{นิยาย}รถประจำทางสายนี้ยังมีรัก (ver.เล้าเป็ด) 9 ม.ค. :ตอนที่ 30 ตอนจบแต่ไม่อวสาน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {นิยาย}รถประจำทางสายนี้ยังมีรัก (ver.เล้าเป็ด) 9 ม.ค. :ตอนที่ 30 ตอนจบแต่ไม่อวสาน  (อ่าน 118206 ครั้ง)

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

ต่อตอนพิเศษตอนที่ 2 เลยละกันนะครับ ตอบแทนที่ให้รอคอยตั้งนายกว่าห้าวัน หุหุ

ขอบคุณที่ติดตามครับ



เรื่องของนายเลขหนึ่งกับคุณหมอฟัน (ตอนที่ 2)

ผมรู้จักกับโอ๊ตได้นานพอสมควร ช่วงแรกๆถ้าวันไหนมีเรียนเช้าเหมือนกันผมก็จะไปรับโอ๊ตที่หอไปส่ง บางทีก็พาโอ๊ตไปซื้อของ ไปกินข้าวบ้าง เหมือนกับพาโอ๊ตไปเที่ยวในที่ต่างๆของตัวเมืองนั่นล่ะครับ โอ๊ตนี่เป็นคนมีความจำที่ดีมากๆ ไปครั้งเดียวก็จำเส้นทางในเมืองได้หมดอะไรอยู่ที่ไหนยังไงก็จำได้ บางทีพาผมไปกินข้าวที่ร้านที่ผมไม่เคยไป (โอ๊ตเคยไปกับเพื่อนที่คณะมาก่อน) ตอนนี้ผมไม่คิดว่าโอ๊ตจะเป็นแค่เพื่อนกับผมแล้วสิ มันเหมือนสนิทกันมากเกินไป แม้ไม่ใช่ว่าจะไปกินข้าวด้วยกันทุกวัน แต่อาทิตย์นึงก็จะมาเจอผมหนนึง ไม่ก็มีโทรมาคุยบ้าง แต่ก็ไม่ได้คุยกันนานมากนัก (ค่าโทรมันแพงครับ) บางทีผมก็ให้โอ๊ตขับมอเตอร์ไซของผมดูบ้าง มันไม่ยากนัก เพราะแป๊บเดียวโอ๊ตก็ขับเป็น เราสนิทกันจนหมงบอกว่า โอ๊ตสนิทกับผมมากกว่าเพื่อนในคณะอีก ผมก็มักจะตอบว่าเดี๋ยวไงต่อไปก็ไม่มีเวลาเจอกันแล้วโอ๊ตก็ไม่พ้นเพื่อนในคณะหรอก เพราะผมเข้าใจดีว่าคณะของโอ๊ตยิ่งเรียนสูงขึ้นการเรียนก็หนักขึ้นเหมือนกัน

วันหนึ่งผมได้ไปซื้อของกับโอ๊ตเลยได้โอกาสขึ้นไปบนห้องโอ๊ต เปิดประตูเข้าไปสภาพห้องเรียบร้อยมาก เรียบร้อยกว่าห้องผมเสียอีก

“ห้องรกหน่อยนะครับ” โอ๊ตพูด

“โหยคุณ ถ้างี้เรียกรกนี่ ห้องผมจะเรียกว่าอะไรดี”

“ผมไม่ได้จัดเองหรอกครับ พอดีคุณแม่ผมจ้างแม่บ้านให้มาทำไว้ตลอด”

“มิน่า เรียบร้อยซะ”

“ครับ”

ผมกับโอ๊ตก็ขนพวกของที่ซื้อมาเข้าห้อง ผมสังเกตไปเห็นกีต้าตัวหนึ่งวางอยู่ใกล้ๆที่นอน

“โอ๊ตเล่นเป็นด้วยเหรอ”

“ครับ ทำไมเหรอ”

“โห เรียนก็เก่ง กีฬาก็เล่น เล่นดนตรีก็เป็นด้วย เฟอร์เฟคแมนสุดๆ”

“ฮ่ะ ฮ่ะ ก็ว่าไปครับ”

“งี้สาวติดตรึม”

“ไม่หรอกครับ ผมยังไม่มีใครเลย” โอ๊ตพูดแล้วก็เงียบมองหน้าผม ตอนนี้ผมก็เขิลหน้าแดงครับ เจอคนจ้องหน้าตรงๆแบบนี้ ผมเลยหลบหน้าหนีหันไปดูเจ้ากีต้าแทน

“เอ้อ ชมรมหนึ่งจะหาเงินเข้าชมรมวันเปิดโลกฯอ่า โอ๊ตช่วยอะไรหนึ่งหน่อยสิ”

พอดีชมรมที่ผมอยู่นี่รุ่นพี่โรงเรียนเก่าผมเค้าอยู่กันเยอะ ก็เลยโดนจับเข้าชมรมตั้งกะรู้ว่าได้เรียนที่นี่น่ะครับ

“อะไรเหรอครับ?”

“เล่นกีต้าเปิดหมวกเป็นไง”

“โห... หนึ่งครับ ผมไม่เก่งขนาดนั้นหรอก”

“เอาน่าๆ  ไหน ลองเล่นให้ผมฟังสักเพลงสิ”

“จะเอาเพลงอะไรล่ะครับ”

“อืม... อะไรก็ได้ที่คุณชอบอ่ะ”

“งั้นเอาเพลงที่ผมคิดอยู่ในตอนนี้แล้วกันนะครับ”

พูดให้ผมงงแหะ เพลงที่คิดอยู่ในตอนนี้อย่างนั้นเหรอ มันจะเป็นเพลงอะไรนะ

ว่าแล้วโอ๊ตก็ร้องเพลงคนซึงตึ้ง เป็นเพลงของอ้ายจรัล มโนเพ็ชร ครับ ประมาณว่าเป็นคนไม่เต็มบาทนะ แต่มีความรักจริง ประมาณนี้ ผมฟังโอ๊ตร้องเพลงแล้วก็คิดว่าโอ๊ตนี่เสียงดีใช่เล่น ขนาดร้องเพลงคำเมืองนี่ถึงสำเนียงไม่ถูกนักแต่ก็ใช้ได้เลยครับ

“ไหนคุณว่าพูดคำเมืองไม่เป็นไง” ผมถามหลังจากที่ร้องเพลงจบ

“ผมไม่ได้บอกว่าพูดไม่เป็น แต่ผมบอกว่าไม่เข้าใจต่างหากครับ”

“แล้วเข้าใจหรือเปล่าล่ะที่ร้องน่ะ”

“ตอนแรกไม่เข้าใจครับ เอาไปถามเพื่อนที่คณะเค้าเลยแปลให้ฟังเลยเข้าใจ”

“ชอบเพลงคำเมืองเหรอ”

“ครับ ชอบมากเลย”

“แล้วที่บอกว่าเพลงตามที่คิดนี่ แสดงว่า.....”

ตอนนี้โอ๊ตมองหน้าผมอีกครั้งแล้วยิ้มเล็กๆที่มุมปาก ทำไมผู้ชายคนนี้น่ารักอย่างนี้นะนี่ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ

“แอบฮักสาวไหนอยู่กา...”  ผมถามแล้วก็หัวเราะ โอ๊ตก็หัวเราะตามผมอยู่ครับ

“ไม่ใกล้ไม่ไกลจากผมหรอกครับ” โอ๊ตพูดแล้วยิ้ม มันทำเอาผมหน้าแดงเลย

‘มันไม่น่าจะใช่ผมนะ ไม่ใช่ ไม่ใช่....’ ผมคิดอย่างนั้นซ้ำๆ

“เอ่อ แล้วคุณจะมาช่วยผมได้ไหมล่ะ ร้องเพลงเปิดหมวกน่ะ”

“ครับ ได้”

“เย้!!! ดีใจจังเลย มีคนช่วยหาเงินละ”

“แต่ผมต้องขอค่าตอบแทนนะครับ”

“โอเคจะเลี้ยงข้าว ถ้าได้เงินมาเยอะนะ”

“ไม่เอาหรอกครับอย่างนั้นน่ะ”

“เหอ งั้นอย่าเอาแพงนะ เกินเงินที่ได้ไม่เอานะ”

“ไม่ต้องจ่ายสักบาทก็ได้ครับ”

“แล้ว มันอะไรล่ะ??”

“เดี๋ยวเอาไว้เสร็จงานแล้วจะบอกครับ”

อะไรนี่ โอ๊ตอยากได้อะไรเหรอ คงไม่ใช่เรื่องอย่างว่านะ อ่ะคิคิคิ ในที่สุดวันที่โอ๊ตร้องเพลงเปิดหมกก็มาถึง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนสนใจมากๆ สงสัยโอ๊ตเองก็น่าตาดี ร้องเพลงเพราะเลยเป็นที่สนใจมากๆ บางคนให้เงินแล้วยังทิ้งเบอร์โทรลงใส่หมวกที่วางไว้ด้วยครับคิดดูว่าฮอทขนาดไหน จนสุดท้ายได้เงินมาเยอะจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าโอ๊ตร้องเพลงกี่ชั่วโมงจะได้เงินบริจาคมากขนาดนี้ ผมเอาเงินให้พี่ที่ชมรม พี่ๆยังตกใจเลยว่าแค่ร้องเพลงนี่จะได้เงินมากขนาดนี้เลยเหรอ ผมก็บอกว่า พอดีผมมีตัวดึงดูดน่ะครับเลยได้เยอะ จนกระทั่งผมถามโอ๊ตเรื่องจะตอบแทนที่โอ๊ตมาร้องเพลงให้

“ตกลงคุณอยากได้อะไรเหรอ”

“ไม่ต้องซื้ออะไรหรอกครับผมไม่อยากได้”

“อ้าว ไม่ได้ๆ ของงี้ต้องมีตอบแทนนะ”

“งั้นแค่พาผมไปเที่วสักที่ก็พอละครับ”

“เที่ยวที่ไหนล่ะ”

“อืม... หนึ่งชอบไปที่ไหนล่ะครับ ที่ไปแล้วหนึ่งสบายใจ”

“มันมีหลายที่อ่ะ”

“กี่ที่ ก็พาผมไปแล้วกัน”

ผมเลยต้องจำยอมพาโอ๊ตไปที่ๆผมชอบไปบ่อยๆ ถ้าไม่วัดก็โรงเรียนเก่าที่ผมจบมา และที่อื่นๆอีกหลายๆที่ จนสุดท้ายมาจบที่อ่างเก็บน้ำในมหาวิทยาลัย

“ที่สุดท้ายละ พอใจหรือยัง”

“ครับ”

แล้วเราสองคนก็มานั่งพักที่ริมอ่างเก็บน้ำ ตอนนั้นก็เย็นมากแล้วคนที่มาเดินเล่น หรือออกกำลังเริ่มน้อยลง

“หนึ่งครับ...”

“ว่าไงเหรอ”

ผมจ้องหน้าของโอ๊ต โอ๊ตก็จ้องหน้ามอง เป็นการสบตาที่นานมากคราวนี้แปลกที่ผมรู้สึกอายมาก แต่กลับไม่เบือนหน้าหนีเหมือนทุกที หัวใจผมเต้นแรงมากจนมันดังกลบเสียงนกหรือผู้คนที่อยู่แถวนั้น แน่นอนครับ ในใจผมมันบอกอยู่แล้วว่าชอบโอ๊ตมาก แต่ผมไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไปมากกว่า เพราะผมกลัวว่าสิ่งที่ผมคิดนั้น จะเป็นเพียงแค่ผมคิดเองฝ่ายเดียว

“หนึ่ง...  คิดเหมือนผมหรือเปล่า...”

“คิดอะไรเหรอ”

“ผมขอเดาว่า หนึ่งคิดเหมือนผมอยู่ ... ใช่ไหมครับ”

ถ้าผมไม่ตาฝาดไปนัก ผมเห็นโอ๊ตหน้าแดงเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นผู้ชายที่มีมาดนิ่งๆจะมีอาการเขิลอายอย่างนี้ เขาเดาเหรอ?? เขาเดาว่าผมคิดอะไร เขาจะเดาถูกไหมนะ หรือว่า เขาคิดอะไรอย่างอื่น ตอนนี้ในหัวผมสับสนไปหมดกับคำพูดของโอ๊ต ผมจะบอกดีไหม แล้วจะบอกว่าอะไรดีล่ะ ผมกลั้นใจอยู่นาน จึงตัดสินใจพูดไปว่า

“ถ้าคุณไม่พูด แล้วผมจะรู้เหรอครับ ว่าเราคิดเรื่องเดียวกันหรือเปล่า...”

แล้วผมก็ลุกขึ้นกะว่าจะเดินหนีไปที่รถสักหน่อย แต่จู่ๆมือของโอ๊ตก็คว้ามือของผมไว้

“ผมไม่ขอพูดนะครับ เอาเป็นว่าเราคิดเหมือนกันแล้วกัน...”

เหอ.... คิดเหมือนกันเหรอ อะไรเนี่ย ไม่ยอมบอกแล้วจะรู้ได้ไงว่าคิดเหมือนกันยังไง แล้วโอ็ตก็ลุกขึ้นพร้อมปล่อยมือผมแล้วก็เดินไปที่รถพร้อมกันกับผม ผมในสภาพที่งงที่สุดในชีวิตก็พาโอ๊ตไปส่งหอ ระหว่างทางเราก็ไม่ได้พูดอะไรกัน ทุกอย่างคงเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้ววันต่อมาก็คงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรดีขึ้นหรือเลวร้ายลงแต่อย่างใด คุยกันเป็นปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือผมเองมากกว่าที่จะเป็นฝ่ายพูดน้อยลงเพราะเขิล

เอะ...

หรือว่าเขาจะคิดเป็นอย่างอื่น...

เขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับผมก็ได้นะ ผมอาจคิดไปฝ่ายเดียว...

ทุกอย่างผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งผมมานั่งกินข้าวกับเพื่อนๆที่โรงอาหารใกล้ๆตึกเรียนรวม กินเสร็จก็นั่งคุยกับเพื่อนสักพักแล้วก็มีเสียงดังมาจากข้างหลังผม

“หนึ่งๆ ว่างเปล่า ขอคุยด้วยหน่อยสิ”

ผมหันไปทางเจ้าของเสียง หมงนี่เอง มายืนหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่นะนี่ ไอ้แอ๋วเพื่อนผมมองตาเป็นมันเลยพร้อมทำตาเขียวๆใส่ผมเล็กน้อย (เฮ้ย ฮาบ่ะได้สนคนนี่ ฮาสนอีกคนนึง) ผมเดินตามหมงไปที่โต๊ะตรงมุมโรงอาหาร ตอนนี้มันไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลย

“หนึ่งคิดไงกับโอ๊ต?”

“หือ คิดไงยังไงเหรอ”

“โอ๊ตเค้าบอกชอบนาย นายจะว่าไง”

เหอ..... เหงื่อผมตกเลยสิ หว่า หมงรู้เรื่องผมกับโอ๊ตด้วยเหรอเนี่ย

“อ่า....  เหรอ ก็ ไม่เห็นเขาพูดอะไรนิ”

“ก็นายทำเฉยกับมัน มันเลยไม่แน่ใจ”

‘ฮาบ่ะได้เฉยหนา แต่เพื่อนคิงมันเฉย ฮาจะยะจะไดฮู้’

ผมได้แต่คิดในใจ ไม่รู้จะตอบมันไงดี อายก็อาย มีคนมาถามตรงๆแบบนี้ ถ้าเป็นเจ้าตัวมาเองนี่จะไม่ว่าสักคำ

“ถ้านายไม่กล้าพูด เราขอแค่พยักหน้า ไม่ก็ส่ายหน้า พอละ”

ถามอย่างนี้จะให้ผมทำไงล่ะครับ ผมก็พยักหน้าช้าๆทีนึงเท่านั้น พร้อมความรู้สึกว่าใบหน้ามันร้อนผ่าวไปหมด

“โอเค เราเข้าใจละ โอ๊ต นายได้รับคำตอบแล้วนะ”

เหออออออออ โอ๊ตเหรอ อยู่ไหนอ่ะ โห...... โอ๊ตมายืนอยู่หลังผมตั้งแต่ตอนไหนเนี่ยยยยยยยยยย  กรรมเลย โครตอาย ผมหันไปมองโอ๊ตทีนึง แล้วก็หันกลับอย่างเร็ว แล้วก็ไม่หันไปอีก

“เอาล่ะ หมดหน้าที่เรา โอ๊ต นายต้องช่วยเราตามสัญญาด้วยล่ะ”

ว่าแล้วหมงก็เดินออกไป โอ๊ตเองก็มายืนข้างๆผม ผมค่อยๆหันไปมองหน้าโอ๊ตครั้งนึง ตอนแรกเขาทำหน้านิ่งๆตามสไตย์ แต่พอผมมองหน้าเขา เขาก็ยิ้มเล็กๆอีกแล้ว ผู้ชายคนนี้มันยิ้มได้แค่นี้รึไงนะ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นความรักของผมกับโอ๊ต ส่วนโอ๊ตไปสัญญาว่าจะช่วยอะไรหมงนั้น ไม่มีอะไรมากหรอกครับ พอดีหมงมันชอบไอ้แอ๋ว เหอ..... ตอนแรกผมไม่เชื่อ แต่มันก็จริงๆ ผมเลยไปบอกไอ้แอ๋วว่า “เออ หมงชอบนะ” เท่านั้นล่ะครับ มันเปลี่ยนไปเลย จากเดิมเป็นพวกแก่นแก้วปากดีกลายไปเป็นแม่ญ่าแม่ญิงไปเสียชิบ จะพูดจะอะไรก็เรียบร้อย มันคบกันจนหมงซิ่วไปเรียนหมอที่กรุงเทพฯ มันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

ผมเหรอครับ ก็เพราะไอ้แอ๋วนี่ล่ะ ทำให้เพื่อนในกลุ่มรู้หมดว่าผมกับโอ๊ตเป็นแฟนกัน แต่ก็ดีนะครับเป็นกลุ่มเพื่อนที่ไม่เคยทิ้งกันเลยมีแซวๆกันบ้างเล็กน้อย

“ไอ้หนึ่ง เวลาคิงจะยะนี่ ยะกันจะได” เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งถาม (ไอ้หนึ่ง เวลามึงทำนี่ ทำกันยังไง)

“ยะหยังก่ะ” (ทำอะไรเหรอ)

“ยะ ยะ....” แล้วมันก็ทำมือแบบว่า นะ

“บ่ะเคย”

“จุ๊ละๆ” (โกหกละ)

“ไค่ฮู้ก่ะ” (อยากรู้เหรอ)

“เออ”

“คิงก่อลองไปยะกะอีดาวคณะสังคมก่ะ จะได้ฮู้ว่าจะยะจะได”

“ป้อคิงเต๊อะ!!” อีดาวนี่เธอเป็นสาวประเภท 2 อยู่คณะข้างๆหน้าตาโหดใช่เล่น

ผมกับโอ๊ตเหรอครับ โอ๊ตขอแม่ซื้อรถจักรยานยนต์จนได้ มันก็เลยเปลี่ยนกลับกัน โอ๊ตจะไปรับผมบ้าง มากินข้าวกับผมบ้าง ถ้าหากเรียนเวลาเดียวกัน แต่ถ้าเรียนไม่ตรงกันผมก็ไปเองครับ ไม่เป็นภาระกับแฟน หึหึ

“หนึ่งครับ” วันหนึ่งตอนกินข้าวด้วยกัน โอ๊ตก็ถามขึ้น

“อะไรเหรอ”

“คุณมาเป็นเครสให้ผมหน่อยสิ”

“เครสอะไร”

“ทำฟันน่ะครับ”

“เหอออออ  ม่ายอาว”

“ทำไมครับ ไม่ช่วยผมหน่อยเหรอ”

“ม่ายยยยยย ช่วยหาคนให้แทนดีกว่า”

“ทำไมล่ะครับ ผมทำไม่เจ็บหรอก”

โอ๊ตพูดแล้วก็ยิ้ม (ยิ้มเหมือนเดิม ไอ้ยิ้มเล็กๆที่มุมปาก)

“นั่นล่ะ ไม่เอาๆ กลัวหมอฟัน”

“กลัวแล้วทำไมถึงมีแฟนเป็นหมอฟันล่ะครับ”

“......”

เอ๋อเลยสิผม ไม่อยากบอกเลยว่าการไปหาหมอฟัน (เพื่อทำฟัน) มันเป็นเรื่องสยองที่สุดในชีวิตผม

“ถ้าไม่ไปผมต้องหาคนมาแทนละ”

“อืมๆ  ตามใจสิ”

“ไม่กลัวอะไรบ้างเลยเหรอครับ”

“กลัวอะไรเหรอ?”

“ไม่กลัวแฟนคุณจะนอกใจบ้างเหรอครับ”

เอาล่ะสิแฟนผม พูดมาได้ กลัวอ่าเสะ แต่ทำไงได้อ่า เวลาเริ่มไม่มีให้กันแล้ว

“อ่าๆๆ  อย่าคิดมากนะครับ เดี๋ยวจะแก่เร็วนะ” โอ๊ตพูดต่ออีก

แล้วจะพูดให้คิดทำไมล่ะเนี่ย ยิ่งคิดมากอยู่ แต่มันก็แปลกนะครับแม้ว่าจะเริ่มมีเวลาให้กันน้อยลงแต่ผมก็ไม่เคยน้อยใจนะว่าโอ๊ตมีเวลาให้ผมน้อย ยิ่งเรียนชั้นปีสูงขึ้น เวลาที่เราตรงกันก็น้อยลงผมเองก็เข้าใจครับการที่จะรับภาระดูแลสุขภาพฟันและช่องปากของประชาชน มันก็ต้องเรียนหนักอย่างนี้นั่นล่ะ ผมเองก็มีทั้งเรียน ทั้งกิจกรรม แต่ผมก็ยังรู้สึกอยู่ว่าโอ๊ตกับผมเป็นแฟนกันโอ๊ตเป็นคนน่ารักครับ เป็นสุภาพบุรุษเสมอ ไม่มีการที่จะแสดงความเป็นเจ้าของกันมากจนเกินไป ทำตัวเหมาะสมมาก ผมเองก็สบายใจที่คบกับเขานะ ผมไม่เคยเจอคนที่เหมือนกับโอ๊ตมาก่อน ให้ตายสิผมรักผู้ชายคนนี้จังจนกระทั่งบางอย่างเริ่มเปลี่ยนไปจากคำพูดแปลกๆของเขา

“หนึ่งครับ หลานรหัสผมงอนที่ผมไม่พาไปเลี้ยวข้าวสักที ผมทำไงดี”

“อ้าว แล้วไม่พาไปล่ะ"

"ที่จริงก็เลี้ยงหมดแล้วนะครับ แต่น้องเค้าไม่ว่างวันนั้นพอดี”

“แล้วไม่ได้บอกน้องเค้าก่อนเหรอ”

“บอกแล้วครับ แต่เค้าไม่ว่างกระทันหัน”

“อ่ะๆ ก็บอกขอโทษแล้วพาไปเลี้ยงสิ”

“เค้าไม่ยอมไปน่ะครับ ทำไงดี”

“อะไรนี่ หลานรหัสนะ ไม่อยากไปก็ปล่อยมันเลยดิ”

“เอาน่า น้องเค้าก็น้องโรงเรียนผมด้วยน่ะครับ ช่วยผมคิดหน่อย”

ผมเลยจำต้องพาเค้าไปหาซื้อของขวัญชิ้นเล็กๆให้น้องเขา พร้อมความงงๆของผมว่า ทำไมต้องยอมน้องคนนั้นขนาดนี้ นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีเรื่องอื่นๆตามมาอีก ซึ่งมันไม่เหมือนที่พี่กับน้องทำกันเลย ผมเองได้แต่ดูเฉยๆ และไม่รู้ได้เลยว่าเขาอาจจะไปทำอะไรกันมาบ้าง ผมไม่ได้ติดตามโอ๊ตอยู่ตลอดนิครับ ด้วยความเชื่อใจที่สุด แต่สุดท้ายแล้ว มันคงไม่เป็นไปตามที่ผมคิด....

ผมคงเล่าได้แค่นี้ มันเป็นไปตามเท่าที่ผมจะรื้อฟื้นมันได้ เรื่องราวมากมายที่ผมผ่าน มันรวมเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงรักผู้ชายคนนี้เหลือเกิน เขามีความพอดีอยู่ในตัว ไม่มากเกิน ไม่น้อยเกิน.... บางทีผมอาจจะทิ้งความรู้สึกบางอย่างไว้กับสิ่งที่ผมเล่านี่ก็เป็นไปได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-12-2008 12:41:21 โดย Koa-ka »

three

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ คุณหนูไฉไล

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ท่าทางจะปมเยอะแฮะ .. อิอิอิ

สนุกมากครับ ครบทุกรส (โดยเฉพาะความหลัง อย่าเอามากระแทกใจมากนะฮับเด๋วจะเสียน้ำตาเป็นปี๊บ ๆ ช่วงนี้ยิ่งอ่านนิยายไป นอยด์ไปอยู่ด้วย แหม..ทำตัวเป็นนางเอกไปได้)

ขอบคุณทั้งคนแต่ง และคนโพสต์ฮะ

 :L2:

ออฟไลน์ sakiko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-25

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
ช่ายยยยย โอ๊ตอ่ะ ดีมาตลอด จนมาดีแตกนี่ไง  :fire:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
แฮปปี้จังไม่กี่ตอนมีตอนพิเศษมาให้อ่านชอบชอบๆ

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
อืมมม...มันเป็นเช่นนี้...แต่เหมือนตอนพิเศษยังไม่จบเนอะ :m21:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่มีทั้งสุขทั้งทุกข์เลย  แต่ทุกอย่างมันก็ผ่านไปแล้ว

ขอบคุณค่ะ

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

ไม่ชักช้ามาต่อตอนที่ 13 ไอ้ตอนพิเศษนี่มันเป็นที่น่าสงสัยไงครับว่าแค่แฟนเก่านี่ ทำไมมันคิดหนักจัง ผมก็สงสัยเจอแฟนเก่าทีเดียว มันจะเป็นลมล้มตึงเลยได้ไงฟะ  :angry2: ถ้าอ่านเวอร์ชั่นเก่าจะไม่มีตรงนี้น่ะครับ ส่วนที่ว่าเหมือนยังไม่จบนี่ มันจะต่อในตอนๆหนึ่งของเนื้อเรื่องหลักครับ หึหึ ต้องคอยติดตามอ่านนะครับ น่าสงสารหนึ่ง :sad4: มันก็ไม่ใช่คนที่โชคดีอะไรเรื่องพวกนี้นักหรอกนะคับ ผมว่า...

แต่ยังดีกว่าผมตรงมันมีแฟนนี่ล่ะ  :o12: แง๊~-------------------------  :L3:

ขอบคุณครับ :pig4:
ปล.ผมไม่แน่ใจว่าเสาร์อาทิตย์นี้จะได้โพสรึเปล่า ยังไงฝากมิตรรักแฟนนิยายช่วยดันด้วยนะครับ แล้วจะหาเวลามาโพสให้ได้ครับ สัญญา.... :3123:
ปล.2 ตอนนี้ คนเป็นเบาหวาน ห้ามอ่านนะครับ  :impress2:



ตอนที่ 13

เช้าวันหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นกับผม ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติให้มากที่สุด แต่ใจก็ยังกลัวๆว่าจะต้องเจอกับโอ๊ต อีกครั้งหรือเปล่า ถ้าถึงตอนนั้นแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ผมพยายามที่จะไม่คิดเกินเลยไปกว่านั้น สงสัยเพียงว่าจะกลัวโอ๊ตทำไมนะเค้าไม่ได้มาทำอะไรเราสักหน่อย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ผมทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยและลงมาจากห้อง วันนี้โปร บอกว่าจะมารอผมที่หอ แต่ผมมองจนทั่งแล้วยังไม่เห็นโปรแม้แต่เงา  ผมยืนเราโปรอยู่ที่ข้างถนนหน้าหอ รออยู่หน้ารถยนต์สีดำคันหนึ่งที่จอดอยู่หน้าหอผม ผมรอโปรอยู่ได้สิบนาที ผมเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเสียแล้ว เพราะทุกทีเป็นเวลานี้เป็นเวลาที่ผมจะไปเจอโปรที่ ป้ายรถเมล์ประจำ ทันใดนั้นรถที่จอดอยู่ข้างผมก็สตาร์ทเครื่องขึ้น ผมจึงหลบเข้ามาริมถนนมากขึ้น เพื่อที่จะให้รถคันนั้นได้ขับผ่านไป

แต่รถคันนั้นกลับบีบแตรพร้อมเปิดไฟใส่ผม นี่ผมยังหลบรถไม่พออีกเหรอครับนี่? ผมหลบเข้าข้างทางเข้าไปอีกแต่รถคันนั้นก็ยังทำเหมือนเดิม ตอนนี้ผมรู้สึกอารมณ์เสียมาก คิดว่าแค่นี้รถก็น่าจะไปได้แล้ว ในที่สุดผมเลยเลยผ่าหน้ารถแล้วเดินอ้อมไปหลังรถให้รู้แล้วรู้รอด ตอนที่ผมเดินผ่านด้านขนขับนั้น กระจกรถได้ลดลง

“นี่เพ่ คนนั่นเค้าต้องนั่งอีกด้านไม่ใช่ด้านนี้ หรือว่าเพ่จะขับเองคับ?”

ที่ไหนได้เจ้าตี๋โปรนี่เอง ผมแปลกใจมากที่โปรอยู่ในรถ และเป็นคนขับเสียด้วย

“รถคันนี้ไม่ง้อลูกค้านะ ไม่ขึ้นมาผมจะไปละนะ”

ผมจึงต้องเดินไปขึ้นรถที่ฝั่งคนนั่งโดยทันที  พอขึ้นรถผมก็เห็นได้ว่ารถคันนี้มีการแต่งมาอย่างดี มีจอ LCD ติดที่หน้าคนขับและด้านคนนั่งทั้งหน้า – หลัง มีเครื่องเล่น DVD และอีกสารพัดที่ผมบอกไม่ถูก

“ว่างๆเอาหนังโป๊มาเปิดได้นะ”

“เฮ้ย บ้า ใครจะทำ”

“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ” เจ้าตี๋โปรหัวเราะ

จากนั้นรถก็เคลื่อนที่ออกจากหน้าหอผม มันออกไปหน้าปากซอยแล้วขับไปตามทางเดียวกับรถเมล์เจ้าประจำที่ผมกับ      โปรขึ้น

“แล้วทำไมวันนี้ โปรขับรถมาได้ล่ะ”

“ก็บอกป๊าว่า ‘ป๊าขอรถ’ แค่นั้นป๊าก็โยนกุญแจมาให้”

“เฮ้ย ทำไมง่ายจัง”

“ที่ง่ายเพราะบอกม๊าไปว่า ‘เดี๋ยวนี้กว่าจะรอรถเมล์กลับมาบ้าน มาติวกับพี่พจน์ แล้วก็ไปเรียนพิเศษอีก เสียเวลาตายเลย’ ม๊าเลยบอกป๊าว่าให้รถผมใช่ ป๊าเลยให้มานี่ล่ะ”

“แล้ว มีใบขับขี่แล้วเหรอ”

“ยังไม่มี” โปรตอบแบบไม่สะทกสะท้านอะไร

“อ้าว แล้วถ้าถูกตรวจล่ะ”

“ก็ยัดสิคับ”

“เวร!!” ผมสบถออกมา

“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ล้อเล่น ผมมีแล้วใบขับขี่ ที่บ้านปลูกไว้หลายต้น จะเอากี่ใบดีล่ะคับ”

“แล้วตกลงมี?”

“หึหึหึ จะเหลือเหรอ ผมยังสิบเจ็ดเองยังเล็กอยู่”

“อ้าวแบบนี้ก็”

“ก็ไม่ต้องห่วงอะไรคับ อย่างอื่นโตหมดแล้ว”

“ไอ้...!!” ผมเริ่มพูดเสียงแข็ง

“ก็จะระวังๆคับ ไม่ต้องห่วง” (น้องๆทั้งหลายอย่าทำตามโปรนะครับ ไม่เท่ย์หรอกครับอัตรายต่อชิวิตและทรัพย์สินของคุณพ่อคุณแม่ครับ ที่สำคัญผิดกฎหมายครับ)

ผมมองหน้าโปรสักพัก เหมือนโปรจะอมยิ้มไปตลอด ไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรแน่แต่ผมกังวลเรื่องจะโดนตำรวจจับมากกว่าครับ

“แต่ว่าตอนเย็นไม่ต้องห่วง ผมจะยังบริการพี่อยู่”

“อ้าวแล้วไม่ติวกับหมอพจน์เหรอ”

“ติวสิ แต่จะให้มาติวที่โรงเรียน พอดีเพื่อนมันก็อยากติวกับพี่พจน์เหมือนกัน”

โปรเองก็ขับรถไม่เร็วมาก สงสัยกลัวผมจะว่าเอามั้งครับ โปรขับผ่านหน้าโรงเรียนของโปรเองไปแล้วตอนนี้ก็ใกล้ที่ทำงานผมทุกที

“เย็นนี้ก็มารอผมที่ป้ายนะ จะมารับ”

“เอางั้นเลยเหรอ นี่พี่ต้องช่วยค่าน้ำมันเท่าไหร่”

“ไม่เอาอะไรมาก ขอเป็นตัวแทนละกัน ได้ป่ะ”

พูดเสร็จโปรก็หันมาทางผม พร้อมยั๊กคิ้วให้

“พอเลย มองไปข้างหน้าพอละ เดี๋ยวไปชนรถคันอื่น”

“ค๊าบบบบบบบ”

ในที่สุดก็ถึงหน้าที่ทำงานผม ผมก็ได้ลงจากรถโดยสวัสดิภาพ ก่อนลงก็ไม่วายจะบอกให้โปรขับระวังๆเพราะตอนเช้ารถมักจะเยอะยิ่งตอนกลับรถนี่ ผมว่าน่ายิ่งกลัว ผมมองรถของโปรจนมันไปสุดสายตาจึงค่อยเดินขึ้นที่ทำงาน
บนที่ทำงานก็ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ที่แปลกหน่อยคือวันนี้ผมมาค่อนข้างเช้ากว่าใคร คงเพราะมารถของโปรนี่เอง ไม่ต้องแวะจอดรับคนตามป้ายเหมือนขึ้นรถเมล์ ผมเริ่มเคลียร์งานที่ค้างจากเมื่อวานได้สักครู่โจก็เดินขึ้นมา

“ว่างาย วันนี้มาเร็วนะนี่”

“อืม” ผมตอบสั้นๆ แต่หน้าผมก็ยังก้มดูเอกสารบนโต๊ะอยู่

“เฮ้ย นอกใจเด็กมันแล้วเหรอ?”

“นอกใจอะไร” ผมหันมาถามโจด้วยสีหน้างงๆ

“ตอนเลี้ยวรถเข้าตึกเห็นอยู่ ว่ามึงน่ะมีคนมาส่ง แหม่ๆๆ รถราคาแพงซะด้วยนะเนี่ย  เสี่ยไหนมาส่งล่ะ”

“ก็เสี่ยโปรอ่าสิถามได้”

“ฮะ อะไรนะ  ใครเสี่ยโปร”

“ก็เจ้าโปรนั่นแหละ”

“เฮ้ย ไอ้ตี๋นั่นน่ะนะ มันมีรถขับมาเองด้วยเหรอ”

“ก็เพิ่งรู้เหมือนกันนี่แหละ”

“แสดงว่าบ้านมันคงมีกะตังค์น่าดู”

ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่ดูหน้าโจแล้วก็พอจะเดาออกได้ว่ามันจะพูดอะไรต่อไป คงว่าผมได้แฟนรวยล่ะสิท่า

“อิจฉาโว้ย คนรวย ทำอะไรก็ดีไปหมด”

“ถ้าอยากรวยก็รีบกลับไปนั่งโต๊ะแล้วทำงานเสียให้เสร็จสิคะ คุณโจขรา  จะมายืนอิจฉาคนอื่นแล้วมันจะรวยรึคระคุณโจ”

เสียงพี่จิ๊บดังมาแต่ไกล ไอ้โจก็รีบกลับไปนั่งที่โต๊ะมันทันที พี่จิ๊บเดินมาพร้อมถือแฟ้มใหญ่ๆ สองสามอันมาวางไว้ที่โต๊ะของโจ

“แหม่จริงๆเลยนะพวกแก”

“พี่จิ๊บแล้วนี่อะไรเหรอครับ” โจชี้ไปที่แฟ้ม

“ก็งานแกอ่ะสิ!! นี่พี่แก้ให้ไม่ไหวละ ไปดูเอาเองว่าแก้อะไรบ้าง”

แล้วโจก็เปิดดูแฟ้ม แรกๆก็เปิดดูทีละแผ่น แต่ต่อมาก็ดูแผ่นถัดไปอย่างรวดเร็ว

“พี่จิ๊บอย่าบอกนะว่า..”

“ช่ายแล้ว แกทำผิด หมดนี่เลย ดีนะที่ชั้นเอะใจตรวจก่อนไม่งั้น...แกหัวขาดแน่!!”

ว่าเสร็จพี่จิ๊บก็เดินเข้าห้องทำงานทันที

“เอ้อ คุณโจคะ ขอวันนี้...นะคะ” เสียงพี่จิ๊บยังตามมาอีกครั้ง นั่นทำให้ไอ้โจแทบเป็นบ้า มันเอามือกุมหัวแล้วสบถเบาๆ ผมเห็นแล้วก็ไม่รู้จะสมน้ำหน้าหรือสงสารดีน่ะครับ แต่วันนั้นทั้งวันดูเหมือนโจจะขยันเป็นพิเศษจนต้องฝากผมซื้อข้าวขึ้นมาให้ รวมถึงโทรไปเลื่อนนัดกับน้องต้อมที่มันนัดกินข้าวด้วยกันเย็นนี้ด้วย(น้องต้อมโวยวายนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไร) ผมเองก็ช่วยงานโจบ้างนะครับก็ช่วยเท่าที่ทำได้แต่งานของโจกับผมก็ชั่งจะต่างกันเหลือเกิน ( โจเป็นการเงินน่ะครับ มันจบบัญชีมา แต่ผมเป็นพวกดูแลการตลาดเลยจะไม่ค่อยรู้เรื่องงานของมันเท่าไหร่นัก)

จนถึงตอนเย็นใกล้เวลาเลิกงานแล้ว ผมก็ยังเห็นโจแก้งานอยู่

“นี่ ยังไม่เสร็จอีกเหรอ”

“ใกล้ละๆ กลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”

“อืม งั้นกลับก่อนนะ กลัวโปรจะรอนาน”

“อ่าจ้า รีบไปนะเดี๋ยวเสี่ยน้อยๆจะหนีไปหาคนอื่นก่อน” ขนาดแก้งานจนหัวหนุมมันก็ยังไม่วายมากัดผมอีกจนได้

“เอ้อ โจเมื่อกี้น้องต้อมฝากมาบอกว่า ถ้ามาไม่ทันห้าโมงครึ่ง ไม่ต้องเข้าห้องนะ...”

“อะ ไอ้.... แมว...น้อย...บ้า!!!”

ไม่อยากจะบอกว่าผมโกหกโจน่ะครับ ก็ดันมากัดผมเองนิ ที่จริงผมเลื่อนนัดให้แล้วครับ ผมเดินลงมาที่ป้ายรถเมล์หน้าที่ทำงานผม สงสัยว่าโปรจะยังติวไม่เสร็จ เพราะนี่ก็ห้าโมงกว่าแล้ว ผมยังไม่เห็นรถโปรแม้แต่เงา

ผมรอจนเกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มา ดูท่าโปรคงเบี้ยวผมแล้วล่ะครับ ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากะว่าจะโทรไปหาโปรแต่แล้วผมก็เปลี่ยนใจเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม เมื่อเห็นรถเมล์สายประจำผมเข้ามาจอดที่ป้าย ผมขึ้นไปบนรถผมนั่งที่ประจำริมหน้าต่างเหมือนเดิม เหม่อมองไปที่ข้างทางแต่ผมก็ใจหายเมื่อคิดว่าถ้าป้ายหน้าโอ๊ตขึ้นมาบนรถอีกล่ะ แล้วผมจะทำอย่างไรดี?

ผมกำลังคิดมากเรื่องโอ๊ตอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น ผมรีบเอามันออกมาจากประเป๋ากางเกงกดรับอย่างรวดเร็วเพราะเกรงใจคนอื่นในรถครับ

“สวัสดีครับ”

“เพ่ ลงจากรถมาเดี๋ยวนี้เลยนะ หรือจะให้ผมขับตามไปถึงหอ”

“อ้าว ขับตามรถพี่มาเหรอ”

“ลงมาเด๋วนี้เลยยยยยยยย”

พอถึงป้ายต่อไปผมก็ลงมาจากรถ เจ้าตี๋โปรขับตามหลังรถเมล์คันที่ผมนั่งมาจริงๆด้วย ผมเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่ง ผมมองหน้าโปรนิดหนึ่งผมเห็นเหมือนโปรทำหน้าไม่พอใจ ผมก็เลยทำหน้างอนๆบ้าง ดูสิจะว่ายังไงเจ้าตัวดี ให้ผมรออยู่ได้เป็นนาน เราสองคนไม่ได้คุยกันเลยครับ จนรถจอดไฟแดง โปรก็หันหน้ามามองผม ผมก็หันไปมองหน้าโปร แต่ผมสังเกตเห็นว่าหน้าโปรเปลี่ยนจากหน้าโกรธๆแนอมยิ้มแทนก่อนที่จะหัวเราะออกมา

“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ พี่ทำหน้าแบบนี้ตลกนะ”

“ตลกยังไง”

“ก็ทำแก้มป่องๆไง”

“ไม่ได้ป่องซะหน่อย”

“เฮ่อ ๆ ๆ พอดีผมไปส่งพี่พจน์ เลยมาช้าหน่อย รอนานสิท่าเลยไม่อยู่รอผมเลย”

“ก็ไม่เห็นจะโทรบอกนิว่าจะไปส่งหมอพจน์”

“ก็นึกว่าพี่จะโทรมาหาผมนิ”

“อ้าว เราคนผิดนัดเองนิไม่โทรเป็นคนมาล่ะ”

“อ่าค๊าบบบบบ  ผมขอโทษค๊าบบบบ แล้วทีหลังจะบอกก่อนนะ”

“อืม ดีมาก ถ้ามีผิดนัดแล้วไม่โทรบอกก่อนอีก จะไม่คอยนะ”

“อ๊า ใจร้ายยยยย นี่ คิดอยู่ว่ายังไม่ลงจากรถ จะชนให้จอดอยู่แล้วนะนี่”

“เฮ้ยบ้าดิ”

“ก็จะทำ”

“เออ บ้าจริงๆ”

ผมกับโปรก็คุยกันในเรื่องที่ติวบ้าง เรื่องเพื่อนเขาบ้าง ผมได้ถามโปรเรื่องของอาร์ทดูเหมือนโปรจะไม่พอใจ แต่ก็ตอบมาว่า อาร์ทกับโปรก็ยังคุยเป็นปกติ

“พี่ ผมรู้เรื่องระหว่างพี่กับอาร์ทแล้วนะ”

“รู้ว่า...??”

“ก็รู้แล้ว”

จากนั้นผมกับโปรก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ผมสังเกตได้ว่าโปรขับรถออกไปอีกทางที่ไม่ใช่ทางไปซอยหอผม

“อ้าวนี่จะไปไหนเหรอ”

“ไปเรียนพิเศษ”

“อ้าว แล้วไม่ไปส่งพี่ที่หอเหรอ”

“ส่งสิ”

“แล้วทำไมมาทางนี้”

“ก็จะไปส่งหลังจากผมเรียนเสร็จแล้วไง”

“เฮ้ย นี่อย่าบอกนะว่าจะให้รอจนเรียนเสร็จ”

โปรไม่พูดอะไรแต่หันหน้ามามองผมแล้วก็ยักคิ๊วกวนๆใส่ผม ในที่สุดรถก็ถึงแถวๆสยามสแคว ผมเพิ่งรู้ว่าโปร เรียนพิเศษแถวนี้เพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยตามโปรไปถึงที่เรียนพิเศษเลยสักครั้งเดียว ในที่สุดรถก็จอดข้างหน้าร้านขายขนมร้านหนึ่ง

“เดี๋ยวพี่ไปนั่งรอในร้านนี้นะ มีเน็ตให้เล่น มีหนมให้กิน”

“อ้าวแล้วนี่จะให้รอนานขนาดไหนล่ะ”

“พี่อยากรอผมนานแค่ไหนก็ตามจายอ่ะ แต่ถ้าผมมาแล้วไม่เจอพี่ในร้าน มีเรื่องกันแน่ๆ”

“จะมีเรื่องอะไร? เจ้าโปร”

“ก็เรื่องบนเตียงงาย”

โปรพูดเสร็จก็เปิดประตูรถออกไป ผมก็ออกจากรถตาม โปรเดินนำผมไปในร้านที่โปรว่า ข้างในนั้นมีเหมือนอย่างที่โปรว่ามีอินเตอร์เน็ตให้เล่น มีขนมขาย ตอนนั้นคนไม่เยอะมากนัก โปรพาผมให้มานั่งที่หน้าคอมเครื่องหนึ่งแล้วบอกให้ผมรอแป๊บหนึ่ง ไม่นานเท่าไหร่โปรก็เดินมาพร้อมขนมกองย่อมๆ

“นี่  เอาให้กินนะ ถ้าผมมาแล้วพี่ยังกินไม่หมด ผมจะป้อนใส่ปากพี่เอง”

“เฮ้ย ใครจะไปกินหมดเยอะขนาดนี้”

“ไม่รุ ผมไปละนะพี่ อีกสองชั่วโมงเจอกัน”

อ้าว นี่ใจคอจะให้ผมรอถึงสองชั่วโมงจริงๆหรือนี่ โปรพูดเสร็จก็รีบเดินออกไปนอกร้านทันที ผมเลยจำเป็นต้องนั่งรอโปรเพราะโดนมัดมือชกเสียแล้วนิครับ ผมก็เริ่มเปิดถุงขนมที่โปรซื้อมาหยิบมากินบ้าง แล้วก็เล่นอินเตอร์เน็ตไปผมได้คุยกับเพื่อนๆเก่าผมบ้างในอินเตอร์เน็ต ต่างก็ถามสารทุกข์สุขดิบซึ่งกันละกัน ผมเลยได้ปรึกษาเพื่อนๆในเรื่องของโอ๊ตที่เขาจะเหมือนขอกลับมาคบกับผมอีกครั้ง ใจจริงของผมแล้วก็ใช่ว่าไม่อยากกลับไปคบกับโอ๊ตนะครับ จริงๆแล้วโอ๊ตเค้าก็เป็นคนดีมากคนหนึ่งทีเดียว เพียงแต่.. ผมอาจไม่ใช่คนที่ดีที่สุดของเขาเท่านั้นเอง

เพื่อนๆผมสรุปความว่าให้ผมลองนึกถึงอนาคตว่าถ้ากลับไปคบกับโอ๊ตแล้วนี่เหตุการณ์ที่เคยเกิดมาก่อนหน้าจะเกิดซ้ำอีกหรือไม่ แล้วใจผมเองยอมรับได้ไหมถ้าจะไม่นึกถึงตอนที่เขาทิ้งผมไป

ผมเล่าเรื่องของโปรให้ฟังด้วยนะครับ เพื่อนผมหลายคนก็เตือนผมด้วยความหวังดีว่า โปรนั้นยังเด็กมีโอกาสสูงที่เขาจะไปหาคนอื่นได้ ถ้าผมยิ่งถลำใจให้โปรไปลึกเท่าใด ผมก็ยิ่งเจ็บเท่านั้นถ้าหากว่าเรื่องที่เพื่อนเตือนผมมานั้นเป็นเรื่องจริง

เมื่อผมลองมานั่งนึกๆดูแล้ว ผมเองก็ยังรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่คิดถึงตอนที่โอ๊ตถามคำถามผม ก่อนที่โอ๊ตจากผมไป แม้ว่าตอนนี้จะผ่านมานานแล้ว แต่ผมก็ยังจำได้ไม่เคยลืม เรื่องของโปร..ด้วยความเป็นเด็กของเขา ทำให้ผมกลัวด้วยเหมือนกันว่า ถ้ามอบใจให้โปรหมดแล้ว จะมีสิ่งใดมารับประกันได้ว่าโปรจะไม่ทิ้งผมไปไหน ที่จริงนี่ก็ครบสัญญาที่ผมกับโปรตกลงกันแล้ว แต่ผมก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะเรียกโปรว่า ‘แฟน’ ได้เต็มปากหรือยัง

“อ้าวเพ่ กินหนมเกือบหมดเลย ใจคอจะไม่เหลือให้เลยเหรอไง”

ผมหันไปทางต้นเสียง เจ้าตี๋โปรเดินมานั่งข้างผมตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้สิครับนี่

“แล้วนี่คุยกับใครอ่ะ กิ๊กไหน”

“กิ๊กบ้าอะไร เพื่อนทั้งนั้น”

“อ่ะขอให้เจง”

เจ้าตี๋โปรพูดไปก็กินขนมที่ผมกินเหลืออยู่ไป ดูท่าจะหิวมากจริงๆ โปรก้มหน้าก้มตากินไม่สนอะไรเลยในที่สุดขนมห่อสุดท้ายก็หมด

“โอ้ยยยยยยย”

“เป็นอะไร”

“หิววววววววววววววว”

“นี่กินขนมหมดไปเยอะนะนี่ ยังหิวอีกเหรอ”

“ก็หิวอ่ะ เพ่ๆ ป่ะกินข้าวๆ”

“แล้วจะกินที่ไหน”

“ผมรู้ที่อร่อยๆละกัน”

ว่าเสร็จเราทั้งคู่ก็เดินออกจากร้านไปโปรพาผมเดินไปแถวสยามพารากอน ลงไปชั้น L ที่นั่นมีร้านอาหารอยู่หลายร้าน แน่นอนว่าต้องราคาแพงแน่ๆ ผมพยายามคำนวนเงินในกระเป๋าว่ามีสักเท่าไหร่ เพราะนี่ก็ใกล้จะสิ้นเดือนแล้วสิ
    
“เอาร้านนั้นแล้วกัน”

โปรชี้ไปทางร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่ง คนค่อนข้างเยอะทีเดียว ผมกะจะบอกโปรว่าช่วงนี้ผมต้องประหยัดหน่อย แต่ท่าไม่ทันเสียแล้ว โปรเดินไปขอบัตรคิวกับทางร้านแล้ว

โปรเดินกลับมาหาผมแล้วยื่นบัตรคิวให้ดู

“อีกที่เดียว เดี๋ยวก็ได้กินแล้ว”

“โปร...จะกินร้านนี้เหรอ”

“ช่าย”

“คือพี่...  ตอนนี้มันสิ้นเดือนแล้วนะ”

“อ่อ นึกว่าเรื่องอะไร ผมจ่ายให้ก่อนก็ดะ  แต่ต้องเอามาคืนผมนะ”

“อ่ะ  ได้เลย เดี๋ยวเงินพี่ออกจะเอามาคืนให้”

“ไม่เอาเงินเพ่อ่ะ”

“อ้าวแล้วจะเอาอะไร”

“ก็เอา....”

“ไอ้บ้า!! รู้ว่าคิดอะไร” แล้วเจ้าตี๋โปรก็ทำตากลอกไปมาเหมือนเคย

“อืม  เงินพี่ออกจะคืนให้”

“ไม่ต้องเลยๆ แค่พี่คนเดียว ทำไมจะเลี้ยงไม่ได้”

“ก็เรายังไม่มีเงินเดือนนิ ยังขอแม่อยู่เลยนะ”

“เพ่ ผมน่ะ เรื่องนี้อย่าห่วง ต่อให้พี่ตกงานผมก็เลี้ยงได้”

“แต่มันไม่ดีนะ”

“ถ้ารู้สึกไม่ดี พี่ค่อยคืนให้ผม แต่ผมไม่รับเป็นเงินพี่นะ”

โปรพูดจบ พนักงานหน้าร้านอาหารญี่ปุ่นนั้นก็เรียกชื่อโปรพอดี ผมกับโปรจึงเดินเข้าไปในร้านที่เค้าจัดไว้ให้ ผมสั่งอาหารมาไม่มากนัก อาจเป็นเพราะผมกินขนมที่โปรซื้อมาให้ตอนที่ผมรอโปรเรียนอยู่นั่นไปเยอะเลยไม่ค่อยหิว แต่โปรสิสั่งซะเยอะเลย จนผมกลัวว่าจะกินไม่หมด แต่ท้ายที่สุดมันก็หมดลงไปได้ ผมพยายามชวนคุยกับโปรตอนกิน แต่โปรก็ตอบเพียงแค่ ‘อือ’ ‘อืม’ ‘หึ’ แค่นั้นเอง โปรนี่มันสนแต่กินจริงๆ

แล้วเราก็ทานเสร็จ โปรใช้บัตรเดบิตของเขาจ่าย ผมถามว่าจ่ายไปเท่าไหร่ โปรก็ไม่ยอมบอก แถวขยำบิลทิ้งถังขยะอีกต่างหาก สงสัยกลัวผมเห็น

“พี่ไม่เห็นจะกินบ้างเลยนะ”

“ก็กินขนมเยอะแล้ว ไม่ค่อยหิว  อีกอย่าง มาแย่งที่พี่สั่งกินด้วย

แล้วจะให้ไปแย่งทันได้ไง กินเร็วขนาดนั้น”

“โอ้ยยยยยย  อิ่ม อิ่ม อิ่ม นั่งพักก่อนนะ”

เราทั้งคู่เดินมานั่งพักตรงน้ำพุด้านนอกพารากอน ผมมองไปที่แสงไฟที่เขาทำประดับไว้ มันเหมือนแสงดาวที่กระพริบเป็นระยะๆ เสียงน้ำพุก็ดังเบาๆ ผู้คนเริ่มบางตาลงเพราะใกล้ถึงเวลาปิดห้างแล้ว ผมมองไปบนท้องฟ้า นี่ผมมาอยู่กรุงเทพฯนานขนาดไหนแล้วนะ ที่บ้านผมจะเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อนๆผมตอนที่เรียนด้วยกัน คุณพ่อ คุณแม่ และใครรวมถึงอะไรอีกหลายอย่าง

ในตอนนั้นเองโปรก็เอามือมาจับที่มือผม ผมมองหน้าโปรทำหน้าแปลกใจ

“ผมรู้ว่าพี่จะว่าอะไร แต่ตอนนี้ผมว่าคงได้เวลาแล้ว”

ผมและโปรมองตากันและกัน ผมพูดเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ผมก็พูดไม่ออก

“ตอนนี้ผมนับเวลาที่คบกันเป็นเดือนแล้ว...แล้วผมอยากรู้ว่า ตกลงแล้วพี่...”

“อืม...” ผมตอบสั้นๆ  ซึ่งสั้นจริงๆ

“ที่ผมขอรถป๊ามาแล้วให้พี่รอผมช่วงเรียนพิเศษ เพราะเป็นห่วงพี่ กลัวว่าพี่จะเป็นอะไรตอนที่ผมไม่ได้อยู่ด้วยอีก
ผมเป็นห่วงแฟน”

ผมมองหน้าโปร แปลกใจที่โปรเรียกผมว่าแฟน นี่เป็นครั้งแรกที่โปรเรียกผมว่าแฟน

“ผมคิดว่าคงไม่เร็วไปใช่ไหม ที่จะเรียกพี่ว่าแฟน ตอนนี้ผมอยากรู้ว่าพี่คิดกับผม..”

“....” ผมยังเงียบอยู่ ผมยังไม่รู้ว่าจะตอบอะไรไปดีไหม ตอนนี้ผมทั้งตื่นเต้นและสับสนมาก เสียงน้ำพุก็เงียบลง

“ผมขอสัญญา ว่าจะไม่มีวันจากพี่ไปไหน ไม่ว่าพี่จะเป็นอะไรก็ตาม ผมจะทำให้ดีที่สุด เท่าที่ผู้ชายอย่างผมจะทำได้....”

ผมลุกขึ้นจากตรงนั้น โดยยังไม่ได้พูดอะไร โปรก็ลุกเดินตามมาผมมองไปที่หน้าโปร โปรหน้าเสียมากจนผมรู้สึกว่า นี่ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ จะแกล้งคนที่ผมให้ใจทั้งหมดกับเขาไปตั้งแต่ที่เค้าพูดสัญญากับผมได้อย่างไร

“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ถ้าทำนะ จะเลิกไม่เป็นแฟนละนะ”

“พี่พูดว่าอะไรนะ”

“ของดี มีน้อยใช้สอยประหยัดครับ”  ผมพูดเลียนแบบโปรที่ชอบพูดกับผมบ่อยๆ

“อ่ะ  แหม่บอกหน่อยๆๆๆ น๊า”

“....ม่าย...”

“นะ นะ นะครับ”

“....ม่าย....”

แล้วผมก็รีบเดินไปทันที เจ้าตี๋โปรก็ยังเดินตามถามผมอยู่เรื่อยๆ จนมาถึงที่รถโปรเปิดประตูให้ผมแต่เอามือกั้นไว้ไม่ให้ผมเข้าเสียอย่างนั้น

“บอกผมก่อน ไม่งั้นผมไม่ให้ไปด้วย”

ผมก็จะทำท่าแบบว่าไม่ง้อจะเดินออกจากรถ แต่โปรก็ดึงแขนผมไว้

“โห  ที่รักค๊าบ ขอร้องล่ะค๊าบ”

ใช่ว่าจะพูดค่อยนะครับ โปรพูดค่อนข้างดังเลย ผมละอายคนแถวนั้นจริงๆ

“ไปๆ ขึ้นรถก่อนะแล้วจะบอก”

“ค๊าบบบ”

ในที่สุดเราก็อยู่ในรถ โปรขับรถออกมาจากสยามสแคว ระหว่างทางโปรก็ยังให้ผมบอกอีกให้ได้

“เอ๊า โปรเป็นแฟนพี่”

“ไม่อาว เอาเพราะๆดิ”

“เฮ้อ....”

“น่านะครับ ที่รัก”

“โปรเป็นแฟนพี่ครับ”

“ไม่เอา เป็นแฟนกัน อย่าเรียกตัวเองว่าพี่สิ”

“โปร เป็นแฟน หนึ่ง ครับ”

“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ” โปรหัวเราะแล้วเอามือมาจับมือผมตลอด

รถขับมาจอดที่หน้าหอผม ผมก็เก็บของจะลงจากรถ  โปรก็ฉุดมือผมแล้วดึกตัวผมไปที่เค้า ทันใดนั้นหน้าผมกับโปรก็อยู่ใกล้กันมาก จนผมได้ยินเสียงลมหายใจของโปร ตอนนี้ผมตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก และแล้วริมฝีปากของโปรก็ใกล้เข้ามาจนแนบชิดกับผม ผมหลับตาปี๋เพราะอายจนทำอะไรไม่ถูก เราอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่ผมไม่รู้จนกระทั่งโปรเปลี่ยนมาจูบผมที่ดวงตา แล้วเลื่อนไปที่หน้าผาก

จากนั้นโปรก็ปล่อยตัวผม เราจ้องตากันสักครู่ ความเงียบทำให้ผมได้ยินถึงเสียงของหัวใจตัวเองที่ยังคงเต้นรัวอยู่

“พี่ จะต่อรึไงคับ ติดใจล่ะเซ่”

“ไอ้บ้า”

ผมเลยรีบเก็บของแล้วลงมาจากรถก่อนปิดประตูโปรก็ยังบอกว่าพรุ่งนี้จะมารับผมเหมือนเดิม ผมก็รับคำแล้วเดินกลับเข้าหอ ก่อนขึ้นไปบ้านห้องผมมองโปรขับรถออกไปจนสุดสายตาแล้วพูดกับตัวเองว่า

‘หาเรื่องให้ตัวเองอีกแล้วนะ เจ้าหนึ่ง’

ผมนึกแล้วส่ายหัว แล้วก็เดินขึ้นไปที่ห้องของผม แต่ทำไมผมก็ยังอดอมยิ้มไม่ได้นะ ทั้งๆที่บอกกับตัวเองว่าหาเรื่องใส่ตัวแล้ว ก็ไม่รู้สิ

three

  • บุคคลทั่วไป
เป็นแฟนกันแล้วล่ะครับกว่าจะเรียกได้เนี้ยน๊านานจัง :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sakiko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-25
เป็น แฟน กัน แล้ว    :mc4:


เป็น แฟน กัน แล้ว     :mc4:


รอตอนต่อไ ปนะค่ะ    :z2:

BeePed

  • บุคคลทั่วไป
 :L2: :L2:
เป็นกำลังใจให้คนโพสต์ และคนแต่งต่อไป

มาอัพทุกวันยิ่งดีค่าาา

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
เป็นแฟนกันแล้วววววววว ว่าแต่อาตี๋โปรเป็นเสี่ยน้อย ๆ อย่างนี้ อนาคตหนึ่งก็ดูท่าจะไม่ลำบากแล้วล่ะ :impress2:

ออฟไลน์ menano

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-0
 :กอด1:

ดีใจมากมายก่ายกอง

และแล้วก็มาต่อ

แถมตอนนี้แบบว่าเป็นแฟนกันแล้วด้วยอ่ะ  :o8:

น่ารักมากมาย

อยากจะบอกว่าอิจฉาพี่หนึ่งนะคะ น้องโปรน่ารักขนาดนี้ แถมรวยอีก

ได้ใจจริง ๆ 555

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เป็นแฟนกันแล้วววว  :n1:

เจ้าโปร น่ารักจริงๆๆ

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
งานเข้าพี่หนึ่ง .........เข้าทั้งตัวทั้งหัวจายยยย :L1: อิจฉาวุ๊ย

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
หาเรื่องดีๆคงไม่เป็นไร :impress2:

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
โปรน่ารักจัง อยากมีเด็กๆมาคอยเอาใจแบบนี้มั่งอ่ะ อิจฉา :m1:

ririmu

  • บุคคลทั่วไป
 :-[ น่ารักมากมาย เป็นแฟนกันแล้ววว วิ๊ดวิ๊ว เป็นแฟนกะเด็กนี่ก้อดีเนอะ

มีแต่เรื่องน่ารัก ๆ มาให้ชุ่มชื่น (เริ่มเข้าโหมดคนแก่) เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ

เรื่องน่ารักดี รอตอนหน้าอยู่นะคะ  o13

++ สำหรับกางเกงขาสั้น ++

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
วี้ดวิ้วววววววววววววววววววววววววววววว อิอิ

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

อ่า เสาร์อาทิตย์ไม่ได้มาโพสต่อเลย พอดีไปบ้านญาติ และก็วันอาทิตย์ตอนแรกมีคนนัดไปดูหนัง แต่ทว่า...... :sad4: ลบเบอร์มานไปเลย :m31: เซ็งงงง :seng2ped: กะว่าจะมี  :L1: ครั้งใหม่นะนี่  :impress3: มันน่า  :beat: และ  :z6: ยิ่งนัก หลอกให้คนรอรู้ไหม (เอ...นี่ผมมาบ่นอะไรกะในบอร์ดเนี่ย)
อย่างว่าผมไปทำนายไพ่ยิปซีมา เขาบอกว่าเรื่อง :L1: นี่โดนหลอกมาตลอด และจะโดนหลอกต่อปายยยยยยย :o12: กี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :serius2:

ชั่งมันกะแค่คนไม่เห็นความดีเรา โพสต่อดีก่า...
ขอบคุณที่ติดตามครับ



ตอนที่ 14

เช้าวันเดิมๆ ผมก็ตื่นขึ้นมาเหมือนเดิมๆ ตามเสียงอาบน้ำของรูมเมทผม พอรูมเมทผมออกจากห้องน้ำ ผมก็เข้าต่อจัดการกับธุระส่วนตัวเสร็จออกมาก็ไม่เห็นรูมเมทเหมือนเดิม เพราะมันออกไปทำงานแล้ว ผมกินนมกับขนมปังที่ซื้อมาเตรียมไว้เพราะผมไม่ค่อยจะชอบทานข้าวเช้านัก บางทีก็จะมีคนมาแย่งผมกิน แย่งไม่แย่งเปล่า บางทีก็เอาส่วนของผมไปด้วยสิ

‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’

เสียงเคาะประตูดังขึ้น วันนี้เจ้าตี๋โปรคงมาจะมาแย่งขนมปังผมกินตามเคย ผมไปเปิดประตู ก็เห็นเจ้าตี๋โปรอยู่ตรงนั้น

“หิว หิว หิว มีอะไรกินบ้างเนี่ย”

ว่าเสร็จโปรก็เดินมาหลังตู้เก็บของ ตรงนั้นผมจะวางขนมปังเอาไว้สำหรับกินทั้งอาทิตย์เลยล่ะครับ

“อ๊า ไส้ครีมอยู่ไหน”

พูดแล้วโปรก็มองในมือของผม ผมกำลังกินขนมปังไส้ครีมอันสุดท้ายอยู่

“จาเอา จาเอา จาเอา” ดูมันอ้อนเป็นเด็กเลย

“บ้าเหรอ ไม่ให้ กินไปแล้ว”

“ก็จาเอาอ๊า”

ว่าเสร็จเจ้าตี๋โปรก็จะมาคว้าขนมปังที่เหลือในมือผมไป แต่ก็หลบทัน ผมเอาขนมปังชิ้นที่เหลือคาบไว้ในปาก กะว่าเจ้าโปรคงไม่กล้ามาคว้าไป ที่ไหนได้โปรมาจับไหล่ผมจากด้านหน้า ทำตาซึ้งๆใส่ผม ผมก็คิดอยู่ว่าจะมาไม้ไหนแน่ ไม่ทันไรโปรก็เอาปากมากัดขนมปังที่ผมคาบอยู่ไปเฉย

“เฮ้ย นี่ขนาดอยู่ในปากนะ ยังจะเอาไปกินอีก”

“ถ้าไม่ให้ผมนี่ ก็กะจะไปเอาจากในปากพี่แล้วล่ะ”

นี่ก็เป็นเรื่องตอนเช้าหลังจากที่ผมกับโปรตกลงเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการ เหมือนว่าไอ้ตี๋โปรจะได้ใจขึ้นทุกวันเริ่มข่มเหงผมตลอด ไม่เว้นเรื่องกิน (ใช้คำแรงไปไหมครับนี่) จริงๆก็ไม่มีอะไรหรอกครับ อย่าคิดมากน่า

วันนี้ผมก็ขึ้นรถไปกับโปรเหมือนเดิม โปรยังคงไปรับ – ส่งผมตลอด ตกเย็นถ้าผมไม่ติดงานอะไรก็จะรอโปรที่ร้านขนมเจ้าประจำที่สยามสแควเพื่อรอโปรเรียนพิเศษเสร็จ (ผมว่ามันเหมือนผู้ปกครองไปรอเด็กเรียนพิเศษเสร็จเลยนะ ถ้าผมไปรอที่โปรเรียน) ช่วงนี้ผมทานข้าวเย็นกับโปรทุกวัน ผลัดกันออกค่าข้าวน่ะครับ บางทีก็หารกัน แต่โดยมากแล้วผมรู้สึกว่าโปรจะแย่งจ่ายเสียมากกว่า จนผมรู้สึกไม่ค่อยดีที่ต้องให้เด็กที่ยังไม่ได้ทำงานมาจ่ายค่าข้าวให้ แต่โปรก็ชอบบอกกับผมว่า

 “อย่าห่วงเลย มีพี่เป็นสิบคน ผมก็เลี้ยงได้”

“จะเลี้ยงยังไง เรายังไม่ได้ทำงานเลยนะ”

“คนรักกันต้องเชื่อกันสิคับ” นั่นเป็นคำพูดที่โปรชอบพูดกับผมเสมอเวลาที่โปรทำอะไรให้ผมแล้วผมรู้สึกเกรงใจ

ในที่สุดรถก็มาถึงที่ทำงานแล้ว ผมบอกลาโปรว่าเย็นนี้จะรอที่เดิม โปรก็รับปาก จากนั้นเมื่อโปรขับรถไปจนริบตาแล้วผมเลยขึ้นไปที่ทำงาน

“ตั้งกะมีคนมารับมาส่งนี่ มาเช้าทุกวันเลยนะ” เสียงเจ้าโจดังมาแต่เช้า

“อืม ก็งี้แหละ คนมันรักกันอะไรๆก็ยอม” โจมันยังแซวต่อ

“อ่อ คนรักกันยอมกันหรอโจ แล้วน้อง..”

“ชู่~...” โจจุ๊ปากใส่ผม

“แล้วแมวที่บ้านน่ะ ไม่เห็นค่อยจะยอมกันเท่าไหร่เลยนะ”

“ก็แมวที่บ้านไม่ค่อยจะเชื่อฟังเท่าไหร่น่ะ มันก็ต้องใช้กำลังกันบ้าง”

“นี่เจ้าโจ ขนาดแมวที่บ้านยังยอมใช้กำลังสั่งสอน แล้วทำไมไอ้งานบนโต๊ะแกนี่ ไม่หัดใช้กำลังทำมันบ้างล่ะ”

เสียงพี่จิ๊บดังมาจากห้องทำงาน พอดีห้องทำงานพี่จิ๊บอยู่ตรงข้ามโต๊ะผมกับโจพอดีน่ะครับ โจชอบมาคุยเล่นเสียมากเลยตกเป็นเป้าสายตาของพี่จิ๊บอยู่พอสมควร

“โห.... พี่จิ๊บขอรับ กระผมเองก็ได้ทำสุดความสามารถแล้วนะขอรับ”

“ย่ะ มาโบราณเชียว ไปๆๆ ไปทำงานกันได้แล้ว เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าเค้าจะหาว่าอู้งานกันทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง”

“คร๊าบบบ” ผมกับโจประสานเสียงตอบ

ตอนกินข้าวพักกลางวัน โจก็เอาปัญหาชีวิตระหว่างมันกับน้องต้อมมาคุยกับผมอีกแล้ว

“แม่ง เด็กบ้าอะไรเอาใจไม่ถูก เมื่อวานบอกอย่าง วันนี้เปลี่ยนใจอีกละ เค้าจะเซ็ง”

“เซ็งก็หาใหม่สิ” ผมตอบประชด

“เฮ้อ  ได้ง่ายแบบนั้นก็ดีสิ”

“อ้าวนี่แสดงว่าคิดจะเลิกกับน้องเค้าเหรอ”

“เปล่า หมายความว่ากับน้องเค้า ได้มาง่ายๆก็ดีสิ รู้ป่ะกว่าจะตกลงเป็นแฟนกันนะ ต้องไปง้อมันตากฝนเป็นวัน กลับมาเป็นไข้เลย”

“โห  อะไรจะขนาดนั้น”

“ก็เพราะขนาดนั้นแหละ น้องเค้าเลยตกลงเป็นแฟนด้วย บอกว่าเค้าเป็นคนตั้งใจจริง”

“แล้วตอนนี้ล่ะ”

“ก็ยังตั้งใจอยู่โว้ย ลิ้นกับฟันก็มีบ้าง”

“รู้อยู่แบบนี้แล้วจะบ่นไมวะโจ”

“ก็จาบ่นให้แกฟังไง จะได้ไม่เหงาหู ไม่ดีเหรอ”

ผมละเหนื่อยใจจริงๆ โจมาบ่นให้ผมฟังมากขึ้นทุกวันหลังจากที่มันเปิดเผยตัวว่าเป็นแฟนกับน้องต้อมให้ผมรู้ จนผมรู้สึกว่าถ้ามันมีเรื่องนักทำไมไม่เลิกกันให้รู้แล้วรู้รอดเลยนะ แต่กระนั้นผมก็เข้าใจโจนะครับว่าถ้าคนเรารักใครสักคน ต่อให้ทะเลาะกันขนาดไหนมันก็กลับมาเข้าใจกันได้อยู่ดี

“แล้วนี่ไอ้เจ้าเด็กนั่นเป็นไงบ้าง แอบไปมีใครใหม่ยัง”

“เอ้าไอ้นี่ ปากเสีย ยังรักกันดีโว้ย”

“เออ ขอให้เป็นอย่างที่ว่าแล้วกัน พูดตรงๆนะหนึ่ง เค้าเห็นหน้าไอ้เด็กนั่นครั้งแรกก็รู้สึกไม่ค่อยถูกชะตาเท่าไหร่”

“ไม่ถูกชะตายังไง”

“มันกวนติง”

ผมหัวเราะเมื่อเห็นโจทำหน้าพร้อมบอกว่าโปรนั้นไปกวนอวัยวะเบื้องล่างสุกของโจ แต่จู่ๆมันก็เงียบไปเงยหน้ามองเหม่อไปข้างหน้า (มันนั่งติดกับผมครับ) ไปทางกลุ่มพนักงานอีกบริษัทหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาในร้านที่ผมกำลังกินข้าวอยู่ ผมมองก็ไม่ได้สนใจอะไรก้มหน้ากินข้าวต่อ

“ทำไมกูไม่ได้ทำบริษัทนั้นวะ” จู่ๆโจมันก็พูดขึ้น

“ทำไม เงินดีเหรอ”

“เปล่า...
 น่ารักดี หล่อชิบหาย...”

ผมเงยหน้ามองไปที่โจสักครู่ ครู่ใหญ่ได้เลย แต่แล้วก็หันไปจัดการกับข้าวในจานต่อ ผมคงจะลืมไปชั่วขณะล่ะมั้งว่าผมกับมันต่างรู้ๆกันแล้ว นี่ถ้าผมยังไม่รู้ว่ามันเป็นเหมือนผมนี่ผมคงจะตกใจมากกว่านี้

“รู้ป่ะ ตอนที่เค้าถามว่ามันเป็นใคร รู้จักแกได้ไง มันตอบว่าไงรู้มะ” โจพูดกับผมตอนกำลังเดินกลับที่ทำงาน

“จะรู้ไหมล่ะ”

“มันก็บอกว่า ‘เพ่ แก่ขนาดดูไม่รู้อีกเหรอว่าผมกับพี่เค้าเป็นอะไรกัน’ ดูมันพูด”

“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ขนาดนั้นเลย”

“รู้งี้ไม่ช่วยให้คืนดีสักก็ดีหรอก”

“เอาน่า เด็กก็ตอบตามเรื่อง”

“หาเรื่องอ่ะสิไม่ว่า ถ้าไอ้หมอนั่นที่มาด้วยกันไม่ตอบแทนดีดีด้วยนะ มีหวังวางมวยกันกลางตลาดแล้ว”

“หมอพจน์เป็นคนบอกเหรอ?”

“ช่าย ทำไมเหรอ”

“แสดงว่าโปรคงบอกเรื่องเค้าให้หมอพจน์ฟังตั้งแต่แรกน่ะสิ”

“งั้นเหรอ” โจทำท่ายักไหล่ไม่สนใจ แต่มันทำให้ผมต้องคิดว่าตั้งแต่ตอนนั้นโปรได้บอกคนอื่นเรื่องของผมเพราะอะไร ทั้งๆที่ผมห้ามบอกใครก่อนที่เราจะบอกเป็นแฟนกันแล้วแน่นอน แต่ผมก็หยุดความคิดไว้แค่นั้นเมื่อโจชวนผมคุยเรื่องน้องต้อมต่อ

ตกเย็นผมเก็บของแล้วลงจากที่ทำงานปกติแต่คราวนี้โจเดินมากับผมด้วย เพราะยังปรึกษาเรื่องน้องต้อมอยู่

“ได้ผลแน่นะเว้ยวิธีนี้”

“เออ ก่อนกลับก็ไปซื้อดอกไม้ไปง้อน้องเค้าซะ ถ้าอยากจะคืนดี  หรือไม่อยากก็ไม่ต้องทำอะไร เลิกกันไปเลย”

“อ่าๆ แล้วจะลองดู แต่น้องมันจะง้อด้วยวิธีแค่นี้ พอเหรอวะ”

“เออน่า ลองดูก่อน”

“อืมๆ ไปก่อนนะเว้ยหนึ่ง ขอบใจมาก”

“บาย แล้วเจอกัน”

ผมแยกกับโจที่ใต้ตึก โจเดินไปที่จอดรถของที่ทำงานน่ะครับ ส่วนผมก็เดินไปที่ป้ายรถเมล์หน้าที่ทำงานเหมือนเดิมเพื่อที่จะรอโปรมารับ วันนี้ไม่รู้ผมออกมาเร็วไปหรือเปล่า เพราะออกมายังไม่เจอโปร เดี๋ยวนี้โปรไม่ต้องไปส่งหมอพจน์แล้วครับ เพราะหมอพจน์กลับกับเพื่อนของโปรที่เอารถยนต์มาสงัสยโปรจะขอร้องเพื่อนเขาให้ช่วยส่งหมดพจน์ให้น่ะครับ เพื่อที่จะมารับผมได้ทันเวลาเลิกงาน ผมรออยู่ได้สักพักก็ยังไม่เห็นมีวี่แววของโปร ผมมองไปรอบข้างก็ไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย แล้วผมก็ได้ยินเสียงคนเดินมาทางด้านหลังผม ผมหันหลังไปดู แต่เมื่อผมเห็นหน้าคนๆนั้นแล้ว ผมก็ต้องรับหันกลับ รู้สึกว่าทำอะไรไม่ถูก

 “หนึ่ง”

ผมได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเรียกชื่อผม ผมรู้ว่าเขาเป็นใคร เขาเป็นคนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุดตอนนี้

“หนึ่งครับ”

ผมก็ยังไม่หันไปตามเสียงนั้น

“หนึ่งครับ ผมขอคุยอะไรด้วยนิดนึง ได้ไหมครับ”

ผมไม่ได้ตอบอะไรได้แต่ก้มหน้าลง

“ที่ผมมานี่ เพราะผมมีเรื่องอยากจะบอกหนึ่งน่ะครับ..”

เสียงของเขายังคงฟังดูนุ่มและลึกอยู่เหมือนเดิม

“และก็ ตอนนี้ผมเลิกกับ ‘เค้า’ แล้วนะครับหนึ่ง มันเป็นตามที่เพื่อนหนึ่งบอกผมทั้งหมดผมรู้แล้วครับว่าผมผิด ตอนนี้... ผมอยากจะเริ่มต้นใหม่ครับหนึ่ง”

ผมยังคงไม่หันหน้าไปทางโอ๊ต ผมกอดกระเป๋าสะพายผมแน่น ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตื้อไปหมด นี่กำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่

“ผมอยากจะให้เรากลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง...จะได้ไหมครับ...”

ผมเม้มปากแน่น ก่อนที่จะตัดสินใจที่จะพูดอะไรบางอย่างออกไป

“โอ๊ต  ตอนนี้...คงจะไม่ได้แล้ว  ผม....”

“ผมรู้แล้วครับว่าหนึ่งมีคนคบแล้ว อาร์ทมันบอกผมมา...ผมแค่....
เป็นห่วง เพราะว่าเด็กนั่น.. คือ กลัวว่าหนึ่งจะ..”

“คงไม่ต้องห่วงอะไรหรอก เพราะผมคิดว่าผมเองดูแลพี่หนึ่งได้ดีกว่าพี่แน่นอน”

เสียงนั่นดังมาจากอีกข้างหนึ่งของผมผมหันไปตามเสียง โปรยืนอยู่ตรงนั้น

“และผมจะไม่มีวันจากพี่หนึ่งเด็ดขาด ไม่ว่าต่อไปผมจะเจอใครอีกกี่คนก็ตาม”

คำพูดนั้น เหมือนจะบาดลึกลงไปในใจของใครบางคน ทำให้เขาคนนั้นสะอึกได้อย่างเห็นได้ชัด

“แต่พี่คิดว่า สักวันเราอาจจะเจอคนอื่นอีกมาก อาจทำให้เราเปลี่ยนใจก็ได้นะ อายุเรายังน้อย มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ”

“ตอนนี้และตอนไหนๆผมก็รู้อย่างเดียวล่ะครับ ว่าผมรักพี่หนึ่ง”

ผมมองหน้าโปรทันทีที่สิ้นเสียง ผมไม่เคยได้ยินโปรบอกรักผมตรงๆต่อหน้าคนอื่นแบบนี้มาก่อน อาจเป็นเพราะจากคำสัญญาที่จะรอเวลาที่เหมาะสมหรือเราเองก็ไม่ได้พูดบอกรักกันเป็นปกติเหมือนโจกับต้อม

“น้องพูดง่ายไปไหม” โอ๊ตถาม

“ผมขอเอาชีวิตผมเป็นประกันครับ ถ้าวันไหน... พี่หนึ่งเป็นอะไรไป ผมก็จะ”

“อย่าพูด........อย่าพูดอะไรที่..ไม่ดี” ผมพูดแทรกขึ้นมา

“โอ๊ต เรื่องของเรา หนึ่งดีใจมากนะ ที่เราเคยมีช่วงเวลาที่ดีต่อกันมา หนึ่งขอบคุณมาก ชีวิตหนึ่งคงไม่เจออะไรดีเท่านั้นอีกแล้ว แต่โอ๊ต ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เราก็เป็นสิ่งที่เปลี่ยนไป...  เรา...”

“อ่อครับ” โอ๊ตตอบผม แล้วเดินไปหาโปร

“อย่างไงพี่ฝากหนึ่งด้วยนะ ถ้าวันไหนหนึ่งเป็นอะไรขึ้นมา พี่จะขอคืน”

“ไม่ต้องห่วงครับ มันจะไม่มันวันนั้นแน่นอน” โปรตอบทันที

“แล้วพี่จะคอยดู”

“หนึ่ง โอ๊ตสัญญา ไม่ว่าตอนไหนโอ๊ตก็จะรอหนึ่งเสมอ ตอนนี้โอ๊ตขอแค่หนึ่งยกโทษให้กับเรื่องที่แล้วๆมา จะได้ไหมครับ”

“อืม ผมลืมเรื่องไม่ดีละหว่างผมกับคุณไปหมดแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกครับ คุณคือเพื่อนที่ดีที่สุดของผมคนหนึ่ง”

โอ๊ตยิ้มออกมาให้ผมเห็นเป็นยิ้มที่ผมคุ้นเคยดี ตอนนั้นเองโปรเดินมาข้างๆผมแล้วบอกกับผมว่าสายแล้ว เขาจะไปเรียนพิเศษไม่ทัน โปรจับแขนผมแล้วดึงให้ไปกับเขา ผมมองไปทางโอ๊ต เค้าก็ยังคงยิ้มเสมอ เป็นรอยยิ้มที่ผมคุ้นเคย ผมยังจำได้ถึงช่วงเวลาที่เรามีสิ่งดีๆให้ต่อกันรอยยิ้มนั้นเป็นกำลังใจให้ผมเสมอ แม้แต่ตอนนี้ถึงแม้ผมกับโอ๊ตจะเป็นเพียงเพื่อนกัน แต่ผมก็จะเก็บรอยยิ้มนั้นไว้ในใจเสมอและตลอดไป

โปรจูงแขนผมมาจนถึงรถซึ่งจอดหลบไว้ไม่ไกลจากป้ายนัก

“ผมต้องมาจอดแถวนี้ เพราะหน้าที่ทำงานพี่เค้าห้ามจอดตลอดแนว ดีนะที่ผมมาทัน ไม่อย่างนั้นผมคงเสียแฟนผมไปแน่เลย”

“ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“อ้าว ก็หวงนิ”

“งั้นเหรอๆ” ผมตอบพร้อมทั้งทำตากลอกไปมาเลียนแบบโปรที่เคยทำกับผมบ่อยๆ

“นี่ คิดจะหวงผมบ้างเปล่า”

“...” ผมเงียบนึกคิด

“ถ้าหากมีคนมาจีบผมบ้างนี่จะทำเหมือนที่ผมทำวันนี้เปล่า”

“ไม่มีทาง”

“อ้าว ทำไมอ่า ไม่รักผมเหรอ”

“เปล่า ที่ไม่ทำเพราะพี่เชื่อว่าเราคงจะไม่ใจร้ายทำร้ายพี่อย่างนั้นแน่”

“แน่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ก็แล้วใครกัน ที่บอกว่าจะเอาชีวิตเป็นประกันล่ะ”

ผมพูดแล้วโปรก็ทำตากลอกไป ผมเองก็เลยหัวเราะท่าทางของโปรแล้วเอามือไปลูบหัวโปรเบาๆ แล้วก็รู้สึกว่าวันนี้โปรจะดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าทุกวัน เอ...หรือว่าผมคิดไปเองนะครับ? รถของเราเดินทางออกจากหน้าที่ทำงานผม มันเคลื่อนไปตามทางเส้นเดิมเหมือนทุกวัน แต่สิ่งที่ต่างไปคือความเชื่อใจที่ผมมีต่อโปรนั้นมีมากขึ้นอีกเยอะเลยล่ะครับ

ออฟไลน์ menano

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-0
โอ่ยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ตายแล้ว ตี๋โปร

น่ารักนะคะ

แบบนี้จะไม่รักยังไงไหวเนอะ

เหอเหอ  น่ารักขนาดนี้ขอจูบที

 :laugh:

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
น้องโปรทำดีมากกกกกกกกก o13

ririmu

  • บุคคลทั่วไป
แมนมาก ๆ ตี๋น้อย มา มา ขอจิ้มซักที จึ๊ก ๆๆๆ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อ้างถึง
“ตอนนี้และตอนไหนๆผมก็รู้อย่างเดียวล่ะครับ ว่าผมรักพี่หนึ่ง”

ประโยคนี้ทำเอาตายไปเลย   :m2:


อ๊ายยยยยยยยยยยยยยย เด็กอะไรเนี่ย น่ารัก มั่กมากๆๆ    :m3:


ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
รักน้องโปรจางคนไรน่ารักได้น่ารักดีอิๆ

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
 :o8:  เพี่งเข้ามาอ่านครับ  ขอสมัครเป็น Fc ด้วยคนครับเนื้อเรื่องออกแนวน่ารักดีครับ  แล้วจะติดตามต่อไปครับ

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
รักกฃันหวานซึ้งซ่ะขนาดนี้ ขอร้อง อย่าได้มีจุดเปลี่ยนเน๊อ จุกแน่ ๆ

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
เด็กเวลารักก็รักจริงๆ แต่กลัวอารมณ์หวือหวาแบบเด็กๆนี่แหล่ะ :really2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด