“คนที่มานอนค้างกับมินที่นี่ต่างหาก มันเป็นอะไรกับมิน”
“เมธน่ะเหรอ…เมธเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว เมธมาทำงานแค่อาทิตย์เดียวก็จะกลับแล้ว”ร่างบางตอบแบบซื่อๆ น้ำตาหยุดไหลโดยไม่รู้ตัว ภูริยิ้มรับกับคำอภิบาย ถ้าเนมินพูดว่าเป็นเพื่อน อีกฝ่ายก็คงแค่หลงรักข้างเดียวอยู่แน่ๆ คงเหมือนเขาตอนนี้….แต่ก็ไม่แน่…เขาอาจไม่ได้รักข้างเดียวอยู่ก็ได้
“มินเข้าใจพี่ผิดเรื่องอร พี่ก็เข้าใจผิดเรื่องเพื่อนของมินเหมือนกัน แต่ตอนนี้เราเข้าใจกันแล้วใช่มั้ยครับ”ภูริเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มใสให้จนหมูด เนมินมองคนที่นั่งอยู่ต่ำกว่าด้วยความสงสัย
“พี่ภูเข้าใจอะไรผิด”
“ก็เข้าใจว่ามินไม่อยากเจอพี่อีกเพราะแฟนมินมาหาน่ะสิ”
“ไม่ใช่นะ เมธเป็นเพื่อน มินไม่มีแฟน”
“ครับ พี่เข้าใจแล้ว มินก็เข้าใจมินพี่แล้วใช่มั้ย พี่ไม่ได้เป็นอะไรกับอรนอกจากเพื่อนเหมือนกัน”ภูริพูดพร้อมลูบแก้มเนียนเบาๆ เนมินพยักหน้าแทนคำตอบ กว่าจะเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองทำตัวไร้เหตุผลกับอีกฝ่ายก็เมื่อน้ำตาหยุดไหลนี่ล่ะ
“มินอยู่คนเดียวได้มั้ย พี่ต้องไปสอนก่อนนะ เลิกงานเมื่อไหร่พี่จะแวะซื้อข้าวมากินด้วย ดีมั้ย”
“…มินเลยทำให้พี่ภูไปทำงานสายเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ตกลงตอนเย็นพี่มากินข้าวด้วยนะ มินก็พักผ่อนได้แล้ว อะไรที่ทำค้างไว้ก็ไม่ต้องทำแล้ว อะไรที่มีประจำไว้ตลอดลูกค้าเขาก็ไม่ค่อยสนใจนักหรอก ขาดๆ บ้างก็ทำให้คนต้องการมากขึ้นได้นะ”ภูริลุกขึ้นแล้วจูงมือเล็กให้เดินออกมาส่งเขาหน้าบ้าน ก่อนจะขึ้นรถภูริยังหันมาลูบหน้าหวานเบาๆ ใจจริงเขาเองก็อยากจะอยู่ต่อ อยากจะปลอบให้หายเสียขวัญ ถ้าเขาทำงานออฟฟิศทั่วไปก็คงจะโดดงานได้โดยไม่รู้สึกผิดมากเท่าไหร่ แต่นี่มีนักเรียนอีกหลายคนกำลังรออยู่ เขาไม่ได้ต้องรับผิดชอบเพื่อตัวเองหรือองค์กรเท่านั้น แต่รวมถึงอนาคตของเด็กๆ ด้วย
“ว่าไงพี่มิน”จอยรับสายเนมินที่โทรเข้ามาอีกครั้ง
“พี่ว่าจะนอนพักสักหน่อย ถ้าลูกค้าถามหาขนมอันไหนก็ฝากขอโทษไปแล้วกันนะ”
“เป็นอะไรมากเปล่า อยู่คนเดียวได้มั้ย”
“ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว จะนอนเฉยๆ แค่นี้นะ”เนมินรีบวางสายก่อนที่รุ่นน้องคนสนิทจะจับพิรุธได้ว่า…เขากำลังดีใจจนไม่สามารถกลั้นยิ้มได้ ร่างบางเก็บของที่ทำค้างไว้ตามคำแนะนำอย่างว่าง่าย อาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วนอนลงบนเตียงเพื่อเข้าสู่นิทรา…ที่คงไม่หวานกว่าความจริงไปได้อีกแล้ว
ภูริมาสอนสายครึ่งชั่วโมง โชคดีที่อรจิรานำแบบทดสอบที่ภูริเคยเตรียมไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินมาให้นักเรียนได้ทำรอ เมื่อชายหนุ่มมาถึงนักเรียนส่วนหนึ่งเพิ่งจะทำแบบทดสอบเสร็จ เขาใช้เวลาที่เหลือสอนบทเรียนต่อไปและเก็บแบบทดสอบมาตรวจเพื่อประเมิณผล
“ขอบคุณมากนะครับอร”
“ไม่เป็นไรค่ะ คนกำลังมีความรักก็อย่างนี้ล่ะนะ แล้วน้องมินไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย”
“ก็…ไม่ได้เป็นอะไรหรอก”จะให้เขาบอกได้ไงว่าเนมินแค่งอนเขาเท่านั้น
“ยิ้มแบบนี้แสดงว่ามีอะไรเกิดขึ้นใช่มั้ย บอกมาเลยนะ”
“ไม่อะไรจริงๆ ผมไปก่อนนะ นัดกินข้าวกันไว้ เดี๋ยวน้องมินจะรอ”ภูริหยิบข้าวของแล้วเดินผิวปากออกไปอย่างอารมณ์ดี เพื่อนร่วมงานต่างมองกันแล้วลอบถอนหายใจที่มาดครูหนุ่มเจ้าเสน่ห์กลับมาอีกครั้ง
ภูริใช้เวลาไปสั่งอาหารที่ร้านประจำของเขาไม่นาน ระหว่างทางไปบ้านเนมินเขาก็โทรศัพท์ไปหาเพื่อถามว่าอยากได้อะไรเพิ่มเติมรึเปล่า
“พี่ซื้อแกงส้มชะอมไข่ ทอดมันปลากราย กุ้งอบวุ้นเส้น น้องมินอยากได้อะไรอีกมั้ยครับ”
“เอ่อ…มินลืมบอกพี่ภูไปว่า…เพื่อนมินเขาอยู่บ้านด้วยนะครับ….พี่ภูจะว่าอะไรมั้ย”เนมินก็นึกสงสัยในคำถามของตัวเอง ทั้งๆ ที่เป็นบ้านเขาแท้ๆ แต่กลับรู้สึกเกรงใจภูริอย่างไม่รู้สาเหตุ
“ก็นั่นบ้านน้องมินนี่ครับ พี่จะไปว่าอะไร สามคนกับข้าวสามอย่างคงน้อยไป เดี๋ยวพี่ซื้อไก่ย่างไปเพิ่มแล้วกันนะ”
“ก็ดีครับ ข้าวไม่ต้องซื้อนะครับ มินหุงไว้เต็มหม้อเลย มีขนมด้วย”เนมินฉีกยิ้มให้ปลายสายทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่มีทางเห็น แต่ก็รับรู้ได้ว่าคนพูดยิ้มอยู่แน่ๆ
“ครับ อีกไม่เกินยี่สิบนาทีเจอกันครับ”ภูริวางสายอย่างอ้อยอิ่งที่สุด และเนมินก็ทำไม่ต่างกัน คนที่ตั้งใจยิ้มให้ไม่ได้เห็น แต่คนที่อยู่ด้วยกลับเห็นและรับรู้ทุกคำพูด ทุกความรู้สึก
“ใช่คนที่มินเล่าว่าช่วยให้คำแนะนำเรื่องร้านหรือเปล่า”
“ใช่ๆ พี่ภูริ เป็นอาจารย์สอนอยู่สถาบันฝั่งตรงข้ามร้านเราไง ใจดีมากๆ”
“ใช่เจ้าของช่อดอกไม้รึเปล่านะ”เมธาถามกึ่งเย้าเพื่อไม่ให้เพื่อนเขินอาย แต่เนมินก็ยังเขิน สีหน้าท่าทางไม่ได้แทนคำตอบแค่ว่าชายคนที่พูดถึงเป็นเจ้าของช่อดอกไม้ที่เนมินแสนทะนุถนอม แต่คงเป็น…เจ้าของหัวใจไปด้วยแล้ว
“ไว้ใจได้นะคนนี้น่ะ”…ไว้ใจให้ดูแลดวงใจแทนได้ใช่ไหม
“ได้สิ พี่ภูไม่มีอะไรหรอก เป็นอาจารย์เชียวนะ ถ้าอาชีพนี้ไว้ใจไม่ได้แล้วแบบไหนถึงจะได้ล่ะ”
“ไม่รู้สิ ครูก็คน มีดีมีไม่ดี”
“เอาไว้เจอตัวจริงก็รู้ พี่ภูคุยสนุก เป็นกันเอง แล้วก็สอนอะไรมินเยอะเลยนะ รับรองเมธต้องชอบพี่ภูแน่ๆ”….เหมือนที่มินชอบน่ะเหรอ
เมธานั่งดูโทรทัศน์ ขณะที่เจ้าของบ้านเดินจัดโต๊ะอาหารหลายรอบจนเหมือนกับจะมีงานเลี้ยงใหญ่ เดี๋ยวเปลี่ยนลายจานให้เป็นชุดแก้ว เดี๋ยวก็เปลี่ยนใหม่เป็นกระเบื้องมีลวดลายสวยงาม เยลลี่ฟรุตสลัดที่ทำไว้ในตู้เย็นก็เปิดเข้าเปิดออกดูหลายรอบ จนได้ยินเสียงรถจอดหน้าบ้านนั่นล่ะถึงได้รับวิ่งออกไปรับ…คงมาหากันบ่อย ไม่งั้นเนมินหรือจะจำเสียงรถได้
เนมินตั้งใจวิ่งออกมาช่วยอีกฝ่ายถือของ แต่เมื่อเห็นสายตายินดีที่อีกฝ่ายปิดบังไม่มิดก็รู้ตัวว่าทำอะไรน่าอายลงไปอีกแล้ว
“คิดถึงจัง”ภูริไม่ได้ให้เนมินช่วยถืออะไร นอกจากมือของเขา
“….ก็….เพิ่งแยกกันไม่นานเอง”กว่าจะคิดคำพูดได้ อีกฝ่ายก็จับจูงแล้วเดินนำจนเข้ามาด้านในแล้ว เนมินดึงมือตัวเองกลับช้าๆ เพราะอายสายตาของเพื่อนรักที่มองมา
“พี่ภูครับ นี่เมธ เพื่อนสนิทมินเอง เมธ นี่พี่ภู”เนมินเดินไปยืนใกล้เมธาเหมือนจะให้เป็นที่กำบัง ไม่ใช่แค่มือเท่านั้นหรอกที่ถูกจับจูง…แต่คงเป็นใจของเขาด้วย
“สวัสดีครับ”เมธาเอ่ยปากก่อนในฐานะที่ตัวเองอายุอ่อนกว่า
“สวัสดีครับ พี่ซื้ออาหารมาสี่อย่าง หวังว่าคงพอนะ”ภูริยิ้มทักทายอีกฝ่าย พร้อมกับยอมปล่อยให้เนมินแย่งถุงอาหารไปจัดใส่จาน
เหมือนกับต่างฝ่ายต่างรู้ความในใจของกันและกัน และก็รู้ด้วยว่าตอนนี้…เนมินมีใจให้ใคร ภูริไม่แสดงท่าทางระแวงหรือหึงหวงอีกฝ่าย เมธาเองก็คอยสังเกตว่าอีกฝ่ายไว้ใจได้มากแค่ไหน ถ้าเป็นคนดีและรักเนมินจริง เขาเองก็จะไม่ขัดขวาง สถานะเขาคงเป็นได้เพียงเพื่อนสนิท และเขาก็พอใจที่มันเป็นเช่นนี้ เคยพยายามเรียกร้องให้มากขึ้น แต่…ก็ทำได้แค่พยายามเงียบๆ เรียกร้องตีโพยตีพายอยู่คนเดียว…เขากับเนมินเหมาะที่จะเป็นเพียงเพื่อน เป็นพี่น้อง แต่ไม่ใช่คู่รัก….หากอย่างน้อยเขาก็ดีใจที่ได้รัก….รักแรกของเขา
*****************************************************
เพื่อช่วยประหยัดทรัพากรของเล้า ต่อไปนี้จะขึ้นวันที่อัำพตอนใหม่นะคะ
ปล.1 เพื่อช่วยประหยัด ต่อนี้ไปแต่ละตอนจะสั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ปล.2 ขอประชาสัมพันธ์นิยายตัวเองหน่อยนะ ตอนนี้ระเบียงรักเปิดให้จองหนังสือแล้วนะคะ รายละเอียดติดตามได้ที่กระทู้ระเบียงรักนักศึกษาค่ะ