❤ คุณคนเดียวกัน ❤ [ตอนที่ 27 End]★06/04/21★ P:19
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤ คุณคนเดียวกัน ❤ [ตอนที่ 27 End]★06/04/21★ P:19  (อ่าน 132383 ครั้ง)

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
55555 มันใช่หรอ ไม่อยากให้พูดมาก เมียเมออะไร
เลยยอมๆ ให้ทำไปงี้หรอ ไม่ได้นะภาคิน

บทจะหวานเค้าก็หวานจน แหมมม แต่บอกเป็นแฟน
อะไรจะเหมือนเดิมได้ไงเนาะคิน มันต้องคืบหน้าสิ

เป็นเอ็นดู กว่าจะรู้ตัวก็บ่นโง่กันไปหลายรอบ

ออฟไลน์ LifePo-YuGu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ในที่สุด  น้องภาของเราก็มีสามีเป็นตัวเป็นตนสักที  :hao7: :hao7: :-[ :-[ :jul1:

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

ออฟไลน์ TaddyC

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:   อร้ายยยยยย เขาได้กันแล้ว ได้เบิ้ลด้วย  กรี้สสสสสสสสสสส :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
 :z1:คินร้ายนักนะ เป็นแฟนได้แป้บเดียว รีบเลื่อนให้เป็นเมียเลยนะ

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
น้องภาโดนกินแล้วววว  :m25:
เมียเมอ อะไรแค่หมดเรี่ยวแรงเฉยๆ แง้งง

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
 :oo1:  :L1: :pig4: :L1: เขิน

ออฟไลน์ darin

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1088
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2267/-46
ตอนที่ 21

ผู้ชายแบบคิน



“พี่คิน” เสียงเรียกหวานหูแต่ยังไม่หวานเท่ากับรอยยิ้มที่ส่งมาให้ ถุงของร้านเบเกอรี่ชื่อดังถูกวางลงบนโต๊ะที่พวกผมนั่งอยู่ใต้ตึกคณะ

“เพิร์ลซื้อมาฝากพี่คินค่ะ เพิร์ลไปทานกับเพื่อนมาพอทานของอร่อยก็อดคิดถึงพี่คินไม่ได้ อยากให้ได้ทานด้วยกัน” คำพูดและรอยยิ้มเขินอายทำให้คนพูดดูน่ารักขึ้นเป็นเท่าตัว

ถ้าไม่เจอกันวันนี้ผมเกือบลืมเพิร์ลไปแล้ว ครั้งสุดท้ายที่เจอดูเหมือนจะเป็นวันที่เจ้าตัวมาหาคินที่คณะเพื่อไปดูหนังด้วยกัน

“รู้ได้ยังไงว่าพี่อยู่นี่”

“เพิร์ลก็ต้องมีสายสืบของเพิร์ลสิคะ” คนพูดยิ้มตาพราว สีหน้าภูมิใจกับความลับเล็กๆ ของตัวเอง

“เพิร์ลไปก่อนนะคะมีเรียน พี่คินอย่าลืมทานขนมนะคะ”

“อืม”

ผมมองตามหลังเพิร์ลไปก่อนหันกลับมามองคิน รู้สึกเหมือนตัวเองอยากพูดอะไรบางอย่างแต่ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไร รู้แต่ว่าผมไม่สบายใจ มันรู้สึกอึดอัดแปลกๆ

“ทานสิ”

ผมเลิกคิ้วขึ้น ชี้มือไปยังถุงขนมตรงหน้า “ขนมนี่เหรอ อย่าเลยน้องเขาตั้งใจซื้อให้มึง ขืนกูกินเข้าไปความคิดถึงได้ติดคอตาย”

มุมปากของคนตรงหน้ายกขึ้น ดวงตาที่มองมาฉายแววแปลกๆ

“หึงเหรอ”

!!!

“หึงเหี้ยอะไรของมึง กูอิจฉาต่างหาก” ไม่ต้องมีใครบอกผมก็รู้ว่าเป็นการละล่ำละลักตอบที่เสียอาการมาก

“อิจฉา?”

“เออ” ผมพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ใครบ้างวะไม่อยากได้ขนมจากสาว”

“ผม” นิ้วยาวเรียวชี้เข้าหาตัว

“หือ?” ผมเลิกคิ้วขึ้นแทนคำถาม

“คุณถามว่าใครบ้างไม่อยากได้ขนมจากสาว”

“ถ้ามึงไม่อยากได้แล้วรับไว้ทำไมวะ” ผมมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่เข้าใจปนไม่พอใจเล็กน้อย ซี่งอย่างหลังผมจะไม่ยอมรับเด็ดขาด

“เพราะผมไม่รู้ว่าคุณจะหึง” รอยยิ้มกวนจุดขึ้นที่ริมฝีปากและดวงตาของคิน

“กูบอกว่าไม่ได้...ช่างแม่งเถอะ” ผมถอนหายใจยาว ตัดสินใจเลิกพูดเพราะบอกความรู้สึกของตัวเองไม่ถูกเช่นกัน

“ไอ้คิน” ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากัน “ถ้า...”

“อะไร”

“ถ้า..ถ้ามึงไม่กินวันหลังก็อย่ารับสิวะ” ผมหลบสายตาของคิน ไม่อยากให้รู้ถึงพิรุธในใจ

“ก็คุณชอบไม่ใช่เหรอ”

“ชอบ? ชอบอะไร” ผมเงยหน้าขึ้นประสานสายตา

“ขนม คุณชอบกินไม่ใช่เหรอ”

“...”

“มะ..มึงนี่มันชั่วเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ น้องเขาตั้งใจซื้อให้มึงแต่มึงดันรับเพราะกูชอบกินเนี่ยนะ แบบนี้มันไม่ถูก มึงต้องคิดถึงใจคนให้ด้วย สงสารน้องเขา”

“แล้วทำไมคุณยิ้ม”

“หะ!” หน้าตาเลิ่กลั่กของผมคงส่อพิรุธที่สุดแล้ว

“คุณด่าผมไปยิ้มไป”

ผมเม้มปากแทบไม่ทัน เผลอยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง

“กูไม่ได้ยิ้ม”

“ผมเชื่อ”

ผมผงะไปทางด้านหลังเมื่อใบหน้าหล่อเหลาของใครบางคนโน้มข้ามโต๊ะเข้ามาใกล้ พร้อมกับมือที่วางลงบนศีรษะ

“ผมเชื่อว่าคุณไม่ได้ยิ้ม ไม่ได้หึง”

“รู้ก็ดี” ผมปัดมือของคินออก มองอีกฝ่ายลุกขึ้นยืนด้วยความสงสัย

“ไปไหนวะ?”

“เอาขนมไปให้โต๊ะโน้น ไม่มีอะไรขวางหูขวางตาคุณจะได้ไม่หึงอย่างที่พูด”

“...”

ถุงขนมหายไปแล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มรู้ทันอันแสนร้ายกาจที่ยังติดตา ตอนนี้ผมสงสัยเหลือเกินว่าทำไมเราสามารถรักและเกลียดคนบางคนได้ในเวลาเดียวกัน

• • • • •

“คิน”

“ว่า” ผมขานรับโดยไม่ละสายตาจากเกมที่เล่นอยู่ เพราะเป็นคืนวันศุกร์จึงไม่ต้องกังวลว่าพรุ่งนี้จะตื่นไปเรียนทันหรือไม่

“ยังไม่ง่วงเหรอ”

“ยัง มึงง่วงก็นอนไปก่อนเลย”



“คิน”

“หือ?” ผมส่งเสียงตอบ ขยับคอไปมาเพื่อลดความเมื่อยล้าจากการก้มหน้า

“พรุ่งนี้จะไปไหนหรือเปล่า”

“ไม่ไป กูกะจะนอนตื่นสายๆ ... เดี๋ยวนะ..” ผมเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอมือถือ หันไปมองคินด้วยสายตาแปลกใจ

“เมื่อกี้มึงเรียกกูว่าอะไรนะ”

คนถูกถามไม่ตอบเพียงแค่มองผมยิ้มๆ

“มึงเรียกกูว่าคิน?” ผมถามออกไปพร้อมกับทบทวนความทรงจำของตัวเองไปด้วย ใช่แล้ว!

“สองสามวันนี้มึงไม่เรียกกูว่าภาเลยนี่หว่า”

“เพิ่งรู้ตัวเหรอ” คนถามดวงตาเป็นประกายขำ

“ทำไมวะ” ผมถามคล้ายคนโง่งม ก็หมอนี่ไม่ใช่เหรอที่พยายามเรียกผมว่าภาให้ได้

“ไม่มีอะไร” คินโคลงศีรษะ ยกยิ้มที่มุมปาก “ก็แค่เมื่อก่อนคุณไม่ชอบให้ผมเรียกว่าภา ผมเลยอยากเรียก”

“มึงเรียกเพราะอยากแกล้งกู” ผมได้ข้อสรุปทันที

“ใช่” คนทำรับคำอย่างหน้าชื่นตาบาน

“ตอนนี้กูยอมให้เรียกแล้วมึงเลยไม่เรียก?”

“ผมชอบชื่อคินมากกว่า ผมชอบที่เราชื่อเดียวกัน”

“กูแม่งหมดคำจะพูดกับมึงจริงๆ” ผมส่ายหัวด้วยความอิดหนาระอาใจ แต่ไม่เคยนึกสงสัยเพราะคนอย่างคินทำได้อยู่แล้ว

“ไม่รู้เหรอ” คนพูดมองผมตาวาว

“รู้อะไรวะ” ใครจะไม่สงสัยเมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาลอยๆ

“รู้ว่า..ตอนคุณโดนแกล้ง..น่ารัก” เสียงทุ้มหูและสายตาชวนละลายที่มองมาทำเอาผมไปไม่เป็น จู่ๆ ก็รู้สึกว่าหูร้อนขึ้นมา ผมรีบหันไปมองทางอื่น สายตาหลุกหลิกอยู่ไม่สุข

“กู..กู..”

เดี๋ยวนะ สมองผมจับบางอย่างได้ ผมหันกลับไปมองคินทันที ทันได้เห็นสายตาร้ายกาจคู่นั้นเต็มๆ

“ไอ้คิน! มึงกวนตีนกูอีกแล้ว!”

“หึๆ ก็ผมบอกแล้วว่าตอนคุณทำหน้าไม่ถูก..น่ารัก”

“เชี่ย”

ผมทิ้งท้ายไว้หนึ่งคำ ก่อนพาหน้าแดงๆ ของตัวเองเข้าห้องน้ำเพื่อไปสงบสติอารมณ์แทบไม่ทัน

• • • • •

“พี่คิน” เสียงหวานเสียงเดิมกลับมาอีกครั้ง ทำเอาผมอยากรู้ว่าใครเป็นสปายให้กับน้องเพิร์ลกันแน่ ถึงส่งข่าวได้ว่องไวเพียงนี้ ผมนั่งยังไม่ทันหายร้อนด้วยซ้ำ

“ครับ” คินตอบรับ

“เพิร์ลซื้อมาฝากค่ะ” กล่องเค้กถูกวางลงบนโต๊ะ ผมไม่แน่ใจว่าระหว่างเค้กกับรอยยิ้มของคนให้อะไรที่หวานกว่ากัน ที่แน่ๆ คือมันทำให้ผมรู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

“ขอบใจเพิร์ลมาก แต่พี่รับไว้ไม่ได้”

“พี่คินไม่ชอบทานเหรอคะ” เสียงหงอยๆ และใบหน้าเศร้าสร้อยของสาวน้อย ทำเอาหนุ่มๆ ที่นั่งอยูรอบข้างรู้สึกปวดใจแทน

“เปล่า”

“งั้นทำไม..” ดวงตาที่เหลือบขึ้นมองคินน่าสงสารเกินบรรยาย ผมกลั้นหายใจ ได้แต่ภาวนาขอให้คินเลือกใช้คำพูดที่ไม่ทำร้ายใจกันมากนัก ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นผู้หญิง

“คินไม่ให้รับ”

“หะ!” ผมตาเหลือก หันไปมองเจ้าของคำพูด สายตาจึงสบเข้ากับดวงตาสนุกของอีกฝ่ายเข้าพอดี ไอ้คิน! เล่นผมแล้ววว

“หมาย..หมายความว่ายังไงคะ” สีหน้าของน้องเพิร์ลคล้ายปลาถูกทุบหัว สายตาที่เบนมามองผมงงงันก่อนจะเปลี่ยนเป็นเอาเรื่อง

“คือ..” ผมกลืนน้ำลายลงคอ

“ทำไมพี่คินไม่ให้รับของเพิร์ลคะ มันเกี่ยวอะไรกับพี่คินด้วย”

“เอ่อ..” แล้วจะให้ผมพูดอะไรละครับ

“แฟนพี่ขี้หึงน่ะ”

“คะ!!”

ไอ้เชี่ยคินนน!!

คราวนี้ไม่ใช่สายตาทิ่มแทงจากน้องเพิร์ลคนเดียวแล้วที่จ้องมองผม คำพูดประโยคสั้นๆ ของคินเรียกสายตาจากทุกโต๊ะที่อยู่ใกล้เคียงให้หันมามอง

“พี่..พี่คินพูดว่าอะ..อะไรนะคะ”

“หมอนี่ขี้หึง” มือใหญ่วางลงบนศีรษะของผม แถมเขย่าเบาๆ สายตาที่มองมาเหมือนเอ็นดูผมเสียเต็มประดา

“พี่คิน!”

“หืม เพิร์ลจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะ”

“ไม่จริงใช่ไหมคะ พี่คินแค่แกล้งเพิร์ลใช่ไหมคะ” คราวนี้เป้าหมายพุ่งมาที่ผมเพื่อหาคำยืนยันที่ต้องการ

“ว่ายังไงคะ” น้ำเสียงที่ถามเริ่มคุกคามเมื่อไม่ได้รับคำตอบ

“ก็..ก็ตามนั้น” ถ้าเอารอยยิ้มทั้งชีวิตมารวมกัน ครั้งนี้น่าจะเป็นรอยยิ้มที่แหยที่สุดในชีวิตของผมแล้ว

“ยอมรับแล้วเหรอว่าคุณหึงผม ถ้าบอกแต่แรกว่าไม่ชอบผมจะไม่รับของจากใครเลย”

“กูหมายถึงเป็นแฟนมึงเว้ย ไม่ได้หมายถึงกูหึง” คนร้อนตัวอย่างผมรีบแก้ตัวทันที แต่เมื่อจบประโยคลงและได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย ก็รู้ตัวทันทีว่าผมตกหลุมอีกครั้ง ถ้ามีปี๊บวางอยู่ใกล้ๆ ผมคงเอาคลุมหัวตัวเองไปแล้ว

“บ้าไปแล้ว” สายตาของน้องเพิร์ลที่มองมาทำเอาผมกังวลว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่โดนผู้หญิงตบหรือเปล่า ยังดีที่น้องเพิร์ลแค่ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนคว้ากล่องเค้กวิ่งจากไป

ผมถอนหายใจยาว เพราะรู้ว่าได้สร้างศัตรูโดยไม่ตั้งใจเข้าให้แล้ว

“จริงเหรอวะ พวกมึงคบกันจริงเหรอวะ” ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก ความอยากรู้อยากเห็นของเด็กคณะผมไม่เคยเป็นรองใครจริงๆ

“จริง” คนตอบไม่คิดจะให้ผมมีเวลาพักหายใจ

“เชี่ย ถ้าไม่เห็นกับตาได้ยินกับหูกูไม่มีทางเชื่อแน่ๆ มึงตกหลุมไอ้คินได้ไงวะ”

“มึงถามถึงคินไหน” ผมถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายใจ

“แล้วมึงดังเท่ามันหรือไง” เป็นคำตอบที่ชวนเจ็บปวดหัวใจ ระหว่างไอ้คินกับผมแน่นอนว่าต้องเป็นคินเสมอ

“แล้วนี่มึงรู้อยู่แล้วหรือเพิ่งรู้” โชคดีที่อีกฝ่ายไม่คิดเอาคำตอบจริงจังและเปลี่ยนไปถามปายที่นั่งเงียบอยู่ข้างผมแทน

“รู้” ปายพยักหน้า

“งั้นจีนกับนาวีก็รู้สิวะ”

“อืม” คินเป็นคนตอบเพราะทั้งสองคนไม่อยู่

“จุ๊จุ๊ พวกมึงนี่เหนือความคาดหมายจริงๆ เดี๋ยวพอรู้กันทั่วสนุกแน่”

สนุกกับผีน่ะสิ นั่นคือสิ่งที่ผมคิดในใจ ไม่อยากคิดถึงรังสีอำมหิตจากสาวๆ แต่ละคนเลย

“ไม่เห็นมีอะไร” ในขณะที่ผมกลุ้มใจเล็กๆ ตัวต้นเหตุกลับมีท่าทีสบายใจ สีหน้าบ่งบอกว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญแม้แต่น้อย

“แน่ใจ?”

“แน่ใจ หมอนี่รับมือไหวอยู่แล้ว” สายตาและรอยยิ้มมุมปากที่ส่งมา ผมแน่ใจเหลือเกินว่าคินจะให้ผมรับมือจริงๆ และน่าจะตั้งตารอดูด้วย

“เออกูจะคอยดู ไปล่ะ”

ผมมองตามหลังคนพูดที่เดินห่างออกไป มั่นใจว่าความจริงควรเป็น ‘ไปล่ะกูจะรีบไปเล่าให้คนอื่นฟังมากกว่า”

“สู้ๆ” คินตบมือบนไหล่ผมเบาๆ สายตาที่มองมายั่วเย้า ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าเป็นผมมากกว่าที่ตกหลุมหมอนี่

“เชี่ยคิน” สุดท้ายผมจึงได้แต่สรรเสริญมันไปหนึ่งคำ

ทุกคนที่มองมาดูปลื้มปริ่มกับความรักที่คินมีให้ผม ผมเองก็ปลื้มปริ่มจนน้ำตาเกือบไหล ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน ตอนที่เกลียดกันหรือรักกันแล้ว ไอ้คินก็ยังเก่งในการหาบาทามาให้ผมอย่างสม่ำเสมอ แต่ถึงอย่างนั้น..ผมก็ดีใจ

ว่ากันว่านิยายรักที่ดีนั้นต้องมีครบทุกรส สุข เศร้า เหงา ซึ้ง ดราม่า นอกจากพระเอก นางเอกแล้ว จะขาดตัวร้าย ตัวอิจฉาไม่ได้ ชีวิตรักของผมก็เช่นกัน เพียงแต่ในความรักของผมนั้น พระเอกกับตัวร้ายดันเป็นคนเดียวกันเท่านั้นเอง


:::: ♥ TBC ♥::::



ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ชาตินี้จะตามนายคินทันมั้ย หนูภา 5555555

ออฟไลน์ Wipers

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ฮึบไว้ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
คิน คิน   o18

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เปิดตัววว

ออฟไลน์ PoyPay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คิดถึง...

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ขอย้อนกลับไปอ่านใหม่หน่อยนะคะ เราลืมอ่ะ

โอเคไปอ่านใหม่แหล่ะ จำได้แล้ว สู้เข้าไว้นะหนูภา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-11-2020 11:28:35 โดย Jibbubu »

ออฟไลน์ darin

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1088
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2267/-46



ตอนที่ 22

ทางเท้า



มีคนเคยกล่าวว่าเส้นทางความรักก็เหมือนถนน ถนนตัดใหม่ก็เรียบหน่อย นานเข้าก็มีขรุขระบ้างเป็นธรรมดา แต่ผมว่าความรักเหมือนทางเท้ามากกว่า ตรงที่ไม่ได้มีแค่เราเดินอยู่สองคน

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นวะ มีอะไร ใครโทรมา”

ผมยกยิ้มมุมปาก ส่งสายตาขี้อวดไปหาปาย ตอบคำถามเพื่อนด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “ผู้ชายนัดกินข้าวเย็นนี้”

“ไอ้คิน?”

“ผู้ชายมีคนเดียวในโลกหรือไงวะ มึงไม่เห็นความมีเสน่ห์ในตัวกูบ้างเหรอ” ผมกางแขนออกพร้อมยืดอกให้เพื่อนมองชัดๆ

“อ๋อ” ปายพยักหน้า “เดี๋ยวนี้มึงอยากมีเสน่ห์กับผู้ชาย”

“ทำไงได้วะ คนนี้ถือว่าหน้าตาดีแถมรวยกว่าไอ้คินด้วย” ผมยังโอ้อวดต่อไป

“ใครวะ”

“พ่อไอ้คิน”

สิ้นเสียงของผมรอบด้านตกอยู่ในความเงียบจนได้ยินแม้แต่เสียงลมพัดใบไม้ ปายจ้องตาผมนิ่ง ถึงแม้เพื่อนจะไม่พูดแต่ผมก็เห็นความกังวลและความเป็นห่วงในดวงตาคู่นั้น

“แล้วมึงจะไปไหม”

“ไปสิวะ”

“จะบอกคินไหม”

“ทางโน้นไม่ให้บอก”

“เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน” ปายก็ยังเป็นปาย ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างผมเสมอ

“ไม่ต้องกูไปเองได้ ถ้ากูพามึงไปก็เหมือนกูยอมแพ้ตั้งแต่แรกสิวะ”

“ก็จริงของมึง” ปายถอนหายใจยาว “มึงคิดว่าเขาอยากเจอมึงทำไมวะ”

ผมยักไหล่ “เดาไปก็เท่านั้นเดี๋ยวก็รู้”

“มีอะไรก็โทรมา”

“ขอบใจว่ะ” ผมตบมือลงบนไหล่ของปาย การมีคนกังวลเป็นเพื่อนช่วยให้ความกังวลของผมลดลงไปไม่น้อย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด นั่นคือสิ่งที่ผมคิดในตอนนี้



• • • • •



“กลับมาแล้ว”

ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างคินบนโซฟาตัวใหญ่ในห้องนอน มองคนตีหน้าขรึมด้วยสายตาขำ

“เป็นอะไรวะ”

“ทำไมปิดเครื่อง”

“กูไม่ได้ปิดแบตหมด ทำไมเป็นห่วงกูเหรอ” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ มองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม

“แล้วผมควรห่วงไหม” สายตาที่มองกลับมาหยุดรอยยิ้มหยอกล้อของผมเหลือไว้เพียงรอยยิ้มบาง

“กูชอบที่มึงห่วงนะถึงจะรู้สึกไม่ชินก็เถอะ”

“ไปไหนมา”

ผมส่งข้อความบอกคินว่าผมติดธุระจะกลับบ้านค่ำหน่อย คินจึงไม่รู้ว่าผมไปทำอะไรมา

“กินข้าวกับผู้ใหญ่ที่นับถือ กูตอบมึงแล้วตากูถามบ้าง”

คินมองผมด้วยสายตาค้นคว้า ดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล แต่ถึงอย่างนั้นคินก็ไม่ได้ถามอะไร

“ถามมาสิ”

ผมขยับตัวออกห่างจากคินเพื่อมองหน้าอีกฝ่ายให้ชัดขึ้น ยกยิ้มมุมปากก่อนเอ่ยปากถาม

“มึงชอบกูแค่ไหนวะ”

“หืม?” สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความแปลกใจ

“ก็อย่าง..เพิ่งชอบยังไม่ลึกซึ้งเท่าไหร่ หรือชอบมากแบบขาดกูไม่ได้”

“หึๆ”

“หัวเราะอะไรของมึง” ผมโวยวายเมื่อเห็นสีหน้าขำของคิน

“นึกยังไงถึงถาม”

“กูก็แค่อยากรู้ว่าเราพัฒนาถึงไหนแล้ว” ผมยักไหล่อยากให้คินคิดว่าผมแค่นึกสนุกถึงถาม

“ไม่ใช่แบบที่สอง”

“อ๋อ” ผมพยักหน้า รู้สึกผิดหวังขึ้นมานิดๆ อย่างช่วยไม่ได้

“และไม่ใช่แบบแรก”

“อันไหนก็ไม่ใช่แล้วแบบไหนวะ”

“แบบ...” คินดึงผมเข้าไปหาจนชิดอกกว้าง ริมฝีปากทาบทับลงมาบนริมฝีปากของผม ดูดกลีบปากเบาๆ พอให้รู้สึก

“แบบนี้”

“เซ็กส์? ..โอ๊ย!” ผมยกมือขึ้นลูบหน้าผากเมื่อโดนนิ้วของใครบางคนดีดเข้าอย่างแรง

“ไม่ใช่ก็บอกดีๆ สิวะ” ผมบ่นพึมพำ รู้สึกไม่ยุติธรรมที่ถูกทำร้ายร่างกาย

“แล้วตกลงมันเป็นแบบไหน” ผมยังไม่ลืมหาคำตอบ

“...”

“มึง..มึงหน้าแดงเหรอวะ ฮ่าๆ” ผมยกนิ้วขึ้นชี้ไปยังใบหน้าของคิน ขำจนหลุดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อสังเกตเห็นถึงสีแดงจางๆ บนใบหน้าของอีกฝ่าย

“เอาเถอะอยากรู้นักก็จะบอก ผมไม่ได้ชอบคุณ”

เหมือนถูกเบรกจนหัวทิ่ม ผมอ้าปากค้างเสียงหัวเราะหายไปในอากาศ มองคินด้วยสีหน้าเหวอถึงขีดสุด คินหัวเราะสีหน้าของผม ยื่นมือมาจับปลายคางดันให้หน้าเงยขึ้น ก่อนกดริมฝีปากลงบนริมฝีปากของผมอย่างรวดเร็ว

“ผมไม่ได้ชอบเพราะผมรักคุณ พอใจหรือยัง”

“อ่า..” ผมแกล้งจ้องคินด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ ก่อนทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ

“จุ๊..จุ๊..ท่าทางมึงจะหลงกูน่าดู” ผมรีบยกมือขึ้นบังหน้าผากเมื่อเห็นมือที่ยืนมาเตรียมประทุษร้าย

“อย่านะโว้ยขืนดีดหน้าผากกูอีกทีกูเตะ”

“หึ” คินลดมือลง มองผมด้วยสายตาจริงจัง

“ทีนี้บอกผมมาว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมวันนี้คุณดูแปลกๆ”

“กูไปแสดงละครมา” ผมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ วางท่าทางใหญ่โต

“แสดงละคร?” ดูเหมือนคำตอบของผมจะทำให้คินงง ดูได้จากคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน

“ใช่ แสดงละคร” ผมพยักหน้า “ฉากนี้กูน่าจะเคยดูในละครมาสักสี่ห้าเรื่องแล้วมั้ง”

“พูดให้เข้าใจ” คนพูดเริ่มใช้น้ำเสียงดุ เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากผมเสียที

“ไม่มีอะไร” ผมยักไหล่ “ก็แค่พ่อมึงโทรมานัดกูไปกินข้าว พ่อมึงรู้เรื่องมึงกับกูแล้วแต่กูไม่ได้ถามว่ารู้ได้ยังไง ส่วนที่เหลือมึงน่าจะเดาได้ เนื้อเรื่องแนวนี้โคตรกลาดเกลื่อน โอ๊ย!” ผมร้องเมื่อคินจับแขนผม แรงบีบมากพอให้รู้สึกเจ็บ สายตาที่มองมาผมบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

“พ่อพูดอะไรกับคุณ!”

“พ่อมึงอยากให้กูเลิกยุ่งกับมึง” ผมสบตาคิน เล่าไปตามตรง

“คุณไม่จำเป็นต้องสนใจ เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง”

“ไม่ต้องกูจัดการเองได้” ผมส่งยิ้มให้คิน “อันที่จริงกูยังไม่ได้ตอบอะไรพ่อมึงหรอก กูอยากคุยกับมึงก่อน”

“ไม่มีอะไรต้องคุย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น”

“อืม ไม่คุยแล้ว” ผมพยักหน้า ไม่จำเป็นต้องคุยอะไรอีกแล้ว ผมได้คำตอบสำหรับตัวเองแล้ว

“ผมจะไปพูดกับพ่อเอง”

“พ่อมึงต้องการคำตอบจากกู กูต้องเป็นคนตอบเอง”

“คิน” เสียงเรียกไม่มั่นคงพอๆ กับดวงตาที่มองมา

“มึงไม่เชื่อใจกูเหรอ อย่าลืมสิว่ากูเจอปัญหาเพราะมึงมามากแค่ไหนแล้ว โดนซ้อมแทนยังเคยแค่นี้กูสบายมาก” ผมพูดด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลาย คินหัวเราะตามผมแต่ดวงตาที่มองมากลับไร้ซึ่งร่องรอยของความสุข มันดำดิ่งราวกับเหวลึก

“ไอ้คิน” ผมเรียกผู้ชายที่นั่งอยู่ต่อหน้า

“หือ?”

ผมยกมือขึ้นโอบรอบลำคอ กดริมฝีปากแรงๆ ลงบนริมฝีปากได้รูปของคิน

“พอใจหรือยัง” ผมทวนคำพูดของใครบางคน

“หึ”

หลังเสียงหัวเราะของคินผมก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย บางครั้งความอบอุ่นของร่างกายที่แนบชิดก็ช่วยเยียวยาความรู้สึกได้มากกว่าคำพูดใดๆ



• • • • •



“ขอโทษที่รบกวนครับ ผมมาตอบคำถามคุณลุง”

ผมยืนหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ในห้องทำงานโอ่อ่า ความเย็นของเครื่องปรับอากาศและสายตาที่มองมาทำให้รู้สึกสั่นเทา ผมเหยียดหลังตรงโดยอัตโนมัติ มันเป็นสัญชาติญาณการปกป้องตัวเอง

“ดูเหมือนจะเข้าใจผิดนะ นั่นไม่ใช่คำถาม”

“การจะเลิกหรือไม่เลิกมีแค่คนสองคนที่คบกันเท่านั้นที่จะตัดสินใจครับ คุณลุงเลิกแทนผมไม่ได้ ดังนั้นสำหรับผม ใช่ครับมันเป็นคำถาม”

“สรุปคือนายจะไม่ยอมเลิกกับคิน” น้ำเสียงที่ได้ยินเหมือนมีแรงมหาศาลกดลงบนบ่า ตัวผมหดเล็กลงแม้ไม่ต้องการก็ตาม

“ไม่ใช่ครับ เพียงแต่ถ้าคุณลุงอยากให้พวกผมเลิกกัน คุณลุงต้องไปพูดกับคินเองครับ แล้วถ้าคินอยากเลิกผมจะยอมเลิกแต่โดยดีครับ”

“คิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าเหรอ อย่ามั่นใจอะไรผิดๆ”

“ไม่ใช่ครับผมไม่ได้มั่นใจ ไม่รู้ด้วยว่าเมื่อคุณลุงไปพูดกับคินผลจะออกมาเป็นยังไง เราต้องเลิกกันหรือเปล่า สิ่งเดียวที่ผมมั่นใจคือผมไม่มีวันเป็นคนพูดกับคินว่าเราเลิกกันเถอะ ไม่พูดเด็ดขาด”

“เพราะนายอยากเกาะติดคินน่ะสิ”

“เพราะผมไม่สามารถทนมองสายตาของคินได้ครับ สายตาที่บอกว่าผมกำลังหักหลังเขา สายตาที่บอกว่าไม่มีใครคิดถึงความรู้สึกของเขาเลย ถ้าคุณลุงมองตาคินแล้วพูดได้คุณลุงก็เป็นคนพูดเองเถอะครับ เพราะผมทนเห็นคินรู้สึกแบบนั้นไม่ได้”

“...”

“ผมเคยไม่ชอบคินมาก่อนครับ ไม่ชอบหน้าหมอนั่นสักนิด หยิ่ง ถือดี ไม่เห็นหัวใคร แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าทำไม เพราะไม่เคยมีใครสนใจคิน คินถึงไม่สนใจใครเช่นกัน”

“อย่าให้มันมากนัก!”

“ผมขอโทษครับ ขอโทษถ้าคำพูดของผมทำให้คุณลุงรู้สึกไม่ดี แต่ผมอยากให้คุณลุงได้เห็นสายตาของคิน ตอนที่ผมบอกว่าคุณลุงนัดผมกินข้าว ตอนที่ผมบอกว่าคุณลุงอยากให้เราเลิกกัน ไม่ว่าคินจะพูดอะไรออกมามันไม่สำคัญสักนิด แต่สายตาแบบนั้นผมไม่อยากเห็นอีกเป็นครั้งที่สองครับ ใครจะทำอะไรผมไม่รู้แต่ผมไม่มีวันหักหลังคิน ไม่มีวันหักหลังความรู้สึกของคิน” ผมจ้องตากับพ่อของคินโดยไม่หลบ

“ผมพูดทุกอย่างหมดแล้ว ขอบคุณที่ยอมพบผมนะครับแล้วก็ขอโทษที่มารบกวนคุณลุง สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ ในห้องทำงานมีเพียงความเงียบครอบคลุม ผมถอนหายใจเบาๆ ก้มศีรษะให้กับพ่อของคิน หันหลังและเดินจากมา



(อยู่ไหน)

ผมยิ้มให้กับเจ้าของเสียงที่ได้ยินทางโทรศัพท์

“มึงทายสิ”

(....)

“เดาไม่ได้เหรอ”

(คุณไปหาพ่อผม?)

“เก่งนี่หว่า”

(ผมบอกแล้วว่า..)

“อย่าโมโหน่า ไม่มีอะไรแค่ไปพูดบางประโยคเท่านั้นเอง นี่ออกมาแล้ว”

(คุณพูดอะไร)

“ความลับ”

(บอกมา)

“มึงอยู่ไหน”

(มหา’ ลัย)

“อยากมาเดินเล่นด้วยกันไหม”

(เดินเล่น? ที่ไหน)

“ทางเท้า”

(ทางเท้า?)

“ใช่ ทางเท้าที่คนเดินเยอะๆ สยามแล้วกัน”

(คุณไม่สบายหรือเปล่า ปกติดีใช่ไหม)

“มึงจะมาหรือไม่มา โยกโย้อีกกูวางแล้วนะ”

“หึๆ หาเรื่องจริง ตกลงเดี๋ยวเจอกัน”

“อืม”

ผมเก็บโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋ากางเกง ยกยิ้มที่มุมปาก สายตามองตรงไปข้างหน้า

แม้ว่าบนทางเท้ามีผู้คนมากมาย แต่ใครบอกว่าเราจะเดินฝ่าไปไม่ได้ แค่เราจับมือกันไว้ให้มั่นคงก็พอ



:::: ♥ TBC ♥::::

ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ นิยายมีเด็กน้อยอีกแล้วว :)    ฝนหลงฤดู




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2020 17:45:37 โดย darin »

ออฟไลน์ nut2557

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ภาเด็ดเดี่ยวมาก

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
หนูภาอย่างเท่ มิน่าคินถึงหลง :hao3:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
พอชื่อเหมือนกัน บางครั้งก็ทำเอาสับสน

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เปรี้ยวจิงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ darin

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1088
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2267/-46



ตอนที่ 23

บ้าน




“ชวนกู?” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ไม่สามารถเก็บอาการประหลาดใจไว้ได้ เมื่อได้ยินว่าพ่อของคินให้ชวนผมไปงานวันเกิดของท่านที่จะถึงในอีกสามวันข้างหน้า เพราะผมไม่คิดว่าพ่อของคินจะเปลี่ยนความคิดได้ในชั่วข้ามคืน บอกตามตรงว่าผมรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลของคำชวนนี้

“คุณไม่จำเป็นต้องไป ผมจะแวะเอาของขวัญไปให้แล้วกลับเลย หรือไม่ก็ค่อยแวะไปวันหลัง” คนพูดคล้ายไม่ใส่ใจในคำชวนของผู้เป็นพ่อ

ผมนิ่งคิดอยู่อึดใจก่อนส่งยิ้มให้คิน “ไปสิวะทำไมจะไม่ไปผู้ใหญ่ชวนทั้งที”

“คิน”

“กูไม่มีอะไรต้องกลัวนี่ หรือพอที่บ้านกดดันแล้วมึงจะเลิกกับกู” ผมจ้องตาคิน แกล้งมองอีกฝ่ายกวนๆ

“อยากให้จูบโชว์ในงานไหม”

“เชี่ยคิน” ผมด่าคนคิดพิเรนทร์ด้วยใบหน้าฉาบสีแดงเรื่อ ที่เขินเพราะผมรู้นิสัยคินดี หมอนี่กล้าทำตามที่พูดแน่นอน

“อยากไปจริงเหรอ” สีหน้าของคินเปลี่ยนเป็นจริงจัง

“อืม” ผมพยักหน้าอย่างหนักแน่น มั่นใจว่าตัวเองคิดดีแล้ว

“งั้นก็ตามใจ ปายไปด้วยกันสิ” คินหันไปชวนปายที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ

“ไม่ต้องๆ” ผมรีบปฏิเสธเมื่อเห็นว่าปายทำท่าจะตกปากรับคำ

“ให้ปายไปด้วยคุณจะได้มีเพื่อน”

“กูไปได้”

“ไม่ต้อง” ผมยืนยันคำเดิม ไม่ใช่เพราะอาจหาญแต่อย่างใด แต่เพราะผมรู้ว่าการสังสรรของครอบครัวคินเป็นสิ่งที่ปายควรหลีกเลี่ยงมากที่สุด ไม่ควรเสี่ยงหากมีความเป็นไปได้ว่าจะพบกับอาของคินเข้า ผมคิดว่าปายก็รู้ถึงความเสี่ยงนี้ดี เพียงแต่เพื่อนยอมไปเพราะเป็นห่วงผมเท่านั้น

“เหมือนที่กูพูดคราวก่อนไง แค่พาเพื่อนไปด้วยก็แพ้ตั้งแต่แรกแล้ว” ผมย้ำคำพูดเดิมแต่คราวนี้เพื่อให้ปายสบายใจ

“เอาตามนี้แหละ” ผมหันไปบอกคิน

“ตามใจ ถ้ารู้สึกไม่สบายใจอยากกลับเมื่อไหร่ก็บอกผม เราจะกลับทันที”

“อืม” ผมพยักหน้า แม้จะรู้สึกกังวลอยู่บ้างแต่เพราะท่าทีของคินทำให้รู้ว่าผมไม่มีทางโดดเดี่ยวแน่นอน



• • • • •



ผมกวาดสายตาไปรอบงาน ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่น พ่อของคินให้การต้อนรับผม แม้จะดูห่างเหินไปบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับเย็นชา ผมเกือบเชื่อว่าค่ำคืนนี้ไม่มีอะไร จนกระทั่งได้เห็นใครบางคนในงาน คนที่ยืนอยู่กับพ่อและแม่เลี้ยงของคินเกือบตลอดเวลาราวกับเป็นคนในครอบครัว

ฟ่างยังยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตรเหมือนที่เราเจอกันที่สวนจตุจักร ผมเพิ่งรู้ว่าพ่อของฟ่างกับพ่อของคินเป็นเพื่อนกัน เป็นคนในแวดวงธุรกิจเดียวกัน ดูเหมือนว่าการเชิญผมมาคราวนี้เพื่อให้เรียนรู้คำว่า ‘เหมาะสม’

“อยากให้จูบไหม”

!!! ผมสะดุ้งโหยงเมื่อลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดใบหู คนพูดก้มหน้ามากระซิบจนเกือบชิด

“เชื่อผมสิ ครั้งเดียวรู้ทันทีว่าใครเป็นแฟนผม”

“แล้วมึงอยากให้กูเอาปี๊บคลุมหัวไหม” ผมถามกลับ

“น่าสนุกดี” คนพูดยกยิ้ม ตาเป็นประกาย จนผมต้องถอยออกห่างเพื่อความปลอดภัย

“มึงไปคุยกับพ่อบ้างก็ได้นะกูอยู่ได้ไม่ต้องห่วง” ผมบอกเพราะนอกจากการทักทายกันแล้ว คินอยู่กับผมเสียส่วนใหญ่ จนคล้ายกับเป็นคนนอกเข้าไปทุกที

“ไปทำไม ถ้าคุณไม่มาด้วยผมกลับไปนานแล้ว”

ผมพยักหน้ารับรู้ คินคงไม่อยากทำตัวเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันกับแม่เลี้ยง ผู้เป็นอดีตพี่เลี้ยงมาก่อน

“เหมือนคนนั้นจะเรียกมึง” ผมชี้ให้คินดู เมื่อเห็นร่างสูงของใครคนหนึ่งส่งสัญญาณให้คิน

“อารุจน์”

“อ๋อ” ผมทำเหมือนเพิ่งจำได้แต่ใจแอบกระวนกระวายทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของผม ได้แต่ดีใจที่ไม่ให้ปายมาด้วย

“เดี๋ยวผมมา” คินวางมือลงบนไหล่ กดแรงลงมาเล็กน้อย ผมพยักหน้า รับรู้ว่าคินกำลังส่งกำลังใจมาให้

“ไปเถอะไม่ต้องรีบ กูจะหาอะไรกิน” ผมมองโต๊ะอาหารที่จัดวางอยู่รอบงาน เพื่อบอกให้คินรู้ว่าผมมีอะไรให้ทำเยอะแยะไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง



“คิน” เสียงเรียกสดใสดังมาจากด้านหลัง ผมหันไปมอง ฟ่างเดินเข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส ทำให้ใบหน้าที่สวยอยู่แล้วสวยยิ่งขึ้นไปอีก

“ฟ่าง” ผมทักทายกลับ

“ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะไม่ไปยืนด้วยกัน”

“ฟ่างมาหาอะไรทานเหรอ” ผมส่งยิ้มให้ฟ่าง เลือกที่จะไม่ตอบคำถามอีกฝ่าย

“ก็ด้วย แต่เห็นคินยืนอยู่คนเดียวเลยกลัวจะเหงา”

“ครับ” ผมยิ้มในหน้า

“ฟ่างได้ข่าวมาคู่คินคินกลายเป็นคู่รักแล้วใช่ไหม ยินดีด้วยนะ”

“ขอบคุณมาก”

“มีอะไรให้ช่วยบอกฟ่างได้เลยนะ ฟ่างเป็นเพื่อนคินมานานรู้เกือบทุกอย่างปรึกษาได้ตลอดเลย” คนพูดยิ้มสดใส ท่าทางสบายๆ แต่ผมไม่เคยเห็นคนสบายจริงคนไหนพูดแบบนี้กับแฟนเพื่อนมาก่อน

“ขอบคุณครับ” ผมเลือกที่ตอบสั้นๆ เหมือนเดิม

“จริงสิอาทิตย์หน้ามีงานวันเกิดคุณปู่ คุณลุงเพิ่งชวนฟ่างเมื่อกี้เอง คินไปด้วยใช่ไหมฟ่างจะได้มีเพื่อน”

“คุณลุงไม่ได้ชวนผม” ผมพูดออกไปตามความเป็นจริง

“โอ๊ะ! ขอโทษ” ฟ่างยิ้มแหย สีหน้ารู้สึกผิด “คุณลุงคงไม่รู้ว่าคินคบกันแล้วเลยไม่ได้ชวน อย่าคิดมากนะ”

“ทำไมจะไม่รู้ครับฟ่างบอกแล้วไม่ใช่เหรอ” ผมส่งยิ้มให้ฟ่าง เห็นสีหน้าอีกฝ่ายค่อยๆ ซีดลง ดูเหมือนสิ่งที่ผมเดาไว้จะถูกต้อง ฟ่างอยู่มหา’ ลัยเดียวกับผมและใกล้ชิดกับครอบครัวของคิน นอกจากฟ่างแล้วผมก็ไม่เห็นใครอีก

“ไม่ใช่นะ!”

“ไม่ใช่ก็ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นว่าพ่อของคินรู้เรื่องของผมกับคินแล้ว” ผมไม่คิดจะกดดันอีกฝ่าย

“...”

“เป็นอะไรครับ” ผมถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายก้มหน้าลงต่ำและเงียบไป

“ขอโทษนะ” ฟ่างเงยหน้าขึ้น ยอมรับในที่สุด

“ไม่เป็นไร” ผมตอบยิ้มๆ

“คุณลุงพูดกับฟ่างเหมือนจะจับคู่ฟ่างกับคินน่ะ ฟ่างเลยต้องบอกว่าคินมีแฟนแล้ว”

“ครับ”

“อันที่จริง.....อันที่จริงฟ่างยอมรับว่าฟ่างชอบคิน แต่ในเมื่อคินมีแฟนแล้วฟ่างก็เลยไม่อยากให้คุณลุงคาดหวัง”

“ครับ”

“ฟ่างไม่อยากให้กังวล”

“ไม่เป็นไรครับ ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องที่ฟ่างไปไหนมาไหนกับคิน หรือสนิทสนมกับครอบครัวของคิน ผมไม่คิดมากอยู่แล้ว”

“ไม่เป็นไรเหรอ ไม่กังวลเหรอ” ดวงตาคู่นั้นบ่งบอกว่าไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด

“ทำไมผมต้องกังวลด้วยล่ะครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้เรื่องของฟ่างกับคินเสียหน่อย ฟ่างเคยไปไหนมาไหนกับคินบ่อยๆ ไปดูหนัง ไปกินข้าว ไปเที่ยวกันสองคนใช่ไหมครับ”

“ใช่”

“นั่นสิครับ ไปด้วยกันขนาดนั้นยังไม่มีอะไร ทำไมผมต้องกังวลเอาตอนนี้ด้วยครับ ตอนที่ไปกันทั้งครอบครัวเหรอมันฟังไม่เข้าท่าเลย ถ้าจะมีอะไรมันมีไปนานแล้ว”

!!!

“ผมพูดถูกไหมครับ” ผมส่งยิ้มให้ฟ่าง

“เชื่อใจคินขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับเชื่อใจหรือไม่เชื่อใจ แต่ผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งย่อมรู้ว่าผู้ชายคิดอะไร ถ้าจะจีบเราจีบไปนานแล้ว อีกอย่าง..” ผมสบตากับฟ่าง “ถ้าผมเดาไม่ผิดฟ่างน่าจะชอบคินมานานแล้ว อะไรที่ทำได้ฟ่างคงทำไปหมดแล้ว ในเมื่อมันไม่เคยเปลี่ยนแปลงแล้วทำไมผมต้องกังวลด้วยล่ะครับ เพราะฉะนั้นแล้วฟ่างไปงานวันเกิดคุณปู่หรือไปเที่ยวกับครอบครัวคินได้เลย ไม่ต้องกลัวว่าผมจะคิดมากเพราะมันไม่มีอะไรให้คิด”

“...”

ผมวางมือลงบนไหล่ของฟ่าง ส่งยิ้มให้อีกฝ่าย “สบายใจได้ครับเที่ยวให้สนุกเลย”

“คิน” เสียงเรียกเย็น ผมหันไปมองสบตาเข้ากับสายตาดุของคนเรียกเข้าพอดี

“มาแล้วเหรอ”

คินไม่ตอบ มือใหญ่จับมือผมออกจากไหล่ของฟ่าง

“ทีหลังอย่าทำ” คินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“ไม่เป็นไร ฟ่างไม่ได้ถือตัวขนาดนั้นคินไม่ต้องห่วง” ฟ่างโบกมือไปมา ส่งยิ้มให้รู้ว่าเจ้าตัวไม่ถือสาเรื่องนี้

“ผมรู้”

“งั้น..” ฟ่างมองคินด้วยสายตาสงสัยปนไม่เข้าใจ ผมหัวเราะเสียงแห้งแม้ไม่ชัดเจนแต่ก็พอเดาได้

“ผมหึง”

“หึง? หรือว่า..” ดวงตาคู่สวยสว่างวาบขึ้นมาด้วยความหวัง

“ผมหึงหมอนี่” คินยกมือที่ยังเกาะกุมมือผมขึ้นให้ฟ่างดู

“อ๋อ..อืม.. คินมาก็ดีแล้วงั้นฟ่างไปก่อนนะ มาอยู่เป็นเพื่อนเฉยๆ” ดวงตาของฟ่างแดงเรื่อ เจ้าตัวรีบหันหลังกลับทันที

“เดี๋ยวก่อน”

“อะไรเหรอ” ฟ่างพูดโดยไม่หันหน้ากลับมา

“ผมได้ยินว่าพ่อชวนฟ่างไปงานวันเกิดคุณปู่”

“อืม”

“อย่าไป”

“ทำไม” น้ำเสียงของฟ่างสั่นเล็กน้อย ผมเห็นเพียงแผ่นหลังของอีกฝ่าย

“ผมไม่อยากให้คนคิดไปไกล”

“แต่คินเพิ่งบอกฟ่างว่าไม่เป็นไรให้ฟ่างไปได้ อีกฝ่ายฟ่างก็ไปในฐานะเพื่อน เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”

“ฟ่างก็รู้ว่าพ่อผมคิดยังไง ในเมื่อคินไม่ได้ไปฟ่างจะไปเหรอ ถ้าเป็นเพื่อนกันจริงฟ่างก็ไม่ควรทำ”

“คิน!” ฟ่างหันกลับมา มองคินด้วยสายตาเจ็บปวด

“ผมไม่เคยฟังพ่อมาแต่ไหนแต่ไรแล้วฟ่างน่าจะรู้ดี อย่าเสียเวลาเลย”

“ฟ่างไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนั้น” น้ำเสียงคนพูดสั่นเครือ

“ฟ่างคำว่าทำหมายถึงการกระทำ ฟ่างไม่ได้คิดไม่ได้แปลว่าฟ่างไม่ได้ทำ”

“คินต้องใจร้ายกับฟ่างขนาดนี้เลยเหรอ” รอยยิ้มทั้งน้ำตาชวนให้ใจอ่อน ผมลอบมองใบหน้าด้านข้างของคิน แต่สีหน้าของคินไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย

“ผมไม่เคยใจดี”

ริมฝีปากของฟ่างเม้มเข้าหากันแน่นก่อนจะฝืนยิ้มออกมา ฟ่างหมุนตัวกลับและเดินจากไป จากช้าเป็นเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนลับตา

“คิน” ผมเรียกร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านข้าง

“ระหว่างฟ่างกับคุณ ถ้าผมจำเป็นต้องใจร้ายกับใครสักคนต้องไม่ใช่คุณ”

“ขอบใจ” ผมมองคินด้วยสายตาขอบคุณ แม้ผมจะยืนยันว่าผมไม่ได้คิดอะไร แต่คินก็ยังเลือกทำเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีอะไรมากระทบจิตใจของผมได้

“ไปเถอะผมจะพาไปแนะนำให้รู้จักอารุจน์ เมื่อกี้ไม่ได้ชวนไปด้วยเพราะผมอยากบอกอารุจน์เรื่องของเราก่อน”

“อ๋อ”

“ไปเถอะ”

“อืม” ผมส่งยิ้มให้คิน ไม่ว่าคืนนี้จะมีสิ่งกระทบจิตใจสักกี่เรื่อง สำหรับผมแล้วถือว่าทุกอย่างราบรื่นและผ่านไปได้ด้วยดี เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการกระทำของคินที่มีต่อผม ไม่ใช่ของคนอื่น

• • • • •



-ภาคิน กิตติวริศกุล-



“ผมขอคุยกับพ่อหน่อย”

“ได้ ว่ามาสิ”

“ในห้องทำงานพ่อดีกว่า” ผมเดินนำพ่อเข้าไปในตัวบ้าน ปล่อยให้อดีตพี่เลี้ยงเป็นผู้รับรองแขกแทนชั่วคราว

“ผมได้ยินว่าพ่อเรียกคินไปคุย”

“พ่อควรคุยไม่ใช่เหรอ ไม่มีพ่อที่ไหนปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ อย่าเอาความหลงชั่ววูบมาตัดสินอนาคตตัวเอง แกต้องคิดให้ยาวไกล วันนี้แกอาจจะต้องเสียใจแต่เชื่อเถอะว่ามันจะไม่นาน ตัดใจซะวันนี้ดีกับอนาคตแกมากกว่า”

“ผมเข้าใจแล้ว”

“ดีแล้ว เลิกกับเด็กคนนั้นซะ ถ้าเหงาก็ชวนฟ่างไปเที่ยวก็ได้”

“พ่อจะไม่ถามเหรอครับว่าผมเข้าใจอะไร”

“อะไร?”

“ผมเข้าใจแล้วว่าพ่อไม่อยากเห็นผมมีความสุข”

“คิน! ทำไมพูดแบบนั้นกับพ่อ พ่อทำก็เพื่อแกนะ”

“มันจริงไม่ใช่เหรอครับ พ่อทิ้งผมให้โดดเดี่ยวแล้วเลือกความรักของตัวเอง ความรักของพ่อทำให้ผมไม่รักใคร ไม่ไว้ใจใครอีก แต่พ่อเคยสนใจความรู้สึกของผมไหม พ่อเคยสนใจไหมว่าผมเจ็บปวดกับการถูกหักหลังแค่ไหน ว่าผมทุกข์ทรมานใจแค่ไหน แต่พอวันนี้วันที่ผมมีคนที่ผมรัก มีคนที่รักผม คนที่ทำให้ผมมีความสุขเหมือนคนอื่นบ้าง พ่อกลับบอกให้ผมโยนมันทิ้งไป พ่อเกลียดผมขนาดนั้นเลยเหรอครับ เกลียดขนาดไม่อยากให้ผมมีความสุขเลยเหรอ”

“คิน!”

“ไม่ต้องตอบก็ได้ครับ เพราะผมอยากถามพ่อแค่คำถามเดียว พ่ออยากเอาความสุขไปจากผมไหม”

“พ่อ..”

“ผมขอคำตอบครับ”

“แกรักเด็กคนนั้นมากเหรอ”

“ผมไม่รู้ว่ามากแค่ไหน แต่ผมเพิ่งรู้ว่าผมมีบ้านเหมือนคนอื่นก็เมื่อมีคินอยู่ที่นั่น”

“....”

“จะไม่ตอบผมเหรอครับ”

“วันเกิดคุณปู่อาทิตย์หน้าบอกเด็กคนนั้นว่าพ่อชวน”

“ขอบคุณครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้

“คิน”

“ครับ” ผมหันกลับไปมอง

“พ่อรักแกนะ”

“ผมเชื่อครับ ขอบคุณที่เลือกความสุขของผม”

“ดูสายตาแกสิ พ่อเชื่อแล้วว่าเด็กคนนั้นทำให้แกมีความสุข” สายตาที่พ่อพูดถึงคือสายตาของลูกชายที่มองพ่อ ไม่ใช่สายตาเย็นชาอย่างที่ผ่านมา

“ครับ” ผมยิ้มให้พ่อแบบที่ไม่เคยยิ้มมานานมากแล้ว ยืนรอให้อีกฝ่ายลุกขึ้นเพื่อเดินออกไปพร้อมกัน

ความห่างเหินระหว่างเราอาจไม่ลดน้อยลงไป แต่อย่างน้อยวันนี้ผมก็ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป



:::: ♥ TBC ♥::::








ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
จร้าา มาเว้ย!!

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ชอบความชัดเจนของสองคนนี้จริงๆ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

งุย ๆ พ่อลูกเข้าใจกันแล้วสินะ  เพราะคินจุดประเด็นใช่ป่ะ?

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เอาให้รู้ชัดๆไปเลยนะ ฟ่าง

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ชอบ​ที่​คินชัดเจน​ไม่​ต้องถนอม​น้ำใจ​ใคร

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ darin

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1088
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2267/-46
ตอนที่ 24

สิ่งสำคัญคือความเข้าใจ


“มองอะไรวะ” ผมหยุดเดิน มองไปยังจุดเดียวกับที่คินมอง ดวงตาค่อยๆ เบิกกว้างขึ้น หัวใจหล่นวูบลงสู่พื้น

ปายหยุดยืนข้างผม เมื่อเห็นว่าใครกำลังคุยกับพี่นทอย่างสนิทสนม ปายหันมาสบตากับผมทันที ผมพยักหน้าเพื่อยืนยันว่าเป็นคนที่ปายคิด ปายเคยเจอครั้งหนึ่งจึงจำได้คลับคล้ายคลับคลา

“มึงไปกินข้าวก่อนเลย” ผมกระซิบบอกเพื่อน

ปายพยักหน้า มองผมกับคินด้วยสายตาเป็นห่วง “มีอะไรส่งข้อความมา”

“อืม”

ผมวางมือลงบนไหล่ของคิน รับรู้ถึงความเกร็งของกล้ามเนื้อ หัวใจผมเต้นไม่เป็นส่ำ

“ไอ้คินอย่า!” ผมดึงไหล่คินให้หยุด เมื่อร่างสูงทำท่าจะตรงไปหาคนทั้งคู่

“ผมอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังทำอะไร”

“พี่นทเป็นหลานน้าปราง” ผมโพล่งออกไป ร่างกายของคินหยุดชะงัก แข็งทื่ออยู่ชั่วครู่ก่อนร่างสูงจะหมุนกลับมาช้าๆ

“หลานผู้หญิงคนนั้นเหรอ” คินทวนคำด้วยสีหน้าสับสน

“ใช่ พี่นทเป็นลูกของพี่สาวน้าปราง”

“คุณรู้?”

ผมสบตากับคิน ความผิดหวัง ความเสียใจในดวงตาคู่นั้นกำลังบีบรัดหัวใจของผม

“รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อไหร่!!” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อคินคว้าไหล่ผมบีบเต็มแรง

“ก่อน..ก่อนกูไปอยู่บ้านมึง”

เสียงหัวเราะเย้ยหยันลอดออกมาจากลำคอของคิน ดวงตาที่มองมาบาดลึก คินปล่อยให้มือทั้งสองข้างตกลง

“ไอ้คิน” ผมคว้าแขนของคินไว้แต่ถูกสะบัดทิ้ง ผมคิดจะวิ่งตามแต่สุดท้ายก็หยุดฝีเท้าของตัวเองลง คงไม่มีประโยชน์หากผมพยายามอธิบายในตอนนี้ สายตาเจ็บปวดจากการถูกทรยศนั้นสุดท้ายผมก็ได้เห็นมันอีกครั้ง



• • • • •



ผมลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินเข้ามาในบ้าน ร่างสูงของคินเดินผ่านผมกับปายไปโดยไม่หันมามอง ปายยกมือขึ้นตบบ่าผมอย่างให้กำลังใจ

“มึงก็เข้าใจคินหน่อยแล้วกัน ให้เวลามันหน่อย”

“กูรู้” ผมพยักหน้า ถอนหายใจออกมาเบาๆ

“เดี๋ยวกูไปนอนบ้านป้าสา มึงจะได้คุยกันสะดวก”

“ไม่เป็นไร มึงอยู่นี่เถอะ”

“เอาน่าเชื่อกู มีอะไรก็โทรมา”

“ขอบใจ”

ปายส่งยิ้มให้กำลังใจผมก่อนเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อเก็บของ ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟากลางห้องรับแขกกว้าง แหงนใบหน้าขึ้นมองเพดาน ในสมองว่างเปล่า



ลมหายใจถูกพ่นออกมา เมื่อประตูที่ไม่เคยล็อคมาก่อนไม่สามารถเปิดเข้าไปได้ ผมนั่งลงพิงหลังกับประตู นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเรียกคนที่อยู่ภายในห้อง

“ไอ้คิน”

มีเพียงความเงียบอยู่รอบตัวผม

“กูไม่รู้ว่าตอนนี้มึงโกรธพี่นทหรือกูมากกว่ากัน แต่ถ้ากูเดากูคิดว่าคงเป็นกูใช่ไหม”

“...”

“กูรู้ว่าพี่นทเป็นหลานน้าปรางเพราะกูเคยเห็นสองคนยืนคุยกันแบบนี้มาก่อน พี่นทขอร้องกูไม่ให้บอกมึงว่าเจอพี่นทกับน้าปราง กูถามเหตุผลพี่นทเลยต้องบอกเพื่อไม่ให้กูเล่าให้มึงฟัง” ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“มึงแยกคำว่าตอนนั้นกับตอนนี้ออกไหมวะ ตอนนั้นกูยังไม่สนิทกับมึงมาก กูจึงฟังอย่างคนนอก คิดอย่างคนนอก และตัดสินใจอย่างคนนอก กูถึงให้สัญญากับพี่นทไป ถ้าตอนนั้นกูสนิทกับมึงแล้วหรือคบกับมึงแล้ว มึงคิดว่ากูจะสัญญาเหรอ มึงคิดว่ากูจะไม่บอกมึงเหรอ เหตุผลกูก็มีแค่นี้ถึงจะฟังไม่ขึ้นแต่มันคือเรื่องจริง”

“...”

“มึงคงกำลังคิดว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริงทำไมหลังจากที่คบกันกูถึงไม่บอกมึง ไอ้คิน มึงคิดว่าปีนี้กูเจอหน้าพี่นทกี่ครั้ง แล้วมึงล่ะเจอหน้าพี่นทกี่ครั้ง น้อยจนเหมือนไม่ได้เจอ ง่ายๆ เลยคือกูลืม แค่นั้นแหล่ะ”

“พูดจบหรือยัง”

ผมหันกลับไปมองทันที สิ่งที่เห็นยังเป็นประตูอยู่เช่นเดิม

“จบแล้ว ถ้ามึงจะไล่กูก็ไม่ต้องกูไปเอง” ผมลุกขึ้นยืน เสียงประตูเปิดออกช้าๆ ร่างสูงยืนโดดเด่น มือสองข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง

“อย่าโมโหเลย”

“หะ!” มีถ้อยคำสารพัดที่ผมเตรียมใจว่าจะได้ยินแต่ไม่ใช่คำนี้แน่นอน

“โกรธผมหรือเปล่า”

“มึง..มึงว่าอะไรนะ”

“ขอโทษ”

ริมฝีปากของผมอ้าออกพอที่แมลงวันจะบินเข้าไปได้ทั้งฝูง คินดึงมือออกจากกระเป๋ายกขึ้นจับใบหน้าของผมไว้ทั้งสองข้าง

“ผมบอกว่าขอโทษ”

“มึงเป็นคนโกรธกูไม่ใช่เหรอวะแล้วมาขอโทษทำไม”

“เพราะแบบนั้นผมถึงผิด ผมไม่ควรโกรธคุณ ไม่ควรหุนหัน ควรฟังคุณก่อน”

ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก ส่งยิ้มให้อีกฝ่าย “ไม่เป็นไรกูเข้าใจ กูรู้ว่าบาดแผลของมึงไม่หายไปง่ายๆ เมื่อไหร่ที่โดนสะกิดเลือดจะไหลออกมาอีกครั้ง วันนี้กูทำให้แผลของมึงอ้าออกมึงถึงเจ็บปวด และกูก็รู้ด้วยว่าทำไมมึงถึงควบคุมตัวเองไม่ได้” ผมสอดมือโอบไปรอบเอวของคิน กอดอีกฝ่ายแน่นๆ ครั้งหนึ่งก่อนคลายมือออก

“เพราะมึงรักกูไง เพราะแบบนั้นมึงถึงเสียใจ ดังนั้นกูรับคำขอโทษจากมึงด้วยความยินดี”

“ขอบคุณ” คินรัดผมเข้าไปในอ้อมแขน กดริมฝีปากร้อนลงบนหน้าผาก “ขอบคุณที่เข้าใจผม”

“แต่ว่านะ..” ผมเงยหน้าขึ้นมองคิน ส่งยิ้มอบอุ่นไปให้อีกฝ่าย

“อะไร” คินยิ้มตอบผม

“เราต้องยืนกอดกันคาประตูอย่างนี้จริงๆ เหรอวะ”

คินหัวเราะในลำคอ จับมือผมดึงให้เดินตามเข้าไปในห้องนอน



ผมนั่งพิงไหล่ของคินบนโซฟากว้าง หมุนกระป๋องเบียร์ในมือเล่น

“ไอ้คิน”

เสียงตอบรับดังในลำคอ

“มึงจะไปคุยกับพี่นทหรือเปล่าวะ”

“ไม่”

“แล้ว?” ผมผงกศีรษะขึ้นเพื่อมองใบหน้าของคิน

“ผมเข้าใจว่าทำไมพี่นทถึงไม่บอกผม แต่จะให้สนิทกันเหมือนเดิมผมคงทำไม่ได้ ผมลบคำว่าหลานชายของผู้หญิงคนนั้นออกไปไม่ได้”

“อืมกูเข้าใจ กูว่าพี่นทก็เข้าใจ”

คินจับศีรษะผมให้ซบกลับลงมาตามเดิม มือยาวเรียวลูบเส้นผมเล่น

“คิน”

“หือ” ผมขานรับในลำคอเพราะกำลังรู้สึกสบาย

“คุณไม่คิดจะกล่อมผมให้อภัยให้พ่อกับผู้หญิงคนนั้นเหรอ”

“ทำไมถามแบบนั้น”

“เพราะคนส่วนใหญ่ที่รู้เรื่องนี้จะกล่อมผมเกือบทุกคน ยกเว้นแม่เพราะแม่คงไม่อยากให้พ่อมีความสุข”

ผมสอดมือเข้าไปกอดรอบเอวของคินเมื่อได้ยินเสียงขื่นของอีกฝ่าย

“เคยคิดจะกล่อมผมไหม”

“ไม่” ผมส่ายหน้า

“เพราะอะไร”

“เพราะไม่ใช่เรื่องของกู”

“...”

“ทำไมเงียบไปวะ กูพูดจริงนะ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของกู กูถึงตัดสินใจแทนมึงไม่ได้ กูไม่ใช่คนที่ต้องผ่านเรื่องราวพวกนั้นมา กูไม่เคยเจ็บปวดแบบที่มึงเจอ แล้วกูจะพูดแทนมึงได้ยังไงวะ ไม่มีใครเข้าใจในสิ่งที่มึงเจอนอกจากตัวมึงเอง มีแค่มึงเท่านั้นที่รู้ว่ามันรู้สึกยังไง เพราะฉะนั้นแล้วทำในสิ่งที่มึงอยากทำเถอะ”

“ลองดูหน่อยสิ ผมอยากฟัง”

“ให้พูดเหรอ อืมม กูคิดว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่สีขาวกับดำเสมอไป ไม่ได้มีแค่ถูกหรือผิด ยอมรับหรือไม่ยอมรับ เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปอยู่ในชีวิตของใครแต่ก็ไม่จำเป็นต้องตัดใครทิ้งไป มีระยะที่สบายใจระหว่างกันและกัน แค่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอ”

“โกรธเหรอ” ผมถามเมื่อเห็นคินเงียบไป

“เปล่า”

“ทำไมเงียบไป”

“กำลังคิดน่ะ”

“งั้นก็ค่อยๆ คิด ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”

“คุณจะอยู่กับผมใช่ไหม”

“แล้วตอนนี้กูนั่งอยู่ที่ไหนล่ะ”

“หึๆ”

“มาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกันเถอะ ดีไหม”

“ตกลง”










ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
คินไม่เป็นไรแน่ๆ ก็มีหนูภาคอยช่วยอยู่นิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด