[จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)  (อ่าน 68927 ครั้ง)

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

+++++++++++++++
คนโปรด ก็แค่คนที่ชอบหรือถูกใจเป็นพิเศษ...แต่ไม่ได้หมายความว่ารัก

++++++++++++++
คำเตือน!!!

นิยายเรื่องนี้มีฉากการร่วมเพศกับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เนื้อหามีความรุนแรงขัดต่อกฎหมายและหลักศีลธรรม หากไม่ชอบแนะนำให้กดปิด...ถ้าชอบเชิญกดอ่านและโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะจ๊ะ!

****************

คำชี้แจง

นิยายเรื่อง'คนโปรด' ตัวเอกจะมี2part คือ ภาคเด็กและภาคที่โตแล้ว อาจมีช่วงเวลาเกี่ยวเนื่องกับเรื่อง 'ใจยักษ์' บ้าง แต่สามารถอ่านแยกกันได้ค่ะ...และเนื้อหานิยายมีคำหยาบคายมากมาย สาระหาได้น้อย แต่มีประโยชน์หากต้องการหาความฟิน :mew1:
***************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-01-2019 00:54:32 โดย YINGPREM »

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
Re: You're my fav person +คนโปรด+(Drama,SM) :บทนำ[21/02/61]
«ตอบ #1 เมื่อ21-02-2018 21:22:05 »

บทนำ

ช่วงฤดูใบไม้ผลิในประเทศอังกฤษมักจะมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างแปรปรวน แต่เช้าวันนี้บรรยากาศค่อนข้างอบอุ่นทำให้เขาอยากออกไปเดินเล่นสักเล็กน้อยเพียงแต่ว่าไม่สามารถออกไปได้ด้วยเหตุผลที่น่าชัง

เด็กหนุ่มนั่งกอดเข่ามองต้นไม้สีเขียวชอุ่มผ่านหน้าต่างบานใหญ่ ดวงหน้าเรียวรูปหัวใจ จมูกเชิดโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสีชมพูกระจับ ดวงตากลมโตสีฟ้าอมน้ำเงิน ผมเส้นเล็กสีน้ำตาลเข้ม และผิวขาวบริสุทธิ์เหมือนหิมะถูกแสงแดดจากดวงอาทิตย์ทอส่องลงมากระทบร่างดูงดงามราวกับเทวดาตัวน้อยบนสวรรค์

ก็อกๆๆแก็ก!

เสียงเปิดประตูและการปรากฏตัวของผู้มาใหม่ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มละความสนใจจากวิวด้านนอกได้ เขายังคงนิ่งเฉยและทอดสายตาออกไปไกลแสนไกล...

“ขอโทษที่กวนเวลาพักผ่อนครับ...นายท่านเรียกหาคุณสมิธครับ” ร่างบางเจ้าของชื่อตัวสั่นขึ้นนิดๆ หันมามองผู้มาเยือนด้วยสายตาแข็งกร้าว

“กูไม่ไป!” จบประโยคหนังสือที่อยู่ข้างตัวก็ถูกมือบางขว้างออกไปแทบจะในทันที บอดี้การ์ดหนุ่มรีบขยับตัวหลบอย่างรู้ทัน

เพราะนี่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรกสักหน่อย

เมื่อครั้งแรกไม่โดน ครั้งที่สอง สามก็ตามมาติดๆ จากนั้นก็เกิดตามมาอย่างต่อเนื่อง บอดี้การ์ดหนุ่มร่างใหญ่ทำได้เพียงหลบและปัดป้องเป็นพัลวัน ไม่กล้าที่จะเข้าไปหยุดหรือเอ่ยปากปากห้ามเด็กตัวเล็กๆคนนี้ด้วยซ้ำ

ใครจะไปกล้า...ทุกคนที่นี่ต่างรู้ดี

คนนี้คนโปรดของนาย....

ตึง!เสียงกระแทกที่หน้าประตู ทำให้สงครามฝ่ายเดียวของสมิธหยุดชะงัก เขาหันไปมองการปรากฏของใครอีกคน เมื่อร่างนั้นปรากฏแก่สายตา ขาเรียวจึงเผลอขยับก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างไม่รู้ตัว

“เป็นอะไรอีกมิทตี้?” ชายหนุ่มหรี่ตามองไปทั่วห้อง ก่อนจะโบกมือให้ลูกน้องออกไปแล้วหันไปถามผู้ลงมือโดยไม่ต้องสงสัย หลักฐานคามือซะขนาดนี้

“เรื่องของกู มึงไม่ต้องมาเสือก!” ดวงตาสีเขียวเข้มวาวขึ้นจนสมิธขนลุกไปทั้งตัว ขายาวก้าวจากประตูถึงอีกคนในเวลาไม่กี่วินาที มือเรียวยาวแต่แข็งแกร่งคว้าหมับเข้าที่กรามของคนตัวเล็กกว่าอย่างแรง

“พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าปากดีนัก” ชายหนุ่มตัวสูงกดเสียงเข้ม กดหน้าลงไปใกล้คนที่ตัวเล็กกว่าเขามากนัก

“กูก็บอกแล้วใช่ไหมว่ามึงมันเลว อึก!” แรงบีบที่มือเพิ่มขึ้นจนเด็กชายเจ็บร้าวไปทั่วทั้งหน้า แต่เขาก็ไม่ยอมเอ่ยปากขอร้อง ไม่เคยยอมลงให้อีกคนเลยสักครั้ง

ชายหนุ่มมองท่าทางของคนตัวเล็กแล้วก็ยิ่งโกรธ เขาคลายแรงบีบลงเล็กน้อยแล้วกระแทกริมฝีปากบางกับกลีบปากเล็กของอีกคนอย่างแรง ชายหนุ่มบดจูบใส่อีกคนอย่างรุนแรงและกรุ่นโกรธ โพรงปากสมิธคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดจากรสจูบที่รุนแรง มือเล็กกำแน่นทุบอีกคนอย่างไม่ยินยอม แต่สุดท้ายก็ถูกมือแกร่งรวบไว้ในมือเดียว

สมิธถูกลงโทษจนปากแตกไปหลายแผล จนกระทั่งเด็กหนุ่มหายใจไม่ทันแล้วเกิดการสำลังลมหายใจอีกคนจึงดูดริมฝีปากอิ่มแรงๆส่งท้ายก่อนจะยอมถอนจูบออกมา

ชายหนุ่มใช้นิ้วลูบเบาๆที่ริมฝีปากอิ่มของเด็กหนุ่มที่แดงช้ำจากการลงทัณฑ์ของเขา สมิธหันหน้าหนีด้วยความรู้สึกเกลียดชัง ถ้ามันสอดลิ้นเข้ามาครั้งนี้เขาจะกัดมันให้ขาดจริงๆ

“จิมบอกพี่ว่ามิทตี้ไม่กินผัก จริงรึเปล่า?” ชายหนุ่มเลือกที่จะถามเปลี่ยนเรื่อง ไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่เด็กน้อยทำลงไปก่อนหน้านี้ ให้ได้ระบายอารมณ์บ้างก็ดี ของพวกนั้นหาซื้อเมื่อไหร่ก็ได้

“…”

“สมิธ พี่ถามก็ตอบ” เขากดเสียงเข้มขึ้น เชยคางเล็กให้เขาสามารถมองสบดวงตาสีมหาสมุทรได้อย่างชัดเจน

“กูไม่อยากกิน...ไม่ชอบ”

“ผักมีประโยชน์ มิทตี้กำลังโตต้องได้รับสารหารให้ครบถ้วน”

“มึงจะบังคับอะไรกูนักหนา แค่นี้ยังไม่พออีกใช่ไหม!” เด็กหนุ่มระเบิดอารมณ์อย่างสุดจะทน แต่อีกคนกลับพูดด้วยน้ำเสียงเรียบลื่นพร้อมรอยยิ้มน่ารังเกียจที่เขาชิงชังอยู่ตลอดเวลา

“เอาอย่างนี้ ถ้ามิทตี้ยอมกินผักจะขออะไรพี่ก็ได้หนึ่งอย่าง ดีไหม?”

“อะไรก็ได้อย่างนั้นหรอ” ดวงตาของสมิธทอประกายอย่างมีความหวัง

“ใช่”

“ถ้าอย่างนั้นกูขอ...” สมิธกำลังจะเอ่ยต่อแต่คนตัวโตก็ดับฝันเขาด้วยประโยคที่เขาไม่อยากได้ยิน

“ยกเว้นอิสระ...ยังไม่ใช่ตอนนี้” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแววตาสีเขียวเย็นชาขึ้นชั่วแวบหนึ่งก่อนจะกลับไปราบเรียบดังเดิม

“แล้วมันเมื่อไหร่! ทำไมต้องทำแบบนี้ลูคัส...ทำไมต้องเป็นกู” สมิธเอ่ยถามด้วยความสับสนไม่เข้าใจ เขาทำอะไรผิด เข้าไปก้าวพลาดตอนไหน ทำไมชีวิตเขาถึงเป็นอย่างนี้…

ต้องมาติดอยู่ในขุมนรกที่หาทางออกไม่เจอ

+++++++++++++++++++++

บทนำเราจะมาเบาๆก่อนนะจ๊ะ ไม่ม่ามากเราเน้นหื่น หึหึ เอาล่ะคุณอยู่ทีมไหน :กอด1:
#มิทตี้  #ลูคัส  #คนโปรด


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: You're my fav person +คนโปรด+(Drama,SM) :บทนำ[21/02/61]
«ตอบ #2 เมื่อ22-02-2018 02:41:31 »

ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะอยู่ทีมไหน ขอเป็นคนกลางไปก่อนแล้วกัน  :hao3:

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คนโปรด 1

ในมหานครใหญ่อย่างกรุงลอนดอน สำหรับช่วงเวลายามค่ำคืน สถานที่ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ชอบไปก็จะเป็นไนท์คลับต่างๆ ตั้งแต่ไนท์คลับสุดหรูเกรดAลงไปจนถึงเกรดC ต่างก็ได้รับความนิยมไม่น้อย

ไนท์คลับเกรดAแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในย่านท่องเที่ยวของกรุงลอนดอน ในมุมหนึ่งทางด้านหลังคลับมีคนสองคนต่างวัยกำลังยืนถกเถียงกันอย่างไม่สนใจอากาศหนาวจัดในช่วงฤดูหนาวโชคดีที่วันนี้หิมะหยุดตกไปแล้ว

“แกจะแอบตามฉันมาทำไมสมิธ ฉันบอกให้แกนอนรออยู่ที่ห้องไม่ใช่หรือไง!” หญิงสาวหน้าสวยอายุสามสิบต้นๆผลักศีรษะเด็กชายนัยน์ตาสีฟ้าอมน้ำเงินอย่างแรงจนเขาเซถลาแทบจะทรงตัวไม่อยู่

“ผมไม่อยากอยู่คนเดียว ผมกลัวนี่” เด็กชายเถียงออกไปอย่างไม่ยอมแพ้แม้ในน้ำเสียงจะสั่นอยู่มากก็ตาม

“แกจะกลัวอะไรกันนักกันหนา กับอีเรื่องแค่นี้”

“ไอ้สารเลวนั้นมันจะข่มขืนผม แม่ยังบอกว่าเรื่องแค่นี้หรอ” เด็กชายวัยสิบสองปีจ้องมองผู้เป็นแม่น้ำตาคลอ คิดไปถึงเรื่องเมื่อสัปดาห์ก่อนที่เขานอนอยู่ในห้องคนเดียว แล้วถูกไอ้ไมเคิลชายผิวสีขี้ยาที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์เดียวกันงัดห้องเข้ามาหวังจะข่มขืน ดีที่เขาไหวตัวทันคว้าขวดแก้วฟาดใส่หัวมันจนล้มแล้ววิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือจากห้องข้างๆเขาถึงรอดมาได้ แล้ววันนี้ไอ้ชั่วนั่นก็พ้นคุกออกมาแล้ว สมิธจึงกลัวว่ามันจะย้อนกลับมาทำร้ายเขาอีก

“แล้วมันทำหรือยัง!”

“แม่จะปล่อยให้มันมาทำผมก่อนหรือไงถึงจะห่วงผมได้” เด็กชายตัดพ้อด้วยความน้อยใจ ที่ผู้หญิงที่เขารักที่สุดทำเหมือนไม่ไยดีเขาเลยสักนิด

ไม่สิ มารดาเขาคนนี้ไม่เคยสนใจไยดีเขาตั้งแต่จำความได้แล้ว เพียงแต่ให้ข้าวให้น้ำ เลี้ยงดูเขาพอถูไถไปวันๆ แต่ถึงอย่างนั้นสมิธก็รักผู้หญิงคนนี้มากๆ เขารู้ว่าแม่เหนื่อยและลำบากมากแค่ไหนที่ต้องเลี้ยงเขามาโดยลำพัง ยังดีที่รัฐบาลที่นี่ช่วยเหลือเรื่องการศึกษาและเงินค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนเล็กๆน้อยๆ เขาถึงสามารถเติบโตขึ้นมาได้โดยที่แม่ไม่ต้องห่วงอะไรมากนัก

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มันสะเทือนใจเขามากเกินกว่าที่เด็กอายุสิบสองปีคนหนึ่งจะรับไหว เขาอยากให้แม่ปลอบโยนเขาบ้างสักนิด ห่วงใยเขาสักหน่อย...ก็ยังดี

“เฮ้อ!แกนี่มันตัวปัญหาของฉันจริงๆ ไป!เข้าไปในร้าน” มิเชลเสยผมตัวเองอย่างรำคาญแล้วตัดบทสมิธด้วยการเดินนำไปทางประตูหลังร้าน เธอทำงานเป็นนักเต้นที่ไนต์คลับสุดหรูแห่งนี้  แต่งตัวน้อยชิ้นเต้นยั่วยวนให้ถูกใจแขกเล็กๆน้อยๆก็ได้ทิปเป็นกอบเป็นกำ ด้วยเพราะเธอยังสวยและสาวทำให้เธอเป็นตัวท็อปของที่นี่ เวลาที่ออกไปเต้นก็จะเป็นทีมละสามคนผลัดกันออกไป หนึ่งคืนเธอเต้นแค่สองช่วงเวลาเท่านั้น

“อ้าวมิเชลวันนี้พาเด็กที่ไหนมาด้วย” นาตาลีที่กำลังนั่งแต่งหน้าอยู่เอ่ยถามเพื่อนที่เดินเข้ามาพร้อมเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักที่เดิมตามมาข้างหลัง

“นี่สมิธน้องชายฉันน่ะ วันนี้เขาไม่ค่อยสบายเลยพามาด้วย” สมิธเหลือบมองมิเชลที่พูดออกไปได้อย่างคล่องแคล่วว่าเขาคือน้องชาย ซึ่งเขาก็ชินเสียแล้วเพราะปกติเธอก็บอกแบบนั้นกับทุกคนที่ถาม เขานั่งลงตรงโซฟาเงียบๆตามที่มิเชลชี้บอก

“ว้าว!เธอไม่เห็นเคยบอกว่ามีน้องชายหน้าตาน่ารักขนาดนี้” นาตาลีหันมาให้ความสนใจกับสมิธอย่างออกนอกหน้า

“หรอ ฉันคิดว่าฉันเคยบอกเธอไปแล้วซะอีก” มิเชลพูดพลางเริ่มลงมือแต่งหน้าให้ตนเอง

“ไม่เคยย่ะ เออนี่เธอจำเรื่องยัยโรสที่ฉันเล่าให้ฟังเมื่อครั้งก่อนได้ไหม ยัยนั่นน่ะ...” หลังจากนั้นนาตาลีก็เริ่มหมดความสนใจในตัวสมิธเพราะดูท่าทางมิเชลไม่อยากจะพูดเท่าไหร่ เธอเลยเปลี่ยนเรื่องไปเม้าท์ผู้หญิงอีกคนที่ทำงานที่นี่เหมือนกันกับพวกเธอแทน

สมิธนั่งนิ่งๆไม่ได้สนใจสิ่งที่สาวสวยทั้งคู่กำลังพูดกัน แต่เขากำลังขบคิดว่าจะทำอย่างไรดีที่จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ยิ่งช่วงนี้มิเชลกลับห้องช้ามาก บางวันก็กลับมาตอนที่เขากำลังจะออกไปโรงเรียน และเขาคงจะตามมิเชลมาอย่างนี้บ่อยๆไม่ได้เพราะมิเชลคงไม่ยอมแน่ จะย้ายที่อยู่ก็รู้ดีว่าแม่คงไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาจะทำยังไงดี

สมิธนั่งขบคิดไปมาจนสมองอ่อนล้า ในที่สุดก็หลับไปด้วยความง่วงงุน มิเชลที่แต่งตัวเสร็จแล้วเหลือบมองดูลูกชายที่ขดตัวนอนบนโซฟานิดๆด้วยสายตาอ่านยาก เธอหยิบเสื้อโค๊ทตัวใหญ่ห่มให้เด็กชายก่อนจะออกไปเตรียมตัวสำหรับการทำงานโดยไม่หันไปมองเด็กน้อยอีก

สมิธคือความผิดพลาดที่สุดในชีวิตของเธอ

++++++++++++++++++++

สมิธสะดุ้งตื่นขึ้นในเวลาตีหนึ่งกว่าๆ เด็กชายมองไปรอบๆห้องก็พบใคร เขาก้มมองเสื้อโค๊ทที่อยู่บนตัวเขาแล้วยิ้มออกมา จริงๆแล้วมิเชลก็คงห่วงเขาอยู่เหมือนกัน

สมิธได้ยินเสียงคุยกันแว่วๆคล้ายว่าจะเป็นเสียงของมิเชลมาจากทางด้านหลังร้านที่อยู่ติดกับห้องที่เขานอนอยู่ เด็กชายขยับตัวลุกขึ้นแล้วก้าวเดินไปตามเสียงจนกระทั่งออกมาจากประตูหลังร้าน

ภาพที่สมิธเห็นทำให้นัยน์ตาสีมหาสมุทรเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจก่อนแปรเปลี่ยนเป็นความเกรี้ยวกราดในเวลาต่อมา สมิธเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนจูบกับผู้ชายคนหนึ่งอย่างดูดดื่ม แม้จะไม่เห็นหน้าของผู้หญิงคนนั้นแต่เขาก็จำแผ่นหลังที่เขาเห็นมาเป็นสิบปีได้ เขามองคนทั้งคู่นิ่งแต่จู่ๆผู้ชายหัวทองคนนั้นกลับเหลือบสายตามาทางเขา ทำให้เด็กหนุ่มสบตากับนัยน์ตาสีเขียวเข้มนั่นเข้าอย่างจัง มันเป็นสายตาที่ทำให้เขาเกลียดผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น

สมิธกำหมัดแน่นเมื่อเห็นไอ้ผู้ชายคนนั้นสอดมือเข้าไปในเสื้อมิเชลทั้งๆที่สายตาก็ยังมองสบเขาอยู่ คล้ายๆว่ามันจะยั่วยุให้เขาโกรธอย่างไรอย่างนั้น อีกอย่างมิเชลก็ไม่ได้มีท่าทีจะขัดขืนมันเลยสักนิดนั่นยิ่งทำให้สมิธรู้สึกเจ็บใจเข้าไปใหญ่

ตอนแรกเด็กหนุ่มก็ไม่กล้าผลีผลามทำอะไรเพราะจุดที่มิเชลกับไอ้บ้าคนนั้นยืนอยู่ต่างรายล้อมไปด้วยชายชุดดำหลายคน แต่พอเห็นมันสอดมือไปในเสื้อมิเชลเท่านั้นแหละทำให้การยับยั้งชั่งใจที่มีอยู่น้อยนิดของสมิธหมดลงในทันที

“มิเชล!!!” สมิธตะโกนเสียงดังลั่น มิเชลถึงกลับสะดุ้งจนตัวโยนผละออกห่างกับคนที่เธอพึ่งจูบอย่างดูดดื่มทันที หญิงสาวหันไปมองตามต้นเสียงเป็นสมิธอย่างที่คิดและเธอคิดว่าเขาก็คงเห็นอะไรๆไปพอสมควร

สมิธโกรธจัดที่มิเชลปรายตามาทางเขาอย่างไม่ยินดียินร้ายอะไร เขาโตพอที่จะรู้เรื่องความสัมพันธ์แบบชายหญิงแล้วแต่ไม่เคยคิดว่าจะมาเห็นแม่ตัวเองทำคาตาแบบนี้ มิเชลหันไปพูดกับไอ้ผู้ชายคนนั้นสองสามคำก่อนจะเดินตรงมาทางสมิธเนิบนาบ เธอหยุดยืนอยู่ตรงหน้าสมิธในระยะหนึ่งช่วงแขนก่อนจะฟาดฝ่ามือใส่หน้าเด็กน้อยเข้าอย่างจัง

สมิธหน้าหันไปตามแรงตบเขาเอามือกุมแก้มแล้วหันไปมองหน้าแม่ตัวเองช้าๆ ไม่บ่อยนักที่มิเชลจะตบเขาถ้าหากสมิธไม่ผิดร้ายแรงหรือดื้อมากจนไม่ฟังเธอ

น้ำตาเด็กชายคลอหน่วยตาไม่ยอมให้มันไหล เขารู้ว่าถ้ามิเชลตบเขาแสดงว่าเขาทำความผิด แต่เขาไม่เข้าใจว่าเขาทำผิดอะไร สุดท้ายน้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลพราก มิเชลเดินผ่านตัวเขาเข้าไปในร้านโดยไม่พูดอะไร

เด็กชายยืนนิ่งแล้วรีบเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเพราะนึกขึ้นได้ว่ามีบุคคลอื่นอยู่ในเหตุการณ์ด้วย สมิธมองไปยังฝั่งตรงข้ามตัวเองที่ห่างไปไม่กี่เมตร มันมองเขาอยู่จริงๆ

ใบหน้าเรียวหวานดูหล่อเหลายกยิ้มที่มุมปากอย่างอารมณ์ดี ดวงตาสีเขียวแพรวระยับสะท้อนแสงไฟยิ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดแปลกๆ มันขยับตัวลูกน้องชุดดำที่อยู่ข้างๆก็รีบเปิดประตูรถคันหรูแทบจะทันที

ก่อนมันจะเข้าไปนั่งในรถเขาเห็นมันเหลือบมามองเขาครั้งสุดท้ายด้วยสายตาที่ดู...น่าขนลุก

ไม่นานรถยนต์คันหรูก็ขับออกไป

เด็กชายยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองที่รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา

เพราะมัน มิเชลถึงได้โกรธเขา

สายตาและรอยยิ้มนั่น

คนอย่างมัน สมิธเกลียดที่สุด!

+++++++++++++++++++

อิพี่ลุคมึงโรคจิตป่ะเนี่ย ฮ่าๆๆ มิทตี้น้อยระวังตัวด้วย

//ช่วงแรกๆอาจจะมาสั้นหน่อยนะคะจะพยายามปรับ และช่วงสมิธวัยเด็กคนแต่งเป็นผู้บรรยายเง้อ
:mew1:

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 กรี๊ดดดด มิทตี้มาแล้นนนนน  :hao7:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
เรื่องราวของสมิธจากเรื่องใจยักษ์ซินะ
ติดตามซิ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เห็นใจสมิธเนอะ แม่ไม่รักเลยอ่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :m16: เริ่มมาก็น่าจับอีพี่ลูมาฟาดๆๆ
แก้เเค้นให้มิทตี้ :katai1:

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ Minzero

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ความรุนแรงนี้มันอะไรกัน! สมิธน้อยของป้า :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คนโปรด 2

“แกนอนเลยนะ วันนี้ฉันไม่กลับ” มิเชลเอ่ยบอกลูกชายที่นั่งมองเธอตาแป๋วในขณะที่เธอกำลังใช้เครื่องม้วนผมทำทรงเส้นผมของตัวเองอยู่

“แม่จะไปไหน?”สมิธขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย เพราะสัปดาห์นี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่มิเชลบอกล่วงหน้าว่าจะไม่กลับห้อง

“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก”

“แต่ว่า...”

“แกจะกลัวอะไรอีก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเหมือนตอนนั้นอีกแกก็โทรหาเจสซิก้าได้เลย...เราคุยกันแล้วนะสมิธ”มิเชลพูดเสียงเข้มจนเด็กชายไม่กล้าเอ่ยปากขึ้นมาอีก เจสซิก้าคือหญิงผิวสีวัยกลางคนที่อาศัยอยู่กับสามีที่ห้องข้างๆ และเป็นคนที่ช่วยเหลือสมิธจากไมเคิลในครั้งก่อน มิเชลจึงต้องจำใจไปฝากฝังสมิธกับเพื่อนบ้านคนนี้อย่างช่วยไม่ได้ ไม่อย่างนั้นไอ้ลูกดื้อคนนี้คงได้ตามก้นเธอไปแทบทุกที่แน่ๆ

ตอนแรกเจสซิก้าก็ดูแปลกใจเพราะตั้งแต่ที่มิเชลย้ายเข้ามาอาศัยอยู่อพาร์ทเม้นแห่งนี้เกือบ5ปี มิเชลไม่เคยมาพูดคุยสุงสิงกับเพื่อนบ้านเลยแม้แต่น้อย แต่พอรู้ว่าเป็นเรื่องของสมิธ เจสซิก้าก็รับปากจะช่วยดูแลให้เพราะเธอก็ค่อนข้างเอ็นดูเด็กชายสมิธในระดับหนึ่ง

“รีบนอนได้แล้ว ถ้าพรุ่งนี้ตื่นไปโรงเรียนไม่ทันล่ะน่าดู”มิเชลคาดโทษสำทับสมิธเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหยิบกระเป๋าใบใหม่ที่เธอพึ่งได้มาสดๆร้อนๆเมื่อวานนี้ออกไปด้วย

สมิธมองตามหลังผู้เป็นแม่ออกไปจนลับสายตาด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเดินไปเข้ายังห้องนอนของตัวเองแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงขนาดสามฟุตครึ่ง

เด็กชายยังไม่หลับในทันทีแม้จะเป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าซึ่งได้เวลาเข้านอนของเขาแล้ว สมิธได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจว่าอะไรที่ทำให้แม่ของเขาดูแปลกไปจากเดิม

มิเชลดูอารมณ์ดีขึ้นไม่ค่อยเหวี่ยงหรือดุด่าเขาเท่าเมื่อก่อน มีเสื้อผ้า กระเป๋า และของใช้ที่ดูท่าจะแพงเพิ่มขึ้นมาหลายชิ้น เมื่อสงสัยสมิธก็ถามแต่กลายเป็นว่าไปทำให้มิเชลเริ่มอารมณ์เสียซะอย่างนั้น สมิธจึงไม่กล้าถามต่อและเก็บงำความสงสัยเอาไว้ในใจต่อไป

เด็กชายตาสีมหาสมุทรสะบัดหัวไล่ความคิดแล้วขดตัวเข้ากับผ้าห่มผืนเก่าที่เขาติดมากยิ่งกว่าเดิม ในวันที่อากาศหนาวขนาดนี้ฮีตเตอร์ตัวเก่าในห้องก็ไม่ช่วยให้อุ่นขึ้นเท่าไรนักแต่เด็กชายตัวน้อยก็นอนหลับไปด้วยความเคยชิน...

++++++++++++++++++
เช้าวันรุ่งขึ้น

“อรุณสวัสดิ์ครับเจสซี่” เด็กชายสมิธเอ่ยทักทายเพื่อนบ้านที่ช่วงนี้เขาเริ่มสนิทด้วยพร้อมรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าจิ้มลิ้มขณะที่กำลังเดินสวนทางกันที่ประตูทางขึ้นอพาร์ทเม้นท์

“อรุณสวัสดิ์จ้ะ กำลังจะไปเรียนเหรอสมิธ” เจสซิก้ายิ้มตอบทักทายเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดู

“ใชครับ อ๊ะ!ใกล้เวลารถบัสมาแล้ว ผมไปก่อนนะครับ แล้วเจอกันครับเจสซี่” สมิธยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่รถบัสจะมาเขาก็รีบเอ่ยลาเพื่อนต่างวัย โบกมือลาให้เล็กน้อยก่อนจะรีบตรงออกจากอพาร์ทเม้นท์อย่างรีบๆ

“โอเค แล้วเจอกันจ้ะ” เจสซิก้าโบกมือส่งท้ายให้สมิธก่อนจะเดินขึ้นห้องไป

สมิธไม่กล้าวิ่งเร็วนักเพราะพื้นถนนที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งค่อนข้างจะลื่นอยู่พอสมควร เด็กชายวัยกำลังโตก้าวเท้าไปจนเกือบถึงป้ายจอดรถบัสก่อนถึงเวลาที่รถจะมาอยู่ห้านาที ปกติเวลานี้จะไม่ค่อยมีคนใช้บริการรถบัสนักเพราะคนในแถบนี้ไม่ค่อยมีเด็กอยู่ในช่วงวัยเรียนเหมือนสมิธเท่าไหร่ ถ้าเป็นพวกวัยทำงานก็จะออกกันแต่เช้ากว่านี้ สมิธจึงไม่แปลกใจที่จะไม่เจอคนนั่งรอบัสเลย

แต่วันนี้กลับต่างออกไป เลยป้ายจอดบัสไปไม่กี่เมตรมีรถหรูสัญชาติอิตาลี่สีดำจอดติดเครื่องอยู่อยู่ เด็กชายไม่ได้สนใจนัก เขาทำเพียงเดินไปนั่งรอบัสบนเก้าอี้เงียบๆกระชับเสื้อโค๊ทเข้าหาตัวเองมากกว่าเดิมเพราะอากาศหนาวจัดจนลมหายใจมีไอสีขาวพรูออกมาทุกครั้งที่พูดหรือหายใจออก

แต่สิ่งที่เรียกความสนใจจากสมิธได้คือการที่ชายฉกรรจ์ตัวสูงใหญ่ใส่สูทสีดำเปิดประตูหน้ารถลงมา สมิธหันไปมองนิดๆอย่างสงสัย ชายคนดังกล่าวเดินไปเปิดประตูหลังรถไว้รอ ก่อนที่ขาเรียวสวยจะค่อยๆยื่นออกมานอกรถก่อนจะตามด้วยการปรากฏตัวของคนที่ทำให้เขานึกห่วงอยู่ทั้งคืน

แม่...

มิเชลยังไม่เห็นสมิธ เธอก้มตัวโบกมือส่งยิ้มให้คนในรถส่งท้าย ก่อนจะหันกายไปทางกลับอพาร์ทเม้นท์ที่พักอยู่ มิเชลชะงักนิ่งเมื่อดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอสบเข้ากับนัยน์ตาสีมหาสมุทรนั้น

เธอหยุดยืนนิ่งมองสมิธ และสมิธก็มองเธออยู่ ท้ายที่สุดมิเชลก็เป็นคนเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นก่อน

“สายป่านนี้แล้วทำไมยังไม่ไปโรงเรียน? แกจะเหลวไหลเกินไปแล้วนะ”

“ยังไม่สายสักหน่อย ถ้าขึ้นบัสรอบนี้ทันก็ไปถึงโรงเรียนทันแน่นอน”

“ยังจะเถียง! นี่มันเลยเวลาบัสมากี่นาทีแล้วห๊ะ!” สมิธก้มมองดูนาฬิกา ก่อนดวงตาคู่สวยจะเบิกกว้างเพราะเลยเวลาที่บัสจะจอดป้ายนี้ไปเกือบสิบนาทีเข้าให้แล้ว แสดงว่าเขานั่งรอให้บัสมาจอดถึงสิบห้านาที แต่ว่าเขายังไม่เห็นบัสผ่านมาเลยนี่

“ก็ถนนมันลื่นหรืออาจมีอุบัติเหตุ...เขาก็อาจจะเลทบ้างก็ได้” สมิธก้มหน้าพูดเสียงอ่อยๆ เพราะอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็จะได้เวลาเข้าเรียนที่โรงเรียนแล้ว ถ้าบัสยังไม่มาในอีกห้านาทีสมิธก็จะไปถึงโรงเรียนสายและเขาก็จะถูกลงโทษเพราะครั้งนี้ครบกำหนดเข้าเรียนสายห้าครั้งแล้ว

“เหรอ งั้นแกตอบฉันซิว่าแกจะได้ไปโรงเรียนตอนไหนไม่ทราบ ฉันลำบากทำงานหาเงินมาให้แกใช้แล้วแกยังทำตัวแบบนี้หรอสมิธ แกอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกสายไปกี่ครั้งแล้ว!” มิเชลก้าวเข้าไปกระชากแขนสมิธด้วยความโมโหอย่างแรงจนเด็กชายนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

สมิธรู้ว่าตัวเองก็ผิดที่บางครั้งก็ตื่นสายจากการนอนดึกและเขาก็ไม่มีใครมาคอยปลุก บางทีก็ไม่ได้กินข้าวเช้า ทำให้ไปโรงเรียนสายอยู่บ่อยๆ

“มันไม่ใช่ความผิดผมสักหน่อย รถบัสมาช้าเองถ้ามาตรงเวลายังไงผมก็ไปถึงโรงเรียนก่อนเวลาเข้าเรียนแน่นอน” ด้วยความนิสัยไม่ชอบให้ใครมาว่าตนเองโดยไม่มีเหตุผลของสมิธ ทำให้เขาแก้ต่างให้ตัวเองอย่างไม่ยอมจำนนในข้อกล่าวหาของมิเชล ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เธอโมโหสมิธหนักขึ้นไปอีก มิเชลเงื้อมือขึ้นสูงเตรียมจะฟาดใส่สมิธ เด็กชายหลับตาปี๋ด้วยความกลัว แต่ก่อนที่มือบางจะฟาดใส่ร่างเล็กเสียงทุ้มก็ดังขึ้นที่ด้านหลังชะงักการลงมือของมิเชล

“มีอะไรรึเปล่ามิเชล”

“คุณลูคัส”มิเชลรีบลดมือลงแต่มืออีกข้างยังไม่ยอมปล่อยแขนสมิธ เธอหันไปมองคนด้านหลังอย่างตกใจเพราะคิดว่าเขาไปแล้วซะอีก

“ปล่อยแขนเด็กก่อนเถอะ ถ้าใครมาเห็นเข้าจะไม่ดีต่อคุณนะ” ลูคัสระบายยิ้มบางๆเอ่ยเตือนมิเชลอย่างหวังดี มิเชลก็ยอมปล่อยง่ายๆคามที่ลูคัสบอกแทบจะทันที สมิธขมวดคิ้วมุ่น แต่ก่อนเขาอ้อนวอนมิเชลแทบตายเธอยังไม่ยอมง่ายขนาดนี้

“ฉันนึกว่าคุณกลับไปแล้วซะอีก” มิเชลหันไปพูดเสียงอ่อนหวานกับลูคัส

“ผมเห็นคุณยังไม่เดินสักทีเลยไม่ให้คนออกรถน่ะ” มิเชลยิ้มแก้มปริอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อได้ยินประโยคที่แสดงความเป็นห่วงเธอจากลูคัส

“ฉันเจอน้องชายน่ะค่ะ แล้วตอนนี้เขาก็กำลังไปโรงเรียนสายและถูกครูทำโทษ” มิเชลหันมาตวัดสายตาเย็นๆใส่สมิธที่ยืนเงียบอยู่

“อ้อ เรื่องแค่นี้เอง ผมไปส่งให้ก็ได้ทางผ่านพอดี”ลูคัสขันอาสาอย่างใจดี มิเชลมองชายหนุ่มตรงหน้าเธออย่างลำบากใจ

“แต่...”

“ผมไม่ไป!”สมิธปฏิเสธเสียงกร้าว สายตาเด็กน้อยจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างขุ่นเคือง เขาไม่มีวันยอมไปกับไอ้คนที่ทำให้แม่ตีเขาแน่ๆ...และความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวชายหนุ่มคนนี้อยู่ลึกๆ

“สมิธ!แกอย่าเสียมารยาท”มิเชลหันไปปรามลูกชายเสียงเข้ม

“ไม่เป็นไรหรอกมิเชล เขาอาจจะหวงพี่สาว”ลูคัสโบกมือให้อย่างไม่ถือสา ดวงตาสีเขียวเข้มยังจับจ้องไปที่เด็กชายตัวน้อยด้วยความสนใจ

“ขอโทษคุณลูคัสเดี๋ยวนี้”มิเชลสั่งลูกชายเสียงเข้ม

“…”สมิธเม้มริมฝีปากแน่นอย่างไม่ยอมเอ่ยปากขอโทษคนที่เขาเกลียดขี้หน้า

“สมิธ!”

“ขอโทษ!”สมิธเอ่ยขอโทษห้วนสั้นใบหน้าบึ้งตึงอย่างไม่เต็มใจ

“หึๆ จะรับคำขอโทษก็ได้ถ้าให้ไปส่ง” ลูคัสระบายยิ้มใส่เด็กชายสมิธ

“ก็บอกว่าไม่...”

“มิเชล”ลูคัสไม่สนใจคำปฏิเสธเด็กน้อย แต่หันไปเรียกมิเชลด้วยเสียงราบเรียบแม้จะมีรอยยิ้มติดอยู่บนใบหน้าก็ตาม มิเชลอึกอักเธอไม่เข้าใจว่าทำไมลูคัสถึงได้นึกใจดีจะไปส่งสมิธให้ได้ สุดท้ายเธแก็ได้แต่จำยอมเพราะกลัวสายตาที่เริ่มไม่ยิ้มตามริมฝีปากของเขาแล้ว

“ก็ได้ค่ะ คงต้องรบกวนคุณแล้ว”

“มะ”สมิธกำลังจะหลุดปากเรียกมิเชลว่าแม่แต่ก็กลับลำเปลี่ยนคำเรียกทัน “มิเชล!ผมไม่ไป”

“แกอย่าเรื่องมาก ถ้าวันนี้แกยังไปโรงเรียนสายแกก็ไม่ต้องไปโรงเรียนอีก!” สมิธสะอึกไม่กล้าเอ่ยปากอะไรอีก เพราะเขายังอยากไปเรียน ไปเล่นกับพวกเดวิดที่โรงเรียน

ลูคัสหันไปพยักหน้าให้ลูกน้อง หนึ่งในสองชายชุดดำรีบเปิดประตูหลังรถให้อย่างรู้หน้าที่ ลูคัสจึงหันไปส่งสายตาให้สมิธขึ้นรถ เด็กชายกัดริมฝีปากอย่างจำใจก่อนจะย่ำเท้าหนักๆเดินขึ้นรถอย่างไม่สบอารมณ์

ลูคัสขมวดคิ้วนิดๆมองตามหลังเด็กน้อยไป เด็กคนนี้แปลกแค่เขาส่งสายตาเป็นนัยก็สามารถรับรู้ได้ว่าเขาหมายความว่าอะไร นี่เป็นครั้งที่สองที่เจอกันและเด็กคนนี้ก็อ่านสายตาเขาได้ทุกครั้ง

ลูคัสระบายยิ้มอย่างอารมณ์ มาอังกฤษคราวนี้เขาเจอคนน่าสนใจเข้าแล้วสิ

มิเชลทำท่าจะก้าวเท้าตามสมิธขึ้นรถแต่ไหล่บอบบางของเธอก็ถูกมือแกร่งของลูคัสจับไว้ก่อน

“คะ?”

“คุณไม่ต้องไปหรอก เพราะเดี๋ยวก็ต้องก็ต้องวนรถมาส่งคุณอีก...ผมอยากให้คุณกลับห้องไปพักผ่อนมากกว่า”

“เอ่อคือ...”

“ไม่ไว้ใจผมหรือไง?” ลูคัสเลิกคิ้วถามมิเชลยิ้มยิ้มๆ หญิงสาวส่ายหน้าเป็นพัลวัน

“เปล่าค่ะ...ถ้าอย่างนั้นฉันฝากสมิธด้วยนะคะ” ไม่รู้เพราะอะไรทำให้เธอกล้าฝากลูกชายให้กับคนที่รู้จักได้แค่สองสัปดาห์ แถมความสัมพันธ์ยังเป็นแค่คู่นอนไร้สถานะใดๆ

“อืม คุณไม่ต้องห่วงเดี๋ยวเย็นนี้ผมมารับไปดินเนอร์”ลูคัสลูบผมหญิงสาวเบาๆแล้วฉีกยิ้มมุมปากให้ ทำเอามิเชลแทบระทวยไปกับพื้น

ลูคัสหันหลังให้มิเชลแล้วก้าวขึ้นรถทันทีที่ได้ยินเสียงปิดประตูทำให้สมิธที่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างอีกด้านหันมาผู้โดยสารร่วมกับตนเองทันที

เด็กชายขมวดคิ้วจนแทบผูกเป็นปมเมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้เป็นแม่อยู่บนรถ ปากเล็กๆจิ้มลิ้มขยับถามแทบทันที

“มิเชลล่ะ?”

“มิเชลก็กลับไปนอนพักที่ห้องสิ ฉันจะไปส่งนายเอง”

“จอดรถเลยนะ!ผมไม่ไปกับคุณ!”แม้จะไม่ชอบขี้หน้าแต่เด็กชายก็ไม่กล้าพูดหยาบคายกับผู้ชายคนนี้ เกิดมันเอาไปฟ้องมิเชลเขาก็แย่สิ แต่ลูคัสกลับทำหูทวนลม

“อายุกี่ขวบแล้วสมิธ”

“ห๊ะ!”สมิธชะงักเพราะตั้งตัวไม่ทันกับการอยู่ๆก็ถามขึ้นของคนที่นั่งข้างๆ “ไม่บอกหรอก”

“ตัวเล็กๆแบบนี้เก้าหรือสิบขวบ?”

“จะสิบสองแล้วเถอะ” เด็กผู้ชายใครๆก็อยากโตไม่ชอบให้ใครมาว่าเป็นเด็กสักเท่าไหร่ ซึ่งลูคัสก็ฉลาดจี้ถูกจุด

“จะสิบสองแสดงว่ายังไม่ถึงเดือนเกิด...อืมขอทายว่าเป็นเดือนพฤษภาคม”

“ฮึ!”สมิธกอดอกแสยะยิ้มเยาะๆ รู้สึกสะใจตามประสาเด็กที่คนที่ตัวเองไม่ชอบหน้าตอบผิด

“ผิดงั้นหรอ อืม...งั้นนายลองทายเดือนเกิดพี่ซิ”

“ทำไมผมต้องทำแบบนั้นด้วยไม่ทราบ”

“ก็...ถ้านายตอบถูกพี่จะซื้อรองเท้ายี่ห้อXXลายเบนเท็นรุ่นลิมิเต็ดให้นายเป็นไง” สมิธตาวาว เพราะมันเป็นรองเท้าที่เขาอยากได้มาก แต่มิเชลไม่ยอมซื้อให้เพราะว่ามันแพงกว่าเงินที่มิเชลหาได้ทั้งเดือนซะอีก

“...ไม่เอา”แม้จะลังเลแต่เด็กหนุ่มก็เลือกที่จะปฏิเสธเพราะแม่สั่งไว้ว่าห้ามรับของจากคนแปลกหน้า

“พี่ไม่ได้ให้นายฟรีๆสักหน่อย ก็แค่นายลองทายมาถ้าถูกก็ได้ของไป ไม่ถูกก็ไม่เป็นไร”

“ผมทายโดยที่ไม่ต้องเสียอะไรเลยงั้นหรอ”

“ใช่”

“ง่ายจัง”

“ง่ายสิถ้าพี่อยากทำให้ง่าย”ลูคัสยิ้ม นัยน์ตาสีเขียวมีแววประกายบางอย่างที่สมิธไม่ทันสังเกตเห็น

“อืม...ผมขอทายว่าคุณเกิดเดือนพฤศจิกายน”เด็กชายทำท่าครุ่นคิด เผลอรู้สึกสนุกไปกับเกมส์ที่ชายหนุ่มอีกคนสร้างขึ้น

“…”

“ถูกรึเปล่า?”

“ถูก”

“จริงหรอ?”เด็กชายเบิกตากว้างขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ จะบังเอิญเกินไปแล้วที่เขาทายถูกได้ในครั้งเดียว

“จริงสิ เพราะฉะนั้นนายก็จะได้ของตามที่เราตกลงกันไว้”ลูคัสฉีกยิ้มกว้าง

“คุณพูดจริงใช่ไหม อย่ามาเก็บเงินกับผมทีหลังนะ ผมไม่มีให้หรอก”

“ไม่เก็บหรอกน่า พี่พูดคำไหนคำนั้น”

“อือ”

“ถ้าไม่เชื่อจะทำสัญญากันไว้ก่อนก็ได้”

“สัญญายังไง?”

“สัญญาแบบนี้ไง” ลูคัสเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าเรียวเด็กชายอย่างรวดเร็ว มือแกร่งตรึงท้ายทอยเล็กไว้ไม่ให้ขยับ จมูกโด่งของลูคัสกดลงที่แก้มใสและริมฝีปากบางของเขาก็ประทับลงที่มุมปากเล็กของเด็กน้อยแผ่วเบา ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วินาที สมิธตั้งสติได้ก็ตอนลูคัสถอนใบหน้าออกไปแล้ว

ดวงตาสีมหาสมุทรเบิกกว้าง ชี้หน้าลูคัสด้วยความตกใจ

“ทำบ้าอะไรของคุณ!”

“ก็สัญญาไง”ลูคัศยังคงยิ้มด้วยใบหน้าเบิกบาน กลิ่นหอมละมุนไม่เหมือนใครยังติดอยู่ที่ปลายจมูกเขา

“เป็นโรคจิตหรอวะ”สมิธธมองคนตรงหน้าหวาดๆ เกิดมาตั้งแต่จำความได้เขายังไม่เคยถูกใครหอมหรือจูบแม้กระทั่งกับแม่แท้ๆของตัวเองก็ตาม มันทำให้เขารู้สึกแปลกๆแต่ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นัก แต่ไอ้คนที่หอมเขาดันเป็นผู้ชายน่ะสิ มันปกติหรือไงนะ เขายังไม่เคยเห็น

“ก็ปกตินี่”ลูคัสยักไหล่พูดยิ้มๆ

“ไม่เอาแล้วรองเท้า”สมิธพูดพลางใช้เสื้อเช็ดแก้มตัวเองจนแดง

“ได้ไง?สัญญาไปแล้วนะ”

“ก็บอกว่าไม่เอา!”

“สมิธ”แค่ลูคัสเอ่ยชื่อสมิธนิ่งๆเด็กชายก็ชะงักแล้วขยับตัวห่างจนหลังเกือบชิดประตู

“…”

“ผู้ใหญ่ให้ของก็รู้จักรับไว้...มันเป็นมารยาท และพี่ไม่ได้ให้ฟรีๆเราเดิมพันกันแล้วนายชนะ นายก็ต้องได้ของไป เข้าใจไหม?”

สมิธพยักหน้ารับโดยไม่รู้ตัว

“ดีมากเด็กดี”ลูคัสยิ้มอย่างพอใจนิ้วเรียวยาวของเขายื่นไปสางผมนุ่มให้เด็กน้อยแผ่วเบา นิ้วโป้งเกลี่ยแก้มใสที่แดงจากแรงเสียดสีไปมาเบาๆ จนกระทั่งรถหยุดและลูกน้องของลูคัสเดินมาเปิดประตูรถฝั่งสมิธ มือแกร่งของลูคัสจึงผละออก

“ถึงโรงเรียนแล้ว รีบไปสิเดี๋ยวจะสายเอานะ”

สมิธที่ได้ยินเสียงลูคัสเอ่ยเตือนก็เหมือนจะได้สติ เด็กน้อยรีบก้าวขาลงจากรถแล้วสาวเท้าวิ่งเข้าโรงเรียนโดยไม่เอ่ยคำลาหรือแม้แต่คำขอบคุณสักคำเดียว แต่ลูคัสก็ไม่ได้ถือสาเพราะเขาได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว

ลูกน้องเขาปิดประตูและรถเคลื่อนออก จุดหมายปลายทางคือช็อปรองเท้าขนาดใหญ่ในใจกลางกรุงลอนดอน ไหนๆวันนี้เขาก็ว่างทั้งวันจะไปเลือกรองเท้าให้เด็กน้อยสักหน่อยก็แล้วกัน

++++++++++++++++
มีใครได้กลิ่นล่อลวงเด็กเหมือนเปรมไหม หึๆ ช่วงนี้อาจมาช้าบ้างนะคะ สัปดาห์หน้าเปรมสอบมิดเทอม ฮือ NBน้องก็ยืมไปใช้ ที่แต่งไว้ก็ลบแก้ทิ้งไปซะเยอะ เอาเป็นว่าจะมาลงสัปดาห์ละ2ตอนเนาะ แต่สัปดาห์หน้ารอๆกันหน่อยเน้อ จุ๊ฟ

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ลูคัสนิสัยไม่ดีเลยยย น้องเพิ่งจะ 12 นะนั้น :hao7: รอดั่ยค่าาา มาต่อก็ดีใจแล้ววว :katai3:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เฮียทำอะไร สงสารน้องเขาหน่อยเถอะ  :hao3:

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คนโปรด 3

“กลับมาแล้วครับ”

“สมิธมานี่ซิ”มิเชลเอ่ยเรียกเด็กชายแก้มใสเมื่อรู้ว่าเด็กน้อยกลับถึงห้องแล้ว สมิธถอดบูทแล้วเดินตามเสียงเรียกของมิเชลที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเก่าในห้องนั่งเล่นแคบๆแห่งนี้

“แม่มีอะไรรึเปล่า?”

“นี่มันหมายความว่ายังไง!แกไปเอาเงินจากไหนมาซื้อรองเท้า”มิเชลกอดอกสอบสวนสมิธเสียงเข้ม ชี้มือไปที่กล่องรองเท้ายี่ห้อดัง เด็กชายขมวดคิ้วอย่างงุนงงมองตามมือผู้เป็นแม่อย่างไม่เข้าใจ

“ไม่ใช่ของผม”

“มันจะไม่ใช่ได้ยังไง ชื่อแกมันเด่นหราขนาดนี้” เด็กชายก้าวเท้าเข้าไปดูของชิ้นนั้นใกล้ๆด้านบนกล่องมีการ์ดเล็กๆแนบว่าสำหรับ ‘สมิธ เกรย์เยอร์’

“ใครเอามาส่งอ่ะ”

“เมสเซนเจอร์”

สมิธหยิบกล่องรองเท้าออกจากถุง พอเห็นยี่ห้อเด็กชายก็ถึงกับหลุดอุทานไม่เบา

“อะไร?”มิเชลถามอย่างสงสัยกับท่าทางของลูกชาย

“ผมคิดว่าผมรู้แล้วว่าใครส่งมา”

“ใคร?”

“เพื่อนแม่ไง...ลูคัส”

“คุณลูคัสงั้นหรอ แกไปพูดอะไรให้เขาซื้อให้ล่ะ”มิเชลเอ่ยอย่างไม่ชอบใจ

“ผม...ไม่ได้ทำอะไร แค่...”

“แค่อะไร!?แกเลิกเล่นเกมถามคำตอบคำกับฉันได้แล้ว อธิบายมาให้หมดเดี๋ยวนี้!”

“เอ่อ...ระหว่างที่อยู่ในรถเขาก็ถาม...”สมิธเล่าเรื่องทุกอย่างให้แม่ฟังแต่ไม่ได้พูดถึงฉากที่ไอ้โรคจิตนั่นหอมแก้มสัญญา สมิธไม่ได้ติดใจอะไรเพราะถามพวกเดวิดแล้วมันคือเรื่องปกติ

“แกแน่ใจนะว่าไม่ได้เอ่ยปากขอเขาเอง”

“ครับ”

“แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าแกชอบเบนเท็น?”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”เด็กชายยกมือขึ้นเกาศีรษะงงๆ มิเชลที่เห็นนาฬิกาบนข้อมือลูกชายก็พอจะเดาออกว่าทำไมลูคัสถึงรู้ว่าลูกชายเธอชอบเบนเท็น แต่เธอก็ขี้เกียจอธิบายอะไรจึงเลือกจะพูดปัดไปเรื่องอื่น

“ช่างเถอะ เขาอาจจะเอ็นดูแก...แสดงว่าเขาก็ชอบฉันพอสมควรเลยสินะ”มิเชลยิ้มอย่างได้ใจ ถ้าเธอจับผู้ชายคนนี้ได้ ยังไงเธอก็จะสบายไปทั้งชีวิตอยู่แล้ว

“แม่หมายความว่าไง”

“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก ถ้าเขาให้อะไรอีกก็รับไว้ ทำตัวดีๆว่านอนสอนง่ายห้ามดื้อห้ามซนเข้าใจไหม”

“แต่...”

“ถ้าแกอยากสบายก็ทำตามที่ฉันบอก...ไม่อย่างนั้นฉันจะทิ้งแกไว้คนเดียว!”สมิธสะดุ้งเฮือก รีบผวาไปกอดเอวผู้เป็นแม่แน่นแล้วส่ายหน้าไปมา

“ไม่เอา อย่าทิ้งผม ฮึก!” เด็กชายน้ำตาไหล สะอื้นฮักจนน่าสงสารเพราะฝังใจเรื่องถูกทิ้งไว้คนเดียวเมื่อก่อน

“ฉันจะไม่ทิ้งถ้าแกทำตามที่ฉันบอก ตกลงไหม?”มิเชลขู่เด็กชาย ทั้งๆถ้าจะทิ้งสมิธจริงๆกลับทำไม่ได้ง่ายๆอย่างนั้น แต่เพราะสมิธยังเด็กและเธอก็ปิดกั้น เรื่องกฎหมายเด็กชายจึงไม่มีความรู้

“อื้อ”

+++++++++++++++++

“มิเชล ผมว่าคุณเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ดีไหม”ลูคัสว่าพลางสวมเสื้อคลุมหลังเสร็จภารกิจกับมิเชลรอบที่สอง

“เอ๊ะ?ทำไมล่ะค่ะ?”

“ผมว่าที่นั่นดูอันตรายไปหน่อย...ผมเป็นห่วง”ลูคัสว่ายิ้มๆแล้วจิบไวน์แดงราคาเหยียบหมื่นปอนด์ด้วยท่าทีสบายๆบนโซฟาสีเลือดหมู มองมิเชลด้วยสายตาร้อนแรงจนเธอรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว

“ฉันก็อยากจะทำอย่างนั้นค่ะเมื่อเดือนที่แล้วสมิธก็เกือบโดนไอ้สารเลวคนหนึ่งในอพาร์ทเม้นท์ข่มขืน...แต่ว่า”มิเชลพยายามเรียกคะแนนสงสารจากชายหนุ่ม และก็ได้ผลเมื่อลูคัสขมวดคิ้วเครียด รอยยิ้มที่ติดบนใบหน้าจางๆก็ไม่มีอีกแล้ว

“เกิดเรื่องแบบนี้คุณต้องย้ายแล้วล่ะ...ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายผมจะจัดการให้เอง”

“จะดีหรอคะ”สีหน้ามิเชลแสดงออกถึงความเกรงใจ แต่ในใจเธอกลับสั่นระริกอย่างดีใจ

“ดีสิ คุณทำให้ผมพอใจได้นี่”ร่างสูงของชายหนุ่มลุกขึ้นก้าวไปหาหญิงสาวที่นอนเปลือยอยู่ใต้ผ้าห่ม ใบหน้าหล่อเหลาติดหวานโน้มไปจูบหน้าผากหญิงสาวแผ่วเบา มิเชลกัดริมฝีปากเย้ายวน สองแขนเล็กคล้องคอชายหนุ่มไว้ไม่ให้ยืดตัวขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นให้มิเชลทำให้คุณพอใจยิ่งกว่านี้นะคะ”ลูคัสยิ้มบางๆตอบรับคำเชิญชวนของหญิงสาวด้วยการประทับจูบบนริมฝีปากอิ่มแทน

+++++++++++++++

ร่วมสัปดาห์แล้วที่สมิธได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหม่ เด็กชายเริ่มปรับตัวได้และรู้สึกมีความสุขกว่าอยู่ที่อพาร์ทเมนท์เดิมมาก มิเชลพาสมิธย้ายเข้ามาอยู่ในโซนหนึ่งของลอนดอนซึ่งดีกว่าที่อยู่เก่าที่อยู่โซนสี่แบบเทียบไม่ติด บ้านที่สมิธย้ายเข้ามาอยู่ตั้งอยู่ในอาคารแบบจอเจียร์ ถนนหน้าบ้านแม้จะคนพลุกพล่านแต่ก็สงบเพราะคุณภาพชีวิตที่นี่ต่างจากที่สมิธเคยอยู่อย่างสิ้นเชิง

ภายในบ้านตกแต่งอย่างที่สมิธชอบมากๆ เป็นการผสมผสานระหว่างความคลาสิคและโมเดิร์นอย่างลงตัว สมิธมีห้องนอนกว้างและห้องน้ำในห้องเป็นของตัวเอง ฮีตเตอร์ในห้องก็ทำงานได้ดีเต็มประสิทธิภาพ เวลาที่จะไปโรงเรียนแค่เดินออกจากบ้านไม่ถึงห้านาทีก็เป็นป้ายจอดบัส ใกล้ๆกันก็เป็นสถานีรถไฟ เวลากลางคืนก็ไม่น่ากลัวเหมือนเก่า

เด็กชายชอบที่นี่มาก มันเป็นสิ่งที่สมิธเฝ้าถวิลหามาโดยตลอด เขาอยากใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและมีความสุขโดยไม่ต้องหวาดระแวงว่าจะมีคนมาดักปล้นหรือทำร้าย สมิธขอบคุณมิเชลไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ทำให้ความปรารถนาของเขาเป็นจริง

แม้จะไม่รู้ว่ามิเชลไปหาเงินมาจากไหนมากมายพอจะเช่าบ้านหลังนี้ แต่มิเชลบอกว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เด็กชายตัวเล็กจึงไม่กล้าปริปากพูดให้มากความอีก

เพราะแค่นี้สมิธก็พอใจมากๆแล้ว

วันนี้เด็กชายสมิธไปเล่นเกมส์บ้านเด็กชายเดวิดจนเกือบจะมืดเขาถึงได้กลับถึงบ้าน แต่สมิธไม่กลัวมิเชลดุเพราะเขายืมโทรศัพท์ที่บ้านเดวิดโทรบอกมิเชลแล้ว และมิเชลก็อนุญาต สมิธมีความสุขมากที่ช่วงนี้มิเชลใจดีกับเขากว่าแต่ก่อนถึงจะไม่สนใจเหมือนเดิมแต่ก็ไม่ค่อยดุด่าซึ่งถือว่าดีมากแล้ว

เด็กชายไขกุญแจแล้วเปิดประตูเข้าไป ในบ้านนั้นมืดสนิทแสดงว่ามิเชลออกไปทำงานแล้ว มือเล็กๆเอื้อมไปเปิดไฟแล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อปรากฎภาพคนที่สมิธไม่เห็นหน้ามาสัปดาห์กว่าๆกอดอกมองเขาอยู่ทางเข้าห้องนั่งเล่น

“ไปไหนมา?”เด็กชายไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองไหม แต่รู้สึกว่าน้ำเสียงลูคัสดูน่ากลัวชอบกล

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณล่ะ...อีกอย่างคุณเข้ามาในบ้านผมได้ยังไง”ด้วยความเป็นเด็กที่ไม่ว่าจะดื้อยังไงก็ยังดื้ออยู่อย่างนั้น ไม่สามารถลดทอนความดื้อลงได้ง่ายๆอย่างที่ผู้ใหญ่บางคนต้องการ ซึ่งตัวสมิธเองก็เป็นอย่างนั้นซะด้วย และนั่นก็ไปกระตุกต่อมหงุดหงิดของใครบางคนเข้า

“พี่ถามดีๆนะสมิธ” ลูคัสสาวเท้าเข้าไปใกล้เด็กชายช้าๆ สมิธก็ก้าวถอยหลังช้าๆจนแผ่นหลังเล็กชิดติดกับประตู และตัวลูคัสเองก็ก้าวเข้ามาประชิดตัวสมิธได้แล้ว

“อะ..อะไรเล่า!ผมแค่ไปเล่นเกมส์บ้านเดวิดเองนะ”เพราะเด็กชายนัยน์ตาสีฟ้าเข้มรู้สึกว่าโดนกดดันอย่างหนัก ทำให้เขาไม่กล้าดื้อกับลูคัสมากนัก

“แล้วทำไมไม่เล่นที่บ้าน”ชายหนุ่มโน้มหน้าเข้าไปใกล้เด็กน้อยที่สูงเพียงใต้ราวนมเขา

“มันมีซะที่ไหนล่ะ”สมิธทำหน้ายุ่ง เงยหน้าโต้ตอบลูคัสได้อย่างเป็นธรรมชาติ

“ถ้ามีก็จะไม่ไปที่อื่นใช่ไหม”

“ก็...ถ้าเล่นคนเดียวคงไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่”เด็กชายทำท่าหงอยๆลง เพราะกลัวลูคัสจะพูดไม่ให้มิเชลอนุญาตเขาไปเล่นบ้านเดวิดอีก

ลูคัสยิ้มขำ เขาไม่เคยเจอเด็กคนไหนเหมือนสมิธมาก่อน บางทีก็ดูเป็นเด็กดื้อธรรมดาๆคนหนึ่งแต่บางทีก็ดูเฉลียวฉลาดเกินวัย เขาชอบพูดคุยกับสมิธอยากแกล้งให้แสดงสีหน้าหลายๆด้าน ช่วงเวลาที่ทำงานอยู่ที่อังกฤษมันทำให้เขาหายเบื่อไปได้เยอะ

แต่ลูคัสกลับไม่รู้ตัวเลย ว่าแค่การพูดคุยกันหรือหยอกเล่นแบบธรรมดาจะไม่เพียงพอสำหรับเขาอีกต่อไป

“ก็ชวนเพื่อนมาเล่นที่บ้านสิ”ลูคัสพูดยิ้มๆ

“มิเชลคงไม่อนุญาต”สมิธที่รู้จักนิสัยแม่ของตัวเองดีก็เดาคำตอบได้ไม่ยาก

“พี่จะซื้อเครื่องเล่นเกมให้แล้วก็จะพูดให้มิเชลอนุญาตให้เพื่อนสมิธมาเล่นที่บ้านด้วยดีไหม?”ความจริงแล้วลูคัสไม่จำเป็นต้องขอมิเชลด้วยซ้ำ แค่เขาเอ่ยปากยังไงมิเชลก็ต้องยอม ในเมื่อบ้านหลังนี้เขาเป็นคนซื้อนี่

“จริงหรอ”ดวงตาเด็กชายเป็นประกายยิ่งกว่าตอนที่ลูคัสบอกจะซื้อรองเท้าให้ซะอีก

“จริงแน่นอน...แต่ว่า”

“แต่ว่าอะไร?”คนตัวเล็กเอียงคอถามคนตัวโตกว่า โดยที่สมิธไม่รู้เลยว่าท่าทางแบบนั้นทำให้อีกคนอยากฟัดแก้มเขามากแค่ไหน

“เวลาพี่มาหา สมิธต้องเป็นเด็กดี ทำตัวน่ารักเชื่อฟังพี่...แล้วพี่จะให้ทุกอย่างที่สมิธต้องการ”สมิธไม่ค่อยเข้าใจความหมายที่ลูคัสพูดนัก แต่มิเชลบอกให้เชื่อฟังลูคัส แล้วลูคัสก็บอกว่าจะตามใจ เพราะฉะนั้นสมิธก็จะเชื่อฟังลูคัส

“อื้อ...ตกลง”สมิธพยักหน้ารับ

“ดี...ถ้าอย่างนั้นเรามาทำสัญญากันเหมือนเดิม”ลูคัสกระตุกยิ้ม

“แบบตอนบนรถน่ะหรอ”

“ใช่ แต่คราวนี้มิทตี้เป็นคนทำนะ”ลูคัสย่อขาลงนั่งยองๆ ทำให้ส่วนสูงของสมิธเลยหัวชายหนุ่มไปเล็กน้อย เขาเอียงใบหน้าให้สมิธข้างหนึ่ง ส่งสายตาเร่งเร้าให้เด็กน้อยลงมือ

สมิธลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ที่จริงเด็กชายก็ชอบที่มีคนมาแสดงความรักความเอ็นดูให้เขาเหมือนกัน

จมูกโด่งและริมฝีปากเล็กแนบลงบนแก้มชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ลูคัสหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี มือเรียวยาวประคองใบหน้าเล็กเข้ามาใกล้ก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มใสบ้าง เขาสูดหายใจหนักรับเอาความหอมไม่เหมือนใครเข้าเต็มปอด ในใจอยากกัดแก้มกลมๆนี่ด้วยซ้ำแต่เดี๋ยวเด็กจะหาว่าเขาโรคจิตเหมือนครั้งแรกได้

สมิธหลับตาปี๋ ยอมให้ลูคัสหอมจนพอใจ ครั้งแรกที่ถูกหอมเขาค่อนข้างตกใจ แต่การถูกสัมผัสครั้งนี้กลับต่างออกไป หัวใจของเด็กชายเต้นเร็วผิดจังหวะ ไม่เคยมีใครสัมผัสเขาแบบนี้และไม่เคยมีใครใจดีกับเขามากเท่าลูคัสอีกเช่นกัน

สมิธลืมความบาดหมางกับลูคัสในคราแรกไปหมดสิ้น ตอนนี้ในสายตาเด็กน้อย ลูคัสเปรียบเสมือนที่พึ่ง เป็นคนที่สมิธโหยหามานานและไม่เคยได้สัมผัส...พ่อ

เด็กชายโน้มตัวไปกอดคอลูคัสแน่นจนชายหนุ่มยังนึกแปลกใจ แต่เมื่อเห็นสายตาที่มองเขาเปลี่ยนไปของสมิธก็ทำให้เขาพอเข้าใจอะไรได้ลางๆ

เด็กนี่คิดว่าเขาอยากเป็นพ่อคนตอนอายุยี่สิบรึไงนะ

ลูคัสอุ้มสมิธน้อยขึ้นทั้งๆที่ร่างเล็กยังกอดคอเขาไว้อยู่ ชายหนุ่มพาเด็กน้อยเอากระเป๋านักเรียนไปเก็บแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็พาสมิธออกไปกินข้าวนอกบ้านโดยไม่ลืมส่งข้อความบอกมิเชลไว้

สมิธทานอาหารค่ำได้มากกว่าปกติ เขาไม่เคยทานพาสต้าที่ไหนอร่อยขนาดนี้มาก่อน หลังจากนั้นลูคัสยังพาเขาไปซื้อเครื่องเล่นเกมส์ที่เหมือนของเดวิดอีกด้วย

เด็กชายนั่งชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนในลอนดอนอย่างอารมณ์ดี สมิธหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆพบว่าลูคัสมองเขาอยู่ก่อนแล้ว

“ขอบคุณนะครับ”

“อืม”ลูคัสยื่นมือไปลูบเส้นผมนิ่มของสมิธไปมา สายตาเผลอจับจ้องที่ริมฝีปากเล็กนานกว่าปกติ ลำคอเขาแห้งผากไปหมด ความรู้สึกอยากประทับริมฝีปากและดูดปากเล็กๆนั่นมันคืออะไรกัน

หรือว่าเขาจะเริ่มโรคจิตจริงๆ แต่กลับเด็กคนอื่นลูคัสไม่เคยเป็น น่ารักกว่าสมิธเขาก็ไม่รู้สึกอะไรติดจะรำคาญซะด้วยซ้ำ ลูคัสหายใจเข้าออกแรงอย่างพยายามสงบอารมณ์

“ลุค เป็นอะไรไป?”เด็กชายเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ยื่นใบหน้าเรียวเล็กเข้าไปดูชายหนุ่มใกล้ๆ ลูคัสหน้าเครียดยิ่งทำให้สมิธเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก

“มิทตี้ หลับตาซิ”

“ทำไม?พี่เป็นอะไร!?”เด็กชายเอ่ยถามอย่างตระหนก

“หลับตาสิ เดี๋ยวพี่ก็หาย”

“อื้อ”สมิธหลับตาลงอย่างเชื่อฟัง ชายหนุ่มจึงโน้มหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูสมิธ

“ถ้าพี่ทำอะไร ไม่ต้องตกใจหลับตาไว้เข้าใจไหม”เด็กชายพยักหน้า จากนั้นริมฝีปากเขาก็ถูกสัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่าง มันนุ่มหยุ่นและอุ่นร้อน ริมฝีปากเล็กๆถูกอีกคนขบเม้มและดูดดึงอย่าเร่าร้อน ลูคัสบดเบียดริมฝีปากตนเองเข้ากับกลีบปากเล็กของเด็กน้อย มันหวานล้ำจนเขาไม่อาจหยุดยั้งจูบนี้ได้ง่ายๆ ลิ้นร้อนเริ่มเลาะเล็มไปตามแนวฟัน แยกริมฝีปากเล็กให้เปิดออกแล้วกวาดต้อนลิ้นไปทั่วโพลงปากเล็กอย่างสำรวจ เขาดูดลิ้นเล็กๆสมิธด้วยความหมั่นเขี้ยว ใจอยากจะทำให้มากกว่านี้แต่เด็กน้อยเริ่มหอบหายใจไม่ทันแล้ว เขาจึงได้ถอนริมฝีปากออกมา

สมิธหอบหายใจแรงทั้งๆที่หลับตาปี๋ มือกำขากางเกงแน่นอย่างนึกกลัวตอนที่หายใจไม่ออกแต่ก็ไม่กล้าลืมตา

“ลืมตาได้เด็กดี”เปลือกตาเล็กเปิดออก นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองลูคัสอย่างมึนงง

“ลุค พี่หายแล้วรึยัง?”เมื่อปรับลมหายใจได้แล้วเด็กชายก็ไม่ลืมที่จะถามคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง

“ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”ลูคัสพูดยิ้มๆ เผลอเลียริมฝีปากตัวเองที่มีรสไอศกรีมติดอยู่จางๆ

“แล้วต่อไปพี่จะเป็นอีกรึเปล่า”

“ก็อาจจะ แต่ถ้ามิทตี้ช่วยก็หายดีเลยล่ะ”

“แบบเมื่อกี้น่ะหรอ”

“ใช่ มิทตี้จะช่วยพี่ไหม”ลูคัสมองเด็กตรงหน้าด้วยสายตาอ่านยาก มือเรียวยื่นไปเกลี่ยริมฝีปากเล็กเบาๆ

“ก็...ก็ได้ แต่ว่าเมื่อกี้ผมหายใจไม่ออก”เด็กชายมีความลังเลอยู่บ้างเพราะการรักษาลูคัสค่อนข้างจะลำบากมากสำหรับเขา

“ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็ชินเอง แล้วเรื่องนี้เก็บไว้เป็นความลับที่รู้แค่เรา ตกลงไหม?”

“อื้อ...ผมจะไม่ตายใช่ไหม?”เด็กชายรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ เพราะหลับตาเลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง

“ไม่ตายหรอก พี่อยู่ทั้งคนใครก็ทำอะไรมิทตี้ไม่ได้ทั้งนั้น”

“ผมจะอยู่กับลุค”เด็กชายตัวน้อยตอบรับด้วยรอยยิ้มใสซื่อ ทำให้ลูคัสกระตุกยิ้มอย่างพอใจ

คล้อยหลังจากไปส่งสมิธที่บ้าน ลูคัสก็เดินทางกลับเพนท์เฮาส์ทันทีโดยไม่อยู่รอมิเชลกลับจากที่ทำงาน ท่ามกลางความเงียบภายในรถ โยฮันเนสลูกน้องคนสนิทของลูคัสที่นั่งอยู่ข้างคนขับ เอ่ยขึ้นถึงเหตุการณ์ที่เขากับเพื่อนอีกคนร่วมกันเป็นพยานในการชำเราผู้เยาว์เมื่อไม่กี่นาทีก่อน

“นายครับ...”

“ผมรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่โย”

“ผมไม่อยากให้เด็กคนนั้นนำปัญหามาสู่นายทีหลัง”โยฮันเนสเอ่ยเตือนด้วยความเป็นกังวล กฎหมายที่นี่แรงมาก ถ้าเรื่องที่นายเขาทำอยู่แดงออกไป ต่อให้มีอำนาจมากแค่ไหนก็ใช่ว่าจะจบเรื่องได้ง่ายๆ

“แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมอยากได้เขา” เพราะเป็นคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในจุดต่ำสุดมาก่อน กว่าเขาจะได้สิ่งที่อยากได้มาแต่ละอย่างก็ยากเย็นจนเลือดตาแทบกระเด็น มาในวันที่เขาอยู่ในจุดสูงสุด จุดที่เขามีทุกอย่างอยู่ในกำมือ

แค่เด็กผู้ชายคนเดียวทำไมเขาจะเอามาไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้นนายก็รอก่อน วางแผนให้รอบคอบดีไหมครับ”

“อืม ผมคิดเอาไว้แล้ว” ลูคัสวางแผนอยู่ในใจตั้งแต่จูบเด็กน้อยไปแล้ว ยอมรับว่าติดใจอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน แต่เขาเป็นพวกเบื่อง่าย คิดว่าไม่นานก็คงเบื่อไปเอง

เขาไม่สนใจว่ากำลังจะทำให้เด็กคนหนึ่งเสียอนาคต หรือชีวิตพังอะไรก็แล้วแต่

ตอนนี้ลูคัสอยากได้ เขาก็ต้องได้

ไม่ว่าต้องใช้วิธีไหนก็ต้องเอาสมิธมาเป็นคนของเขาให้ได้

++++++++++++++++++++
อิพี่ก็จะหลงๆเด็กหน่อย ตอนหน้าความชั่วที่เก็บไว้ก็จะโผล่แล้วเจ้าค่ะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ไม่น่าจะเรียกว่า "หลงเด็ก" นะ น่าจะ "หื่น" มากกว่า  :hao3:

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
รอวันที่น้องโต  :pighaun:

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คนโปรด 4.1

ในทุกๆวันพฤหัสบดีหรือวันศุกร์ของสัปดาห์จะเป็นวันที่ลูคัสแวะมาหาเด็กน้อยที่เขาหมายปองอยู่ลอนดอน เพราะวันอื่นๆเขาต้องเดินทางไปดูแลสาขาคาสิโนต่างๆในประเทศแถบโซนยุโรปจึงไม่มีเวลาว่างไปหาสมิธได้ทุกวัน

แต่ถ้าไม่แวะไปหาเลยก็ไม่ได้ เดี๋ยวเด็กดื้อจะลืมหน้าเขาได้ ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ลูคัสชอบใจนัก

ลูคัสกระทำเช่นนี้อยู่นานนับเดือน จนเหมือนเด็กน้อยจะเริ่มติดชายหนุ่มขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะทุกครั้งที่เจอหน้ากันลูคัสก็มักจะมีของฝากจากประเทศที่เขาเดินทางมาให้สมิธเสมอและเด็กน้อยก็ดูจะตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เปิดถุงออกดู ส่วนมิเชลเขาก็ให้บ้างและความสัมพันธ์ทางกายระหว่างเขากับเธอก็ยิ่งลดน้อยลงเรื่อยๆ

มิเชลดูไม่ชอบใจนัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะลูคัสได้ให้เธอออกจากที่ทำงานและส่งเสียเลี้ยงดูมิเชลอย่างเป็นจริงเป็นจัง ช่วงแรกๆเธอก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามที่เคยวาดฝันไว้ ได้ช็อปปิ้งไปกับของแบรนด์เนม เที่ยวเล่นไปวันๆโดยที่ไม่ต้องทำอะไร เงินก็มีคนโอนให้ใช้ เพียงแต่นานวันไปเธอก็เริ่มจะเบื่อเพราะไม่รู้จะเอาไปอวดใคร ตัวมิเชลเป็นคนสังคมแคบ จึงไม่ค่อยมีเพื่อนมากนักและเธอไม่มีเพื่อนสนิทเลย ส่วนลูคัสก็ไม่มีเวลาให้กับเธอมีแค่ตามจ่ายสิ่งที่เธออยากได้ก็แค่นั้น นานๆครั้งถึงเรียกเธอไปนอนด้วยสักที

แต่ที่น่าเจ็บใจไปกว่านั้นคือเขามีเวลามาหาลูกชายเธอทุกสัปดาห์ต่างหาก มิเชลสงสัยและรู้สึกว่าการกระทำของลูคัสดูแปลกๆ แต่เธอก็เลือกที่จะทำเป็นมองไม่เห็นตราบใดที่เขายังไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกับสมิธและยังให้เงินปรนเปอความสุขแก่เธออยู่

ลูคัสเห็นมิเชลดูว่างๆจึงชวนหญิงสาวไปเล่นสนุกที่คาสิโนของเขาที่อยู่ในแมนเชสเตอร์ เริ่มแรกหญิงสาวก็ลองเล่นบาคาร่า เธอแทงด้วยชิพหลักร้อย ปรากฏว่าหญิงสาวแทงถูกเกือบทุกรอบ ภายในวันนั้นเธอได้เงินมาหลายพันปอนด์

มิเชลเริ่มชอบและรู้สึกสนุกไปกับการพนันชนิดนี้วันต่อๆมาเธอก็ขอลูคัสมาเล่นอีก และแทงหนักขึ้นเรื่อยๆ มิเชลยังคงดวงดีเธอได้มากกว่าเสีย แต่เมื่อนานวันไปเธอก็เริ่มเสียมากกว่าได้ มิเชลพยายามจะถอนทุนคืนทำให้ลงหนักมือขึ้นเรื่อยๆ และก็เสียเรื่อยๆเช่นเดียวกัน

จนหญิงสาวไม่เหลือเงินติดตัวแม้แต่ปอนด์เดียว ก็เป็นลูคัสอีกที่หยิบยื่นเงินให้หญิงสาวเรื่อยๆ

“เดือนนี้ผมให้คุณไปแสนกว่าแล้วนะมิเชล”

“ลูคัสคะ ฉันขอโอกาสหน่อยให้ฉันแก้มือเถอะนะคะ”หญิงสาวเข้าไปออดอ้อนคลอเคลียเจ้าของคาสิโนชื่อดัง

“ก็ได้ แต่ครั้งนี้ผมให้คุณ ‘ยืม’นะ” ลูคัสเป็นนักธุรกิจ อะไรที่ขาดทุนเขาไม่มีทางยอมอยู่แล้ว

“ขอบคุณนะคะ”มิเชลดีใจจนเนื้อเต้น หญิงสาวหอมแก้มชายหนุ่มอย่างเอาใจ

“จะเอาเท่าไหร่”

“หนึ่งแสนค่ะ ฉันจะถอนทุนคืนให้ได้”

“อืม” ลูคัสลอบยิ้ม อีกไม่นานเขาก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการ

++++++++++++++++++

“วันนี้ผมมีงานที่ไหนอีกรึเปล่า” ลูคัสเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทขณะนั่งอยู่บนรถ วันนี้เขามาตรวจคาสิโนที่เบอร์ลิน

“ไม่มีแล้วครับ”

“อืม...ตอนนี้มิเชลอยู่ไหน”ลูคัสนั่งเคาะนิ้วเรียวกับเข่าตัวเองอย่างใช้ความคิด

“ในบ่อนเราที่แมนเชสเตอร์ครับ”

“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”

“สัปดาห์นี้เธอเสียไปเกือบห้าหมื่นปอนด์แล้วครับ”

“ดี ถ้าเธอขออีกก็ให้ไปอีกสักสองแสน...แล้วอย่าลืมให้เธอเซ็นชื่อไว้ด้วยล่ะ”

“ครับนาย แล้วนาย...”

“ไปส่งผมที่บล็อกD”

“นายจะไปหาคุณสมิธหรอครับ”โยฮันเนสเอ่ยถามทั้งๆที่เขาก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว

“อืม”แม้จะตอบเรียบๆแต่มุมปากของชายหนุ่มกลับฉีกยิ้มนิดๆอย่างอารมณ์ดีโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวเลย

+++++++++++++++++

ลูคัสก้าวลงจากรถเมื่อถึงที่หมาย เขาเดินเนิบนาบไปไขประตูบ้านเลขที่72/3อย่างคุ้นเคย เสียงเด็กหัวเราะจากภายในบ้านแว่วเข้ามาในหู คิ้วสีน้ำตาลเข้มขมวดเข้าเล็กน้อย

ร่างสูงก้าวเท้าเข้าไปข้างในตามด้วยเกเบียลลูกน้องอีกคนที่ถือถุงของฝากของเด็กน้อย ลูคัสย่างเท้าไปตามต้นเสียซึ่งก็คือห้องนั่งเล่น ภาพเด็กผู้ชายวัยกำลังโตสองคนนั่งเล่นเกมส์เพลย์แข่งกันอย่างสนุกสนานอยู่หน้าทีวี ส่วนอีกสองคนนั่งกอดคอเชียร์เพื่อนอยู่บนโซฟา

และตนที่ถูกกอดคออย่างแนบชิดดันเป็นเด็กของเขา...

“มิทตี้”คัสไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเผลอใช้น้ำเสียงแบบใด แต่เกเบียลที่ยืนอยู่ข้างหลังเจ้านายถึงกับสะดุ้งเลยทีเดียว

เด็กชายนัยน์ตาสีมหาสมุทรเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ ก็รีบหันไปมองทางต้นเสียงทันที ริมฝีปากเล็กสีชมพูฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าอีกคนชัดๆ สมิธผละออกจากเพื่อนที่กอดคอเขาอยู่วิ่งเข้าหาลูคัสทันที

หมับ!เด็กชายตัวเล็กวาดแขนกอดเอวสอบของชายหนุ่มแน่น ใบหน้าเล็กๆซุกเข้ากับหน้าท้องแกร่ง

“อ้อนอยากได้อะไรหืม?”มือเรียวยาวของลูคัสลูบหัวทุยเด็กชายเบามือ น้ำเสียงอ่อนลงจนเกเบียลเผลอถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ไม่ได้อยากได้อะไร แค่คิดถึง”สมิธนึกว่าสัปดาห์นี้ลูคัสจะไม่มาเล่นกับเขาแล้วซะอีก เพราะว่าวันนี้คือวันอาทิตย์ วันพฤหัสบดีกับศุกร์ลูคัสก็ไม่ได้แวะมา มิเชลก็ไม่อยู่บ้านเลยสักวัน สมิธเหงาจะแย่

“หึๆเด็กดี”ชายหนุ่มก้มลงไปหอมหัวเล็กเบาๆอย่างพอใจ

“ใครน่ะ สมิธ”เสียงแหบที่เริ่มแตกหนุ่มดังขึ้นจากอีกฟาก สมิธจึงคลายกอดออกจากลูคัส ทำให้ชายหนุ่มตวัดสายตาดุไปมองทางคนพูด เด็กชายที่นั่งอยู่บนโซฟานามว่าเดวิดรีบก้มหน้าหลบสายตาน่ากลัวจากลูคัสทันที

“อ้อ พวกนายมานี่กันหน่อย ฉันมีคนจะแนะนำให้รู้จัก” สมิธเอ่ยเรียกเพื่อนอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าทีวีลุกมาตามที่สมิธบอก ตบท้ายด้วยเดวิดที่เดินตามมาอย่างกล้าๆกลัวๆ

“นี่พี่ชายฉัน ชื่อลูคัส...ลุค นี่จอนห์นี่ ไรอัน และเดวิด เพื่อนผมเอง”สมิธแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน

ไรอันและจอนห์นี่ยื่นมือไปเชคแฮนด์กับลูคัสตามมารยาท พอถึงคราวเดวิด ชายหนุ่มก็เผลอออกแรงบีบมากกว่าปกติเล็กน้อยแต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เดวิดสะดุ้งแล้วชักมืออกด้วยความเจ็บทันที

“เอ่อ ฉันกลับก่อนนะสมิธ”เดวิดหันไปบอกเพื่อนตัวเล็กเลิ่กลั่ก

“พึ่งมาเอง ทำไมกลับเร็วนักล่ะ”

“ฉันยังไม่ทำการบ้านเลย ไปก่อนนะ”เดวิดไม่ได้อะไรอธิบายเพื่อนเพิ่มเติมอีก เขาเดินไปคว้ากระเป๋าแล้วรีบออกจากบ้านไปเลย

“เป็นอะไรของเขา”สมิธเกาศีรษะงงๆ

“ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับด้วยดีกว่า พี่ชายนายมาพวกฉันไม่อยากอยู่รบกวนเท่าไหร่” ไรอันบอกกับสมิธบ้าง เพราะเดวิดไม่อยู่แล้วดูท่าว่าอยู่ต่อคงจะไม่สนุกเท่าไหร่

“ไม่หรอก”สมิธพยายามรั้งเพื่อนให้อยู่กลับตน

“ให้เพื่อนกลับไปเถอะ พี่อยากอยู่กับมิทตี้แค่สองคน”เป็นลูคัสเองที่พูดขึ้นอย่างไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น ไม่วายหันไปยิ้มไล่เด็กอีกสองคนที่เหลืออีก

“เอ่อ เอางั้นก็ได้ พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนนะ”

“อืม บายๆ”

หลังจากส่งเด็กทั้งสองคนออกจากบ้านไป ลูคัสก็รับถุงจากลูกน้องแล้วพาเด็กชายตัวน้อยที่ทำหน้าหงอยๆไปนั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น

“นี่ พี่ซื้อมาฝากจากเยอรมัน...เปิดดูสิ”ลูคัสยื่นถุงขนาดใหญ่ให้กับสมิธ เด็กชายรับมาแล้วกล่าวขอบคุณเบาๆ ก่อนจะหยิบกล่องขนาดใหญ่ออกจากถุง เด็กชายค่อยๆแกะกล่องอย่างตั้งใจ ก่อนจะตาลุกวาวแล้วโถมไปกอดคอคนตัวโตแน่น

“ลุคคคคคคค”

“ชอบไหม?”ลูคัสเอ่ยถามเด็กน้อยหอมหอมขมับเล็กไปด้วยอย่างเนียนๆ

“ชอบมากๆขอบคุณครับ”สมิธแทบจะหายนอยด์เรื่องเพื่อนเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นหุ่นยนต์บังคับรุ่นใหม่ล่าสุดอยู่ในมือ

“ดีแล้วเด็กดี...ไหนขอรางวัลพี่บ้าง” ลูคัสเริ่มทวงสิ่งที่ควรจะได้จากร่างเล็ก

เด็กน้อยก็ว่าง่าย กดริมฝีปากเล็กๆลงกับแก้มเนียนไร้หนวดของชายหนุ่มทั้งสองข้าง เด็กน้อยหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อลุคหอมเขาคืน จมูกโด่งเริ่มซุกไซ้ไปตามซอกคอจนสมิธจักจี้ไปหมด

“มิทตี้...พี่จูบได้รึเปล่า”ชายหนุ่มถามเสียงแหบพร่า เมื่อความปรารถนาเริ่มเข้าครอบงำ มือเรียวไล้ไปตามสะโพกเล็กที่นั่งอยู่บนตักเขา

“แบบนี้หรอ”ถามเสร็จเด็กหนุ่มก็จุ๊บเบาๆลงบนปากบางของชายหนุ่มก่อนจะผละออก สมิธขมวดคิ้วนิดๆเมื่อสัมผัสเมื่อกี้ดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด

“ไม่ใช่ แบบนี้ต่างหาก”

“อื้อ!”ลูคัสประกบจูบใส่ริมฝีปากเล็กทันทีที่พูดจบ สมิธครางอู้อี้ในลำคอเพราะความตกใจแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน เขาปล่อยให้คนตัวโตกว่าขบเม้มริมฝีปากของตนอย่างหิวกระหาย ริมฝีปากเล็กถูกขบแล้วดูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนชาหนึบไปหมด สมิธไม่ค่อยเข้าใจ ตามทฤษฎีคนจูบกันต้องรักกันและเป็นแฟนกันไม่ใช่หรอ แต่ว่าเขากับลูคัสไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย

ถึงอย่างนั้นเด็กชายก็ไม่กล้าขัดขืนลูคัส แต่สมิธเริ่มหายใจไม่ทันจึงทำให้จังหวะหายใจสะดุดและขาดเป็นห้วงๆ มันทรมานแต่ก็วาบหวามอย่างน่าประหลาด

ลูคัสยอมถอนจูบออกมา เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยเริ่มจะไม่ไหว

“ทำไม แฮ่กๆ”สมิธเอ่ยถามทั้งๆที่ยังหอบหายใจ

“อะไร?”

“จูบทำไม แฮ่ก พี่รักผมหรอ” สมิธไม่เข้าใจเรื่องความรู้สึกมากนัก เขาจึงถามในสิ่งที่สงสัยใคร่รู้ออกไป ลูคัสชะงักไป ก่อนจะระบายยิ้มบางๆให้เด็กน้อย

“ใช่!พี่รักนาย”ลูคัสตอบอีกคนด้วยรอยยิ้ม...ก็แค่คำๆเดียว ไม่ได้มีความสำคัญกับชีวิตเขาเลยสักนิด

“จริงหรอ?”

“อือ งั้นขอจูบอีกทีนะ”

“อ๊ะอื้อ”แล้วเด็กน้อยก็โดนคนตัวโตปล้นจูบไปอีกหลายที จนปากเล็กบวมช้ำดูน่าดูดยิ่งกว่าเดิมในความรู้สึกของลูคัส

ก็อย่างที่บอกว่าเขาเป็นนักธุรกิจ อย่างไรก็ไม่มีทางยอมขาดทุน...ไม่สนวิธีการที่จะได้มาใดๆทั้งสิ้น

++++++50%++++++++

ระวังเฮียจะเสียใจที่พูดคำนี้ออกมาง่ายๆนะจ๊ะ //ขอลงก่อนครึ่งหนึ่ง พรุ่งนี้สอบไม่ไหวล้าววววว :z3:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อีลู คนกินเด็ก  :hao6:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ลุค ก็แค่อยากครอบครองเท่าน้านนนนนน

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คนโปรด 4.2

“มิทตี้ มื้อเย็นอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม?”ลูคัสเอ่ยถามพลางลูบหัวคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆเขาหลังจากจบศึกการช่วงชิงลมหายใจเด็ก แม้แก้มเล็กๆจะยังซับสีเลือดอยู่จนน่าขย้ำอีกสักรอบก็ตาม

“พิซซ่า!”สมิธยิ้มตาหยี แต่ลูคัสกลับนิ่วหน้าเล็กน้อย เขาไม่คอยชอบทานอาหารประเภทนี้สักเท่าไหร่ มันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพและเป็นอาหารที่เขานึกรังเกียจทุกครั้งที่พูดถึง

“สเต็กดีไหม พี่มีร้านเจ้าประจำอร่อยมาก” รอยยิ้มเด็กชายเจื่อนลงนิดหน่อยแต่ก็ยังคงยิ้มบางๆให้กับชายหนุ่มเหมือนเดิม

“อื้อ ตามใจลุค”

“เด็กดี”ชายหนุ่มกดจมูกหอมกระหม่อมเล็กอย่างปลอบใจ

ลูคัสนั่งเล่นเกมเป็นเพื่อนเด็กชายจนกระทั่งเย็น จึงให้สมิธไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อออกไปทานอาหารค่ำร้านที่เขาบอกไว้ เด็กชายจิ้มเนื้อสันในเข้าปากคำแล้วคำเล่า เขารู้สึกไม่ชอบเท่าไหร่แต่ก็ไม่กล้าบอกลูคัสเพราะนานๆได้เจอกันทีเขาจึงไม่อยากขัดใจ

สมิธหั่นเนื้ออย่างเก้ๆกังๆตามที่ชายหนุ่มสอน เรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารมิเชลไม่เคยสอนเลย สมิธทำได้แค่เรียนรู้เอาจากผู้อื่นเท่านั้น ลูคัสก็ไม่ได้เข้าไปยุ่มย่ามอะไรกับเด็กชาย เขาอยากให้สมิธทำอะไรได้ด้วยตัวเอง

“มิเชลไม่กลับบ้านมากี่วันแล้วมิทตี้?”ชายหนุ่มเอ่ยปากหลังทานอาหารเสร็จและกำลังรอของหวานของเด็กน้อย สมิธเอียงคอทำท่านึกก่อนจะยกนิ้วขึ้นมานับ

“สี่วันครับ”

“อยู่คนเดียวสี่วันเลยงั้นหรอ? แล้วทานอาหารยังไง”

“ตอนเช้ากินซีเรียล ตอนกลางกินอาหารของโรงเรียน ส่วนตอนเย็นก็ซื้ออาหารแช่แข็งมาเวฟกิน” สมิธทำอาหารไม่เป็นเพราะแต่ก่อนมิเชลก็เป็นคนทำให้เขากิน แต่เด็กชายก็พอเวฟอาหารง่ายๆกินเองได้ จึงไม่ลำบากมากนักเวลามิเชลไม่อยู่

“มิเชลได้บอกไหมว่าไปไหน”ชายหนุ่มถามคำตอบที่รู้ดีอยู่แล้วกับอีกคน

“มิเชลบอกจะไปหาเพื่อน สองสามวันก็กลับ” สมิธเล่าให้ลูคัสฟังอย่างไม่ปิดบัง ความจริงมิเชลต้องกลับมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่จนถึงวันนี้เขาก็ยังไม่ได้เห็นหน้ามิเชลเลย ชักจะเป็นห่วงแล้วสิ

“งั้นหรอ...ถ้าสมมติว่าวันหนึ่งมิเชลไม่ได้อยู่ด้วยแล้วมิทตี้จะว่าไง?”

“เอ๋?มิเชลจะไปไหนอ่ะ”

“ที่ไกลๆ”

“ผมก็จะไปด้วย”

“ไม่ได้!”สมิธสะดุ้งกับเสียงแข็งๆที่ถูกเปล่งออกมาจากร่างสูง

“พี่หมายความว่าบางครั้งถ้ามันไม่มีทางเลือกแล้วมันจำเป็นจริงๆล่ะ”สมิธก็ยังมองลูคัสอย่างไม่เข้าใจ

“ทั้งชีวิตผมมีแค่มิเชลคนเดียว ถ้าไม่ได้อยู่กับมิเชลผมจะไปอยู่กับใคร?”ดวงตากลมโตสีฟ้าอมน้ำเงินเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและหวั่นไหว เด็กน้อยไม่เคยนึกถึงวันที่จะไม่มีแม่ แม้จะเคยถูกทิ้งไว้ในห้องแคบๆคนเดียว แต่ไม่นานมิเชลก็จะกลับมาเสมอ

เด็กชายมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกหวาดกลัว...หรือว่าลูคัสจะพามิเชลไปจากเขา เด็กชายลุกชึ้นจากเก้าอี้ราวกลับอยากจะหนีไปให้ไกลจากตรงนี้ แต่ขาเล็กเล็กๆกลับก้าวไม่ออกเพราะสายตากดดันจากอีกคน

“นั่งลงมิทตี้ ของหวานมาแล้ว”แม้น้ำเสียงลูคัสจะเรียบเรื่อยแต่ก็สามารถสร้างความกดดันให้ทุกคนที่ได้ยิน เด็กชายตัวสั่นแต่ก็ยังไม่นั่งตามที่ลูคัสบอก

“ตอนนี้มิเชลอยู่ที่บ้าน รีบกินสิจะได้รีบกลับไปหาแม่ไง”เพราะน้ำเสียงที่อ่อนลงและคำบอกเล่าของลูคัส ทำให้เด็กชายยอมนั่งลงที่เดิม หยิบช้อนแล้วตักของหวานรสนุ่มเข้าปากในที่สุด

โดยที่เด็กน้อยไม่ทันฉุกคิดเลยว่าลูคัสบอกว่ามิเชลเป็นแม่เขา...

+++++++++++++++++++

“เป็นอะไรนั่งเงียบเชียว”ลูคัสเอ่ยปากถามเด็กน้อยที่นั่งเงียบตั้งแต่ขึ้นรถจวบจนตอนนี้ที่รถแล่นมาได้ครึ่งทางก็ยังไม่มีเสียงใสๆหลุดออกจากปากสมิธ เด็กชายนั่งก้มหน้าบีบมือไปมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ แต่สุดท้ายก็ยอมเอ่ยปากพูดกับอีกคน

“ผมกลัว...อย่าพามิเชลไปจากผมเลยนะ”ไม่รู้ว่าดวงตากลมโตที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา หรือน้ำเสียงออดอ้อนแกมน่าสงสารที่ทำให้ลูคัสเลือกที่จะก้มหน้ากดริมฝีปากตนเองเข้ากับปากอิ่มเล็กของอีกคนแทนคำพูด ลูคัสจูบสมิธเคล้ากับน้ำตาเด็กน้อยที่ไหลอาบแก้ม มันทำให้เขารู้สึกคันยุบยิบอยู่ในใจจนสุดท้ายก็ถอนจูบออกมาด้วยความหงุดหงุด ชายหนุ่มเสยผมสีทองที่ยาวประบ่าของตนอย่างพยายามระงับอารมณ์บางอย่าง

“ไม่มีมิเชลก็อยู่กับพี่ไง พี่ให้ทุกอย่างมิทตี้ได้มากกว่ามิเชลหลายเท่า”

“ผมไม่อยากได้อะไร...ฮึก! แค่อยากอยู่กับมิเชล แล้วก็ลุค”เด็กน้อยส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตาอย่างน่าสงสาร สมิธไม่อยากเลือกคนใดคนหนึ่ง ชีวิตเขาที่มีทั้งลุคและมิเชลตอนนี้ก็มีความสุขแล้ว

“โอเค เลิกร้องได้แล้วเด็กดี...พี่ไม่ได้บอกว่าจะพามิเชลไปจากนายสักหน่อย...ก็แค่สมมติ”ร่างสูงใช้ทิชชู่เช็ดน้ำตาออกใจใบหน้าเรียวสวยแล้วรั้งร่างเล็กเข้าสู่อกตัวเอง มือเรียวตบหลังเล็กเบาๆปลอบใจ

สมิธกอดเอวลูคัสแน่น ใบหน้าเล็กซุกเข้ากับอกแกร่ง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องร้องไห้ แต่ในใจลึกๆสมิธก็รู้ดีว่านั่นคือสิ่งที่เขากลัวที่สุด...กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นจริงในเร็วๆนี้

ลูคัสใช้คูลเจลประคบดวงตากลมโตที่บวมแดงจากการร้องไห้จนดีขึ้นแล้ว ถึงได้จูงมือเด็กน้อยพาเข้าไปในบ้านที่เขาซื้อทิ้งไว้ให้สองแม่ลูกอยู่

“ไปไหนกันมาหรอคะ”มิเชลลุกขึ้นถามทันทีที่เห็นหนึ่งหนุ่มหนึ่งเด็กเดินเข้ามาถึงห้องนั่งเล่น แต่เพราะน้ำเสียงที่เหมือนไม่พอใจมากของเธอทำให้สมิธสะดุ้ง ลูคัสที่เจ็บมือเด็กน้อยอยู่จึงตวัดสายตามองมิเชลด้วยสายตาดุๆจนหญิงสาวนึกกลัวขึ้นมาจับใจ

“ผมพาสมิธไปทานอาหารเย็นมาเพราะมีแม่บางคนทิ้งลูกให้อยู่คนเดียวเกือบสัปดาห์” มิเชลตาเบิกกว้างอย่างหมดสวย เพราะคำพูดของลูคัสที่พูดเหมือนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับสมิธ เด็กชายก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าลูคัสอย่างไม่ตั้งใจโดยไม่ทันได้สังเกตว่าดวงตาของมิเชลถลึงมองเขาอย่างน่ากลัว

“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด”หญิงสาวหนึ่งเดียวในบ้านพยายามจะหาข้อแก้ตัว แต่ลูคัสเพียงพยักหน้ารับเท่านั้น

“โอเค เราค่อยคุยกันทีหลัง...มิทตี้ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้าไม่ใช่หรอ” ลูคัสปล่อยมือจากแขนเล็กแล้วดุนหลังเด็กหนุ่มตัวเล็กให้เข้าห้องตัวเอง เด็กชายมองหน้าแม่ตนเองสลับกับลูคัสนิดๆก่อนจะยอมตัดใจเดินเข้าห้องตามที่ลูคัสบอกในที่สุด...มันไม่ใช่เรื่องของเด็ก สายตาของทุกคนบอกกับเขาแบบนี้

ลูคัสเดินไปนั่งบนโซฟาเดี่ยวตัวใหญ่ มิเชลจึงตามชายหนุ่มไปหวังจะทิ้งสะโพกลงพนังแขนหวังออดอ้อนเอาใจชายหนุ่ม แต่เสียงเย็นๆของลูคัสที่เบรกไว้ก็ทำให้เธอหน้าชาไปหลายวินาที

“ไม่ต้อง...ไปนั่งตรงนู้น”

มิเชลจึงขยับตัวไปนั่งโซฟาอีกตัวตามที่ชายหนุ่มบอก เธอคิดหาข้อแก้ตัวเป็นร้อยพันอย่างแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะโยนความผิดให้อีกคน

“เด็กนั่นบอกอะไรคุณคะ...เขาหวงฉัน เขาไม่อยากให้ฉันกับคุณใกล้ชิดกัน”

“หรอ”

“สมิธเป็นเด็กก้าวร้าวและโกหกเก่งมาแต่ไหนแต่ไร แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนั้น...คุณต้องเชื่อฉันนะคะ”

“พูดพอรึยัง” อยู่ๆลูคัสก็นึกรังเกียจผู้หญิงอย่างมิเชลขึ้นมา...นี่คือคนที่เป็นแม่เด็กชายคนนั้นจริงๆหรอ

“...ลูคัส”

“คุณคิดว่าผมโง่นักหรอ แค่ประวัติผู้หญิงที่ผมพัวพันด้วยแค่นี้ยังไม่รู้ ผมจะไปทำอะไรกินได้”ลูคัสยิ้มเย็น รู้สึกสมเพชผู้หญิงหน้าโง่คนนี้เหลือเกิน “ผมไม่สนหรอกนะว่าคุณจะเคยมีลูกหรือผ่านผู้ชายมาแล้วกี่คน...แต่ผมไม่ชอบให้คนของผมปิดบังเหมือนผมเป็นคนโง่!”

“ฉัน...ไม่ได้ตั้งใจ”มิเชลหน้าซีดจนแทบไม่มีสีเลือด

“คุณหมดคุณสมบัติที่ทำให้ผมต้องการแล้วมิเชล”ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบไร้เยื่อใย หญิงสาวนึกฉุนขึ้นมาทันทีที่เขาตัดเธอทิ้งได้ง่ายๆ

“เหอะ!ไม่ต้องการฉันแต่ต้องการลูกชายฉันแทนสินะ!!!”มิเชลลุกขึ้นชี้หน้าชายหนุ่มด้วยความกราดเกรี้ยว ทำให้เกเบียลแทบจะถลาเข้าไปหักแขนหญิงสาวแต่ลูคัสกลับยกมือขึ้นห้ามไว้ก่อน

“ขึ้นพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีเหมือนกัน...นั่งลงก่อนสิ” มิเชลยังคงดื้อดึงมองชายหนุ่มอย่างกับจะเข้าไปถลกหน้าหล่อๆนั่นให้ได้

“ผมบอกว่าให้นั่งลง!”มิเชลแทบทรุดลงไปนั่งกับพื้นเพราะเสียงตวาดต่ำของชายหนุ่ม เมื่อลูคัสเห็นหญิงสาวยอมนั่งตามที่บอกแล้ว เขาจึงเริ่มขยับปากบางเอ่ยสิ่งที่ต้องการจะพูดจริงๆนับจากนี้

“ยกสมิธให้ผมได้ไหมมิเชล”

+++++++++++++++++++

จบตอนแบบค้างๆ ตอนหน้าเตรียมทิชชู่และเลือดไว้ด้วยจ้า :bye2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ตอนหน้า อีลูจะแปลงร่างเป็นซาตานหื่นแม่นก่อ  :ling1:

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คนโปรด 5.1

“ไม่มีทาง!”มิเชลเอ่ยปฏิเสธทันทีแบบไม่คิดอะไร แต่ลูคัสกลับระบายยิ้มออกมาราวกับว่าเธอตอบตกลงเขา

“ฟังข้อเสนอผมก่อนสิ...แล้วค่อยตัดสินใจ”

“ข้อเสนออะไร!”มิเชลมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาหวาดระแวง

“ผมจะเซ็นเช็คให้คุณตอนนี้ 5 ล้านปอนด์...แลกกับเด็กชายที่อยู่บนห้องนั่น” ลูคัสปรายหางตาไปทางบันไดเล็กน้อย เขาไม่ได้กลัวว่าเด็กน้อยจะได้ยินเขาคุยกับมิเชล เพราะห้องในบ้านนี้เก็บเสียงและกันเสียงจากภายนอก อีกทั้งเขาก็ให้เกเบียลคอยดูเด็กชายเอาไว้อีกทาง

คนอย่างลูคัสทำอะไรรอบคอบเสมอ! ชายหนุ่มหันกลับมามองหญิงสาวอีกครั้งเมื่อเธอพึ่งจะหาเสียงตัวเองเจอ

“หะ ห้าล้านปอนด์งั้นหรอ”มิเชลพึมพำราวกับละเมอ คนอย่างเธอที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้จับเงินล้าน แต่กลับมีคนเสนอให้เธอถึงห้าล้านเชียวนะ! พระเจ้า!ลูคัสต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

“แล้วถ้าฉันไม่ตกลง”มิเชลถามหยั่งเชิงชายหนุ่มกลับไป

“คุณก็เตรียมตัวติดคุกได้เลย”

“หมายความว่ายังไง!?”

“มิเชล...ตลอดระยะเวลาที่สมิธเติบโตขึ้นมาคุณเลี้ยงดูเขาแบบไหน?...คุณปล่อยให้สมิธอยู่บ้านตามลำพังตั้งแต่ยังเล็ก ปล่อยให้อดมื้อกินมื้อ เงินส่วนที่รัฐบาลจ่ายให้ก็เก็บเอาไว้ปล่อยให้ลูกลำบากอยู่เหมือนเดิม ทำร้ายร่างการด้วยการตบตีบ้าง แต่หยิกตามเนื้อตัวคงมีประจำเพราะมีรอยใหม่ตลอด...ทั้งหมดที่ผมว่ามานี้ผมมีหลักฐานและพยานทั้งหมด”ลูคัสกล่าวเนิบนาบอย่างใจเย็นพร้อมๆกับมองปฏิกิริยาจากหญิงสาวตรงหน้านี้ด้วย มิเชลดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจกับสิ่งที่ลูคัสพูด...

“คุณรู้ได้ยังไง...อย่ามาใส่ร้ายฉันนะ!”มิเชลตวาดกลับอย่างไม่ยอมรับ ถึงแม้เรื่องที่ลูคัสพูดมาทั้งหมดจะจริงก็ตาม

“ไม่เชื่อก็ตามใจ...แต่ไม่เกินสัปดาห์หน้าคุณก็เตรียมตัวขึ้นศาลได้เลย ผมจะส่งหลักฐานให้องค์การคุ้มครองเด็กของอังกฤษ เมื่อคุณถูกตัดสินว่าผิดตัวคุณก็จะหมดสิทธิ์ในการเลี้ยงดูสมิธต่อ พอสมิธถูกส่งไปสถานสงเคราะห์ผมค่อยไปรับตัวเขามาเลี้ยงไว้ก็ยังไม่สาย...โดยที่ผมก็ไม่ต้องเสียเงินสักปอนด์เดียว!”

“อ้อ ที่สำคัญคุณยังติดหนี้ผมอีกราวๆสามแสน สัญญาก็มีนะจะดูไหมล่ะ?”

“คุณให้หลอกให้ฉันเล่นพนัน และให้เงินนั่นกับฉันเอง!”

“ผมก็ให้คุณจริงๆ...แต่สามแสนที่พึ่งให้ไปผมไม่เคยบอกว่าให้ ผมให้คุณยืม ‘ยืมก็คือต้องคืน’”

“แกมันชั่ว!”หญิงสาวลุกขึ้นถลาจะไปตบหน้าลูคัสอย่างเจ็บแค้น แต่ก่อนที่มือบางจะกระทบใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม มือแกร่งก็คว้าข้อมือของหญิงสาวไว้แล้วบิดอย่างแรงจนกระดูกเล็กแทบหัก

“โอ๊ย!!!...ปล่อยนะ!”

“อย่ามาใช้อารมณ์กับผม เลือกมาจะยอมเสี่ยงติดคุก หรือจะรับเงินห้าล้านไปดีๆ”ชายหนุ่มสะบัดข้อมือหญิงสาวออกอย่างแรงราวกับรังเกียจ ร่างบางของมิเชลจึงทรุดกระแทกลงกับพื้น

“เฮอะ!การกระทำของคุณมันก็ไม่ต่างกันนักหรอก!สิ่งที่คุณจะทำมันเลวร้ายกว่าที่ฉันทำตั้งไม่รู้กี่เท่า!”ทำไมมิเชลจะดูไม่ออกว่าลูคัสจะเอาตัวสมิธไปทำไม เธอไม่ค่อยเชื่อเรื่องรสนิยมแปลกๆของพวกเศรษฐีเท่าไหร่ จนมาได้เห็นกับตาก็วันนี้

“แล้วยังไง?คุณคิดจะงัดข้อกับผมงั้นเหรอ น้ำหน้าอย่างคุณจะทำอะไรผมได้”ลูคัสใช้สายตามองมิเชลอย่างดูถูก หญิงสาวเลือดขึ้นหน้า ก่นด่าชายหนุ่มอย่างเหลืออด

“ไอ้ชาติชั่ว!เลวระยำแล้วยังวิปริต!!!”

เพี๊ยะ! ใบหน้างามสะบัดหันไปตามแรงตบอย่างแรง ใบหน้าซีกซ้ายมิเชลแดงเถือกและเจ็บชาจนไร้ความรู้สึก ฌพรงปากเค็มปร่าและคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเลือด หญิงสาวตัวสั่นไปด้วยความเจ็บและหวาดกลัวคนๆนี้ขึ้นมา

“ลากตัวมันออกไป”สิ้นเสียงเข้มของลูคัส เกเบียลก็รีบเดินมาปิดปากมิเชลก่อนที่เธอจะตั้งสติได้ จากนั้นก็ลากตัวหญิงสาวออกไปขึ้นรถที่เตียมรอท่าไว้ด้านนอกอยู่แล้ว

รถหรูขับเคลื่อนออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น...

+++++++++++++++

มิเชลถูกพามาไว้ในห้องโล่งทึบแห่งหนึ่ง มันเป็นห้องสี่เหลี่ยมแคบๆไม่มีแม้แต่หน้าต่าง อากาศที่ใช้หายใจมีน้อยจนอึดอัด ทางเข้า-ออกมีเพียงประตูบานเดียว ร่างกายบอบบางตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว เธอถูกปิดปากและมัดมือทั้งสองข้างไขว้หลังไว้

เวลาผ่านไปเนิ่นนานในความรู้สึกของมิเชล ในที่สุดปีศาจในคราบมนุษย์ก็ก้าวเข้ามาในห้อง...

“ไง”

“อื้อออ อ่อยอั่น!” หญิงสาวร้องประท้วงในลำคอให้ปล่อยเธอ แต่ลูคัสเพียงแสยะยิ้มแล้วย่างเท้าเข้าหาเธอช้าๆ

“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง...แก้ผ้าปิดปากออก”หนึ่งในลูกน้องของลูคัสเดินมาแก้ผ้าปิดปากให้มิเชลตามคำสั่งของเจ้านาย

“แฮ่ก...ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ แกจะทำอะไรฉัน!”

“ทำอะไรงั้นหรอ? อืม...ตัดลิ้นเธอทิ้งล่ะมั้ง”แม้ใบหน้าของชายหนุ่มจะประดับไปด้วยรอยยิ้ม แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับเหี้ยมเกรียมจนคนที่ได้ยินตัวสั่นสะท้านขึ้นมาอีกรอบ ร่างกายมิเชลเย็นเฉียบไร้สีเลือด เธอกลัวอย่างที่ชีวิตนี้ไม่เคยเป็นมาก่อน

“แกไม่กล้าหรอก...ถ้าแกทำฉันจะแจ้งความ”มิเชลยังทำใจดีสู้เสือ คิดว่าเขาคงไม่กล้าทำอะไรเธอถึงขั้นนั้น

“ฮ่าๆๆๆ”อยู่ๆลูคัสก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาลั่นห้อง มิเชลมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจว่าเขาขำอะไร

“แค่สาวบาร์ไร้ญาติ กับเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่ง คิดว่าผมกำจัดออกจากแผนที่อังกฤษไม่ได้หรอ?...ผมพยายามเสนอทางเลือกที่มันง่ายกับทุกฝ่ายแล้วนะมิเชล แต่คุณกำลังทำให้ผมไม่มีทางเลือก”

ลูกน้องที่ยืนอยู่ด้สนหลังลูคัส หยิบปืนออกมาถือไว้ราวกับเตรียมพร้อมจะทำอะไรสักอย่าง มิเชลตัวสั่น น้ำตาไหลพรากด้วยความหวาดกลัว ยิ่งลูคัสก้าวเข้ามาใกล้เธอเท่าไหร่ หญิงสาวยิ่งปล่อยโฮหนักกว่าเดิมราวกับว่าเขาคือยมทูตที่กำลังจพคร่าจิตวิญญาณไปจากเธอ

“ว่ายังไง...จะรับเงินห้าล้านไปฟรีๆโดยไม่หักหนี้...หรือจะหายไปจากโลกนี้”สิ้นคำขู่ของลูคัส มิเชลก็ฉี่แตกราดกางเกงตัวเองทันที ชายหนุ่มมองด้วยตารังเกียจและขยับตัวออกห่างเธอเล็กน้อย

“ฉันยอมรับแล้ว อย่าฆ่าฉันนะ อย่าทำอะไรฉันเลย!”มิเชลคลานเข่าฟุบหน้าลงกับปลายรองเท้าชายหนุ่มอย่างอ้อนวอน ถ้าไม่ติดว่าเขามัดแขนเธอไว้ เธอก็คงกอดเข่าขอร้องเขาไปแล้ว

ลูคัสชักปลายเท้าขยับออกห่างจากมิเชล ส่งสัญญาณให้ลูกน้องแกะเชือกที่มัดเธออยู่ออก โยฮันเนสจับหญิงสาวลุกขึ้นแล้วผลักไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง

“เซ็นซะ แล้วชีวิตคุณจะปลอดภัยขึ้น”โยฮันเนสยื่นเอกสารมาตรงหน้าหญิงสาวหลังเธอเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ ในสัญญาเป็นการโอนสิทธิการเลี้ยงดูเด็กชายสมิธ เกรย์เยอร์ ให้ ลูคัส ฮาล์น ด้วยเหตุผลที่เธอไม่สามารถฟ้องหรือเล่นงานเขาคืนทีหลังได้ สัญญานี้ครอบคลุมและป้องกันทุกทาง

ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจมากจริงๆ

มิเชลกัดริมฝีปากแน่นแต่ในที่สุดก็ยอมจับปากกาเซ็นลงไป...เธอรักชีวิตของเธอมากกว่าเด็กคนนั้น

“ทีนี้ก็ปล่อยฉันไปได้แล้วใช่ไหม”

“ยัง นั่นแค่สัญญาที่ป้องกันกฎหมายเล่นงานผม...สิ่งที่ผมต้องการจากคุณจริงๆมีอยู่4ข้อ”

“อะไร”

“ข้อแรก ห้ามมาเจอสมิธโดยที่ผมไม่อนุญาต”

“หึ!อย่างกับฉันจะทำได้ง่ายๆ”ลูคัสเพียงยิ้มให้กับหญิงสาว

“ข้อสอง ทุกครั้งที่ผมเรียกคุณมาเจอสมิธ คุณจะทำยังไงก็ได้ให้เขารู้สึกว่าคุณรักเขา ทำดีกับกับเขาอะไรทำนองนั้น แต่ก็อย่าเสแสร้งมากเกินไปล่ะ”

“ทำไม?”มิเชลเอ่ยถามเหตุผลข้อนี้อย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อเขาจงใจกันเธอออกจากสมิธ

“ผมไม่จำเป็นต้องตอบคุณ...ข้อสามห้ามให้สมิธรู้ว่าคุณ...เด็ดขาด” มิเชลเบิกตากว้างกับคำนั้นที่ลูคัสเอ่ยออกมา คนที่รู้เรื่องนี้ตายจากโลกนี้ไปหมดแล้ว มีเพียงเธอเท่านั้นที่กุมความลับนี้ไว้อยู่

“คุณรู้ได้ยังไง?”

“เงินและอำนาจเสกได้ทุกอย่างที่ผมต้องการ”

“และข้อสุดท้าย อย่าให้สมิธรู้เรื่องข้อตกลงระหว่างผมกับคุณในวันนี้ ถ้าเขารู้ไม่ว่าด้วยกรณีใดๆก็แล้วแต่...คุณตาย!”

“จะบ้าหรอ ถ้าคุณหรือลูกน้องคุณพูดขึ้นมาล่ะ มันไม่ยุติธรรมกับฉันเลยสักนิด”หญิงสาวโวยอย่างเอาเรื่อง

“ผมไม่พูดอยู่แล้ว และถ้าใครหน้าไหนมันพูด ผมก็ไม่เก็บมันเอาไว้เหมือนกัน และคุณก็ต้องร่วมรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย”ลูกน้องของลูคัสสองคนที่อยู่ในห้อง คือเกเบียลและโยฮันเนส ไม่แม้แต่จะสะดุ้งกับคำขู่ของเจ้านาย พวกเขารู้ว่าลูคัสทำจริง เพียงแต่พวกเขาไม่มีอะไรให้ต้องกลัวเพราะถึงตายก็ไม่กล้าปริปากพูดอยู่แล้ว กลับเป็นมิเชลเองที่ร้อนรนขึ้นมาอีกครั้ง

“วางใจเถอะ แค่คุณระวังคำพูดของตัวเองไว้ให้ดีๆก็แล้วกัน” สุดท้ายมิเชลก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างทำอะไรไม่ได้

“แล้วคุณจะพาสมิธไปวันไหน”

“สัปดาห์หน้า ผมให้เวลาคุณกล่อมเขาเจ็ดวัน จะทำยังไงก็ได้ให้เขายอมไปกับผมโดยไม่ขัดขืน”

“สมิธติดฉันมาก ฉันไม่มั่นใจ...”

“มันเป็นสิ่งที่คุณต้องทำให้ได้”ลูคัสตัดบทหญิงสาวทันที

“อืม”มิเชลจึงรับคำอย่างจำยอม

“ดีมาก มิเชลที่รัก”ลูคัสพูดยิ้มๆแล้วเดินออกจากห้องไป

มิเชลรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมากะทันหัน ไม่เคยมีครั้งไหนที่เธอจะรังเกียจลูคัสเรียกชื่อเธอมากเท่าครั้งนี้มาก่อน!

++++++++++++++++

“แม่ ผมไม่ไป ผมจะอยู่กับแม่”สมิธกอดเอวผู้เป็นแม่แน่น น้ำตาไหลอาบแก้มใสเป็นทางจนน่าสงสาร

“พูดให้มันรู้เรื่องนะสมิธ ฉันต้องไปทำงาน!”

“ผมก็จะไปกับแม่ด้วย”

“ไม่ได้!ไปอยู่กับลูคัสนั่นแหละ แกก็สนิทกับเขาอยู่ไม่ใช่หรอ” มิเชลถอนหายใจเฮือกใหญ่ วันนี้ลูคัสจะมาพาตัวสมิธไปแล้ว แต่เธอยังไม่สามารถทำให้สมิธยอมได้เลย ดื้อจริงๆไอ้ลูกคนนี้

“สนิทแล้วไง ผมรักแม่มากกว่า ฮึก ผมจะอยู่กับแม่!”

“ฟังนะสมิธ แม่ต้องไปทำงาน อย่าทำให้แม่ลำบากใจได้ไหม อยากเห็นแม่ตรอมใจตายหรอ”มิเชลพูดเสียงอ่อนกับเด็กชาย ทำให้เธอรู้ว่าสมิธฟังเธอมากขึ้น

“ไม่เอา ไม่ให้แม่ตายนะ”

“ถ้าอย่างนั้นไปอยู่กับลูคัส แม่ฝากเขาเลี้ยงแกเฉยๆแม่เป็นห่วงแกนะ”

“ฮึก แต่ผมต้องคิดถึงแม่มากๆเลย”

“ถ้าแม่ว่าง แม่จะไปเยี่ยม ตกลงไหม?”

“อืม แม่ต้องมาหาผมบ่อยๆนะ” เด็กชายพยายามทำใจยอมรับ แม้ว่าจะเริ่มเข้าใจและกำลังทำใจอยู่ แต่มันก็อดเสียใจมากๆไม่ได้อยู่ดี

“ดีมาก แม่เก็บของให้แกแล้ว ไปอาบน้ำแต่งตัวไป เดี๋ยวลูคัสก็จะมารับแล้ว”

“วันนี้หรอครับ?”เด็กชายถามอย่างตกใจ เขาไม่คิดว่าจะต้องจากแม่เร็วขนาดนี้

“แม่ต้องไปทำงานด่วน อย่าดื้อนะสมิธเข้าใจไหม?”

“ครับ”เด็กชายรับคำผู้เป็นแม่ด้วยใบหน้าเศร้าๆจนมิเชลยังสงสารขึ้นมาจับใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หญิงสาวโอบกอดเด็กชายแน่นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนจนสมิธยังอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้

“แม่ขอโทษนะสมิธ”

“ผมรักแม่นะ”เด็กชายกอดตอบมิเชลแน่นพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลออกมาอีกครั้งเพียงแต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ร้องโวยวายเหมือนเดิม นี่เป็นสิ่งที่เขาโหยหามาตลอด ความอบอุ่นของอ้อมกอดแม่ แค่นี้เขาก็ดีใจมากแล้ว

+++++++++++++++
***5ล้านปอนด์ ประมาณ 2 ร้อยล้านบาทไทย
อิพี่รวย เพื่อน้องอิพี่เปย์ไหว ฮ่าๆ ครึ่งแรกเรียกน้ำตาไปก่อนนะ ส่วนครึ่งหลังค่ำๆวันศุกร์จ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2018 23:49:29 โดย YINGPREM »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ตอนไปความสุขของสมิธคงจะไม่มีแล้วสินะ แต่ความโหดร้ายจะเพิ่มมากขึ้น   :o12:

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คนโปรด 5.2

“ดูแลตัวเองดีๆนะสมิธ”มิเชลลูบหัวเด็กชายเบาๆ เอ่ยคำลาเป็นครั้งสุดท้าย

“ครับ แม่ก็ดูแลตัวเองด้วยนะ...อย่าลืมมาหาผมบ่อยๆด้วย”สมิธกอดมิเชลเป็นครั้งสุดท้ายแล้วผละออกมา เด็กชายหันไปมองลูคัสที่ยืนรออยู่ด้านหลัง สมิธหันมามองหน้ามิเชลเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังเดินขึ้นรถไป

ลูคัสเอื้อมมือไปปิดประตูรถไว้แล้วเดินเข้าไปหามิเชล

“นี่เช็คของคุณ...แล้วอย่าลืมที่ผมบอก”ชายหนุ่มยื่นเช็คมูลค่าห้าล้านปอนด์ถ้วนส่งให้หญิงสาวพร้อมกล่าวย้ำ

“รู้แล้วแหละน่า”มิเชลยื่นมือไปรับเช็คด้วยความหงุดหงิด

“ก็ดี” ลูคัสว่าแล้วหันหลังจะเดินขึ้นรถ แต่ก็ถูกมิเชลเรียกเอาไว้เสียก่อน

“เดี๋ยว!”ลูคัสหันกลับมาเลิกคิ้วมองหญิงสาว

“ไม่ว่าคุณจะเอาเขาไปทำอะไร แต่ช่วยอย่าทิ้งขว้างเขา ช่วยดูแลเขาจนกว่าเขาจะเดินด้วยตัวเองได้เถอะ ขอร้องล่ะ”

“เกิดสำนึกเป็นแม่ที่ดีอะไรตอนนี้…ผมะทำยังไงกับเขามันก็เรื่องของผม ไม่ต้องให้คุณมาคอยบอกหรอก”ลูคัสเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา มิเชลยิ่งหน้าเสียลงไปอีก ถ้าเธอรู้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้เธอไม่ยอมให้ผู้ชายคนนี้เจอสมิธโดยเด็ดขาด

“สมิธไม่เหมือนคนอื่นที่คุณเคยเจอมาหรอกนะ...แล้วสักวันคุณจะนึกเสียใจที่ทำแบบนี้”

“หรอ ผมก็อยากรู้นะว่าผมจะเสียใจสักแค่ไหน...ขอให้ถึงวันนั้นเร็วๆก็แล้วกัน”ว่าจบชายหนุ่มก็หันหลังเปิดประตูก้าวขึ้นรถโดยไม่หันกลับมามองเธออีก มิเชลมองท้ายรถคันหรูที่เคลื่อนออกไปจนสุดสายตา

อดทนไว้นะสมิธ...แม่รู้ว่าแกทำได้

แกต้องให้บทเรียนแก่เขา!

++++++++++++++++++++

“เป็นไง...ชอบไหม?”ชายหนุ่มเอ่ยถามเด็กชายตัวเล็กเมื่อเขาพามายังที่อยู่ใหม่ สมิธพยักหน้าทื่อๆไม่ได้ตอบอะไร เพราะเด็กชายยังอยู่ในช่วงอารมณ์เศร้าอยู่

“มาพี่จะพาไปดูห้อง”ชายหนุ่มจับแขนเด็กชายให้เดินไปตามทาง เขาซื้อที่นี่ไว้นานแล้ว มันเป็นเพ้นท์เฮ้าส์สุดหรูอยู่ย่านที่ดินแพงที่สุดในลอนดอน บ่อยครั้งที่เขาแวะมาพักที่นี่ แต่ส่วนมากเขาจะพักที่คาสิโนของตัวเองมากกว่า

ช่วงนี้เขากำลังสนใจสมิธ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะทุ่มเทสิ่งต่างๆให้เด็กน้อย ลูคัสพาสมิธเดินมายังห้องหนึ่ง ภายในห้องเป็นการตกแต่งในแบบที่เด็กผู้ชายชอบ มีโมเดลหุ่นยนต์ เครื่องเล่นเกมส์ต่างๆครบครับ สมิธมองด้วยความตื่นตาตื่นใจจนเผลอลืมเรื่องเสียใจไปชั่วขณะ

“นี่ห้องผมจริงๆหรอ”เด็กชายพึมพำในลำคอ แต่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างตัวก็ยังได้ยินอยู่ดี

“ใช่”

“ขอบคุณครับ”

“อืม...อีกสามเดือนก็จะจบเกรด6แล้วใช่ไหม?”

“ใช่ครับ”

“เกรด7อยากเรียนที่ไหนเป็นพิเศษไหม?”

“ผม...ไม่รู้”เด็กชายส่ายหน้าเพราะไม่เคยคิดมาก่อน มิเชลให้เขาเรียนที่ไหนเขาก็เรียนที่นั่น แต่โรงเรียนปัจจุบันของเขาสอนถึงแค่เกรด6เท่านั้น จบจากที่นี่เขาก็ต้องย้ายโรงเรียน

“พี่จะจัดการให้เอง ขอคิดดูก่อนก็แล้วกัน”

“อื้ม”

“พักผ่อนเถอะ พี่ไม่กวนมิทตี้แล้ว”

“แล้วลุคจะไปไหน?”

“ก็กลับไง พี่ไม่ได้พักที่นี่กับมิทตี้หรอกนะ”เพราะลูคัสเป็นพวกหวงพื้นที่ส่วนตัว เขาจึงไม่คิดจะพักที่นี่และยกให้สมิธอยู่แทน ยกเว้นว่าเขาจะมีเรื่องให้ทำจนต้องค้างล่ะนะ

“วันนี้...พี่ค้างกับผมที่นี่ได้ไหม”เด็กชายเอ่ยถามอย่างเกรงใจ แต่เพราะเป็นคนไม่ชินที่ง่ายๆ คืนแรกเขาจะนอนไม่ค่อยหลับ ลูคัสมองเด็กชายนิดๆ ก่อนจะย่อเข่าลงให้ความสูงเสมอกับเด็กชาย

“ฟังนะมิทตี้ นายโตแล้วไม่ว่าจะเพราะรู้สึกกลัวหรือเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ นายต้องเผชิญหน้ากับมันให้ได้ หัดเข้มแข็งสิครับ เข้าใจไหม?” สมิธเหลือบดวงตาสีมหาสมุทรมองลูคัสตรงๆ ที่คนตรงหน้าพูดแบบนี้หมายความว่าคืนนี้เขาต้องนอนที่นี่คนเดียวสินะ แต่สุดท้ายสมิธก็เลือกที่จะพยักหน้าให้กับลูคัส ชายหนุ่มยิ้มบางๆอย่างพอใจก่อนจะยื่นหน้าประทับจูบปากเล็กแผ่วเบาแล้วผละออก ชายหนุ่มเอ่ยลาเด็กน้อยไม่กี่คำแล้วออกจากห้องไป

เด็กน้อยมองไปรอบห้องด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยว เป็นแบบนี้แล้วมันต่างจากตอนอยู่กับมิเชลตรงไหน

เด็กชายยิ้มเศร้านิดๆเมื่อคิดว่าตอนที่ยังอยู่กับมิเชล แม้ว่าเขาจะต้องอยู่คนเดียวแต่เขาก็รู้ว่ามิเชลจะกลับมาหาเขาเสมอมันทำให้เขารู้สึกอุ่นใจ แต่ในขณะเดียวกันเด็กชายไม่รู้เลยว่าผู้ชายที่เพิ่งเดินออกจากห้องไปจะกลับมาหาเขาเมื่อไหร่กัน...

+++++++++++++

สมิธใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวนานนับเดือนก็เริ่มจะชิน ทุกๆเช้าจะมีคนนำอาหารมาส่งให้ถึงครัว ทำให้เด็กชายไม่ต้องทนกินซีเรียลจืดๆเหมือนเคย ตกเย็นก็มีอาหารมาเสิร์ฟให้ถึงที่เหมือนเดิม และเขาสามารถสั่งได้ว่าวันต่อไปเขาอยากกินอะไร ส่วนเรื่องการเดินทางไปโรงเรียนเด็กชายก็นั่งบัสเหมือนเดิม อาจจะใช้เวลามากกว่าเดิมหน่อยแต่สมิธก็ตื่นไหวไม่เคยขาด แต่สิ่งที่เด็กชายตกใจสุดๆเลยก็คือเงินที่ลูคัสให้เขาใช้ในแต่ละสัปดาห์ ตอนแรกเขาคิดว่าให้เป็นรายเดือน แต่ที่ไหนได้สัปดาห์ต่อมาเงินจำนวนเท่าเดิมก็ถูกส่งมาให้สมิธอีก

เด็กชายพยายามปฏิเสธเงินผ่านลูกน้องของชายหนุ่มเพราะลูคัสไม่ได้แวะมาหาเขาเลย แต่นอกจากลูกน้องของลูคัสจะไม่รับคืนแล้ว วันต่อมายังนำเงินมาเพิ่มให้เขาอีกพร้อมคำกำชับจากลูคัส ทำให้เด็กชายไม่กล้าปฏิเสธอะไรอีก

แม้จะรู้สึกเหงาอยู่บ้างแต่สมิธก็พยายามทำใจและเลือกที่จะทำสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีความสุข เด็กชายไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนมากขึ้นหลังเลิกเรียน เสาร์-อาทิตย์ก็ไปเล่นบ้านเพื่อนๆ อย่างสนุกสนานโดยผ่านการอนุญาตจากลูคัสแล้ว

วันนี้เป็นวันเกิดเด็กชายสมิธที่จะอายุครบ 12ปีเต็ม เขาไม่เคยจัดปาร์ตี้วันเกิดเพราะมิเชลไม่มีเงินมากพอที่จะจัดงานและเลี้ยงอาหารเพื่อนๆของเขา ถึงแม้ว่าปีนี้สมิธจะมีเงินมากพอแต่เมื่อไม่มีมิเชลอยู่ด้วยเขาก็ไม่มีอารมณ์จะฉลองเหมือนกัน

เด็กชายเปิดประตูเข้าห้องไป เห็นแสงไฟเปิดไว้อยู่ก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร บางทีลูกน้องของลูคัสอาจมาเปิดไว้ให้ แต่เมื่อเดินมาถึงโซนห้องนั่งเล่นกลับพบชายหนุ่มที่เขาไม่ได้เห็นหน้าเลยตลอดเดือนนี้

“ไง”เป็นลูคัสที่เอ่ยขึ้นทักเด็กหนุ่มก่อน

“สวัสดีครับ”เมื่อได้สติสมิธจึงเอ่ยทักทายอีกคนบ้าง เด็กชายเดินไปหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก มันโหยหา คิดถึง และน้อยใจปะปนกันไป

“เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้นหืม?”ลูคัสดึงแขนเด็กชายให้นั่งพาดบนตักตัวเอง ก่อนจะถอดกระเป๋านักเรียนออกให้โดยที่สมิธก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เด็กชายเงยหน้ามองชายหนุ่มตรงๆโดยไม่พูดอะไรอยู่หลายวินาที ก่อนจะเริ่มขยับปากเอ่ยถามสิ่งที่อยู่ในใจเขามาโดยตลอด

“หายไปไหนมา...”ลูคัสยิ้มเมื่อได้ฟังประโยคนี้จากเด็กน้อย แสดงว่าสิ่งที่เขาทำกำลังจะสำเร็จ

“พี่ไปทำงานน่ะสิ...คิดถึงหรอ”ชายหนุ่มถามเย้า

“แล้ว...ไม่โทรมาบ้าง”เด็กชายถามอย่างน้อยใจ ทั้งมิเชลทั้งลูคัสไม่มีใครคิดถึงเขาเหมือนที่เขาคิดถึงเลยหรือไง เมื่อมวลความเสียใจอัดแน่นรวมกัน หยาดน้ำใสๆก็เริ่มทะลักออกมาจากดวงตาคู่สวยอย่างเก็บไว้ไม่อยู่ แม้เด็กชายจะร้องไห้แต่ลูคัสกลับระบายยิ้มแทน ชายหนุ่มโอบกอดร่างเล็กไว้แนบอก โยกตัวเด็กชายไปมาอย่างปลอบใจ

“มิเชลยุ่งมาก...พี่ก็ทำงานจนไม่มีเวลากินข้าวเลย พอว่างก็มาหามิทตี้แล้วนี้ไง”ชายหนุ่มปลอบใจเด็กน้อยด้วยคำลวง มิเชลไปเที่ยวเล่นอยู่ฝรั่งเศส ส่วนเขาบินกลับลาสเวกัสไปทำงาน พอว่างก็ไปสนุกกับคนที่เขาเลี้ยงไว้ที่นั่น แต่ที่เขาเลือกที่จะขาดการติดต่อจากเด็กชายเพราะเขาอยากให้สมิธโหยหาเขาให้มากๆ และเขารอรวบยอดวันนี้

“แล้ววันนี้พี่กินรึยัง ฮึก”เด็กชายเช็ดน้ำตาและคลายสะอื้น ก่อนจะเอ่ยถามคนที่เป็นเบาะให้เขานั่งด้วยความเป็นห่วง

“ยังเลย รอมากินวันเกิดมิทตี้”

“เอ๊ะ?”เด็กชายดูจะงุนงงเพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มจะรู้

“สุขสันต์วันเกิดนะเด็กดีของพี่...เป็นเด็กดีของพี่ตลอดไป”ลูคัสอวยพรเสร็จก็หอมแก้มใสเด็กชายด้วยความหมั่นเขี้ยวไปฟอดใหญ่ ก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้สมิธ เด็กชายรับมามองอย่างไม่เข้าใจ บนแผ่นกระดาษมันเป็นศัพท์ยากๆที่เขาไม่ค่อยรู้ความหมายของมันนัก

“อะไรหรอ?”

“พี่ให้เป็นของขวัญชดเชยวันข้างหน้า อย่างน้อยถ้ามิทตี้ไม่รู้จะไปไหน มิทตี้ก็สามารถกลับมาที่นี่ได้ตลอดเลยนะ”สมิธก็ยังมองลูคัสอย่างไม่เข้าใจอยู่ดี ชายหนุ่มเพียงยิ้มคืนให้เท่านั้น ก่อนจะหยิบเกมส์กดรุ่นใหม่ล่าสุดให้เด็กชาย เมื่อเห็นของขวัญชิ้นที่สองสมิธกลับตาลุกวาวรีบรับไว้แล้วจูบแก้มขอบคุณชายหนุ่มด้วยความดีใจ

ลูคัสส่ายหน้า มูลค่าของขวัญชิ้นที่สองเทียบชิ้นแรกไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่ก็นะเด็กก็ยังเป็นเด็ก เมื่อโตขึ้นสมิธก็จะรู้เองว่าสิ่งไหนมีค่ามากกว่ากัน

โดยที่ลูคัสไม่รู้เลยว่าต่อไปอีกสิบปีข้างหน้า สิ่งที่เขาคิดไว้จะผิดมหันต์

“เราไปทานอาหารกันดีกว่าวันนี้มีเค้กช็อกโกแลต พิซซ่า แล้วก็อาหารอิตาเลี่ยนที่มิตตี้ชอบทั้งนั้นเลย”

“เย้!”เด็กชายลุกขึ้นอย่างดีใจ ก่อนจะดึงมือลูคัสให้ลุกขึ้นตามตนเองเข้าไปในห้องครัว เด็กชายรับประทานอาการอย่างเอร็ดอร่อย แต่ชายหนุ่มเพียงจิบไวน์รอเวลาเงียบๆเท่านั้น

+++++++++++++++

“อ้าวลุค ผมนึกว่าพี่กลับไปแล้วซะอีก”สมิธเอ่ยถามเมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมาเจอคนที่คิดว่ากลับไปแล้วนั่งอยู่บนเตียงของเขา

“ยัง พี่รอของขวัญอยู่”

“หืม?วันนี้ก็วันเกิดพี่หรอ?”

“เปล่า มาหาพี่ซิมิทตี้”ชายหนุ่มกวักมือเรียกสมิธด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“ผมขอแต่งตัวก่อนนะ แป็บเดียว”เด็กชายที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวทำท่าจะเดินไปทางห้องแต่งตัว แต่ก็โดนคนตัวโตกว่าขัดด้วยเสียงเข้ม

“ไม่ต้อง!มาหาพี่เดี๋ยวนี้”สมิธช้อนสายตามองลูคัสด้วยสายตาหวาดๆแต่ก็ยอมเดินเข้าไปหาตามคำสั่งของชายหนุ่ม เมื่อเด็กชายขยับตัวเข้าไปใกล้ในระยะแขนเอื้อมถึง ลูคัสก็จัดการคว้าแขนเล็กแรงกว่าปกตินิดหน่อย เด็กชายที่ยังไม่ทันตั้งตัวจึงเซล้มลงบนเตียง

“ละลุค พี่จะทำอะไร”สมิธถามด้วยน้ำเสียงตื่นๆ เมื่อลูคัสกระชากผ้าเช็ดตัวเขาออกจากร่างกายแล้วตามลงมาคร่อมทับร่างเล็กไว้อย่างรวดเร็ว

“มิทตี้ โตแล้วนะ...พี่ขอได้ไหม”ลูคัสเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงต่ำพร่า พร้อมๆกับจมูกโด่งที่ซุกไซ้กับซอกคอเล็กอย่างหื่นกระหาย

“เดี๋ยวลุค...อย่าทำนะ! ฮึก!”สมิธดันอกแกร่งภายใต้เสื้อของอีกคนไว้ ร่างเล็กตัวสั่นน้อยๆด้วยความหวาดกลัว ภาพเหตุการณ์ที่ไมเคิลบุกเข้ามาในห้องผุดวาบขึ้นมาในหัว ร่างกายเด็กหนุ่มสั่นสะท้านและเหงื่อซึมเป็นเม็ดๆจนลูคัสยังรู้สึกได้ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเล็กน่ารักที่มีน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่ขาดสาย ลูคัสถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วโน้มตัวไปจูบเปลือกตาเล็กเบาๆ

“ทำไมต้องร้องไห้ล่ะ?”

“ฮึก ผมกลัว ฮืออออ”ลูคัสนิ่งไปและนึกขึ้นได้ว่ามิเชลเคยเล่าให้ฟังว่าสมิธเคยเกือบโดนข่มขืน คิ้วหนากระตุกเล็กน้อย มันน่าฆ่าไอ้เวรนั่นทิ้งจริงๆ

“ไม่ต้องกลัว พี่ไม่เหมือนไอ้เวรนั่น”ชายหนุ่มจูบซับไปตามใบหน้าเล็กอย่างปลอบใจ ทั้งที่ภายในเขาพลุ่งพล่านอยากปลดปล่อยเต็มที

“ไม่!ไม่เอา! ฮือออออ”สมิธดิ้นรนเหมือนสติแตกไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น

“มิทตี้มองหน้าพี่...มิทตี้...สมิธฟังพี่!”ชายหนุ่มตวาดเสียงเข้มอย่างที่ไม่เคยใช้กับสมิธ ร่างเล็กหยุดชะงักค้างด้วยความตกใจในทันใด

“มองหน้าพี่แล้วตอบมา...พี่หน้าเหมือนไอ้สารเลวนั่นไหม”เด็กชายมองสำรวจใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาของชายหนุ่ม ลูคัสเครื่องหน้าครบจัดว่าหล่อหยิ่งๆดูไว้ตัวอย่างที่สมิธไม่เคยเห็นมาก่อน

“ไม่เหมือน”

“แล้วถ้าพี่ทำแบบนี้ ฟอด! ชอบไหม?”ชายหนุ่มก้มหอมแก้มเล็ก สมิธก็พยักหน้าให้แทนคำตอบ

“แล้วแบบนี้ล่ะ...”ริมฝีปากบางของลูคัสแนบสนิทลงกับกลีบปากเล็ก ขบเม้มบางเบาอ่อนโยนจนเด็กชายเคลิบเคลิ้มตาม

“ชอบใช่ไหม”ลูคัสผละจูบออกแล้วถาม สมิธก็พยักหน้าให้พร้อมแก้มใสที่แดงระเรื่อยขึ้น

“รักพี่รึเปล่า?” เด็กชายนิ่งคิดไปนานก่อนจะพยักหน้าเบาๆ แต่ลูคัสกลับขมวดคิ้วไม่พอใจในคำตอบ

“พูดออกมาสิ”

“รัก”

“ถ้าอย่างนั้นจะยอมเป็นของพี่ไหม จะทำแบบที่คนรักกันทำรึเปล่า”ลูคัสพูดเหมือนถาม แต่จริงๆเป็นการกดดันคนตัวเล็กมากกว่า

“ถ้าไม่ทำได้ไหม?”เด็กชายถามอ้อนๆเพราะยังรู้สึกกลัวอยู่ดี

“ได้สิ แต่พี่จะไม่มาเจอมิทตี้อีก...มิเชลก็จะไม่มา”ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา สมิธสะดุ้งเฮือกกอดคอลูคัสไว้แน่นราวกับว่ากลัวเขาจะหายไป

“ไม่เอานะ อย่าหายไป...ฮึก...ผมยอมแล้ว”น้ำตาเด็กชายทะลักออกมาอีกรอบ เขายอมทุกอย่างแล้ว อย่าทิ้งเขาไปเลย

“เด็กดีของพี่”ลูคัสจูบซับไปตามใบหน้าเล็ก เขาปลดแขนเล็กที่คล้องคอตัวเองออก มองใบหน้าเล็กที่มีน้ำตาหลงเหลืออยู่ด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่ที่มากกว่านั้นคือ

อยากบดขยี้แรงๆให้สมิธร้องมากกว่านี้

หรือว่าเขาจะวิปริตอย่างที่มิเชลว่าจริงๆ

ช่างหัวมันเถอะ...

ลูคัสแตะริมฝีปากเข้ากับปากเล็กๆแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆบดเบียดริมฝีปากให้แนบแน่นและร้อนแรงยิ่งขึ้นตามอารมณ์ มือเรียวลากไล้ไปตามสัดส่วนลื่นมือของร่างบาง เขาเค้นคลึงหน้าอกเล็กทั้งสองข้างอย่างหนักหน่วงจนคนใต้ร่างร้องประท้วงในลำคอด้วยความเจ็บปวด

ชายหนุ่มสอดลิ้นเข้าไปเชยชิมน้ำหวานในปากอีกคน กวาดต้อนเกี่ยวพันลิ้นเล็กไปมาอย่างดุเดือด ในขณะที่นิ้วมือยังขยับบดขยี้เม็ดบัวเล็กๆทั้งสองข้างจนสมิธความรู้สึกแปลกๆขึ้นมา

มันเสียวมวนตรงท้องน้อยวูบวาบไปมา พร้อมๆกับแก่นกายเล็กที่เริ่มมีความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาเป็นครั้งแรก ลูคัสละริมฝีปากออกจากปากที่บวมเจ่อของเด็กน้อย เขาจูบซับไล่ลงมาตั้งแต่งพวงแก้ม สันกราม ก่อนจะหยุดริมฝีปากดูดซอกคอระหงอย่างมัวเมาไปหลายรอบ เด็กชายรู้สึกเจ็บแสบทุกครั้งที่ลูคัสลากริมฝีปากผ่านต้นคอ รอยแดงผุดขึ้นมารอยแล้วรอยเล่าจนแทบไม่เหลือที่ว่างให้เห็นผิวขาวๆ

เมื่อสร้างความเป็นเจ้าของบนลำคอเล็กจนพอใจ ชายหนุ่มจึงจู่โจมเป้าหมายต่อไปที่แดงเป็นปื้นจากการบีบของเขา ลูคัสลงลิ้นหนักกับเม็ดบัวเล็กๆของสมิธ เขาขบไม่เบานักแล้วดูดแรงๆหลายทีจนแก้มตอบ เด็กชายทั้งเจ็บและเสียวเสียดทรมานไม่หยุด

“อ๊า...อ๊ะ ลุค มัน...อ๊า”สมิธพยายามจะผลักหัวชายหนุ่มออกจากหน้าอกตัวเองเพราะรู้สึกแปลกๆ แต่ลูคัสกลับตรึงมือเด็กน้อยไว้แล้วดูดดึงหน้าอกบางต่อจนพอใจ สมิธทรมานไปด้วยอารมณ์แปลกๆจนน้ำตาไหล เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย

“เสียวไหมเด็กดี”

“อ๊า!”สมิธพูดไม่เป็นภาษา ได้แต่ครางออกมาแทนคำตอบ

ลูคัสเหลือบมองแก่นกายเล็กที่กำลังโต มันเริ่มตั้งขึ้นมานิดๆ คงต้องปลุกมากกว่านี้หน่อย คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็เลื่อนมือไปจับสมิธน้อยอย่างรวดเร็ว เด็กชายตาเหลือกสะดุ้งด้วยความตกใจ

“หนังยังหุ้มอยู่เลย เคยช่วยตัวเองไหม?”ลูคัสเอ่ยถามพร้อมกับรูดสิ่งที่อยู่ในมือตัวเองไปมา สมิธหน้าแดงก่ำด้วยความรู้สึกบางอย่าง

“อ๊ะ..มะไม่เคย...อื้อ ลุค...ผมจะฉี่”เด็กชายหนีบขาเข้าเมื่อรู้สึกเหมือนกำลังจะปลดปล่อยบางอย่างออกมา

“ปล่อยออกมาเลย”ลูคัสรูดชักแก่นกายเล็กหนักมือขึ้น หัวเล็กๆสีชมพูผลุบขึ้นผลุบลงผ่านหนังหุ้มตามจังหวะมือเขา

“อ๊ะ..อ๊ะ...อ๊า!!”หยาดน้ำสีใสออกขุ่นพุ่งพวยออกจากสมิธน้อย ลูคัสกระตุกยิ้มก่อนจะรูดแรงๆอีกสองสามทีให้น้ำออกมาให้หมดแล้วหยุดมือ สมิธหายใจหอบถี่มองลูคัสอย่างล่องลอย ชายหนุ่มลงจากเตียงก่อนหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาถอดเสื้อและกางเกงพร้อมอันเดอร์แวร์ออกหมดจนร่างกายเปลือยเปล่า ลูคัสฉีกซองที่อยู่ในมือแล้วสวมเข้ากับอาวุธอันแข็งแกร่งที่ตั้งตรงพร้อมรบของเขา

ลูคัสก้าวขึ้นเตียง จับขาเล็กถ่างออกกว้างจนเห็นรอยจีบเล็กสีชมพูน่าสัมผัส เขาบีบเจลหล่อลื่นใส่นิ้วจนชุ่ม ชายหนุ่มใช้นิ้วโป้งคลึงรอยจีบนั้นให้ผ่อนคลาย ก่อนจะค่อยๆสอดนิ้วกลางเรียวยาวเข้าไปอย่างรวดเร็ว สมิธสะดุ้งเฮือกด้านหลังตอดรัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายทันที

“อื้อ!ลุค!ผมเจ็บ…”เด็กชายกระถดสะโพกถอย แต่มืออีกข้างของลูคัสก็จับเอวบางไว้แน่นไม่ให้ขยับ

“อดทนหน่อยมิทตี้ เดี๋ยวก็ชินนะครับ”ชายหนุ่มโน้มตัวไปจูบปากเล็กอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะสอดนิ้วชี้เพิ่มเข้าไปอีกนิ้วอย่างรวดเร็ว

“อึก!เจ็บแล้วลุค ไม่เอาได้ไหม”เด็กชายอ้อนวอนอีกฝ่ายทั้งน้ำตา แต่ลูคัสกลับขยับนิ้วยาวๆเข้าออกราวกับไม่ไยดีน้ำตาของอีกคน ชายหนุ่มบีบเจลหล่อลื่นใส่ช่องทางเล็กมากกว่าเดิม นิ้วที่สามถูกสอดเข้าไปอีกเพิ่มความอึดอัดให้เด็กชายมากยิ่งขึ้น สมิธเจ็บมากจนช่องทางรักแทบไร้ความรู้สึก

ลูคัสชักนิ้วเข้าออกจนช่องทางเล็กๆเริ่มขยายและรับสิ่งแปลกปลอมได้ ชายหนุ่มชักรูดรั้งแก่นกายใหญ่โตของตัวเองสามสี่ครั้งก่อนจะจ่อส่วนหัวไปที่ทางรักสีชมพูของสมิธ แม้จะเข้าได้เกือบทั้งหัวแต่สมิธก็ร้องลั่นปานจะขาดใจ

“อ๊ากกก เจ็บบบบบ”

“ซี๊ด…อดทนอีกนิดนะเด็กดี จุ๊บ…”ลูคัสจูบไปทั่วใบหน้าเล็ก พร้อมๆกับดันแก่นกายเข้าไปอย่างรวดเร็ว แม้จะดันเข้าไปจนสุดช่องทางแต่ความยาวมังกรลูคัสกลับเข้าไปได้แค่สองในสามเท่านั้น

“ฮือออ มันเจ็บ”

“อ่าห์…เข้าได้แล้วเด็กดี ต่อไปครั้งหน้าต้องรับของพี่ให้ได้ทั้งหมดนะ” ลูคัสขยับแก่นกายช้าๆ แม้ทางรักของสมิธจะรับตัวตนของเขาได้ไม่หมด แต่ก็สร้างความรู้สึกดีให้ชายหนุ่มเป็นอย่างมาก

ชายหนุ่มสาวสะโพกเข้าออกหนักหน่วง ริมฝีปากดูดหน้าอกเล็กอย่างมัวเมาราวกับเสพติด เด็กชายกัดริมฝีปาก มือบางกำผ้าปูที่นอนแน่นอย่างอดทน เสียงครางต่ำของลูคัสดังเข้าหูอยู่ตลอดเวลา

เด็กชายได้แต่ภาวนา…ขอให้มันจบลงเร็วๆสักที

ลูคัสย้ายริมฝีปากไปดูดชิมริมฝีปากเล็กอย่างเร่าร้อน ช่วงล่างก็ขยับเข้าออกรัวเร็วจนสมิธจุกไปทั่วช่องท้อง ไม่กี่นาทีออกต่อมาชายหนุ่มก็ตัวกระตุกปลดปล่อยออกมาอย่างสุขสม

ร่างสูงถอนตัวออกจากช่องทางเล็ก มีเลือดติดถุงยางออกมาประปราย ในขณะที่สมิธร้องไห้จนหลับไป ลูคัสใช้ทิชชู่รูดถุงยางทิ้งถังขยะ ชายหนุ่มขยับแต่งตัวอย่างไม่รีบร้อน มือเรียวหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรพลางเหลือบสายตามองร่างเล็กที่หลับอยู่บนเตียง

(ครับนาย)

“ตามพ่อบ้านแจ็คสันมาดูแลมิทตี้”

(ครับ)

ลูคัสเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง ดวงตาสีเขียวเข้มเหลือบมองสมิธด้วยสายตาอ่านไม่ออก ร่างสูงหยิบผ้าห่มคลุมให้ร่างเล็ก ก้มจูบหน้าผากมนหนักๆอีกทีก่อนจะออกจากห้องไป…

++++++++++++

เฮียอย่าฟันแล้วทิ้งน้องน้าาา nc มึนๆเมาๆตามสภาพคนเขียนค่ะไม่ดียังไงก็อภัยด้วย :L1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-03-2018 01:43:49 โดย YINGPREM »

ออฟไลน์ 30267

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อื้อหืออ โดนลุคจับกินเรียบร้อยย ดูแลน้องดี ๆ นะ / แต่งดีจ้า ชอบๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อีลู หื่น โหด มากไปไหม สงสารน้องบ้างซิ  :katai1:

ออฟไลน์ wanida023

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :-[รอตอนต่อไปค่าา

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คนโปรด 6

“ขอบคุณ คุณพ่อบ้านมากนะครับ”เด็กชายหันไปเอ่ยคำขอบคุณกับพ่อบ้านวัยห้าสิบปีด้วยใบหน้าอิดโรยเล็กน้อยหลังจากที่พ่อบ้านเช็ดตัวให้เด็กชายเสร็จ แจ็คสันมองเด็กชายบนเตียงอย่างครุ่นคิด เขาถูกคุณหนูใหญ่เรียกให้มาดูแลเด็กคนนี้ตั้งแต่สองวันที่แล้ว ด้วยสภาพ…ไม่น่าดูนัก

“ไม่เป็นไรครับคุณหนู เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”พ่อบ้านวัยกลางคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนน้อม

ยอมรับตรงๆว่าทำงานรับใช้ตระกูลเดรทไพรส์มาเกือบ30ปี รู้จักคุณหนูใหญ่มาตั้งแต่ท่านเกิด คอยดูแลทุกครั้งที่ท่านมาอยู่ที่อังกฤษ ไม่เคยมีครั้งไหนที่ต้องมาดูแลคนนอกตระกูลเช่น

แจ็คสันไม่ได้รังเกียจที่ได้มาดูแลเด็กคนนี้ แค่อดจะแปลกใจไม่ได้ เพราะตระกูลเดรทไพรส์เป็นตระกูลเก่าแก่ของอังกฤษ มีความสนิทชิดเชื้อกับเหล่าราชวงศ์ เหล่าลูกหลานที่สืบเชื้อสายมาจึงมีนิสัยเจ้ายศเจ้าอย่างและทะนงตนแทบทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คุณหนูใหญ่ลูคัส

พวกเขารังเกียจที่จะใช้ของหรือคนร่วมกับคนอื่น แจ็คสันจึงแปลกใจว่าเด็กคนนี้เป็นใครกันแน่…คุณหนูใหญ่ถึงให้ความสำคัญถึงเพียงนี้

แต่นั่นเป็นเรื่องของเจ้านาย คนรับใช้อย่างเขาไม่มีสิทธิ์รู้

“ยังไงผมก็ต้องขอบคุณอยู่ดี ถ้าไม่ได้คุณพ่อบ้านผมคงไม่ดีขึ้นเร็วขนาดนี้”

“ดีขึ้นก็ดีแล้ว พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”เสียงของผู้มาใหม่ ทำให้สองคนต่างวัยหันไปมองแทบจะพร้อมๆกัน แจ็คสันค้อมหัวให้เจ้านายเล็กน้อย ก่อนจะเดินเลี่ยงออกจากห้องไปอย่างรู้หน้าที่พร้อมปิดประตูให้เรียบร้อย

“ไง ยังเจ็บอยู่ไหม?”ลูคัสทรุดตัวนั่งบนเตียงที่สมิธนอนพักอยู่ ชายหนุ่มลูบหัวเล็กเบาๆอย่างทะนุทะนอม สมิธมองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าเขาอย่างพิจารณา เด็กชายพบว่าจังหวะหัวใจเต้นแปลกไปจากเดิม…มันช่างอ่อนไหวหนักกว่าเก่า ความรู้สึกหลายๆอย่างที่มีต่อผู้ชายคนนี้ก็รุนแรงขึ้นอีกเช่นกัน

“ยังเจ็บอยู่หรอ ทำไมเงียบไปล่ะ หืม?”ชายหนุ่มโน้มหน้าลงไปถามใกล้ๆเด็กชายก่อนจะกดจูบที่ขมับเล็กหนักๆไปหนึ่งที แก้มป่องที่ซีดๆแดงระเรื่อขึ้นมาจนเห็นได้ชัด

“ไม่เจ็บเท่าไหร่แล้ว”

“จริงหรอ?ไหนมาให้พี่ดูหน่อยสิ”ลูคัสว่าพร้อมกับดึงผ้าห่มที่บังกายเล็กออก แต่มือบางก็ยื้อยุดผ้าห่มเอาไว้อย่างเขินอาย

“ไม่เอาลุค ผมหายเจ็บแล้วจริงๆ”

“ถ้าหายเจ็บแล้วก็ต้องพิสูจน์ดูหน่อยเร็ว”ลูคัสยังคงหยอกเย้าคนตัวเล็กกว่า สุดท้ายแรงเด็กหรือจะชนะแรงผู้ใหญ่ได้ ชายหมุ่มปัดผ้าห่มไปไว้ข้างเตียง ดวงตาสีเขียวเข้มมองสำรวจร่างตรงหน้าที่ไร้เกาะป้องกัน ร่างเรียวบางที่สูงไม่น่าจะเกิน160เซนติเมตร ผิวขาวเนียนละเอียดไร้กระตามชาติพันธุ์อยู่ภายใต้เสื้อเชิ๊ตสีขาวเพียงตัวเดียว ขาเรียวเล็กหุบเข้าหากันทันทีที่เขาเลื่อนสายตาลงต่ำ ใบหน้าหวานสวยแดงปลั่งอย่างอายๆ

ลูคัสกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ มือเรียวจับขาเล็กๆแยกออกจากกัน สมิธที่ไร้แรงขัดขืนได้แต่ปิดหน้าด้วยความกระดากอาย ลูคัสกระตุกยิ้มนิ้ดๆอย่างพอใจกับภาพตรงหน้า

กะไว้แล้วว่าต้องไม่ได้ใส่…

นิ้วเรียวยาวยื่นไปสัมผัสรอยจีบสีชมพูช้ำที่ไม่บวมเท่าวันแรกเบาๆ สมิธสะดุ้งนิดๆเมื่อส่วนที่เจ็บที่สุดของเขาตอนนี้ถูกสัมผัส ก่อนที่วินาทีต่อมาลูคัสจะทำให้เด็กน้อยตัวแดงแทบระเบิดเพราะสัมผัสนุ่มหยุ่นแต่ร้อนผ่าวถูกประทับที่ซอกขาด้านในอย่างดุดัน ชายหนุ่มจูบไล้ไปตามขาอ่อนเล็กอย่างหิวกระหาย สมิธหนีบขาเข้าหากันจนแทบจะหนีบหัวลูคัสเพราะความรู้สึกแปลกที่เกิดขึ้น ที่เด็กหนุ่มพึ่งจะเจ้าใจว่ามันเป็นความรู้สึกทางเพศนั่นเอง

“อื้ออออ…ลุค อ๊ะ!....พอเถอะ”สมิธครางงึมงำในลำคอเบาๆด้วยความเสียว นี่ลูคัสทำอะไรกับร่างกายเขา มันไม่เคยรู้สึกง่ายแบบนี้มาก่อนเลย ซึ่งลูคัสก็ไม่ได้สนใจเสียงร้องห้ามปรามของเด็กน้อย เขายังคงลากริมฝีปากขบและเลียขาเนียนของเด็กชายจนเกิดรอยแดงเต็มไปหมด แก่นกายเล็กๆเริ่มตั้งชูขึ้นตามแรงอารมณ์ที่ถูกโหมกระหน่ำ

มือเรียวยาวขยับไปจับสมิธน้อยที่เริ่มตื่นตัว ลูคัสชักคลึงไปมาให้อีกคนจนมันตื่นเต็มที่ ดวงตาสีเขียวจับจ้องที่หัวเห็ดเล็กสีชมพูโพล่พ้นหนังหุ้มออกมา

“อ๊ะ!...ซี๊ดดดด…ลุค ระเร็วหน่อย”เด็กหนุ่มร้องขอโดยไม่รู้ตัว ลูคัสฉีกยิ้มมุมปากสาวมือให้อีกคนเร็วขึ้น สมิธที่โดนถอกอย่างแรงทั้งเจ็บและเสียวไปพร้อมๆกัน ไม่กี่วินาทีต่อมาร่างเล็กก็กระตุกปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมา

สมิธหอบหายใจถี่รัวก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อนิ้วเย็นๆที่เต็มไปด้วยเจลของอีกคนสอดเข้ามาในช่องทางด้านหลังของเขา เด็กชายเหลือบสายตามองชายหนุ่มที่ขยับตัวมาคร่อมเขาเอาไว้แล้ว

“ไหนๆมิทตี้ก็หายเจ็บแล้ว ขอพี่ชิมอีกสักยกหน่อยก็แล้วกันนะ” สมิธเบิกตากว้าง จริงๆแล้วเขานังไม่หายเจ็บดี แค่ดีขึ้นนิดหน่อย แต่ที่บอกลูคัสไปแบบนั้นก็เพราะว่ากลัวอีกฝ่ายจะเป็นห่วงต่างหาก

“ไม่…ยังจะ…อื้อออ”สมิธยังไม่ทันได้บอกความจริงว่าเขาเจ็บอยู่ก็โดนอีกคนประกบริมฝีปากจูบไม่ให้พูดเสียแล้ว ชายหนุ่มบดริมฝีปากจูบคนใต้ร่างอย่างเร่าร้อนเสียจนเด็กหนุ่มอ่อนระทวยพูดไม่ออก ได้แต่ครางรับสิ่งที่ดำนินอยู่แทน…

+++++++++++++++

“ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นายหายไปไหนมาน่ะสมิธ ไหนบอกว่าจะมาเล่นเกมส์ที่บ้านฉันไง”เดวิดเอ่ยถามเพื่อนเมื่อเห็นสมิธเดินเพลียๆมานั่งโต๊ะเรียนข้างๆกัน

“เอ่อ…พอดีฉันไม่ค่อยสบายน่ะ”เด็กชายนัยน์ตาสีมหาสมุทรยิ้มแห้งๆตอบเพื่อนไป

“แล้วเป็นไรมากรึเปล่ามิน่าหน้าตานายดูเพลียๆ นายไม่โทรมาบอกฉันล่ะพวกฉันจะได้ไปเยี่ยม”เดวิดจับหน้าสมิธดูไปมาอย่างเป็นห่วง

“ฉันไม่เป็นไรมากหรอก ดีขึ้นเยอะแล้ว”แม้จะเจ็บๆตรงนั้นอยู่ก็ตาม

“อีกสองเดือนเราก็จะจบการศึกษาแล้วนะ นายคิดไว้แล้วรึยังว่าจะไปเรียนต่อที่ไหน”

“ฉันยังไม่ได้คิดเลย ต้องแล้วแต่ลุค…เอ่อพี่ชายฉันน่ะ แล้วนายล่ะคิดไว้แล้วหรอว่าจะไปเรียนที่ไหน”

“ฉันกับไรอันและจอห์นนี่จะไปที่โรงเรียนRน่ะ”สมิธพยักหน้ารับรู้ โรงเรียนRเป็นโรงเรียนชื่อดังอันดับต้นๆของอังกฤษเลยทีเดียว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าค่าเทอมต้องแพงมากแน่ๆ

“เยี่ยมไปเลย!”

“นายก็ไปเรียนกับพวกฉันสิ ลองขอพี่ชายนายดู”สมิธมองสีหน้าเดวิดที่ดูแปลกไปเมื่อพูดถึงลูคัส

“อืม ฉันจะลองขอดู”เด็กชายว่ายิ้มๆแล้วชวนเพื่อนคุยเรื่องอื่นต่อ

หลังกริ๊งเวลาเลิกเรียนดังขึ้นเดวิดก็ชวนสมิธไปเล่นที่บ้านตัวเองเหมือนเดิม เขารู้สึกได้ว่าช่วงนี้สมิธดูเหงาและเกาะติดพวกเขามากยิ่งขึ้น จึงไม่แปลกที่ช่วงนี้หลังเลิกเรียนสมิธจะไปต่อกับพวกเขาเสมอ แต่วันนี้เพื่อนตัวเล็กของเขากลับแสดงสีหน้าอึกอักอย่างเห็นได้ชัด

“ฉันยังเพลียๆอยู่เลย”สมิธบอกเพื่อนไปตามความจริง แม้อาการเพลียของเจ้าตัวจะมาจากที่โดนอีกคนจับกินไปสองรอบก็ตาม

ลุคบอกว่าเรื่องนี้จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้ สมิธถึงได้เลือกที่จะโกหกทุกคน

เพราะเขากลัวว่าถ้าไม่ทำตามที่ลุคบอก ลุคจะหายไป….

“เอาอย่างนั้นหรอ ถ้างั้นนายก็รีบกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ”

“อืมเอาไว้วันหลังนะ”

“ตกลง กลับดีๆล่ะ บายๆ”ไรอันและจอห์นนี่ก็โบกมือลาสมิธพร้อมเดวิด

เด็กชายเลือกนั่งแท็กซี่กลับเพ้นท์เฮ้าส์เพราะยังรู้สึกระบมส่วนนั้นเป็นอย่างมาก เมื่อเช้าลูคัสก็ให้โยแวะมาส่งเขาที่โรงเรียนก่อนจะไปทำงาน

โดนจูบบนรถไปตั้งหลายทีแหนะ-////-

เมื่อเด็กชายกลับถึงห้องก็พบโยฮันเนสนั่งอ่านเอกสารที่โซฟาในห้องนั่งเล่น

“สวัสดีครับโย”สมิธเอ่ยทักทางมือซ้ายลูคัสที่เขาเริ่มสนิทกันมากขึ้น

“สวัสดีครับคุณสมิธ ทำไมวันนี้ถึงได้กลับเร็วนักล่ะครับ”ชายหนุ่มวางเอกสารแล้วหันไปพูดกับเด็กน้อยที่เดินมานั่งโซฟาอีกตัว

“เลิกเรียนผมก็กลับเลยน่ะครับ ไม่ได้ไปเล่นต่อกับพวกเดวิด”

“อ่อ ดีแล้วล่ะครับ เพราะจากนี้คุณจะไปเล่นกับพวกเดวิดตลอดเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว”

“ทำไมล่ะครับ?”เด็กชายเอียงคอถามด้วยความงุนงง

“เวลาของนายท่านมีค่า ถ้าท่านมาที่อังกฤษคุณควรเอาเวลาส่วนนั้นมาอยู่กับท่านจะดีกว่านะครับ”โยฮันเนสแนะนำเด็กน้อยหน้าใสด้วยความหวังดี เพราะเขากลัวว่าอีกไม่นานเด็กคนนี้อาจไม่มีโอกาสได้ทำอีกแล้วก็ได้

“อ่า…ครับ แล้วตอนนี้ลุคอยู่ไหนหรอครับ?”

“นายท่านนอนพักผ่อนอยู่อีกห้องหนึ่งครับ”สายต่ของสมิธเหลือบมองอีกห้องที่ไม่ใช่ของเขา

“ผมไปหาลุคได้รึเปล่า?”เด็กชายถามเชิงขออนุญาต โยฮันเนสนิ่งไปนิดอย่างตริตรองถึงความสำคัญของเด็กคนนี้ วันนั้นเขาแปลกใจจนเกือบตกเก้าอี้ที่เจ้านายโทรตามให้เขาเรียกคนเก่าคนแก่ประจำตระกูลอย่างพ่อบ้านแจ็คสันให้มาดูแลเด็กคนนี้ แม้แต่ตัวคุณพ่อบ้านเองยังอดแปลกใจไม่ได้เลย โยฮันเนสจึงคิดว่าเด็กคนนี้ก็คงจะถูกใจเจ้านายเขามากในระดับหนึ่งล่ะนะ เพราะท่านดูทะนุถนอมเป็นพิเศษ แต่ของแบบนี้มันก็ไม่แน่ไม่นอนนักหรอก

เมื่อความคิดตกตะกอนโยหันเนสจึงเอ่ยบอกเด็กตรงหน้า

“น่าจะได้นะครับ…แต่อย่าไปรบกวนให้ท่านตื่นเลยนะครับ”

“ผมแค่เข้าไปดูลุคเฉยๆ ไม่กวนแน่นอน”เด็กชายบอกด้วยรอยยิ้มจริงใจ โยฮันเนสก็เผลอยิ้มตอบเด็กน้อยบางๆ

“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปเถอะครับ” คงไม่เป็นไรหรอกมั้งนะ

สมิธเอากระเป๋านักเรียนไปเก็บในห้องตัวเองก่อน จากนั้นจึงเดินไปหาอีกคน เด็กชายค่อยๆเปิดและปิดประตูห้องลูคัสเบาๆ ก่อนจะค่อยๆก้าวที่ละก้าวอย่างเชื่องช้าราวกับว่ากลัวจะเกิดเสียงแม้แต่นิดแล้วทำให้อีกคนตื่นได้

เด็กชายเห็นชายหนุ่มนอนหงายหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงหลังใหญ่ เมื่อขยับตัวเข้าไปใกล้ก็ได้สำรวจหน้าคนที่ทำให้หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะ ลูคัสที่หลับตาอยู่ดูหล่อเหลายิ่งกว่าเจ้าชายในเทพนิยายที่สมิธเคยอ่าน เด็กชายปีนขึ้นเตียงเพื่อขยับเข้าไปใกล้ใบหน้านั้นโดยไม่รู้ตัว

สมิธเผลอโน้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของอีกคน ทันใดนั้นคนที่หลับตาอยู่ก็ลืมตาพรึ่บขึ้นมา สมิธตกใจจนแทบผงะแต่แรงบีบที่คออย่างแรงต่างหากที่ไม่ทำให้เขาตกเตียง

เด็กชายตกใจสุดขีดจนน้ำตาไหล มือเล็กเจ็บมือที่บีบคอตัวเองอยู่แน่น ลูคัสที่พึ่งได้สติรีบปล่อยมือจากคอเล็กแล้วรั้งร่างบางที่กำลังเสียขวัญอยู่มากอดทันที

เมื่อกี้เขาเผลอไป ร่างกายมันป้องกันตัวเองตามสัญชาตญาณที่ฝึกมา ชายหนุ่มถอนหายใจนิดๆมือลูบหลังคนที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นบนอกเขา

“เงียบซะ…นายไม่เป็นอะไรแล้ว”ชายหนุ่มว่าเรียบๆพร้อมตบหลังเบาๆปลอบเด็ก เขาไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามเวลาที่ตัวเองนอนก็เพราะแบบนี้ เพราะแบบนั้นหลังเสร็จกิจลูคัสจึงไม่เคยนอนค้างกับคู่นอนตัวเองเลยสักคน

โยฮะนเนสก็รู้เรื่องนี้ดี ยังกล้าปล่อยให้สมิธเข้ามา…มันน่าโดนนัก!

“ฮึก…ผมขอโทษ ฮึก…ผมกลัวแล้ว ฮืออออ”ช่วงนี้สมิธค่อนข้างจะอ่อนไหวและตกใจง่ายขึ้นโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

“ชู่…พี่ไม่ทำอะไรแล้ว เงียบนะเด็กดี”ลูคัสดึกคนที่น้ำหูน้ำตาไหลจนชุ่มเสื้อเขาออกจากอก ใช้นิ้วปาดน้ำตาที่ไหลลงมาเรื่อยๆให้พร้อมกดจูบหน้าผากมนหลายๆทีอย่างปลอบประโลม เด็กชายเริ่มคลายสะอื้นก่อนจะยืดตัวกอดคอชายหนุ่มเอาไว้แน่น ใบหน้าเล็กฝังกับซอกคออุ่นอย่างออดอ้อน ไม่นานสมอิธก็หยุดร้องและหลับไปทั้งๆท่านั้น

ลูคัสแกะตัวเด็กน้อยออกจากตัวเอง เขาค่อยวางร่างเล็กลงบนที่นอนข้างๆแล้วห่มผ้าให้ ชายหนุ่มเดินออกจากห้องด้วยใบหน้าถมึงทึง เจอโยฮันเนสที่ยืนก้มหน้าสำนึกรออยู่ก่อนแล้ว

“ผมเป็นยังไงก็รู้ไม่ใช่หรอ แล้วทำไมยังกล้าให้สมิธเข้าไปตอนที่ผมหลับ!!”

“ผมขอโทษครับ ผมคิดว่าถ้าเป็นคุณสมิธนายจะไม่…ผลั๊วะ!!!”โยฮันเนสที่พูดยังไม่ทันจบประโยคก็โดนหมัดลูคัวพุ่งใส่จนล้มลงกับพื้น

“ไม่ว่าใครก็ไม่มีข้อยกเว้น! ผมไม่เคยไว้ใจใคร!!!...อย่าให้มีแบบนี้อีก” น้ำเสียงเย็นเยียบของลูคัสทำให้โยฮันเนสขนลุกไปทั้งกาย

“ครับนาย”

++++++++++++++

ช่วงนี้อาจจะมาช้าหน่อยนะคะ เปรมต้องไปทำกิจกรรมคณะ :mew6:

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สงสารน้อง ฮื้ออออ

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
โธ่ สมิธน่าสงสารอ่ะ เกี๋ยวลูคัสมันก็เบื่อแล้วใช่ไหม

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด