ตอนที่ 16 : หลับสบาย
-คีรี-
“ง่วงฉิบ” เสียงบ่นเบาๆ มาจากคนที่เพิ่งเปิดประตูรถขึ้นนั่ง ผมรอให้ประตูปิดสนิทถึงเอี้ยวตัวไปหา
“ทำไรวะ” ผ้าใบยกขาขึ้น ผมยิ้มขำมัน ก่อนดึงหัวเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้ จมูกเฉียดใบหน้าของผ้าใบไปนิดเดียว
“คาดเองได้” มันบ่นอุบ ดีที่ไม่ถีบผมจริงๆ
เมื่อวานหลังจากผมไปนั่งฟังวงของผ้าใบเล่นกับผู้จัดการร้าน ผมรู้สึกได้ทันทีว่าผ้าใบเปลี่ยนไป มันพูดสุภาพกับผมมากขึ้น ไม่เถียง ไม่โวยวาย นี่ควรเป็นเรื่องดีแต่ผมกลับเอาแต่มองมัน ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงดูห่างเหินนัก สุดท้ายผมก็จับความรู้สึกตัวเองได้ ว่าผมห่วงหามันมากกว่าความเป็นพี่ชาย ผมเป็นคนชัดเจนกับความรู้สึกตัวเอง เมื่อรู้ตัวแล้วก็ไม่คิดจะฝืน ยิ่งมองย้อนกลับไปผมว่าผมน่าจะเริ่มชอบผ้าใบมาสักพักหนึ่งแล้วถึงตามวอแวมันไม่เลิก
“เหนื่อยไหม” ผมหมุนพวงมาลัยออกจากลานจอดรถของโรงแรม ชวนผ้าใบคุยไปเรื่อยๆ
“ไม่เหนื่อย”
“ชอบที่นี่หรือเปล่า”
“ทีแรกไม่แน่ใจ มันเงียบเกินไป แต่ตอนนี้ชอบมาก”
“ทำไมเป็นแบบนั้น”
“มีลูกค้าให้ทิปตั้งร้อยดอล”
“ไหนเอามาแบ่งพี่บ้าง” ผมยื่นมือไปตรงหน้าผ้าใบ
“เรื่องอะไร พี่คีรีรวยอยู่แล้ว”
“ไอ้เด็กขี้งก” ผมยกมือขึ้นยีผมผ้าใบ
“อย่าเล่นดิวะ กว่าผมจะเซ็ตทรงนี้มาได้มันนาน” ผ้าใบปัดมือผมออก มองมาตาวาว
“เดี๋ยวจะไม่อาบน้ำสระผมหรือไง”
“ก็ให้มันถึงห้องก่อน”
“นี่ก็อยู่บนรถแล้วจะหล่อให้ใครดูอีก หรืออยากให้พี่ดู”
“ตลก”
“ถามจริงชอบพี่เหรอ”
“เฮ้ย! ” ผ้าใบอุทานหน้าเหวอจนผมขำ “ใครจะไปชอบพี่วะ”
“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ทำไมต้องโวยวาย”
“ก็ถามอะไรไม่เข้าท่า”
“พูดแบบนี้ไม่กลัวพี่เสียใจเหรอ”
“เดี๋ยวๆ” ผ้าใบยกมือขึ้นห้ามไม่ให้ผมพูด “จะเอาอะไร”
“หือ”
“พูดให้รู้สึกผิดเนี่ยจะเอาอะไร ยังไงก็ไม่แบ่งทิปให้หรอกนะ”
“หึๆ” ผมไม่ตอบ ถึงผ้าใบจะทำเป็นพูดเล่นแต่อย่างน้อยผมก็ได้รู้ว่ามันแคร์ความรู้สึกผม
“ตกลงทำไมไม่เอารถมา ถามไปไม่เห็นตอบ”
“ขี้เกียจ”
“เอาดีๆ”
“ก็วันนี้ทำงานวันแรก ผมกลัวตัวเหม็น กลัวเหงื่อออกเยอะ ควันรถอีก เลยไม่อยากเอามา”
“เข้าใจแล้ว”
“แต่เดี๋ยวคราวหน้าจะเอามา แล้วเอาเสื้อผ้าใส่ในกระเป๋ามาเปลี่ยนแทน ตอนแรกไม่รู้นี่ว่ามีห้องพักให้นักดนตรีด้วย”
“ย้ายมาอยู่ที่โรงแรมไหม”
“หะ!”
“จะตกใจทำไม ห้องไม่ได้เต็มทุกวันอยู่แล้ว ไม่ได้เดือดร้อนหรอกน่า”
“ห้องว่างก็เข้าใจ แต่ยังไงค่าน้ำค่าไฟมันก็ต้องเสีย”
“งั้นเราจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้พี่”
“ไม่เอา”
“ทำไมถึงดื้อ”
“ผมไม่ได้ดื้อแต่พี่คีรีนั่นแหละไม่เข้าท่า ต่อไปจะเป็นเจ้าของโรงแรมได้ยังไง ไม่รู้จักรักษาผลประโยชน์”
“ก็ถ้าเรารักษาเก่งนักก็มารักษาให้พี่สิ”
“อย่าพูดประชด ตัวโตเสียเปล่า นี่ผมพูดจริงจัง”
“หึๆ” ไอ้ตัวดีมันคงไม่รู้ว่าผมก็จริงจังเหมือนกัน
“อีกอย่างผมมีห้องของตัวเองอยู่แล้ว ถึงมันไม่ใหญ่ ถึงมันจะเก่า แต่บ้านคือวิมานของเรา”
“พูดให้ดูดีใช่ไหม”
“เปล่านะ ผมพูดจริงๆ พี่คีรีอยู่แต่บ้านดีๆ โรงแรมหรูๆ ถึงคิดว่าคนที่อยู่ห้องอย่างพวกผมต้องไม่มีความสุข แต่ผมมี มีมากด้วย ไม่ได้พูดเพื่อกลบความไม่มีของตัวเอง”
“ไม่เชื่อ”
“โว้ย! ทำไมพูดกับคนรวยมันยากอย่างนี้วะ”
“ไม่เห็นยาก เดี๋ยวพี่ขึ้นไปดูก็รู้เองว่ามันจริงไหม”
“ตกลง!” ผมกลั้นรอยยิ้ม ทำหน้าให้เป็นปกติ ใช้วิธีมองตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว แต่ผมเดาว่าเจ้าตัวดีรู้แล้วว่าเสียรู้ให้ผม ดูจากสีหน้าเจ็บใจตัวเองของมัน
“เนี่ยเห็นหรือยัง” ผ้าใบเปิดประตู แต่ใช้ตัวยืนกั้นไว้ หลังพิงขอบประตู ขาพาดยาวมาอีกฝั่ง ไม่ให้ผมเดินผ่าน ทำได้แค่ชะโงกหน้าดู ผมเดาว่าผ้าใบคงคิดมาอย่างดี เพราะตอนนี้อยู่ในรถเห็นเงียบไป จนผมคิดว่าหลับไปแล้ว
“ทำไมรก”
“เขาเรียกว่าจัดห้องอย่างมีศิลปะ”
“หึๆ “
“เห็นพอหรือยัง ง่วงแล้ว” มันไล่ผมเอาดื้อๆ
“ขอดูอีกที” ผมชะโงกหน้าเข้าไปในห้อง จงใจให้หน้าเฉียดหน้าของผ้าใบ เจ้าตัวสะดุ้งโหยง เมื่อจมูกของมันปัดแก้มผม
“พอใจหรือยัง”
“อยากเข้าห้องน้ำ” ผมพูดหน้านิ่ง ผ้าใบทำเสียงจึ๊กจั๊ก ขัดใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมให้ผมผ่านเข้าไปในห้อง
“ค่อยยังชั่ว” ผมเดินออกจากห้องน้ำ ทิ้งตัวนั่งบนเตียงข้างผ้าใบ
“ปะ เดี๋ยวไปส่งที่รถ”
“ไล่เลยเหรอ” ผ้าใบทำหน้าเหมือนอยากพูดว่าอะไรของมึง แต่ผมยังตีเนียน “ขอพักเดี๋ยว” ผมเอนตัวลงนอนขาห้อยอยู่ที่ขอบเตียง ดึงหมอนของผ้าใบที่วางอยู่มารองศีรษะ
“ตกลงจะยังไม่กลับใช่ไหม”
“อืม ไปทั้งง่วงๆ เดี๋ยวหลับใน”
“งั้นก็ขึ้นมานอนดีๆ” ผ้าใบลุกขึ้นยืน
“ไปไหน”
“อาบน้ำ” ผ้าใบถอดเสื้อแจ็คเก็ตกับเสื้อยืดออก เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่กับหน้าต่าง ผมมองแผ่นหลังของมัน เผลอหัวเราะออกมาเบาๆ ทำไมผมถึงอยากกอดผู้ชายที่หุ่นผู้ชายแบบนี้วะ
“ขึ้นไปนอนดีดี” ผ้าใบขมวดคิ้วเมื่อหันมาเห็นผมยังนอนห้อยขาอยู่เหมือนเดิม ผ้าใบถอนใจออกมายาวๆ ก่อนเดินดุ่มๆ เข้ามาหา ก้มลงดึงหมอนจากใต้ศีรษะของผม จังหวะที่แผ่นอกขาวเคลื่อนเข้ามาใกล้ ผมใช้แขนแข็งแรงรวบเข้าที่เอวของผ้าใบดึงให้ล้มลงมา
“เล่นอะไรวะ!” ผ้าใบโวยวายแต่ผมไม่ยอมปล่อยมือ
“ใครแกล้งพี่ก่อน”
“แกล้งบ้าอะไร ผมจะดึงหมอนไปวางไว้หัวเตียง จะได้ขึ้นไปนอนดีๆ”
“ไม่บอกใครจะรู้ พี่นอนอยู่ดีๆ เราก็มาดึงหมอนออก มันก็ต้องโดนอย่างนี้” ผมรัดแขนให้แน่นขึ้นเพื่อบอกให้รู้ว่าอย่างไหน อกของผ้าใบแนบชิดกับอกของผม
“รู้แล้วว่าไม่ได้แกล้งก็ปล่อย”
“ทำไมใจเราถึงเต้นแรง” ผมพูดไปเรื่องอื่น
“ก็คนมันตกใจ” ผ้าใบไม่ยอมสบตากับผม
“อย่าบอกว่าเขินที่โดนพี่กอด เขินทำไมมากกว่านี้ยังเคย” ตาผมตกลงมองริมฝีปากของผ้าใบ
“ใครเขินบ้าเขินบออะไรวะ จูบนั่นก็โคตรธรรมดา ไร้รสชาติ อุ๊บ!” ผมเลื่อนมือจากแผ่นหลังของผ้าใบมาจับต้นคอ กดให้ริมฝีปากแนบลงมาหา ดูดเม้มริมฝีปากบนล่าง ก่อนบดเบียนมันเข้าด้วยกันจนไม่เหลือช่องว่างให้หายใจ
ผ้าใบพยายามยันอก แต่ผมใช้แรงที่มากกว่าบังคับไม่ให้ขยับ ปลายลิ้นร้อนไล้วนรอบๆ ก่อนฉกเข้าสู่ภายใน ผ้าใบทิ้งร่างลงทับผม มือที่อยู่บนอกอ่อนแรง ผมพลิกผ้าใบให้ลงไปนอนอยู่ด้านล่าง กวาดลิ้นความหาความหวาน มือลูบไล้ไหน้าท้องของผ้าใบ รับรู้ถึงอาการกระตุกน้อยๆ เมื่อผมวนนิ้วเป็นวงกลมไปรอบๆ
ผมยอมถอนริมฝีปากออก เมื่อเห็นว่าผ้าใบเริ่มหอบเพราะหายใจไม่ทัน ริมฝีปากสีแดงเข้มบวมเห่อ ผมมองจ้องเข้าไปในดวงตาคู่นั้น เหมือนผ้าใบกำลังมึนงง
“ยังจะพูดอีกไหมว่าจูบพี่ไร้รสชาติ” ผ้าใบเม้มริมฝีปากเข้าหากันก่อนคลายออก
“บอกกันดีๆ ไม่ได้หรือไงวะ”
“บอกทำไม วิธีนี้ง่ายกว่าเยอะ จะได้รู้ไปเลยว่าไม่ได้เป็นเหมือนที่เราสบประมาท”
“เออๆ ไม่เป็น พอใจหรือยัง”
“แปลว่าเราชอบจูบของพี่” ผมก้มหน้าลงไปพูดชิดริมฝีปาก โอ๊ย! ผมผละหน้าออก ยกมือขึ้นจับหน้าผาก เจ้าตัวดีผงกหัวขึ้น ใช้หัวโขกกับเข้าหน้าผากของผม
“สมควรโดน” ผมถูกมันผลักให้นอนหงายไปกับเตียง
“ถ้าไม่ใช่เจ้านายจะต่อยให้” มันลุกขึ้นมานั่งได้ก็ทำท่าเงื้อหมัดใส่ผม “กลับไปได้แล้ว”
“ขอนอนก่อนพี่ง่วงจริงๆ” ผมขยับตัวขึ้นไปนอนเหยียดยาวบนเตียง ดึงหมอนมารองศีรษะ สีหน้าของผ้าใบเหมือนไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงกับผมดี แต่พอเห็นสายตาของผมมองตกไปยังหน้าอกของมัน ผ้าใบก็รีบก้มลงหยิบผ้าเช็ดตัวที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมาพาดคลุม
“ตื่นแล้วก็ล็อคห้องให้ด้วย”
“จะอยู่ในห้องน้ำนานขนาดนั้นเลยเหรอ อย่าบอกว่าจะหลบหน้าพี่เพราะจูบเมื่อกี้”
“จูบหาเรืองแบบนั้นใครจะสนใจวะ จูบแล้วก็แล้วกัน” ผ้าใบแทบจะเต้นผางเมื่อโดนผมดูถูก
“เราพูดเองนะ อย่าให้พี่เห็นล่ะว่าหลบหน้า”
“ไม่มีทาง”
“หึๆ” ผมหลับตาลงเพื่อซ่อนแววตาของตัวเอง ไม่อยากให้ผ้าใบรู้ตัวว่าตกหลุมที่ผมขุดเอาไว้
เสียงประตูห้องน้ำปิดดังปัง ผมไม่ได้ยินเสียงน้ำไหลทันที คิดภาพออกว่ามันคงยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่หน้ากระจก ผมยกมือขึ้นลูบริมฝีปากตัวเอง ความอุ่นชื้นเหมือนยังคงอยู่ ผมชอบจูบของผ้าใบ และผมมั่นใจ แล้วว่าผมชอบมัน
“ตื่น” มือเย็นเขย่าที่แขนผม
“กลับบ้านได้แล้ว” ผมครางอืออา หันหน้าหนีที่มาของเสียง
“พี่คีรีลุกซิวะ กลับได้แล้วยผมง่วง”
“อือ” ผมพลิกตัวตะแคงข้าง หันหลังให้คนเรียก
“โธ่เว๊ย!” ผมได้ยินเสียงบ่นพึมพำ เสียงเปิดปิดตู้เสื้อผ้า เสียงไดร์เป่าผม ก่อนที่ไฟกลางห้องจะปิดลง
ผ้าใบใช้มือผลักผมให้เข้าไปนอนชิดกำแพง ก่อนหมอนใบเดียวที่มีอยู่จะยุบตัวลง ผมรับรู้ว่าผ้าใบลงมานอนข้างๆ แม้จะเว้นระยะห่างเอาไว้ ผมชอบนอนเตียงคิงไซซ์ ไปชอบนอนเตียงเล็กเพราะรู้สึกว่ามันอึดอัดแม้จะนอนเพียงคนเดียว มาวันนี้ผมกลับรู้สึกว่าเตียงมันกว้างชะมัด ถ้าเล็กกว่านี้อีกนิดคงดี
เสียงหายใจของคนข้างๆ ดังสม่ำเสมอ มันคงเหนื่อยมาก ถึงไม่สู้รบตบมือกับผมอีก ยอมลงนอนแต่โดยดี ผมพลิกตัวกลับไปมา วาดมือลงไปบนเอว เอาหน้าซุกหลังของผ้าใบ อืมม แบบนี้สิถึงจะหลับสบาย
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
.
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin [/url