❤️ Hi Stranger ไง!คนแปลกหน้า ❤️ [ตอนที่ 27 ] 06/03/2018 ❤️ P:38
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️ Hi Stranger ไง!คนแปลกหน้า ❤️ [ตอนที่ 27 ] 06/03/2018 ❤️ P:38  (อ่าน 266971 ครั้ง)

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:


แบ๊วๆ ใสๆ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เอ็นดูน้องซอล น่ารัก

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
น้องซอลลล~

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
น้องซอลน่ารักนะพี่

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
คู่นี้ก็น่ารัก..  :katai2-1:

ออฟไลน์ เปลว แว๊บแว๊บ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ไม่ค่อยเข้าใจประโยคนี้เท่าไหร่ค่ะ คืออ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ อใครก็ได้ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ
"คุณติดค่ารถกลับบ้านผม  ไม่มีตาดูหรือไง????  ถึงไม่รู้ว่าจอดรถขวางรถคนอื่น" กลับคือที่มีความหมายว่าพลิกไปมา หรือที่แปลว่ากับคะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ชอบคู่นี้น่าร๊ากก  :m1: :m1:

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
สองคู่ ดีคนละแบบเลย ชอบๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
น้องซอลน่ารักมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lemonphug

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านตอนนี้วนไปวนมาสี่ห้ารอบแล้วอ่ะ คู่นี้น่ารักมาก

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
คู่นั้นก็ดี คู่นี้ก็น่ารัก

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ ข้าวเหนียวมะม่วง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คู่ละมุนีฝุดๆๆๆ :o8:

ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
คิดถึงคนแปลกหน้าจังเลยค่ะ ไม่รู้ว่า วันนี้จะได้เจอพวกเขามั๊ยนะ รออยู่นะคะเด็กๆ

ออฟไลน์ darin

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1088
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2267/-46


ตอนที่ 7 : คนรู้จักที่ดี

-ผ้าใบ-

   
“นะผ้าใบ อย่าโมโหสิ” ซอลนวดไหล่ให้ผม แต่ไม่ได้ทำให้ใบหน้าบึ้งตึงของผมดีขึ้นเลย
   
“ชวนมาทำไมก็ไม่รู้”
   
“ก็เราต้องเลี้ยงตอบแทน ไม่เอาของเขาฟรีๆ หรอก เดี๋ยวนอนไม่หลับ”
   
“ไม่ได้ว่าอะไร แต่นายคีรีเกี่ยวอะไรด้วย ซอลชวนมาทำไม”
   
“เขาเป็นรุ่นพี่เรานะผ้าใบ เรียกดีๆ สิ”
   
“เหอะ” ผมทำเสียงขึ้นจมูก
   
“แล้วอีกอย่างเราบอกให้ชวนเพื่อนมาได้ ไม่ได้บอกว่าเป็นพี่คีรีซะหน่อย” ผมหันไปมองคนทำเสียงอุบอิบ ซอลรีบยิ้มกว้างเอาใจ
   
“น่า วันเดียวเอง เราลงไปทักทายแป๊บๆ กับจ่ายตังค์ให้ ผ้าใบก็ทำเป็นไม่เห็นซะก็สิ้นเรื่อง”

“ไม่ชอบขี้หน้า”
   
“โธ่” ซอลถอนใจยาว ถอยไปนั่งที่เก้าอี้มองผมด้วยสายตาอ่อนใจ
   
“บอกแล้วให้โทรหา ไม่เห็นต้องให้เพื่อนหมอนั่นพาไป”
   
“เราก็ไม่ได้อยากไป แต่เราตามไม่ทัน” ผมเผลอยิ้มขำ นึกภาพซอลออก คนขี้เกรงใจ ทำอะไรช้าๆ เพราะต้องคิดก่อนทำเสมอ ไม่เหมือนเขาที่หุนหันพลันแล่น ถ้าคิดก่อนคงไม่ช่วยไอ้หมอนั่นให้ตัวเองต้องมาหงุดหงิดอยู่แบบนี้
   
“เอาเถอะ เขาอุตส่าห์ช่วยยังไงก็ต้องตอบแทน แต่อย่าไปสุงสิงมาก เรากับสองคนนั้นอยู่กันคนละโลกเลย”
   
“อืม” ซอลพยักหน้ารับคำผม ถึงทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมานิดหนึ่ง
   
ซอลเป็นเพื่อนที่เหมือนน้องชาย เป็นคนที่ผมรู้สึกว่าต้องปกป้องคุ้มครอง ยิ่งซอลเป็นคนจิตใจดี ผมยิ่งต้องคอยระวัง
   
“แล้วมีตังค์จ่ายพอเหรอ พวกนั้นกินเหล้านอก กับแกล้มอย่างดี มาทีไรเห็นสั่งทิ้งสั่งขว้าง ไม่เห็นกินหมดสักจาน”
   
“คิดอยู่” ซอลถอนใจยาว ดูเหมือนจะกังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน “แต่ยังไงก็คงถูกกว่าค่าดูแลกระป๋องสี”
   
ผมเลิกค้านกับคำพูดแปลกๆ ของซอลแล้ว ได้แต่พยักหน้า เอาเถอะคิดซะว่าต่อไปจะได้ห่วงซอลน้อยลง เวลาขับรถกลับบ้าน
   
“ถ้าไม่พอบอกกู เดี๋ยวช่วยออก”
   
“ไม่ต้อง ผ้าใบก็ไม่พอใช้เหมือนกัน เดี๋ยวเราขอให้พี่เบญหักเงินล่วงหน้าก็ได้”
   
“อย่าเลย กูไม่อยากฟังพี่เบญบ่นมึง ทำเหมือนมึงใช้เงินเปลือง ประหยัดจนไม่รู้จะประหยัดกันยังไง แกก็รู้แต่ก็ชอบพูด”
   
“อย่าไปถือเลย ยังไงพี่เบญก็มีบุญคุญกับเรา”
   
“รู้น่า” ผมเงียบเสีย เพราะรู้ว่าซอลไม่ชอบให้พูดถึง
   
“ผ้าใบ”
   
“หือ?”
   
“เราว่าสองคนนั้นก็เป็นคนดีนะอย่างน้อยก็มีน้ำใจ”
   
“คนเดียวก่อนไหม อีกคนยังไม่เห็น”
   
“อีกคนที่ว่ายังส่งข้อความหาอยู่ไหม” ซอลตาโตเมื่อเห็นสีหน้าของผม “อย่าบอกนะว่า....”
   
“ไม่ต้องบอก ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น โคตรน่ารำคาญ” ผมยังได้รับข้อความประปราย เช้าบ้าง เย็นบ้าง แต่ผมไม่เคยตอบเลยสักครั้ง มีปัญญาส่งได้ก็ส่งไป
   
“มีความพยายามดีเนอะ สงสัยอยากเป็นเพื่อนกับผ้าใบ”
   
“ซอล~” ผมเรียกชื่อซอลเสียงอ่อน จะซื่อไปไหน อย่างหมอนั่นตั้งใจกวนประสาทผมมากกว่า ดูแต่ละข้อความที่ส่งมา เรียกผมว่าเด็กหัวร้อนทุกคำ แล้วอย่างนี้ใครจะไปดีด้วยวะ


-คีรี-

“ไง เด็กหัวร้อน” แค่สายตาเดือดๆ ที่ตวัดมามอง
ก็ทำให้ผมขำมันแล้ว เด็กอะไรขึ้นง่ายจริงๆ
   
“เพื่อนเล่นเหรอ”
   
“ไม่ใช่อยู่แล้ว เพราะฉันเป็นรุ่นพี่นาย” มันเบ้ปากออก มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วเดินผ่านไปโดยไม่พูดอะไรต่อสักคำ เล่นเอาผมอยากรู้ขึ้นมาว่าเมื่อกี้มันคิดอะไร
   
“มึงก็แหย่น้องมันไม่เลิก” จอมทัพรอให้ผ้าใบเดินผ่านไปแล้วถึงพูด ผมทักมันในจังหวะที่กำลังเดินผ่านโต๊ะผมไปยังเวที
   
“มึงก็ดูสิว่ามันน่าแหย่ไหม”
   
“เบาๆ บ้างเถอะวะ ผ้าใบเคยช่วยมึงไว้อย่าลืมสิ”
   
“เพราะไม่ลืมไงกูถึงอยากเป็นพี่เป็นเพื่อนกับมัน”
   
“เลยเข้าหาด้วยวิธีนี้ แกล้งคนที่ชอบว่างั้น”
   
“ภาษามึงไม่แข็งแรงหรือเปล่าวะ กูว่ามึงใช้ผิดรูปแบบ”   
   
“แวะมาทักทายเหรอ” ผมหันไปมองตามสายตาเพื่อน เมื่อคนที่ผมคุยด้วยมองเลยศีรษะผมไป ถึงเห็นว่านักร้องตัวเล็กมาหยุดยืน
   
 “เปล่าครับ กะว่าร้องเสร็จถึงจะลงมาทัก” คนตอบก็ตอบได้ซื่อจนแม้แต่ผมก็ยังอดยิ้มไม่ได้  “ผ้าใบให้ผมมาบอกพวกพี่ครับ” สายตาที่มองมาทางผมทำให้รู้ว่าพวกพี่ที่ว่าน่าจะหมายถึงผมมากกว่า “ว่าคนที่มีเรื่องกับพี่เพิ่งมา ยังไงก็ระวังไว้นิดนะครับ อ๋อ ประโยคหลังนี่ผมพูดเอง ผ้าใบไมได้ฝากมา”
   
“หึๆ “ เสียงหัวเราะเบาๆ มาจากจอมทัพ เป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู
   
“ขอบใจมาก ฝากขอบคุณเพื่อนเราด้วย”
   
“ได้ครับ ถ้าจะกลับเลยก็ได้นะครับ เดี๋ยววันหลังผมเลี้ยงใหม่ ผมไม่ลืมแน่นอน”
   
“พวกพี่ไม่เคยหนีใคร”
   
คนตัวเล็กทำสีหน้ากังวล แต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา “งั้นผมไปเตรียมตัวก่อนครับ ต้องเล่นแล้ว”
   
“ขอเพลงได้ไหม” จอมทัพพูดด้วยสีหน้าติดรอยยิ้มอ่อน
   
“ได้ครับ เพลงอะไรครับ”
   
“แล้วแต่เราเลย”
   
“งั้นมันก็ไม่เรียกว่าขอเพลงสิครับ ฟังเพลงไหนที่ผมร้องก็ได้”
   
“ไม่เหมือน เพลงที่ร้องทั่วไปกับเพลงที่เลือกให้ไม่เหมือนกัน”
   
“อืม...ก็ได้ครับ” สีหน้าของคนพูดครุ่นคิด เดินไปหน้าก็นิ่วคิ้วขมวดไปด้วย
   
“ถ้ากูไม่รู้ว่ามึงชอบผู้หญิง กูจะนึกว่ามึงจีบน้องมัน” ผมมองหน้าเพื่อน
   
“เปล่า กูแค่หาอะไรให้คิด เห็นกังวลจนหน้าซีด คงเป็นห่วง”
   
“ดีแล้ว ดูท่าจะขี้กลัว”
   
“อืม แล้วมึงเอาไง” จอมทัพกลับมาสนใจเรื่องผม
   
“ดื่ม” ผมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มโดยไม่พูดอะไรต่อ สายตามองตรงไปยังเวที ดูเด็กหัวร้อนง่วนกับการเช็คเสียง สายตาที่มองอ่อนแสงลง เขาเป็นคู่ปรับของมัน แต่มันกลับเป็นเพื่อนที่ดีของเขา ไม่อยากพูดด้วยก็ยังส่งเพื่อนลงมาเตือน  นายเป็นคนยังไงเหรอผ้าใบ ฉันชักอยากรู้จักนายให้มากกว่านี้ 

   
ผมส่งสายตาไปหาจอมทัพเมื่อเห็นว่าใครย้ายมานั่งโต๊ะติดกัน จอมทัพเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าใช่คนที่ว่าหรือเปล่าเพราะยังไม่เคยเห็นหน้า ผมพยักหน้าให้เพื่อนรู้ว่าสิ่งที่คิดถูกต้องแล้ว
   
ห้าคน ผมนับด้วยหางตา ถ้ามีเรื่องกันขึ้นมาจริงๆ โอกาสที่พวกผมจะชนะมีน้อยมาก
   
“กูว่าอย่าให้ถึงมือเลย” จอมทัพพูดด้วยเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน ผมยกนาฬิกาขึ้นดู เดิมทีผมคิดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะเวลาผ่านไปนานมากแล้ว แต่เป็นไปได้ว่าพวกนั้นเพิ่งเห็นผม อีกเพียงชั่วโมงกว่าร้านจะปิด ผมกำลังคิดว่าวิธีไหนจะเข้าท่ากว่ากัน
   
“กูบอกมึงแล้วว่าให้เล่นก่อน” จอมทัพบ่นเพราะผมเลือกที่จะไม่จัดการอะไร “เอาไง ลูกน้องพ่อมึงหรือลูกน้องพ่อกู”
   
“กู” ผมตอบเสียงเรียบ
   
“อืม” จอมทัพพยักหน้า ปล่อยให้ผมเป็นคนจัดการ ผมหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาแต่ช้ากว่ามือที่แตะลงบนไหล่
   
“ไงมึง” ม่อนยืนยิ้มกว้างให้พวกผม “นั่งด้วยได้เปล่าวะ กูเพิ่งเล่นเสร็จ”
   
“ได้สิ” จอมทัพพยักหน้า ผมวางโทรศัพท์ลงที่เดิม คิดว่าม่อนคงมาทักทายเพียงครู่เดียว
   
“กูดื่มด้วยนะ วันนี้ไม่รีบกลับ” ผมขมวดคิ้วนิดหนึ่งก่อนคลายออก สายตาของม่อนมองตรงไปยังโต๊ะข้างๆ ก่อนหันกลับไปยังเวที
   
ผมมองตามสายตาม่อนไป เห็นเด็กหัวร้อนมองอยู่ก่อนแล้ว เจ้าตัวดีรีบหันหน้าหนีผม เก็บกีตาร์ของมันลงกระเป๋า ก่อนหันไปคุยบางอย่างซอลและผู้ชายอีกคนที่เป็นมือคีบอร์ด   
   
พักเดียวผมเห็นพากันเดินลงมา ผมคิดว่าเดี๋ยวมันคงเดินผ่านไปโดยไม่ชายตามามอง แต่ผิดคาด มีเพียงมือคีบอร์ดที่ถือของพะรุงพะรังเดินผ่านไป เด็กหัวร้อนทิ้งตัวลงนั่งข้างผม ตามด้วยเพื่อนตัวเล็กของมัน
   
“มีเหล้าฟรีกินไหม” เสียงถามห้วนๆ ดังขึ้น ผมยิ้มขำ
   
“มี”
   
“ขอแก้วหนึ่ง ซอลเอาไหม”
   
“เราน้ำเปล่าก็พอ”
   
ผมจัดการให้ตามที่ขอโดยไม่ถามอะไร จอมทัพลอบสบตากับผม ก่อนที่เราจะจุดยิ้มขึ้นทั้งคู่ สามารถเดาเรื่องได้อย่างง่ายดาย เด็กหัวร้อนพาเพื่อนมานั่งเป็นเพื่อนพวกผม จากจำนวนคนแล้วพูดยากว่าควรมีเรื่องกันไหม แต่ดูเหมือนสิ่งที่ผ้าใบตัดสินใจทำจะได้ผลตามต้องการ เพราะโต๊ะตรงข้ามเริ่มเปลี่ยนท่าที ไม่มองพวกผมอย่างคุกคามอีก ผมเดาว่าพวกมันไม่ได้กลัวเพื่อนร่างท้วมอย่างม่อน หรือหนุ่มร่างผอมอย่างผ้าใบและยิ่งไม่กลัวคนตัวเล็กอย่างซอล แต่สิ่งที่ทำให้ต้องหยุดคิดเพราะทั้งสามคนเป็นนักดนตรีประจำของร้าน แปลว่าหากมีเรื่องกัน อาจต้องมีกับเด็กเสิร์ฟทั้งร้านก็เป็นได้
   
“หิวหรือเปล่า กินอะไรไหม” ผมถามเพราะกลัวมันหิวหลังเลิกงาน

“ไม่”
   
“หิว” ไอ้ตัวดีถลึงตาใส่รุ่นพี่ร่วมวง
   
“อะไรวะ” เสียงถามกันเบาๆ ดังขึ้น
   
“วันนี้ซอลมันเป็นคนเลี้ยง”
   
“อ้าวก็เมื่อกี้เห็นมึงบอกขอเหล้าฟรีกูจะรู้เหรอวะ เอองั้นไม่หิว”
   
“สั่งเถอะ กูจ่ายเอง”
   
“ไม่ได้ครับ” คนที่นั่งเงียบมาตลอดพูดแทรกขึ้น ก่อนท่าทางจะเปลี่ยนเป็นเงอะงะเมื่อทุกสายตามองไปเป็นจุดเดียว “ผมรับปากแล้วว่าจะเลี้ยงมื้อนี้”
   
“เอาไว้วันหลัง” ผมตัดบท
   
“ไม่ได้ครับ ผมรับปากกับพี่จอมทัพแล้ว” ผมหันไปมองจอมทัพเป็นการบอกให้เพื่อนพูดอะไรสักอย่าง
   
“ซอลเลี้ยงเหล้าพี่ก็พอ ที่เหลือพวกพี่จ่ายเอง”
   
“ไม่ได้ครับผมต้องเป็นคนจ่าย” ผมอดทึ่งไมได้ คู่นี้ดูแตกต่างกันมากแต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือความดื้อ “ไม่อย่างนั้นผมกับกระป๋องสีจะไม่สบายใจ” ผมหันไปมองหน้าจอมทัพ อะไรคือกระป๋องสี ในขณะที่เพื่อนจุดยิ้มขำ
   
“เมื่อกี้ได้ร้องเพลงให้พี่ไหม”
   
“ร้องครับ ที่ผมมองลงมาแล้วพยักหน้า” ซอลพยักหน้าไปด้วย
   
“เพราะดี”
   
“ขอบคุณครับ”
   
“ร้องเพลงแล้วก็จ่ายแค่ค่าเหล้าพอ”
   
“ไม่เอาครับ” หน้าหวานๆ ไม่เข้ากับความดื้อ จอมทัพมองด้วยสายตาของคนไม่รู้จะทำยังไงปนเอ็นดู จนผมต้องเป็นคนจัดการให้
   
“เอาอย่างนี้ พี่ติดหนี้เพื่อนเราอยู่ มื้อนี้พี่จ่ายเองแล้วเราทุกคนหายกัน”
   
“แต่..”
   
“หรืออยากให้พี่คอยตามใช้คืน” ผมหันไปมองเด็กหัวร้อน เจอมุกนี้ของผมเข้าไป เจ้าตัวดีรีบหันไปพยักหน้ากับเพื่อน ว่าให้ยอมรับเงื่อนไขของผม แต่ยังไม่วายหันมาสำทับให้แน่ใจ

“หายกันแล้ว ไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้ว ถูกไหม”

“ถูกต้อง” ผมพยักหน้า

“ตกลง” สีหน้าของมันดูโล่งใจ ในขณะที่ผมอยากหัวเราะออกมาดังๆ แต่กลัวทำมันโมโห ผ้าใบดีใจอย่างกับมันติดหนี้ผมแล้วผมยกหนี้ให้ ไอ้เด็กบ้า

“ตกลงคือกูสั่งได้เลยใช่ไหม ไม่เถียงกันแล้วนะ กูหิว” ม่อนมองหน้าผมสลับกับผ้าใบ

“สั่งเลย” ผมอนุญาต


“พี่อีกคนไม่มากินด้วยกันเหรอ” จอมทัพถามถึงมือคีบอร์ด เมื่อผ่านไปสิบกว่านาทีก็ไม่เห็นเดินกลับออกมา

“ชื่อพี่อาจ แกกลับบ้านไปแล้ว” ม่อนเป็นคนตอบคำถาม

“ปกติกลับกันเลยใช่ไหม กูไม่เคยเห็นมึงออกมานั่งหน้าร้าน” ผมตะล่อมถามม่อน

“อืมกลับเลย นี่ไอ้ผ้าใบมันขอให้อยู่ โอ๊ย!” เสียงร้องลั่นของม่อนทำให้ผมรู้ทันทีว่าที่ผมคิดถูกต้องแล้ว ผมหันไปมองหน้าผ้าใบด้วยสายตาที่อ่อนแสงลง

“มองอะไร ขนลุกฉิบหาย” เสียงเอาเรื่องยังเหมือนเดิม แต่ถ้าผ้าใบหวังว่าจะทำให้ผมโมโหมันเหมือนเก่า มันคิดผิด

“อยากมองก็มอง” ผมตอบเอื่อยๆ ไม่สนใจว่าจะโดนตีหน้ายักษ์ใส่ แต่ก่อนที่การโต้เถียงจะเกิดขึ้น พนักงานก็ยกอาหารมาเสิร์ฟพอดี ผ้าใบกินไปเงียบๆ  ดูเหมือนมันเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ตักอะไรได้ก็ใส่เข้าปาก ไม่มีเขี่ยทิ้งอย่างผม ที่ไม่กินผักบางชนิด หรืออาหารบางประเภท

“จอดรถไว้ไหน” เสียงถามห้วนๆ ดังขึ้นโดยไม่มองหน้า

“ในลานจอด”

“ดีแล้วมียาม” แค่นั้นที่ผ้าใบอยากรู้ ผมลอบมองหน้ามันเป็นระยะ มองแล้วก็เพลินดี หน้าตามันไม่ได้น่ารักเหมือนซอล ดูเป็นผู้ชายกวนๆ คนหนึ่ง แต่กลับมีเสน่ห์ชวนมอง

“มาด้วยกันหรือเปล่า” ดวงตาที่เงยขึ้นมามองประสานเข้ากับสายตาของผมพอดี ผมไม่หลบและไม่สนด้วยว่าผ้าใบจะรู้ว่าผมมองอยู่

“เปล่า คนละคัน”

“จอดใกล้กันไหม”

“ไม่” ผมเห็นมันถอนใจเบาๆ ดูท่าจะกินข้าวไม่อร่อยขึ้นมา “เอาเถอะ เอาไงก็เอา” ผมไม่คิดว่าผ้าใบพูดกับผม ดูเหมือนมันจะพูดกับตัวเองมากกว่า


แขกเริ่มทยอยออกจากร้าน โต๊ะข้างผมลุกออกไปก่อนหน้าสักพัก ยิ่งทำให้ผ้าใบดูกังวล ในขณะที่ผมดูสบายๆ กว่า

ผมเห็นผ้าใบพูดอะไรบางอย่างกับม่อนและซอลหลังจากที่เราลุกจากโต๊ะ ก่อนที่ทั้งสามคนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมกับจอมทัพ

“ตามมานี้” ผมเลิกคิ้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

“นายนั่นแหละ” ผมหันไปสบตาจอมทัพ เมื่อเพื่อนพยักหน้าผมจึงเดินตามผ้าใบไป

เด็กหัวร้อนพาผมเข้าหลังร้านก่อนพาออกไปยังประตูหลัง มันเดินไปยังซอกที่ใช้จอดรถเป็นประจำ โดยไม่พูดอะไรกับผมสักคำ

“ขึ้นมา” ผมคร่อมมอเตอร์ไซด์ด้านหลัง ผ้าใบสตาร์ทรถและขี่วนไปยังลานจอดรถ ผมเห็นม่อนกับซอลเดินอยู่กับจอมทัพ 

ผ้าใบวนดูรอบๆ ลานจอด ถามผมว่ารถคันไหน เมื่อไม่เห็นว่ามีสิ่งปกติใดๆ จึงวนรถออกไปรอ จนเห็นจอมทัพเดินมาถึง ผ้าใบให้สัญญาณกับเพื่อน ผมเดาว่าคงบอกว่าไม่มีอะไร ก่อนวนรถกลับไปส่งผม

 “ลงไปได้แล้ว”

“ขอบใจ”

“พวกนั้นคงไม่อยากมีเรื่องกับที่ร้าน ต่อไปก็ต่างคนต่างเที่ยว อย่าไปหาเรื่องกันอีก” มันเด็กกว่าผมแต่ทำหน้าเหมือนเป็นผู้ใหญ่

“ฉันไม่ได้เป็นคนหาเรื่อง”

“เรื่องมันมาเตะหน้าเองว่างั้นเถอะ”

“หึๆ “

“กลับล่ะ” ยังดีที่คิดจะบอกไม่ใช่ขี่รถออกไปเลย

“เดี๋ยว”

ผ้าใบถอนใจคล้ายรำคาญ“อะไรอีก”

“เป็นพี่น้องกันดีไหม” ผ้าใบมองผมนิ่ง ก่อนถอนใจออกมายาวๆ

“เป็นคนรู้จักกันก็พอ”

“ก็ยังดี” ผมยิ้มรับ “ดีกว่าเป็นคนแปลกหน้า”

“ทุกคนเป็นคนแปลกหน้ากันทั้งนั้น จนกว่าจะได้รู้เนื้อแท้จริงๆ ข้างใน” เพราะสีหน้าของผ้าใบ ทำให้ผมยกมือขึ้นวางบนศีรษะที่ยังไม่ได้ใส่หมวกกันน็อคของมัน

“ฉันจะเป็นคนรู้จักที่ดี”

ดวงตาของผ้าใบไหววูบ ก่อนจะกลับมาแข็งกร้าวเหมือนเดิม

“เอามือลง”

“หึๆ” ผมดึงมือกลับ ผ้าใบรีบคว้าหมวกกันน็อคขึ้นมาใส่

“ขึ้นรถได้แล้ว” เสียงห้วนๆ สั่ง ผมกดรีโมทเปิดประตูรถ ยกนิ้วเคาะลงบนหมวกกันน็อคผ้าใบ ก่อนเปิดประตูขึ้นรถ มอเตอร์ไซด์แล่นออกไปเมื่อประตูรถผมปิดสนิท มองจากไกลๆ เห็นมันวนไปหาเพื่อน

ผ้าใบพูดถูกที่ว่าคนเราต่อให้สนิทกันแค่ไหน สักวันอาจเป็นคนแปลกหน้าต่อกันโดยไม่รู้ตัว แต่ผมมั่นใจในเนื้อแท้ของเด็กคนนี้ ผ้าใบเป็นคนดี และผมจะเป็นคนรู้จักที่ดีของมันเช่นกัน

✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
ปล.เห็นมีสอบถามเข้ามา เรื่องประโยคนี้  "คุณติดค่ารถกลับบ้านผม"
ตอบนะคะ >> "กลับบ้าน" ตรงตัวเลยค่า  เหมือนไปทำงานตอนเช้า กลับบ้านตอนเย็น ค่ะ ^^
ค่ารถกลับบ้าน ก็คือ ค่ารถเมล์ที่ต้องเสียสำหรับเดินทางกลับบ้านนั่นเอง
  Darin ♥ FANPAGE
Twitter : primdarin



ออฟไลน์ อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ปาดค่า :z2: :z2:

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
ผ้าใบนิสัยดีมากกก ซอลก็น่ารักอ่ะ เด๋อๆดี ชอบทั้งสองคน

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
มีความวอแวผ้าใบตลอดนะจร้าาาา  :hao7:

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
ทำไมมีแต่เด็กน่ารักๆเต็มไปหมด
ซอลก็น่ารัก น่าปกป้อง ใสซื่อ
ผ้าใบ ฉลาดเป็นเด็กดีมีน้ำใจ เฮ้อ
เด็กๆทั้งสองคนน่ารักมากๆ
จะให้คีรีกับจอมทัพดีไหมเนี่ยะ หรือจะแย่งเก็บไว้เองดี555555555

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
คีรีเริ่มเอ็นดูผ้าใบและ  :-[ :-[

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
เรื่องนี้น่ารักอีกแล้วมุ้งมิ้งมากเลย

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
เป็นคนรู้จักก็ยังดีเนอะ  ฮ่าๆ
เมื่อไรจะเป็นพี่น้องละผ้าใบ ค่อยขยับทีละสเต็ป อิอิ
ซอลกับพี่จอมทัพน่ารักดีอ่ะ 555

ปล. เรื่องค่ารถกลับบ้าน ตอนผมอ่านก็มีขมวดคิ้วนิดหนึ่งนะ
คือไม่ได้งงความหมายนะ
แต่งงประโยคนั้นว่าทำไมผ้าใบบอกแบบนั้น
พอลองคิดก็เข้าใจในประโยคนั้น คือรถพี่คีรีจอดขวาง
ทำให้รถผ้าใบออกไม่ได้
ผ้าใบเลยต้องใช้บริการ Taxi หรือรถโดยสารกลับบ้าน
เลยทิ้งข้อความนั้นให้พี่คีรีว่า "คุณติดเงินค่ารถกลับบ้านผมนะ" อะไรประมาณนั้น  ฝากไว้เผื่อใครอาจจะไม่เข้าใจ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
อ่านสองตอนรวด กะแล้วเชียวว่าพี่จอมทัพกับซอลแน่ๆ ก็เหมาะกันดีนะอย่างน้อยเขาก็ไม่แรงใส่กันเหมือนคู่หลักดูเป็นพี่ชายที่แสนดีกับน้องชายขี้เกรงใจเข้าไปอีก

ส่วนตอนล่าสุดนี่ ตกลงพี่คีรีอยากจะสนิทกับผ้าใบให้ได้สินะคะ ถึงกับขอเป็นพี่เป็นน้องเลย ตอนนี้เอาแค่คนรู้จักไปก่อนนะแล้วก็หวังว่าจะทำตัวเป็นคนรู้จักที่ดีอย่างที่บอกจริงๆนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2018 19:19:00 โดย TachibanaRain »

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
อ่านครั้งแรกก็งงนะ ติดค่ารถกลับบ้าน ต้องอ่านทวนรวม 4 รอบ. อ๋อๆๆๆๆๆๆๆ เลย. แหนะคีรีเพิ่มสถานะให้ผ้าใบทีล
ะขั้นแล้วเนอะ

ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
เด็กๆ แต่ละคนมีความแตกต่าง แต่น่ารัก พี่คีรีเปลี่ยนไปจากเดิมเยอะมาก ภาพกวนโอ๊ยแบบเดิมไม่มีแล้ว ชอบแบบนี้ดูอบอุ่นดี ชอบพี่จอมทัพด้วย ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
ผ้าใบน่ารักกกกกก

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :hao3: ในสายตาเริ่มมีแต่เขา

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด