Jingle : ยิ่งเจอ.. ยิ่งสั่น.. ยิ่งเจอ.. ยิ่งสั่น.. ยิ่งเจอ.. ยิ่งสั่น.. ก็ยังสู้ตาย
“ตื่นยังวะไอ้ดอย นอนกินบ้านกินเมืองนะมึงเนี่ย”
“หืมมมมมมม ตื่นแล้ววว” เสียงงัวเงียคลานมายกหูโทรศัพท์ที่หัวเตียง
“ไอ้ตอแหล หน้าคงทิ่มอยู่บนแป้นหมุนโทรศัพท์แล้วไหมวะ”
“มีอะไรวะ ไอ้อาร์ม กูง่วง”
“มึงจะไปวิทยาลัยเอง หรือให้พวกกูไปรับ”
“แล้วนี่มึงจะไปยังล่ะ”
“กูอาบน้ำอยู่เนี่ย”
“ห้องน้ำบ้านมึงมีโทรศัพท์ตั้งแต่เมื่อไหร่ สายบ้านพ่อง มึงยาวขนาดนั้น”ปลายสายทางนี้ ยังคงครึ่งหลับครึ่งตื่น
“กูใช้ โนเกีย 3210 ของไอ้โอ๊คโทรเว้ย ป้ายแดงหรูเชี่ย ไร้เสา แถมมีเกมงูด้วยมึง”
“โอ๊ยยยย เสี่ยโอ๊ค ถอยให้กูบ้าง กูอิจฉา”
“ไอ้อาร์ม มือถือกูเปื้อนยาสระผมไหมแล้วมึง” เสียงปลายสายอีกเสียงที่ทุ้มกว่าแทรกเข้ามา พร้อมคว้าโทรศัพท์ไปพูดแทน “แล้วนี่มึงจะลุกจากเตียงได้เมื่อไหร่ ไอ้ดอย”
“โอ๊ค มารับกูที แต่กูนอนต่อเดี๋ยวนะ”
“ไม่ต้องนอนแล้ว ลุกไปกินข้าว เดี๋ยวกูไปรับ กูอาบน้ำจะเสร็จแล้ว”
“นี่พวกมึงอาบน้ำด้วยกันเหรอ”
“กูเป็นแฝด จะอายเชี่ยอะไรกัน แถมของไอ้อาร์ม ก็ไม่มีอะไรให้มอง มองแทบไม่เห็น” ก่อนจะมีเสียงแทรก “ไอ้สัส”
“อ้าว ฝาแฝดอันมันไม่เท่ากันเหรอวะ”
“ของกูเจ๋งกว่า” แล้วมีเสียงแทรกมาอีกเป็นครั้งที่สอง “ไอ้สัสโอ๊ค”
“กูอยากได้มือถือบ้าง เม็มได้ตั้ง สองร้อยห้าสิบชื่อ”
“เม็มได้เยอะ แต่กูกับมึง มีเพื่อนรวมกันถึงสิบคนเปล่าวะ ก็ขอแม่มึงดิ”
“ไม่กล้าว่ะ เก็บค่าหอผู้เช่าเดือนนี้ ก็จ่ายนั่นนี่ไปจะหมดอยู่แล้ว”
“ลับหลังแม่มึงนี่ ทำซ่าส์ ไปแดรกข้าวได้แล้ว”
“อืม อีกแป๊บเหอะนะ ให้กูนอนอีกแป๊บ นะๆๆๆๆๆ เพื่อนรัก”
Track 1 : ไม่อยากต่อคิวหัวใจกับเธอ.. ไม่รู้จะได้เบอร์อะไร..
“วันนี้มหาดไทย เขาเปลี่ยนชื่อ เขตสาธร เป็น สาทร ว่ะ ไอ้ดอย” ชายวัยกลางคนหุ่นล่ำเตี้ยนั่งไขว่ห้างมองหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่าน เอ่ยบอกหนุ่มน้อยผู้ซึ่งกำลังนั่งร่วมโต๊ะม้าหินอ่อน
“แล้วเขาเปลี่ยนให้มันยุ่งยากกันทำไมล่ะน้าแจ้” วัยรุ่นชายเปลือยอกเผยผิวไหม้คล้ำจัด สวมกางเกงฟุตบอลสีน้ำเงินเข้ม เอ่ยถามกลับด้วยความสงสัย
“รัฐเขาว่า ธอ ธง มันไม่มีความหมาย”
“.....”
“แต่ สาทร ทอ ทหารน่ะ มันแปลว่า เอื้อเฟื้อ เอาใจใส่” แจ้ น้าชายคนล่ำอธิบาย พลางเหลือบมองไปยังหลานชายที่กำลังเคี้ยวปาท่องโก๋อย่างเมามัน คู่กับ ชาร้อนสีส้มสด
“ทำไม คุณตาไม่ตั้งชื่อน้าว่า สาทร ล่ะ ก็น้าผมคนนี้ ช่างเอื้อเฟื้อ และ เอาใจใส่.. ไม่เชื่อ ถามเจ๊นกน้อย ข้างบ้านนี่ม๊ะ ว่าน้าแจ้น่ะ เฟี้ยวเงาะขนาดไหน ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ” ดอย พูดยั่วแม้จะยังมีปาท่องโก๋อยู่ในปาก
“ไอ้หลานซังกะบ๊วยนี่ เดี๋ยวปั๊ด เบิร์ดกะโหลกร้าวเลย ข้าจะฟ้องแม่เอ็งว่า ใครนะ แอบไปงานวันไหลที่พระประแดงมา ให้กะเทยล้วงไข่เล่นแล้วไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง” ผู้เป็นน้าสวนกลับ
“แป่วววว โอเค..ซึ้ง ยอมก็ได้ โหว ก็ไอ้แฝดนรก มันจะไปให้ได้เลยสิน้า ผมเองก็อยากไปเที่ยวบ้างดิ ว่าแต่ เขาไม่เรียกวันไหลนะครับ วันไหล มันที่ชลบุรี ส่วนพระประแดงเขาก็เรียก สงกรานต์ เหมือนบ้านเรานี่แหล่ะ คริ คริ”
“สามหนุ่มหล่อไปเดินเล่นน้ำ สาวแถวนั้นไม่กรี้ดกันลั่นเหรอวะ”
“ไม่โดนตีนเจ้าถิ่นก็บุญแล้วน้า มีแต่ทหารเรือ กับ เด็กโรงงาน”
“เออ.. ไม่ถูกรุมกระทืบกลับมาก็ดีแล้ว เล่นน้ำที่เมืองกาญจน์ทั้งวันยังไม่สาแก่ใจ ดอดไปนั่น แล้ววันนี้ไม่ไปเรียนซ่อมเหรอ”
“เดี๋ยวไปครับ วันสุดท้ายแล้ว ค่อยเอางานไปส่งอาจารย์ตอนเปิดเทอมไปเลย” ดอยพูดด้วยอารมณ์เซ็งทุกครั้งเมื่อต้องนึกถึงวิชาภาษาอังกฤษอาชีพช่างยนต์ ที่ตัวเองไม่เอาถ่าน ก่อนจะก้มหน้าซัดปาท่องโก๋ สามคู่จนหมดจาน แล้วขอตัวเดินเข้าตึกขึ้นไปอาบน้ำ
อาคารพาณิชย์สามชั้นครึ่งขนาดสองคูหาที่ ยอดดอย อาศัยอยู่นี้ มีแม่ของเขาเป็นเจ้าของ ทำเป็นหอพักไว้ หากเดินผ่านชั้นลอยก็จะมีโต๊ะรับแขกให้นักศึกษาไว้อ่านหนังสือ โดยชั้นสองมีสี่ห้องเช่า และชั้นสามเป็นห้องใหญ่สองห้อง ห้องน้ำในตัว ส่วนดอยพักอยู่ชั้นล่างสุดที่ทำไว้แยกออกมา
ด้านหน้าของอาคารสองคูหานี้ กั้นเป็นห้องกระจกใสล้อมกรอบอลูมิเนียมสีเงิน ให้คนมาลงทุนเช่าทำร้านอินเทอร์เน็ต มีซอกเล็กระหว่างตึกกับกำแพงข้างร้านให้รถมอเตอร์ไซค์ผ่านไปจอดรถที่สวนด้านหลัง ห้องนอนของดอยอยู่ใกล้ที่จอดรถ เขาใช้เวลานั่งมองสวน สูบบุหรี่ซึ่งแม่ก็พร่ำบ่นให้เลิกทุกครั้งที่เจอหน้า และอ่านหนังสือแต่งรถมอเตอร์ไซค์ซึ่งตนเองชอบ
เขาไม่ได้มีความรับผิดชอบอะไรกับหอพักมากนัก เพราะน้องชายของแม่ คือ ไก่แจ้ เป็นผู้ดูแลหอพักทั้งหมด ดอยแค่พูดคุยตกลงทำสัญญากับผู้เช่า แล้วค่อยส่งธนาณัติให้แม่ แต่ส่วนใหญ่แม่จะให้เขาเอาค่าเช่าเก็บไว้ใช้จ่าย แบ่งเป็นเงินเดือนน้าแจ้ เหลือเท่าไหร่ก็ฝากธนาคาร
“เชี่ยยย ไอ้ดอย นานจังวะ โตกอยู่ในห้องน้ำหรือไง” หนุ่มหน้าคมผิวขาว ไว้จอนผมปัดหน้าผาก ผู้เพิ่งมาเยือน ตะโกนถามที่หน้าห้องนอนของยอดดอย ด้วยท่าทียียวน เขาสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ดำ เอนไหล่พิงข้างประตู เงี่ยหูฟังเจ้าของห้อง
“เฮ้ย ไอ้ดอย มึงเอาน้อง เวิ่นปีเสีย ของกูเข้าห้องน้ำไป โซเดมาคอม ด้วยเหรอ ไอ้เวร อย่ารุนแรงนะโว้ยย สงสารน้อง” หนุ่มที่หน้าเหมือนกันราวกับแกะ แต่งตัวคล้ายกัน แต่เสื้อเป็นสีเทา หูขวาใส่ต่างหูสีเงินสองวง โผล่ตามมายืนหน้าห้องของดอย ด้วยท่าทีที่กวนประสาทไม่แพ้กัน
“กูเผลอหลับ ไอ้พวกเวร แสบผิวชิบผาย แม่งพากูตากแดดตระเวนเที่ยวสงกรานต์ ราวกับไปกฐินเก้าวัด” ยอดดอยบ่นหลังจากเปิดประตูห้อง รับการมาเยือนของสองแฝดเพื่อนซี้ ดอยใส่ชุดไปรเวท เสื้อขาว กางเกงยีนส์สีฟ้าฟอก มีรอยขาดจากการจงใจกรีดให้เท่ สามหนุ่มแต่งตัวตามสบายเนื่องจากอยู่ในช่วงปิดภาคเรียน แค่แวะไปช่วยงานอาจารย์เจ้าของวิชาสุดหิน ที่เรียกใช้งานพวกเขาอยู่เป็นนิจ แต่ถือเป็นการซ่อมคะแนนวิชาไปในตัว
“กูก็แค่อยากให้สาวแถวภาคตะวันออกได้ยลหน้าหล่อๆ แบบเด็กฮาร์ดของมึง ไปเร็วอาจารย์จะให้เอารถทดลองไปฝากทำสีที่อู่ด้วย เดี๋ยวกลับมาเตะบอลไม่ทัน” หนุ่มหล่อที่เจาะหูขวาสองรู ดึงแขนดอยเป็นการเร่ง
“เออไปดิ กูก็ต้องพาผู้เช่ารายใหม่ดูทางไปวิทยาลัยเขาด้วย เห็นว่าจะย้ายเข้าเย็นนี้ เศรษฐีที่ไหนไม่รู้ โทรมาฝากฝังลูกชายตัวเองใหญ่เลยว่ะ ห้องวีไอพีกูเลยนะเว้ย” ดอยกล่าว ก่อนจะปิดล็อคห้อง แล้วเดินตามสองฝาแฝดผ่านซอกกว้างราว 1 เมตร ซึ่งเป็นทางวิ่งมอเตอร์ไซค์ ที่เขาเรียกกันว่า ช่องแคบยิบรอนต้า ขนานผนังร้านอินเทอร์เน็ต ไปสู่ถนน มีรถมอเตอร์ไซค์ สองคัน จอดคู่กันอยู่ เป็น คาวาซากิ KRR-150 รุ่นพิเศษ ที่เพิ่งเข้าเมืองไทย โดย โอ๊ค แฝดผู้พี่ ขี่มอเตอร์ไซค์คันสีดำออกนำไปก่อน ส่วน ดอย ก็ขึ้นซ้อนท้าย คันสีเขียว ที่มี อาร์ม แฝดน้องเป็นสารถี ขี่ตามออกมา
เข้าสู่ช่วงบ่ายของวันนั้น ถนนเลียบริมแม่น้ำที่ยังหลับใหลเพราะเป็นย่านเกสต์เฮ้าส์ และบาร์เหล้า ก็เริ่มมีคนสัญจรมากขึ้น รถเข็นร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านข้าวแกง ร้านส้มตำ ทยอยเข็นมาตั้งร้านเรียงกันจากหน้าสำนักงานตำรวจท่องเที่ยว ยาวมาจนถึงหน้าหอพักนาตยา เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว จึงทำให้ชาวต่างชาติจะเยอะเป็นพิเศษ มักนิยมสะพายเป้มาเที่ยวพักกันในช่วงวันธรรมดาเพื่อหนีความวุ่นวาย แต่ก็จะมีคนไทยมาในวันหยุดสลับกันไป ถนนเลียบริมแควใหญ่ใจกลางเมืองแห่งนี้จึงไม่เคยร้างผู้คน บ้างก็เรียกกันว่าเป็น ลิตเติ้ลข้าวสาร เพราะมีบาร์ขนาดเล็กเรียงราย ขายเหล้าดริ้งค์ราคาประหยัดเหมาะสมกับกำลังทรัพย์นักท่องเที่ยว
รถตู้โตโยต้าไฮเอชหลังคาสูงคันใหม่เอี่ยมสีฟ้าเทา จอดเทียบหน้าหอพัก หนุ่มน้อยผิวขาวใสหน้าตาจิ้มลิ้ม เดินลงมาจากรถในชุดกางเกงขาสั้นสีดำกับเสื้อสีเหลืองสดตัดกับผิวแสนขาวเด่น ดูน่ารักจนผู้หญิงฝั่งตรงข้ามกลุ่มใหญ่ที่กำลังตั้งวงนั่งกินส้มตำหน้าบาร์เพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดบริการ ถึงกับผิวปากแซวกันด้วยความหมั่นเขี้ยว หนุ่มน้อยเขินอาย รีบพาร่างผอมบางเดินผ่านเข้าไปยังร้านอินเทอร์เน็ต เพื่อติดต่อห้องพักซึ่งพ่อของเขาได้ทำการเช่าไว้ให้แล้ว
“สวัสดีครับ ใช่น้าแจ้หรือเปล่าครับ ผมที่จะย้ายเข้ามาอยู่ห้องชั้นสามน่ะครับ ทำสัญญาไว้ในชื่อของพ่อผมครับ ชื่อคุณธรรมเสถียร” หนุ่มหน้าใส ตากลม ยกมือไหว้ผู้ดูแลหออย่างอ่อนน้อม ชวนน่าเอ็นดู
“อ้าว นี่ใช่น้องปุยไหม มาซะไวเชียว น้าเพิ่งไปตรวจน้ำ ตรวจไฟให้เมื่อสักพักนี่เอง ทำความสะอาดห้องไว้ให้แล้ว โอ้วโหว หล่อขาวขนาดนี้ เป็นเด็กปั้นสังกัด พจน์ อานนท์ หรือเปล่าเนี่ย” แจ้แซว พร้อมเดินไปช่วยหยิบกระเป๋าใบใหญ่ที่วางไว้หน้าร้าน แต่ก็มีคนขับรถตู้กับเด็กรถอีกคน มาช่วยกันหิ้วขนของให้ แจ้จึงปลีกตัวไปเตรียมกุญแจมาให้กับหนุ่มน้อยผู้มาใหม่
“ขอบคุณครับ งั้นผมทยอยขนของเข้าห้องเลยนะครับ” ปุย ส่งยิ้ม ก่อนจะหันกลับไปช่วยคนขับรถยกของเข้าหอพัก
กว่าจะจัดข้าวของให้เข้าที่เข้าทางก็พลบค่ำ หนุ่มร่างบางเดินลงมาหาของกินด้วยความหิว ก็เพราะตามคำแนะนำของน้าแจ้ ร้านอาหารตามสั่งที่อยู่ติดกับหอพักจึงเป็นทางเลือกอันดับหนึ่ง ร้านนกน้อย เป็นห้องแถวคูหาเดียวแต่แลดูสะอาดแต่งไฟไว้สวยงาม มีหนุ่มใหญ่ใส่เสื้อแขนกุดสีม่วง รูปร่างอวบ ยืนรับรายการอาหาร กับแม่ครัวคอยผัดกับข้าวอยู่หลังร้านเสียงเคาะกระทะดังต่อเนื่องอย่างกับคนตีระนาด แสดงถึงความวุ่นวายไม่น้อย ลูกค้าสาวมานั่งรอหลายคน ส่วนใหญ่สั่งใส่ถุงกลับไปทานที่บาร์ โดยเฉพาะเมนูยำและผัดเผ็ดที่ขึ้นชื่อ
“อุ้ย หล่อเริ่ด อลังการดาวล้านดวงมากค่ะ คุณน้องขา สั่งอะไรดีคะ นั่งทานที่นี่ไหม เดี๋ยวเจ๊ลัดคิวให้ อ้าว ลุก ๆ ใครนมโตกว่ากู ลุกไป ให้น้องสุดหล่อนั่งที” เจ้าของร้าน จีบปากจีบคอ ออกอาการสนใจปุยอย่างเห็นได้ชัด ถึงกับตะเพิดสาวบาร์ที่นั่งเกะกะโต๊ะให้ลุกไป สาวบาร์บ่นอุบอิบหมั่นไส้ผู้เป็นเจ้าของ แต่ก็หลบทางให้หนุ่มน้อยน่ารักที่เข้ามาใหม่ แถวพร้อมใจส่งสายตายั่วยวนโดยอัตโนมัติราวกับซ้อมกันมา
เขาจึงสั่งข้าวราดปลาหมึกทอดกระเทียม กับ แกงจืดอีกหนึ่งชาม โดยมี เจ๊นกน้อยแวะเวียนมาแทะโลมเป็นระยะ เมื่อทานเสร็จก็กลับหอพัก นับเป็นอาหารราคาถูกรสอร่อยที่เขาตั้งใจจะไปทานให้บ่อย แม้นึกเขินเวลาสาวในร้านแซวบ้าง แต่ก็ชินมาสักพักแล้ว ตั้งแต่เขาถอดเหล็กจัดฟัน และขัดผิวด้วยมะขามเปียก ก็พบว่า ตัวเองดูดีขึ้นในแบบที่น่าพอใจ
“อีกสักพักใหญ่ น้าจะให้หลานชาย ก็วัยเดียวกับน้องปุยนี่แหล่ะนะ พาไปตระเวนดูว่ามีร้านค้าร้านอาหารที่ไหนใกล้แถวนี้บ้าง เห็นคุณพ่อน้องบอกว่าไม่ได้เอารถเครื่องมาใช้ เดี๋ยวมันก็คงจะกลับช่วงค่ำนะ พอดีไปเตะบอลกับไอ้อาร์ม เพื่อนเด็กแนวของมัน มาถึงเดี๋ยวน้าจะรีบให้ไปเรียกนะ” น้าแจ้แถลงยาว ด้วยความเอาใจใส่ ทันทีที่เห็นปุยเดินกลับมาเข้าหอ จนปุยสัมผัสได้ถึงความหวังดี และนึกขำกับสำเนียงเหน่อของน้าแจ้ที่ทำให้อารมณ์ผู้ฟังดีขึ้นมา
“ครับ ขอบคุณครับน้า เดี๋ยวอีกวันสองวัน พ่อคงส่งเฟสสันของผมมาให้ใช้ขี่น่ะครับ แต่รู้จักพื้นที่ไว้บ้างก็ดีเลย เดี๋ยวผมขอเช่าเครื่องคอมเพื่อเล่นเน็ตสักชั่วโมง แล้วผมจะรอในห้องแล้วกันนะครับ ว่าจะจัดของให้เข้าที่เข้าทางสักหน่อย” ปุยยิ้มหวาน ก่อนจะนั่งใช้อินเตอร์เน็ตที่ร้านอยู่นานพอดู แล้วก็กลับห้องพักชั้นบนไป
โดยทั้งตึกห้องพักมีนักศึกษาอาศัยเต็มทุกห้อง พ่อของปุยเมฆติดต่อให้เขามาพักที่นี่ เพราะว่าขี่จักรยานไปยังสถานศึกษาได้โดยไม่ไกลนัก และถนนสไตล์ลิตเติ้ลข้าวสารทางผ่านไปวิทยาลัยไม่มีรถใหญ่วิ่ง แถมเคลื่อนที่ได้ช้า แลดูปลอดภัยในความคิดของผู้เป็นพ่อ แม้ค่าเช่าห้อง3A ที่เป็นห้องใหญ่สุดราคาค่อนข้างแพงกว่าหออื่นในระแวก แต่พ่อของปุยไม่คิดลังเลในทันทีที่เลขาส่วนตัวแจ้งมาว่ามีห้องว่าง จึงรีบจัดการโอนเงินและโทรศัพท์ประสานกับยอดดอย ซึ่งเขาคิดว่าเป็นเด็กที่อัธยาศัยดีอยู่ไม่น้อย
หลายชั่วโมงผ่านไป หันไปดูเวลาก็เริ่มดึกแล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมาเคาะประตูห้อง ใจนึงก็อยากจะยกหูเอานิ้วแหย่รูแป้นโทรศัพท์ทรงแบนกลมที่หัวเตียง ซึ่งบนนั้นมีโปสเตอร์ อลิเซีย ซิลเวอร์สโตน แปะไว้ ปุยเมฆอยากจะหมุนเบอร์ไปยังร้านอินเตอร์เน็ตข้างล่าง ให้น้าแจ้วานบอกหลานชายตัวดีเสียที ว่าไม่ต้องมาแล้ว เขาอยากนอนจะแย่
ปุยเดินออกมาที่ระเบียงท้ายห้อง มองลงไปชั้นสอง เห็นหญิงสาวกลุ่มนึงเพิ่งเดินจากห้องด้วยกางเกงขาสั้น ถือตะกร้าผ้าคนละตะกร้า เดาว่าน่าจะเอาผ้าไปส่งซัก พลางเหลือบไปที่สวนขนาดเล็กท้ายหอชั้นล่าง มีต้นทองกวาวสูงใหญ่ น่าจะให้ร่มเงาได้ดีตรงโคนต้นในช่วงเวลากลางวัน เขาเห็นชายหนุ่มวัยเดียวกันกับเขาจากระยะไกล เดินออกมาสูบบุหรี่ที่สวน นั่งที่แคร่ใต้ต้นไม้ เมื่อสูบไปได้สักพักก็เอนตัวลงนอนอย่างสบายอารมณ์
“นายก็คงจะเหมือนเรา พวกคนขี้เหงาสินะ” ปุยพรึมพรำในใจ อยู่ต่างบ้านต่างเมือง จะเดินไปทางไหน ก็มีแต่บาร์เหล้า ฝรั่งรายล้อม แถมยังมาโดนใครบางคนเบี้ยวนัดอีก รอไปก็ไม่รู้จะมาหรือเปล่า ไม่ไหวแล้ว ไม่เอาดีกว่า วันนี้คงถอยดีกว่า ก่อนจะหันกลับเข้าห้องนอนไป..
......................................................…………………………………………………………………………………