ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)  (อ่าน 412139 ครั้ง)

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2

ออฟไลน์ ben~ya

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0
อารมณ์ดีจ๊ะ อารมณ์ดีที่ได้อ่าน :-[

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
ตามอ่านทันแว้ววววววว :กอด1:

เป้-วิว จะหวานไปไหนคร๊าบบบบบบ

nartch

  • บุคคลทั่วไป
:L1:
เรื่องราวน่ารัก ๆ อ่านแล้วมีความสุขดี
รู้สึกมีความหวังในความรักมากขึ้น...
ขอให้ เป้กับวิว รักกันต่อไปนาน ๆ  :call:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
สวัสดียามเย็นและขอขอบคุณทุกคนที่ให้การต้อนรับเรื่องแรกด้วยดีจ้า ก่อนกลับบ้านเลยขอแวะเอาเรื่องสั้นเรื่องที่สองมานำเสนอ ขอบอกว่ายังอยู่ในรั้วมหา'ลัยเหมือนเดิมนะจ๊ะ (ป้ากำลังอยู่ในโหมดรำลึกความหลัง 55555)  :really2:


เรื่องที่ 2 เมื่อหัวใจเราใกล้กัน

ตอนที่ 1: คนข้างห้อง



“ก๊อกๆๆๆๆ”

เสียงเคาะประตูรัวไม่หยุดปลุกผมจากห้วงนิทราอันแสนสุข อีกแล้วเหรอ...ผมถอนหายใจแล้วหรี่ตาขึ้นมองนาฬิกาดิจิตอลบนหัวเตียง เกือบจะตีสามอยู่แล้ว ผมเลิกผ้าห่มนวมผืนหนาออกแล้วเกาหัวก่อนจะลุกไปเปิดไฟแล้วเปิดประตูให้ผู้มาเยือนที่รู้ดีว่าเป็นใคร

“หวาดดี...อ๊อฟ...แหะๆ โทษที เรา...อึ๊ก...ลืมกุญแจอีกแล้วว่ะ ฮ่าๆๆ”

ผมส่ายหน้ากับเสียงที่แสดงความเมามาย แล้วก็ต้องเบ้หน้ากับกลิ่นเหล้าปนบุหรี่ที่โชยฟุ้งจากคนตัวผอมบางหน้าห้องก่อนจะถอยหลังให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาแล้วปิดประตูตามหลัง ผิวของนะที่ปกติขาวใสเป็นสีแดงเรื่อไปทั้งตัวเพราะแอลกอฮอลล์

คนตัวเล็กกว่าเดินตัวเซๆผ่านผมไปเลื่อนบานหน้าต่างในห้องก่อนจะปีนออกไปเหมือนทุกครั้ง ผมยกขวดน้ำใกล้หัวเตียงขึ้นดื่มแล้วก็นั่งรอจนได้ยินเสียงเลื่อนปิดหน้าต่างจากห้องข้างๆแล้วจึงปิดไฟก่อนล้มตัวลงนอน

ทว่าการจะพยายามข่มตาให้หลับหลังจากถูกปลุกขึ้นมากลางดึกไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ผมนอนพลิกไปพลิกมา หูก็คอยแต่จะฟังทุกเสียงที่ดังมาจากห้องข้างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงฝีเท้า เสียงเปิดตู้เย็นบานเล็ก หรือเสียงเปิดวิทยุ แต่พอเสียงน้ำฝักบัวกระทบพื้นเริ่มลอยมา อยู่ๆผมก็เกิดจินตนาการภาพเรือนร่างของนะกำลังที่เปียกปอนอยู่ใต้สายน้ำจนต้องรีบยกผ้านวมขึ้นคลุมหัวแล้วหลับตาปี๋เพื่อไล่ภาพนั้นกับความรู้สึกอึดอัดที่ร่างกายท่อนล่างออกไป

ผู้ชาย! ผู้ชายโว้ย! น่ารักแค่ไหนก็เป็นผู้ชาย! ท่องไว้ไอ้อ๊อฟ!!

++------++

ครั้งแรกที่นะมาเคาะประตูห้องผมคือราวสามเดือนที่แล้ว คืนนั้นผมนั่งแกะโน้ตดนตรีแล้วก็ซ้อมกีตาร์โปร่งอยู่จนดึกดื่นเพราะต้องเตรียมตัวสำหรับขึ้นแสดงของชุมนุมโฟล์คซองในวันถัดไป จู่ๆก็มีเสียงคนเคาะประตูดังขึ้น ตอนแรกผมคิดว่าคงมีใครเพิ่งกลับจากไปเที่ยวกลางคืนแล้วนึกคะนองอยากแกล้งปลุกคนอื่นเลยไม่ได้สนใจ แต่ไม่นานเสียงเคาะก็ดังรัวขึ้นอีกผมจึงต้องลุกไปเปิดประตูให้อย่างเสียไม่ได้

แว่บแรกที่เห็นนะผมชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคนหน้าแดงตัวเล็กคนนี้คือคนที่เพิ่งย้ายมาอยู่ห้องข้างๆ ผมจำได้ลางๆว่าเคยเห็นนะที่มหาวิทยาลัย แต่เนื่องจากเราไม่เคยคุยกันผมจึงไม่รู้ว่านะเรียนอยู่คณะไหน

“ขอโทษที คือว่า...เราลืมกุญแจไว้เลยเข้าห้องไม่ได้ ขอปีนหน้าต่างเข้าไปจากห้องนายได้เปล่า”

น้ำเสียงอ้อแอ้สะกดผมให้ยืนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอยให้อีกฝ่ายเข้ามา “อ๋อ ก็ได้ เข้ามาสิ”

“โทษที เราไม่ได้ปลุกนายใช่มะ”

นัยน์ตาเชื่อมเพราะฤทธิ์น้ำเมาที่หันมามองผมอย่างขอโทษทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้

“ไม่เป็นไร เราก็ยังไม่นอน พอดีซ้อมกีตาร์อยู่”

นะหันไปมองกีตาร์ของผมที่วางอยู่บนเตียงแล้วก็พยักหน้าหงึกๆก่อนจะเดินไปที่หน้าต่าง ทว่าก่อนร่างบางนั้นจะยกตัวข้ามออกไปที่กันสาดผมก็รั้งต้นแขนไว้เสียก่อน แขนนั้นผอมเรียวจนมือผมแทบจะกำได้รอบ นัยน์ตากลมโตหันมามองผมงงๆ

“เดี๋ยวสิ แล้วเมาอยู่อย่างนี้มาปีนหน้าต่างเกิดตกลงไปจะทำยังไง”

“อ๋อ ไม่ต้องห่วง เราเคยขอปีนจากห้องอีกฝั่งเหมือนกัน แต่ตอนนี้คนเช่าเปลี่ยนแล้วเราเลยไม่กล้าไปขอ ยังไงขอบใจมากนะที่ช่วยเปิดประตูให้ นายชื่ออะไรอะ”

“อ๊อฟ”

“อ๊อฟ เราชื่อนะ ยังไงยินดีที่ได้รู้จัก แล้วก็ราตรีสวัสดิ์นะ ไปก่อนล่ะ”

นะยิ้มอวดเขี้ยวเล็กๆให้ผมก่อนจะยกตัวโหนขอบหน้าต่างออกไป ผมชะโงกหน้าตามไปดูด้วยความเป็นห่วง แล้วก็รอจนร่างเล็กนั่นผลุบหายเข้าไปในห้องตัวเองแล้วจึงค่อยเลื่อนหน้าต่างปิดเหมือนเดิม ตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่านั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์เดิมที่จะเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกหลายครั้งในเวลาต่อมา

++------++

“เค้าคิดอะไรกับแกเปล่าวะ ถึงได้มาขอเข้าห้องแกบ่อยๆ”

ผมกลั้นปากหาวแล้วก็เหล่มองมุ้ยซึ่งเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กและเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯเหมือนกัน เนื่องจากสถาบันของมุ้ยอยู่ใกล้จนเดินไปมาหาสู่กันได้สบาย บางครั้งเจ้าหล่อนเลยชอบนัดมากินข้าวกับผมบ่อยๆ โดยให้เหตุผลว่า ‘ก็ผู้ชายที่นี่หน้าตาดีกว่า’

“เราว่าแกดูละครมากไปแล้วล่ะมุ้ย นะเค้าคงเห็นว่าเราสะดวกดีเพราะไม่เคยบ่นเวลาโดนกวนตอนดึกๆเท่านั้นแหละ แต่เราก็ห่วงว่าสักวันเค้าจะเมาหล่นจากกันสาดตอนปีนหน้าต่างอยู่เหมือนกัน”

“แน่ะๆ ฮั่นแน่ เป็นห่วงด้วยเหรอจ๊ะ”

“ก็คนอยู่ห้องติดกันนี่ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาก็ต้องช่วยดูแลใช่มั้ยล่ะ”

มุ้ยยิ้มให้ผมอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะแขวะผมเสียงแหลม

“เอ๊อ ให้มันจริง ชั้นละกลัวแกจะเพิ่งค้นพบตัวเองจริงจริ๊ง ไม่แน่นะเว่ยพฤติกรรมที่มันเกิดซ้ำๆของคนข้างห้องแกเนี่ยมันอาจมีความหมายแฝงก็ได้นะ ตอนปี 1 แกไม่ได้เรียนจิตวิทยารึไงฮะ”

“แกคิดมากไปต่างหาก เวลาอยู่ที่ม.นะไม่เคยทักเราเลย”

ผมพูดความจริง ถึงแม้นะจะชอบลืมกุญแจจนต้องมาเคาะห้องผมบ่อยๆเวลาเมาเหมือนไม่เกรงใจก็ตาม แต่เวลาเราเดินสวนกันในมหาวิทยาลัยนะจะไม่เข้ามาคุยทักทายผมเลยแถมยังดูจะรีบเดินหลบเสียด้วยซ้ำ

“ยังไงแกหาโอกาสแนะนำชั้นให้รู้จักบ้างสิ อยากเห็นหน้าว่ะ จะดูว่าเหมาะกับแกรึเปล่า”

“เออดี ไม่ยักรู้ว่าแกดูโหงวเฮ้งเป็นด้วย แล้วตกลงแกจะกลับไปเรียนยังเนี่ย”

มุ้ยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นกดดูเวลาแล้วก็โวยวายใหญ่

“ตายแล้ว! อ.บอกไว้ว่าวันนี้จะมีควิซด้วย งั้นเดี๋ยวชั้นไปก่อนแล้วกันว่ะ วันหลังจะมานั่งเหล่ผู้ชายแถวนี้ใหม่น้า”

เพื่อนตัวดียิ้มทะเล้นแล้วตบแก้มผมเบาๆก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินออกไป ผมมองตามเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กแล้วก็ส่ายหน้าก่อนจะเอาจานและแก้วของตัวเองไปวางที่ชั้นสำหรับรอล้าง พอหันกลับมาก็ชนกับคนข้างหลังเข้าอย่างจัง

“ขอโทษครับ! อ้าวนะ”

หน้าหวานที่ตอนแรกดูสีหน้าเหมือนไม่พอใจอะไรอยู่เงยขึ้นมองผมแล้วก็ผงะ มือที่ถือจานอยู่เผลอดันเข้าหาตัวเองจนน้ำแกงที่เหลือหกเลอะเสื้อเชิ้ตสีขาว ผมรีบดึงจานจากมือนะไปวางบนชั้นแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าตัวเองออกมาช่วยเช็ดรอยเปื้อนออกให้

“เอ้า ไม่ระวังเลยนะเรา เสื้อเลอะหมดแล้ว”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปล้างๆเอาแล้วถือหนังสือปิดก็คงได้”

นะก้มหน้าเหมือนหลบตาผมแล้วก็ทำท่าจะเดินหนี มือไวเท่าความคิด ผมรีบคว้าข้อมือผอมบางนั้นแล้วจูงให้เดินตามไปขึ้นลิฟต์เก่าๆของตึกกิจกรรมที่อยู่ติดลานขายอาหาร

“เรามีเสื้อยืดอยู่ในชุมนุม ยังไงเดี๋ยวเอาไปใส่ก่อนแล้วกันจะได้ไม่ต้องใส่เสื้อเลอะๆเข้าเรียนช่วงบ่าย มันส่งกลิ่นรู้หรือเปล่า”

นะกัดริมฝีปากแต่ยังก้มหน้าไม่ยอมสบตาผมอยู่ เออแฮะ ไม่น่าเชื่อว่าคนเราเวลาเมากับเวลาปกติจะบุคลิกต่างกันได้ขนาดนี้ นะที่ผมรู้จักไม่เห็นเคยทำท่าเขินอายเวลามาเคาะประตูห้องผมเลย ผมอดแซวระหว่างอยู่ในลิฟต์ไม่ได้

“เป็นอะไร ใครขโมยปากไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย ทำไมไม่พูดไม่จาเลย”

“ไม่ใช่ซักหน่อย ก็แค่...”

นะค้างคำพูดไว้พร้อมๆกับที่ลิฟต์หยุดที่ชั้นสี่ คนตัวเล็กเดินฉับๆนำผมออกไปก่อนแล้วก็ยืนเคว้งอยู่ตรงลานหน้าบันได

“เอ้า เห็นเดินออกมาก่อนก็นึกว่ารู้ซะอีกว่าห้องชุมนุมเราอยู่ไหน กำลังรอให้เดินนำไปอยู่เลยเนี่ย”

ผมพูดกลั้วหัวเราะ นะหันมาทำตาดุใส่ก่อนจะสะบัดหน้าพรืด

“รู้หรอกน่ะว่าอยู่ชุมนุมไหน แต่ไม่รู้ว่าห้องมันอยู่ตรงไหนนี่”

ผมเลิกคิ้ว แต่แล้วก็คิดเอาเองว่าเพราะนะเห็นผมซ้อมกีตาร์บ่อยๆเลยรู้กระมัง ผมเดินนำนะไปที่ห้องชุมนุมแล้วก็เดินเตะข้าวของที่กองรกอยู่บนพื้นเข้าไปในห้องก่อนจะชำเลืองมองคนที่หยุดยืนอยู่หน้าประตู ขนาดตัวเราสองคนต่างกันมากผมเลยต้องพยายามคุ้ยล็อคเกอร์ตัวเองหาเสื้อที่ตัวเล็กที่สุดเท่าที่มี ส่วนใหญ่เสื้อที่ผมเก็บไว้ที่นี่มีเตรียมไว้เผื่อมาค้างดังนั้นเลยมีแต่เสื้อตัวใหญ่ๆหลวมๆที่คงไม่เหมาะกับนะสักเท่าไหร่

ผมหยิบเสื้องานฟุตบอลประเพณีของปีที่แล้วซึ่งเป็นเสื้อที่ตัวเล็กที่สุดในล็อคเกอร์ออกมายื่นให้คนที่ยืนรออยู่ เจ้าตัวกางเสื้อแล้วก็พลิกดูไปมาก่อนจะเงยหน้ามองผม นัยน์ตากลมโตคู่นั้นเวลาไม่ได้ฉ่ำเยิ้มเพราะเมาก็ดูเป็นประกายน่ามองไม่หยอก

“แล้วห้องน้ำอยู่ตรงไหน”

ผมกระพริบตาก่อนจะนั่งลงที่โซฟาตัวเก่าในห้องแล้วกอดอก

“ก็เปลี่ยนในห้องนี้ไปเลยซิ ผู้ชายเหมือนกันจะอายอะไร”

“จะเปลี่ยนในห้องน้ำ”

นะยืนยันเสียงแข็ง ผมเลิกคิ้วแต่แล้วก็ชี้ทางไปห้องน้ำให้แต่โดยดี ใจหนึ่งก็อดเสียดายไม่ได้ที่จะไม่ได้เห็นว่าผิวส่วนที่โดนเสื้อบดบังอยู่เสมอของคนตัวเล็กจะขาวนวลกว่าส่วนที่โผล่ออกมาให้ตาเห็นหรือเปล่า...

เฮ่ย! แล้วนี่ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย?! ถึงจะหน้าตาน่ารักแต่ก็ผู้ชายเหมือนกันนะเว้ย!!

ก่อนจะยิ่งฟุ้งซ่านไปกว่านี้ผมหันไปหยิบกีตาร์คุณปู่ในห้องแล้วออกมานั่งดีดเล่นที่ระเบียงรอคนที่ยืมเสื้อผมไปเปลี่ยน (ความจริงไม่ใช่กีตาร์ของปู่ใคร แต่มันเก่าจนตามหาเจ้าของไม่ได้เลยตั้งชื่อให้ว่ากีตาร์คุณปู่) ผมดีดกีตาร์ไปร้องเพลงคลอเบาๆไปพลาง ไม่นานนะก็เดินกลับมาโดยมีเสื้อตัวที่ถอดออกอยู่ในมือ

ผมหันไปมองคนที่ใส่เสื้อผมอยู่แล้วก็อดยิ้มไม่ได้กับขนาดเสื้อที่พอดีตัวผมแต่กลับดูหลวมบนรูปร่างเล็กๆนั้น นะมองผมกลับตาขุ่นทั้งที่มีริ้วสีแดงพาดบนแก้ม ผมวางกีตาร์ลงแล้วลุกไปหยิบถุงกระดาษจากกล่องเก็บของข้างประตูยื่นให้สำหรับใส่เสื้อตัวที่เลอะ มือเรียวยื่นมารับถุงไปแล้วก็ยืนละล้าละลังมองผมที่นั่งแปะลงที่ระเบียงเหมือนเดิม

“แล้วอ๊อฟ...ไม่ไปเรียนเหรอ?”

ผมส่ายหน้าแล้วก็หยิบกีตาร์ขึ้นมาใหม่ “ยังหรอก พอดีช่วงบ่ายเรามีเรียนอีกทีก็บ่ายสามโน่นเลยว่าจะนอนกลางวันซักงีบก่อน”

นะพยักหน้าแล้วก็ทำท่าจะผละไปแต่ถูกผมเรียกไว้ก่อน

“นะ ชื่อนะมาจากอะไรเหรอ”

ใบหน้าหวานที่มักทำให้ผมใจเต้นเวลาได้มองหันกลับมาแล้วก็ขมวดคิ้ว

“จะรู้ไปทำไม”

“ก็ถามดูเฉยๆ หรือแค่นี้บอกไม่ได้?”

ผมไม่ได้ตั้งใจจะป่วนเลยนะ จริงจริ๊งสาบานได้ แค่อยากรู้จักคนตรงหน้าให้มากขึ้นก็เท่านั้นเอง

“ชื่อเต็มเราชื่อมานะ นะเลยเป็นชื่อเล่น”

นะตอบเสียงสะบัดๆ ผมทวนชื่อที่ได้ยินในใจ มานะ...มานะเหรอ ทั้งที่เป็นชื่อที่ฟังแล้วทำให้นึกถึงหนังสือเรียนภาษาไทยสมัยประถม พวกมานะ มานี ปิติ ชูใจ แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันน่ารักเข้ากับคนตัวเล็กตรงหน้าผมอย่างบอกไม่ถูก

“แล้วนะอยู่คณะอะไร ทำไมก่อนย้ายมาอยู่ห้องข้างๆเรารู้สึกเหมือนไม่เคยเห็นนะมาก่อนเลย”

คิ้วเรียวโก่งขมวดมุ่นก่อนเจ้าตัวจะหันหน้าไปอีกทาง “เราอยู่สินสาด ไม่มีอะไรจะถามแล้วใช่มั้ย จะไปเรียน”

ร่างเล็กๆนั่นไม่รอฟังคำตอบผมแล้วก็เดินออกไปเลย ผมว่าผมก็ไม่ได้ถามอะไรละลาบละล้วงนี่นา? แล้วทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองโดนโมโหใส่อยู่เลยแฮะ?


++------++


juuuno99

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อไวๆนะป้า




อืมเรื่องนู้นด้วยเน้อ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2008 22:31:23 โดย <Ju!_Ju!> »

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
^
^
^
^
จริงดิ๊ ชอบเรื่องไหนอะ ขอบคุณคับ :pig4:

ป.ล. ฝากบอกจักรว่าป้าคิดถึงนะจ๊ะ คิดถึงตอนเผาเอตอนต่อไปด้วย อิๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2008 19:37:17 โดย bellbomb »

Jeremy_F

  • บุคคลทั่วไป
หวัดดีครับป้า ถึงบ้านหรือยังเอ่ย เดินทางปลอดภัยนะครับ

-------
“เค้าคิดอะไรกับแกเปล่าวะ ถึงได้มาขอเข้าห้องแกบ่อยๆ”: อือ ถูกของมุ้ย คนอะไรลืมกุญแจได้ตลอดฟ่ะ  นะคงทำเพื่อสร้างโอกาสให้ตัวเองบ้าง อะไรบ้าง แต่อ๊อฟก็อย่าลืมปีนไปห้องนายนะ บ้างล่ะ เอาคืน อิอิ  :oo1:

“เราอยู่สินสาด ไม่มีอะไรจะถามแล้วใช่มั้ย จะไปเรียน”: สงสัยจะผิดหวังที่ไม่เคยอยู่ในสายตา หุหุ เลยงอน งอน  o16

 :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-11-2008 11:42:48 โดย Jeremy_F »

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
มาทักทายป้าด้วยคน อิๆ

เรื่องที่สอง กวนน่ารักๆ ดี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
มานะ :z1:


น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกแต่ทำไมขี้โมโหจัง

หรือกลบเกลื่อนเพราะอาย

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
มานะหนุ่มสองบุคลิก :L2:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
สงสัย นู๋นะ ต้องดื่มเหล้าย้อมใจก่อนถึงจะกล้า 555

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
สงสัยว่าหนูนะจะแอบมองเจ้าออฟมานานแล้ว พอเจ้าออฟบอกไม่เคยเห็นก็เลยโกรธ  :laugh:

The Living River Ping

  • บุคคลทั่วไป
เอ๋ยขอมาให้กำลังใจน้องนะและน้องอ๊อฟนะจ๊ะ  :z2:

คนเรารักใคร ขอเพียงได้อยู่ใกล้ๆ ปีนหน้าต่างข้ามห้องเขาก็ยังดี เว้ยยยยย คิกคิก

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
<Ju!_Ju!> จะลืมเรื่องนั้นได้ไง ปลุกปั้นกันมาขนาดนี้ แค่เดี๋ยวนี้ไม่อัพบ่อยเหมือนเมื่อก่อนเอ๊ง แหะๆ
Jeremy_F   หุๆๆ แล้วหน้าต่างห้องนู๋ J มีใครปีนมั่งยาง
newykung  หวัดดีจ๊ะ กำลังพยายามให้กวนยิ่งกว่าี้นี้อยู่นะนี่
19NT   มานะ เด็กเจ้าอารมณ์ อิๆ
nana    เขาว่าเหล้าทำให้บุคลิกคนเปลี่ยนไป...รึเปล่าน้า?
dahlia  เป็นไปได้นิ
mist   น่านจิ ตาอ๊อฟนี่ก็ไม่ค่อยสังเกตอะไรเอาซะเลย
The Living Rive   ขอบคุณคับพี่เอ๋ย แล้วตกลงเรื่องพี่หมงพี่เอ๋ยจะว่าไง?
  :laugh:


มาต่อตอนที่ 2 กันเต๊อะ~  :mc1:


เมื่อหัวใจเราใกล้กัน

ตอนที่ 2: เหตุผลที่รัก


ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดินก่อนนักศึกษาจะพากันกลับบ้านเป็นเวลาที่ภายในมหาวิทยาลัยเล็กๆติดแม่น้ำแห่งนี้วุ่นวายไปด้วยกิจกรรมมากมาย กลางสนามฟุตบอลมีทีมรักบี้ที่กำลังฝึกซ้อมเตรียมตัวสำหรับการแข่งขัน ขณะที่โต๊ะม้าหินที่ตั้งเรียงรายอยู่รอบสนามต่างมีคนจับจองจนเต็ม ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาจับกลุ่มกันอ่านหนังสือทำการบ้าน คู่รักนั่งคุยหยอกล้อกัน ชาวต่างชาติที่เดินผ่านมาเที่ยวจากวัดใกล้ๆ หรือเด็กนักเรียนที่นัดกันเข้ามานั่งรอผู้ปกครองมารับ ส่วนบริเวณลู่วิ่งรอบสนามและถนนเส้นเล็กๆในมหาวิทยาลัยก็มีคนมาวิ่งออกกำลังกายมากมายทั้งนักกีฬาของชมรมต่างๆและคนภายนอก บางทีก็มีแม่ค้าหอบกระจาดขนมเข้ามาขายตามโต๊ะต่างๆพลางพูดคุยหยอกล้อกับนักศึกษาอย่างสนุกสนาน

ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินริมร้านขายของสวัสดิการข้างสนามฟุตบอลพลางทำแบบสอบถามที่มีเด็กต่างคณะเอามาแจกให้ ช่วงเวลานี้ของวันเป็นช่วงเวลาที่ผมชอบที่สุด ไม่ใช่แค่เพราะไม่มีวิชาเรียนแล้วเท่านั้น แต่เพราะผมรู้สึกว่ามหาวิทยาลัยของผมในยามเย็นจะคึกคักและมีสีสันมากกว่าตอนกลางวันที่มีแต่นักศึกษากับอาจารย์เดินสวนกันไปเดินสวนกันมาอย่างเทียบกันไม่ติด

“ยังไม่เสร็จเหรอ งั้นเดี๋ยวเป้นั่งรอที่โต๊ะข้างสนามบอลตรงแถวๆหน้าคณะแล้วกันนะ อีกสิบนาทีเจอกันครับ”

ผมเงยหน้าหลังได้ยินเสียงเพื่อนร่วมโต๊ะคุยโทรศัพท์เสร็จ เป้เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับผมที่คณะแต่ว่าเพิ่งจะมาเริ่มสนิทกันเมื่อตอนปีสอง เราสองคนรูปร่างใกล้เคียงกันก็จริงแต่ผมต้องยอมรับว่าเป้หน้าตาดีกว่าผมมาก ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนๆก็มักมีแต่คนมองตามจนเหลียวหลัง ทว่าในบรรดาเพื่อนที่ค่อนข้างจะสนิทกับเจ้าตัวหน่อยจะรู้ดีว่าเพื่อนผมมีแฟนแล้วแถมเป็นผู้ชายที่เรียนอยู่คณะเดียวกันเสียด้วย

“จะพาแฟนไปไหนวะเย็นนี้?”

เป้หย่อนโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋าเสื้อก่อนจะยิ้มแล้วตอบคำถามผม

“วันนี้วันเกิดวิว กะจะพาเค้าไปเซอร์ไพรส์”

“อ้อ…”

เป้ถอดปลอกปากกาของตัวเองแล้วก็เริ่มทำแบบสอบถามบ้าง ผมกรอกความคิดเห็นในแบบสอบถามของตัวเองได้สักพักก็หยุดแล้วนั่งเท้าคางมองเพื่อน สารภาพตรงๆว่าผมไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมคนหน้าตาดี ฐานะทางบ้านก็ดี สาวๆมาแอบชอบก็เยอะแยะกลับเลือกไปคบกับเด็กเรียนที่ดูเผินๆไม่ได้เด่นสะดุดตาใครแบบวิวเป็นแฟน ถ้าเพื่อนผมเลือกคบกับดาวคณะหรือเชียร์ลีดเดอร์ของงานบอลฯยังจะดูเหมาะสมกับเจ้าตัวกว่า

ผมจำได้ว่าตอนปลายปีสองเป้คบกับเด็กต่างเอกอีกคนหนึ่งอยู่ถึงเจ้าตัวจะดูไม่ยินดียินร้ายกับความสัมพันธ์ครั้งนั้นนัก ดังนั้นเมื่อจู่ๆเพื่อนผมก็เปิดตัวแฟนใหม่หลังเปิดเทอมปีสาม พวกเราที่ได้รู้ว่าวิวเป็นเพื่อนสนิทของแฟนเก่าเป้จึงอดตั้งคำถามกันไม่ได้ว่าเป็นกรณี “เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ” หรือเปล่า แต่พอเป้รู้ว่าเพื่อนๆแอบซุบซิบเรื่องนี้กันลับหลังก็จัดการเคลียร์ทุกข้อกล่าวหาที่ว่าวิวฉวยโอกาสด้วยการยืนยันหนักแน่นว่า

‘กูจีบเค้าก่อน’

“เป้ กูถามอะไรหน่อยสิ”

“อืม ว่ามา”

เป้งึมงำรับคำผมแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากแบบสอบถาม ผมเลยชักไม่แน่ใจว่าควรจะถามเรื่องที่สงสัยอยู่ดีหรือเปล่า

“มึงชอบวิวตรงไหนวะ”

คราวนี้เพื่อนหน้าหล่อของผมยอมสละเวลาขึ้นสบตาผมแวบหนึ่งก่อนจะยิ้มมุมปากแล้วก้มลงทำแบบสอบถามต่อ

“แล้วมึงจะอยากรู้ไปทำไมวะ”

ผมหยิบแก้วน้ำอัดลมที่น้ำแข็งเริ่มละลายขึ้นมาคนด้วยหลอดก่อนจะดูดอึกใหญ่ “ไม่รู้ดิ ก็กูเห็นมึงมีคนเข้ามาจีบตั้งเยอะแยะ แต่ทำไมสุดท้ายมึงถึงได้เลือกวิว ทั้งที่ตอนแรกเค้าไม่ได้สนใจมึงด้วยซ้ำ”

เพื่อนของผมยิ้มกวนพลางทำเครื่องหมายถูกลงในช่องสี่เหลี่ยมของแบบสอบถาม

“ก็เพราะเค้าไม่เคยสนใจกูตั้งแต่แรกไงกูถึงได้รู้ว่าคนนี้ไม่ธรรมดา แล้วอีกอย่างใครจะคิดยังไงกูไม่สนใจหรอกนะ เพราะกูมั่นใจแล้วว่าวิวคือตัวจริง”

คนตรงหน้าผมพูดคำนั้นออกมาอย่างไม่ลังเล ถ้าหากเป็นคนอื่นมาพูดอะไรแบบนี้ผมคงแซวกลับไปแล้ว แต่พอเป้เป็นคนเอ่ยผมรู้สึกว่าเพื่อนผมใส่ความจริงจังลงไปกับทุกคำพูดนั้นจนไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่น ถึงแม้เจ้าตัวจะรู้ดีว่าตัวเองมักตกเป็นเป้าสายตาของใครๆแต่ตลอดเวลาที่รู้จักกันมาเกือบสามปีเป้ไม่เคยใช้รูปลักษณ์หรือฐานะของตัวเองไปหาเศษหาเลยกับใครสักครั้ง

ผมทบทวนสิ่งที่ได้ยินจากเพื่อนในหัว ตัวจริงงั้นเหรอ ใช่ว่าเกิดมาผมไม่เคยมีแฟน แต่ถ้าให้ทบทวนประสบการณ์ที่ผ่านมาของตัวเองแล้ว ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทำให้ผมรู้สึกลึกซึ้งถึงขั้นคิดไปไกลกับคนที่คบด้วยขนาดนั้นเลยสักครั้ง ที่สำคัญคนที่ผมเคยคบๆมาก็มีแต่ผู้หญิง คนที่เคยคบกันนานที่สุดก็ตอนอยู่ปีหนึ่ง แต่ก่อนจะขึ้นปีสองเจ้าหล่อนก็ซิ่วไปเอ็นท์ใหม่เราเลยห่างกันไปแล้วก็เลิกกันไปเอง หลังจากนั้นมาผมก็ไม่ได้คบใครจริงจังอีกเลย

“คนนี้รักจริงหวังแต่งสิท่า” สุดท้ายผมก็อดแหย่ไม่ได้

“ก็ตั้งใจอยู่ ที่จริงตื๊อจนได้ไปเจอว่าที่พ่อตาแม่ยายที่ต่างจังหวัดมาแล้วนะ แต่เค้าดันแนะนำกูว่าเป็นแค่เพื่อนซะงั้น”

เป้พูดจบแล้วก็หัวเราะ ผมละอดหมั่นไส้คนมีความรักไม่ได้จริงๆ แต่ก่อนจะพูดอะไรต่อก็มีร่างผอมเพรียวคาดกระเป๋าสะพายและถือหนังสืออีกหอบใหญ่ก้าวเร็วๆเข้ามาที่โต๊ะเราเสียก่อน

“ขอโทษที คิวห้องสมุดยาวเลยเสียเวลาไปหน่อย”

วิวพูดไปหอบไป หน้าขาวๆนั้นแดงก่ำ เป้หันไปยิ้มให้คนที่เพิ่งมาแล้วก็ดึงแขนให้นั่งลงข้างๆ ตัวเอง

“ไม่เป็นไรหรอก ทีหลังถ้าวิวจะยืมหนังสือเยอะก็บอกสิจะได้ไปช่วยถือ”

ผมยิ้มให้วิวที่หันมาผงกหัวให้เมื่อเห็นว่าผมนั่งอยู่ด้วยก่อนเจ้าตัวจะหันกลับไปรับขวดน้ำเย็นจากเป้ ผมนั่งเท้าคางมองแฟนของเพื่อน ความจริงผมก็พอจะเข้าใจว่าทำไมเป้ถึงได้ติดใจวิวนัก เพราะถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ใช่คนที่เด่นสะดุดตาทันทีที่ได้เห็นครั้งแรก แต่ถ้าหากได้มองนานๆ นัยน์ตาคมที่มักแสดงอารมณ์อย่างเปิดเผยและรอยยิ้มที่ดูจริงใจบนใบหน้าขาวเนียนนั้นก็ชวนให้มองจนเพลินได้เหมือนกัน

“โอ๊ย!”

วิวเลิกคิ้วมองผม ส่วนผมหันไปทำตาดุใส่ตัวต้นเหตุที่ยิ้มให้แฟนตัวเองพลางทำท่าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ มองนิดมองหน่อยแค่นี้ต้องถึงกับเหยียบเท้ากันเต็มแรงเลยนะไอ้เป้!

“เอาของไปเก็บที่ห้องวิวก่อนแล้วไปหาอะไรกินกันดีกว่า เป้หิวแล้วเนี่ย”

ดูมัน! ทำเป็นอ้อนแฟน ผมชักเริ่มหมั่นไส้เพื่อนตัวเองที่ทำเป็นตีหน้าซื่อตาใสขึ้นมาตงิดๆ

“ก็ได้ เอ่อ...แล้วอ๊อฟล่ะ”

วิวชำเลืองมองผมอย่างเกรงใจจนผมต้องรีบโบกมือปฏิเสธแล้วยกเท้าหลบ ไม่อยากโดนเดชบาทาไอ้คุณชายอีก

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราว่าจะไปหาเพื่อนต่อ วิวไปกับเป้สองคนเหอะ เราไม่อยากเป็นกขค.ว่ะ”

คนโดนแซวหน้าแดงขึ้นนิดหน่อย เป้เลยถือโอกาสลุกแล้วหยิบหนังสือกองโตที่วิวยืมมาจากห้องสมุดไปถือในมือข้างหนึ่ง แต่ก่อนทั้งสองคนจะเดินออกไปเพื่อนผมก็หันกลับมาตบบ่าผมไม่แรงนัก

“งั้นพวกกูไปก่อนนะอ๊อฟ แล้วมึงอย่าลืมซื้อยากินก่อนนอนด้วยล่ะคืนนี้ กูเห็นมึงนั่งสูดน้ำมูกหลายทีแล้ว”

“ขอบใจว่ะเพื่อน บายครับวิว”

เป้ก็ยังเป็นเป้ ถึงจะหึงหวงแฟนบ้างแต่ก็ยังอุตส่าห์สังเกตว่าผมไม่ค่อยสบาย ผมมองตามหลังคนทั้งคู่ที่เดินไปทางลานจอดรถด้วยกันแล้วก็ให้นึกอิจฉาขึ้นมา ยามเย็นย่ำแบบนี้ ไม่ว่าผมจะมองไปทางไหนก็ไม่เห็นมีใครนั่งโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่คนเดียวเหมือนผมสักคน

ผมถอนหายใจก่อนหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายแล้วส่งแบบสอบถามคืนให้กับเด็กสาวต่างคณะที่ยังนั่งรออยู่กับกลุ่มเพื่อน ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะแวะไปที่ห้องชุมนุมก่อนกลับหอแต่คงต้องเปลี่ยนแผนเพราะเริ่มรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวขึ้นมา เย็นนี้กลับไปหาก๋วยเตี๋ยวกินแถวตลาดหน้าหอแล้วนอนเลยดีกว่า

++------++

เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังเสียดแทงโสตประสาทปลุกผมให้ตื่นจากการนอนหลับที่ไม่ค่อยสบายตัวนัก ผมยกมือขึ้นควานไปมาบนหัวเตียงแล้วก็กดปิดเสียงนาฬิกาก่อนจะหรี่ตาขึ้นดูเวลาแล้วก็หลับตาลงใหม่ก่อนบิดขี้เกียจ รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงข้อต่อกระดูกตามตัวลั่นดังเปรี๊ยะ

ปกติผมไม่ใช่คนร่างกายอ่อนแอ นานๆครั้งถึงจะป่วยเป็นหวัดบ้างแต่ก็แทบจะปีละครั้งหรือน้อยกว่านั้น ดังนั้นเวลามีอาการอะไรเล็กๆน้อยๆผมเลยไม่ค่อยได้ใส่ใจกินยาหรือวิตามินกันป่วยเสียเท่าไหร่ แต่ดูท่าทางแล้ววันนี้ผมคงลากสังขารไปเรียนไม่ไหวแน่ๆ ผมพยายามฝืนโงหัวขึ้นควานหาโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จแบตอยู่ข้างเตียง ยังไงเสียก็คงต้องบอกให้ใครสักคนรู้ไว้ก่อนว่าผมเป็นอะไรอยู่ที่ไหน เกิดจับพลัดจับผลูเป็นอะไรหนักหนาขึ้นมาอย่างน้อยจะได้มีคนตามเก็บศพถูก

“เป้เหรอ สงสัยวันนี้กูคงไปเรียนไม่ไหว เวียนหัวไปหมดแล้วเนี่ย ยังไงถ้าเจอเพื่อนที่ชุมนุมกูก็ฝากบอกเค้าด้วยแล้วกันนะ เออๆ ขอบใจว่ะ”

ผมวางสายก่อนจะไอออกมา ด้วยความที่ไม่ได้ป่วยมานานเลยรู้สึกอึดอัดเป็นพิเศษ ผมควานหาขวดน้ำที่วางกลิ้งอยู่บนพื้นขึ้นมาดื่มก่อนจะลงนอนแผ่หลาบนเตียง รู้สึกเหมือนเห็นพัดลมบนเพดานหมุนเองได้ทั้งที่ผมไม่ได้เปิดเสียหน่อย

เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนจะหลับไปอีกครั้งคือเสียงเปิดปิดประตูของห้องข้างๆ นะคงกำลังจะออกไปเรียน ผมนอนฟังเสียงฝีเท้าเป็นจังหวะที่เดินผ่านหน้าห้องไป ใจหนึ่งก็อยากเปิดประตูออกไปทักทาย อยากเห็นหน้าใสๆของคนข้างห้องแต่ก็เมื่อยตัวเกินกว่าจะลุกไหว

++------++

ผมนอนหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่มาสะดุ้งตื่นขึ้นก็เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสชื้นๆนิ่มๆที่แปะลงบนหน้าผากแล้วลูบไล้ผ่านแก้มลงไปที่ซอกคอ สัมผัสนั้นอ่อนโยนจนผมครางออกมาก่อนจะคว้ามือที่กำลังเช็ดหน้าผมเอาไว้ พอฝืนเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งสายตาผมก็ประสานเข้ากับดวงตากลมโตของคนที่อยู่ในความคิดผมก่อนจะหลับไป เจ้าตัวเองก็ดูจะตกใจเหมือนกันที่จู่ๆผมก็ตื่นขึ้นมา

“นะ เข้ามาได้ไง”

ผมถามเสียงแหบแห้งแล้วก็ไอออกมาขณะพยายามยันตัวขึ้นนั่ง รู้สึกว่าเสียงตัวเองยังกับเสียงพื้นไม้เวลาโดนกระดาษทรายขัดก็ไม่ปาน ผมจำได้ว่าผมล็อกประตูไว้แน่ๆนี่นา

คนตัวเล็กสะบัดมือจากมือผมแล้วก็หลบสายตาก่อนจะตอบ

“ไม่เห็นจะยาก หน้าต่างไม่ได้ล็อกก็ปีนเข้ามาสิ”

ผมอ้าปากค้างมองคนที่หันหนีผมอยู่แล้วก็หัวเราะออกมาทั้งที่เจ็บคอแทบตาย นะหันมามองผมแล้วก็ทำหน้าตาหงุดหงิด

“ขำอะไร?”

“เปล่าๆ แค่คิดว่านะนี่ปีนหน้าต่างเก่งจริงๆเลยนะ”

นัยน์ตากลมโตคู่สวยมองผมตาเขียวก่อนจะปาผ้าขนหนูชื้นๆใส่อกผมจนผมสะดุ้ง ผมก้มมองตัวเองที่ใส่แค่กางเกงขาสั้นแล้วก็ชะงัก เอ...จำได้ว่าก่อนจะหลับไปผมก็ใส่เสื้อนี่นา แล้วไหงตอนนี้มันเหลือแต่ท่อนล่างล่ะเนี่ย?  แต่ยังไม่ทันที่ผมจะอ้าปากถามก็โดนอีกฝ่ายทำเสียงดุใส่เสียก่อน

“อยากเป็นปอดบวมหรือไง รีบเช็ดตัวสิจะได้รีบใส่เสื้อผ้า!”

“อ้อ ครับๆ”

ผมหยิบผ้าขนหนูอุ่นชื้นผืนเล็กที่หล่นบนตักขึ้นมาเช็ดไปตามลำตัวอย่างงงๆ ถึงจะยังเมื่อยอยู่บ้างแต่พอได้เช็ดเหงื่อเหนียวๆออกไปแล้วก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาก รู้อย่างนี้ไม่รีบลืมตาขึ้นมาก็ดีนะจะได้เช็ดตัวให้ผมจนเสร็จ ว่าแต่ผมคิดไปเองหรือเพราะแดดตอนเย็นส่องเข้ามาในห้องก็ไม่รู้ ทำไมหน้าของนะแดงๆพิกล?

เหมือนคนตัวเล็กจะรู้ว่าโดนผมมองหน้าอยู่เลยรีบลุกไปเปิดไฟแล้วก็หยิบเสื้อยืดโยนมาให้ผม จากนั้นก็เดินไปหยิบโจ๊กคัพจากมุมห้องกดน้ำร้อนใส่ให้แล้วเอามาวางไว้หัวเตียงพร้อมกับแผงยาที่ผมก็จำไม่ได้ว่าเคยมีเก็บไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ สงสัยระหว่างที่ผมยังไม่ตื่นนะคงค้นห้องผมจนปรุไปหมด

“กินข้าวกินยาเสร็จแล้วก็นอนพักต่อแล้วกัน เราจะกลับห้องล่ะ”

“นะ เดี๋ยวก่อน”

คนข้างห้องผมหันมามองมือตัวเองที่โดนผมคว้าจับไว้แล้วก็ขมวดคิ้ว “มีอะไร?”

“คืนนี้มีธุระต้องออกไปไหนหรือเปล่า ถ้ายังไงอยู่เป็นเพื่อนคุยกันก่อนสิ”

นะมองผมหน้าตื่นๆ ก่อนจะพยายามบิดแขนออก “จะคุยกันทำไม ไม่นอนพักผ่อนเดี๋ยวก็ไม่หายหรอก”

“ฮื้อ แค่ไข้ขึ้นนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกน่า เผลอๆพรุ่งนี้ก็หาย” พอเห็นนะยังทำท่าสองจิตสองใจอยู่ผมเลยใช้ไม้ตายทั้งที่ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า

“ถ้านะไม่อยู่ด้วยเราไม่กินยานะ”

คนตัวเล็กถลึงตาใส่ผมก่อนจะสะบัดแขนออกแล้วก็กอดอกนั่งแปะลงที่เก้าอี้เหมือนเดิมก่อนจะพูดเสียงเขียว

“ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้ เอ้า งั้นก็รีบกินโจ๊กเร็วๆเข้าสิจะได้กินยาซักที”

ผมอมยิ้ม ไม่น่าเชื่อว่าลูกอ้อนทื่อๆแบบนี้จะใช้ได้ผล นะเป็นคนดีกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก แต่ที่ถึงขั้นปีนเข้าห้องมาช่วยดูแลผมที่นอนป่วยนี่ก็เกินคาดอยู่เหมือนกัน จะว่าไป...

“นะรู้ได้ไงว่าเราไม่สบาย?”

ผมตักโจ๊กกินไปก็มองหน้านะไปด้วยจนเจ้าตัวเริ่มนั่งยุกยิกไปมา “ก็...พอดีเมื่อตอนบ่ายแวะเอาเสื้อไปคืนที่ห้องชุมนุม แต่คนที่นั่นบอกว่าวันนี้อ๊อฟลาป่วย พอเคาะประตูห้องเรียกก็ไม่ได้ยิน เลยต้องปีนหน้าต่างเข้ามา”

“หืม แต่ปีนหน้าต่างบ่อยๆไม่ดีรู้มั้ย วันดีคืนดีหล่นไปจะทำยังไง”

ผมเอ่ยบอกอย่างเป็นห่วง แต่ก่อนที่นะจะตอบอะไรก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของผมที่สั่นอยู่บนแท่นชาร์จผมจึงเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดรับ

“ฮัลโหล”

“ว่าไงยะสุดหล่อ แล้วทำไมเสียงแกแย่งั้นล่ะ ไม่สบายอยู่เหรอ”

เสียงแหลมๆของมุ้ยดังออกมานอกโทรศัพท์จนผมแทบปวดหัวอีกรอบ พลันหางตาผมเหลือบไปเห็นนะทำท่าผลุนผลันจะลุกขึ้นเลยรีบยื่นมือไปคว้าแขนเรียวข้างหนึ่งไว้ก่อนโดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำแบบนั้นทำไม

“เออ ไม่สบายอยู่วันนี้เลยลาป่วย มีอะไรหรือเปล่าวะมุ้ย?”

ผมบอกแล้วก็แกล้งไออีกสองสามทีให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าผมป่วยหนักจะได้รีบวางสาย ส่วนนะที่พยายามแกะมือผมออกแต่ไม่สำเร็จก็ได้แต่ทำท่าฮึดฮัดก่อนจะนั่งลงเหมือนเดิมจนผมต้องแอบยิ้ม

“โธ่เอ๊ย วันนี้ตอนกลางวันชั้นว่างโคตรๆเลยว่าจะมานั่งเล่นที่มหา’ลัยแกซักหน่อยแต่โทรเข้าไปแล้วแกไม่รับสาย แล้วตกลงนี่ได้กินข้าวกินปลาหรือยังเนี่ย?”

“ไม่ต้องห่วง มีนางพยาบาลมาดูแลแล้ว ยังไงถ้าไม่มีอะไรอีกค่อยคุยกันวันหลังนะ”

“เฮ้ยเดี๋ยวดิ๊ ใครมาเป็นนางพยาบาลให้แกวะ ไอ้อ๊อฟบอกมาก๊อน”

ผมรีบกดวางสายแล้วก็หันไปหาคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงที่ตอนนี้หน้าย้อมสีเลือดไปทั้งหน้า นะเอามือข้างที่ว่างหยิบหมอนใบเล็กที่หล่นอยู่ข้างเตียงขึ้นมาปาใส่หน้าผม

“ใครเป็นนางพยาบาลฮะ ไอ้โรคจิต!”

ผมปัดหมอนใบเล็กให้กลิ้งไปอีกทางแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ ท่าทางเขินอายของนะทำให้ยิ่งอยากแหย่มากเข้าไปอีก

“อ้าว ก็เห็นอุตส่าห์เข้ามาช่วยเช็ดตัวป้อนข้าวป้อนยาให้ซะขนาดนี้ก็หลงคิดว่าเป็นนางพยาบาลน่ะสิ แต่ถ้านะไม่อยากเป็นนางพยาบาลเดี๋ยวให้เป็นบุรุษพยาบาลแทนก็ได้เอ้า”

นะหยิบหมอนเล็กใบเดิมขึ้นมาแล้วก็ทุบผมลงมาอีก ผมปัดไปก็หัวเราะไปจนเริ่มหอบ แปลกดีนะ ทั้งที่เราเล่นกันเป็นเด็กๆแต่ผมกลับรู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูก ท่าทางของนะที่ลืมตัวหัวเราะไปด้วยก็ทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ทั้งที่เริ่มเหนื่อยจนชักหายใจไม่ทัน

“พอแล้วนะ ไม่เล่นแล้ว เหนื่อย”

ผมจับมือนะไว้ ผ้าห่มเริ่มหลุดลุ่ยไปที่ปลายเท้าเพราะดิ้นหนีคนตัวเล็กที่ประเคนหมอนใส่ลงมาเมื่อครู่

“สมน้ำหน้า อยากเล่นดีนัก ดูซิเหงื่อออกอีกแล้ว”

นะหยิบผ้าขนหนูที่วางอยู่ข้างหมอนขึ้นทำท่าจะเช็ดหน้าผากให้ผม แต่แล้วจู่ๆก็หันหลบสายตาผมแล้วยัดผ้าใส่มือผมแทน

“เช็ดต่อเองแล้วกัน แล้วก็อย่าลืมกินยานะ”

ผมขมวดคิ้ว เมื่อกี้บรรยากาศยังดีๆอยู่เลย แล้วจู่ๆมันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย?

“นะ เดี๋ยวก่อนสิ นะ”

นะหันกลับมามองผมด้วยท่าทางเพลียๆ

“ทำไม อยากได้อะไรอีก”

ผมยิ้มมองใบหน้าหวานที่วันนี้แสดงหลากหลายอารมณ์ให้ผมเห็นแล้วก็ชี้ไปที่ประตู
 
“ไหนๆก็เข้าห้องมาได้แล้วก็เดินออกทางประตูก็ได้นี่ จะปีนหน้าต่างกลับไปอีกทำไมล่ะ”

นะมองตามมือผมที่ชี้ไปที่ประตูสลับกับหน้าต่างที่ตัวเองตั้งท่าจะปีนแล้วก็หน้าแดงขึ้นมา มือเล็กๆเลื่อนหน้าต่างปิดแล้วก็เดินย้อนมาที่ประตูห้องก่อนจะค้อนผมตาคว่ำที่หัวเราะไม่หยุด ผมนั่งรอจนได้ยินเสียงปิดประตูจากห้องข้างๆก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วหลับตาลง รู้สึกเหมือนได้กลิ่นหอมอ่อนๆของคนที่เพิ่งเดินออกไปซึ่งไม่ใช่กลิ่นในห้องของผมแน่ๆ ผมอดยิ้มกับความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่ซ่านอยู่ในอกไม่ได้ ถ้าหากได้รู้สึกอย่างนี้ทุกวันก็ดีสิ

“สงสัยคืนนี้คงได้นอนหลับฝันดี”


++------++







Jeremy_F

  • บุคคลทั่วไป
มีนางพยาบาลมาดูแลแบบนี้อิจฉาอ่ะ

น้องนะ น่ารักมากกกๆ ขอจุ๊บสองที

ป้าครับให้ไอ้สองตัวเนี้ยะรักกันๆ มากมายได้ไม๊


ป.ล. ตอนนี้ลงได้จุใจ เจงๆ

ตอนนี้เจ้าของหน้าต่างกำลังสับสน ขอเวลาเลือกว่าไปหน้าหรือกลับหลัง

+นะ ขอบคุณที่สละเวลามาโพสต์

 :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-11-2008 03:00:42 โดย Jeremy_F »

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
อิๆ นะนี่ ขี้อายจัง

แล้วจะรอนะ ป้า

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
มีนางพยาบาลมาดูแลแบบนี้อิจฉาอ่ะ

น้องนะ น่ารักมากกกๆ ขอจุ๊บสองที

ป้าครับให้ไอ้สองตัวเนี้ยะรักกันๆ มากมายได้ไม๊


ป.ล. ตอนนี้ลงได้จุใจ เจงๆ

ตอนนี้เจ้าของหน้าต่างกำลังสับสน ขอเวลาเลือกว่าไปหน้าหรือกลับหลัง

+นะ ขอบคุณที่สละเวลามาโพสต์

 :bye2:

จว้าย อ๊อฟยังไม่ได้ทำอะไรเลย นะโดนคนอ่านจุ๊บไปสองทีแล้ว 5555

เป็นกำลังใจให้หนู J นะจ๊ะ ไม่ต้องรีบเลือกก็ได้นิ ปล่อยไปเรื่อยๆเดี๋ยวคำตอบก็มาเองว่าจะไปหน้าหรือกลับหลังดี (ว่าแต่ตีความหมายได้หลายอย่างจริงวุ้ย)  :3123:

Jeremy_F

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้หนู J นะจ๊ะ ไม่ต้องรีบเลือกก็ได้นิ ปล่อยไปเรื่อยๆเดี๋ยวคำตอบก็มาเองว่าจะไปหน้าหรือกลับหลังดี (ว่าแต่ตีความหมายได้หลายอย่างจริงวุ้ย)  :3123:

ครับป้า ตามนั้น อิอิ
จุ๊บๆ
 :bye2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






The Living River Ping

  • บุคคลทั่วไป
อ๊อฟจะเลียนแบบเป้กับวิวใช่ไหมเนี่ย วิ้ดดด วิ้ววววว รอนะเมาๆอีกครั้ง  :really2: มาขอปีนข้ามห้อง คราวนี้ล่ะได้เรื่อง เว้ยยยย

juuuno99

  • บุคคลทั่วไป
น้อง นะ น่ารัก

รอตอนต่อไปนะคับ

ออฟไลน์ watermoonj

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-1
พึ่งได้มาตามอ่าน ยังอ่านไม่ทันเลย

แต่อยากบอกไว้ก่อนว่า แค่ตอนแรกก็สนุกดี อ่านแล้วชอบ :man1:

เขียนเรื่องสั้นได้ดีนะ ไม่ต้องคอยลุ้นนาน

ไม่เศร้าด้วย

จะมาตามอ่านจ้า  :pig4:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

ท่าทางคงอยากให้พยาบาลทั้งตัวและใจเลยนะเนี่ย
 :-[


ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


โอ่ย  อยากได้นางพยาบาลแบบนี้มั่ง

ฝันดีตามอ๊อฟแหงๆ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ไม่ต้องให้ นะ ปีนหน้าต่างข้ามไปข้ามมาแล้ว ตกลงไปทำไงเนี่ย 

ย้ายมาอยู่ด้วยเดียวกันซะหมดเรื่อง    :laugh:

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
ชอบใจตรงที่มีเจ้าเป้กะเจ้าวิวจากเรื่องก่อนมาแจมด้วยนี่แหละ  :impress2:

palpouverny

  • บุคคลทั่วไป
ว้าว นะน่ารักจังเลย

มีวิวกะเป้โผล่มาด้วยยยยย

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักกันจริงนะป้านะ
โครงเรื่องมาจากชีวิตจริงป่ะ :a5:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
^
^
^
^
นู๋ใหญ่กลับมาแล้น เค้าโครงขอปีนห้องข้างๆเพราะเมานี่มีที่มาจริงๆ แต่ไม่ใช่ตัวป้าเองนะ รุ่นพี่สมัยเรียนต่างหาก นึกถึงกี่ทีก็ยังขำอยู่เลยเนี่ย  :laugh:

ว่าแต่คนอ่านเรื่องนี้ยังไม่เป็นเบาหวานกันใช่มั้ยจ๊ะ (ถ้ามีใครบอกว่าเป็นจะได้ลดดีกรีลง เหอๆ) :m12:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด