FIRST LOVE NEXT DOOR ♥ เปิดซิงหัวใจกับนายข้างบ้าน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: FIRST LOVE NEXT DOOR ♥ เปิดซิงหัวใจกับนายข้างบ้าน  (อ่าน 72504 ครั้ง)

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
นั้นไง ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นิเอง

ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
:pig4: :pig4: :pig4:

ก็ไม่ได้เดาผิดหรอก  ว่าใครเป็นพระเอกอ่ะ

เพียงแต่ว่า  นุ้งจอสที่โผล่เข้ามาเนี่ย  จะมีบทบาทในด้านใด

แต่ตอนนี้เท่าที่เห้นคือ "เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา" ทำให้สองคนนั้นเลิกอมพะนำ

ถ้าจะให้นิยามตัวละครนี้ จอสก็คงเหมือนแอปเปิลในสวนอีเดนอ่ะครับ  :hao3:

ยังไงติดตามกันดูว่าจะออกมารูปแบบไหน สองสามตอนต่อจากนี้บทจอสอาจจะน้อย แต่หลังจากนั้นมาแบบจัดเต็มยันจบแน่นอน

ขอบคุณที่ติดตามกันนะครับ  o13

 


ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
:katai5:

ถ้าอีพี่ยังไม่ยอมเราจะให้น้องไปดักตีหัว แล้วก็ลากเขาถ้ำไปซะ ปากแข็งจริงๆ 55
 :L2: :pig4:

เจอน้องลุกขึ้นมาคุมเกมเองแบบนี้ก็ต้องยอมแล้ววว   :katai1:

ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะครับ  o13

ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
คนน้องชัดเจนขนาดนี้ แล้วคนพี่จะยอมชัดเจนเหมือนน้องมั้ยน้า

จะน้อยหน้าเด็กได้ไง ต่อไปเป็นตาคุณพี่ต้องยอมน้องบ้างแล้ว  :hao3:

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ  o13

ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
ผ่านมาตั้ง7ปีเลยนะ คบกันเถอะ

คบแน่แต่จะแพ้อะไรหรือเปล่า ยังมีปัญหาที่ต้องเจอด้วยกันรออยู่ครับ  :katai1:

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ  :katai2-1:

ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
อ่อ..ก็นึกว่ากรรณจะแบบ กั๊กอย่างที่จอสพูดเสียอีก

เหมือนจะกั๊ก แต่จริงๆคือโดนคุมประพฤติ  :katai1:

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ  :katai2-1:

ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
นั้นไง ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นิเอง

คนอ่านคงเดากันไม่ยากในจุดนี้ แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่สองคนต้องเจอครับ รอติดตามดู  :katai4:

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ  :katai2-1:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
กรี๊ดดดดด เขาคบกันแล้ว อิคนอ่านดีใจ ^^

เสียใจด้วยนะจอส ภูเป็นของกรรณจ้ะ ทำใจนะจ๊ะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
กรี๊ดดดดด เขาคบกันแล้ว อิคนอ่านดีใจ ^^

เสียใจด้วยนะจอส ภูเป็นของกรรณจ้ะ ทำใจนะจ๊ะ

ตอนนี้ปล่อยให้ข้าวใหม่ปลามันเค้าสวีทกันไปก่อนซักตอนสองตอน เดี๋ยวอีน้องจอสค่อยกลับมา  :katai1:

ขอบคุณที่ติตดามนะครับ  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
:mc4:


 :L1: :pig4: :L1:


ขอบคุณนะครับยังติดตามกันมาสม่ำเสมอตั้งแต่แรกเลย  o13

ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
Episode 14 part1


        “ขึ้นไปข้างบนดีกว่าไหม?”

        กรรณกระซิบถามข้างหูของภูขณะที่มือซึ่งโอบกอดผู้ถูกถามเอาไว้เริ่มลูบคลำสะเปะสะปะไปทั่วพื้นที่บนร่างกายเท่าที่จะเอื้อมไปถึง หากเป็นเมื่อหลายเดือนก่อน เด็กหนุ่มคงคิดว่ามันคงเป็นอีกความกำกวมชวนเข้าใจผิดที่อีกฝ่ายแสดงออกมา โดยเจตนาที่แท้จริงคือต้องการให้ขึ้นไปใช้ประตูฉุกเฉินกลับสู่บ้านตนเอง แต่ไม่ใช่สำหรับวันนี้ ในขณะนี้ หลังจากช่วงเวลาแห่งความเปิดเผยความในใจที่เพิ่งผ่านพ้นไป ภูมั่นใจ อาจจะมากที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ว่าครั้งนี้ตนเข้าใจนัยยะของมันได้อย่างถูกต้องแล้ว
   
        มือของทั้งสองเกาะกุมกันเอาไว้ไม่ปล่อยขณะที่กรรณออกเดินนำจูงมือภูขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ตรงไปยังห้องนอนด้านในสุด เมื่อผลักประตูเปิดเข้าไปข้างใน บรรยากาศในห้องยังคงเหมือนเมื่อครั้งที่เด็กหนุ่มเคยมาเยือนเมื่อหลายเดือนก่อน จะมีเพิ่มขึ้นมาก็คือความรกของเสื้อผ้าที่วางไว้อย่างเกลื่อนกลาด รวมไปถึงอุปกรณ์การทำงานต่างๆที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วโต๊ะและบริเวณโดยรอบ
   
        “โทษทีนะ รกไปหน่อย ไม่คิดว่าจะต้องพาใครขึ้นมาวันนี้” กรรณบอกพร้อมกับรีบเก็บกางเกงยีนตัวที่พาดอยู่ปลายเตียงแล้วโยนหลบไปไว้อีกมุม
   
        “ไม่เป็นไร ไม่ต่างกับห้องผมหรอก” ภูพยายามเดินเลี่ยงไม่ให้เผลอเตะกล่องอะไรบางอย่างที่วางอยู่ข้างเท้า
   
        “ปกติก็ไม่รกเท่านี้หรอก พอดีช่วงหัวค่ำมันหงุดหงิด คิดอะไรไม่ออก หยิบจับโน่นนี่ไปเรื่อย สุดท้ายก็เละไปหมด” กรรณกวาดของกระจุกกระจิกจำพวกปากกาและม้วนฟิล์มลงจากบนเตียงใส่เข้าไปในกล่องที่ภูเพิ่งเดินหลบมาเมื่อครู่
   
        “หงุดหงิดเรื่องอะไรครับ?” ภูแกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ
   
        “ยังจะมีหน้ามาถามอีก ดูเอาสิว่ากี่สายที่โทรไป” กรรณตอบเขินๆ “เป็นห่วงแทบตาย นึกว่าโดนใครเอาตัวไปแล้ว”
   
        เมื่ออีกฝ่ายพูดขึ้นมา ภูก็นึกย้อนไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น สิ่งที่ตนกำลังทำอยู่กับจอส ถึงจะพยายามบอกตัวเองด้วยเหตุผลที่ฟังดูดีแค่ไหน แต่เมื่อทุกอย่างมาลงเอยที่จุดนี้แล้วแน่นอนว่าความรู้สึกผิดย่อมเกิดขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ ถึงแม้ตอนนี้จะสายเกินกลับไปแก้ไข แต่ภูก็ตั้งใจกับตนเองว่านั่นจะต้องเป็นครั้งสุดท้ายที่มันเกิดขึ้น เรื่องทั้งหมดต้องเป็นความลับตลอดไปต่อจากนี้
   
        “แล้วตกลงว่าหายไปไหนมาล่ะ?” กรรณวกกลับมาถามถึงสิ่งที่ภูยังติดค้างคำตอบตั้งแต่อยู่ชั้นล่าง
   
        “ก็…” ภูเลือกจะไม่โกหกทั้งหมด เพราะนั่นจะทำให้รู้สึกผิดเกินไป “ผมไปกับเพื่อนที่มาส่งบ้านวันนั้น”
   
        “เด็กแว้นนั่นน่ะเหรอ?” กรรณจำได้ “แล้วไปด้วยกันได้ยังไง?”
   
        “เค้ารถล้มมา ก็เลยพาไปทำแผล เย็บตั้งหลายเข็ม แล้วก็เลยไปนั่งเล่นบ้านเค้าต่อ” ภูเล่าแต่เลือกจะเว้นจุดที่อาจก่อให้เกิดปัญหาเอาไว้ “เผอิญเล่นเกมกันติดลมไปหน่อย ก็เลยกลับมาดึก”
   
        “แน่ใจนะว่าแค่เล่นเกมกัน?” กรรณเข้ามาประชิดภูและดันให้นั่งลงบนขอบเตียง
   
        “ก็แค่นั้นแหละ ที่ไม่กล้าบอกตอนแรกก็เห็นพี่กำลังโมโห เลยพูดแบบที่น่าจะเข้าใจได้ง่ายสุดไปดีกว่า” ภูละอายนิดหน่อยที่การโกหกเริ่มสมจริงขึ้นทีละน้อย
   
        “ช่างมันเถอะ ยังไงนายก็กลับมาแล้ว” กรรณก้มลงจูบเบาๆที่หน้าผากของภู “ต่อไปห้ามทำแบบนี้อีกเข้าใจรึเปล่า?”
   
        ภูพยักหน้า กรรณยิ้มออกมาอย่างพอใจกับความว่านอนสอนง่ายก่อนจะนั่งลงข้างๆเด็กหนุ่มบนขอบเตียง ช่วงเวลาแห่งความเคอะเขินกลับมาอีกครั้ง และเหมือนจะทวีความรุนแรงยิ่งกว่าที่เคยผ่านมา ด้วยครั้งนี้ทั้งสองต่างรู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งใดกำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ แม้จะเฝ้ารอคอยมานานแต่ด้วยไร้ซึ่งประสบการณ์ภูจึงไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต่อจากจุดนี้เช่นไร เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจเริ่มจากก้าวเล็กๆที่ดูไม่กระเหี้ยนกระหือรือจนเกินไป ด้วยการค่อยๆยื่นปลายเท้าเข้าไปแตะปลายเท้าของอีกฝ่าย กรรณสะดุ้งแต่ไม่หลบ เขารั้งรอจนมั่นใจในเจตนาของสิ่งที่ภูกำลังทำอยู่แล้วจึงค่อยตอบสนองด้วยการขยับตอบเบาๆ ภูกระเถิบให้ร่างของตนและกรรณเข้าชิดใกล้กันมากกว่าเดิม จากนั้นก็ทำเหมือนเมื่อครั้งที่ยังมีกำแพงพี่น้องคั่นขวางระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่ นั่นคือเอียงคอซบศรีษะลงบนไหล่ของอีกฝ่าย
   
        “เรื่องแบบนี้ เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาเริ่มก่อนสิ” กรรณเสตามองไปทางอื่น ชัดเจนว่ากำลังขัดเขิน
   
        ภูไม่ตอบสนองประโยคนั้นด้วยคำพูดใดๆ เด็กหนุ่มเพียงแค่ปรับองศาของศรีษะที่เอียงซบอยู่ให้ใบหน้าหันเข้าหาต้นแขนของอีกฝ่ายก่อนจะใช้ปลายจมูกดุนสูดดมกลิ่นอายอันคุ้นเคยจากร่างกายของกรรณที่เฝ้าคิดถึงมาตลอด กลิ่นจางๆของสบู่ที่ติดอยู่บนผิวกาย กรรณสั่นสะท้านไปทั้งร่างอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของเด็กหนุ่มที่รินรดต้นแขน เขายกแขนขึ้นโอบกอดเข้าที่เอวของภูก่อนที่ปลายนิ้วจะซอกซอนล่วงล้ำผ่านชายเสื้อที่สวมอยู่เข้าไปถึงในร่มผ้าและลูบไล้วนเวียนอยู่บนผิวหน้าท้อง สัมผัสแผ่วเบานั้นทำให้เส้นขนทั่วร่างพร้อมใจกันลุกชัน
   
        “แน่ใจแล้วเหรอว่าต้องการแบบนี้?” กรรณถาม
   
        “ครับ” ภูก้มพยักใบหน้าที่กำลังแดงก่ำ สำทับยืนยันถึงความยินยอมพร้อมใจขณะที่รู้สึกได้ว่ามือของอีกฝ่ายเริ่มไต่ระดับขึ้นสูงจนเกือบถึงแผ่นอกของตนแล้ว
   
        “หันหน้ามามองพี่สิ” กรรณสั่ง จนเมื่อเด็กหนุ่มยอมทำตามแล้วจึงเปลี่ยนจากคำสั่งมาเป็นคำขอ “จูบได้ใช่มั้ย?”
   
        ภูเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาแต่ยั้งไว้ได้ทัน ด้วยขบขันกับความคิดที่ว่าถึงขั้นนี้แล้วอีกฝ่ายจะยังต้องขออนุญาตใดๆอีก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นกรรณเองก็ดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจจะรอคำตอบมากนัก เพราะยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้พยักหน้าตอบ เขาก็ประคองใบหน้าอีกฝ่ายให้เชิดขึ้นและก้มลงประกบริมฝีปากของตนแนบเข้ามาแล้ว วินาทีแรกที่มันเกิดขึ้นภูยังคงไม่ทันตั้งตัว หากแต่ในวินาทีถัดมาเด็กหนุ่มก็ตอบสนองกลับด้วยการเผยอปากอ้ารับปลายลิ้นของอีกฝ่ายเข้ามาข้างในและโอบกอดต้อนรับด้วยลิ้นของตนเองอย่างดูดดื่ม กรรณออกแรงโน้มร่างกดให้ภูเอนนอนลงบนเตียงทั้งที่ปากของทั้งสองยังประกบกันแนบแน่น จนเมื่อเห็นเด็กหนุ่มลงไปนอนแผ่หราทั้งตัวแล้วเขาจึงถอนปากออกและลุกขึ้นยืนตัวตรงและถอดเสื้อที่ใส่อยู่ออก ภูจ้องมองร่างท่อนบนที่เพิ่งเผยตัวออกมาจากใต้ร่มผ้าของอีกฝ่าย มันคือร่างกายของชายหนุ่มที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว มีกล้ามเนื้อแข็งแรงพอประมาณตามแบบคนที่ออกกำลังกาย ไม่ได้วิจิตรสมบูรณ์แบบราวกับรูปปั้น หากแต่รับกันอย่างเหมาะเจาะกับใบหน้าหล่อเปี่ยมเสน่ห์นั้น
   
        กรรณโน้มตัวกลับลงมาหาภูที่นอนรออยู่บนเตียงอีกครั้ง ริมฝีปากมุ่งเข้าประกบยังที่เดิมซึ่งจากมาเมื่อครู่ ภูยกสองแขนขึ้นโอบกอดแผ่นหลังของอีกฝ่ายต้อนรับการกลับมาอย่างยินดี ริมฝีปากร้อนเร่านั้นเริ่มรุกคืบเปลี่ยนจากจุมพิตมาเป็นโลมเล้าซุกไซร้ลงมายังลำคอและไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆ ร่างของกรรณค่อยๆขยับเดินทางอย่างเชื่องช้าจนในที่สุดก็มาหยุดที่ชายเสื้อของเด็กหนุ่ม  ก่อนที่มือข้างหนึ่งของเขาจะยกขึ้นมาเลิกเปิดมันขึ้นจนเห็นหน้าท้องแบนราบที่ถูกปกปิดเอาไว้ กรรณก้มลงจูบเบาๆเข้าที่สะดือซึ่งอยู่ตรงกึ่งกลางของมันก่อนจะใช้ปลายลิ้นลากไล้ไปตามแนวหน้าท้อง ภูสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ปากระงับเสียงครางต่ำที่หลุดรอดจากลำคอออกมาเอาไว้ไม่ทัน ใบหน้ายามนี้แดงก่ำไปด้วยเลือดที่สูบฉีดทั้งจากความเขินอายและกำหนัด กรรณดึงถอดเสื้อของภูออกโดยมีเจ้าตัวช่วยเหลือด้วยการชูแขนขึ้นจนหลุดออกไปโดยง่าย เขาโน้มตัวลงมาทับอีกครั้ง แผ่นอกร้อนแนบชิดติดกันเมื่อไร้ซึ่งอาภรณ์อันเป็นเครื่องกีดขวาง ภูรู้สึกถึงปลายจมูกโด่งสวยของอีกฝ่ายที่ไล้ไปตามแก้มลงมายังลำคอและซุกไซร้ดอมดมอยู่ใต้ไรผม เช่นเดียวกับบางสิ่งที่ตื่นตัวเต็มที่แล้วซึ่งกำลังดุนดันอยู่บนหน้าขา ภูเอื้อมแขนยื่นไปเกี่ยวขอบกางเกงของอีกฝ่ายและดึงลงจากสะโพก แต่ยังไม่ทันสำเร็จ กรรณก็หยุดทุกอย่างและลุกออกไปเสียดื้อๆ ทิ้งให้ภูนอนค้างเติ่งอยู่บนเตียง
   
        “เดี๋ยวนะ…” ภูงงว่าเกิดอะไรขึ้นอีกกันแน่ หากประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยกับเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า ครั้งนี้ก็ต้องนับว่ามันยิ่งเลวร้ายลงไปอีกขั้นเพราะอย่างน้อยคราวก่อนภูก็ยังไม่โดนปลุกเร้าจนหมดท่าเช่นนี้ “คราวนี้อะไรอีก?”
   
        “พอแค่นี้ก่อนดีกว่า” กรรณยังหอบหายใจอยู่ บ่งบอกว่าเขาก็ต้องใช้ความพยายามในการหยุดตัวเองมากพอสมควร “รีบนอนเอาแรงเถอะ พรุ่งนี้นายต้องตื่นแต่เช้า อย่าลืมสิว่าพี่ช้างนัดเอาไว้ให้เข้าไปหาที่ออฟฟิศ”
   
        “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้อ่ะ ทำแล้วค่อยนอนก็ได้” ภูแทบคลั่งด้วยอารมณ์ที่ถูกปลุกพลุ่งพล่านแต่ไม่ได้ถูกระบายออก ความอึดอัดที่ตึงเครียดไปทั่วร่างทำให้เขาแทบจะดิ้นพล่านอยู่บนเตียง
   
        “เกี่ยวสิ ถ้าขืนทำตอนนี้ พรุ่งนี้นายไม่ต้องไปไหนแน่” ชายหนุ่มพูดพลางดึงขอบเอวกางเกงให้กลับขึ้นมาอยู่เหนือสะโพกตามเดิม
   
        “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ผมตื่นไหว เรื่องอดนอนผมถนัดมาก ขนาดนั่งปั่นงานส่งอาจารย์ทั้งคืนยังไปเรียนต่อไหวเลย” ภูยังดื้อ
   
        “มันไม่ใช่แค่เรื่องอดนอนน่ะสิ” กรรณแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากคล้ายจะเก็บกวาดกลิ่นอายจากร่างกายภูที่ติดอยู่ให้หมด “มันเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บทางร่างกายด้วย”
   
        “ยังไง?” ภูยังไม่เข้าใจ
   
        “ต้องให้พูดชัดๆหรือไง นี่ก็อายเป็นนะ” กรรณอยากเขกหัวเด็กหนุ่มตรงหน้าใจจะขาด แต่เขาเลือกจะเปลี่ยนการกระทำนั้นมาเป็นการยื่นมือเข้าไปจับที่บั้นท้ายของภูแทน “ถ้ายังไม่เคยมาก่อน ตรงนี้มันจะเจ็บ”
   
        “โธ่ ไม่สนแล้ว!” ภูดิ้นปั๊ดๆ เหมือนเด็กโดนขัดใจ
   
        “เอาน่า ยังไงพรุ่งนี้ก็มีเวลาเหลือเฟือ เสร็จธุระทุกอย่างแล้วค่อยมาเริ่มกันใหม่ก็ได้” กรรณนั่งลงและยื่นมือมาลูบหัวเด็กหนุ่มที่กำลังงุ่นง่านจนหงุดหงิด การกระทำคล้ายจะปลอบโยนหากแต่สีหน้าก็แฝงด้วยเลศนัย “จะช้าจะเร็วยังไงก็ค่าเท่ากัน มาถึงขนาดนี้ยังไงนายก็ต้องเสร็จพี่อยู่แล้วล่ะ”
   
        “ไม่รู้ล่ะ ไม่ทำแล้ว” ภูหันหน้าหนี แม้จะเข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายแต่ก็ยังรู้สึกเสียหน้าอยู่ดี
   
        “มาๆ นอนกันเถอะ” กรรณเอนลงนอนและสอดแขนกอดแนบร่างประกบภูจากข้างหลัง ปลายจมูกซุกลงที่ต้นคอของเด็กหนุ่มและสูดดมเบาๆ “คืนนี้ให้พี่นอนกอดให้สมกับที่รอมานานหน่อยเถอะนะ”   
   
        ภูหยุดอาการฮึดฮัดฟาดงวงฟาดงาที่กำลังเป็นอยู่ ประโยคสุดท้ายของกรรณทำให้เด็กหนุ่มระลึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเฝ้ารอวันนี้มานานกว่าตนมาก เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็พาลให้เกิดละอายที่ทำตัวเหมือนพวกหิวโหยเนื้อหนังมังสาจนหน้ามืด ในยามนี้เมื่อเพลิงกำหนัดเริ่มมอดดับลง ประสาทรับรู้ของเด็กหนุ่มก็ตอบสนองกับสิ่งเร้ารอบกายในรูปแบบที่ต่างออกไปจากเดิม อ้อมกอดของกรรณที่โอบอยู่รอบตัวในยามนี้ไม่ได้ร้อนเร่าชวนโหยหาเหมือนเมื่ออึดใจก่อน แต่กลับอบอุ่นและพาให้รู้สึกปลอดภัย ลมหายใจอุ่นชื้นที่ไหลรดต้นคอไม่ได้ทำให้ใจเต้นแรงด้วยความพลุ่งพล่านอีกต่อไป หากแต่กลับเป็นดั่งสัญญาณให้อุ่นใจว่ายังมีใครบางคนคอยอยู่ข้างกาย ความตึงเครียดเกร็งเขม็งและความหงุดหงิดจากอารมณ์ที่ค้างเติ่งจางหายไปราวกับหมอกยามเช้าต้องแสงอาทิตย์ ภูปล่อยกายปล่อยใจนอนนิ่งทำตัวเป็นเหมือนหมอนข้างให้กรรณกอดตามคำขอ  ให้เขาได้ดื่มด่ำกับวันเวลาที่รอคอยมานานนี้จนกระทั่งต่างฝ่ายต่างก็ผล็อยหลับไป
   
        วันรุ่งขึ้นทั้งสองตื่นขึ้นมาพร้อมกันเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของกรรณดังขึ้น สายเรียกเข้าจากพี่ช้างซึ่งถ้านับรวมกับที่โทรเข้าเครื่องของภูแต่เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวเพราะปิดเสียงเอาไว้ด้วยก็ร่วมสิบสาย กรรณรีบทำภาษามือบุ้ยใบ้ให้ภูกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยที่บ้านของตนเองในขณะที่เขากำลังรับสายพี่ช้างและคุยถ่วงเวลาหาข้ออ้างการไปสายเอาไว้ให้ เด็กหนุ่มรีบกลับเข้าบ้านทางหน้าต่างห้องนอนและจัดการกับตัวเองแบบลวกๆจนเสร็จในเวลาเพียงสิบห้านาทีก่อนจะลงมาชั้นล่างเพื่อออกไปพบกับกรรณที่มารออยู่หน้าบ้านแล้ว
   
        “หัวก็ไม่เช็ด เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำเลย” กรรณใช้มือยีเส้นผมบนศรีษะภูที่ยังคงเปียกจนมีหยดน้ำเกาะอยู่
   
        “ก็รีบนี่นา” ภูแก้ตัว “เดี๋ยวนั่งรถไปถึงก็แห้งพอดีแหละครับ”
   
        “ก็ทำตัวให้มันดูดีหน่อยไปเจอพี่เค้าทั้งที” กรรณลูบจัดทรงผมของภูให้เรียบเข้าที่
   
        “เอาไว้วันที่ไม่รีบก็แล้วกัน” ภูทำท่าว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยอะไรไม่ได้
   
        “แต่แบบนี้ก็ดีนะ” เมื่อมองดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น กรรณก็โอบเอวภูเอาไว้ขณะเดินออกไปด้วย “ดูดีมากคนก็มองมากตาม”
   
        “หวงเหรอ?” ภูแอบยิ้ม
   
        “ก็หวงอยู่ตลอดนั่นแหละ แต่เพิ่งแสดงออกได้” กรรณโอบเอวภูแน่นกว่าเดิม ก่อนจะปล่อยมือออกเมื่อเห็นรถจักรยานยนต์ที่วิ่งสวนเข้ามาในซอย “ตอนยังไม่เป็นอะไรกัน ใครจะกล้าไปหวงออกหน้าออกตาเหมือนที่นายทำ”
   
        “หือ…” ภูมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความสงสัยว่าตนไปทำอะไรแบบนั้นตอนไหน
   
        “คนอะไรหึงกระทั่งเพื่อนตัวเอง” กรรณพูดถึงเรื่องวันที่เขาไปรับภูจากมหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรก
   
        “เงียบไปเลยไป” ภูเอาศอกยันถองสีข้างกรรณ เรื่องคราวนั้นเมื่อนึกขึ้นมาครั้งใดก็ยังน่าอับอายไม่น้อยลงแม้แต่นิด

ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
Episode 14 part2

        กว่าที่ทั้งสองคนจะเดินทางมาถึงออฟฟิศของพี่ช้าง ก็เลยเวลานัดเดิมไปเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว สไตลิสต์คนดังผู้ซึ่งตอนนี้รับหน้าที่เสริมเป็นผู้จัดการส่วนตัวของภูยืนกอดอกหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ในห้องทำงานส่วนตัว ขณะที่ทั้งสองเปิดประตูเข้าไปลางสังหรณ์บางอย่างก็บอกกับพี่ช้างว่าวันนี้การมาสายของภูจะไม่ใช่แค่เรื่องเดียวที่จะทำให้เขาต้องอารมณ์เสียในวันนี้
   
        “กว่าจะเสด็จยุรยาตรโผล่มาถึงกันได้นะพ่อคุณ” พี่ช้างบ่นด้วยน้ำเสียงและสำเนียงการพูดอันเป็นเอกลักษณ์แบบที่ใช้ในรายการโทรทัศน์ของตน “แล้วนัดแค่คนเดียว เจ้านี่ตามมาทำไมล่ะ วันนี้ว่างงานเหรอพ่อตากล้อง”
   
        “มาเป็นเพื่อนแฟนครับ” กรรณโอบเอวภูโชว์ให้พี่ช้างดูเพื่อบอกเป็นนัยว่ากฎที่วางไว้ได้ถูกแหกไปเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อเห็นสายตาดุๆของรุ่นพี่ที่จ้องกลับมา เขาก็รีบหดมือกลับแล้วนั่งยิ้มหน้าเจื่อนยอมรับความผิด
   
        “เรียบร้อยไปแล้วสิท่า” พี่ช้างส่ายหน้าเบื่อหน่าย “อุตส่าห์ขอเอาไว้แล้วเชียวนะ”
   
        “ขอโทษครับ พอดีสถานการณ์มันพาไป” กรรณยกมือไหว้ประหลกๆ
   
        “เพราะผมเองครับ พี่กรรณเค้าทำตามที่พี่ขอไว้ทุกอย่างแล้ว ผมเป็นคนบีบให้เค้าพูดความจริงออกมาเอง” ภูแสดงความรับผิดชอบ
   
        “เออ ช่างมันเถอะ ก็แค่ต่อจากนี้มันก็อยู่ยากขึ้นนิดหน่อย” พี่ช้างโบกมือทำท่าว่าเลยตามเลย “เอาเป็นว่าก็คบกันแบบลับๆหน่อยก็แล้วกัน อย่าเพิ่งเฮี้ยนไปสวีทกันเปิดเผย สังคมบ้านเราสมัยนี้ถึงจะเปิดกว้างกว่าเมื่อก่อน แต่พวกจิตใจคับแคบก็ยังมีเยอะอยู่ดี”
   
        “คงไม่มีใครมาสนใจเรื่องผมหรอกมั้งครับ” ภูคิดเช่นนั้น “ถ้าไม่ใช่พวกกลุ่มแฟนคลับแล้ว คนส่วนมากก็แค่จำหน้าผมได้ เค้าคงไม่มาสนใจถึงขนาดว่าผมจะคบอะไรกับใครหรอก”
   
        “ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ก็คงใช่ แต่ต่อจากนี้ไปน่ะ ไม่แน่…” พี่ช้างเอี้ยวตัวไปหยิบซองเอกสารจากด้านหลังมาส่งให้ภู บนซองนั้นมีตราสัญลักษณ์ของช่องสถานีโทรทัศน์เจ้าใหญ่ของประเทศแปะหราอยู่ “ผู้ใหญ่ของทางช่องสามเค้าติดต่อมาหาพี่ อยากให้พาเธอเข้าไปคุยเรื่องเซ็นสัญญาเข้าเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง”
   
        มือที่กำลังจะยื่นไปหยิบซองเอกสารนั้นหยุดชะงักทันที ภูรู้สึกเหมือนมีน้ำแข็งกำลังค่อยๆเกาะบนปลายเท้าและไล่ขึ้นมาตามร่างกายจนชาไปทั้งตัว สำหรับคนที่รู้ตัวเองดีว่าไร้พรสวรรค์ทางด้านการแสดงชนิดขุนไม่ขึ้นเช่นเขาแล้ว สิ่งนี้เป็นเหมือนจดหมายเชิญไปลงนรกโดยแท้ เด็กหนุ่มยกมือขึ้นทำท่าเป็นสัญญาณว่าขอเวลานอกสักครู่ ก่อนจะจูงแขนกรรณลากออกไปนอกห้องทำงานของพี่ช้างในทันที จนเมื่อหลบมาอยู่ตรงส่วนของบันไดทางหนีไฟแล้วทั้งคู่จึงค่อยเริ่มปรึกษาหาทางออกสำหรับสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะฉุกเฉินขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วนนี้
   
        “พี่กรรณ ไม่เอานะ แบบนี้ไม่เอานะ” ภูส่ายหัวยืนยันคำพูดตัวเอง “แค่จ๊อบเล็กๆน้อยๆ ถ่ายงานทั่วไป ผมพอไหว แต่ให้ไปเข้าสังกัด ให้ไปเล่นละครอะไรแบบนี้ ไม่เอานะ ไม่ไหวจริงๆ”
   
        “ยังไม่ทันลองเลย จะรู้ได้ยังไง ดูถูกตัวเองเกินไปนะ” กรรณพยายามปลุกใจ “ทางช่องเค้าก็มีทีมงานคอยดูแล มีครูเก่งๆเทรนให้ มืออาชีพทั้งนั้น ค่อยๆทำไปเดี๋ยวก็คล่องเองนั่นแหละ ของแบบนี้ไม่มีใครเป็นมาแต่เกิดหรอก”
   
        “แค่บทพูดในโฆษณาสองประโยคผมยังฟาดไปยี่สิบเทคเลย” ภูยกสถิติอันน่าอัปยศอดสูของตัวเองออกมาเป็นตัวอย่างอ้างอิง การรู้ตัวว่าเป็นต้นเหตุทำให้งานต้องล่าช้าส่งผลให้ต้องแบกรับความกดดันเกิดขึ้นอย่างมหาศาล เด็กหนุ่มไม่อยากจะต้องเจออะไรที่เป็นขั้นกว่าของมันในงานที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีผู้ร่วมงานมากขึ้นอย่างเช่นกองถ่ายละคร “ไม่เอาอ่ะ ผมไม่ได้เกิดมาเพื่องานแบบนั้นจริงๆ ผมรู้ตัวดี”
   
        “ลองดูก่อน ลองสักตั้ง ถ้าถึงที่สุดแล้วไม่ไหวจริงๆ ถึงตอนนั้นนายจะเลิก พี่ก็ไม่ขวางแล้ว” กรรณพยายามเกลี้ยกล่อมภูให้ยอมเปิดใจให้โอกาสตัวเอง “โอกาสแบบนี้ คนอื่นดิ้นรนแทบตายยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา แต่นายอยู่เฉยๆก็ได้มันมายื่นจ่ออยู่ตรงหน้าเลยนะ แล้วจะปล่อยทิ้งไปให้เสียเปล่างั้นเหรอ?”
   
        “มันก็จริง แต่ว่า…” ภูเริ่มเอนเอียงไปกับคำพูดของกรรณ แต่อีกใจก็ยังกลัว “ยังไงก็กลัวอยู่ดีอ่ะ… ถ้าเซ็นสัญญาไปแล้วเค้าให้ทำอะไรก็ต้องทำ มันเลือกเอาแค่เราถนัดไม่ได้แล้วนะพี่กรรณ”
   
        “พวกผู้ใหญ่เค้าคงมองออกนั่นแหละ ว่าใครเหมาะกับอะไรถึงส่งไป พี่จะไม่โกหกเพื่อให้นายสบายใจแค่ตอนนี้หรอกนะว่าทุกอย่างมันจะง่ายจะดีไปหมด เพราะมันต้องยากแน่ๆอยู่แล้วกับการเข้าไปในฐานะเด็กฝึกหัดหรือพวกมือใหม่ ไม่ใช่แค่กับเรื่องนี้หรอก แต่กับทุกวงการเลย” กรรณดึงภูเข้ามากอดไว้แนบอก “แต่พี่รู้ว่านายไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ และถ้านายตั้งใจจริงๆ ไม่ว่าจะอะไรนายก็ทำสำเร็จได้ทั้งนั้น ดูอย่างเมื่อก่อนที่นายยอมเริ่มรับงานถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณาเพราะอยากให้เราได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นสิ แล้วดูนายตอนนี้ จากเด็กที่โพสท่าถ่ายรูปยังไม่เป็น ตอนนี้กลายเป็นคนที่ถูกช่องทาบทามเข้าสังกัดไปแล้ว แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เราคบกันแล้ว พี่จะไม่ใช่เป้าหมายในความพยายามของนายอีกต่อไป ครั้งนี้พี่อยากให้นายใช้ความพยายามนั้นทำเพื่ออนาคตตัวเอง มันอาจจะต้องเหนื่อยมากต่อจากนี้ แต่นายมีพี่อยู่ตรงนี้คอยเอาใจช่วย เป็นกำลังใจให้อยู่เสมอนะ”
   
        แท้จริงแล้วไม่จำเป็นเลยที่จะต้องให้กรรณพูดถึงขนาดนี้ ขอเพียงแค่อีกฝ่ายพูดมาสั้นๆว่าต้องการให้ทำ ภูก็มีแต่จะยินยอมเหมือนทุกครั้งเพื่อให้เขาพอใจ หากแต่นอกจากเรื่องนั้นแล้วการยอมตกลงในครั้งนี้ภูยังมีอีกหนึ่งความตั้งใจที่จะมอบบางสิ่งให้กับคนรักหมาดๆของตน ด้วยเหตุที่ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมากรรณเป็นฝ่ายช่วยเหลือภูในเรื่องของโอกาสในการเข้าถึงงานต่างๆ โดยเฉพาะก้าวที่ใหญ่ที่สุดอย่างเช่นการพาเขามาฝากตัวเข้าอยู่ในการดูแลของพี่ช้าง ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มจะไม่ได้มีความทะเยอทะยานในการเป็นคนดัง แต่ก็ต้องยอมรับว่าการได้มาอยู่ในจุดนี้ก็ช่วยให้อะไรหลายอย่างในชีวิตง่ายขึ้นมากทีเดียว และต่อจากนี้หากเขาจะได้ขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้น บางทีต่อไปเขาอาจจะเป็นฝ่ายช่วยเหลือกรรณได้บ้าง เพื่อให้อีกฝ่ายไม่ต้องโหมงานหนักอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้กับการต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาพยาบาลผู้เป็นแม่
   
        ทั้งสองกลับเข้ามาในห้องทำงานของพี่ช้างอีกครั้ง ภูตกลงรับข้อเสนอพร้อมกับนัดหมายวันที่จะเข้าไปเซ็นสัญญากับทางช่อง พี่ช้างมอบหน้าที่การถ่ายรูปทำโปรไฟล์ของภูนับจากนี้ไปให้กับกรรณ ซึ่งก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในสายตาของภูเช่นกัน เนื่องจากเด็กหนุ่มมั่นใจว่าในโลกนี้คงไม่มีใครที่จะถ่ายทอดตัวตนของเขาออกมาได้ดีเท่ากับตากล้องผู้นี้อีกแล้ว
   
        หลังจากเสร็จธุระในส่วนของภูแล้ว กรรณยังคงมีงานต้องไปทำต่อในช่วงบ่าย ซึ่งเด็กหนุ่มก็ติดสอยห้อยตามไปด้วยตามประสาข้าวใหม่ปลามันตัวห่างกันไม่ได้ งานในวันนี้เป็นการถ่ายภาพแฟชั่นเอาท์ดอร์ของนิตยสารออนไลน์ กรรณจึงให้ภูนั่งรอที่จุดสแตนบายสำหรับทีมงานในขณะที่ตนเองออกไปลุยอยู่ข้างนอก ระหว่างนั้นทีมงานหญิงคนหนึ่งซึ่งจำภูได้จากงานโฆษณาที่เคยผ่านมาก็เข้ามาทักพร้อมกับขอถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึก เด็กหนุ่มตกลงพร้อมกับใช้ยุทธวิธีที่ฝึกมากับส้มและพิมผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มแฟนคลับเพื่อรับมือกับสภาวะทำตัวไม่ถูกขณะโดนขอถ่ายรูปโดยเฉพาะนั่นคือการฉีกยิ้มกว้างๆเข้าไว้ เพื่อให้รูปที่ออกมาดูเป็นมิตรมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

        เมื่อมีคนหนึ่งเริ่มเป็นเหมือนหน่วยกล้าตาย ทีมงานคนอื่นที่ยังกล้าๆกลัวๆลังเลอยู่ในตอนแรกก็กรูกันเข้ามาต่อเป็นคิวถัดไป ภูฉีกยิ้มจนเหนื่อย รู้สึกเหมือนแก้มกำลังจะเป็นตะคริว ในใจนึกสงสัยว่าบรรดาคนมีชื่อเสียงคนอื่นเค้าต้องใช้ความพยายามกับเรื่องแบบนี้มากเหมือนตนหรือไม่ เพราะสำหรับภูแล้วนี่ถือเป็นภาระที่หนักหน่วงเลยทีเดียว และยังเป็นเรื่องที่ทำให้เขาเป็นกังวลกับอนาคตต่อจากนี้ด้วย จะเป็นอย่างไรในวันที่ทุกอย่างในชีวิตก้าวขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้น มีคนรู้จักมากกว่านี้ ความเป็นส่วนตัวเหมือนกำลังจะถูกลิดรอนออกไปจากชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆในทุกลมหายใจเข้าออก เช่นเดียวกับเวลาว่างที่จะใช้ชีวิตตามใจอยากซึ่งกลายเป็นของหายากและขาดแคลน ภูจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายที่ได้ไปนั่งดื่มสังสรรค์ที่ร้านประจำอย่างเป็นส่วนตัวกับเพื่อนคือเมื่อไหร่ 
   
        เมื่อได้รูปที่พอใจแล้วบรรดาหญิงสาวทีมงานก็พากันแยกย้ายจากไปและอัพโหลดรูปที่เพิ่งถ่ายลงโซเชียลของตนกันทันที ภูรู้ได้จากการแจ้งเตือนการถูกแท๊กในภาพของแอพโซเชียลที่ดังขึ้นรัวๆ เมื่อกลับมาอยู่ตามลำพังอีกครั้งภูก็มองออกไปยังแฟนหนุ่มคนแรกในชีวิตของตนที่กำลังทำงานอย่างขึงขังอยู่ท่ามกลางแสงแดดเจิดจ้าของยามบ่าย กรรณส่งเสียงและทำมือให้สัญญาณกับกลุ่มนางแบบที่โพสอยู่ให้ปรับเปลี่ยนท่าทางไปเรื่อยๆในขณะที่ตนรัวกดชัตเตอร์เก็บภาพ แม้สภาพอากาศจะร้อนอบอ้าวจนทำให้ใบหน้าของช่างภาพหนุ่มเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่ไหลย้อยบวกกับน้ำมันที่ขับออกจากผิวจนเป็นมันวาว หากทว่าสิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้ลดทอนความหล่อเหลาของใบหน้านั้นลงเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่มองจากตรงนี้ภูยังแทบรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์แห่งความหลงใหล และแน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่เด็กหนุ่มที่รู้สึกเช่นนั้น เมื่อภูมองออกไปอย่างพินิจพิเคราะห์ ก็พบว่านางแบบคนหนึ่งในกลุ่มก็มีท่าทีที่แสดงออกว่ากำลังจิตใจหวั่นไหวกับตากล้องหนุ่มผู้ร่วมงานของตนอย่างชัดเจน สังเกตได้จากอาการเขินอายจนหน้าแดงและสายตาที่มองตามจนคล้อยหลังเมื่อกรรณเข้าไปจัดท่าให้แบบถึงเนื้อถึงตัวหลังจากที่แค่ตะโกนสั่งแล้วไม่ได้ดั่งใจ เมื่อได้เห็นตำตาเช่นนี้แล้วความหึงหวงก็เกิดขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ หากแต่เมื่อเห็นกรรณซึ่งมองกลับมาทางตนและโบกมือให้พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ความยินดีจากการตระหนักได้ว่าตนเป็นคนสำคัญเพียงหนึ่งเดียวของอีกฝ่ายก็เข้ามาบดบังจนความขุ่นเคืองเมื่อครู่นั้นหายไปได้ในพริบตา 
   
        ช่วงเวลาแห่งการชื่นชมแฟนถูกขัดจังหวะโดยเสียงเรียกเข้าที่ดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ ภูหยิบออกมาและพบเบอร์ที่ไม่คุ้นตาปรากฏอยู่บนหน้าจอ เด็กหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะรับดีหรือไม่ ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย
   
        “สวัสดีครับ” ภูทักทายอย่างเป็นทางการ เผื่อว่าปลายสายจะเป็นเรื่องงานติดต่อมา
   
        “ฮัลโหล นายกระรอก” เสียงเจื้อยแจ้วอันคุ้นหูดังตอบกลับมา พร้อมกับชื่อใหม่ของภูที่มีคนเดียวเท่านั้นที่จะเรียก แต่ทว่าเด็กหนุ่มก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นจอสด้วยคิดว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะรู้หมายเลขโทรศัพท์ของตน จนกระทั่งได้ยินประโยคถัดไปจึงช่วยยืนยันตัวตนของบุคคลปลายสายได้อย่างชัดเจน “โดนจูบแล้วหนีหายไปเลยนะ”
   
        “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้…” ภูทำเสียงเป็นระบบตอบรับอัตโนมัติ
   
        “อ่ะฮะ สายเกินไปที่จะแหลแล้ว” จอสไม่หลงกล “นายอยู่ไหนเนี่ย จอสมาหานายที่บ้าน แม่บอกนายออกไปข้างนอกแต่เช้าแล้ว”
   
        “แล้วนายไปหาเราที่บ้านทำไมไม่ทราบ?” ภูพอจะคาดเดาได้แล้วว่าอีกฝ่ายได้เบอร์โทรของตนมาจากไหน จอสคงขอจากแม่หลังจากบุกไปหาถึงบ้านแล้วไม่เจอ “ก็บอกแล้วว่าวันนี้เรามีนัดงานตอนเช้า”
   
        “ก็นึกว่าป่านนี้น่าจะเสร็จแล้วนี่นา ว่าจะชวนไปหาอะไรกิน หิวมากเลยอ่ะ ตื่นมาตั้งแต่เที่ยงยังไม่ได้กินอะไรเลย ไปด้วยกันหน่อย จอสหิววว ” จอสทำเสียงอ้อน
   
        “ไม่ว่างน่ะสิ” ภูทำใจแข็งปฏิเสธไป ด้วยตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะต้องหยุดทุกอย่าง “ไว้วันหลังก็แล้วกัน”
   
        “วันนี้แหละ อยู่ไหนเดี๋ยวไปรับ” จอสยังตื้อไม่เลิก
   
        “ก็บอกว่าไม่ว่างไง แค่นี้ก่อนนะ” ภูรีบตัดบทเมื่อเห็นกรรณที่เพิ่งเสร็จงานกำลังเดินตรงกลับมายังจุดที่ตนนั่งอยู่ โทรศัพท์สั่นอีกหนึ่งครั้งสั้นๆ เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบข้อความยาวเหยียดจากจอสที่ส่งมาโวยวายหลังจากโดนตัดสายใส่
   
        “ใครโทรมาเหรอ?” กรรณถามขณะเดินกลับเข้ามาในเต็นท์ผ้าใบ
   
        “โทรผิดอ่ะครับ” ภูโกหก พร้อมกับยัดโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋ากางเกงไป
   
        งานของกรรณในวันนี้จบลงเมื่อแสงธรรมชาติหมดไปตามเวลาที่ล่วงเข้าสู่ยามเย็น ช่างภาพหนุ่มเก็บกล้องและอุปกรณ์อันเป็นของตนเข้ากระเป๋าและพาภูปลีกตัวออกมาจากกองถ่ายทำ ระหว่างทางกลับบ้านกรรณดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก็เป็นอาการตอบสนองที่ไม่น่าแปลกใจหลังจากการทำงานอย่างท้าแดดท้าลมร่วมสามชั่วโมงเต็มๆในวันนี้ ความเหนื่อยทำให้ชายหนุ่มถึงกับงีบหลับไปโดยไม่รู้ตัวขณะที่การจราจรหยุดนิ่งอยู่บนถนนอันคับคั่งไปด้วยรถราตามปกติวิสัยของช่วงเวลาเลิกงาน จนกระทั่งมาตื่นอีกครั้งเมื่อถูกภูเขย่าแขนปลุกตอนที่รถแท๊กซี่วิ่งมาจอดยังหน้าบ้านแล้ว
   
        ระหว่างที่กรรณขอตัวเอาของไปเก็บและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านของตนเองนั้น ภูก็เฝ้ารอการกลับมาของอีกฝ่ายอย่างกระวนกระวายอยู่ที่โต๊ะอาหารในบ้านขณะที่ช่วยแม่จัดอาหารขึ้นโต๊ะ เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่ทั้งสองกลับมาถึงแต่ก็ยังไร้วี่แววว่ากรรณจะเข้ามาที่นี่ เด็กหนุ่มเริ่มเป็นกังวลว่าอีกฝ่ายจะเหนื่อยเพลียเสียจนลืมสัญญาทุกอย่างที่พูดเอาไว้เมื่อคืน หรือที่เลวร้ายที่สุดก็คือไม่ลืมแต่กำลังพยายามหาทางหลบเลี่ยง แต่ในขณะที่ความฟุ้งซ่านกำลังจะสั่งการให้ภูบุกเข้าไปหากรรณที่บ้านด้วยตัวเองนั้น อีกฝ่ายก็ปรากฏตัวขึ้นพอดี กรรณเปิดประตูรั้วที่ไม่ได้ล๊อคและเดินเข้ามาในบ้านของภูด้วยสีหน้าที่สดชื่นขึ้นกว่าตอนลงจากรถราวกับเป็นคนละคน กลิ่นหอมของสบู่ที่โชยมาจากร่างกายบ่งบอกให้รู้ว่าชายหนุ่มเพิ่งผ่านการอาบน้ำชำระล้างร่างกายมาหมาดๆ ซึ่งนั่นคงเป็นสาเหตุว่าทำไมจึงใช้เวลานานนักกว่าจะมาถึง
   
        ระหว่างมื้อค่ำ ขณะที่กรรณกำลังทานอาหารพร้อมกับพูดคุยเล่าเรื่องการทำงานในวันนี้ให้ทั้งพ่อและแม่ของภูฟังอย่างสนุกสนานนั้น เด็กหนุ่มปล่อยอาหารในจานตัวเองให้เย็นชืด ภูเพียงแค่ใช้ช้อนส้อมเขี่ยพวกมันไปมาขณะที่สายตาจับจ้องดูชายผู้ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตน ใจนึกสงสัยในท่าทีอันแสนจะผ่อนคลายและดูเป็นปกติอย่างที่สุดของกรรณ พลางตั้งคำถามกับตัวเองว่าอีกฝ่ายได้ลืมสัญญาเรื่องคืนนี้ไปแล้วหรือไม่ ทว่าเพียงไม่กี่นาทีต่อจากนั้นเด็กหนุ่มก็ได้พบกับคำตอบเมื่อจู่ๆก็รู้สึกได้ถึงเท้าเปลือยอุ่นๆข้างหนึ่งที่ยื่นเข้ามาแตะเข้าที่ปลายเท้าของตน
   
        เท้านั้นเริ่มจากแตะเบาๆดั่งว่าจะหยั่งเชิง จนเมื่อรู้แน่ว่าเท้าของเด็กหนุ่มไม่หลบหลีกหนีจึงได้รุกคืบขยับทำการประเล้าประโลม ปีนป่ายถูไถไปมาเบาๆด้วยสัมผัสอันแสนจะอ่อนโยนแต่ก็แฝงไปด้วยความเย้ายวน ภูมองไปทางกรรณอีกครั้ง เขายังคงพูดคุยกับพ่อแม่ของภูราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น สีหน้ายิ้มแย้มเหมือนไม่รู้สึกรู้สาถึงการปลุกเร้าอย่างซึ่งหน้าที่ตนเองกำลังกระทำต่ออีกฝ่ายอยู่ใต้โต๊ะ กระทั่งเมื่อเขาชายตามองมาทางภู กรรณเพียงแค่เผยอยิ้มที่มุมปากเพียงน้อยๆ เป็นยิ้มที่ไม่เปิดเผยมากพอจะให้คนอื่นสังเกตเห็น และมีเพียงภูเท่านั้นที่จะสามารถเข้าใจในความหมายของมัน
   
        มันคือรอยยิ้มของชายที่กำลังมองสิ่งที่ตนกำลังจะได้ครอบครองในไม่ช้า
   

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เขาจะได้กัน ๆ  แล้ว

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เอ เค้าส่งซิกอะไรกันนะ

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ซายนึลโบเน ซิกแนลโบเน :hao6:

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
ชอบครับ

กดโหวต +1 ให้ครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
น้องภูกำลังจะถูกพี่กรรณจับกินแล้ว  :hao6:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
อร๊ายย เขิน >///<

ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
:pig4: :pig4: :pig4:

เขาจะได้กัน ๆ  แล้ว

ตอนหน้าไม่รอดแน่ๆ  :hao6:

ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะครับ  :katai2-1:

ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ  :katai2-1:

ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
เอาแร้ววววว

ตอนหน้า ไม่รอดแน่นอน  :hao6:

ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะครับ

ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
:z1:


 :L1: :pig4: :L1:

 o13

ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดเลยนะครับ  o13

ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
เอ เค้าส่งซิกอะไรกันนะ

สัญญาณว่ากำลังจะโดนเชือด  :hao6:

ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะครับ  :katai2-1:

ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
ซายนึลโบเน ซิกแนลโบเน :hao6:

ส่งสัญญาณให้แบบนี้ ต้องมีการทำร้ายร่างกายกันแน่นอน  :hao6:

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ  :katai2-1:

ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
ชอบครับ

กดโหวต +1 ให้ครับ

ดีใจที่ได้ยินคนอ่านบอกว่าชอบครับ   :hao5:

ขอบคุณนะครับ ที่ติดตาม  o13

ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
น้องภูกำลังจะถูกพี่กรรณจับกินแล้ว  :hao6:

จะกินพอมั้ย เนื้อไม่ค่อยเยอะด้วย  :hao6:

ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดเลยนะครับ  :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด