มีคนอ่านสอบถามเข้ามาว่าติดแฮชแท็กอะไรดี ก็ต้องชื่อนายเอกกับพระเอกสิใช่ไหมคะ >< จัดไปค่า #พี่ใจดีกับหนูดลedit** อันนี้คือแซ็วเล่นเฉยๆ นะคะ พระเอกคือพี่เมธค่า ^^ตอนที่ 8 : ไหวไหมตะวัน
“รอนานไหมครับ” ตะวันเดินออกมาหาเมธที่หน้าบ้าน มีจันทร์เดินตามหลังมาด้วย
“ไม่นาน พี่เพิ่งมาถึง” เมธโทรบอกตะวันก่อนออกจากบ้าน ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีก็ขับรถมาถึง
“ผมขอแนะนำก่อนนะครับ จันทร์นี่พี่เมธ พี่เมธครับนี่จันทร์น้องสาวผม วันนี้ผมขอพาจันทร์ไปด้วยนะครับ”
“ได้สิ” เมธยกมือขึ้นรับไหว้จันทร์ เขาลอบสังเกต พี่น้องคู่นี้มีเพียงหน้าตาที่คล้ายกันแต่นิสัยน่าจะคนละแบบ เขาอดยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ดูเหมือนบ้านนี้จะสลับกันแน่ๆ ตะวันเป็นผู้ชายที่ดูเรียบร้อยอ่อนโยน แต่จันทร์เท่าที่เขาเห็นสดใสและน่าจะซนเอาการ
“พ่อกับแม่ของตะวันอยู่ไหม พี่อยากสวัสดีท่านสักนิด”
“วันนี้ไม่อยู่ครับ ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า”
“ถ้าอย่างนั้นวันหลังพี่แวะมาสวัสดีใหม่ เราไปกันเถอะ”
“ครับ” ตะวันเปิดประตูรถขึ้นนั่งข้างเมธ ในขณะที่จันทร์เดินไปเปิดประตูขึ้นนั่งเบาะหลังอย่างรู้หน้าที่
เมธพาตะวันกับจันทร์ไปไหว้พ่อกับแม่ที่สวนหลังบ้านก่อน ทักทายกันพอหอมปากหอมคอ จึงพาทั้งสองเข้าไปในบ้าน เมธเดินนำไปยังห้องนั่งเล่นที่เด็กชายดลรออยู่ แค่ตะวันเดินผ่านเข้าไปหนูน้อยก็ออกอาการดีใจ
“พี่ใจดี” หนูน้อยร้องเรียก ทำท่าจะเดินเข้ามาหาแต่ก็รีบถอยหลังไปหาพี่เลี้ยง เมื่อเห็นว่ามีจันทร์ยืนอยู่ด้วย ตะวันจึงเป็นคนเดินเข้าไปหาหนูน้อยเสียเอง เขากอดเด็กน้อยดลไว้ในอ้อมแขน แล้วถึงเรียกจันทร์ให้เข้ามานั่งคุกเข่าใกล้ๆ ถ้ามีหลักที่อบอุ่นหนูน้อยจะกลัวน้อยลง
“สวัสดีครับ พี่ชื่อจันทร์ เป็นน้องสาวของพี่ตะวัน” จันทร์ส่งยิ้มกว้างให้หนูน้อย เด็กชายดลจับแขนเสื้อของตะวันไว้ เอียงคอมองจันทร์ด้วยความสนใจ
“จันทร์เหรอ”
“ใช่ครับ จันทร์ดวงกลมๆ ที่อยู่บนท้องฟ้าตอนกลางคืนไง” จันทร์ทำมือเป็นรูปวงกลม หนูน้อยพยักหน้าให้รู้ว่ารู้จัก
“ดลเคยเห็น มันตะบุ่มตะบ่ำ” เด็กชายยกมือน้อยๆ ข้างหนึ่งขึ้นมา แต่อีกมือก็ยังไม่ยอมปล่อยจากแขนเสื้อของตะวัน ประกบนิ้วชี้กับนิ้วโป้งเข้าด้วยกันแล้วทำท่าจิ้มๆ ให้รู้ว่ามันเป็นรูๆ
จันทร์แกล้งทำท่าหงายท้อง ลงไปนอนกับพื้น เล่นใหญ่จนหนูน้อยหัวเราะคิกๆ ออกมา สายตาที่มองจันทร์สดใส
“หนูดลพูดแบบนี้พี่จันทร์ก็หมดสวยสิคะ”
“คิกคิก” หนูน้อยปิดปากหัวเราะ ก่อนพูดออกมาด้วยเสียงเขินๆ เอาใจ “จันทร์สวย”
“ถูกต้องนะคร้าบบ” จันทร์ชี้นิ้วชี้ทั้งสองมือมาข้างหน้า หลิ่วตานิดๆ หนูน้อยยิ้มชอบใจ
“หนูดลน่ารักอย่างนี้นี่เองพี่ตะวันถึงชมไม่ขาดปาก” หนูดลหันมามองหน้าเขา ตะวันพยักหน้าน้อยๆ ยิ้มให้เด็กชายเพื่อยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง เด็กชายดลยิ้มเขินแต่ก็เป็นรอยยิ้มที่สดใสมาก
“ไปห้องอาหารกันดีกว่า จะได้นั่งกันสบายๆ ไม่ต้องก้ม” เมธชวนทุกคนย้ายห้อง เขาก้มลงหยิบของที่เตรียมไว้ขึ้นมา ตะวันอุ้มหนูน้อยขึ้น เด็กชายดลโอบมือไปรอบคอของเขา ไม่มีทีท่าว่าจะร้องขอให้พ่อเป็นคนอุ้ม หนูน้อยแนบหน้าลงกับไหล่ของตะวัน สายตาแอบมองจันทร์ที่เดินพูดแจ้วๆ ไปด้วย
“สีแดง” “สีเหลือง”
“สีฟ้า”
ตะวันมองเมธด้วยสายตาทึ่ง เด็กชายดลเรียกสีที่หยิบขึ้นมาได้ถูกต้องทั้งหมด แถมยังเรียกเป็นภาษาอังกฤษได้ด้วย มันจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าคนเป็นพ่อไม่สอนหรือใส่ใจ
“ดลเข้าโรงเรียนช้าอยู่แล้วพี่กลัวจะไม่ทันคนอื่น” เมธพูดขึ้น เขาคิดว่าพอเดาสายตาของตะวันได้
“ต้องทันแน่เลยครับ หนูดลเก่งมาก” ตะวันชมจากใจ เป็นการชมลูกที่ชมพ่อรวมไปด้วย
“แต่พี่คงมั่นใจกว่านี้ถ้ามีตะวันช่วยพี่อีกแรง ได้ไหมครับ” รอยยิ้มของเมธไม่เคยทำให้ตะวันปฏิเสธได้ลง
“ครับ”
“งื้อ” เสียงของจันทร์ทำให้ตะวันหันไปมองน้องสาว
“เป็นอะไรของจันทร์”
“ฟิน” จันทร์ทำตาลอย ยิ้มเพ้อๆ
“อะไรนะ” เมธหัวเราะเบาๆ ขำท่าทางของจันทร์ ถามซ้ำเพราะเขาฟังไม่ถนัด
“ไม่มีอะไรครับ” ตะวันหน้าแดง เขาไม่ได้บอกน้องสาวว่าแอบชอบเมธอยู่ ให้รู้ไม่ได้เป็นอันขาด นี่ขนาดไม่รู้ยังขนาดนี้ เชื่อเป็นจริงเป็นจังว่าคำอธิษฐานจะได้ผล
“เราระบายสีกันต่อดีกว่าครับ หนูดลคนเก่งนำไปไกลแล้ว ต้องเสร็จก่อนพี่ตะวันแน่เลย” ตะวันเปลี่ยนเรื่องไม่อยากให้เมธสนใจคำพูดของจันทร์
“ดลรอพี่ใจดี” หนูน้อยวางสีลง ยิ้มอายๆ ให้ตะวัน ไม่ใช่แค่พ่อหรอกที่ตะวันหลงรัก ลูกก็ด้วย ดูเอาเถอะตัวแค่นี้รู้จักมีน้ำใจ ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่น
“ขอบคุณครับ” ตะวันตอบรับ เขาเลือกที่จะไม่ปฏิเสธเพราะอยากให้หนูน้อยเชื่อในสิ่งที่ตัวเองทำ ว่ามันเป็นสิ่งที่ดี
“ดลหยิบให้” เด็กชายดลช่วยหยิบสีส่งให้เขา พยายามช่วยให้ระบายสีได้เร็วขึ้น หนูน้อยตั้งใจมาก จนตะวันต้องพยายามกลั้นรอยยิ้ม ทำสีหน้าจริงจังตามไปด้วย
“ทันหนูดลแล้ว” ตะวันทำท่าดีใจ เมื่อเห็นว่าภาพของเขากับของเด็กชายใกล้เคียงกันมากแล้ว เขาอยากให้หนูน้อยเห็นว่าสิ่งที่หนูน้อยทำช่วยเขาไว้ได้มาก
“งั้นเรามาระบายสีให้เสร็จกันดีกว่าครับ พ่อจะได้พาออกไปกินข้าวกับกินไอศกรีม เสร็จแล้วเราไปขี่จักรยานเล่นที่สวนกัน”
“ครับ” หนูน้อยก้มหน้าก้มตาตั้งใจระบายสีอย่างดี ด้วยอายุแค่นี้แต่ภาพกลับเลอะเทอะน้อยมาก เด็กทำอย่างไรก็มาจากผู้ใหญ่ที่สอน ตะวันลอบมองใบหน้าด้านข้างของเมธ โชคดีของหนูเหลือเกินที่ได้เจอกับพ่อเมธ
เมธขับรถออกจากรั้วบ้านเพื่อเดินทางไปยังห้างแห่งหนึ่ง ตะวันให้จันทร์นั่งเบาะหน้า ในขณะที่ตัวเขาเปลี่ยนมานั่งเบาะหลังกับเด็กชายดล
ตะวันชี้ชวนให้หนูน้อยมองสองข้างทาง อ่านป้ายภาษาอังกฤษคำง่ายๆ ให้ฟังบ้าง ชี้ให้ดูต้นไม้ ดูนก ดูไฟเขียวไฟแดง ตะวันพูดทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้เด็กชายฟัง เขาให้หนูน้อยพูดตามด้วยทุกครั้ง ทุกอย่างเป็นความรู้ที่ดีทั้งนั้น
เมธลอบมองลูกชายกับกับตะวันผ่านกระจกมองหลัง สายตาของเขาอ่อนโยนลง เมธจำได้ว่าเขาคุ้นหน้าตะวันมานานเพราะมักเจอกันที่ร้านหนังสือบ่อยๆ แต่ไม่เคยทักกันเลยแม้แต่คำเดียว ได้แต่ยิ้มให้กันผ่านๆ ตามมารยาทเมื่อสายตาบังเอิญสบกัน เขาไม่มีความคิดว่าต้องทักหรือทำความรู้จักอีกฝ่าย เชื่อว่าตะวันก็คงคิดแบบเดียวกัน พวกเขาจึงเป็นแค่คนคุ้นหน้าที่เดินสวนทางกันเท่านั้น ใครจะคิดว่าวันหนึ่งจะมีเหตุบังเอิญให้พวกเขาได้รู้จักกัน จู่ๆ โชคชะตาก็ทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว ราวกับพวกเขารู้จักกันมาแรมปี ทั้งที่มันไม่ใช่เลย คนบางคนแม้จะรู้จักกันมานานวันหนึ่งกลับเหมือนคนไม่เคยรู้จัก ไม่เคยรู้นิสัย แต่กับบางคนแม้เพิ่งเคยรู้จักกลับเหมือรู้ใจกันมานานแสนนาน เขาเจอมาแล้วทั้งสองแบบ หนึ่งคืออดีตภรรยา สองคือ..เมธมองไปยังกระจกมองหลัง รอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปาก สองคือพี่ใจดีของลูกชาย
“หึๆ” เสียงหัวเราะของเมธทำให้ตะวันเงยหน้าขึ้นมอง “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“พี่พาเด็กมาสองคนถูกไหม”
“ครับ?” ตะวันเลิกคิ้วเพราะยังไม่เข้าใจ
“เลอะหมดแล้ว” นิ้วยาวเรียวยกขึ้นเช็ดไอศกรีมที่มุมปากของตะวัน ความร้อนที่ปัดผ่านทำให้ใบหน้าของเขาร้อนผ่าว ตะวันรีบหยิบทิชชู่ขึ้นเช็ดซ้ำ
“โหพี่ตะวันขายหน้าหมดเลย” จันทร์แกล้งแหย่พี่ชาย
“พี่ไม่ทันระวัง” ตะวันตอบอ้อมแอ้ม
“นานๆ เห็นตะวันแบบนี้ที พี่ว่าน่ารักดี” ดูเหมือนมีคนไม่เห็นด้วยกับจันทร์ น้องสาวของเขาทำท่าว่าโลกจะถล่มทลาย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ทำอะไรจันทร์”
“ทวิตบอกโมเม้นท์ให้โลกรู้”
“จันทร์~” ตะวันร้องเสียงอ่อนใจ เมธหัวเราะเบาๆ คงไม่รู้ว่าน้องสาวของเขาจะทำจริง กลับไปคงต้องคุยกันยาว
“สั่งอะไรอีกไหม” เมธถามอย่างใจดีเมื่อเห็นว่าไอศกรีมในถ้วยของตะวันเกือบหมดแล้ว
“พอแล้วครับ”
“พี่ตะวันใจร้าย จันทร์ว่าจะขออีกถ้วยหนึ่ง” จันทร์วางโทรศัพท์ลงทำจมูกย่นใส่พี่ชาย
“ไม่ใช่” เด็กชายดลส่ายหน้าจนผมปลิว เมธให้หนูน้อยนั่งบนตัก ไม่ได้ขอเก้าอี้สำหรับเด็ก เพราะรู้ว่าลูกชายยังไม่ชินกับคนแปลกหน้า นั่งด้วยกันหนูน้อยจะอุ่นใจกว่า ปกติเมธไม่ค่อยพาออกมาทานข้าวนอกบ้าน แต่พอมีตะวันเข้ามา เขามีความมั่นใจอยู่ลึกๆ ว่าลูกชายจะทำได้
“นี่พี่ใจดีไม่ใช่พี่ใจร้าย” หนูน้อยเงยหน้าขึ้นมองพ่อ เหมือนอยากให้ช่วยจัดการให้ เมธยกมือขึ้นลูบผมลูกชายด้วยความเอ็นดู
“ใช่ครับลูก พี่ตะวันคือพี่ใจดี”
“พี่จันทร์ขอโทษ พี่จันทร์ผิดไปแล้ว” จันทร์กุมมือหันไปทางพี่ชายทำท่าให้ยกโทษให้
“หึๆ จันทร์นี่คล้ายคนโปรดเหมือนกันนะครับ” เมธบอกอย่างอารมณ์ดี
“ครับ แม่ผมพูดบ่อยๆ ว่าตัดสินใจไม่ถูกว่าควรรับคนโปรดเข้าบ้านแล้วส่งผมไปให้บ้านคนโปรด หรือควรส่งจันทร์ไปให้ทางโน้นแทน”
“แต่พ่อจันทร์บอกว่าเอาแบบนี้แหละดีแล้ว ขืนมีแบบจันทร์สองคนลำบากแน่ แต่ถ้ามีแบบพี่ตะวันคนเดียว พ่อก็กลัวจะต้องพับเพียบเรียบร้อยอยู่บ้าน” จันทร์หัวเราะเบาๆ เมื่อเล่าคำพูดของบิดาให้เมธฟัง
“จันทร์เหมือนพ่อครับ แต่ผมเหมือนแม่” ตะวันขยายความ
“พี่ตะวันเลยได้เป็นแม่..” อุ๊บ! จันทร์ยกมือปิดปากก่อนหัวเราะแหะๆ ออกมา
“จันทร์กินให้เสร็จได้แล้ว เอาแต่คุยเจื้อยแจ้วเป็นนกแก้วนกขุนทอง” ตะวันปรามน้องสาว เด็กชายดลฟังแล้วหันไปมองจันทร์ด้วยแววตาสนใจ
“พี่จันทร์เป็นนกแก้ว”
“ช่าย” จันทร์พยักหน้า ช้อนไอศกรีมยังคาอยู่ที่ปาก ก่อนรีบเอาลงเมื่อตะวันมอง “พี่จันทร์เป็นนกแก้วแต่หนูดลเป็นเจ้าชายตัวน้อย” เด็กชายดลยิ้มถูกใจ
“พ่อเป็นอะไร”
“อืม..ขอพี่คิดก่อนนะ” จันทร์ทำหน้าคิด “พ่อของเจ้าชายตัวน้อยก็ต้องเป็นเจ้าชาย”
“พี่ใจดีเป็นอะไร”
“เป็น..โอ๊ย!” จันทร์เอียงตัวหนีเมื่อโดนมือของพี่ชายหนีบเข้าที่แขน
“เป็นนางฟ้า” ไม่ใช่เสียงของจันทร์แต่เป็นเสียงทุ้มที่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะ ดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“พี่เมธ” ตะวันทำเสียงตัดพ้อ “แกล้งผมกับเขาด้วยเหรอครับ”
“พี่ไมได้แกล้ง ก็ตะวันเหมือนจริงๆ พี่ต้องเรียกนางฟ้าเพราะมันไม่มีนายฟ้า”
“เรียกว่านายฟ้าก็ได้ค่ะพี่เมธ” จันทร์รีบบอก “นายเอกยังมีเลย”
“หือ? มีด้วยเหรอพี่ไม่เคยได้ยิน” เมธเลิกคิ้ว จันทร์กลับหัวเราะชอบใจแต่ไม่ยอเฉลย
“นางฟ้า” เด็กชายดลพูดออกมาเบาๆ มองตะวันด้วยสายตารักใคร่ “พี่ใจดีเป็นนางฟ้า”
“คุณเมธแก้ให้ผมเลยนะครับ” ตะวันหันไปทำหน้างอนๆ ใส่ตัวต้นเหตุ เมธมองใบหน้าของเขานิ่งด้วยดวงตาอ่อนโยน ตะวันถึงเพิ่งนึกได้ว่าเขาเผลอตัวไป ใบหน้าของตะวันแดงซ่าน รีบละสายตาจากเมธมาที่จันทร์แทน
“จันทร์กินเสร็จแล้วใช่ไหมพี่จะได้เดินไปคิดเงิน”
“เสร็จแล้ว”
ตะวันหยิบใบเสร็จขึ้น “ค่าไอศกรีมผมขอออกนะครับ พี่เมธเลี้ยงข้าวพวกผมแล้ว”
“ไม่ได้ ตะวันยังเรียนอยู่ พี่ทำงานแล้ว” เมธยื่นมือมาดึงใบเสร็จออกจากมือเขา นิ้วยาวแตะเข้าที่นิ้วของเขาโดยบังเอิญ ตะวันต้องรีบหันไปทางอื่นเพื่อหลบสายตา
ตะวันเริ่มกังวลว่าอาการของเขาจะออกมากเกินไปหรือเปล่า สักวันเมธจะสังเกตเห็นมันไหม ทำไมถึงเป็นคนหน้าแดงง่ายอย่างนี้ นิดก็เขินหน่อยก็เขิน ไม่ได้เรื่องเลย
“ตะวัน”
“ครับ” ตะวันเงยหน้าเมื่อเสียงทุ้มนุ่มเรียกเขา
“ไม่ไปเหรอ” ตะวันมองไปรอบๆ ทุกคนลุกขึ้นยืนหมดแล้ว มีเพียงเขาที่นั่งก้มหน้าอยู่ ตะวันรีบลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเก้อเขิน เขาลอบถอนใจออกมาเบาๆ ในขณะที่เดินตามหลังคนอื่นออกจากร้าน จะรอดไหมนี่เราวันนี้ยังอีกตั้งนาน ตะวันได้แต่นึกกลุ้มใจ
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
.
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin