ตอนที่ 20: วันธรรมดา [End]ศีลยกมือขึ้นสูงเพื่อไล่ความเมื่อยล้า เขามักหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาอ่านในช่วงเวลาที่ไม่มีลูกค้าเข้าร้าน เพื่อใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ ชีวิตในแต่ละวันดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ทำงาน เรียนหนังสือ กลับห้องพัก แต่เขาก็มีความสุขที่มันเป็นอย่างนั้น
ศีลแวะไปหาพีระพัฒน์ที่ทำงานบ้างแต่ไม่ทุกวัน เพราะร้านที่ขยายขึ้นมีงานให้ทำมากมาย บางวันพีระพัฒน์ก็แวะมาดื่มกาแฟที่ร้าน นั่งมองเขาทำงานไปเรื่อยๆ แล้วก็กลับ บอกว่าแค่นี้ก็หายเบื่อแล้ว มันเป็นความสุขเล็กๆ ที่ทำให้ศีลยิ้มได้เสมอ
เขายังแอบไปนั่งกินกาแฟในสวนสาธารณะบ้าง และทุกครั้งก็จะเงยหน้าขึ้นมองตึกสูง เช่นเดียวกับพีระพัฒน์ที่เล่าให้ศีลฟังว่าเวลาพักสายตามักมองลงมาด้านล่าง แล้วคิดว่าเขาแอบอู้งานมานั่งอยู่ในสวนหรือเปล่า มันคือความคิดถึงเล็กๆ ที่พวกเขาส่งถึงกัน
“พี่ภีมครับยุ่งอยู่ไหม” ศีลโผล่หน้าเข้าไปในห้องทำงานของพีระพัฒน์ ส่งยิ้มกว้างให้ชายหนุ่ม
“ไม่ยุ่งเข้ามาสิ” งานกองโตบนโต๊ะสวนทางกับคำที่พีระพัฒน์ตอบ และมันทำให้ศีลยิ้มได้กับความใส่ใจของชายหนุ่ม
“ผมเอาดอกไม้มาให้ครับ” ศีลยื่นดอกไฮเดรนเยียไปตรงหน้า หลังจากส่งดอกไม้ให้พีระพัฒน์มามากมายหลายชนิด เขาพบว่าเขาชอบความหมายของดอกไฮเดรนเยียที่สุด
..ขอบคุณที่เข้าใจและยอมรับในตัวฉัน..“ขอบคุณ” พีระพัฒน์ยื่นมือมารับ ผู้ชายไม่ชอบดอกไม้มีดอกไม้หนึ่งดอกตั้งอยู่บนโต๊ะเสมอ
ศีลเคยบอกอีกฝ่ายว่าถ้าไม่ชอบให้เอาดอกไม้มาฝากบอกตรงๆ ได้เขาเข้าใจ แต่คำตอบที่ได้รับทำให้หัวใจของศีลพองโต
พี่ไม่ชอบดอกไม้แต่พี่ชอบคนให้ เวลามองจะได้หายคิดถึง
ศีลคิดว่าผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่คนโรแมนติก เพราะอย่างนั้นเขาถึงยิ่งดีใจ
“วันนี้ไม่มีเรียนใช่ไหม”
“ครับ พี่ภีมอยากไปไหนไหมครับ”
“มีพี่คิดไว้แล้ว ศีลเลิกงานแล้วมาหาพี่ที่นี่นะ”
“ได้ครับ งั้นผมกลับก่อนเดี๋ยวพี่ลิตจับได้ว่าหนีมา” ศีลยักคิ้ว พีระพัฒน์หัวเราะเบาๆ มองตามร่างเล็กจนลับประตูไป
• • • • • • • •
“ที่นี่เหรอครับ” ศีลเงยหน้าขึ้นมองชิงช้าสวรรค์สีลูกกวาด
“หรือเดี๋ยวนี้เราไม่ชอบแล้ว”
“ชอบสิครับ ผมยังแอบอู้งานมาพักที่นี่บ่อยๆ เวลาขึ้นไปบนสุดจะคิดถึงพี่ภีมทุกที”
“งั้นก็ขึ้นไปกันเถอะ”
“ครับ”
เพราะเป็นช่วงหน้าหนาว ท้องฟ้าจึงมืดเร็วกว่าปกติ ในสวนติดไฟดวงเล็กๆ ประดับสวยงามเพื่อให้เข้ากับเทศกาล รวมทั้งที่ตัวชิงช้าสวรรค์ด้วย
“สวยจังเลยครับ” ศีลมองไปรอบๆ เขารักบรรยากาศแบบนี้มากที่สุด
“มองอะไรครับ” ชายหนุ่มยิ้มเขินเมื่อหันกลับมาเจอสายตาของพีระพัฒน์ ดวงตาคู่นั้นอ่อนโยนและมองมาที่เขาเพียงจุดเดียว
“มองแฟน”
“หล่อใช่ไหมครับ” ศีลยกมือขึ้นจับแก้มตัวเอง
“หึๆ”
“หัวเราะแบบนี้หมดกัน ไม่หล่อก็ไม่ต้องมองก็ได้ครับ” ศีลแกล้งทำหน้าเซ็งก่อนจะยิ้มกว้าง
“ถ้าไม่ให้มองแฟน พี่มองอย่างอื่นแทนก็ได้”
“มองอะไรครับ วิวเหรอ” ศีลหันไปมองนอกกระเช้า
“เปล่า มองภรรยา”
ศีลนั่งนิ่ง เหมือนสมองเขาดับไปชั่วครู่ ก่อนดวงตาจะค่อยๆ เบิกกว้างขึ้น
“มอง! มองอะไรนะครับ” เขาระล่ำระลักถาม
“อยากรู้ก็ยื่นมือมาสิ”
ศีลยื่นมือไปให้โดยไม่รู้ตัว สมองของเขาเบลอไปหมด
แหวนทองคำขาวถูกสวมเข้ามาในนิ้วนางข้างซ้าย ก่อนริมฝีปากของพีระพัฒน์จะประทับลงมาแผ่วเบา
“พี่มองคู่ชีวิตของตัวเอง”
ไม่รู้ว่าน้ำตามาจากไหน ศีลไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาร้องไห้ ไม่มีเสียงสะอื้นมีเพียงอาการตื้นตันใจ มีความสุขจนมันล้นออกมาเป็นหยดน้ำตา
“อย่าร้อง” นิ้วที่ปาดน้ำตาให้เขาอ่อนโยน
“พี่ภีมมั่นใจแล้วเหรอครับ” เสียงคนถามกังวลไม่มั่นใจเสียเอง
“หึๆ ถามอะไรเอาป่านนี้ หัวใจพี่เต้นตามจังหวะพี่ศีลกำหนดมานานแล้วไม่รู้เหรอ”
“พี่ภีม” น้ำตาของเขายิ่งไหลลงมามากขึ้น
มือของพีระพัฒน์ยื่นมาตรงหน้า มีแหวนหนึ่งวงวางอยู่บนนั้น
“ถ้าคิดว่าพี่ก็ใช่สำหรับศีลเหมือนกัน สวมให้พี่ได้ไหม”
“ได้ครับ ได้แน่นอน” ศีลหยิบแหวนมือไม้สั่น ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะสวมให้พีระพัฒน์สำเร็จ
“อยู่ด้วยกันไปนานๆ นะ ตลอดชีวิตได้ยิ่งดี”
“ครับ ผมจะอยู่ จะอยู่แน่นอน”
ศีลปล่อยโฮ เขากลั้นต่อไปไม่ไหว พีระพัฒน์ดึงเขาเข้าไปกอด ลูบมือไปบนแผ่นหลังอย่างอ่อนโยน
“ศีล”
“ครับ” เสียงตอบรับปนเสียงสะอื้น
“พี่ว่าชิงช้ามันเอียงไปข้างเดียว”
ศีลเด้งตัวออก กลับไปนั่งฝั่งตัวเองแทบไม่ทัน เขาเขินจนหน้าแดง
“หึๆ”
ศีลมองค้อนคนอารมณ์ดี เขายกมือขึ้นปาดน้ำตาออก อายจนเลิกร้องไห้ไปเอง
“ก็พี่ภีมเล่นมาบอกบนนี้นี่ครับ มันก็เลยกอดกันไม่ได้”
พีระพัฒน์หัวเราะเสียงดัง เอ็นดูคนรัก
“พี่คิดไว้สองแห่ง ไม่บนชิงช้าสวรรค์ ก็ในลิฟต์ พี่ว่าจะนัดแนะให้ช่างหยุดลิฟต์ให้ เราจะได้มีเวลาคุยกัน”
“ถ้าอย่างนั้นบนนี้โรแมนติกที่สุดแล้วครับ” ศีลรีบตอบ ยิ่งทำให้รอยยิ้มของพีระพัฒน์กว้างขึ้นเพราะขำสีหน้าหวาดๆ ของคนพูด
“เคยคิดไหมว่าทำไมวันนั้นเราถึงติดอยู่ในลิฟต์ด้วยกัน”
“ผมรู้ครับ” ศีลยิ้มกว้าง
“เพราะอะไร”
“เพราะว่าตึกมันมียี่สิบห้าชั้นแล้วผมเดินขึ้นไม่ไหว” รอยยิ้มทะเล้นที่เขาคุ้นตาปรากฏอยู่บนใบหน้าของศีล แม้ดวงตาจะยังเป็นสีแดงก่ำ พีระพัฒน์หัวเราะเบาๆ คำตอบสมกับเป็นศีลของเขาจริงๆ
“ไม่ใช่เพราะพรหมลิขิตเหรอ เห็นผู้หญิงชอบใช้คำนี้กัน”
“ผมว่า...” ศีลยกยิ้มกวน “เพราะความซวยนิดๆ ของพวกเรามากกว่าครับ”
“หึๆ พี่ก็คิดว่าอย่างนั้น”
พวกเขาคือความแตกต่าง คือคนที่ไม่ควรโคจรมาพบกัน แต่โชคชะตาก็ทำให้พีระพัฒน์เลือกที่จะกดลิฟต์รอศีลในวันนั้น และทำให้ลิฟต์เจ้ากรรมค้างในระยะเวลาสั้นๆ มากพอที่จะทำให้พวกเขาจำกันได้
พีระพัฒน์ไม่คิดสักนิดว่าเด็กหนุ่มที่มีชะตากรรมร่วมกันในวันนั้น จะกลายเป็นคนที่เขารักมากที่สุดและอยากใช้ชีวิตด้วยไปทั้งชีวิตในวันนี้ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว
“ศีล”
“ครับ” ดวงตาที่หันมามองเขาสดใส เต็มไปด้วยความรักและเชื่อใจ พีระพัฒน์ยิ้มอ่อนโยน
“ขอบคุณ”
“ผมก็ขอบคุณครับ”
ดวงตาสองคู่ประสานกัน พีระพัฒน์รู้สึกถึงจังหวะหัวใจที่เต้นช้าลง คนที่เป็นเหมือนบ้านทำให้เรารู้สึกอบอุ่นและสบายใจได้เสมอ
“ลงไปกันเถอะ พี่อยากกอดเราแล้ว”
“ครับ ผมก็อยากกอดพี่ภีมเหมือนกัน”
ไม่ว่าตึกจะสูงเท่าไหร่ ไม่ว่าความห่างของพวกเขามีมากมายแค่ไหน ขอเพียงหัวใจสองดวงเป็นหนึ่งเดียวกัน ความรักจะเอาชนะทุกอย่างเอง
-Happy Ending-**เป็นความตั้งใจที่จะเขียนตอนจบด้วยเนื้อหาเพียงเท่านี้นะคะ ไม่อยากใส่อะไรมากไปกว่านี้ เพราะคิดว่าระหว่างพวกเขา "พอดี" แล้ว
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin