ตอนที่ 20 : (จอมทัพ&ซอล)
-จอมทัพ-
“มึงได้คำตอบแล้วสิ” ผมยกยิ้มที่มุมปาก ไม่หันไปมองหน้าคนถาม คีรียืนอยู่ข้างผม เราต่างมองตรงไปยังวงดนตรีที่กำลังเล่นอยู่
“อืม”
“ก็ดี” คีรีพูดแค่นั้น พวกผมไม่ก้าวก่ายเรื่องความรักของกันและกัน เว้นแต่เพื่อนจะเอ่ยปากออกมา
ระหว่างขับรถไปหาซอลคืนนั้น ผมรู้ตัวว่าผมเป็นห่วงซอลมาก ยิ่งโทรหาแล้วซอลไม่รับสายผมก็ยิ่งร้อนรน ใจมันคิดไปสารพัด ยิ่งคิดไปในแง่ร้ายเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกเหมือนใจกำลังจะขาด มารู้ทีหลังว่าซอลเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าจึงไม่ได้ยิน
วินาทีนั้นผมรู้ว่าซอลพิเศษสำหรับผม แต่มารู้แน่ชัดเมื่อผมขอกอดซอล ความรู้สึกที่ได้รับมันมากเกินกว่าความรู้สึกของพี่น้อง ผมอยากกอด อยากหอมและอยากจูบริมฝีปากนั้นมากจนต้องรีบขอตัวกลับ
คืนนั้นผมกลับไปนอนที่บ้าน ตัดสินใจเล่าให้พ่อแม่และพี่สาวฟังถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของผม ผมกับครอบครัวสนิทกันมาก เราคุยกันได้ทุกเรื่อง และทุกคนลงความเห็นเหมือนกันว่าผมรักซอลแน่ๆ พ่อบอกว่าในที่สุดผมก็เจอคนที่ทำให้ผมตกม้าตาย
ไม่มีใครในครอบครัวห้ามผม พ่อกับแม่บ่นอยากเห็นหน้าซอลเร็วๆ แม่อยากรู้ว่าซอลน่ารักขนาดไหนถึงเปลี่ยนรสนิยมผมได้ ส่วนพ่ออยากรู้ว่าซอลทำให้ผมตกม้าตายจากคนที่ไม่จริงจังกับความรักได้อย่างไร มีเพียงพี่สาวผมคนเดียวเท่านั้นที่ประกาศก้องว่าเธอได้เห็นแล้ว และซอลน่ารักมาก ผมคิดว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ครอบครัวผมรับเรื่องนี้ได้ นอกจากเพราะให้อิสระผมในการตัดสินใจเองแล้ว คงเป็นเพราะอาของผมซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของพ่อก็มีแฟนเป็นผู้ชายเช่นกัน คนที่ทำให้ผมกังวลกลับเป็นซอล ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะชอบผู้ชายไหม ผมจึงยังไม่กล้าบุ่มบ่าม
ผมกวักมือเรียกพนักงาน ขอกระดาษโน้ตกับปากกา เมื่อได้มาแล้วผมเขียนบางอย่างลงไป และขอให้พนักงานส่งให้กับซอล
“อะไร” คีรีหันมาถาม
“ขอเพลง”
ซอลก้มลงอ่านโน้ตในมือ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองหาจนสายตาของเราประสานกัน ผมยิ้มให้ซอลและได้รอยยิ้มน้อยๆ กลับมา ซอลหันไปคุยกับม่อน หลังจากนั้นไม่นานเพลงที่ผมขอก็เริ่มต้นขึ้น
อยากตกอยู่ในสภาวะทิ้งตัว
อยากทิ้งทั้งตัวและหัวใจ
กับใครสักคนหนึ่ง คงต้องมีอยู่
แต่ก็ไม่รู้จะได้เจอกันจากมุมไหน
หากตกอยู่ในสภาวะทิ้งตัว
จะไม่มามัวยืนมองให้เสียเวลา
จะดึงเธอเข้ามากอด และทิ้งตัวลงที่ตัก
และจะหยุดพักหัวใจของฉันไว้
ที่ไหล่ข้างซ้ายของเธอตลอดไป
จะมีไหมใครให้ฉันได้ทิ้งตัว
ทิ้งตัวลงที่ตักพักใจเอาไว้
หยุดทั้งหัวใจ อยากทิ้งตัว “มึงคิดว่าเด็กซื่ออย่างซอลจะรู้เหรอ กูว่าไม่รู้ชัวร์”
“ไม่จำเป็นต้องรู้” สายตาของผมยังมองตรงไปที่ซอล นึกสงสัยว่าที่ผ่านมาผมมัวทำอะไรอยู่
“ทำไมกูโง่อย่างนี้วะ” ผมไม่ได้ต้องการคำตอบจากคีรี เพราะจากนี้ต่อไปผมจะไม่โง่อีกแล้ว
“มาพี่เป่าผมให้” ผมวางโทรศัพท์ในมือลง เมื่อซอลเดินออกมาจากห้องน้ำ ร่างเล็กผมเปียกลู่ ใส่เสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งกับกางเกงผ้าสำลีลายการ์ตูนสีชมพูหม่น ผมอดอมยิ้มไม่ได้ ผมว่ามันเหมาะกับซอลมาก
“ไม่เป็นไรครับผมทำเอง” ซอลรีบปฏิเสธอย่างที่ผมคิดไว้ ผมจึงทำหน้าดุเพราะรู้ว่าซอลจะเกรงใจ
“ดื้อกับพี่อีกแล้ว” ผมเดินไปรอหน้าโต๊ะกระจก “มานี่เร็ว”
“ก็ได้ครับ” ซอลเดินหงอยๆ มานั่งที่เก้าอี้ ผมจัดการเสียบไดร์เป่าผม สอดนิ้วเข้าไปในกลุ่มผมนุ่ม สางผมให้ช้าๆ
“หอม”
“แชมพูของโรงแรมครับ”
“พี่หมายถึงกลิ่นของซอล”
“นั่นแหละครับ สบู่โรงแรม แชมพูโรงแรม กลิ่นเดียวกับพี่จอมทัพเลย” ซอลแวะไปห้องของม่อน ผมจึงมาถึงห้องก่อน ตอนที่ซอลเข้ามาผมอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว
“พี่ว่าไม่เหมือนนะ”
“จะไม่เหมือนได้ยังไงครับ” ซอลหัวเราะน้อยๆ “เว้นแต่ว่าพี่จอมทัพเอาแชมพู สบู่มาเอง”
“เปล่าพี่ใช้ของโรงแรม”
“งั้นก็ต้องเหมือนกัน”
“พี่ว่าไม่นะ” ผมยกมือตัวเองขึ้นมาพิสูจน์กลิ่น ก่อนก้มลงจรดจมูกลงบนผมนุ่มของซอล สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “อืม กลิ่นเดียวกันจริงๆ แต่พออยู่กับซอลแล้วมันหอมกว่า”
เราประสานสายตากันในกระจก ใบหน้าซอลขึ้นสีแดงเรื่อ ซอลรีบหลบตาผม “ผมแห้งแล้วครับ ขอบคุณมาก”
“เดี๋ยวอีกนิด” ผมกดบ่าซอลไว้ให้นั่งอยู่ที่เดิม จัดการเป่าผมให้จนแห้ง ถึงปิดไดร์เป่าผม
“ง่วงไหม”
“นิดหน่อยครับ เดี๋ยวผมนอนที่โซฟาเอง” ผมขมวดคิ้วจ้องหน้าของซอล
“เตียงคิงส์ไซซ์นอนสองคนได้สบาย จะไปนอนโซฟาทำไม ทำแบบนี้พี่จะนึกว่าเรารังเกียจ”
“เปล่านะครับ” ซอลมีสีหน้าตกใจ ยิ่งเห็นผมทำหน้าจริงจังยิ่งร้อนใจ “ผมไมได้คิดอย่างนั้นจริงๆ แค่เกรงใจพี่จอมทัพ”
“จะเกรงใจพี่ทำไม บอกกี่ครั้งแล้วเคยฟังพี่บ้างไหมว่าถ้าเป็นเราพี่อยากให้กวน”
“ก็ผม..”
“ซอล”
“นอนบนเตียงก็ได้ครับ” เสียงตอบรับอ่อยพอๆ กับหน้าจ๋อยของเจ้าตัว ผมบีบจมูกซอลเบาๆ
“มีคราวหน้าอีกพี่จะทำโทษเราล่ะนะ”
“ครับ ผมจะระวัง”
“เด็กดี” ผมเปลี่ยนมาลูบแก้มของซอลแทน ใบหน้าเล็กแดงเรื่อ ผมยิ้มเอ็นดูชอบที่จะได้เห็น ซอลเป็นเด็กน้อยของผม
“ซอลอย่าเพิ่งนอนนะ พี่ขอไปแปรงฟันก่อน”
“ครับ”
ผมเดินตรงไปที่ห้องน้ำ จัดการแปรงฟันให้เรียบร้อย ออกมาเห็นซอลนั่งพิงพนักหัวเตียงในมือมีหนังสือเล่มหนา
“เมื่อยไหมพี่นวดให้” ผมขึ้นไปนั่งบนเตียงหันหน้าเข้าหาซอล
“ไม่ครับ วันนี้ผมร้องสบายที่สุดแล้ว บรรยากาศก็ดีมาก ลมพัดเย็น ได้ยินเสียงทะเลด้วย ผมชอบมาก”
“ถ้าอย่างนั้นนวดหัวกับหน้าผากให้พี่นิดได้ไหม”
“พี่จอมทัพปวดหัวเหรอครับ” ซอลขยับตัวขึ้นนั่งหลังตรง มองผมด้วยสายตาเป็นห่วง “กินยาไหมครับผมมียาพารามา”
“ไม่ต้อง มันแค่ตึงๆ น่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่จอมทัพนอนเลยครับผมนวดให้” ซอลตบหมอนใบข้างๆ ให้ขึ้นฟู พยักหน้าให้ผมนอนลง แต่ผมเลือกที่จะนอนลงบนตักของซอล
“แบบนี้ซอลจะนวดง่ายกว่า” ผมหลับตาลง วางมือสองข้างลงหน้าอก
“ครับ” เสียงซอลเบามาก ก่อนที่มือเย็นจะแตะลงมาบนหน้าผากของผม ซอลนวดเก่งกว่าที่คิด เพียงครู่เดียวผมก็รู้สึกง่วง จนต้องยกมือขึ้นจับมือซอลเอาไว้
“พอแล้ว” ผมวางมือซอลลงบนอก ใช้มือของตัวเองทาบทับ
“ซอล”
“ครับ”
“ร้องเพลงที่พี่ขอวันนี้ให้ฟังอีกทีสิ พี่ชอบ”
“ได้ครับ”
ซอลเริ่มร้องเพลงตามที่ผมขอ แต่ได้แค่ท่อนเดียวก็เงียบไป ผมลืมตาขึ้นมอง ใบหน้าของซอลแดงก่ำ สายตาที่มองมาหลากหลายอารมณ์ ที่แน่ๆ มีทั้งความไม่แน่ใจและความเขินอาย
“ร้องต่อสิกำลังเพราะ”
“พี่จอมทัพ” ซอลเรียกผมเสียงพร่า
“นะครับ พี่อยากฟัง”
“ครับ” เสียงของซอลสั่นน้อยๆ หากแต่ไพเราะจับใจ
หากตกอยู่ในสภาวะทิ้งตัว
จะไม่มามัวยืนมองให้เสียเวลา
จะดึงเธอเข้ามากอด และทิ้งตัวลงที่ตัก
และจะหยุดพักหัวใจของฉันไว้
ที่ไหล่ข้างซ้ายของเธอตลอดไป
จะมีไหมใครให้ฉันได้ทิ้งตัว
ทิ้งตัวลงที่ตักพักใจเอาไว้
หยุดทั้งหัวใจ อยากทิ้งตัว ผมยกมือของซอลขึ้นจรดริมฝีปากก่อนลุกขึ้นนั่ง จับคางของซอลให้หันมามองผม ซอลหลุบตาลงต่ำไม่ยอมสบตา
“ซอล มองพี่ครับ”
“ผม..ผม..” ซอลอึกอัก แต่ครู่เดียวก็ยอมสบตา
“ขอพี่นอนตักซอลได้ไหม” หน้าของซอลแดงเรื่อ
“ซอลจะอนุญาตพี่หรือเปล่าครับ” ผมถามซ้ำ
“มัน..มันจะเป็นไปได้ยังไงครับ” เสียงของซอลแผ่วเบา ดวงตาที่มองมาสับสน ดูน่ารักน่าสงสาร ผมอดใจไม่ไหว ดึงซอลเข้ามาหา ประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากนุ่ม ย้ำซ้ำๆ ก่อนถอนริมฝีปากออก ผมแตะหน้าผากเข้ากับหน้าผากของซอล พูดด้วยเสียงแหบพร่า
“แต่มันเป็นไปแล้ว พี่รักซอลเข้าให้แล้ว”
“พี่จอมทัพ” ซอลเหมือนเด็กน้อยไม่รู้เดียงสา ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี ผมแตะริมฝีปากลงไปแผ่วเบา
“ตอบพี่อย่างที่ใจของซอลคิด”
“ผม..ผมคิดไม่ออก” คำตอบซื่อๆ ทำให้ผมยิ้ม ที่รักอยู่แล้วก็ยิ่งรักในความเป็นซอลมากขึ้นไปอีก
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องคิดครับ ใจของซอลรู้สึกยังไง รังเกียจที่พี่จูบไหม” ซอลก้มหน้างุดแต่ส่ายหน้าน้อยๆ
“ให้โอกาสพี่ได้ไหมครับ”
“แต่เราแตกต่างกันมาก” สายตาของซอลปวดร้าว ผมแตะนิ้วที่ริมฝีปากของซอลห้ามไม่ให้พูดต่อ
“ไหนว่าคิดไม่ออกไงครับ ใช้ใจของซอลคิดก็พอ เรื่องฐานะไม่ใช่ปัญหา บ้านพี่ไม่เคยสนใจเรื่องนั้นขอแค่เป็นคนดี แล้วซอลของพี่ก็เป็นคนดีมากๆ ดีกว่าพี่ตั้งเยอะ เยอะจนพี่ไม่แน่ใจว่าซอลจะยอมให้โอกาสพี่ไหม” ประโยคสุดท้ายผมพูดเสียงเนือย ส่งยิ้มเศร้าๆ ให้ซอล
“ไม่จริงครับ” ซอลผละหน้าออกเพื่อมองผม “พี่จอมทัพเป็นคนดีมาก ใจดีกับผม อ่อนโยนกับผม คอยห่วงใยช่วยเหลือผม พี่จอมทัพไม่รู้หรอกครับว่ามันทำให้ผมรู้สึกดีแค่ไหน”
“แปลว่าซอลก็มีใจให้พี่เหมือนกัน” ตาของซอลเบิกโต ปากเผยอน้อยๆ คงเพิ่งคิดได้ว่าตัวเองพูดอะไรออกมา ผมฉกริมฝีปากเข้าหา เห็นแบบนั้นใครจะอดใจไหว มันอยากกอด อยากจูบตลอดเวลา
“ตกลงแล้วนะ” ผมถามชิดริมฝีปาก
“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย” ซอลประท้วงเสียงแหบพร่า
“ถึงปฏิเสธตอนนี้พี่ก็ไม่ปล่อยซอลไปไหน ซอลเป็นของพี่ ของพี่คนเดียวเท่านั้น” ผมรวบตัวซอลเข้ามากอด กดริมฝีปากลงที่ซอกคอ ก่อนซบหน้าลงบนไหล่ของซอล
“แต่ผมมีเรื่องที่อยากบอก”
“ไม่” ผมปฏิเสธเด็ดขาด ถ้าก่อนหน้านี้ผมยังเปิดทางให้ซอลปฏิเสธได้ ตอนนี้ผมก็ปิดมันลงไปเรียบร้อยแล้ว ผมไม่มีทางปล่อยซอลไปแน่นอน
“ฟังผมก่อนสิครับ” ซอลพูดเสียงเบา น้ำเสียงแฝงความเขินอาย ผมผละหน้าออกจากบ่าของซอล สบตากับดวงตาคู่โต
“ว่ามาครับพี่ฟังอยู่”
“ผม..ผม..”ซอลยิ้มเขิน ถึงเวเลากลับไม่ยอมพูด
“ผมอะไร เร็วพี่รอฟังอยู่”
“ผมก็ชอบพี่จอมทัพครับ ผมชอบพี่จอม...” ซอลยังพูดไม่จบประโยคเมื่อริมฝีปากผมเข้าทาบทับ วนเวียนดูดกลืนความหวาน เท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ
ผมยอมถอนหน้าออกเมื่อเห็นว่าซอลเริ่มหายใจติดขัด ร่างเล็กหอบจนตัวโยน ผมจูบซอลที่หน้าผากเลยมายังแก้ม ก่อนดึงตัวซอลเข้ามากอดไว้หลวมๆ เพื่อระงับอารมณ์
“เฮ้อ” ผมถอนใจออกมาดังๆ “สงสัยว่าคืนนี้คงต้องมีคนนอนโซฟาจริงๆ”
ผมได้ยินเสียงถอนใจโล่งอกมาจากคนในอ้อมแขน
“เดี๋ยว พี่พูดไปอย่างนั้นเอง”
“ขอบคุณมากครับที่พี่จอมทัพอ่อนโยนกับผม ให้เวลาผม ผมชอบคนไม่ผิดจริงๆ” ผมอึ้ง ไม่คิดว่าเด็กน้อยของผมจะมีฤทธิ์ขึ้นมา พูดแบบนี้ใครจะกล้า
“กู๊ดไนท์นะครับ” คนในอ้อมแขนขืนตัวออก เขย่งตัวขึ้นแตะริมฝีปากบนหน้าผากผม ลากเอาหมอนกับผ้าห่มลงไปจากเตียง ผมได้แต่มองตาม ไม่น่าเลย ไม่น่าลืมว่าเด็กน้อยของผมเป็นเพื่อนกับผ้าใบ มันต้องได้ความแสบกันมาบ้างสิน่า
“ซอล”
“ครับ” ร่างเล็กขึ้นนอนบนโซฟาเรียบร้อย ดึงผ้าห่มคลุมถึงคอ หลับตาพริ้ม
“ราตรีสวัสดิ์ครับแฟนพี่”
ซอลหน้าแดงก่ำ รีบดึงผ้าห่มขึ้นคลุมหัว ได้ยินเสียงอู้อี้อยู่ในผ้าห่ม “ราตรีสวัสดิ์ครับ”
ผมมองภาพนั้นด้วยสีหน้าเอ็นดูปนขำ ถึงยังไงซอลก็ยังเป็นซอลอยู่วันยังค่ำ เป็นเด็กน่ารักของผมเสมอ ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป ผมจะเป็นคนดูแลปกป้องเด็กน้อยของผมเอง
**ขอขอบคุณ เพลง สภาวะทิ้งตัว ศิลปิน แดน วรเวช ดานุวงศ์
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
ตอนต่อไปเฉลยความคิดของคีรีนะคะ สปอยว่า...มีหนึ่งคอมเม้นต์ที่เหมือนเป๊ะจนน่าตกใจ >< คอมเม้นต์อื่นก็ใกล้เคียงเยอะนะคะ เดาทางคีรีกันได้หมดแล้ววว
.
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin