง และชั้นสามได้อีกทาง  ที่ชั้นสอง  หน้าประตูป้ายอักษร ห้อง2D มีสายตาที่มองลงมายังหน้าห้องของดอย ก่อนเจ้าของสายตานั้น จะหันกลับเข้าห้องนอนไปพร้อมกับชุดนอนสีขาวที่พลิ้วไสว


“คืนนี้นอนในห้องดีกว่านะ บนแคร่ ยุงมันเยอะ”  ปุยขำเบาๆ แล้วเดินขึ้นบันไดไป 

“อ้าว เห็นด้วยเหรอ อายจัง”

“ผมก็นึกว่ายามของหอพัก ยังคิดในใจว่า ต้องเมาแน่เลย ราตรีสวัสดิ์นะครับ”

“ไว้เจอกันครับ”  ดอยรู้สึกเขินและกลับเข้าห้องนอนของตน  เขาถอดเสื้อและกางเกงฟุตบอล รวมถึงชั้นใน โยนไปในตะกร้าสีขาวที่อยู่ข้างๆ  โต๊ะซึ่งมีหนังสือเล่าหนาที่วางไว้  ถอดรหัสปริศนานอสตร้าดามุส แล้วดอยก็พาร่างเปลือยเปล่าเดินตรงไปยังห้องน้ำ



น้ำจากฝักบัว ไหลรินสู่เส้นผมที่เปียก แล้วร่วงผ่านใบหน้า ลำคอ ไปยัง
แผ่นอกที่แน่นด้วยมัดกล้าม น้ำยังคงผ่าน รอนท้อง สะโพก สู่ลำขาจนถึงปลายเท้า
ดอยหายใจแรงเป็นช่วงช่วง.. 
เขาพยายามสะบัดกลิ่นหอมอ่อนคล้ายดอกไม้อะไรสักอย่างที่ติดอยู่ปลายจมูกออกไปให้สิ้นซาก
แต่ก็ทำได้ยากเมื่อในเลือดเนื้อยังมีฤทธิ์แอลกอฮอล์หลงเหลืออยู่มาก

เขาเอื้อมมือซ้ายไปยันที่กำแพงตรงหน้า เปิดน้ำเร่งแรงขึ้น จนมวลน้ำจำนวนมากสาดจากฝักบัวลงบนใบหน้า
เขาหายใจลึกและแรงขึ้น เร็วขึ้นและถี่ขึ้น  มือขวาของเขาถูไล้ตามร่างกาย ก่อนจะหายใจเฮือกใหญ่จะถูกพ่นออกมา   
..ทำไมต้องเธอ ..ไม่เข้าใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2018 21:53:52 โดย TofuChan »

ออฟไลน์ NC Wanted

  • NC Wanted
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นุ้งดอย   :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Track 4 :      เมื่อไหร่ที่เผลอ.. ยังนึกว่าเธอ อยู่ในฝัน

[ Feat. ยอดดอย ]

อันนี้ คือเสียงในหัวของผมใช่ไหม ต้องขออภัยที่ดูคล้ายจะเบลอ คือใจคอผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผมงง..
ชีวิตเด็กบ้านนอก อยากจะมาเที่ยวซ่า ฮานาก้า ในเมือง แต่แล้วมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ฝันมากนัก
ผมเป็นคนเงียบ ไม่ค่อยสุงสิงกับใครที่ไม่ใช่เพื่อน ยกเว้นไอ้แฝดคู่เกลอที่เรียน ปวส.ช่างยนต์ด้วยกัน
พวกมันนิสัยดีนะ ผมว่า..  แต่ใครจะรู้ ก็ผมไม่มีเพื่อนอื่นเท่าไหร่  พวกที่เล่นฟุตบอลด้วย ก็แยกย้ายกันเมื่อจบเกม

จะว่าไป คนที่เข้ากับคนอื่นง่ายที่สุด คงเป็นไอ้อาร์ม
ความกวนตีนของมัน สร้างความประทับใจคนรอบข้างไม่น้อย
ไม่เหมือนไอ้โอ๊ค ที่เงียบกว่าผมอีก แต่มันแม่ง หล่อได้น่าโมโห  เป็นแฝดกับไอ้อาร์ม แต่เสือกดูเท่ ดูดีจนน่าอิจฉา
ไอ้อาร์มมันก็หล่อนะ แต่มันดูเด็กกว่า สาว ๆ ชอบบอกว่ามันน่ารัก สันดานกวนส้นตีนทำให้คนลืมความหล่อของมันไป 
แม้มันเหมือนกันอย่างกับแกะ มีผมนี่แหล่ะแยกมันออกได้แค่ฟังเสียง คนอื่นต้องใช้เวลาสักพักถึงรู้ว่า ใครโอ๊ค ใครอาร์ม 

เราเรียนด้วยกันตั้งแต่ ปวช. พอวิทยาลัย จะมี ปวส.ช่างยนต์เปิด เราก็ดีใจ และไม่คิดจะไปสอบเข้าที่ไหนกันอีก
เราสบายใจที่นี่ อาจารย์ช่วยเหลือเราดี ที่สำคัญ ผมขี้เกียจเริ่มต้นอะไรใหม่ ส่วนพวกไอ้แฝดก็คงรีบจบมาเอาวุฒิ  เดี๋ยวมันก็ต้องไปทำงานกับพ่อมัน ที่ใหญ่โตคับฟ้าในจังหวัดกาญจนบุรีอยู่แล้ว ไหนจะรับเหมา มีหุ้นโครงการบ้านจัดสรร แถมเป็นตัวแทนจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ และดีลเลอร์แบรนด์รถยนต์ยี่ห้อดังที่ใหญ่กว่าใครในเขต  ไม่รวมโครงการที่จะขยายไปสุพรรณบุรี ราชบุรี

แค่พวกมันไม่เรียนสายสามัญนี่ก็ขัดใจ ก๊อดฟาเธอร์ของมันมากพออยู่แล้ว  คือใครก็อยากเข้าหาพวกมันนะ แต่ผมคือคนที่พวกมันเลือกที่จะเข้ามาหา มันก็มีแค่ผม เราไปกันสามคน สามเกลอ น้าแจ้บอกว่า เรามีกันสามคน เลข 3 น่ะดีแล้ว  เขาเรียกพวกเราว่า แก๊งฉมวกแทงเหี้ย  คือ มีสามง่าม ไว้พิทักษ์ตนเอง  เออ.. ที่สุดของแจ้ ช่างคิดนะน้า

เมื่อ 19 ปีก่อน ตอน เด็กชาย สุปรีชา วงศ์ธนาธัช ถือกำเนิดขึ้น เป็นช่วงที่ พ่อกับแม่ผมมีอันจะกินแล้ว  พ่อผมเป็นผู้ใหญ่บ้าน ที่บ้านหินแหลม อำเภอทองผาภูมิ ไกลหน่อยจากที่นี่  แต่ก็เป็นอำเภอที่คนในตัวเมืองกาญจน์ ไปซื้อหาจับจองที่ดินแถวนั้นกันมากมาย เพราะที่เที่ยวธรรมชาติเยอะ  ส่วนแม่ผม เป็นกำนัน..  ใช่ครับ  แม่ผม ใหญ่กว่าพ่อ

แม่ผมเป็นคนเด็ดขาดมากในทุกเรื่อง แม่เคยเป็นผู้หญิงที่อยู่กับบ้านทำครัวดูแลลูก 
จนกระทั่งพ่อมาเป็นผู้ใหญ่บ้านและเริ่มมีเมียน้อย.. 
แม่ผมก็เลยหาหนังสือหนังหามาอ่านและสอบเทียบโอนจนแกเรียนนอกเวลาจบ 
แล้วไปสมัครผู้ใหญ่บ้านแข่งกับพ่อ แถมชนะด้วย จนแม่ไปถึงกำนัน พ่อจึงมีโอกาสเป็นผู้ใหญ่บ้านอีกครั้ง
พ่อผมตอนนี้หงออย่างกับแมวเชื่องเลย แต่ทั้งแม่กับพ่อผมใจดี จะดุบ้างตอนเห็นผลการเรียนของผม  ถึงขั้นด่าบ้างก็ช่วงที่ผมเล่นพนันแทงบอลสมัยมาเรียนในเมืองใหม่ๆ   แต่ผมก็เลิกจนหมดสิ้น อันนี้ต้องยกความดีให้พวกไอ้แฝด โดยเฉพาะไอ้โอ๊ค มันกล่อมผมอยู่หมัดด้วยวิธีเถื่อนๆของมัน  ไอ้เพื่อนแสบ

ผมก็ส่งจดหมายแนบแสตมป์ไปให้แม่บ่อย แม่ผมชอบเก็บแสตมป์มาก โดยเฉพาะเวลามีลวดลายใหม่ที่เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง ท่านเก็บไว้อย่างดี และเอามานั่งดูบ่อยครั้ง เวลาผมจะขอตังแม่เพิ่มเพื่อแต่งรถเครื่องคันโปรด ผมก็จะส่งแสตมป์ไปก่อน แล้วค่อยโทรไปหาด้วยแผนชั่วร้าย  ถ้าเป็นพ่อรับสาย ผมก็จะถามทุกข์สุข ถ้าแม่รับสาย ผมก็ตรงเข้าประเด็น แม่ผมนี่ก็มักจะรู้ทัน แต่แกก็ให้ผมเสมอ รายได้แม่ดีครับ แม่เป็นนายหน้าขายที่ในอำเภอด้วย เราอยู่กับอย่างไม่ขัดสน ไม่เดือดร้อน มีเงินก้อนใหญ่จากการว่าจ้างปรับถมที่ดินหลายครั้ง

ชีวิตผมก็ดูเรียบง่าย จนกระทั่งแม่มาซื้อตึกในเมือง แล้วตกแต่งเป็นหอพัก คล้ายกับว่าจะหาอะไรให้ผมทำระหว่างเรียนเพื่อไม่ให้หนีเที่ยวไปไหน  โดยให้น้าแจ้ น้องชายแท้ๆของแม่มาช่วยดูผม แม่ไม่เคยมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตผมมากนัก ยิ่งพ่อแทบไม่เคยได้โทรหากัน ผมกับน้าแจ้ชอบนั่งคุยกัน มองฝรั่งปั่นจักรยาน หรือเดินผ่านไปมา  หอเราอยู่ระหว่าง ทางไปสะพานข้ามแม่น้ำแคว มันเลยทำให้นักท่องเที่ยวผ่านหอเราเยอะมาก

หลังจากที่ผมได้รับโทรศัพท์จากชายสูงอายุท่านหนึ่ง พูดจาดี ฟังดูก็รู้ว่าคงหล่อแบบ นิรุตต์ ศิริจรรยา ก็ไม่ปาน ท่านบอกว่า ลูกชายของท่าน ยังเด็กกว่าที่จะขี่มอเตอร์ไซค์ เลยอยากจะให้ลูกชายมาอยู่ในหอพักที่สัญจรไม่ไกลจากวิทยาลัย  ท่านพอใจรูปของห้องพัก จาก E-mail ที่ผม attach file ส่งไปให้มาก ท่านให้เลขาโอนยอดเงินเข้าบัญชีแม่ผมเพื่อจองห้องพักในทันที และฝากให้ผมดูแลลูกของท่านด้วย ผมก็รับปากดิบดี   
ห้องพัก 3A เนี่ย แม่ผมตั้งราคาไว้แพงเกินหน้าเกินตาหออื่น หรูราวกับห้องสวีทโรงแรมมณเฑียรด้วยซ้ำ เพราะว่า ท่านเอาไม้จากสังขละบุรีมากรุแต่งห้อง แล้วก็ตีทะลุ  ทำห้องน้ำใหม่ ทำฝ้าฝังไฟ ฟูกยางพารานี่ก็นอนสบายโครต มีอ่างอาบน้ำ ผมเคยขอย้ายขึ้นไปอยู่ แต่แม่ไม่ให้ แม่บอกว่า เดี๋ยวผมทำห้องแม่เละ  โถ่วว แม่ในไส้ของผม

กระนั้นยังไม่ทันไร ผมก็ผิดสัญญากับท่านนิรุตต์ เอ่อ  ท่านไม่ได้ชื่อนิรุตต์ แต่ผมเดาว่า ท่านคงเป็นท่านชายจากที่ไหนสักแห่ง เพราะท่านพูดจาได้เพราะกว่าพนักงานเพจเจอร์ ที่กด *162* แล้วโทรออก เสียอีก  ดูจากใบโอนเงินที่ท่านแนบไฟล์มาในอีเมล์ ท่านชื่อ ธรรมเสถียร โรจน์อนันต์ทรัพย์  อู้วหูววว   แค่ชื่อมีความหรูโก้กว่าชื่อพ่อผมเป็นร้อยเท่า   

เดี๋ยวๆๆ  กลับมาก่อน ชอบนอกเรื่องอีกแร๊ะ    คือ ผมก็ผิดสัญญากับท่านที่จะดูแลลูกท่าน ตั้งแต่คืนแรกที่น้าแจ้ไปนัดว่า ให้ผมพาลูกเขาไปดูถนนหนทางไปวิทยาลัย แนะนำร้านอาหารรวมถึงร้านขายของที่จำเป็นตามประสาลูกคุณหนู
ตอนแรก ผมก็เคลียร์ทุกอย่าง ว่าจะพาเขาไปตระเวนดูนั่นนี่  แต่ไอ้เหี้ยอาร์มนี่สิ เอ่อ.. ขออภัยที่หยาบคายครับ   มันส่งแก้ว สเปย์ รอยัล มาให้ผม ด้วยศักดิ์ศรีแห่งสีม่วงของขวดเหล้า  เกียรติยศของเหล้านอกต้องคงอยู่ต่อไป ผมรับมาดื่ม จากแก้ว สู่ขวด แล้วพอมีกลุ่มนักบอลอีกกลุ่มมาสมทบ ไอ้อาร์มก็โชว์ความเป็นเสี่ย สั่งโซดามาเลี้ยงอีก จากขวดเลยเป็นลัง

ผมอยากจะไปเคาะประตูห้องเขา แต่คงนอนไปแล้ว ผมเดินอย่างรู้สึกผิดไปที่สวน ควักบุหรี่ที่พยายามจะเลิกมาสูบ แล้วก็หลับไปบนแคร่ใต้ต้นทองกวาวของแม่  ผมพยายามจะเป็นคนที่มีสาระขึ้น รับผิดชอบขึ้น ผมงงกับชีวิตมาสักพักว่าผมจะเอาอย่างไรกับชีวิตต่อ  โดยเฉพาะถ้าเรียนจบ ปวส.แล้ว จะกลับบ้านนอก หรือจะทำอะไร ผมงง ผมเครียด และแน่นอนว่า ผมมี สเปย์ รอยัล

แต่พอตื่นเช้าขึ้นมา ก็งงหัวชิปเป๋ง ไอ้โอ๊คพาผมไปอ๊วกหน้าประตูร้านเจ๊ฟ้า [ ผมคงไม่ไปกินเหล้าร้านเจ๊สักพักนะครับ ] ไอ้อาร์มต้องกลับไปเอารถ โตโยต้า Tiger D4D คันใหม่ป้ายแดงของคนงานพ่อมัน มาขนหน้ากากทักซิโด้ โดยมีผมที่นอนแผ่หราหลังรถ ยังไม่วายอ๊วกใส่รถป้ายแดงของคนงานมันไปอีกรอบ เพื่อนรัก.. อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา โบราณท่านว่า

และแล้วก็มีเธอ.. เดินเข้ามา  น้องนางเสื้อเขียวตองบนโต๊ะคอม
แสงอ่อนยังเสือกส่องเข้าให้ จนดูคล้ายแม่เทพธิดาโสภาอะไรขนาดนั้น 
ผมต้องขยี้ตาและเตือนสติตนเองว่า นั่นมันผู้ชายนะเว้ย  ผมไม่มีประวัติด่างพร้อยอะไรเรื่องไปชอบผู้ชายเลย แถมขยันแพ้นมโฟร์โมสต์ของสาวญี่ปุ่น เวลาไปนั่งตามบาร์กับไอ้อาร์มด้วยซ้ำ 

ตอนไปยืนต่อโมเด็มให้เด็กเผือก ผมได้กลิ่นหอมตรงซอกคอของเขา จนต้องเผลอสูดเข้าไป เฮ้ย.. มันจะใช่เหรอนี่   
พอหันไปมองต้นคอขาวเนียน ก็เผลอเหลือบใช้สายตาโลมเลาะไปตามลำคอด้านหน้าจนไปถึงคอเสื้อ
ก่อนไอ้เหี้ยอาร์มจะตะโกนแซวมาซะก่อน

ผมกลับมานั่ง พยายามจิ้มนิ้วลงบนคีย์บอร์ด แต่ผมเขียนข้อความแชทบน pirch แบบไม่รู้เรื่อง ผมละสายตาจากเขาไม่ได้

ปุยเหรอ...  ผู้ชายอะไรชื่อปุยกันวะ..  มันควรเป็นชื่อผู้หญิงนะผมว่า 
แล้วก็พบเจอสิ่งที่ไม่คาดคิด คือไอ้โอ๊คแม่งเซียนสุดขีด แค่เขาบอกอยากจะไปเช่าหนังสือการ์ตูน มันก็ขันอาสา ทิ้งเพื่อนทิ้งฝูงไปกับเด็กหน่อมแน้มได้ไงวะ ไอ้วิปริตผิดเพศ เรื่องนี้กูจะไปฟ้องพ่อมึง ท่านประธานเฉลิมชาติ แห่งอณาจักรกาญจนบุรีเรียลเอสเตรท   

แต่ก็ต้องนับถือมันว่ะ..  มันยังคงดูเท่ แม้จะยืนเอาส้นตีนเขี่ยพื้นด้วยความเขินอาย   เฮ้ย... ผมไปยกย่องมันได้ไง  สิ่งที่มันทำอยู่มันผิด  เพื่อนผมคงหลงผิดเหมือนตอนที่ผมติดแทงพนันบอลนั่นแหล่ะ ผมคงต้องช่วยดึงมันออกจากด้านมืดสินะ   
จาก ฝ่ายอธรรมเสื้อสีตองอ่อน...

ผมแม่ง ไม่มีสมาธิจะเตะฟุตบอลเลย เตะผิดเตะถูกจนใครก็หาว่าเมื่อคืนผมไปตีหม้อที่ไหนมาจนขาสั่น
โหวว ชีวิตนี้ หลังจากขึ้นครูที่ซ่องสะพานขาวกับไอ้อาร์ม ก็ไม่เคยไปเตร็ดเตร่มั่วซั่วนะครับ แม้จะมีคนเข้ามาไม่ขาด
โดยเฉพาะแม่ห้อง 2D นี่ตัวดีเลย  ไม่อยากจะคุยว่า ผมก็พอจะมีฝีมือพอตัว  แต่ที่ขาสั่นพั่บๆ นี่ น่าจะเพราะยังไม่สร่างเหล้าจากเมื่อคืนครับผมแค่มีคำถามในหัวว่า ตอนนี้ไอ้โอ๊คอยู่ไหน หายหัวไปเลยมึง ร้านเช่าการ์ตูนพ่อมึงเปิดโต้รุ้งหรือไง

3 ประตูอันดีงามของหงส์แดงค่ำคืนนี้ ก็ไม่ทำให้ผมดึงสติกลับมาได้  ไอ้อาร์มเพื่อนรักคงจะสังเกตได้ เลยชวนกึ้บสักแก้วเบียร์มีไว้ให้พัก ถ้าจัดหนักต้องสเปย์ รอยัล   เอาๆๆๆ  มันน่าจะเป็นวิธีไล่มารออกจากหัว  มารผิวขาวจั๊วะ


ผมดีใจชิบหาย ตอนเจอเขาอยู่ที่ตู้โทรศัพท์ ผมไม่รีรอที่จะขันอาสารับปุยกลับหอกัน 
ใจนึงก็อยากพิสูจน์ว่าสิ่งที่ตู้มต้ามในใจเมื่อตอนกลางวันมันคืออะไร  มันอาจเหมือนเวลานักโทษในคุกที่มีแต่ผู้ชายอยู่ด้วยกัน  เหมือนโรงเรียนชายล้วน  หรือเหมือนคนที่ติดเกาะสองคนไม่มีคนอื่น มันเลยเป็นความซุกซนของหัวใจไปชั่วคราว.. 

ผมน่าจะได้คำตอบบนทางกลับหอแต่แล้ว กลิ่นอ่อนจากคนที่นั่งซ้อนด้านหลังก็ลอยโชยจมูกมาอีกครั้ง  เขาโน้มตัวโอบเอวผมตอนเจ้าหน้ากากทักซิโด้ต้องผ่านลูกระนาดถนน ผมหย่อนรถอย่างช้าๆ  ปุยเกาะผมแน่นคล้ายกับกลัวหล่นจากถนนไป  มันคือมารยาของฝ่ายอธรรมอีกสินะ  อาวุธของนายมีเท่าไหร่ ลองปล่อยมาให้หมดซิ  ผมสู้ไหว ผมสู้ได้...  เอามือมาแตะหน้าขาผมทำไม.. เฮ้ย...  มันเรียนอวิชานี้จากสำนักไหนกันวะ  จนผมเองนี่แหล่ะ ต้องขอพักครึ่งเวลาแวะร้านของชำก่อนจะถึงหอพักเพียงร้อยเมตร

ผมต้องควักบุหรี่มาอัดไปอีกมวน พระเจ้าคงไม่อยากให้ผมขาดนิโคติน พอยืนดูเขาเลือกของในร้านของชำ  เวลามันคงเดินผ่านไปอย่างช้าแหล่ะ ปุยเพลิดเพลินกับการหยิบแชมพู หยิบสบู่มาดมก่อนใส่ตะกร้า  นี่กำลังสต็อคขีปนาวุธร้ายสินะ ผมคิดในใจ   ทำไมเขาช่างดูล่องลอยบนแผงผักที่ตั้งอยู่หน้าร้าน  เหมือนมีละอองฝ้าสีขาวล้อมตัวเขาเป็นฉากอยู่ตลอดเวลา ที่พ่อแม่เขาตั้งชื่อว่า ปุยเมฆ  มันมีเหตุผลมาจากความสามารถนี้สินะ เจ้าปีศาจสีขาว.. 


ผมส่งเขาที่ห้อง ตัวผมยิ้มไม่หุบเลยหลังจากนั้น..   
ผมสะบัดหน้ากลางน้ำฝักบัวที่ไหลแรง เพื่อให้ตื่นจากสติซึ่งไม่ควรไปไกลกว่านี้.. 
กลิ่นนั้นยังไม่จางไป กลับยิ่งรุนแรงในความรู้สึก  ฤทธิ์เบียร์มันคงวิ่งเข้าร่างกายผมจนร้อนรุ่ม  แขนขาผมอุ่นร้อน

ผมเอามือซ้ายยันกำแพงเพื่อให้ทิ้งน้ำหนักตัวไปข้างหน้า  ผมเอามือขวา กวักน้ำจากฝักบัวชโลมทั่วร่างกายเพื่อให้ผิวที่แสบร้อนได้เย็นลง  ลมหายใจผมหอบถี่ ผมรู้ตัว...
ภาพริมฝีปากของใครบางคนเด่นชัดในสมองที่สติเลือนราง 
มือขวาที่กำลังชโลมร่างกายตัวเองเปลี่ยนมาลูบไล้จากแผ่นอกลงสู่เบื้องล่าง...
ผมหายใจเร็วรัว ในหัวผมมึนตื้อ ก่อนผมจะถอนหายใจยาวออกมาลูกใหญ่...   
ฝ่ายธรรมะ ไม่ชนะอธรรม ณ ใต้ฝักบัวนี้...  แกร่งมาจากไหน.. ก็แพ้ใจตัวเอง... 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2018 22:05:31 โดย TofuChan »

ออฟไลน์ DekPed

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แพ้แบบนี้ แพ้ไปเลย  :-[ :-[ แพ้ทุกตอนเลยก้อดีย์
ปุยนี่จริงๆ ก็คือ ยังไม่เคยชอบ ช-ช ชั่ยเป่า
ขอพี่โอ๊คเยอะๆ  :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ NC Wanted

  • NC Wanted
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :o8: :ling1: :z1: :katai5: :pighaun:

ขออีกสักสองตอนสิคะ

ออฟไลน์ NC Wanted

  • NC Wanted
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

รู้สึกสตั๊น 8 วินาที กับความน้องเขียวตอง ชิมิ  :hao6: :really2: :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Track 5 :           เธอรู้อยู่บ้างไหม.. ว่าอยากเจอเธอทุกวัน

“ปู้นนนนนนนนน ปู้นนนนนนนนนนนนนนนนน”  เสียงหวูดรถไฟดังมาแต่ไกล  เพื่อเตรียมจอดเทียบชานชาลาซึ่งเต็มไปด้วยชาวต่างชาติ เสียงจอแจแซ่ซ้อง ยกกล้องกันขึ้นมาถ่ายรูป ขบวนรถไฟหัวรถจักรสีเหลืองเก่า เขียน อักษรตัวโต #257 วิ่งช้าลงและจอดเทียบที่จุดจอด  ชานชาลาไม่มีที่บังร่ม แต่เต็มไปด้วยต้นไม้

มีหัวรถจักรรถไฟเก่า 2 หัว สีเขียว กับ สีดำ มาจอดเทียบทิ้งไว้ให้ได้ถ่ายรูปเป็นฉากหลัง แต่ถูกบดบังด้วยร่มรถเข็นของแม่ค้าแผงลอยที่ล้อมรอบชานชาลาเต็มไปหมด  ขนเข็นที่มีชาวต่างชาติมารุมมากที่สุด น่าจะเป็นรถเข็นผลไม้ โดยเฉพาะมะม่วงสุกที่ถึงฤดูกาลของมันพอดี   กับซุ้มลูกชิ้นปลาทอด ที่แลดูจะได้รับความนิยมไม่แพ้กัน  รถไฟจอดเทียบอยู่ประมาณ สิบห้านาที  ก็แล่นออกไปในเวลา 10.55 น. ท่ามกลางแดดที่แรง แต่มีลมพัดเอื่อยมาตลอดเวลา


ปุยเมฆ ใส่เสื้อยืดสีขาวกับชุดเอี๊ยมสียีนส์ฟอก และรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์ส ออล สตาร์ เป็นชุดสบายๆ แต่ก็ดึงดูดให้ผู้คนจับจ้อง ปุยคล้องกล้องถ่ายรูปไว้ที่คอ ในมือก็ถือสมุดโน้ตรูปโดเรม่อน ที่กำลังถูกผู้เป็นเจ้าของใช้จดบันทึกอย่างขะมักเขม้นบริเวณหน้าป้ายบอกประวัติของสถานที่ซึ่งสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี..  สะพานข้ามแม่น้ำแคว

   
ภาค ปวส.วิทยาลัยที่ปุยย้ายมา เพิ่งเปิดแผนกสาขาการโรงแรมในปีที่แล้ว สร้างความน่าสนใจแก่คุณธรรมเสถียรอยู่ไม่น้อย ด้วยภาระหน้าที่การงานของผู้เป็นพ่อที่ต้องย้ายมาประจำ UNHCR ที่ชายแดนบ้องตี้ พรมแดนรอยต่อระหว่าง กาญจนบุรี – สหภาพพม่า ก็เลยทำให้ปุยถูกโน้มน้าวตามมายังจังหวัดที่ขึ้นชื่อว่า ร้อนที่สุดในประเทศไทย 

ณ ตอนนี้ผู้คนยังคงสัญจรมากมายจนเข้าข่ายแออัดบริเวณชานชาลา ทำให้ปุยต้องรีบหาที่ร่มเพื่อหลบแดด มีลานโคนต้นจามจุรีอยู่เวิ้งตรงหน้า ไม่มีผู้จับจอง ที่นั่งปูนหล่อล้อมโคนต้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมพื่อให้นักท่องเที่ยวนั่งเล่น  ปุยจึงเดินไปยังใต้ร่มเพื่อพักเหนื่อย   




“แม่ง กูบอกแล้วว่าอย่าไปรับปากใครมั่วซั่ว ไอ้เหี้ยดอยมึงแม่งหาเรื่อง แดดก็ร้อนชิบหาย ยังจะให้กูมาถือน้ำแข็งอีก แล้วแม่งกระติกใหญ่เจ๊นกน้อย ใหญ่เท่าอุกกาบาตใน อาร์มาเก็ดดอนเลยมึง” อาร์มบ่นเป็นหมีกินผึ้ง  แม้จะแต่งตัวในชุดขาสั้นดูสบาย แต่เสื้อยืดเขาก็เปียกชุ่มด้วยเหงื่อ 

“เออน่า สงสารเจ๊แก ตัวคนเดียว แถมลูกค้าก็เต็มร้านเลย” ดอยที่กำลังช่วยถือหูกระติกอีกฝั่งก็ทำสีหน้าบอกบุญไม่รับเช่นกัน แต่ดูดอยไม่เหนื่อยมากนัก อาจเพราะว่าไม่ใช่คนขี้ร้อนเท่าอาร์ม ประกอบกับนุ่งกางเกงยีนส์ขาสั้น แล้วเสื้อยืดสีเทาตัวบางที่พิมพ์ France 98 ก็ไม่ได้ชุ่มเหงื่อเหมือนของอาร์ม

“เฮ้ย นั่นไอ้ขาวจั๊วะนี่หว่า” อาร์มหยุดเดินแล้วชี้ไปที่ใต้ร่มจามจุรีข้างหัวรถจักรสีเขียว ที่จอดไว้ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป   

“เออว่ะ เดี๋ยวกูไปถามก่อน เผื่อจะกลับรถมึง” ดอยรีบปล่อยหูกระติกน้ำแข็งแสนหนัก แล้ววิ่งไปหาหนุ่มน้อยในชุดเอี้ยมยีนส์ที่นั่งจดบันทึกอยู่ใต้ร่มไม้  ปล่อยให้อาร์มยืนเซ็งอยู่หน้าร้านส้นมตำ  เจ๊นิดอาหารเหนือ  ที่มาขอแบ่งซื้อน้ำแข็งไปกินเหล้ากันประจำ   




“มาทำอะไรตรงนี้ครับ” ดอยที่ยืนมองปุยที่นั่งก้มหน้าจดบันทึก เอ่ยถาม

“อ้าว ดอย.. คุณไปไหนมา..   ผมมาเก็บข้อมูล พฤติกรรมนักท่องเที่ยวไว้ เห็นมันมีวิชานี้ด้วย” ปุยเงยหน้ามองส่งยิ้ม

“ห๋า ยังไม่เปิดเทอมเลย ขยันเว่อร์  แล้วนี่จะกลับยัง ไอ้อาร์มเอารถยนต์มา กลับด้วยกันไหม” ดอยถามแบบรอคำตอบ   

“ยังอ่ะครับ เพิ่งมาถึงได้ชั่วโมงเดียวเอง  เดี๋ยวว่าจะเดินข้ามสะพานไปฝั่งนู้น อีกนานกว่าจะกลับนะ”

“ให้พาไปไหมครับ  มีพิพิธภัณฑ์ใกล้ๆ ด้วย แอร์ฉ่ำเลย ไม่ร้อนเหมือนตรงนี้” 

“ว่างเหรอ  เกรงใจอ่ะ”

“ก็อยากพาไป เต็มใจนะ  ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน” ดอยส่งยิ้มกลับ  เขาหวังว่า ยิ้มเขาคงพิฆาตอีกฝั่งได้สักครึ่งหนึ่งที่คู่ต่อสู้ขยันส่งมา  เขาไม่เจอปุยหลายวัน ไม่รู้ว่าปุยหายไปไหน แต่ถามน้าแจ้ ก็เห็นว่าปุยเข้ากรุงเทพไปทำธุระร่วมอาทิตย์นึง แม้วิทยาลัยของทั้งคู่ จะอยู่ห่างกันไม่ถึง ห้ากิโลเมตร แต่ยอดดอยรู้สึกว่า มันไกลเหลือเกิน


ที่ข้างรถ โตโยต้า Camry CE คันใหม่เอี่ยม สีเขียวมุก  ดอยกับปุย ช่วยกับแบกหูกระติกน้ำแข็งส่งขึ้นเบาะหลังแล้วเอาเบาะหน้าซ้ายเอนนอนจนสุดเพื่อยันกระติกไว้ไม่ให้ล้ม ข้างกระติกมีกองหนังสือคิดแบบนักพยาการณ์โลก วางอยู่ใกล้
โดยมีอาร์มที่บ่นอุบ ว่าโดนเพื่อนทิ้ง สตาร์ทรถและขับออกไป   

แล้วทั้งคู่ก็เลือกที่จะเดินเข้าพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อน เพราะอากาศข้างนอกร้อนมาก ซึ่งพิพิธภัณฑ์ที่สร้างใหม่นี้ อยู่ติดกับหัวสะพานข้ามแม่น้ำแควเลย  ทั้งคู่กะว่า เดินเล่นในพิพิธภัณฑ์ให้หายร้อน แล้วค่อยออกมาเดินเล่นที่สะพาน แล้วก็กลับที่พัก


พิพิธภัณฑ์เพิ่งเปิดได้ 3 ปี แต่รวมด้วยของสะสมทั้งชีวิตของผู้เป็นเจ้าของ  ที่บอกว่าทั้งชีวิต เนื่องจากมันมีการรวบรวมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ผ่านของสะสมที่เลอค่ามาก
ปุยเมฆดูจะตื่นตาและสนใจมากเป็นพิเศษ เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้  มีศาสตราวุธ ซากรถจักรไอน้ำของจริง ลูกระเบิด ดาบ ตลอดจน กะโหลกและโครงกระดูกที่ถูกสันนิษฐานว่า เป็นของทหารเชลย ที่โดนชาวญี่ปุ่นจับมาขังไว้  ระหว่างทาง จะมีรูปถ่าย ประวัติ เรื่องเล่า ผ่านอักษรหลายภาษาให้ผู้คนได้ยล
ในราคาค่าเข้าเยี่ยมชม 20 บาท  ปุยสัญญากับตัวเองว่า ต้องกลับมาให้บ่อย เขายกกล้องถ่ายรูป เก็บภาพจนฟิล์มหมดม้วน และต้องขึ้นโรลใหม่อยู่สองรอบ  ดอยนึกขำที่เห็นอาการตื่นเต้นของปุยออกนอกหน้า และรู้สึกภูมิใจในวิญญาณความเป็นมัคคุเทศน์ที่ดีของตนเอง 


“กุญแจประตูเมืองจันทบุรี-ตราด พ.ศ.2310 ของพระเจ้าตาก  โหว ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ” ดอยร้องถามปุย ทั้งที่เขาไม่เคยสนใจในอะไรพวกนี้เลย แถมที่นี่ เขาก็พาญาติจากต่างอำเภอมาเที่ยวหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่เขาจะไปนั่งดื่มชานมไข่มุกรอที่ด้านหน้าอาคาร

“มันคงเป็นของที่เจ้าของสถานที่ คิดว่ามีคุณค่าทางจิตใจ เลยทยอยซื้อสะสมครับ ชิ้นนี้น่าจะเป็นชิ้นเอกชิ้นหนึ่งเลย พอกับโครงกระดูกเชลย และ รถลากโบราณ”

“แล้วเราจะรู้เหรอครับ ว่าอันไหนของจริง หรือคิดกันไปเอง”

“เขาก็มีวิธีพิสูจน์ วิธีค้นหาความจริง.. และที่หลอกไม่ได้ ก็คือความรู้สึก”

ดอยยืนมองปุยจากด้านข้าง ผู้ที่ยังคงยืนอ่านบทความที่เขียนเล่าเรื่องของตู้เสบียงรถไฟโบราณ  เขาก็เดินห่างๆ ปล่อยให้ปุยใช้เวลาเท่าที่เขาต้องการ..




เผลออีกที ชายหนุ่มทั้งคู่ ก็ใช้เวลาอยู่ในพิพิธภัณฑ์ร่วม 2 ชั่วโมง  ทั้งคู่เลยชักชวนกันออกมาเพื่อเดินเล่นบนสะพานข้ามแม่น้ำแคว ที่บัดนี้ นักท่องเที่ยวเหลือน้อยแล้ว พวกเขาแวะร้านของชำที่อยู่ติดกัน ซื้อน้ำเก๊กฮวยที่แช่พร้อมแก้วใสเย็นจัดอยู่ในตู้สแตนเลส ดอยจ่ายเงินแม่ค้า และส่งให้ปุยหนึ่งแก้ว  ทั้งคู่ยกมาดื่มอย่างกระหาย แล้วก็คืนแก้วแก่แม่ค้า

ปุยมีเหงื่อซึมที่หน้าผาก และข้างแก้ม ดอยเอ่ยซื้อทิชชู่ซองจากแม่ค้าหวังเอาใจคนมาด้วย แต่แม่ค้าบอกว่า เหลือแต่แบบม้วน เขาจึงหยิบเหรียญ 5 บาท ส่งให้ แล้วรับม้วนทิชชู่ที่ถูกส่งมา

“ปวดอึเหรอ”

“เฮ้ย ไม่ใช่”  ยอดดอยแก้พลาสติกที่ห่อม้วนทิชชู่ไว้ แล้วคลี่ม้วน ดึงกระดาษยาวออกมาประมาณหนึ่งช่วงแขน พับแล้วยื่นไปซับหน้าผากหนุ่มน้อยที่อยู่ตรงข้าม ทำเอาอีกฝ่ายต้องยืนนิ่งๆ ให้ดอยซับไปจนถึงแก้มและซอกคอ

“อืมม  ขอบคุณ”

“ดูหน้าไม่ค่อยดีเลย โดยแดดมาหรือเปล่า”

“อยู่ในพิพิธภัณฑ์เมื่อกี้ วิงเวียนนิดหน่อย เหมือนหายใจไม่ออกด้วยล่ะ แต่ไม่เป็นอะไรหรอก ไปกันเหอะ”

“หิวไหม กินอะไรก่อนเปล่าครับ” ดอยถามเพื่อนร่วมเดินด้วยความเป็นห่วง แต่ปุยส่ายหน้า ดอยจึงพาปุยข้ามสะพานเหล็กเพื่อไปยังอีกฝั่ง

ซึ่งทั้งคู่กำลังเริ่มเดินบนรางรถไฟคนละรางจากหัวสะพานไปยังจุดหมายที่อยู่ห่างไป 340 เมตร รางทอดคู่ขนาดกันไปจนสุดลูกตา  ปุยกำลังพยายามทรงตัวอยู่บนรางทางด้านซ้าย ขณะที่ดอยเดินบนรางขวาอย่างชำนาญ ดอยหันไปมองคนที่เดินตกรางแล้ว ตกรางอีกอย่างอารมณ์ดี  จนปุยตัดสินใจมาเดินบนแผ่นไม้หมอน ที่อยู่ตรงกลางระหว่างรางแทน


เหล็กจากมาลายู เรียงร้อยเป็นเหล็กกล้ายิงดุมน็อตขนาดใหญ่ ราวสะพานตรงกลางเป็นทรงสี่เหลี่ยมคางหมู 2 กรอบ และมีราวสะพานทรงครึ่งวงรีประกบข้างอีกฝั่งละ 3 โค้ง พ่นสีดำสนิท ไม่มีร่องรอยว่าเคยถูกระเบิดทำลายมาแล้วครั้งหนึ่ง 
ตอม่อสะพานเป็นปูนหล่อขนาดใหญ่มาก วิวแม่น้ำแควใหญ่ที่กำลังเดินข้าม มีความงดงามและสร้างความบันเทิงใจเป็นอย่างยิ่ง  ปุยหยุดถ่ายรูปเป็นระยะด้วยรอยยิ้มที่หรรษาฟ้องว่าผู้มาเยือนครั้งแรกแสนประทับใจ 
ในขณะที่ดอยก็เดินคู่กันไปแต่พยายามทรงตัวบนรางไม่ให้ตกลงมาและไม่มองลงไปที่แม่น้ำข้างล่าง     


สุดปลายสะพาน จะมีร้านค้าขายของที่ระลึกมากมาย มีขนมทองโย๊ะอันเป็นขนมท้องถิ่นของพม่าวางขาย  มีโหลใส่น้ำใบบัวบก น้ำกระเจี๊ยบ และน้ำโอเลี้ยง ที่พร่องไปจนเกือบถึงก้นโหล 
ทั้งคู่เดินชมร้านต่างๆสักพัก มีปุยที่ซื้อสายถักข้อมือมาสองเส้น   ส่วนดอยก็ไม่ได้คิดซื้ออะไรเพราะเขาเห็นจนชินตา ก่อนทั้งคู่จะตัดสินใจ เดินข้ามกลับไปยังชานชาลา  ดอยวางทิชชู่ที่เหลือคาม้วนไว้ที่ราวสะพาน เผื่อใครจำเป็นจะหยิบใช้


“ปู้นนนนนนนนนนนน ปู้นนนนนนนนนนนนนน” ขบวนรถไฟสีเหลือง แล่นกลับจากน้ำตกไทรโยคน้อย ผ่านเวิ้งแม่ค้าขายของที่ระลึกที่ทั้งคู่เพิ่งจากมา หมายจะเทียบท่าที่ชานชาลา 14.42 น. ตรงเวลาก่อนย้อนกลับไปสถานทีบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เป็นประจำทุกวี่วัน ทุกคนที่อยู่บนสะพาน จึงวิ่งเข้าหลบที่เฉลียงข้างราวสะพาน

ยอดรวบเอวของปุยมาอยู่ในอ้อมแขน เพื่อไม่ให้ตัวของปุยหลุดไปในวิถีสัญจรของรถไฟ เขามองหน้าหนุ่มน้อยที่แก้มแดงสุกจากแดดเมื่อกลางวัน พระอาทิตย์ที่ใกล้จะลาลับคล้อยต่ำลงมา พวกเขามองหน้ากันอยู่อย่างนั้นคล้ายต้องมนต์ จนสะดุ้งหลุดจากภวังค์ เมื่อเสียงหวูดรถไฟพ่นดังเตือนเป็นครั้งสุดท้าย
ม้วนทิชชู่ถูกแรงลมปะทะลอยตามลมไป กระดาษถูกคลี่เป็นสายเส้นล่องลอยไปสู่ท้องน้ำ

ทั้งคู่ยืนข้างกัน หันหลังให้วิวแม่น้ำ มองรถไฟที่กำลังแล่นผ่านจากซ้ายไปทางขวา มีเลข #258 พิมพ์ข้างหัวขบวนสีเหลือง เหล่าฝรั่งผมทอง คนญี่ปุ่น คนจีน เต็มโบกี้ที่เหลือ ต่างโบกมือทักทายผู้คนที่ยืนหลบอยู่จุดพักข้างราง


“ไปหาอะไรกินในเมืองกันไหม เดี๋ยววันนี้ผมเลี้ยง” ดอยเอ่ยถามปุยที่แก้มแดงเรื่อเพราะฤทธิ์แดด

“เดี๋ยวผมเลี้ยงเองดีกว่า อุตส่าห์พาเดินเที่ยว แต่ว่าอยากทานอะไรที่มันเป็นของท้องถิ่นอ่ะ แบบชาวบ้านเจ้าถิ่นทำอะไรแบบนั้นน่ะครับ” ปุยเสนอ

“เอาสิ เดี๋ยวแวะเอารถที่หอ แล้วไปกัน จะอาบน้ำก่อนไหมอ่ะ หน้าโดนแดด แก้มนี่แดงเลยคุณ” ดอยถือวิสาสะเอานิ้วเขี่ยแก้มของปุยเบาๆ

“ดำเลยใช่ป่าว” ปุยทำทำแก้มป่องปากจู๋ใส่ดอยเรียกร้องความสงสาร  อีกฝ่ายหัวเราะอย่างเอ็นดูก่อนพากันเดินกลับหอพักซึ่งอยู่ห่างจากสะพานเพียงสองกิโลเมตรเศษ ทั้งคู่ก็ถามไถ่ถึงประวัติกันและกัน รวมถึงแผนกที่เรียนอย่างสนใจ เผลอแป๊บเดียวก็มาถึงหอพัก  ซึ่งมีอาร์มและโอ๊คนั่งเล่นเกมอยู่ที่แถวสองที่ประจำ   
โอ๊คเหลือบมองผู้มาเยือนทั้งคู่ แล้วก้มลงไปเล่นเกมต่อ มีอาร์มที่ยังบ่นเรื่องข้อแขนจะหักจากการยกกระติกน้ำแข็งของเจ๊นกน้อยเพียงลำพัง 
ดอยและปุยขอตัวแยกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อจะไปกินข้าวในตลาดที่ห่างจากหอพักประมาณสี่กิโลเมตร  ยอดดอยเอ่ยปากถามเพื่อนแฝด เผื่อพวกเขาอยากจะไปหาอะไรกินกันด้วย  อาร์มรีบตอบตกลงส่วนโอ๊คก็ไม่พูดอะไรจนปุยเป็นฝ่ายเอ่ยชวน โอ๊คก็ตอบตกลงในทันทีที่ปุยเอื้อนเอ่ย



ที่ตลาดสด ท่ารถบริการสาธารณะ ช่วงเย็นมีร้านค้ามาตั้งมากมายจับจองพื้นที่กันอยู่เต็มริมฟุตบาท โดยเทศบาลท้องถิ่นกั้นเป็นล็อคไว้ให้ขายอาหาร  จนกลายเป็นตลาดโต้รุ่งซึ่งขายกันถึงดึกดื่นคร่อมจนถึงเช้ามืด ช่วงฟ้าใกล้สาง จะมีรถทัวร์ปรับอากาศเข้ากรุงเทพ เที่ยวแรกตอน ตีสี่ครึ่ง รถเข็นไม้หลายคันก็จะมาตั้งขายเครื่องดื่มร้อน ปาท่องโก๋ โจ๊ก ข้าวต้ม ข้าวเลือดหมู ตลอดจนข้าวราดแกงที่มีคนมาซื้อใส่บาตร ผลัดกันเป็นกะ

ถนัดฟาสต์ฟู้ด ป้ายตัวใหญ่เขียนไว้ที่ด้านหน้า เป็นร้านห้องปรับอากาศหน้ากว้างสามคูหา ตรงข้ามมีห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นที่บัดนี้ ยังมีคนเดินเข้าออกอยู่มากมาย มีร้านไก่ทอด KFC ที่เพิ่งมาเปิด ได้รับความสนใจจากผู้คนล้นหลาม

“เห็นร้านแต่งแบบสมัยใหม่ ห้องแอร์อย่างนี้ แต่แม่ครัวเป็นคนเก่าแก่ของตลาด เมนูนี่ใช้ปลาแม่น้ำให้เลือกเยอะเลย” ดอยบอกกับปุย ก่อนจะส่งเมนูให้คนที่นั่งอยู่ด้านข้าง โดยฝั่งตรงข้าม มีอาร์มนั่งอยู่ ถัดไปตรงข้ามปุยเป็นโอ๊คที่ก้มหน้าใช้เวลากับการเลือกเมนูอาหาร

“แหม พอบอกจะเลี้ยง นี่นิ่งเงียบเชียวนะปุย ไม่แพงหรอกร้านนี้ เดี๋ยวเราขอส่วนลดให้ 5%” อาร์มพูดแซวด้วยน้ำเสียงอารมณ์  อาร์มเป็นคนที่ทำให้บรรยากาศระหว่างเพื่อนใหม่ไหลลื่น นับเป็นความสามารถเฉพาะของแฝดน้อง

“กินเลย ตามสบาย บอกว่าเลี้ยงก็เลี้ยงสิ พอดีเราแค่เครียดๆ เรื่องการเดินทาง คือ พ่อไม่ยอมเอารถจักรยานของเรามาให้ซะที จะขอไปซื้อใหม่ ตังเก็บเราก็มี พ่อก็ไม่ยอม เมืองกาญจน์นี่ จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เวลาไม่มีรถนี่ลำบากมากเลย”  ปุยร่ายยาว ยังคงเอาส้อมนั่งเขี่ยจานเปล่าที่รอกับข้าวซึ่งยังไม่มาเสิร์ฟ

“ไม่ต้องเลี้ยงหรอก สัญญาว่าจะเลี้ยงกับไอ้ดอย ก็ไปเลี้ยงกันสองคน นี่พวกเรามากินด้วย ถ้าไม่ให้พวกเราเลี้ยง ก็แชร์กัน หารเท่ากัน”  โอ๊คแทรกด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม ตายังคงมองเพจเจอร์ที่เพิ่งสั่นไปเมื่อสักครู่

“ก็อยากเลี้ยงโอ๊คด้วยอ่ะ” ปุยพูดพร้อมส่งยิ้มให้คู่สนทนาที่นั่งตรงข้าม  “อุตส่าห์พาเราไปร้านพี่ต๋อง โหย การ์ตูนเยอะที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในชีวิตเลย แถมมีเทปคาสเซ็ทให้เช่าอีกด้วย นี่เร่งเอาจักรยานมา ก็เพราะอยากไปที่ร้านพี่ต๋องด้วยแหล่ะ เดี๋ยวเปิดเทอมคงไม่ได้อ่านบ่อยแล้ว” 

“เราก็ไปทุกวัน เดี๋ยวไปพร้อมเราก็ได้ จะยืม จะคืนเรื่องไหน ก็บอกเราได้ เราเอามาให้” โอ๊คยังคงใช้น้ำเสียงโมโนโทนโต้ตอบปุย สายตาจ้องนิ่งจนคนฟังต้องหลบสายตาเอง

“โหยยย คอการ์ตูนด้วยกันนี่เองเว้ย  ไอ้โอ๊คนี่นะ ลองมันได้หยิบจับการ์ตูน ไม่ต้องเป็นอันไปไหน มันจะไม่อ่านก็ตอนอยู่ต่อหน้าพ่อแม่แค่นั้นแหล่ะ ไอ้ขี้ประจบ ถุย”  อาร์มเล่าให้ปุยฟังเป็นฉากๆ

“กูไม่อยากให้พ่อแม่คิดว่ากูไม่สนใจเรียนเว้ย  เดี๋ยวเขาจะกุ้ม มีมึงเป็นสายบู๊ ให้กูบุ๋นบ้างก็ยังดีวะ”เขาบอกน้องชายตัวแสบ

“แต่มึงแม่ง เรียนเก่งสัส เป็นแฝดกูได้ไงวะ หมอแม่งลืมสมองกูส่วนนึงไว้กับสายสะดือ”

“มึงเอาเวลาที่ดูหนังโป๊มาอ่านหนังสือ มึงก็เก่งเองแหล่ะ หัวมึงดีจะตาย”

“สัส ต่อหน้าเพื่อนใหม่นี่มึงชอบเผากูนะ”

“แล้วทำไมไม่ใช้มอเตอร์ไซค์ล่ะปุย” อาร์มถาม

“เราขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็นอ่ะ พ่อไม่เคยให้หยิบจับเลย จักรยานก็พี่เลี้ยงเราแอบสอนให้ แต่เราขับรถยนต์ได้นะ”

“หืมมมมมมม พ่อคุณหนู ปุยเมฆหรือ พจมาน พินิจนันทร์ แห่งบ้านทรายทองกันวะ” อาร์มจอมกวนประสาทถาม

ปุยหัวเราะกับบทสนทนาคู่แฝด ที่เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก
เขาคิดว่า อาร์มเป็นคนตลกมาก มีพลังงานแห่งความสดใสแจกจ่ายไปยังคนรอบข้างได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ 
ในขณะที่โอ๊คก็ตลก แต่จะมีฟอร์มมากกว่า และคุยเฉพาะกับคนสนิทเท่านั้น   
ส่วนคนที่นั่งข้างเขา นั่งเงียบได้แต่เพียรมองปุยสลับกับคู่แฝด โดยมือยังคงยกเบียร์ขึ้นจิบ และคอยเอาซ้อมจิ้มปลาคังลวก จุ่มน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวใส่ปากเขาอยู่เป็นระยะ




“ผมว่า คุณกินแต่ปลาจนหน้าคุณจะเหมือนปลาคังแล้วอ่ะ  ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ปุยขำกับพฤติกรรมของหนุ่มเจ้าปัญหา

“ทำไม คุยกับโอ๊ค ใช้คำว่า เรา-เธอ ล่ะ  คุยกับผม ทำไมถึงใช้ คุณกับผม ล่ะ” ดอยถาม บรรยากาศที่โต๊ะก็เงียบขึ้นมา

“......”

“อยากรู้”

“อ้าว  ก็มันเป็นไปเอง อยากให้ใช้คำว่า เรา-เธอ เหรอ” ปุยถามกลับ พร้อมหันไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านข้างด้วยความสงสัย

“อยากให้เรียก เราเหมือนเวลาที่คุยกับไอ้โอ๊ค”

“อ่อ...  ก็ได้  ตลกดีจัง  อ้าว กินเหอะดอย เดี๋ยว ~เรา~จะสั่งของหวานแล้ว” ปุยคว้าเมนูมาเปิด แต่คงจับอาการของโอ๊คที่อยู่ตรงข้ามว่ามีอาการอย่างไรกับคำพูดของดอยเมื่อสักครู่
เขาเห็นโอ๊คเอามือท้าวคางมองไปทางดอยแล้วก็ยิ้ม  ส่วนดอยก็ยิ้มกลับพร้อมยักคิ้วใส่ให้โอ๊คสองที    ปุยจึงตัดสินใจไม่สนใจ สั่งของหวานคือ ไอศกรีมราดซุปข้าวโพด มานั่งกิน โดยมีอาร์มเอาช้อนเอื้อมมาตักมากินบ้างอย่างกับคนสนิทกัน  จนปุยรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา



บนเตียงใหญ่หกฟุต ผ้าปูที่นอนสีขาว จอทีวีเปิดฉายซีรีส์ Friends ฉบับรีรันผ่านสถานีเคเบิ้ล แต่ก็เปิดทิ้งไว้อย่างนั้นไว้เป็นเพื่อนแก้เหงาโดยไม่ได้สนใจเนื้อหาในรายการ  ปุยเมฆในชุดนอนสีเทาลายทางขาว นอนคว่ำชันข้อศอกอยู่บนเตียง เอาบันทึกที่จดไว้มาอ่าน ห้องเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำไว้ทนแทนความร้อนที่แผดเผาผิวเขาในช่วงกลางวันได้ 
ปุยหยิบเพจเจอร์ที่สั่นจนรับรู้ถึงแรงสะเทือนมาอ่าน ก่อนจะระเบิดรอยยิ้มออกมาจนเปื้อนใบหน้า 

ใครกันนะทำแบบนี้ ไม่อายพนักงานรับสายเพจเจอร์  กันบ้างหรืออย่างไร 
ผู้ชายที่ไหน นึกพิเรณส่งข้อความหาผู้ชายด้วยกันว่า ..คิดถึงเธอ


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2018 22:18:52 โดย TofuChan »

ออฟไลน์ DekPed

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :hao3: :hao3:  คือ พี่ดอย หรือ พี่โอ๊คกันแน่เนี่ย

 :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Track 6 :  ได้พบความอ่อนไหว.. สดใสเกินกว่าเคยได้เจอ

[ Feat. ปุยเมฆ ]

ผมเกิดมากับโลกที่มีแต่คำถามในหัว... 
ฟังดูคล้ายผมจะเป็นคนซับซ้อนใช่ไหมครับ  ไม่เลย ผมถูกคาดเดาได้ง่าย
คนรอบตัวต่างหากที่มีหลากมิติจนผมปรับตัวเข้าหาไม่เคยได้เลย จึงชอบที่จะอยู่คนเดียวเพื่อความสบายใจ
นิติพันธ์ โรจน์อนันต์ทรัพย์ คือชื่อที่หลวงพ่อวัดใกล้บ้านตั้งให้ผม
ท่านยังจัดโปร buy 1 get 1 free แถมชื่อเล่นให้ผมอีกชื่อ คือ ปุยเมฆ  ไม่แน่ใจว่าท่านเห็นนิมิตอะไรก็ไม่ทราบ แต่ดูคุณแม่ผมจะถูกใจและเรียกผมว่าปุยเมฆตั้งแต่นั้นมา  แต่พอนานวันเข้า ทำไมมันหดเหลือแค่ ปุย ก็ไม่ทราบได้  ซึ่งแน่นอนว่า คุณพ่อของผมท่านไม่ถูกใจแน่ ท่านพยายามจะเรียกผมว่า เมฆ  แต่แล้วก็ไม่สามารถต้านทานพลังศรัทธาประชาชน ที่พร้อมใจกันเรียกผมว่าปุย ก็ต้องเลยตามเลย  กระนั้นเวลาพ่อพาผมไปงานเลี้ยงตามกระทรวงต่างประเทศกับท่าน ท่านจะแนะนำเพื่อนพ้องเขาว่า ผมชื่อ เมฆ  ผมก็ไม่สนใจเท่าไหร่ ผมเป็นคนไม่ค่อยสนใจอะไรเลยเอาเข้าจริง


ชีวิตที่ย้ายไปย้ายมาตามกิจธุระของคุณพ่อ ทำให้แม่ อลิษา สุดที่รักของผมมีภูมิต้านทานด้านการย้ายบ้านพอสมควร ผมสังเกตได้จากของสะสมบางอย่าง แม่ษาไม่คิดแกะออกมาจากกล่องใหญ่ด้วยซ้ำ ผมเดาว่าท่านกลัวจะรื้อไปมาหลายรอบ
เราสองคนแม่ลูกจึงอยู่กันสองคนเสียส่วนใหญ่  เราตื่นเต้นมากในช่วงที่คุณพ่อกลับบ้านในวันหยุดยาว คุณแม่จะเตรียมอาหารจานโปรด ส่วนผมจะเป็นทั้งลูกมือ และดูแลเครื่องดื่ม ให้คุณพ่อรับรู้ว่า  เรารอพ่ออยู่อย่างใจจดใจจ่อแค่ไหน จนกระทั่งแม่อลิษา จากไปเมื่อปีที่แล้ว..   ความรู้สึกนั่นเหรอครับ  ก็เหมือนฟ้ามันถล่ม แผ่นดินมันทลาย หัวใจมันสลาย.. แต่จะทำอย่างไรได้  พระท่านว่า คนเรามันหลีกหนี เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่ไปไม่ได้  แต่ระหว่าง เจ็บ กับ ตาย.. มันควรมีคำว่า เศร้า เพิ่มเข้ามาในตาลปัตรของพระภิกษุที่กำลังนั่งสวดอภิธรรมให้แก่ญาติของผู้ที่หลับอยู่ในโลงตรงนั้นด้วย



ผมใช้เวลาหนึ่งปี อยู่กับตัวเอง ดูคุณพ่อจะเป็นห่วงผมมาก ให้ญาติแวะเวียนมาอยู่เป็นเพื่อนกันตลอด คงต้องพึ่งความพยายามในตอนเช้าเตือนสติตัวเองว่า ผมยังมีลมหายใจ แต่ก็พยายามจะดีขึ้นเพื่อให้พ่อไม่ต้องห่วง จึงคิดลาออกจากมหาวิทยาลัย มาอยู่กาญจนบุรีกับท่าน  จากเด็กสายสามัญ มาทางสายอาชีพ เอาเข้าจริงมันก็ต้องทำใจอยู่  แต่มันเป็นทางออกเพื่ออนาคตที่ลองบวกลบคูณหารแล้ว ไม่ว่าสมการไหน ก็ฟังดูลงตัวในที่สุด  กาญจนบุรีมันก็ไม่น่าจะเลวร้ายนัก รู้แต่ว่าร้อนที่สุดในประเทศ ซึ่งความงดงามที่ใครก็กล่าวขานมันน่าจะชดเชยกันได้บ้างอยู่  ผมหลงรักสะพานมอญ และอยากไปน้ำตกหลายแห่งที่เคยเห็นในแผ่นพับ  ช่วงที่ไม่มีแม่ษาแล้ว สำนักงานการท่องเที่ยวที่อยู่ติดกับบ้านผม เป็นสถานที่สถิตย์ของผมเลย เจ้าหน้าที่ก็น่ารัก ให้ผมนั่งเล่น นอนเล่นที่ห้องรับรองแบบไม่ปริปาก



ตอนที่รถตู้ของพ่อจอดเทียบหอพักนาตยา มันดูน่าอยู่โดยแท้ พ่อผมคงเลือกอยู่นานกว่าจะได้หอนี้ ผมเดินลงมาจากรถตู้ ก็ได้ยินเสียงแซวมาจากผู้หญิงที่อยู่บาร์ตรงข้าม ซึ่งก็ชินประมาณนึง เพราะผมก็มีคนพยายามเข้าหาอยู่ไม่น้อย  แต่ความสนใจเรื่องพวกนี้ไม่ได้อยู่ในหัวมากนัก ผมมีหน้าที่ทำความฝันของทุกคนให้ลงตัว รวมถึงอนาคตของผมเองด้วย ผมตั้งใจและผมคิดว่าเป้าหมายของผมชัดเจนพอที่จะไม่ออกนอกลู่นอกทางต่อให้ที่ผ่านมาจะมีคนเข้าหามากแค่ไหน  ผมไม่ได้คิดว่าผมหน้าตาดีอะไร แต่ใครก็ชอบพูดว่าผมประเมินตัวเองต่ำไป 


น้าแจ้น่ารักมาก ดูเป็นมิตรและคอยช่วยเหลือทุกสิ่งอย่าง จนผมมาที่ห้องนอนซึ่งน่าจะเป็นที่พำนักของผมไปอีกอย่างน้อย 2 ปี เหมือนตกหลุมรัก ผมรู้สึกอย่างนั้น เพราะห้องมีความน่าอยู่และได้ตกแต่งไว้อย่างน่ารัก ถ้าแม่ษายังอยู่ แม่ต้องชอบที่นี่ มันมีความอบอุ่นและโอ่อ่าอยู่ในที   ผมพยายามจะสลัดความรู้สึกที่จมกับความทุกข์ให้ออกไป และเริ่มต้นใหม่กับเรื่องที่จะเข้ามา จะตั้งใจเรียนและเก็บเกี่ยววิชาความรู้ในสาขาการโรงแรมและการท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุด เพื่อสานฝันต่อไป

มีคนมาเคาะประตูห้อง ผมจึงเปิดประตูไปพบชายหนุ่มหน้าตาดีมากคนนึง ถือผ้าเช็ดตัวสีขาวสองผืนที่หอมฟุ้งและพับไว้เรียบร้อยส่งยื่นมา เขาบอกว่า น้าแจ้ฝากมาให้..  เขาชื่อโอ๊ค


ตอนแรกผมจะเรียกเขาพี่ เพราะเขาดูเป็นผู้ใหญ่และสุขุม  ผู้ชายคนนี้ดูหล่อเท่จนน่าอิจฉา ผมอยากหล่อแบบนี้บ้าง เขาพูดจาห้วนสั้นแต่สุภาพ เอารีโมทเครื่องปรับอากาศมาสอนวิธีการตั้งอุณหภูมิ แล้วแนะนำช่องเคเบิ้ลทีวีให้ ผมแปลกใจที่คนต่างจังหวัดคนนี้ รู้จักช่องรายการละครต่างประเทศเยอะพอกับผมเลย พอสักพักเขาขอตัวกลับลงไป ผมก็ได้แต่คิดว่าผมอยากให้เขาอยู่ต่อเป็นเพื่อนให้นานกว่านี้  น่าจะเพราะผมเหงา...

ผมลงจากตึกไปทานข้าวร้านเจ๊นกน้อยตามคำแนะนำจากน้าแจ้ ที่บรรยายถึงร้านเจ๊นกน้อยซะผมอยากจะสั่งให้ทุกเมนูเลย ผมเหลือบไปเห็น โอ๊คนั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ในร้าน  กะว่า กลับจากทานข้าว เขายังจะอยู่ตรงนี้ไหมนะ อยากทำความรู้จักเขามากขึ้นจังเลย ผมอยากมีเพื่อนในช่วงเวลาแบบนี้   แล้วเขาก็ยังอยู่ตรงนั้นจริงด้วย  พอน้าแจ้บอกให้ผมรอหลานเขามารับไปดูถนนหนทางคืนนี้ ผมเห็นยังพอมีเวลา ก็เลยเลือกที่จะไปนั่งเล่นคอมข้างโอ๊ค เพื่อจะได้พูดคุย  ผมแปลกใจที่เขาใช้ ICQ แชทแล้ว ทั้งที่มันเพิ่งเริ่มมี ในกรุงเทพบางคนยังใช้ Pirch 98 อยู่เลย   เราคุยกันหลายเรื่องจนแทบไม่ได้สนใจคอมพิวเตอร์ตรงหน้า  เขาช่างเป็นคนที่ฟังดูใจดีและให้ความรู้สึกว่าเป็นผู้ใหญ่  ผมสัมผัสได้ถึงความจริงใจแม้จะเป็นมิตรใหม่ที่เพิ่งพบเจอ  โอ๊คเอาเบอร์โทรศัพท์มือถือให้ผม และเบอร์เพจเจอร์ เผื่อติดต่อ โทรศัพท์เขารุ่นแพงไม่ใช่เล่น ผมเองก็มีโทรศัพท์มือถือ แต่ผมปิดเครื่องไม่อยากรับสายจากใคร ยกเว้นพ่อที่มีเบอร์เพจเจอร์ของผม ผมจะติดต่อกลับถ้าพ่อเพจมา 



ช่วงที่รอหลานน้าแจ้ในห้อง โอ๊คแวะขึ้นมาอีกครั้ง เอาวีดีโอหนังฝรั่งมาให้สามม้วน เป็นหนังซาวด์แทร็คที่ผมไม่เคยดู เขาบอกว่าเป็นหนังฝั่งอังกฤษ ผมสนใจมากเพราะว่าผมดูแต่วีดีโอหนังฝรั่งฝั่งฮอลลิวู้ดจนเอียน โดยเฉพาะถ้าได้เห็นแจ็คกับโรสยืนกันที่หัวเรืออีกรอบ ผมสาบานว่าผมคงจะผลักโรสตกเรือไปเองเลย   โอ๊คบอกว่า ตอนดึกเขาจะแวะเอาสมุดโน้ตที่ผมต้องใช้มาให้ และเขาก็ไม่มา...

สายวันรุ่งขึ้น ผมลงมาใช้คอมพิวเตอร์หลังจากหลับไปพักใหญ่ เนื่องจากตื่นมาใส่บาตรเช้า  ผมเห็นโอ๊คนั่งอยู่ที่ร้านเน็ตด้วย แต่เอ๊ะ ทำไมมีโอ๊คสองคน ก็เลยเลี่ยงไปนั่งโต๊ะที่อยู่ริมผนังโปร่ง ไม่ได้ทักทายโอ๊คเพราะยังงงกับคนหน้าเหมือน เกรงว่าถ้าเข้าไปทักผิดก็จะดูไม่ดี  ช่วงเวลาสองนาทีบนโต๊ะคอม ผมก็เริ่มแยกได้ว่า คนไหนโอ๊ค และอีกคนน่าจะเป็นฝาแฝดของเขา  เขายังคงดูขรึมกว่าใครอยู่ดีแม้เมื่อเทียบกับคนหน้าเหมือนอีกคน ซึ่งพูดเป็นต่อยหอย ผีคงเจาะปากมาให้ 



แล้วผู้ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามา..  คนที่น้าแจ้บอกว่าเป็นหลาน  เขาดูดีในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน คนบ้าอะไร หล่อกว่าพี่เรย์ แม็คโดนัลด์ ซะอีก คมเค้ม สูงใหญ่ ผมกระพริบตามองให้ชัด กระนั้นเขาก็ทำหน้านิ่งจนผมไม่กล้าคุยด้วย  ผมนั่งรอเขาต่อโมเด็มเครื่องให้  เขาใส่รหัส Doi6969  ผมล่ะแอบขำในใจ  คนอะไรในหัวคงจะมีแต่เรื่องแบบนั้นสินะ   ผมได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้น พอเขาก้มเข้ามาใกล้ ก็มีกลิ่นหอมคล้ายดอกไม้ ผสมส้ม หรือมะนาวกันนะ.. ผมมีคำถาม   ผมเคยได้กลิ่นนี้ ใช่แล้ว มันคือ CK ONE ที่เชยไปหลายปีแสงแล้ว  แต่ทำไมมันหอมดีเวลาอยู่กับผู้ชายที่กำลังยืนคร่อมผมล่ะเนี่ย
ว่าแต่..  เขาก็ไม่ยอมไปเสียที จะมายืนส่งกลิ่นหอมค้างคาแบบนี้ไม่ดีแน่   ตัวผมเริ่มร้อนฉ่า หูผมคงแดงมากเพราะมันอุ่นร้อน  จากลมหายใจของดอยที่ขยันพ่นมาโดนต้นคอผมจัง จนได้อาร์มตะโกนเบรก ความอึดอัดที่มีกลับสู่ภาวะปกติ

ยอดดอย เหรอ..  ไม่ได้เกิดบนที่ราบสินะ ท่าทางเก้ๆกังๆ น้ำเสียงเหน่อเล็กน้อย แต่ก็เหน่อน้อยกว่าน้าแจ้ หน้าเขาไม่ได้เหมือนคนไทยซะทีเดียว ตาชั้นเดียวแต่เรียวโต ตาดำเขากลมใหญ่มองได้ด้วยตาเปล่าแม้จะนั่งห่างจากตรงนี้ ขนตาเขายาวกว่าของผมอีกนะ  แล้วไอ้ขนตามแขนเมื่อกี้ คนหรืออุรังอุตังกันนะ  ตอนนี้ เขากำลังนั่งมองผมจากโต๊ะคอมแถว 2 ที่กลุ่มเขายึดครองไว้ราวกับเป็นป้อมปราการ   โอ๊คก็มองมาเป็นระยะ แต่ดูจากสีหน้า ผมก็แปลความหมายอารมณ์สายตาของโอ๊คไม่ออก 
ผิดกับยอดดอย ที่ราวกับเขาแอบมองมาจนผมสังเกตได้  ผู้ชายอะไรจะมานั่งมองผู้ชายด้วยกัน  ผมแต่งตัวผิดแปลกอะไรหรือเปล่า  หรือคนเมืองกาญจน์เกลียดสีเขียว เอาเข้าจริงมันเรียกสี นีออนกรีน นะ ผมซื้อจากร้าน GAP ที่มาบุญครอง  หรือนอกผนังโปร่งมันมีอะไรหรือเปล่า ผมหันไปมอง ก็ไม่มีอะไรผิดแปลก  ผมเลยเดาว่า พวกเขามองผมกันนั่นแหล่ะ   
สถานการณ์เข้าขั้นบรรยากาศมาคุ  จนผมต้องลุกหนี  แต่แล้ว เกียบัน ผู้พิทักษ์ก็เดินเข้ามา ชวนผมไปร้านเช่าการ์ตูน  ระหว่างที่ผมซ้อนท้ายแบทแมนสุดเท่ของโอ๊คไปนั้น ผมแอบเห็นยอดดอยยืนดูอยู่ เขาคงไม่พอใจ ที่ผมเอาเพื่อนของเขาออกมาด้วยหรือเปล่านะ 



ที่ร้านหนังสือ ผมทึ่งกับโอ๊คมาก เขาพามาเจอร้านในฝันแบบที่ผมเคยอยากจะมีของตัวเอง  เขารู้ได้อย่างไรว่าหนังสือที่ผมโปรดและโหยหา จะเจอได้ตามชั้นของร้านเช่าหนังสือสองคูหานี้ มันอัดแน่นไปด้วยการ์ตูนซึ่งผมโปรดปราน  โอ๊คหยิบแต่ละเล่มมาแนะนำได้น่าสนใจ  คนในร้านดูรู้จักกับเขาดีทุกคน  เด็กช่างกลที่ดูกวนประสาท เดินผ่านโอ๊คยังต้องนิ่งเงียบ เขาเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันเหรอ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรไปมากกว่ากองหนังสือมหาสมบัติตรงหน้า  การ์ตูนเล่มละ 1 บาทต่อวัน ผมเอาไป 18 เล่ม กะจะอ่านให้หมดในคืนนี้เลย พรุ่งนี้ค่อยนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาคืน ก่อนจะเข้าไปทำธุระที่กรุงเทพอีกเป็นอาทิตย์ โอ๊คให้เวลาผมเดินเลือกโดยไม่ได้มารบเร้า หรือเร่งรีบผม  ผมแอบมองเขายืนเลือกหนังสือนิยายแนวสืบสวนที่ชั้นหนังสือถัดไป  เขาที่ใครก็ต้องเหลียวมองในความสมาร์ท นี่คนหรือ คีอานู รีฟส์ แห่งสยามประเทศ



ตอนดึกของวันนั้น หลังจากที่ผมแยกจากโอ๊คแล้ว ก็ไปทานข้าวร้านเจ๊นกน้อยจนเสร็จ ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะขณะโทรหาพ่อเพื่อทวงจักรยาน ผมเจอดอยหันมาทัก และชวนกลับด้วย  ผมดีใจที่เขามีทีท่าที่เป็นมิตร และดูกันเองเวลาอยู่ด้วยกันสองคน เขาท้าให้ผมเกาะเขาให้แน่น ผมก็เลยกอดเขาไปทีนึงตอนรถมอเตอร์ไซค์ตกจากลูกระนาดถนน  ดูเขาเงียบและเกร็งไปเลย ผมกลัวโดนเขาต่อย เลยไม่ได้แสดงทีท่าอะไรอีก แหม.. หยอกนิดหน่อย โมโหกันเสียแล้ว


ผมเลือกของใช้ที่ขาดอย่างเขิน เอาเข้าจริงมาซื้อวันอื่นก็ได้ แต่ดอยดึงดันจะจอดรถและให้ผมแวะซื้อของใช้จำเป็น ผมก็เดินเลือกเท่าที่นึกออก แต่เขาก็ยังส่งสายตามอง ผมจึงแกล้งทำเป็นไม่เห็น  จนในที่สุดก็แพ้ต่อความเมื่อยล้า จึงจ่ายเงินและเตรียมตัวกลับ   วันนี้เองผมได้รู้จักกับ หน้ากากทักซิโด้ มันคันไม่ใหญ่เท่ากับ แบทแมน ของโอ๊ค แต่มันก็เท่ดีนะ นั่งสบาย และดูปลอดภัยดี ผมไม่ได้กอดเขาเพราะกลัวเขาว่า แต่เพราะเขาเองที่เบรกกะทันหันผมจึงต้องรวบฝ่ามือไปยึดที่บั้นเอวเขา  บรรยากาศมาคุก็เกิดขึ้นอีกครั้ง  เราเดินคุยกันจากลานจอดรถจนมาถึงหน้าห้องนอนดอย ผมแยกตัวขึ้นห้อง รู้ได้ว่าตัวเองก็ยิ้มไม่หยุด และเขินอายที่ได้อ่านข้อความจากเพจเจอร์   เมืองนี้ ผู้คนเขาน่ารักดีเหมือนกันนะ  ไม่แปลกใจ ที่แม่ผมมาซื้อที่ดินที่นี่ เพราะเสน่ห์ของแม่น้ำ หรือเพราะมนต์ของผู้คน..  เข้าใจแล้ว  ผมเพิ่งเข้าใจ..

ออฟไลน์ DekPed

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :hao5:  ไม่ดราม่าใช่ไหมนุ้งปุย  พี่โอ๊คมันร้าย พี่ดอยต้องทำคะแนนนะ  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ NC Wanted

  • NC Wanted
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
:hao5:  ไม่ดราม่าใช่ไหมนุ้งปุย  พี่โอ๊คมันร้าย พี่ดอยต้องทำคะแนนนะ  :laugh: :laugh:

คิดว่า พี่โอ๊คนี่ตัวสับขาหลอก

ออฟไลน์ LovelyPenGirl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :hao5:  สงสารปุยจุง

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Track 7 :     กลัวเธอจะไหวหวั่น.. เพราะเขาเข้ามามากไป


หัวถนนริมแม่น้ำแคว เวิ้งที่คึกคักสุดขีดในคืนวันหนึ่ง ร้านพิซซ่าเตาถ่าน พอลล่าบาร์ ซึ่งเปิดไฟสีเหลืองอร่าม ทุกโต๊ะถูกจับจองไปด้วยชาวต่างชาติ นั่งเดี่ยวบ้าง นั่งคู่บ้าง นั่งเป็นกลุ่มบ้าง มีพิซซ่าบางกรอบ หลากหลายหน้าพร้อมชีสเยิ้มวางอยู่ทุกโต๊ะในสภาพพร่องไปหลายชิ้น  โต๊ะกลางริมฟุตบาทถนนมีคนเอเชียกลุ่มเดียวที่เป็นลูกค้าในร้าน


“เป็นไงบ้าง เปิดเทอมแล้วได้เพื่อนใหม่เยอะล่ะสิ หายหน้าหายตาไปเลยนะปุย” อาร์มที่กำลังเคี้ยวพิซซ่าชีสเยิ้มเข้าปากอย่างมูมมามเอ่ยถามปุย

“เรียนไม่หนักเลยอาร์ม แต่อธิการชอบใช้เราอ่ะ ขาดเรียนบ่อยมาก ให้เราเอากระเช้าไปให้ที่นั่นที่นี่ แถมยังต้องไปประชุมกับท่านหลายครั้งด้วย กลัวไม่มีเวลาอ่านหนังสือจัง” ปุยบ่น

“แหม ลูกรักคนใหม่ก็อย่างนี้แหล่ะ ท่านชมให้ป๊าเราฟังเรื่อยว่า เด็กใหม่บุคลิกดี จะเอาไว้ประชาสัมพันธ์วิทยาลัย ยกระดับวิทยาลัยให้ดูหรูหรา ไฮโซ รับรองได้ว่าอาจารย์ทุกคนให้ A ถ้าอธิการไฟเขียวขนาดนี้” อาร์มตื่นเต้นแทนปุย เมื่อพูดถึงเกรด

“เราจะไม่ได้เรียนน่ะสิ เราอยากได้ความรู้อ่ะ”

“เธอคือ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์เหรอนี่” โอ๊คที่นั่งอยู่ติดกับปุยหันไปถาม พลางยกพิซซ่าขึ้นมากิน มีซ้อสเปื้อนที่มุมปาก

“ไอ้บ้า เราแค่ไม่อยากต้องทำความรู้จักคนมากมายจนบ่อยขนาดนี้” ปุยตอบ พลางเอาหัวแม่มือเอื้อมไปเช็ดมุมปากให้โอ๊ค
ผู้ถูกกระทำมีอาการขวยเขินอย่างเห็นได้ชัด ฝ่ายอาร์มที่นั่งตรงข้ามโอ๊คจ้องตาเหมือนจะตกใจจนตาค้าง

“แล้วไปดูที่ดินของแม่ที่ซื้อไว้หรือยัง ว่าอยู่ซอยไหน อย่าเที่ยวปั่นจักรยานออกมาเพ่นพ่านตอนดึกนะ บางซอยคนงานพม่าเยอะ ต้องระวังไว้ด้วยนะ” โอ๊คเตือน

“คร้าบบบบ พี่ชาย”




แล้วนักดนตรีที่นั่งดีดกีตาร์โปร่งเล่นเพลง Truly Madly Deeply อยู่ในบาร์ฝั่งตรงข้าม เสียงคงลอยดังมากล่อมผู้คนในร้านพิซซ่าอย่างทั่วถึง ผู้คนต่างสนุกสนาน ผิดกับ ยอดดอย ที่สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด แต่ยังคงยกแก้วเบียร์ซดดื่มแบบไม่สนใจใคร   เวลาผ่านไปได้สักพัก ถาดไม้ที่เคยมีพิซซ่าว่างเปล่า เหลือแต่เศษมะเขือเทศ และหอมใหญ่ที่ร่วงหล่น

สาวน้อยคนหนึ่ง ผิวขาวผ่องจนเกือบซีด คิ้วเข้มโก่ง ผมแสกกลางเหยียดตรงประบ่า พาร่างสูงผอมในชุดเสื้อแขนกุดสีชมพู กางเกงยีนส์ขาสั้นตรงเดินจากภายในร้านออกมายังโต๊ะของลูกค้าคนไทย ผ่านโต๊ะฝรั่งที่เหลียวมองมาเป็นตาเดียว

“นี่ป้าพอลล่าทำพิซซ่าอร่อยขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย แทบไม่ต้องล้างถาดกันเลยใช่ไหมคะ” สาวน้อยผู้มาใหม่ นั่งลงบนตอไม้ตรงหัวโต๊ะที่ประยุกต์เป็นเก้าอี้สไตล์คาวบอย 

“นี่ถ้าป้าของหนูเปิดร้านเร็วกว่านี้ น้องมะนาวคงไม่ได้เห็นกล้ามท้องของพวกพี่เวลาน้องไปนั่งเชียร์ไอ้ดอยข้างสนามฟุตบอลแน่ๆเลยล่ะจ๊ะคนสวย”  อาร์มใช้น้ำเสียงกรุ้มกริ่มตอบกลับ

“อร่อยมาก ฝากชมป้าด้วย รับรองลูกค้าตรึม เดี๋ยวเลี้ยงพนักงานที่บริษัทพ่อ พี่จะให้โทรมาจองก่อนนะ” โอ๊คเสริม

“แหม ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ค่ะพี่โอ๊ค ป้าแกแค่หาอะไรทำแก้เหงาตั้งแต่ลุงโทนี่ตาย นาวก็เพิ่งเห็นแกอารมณ์ดีขึ้นก็ตอนมาทำร้านนี่แหล่ะค่ะ นาวก็แวะมาช่วยจนกว่าแกจะหาคนเพิ่มได้ แล้วนี่ใครคะ ผู้ที่สามารถแทรกตัวมาอยู่ในแก๊งนี้ได้เนี่ย” สาวน้อยหน้าสวยพูดพลางเหลือบหน้ามามองชายหนุ่มแปลกหน้าที่เธอเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรกด้วยรอยยิ้มที่สดใส

“สวัสดีครับ ผมปุยเมฆครับ เพิ่งย้ายมาอยู่ที่หอพักของดอยครับ”

“อ้อ 3A ในตำนาน ห้องดีเนอะ น่าอยู่มากเลย ตู้เสื้อผ้าใหญ่เหลือเชื่อ แม่พี่ดอยนี่รู้ใจผู้หญิงมากเลยเนอะ  แล้วนี่ทำไมกินมูมมามยังกับเด็ก ” มะนาวแสดงความเห็น พลางเอามือไปปัดเศษพริกไทย ที่ติดอยู่บริเวณหน้าอกเสื้อของดอย ซึ่งกำลังนั่งอยู่ข้างๆ  โดยมีดอยที่ยังคงยกแก้วเบียร์ขึ้นซดแต่ไม่ได้พูดจาอะไร

“ใช่ครับ ห้องนอนสบายมาก กว้างมากด้วย หน้าต่างหลังเห็นวิวภูเขา หน้าต่างหน้าเห็นสะพานสุดใจ กับ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ยืนดูแม่น้ำเพลินเลย พอตกดึก มายืนมองสวนก็จะเห็นหมู่ดาว” ปุยบรรยายในขณะที่อาร์มหลับตาพริ้มจินตนาการตาม

“อื้อหือ.. พูดซะน่าซื้อเก็บเลยนะห้องนี้ ไอ้ดอย มึงขายไหมวะ เดี๋ยวกูจองเลย” โอ๊คยิ้มอย่างอารมณ์ดีในขณะที่ยังคงกดเล่นเกมบอยที่เขาแย่งอาร์มมาเล่นได้สักครู่ตั้งแต่มะนาวเดินมานั่ง

“ถามแม่กูนู่น”

“เอาจริงนะโว้ย นี่ถ้าเปลี่ยนเป็นรายวัน หอพักมึงนี่จะเป็นโรงแรมสุดจ๊าบ วิวดีชิปหาย”  โอ๊คแสดงความเห็น

“อืม ก็คงงั้น” 

“เป็นไรวะไอ้ดอย เห็นใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมาเป็นเดือน หรือมึงยังช็อคกับประตูกู้ชีพของ เชอริงแฮม เมื่อเดือนที่แล้วเหรอครับเพื่อน” อาร์มเสียงแปร๋มแต่เจือด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันมายังผู้ฟัง

“สัส..  ไม่ใช่โว๊ย  แต่แม่ง ไอ้เชี่ยแมนยูมาปล้นแชมป์บาเยิร์นกูได้ไงวะ พูดแล้วอารมณ์เสียไม่หาย”

“คนชนะ มันก็คือ คนชนะเว้ย ไม่ว่าจะในเวลา หรือจะช่วงทดเวลาบาดเจ็บ” โอ๊คเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
มะนาวกับปุยเมฆมองหน้ากัน เหมือนกับว่าพวกเขาอ่อนต่อโลกเรื่องฟุตบอล จึงรีบตัดบท

“แล้วนี่ เมฆมาเรียนสาขาอะไรที่นี่ล่ะ ขาวใสอย่างนี้ถ้าเพื่อนที่วิทยาลัยครูของนาวเห็นนะ รับร้องกรีดร้องกันยกชั้น”

“เรียกมันว่าปุยเหอะ  เมฆนี่เป็นอะไรที่ไม่ใช่เลย ขาโจ๋รับไม่ได้” อาร์มสอดขึ้นมา

“พี่อาร์มก็  ผู้ชายชื่อเมฆก็ฟังดูดีจะตาย เรียกปุยมันฟังดูหวานน่ะ แต่หน้าเมฆก็หวานดีจังเลย น่าอิจฉา”

“เรียกปุยก็ดีแล้ว ดูเข้ากับตัวเขาดี” โอ๊คแสดงความเห็นบ้าง   มะนาวก็ไม่ได้แสดงความเห็นอะไรตอบ สีหน้าก็นิ่งไป
คืนนี้เป็นคืนของการเรียนรู้เพื่อนใหม่  เป็นการสังสรรค์ของคนที่ไม่ค่อยได้เจอกันตั้งแต่เปิดเทอมใหม่ ต่างคนต่างยุ่งและมีภาระของตัวเอง จนกระทั่งมะนาวโทรชวนสามเกลอมาทานร้านอาหารกึ่งบาร์เปิดใหม่ซึ่งอยู่ใจกลาง ลิตเติ้ลข้าวสาร ห่างจากหอพักนาตยาเพียงเดินถึง

โอ๊ค กับ ปุย มักมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ใบหน้าเสมอ ยามที่อาร์มส่งมุกตลกหรือแสดงความเห็นต่ออะไรสักอย่าง ยอดดอยที่ดูผ่อนคลายขึ้นตั้งแต่มะนาวปรากฏตัวจนคนรอบข้างสังเกตได้  เมื่อใกล้ถึงเวลาปิดร้าน มะนาวก็ขอตัวไปช่วยป้าของตนจัดการเรื่องบัญชี ในขณะที่โอ๊คและอาร์มก็พาปุยขึ้นรถมาส่งที่หอพัก  โดยมีดอยยังคงนั่งลำพังที่โต๊ะไม่ได้ขันอาสามาด้วย




บนรถของอาร์ม  มีโอ๊คนั่งอยู่ด้านหน้าซ้าย ปุยซึ่งนั่งอยู่เบาะหลัง เลื่อนตัวมานั่งตรงกลางเบาะแล้วโน้มตัวมาเอาข้อศอกท้าวไว้ที่เบาะหน้า

“มะนาวเขาน่ารักดีเนอะ เป็นแฟนกับดอยเหรอ”   แม้ไม่มีคำตอบใดหลุดออกมาจากเบาะหน้า แต่ปุยก็รู้คำตอบอยู่ในที
รถของอาร์มมาจอดที่หน้าหอ และเตรียมยูเทิร์นกลับ ก่อนจะมาจอดเทียบที่ฟุตบาทหน้าพอพักอีกครั้ง  มีโอ๊คกับปุย ที่ยืนอยู่ริมถนนหน้าร้อนอินเทอร์เน็ต ที่บัดนี้มีลูกค้าอยู่ไม่มากแล้ว
 
“อุปกรณ์การเรียนมีขาดอะไรไหม วิชาภาษาอังกฤษพอได้นะ”

“ได้สิ ได้ศัพท์ใหม่เยอะมาก ผลพวงจากการดูเคเบิ้ลทุกวันเลย แต่เดือนหน้ามีวิชาความปลอดภัยในการท่องเที่ยว ต้องเขียนรายงาน”

“ลงพื้นที่ด้วยเหรอ”

“ใช่ ไปพื้นที่สถานท่องเที่ยวที่อาจมีอันตราย แล้วเขียนเป็นรายงาน วิธีปฏิบัติการป้องกันอุบัติเหตุแก่คณะท่องเที่ยว อะไรแบบนั้นเลย”

“เพิ่งเปิดเทอมแท้ๆ โหดแฮะ แล้วเลือกสถานที่หรือยังล่ะ”

“เพื่อนที่สาขาต่างคนต่างไปนะ เพราะยังไม่สนิทกันมาก แต่กลุ่มของเราว่าจะไปเป็นกลุ่ม ได้ช่วยกัน”

“แล้วมีใครมาจีบยังเนี่ย”

“ยัง.. บ้าเหรอเขามาเรียนกันนะ เพิ่งเปิดเทอมใครจะหาแฟนเลย”

“หึ”

“ทามมายยยยยย   หวงเราเหรอ กลัวต้องอยู่กับอาร์มสองคนใช่มั๊ย”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า  รำคาญมันจะแย่อยู่แล้ว..  อืม ไปนอนได้แล้ว เปลี่ยนโหมดความชื้นแอร์มาเป็น dry ด้วยนะ ฝนตกบ่อย อากาศมันชื้น เดี๋ยวตื่นมาแสบจมูก”

“คร้าบบบคุณพ่อ”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นมารับไปดู สตาร์ วอร์ส กัน จะออกจากโรงแล้ว เราชวนอาร์มกับดอยไปด้วยนะ”

“ฝากชวนมะนาวไปด้วยสิ”

แล้วอาร์มก็บีบแตร Bosch เสียงสุดนุ่มจากรถแคมรี่คันเก่ง เป็นการเรียกโอ๊คให้ขึ้นรถ เพราะเขาต้องไปรับ ดอยและมะนาวไปส่งบ้านที่บ้านต่อ   โอ๊คหันมายกฝ่ามือมาบ๊ายบาย ปุยก็เข้าไปในร้านอินเตอร์เน็ต ใช้คอมพิวเตอร์แชทไอซีคิวอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะเดินขึ้นห้องพักไป



ที่สวนท้ายหอ มีดอยนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวโปรดของเขา ซึ่งมีพนักพิงสูงเกือบถึงไหล่  ใกล้กับแคร่ที่เขานอนเมาเป็นประจำ เขาเพิ่งใช้โทรศัพท์ในห้อง หมุนไปยังโอโปเรเตอร์ ดอกจัน หนึ่งหกสอง ดอกจัน ตามด้วยเบอร์ของปุย กดสี่เหลี่ยมแล้วโทรออก  พร้อมฝากข้อความว่า  “คืนนี้ ไม่ลงมานั่งเล่นคุยกันในสวนเหรอ / ยอดดอย”   แล้วเขาก็นั่งรออยู่ใต้ต้นทองกวาวนั้น นั่งรออยู่จนดึกดื่น 



น้าแจ้ที่กำลังเดินไล่ปิดไฟตามระเบียง เหลือบมองลงมาเห็นหลานตัวเองนั่งอยู่ในสวน เขาก็เดาได้ว่า ห้อง 3A คงไม่ได้มาร่วมวงสนทนาอย่างออกรสเฉกเช่นทุกวัน เหมือนเช่นในช่วงเกือบสองเดือนที่ผ่านมา ที่น้าแจ้คอยเอาน้ำท่า พร้อมขนมแวะมาให้หลานตัวเองกับสหายใหม่อยู่เสมอ มาคอยจุดยากันยุง และ หาตะเกียงไฟมาวางให้ แจ้ถูกใจที่หลานตัวเองได้มีรอยยิ้มบ้าง ได้คุยกับคนอื่นที่นอกเหนือจากน้าคนนี้  นอกเหนือจากเพื่อนแฝดที่สนิทกันมา  แจ้อยากให้พี่สาวของเขามาเห็นชีวิตชีวาที่กลับคืนมาบนใบหน้าของหลานชายคนโปรด... 


บนห้องนอน 3A ปุยยังคงเปิดไฟที่โคมหัวเตียง มีพจนานุกรม ฉบับ ส.เศรษฐบุตร วางคู่กับชีทเรียน ปากกาที่ไม่ได้สวมปลอก  และเพจเจอร์ที่ทับสมุดบันทึกไว้  ปุยในชุดนอนบางสีขาว กอดหมอนข้างแต่ตายังไม่หลับ  เขาลืมตาอยู่อย่างนั้นนานสองนาน อาจเพราะมีเรื่องให้คิด  หรือการเข้ามาของใครคนหนึ่ง 
ยิ่งได้เห็นเขาคุยกัน ยิ่งได้รู้ว่าเขาชอบที่มีกันและกันเป็นคู่สนทนา  ความเป็นตัวของตัวเองของบางคนแจ่มชัดขึ้นเมื่อมีใครอีกคนอยู่ด้วย เพียงแต่ไม่ใช่เขา...   ปุยเอื้อมมือไปปิดโคมไฟที่หัวเตียง  ดึงผ้าห่มหนาลายเซ้นต์เซย่ากอดไว้ แต่ไม่ลืมที่จะเอื้อมมือไปปรับโหมดเครื่องปรับอากาศตามที่ใครคนนึงบอกไว้.. 
ปุยข่มตาหลับ และพยายามจะผ่านคืนนี้ไปให้ได้ด้วยร่างกายที่เหนื่อยก่อน กับหัวใจที่ระแวง..



ออฟไลน์ LovelyPenGirl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

สั้นจุง   แต่น่ารักดีค่ะ

ออฟไลน์ NC Wanted

  • NC Wanted
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนนี้ สั้นนะคะ แต่ มะนาว นี่ไม่น่ากับพี่ดอย เพราะถ้าเขาจะรักกัน น่าจะรักกันไปนานแล้ว    :katai1:

ออฟไลน์ Hyenas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนนี้ สั้นนะคะ แต่ มะนาว นี่ไม่น่ากับพี่ดอย เพราะถ้าเขาจะรักกัน น่าจะรักกันไปนานแล้ว    :katai1:

นี่ก็ว่าไม่ใช่ น่าจะแอบรักพี่โอ๊คนะมะนาวเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Track 8 : หากเธอเป็นเธอคนเดิม ..ได้นาน


ใต้ต้นจามจุรีใหญ่สูง 20 เมตรที่แผ่หลาอยู่กลางลานกว้างในเขตค่ายทหาร ห่างจากตลาดเมืองกาญจน์ 8 กิโลเมตร  มีรถฮอนด้า แอคคอร์ด วีหก ใหม่เอี่ยมจนผิวรถมันเลื่อม จดเทียบอยู่ที่นอกร่มเงาของกิ่งก้านต้นจามจุรี ซึ่งกินพื้นที่มหาศาลร่วมไร่ครึ่ง  คล้ายจานบินขนาดมหึมาวางอยู่บนลำต้นอ้วน 10 คนโอบ  กลุ่มหนุ่มสาวในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้น สีสันสดใส ราวกับเป็นการเซ็ทฉากถ่ายแบบนิตยสารก็ไม่ปาน


“หืม พี่โอ๊คน่าจะมาด้วยกันนะเนี่ย นาวไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับพี่โอ๊คนานมากแล้ว ตั้งแต่พี่โอ๊คยังตัดผมทรงลานบินอยู่เลย”

“แหม ถ่ายกับพี่ก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ แฝดร่วมไข่กันซะขนาดนี้ มาๆๆ ไอ้ดอย มึงถ่ายรูปคู่กูกับน้องมะนาวหน่อยสิวะ ห้ารูปนะ เผื่อฟิล์มเสีย”

“เชี่ย ทำเป็นตู้สติ๊กเกอร์ไปได้ ค่าล้างรูปมึงออกตังค์นะ กูถ่ายให้อย่างเดียว”

“เออๆๆ เดี๋ยวเสี่ยอัดแจก ขนาดโปสการ์ด 4x6 ให้คนละชุดเลยมา  ให้น้องปุยด้วยนะจ๊ะ อยากถ่ายพี่อาร์มจะแย่อยู่แล้วสิ เดี๋ยวนะ ให้คิวน้องมะนาวก่อน”

“เอาเลยอาร์ม ฮ่า ฮ่า ฮ่า  เรารอได้”  ปุยขำ แล้วเดินไปยืนข้างดอย ซึ่งอยู่ห่างจากนายแบบนางแบบที่กำลังโพสต์ท่าอย่างสนุกสนาน โดยมีดอยผู้กำลังถ่ายรูปเพื่อนด้วยท่าทีที่ชำนาญ 

“โอ๊ค ไปไหนเหรอวันนี้” ปุยถามตากล้อง ที่เขาไม่ได้พูดคุยกันมาพักใหญ่ หลังจากกลับจากร้านพิซซ่าในคืนนั้น

“ไม่รู้เหรอ ปุยคุยกับโอ๊คทุกวันยังไม่รู้  เราจะไปรู้ได้ยังไง” ดอยหงายกล้องปรับรูรับแสง แต่ไม่หันไปมองคู่สนทนา

“ก็ไม่ได้คุยกันบ่อยอะไรขนาดนั้นซะหน่อย เราไม่ค่อยเปิดมือถือด้วยซ้ำตั้งแต่ตกน้ำ แบตเตอรี่ก็ไม่ดีเลย ไว้ค่อยขอพ่อซื้อใหม่ รอปีหน้า อยากได้ โนเกีย 8850 สวยยยยย” ปุยพยายามเรียกร้องความสนใจจากด้วยด้วยน้ำเสียงแจ้ว

“อืม”

“ดอย”

“ว่า”

“ดอยครับ”

“....”

“ยอดดอยครับ”

ดอยหยุดถ่ายรูปปล่อยกล้องที่ยังมีสายคล้องคอเขาอยู่ แล้วหันไปเผชิญหน้าผู้ที่เรียกชื่อเขาไม่หยุด  “อะไรเหรอ”

“โกรธอะไรเราเปล่า... แล้วก็หายไปไหนเป็นอาทิตย์เลยอ่ะ  เราไปที่สวนไม่เคยเจอเลย เห็นไฟห้องปิดไม่กล้าเรียก”

“แล้วทำไมไม่โทรเข้ามาที่ห้องล่ะ”

“ก็ไม่กล้าโทร กลัวว่ายุ่ง หรือไปไหน”

“ไปไหนล่ะ”

“ก็ไปขลุกตามร้านพิซซ่า หรืออะไรประมาณนั้นน่ะ”

ดอยเกือบจะเผยยิ้มเมื่อได้ยิน แต่ยังคงทำหน้าดุไม่สนใจอะไร “ก็ไปบ้าง เวลาเครียด อยู่กับมะนาวสนุกดี เฮฮาไม่คิดอะไรมาก”

“ชวนเราไปด้วยก็ได้ เดี๋ยวเราเลี้ยงเบียร์เอาป๊ะ  เลี้ยงไก่ทอดที่ดอยชอบด้วย 2 น่องเลย นะๆๆ”

“ทำเป็นรู้เนอะ ว่าเราชอบอะไร”

“ก็ไม่ยาก.. ดูอาการก็พอรู้ ว่าชอบอะไร”  ดอยพูดจบ ก็ชวนดอยให้ถ่ายรูปตัวเองบ้าง




ห่างออกไป หน้าศาลเจ้าแม่จามจุรี  อาร์มกับมะนาวที่เพิ่งเสร็จจากการหยอดเงินในตู้รับบริจาค ก็เดินถือธูปเทียนมาไหว้ที่หน้าศาล เมื่อไหว้เสร็จจึงเดินไปหา ดอยกับปุย ที่บัดนี้ยืนรออยู่ที่รถ อาร์มกับมะนาวเดินเคียงคู่กันไปยังรถสีดำนั้น

“พี่อาร์ม ขอพรอะไรเหรอคะ”

“ขอให้โลกนี้สงบสุข”

“เอาจริงๆสิพี่ก็”

“ถ้าบอกมันจะสมหวังไหมล่ะ”

“นั่นมันอธิฐานกับดาวตก หรือตอนเป่าเทียนเค้กวันเกิด เขาถึงจะห้ามพูด แต่ขอพรนี่บอกกันได้”

“พี่อยากให้ทุกคนรอบตัวพี่มีความสุข”

“อ้าว แล้วทุกวันนี้พวกเขาไม่มีความสุขเหรอคะพี่”

“พี่ไม่รู้.. พี่ไม่รู้อะไรทั้งนั้น  คนรอบตัวพี่เป็นคนไม่ชอบแสดงออกว่ะ ไม่แสดงออกเชี่ยอะไรกันเลย มะนาวก็เห็น”  อาร์มหัวเราะในคำพูดของตัวเอง

“เขาอาจจะยังไม่รู้ ว่าความสุขของเขาคืออะไร.. เราไปขอให้เขา ก็ไม่ได้ประโยชน์หรอกนะ นาวว่า”

“พูดจามีหลักการ อธิษฐานบ่อยสิเนี่ย ขอหวยใช่ม๊ะ”

“เหออออ  นาวไม่ใช่พี่ดอยนะ บ้าหวย  นาวขอเรื่องเรียน เรื่องงาน  แล้วพี่ล่ะ ขออะไรให้ตัวเอง”

“พี่ได้เพื่อตัวเองมาเยอะแล้ว..  พี่ขอให้ใครคนนึง” 




“เสร็จแล้วแล้วเหรอ ขวัญกับเรียม เนี่ย ไหว้จนธูปหมดดอกเลยมั๊ง สาบานกันถึงชั้นฟ้านู่น” ดอยพูดกวนประสาทอาร์ม

“กูไม่ได้ขี่ควายแบบขวัญโว้ย ขี่ไม่เป็น ป๊ะ ขึ้นแอคคอร์ดไอ้โอ๊คดีกว่า”  อาร์มเปิดประตูขึ้นรถไป

“แล้วรถอาร์มไปไหนล่ะ” ปุยถามเมื่อขึ้นมานั่งที่เบาะหลังคู่กับดอยแล้ว พลางสำรวจในรถของโอ๊คอีกรอบ ทั้งที่ขามา เขาก็เพิ่งพินิจรอบรถอย่างสนใจ จนดอยหันมามองเขม่น  ปุยดูทึ่งกับคาสเซ็ทของโอ๊ค ที่มีแต่เพลงสากลที่เขาชอบ ความเป็นสีดำ แต่แสนสะอาดของรถ แทบไม่มีของตกแต่งอะไรนอกเหนือจากลายไม้สีโอ๊คสุดเท่  ยิ่งในฝากระโปรงหลังรถที่เขาเพิ่งเปิดเอาเป้ไปวาง  มีแต่กล่องรองเท้ากีฬาเรียงเป็นระเบียบ ผ้าขนหนูขนาดเล็กสีเทาดำ ขวดน้ำแร่ไว้ดื่ม กระติกน้ำสีดำทรงสี่เหลี่ยม และหนังสือ  Judgement Day  ที่วางทับกองหนังสือซึ่งจัดเรียงไว้เรียบร้อยจนน่าทึ่ง 

“เอาไปเปลี่ยนยางน่ะสิ วันก่อนที่พวกเราไปดู สตาร์วอส์ กัน ตอนกลับจากโรงหนังน่าจะไปเหยียบตะปูเข้า พ่อกลัวมันอันตรายเลยให้เราเอาไปทิ้งไว้ที่ร้านยาง”

“แล้วเอาจริงๆ นี่พี่โอ๊คไปไหนล่ะคะเนี่ย เบี้ยวนัดมะนาวบ่อยนะพักนี้ ฝากตำหนิด้วย เดี๋ยวนาวจะเพจไปว่า เมื่อตอนขามานี่ที่บอกว่ายังไม่ตื่น นี่อ้างใช่มั๊ย พี่โอ๊คไม่ตื่นสายแน่นอน ไม่ใช่อย่างพี่อาร์ม”

“โอ๊ย เกรงใจเจ้าหน้าที่ *162*  หน่อย เสียงน้องดุ สงสารพนักงาน.. โอ๊คมันไปทำธุระให้พ่อ มันเริ่มเข้าไปช่วยงานหลายอย่างแล้ว ไหนจะเตรียมตัวเรื่องปีหน้าอีก..”  แล้วอาร์มก็หยุดพูดไป ไม่เพียงแต่มะนาวที่เหมือนจะรอฟัง แต่ ที่เบาะหลัง ก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น  แต่เมื่ออาร์มไม่พูดอะไร ก็ไม่มีใครเซ้าซี้ เพราะเดี๋ยวคืนนี้ ก็มีนัดทานข้าวกันที่ร้านเจ๊นกน้อย คิดว่า โอ๊คไม่น่าจะเบี้ยวนัดเป็นครั้งที่สองของวันหยุด



อาร์มส่งดอยและปุยที่หน้าหอพัก แล้วแล่นรถออกไปเพื่อไปส่งมะนาวที่บ้าน ซึ่งอยู่ในตลาดสด ปุยเดินนำหน้าดอยเข้าร้านอินเทอร์เน็ตไป เอ่ยทักทายน้าแจ้ ที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก แล้วก็เดินทะลุร้านไปยังสวน ดอยที่สนทนากับน้าแจ้อยู่สักพัก ก็เดินตามมา เห็นปุยนั่งอยู่ที่แคร่ใต้ร่มไม้ จึงเดินตามไปนั่งสมบท ดอยนั่งลงบนแคร่ขนาดใหญ่ ที่ทำจากไม้ไผ่ ปุยขยับให้ดอยขึ้นมานั่งคู่กันได้ถนัด

“เพิ่งกลับจากต้นจามจุรี นี่มานั่งดูต้นไม้อีกแร๊ะ จะชื่นชมต้นไม้ทั้งวันเลยหรือไง หรือว่าอยากเป็นนางไม้ล่ะ”

“พูดกันดีๆบ้างสิครับ”

“ก็เห็นนั่งมองอยู่นาน สวนหลังหอนี่ก็มานั่งออกบ่อย”

“มาทีไรก็ค่ำแล้ว ใครไม่รู้กว่าจะเล่นฟุตบอลเสร็จก็เย็นนี่นา.. มานั่งใต้ต้นไม้ตอนบ่ายแบบนี้ ยิ่งชอบใหญ่ เพิ่งรู้ว่า ร่มเงาของมันบังแดดได้ดีขนาดนี้”

“ทองกวาว..  ต้นนี้ เรียกทองกวาว  แม่เจอที่ข้างทาง ลงไปขอซื้อ แล้วเอารถสิบล้อขนมาเลย”

“โหยย แม่จ๊าบมากอ่ะ แต่รสนิยมแม่ของดอยดีมาก แค่ที่ห้องนอน ก็ฟ้องแล้ว”

“แม่บอกว่า ที่แคบ แต่ต้องการร่มเงา ก็คงต้องเลือกให้เหมาะ อะไรที่ชอนไรรากไปยังกำแพงก็ไม่ดี อะไรที่ใบร่วงโรย ก็เป็นภาระ ตอนที่แม่เห็นทองกวาวต้นนี้ แม่บอกว่า ใช่เลย รูปทรงมันสวยกว่าต้นแถวบ้าน แม่ควักตังจ่าย แล้วให้คนมาขุด นี่นั่นแหล่ะแม่เราล่ะ กำนันคนจริงแห่งยุคมิลเลนเนียม  ไว้จะพาไปเจอนะ”

“แม่จะชอบเราไหม เราโก๊ะมากกก กอ ไก่ หลายตัว”

“ชอบดิ แม่เราให้เสรีภาพ เราชอบเพื่อนคนไหน แม่ก็ชอบ”

“ดอย..”

“ครับ”

“ดอยว่า ที่เราคุยๆกันแบบนี้อ่ะ..  มันปกติไหม”

“ยังไง”

“.....” 

“ปุยหมายถึงอะไร ยังไงอ่ะ”

“... คือ  หมายถึง วิธีที่เราคุยกันน่ะ มันเหมือนคนอื่นคุยไหม”  ปุยเริ่มเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจมาแรมเดือน

“ดอยก็ไม่รู้... มันยากว่ะ  นี่บางทีก็ตั้งคำถามเหมือนกัน แต่กับคนอื่น เราก็มีคุยแบบนี้นะ  มะนาวเราก็เคยคุยแบบนี้ตอนเจอใหม่ๆ  กับคนในหอนี้ ก็เคยคุยแบบนี้แหล่ะ”

“คือ.. อันนั้น พวกเขาเป็นผู้หญิงอ่ะ”

“ก็นั่นแหล่ะ ที่ทำให้คิดมากอยู่นี่ไง  ไม่เคยว่ะ แบบ เรามันก็มีคำถามในหัวนะ แต่อย่างนึงคือ  เราว่า เราชอบคุยกับปุยนะ”

“เป็นไปได้ไหมว่า เราก็แค่ ชอบคุยกัน เจอคนคุยเรื่องเดียวกันแล้วมันสนุกอะไรประมาณนั้น” ปุยถามกลับ

“เอาจริงๆนะ  เราไม่ค่อยคุยเรื่องเดียวกันเท่าไหร่หรอก  เรื่องที่ปุยคุยกับโอ๊ค เราฟังแทบไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ และแน่นอนว่า เวลาเราคุยกับอาร์ม ปุยก็เอ๋อป๊ะ”

“ก็จริง  แต่ก็น่าจะเพราะเราสบายใจที่คุยกับดอยมั๊ง”

“ไม่.. ดอยสบายใจที่คุยกับโอ๊ค  กับเรา มันน่าจะความรู้สึกล้วนๆ”

“เฮ้ยย  อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิ  พวกเรายังเด็ก พวกเราต้องเรียน อย่าไปคิดอะไรมากเลย”  ดอยทำตากลมใสซื่อเข้าใส่

“อย่ามาทำไขสือ  แล้วเวลาอยู่ในห้องนอน อยู่คนเดียวตอนดึก คิดถึงเราบ้างมั๊ยละ  เป็นเหมือนที่เราเป็นมั๊ย”

“........”

“นั่นแหล่ะ สิ่งที่พวกเราไม่ควรทำ และคนรอบข้างจะเสียใจ โดยเฉพาะพ่อกับแม่”

“งั้นเรา.. มาห่างกันดีไหมอ่ะ”

“ไม่รู้ดิ.. ไม่อยากห่างว่ะ  อยากใช้ชีวิตแบบทั่วไปนะ แต่อยากรู้ว่ามันผิดพลาดอะไรยังไง  นี่ทำของใส่เราป๊ะ”

“ไอ้บ้า ฮ่าๆๆ คนนะ ไม่ใช่พ่อมด” ปุยเจื่อนยิ้มขณะตอบ เขาหน้านิ่งไปสักพักตั้งแต่รอฟังว่าดอยอยากห่างเขาไหม
พระอาทิตย์ที่ตกดินไปพร้อมกับคำถามมากมายที่คนทั้งคู่แลกเปลี่ยนกัน จนมีเด็กหาสาวน้อยสามคน เดินลงมาพร้อมหนังสือกองใหญ่ เพื่อนั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนในสวน ดอยจึงละจากบทสนทนา และเอากล่องยากันยุงไปวางที่ใต้โต๊ะให้ หญิงสาวเหล่านั้นขอบคุณและยิ้มหวานให้ดอย ปุยจึงขอตัวขึ้นตึกไปอาบน้ำ เพื่อเตรียมไปร้านเจ๊นกน้อยตามนัด  โดยดอยก็เดินเปิดไฟในสวนตามจุดต่าง ๆ ก่อนจะเข้าห้องไปอาบน้ำเช่นกัน




วันนี้ร้านเจ๊นกน้อยไม่มีลูกค้าเลย เพราะหน้าร้านเขียนป้ายว่า “ปิดร้านหนึ่งวัน เจ้าของร้านคนสวยลาคลอด”  สร้างความขำขันให้สาวบาร์ที่เดินผ่านไปมาผู้เป็นลูกค้าประจำกันอยู่เสมอ  ภายในร้านโต๊ะเก้าอี้เก็บชิดกำแพงจนกลางร้านว่างเปล่า มีเพียงโต๊ะพับสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ มีผ้าปูโต๊ะลูกไม้สีน้ำตาลปูทับอยู่ และอาหารทะเล ยำน่องไก่ทอด ข้าวผัดไข่ใส่จานเปลจนพูนโรยด้วยเนื้อปูและผักชี  หม้อไฟขนาดใหญ่ที่มีต้มยำซึ่งใต้ฐานมีแอลกอฮอล์ก้อนรอการจุดไฟ  ถังโซดา น้ำแข็ง เหล้าสเปย์รอยัลหกขวด และจานชามวางเรียงรอบโต๊ะรอคอยแขกผู้มาเยือน

“โอ้โหววววว พอมีหนุ่มๆมากินนี่ น้องนก ใส่เต็มทั้งเสื้อผ้า ทั้งอาหารเลยนะครับ” ชายสูงอายุหน้าตาดี หน้าผากกว้างถึงกว้างมาก ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ กำลังแกะกุ้งอย่างบรรจงเพื่อเตรียมเข้าปากเอ่ยแซว

“แหม พี่แจ้ก็ นานทีหนุ่มๆพวกนี้จะมีเวลาให้ ช่วงปิดเทอม หนูก็ใช้พวกเขาจัง เดี๋ยวให้ไปซื้อนั่นซื้อนี่ไม่มีบ่น โดยเฉพาะเจ้าอาร์มนี่ มันบ่นไปยังงั้น แต่ในใจก็ห่วงคนตัวเปล่าเล่าเปลือยอย่างเจ๊ใช่ม๊า”

“คร้าบบบบ เจ๊นกน้อยสุดสวย วันนี้ผมเลยเอาคืน รับรองไม่เกรงใจล่ะนะ  แล้วนี่ปิดร้านกับเขาเป็นเนอะ เห็นงกขนาดนี้” อาร์มที่กำลังแกะปูเข้าปากอย่างเมามันถามกลับ พลางตักหอยแมลงภู่ในหม้อต้มยำใส่ถ้วยแบ่ง แล้วส่งให้มะนาวที่นั่งอยู่ตรงข้าม  โดยมีดอย กับปุย นั่งถัดออกไปจากมะนาว  แล้วมีโอ๊ค นั่งอยูข้างเขาตรงข้ามกับดอย 

“หูยย ก็ถือโอกาสปิดด้วยเลยไง เหนื่อยมาก ปิดครั้งสุดท้ายก็ตอน เริงมายา อวสานนั่นแหล่ะ ป้าเอี้ยงก็บ่นจริง ว่านี่คือครัวนรก ใช้งานเยี่ยงทาส” นกน้อยจีบปากจีบคอนินทาแม่ครัวตัวเอง

“แต่ร้านพี่นกน้อยอร่อยจริงๆนะครับ ถูกด้วย นี่ถ้าใกล้บ้านนาว นาวคงเดินมากินทุกวันเลย”

“จร้าแม่คนสวย ยิ่งโตยิ่งสวยเนี่ย” นกน้อยพูดพลางสาละวนกับการเดินรอบโต๊ะดูแลของไม่ให้ขาดเหลือ “เสียอย่างเดียว มาสุงสิงกับพวกแก๊งฉมวกแทงเหี้ยพวกนี้”

“แก๊งอะไรนะครับ” ปุยแทรก ด้วยความงง มือยังคงเอาช้อนส้อมพยายามหั่นหมูแดดเดียวที่แข็ง แต่เขาพบว่ามันอร่อยล้ำ

“ก็น้าแจ้อ่ะสิ เรียกเราสามคนแบบนี้ ฉมวกมีสามง่ามไง เหมือนที่เรามีกันสามคนมานาน” โอ๊คเสริม เขาไม่ได้กินอะไรนัก แค่ยกแก้วเหล้าส่งเข้าปากไม่ขาดสาย

“แล้วตอนนี้ ก็มีคุณความดีขาวใสโผล่เข้ามาคานอำนาจ ความเหี้ยเลยล่มสลาย” อาร์มแสดงความเห็นจนทุกคนหัวเราะ

“อย่างนี้ น้าต้องเปลี่ยนให้เป็นสี่กุมารอะไรสักอย่างดีไหมวะ” น้าแจถามอาร์ม

“อย่าลืมมะนาวสิคะ เป็นห้าไม่ได้เหรอ” มะนาวเม้มริมฝีปากทำหน้างอนน้าแจ้ เมื่อพบว่าตัวเองไม่ได้มีส่วนร่วม

“ห้า คือประตูรวม ที่แมนยู ยิงลิเวอร์พูล ในฤดูกาลที่แล้วหรือเปล่าวะไอ้ดอย” อาร์มทำหน้าเยาะเย้ยใส่คนที่นั่งเยื้องกัน

“แค่สี่เว้ย มึงอย่าเกรียน  ห้า คือจำนวนครั้งที่หงส์ชนะนอกบ้านปีนี้เฟ้ย”

“ห้า คือประตูที่เชลซี เพิ่งยิงวิมเบอดันไป” โอ๊คยักคิ้วบ้าง แสดงความเห็น พร้อมยกแก้วเหล้ามากระดกเข้าปาก

“ได้ข่าวว่า เพิ่งโดนทีมชาติไทยถล่มไปสี่ประตู มึงอย่าทำเนียนไม่เอ่ยถึง  ห้า คือ ห้าหมื่นขั้นต่ำ ที่คนเข้าชมใน Old Trafford เว้ย” อาร์มไม่ยอมแพ้โอ๊ค ยังคงอวดความเจ๋งของทีมตัวเอง

“ห้า คืออายุที่เจ๊เสียตัวครั้งแรก” นกน้อยแทรกขึ้นเรียกเสียงหัวเราะจากคนทั้งโต๊ะ




ค่ำคืนคงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของคนคุ้นเคย  มีน้าแจ้ที่ลุกเดินกลับไปตรวจตราที่หอพักบ้างอยู่สองสามครั้ง  แต่ยังคงใจจดจ่อกับเหล้าและอาหารตรงหน้า   มะนาวที่มองนาฬิกาเป็นระยะฟ้องว่าได้เวลากลับบ้าน โอ๊คที่เริ่มตักข้าวผัดใส่จานทานตอนที่ทุกคนไม่ได้ทานแล้ว  ดอยกับปุยที่นั่งติดกันแต่ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่  คงมีอาร์มที่ปล่อยมุกให้คนอื่นให้หัวเราะอย่างต่อเนื่อง  ก่อนน้าแจ้จะเป็นคนเริ่มขอตัวกลับไปที่หอพักอีกครั้ง 

“เดี๋ยวเด็กที่ร้านเน็ตกลับหมด จะมาช่วยเก็บล้างนะจ๊ะ น้องนกจ๋า”

“อ้าวยังมีเด็กมาเล่นช่วงเปิดเทอมอีกเหรอ ดึกขนาดนี้ ระวังโดนตำรวจจับนะพี่” นกน้อยถามด้วยความเป็นห่วง

“ก็เหลือน้องนักเรียนคนหล่อๆ ตัวผอมๆ ใส่แว่นหนาๆ ที่มาทุกวันน่ะ นี่ไม่เห็นใส่ชุดนักเรียนตั้งแต่เปิดเทอม น่าจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วมั๊ง โอ๊ยให้นั่งไปเหอะ ยิ่งอยู่ดึก ยิ่งทิปเยอะ”

“น้องเด็กแนวคนนี้ ทิปน้าแจ้ทีเป็นร้อย เป็นร้อยครับเจ๊นกน้อย” อาร์มฟ้องด้วยสีหน้าทะเล้นสุดขีด

“หูยย มีอย่างนี้ด้วย” นกน้อยเอามือทาบอก อุทานในใจ

“ก็น้องโอเล่ คนที่ชอบสั่งพะแนงกุ้งไม่เผ็ดเกือบทุกวันนั่นไงล่ะ กับปลาจาระเม็ดนึ่งบ๊วยน่ะ เป็นกับข้าวด้วยนะ ไม่เคยสั่งราดข้าวเลยสักครั้ง สั่งเป็นกับข้าวตลอด เมดทูออเดอร์” แจ้สาธยาย

“ห๋า หนูนึกว่ากินกันเป็นหมู่คณะนะนั่น นึกออกแล้ว เจ้าเด็กขาวๆ ที่แว่นหนาๆ นั่งแถวโต๊ะแถวสาม เออ.. มากี่ทีก็เห็นตลอด ยังคิดว่า แม่ไม่ตามกลับบ้างหรือไง”

“เอาน่า อย่ามาวิเคราะห์ให้เสียกำลังใจช่องทางทำกินของฉันเลย น้องตี๋แว่นนี่มือวางอันดับหนึ่งลูกค้าสุดที่รักของฉัน ใครก็ห้ามยุ่ง”

“ค่ะ ไปดูแลเลย ไม่ต้องมาล้างแล้วจานน่ะ จะปิดร้านดูข่าวจี้เครื่องบินที่ญี่ปุ่น นี่ไอ้โยชิ ที่หัวถนนแจ้นกลับประเทศไปเลย เห็นว่าแม่เขาอยู่ในเครื่องด้วย”

“มาสิ ยังไงก็มา เดี๋ยวมาดูด้วยกันนะ อยากรู้ว่าเขาจี้กันยังไง” น้าแจ้ที่เมาได้ที่ หยอกนกน้อย จนคนที่เหลือรู้สึกเป็นส่วนเกินแล้วขอตัวกลับบ้านกัน




อาร์มขับแคมรี่คันเก่งไปส่งมะนาวที่ล่ำลากัน  โดยมีโอ๊คกับปุยเดินนำไปที่สวนข้างห้องของดอย  ดอยเดินตามอยู่ห่างๆ  ทั้งสามคนมานั่งขัดตะหมาดล้อมวงกันบนแคร่

“สอบเก็บคะแนนเป็นไงบ้าง ทำได้มั๊ย” โอ๊คที่ก้มหน้า เอานิ้วเขี่ยหัวตะปูที่โผล่ทะลุซี่ไม้ลวกบนแคร่ ถามปุย

“ก็ทำได้ เรียนไม่ยากเลย แต่กิจกรรมเยอะ ของโอ๊คกับดอยล่ะ นี่เตรียมฝึกงานกันแล้วนี่”

“ยังหรอก อีกนาน แต่เตรียมยื่นไว้หลายที่แล้ว เรื่องมากที่สุดคือไอ้อาร์ม นี่ต้องหาที่ทำงานที่เป็นห้องแอร์ให้มัน” โอ๊คบอกด้วยสีหน้าสุดเซ็ง ก่อนจะหันไปถามดอย “แล้วมึงจะไปฝึกงานบริษัทพ่อกูไหม ผิดพลาดยังไงยังมีคนช่วยดูไม่น่าหนักอะไร แค่ตรวจใบประเมินก็ออกเกรดได้อยู่แล้ว เดี๋ยวกูบอกเขาให้”

“ก็ดี ฝากหน่อยเพื่อน แล้วมึงจะไปฝึกไกลถึงกรุงเทพทำไมวะ บริษัทพ่อมึงก็เลือกได้เยอะแยะจะทำแขนงไหน”

“อยากลองอะไรใหม่ๆบ้าง งานตัวถังและพ่นสียานยนต์ ของบริษัทพ่อกูก็แบบเดิมๆเปล่าวะ ถ้าไปในที่ซึ่งเทคโนโลยีมันดี มันเหนือชั้นกว่า อย่างน้อยกูก็ได้อะไรกลับมา”

“มึงสองคนนี่ช่างเหมือนกันอย่างกับแกะ” ดอยมองสองคนที่อยู่ตรงหน้า พูดจบก็คว้าแก้วเหล้าที่หยิบติดมือจากร้านเจ๊นกน้อยมาเข้าปาก โดยตั้งใจว่า หมดแก้วนี้คือพอก่อน

“เราไม่จริงจังขนาดโอ๊ค  เราแค่ให้ทุกคนพอใจ ให้พ่อไม่ต้องห่วงกับเรา แล้วก็แม่น่าจะชอบกับสิ่งที่เราเรียน”  ปุยแจกแจง

“ก็ยังดีที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร  เราไม่เคยจะรู้ใจตัวเองในสักเรื่อง” ดอยพูดขึ้นบ้าง

“มึงรู้..  แต่มึงแค่ต้องใช้เวลาอีกหน่อย มึงไม่โง่หรอก มึงแค่สับสน.. กูเป็นกำลังใจให้” โอ๊คมองมาที่ดอย พร้อมรอยยิ้มจาง
ทั้งสามยังคุยสัมเพเหระอีกสักพัก ก่อนโอ๊คจะเอ่ยขอตัวกลับ

“แล้วนี่ตกลงปุยจะไปทำรายงาน วิชาท่องเที่ยวทางทะเลที่ไหนล่ะเนี่ย” โอ๊คที่เอามือล้วงกระเป๋าในเสื้อสเวเตอร์สีน้ำเงินถามปุยที่ยืนอยู่กับเขาพร้อมดอย  ใกล้กลับแคร่ที่พวกเขาเพิ่งลุกจากมา

“อาจารย์บอกว่า เมืองกาญจน์ไม่มีทะเล จะใช้จำลองที่ ชายหาดหนองบัวแทน จำลองแม่น้ำเป็นทะเลนั่นแหล่ะ แต่เดี๋ยววิชาพฤติกรรมนักท่องเที่ยว น่าจะไปน้ำตกเอราวัณต้นเดือนหน้า”

“แล้วไปยังไงล่ะ เพื่อนมีรถเหรอ” โอ๊คถามกลับ

“เหมารถสองแถวไป ส่วนพวกผู้หญิงนั่งรถอาจารย์ไป พวกเราผู้ชายก็เหมาสองแถวไป แพงมากเลยไปกลับ 1700 แหน่ะ แต่ก็หารกันไม่เท่าไหร่...  ไปด้วยกันไหม..  ดอย.. โอ๊ค” ปุยรอดูปฏิกิริยาที่คู่สนทนาทั้งคู่หันหน้ามองกันเหมือนรอทีท่า

“เดี๋ยวเราเอารถตามไปเองก็ได้ ปุยไปกับเพื่อนจะได้ปรึกษาเรื่องงานกัน แล้วขากลับจะกลับกับเรา หรือจะกลับกับเพื่อนก็แล้วแต่  ไอ้ดอยมึงก็ไปกับกูสิ ไม่ได้ไปนานแล้ว เอราวัณ เดี๋ยวให้ไอ้อาร์มชวนมะนาวไปด้วยมั๊ย”

“เดี๋ยวกูดูก่อนแล้วกันนะ ห่วงน้าแจ้ วันนี้ร้านก็โดนตำรวจเล่น แม่งเข้ามาจับเรื่องที่มีคนเอาเพลงลิขสิทธิ์มาลงในคอม นี่ถ้ารู้ว่า กูไรท์ซีดีเพลงขายเด็กนักเรียนด้วยน่าจะโดนเป็นหมื่น” ดอยส่ายหัวแสดงออกถึงความเซ็ง

“เออ  ไงก็ส่งข่าวกัน มีอะไรให้ช่วยก็บอก เดี๋ยวให้ลองให้พ่อเคลียร์ให้” โอ๊คเสนอ

“ไม่เป็นไร กลับไปนอนเหอะ พรุ่งนี้มึงต้องไปงานเลี้ยงตระกูลมึงนี่ ไปแล้วปุย ไปแล้วโอ๊ค บ๊ายบาย” ดอยโบกมือลาเพื่อน เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องของเขา โดยมีโอ๊คกับปุย โบกมือตอบรับ




กลางดึก เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่หัวเตียงของยอดดอย เขาเอื้อมไปรับขณะที่ยังอ่านการ์ตูนอยู่

“ฮัลโหล”

“.......”

“ฮัลโหล ดอย อีส สปีคกิ้งงง”

“เราเอง..”

“....”

“เราเอง..ปุย”

“ฟังเสียงลมหายใจก็รู้แล้ว”

“เว่อร์”

“จริงๆ”

“วันนี้เหมือนเรายังคุยกันไม่ชัดเจนอ่ะ มันยังค้างๆ คาๆ ใต้ต้นทองกวาวนั่น”

“ใช้ภาษากวีกับเราเหรอ ไม่ได้ผล”

“ไปเอราวัณด้วยกันนะ นะๆๆๆๆๆ”

“อยากให้เราไปจริงอ่ะ”

“อื้มมมมม  ถึงได้ชวนนี่ไง อุตส่าห์ชาร์จโทรศัพท์จนเต็ม แต่แป๊บเดียวไฟหน้าจอกระพริบโลว์แบตอีกแล้วอ่ะ”

“ให้เสี่ยโอ๊คซื้อให้ใหม่สิ”

“อ๊ะ ให้โอ๊คซื้อให้ทำไม ตังค์เราก็มี.. ไม่ใช่สิ  ตังค์พ่อเราก็มี”

“เผื่อเขาจะแลกกับสายข้อมือเส้นนั้นไง..  เส้นเหมือนที่ปุยใส่อยู่ ...เส้นที่ซื้อจากปลายสะพานข้ามแม่น้ำแควนั่น”

“......”

“จุกเลยเหรอ”

“บ้า.. แค่ว่า ทำไมชอบคิดมาก แถมบ่นยาวยังกะบทกลอน”

“ก็พยายามไม่คิด  เหมือนที่คุยเมื่อกลางวันนั่นแหล่ะ  ยิ่งคิดยิ่งผิด”

“นี่ตกลงว่า.. ชอบเราใช่ไหมอ่ะ”

“เฮ้ยยย !!  ทำไมขมวดปมเร็วแบบนั้น สั้นกว่าอายุของ ทามาก๊อตจิ อีก”

“ก็แค่อยากรู้...  ว่าคิดยังไงอ่ะ”

“ยังตอบไม่ได้หรอก แต่ว่า รู้สึกดี  ซึ่งมันไม่ดี”

“........”

“หมายถึง ถ้ารู้สึกดี มันจะไม่ดี ก็อย่างที่บอก ถ้าเป็นผู้หญิงมันคงง่ายน่ะ  ชีวิตเราทำไมไม่มีอะไรชัดเจนสักอย่างวะ”

“มีความหล่อที่ชัดเจน ฮ่ะๆๆ”

“จริงป่าววว.. เขินว่ะ  ว่าแต่  เรากับโอ๊ค ใครหล่อกว่ากัน”

“ทำไมไม่รวมอาร์มด้วยล่ะ”

“คนละลีกกันเลย ไอ้อาร์มมันแนวคุณชายคิกขุอ่ะโน่วเนะ อยากเทียบกับไอ้โอ๊ค  สายถักข้อมือนี่คือกรรมการเลือกแล้วใช่ม๊ะ”

“โหยยยย พูดไม่รู้เรื่องเลยอ่ะคนเมาเนี่ย  โอ๊คดีกับเรา เรารู้สึกดีด้วยมาก  ถ้าให้เลือกใครสักคนบนโลกใบนี้ เป็นพี่ชาย เป็นเพื่อนสนิทได้  โอ๊คนี่คือตัวเลือกแรกเลย”

“.............”

“ คุยกับโอ๊คได้สนิทใจ เวลาอยากทำอะไร เราอยากให้มีโอ๊ค ไปซะทุกเรื่อง”

“...................................................................................”

“แต่กับดอย ไม่เหมือนกัน”

“กับเรามันยังไง”

“เราอยากให้มีดอย ไปซะทุกวัน”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-02-2018 17:07:46 โดย TofuChan »

ออฟไลน์ Hyenas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แพ้แบบนี้ แพ้ไปเลย  :-[ :-[ แพ้ทุกตอนเลยก้อดีย์
ปุยนี่จริงๆ ก็คือ ยังไม่เคยชอบ ช-ช ชั่ยเป่า
ขอพี่โอ๊คเยอะๆ  :hao3: :hao3: :hao3:

เป็นความพ่ายแพ้ที่ฉวยยยยยงาม  555+ 

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ NC Wanted

  • NC Wanted
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ปุยเปิดไพ่แล้วว่าเป็น พี่ดอย อิ อิ    :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

Track  9  : เกิดมาเป็นชาย.. ถ้ามัวอายกัน.. อีกกี่วันจะได้ เจ๊าะไข่แดง !

[ Feat.  เจ๊นกน้อย ]

อร๊ายยยยยย  ตอนนี้อิชั้นได้เป็นนางเอกชิมิคะ เพียงดาวน้ำตาจะไหลเลยค่ะขอบอก 
นี่ทิ้งร้านไว้เบื้องหลังมานั่งให้คิวสัมภาษณ์ที่นี่ที่เดียวเลยนะคะ  ปลื้มปริ่ม

อะไรยะหล่อน!! ยำปูม้า ?!! มาสั่งอะไรกันตอนนี้ เดี๋ยวแม่ตบเช็ดเม็ด ไม่เห็นรึ ว่าเขากำลังสัมภาษณ์ว่าที่นางเอกดาวรุ่งดวงใหม่ ขนาด กบ สุวนันท์ หรือจะ หมิว ลลิตา ยังไม่กล้ามาแหย๋ม  เออ.. อย่าเพิ่งไป จะสั่งอะไรก็เขียนรายการแล้วเสียบไว้ที่เคาท์เตอร์นั่นแหล่ะ เดี๋ยวกูไปยำให้ อีกสิบนาที !! 

อุ๊ย ขออภัยที่หยาบคายค่ะ

นกน่ะ ชื่อที่พ่ออิชั้นตั้งให้ แต่ฟังดู มันเหมือนจะต้องบินกลับบ้านคนเดียวยังไงไม่รู้สิคะ ชั้นก็เลยเติมคำว่าน้อยลงไปให้ฟังดูบอบบางเลอค่า เลิศสะแมนแตนไปเลยใช่มั๊ยคะ  ชีวิตชั้นคล้ายจะเป็นคนเฮฮาปาจิงโกะ มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆเลยล่ะคะ เพียงแต่ มันก็เพิ่งจะเข้าที่เข้าทางมาได้ไม่นาน



สี่ปีก่อน อิชั้นที่ไม่มีใครรับเข้าทำงานเพราะรูปพรรณที่เห็นมาแต่ไกลก็รู้ว่าเป็นกะเทย ไปที่ไหนใครก็ไม่เอา ต่อให้ชั้นไม่ได้ใช้ Shu Uemura มาโบ๊ะหน้าทาปาก คนก็มองรู้ว่าชั้นเป็นกะเทยอยู่ดี ฉันเคยเก๊กแมนไปสมัครงานตามที่ต่างๆ พอคนรู้ ก็ให้ชั้นออกในที่สุด ชั้นก็ตั้งใจว่า จะเขียนคิ้วทาปากไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่นี่แหล่ะ  ย้ายจากหัวหินถิ่นมีหอยมายังกาญจนบุรีที่แห้งแล้งกันดานขนาดนี้ กะว่าจะมาเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่นี่ เห็นเขาว่าบาร์ผับขยันเปิดใหม่รองรับเมืองที่กำลังเติบโต

แต่แล้วมันก็ไม่เป็นอย่างที่คิด  ทุกบาร์ จะมีน้องชะนีนุ่งสั้นมาประจำบาร์ละห้าหกคนขั้นต่ำ ชั้นที่อายุมากแล้ว แถมเป็นกะเทย จะเอาอะไรกับการมานั่งรับแขกที่ไม่ได้มีรสนิยมแปลกมากเท่าเหมือนตอนที่อยู่หัวหิน 


แต่แล้วชั้นก็ได้รับความอนุเคราะห์จาก คุณนาตยา ผู้ซึ่งกำลังปลูกหอพักในทำเลสุดเริ่ดสะแมนเตน ไฉไลระบือไกลไปในคุ้งน้ำแคว เจ้าหล่อนเป็นคนใจถึง เด็ดขาดกว่าผู้ชาย ดิชั้นรับรู้ได้ทันทีที่เดินเข้าไปสมัครขอทำงานเป็นแม่ครัว นางบอกว่า ที่หอพักอาจไม่ต้องการแม่ครัว เพราะไม่ได้ขายอาหาร แต่ให้มาช่วยทำความสะอาดและดูแลหอพักไปก่อนจนกว่าจะหางานได้ ดิชั้นรู้สึกตื้นตันจนจุกอยู่ที่ปทุมถันคู่สวยของอิชั้นอย่างนั้นเลยเชียว 


การทำงานที่ไม่ใช่การรับแขก มันก็ยากกว่าที่คิด ไหนจะผู้ปกครองของนักเรียนที่มองชั้นด้วยหางตา ไหนจะพวกช่างที่มาซ่อมแซมต่อเติมคอยแซวบ้าง แอบด่าบ้าง คือชั้นไม่ค่อยได้รับการปฏิบัติที่ดีเท่าไหร่ แต่คุณนาตเธอก็ดีกับชั้นมาก ผ่านไปสองปีกว่า จนเก็บเงินได้ก้อนนึง ก้อนเล็กๆ แต่มาจากอาชีพสุจริตที่ชั้นไม่เคยคิดว่าจะมีได้ นอกจากเงินเดือนที่คุณนาตให้ แม้ไม่ได้เยอะ แต่เธอเปิดโอกาสให้ชั้นรับซักรีด ใช้ครัวทำข้าวขาย เอาผลไม้สดมาวางหน้าหอเพื่อขายคนผ่านไปมาได้ซื้อหา 

จนกระทั่งร้านส้มตำเจ๊นิดที่ติดกับหอพักย้ายออกไป คือไม่อยากจะเม้าท์ค่ะ นางได้ผัวนิโกรที่มาเทียวไล้เทียวขื่อ แล้วคง สะมานาแฮฟกันไปจนติดใจ ก็ขึ้นป้ายเซ้งร้าน  ชั้นเลยบอกคุณนาตว่าชั้นจะขอลาออกมาทำ แต่จะอยู่ช่วยจนคุณนาตหาคนมาแทนได้ เธอเต็มใจแถมให้ยืมเงินที่ขาด  ดิชั้นที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า หิ้วกระเป๋าเข้าไปเปิดร้านอาหารได้เพราะการช่วยเหลือจากเธอ จนบัดนี้ก็ผ่อนใช้คุณนาตอย่างสม่ำเสมอจนใกล้จะหมดหนี้ ชาตินี้ชั้นคงจะหาใครที่ดีกับกะเทยตาดำดำ หน้าโหดกว่า ดุ๊ก ภาณุเดช อย่างคุณนาตแบบนี้ไม่ได้อีกเป็นแน่
..แล้ว ผู้ชายสองคนที่เดินเข้ามาในชีวิต



ไก่แจ้ พี่ชายหัวเถิกที่แสนดีของอิชั้น แม้แกจะเป็นคนปากหมาถึงขีดสุด แต่แกก็ช่วยเหลือดิชั้นทุกอย่าง
ตอนเห็นหน้าครั้งแรก ก็รู้ทันทีแกเป็นน้องชายแท้ๆของคุณนาต ก็เพราะดวงหน้าคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน และคิ้วที่หนาเข้ม
พี่แจ้เล่าให้ฟังว่า พ่อของเขาเป็นคนมอญ อยู่ที่สังขละบุรี ตระกูลของบ้าน เรืองพัฒนาวรรณ รุ่งเรืองเฟื่องฟู ยิ่งลูกสาวคือคุณนาตยามาเป็นกำนันก็ยิ่งเป็นหน้าเป็นตา

ยกเว้นแต่พี่แจ้นี่แหล่ะ ที่กินเหล้าเมายาไม่ทำงาน พี่สาวผู้แสนดีเลยให้มาคุมหอพักและส่งเงินให้ใช้อยู่เสมอ  แต่พี่แจ้ก็ดีขึ้นเรื่อยนะ เปลี่ยนตัวเองมาเป็นคนที่ขยันทำงาน แถมยังมีรายได้พิเศษจากการเอารถมอเตอร์ไซค์ และจักรยาน มาให้ฝรั่งเช่ารายวัน แล้วพอผู้เช่าร้านอินเทอร์เน็ต ทนพิษตำรวจมากวนไม่ไหว แกก็ขอเซ้งเครื่องต่อทันที

ชั้นก็มีรายได้มากขึ้นจากการขายข้าวให้ลูกค้าในร้านเน็ต ผู้ชายคนนี้จึงทำให้โลกของชั้น สั่นไหวในบางครั้งเลยค่ะ เดี๋ยวทศพี่แจ้เอาไว้ในใจก่อนนะคะ แล้วจะกลับมาเล่าให้ฟัง ว่าอีตาเนี่ย เมาแล้วไม่เบาหรอกค่ะ คริ คริ เขินชะมัด



อีกคนที่น่ารักไม่แพ้กัน คือ น้องยอดดอย ลูกชายหัวแหวนของคุณนาตยา ที่แม้น้องจะมีมาดดุดันแนวเด็กช่างทั่วไป แต่ก็ใจดีเป็นที่สุด ตอนที่น้องย้ายมาเรียนในเมืองเมื่อไม่นานมานี้ ก่อน อีตา เจมส์ เรืองศักดิ์ ชั่บ ชั่บ ชั่บ เครื่องบินตกไปแป๊บนึง 
ดอยพาก๊วนเพื่อนฝาแฝดที่หน้าตาโหดไม่แพ้กันมานั่งกินข้าวที่ร้าน ก็สัมผัสได้ว่า แก๊งฉมวกแทงเหี้ยกลุ่มนี้ แท้จริงมันก็แค่เรียกร้องความสนใจตามประสาวัยรุ่น แต่ละคนมีดีต่างกันไป ก็คงเหมือนกระจู๋ผู้ชายที่รอวันหัวเปิด 
อุ๊ย แค่เทียบให้เห็นภาพน่ะคะ ! 

น้องดอยมีน้ำใจ แวะเวียนมาช่วยเหลือเสมอ ถ้ามีนักเลงเมามาทำเจ๋อ ก็จะถูกน้องโอ๊ค น้องอาร์ม จัดการซะไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว ดุกว่า เต๋า สมชาย ก็พวกมันนี่แหล่ะค่ะ รู้สึกเหมือนเป็นดอกไม้ท่ามกลางหมู่ภมรเลยล่ะขอบอก



แต่เอ๊ะ พักนี้ รู้สึกน้องดอยจะเปลี่ยนไป.. ก็..   
เออ!! อีเห็ดสด ! กูรู้แล้ววว ขออีกห้านาที อีด_ก !! แดกยาดองรอไปก่อน กูแถมให้คนละเป๊กเลยไปตักกัน  แต่คนละเป๊กนะ ตักเกินกูจะบิดให้จิ๋มช้ำหนองเลยคอยดู !!   

อุ๊ย ขออภัยค่ะ อีพวกสาวบาร์มันคงหิว  คือป้าเอี้ยงแม่ครัวแม้จะทำกับข้าวได้เลิศเลอ แต่ถ้ายำ ต้องฝีมืออิชั้น เจ้าของร้านแซ่บอย่างไร ยำก็ออกมาแซ่บแบบนั้นเลยค่ะ ขอบอกกกกกก


คือน้องดอยเนี่ย  ดูแปลกมาได้สามสี่เดือนแล้วค่ะ จากเด็กกวนบาทาแต่หล่อชิบหายวายป่วง ก็ดูซึมๆ เหมือนมีเรื่องในใจ พอกับอีตาโอ๊ค ที่โครตพ่อโครตแม่หล่อ ก็แลดูมึนพอกัน แวะเวียนมาบ๊อยบ่อยจนผิดแปลกวิสัย  มีแต่ไอ้เจ้าอาร์มคนกวนตีนได้โล่ห์ แม้จะหล่อใสน่ารักแค่ไหน แต่ความปากคอเราะร้ายของมันนี่บางครั้งอิชั้นอยากจะร้องกรี้ด 

แต่อาร์มก็มีคุณความดีให้สรรเสริญอยู่บ้าง เด็กน้อยสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ที่ถึงจุดอับชื้นครึ้มแฉะเหมือนหอยแมงภู่ ให้กลายเป็นหายเครียดขึ้นมาซะงั้น  จนมาอาทิตย์หลังนี่แหล่ะ อาร์มก็ดูเงียบลง เอ๊ะ กลุ่มนี้มันโดนพลังแห่งสหัสวรรษใหม่ที่กำลังจะมาถึง ดูดกลืนไปหรือยังไง



แล้วท้ายที่สุด ดิชั้นก็ได้คำตอบ...  ในวันที่ดิชั้นปิดร้านปาร์ตี้กัน คำตอบทุกอย่างมันอยู่ตรงหน้าแล้ว 
การกลับมาของน้องมะนาวแสนสวยที่ชั้นคุ้นเคยกันดี 
แล้วก็พ่อเทพบุตรที่สวรรค์ส่งลงมาอย่างน้องปุยเมฆผู้หล่อใสสไตล์โกโบริเวอร์ชั่น โอ วรุฒ 

แต่ไม่รวมนัง ห้อง 2D คอยดูนะ หล่อนจะไม่ได้ตายดีเหมือนชื่อห้อง คอยดูสิ !!  รมย์เสีย ไปยำปูม้า ให้นังพวกนั้นก่อนดีกว่า  แล้วอารมณ์ดีเมื่อไหร่ จะมาเล่าเรื่องพี่ไก่แจ้ของชั้นให้ฟัง  อีตาเนี่ยนะ ก็เหมือนพ่อ สามหนุ่มแก๊งฉมวกนี่แหล่ะ  ปากดี ปากกล้ากันไปอย่างนั้น แต่พอเอาเข้าจริงก็ ป๊อด นั่งห่างเป็นวา โอ๊ยยังขาสั่น 

นี่ท้ายที่สุด คงต้องเป็นอีเจ๊นกน้อยนี่แหล่ะ ต้องลงมือเอง  คนพวกนี้ อ่อนต่อโลกค่ะ ถ้ามามัวนั่งมองกันแบบนี้ ก็ต้องขอติติงสักหน่อย ไม่ได้เจี๊ยะกันหรอกนะชาตินี้ อยากได้ก็ต้องบุก อยากพิชิตก็ต้องลุย ไม่อยากให้เขาห่าง ก็ต้องกระแซะเข้าไปสิ งี่เง่ากันจริง รมย์บ่จอย !!

ออฟไลน์ LovelyPenGirl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
อีเจ๊ ทำให้เขาสมรักกันให้ได้นะคะ

2D นี่น่าจะสวยใช่ม๊ะ แต่ทำไม น้าแจ้ต้องเย็บปลอกหมอนให้ล่ะ

 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven

ออฟไลน์ Hyenas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อีเจ๊ หล่อนทำไมเริ่ด ปรายยัย ห้องสองดีให้จงได้

 :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ LovelyPenGirl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อีเจ๊ หล่อนทำไมเริ่ด ปรายยัย ห้องสองดีให้จงได้

 :laugh: :laugh:

กลัวพลิกล็อค ว่า 2d นี่ไม่ใช่กับพี่ดอย น่ะสิ

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
ชอบๆ อ่านแล้วนึกถึงปี 99 เลย

ออฟไลน์ TofuChan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Track 10 :  If there’s somebody.. calling me on.. She’s the one..

Camry CE สี Woodland Green Pearl แล่นด้วยความเร็วปานกลาง ผ่านข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นตะแบกที่กำลังออกดอกสีขาวในช่วงเดือนนี้   สลับกับต้นอินทนิลน้ำเรียงรายในด้านซ้ายมือ ขณะที่ขวามือเป็นหน้าผาหินที่ถูกระเบิดทำถนนแต่ก็ดูสวยงามขนานกันไป 

“ป่านนี้พวกปุยไม่ขึ้นไปถึงชั้นบนแล้วรึไงวะ แม่งมึงอ่ะตื่นสายไอ้ดอย” อาร์มที่รับหน้าที่เป็นคนขับรถบ่นอุบ

“พี่อาร์มขับช้าหน่อยสิคะ ขับเร็วไปแล้วค่ะ พวกปุยกับเพื่อนเขาต้องบันทึกสัมภาษณ์นักท่องเที่ยวไประหว่างทาง ดีไม่ดี ยังไม่ถึงชั้นสองเลยมั๊ง” มะนาวที่นั่งอยู่คู่กันด้านหน้า เอามือไปแตะมือของอาร์มที่เพิ่งเปลี่ยนจาก เกียร์ D มาเป็น 2 เนื่องจากกำลังถึงเนินขึ้นเขา เป็นเชิงเตือนให้ระวัง

“กูนอนตั้งเกือบตีห้า ไอ้สัส เราก็ไปเล่นน้ำตกของเราดิวะ ใครจะเดินขึ้นไปถึงชั้น 7 เหนื่อยตายห่า เดี๋ยวดักรอตอนปุยลงมาก็ได้” ยอดดอยมีท่าทางอิดโรย พลางกังวลถึงคนที่ป่านนี้ คงอิดโรยเพราะนอนน้อยไม่แพ้กันแต่ต้องตื่นเช้าไปกับสาขาเรียน

“ดอย มีแค่กูกับมึงเนอะที่เคยไปถึงชั้น7น่ะ ส่วนไอ้อาร์มแม่งกากว่ะ” โอ๊คที่นั่งชิดริมหน้าต่างหลังขวาพูดเสริม แต่ยังคงเอนนอนพิงหลังคล้ายคนหมดแรง สวมแว่นตากันแดดเลนส์สีดำ Oakley กรอบ Straight Jacket ใหม่เอี่ยม จนดอยที่นั่งข้าง หันมาทำปากเบะ หมั่นไส้ในความเท่เป็นระยะ

“เออ เหนื่อยสัส กูว่ากูจะไม่ขึ้นแล้ว รอแม่งชั้น 4 พอ” ดอยพูดไปหาวไป

“มะนาวก็ไม่เคยขึ้นไปถึงเลยอ่ะพี่ดอย อยากไป”

“ขึ้นไม่ไหวหรอกมะนาว ยิ่งใส่สั้นขนาดนี้ ระวังเหอะกิ่งไม้จะเกี่ยวเป็นรอย เดี๋ยวขาไม่สวยนะจ๊ะ” อาร์มยิ้มให้ตาหยี

“ไม่ขึ้นก็ได้ นั่งกินส้มตำรอที่ชั้นสองนั่นแหล่ะ”

“หน้าออกจะหมวย ห่างส้มตำเป็นไม่ได้เลยนะ”

“ไอ้พี่อาร์มบ้า ก็ส้มตำกินแล้วไม่อ้วนนี่ ไม่เป็นผู้หญิงไม่รู้หรอก ว่าเรื่องกินมันลำบากแค่ไหน”

“โอ๋ๆๆๆ  เดี๋ยวซื้อให้สองจานนะ”

“ปูหนึ่ง ปลาร้าหนึ่ง”

“เห็นแก่กินจังน้องเรา ฮ่าๆๆ” โอ๊คเสริมแต่กลั้นหัวเราะไม่อยู่

“เหอะ ก็ห้ามปากไอ้พี่อาร์มได้ซะที่ไหนล่ะ มันชอบว่าหนูน่ะพี่โอ๊ค จัดการมันให้หน่อย”

โอ๊คเอามือบ้องกะโหลกอาร์มที่นั่งขับรถอยู่ข้างหน้าเป็นเชิงหยอก จนอาร์มต้องเอามือซ้ายขึ้นมาลูบหัว มีมะนาวกับดอยหัวเราะชอบใจ  รถยังคงแล่นต่อไปอีกสักครู่ก็เข้าสู่ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ  ซึ่งห่างจากตัวเมืองกาญจน์เพียง 1 ชั่วโมง



ที่ลานจอดรถขนาดใหญ่ แม้แคมรี่สีเขียวมุกจะมาจอดเทียบก่อนสิบเอ็ดโมง แต่รถบัส รถตู้จำนวนมากก็จอดเรียงรายเต็มไปหมดแล้ว มีรถยนต์ส่วนตัวเยอะเช่นกัน แต่ที่ลานตาคงเป็นรถปิ๊กอัพซึ่งมีสัมพาระเช่นกระเป๋าเสื้อผ้า เสื่อ กระติกน้ำแข็ง ลังโซดา วางอยู่ท้ายรถ  บางคันก็มีคนนอนเฝ้าข้าวของ 

ดอยกับอาร์ม อยู่ในชุดเสื้อกล้ามขาสั้น แต่ไม่สั้นเท่ากางเกงของมะนาว กระนั้นสาวสวยขาวก็ยังมีเสื้อยืดตัวโคร่งคลุมร่าง จึงดูไม่ถึงกับเย้ายวนเกินงาม  ส่วนโอ๊คใส่เสื้อยืดสีเทา กางเกงยีนส์สีฟอก โดยเปลี่ยนรองเท้าผ้าใบคู่เท่เก็บไว้ที่รถ แล้วใส่รองเท้าแตะฟองน้ำเหมือนทุกคนแทน



“หูยยยย แค่ชั้นหนึ่งก็คนเยอะมากเลยว่ะ” อาร์มบอกทุกคน เมื่อเริ่มเห็นคนจำนวนมากที่นั่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ที่เรียงรายข้างน้ำตก ผ่านป้ายชั้น 1 ไหลคืนรัง ซึ่งเป็นแอ่งน้ำขนาดเล็ก มีน้ำตกไหลแรง บ่งบอกร่องรอยว่าเป็นฤดูกาลน้ำหลากของมัน 

ทุกคนเดินตามต่อจนมาถึงชั้น 2 วังมัจฉา ผู้คนจำนวนมากกำลังเล่นน้ำตกที่เวิ้งนี้ แม้น้ำตกชั้นนี้ ผลัดกันดำผุดดำว่าย แต่เนื่องจากแอ่งน้ำมีขนาดใหญ่ จึงไม่ถึงกับแออัดนัก  เสียงหัวเราะของเด็กน้อยที่โดนปลาตอด เสียงสาวรุ่นกรี้ดกราดตอนโดนน้ำสาด ดึงสายตาทุกคนหันไปมองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่   ที่ปลายทางเดินของน้ำตกชั้นสอง มีทหารตรวจกั้นไม่ให้นำอาหาร ขึ้นไป ยกเว้นน้ำดื่มคนละขวด พร้อมคำแนะนำให้ทิ้งขยะเป็นที่เป็นทางก่อนจะกลับลงมา


มะนาวผู้เริ่มมีอาการเหนื่อยหอบ หายใจแรงเหงื่อชุ่มยืนพักที่ป้ายน้ำตกชั้น 3 ผาน้ำตก  มีอาร์มเดินมาสมทบสารรูปเหงื่อโซกไม่แพ้กัน  ดอยกับโอ๊คที่เดินคุยคู่กัน ตามมาห่างๆ

“ชั้นนี้ ยังคนเยอะอยู่เลยว่ะ ขึ้นกันไปอีกสักชั้นมั๊ย” อาร์มถามทุกคน ทุกคนก็มีทีท่าเห็นด้วยแม้กระทั่งมะนาว ที่ใบหน้าแสดงท่าทีอ่อนล้าเต็มที่

“คือชั้น 7 นี่อีกไกลไหมคะพี่ดอย”

“ปกติ จากชั้น 1 ถึงชั้น 7 ประมาณ กิโลครึ่งครับ”

“มันก็ฟังดูไม่ไกลนี่หว่า ทำไมกูขาแทบลากแล้วเนี่ย” อาร์มบ่นอุบ

“มันวัดจากระยะทางเดิน แต่การเดินขึ้นเขามันกินแรง เดินช้าลง และเหนื่อยมากขึ้น” โอ๊คที่มีผ้าขนหนูขนาดเล็กสีน้ำเงินพาดอยู่บนบ่าซ้าย ตอบข้อสงสัยอาร์ม แล้วทั้งหมดจะเดินขึ้นกับต่อไป ทางเดินเป็นดินที่มีรอยย่ำจนดินเรียบ มีหินกลมฝังอยู่บ้างประปา นักท่องเที่ยวที่เดินขึ้นไปพร้อมกันระหว่างทาง บ้างก็ไม่สวมรองเท้า เพราะทางเดินไม่มีของแหลมอันใด ขณะนี้ เริ่มมีคนเดินสวนกลับลงมาบ้างแล้ว ส่วนใหญ่เป็น ผู้ปกครองอุ้มเด็กเล็กลงมา และผู้สูงอายุ



ลานน้ำตกชั้น 4 อกนางผีเสื้อ ซึ่งมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ มีความสวยงาม ก้อนหินกลมมนเรียงรายกันคล้ายหน้าอกหญิงสาว มีฉากหลังเป็นป่าสวยงาม คนในแอ่งน้ำมีไม่มาก น้ำใสเขียว  อาร์มจึงชวนมะนาวแวะเล่นที่ชั้นนี้ ในขณะที่ดอยกับโอ๊คลังเลที่จะลงเล่นด้วย เพราะกว่าจะขึ้นมาถึงชั้น 4 นี้ได้ ก็ใช้เวลาร่วมชั่วโมง จนปวดขาไปตามกัน

“ไอ้โอ๊ค มึงจะอยู่เล่นชั้นนี้ด้วยกันมั๊ยล่ะ” ดอยถาม

“ไม่อ่ะ นี่มีคนเดินลงมา เห็นใส่เสื้อคณะปุยด้วย น่าจะเริ่มเสร็จกันแล้ว กูว่าจะลองเดินขึ้นไปหา”

“งั้นกูไปด้วย  ไอ้อาร์ม กูจะขึ้นไปข้างบนนะเว้ย มึงจะไปไหม หรือจะรอที่นี่”

“นาวไปด้วยพี่ดอย” มะนาวพูดเสร็จเตรียมจะลุกขึ้นจากน้ำ

“ชั้นข้างบน อีกประมาณสองชั่วโมงเลยนะนาว กว่าจะถึงน่ะ” อาร์มรีบเตือน

“ห๋า ไกลขนาดนั้นเลยเหรอค่ะ” พูดเสร็จมะนาวก็ทรุดนั่งลงในน้ำตกต่อทันที

“พวกมึงรีบไปกันเลย เดี๋ยวกูกับมะนาวเล่นตรงนี้สักพัก จะไปนั่งให้ปลาตอดที่ชั้นสองแล้วกัน กลับลงม่าก่อนบ่ายสี่นะเว้ย เดี๋ยวประตูปิด”




“กูได้ที่ฝึกงานแล้วนะ ได้ทำทั้งเชื่อมโลหะแผ่น และ พ่นสีในแผนกด้วย อยู่ในโรงซ่อมของสนามบินเลย ของ BOF Aviator” โอ๊คหันไปพูดกับดอยระหว่างเดินขึ้นน้ำตกไปตามทางด้วยกัน

“เฮ้ยจริงดิ  ดีว่ะ นี่เลขาของพ่อมึงก็โทรมานัดวันเข้าฝึกที่โชว์รูมของพ่อมึงด้วย กูขอบใจมึงนะ อะไรๆก็ต้องให้มึงจัดการให้ตลอด ขอบใจเว้ย” ดอยเอื้อมแขนไปโอบไหล่เพื่อนที่เดินอยู่คู่กัน

“ไม่เห็นจะยุ่งยาก เดี๋ยวถ้ามีคนให้มึงได้ดูแล มึงก็คงจะทำนั่นทำนี่ได้ด้วยตัวเองละมั๊ง อย่าคิดมากเลยว่ะ”

“มึงนี่แสนดีเนอะ ใครจะโชคดีได้มึงเป็นผัววะ สงสัยจะหลงแย่”

“มันไม่ใช่เรื่องของโชคหรอก.. มันต้องเป็นเรื่องของใจ  เฮ้ยอย่ามาชวนคุยเรื่องหนักเชี่ยอะไรตอนนี้ กูเริ่มจะหอบแล้ว”

“แหม กูก็เห็นเดินลอยหน้าหล่อๆ ทำเป็นไม่สะท้าน ที่แท้ก็เก๊กชิปหาย” ดอยขำใส่เพื่อนที่เขาแสนคุ้นเคย

ระหว่างทางมีราวสะพานทำจากไม้ลวกเป็นระยะในจุดที่เสี่ยงตกจากทางเดิน นับว่าเป็นความปลอดภัยที่ไม่เสียภูมิทัศน์ธรรมชาติเลยแม้แต่น้อย  ที่แอ่งน้ำตกชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง ซึ่งได้เดินผ่านมาเมื่อสักครู่ เห็นวัยรุ่นกลุ่มใหญ่เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน มีหน้าผาขนาดเล็กวัดใจ วัยรุ่นชายกระโดดจากผาเล็กนั้นลงมาที่แอ่งน้ำเบื้องล่าง ส่วนวัยรุ่นสาวปรบมือชอบใจ  อยู่เบื้องล่าง แล้วเขาสองคนก็มาถึงน้ำตกชั้น 6 ดงพฤกษา 




“โอ๊ค!!  ดอย!! ทางนี้” ปุยที่บัดนี้เล่นน้ำกับเพื่อนอยู่ในแอ่งน้ำตก ยืนโผล่ขึ้นมา เสื้อยืดสีขาวที่โดนน้ำเปียกจนผ้าแนบลำตัว เผยให้เห็นเนื้อใน ซึ่งขาวโพลนได้ชัดเจน จนดอยกับโอ๊คยืนอ้าปากค้าง

“ไอ้ปุย ใครอ่ะเพื่อนเหรอ หล่อทั้งคู่เลย มาเป็นแพ็คเกจเชียว อ้ายยยย” เสียงผู้ชายห้าวทุ้มแต่กรี้ดได้แหลมสูงลอยมา มีผู้ชายตุ้งติ้งอีกสามคนมาสมทบ และหญิงสาวอีกคนเอาฝ่าไขว้มือปิดหน้าอกใต้เสื้อยืดสีดำที่เปียกชุ่มเดินตามขึ้นมา 

“เพื่อนหล่อๆๆๆ จองๆๆ จองสองคนเลย” ผู้หญิงหนึ่งเดียวพูดด้วยเสียงตื่นเต้น ก่อนที่ปุยจะเข้ามาร่วมหัวเราะไปด้วย

“นี่เพื่อนเราเอง คนนี้ชื่อดอย ส่วนคนนี้ชื่อโอ๊ค   โหยย นี่มากันเร็วนะ เพิ่งเสร็จแบบสำรวจ 50 ชุด อยากจะบ้าตาย”

“แล้วนี่จะกลับกับเพื่อนหรือเปล่า หรือกลับรถไอ้อาร์มมัน” โอ๊คถาม    ปุยจึงหันไปถามเพื่อนร่วมสาขา ที่บัดนี้ ยังคงรุมล้อมดอย กับ โอ๊คแถมใช้สายตาโลมเล้าตั้งแต่หัวจรดเท้าจนสองหนุ่มแสดงอาการเขินชัดเจน แม้เพื่อนทุกคนก็ยินดีที่จะให้ปุยแยกตัวออกมา เพราะปุยได้ช่วยงานกลุ่มอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะที่แบบสอบถามนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปุยสามารถสื่อสารจนรู้เรื่องทำให้งานสำเร็จ  แต่เหล่าเพื่อนก็ยังไม่อยากทิ้งสองหนุ่มหล่อผู้มาใหม่ไป จึงยังคงยืนพูดคุยเฮฮากันที่ข้างน้ำตก
ปุยชวนให้โอ๊คกับดอยเดินลงน้ำพร้อมๆกันกับเขา   

โอ๊คถอดเสื้อยืดออก เผยให้เห็นรูปร่างที่สมส่วน มีมัดกล้ามพอประมาณตามประสาวัยหนุ่มตอนต้น รอยสักรูปเครื่องหมายสันติภาพอยู่ที่หัวไหล่ซ้าย เขาเดินลงน้ำตกพร้อมกางเกงยีนส์สีฟอกตัวที่ใส่มา จนเพื่อนของปุยที่ยืนกันริมตลิ่งผิวปากแซวด้วยความชื่นชม หนึ่งในนั้นแทบเป็นลมทั้งยืน
ดอยเหมือนจะไม่ยอมแพ้ ถอดเสื้อกล้ามโยนไปทับเสื้อของโอ๊คที่พับวางบนก้อนหินเปล่า แล้วเดินลงน้ำไปเช่นกัน เพื่อนของปุยกรี้ดกันอีกรอบด้วยความริษยาปุย จนปุยต้องชี้หน้าขึ้นมาปรามให้หยุดกรีดร้องเสียงดัง 



“เพื่อนมีแต่ตุ๊ดเนอะ” ดอยที่เหลือแต่คอที่โผล่พ้นน้ำในแอ่งตื้น ลอยตัวมาใกล้ปุย

“ก็การท่องเที่ยว การโรงแรม มันก็มีแต่แบบนี้ป๊ะ ผู้หญิงก็มี ผู้ชายก็มี อย่างเรานี่ง่ะ”

“ผู้ชายอย่างปุยนี่นะ เหอะๆ..”

“ผู้ชายอย่างเราทำไม พูดดิ๊” ปุยยืนขึ้นเหมือนจะเอาเรื่อง แต่ท่าท่างไม่ได้จริงจังอะไรนัก เป็นเชิงล้อเล่นมากกว่า

“นั่งลงเร็ว คนเห็นนมหมดแล้ว”

“ไอ้บ้า มาดูนมผู้ชายด้วยกันทำไมล่ะ” ปุยเถียงแต่ก็รีบนั่งลงอย่างเร็วด้วยความอาย จนตัวจมน้ำไปเหลือแต่หัวกับคอ
โอ๊คที่ขึ้นจากน้ำ ไปนั่งที่โขดหิน มองทางน้ำตกที่ไหลลงมาอยู่สักพัก ก็มีดอย กับปุย เดินมาสมทบ




“จะลงไปข้างล่างยังวะโอ๊ค เดี๋ยวอาร์มกับมะนาวจะรอ” ดอยที่เดินโชว์กล้ามเนื้อสวยงามบนผิวเข้ม แขนและไหล่ของดอยจะล่ำกว่ากล้ามเนื้อของโอ๊คเล็กน้อย ในขณะที่โอ๊คจะผอมและสูงกว่า

“มึงกับปุย เดินลงไปรอก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูขอขึ้นไปชั้น 7 ก่อน” โอ๊คที่สูบบุหรี่ไปหนึ่งตัวเมื่อสักครู่ ลุกขึ้นยืน แสงอาทิตย์ที่อยู่เบื้องหลัง ทำให้ปุยเห็นหน้าเขาไม่ชัดนัก เป็นเงาดำมืดย้อนแสงลงมา แต่ยังคงมีดวงตาที่เขาเห็นอยู่

“เราไปด้วยสิโอ๊ค   ดอยล่ะ ไปด้วยกันไหม”

“ไป  ไปกันสามคนนี่แหล่ะ” ดอยบอกกับปุย แต่หน้ามองไปที่คนที่ยืนบนโขดหินสูง แล้วเก็บของลุกขึ้นเดินเกาะกลุ่มกันไป



ภูผาเอราวัณ น้ำตกชั้นที่ 7 แทบไม่มีคนเหลืออยู่แล้ว มีวัยรุ่นอีกกลุ่มนึงที่ยังคงนั่งถ่ายรูปอยู่บน ก้อนหินเรียงรายสามก้อนใหญ่บริเวณหน้าแอ่งน้ำตก ที่หลายคนจินตนาการว่า เป็นหัวช้างสามเศียรโบราณเตรียมออกศึก
เพื่อนสามคนนั่งอยู่ที่ริมตลิ่ง มองตามสายน้ำตกที่ไหลลงมาจากหน้าผา ถือเป็นต้นกำเนิดน้ำตกทั้ง 7 ชั้นนี้  โดยปราศจากคำพูดใดกันมาพักนึง จนปุยต้องเป็นผู้เอ่ยขึ้นก่อน
“สวยเนอะ..  ยิ่งสูง ยิ่งรู้สึกว่ามันสวย”

“มันยากด้วยล่ะ กว่าที่จะขึ้นมาถึง มันเลยยิ่งน่าชื่นชมเข้าไปอีก” ดอยแสดงความเห็นในมุมของเขา

“ก็คงอย่างนั้น แม่เราเคยขึ้นมาถึงชั้นนี้นะ เรามีรูปอยู่”

“จริงดิ แม่จ๊าบดีว่ะ นี่เราเพิ่งขึ้นมาถึงเป็นครั้งที่สองนะ ครั้งแรกมากับไอ้โอ๊ค ส่วนไอ้อาร์มไม่ต้องพูดถึง นอนให้ปลาตอดไข่อยู่ข้างล่างตลอด” ดอยนึกถึงความหลังเหลือบไปมองโอ๊คที่นั่งอยู่ถัดจากปุย  โอ๊คไม่ได้พูดอะไรตอบแต่ก็ยิ้มจางบนใบหน้า ตายังคงมองที่ตาน้ำบนผานั้นไม่ละสายตา ตัวสั่นเพราะความเย็นของละอองน้ำตกที่มากระทบผิวสีเข้มเนียน

“โอ๊ค” ปุยเอ่ยเรียกคนที่นั่งข้าง

“ครับ”

“ด้วยน้ำตกเป็นพยาน..”

“......”
 
“โอ๊คชอบเราอยู่ใช่ไหมอ่ะ”

“เฮ้ย!!” ดอยอุทานด้วยความตกใจ จนปุยหันมามอง  แต่โอ๊คยังคงไม่รู้สึกรู้สาอะไร

“ไอ้ดอยมันอยากได้คำตอบ หรือปุยอยากรู้” ผู้พูดไม่ได้หันหน้ากลับมามองผู้ถาม เพราะเขายังคงสนใจที่ลำน้ำ เหมือนกับมีความคิดมากมายล่องลอยในหัว

“ดอยก็ยังไม่ตอบเราเหมือนกัน.. เราก็อยากรู้ด้วย เราไม่ชอบให้อะไรมันค้างคาอ่ะ เรานอนไม่หลับมาหลายวันแล้ว”

“ต้องตอบแบบไหน ถึงจะให้ทุกอย่างคงอยู่อย่างนี้ล่ะ”

“เอาแบบจริงใจ ไอ้โอ๊ค” ยอดดอยเสนอ เขาเอาขาขึ้นจากน้ำเปลี่ยนเป็นมานั่งขัดสมาธิ แล้วหันตัวเข้าหาอีกสองคน
โอ๊คหลับตาไปประมาณห้าวินาที แต่มันยาวนานสำหรับปุยและดอย ก่อนจะลืมตาขึ้นและหันมา

“มึงตอบใจตัวเองได้แล้วหรือยังล่ะดอย.. ถ้ายัง กูก็ไม่ขอตอบ ถ้ามึงชัดเจนมึงค่อยมาเอาคำตอบจากกู”

“....”

“ส่วนปุย ปุยจะคิดว่าเราคิดยังไง เอาที่ปุยสบายใจได้เลย เรารู้ว่าเวลานี้ มันเป็นเวลาของการตามความฝัน อย่าให้เรื่องหยุมหยิมมาหยุดฝันของปุยเลย”   ก่อนทั้งหมดจะนิ่งเงียบกันไป จนปุยเป็นผู้เสนอให้เดินกลับกัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ทยอยประกาศโทรโข่ง เหลือเวลาเล่นน้ำอีกเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง ให้ทุกคนลงไปถึงชั้นสองก่อนจะกั้นไม่ให้คนขึ้นมาอีก



ทั้งสามคนเดินลงจนมาถึงชั้น 5 บริเวณแท่นหินอกนางผีเสื้อที่สวยงาม  อยู่ดีๆ ปุยเมฆก็ละจากเพื่อนทั้งสอง เดินไปที่แท่นผาเล็ก ที่มีวัยรุ่นกระโดดจากแท่นหินลงไปยังแอ่งน้ำเบื้องล่างอยู่เป็นนิจ แม้ความสูงจากข้างบนลงไป จะเป็นภาพชวนหวาดเสียว และทำให้ปุยลังเล แต่เขาก็ตั้งใจแล้วว่าจะทำอะไรที่บ้าบิ่นและปลดปล่อยใจที่อึมครึมมาตั้งแต่ปีก่อน  พลางกวักมือเรียกดอยและโอ๊คให้เดินมาหาเพื่อกระโดดด้วยกัน

โอ๊คอยู่ด้านซ้าย ปุยยืนตรงกลาง มีดอยยืนด้านขวา ยืนเหนือเวิ้งน้ำเบื้องล่างที่ใสเขียว น้ำจากโขดหินไหลผ่านซอกเท้าแรงเชี่ยวจนรู้สึกได้  มีเจ้าหน้าที่เดินทยอยไล่ให้คนเดินลง ยังเป่านกหวีดเรียกให้ทั้งสามหนุ่มรีบขึ้นจากน้ำตกเพื่อไปสมทบกันที่ชั้นสองตามเวลาที่กำหนด

“กระโดดกับเราพร้อมกันนะ ดอย.. โอ๊ค...  หนึ่ง.. สอง..”

สิ้นเสียงคำว่าสาม  โอ๊คคว้ามือของปุย กระโดดคู่กันจากโขดหินผา ลงไปยังเวิ้งน้ำเบื้องล่างที่ลึกและเชี่ยวกราด โดยยังมีแค่ยอดดอยยืนอยู่เบื้องบนคนเดียว

“ลงมาสิดอย โดดลงมาเลย” ปุยที่บัดนี้โผล่ขึ้นมาพ้นน้ำแล้ว ตะโกนเรียก พลางตีขาในน้ำเพื่อพยุงตัวให้ลอยเหนือผิวน้ำ โดยมีโอ๊คที่ลอยไปเกาะโขดหินริมน้ำตก แล้วปีนขึ้นไปนั่งเปลือยท่อนบน หันไปมองดอยที่อยู่บนหน้าผา

“มึงทำได้ ไอ้ดอย” โอ๊คส่งยิ้มไปที่เพื่อนรัก   ก่อนจะมีเสียงน้ำกระเพื่อมตูมใหญ่ตามมา






“มะนาวรอนานมาก พวกพี่ทำอะไรกันอยู่คะ มาเลยๆๆ ส้มตำหมดไปสามจานแล้ว พี่อาร์มซัดไก่ไปหกน่องคนเดียว”

“ก็มันอาหย่อย อิ อิ   แต่กูอิ่มชิปเป๋งเลยไอ้ดอย มึงไปซื้ออีโนรสมะนาวมาให้กูเลย เอิ๊กกกก”

“อี๋ น่าเกลี่ยด พี่อาร์มเนี่ย เรอได้สยิวกิ้วมาก”

สามคนที่เพิ่งมาใหม่ มานั่งสมทบที่โต๊ะม้าหินอ่อน ซึ่งขณะนี้ถูกจับจองเต็ม มีเหล้า และไก่ย่างวางไว้แทบทุกโต๊ะ มีวัยรุ่นกำลังเดินไปชำระกายที่ห้องอาบน้ำด้านข้างร้านอาหาร  เด็กน้อยนอนหลับเพราะความเหนื่อยล้าจากการเล่นน้ำบนหลังรถกระบะที่จอดเรียงราย  มีคนขับรถบัสที่เพิ่งตื่นเตรียมเช็ดกระจกหน้ารถบัส  โดยนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศทยอยขึ้นรถตู้ และรถโดยสารที่ตัวเองอาศัยมา

“อาร์ม เมื่อกี้เพื่อนรักมึงกระโดดหน้าผาชั้น 5 ว่ะ”

“เฮ้ยยย เชี่ยย  กูพลาดของเด็ด โหว เสียดายยิ่งกว่าไปจองตั๋วแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ไม่ทัน”  อาร์มตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ยิน

“หน้าผาเตี้ยจะตาย ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น” ปุยที่หยิบไก่ย่างน่องใหญ่มาแทะ เล่าให้ฟังบ้าง

“สูงน่ะไม่เท่าไหร่ พี่ดอยนะ  กลัวน้ำลึกถึงขั้นวิกฤต” มะนาวรีบชิงพูดบ้าง

“จริงดิ อ้าวเราไม่รู้ เฮ้ยย ขอโทษ” ปุยทำหน้าตารู้สึกผิด พร้อมส่งน่องไก่ที่เพิ่งกัดให้ดอยแทะบ้าง  โดยอีกฝั่งลังเลแป๊บก็เอื้อมหน้าไปแทะน่องนั้นจากมือปุย  ทั้งโต๊ะก็นิ่งเงียบไป ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากินอาหารต่อ  โอ๊คสั่งปลานิลตัวโตย่างเกลือมาเพิ่ม และขอขันอาสาเลี้ยง โดยมีดอยขอออกค่าเหล้า  ปุยขอบคุณทุกคนที่มารับ ขอออกค่าน้ำมันขากลับ  อาร์มหัวเราะชอบใจที่เขาไม่ต้องออกเงินอะไร จนลุกขึ้นยืนปรบมือ





“เสื้อปุยน่ะ โป๊มากเลยนะเมื่อกี้ ผู้ชายที่โต๊ะข้างๆ มองกันใหญ่เลย” มะนาวหันมาพูดกับปุย ที่นั่งเบาะหลังตรงกลาง ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเป็นเสื้อสเวเตอร์แขนยาวสีฟ้าอ่อน  แต่โอ๊ค กับ ดอย ยังนั่งถอดเสื้อโชว์มัดกล้ามที่เบาะหลัง โอ๊คหลับไปแล้วแต่ยังคงสวมแว่นตาดำแม้ไม่มีแดดแล้ว 

“ไม่ใช่แล้วมั๊งมะนาว ผู้ชายเขามองมะนาวกันนั่นแหล่ะ นุ่งสั้นขนาดนี้ เห็นคนที่สักเต็มตัวป๊ะ น้ำลายแทบจะไหลกระเด็นมาโดนหัวอาร์ม เขามองตามมะนาวตอนลุกไปซื้อไอติมกิน อย่างกะจะกินเลือดกินเนื้อน่ะ” ปุยล้อเลียนมะนาวบ้าง

“ไม่ต้องเถียงกันนั่นแหล่ะ ผู้ชายเขาก็แพ้ความขาวของทั้งคู่นั่นแหล่ะ ไม่ต้องเถียงกันนะ เอาเป็นว่าเสมอกัน” อาร์มเถียง

“ไอ้อาร์มบ้า เราเป็นผู้ชายนะ ผู้ชายเขามองมะนาว ไม่ได้มองเราซะหน่อย”  ปุยกลบเกลื่อนเสียหัวเราะด้วยความอาย ก่อนจะกลับมาพิงที่เบาะหลัง 

“พี่ดอย เขาไม่ทานของต่อจากใครนะ” มะนาวหันไปยิ้มให้ปุยก่อนจะหันกลับมาแล้วเอนตัวลงนอน คล้ายจะขอตัวงีบเล็กน้อย อาร์มที่นอนเต็มอิ่มระหว่างรอเพื่อน  จึงขับรถด้วยความกระปรี้กระเปร่า เขาเอื้อมมือไปเปิดเพลงอัลบั้มใหม่ของ BoyZone คลอเบาๆ เพื่อให้เพื่อนฝูงได้พักผ่อนระหว่างเดินทางกลับ
“No matter what they tell us... No matter what they do...
No matter what they teach us... What we believe is true”


“ทีหลังถ้ากลัว อย่าทำนะ” ปุยยังรู้สึกผิด ที่รบเร้าให้ดอยซึ่งกลัวน้ำลึกกระโดดจากหน้าผาสู่เวิ้งน้ำเขียวเข้มนั้น เอ่ยขอโทษอีกเป็นครั้งที่ร้อย พร้อมวางมือมาลูบที่แขนของยอดดอยคล้ายจะเรียกร้องให้อีกฝ่ายไม่ถือสา 

“แล้วก็ถ้าไม่ชอบอะไรที่เราทำ ปฏิเสธเราบ้างก็ได้นะ”  ปุยใช้น้ำเสียงออดอ้อนขอการอภัยครั้งแล้วครั้งเล่า

ดอยดึงแขนตัวเองออกจากฝ่ามือของปุย ก่อนเปลี่ยนเป็นเอามือขวาของเขากุมมือซ้ายของปุยแล้วจับมันไว้อย่างนั้นจนตลอดทางกลับ  “ยอมให้คนเดียวเลย ยอมให้ทุกอย่างเลย..”


ออฟไลน์ LovelyPenGirl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มะนาวกับพี่อาร์ม ลงตัว !!
ตาม ปุย กับ พี่ดอย มาติดๆ
แต่พี่โอ๊คนี่ให้ลงเอยกับใครดีหว่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด