ตอนที่ 18
เรนคือฝน ฝนคือเรน
-ฝน- “ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอวะ”
ผมมองหน้าลูกจัน เก้าอี้ และขลุ่ย ตามลำดับ
“แน่สิ เดี๋ยวมึงเบี้ยว” ลูกจันเดินเข้ามากอดแขนผม
ให้ตายเถอะ! พวกนี้รู้จักผมดีเกินไปแล้ว รู้ได้ไงวะ ว่าผมเตรียมชิ่งไม่ไปดูหนังด้วยเต็มที่
“ขึ้นรถ” ลูกจันดึงแขนผมไปที่รถยนต์กลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่ง พอเพ่งมองถึงเห็นว่าพี่คีรินทร์เป็นคนขับ ผมรู้ตัวแล้วว่าเบี้ยวไม่ได้แน่
ผมสวัสดีพี่คีรินทร์ หลังจากโดนลูกจันยัดเข้าไปนั่งตรงกลาง เพื่อไม่ให้ผมเปิดประตูหนี ใช่ว่าผมไม่อยากไปดูหนังกับเพื่อนๆ แต่ที่ไม่อยากไปเพราะไม่ชอบคนเลี้ยง ไม่อยากติดหนีบุญคุณ
ผมถอนหายใจยาว เมื่อเห็นรอยยิ้มของคนที่มีชื่อเดียวกัน หมอนี้ยิ้มได้ชวนมีเรื่องมาก เป็นรอยยิ้มที่ผมใช้คำพูดมาอธิบายไม่ถูก ถ้าให้บอกเป็นความรู้สึกก็คือ เหมือนหมอนี้ขำผมตลอดเวลา
“ผมซื้อตั๋วแล้วจะได้เร็ว” เรนส่งตั๋วให้กับทุกคน คนละใบ ผมไม่อยากยื่นมือไปรับแต่ก็ต้องรับ
“เวลายังเหลือ ใครอยากทำอะไร” พี่ทวีปถามความเห็นจากทุกคน พี่มิ่งให้สาวๆ เป็นคนตัดสิน พี่เจนกับลูกจันปรึกษากันสักพัก ก่อนสรุปว่าอยากไปเดินเล่นมากกว่าหาร้านนั่ง
พวกผมเดินตามกันไปกลุ่มใหญ่ ผมเห็นพี่ทวีปเดินกลับพี่เจน จึงสะกิดแขนเก้าอี้ให้เดินช้าลง
“คบกันแล้วเหรอวะ” ผมพูดเสียงเบา เราเดินห่างจากคนข้างหน้าพอสมควร
“อืม คบแล้ว โคตรรอลม่าน”
“ยังไงวะ”
“พี่เจนชอบพี่ทวีปแต่ไม่กล้าบอก พี่เจนสนิทกับพี่คีรินทร์เพราะจบมาจากโรงเรียนเดียวกัน ก็เลยอาศัยพี่คีรินทร์เป็นตัวกลาง ประมาณแอบรักอะมึง ขอให้ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันบ้างอะไรอย่างนี้ เวลาจะชวนก็ไม่กล้าชวนตรงๆ ก็ชวนพี่คีรินทร์ก่อนถึงชวนพี่ทวีป เลยกลายเป็นว่าพี่ทวีปเข้าใจผิด คิดว่าพี่เจนแอบชอบเพื่อนสนิทตัวเองแต่ไม่กล้าพูด”
“เอ้า!” ผมอุทานเสียงดัง ก่อนรีบลดเสียงลง
“แค่นั้นยังไม่พอ ปรากฏว่าจริงๆ พี่ทวีปก็ชอบพี่เจนเหมือนกัน แต่ที่ไม่แสดงออก เพราะนึกว่าพี่เจนกับพี่คีรินทร์กำลังศึกษากันอยู่ พี่ทวีปไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเพื่อน เพราะไม่อยากให้พี่คีรินทร์ไม่สบายใจ”
“ไปกันใหญ่”
“ใช่ ยังดีที่ไม่สายเกินไป”
“อืม” ผมพยักหน้าเห็นด้วย ดีแล้ว คนที่รักกันสองคนจะได้มีความสุขเสียที
“ตัวนี้เป็นไงมึง หล่อไหม” ผมทาบเสื้อยืดสีน้ำตาลเข้ากับตัว หันไปให้ขลุ่ยดู
“เฮ้ย!” ผมอุทาน เมื่อมีมือดีมาดึงเสื้อออกจากมือผม “อะไรวะ”
“ไม่เข้าท่า เอาตัวนี้” เสื้อสีขาวลายกราฟฟิคดำถูกยัดใส่มือผม
“กูไม่ได้ถามมึง”
“รสนิยมผมดีกว่าคุณแน่ เชื่อสิ” รอยยิ้มกวนประสาทยังมีมาให้เห็นเรื่อยๆ
“กูเห็นด้วยว่ะ ตัวนี้สวยกว่า”
ไอ้คุณขลุ่ยไม่รักษาน้ำใจผมสักนิด มึงเอาความตรงของมึงเก็บเข้ากระเป๋าก่อนได้ม้ายยย
“หึๆ”
ผมนับหนึ่งถึงสิบในใจ ก่อนขยับไปยี่สิบ และใกล้จะถึงร้อยเต็มทน เพื่อไม่ให้วางมวยกับไอ้หน้าหล่อ
“เออ กูเอาตัวนี้ก็ได้”
ผมไม่ได้เชื่อไอ้หมอนั่น ผมเชื่อไอ้คุณขลุ่ยต่างหาก
ผมเอาเสื้อไปคิดเงินเมื่อลูกจันสะกิดบอกว่า ต้องขึ้นไปชั้นโรงหนังแล้ว คนตัวสูงกว่าผมนิดหน่อยยืนอยู่ด้านหน้า แต่พอหันมาเห็นผม ก็เปลี่ยนมายืนด้านหลัง ทำเป็นโชว์สุภาพบุรุษเหรอวะ กูผู้ชายโว้ยไม่รู้สึกหรอก
ผมจ่ายเงินเรียบร้อย ก่อนจะรู้ว่าผมคิดผิด!
ไอ้หมอนี่ไม่ใช่สุภาพบุรุษ แต่เป็นมนุษย์ที่เจ้าเล่ห์ที่สุดในโลก !!
เสื้อที่ถูกนำมาวางบนเคาน์เตอร์ มีเสื้อที่เหมือนผมเปี๊ยบอยู่สองตัว ผมหันขวับไปมองหน้า ไอ้คุณเรนยักคิ้วให้ผม
“ขืนจ่ายก่อน คุณก็ไม่ซื้อสิ”
!!!
ไอ้...เหี้ยยยยยย
ในขณะที่ผมหัวฟัดหัวเหวี่ยง ลูกจันก็พูดเสียงดัง เพื่อตอกย้ำผมเข้าไปอีก
“มีเสื้อคู่ด้วย”
“ไหน” เก้าอี้ยื่นหน้าไปดู ดวงตาเป็นประกายวิบวับ หันไปมองพี่คีรินทร์ อีกฝ่ายส่งเสื้อที่ถืออยู่ให้พี่มิ่ง ถอนใจเบาๆ แล้วหมุนตัวเดินออกจากร้านไปเลย
“อะไรว้า” เก้าอี้ทำหน้าเซ็ง ผมขำเพื่อนก็ขำ รันทดตัวเองไปด้วย เมื่อไหร่จะหมดวันสักทีวะ
ผมก้าวเข้าไปในโรงหนัง เดินตามขลุ่ยไปติดๆ ตามหลังมาด้วยลูกจัน แขนของผมถูกดึง พอหันไปมองก็ได้แต่ถอนใจ หมอนี่มันจะอะไรกับกูนักหนาวะ
“อะไร”
“ที่นั่งคุณติดผม”
“หะ!”
“คุณนั่งต่อจากลูกจัน ติดกับผม”
“มาด้วยกันนั่งตรงไหนก็ได้ป่ะวะ ไม่เห็นต้องนั่งตามที่นั่งเลย” ผมขมวดคิ้ว เจ้าตัวยักไหล่ ยอมปล่อยแขนผมแต่โดยดี
“ก็ได้ ตามใจ”
พอปล่อยง่ายๆ ผมก็อดระแวงไม่ได้ แต่พอหันกลับไปจะเดินต่อเท่านั้น
พ่องมึงงงง!!
ขลุ่ยเข้าไปนั่งแล้วตามด้วยลูกจัน เหลือสองที่นั่งสุดท้าย ยังไงก็ต้องเป็นผมกับไอ้หมอนี่อยู่ดี
ทำไมผมไม่เคยชนะมันเลยวะ ให้ตายเถอะ เกลียดรอยยิ้มฉิบหาย ผมได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจ แต่สุดท้ายก็ต้องนั่งตามนั้นโดยไม่มีทางเลี่ยง
โชคดีที่ระหว่างดูหนัง อีกฝ่ายไม่กวนผมเลย เราต่างนั่งดูเงียบๆ ถือว่ามารยาทในการดูหนังใช้ได้ ผมจะให้ผ่านในข้อนี้ก็แล้วกัน
หลังดูหนังจบ ผมคิดว่าเราจะหาอะไรกิน แต่เปล่าเลย
“กลับเลยเหรอวะ” ผมสะกิดถามขลุ่ย เพราะลิฟต์กำลังลงไปชั้นลานจอดรถ
“ลูกจันไม่ได้บอกมึงเหรอ ว่าจะไปต่อกันบ้านเรน”
ไอ้คุณลูกจัน!! ฉลาดอีกแล้วนะมึง
• • • • • • • •
ผมมองไปรอบๆ บ้าน ทึ่งกับความโอ่อ่าที่เห็น เชื่อแล้วว่าพ่อเป็นนักธุรกิจใหญ่ แม่เป็นดารา บ้านอย่างกับหลุดออกมาจากนิตยสาร
“ไม่มีใครอยู่เหรอ” พี่ทวีปถามขึ้น ดูจากทรงแล้วน่าจะเคยมาบ่อย
“เหมือนเดิมครับ”
“อืม” สายตาของทวีปมีความเห็นใจปรากฏอยู่
“อาหารเรียบร้อยแล้วค่ะ” แม่บ้านที่อยู่ในชุดแม่บ้าน เดินเข้ามาแจ้งอย่างนอบน้อม ผมยืดตัวขึ้นตรงโดยอัตโนมัติ เพราะรู้สึกถึงความเป็นทางการของบ้านหลังนี้
อาหารที่วางเต็มโต๊ะ ยังไม่น่าตกตะลึงเท่ากับความยาวของโต๊ะที่เห็น สักสามสิบที่ได้ไหมวะ จะยาวไปไหน
ผมต้องยอมรับว่าอาหารอร่อยมาก ทุกอย่างเป็นของดีและของแพงทั้งสิ้น บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายขึ้น เมื่อเจ้าของบ้านสั่งให้แม่บ้านที่ยืนประจำจุดสองคนเดินออกไป
“บ้านเรนโคตรสวยเลย” ลูกจันชมบ้านของอีกฝ่าย ถึงจะไม่ชอบหน้าแต่ผมก็เห็นด้วย
“อืม” เจ้าตัวทำเสียงในลำคอ ไม่ใช่ไม่ให้เกียรติลูกจัน แต่ผมว่าเจ้าตัวไม่ยี่หระกับบ้านตัวเองเท่าไหร่
หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง อาหารบนโต๊ะก็ร่อยหรอ พอๆ กับพื้นที่ในกระเพาะอาหาร
“เปลี่ยนเสื้อผ้าเลยไหม ค่อยไปนั่งพักข้างสระ จะได้หาอะไรดื่มกัน”
“เปลี่ยนเสื้อผ้า? ผมหันไปมองหน้าลูกจัน เจ้าตัวยิ้มเผล่
“กูไม่ได้บอกให้มึงเอามา เพราะบอกไม่ได้ว่าจะมา”
อืมมม กลับไปมึงโดนแน่ลูกจัน
ผมนั่งลงข้างสระว่ายน้ำ ความรวยมันดีแบบนี้นี่เอง มีเบียร์เย็นๆ จิบ มีสระว่ายน้ำอยู่ตรงหน้า ของคบเคี้ยว ผลไม้มีครบ ปอกมาให้อย่างดี โดยไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากจับเข้าปาก
“ทำไมไม่เปลี่ยนเสื้อ” ผมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของบ้านที่ยืนค้ำหัวอยู่
“ไม่ได้เอามา”
“ก็คิดอยู่แล้ว”
กางเกงขาสั้นตัวหนึ่งตกลงบนตัก ผมก้มลงมอง
ไอ้หมอนี่ควรเป็นแฟนลูกจัน เจ้าเล่ห์และร้ายกาจพอกัน ทีแรกผมกะจะปฏิเสธ แต่พอเห็นความสนุกของเพื่อนๆ ที่พากันกระโดดน้ำโครมๆ ก็ล้มเลิกความคิด
ผมเดินไปเปลี่ยนกางเกงในห้องน้ำ อดคิดไม่ได้ว่าหมอนี่ใช้ชีวิตยังไงนะ บ้านใหญ่โตแต่ไม่มีคนอยู่ คนใช้น่าจะเกินห้าคน แต่พูดจาสุภาพ เป็นทางการตลอดเวลา ชีวิตแม่งคงน่าเบื่อ บางทีความรวยอาจไม่ได้ดีเสมอไป ผมเริ่มเห็นใจหมอนี่ขึ้นมานิดๆ
หลังจากตกผลึกความคิด เป็นครั้งแรกที่ผมนึกยินดีที่เห็นเรนหัวเราะเสียงดัง เพราะขำความตลกของเก้าอี้ ไอ้เพื่อนตัวดีของผมขึ้นไปยืนกระโดดกระเด้งบนสปริงบอร์ด ก่อนล่วงลงมาเพราะท่ามากเกินไป
“หาอะไรเล่นกันเถอะ”
ผมโคตรกังวลกับคำว่าหาอะไรเล่นกันเถอะของลูกจัน และมันก็เป็นอย่างที่คิด ลูกจันจัดการแบ่งคนเล่นเป็นทีม ทีมละสองคน จากการกล่าวอ้างของลูกจันว่าเรนคือฝน และฝนคือเรน ผมจึงต้องจับคู่กับหมอนี่อย่างช่วยไม่ได้ และประท้วงไม่ได้ เพราะมีแค่ผมคนเดียวที่ไม่เห็นด้วย
ลูกจันจัดแข่งขันไตรกีฬาแบบพิเศษขึ้น เริ่มจากการว่ายน้ำไปกลับคนละหนึ่งรอบ ทีมผมชนะใสๆ ต่อด้วยการแข่งทางด้านพละกำลัง ผมทำใจยากนิดหน่อยที่ต้องขี่คอเรน แต่พอเริ่มแข่งก็สนุกจนลืม ผมผลักคู่แข่งตกน้ำได้สำเร็จ แต่ดันมาแพ้รอบสองให้กับเก้าอี้ เพราะพี่คีรินทร์เป็นฐานที่แข็งแรง บวกกับอาการลิงหลอกเจ้าของเก้าอี้ ที่ทำให้เรนกับผมหัวเราะจนหมดแรง
ด่านสุดท้ายง่ายที่สุดสำหรับผม คือการกลั้นหายใจใต้น้ำ จับเวลาของทั้งสองคน เอามาบวกกัน ทีมไหนตัวเลขสูงสุดชนะไป ผมกับเรนชนะสองในสามเกม จึงถือว่าเป็นผู้ชนะในครั้งนี้ เกมไม่มีของรางวัลอะไร มีแต่ความฮึกเหมใจที่เป็นผู้ชนะเท่านั้น
ผมขึ้นมานอนแผ่หลาอยู่บนเก้าอี้ชายหาดสีขาว กระป๋องเบียร์เย็นๆ แตะที่ข้างแก้ม
“ขอบใจ” ผมรับกระป๋องเบียร์มาจากเรน ขยับตัวขึ้นนั่ง
“อยากได้รางวัลเป็นอะไร”
“รางวัลอะไรวะ”ผมเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย
“ที่แข่งชนะเมื่อกี้”
“มีรางวัลที่ไหนกัน” ผมหัวเราะคำพูดของเรน
“มีสิ อยากได้อะไร” เสียงที่พูดจริงจัง ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน
“อย่าบอกนะ ว่ามึงจะซื้อให้กู”
“ไม่บอก แต่ใช่”
ผมมองหน้าเรน จ้องเข้าไปในดวงตาคู่นั้น มองรอยยิ้มมุมปากที่ผมเห็นเป็นประจำ
“ถ้ามึงอยากเป็นเพื่อนกับใครจริงๆ สักคน อย่าทำแบบนี้”
ผมลุกขึ้นยืน ยกกระป๋องเบียร์ขึ้น “ขอบใจสำหรับเบียร์ มีแค่นี้หลังแข่งเสร็จก็ชื่นใจสุดๆ แล้ว เผื่อมึงยังไม่รู้”
ผมเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ไม่ได้สนใจเจ้าของบ้านอีก จึงไม่รู้ว่าสายตาคู่นั้นมองผมอยู่นาน
“เดี๋ยว!” ผมหันไปมองคนเรียก
“ผมไปส่งคุณเอง”
“ไม่ต้อง กูกลับกับเพื่อนได้”
“ฝนฟังกันสักครั้ง ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”
ผมจ้องตากับเรน บางอย่างทำให้ผมพยักหน้า
“ได้ กูบอกเพื่อนก่อน” ผมเดินไปบอกเก้าอี้ รอจนเพื่อนออกรถไปแล้ว จึงหันกลับมามองเจ้าของบ้าน
“รอตรงนี้ ผมไปเอารถมารับ”
“บ้านมึงลึกขนาดนี้ กูไม่หนีไปไหนหรอก กลับเองไม่ได้อยู่แล้ว”
“หึๆ”
ผมรออยู่เพียงครู่เดียว รถบีเอ็มดับเบิ้ลยูรุ่นใหม่ล่าสุดก็เข้ามาจอดเทียบ ผมเปิดประตูขึ้นไปนั่ง เรนเคยไปส่งผมที่หอแล้วครั้งหนึ่ง จากการแพ้เกมที่เล่นตอนเข้าค่ายรับน้อง จึงไม่จำเป็นต้องบอกทาง
“มีอะไรก็ว่ามา” ผมเริ่มต้นพูดก่อน เรนเหลือบสายตามามองผม
“ขอโทษ”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องของขวัญ”
“ขอโทษทำไม กูไม่ได้โกรธมึง”
“ผมไม่ได้ตั้งใจดูถูกคุณ ผมแค่อยากซื้อของให้ เพราะอยากให้”
ผมถอนหายใจยาว หันไปมองอีกฝ่าย “นั่นกูก็รู้ แต่ถ้ามึงทำอย่างนั้นบ่อยๆ ทำง่ายๆ มันจะมีคนจำนวนมากที่เข้าหามึงเพราะอยากได้ของ อยากสบายเพราะเป็นเพื่อนมึง เจตนามึงดี แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ดีกับมึง”
“....”
“มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของกูนะ เงินก็เงินมึง แต่กูก็อดพูดไม่ได้ว่ะ เกลียดขี้หน้ามึงยังไงตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกันแล้ว”
ผมหมั่นไส้นิดหน่อย เพราะไอ้หมอนี่ดันเสือกยิ้มเหมือนดีใจ
“ขอบใจ”
“เออ” ผมพยักหน้า ที่อยากพูดก็พูดไปหมดแล้ว
“แต่ผมอยากซื้อของขวัญให้คุณอยู่ดี”
“เอ้า! ไอ้เหี้ยนี่”
“ฮ่าๆ” เรนหัวเราะเสียงดัง
“ผมไม่ได้กวน แต่ผมยังอยากให้ เพราะรู้ว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น ต่อให้ให้เป็นร้อยชิ้นก็คงไม่เป็นไร”
“ตกลง”
“หือ?” เรนหันมามองผม
“ร้อยชิ้นกูเอา เยอะดี”
“ฮ่าๆ”
ดวงตาของเรนเป็นประกาย ริมฝีปากที่เหมือนขำคนอื่นตลอดเวลา ปรากฏเป็นรอยยิ้มจริงๆ อย่างที่มันควรจะเป็น ผมเลยอดหัวเราะตามไม่ได้
“อยากให้ของกูจริงๆ เหรอ”
“ใช่”
“ตกลง”
“อยากได้อะไร”
“กางเกงที่กูเอาของมึงมาใส่ ขี้เกียจซักคืน”
“ฮ่าๆ”
ผมมองใบหน้าของเรน หน้าแบบนี้สิถึงจะไม่ขัดตา แบบนี้สิถึงจะเป็นเพื่อนกันได้ เป็นหนึ่งวันที่ผมได้เรียนรู้เรนมากขึ้น และเรนก็คงได้เรียนรู้ผมมากขึ้นเช่นกัน
ฝนคือเรน เรนคือฝน เราอาจชื่อเหมือนกัน แต่เราไม่มีอะไรเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าเราจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin