{นิยาย}รถประจำทางสายนี้ยังมีรัก (ver.เล้าเป็ด) 9 ม.ค. :ตอนที่ 30 ตอนจบแต่ไม่อวสาน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {นิยาย}รถประจำทางสายนี้ยังมีรัก (ver.เล้าเป็ด) 9 ม.ค. :ตอนที่ 30 ตอนจบแต่ไม่อวสาน  (อ่าน 118119 ครั้ง)

BeePed

  • บุคคลทั่วไป
มาให้กำลังใจคนโพสต์  :L2:

อย่าเพิ่งน้อยใจกับจำนวนเม้นท์เลย ซักพักเดี๋ยวจะดีขึ้นค่ะ

เราเข้าใจ....เพราะเราก็เคยรู้สึกแบบเดียวกัน
.
.
แต่อดทนโพสต์ไปเรื่อยๆ  เดี๋ยวก็จะมีแฟนคลับตามอ่านมากขึ้นเรื่อยๆเองค่ะ  :กอด1:

muhan

  • บุคคลทั่วไป
จิ้มพี่PB

 :กอด1: :L2: :กอด1:

“ขออย่านับเวลาคบกันเป็นชั่วโมงเป็นวัน แต่ขอนับเป็นเดือนเป็นปี”

ชอบจัง

ขออย่านับคอมเมนท์เป็นคอมเมนท์ แต่ขอนับเป็นคำพูดจากใจ


 :pig4:

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

ย้ำอีกครั้ง ผมไม่ได้งอนคร๊าบบบบบบบ o22 ผมแค่แกล้งไอ้นายเส้นฯเล่นๆอ่า  :impress2:

คือว่า คือว่า เรื่องนี้เคยลงที่อื่นมาแล้วน่ะครับ ที่เอามาลงนี่คือฉบับสมบูรณ์ ผมไม่ได้คิดอะไรหรอกครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในเล้ามาคอมเมนต์ สามสี่ท่านก็ดีใจแล้ววว  :L2: ถ้าเป็นตอนโพสลงแรกๆสิ อันนี้น่าเครียดกว่า :serius2:

ผมจะไม่อยู่เป็นเวลา 5 วัน ทีแรกจะให้ไอ้นายเส้นฯมาลงโพสเอง แต่มันไม่ยอมอ่า ไม่รู้ทำไม ไงผมจะลงให้สองตอนติดแล้วกันนะครับ

ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในเล้าทุกท่านที่มาให้กำลังใจครับผม
ปล. ผมว่าให้นายหนึ่งเข้าสมาคม "โคถึกหักหญ้าอ่อน" ของคุณครูกอล์ฟ ดีไหมนะ
ปล.2 ผมไปเที่ยวลาวน่ะครับ เลยกลับมาช้าหน่อย
ปล.3 เพิ่งรู้ว่าเรื่องคนแก่กินเด็ก เอ้ยยยยยย :o จีบเด็กม.ปลาย เอ้ยยยยย :o เด็กม.ปลายจีบคนแก่ เอ้ยยยยย :o....อะไรอีกไม่รู้แระ ในเล้านี่มันมีเยอะจริงๆ (ตั้งสามเรื่องแหนะ) :oo1:



ตอนที่ 10

หลักจากเรื่องราววุ่นวายเริ่มคลี่คลายผมกับโปรก็ยังคงปกติผมขึ้นรถเมล์กับโปรทุกเข้า กลับก็กลับพร้อมโปร แต่ก็มีบางสิ่งที่เพิ่มเข้ามาบ้างก็คือช่วงนี้เป็นช่วงกีฬาสีของโรงเรียนโปร โปรเองเล่นบาสอยู่แล้วและนี่ก็ปีสุดท้ายแล้วที่โปรจะเรียนอยู่ในระดับมัธยม โปรลงแข่งในรุ่นทั่วไปทำให้ต้องมีการซ้อมและกลับบ้านค่ำกว่าเดิม ผมเองถ้าไม่ใช่ช่วงเคลียร์งานก็จะถูกโปรบังคับให้มานั่งรอโปรไม่ม้านั่งริมสนามบาสที่โปรซ้อม ก็ที่นั่งใต้ตึกเรียน แล้วทำไมผมต้องมานั่งรอไอ้ตี๋โปรมันด้วยนะเนี่ย

‘อายโคตร’

 เหมือนคนแก่ มาจับเด็กม.ปลายกิน ตอนแรกบอกผมรอที่ทำงานเล่นเสร็จค่อยโทรบอก แต่ไม่ยอมอีกบอกว่างั้นไม่เล่นจะกลับเวลาเดิมพร้อมผมอีก ไอ้ผมสงสารเห็นอยากเล่นบาสนะเลยยอม (จริงๆนะ) ช่วงเย็นเดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยได้คุยกับโปร จะได้คุยกันทีก็ตอนซ้อมเสร็จแล้วนั่งรถไปด้วยกัน พอถึงป้ายหน้าปากซอยหอผมโปรก็จะขอตัวแยกไปเรียนพิเศษทันที เพราะเวลานั้นคงเริ่มเรียนกันไปสักพักแล้ว แล้วจะรอเจอกันทำไมนะ?

วันนี้ก็เหมือนกัน ผมเลิกงานตอนห้าโมงครึ่งก็ขึ้นรถมาที่โรงเรียนของโปรเข้าไปนั่งคอยเพื่อจะกลับด้วยกัน  ที่สนามบาสผมเห็นโปรเล่นบาสอยู่กับเพื่อนๆ โปรนี่เรื่องเรียนกับเรื่องกินนี่ใช้ได้เลยแต่เรื่องบาสผมคงต้องคิดใหม่ โปรใช่ว่าจะเล่นเก่ง แต่มันเล่นไม่ได้เรื่องเลยต่างหาก แต่ก็พอเล่นนะครับ ที่ลงแข่งเพราะกะทิ้งทวนในฐานะ ม.6 แล้ว
 
ผมเองก็พอจะรู้จักกับเพื่อนของโปรบ้างแล้วเพราะโปรแนะนำให้รู้จัก (โปรบอกเพื่อนว่าผมเป็นลูกพี่ลูกน้องโปรน่ะครับ ทั้งๆที่น่าตาผมไม่กระเดะไปทางตี๋ๆเลย แถมบอกอีกว่าที่บ้านให้ผมมาคอยคุมเพื่อไม่ให้ไปเถลไถลที่ไหน)  ผมดูน่าตาแต่ละคนนี่ค่อนข้างจะเป็นลูกคนมีสตางค์ทั้งนั้น บางคนขับรถยนต์มาเรียนด้วย  ผมละทึ่งกับเด็กสมัยนี้ รุ่นผมอย่างมากก็แค่มอเตอร์ไซด์ เพราะทางต่างจังหวัดเค้านิยมน่ะครับ แถมเพื่อนโปรบางคนถือโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ราคาแพงกว่าที่ผมถืออีก จะว่าไปของไอ้ตี๋โปรก็ใช่ย่อยนะ แต่ดูจะใช้สมบุกสมบันมากกว่า ผมยังเคยบอกให้โปรรักษาของหน่อย แต่เหมือนโปรจะไม่ค่อยสนใจอะไรนักผมล่ะสงสารมือถือของโปรจริงๆ

“พี่หนึ่ง เก็บลูกหน่อย”

เสียงหนึ่งในเพื่อนของโปรบอกผมพอดีลูกบาสมันกลิ้งมาทางผมน่ะครับ ผมก็ลุกไปเก็บพอดีกับลูกบอลไปโดนขาของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่แถวนั้นเขาก็เก็บลูกบาสขึ้นมาแล้วโยนกลับไปในสนาม ผมเองก็ทันเดินไปถึงตัวเด็กคนนั้นพอดี เขาสบตาผมสักครู่แล้วก็ก้มหน้าไปอ่านหนังสือต่อ ผมเลยเดินกลับมานั่งที่เดิมผมมานั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งมันมีความรู้สึกคุ้นๆบ้างเหมือนกันนะครับ ว่าผมต้องเคยรู้จักเด็กคนนี้ที่ไหนสักแห่งมาก่อน แต่ผมก็ปัดความคิดนั้นออกเพราะผมเพิ่งมาเข้ากรุงเทพฯได้ไม่ถึงปีเท่านั้นเองจะไปรู้จักเด็กคนนี้ได้ไงคงเป็นคนน่าตาเหมือนคนที่ผมรู้จักมากกว่า

ผมนั่งรออยู่สักครู่เจ้าตี๋โปรก็ซ้อมเสร็จพอดี เมื่อเราขึ้นรถแล้วผมถึงเริ่มถามโปรถึงเด็กคนนั้น

“โปร คนที่เก็บลูกบาสให้นี่ เพื่อนโปรรึเปล่า?”

“ฮือ  คนไหนเหรอ”

“ก็คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆพี่ไง”

“อ่อ ไอ้อาร์ท มีอะไรเหรอเพ่ ชอบมันหรอ”

“เฮ้ย  แค่หน้าคุ้นๆ”

“อย่าบอกนะว่าเคยเป็นแฟนกะมันมาก่อน”

“นี่  บอกว่าแค่คุ้นๆ”

“อ่ะ ขอให้เจงเถอะค๊าบ”

“แล้วเรียนห้องเดียวกันเหรอ”

“อืม มันเพิ่งเข้ามาตอนม.ปลาย ชอบมันก็บอก จะได้ติดต่อให้”

“ไอ้โปร!!!”

แล้วโปรก็หัวเราะ แล้วเราก็คุยกันถึงเรื่องอื่นแต่ผมเองก็ยังคิดถึงน่าเด็กคนนั้นพยายามนึกให้ออกว่าใคร เพราะเหมือนผมจะรู้จักเค้ามาก่อน แต่นานมาแล้ว เพียงแต่ผมคิดไม่ออกเท่านั้นเอง

หลายวันต่อมาผมก็ยังไปนั่งรอโปรเหมือนเดิมอีกไม่กี่วันก็จะแข่งกีฬาสีแล้วและดูเหมือนผมจะเจอเด็กที่ชื่อ      อาร์ทบ่อยมากขึ้นด้วย แต่ผมก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าเคยรู้จักที่ไหน จนกระทั่งวันสุดท้ายก่อนกีฬาสีจะเริ่ม ผมก็มานั่งรอโปรเหมือนเดิม ผมมานั่งใต้ตึกเรียนและที่นั่นทำให้ผมเจออาร์ทอีกครั้ง คราวนี้เขาเดินเข้ามาหาผม ซึ่งผมก็ยิ้มให้ตามประสาคนเคยเห็นหน้ากัน

“สวัสดีครับพี่หนึ่ง ไม่เจอนานนี่ ผอมลงไปเยอะนะครับ”

“เอ๋  รู้จักพี่ด้วยเหรอ?” ผมแปลกใจมากที่เค้าจะทักผมก่อนแถมยังรู้จักผมเสียด้วย

“ผมน้องพี่โอ๊ตไงครับ”

“อ้าว โทษทีๆ ไม่ได้เจอตั้งนาน จำไม่ได้”

“ครับ ไม่เจอตั้งนาน” แล้วเราก็เปลี่ยนมานั่งในที่ห่างจากสายตาผู้คนที่เดินไปมาแถวนั้น แต่ก็ไม่ไกลจากที่เดิมที่ผมได้เจออาร์ทนัก เราถามสารทุกข์สุขดิบกันสักครู่ อาร์ทก็พูดถึงเรื่องพี่ชายของเขา

“พี่โอ๊ตฝากผมขอโทษพี่หนึ่งครับ”

“....”

“ที่พี่โอ๊ตเลือกที่จะทำอย่างนั้น  เอ่อ... คือ ตอนนี้พี่โอ๊ต...”

เหมือนอาร์ทจะกังวลที่จะพูดกับผมมาก จนผมรู้สึกได้ ผมเองก็พูดตอบไปในแทบจะทันที

“พี่ไม่ใช่คนสำคัญของเขา และพี่ก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขามานานแล้ว”

“ตอนนี้พี่โอ๊ตเองก็ไม่มีใครนะครับ....”

อาร์ทไม่ทันพูดต่อ น้ำตาของผมก็ไหลออกมาโดยไม่ได้บังคับมันแต่อย่างไร คนๆหนึ่งซึ่งเคยบอกว่าเขาต้องการได้ดาวที่เขาใฝ่ฝันมานาน เขาพร้อมที่จะวางผมไว้สักแห่งแล้วเพื่อจะเอามือของเขาคว้าดาวดวงนั้น ดาวที่ผมไม่อาจจะสู้เขาได้เลย มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมฝันร้ายตลอดหลายเดือนหลังจากนั้น ก่อนที่ผมจะทำใจและพยายามชินชากับคำพูดของเขาที่ยังก้องอยู่ในหัว คนนี้เป็นคนเดียวที่ทำให้ผมจำไม่เคยลืม บางทีผมนึกย้อนไปเป็นไม่ได้น้ำตาคลอตลอด

ไม่ทันที่ผมจะตอบอะไร ผมได้ยินเสียงใครสักคนวิ่งมาด้านหลังผม และผ่านตัวผมไปผลักตัวอาร์ทล้มลงในทันที

“เฮ้ย มึงทำอะไรพี่กู” เสียงโปรตะคอกใส่อาร์ท เป็นครั้งแรกที่ผมจะเห็นโปรเป็นอย่างนี้

“กูเปล่านะ..”

“มึง!! ไม่ต้องเลย”

ก่อนที่จะมีเรื่องมากไปกว่านี้ ผมได้เข้ามาห้ามโปรไว้ แต่เหมือนโปรจะไม่ยอม จนผมต้องกอดเอวโปรไว้ด้านหลัง

“โปร อย่า  ไม่มีอะไรๆ”

“เรื่องราย มึงบอกมาอาร์ทว่ามึงทำอะไรพี่กู”

อาร์ทยังไม่ลุกขึ้นมา ได้แต่นั่งมองผมและโปรอยู่ตรงนั้น เหมือนจะพยายามพูดอะไรบางอย่างแต่พูดไม่ออก ผมก็ยังรั้งตัวโปรไว้ แต่รู้สึกว่าผมจะรั้งไว้ไม่อยู่แล้ว

“โปร ไม่มีอะไร เชื่อพี่ คนเรารักกันต้องเชื่อกันสิ”

“.......”

จนในที่สุดโปรก็หยุด แล้วจับแขนผมให้เดินออกมาจากตรงนั้น ก่อนไปผมได้บอกอาร์ทว่า ขอโทษที่ต้องทำให้เจ็บตัว แต่ไม่ทันได้พูดอะไรอีกโปรก็ดึงแขนผมไปจากตรงนั้นทันที

บนรถเมล์ ผมไม่ได้พูดอะไรกับโปรเลย แต่โปรก็ไม่ลืมที่หยิบผ้าเช็ดหน้าของเขามาให้ผม

“เอามาทำไม”

“เอาไป”

ผมก็รับไป แต่ก็ได้แค่ถือไว้เฉยๆ จู่ๆโปรก็เอามือของเขามาจับที่มือผม

“พี่หนึ่ง ขอโทษ”

ผมจ้องหน้าโปรด้วยหน้างงๆ เพราะไม่เข้าใจที่โปรพูด  ขอโทษเหรอ ขอโทษเรื่องอะไร

“ที่ผมไม่ได้อยู่ดูแลพี่ตลอด”

“เฮ้ย พูดเบาๆ อายคนอื่น”

ผมกระซิบให้โปรพูดเบาๆแต่โปรเองก็จ้องตาผมอยู่อย่างนั้น

“ไม่มีอะไร แค่มีเรื่องเก่าๆมาให้คิดเท่านั้นเอง”

“นี่ตกลงเคยเป็นแฟนกับไอ้อาร์ทมาก่อนใช่ไหม” น่าตาผมนี่มันดูเป็นคนกินเด็กขนาดนั้นเลยเหรอ (ตอนนี้มานั่งนึก)

“ไม่ใช่ อาร์ทไม่ได้เกี่ยว แต่อาร์ทเป็นน้องของ...”

“......”

“แฟนเก่า”

“แล้วทำไม มันพูดอะไร”

“ก็แค่บอกว่าพี่ชายเค้าเป็นไงบ้างเท่านั้นเอง”

“......”

“ไม่มีอะไรจริงๆ”

“อ่ะ เชื่อ” แค่คำพูดสั้นๆธรรมดาๆ แต่ทำให้ผมยิ้มขึ้นได้อย่างประหลาด

“ที่เชื่อเพราะพี่บอกรักกับผมแล้วนะ ผมเลยเชื่อ”

“ฮือ  บอกตอนไหน”

“ก็ตอนที่ห้ามผมไง  อะไรๆน๊า  รักผมๆรึไงเนี่ย”

“ไม่ได้พูด!!”

“อ่ะ อย่าๆๆๆๆ  นี่ยังไม่ถึงเวลาเลย พี่แหละผิดสัญญา”

“ไม่รู้ ยังไม่ได้พูด”

“ปากแข็งนะมันน่า...”

“น่าอะไร”

“เดี๋ยวก็รู้”

แล้วเจ้าโปรก็ทำหน้ากวนๆใส่ผม ผมนี่ละเหนื่อยใจกับเจ้าเด็กตี๋นี่จริงๆเลย ครั้งจะพูดง่ายก็ง่ายจริง ตอนนี้เรื่องคงจบแล้ว หรืออาจจะมีอะไรที่เพิ่งเริ่มต้นก็เป็นไปได้นะครับ แต่ตอนนี้ ผมรู้อีกอย่างแล้วว่า ผู้ชายคนนี้ ปกป้องผมได้ (แม้อาจจะไม่มีเหตุผลและเลือดร้อนไปบ้างก็เถอะ)

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

ศัตรู(หัวใจ)ของโปรตัวจริงมาละ ขอให้สนุกกับการอ่าน และทิ้งระเบิดไว้ให้ติดตามนะครับ หึหึหึ :mc4:

ขอบคุณครับ :pig4:
ปล.ไอ้นายเส้นฯฝากคำถามมาว่า "จากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่กระทบต่อประเทศไทยทำให้การส่งออกหดตัว ถามว่ารัฐบาลควรใช้นโยบายใดเพื่อให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจดีขึ้น และผลกระทบจากนโยบายนั้น ถ้าเลือกทำได้เพียงนโยบายเดียว"..........  ไอ้บ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ใครมันจะไปตอบได้ฟะ ข้อสอบป.โทมึงรึไง ไปถามที่อื่นไป๊ (สงสัยมันอ่านเรื่องครูกอล์ฟมากไปมีการบ้านท้ายบท) งั้นผมถามเอง "จากภาวะเศรษฐกิจที่ตกสะเก็ด และภาวะโลกร้อน เราควรจะทำอย่างไรดีให้หายหนาวได้" เอะยังไง??



ตอนที่ 11

ในที่สุดวันแข่งกีฬาสีวันสุดท้ายก็ผ่านไป ช่วงนี้ (เดือนสิงหาคม) แล้วก็ใกล้เวลาจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเต็มทีในประมาณเดือนตุลาคม ช่วงนี้โปรเลยต้องรีบกลับก่อนเพื่อจะไปให้หมอพจน์ติวให้ และไปเรียนพิเศษต่อเลย น่าสงสารโปรเหมือนกันนะครับ แต่เมื่อคิดถึงตอนที่ผมอายุเท่าโปรผมเองก็กลับบ้านไม่ต่ำกว่าสองทุ่มเพราะไอ้เรียนพิเศษนี่ล่ะครับ ทั้งฟิสิกส์ เคมี ตอนนี้ย้อนมาก็ยังสงสัยว่าจะเรียนไปทำไม เพราะว่าไม่ได้ใช้มันเลย ดันมาเรียนเศรษฐศาสตร์ไง (คิดแล้วเสียดายเงิน) ผมเองก็มีสอนให้โปรบ้างแต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้สอนเท่าไหร่ เพราะเศรษฐศาสตร์หลักสูตรม.ปลายเองก็ไม่ได้เป็นวิชาหลักอะไร ครั้งจะติวเลขผมเองก็ไม่ได้เก่งทุกเรื่องที่ม.ปลายเรียนนิครับ ได้อย่างมากก็แคลคูลัสเล็กๆน้อยๆเท่านั้น แต่อย่างไรตอนเช้าผมก็ยังขึ้นรถเมล์กับโปรเหมือนเดิมและถ้าโปรเรียนพิเศษเสร็จก็จะโทรหาผมจนเป็นเรื่องปกติแทนเสียแล้ว

ช่วงนี้ผมเลยต้องกลับหอคนเดียว ใจก็หวิวๆบ้างนะครับ เพราะสองเดือนมานี่ผมจะมีไอ้ตี๋น่าตากวนๆมานั่งด้วยตลอด จนบางทีโจก็แซวว่ารักผมคงจืดจางเสียแล้ว

“บอกให้รีบๆไม่เชื่อ  ดูสิป่านเนี้ยเด็กมันไปตกหลุมใครแล้วมั้ง”

“ไอ้นี่ ปากดี ว่าแต่คนอื่นแล้วเป็นไง ตกลงได้ยังล่ะไอ้โต๊ะตัวใหม่น่ะ”

“ก็เจ้าตัวดีมันชอบแบบมีชั้นวางหนังสือพร้อม แต่กูไม่ชอบนิหว่า”

ตอนนี้ไอ้โจกับน้องต้อมมันพัฒนาไปอีกขั้นแล้วครับ คือตอนนี้น้องต้อมกับมันตกลงที่จะไปอยู่ด้วยกันแล้ว ไอ้โจมันยอมอ้อนแม่ของเงินไปดาร์วคอนโดเพื่ออยู่กับเจ้าแมวน้อยของมันโดยเฉพาะ แต่นี่กลายเป็นเรื่องที่ทำให้ผมต้องปวดหัวมากขึ้นเพราะมันทะเลาะกันเรื่องเฟอร์นิเจอร์บ้าง เรื่องห้องบ้าง เรื่องนั่นเรื่องนี่ยุ่งไปหมด ไม่เพียงเท่านั้นตอนนี้น้องต้อมก็มีเบอร์โทรศัพท์ของผมแล้วยิ่งแล้วใหญ่ ถ้าโจมันเกิดผิดนัดอะไรแทนที่จะโทรตามโจกลับโทรมาหาผมแทน สงสัยคิดว่าผมต้องอยู่กับมันน่ะครับ (ที่จริงก็ส่วนใหญ่) ผมก็ต้องแก้ต่างให้มันแทนบ้างว่างานยังไม่เสร็จ ไม่ก็รถคงติดมั้งเลยยังไม่ถึงประมาณนี้ บางทีก็ไม่รู้หรอกว่ามันอาจจะแอบไปหากิ๊กไหนของมัน แต่ผมก็ไม่อยากให้เพื่อนผมต้องเสียหรอกครับ จริงไหม? (ก็เผื่อผมแอบเวบจากไอ้ตี๋โปรบ้าง มันจะได้ไม่ไปฟ้องไง ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ)

“วันนี้ให้ไปส่งป่ะ พอดีจะผ่านทางหอแกพอดี”

“เหรอ  เอาสิ”

ที่จริงโจขับรถมาทำงานครับ แต่ว่าบ้านมันกับหอผมมันอยู่คนละทิศเลยเท่านั้นเอง พอดีผมกำลังเก็บของอยู่นั่นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมดูเบอร์แล้วนี่เบอร์ของน้องต้อมนี่นา

“สวัสดีครับ”

“ดีครับพี่หนึ่ง  พี่โจอยู่แถวนั้นป่าว”

“อ่ะ อยู่ๆ  คุยด้วยไหม”

“ครับ”

พูดเสร็จผมก็ยกมือถือให้โจ มันก็ทำหน้างงๆ ผมก็บอกว่า แมวที่บ้านโทรมา มันก็รับมือถือผมไปแต่โดยดี

“จ๋า”

“......”

“อ่ะ จ้า จ้า ตัวเองอย่าซื้อนะ เค้ายังไม่เห็น”

“......”

“ก็บอกอย่าเพิ่งๆไง”

“........................(น้องต้อมพูดโทรศัพท์ครับ ผมไม่ได้ยินว่าพูดอะไร).................................”

“งั้นรอตรงนั้นเลยนะ ห้ามไปไหน ห้ามทำอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวจะไปหาเดี๋ยวนี้ล่ะ อย่าๆเด็ดขาดเลยนะตัว ไม่งั้นเค้าไม่ยอมด้วย”

คราวนี้มันทำเสียงแข็งครับ ผมไม่รู้ว่าน้องต้อมพูดอะไรอีกมันก็วางหูแล้วก็ส่งมือถือคืนมาที่ผมเหมือนไม่ค่อยจะพอใจนัก

“หนึ่ง ขอโทษว่ะไงคงไปส่งไม่ได้ แมวที่บ้านทำเรื่องละ”

“นี่ไอ้โจ ถ้าแมวที่บ้านแกทำเรื่องมากนัก แกก็เอาไปปล่อยวัดสิ”

เสียงพี่จิ๊บแทรกเข้ามา ผมนี่แทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่

“แหม่พี่จิ๊บ แมวของโจ โจมันก็รักของมันนะพี่ มันคงไม่กล้าเอาไปปล่อยไหนหรอก”

“งั้นไปก่อนนะ  บายครับพี่จิ๊บ”

แล้วโจมันก็เดินออกไปทันที ตอนนี้ถ้าผมกับโจจะพูดเรื่องน้องต้อมในที่ทำงานแล้วล่ะก็จะเรียกแทนน้องต้อมว่า ‘แมวน้อย’ บ้าง ‘แมวที่บ้าน(โจ)’ บ้าง แต่ผมจะเรียกอันหลังมากกว่าครับ

“พี่เพิ่งรู้นะนี่ว่าคนอย่างมันจะเอนดูสัตว์เป็นด้วย ทีตอนไปหาลูกค้าด้วยกัน ขนาดปลาทองที่เค้าเลี้ยงไว้ในตู้มันยังขยาดเลย”

“แมวตัวนี้มันคงรักจริงๆน่ะครับพี่”

“งั้นให้มันเอาแมวทำแฟนเลยดีไหม แหม่รักซะปานนั้น”

ผมหัวเราะออกมาไม่รู้ตัว พี่จิ๊บนี่ก็เซ้นท์แรงนะครับ รู้ได้ไงว่ามันเอา ‘แมวที่บ้าน’ ทำแฟนจริงๆ แล้วผมก็ลาพี่จิ๊ก ออกจากที่ทำงานมารอรถเมล์ที่ป้าย ผมเองก็นึกถึงโปรว่าตอนนี้จะทำอะไรอยู่ คงจะนั่งติวกับหมอพจน์อยู่ล่ะมั้ง สำหรับผมพจน์แล้วผมคงไม่ค่อยห่วงอะไรครับ หมอพจน์เค้าเคยบอกกับผมว่าถึงเค้าจะเป็น แต่เค้าก็รักโปรแบบน้องคนหนึ่ง ขอให้ผมมั่นใจได้ แถมมีการพูดติดตลกอีกว่าถ้าเขาจะจีบใครสักคนจะให้ผมเป็นแม่สื่อให้อีก เอ..แล้วหมอพจน์จะจีบใครกันนะ

ในที่สุดรถเมล์สายประจำผมก็มา บนรถผมนั่งที่เบาะว่างคู่หนึ่ง ผมยังนั่งริมหน้าต่างเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือเบาะข้างๆผมมันว่างเปล่า ไม่มีโปรมานั่งข้างๆ วันนี้รถก็ผ่านหน้าโรงเรียนโปรเหมือนทุกวันแต่วันนี้ไม่มีโปรขึ้นรถมา ผมมองเหม่อไปที่นอกรถจนไม่รู้เลยว่ามีคนเข้ามาข้างๆผม

“ขอโทษนะครับ ตรงนี้ว่างไหม”

“อ่ะ ว่างครับ....” ผมหันมาตอบเจ้าของเสียงนั้นแล้วมองไปที่หน้าผู้ชายคนที่พูดนั้น

“โอ๊ต...!?!?!”

“ครับหนึ่ง”

เขาไม่ใช่ชายแปลกหน้าที่ผมเพิ่งเจอครั้งแรก แต่เป็นคนที่คุ้นเคยมานาน แม้ตอนนี้ผมกับเค้าจะไม่ได้เจอกันเป็นช่วงเวลาหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ผมยังจำเขาได้ดี

“ผอมไปเยอะนะครับ หนึ่ง”

ผมบ่ายหน้าออกไปนอกรถ ตอนนี้ผมแทบไม่อยากจะสนใจอะไรกับผู้ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ไม่อยากแม้จะได้ยินเสียง เสียงที่นุ่ม ลึก แต่มันกลับบาดใจผมเป็นที่สุด

“ เป็นไงบ้างครับ สบายดีนะ งานเป็นไงบ้าง หนักรึเปล่า”

“......” ผมยังไม่ตอบอะไร

“ถือว่าผมเป็นเพื่อนเก่าคนหนึ่ง ที่มาหาเพื่อนเก่าที่ดีที่สุด น่ะครับ”

“ก็เรื่อยๆ ไม่มีอะไรมากมาย ตอนนี้ก็ยังสบายดี” เป็นคำพูดแรกที่ผมพูด แต่ผมก็ยังไม่หันหน้ามามองเค้าอยู่ดี

“อย่างนั้นก็ดีแล้วครับ ดูแลตัวเองดีดี อย่าคิดมากนะครับเดี๋ยวแก่เร็วนะ” เป็นคำพูดที่ผมคุ้นเคยดี ทุกครั้งที่ผมคิดมาก ทำท่าหงุดหงิดให้ชายคนนี้เห็น เค้าก็จะบอกผมอย่างนี้เสมอ

“ช่วงนี้ผมมาทำธุระแถวนี้ อาทิตย์ หน้าก็จะกลับแล้วครับ”

ตอนนั้นผมภาวนาให้รถเมล์ไปถึงป้ายหน้าปากซอยผมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมอยากจะออกจากตรงนี้ สภาพที่อึดอัดที่สุด มันทั้งทรมาน ผมพยายามที่จะกลั้นน้ำตาไว้ ตัวผมสั่นไปหมด จนแทบทนไม่ไหว

“คุณ... เป็นอะไรไม่สบายรึเปล่า”

เสียงนั้นยังตามมาอีก ในที่สุดก็ถึงป้ายหน้าซอยเข้าหอผม ผมรีบลุกอย่างรวดเร็วเบียดโอ๊ตที่อยู่เบาะข้างทางเดินโดยไม่ขอโทษเขา ทันทีที่ปนะตูเปิด ผมวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ผมรู้สึกเหมือนว่าจะมีมือใครบางคนจะฉุดผมไว้ตอนที่ผมจะลงรถ แต่ก็สะบัดมือนั้นแล้วลงรถไปทันที

“....คือผมแค่อยากให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม....”

เหมือนผมได้ยินเจ้าของเสียคนที่ฉุดมือผมไว้นั้นพูด แต่ผมก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น วิ่งเร็วที่สุด หนีให้ไกลที่สุด ผมคิดได้เพียงเท่านั้น ผมวิ่งมาไกลเท่าไหร่ไม่รู้ รู้เพียงว่าตอนนี้ผมเหนื่อยเหลือเกิน

เหมือนคนหมดแรงผมทรุดตัวลงข้างทางผมพยายามที่จะเงยหน้าขึ้น แต่เหมือนทุกอย่างจะมืดหมด แล้วจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้เลย....

ออฟไลน์ watermoonj

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-1
^
^
จิ้มคนเขียน  :m11:

เดี๋ยวอ่านก่อนเม้นทีหลังเน้อ

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
โหย เจ้าโอ๊ตแฟนเก่านี่มันช่างกล้า ทิ้งเค้าไปก่อนแท้ ๆ  :angry2:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
อย่าทำร้ายตี๋โปรน้อยน่ะค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ยยย รักแรกนี่มันลืมยากจริงๆ เหรอ  :monkeysad:


อย่าได้ให้เจ้าโปรมาเจอเชียว งานเข้าแน่ ๆ

ออฟไลน์ menano

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-0
โอ่ยตายแล้ว

คู่แข่งของจริงกลับมานะเนี่ย

เค้าว่ากันว่ารักครั้งเก่ามักจะฝังใจและยากที่จะลืมเลือน

เอาล่ะสิทีนี้โปรแย่แน่แล้ว

แล้วก็อยากบอกว่า ได้ข่าวว่าคนแต่งจะไม่อยู่

งืองือ  เค้าอยากอ่านต่อนะ  ถ้าเป็นไปได้กลับมาเร็วก็ดี

แล้วก็มาต่อด้วยนะจ๊ะ  จะรอจ้า  :กอด1:

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
น้องโปร อยู่หนายยยยยยยยยยยย มาให้ว่องเลย

ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ tatum1234

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-1
 :angry2:นายโอ๊ตนายจะกลับมาทามมายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย



 :monkeysad:ตี๋โปรมาด่วนเลยพี่หนึ่งจะแย่แว้วน๊า



 :L2:มาติดตามอ่านด้วยคนคร๊าฟฟ สนุกดีครับเป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :o12:

อย่ากลับไปหา โอ๊ต แล้วทำร้ายน้อง โปร เลยน๊า

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2

remainder.t

  • บุคคลทั่วไป
 :angry2:นายโอ๊ต แกกลับมาทำไม

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22

re_rain

  • บุคคลทั่วไป

BeePed

  • บุคคลทั่วไป
มาดันกระทูู้ไว้ก่อน

อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2

three

  • บุคคลทั่วไป
ตายแล้วเป็นลมเป็นแล้งแบบนี้ใครจะมาช่วยเนี้ยห๊า :serius2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






BeePed

  • บุคคลทั่วไป
ประกาศ.....คนแต่งหายค่าาาาา  :m31:

จงมา จงมา จงมาอัพ  :call:


Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

ยังไม่ได้มาอัพให้หรอกครับ 55 :laugh:55 ผมมาใช้เครื่องคอมเพื่อนเล่นน่ะครับ พอดีผมกลับบ้านนอกอย่างที่บอก วันพฤหัสฯนี้จะอัพให้แน่ครับ ตามสัญญา

สัญญาครับ ไอ้นายเส้นฯรู้เข้าคงดีใจ

ขอบคุณที่ติดตามเสมอครับ
ปล. ผมไปทำนายไพ่ยิปซีมา เค้าว่าเรื่องความรักนั้น โดนหลอกมาตลอด และจะโดนหลอกตลอดไปอ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :o12:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
อย่าเชื่อมากหมอดูคู่หมอเดา  :กอด1:

รีบมาต่อนะ รอจ้า

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

มาช้านิดเดียวตกไปหน้าสองซะละ :sad4: มาต่อตอนที่ 12 เลยครับ
ผมไปเที่ยวมาหลายวัน กลับบ้านนอกด้วย ซื้อของกินมาเยอะเลยอ่าา แต่ไม่รู้จะฝากคนในเล้ายังไงดี ดังนั้นผมขออนุญาตทุกท่านกินเองให้หมดจะได้ไม่ต้องแย่งกันเองในเล้านะคับ  :laugh:






ตอนที่ 12

คุณเคยจำถึงช่วงเวลาที่โหดร้ายของคุณได้ไหมครับ ผมว่าหลายๆคนพยายามที่จะลืมมันแต่ว่าบางสิ่งที่อยากลืมเรากลับจำมันได้แม่นนัก ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นอย่างนั้น

ไม่รู้ว่านานสักเท่าไรที่ผมหมดสติไป ผมลืมตาขึ้นมาผมพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องของผมแล้ว

“ตื่นแล้วเหรอครับพี่”

ผมหันไปตามต้นเสียงนั้น ผมเห็นหมอพจน์นั่งอยู่ตรงโต๊ะคอมพิวเตอร์ ในมือมีหนังสือเล่มใหญ่หลายเล่ม คงเพิ่งติวหนังให้โปรเสร็จ

“พี่มาที่นี่...”

“พี่หมดสติไปน่ะครับ พอดีเจ้าโปรโทรหาพี่ตอนที่ติวกับผมเสร็จ แล้วพี่ไม่รับสายมันเลยเป็นห่วง เลยให้ผมมาดูที่หอ”

“แล้วโปร...หล่ะ?”

“ไปเรียนพิเศษครับ แต่ผมโทรบอกแล้วว่าพี่ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวมันก็คงมา ตอนที่ผมมาเจอพี่ มีแต่คนมุงเยอะไปหมด ดีนะครับที่ยามหอพี่ช่วยพี่พาขึ้นมาถึงห้องได้...”

จู่ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น หมอพจน์หันดูที่ประตูสักพักเดินไปเปิด ผมคิดว่าน่าจะเป็นรูมเมทของผมคงจะกลับมาถึงห้องแล้ว มันคงตกใจแย่ที่เห็นผมในสภาพแบบนี้

“พี่หนึ่ง  เป็นไงบ้าง”

เจ้าตี๋โปรแทบจะถลามาหาผม เอามือมาแตะที่หน้าผากผมใหญ่เหมือนจะวัดไข้

“พี่หนึ่งไม่ได้ป่วยเป็นไข้เจ้าโปร พี่เค้าแค่หมดสติ” โปรได้ยินดังนั้น ก็เปลี่ยนเอามือมาจับที่มือผมแทน

“ไปทำอีท่าไหนให้หน้ามืดได้ สงสัยแก่มากแล้วนะนี่  โถ...ไม่น่าเลย”

“ไม่น่าอะไร” ผมสวนถามไป

“ไม่น่า ’รัก’ เลย”

“เออ  พี่มันคนไม่น่ารัก ไม่ต้องมาสนหรอก” พูดแล้วผมก็พลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้โปร

“เจ้าโปร ไปกวนพี่เค้าทำไม หาทางลงเองนะ  พี่ไปก่อนละ พรุ่งนี้มีเรียนเช้า” ว่าเสร็จหมอพจน์ก็ออกห้องไป ปล่อยให้ผมกับโปรอยู่กันสองคน

“งอนเหรอ”

“....”

“ก็พูดจริงๆนิ ก็ ไม่น่า ‘รัก’ เลย”

“....” ผมยังคงเงียบอยู่ เจ้าตี๋โปรไม่รู้จะกวนผมไปถึงไหน เขาจะรู้ไหมว่าวันนี้ผมเจออะไรมาบ้าง แล้วจู่ๆโปรก็พูดโพล่งมาอย่างดัง

“ก็ผมไม่น่าไป ‘ร๊ากกกกกก’ เลยไง”

“เมื่อกี้ว่าอะไรนะ” ผมหันมาถามโปร

“อ้าวไม่ฟังเองช่วยไม่ได้ ของดีมีน้อยใช้สอยอย่างประหยัด”

“เมื่อกี้ว่าอะไร”

โปรก็ไม่พูด แถมทำตากลิ้งไปกลิ้งมาเหมือนแกล้งผม ตอนนั้นผมไม่รู้คิดอะไรเอื้อมมือขึ้นมาไปโอบเอวโปรไว้ (โปรยืนอยู่ข้างเตียงน่ะครับ) แต่โปรเหมือนจะกลัวว่าผมจะทำอะไรละมั้งเลยดิ้นให้หลุด ผมบอกกับโปรว่า

“อย่าไปไหนนะ อยู่ตรงนี้ก่อนอย่าไปไหน”

โปรหยุดดิ้น แล้วมานั่งบนเตียงข้างๆผม เมื่อโปรมาอยู่ใกล้ ผมก็ลุกขึ้นมากอดโปร ตอนนั้นเหมือนโปรจะแปลกใจในสิ่งที่ผมทำแต่เขาก็ค่อยๆเอามือมาโอบผมไว้ ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าผมรู้สึกอะไร รู้แต่ว่าน้ำตาของผมจู่ๆก็ไหลออกมา

“เฮ้ย พี่เป็นอะไร”

ผมไม่ตอบแต่กอดโปรแรงขึ้น โปรเองคงเหมือนจะรู้ว่าผมต้องมีเรื่องอะไร โปรเอามือมาลูบหัวของผมเบาๆ ผมเงยหน้ามองโปร ผมเห็นโปรยิ้มให้ผมเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา

“ผมอยู่ตรงนี้แล้วไงครับ...ผมไม่ได้หนีพี่ไปไหน...แล้วผมจะอยู่กับพี่ตลอดไป”

ในขณะที่ผมกอดโปรอยู่นั้น จู่ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผมเลยต้องเอามือออกจากตัวโปร โปรลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดประตู  รูมเมทผมนั่นเองดูเหมือนมันจะงงๆ ตอนที่เห็นโปรมาเปิดประตูเพราะนี่คือครั้งแรกที่มันได้เจอกับโปร แล้วมันก็มองมาทางผม

“เอ่อ นี่จะแนะนำให้รู้จัก” ผมเริ่มพูดก่อน

“พอดีเมื่อกี้กูหน้ามืดเป็นลมตรงปากซอย แล้วน้องเค้ามาช่วยน่ะ”

“อ้าว เป็นอะไรทำไมหน้ามืด” รูมเมทผมถามทันที

“ไม่รู้เหมือนกันสิ พอดีก้มไปหยิบของ พอเงยหน้ามาก็หน้ามืดเลย...เออนี่ น้องเค้าชื่อโปร อยู่ซอยถัดกูไปนี่แหละ พอดีเค้ามาช่วยกู”

“อ่อ ถ้าไม่ได้น้องนี่ สงสัยเพื่อนคงโดนปอเต็กตึ๊งเก็บไปแล้ว”

“เฮ้ย  กูยางม่ายตาย” แล้วเราสามคนก็หัวเราะพร้อมกัน

“เอ่อ  ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมไปก่อนนะครับพี่ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ”

ว่าเสร็จโปรก็เดินออกไป แต่ผมเห็นก่อนที่โปรจะข้ามประตูไป เขาหันหน้ามายิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้มเดียวกันที่ผมชอบมากที่สุด

“มึงร้องไห้เหรอ”

“ฮะ  อะไรนะ”

“มึงร้องไห้เหรอ”

“เปล่า”

“อย่าเลย กูก็เคยเห็นบ่อยๆ ตามึงแดงขนาดนั้น ไม่มีใครรู้ก็เหลือเกินละ”

“....” ผมเงียบแล้วก้มหน้าลงไป พูดอะไรไม่ถูก

“มีเรื่องอะไรเหรอวะ”

เพื่อนผมคนนี้เราคบกันมานานจนเขาแทบจะรู้ทุกเรื่องที่ผมเป็นที่ผมทำ ถ้ามีอะไรแปลกไปแม้แต่นิด มันก็จับได้เสมอ

“คือ...โอ๊ต...”

“ไอ้โอ๊ตทำไมอีก นี่มันยังมาหาเรื่องมึงอีกเหรอ”

“เปล่า พอดีไปเจอบนรถเมล์”

“มันมาทำอะไรแถวนี้ ไหนว่าตามแฟนมันไป...” เพื่อนผมหยุดพูดเมื่อมองหน้าผม แล้วเห็นผมทำท่าจะร้องไห้อีกครั้ง

“มันอยู่ไหน เดี๋ยวกูจะไปเคลียร์กะมัน”

ผมส่ายหัว ถึงอย่างไรผมก็บอกอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ ตอนที่ผมเลิกกับโอ๊ตใหม่ๆ เพื่อนผมแต่ละคนก็รู้ครับต่างก็ช่วยกันปลอบผม แต่รูมเมทของผมนี่ไม่ปลอบเปล่า เหมือนเพื่อนคนอื่นของผมไปสืบเรื่องแฟนใหม่ของโอ๊ตว่ามีเรื่องนอกใจแล้ว รูมเมทของผมคนนี้ล่ะครับเอาเรื่องไปบอกกับโอ๊ต ก็เลยทำให้เพื่อนผมคนนี้มีเรื่องชกต่อยกับโอ๊ตเลยทีเดียว

“มันรู้แล้วยังเรื่องแฟนของมัน”

“คง...รู้แล้วมั้ง”

“มันคงจะอยากกลับมาหามึงอ่ะสิ” ผมไม่ตอบเพียงแต่ก้มหน้า รูมเมทผมถอนหายใจเฮือกใหญ่

“คนอย่างนั้น อย่าไปสนใจเลย” ไม่ทันที่ผมจะตอบอะไร เสียงโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น เบอร์ของโปรนั่นเองที่โทรเข้ามา

“พี่หนึ่งเป็นไงบ้าง”

“อ่า ก็สบายขึ้นเยอะแล้ว”

“วันนี้รีบนอนนะ”

“ครับ ครับ”

“แล้วก็...”

“หือ  อะไรเหรอ”

“แล้วก็ฝันดีนะครับ เจอกันพรุ่งนี้เช้านะ ผมจะไปรับที่หอ”

“อืมๆครับ ได้ๆ”

แล้วเราก็วางหูกันไป เจ้ารูมเมทของผมก็ยังบ่นถึงเรื่องโอ๊ตไม่เปลี่ยน ผมเองก็พยายามไม่คิดอะไรมากมายไปอีก ผมจัดการธุระตัวเองเรียบแล้ว แล้วก็นอน ก่อนนอนครั้งนี้ผมไหว้พระกราบหมอนเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมอธิษฐานขอให้ทุกอย่างดีขึ้น ขอให้ผมอย่าได้เจอเรื่องที่ไม่ดีอีกต่อไปเลย สาธุ.....

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
ของโบราณคนเก่าๆอย่าไปสนใจ ร๊ากกกกเด็กดีกว่า :impress2:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
เจ้าโปรน่ารักมากมาย แต่ไอ้ตัวมารเนี่ยสิ จะโผล่มาทำไมเนี่ย

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
รักเด็กอย่างเจ้าโปร ดีกว่า น่ารักกว่าเยอะ  :o8:


three

  • บุคคลทั่วไป
ทิ้งไปแล้วยังจะย้อนกลับมาทำไม :m31:

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

ผมเพิ่งเช็คเมลตอนเช้า เห็นเมลไอ้นายเส้นฯส่งมาบอกว่าตอนพิเศษให้ลงก่อนตอนที่ 12 อ้าววววววว เวงงงงงเลยยยย ลงไปแล้วอ่า งั้นเอามาลงก่อนตอน 13 ละกันเนาะ
ตอนนี้ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อนนะครับ ผมก็เพิ่มได้เห็นนี่ล่ะ

ขอบคุณครับ



เรื่องของนายเลขหนึ่งกับคุณหมอฟัน (ตอนที่ 1)

บางสิ่งที่อยากจำเรากลับลืม บางสิ่งที่อยากลืมเรากลับจำ
คนเรานี้คิดให้ดีก็น่าขำ อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ
ผมอยากบอกว่า... ผมลืมมันไม่ได้... ทั้งๆที่ ผมอยากลืมมันเหลือเกิน...

วันเข้าค่ายร.ด.ของโรงเรียนผม แน่นอนเป็นการเข้าค่ายที่ผมไม่ชอบที่สุดแต่มันจำเป็นที่ต้องเข้า ถ้าไม่เข้าก็ถือว่าไม่ผ่านการเรียนร.ด. ต้องไปจับใบดำใบแดงแน่ๆ ไหนๆก็ทนเรียนมาสามปีละ เข้าค่ายแค่ 5 วันมันจะเป็นอะไรไป ค่าย ร.ด. นี้ผมไม่ได้ไปเข้าที่เขาชนไก่เหมือนพวกร.ด.ในกรุงเทพฯหรอกครับ เข้ากันในจังหวัดผมนี่เอง แต่เข้าทีก็จะรวมกันมีหลายๆโรงเรียน ตอนแยกเป็นกองร้อยอะไรก็ผสมปนเปกันกับโรงเรียนอื่น ไอ้ที่นัดกับเพื่อนว่าจะนอนเต้นท์เดียวกันนี่ลืมไปได้เลย เพราะครูฝึกกองร้อยผมได้สุ่มให้ผมนอนกะเพื่อนที่มาจากโรงเรียนอื่นเรียบร้อยแล้วเป็นนายตี๋แว่นหน้าตาดูหื่นๆมาจากอีกโรงเรียนหนึ่ง ผมมองหน้าเขาเองก็คิดว่าคงไม่มีพิษมีภัยอะไร ตัวมันขนาดพอๆกับผมนะ ถ้ามันกล้าทำอะไรผมจะได้กินลูกกุย(หมัด)ผมแน่ จนครูฝึกได้สั่งให้เรากางเต้นท์

“นายชื่ออะไรเหรอ” เพื่อนร่วมเต้นท์ผมเอ่ยขึ้นตอนที่เรากำลังของเข้าเต้นท์หลังกางเสร็จ

“เราหนึ่ง นายล่ะ”

“เราหมงนะ”

จากนั้นเราก็เริ่มคุยกันมากขึ้น เลยได้รู้ว่าหมงมาจากโรงเรียนเอกชนชื่อดังในจังหวัดเดียวกันกับผม จากการคุยแล้วมันผิดกับหน้าตาที่ดูหื่นๆของหมงโดยสิ้นเชิง ผมก็เลยสบายใจได้หน่อย เพราะรุ่นพี่เคยเล่าว่าถ้ามีคนนอนด้วยไม่ดูตาม้าตาเรือ ระวังจะโดนเสียบ!!!

การฝึกนั้นผ่านไปอย่างช้าๆ ที่มันช้าเพราะมันเหมือนจะทรมานผมมากกว่า เดี๋ยวก็วิ่ง เดี๋ยวก็หมอบ เดี๋ยวก็วิดพื้น ไม่รู้ครูฝึกจะแกล้งไปถึงไหน พอถึงเวลานอนก็หลับเป็นตาย จนวันหนึ่งจู่ๆก็มีข่าวมาจากเพื่อนๆว่า ผลการสอบโควตามหาวิทยาลัยในจังหวัดของผมออกแล้ว ดันมาออกตอนกูเข้าค่ายร.ด.นี่นะ (ช่วงต้นปี) เวรกรรมที่สุด เพราะมือถือก็ไม่ได้เอามากลัวเอามาพัง เพื่อนเองก็มีมือถืออยู่ไม่กี่คน มีคนจับจองขอโทรไปฟังผลหมด ผมเองก็รำคาญพวกมันเหลือเกินเพราะไม่ยอมให้ผมถามบ้างว่าผลสอบเป็นอย่างไง จนเวลานอนผมก็นอนในเต้นท์กับหมงตามปกติ

“นายสอบโควตาเปล่า”

“สอบ ทำไมเหรอ”

“รู้ผลหรือยังว่าติดอะไร”

“ยังเลย เพื่อนไม่ยอมบอกเรา”

“อ้าว ยังไม่รู้อีกเหรอ”

ว่าแล้วหมงก็หันไปคุ้ยๆที่ประเป๋าเป้ของเขา สักพักก็ยื่นโทรศัพท์มือถือของเขามาให้

“โทรถามดูสิ”

ผมก็รับมาโดยทันทีสิครับ ไอ้ขอบคุณยังไม่ได้บอกเลย แล้วก็กดเบอร์ไปหาเพื่อนที่ไม่ได้เรียนร.ด.ให้มันดูผลทางอินเตอร์เน็ตให้

“เฮ้ย กูหนึ่งนะ...
เออ  รู้ไงเลยโทรมา...
มึงจดรหัสกูไว้นิ ดูให้หน่อยสิ...”

แล้วผมก็รออยู่สักพัก แต่เป็นช่วงเวลาที่ทรมานยิ่งกว่าเข้าค่ายร.ด.เสียอีก หัวใจเต้นตุ๊บๆๆ ตาผมก็มองหมง หมงเองก็มองที่ตาผมและแล้ว

“ฮ้ะ!!!!  อะไรนะ กูเลือกอะไรไปบ้างเหรอ
กูเลือกนิติศาสตร์ไง....
ไม่ติดเหรอ....
เออไม่เป็นไรงั้น..... (ตอนนี้หน้าผมถอดสีเลย)
เอ้ยยยยยยยย  ไอ้เชี่ยยยยยยยย กูติดอันที่สองเหรอ แต่กูเลือกอะไรไปวะ
เศรษฐศาสตร์เหรอ มึงแน่ใจเหรอ กูไม่ได้เลือกวิดยาไปเหรอ
เออ ขอบใจมาก กูกำลังงงกับชีวิตอยู่
ไงออกค่ายเดี๋ยวกูเลี้ยง”

และแล้วการสนทนาก็จบลง ผมได้ทราบว่าผมติดโควตาคณะเศรษฐศาสตร์โดยตัวผมเองก็ยังงงๆอยู่ว่าติดไปได้ไง ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเลือกลงไปด้วย ผมคืนมือถือให้หมง หมงรับไปแล้วก็หัวเราะ ผมก็งงสิครับว่าหัวเราะอะไร

“หัวเราะอะไร”

“นายไม่รู้จริงเหรอว่าเลือกอะไรไว้”

“อืม... จำได้แค่อันเดียวอีกอันจำไม่ได้”

“เหมือนเรานะ เราก็ติดอีกอันที่จำไม่ได้”

“นายติดอะไรอ่ะ”

“เราเหรอ ที่จริงเราเลือกแพทย์นะ แต่ติดทันตะอ่ะ จำไม่ได้ว่าเลือกไว้”

ว่าแล้วหมงก็หัวเราะ อะไรกันเนี่ย ไอ้ตี๋แว่นหน้าหื่นๆนี่มันเรียนเก่งขนาดนี้เลยเหรอนี่ หมอฟัน มันนี่นะไม่น่าเชื่อผมนอนเต้นท์กับว่าที่คุณหมอฟัน และแล้วการเข้าค่ายก็จบลงผมก็คิดว่าคงจะเจอหมงที่ไหนสักแห่งในมหาวิทยาลัยบ้างล่ะนะ และก็เพราะหมงนี่ล่ะ ทำให้ผมได้ทีแฟนหนึ่งเดียวคนเดียวตลอดชีวิตในมหาวิทยาลัย

จนกระทั่งผมได้เป็นนักศึกษาปี 1 เต็มตัว กิจกรรมต่างๆของทั้งคณะและมหาวิทยาลัยก็เริ่มขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ให้นักศึกษารู้จักกันและมีความรักสามัคคี หนึ่งในนั้นก็มีงานขึ้นดอย ที่นักศึกษาปี 1 คณะต่างๆจะพากันเดินขึ้นดอยไปไหว้พระธาตุเพื่อเป็นศิริมงคลในการใช้ชีวิตและการศึกษาต่อไป

“น้องๆ ปีนี้พี่ไม่ขออะไรมาก พี่ขอที่หนึ่งก็พอ...”

เสียงจากรุ่นพี่คนหนึ่งดังมา พร้อมเสียงโห่ของพวกปี 1 ทุกคนในแถว

“ใครโห่ๆ รุ่นพี่เกือบที่ 1 นะโว้ย”

“ก็แค่เกือบ แต่ก็ไม่ได้ที่ 1 นี่นา” ผมพูดกับเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆกัน

“ไม่รู้ไอ้พวกเรียนสาธิตฯจะทำได้อย่างที่โม้เปล่า” เพื่อนผมอีกคนพูด

“มันว่าอะไรอ่ะ” ผมถาม ไอ้พวกนี้มันชอบขี้โม้ครับ มันถือว่าเป็นเจ้าถิ่นมาแต่เดิม ก็โรงเรียนมันอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยอ่ะ

“มันว่าพวกมันจะถึงวัดเป็นพวกแรก เพราะซ้อมเดินมาตั้งแต่เรียนสาธิตฯละ”

“สาธุเลยขอให้เรียนจบในสองปี” ผมว่าประชด

และแล้วการเริ่มเดินก็เริ่มขึ้น ตลอดทางมีการดูแลอย่างดี มีพี่พยาบาล หน่วยฉุกเฉินรอรับคนที่เดินไม่ไหว ในบางทางก็ชัน แต่ตลอดทางผมว่าสวยดี ทุกทีผมเคยแต่นั่งรถยนต์ขึ้นไป ไม่เคยเดินขึ้นอย่างนี้

“เฮ้ยๆๆๆ  แซงงงงงงงงงงงง”

เสียงเพื่อนผมดังมาขณะที่จับมือเดินไปด้วยกัน พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่เร่งขึ้นเพื่อแซงคณะที่เดินอยู่ข้างหน้า ผมก็วิ่งตามกับกลุ่มไปด้วย ถ้าไม่ผิดจะเป็นคณะที่หมงเรียนอยู่ เพราะผมเห็นหมงอยู่ในกลุ่มที่ถูกแซงด้วย เขาก็เห็นผมนะเขายิ้มให้ผมแหม่เพื่อนหมงแต่ละคนนี่ทำไมน่าตาดีๆกันทั้งนั้นเลยนะ ผมก็ยิ้มให้ขณะที่วิ่งผ่านเขาไป จนในที่สุดเราก็มาถึงวัดจนได้ พากันเหนื่อยพอสมควร รวมถึงไอ้พวกจบจากโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนก็ไม่เห็นมันจะเดินถึงก่อนแต่อย่างใด ก็ถึงพร้อมๆกันนี่ล่ะ ที่วัดรุ่นพี่ก็พาเข้าไปไหว้พระธาตุเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตัวเราในฐานะนักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัย แล้วผมกับเพื่อนผู้หญิงผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่สนิทกันตั้งแต่เจอที่คณะเดียวกันเดินไปรอบๆวัด ถ่ายรูปกันด้วยน่ะครับ

“หนึ่งๆ มาถึงนานหรือยัง”

เสียงเรียกดังมาจากข้างหลังผม ผมหันไปก็เจอหมงเดินมากับเพื่อนเขาคนหนึ่งน่าตาดี ตัวสูงกว่าหมงอีก (หมงสูงเท่าผม)เขายิ้มเล็กๆที่มุมปาก ไม่รู้จะยิ้มทำไม

“มาได้สักพักอ่า หมงเพิ่งมาถึงเหรอ”

“ช่าย เหนื่อยมากเลย”

“เอ้อ นี่เพื่อนที่คณะเราเอง ชื่อ(.....ผมก็แนะนำเพื่อนให้ครบทุกคน.....)นี่หมงอ่ะ รู้จักกันตอนเข้าค่ายร.ด.”

“ดีจ้า แหม่ชื่อน่ารักจัง หมงๆ” ไอ้เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งพูด

“อ่า นี่ก็เพื่อนคณะเราเอง ชื่อโอ๊ต”

โอ๊ตพยักหน้าพร้อมยิ้มให้ผมทีนึง ผมก็พยักหน้าแล้วยิ้มตอบ

“แล้วนี่หนึ่งจะกลับไงเหรอ” หมงถามผม

“ไม่รู้สิ ต้องรอรุ่นพี่บอกว่าจะให้กลับไง”

“เราว่าจะขึ้นรถแดงกลับอ่ะ กลับกับเราเปล่า”

“จะดีเหรอ ไม่รู้รุ่นพี่จะว่ารึเปล่าอ่ะ”

ตอนนั้นปีหนึ่ง อะไรๆก็ต้องกลัวรุ่นพี่ไว้ก่อนล่ะครับ

“หนึ่ง ชั้นว่าดีนะ ไม่ต้องเดินกลับ อีพี่บ้านั่นต้องให้เราเดินกลับแน่เลย” ไอ้เพื่อนผมอีกคนพูดพูด

“แล้วเรากลับรถนี่ พี่เค้าไม่ว่าเหรอ”

“เดี๋ยว ชั้นไปบอกพี่ที่สนิทให้ แกใจดี เดี๋ยวเช็คชื่อไง ฝากแกได้”

“จะดีเหรอ”

“เอาน่า ขี้เกียจเดินลง”

ในที่สุดผมก็ต้องยอมที่จะขึ้นรถกลับกับหมง โอ๊ต และก็ไอ้คุณเพื่อนๆทั้งหลาย ที่จริงผมมารู้ทีหลังว่าพวกมันไม่ได้บอกรุ่นพี่ว่าเราจะนั่งรถแดงกลับกรรมเลยเมื่อวันต่อมาเข้าคณะโดนด่าไปหลายดอก เราคุยกันตลอดทางระหว่างกลับไปมหาวิทยาลัย ผมได้นั่งติดโอ๊ตครับ ก็เป็นไปตามที่หวังในใจเล็กๆ คิคิ

“โอ๊ตคนกรุงเทพฯ เหรอ” เพื่อนผมถาม

“ครับ ผมเพิ่งมาที่นี่ไม่กี่ครั้งเอง แต่ชอบมาก เลยเลือกมาเรียนที่นี่”

“สงสัยจะติดใจคนเมือง แม่นก่” หมงแซว

“อย่าพูดคำเมืองสิ ก็รู้ว่าเราไม่เข้าใจ”

“อย่างนี้ก็ดีสิ เวลานินทาโอ๊ตจะได้ไม่รู้” เพื่อนผมแซวอีก

แล้วเราก็หัวเราะ ผมมองไปที่โอ๊ต โอ๊ตก็มองมาที่ผม ผมเขิลเหมือนกันนะครับที่โอ๊ตมองผมตรงๆอย่างนี้ พูดจริงๆคือโอ๊ตนี่
สเป็คผมเหมือนกันนะ พูดน้อยๆ เพราะผมเป็นคนพูดมากมากกว่า ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ

“แล้วนี่โอ๊ตอยู่หอในเหรอ” ผมถาม

“ไม่ครับ ผมอยู่หอนอก”

“อ้าวเหรอ”

“ครับ พอดีที่บ้านติดต่อไว้ตั้งแต่รู้ว่าผมติดที่นี่”

“เนี่ยะหนึ่ง เราก็บอกให้มานอนหอในเป็นเพื่อนเรา โอ๊ตมันไม่ยอมอ่ะ เมทเราไม่ค่อยชอบอยู่ห้องด้วย กลัวผีๆ”

“อ้าว แล้วนายไม่ได้อยู่บ้านเหรอ”

“ไม่เอาหรอก เราอยากใช้ชีวิตนักศึกษาจริงๆมากกว่า”

“เหรอ งั้นเดี๋ยวไปอยู่เป็นเพื่อนดีไหมจ้ะหมงๆ” เพื่อนผู้หญิงคนนึงผมพูดออกมา

“เหอะ อย่างคิงหนา ต้องไปอยู่เป็นเพื่อนช่วงๆตี้สวนสั๊ตว์ละก้ะ” เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งพูด

“ไอ้วอกนี่ ฮาเป็นคน เป็นคนตี้น่าฮักของหมงๆ”

“ไค่ฮากบ่ะเฮ้ยยย”

แล้วเราก็หัวเราะกันทั้งรถ

“หนึ่งครับเค้าว่าอะไรกันเหรอ” โอ๊ตกระซิบถามผม

“อ่อ ไม่มีอะไรหรอก แค่แซวๆกันเล่น”

“อ่อครับ แล้วหนึ่งอยู่หอไหนเหรอครับ”

“เราอยู่บ้านอ่ะ”

“ไอ้แอ๋ว (ชื่อเพื่อนผู้หญิงผมที่ชอบแซวๆหมงน่ะครับ) นี่ก็อยู่หอใน เพราะมันเพิ่งลงมาจากดอย บ้านไกลสัญญาณไม่มี”

“ไอ้บ้า เด๋วนี้เขาปั๊ดตะนาแล้ว” ไอ้แอ๋วคู่กรณีผมพูดพร้อมฝ่ามือไอ้แอ๋วประทับที่กลางหลังไปสองสามที

เราก็คุยกันต่อมาเรื่อยๆจนรถถึงมหาวิทยาลัย เราก็พากันไปหาข้าวกินเล็กน้อยก่อนแยกย้ายกันกลับ

“เสร็จนี่แล้วไปไหนต่อเปล่า” ผมถามทุกคนในกลุ่ม

“ไม่อ่ะแก ชั้นเหนื่อยมาก อยากนอน” ไอ้แอ๋วลากเสียงเหมือนจะขาดใจ

“เราเหมือนกัน ปวดขายิ่งกว่าตอนวิ่งในค่ายร.ด.อีก” หมงว่าส่วนเพื่อนคนอื่นๆก็อยากจะกลับหอกลับบ้านกันเสียให้ได้

“เออๆ งั้นเราจะได้กลับบ้าน แล้วโอ๊ตนี่กลับไงเหรอ”

“อืม ไม่รู้เหมือนกันครับ..”

“อ้าว งั้นผมไปส่งก็ได้นะ หออยู่ตรงไหนล่ะ”

“ไม่เป็นไรครับเกรงใจ”

“เฮ้ย เกรงใจอะไร ผมเอารถเครื่องมา ไปส่งได้”

“รถเครื่อง? ซาเล้งเหรอครับ”

“แป่วววว ไม่ใช่อย่างง๊านนน มอไซอ่ะ” แล้วคนที่เหลือก็หัวเราะ มีแต่โอ๊ตคนเดียวที่ทำหน้างงๆอยู่

“คือคนแถวนี้เรียกมอไซว่ารถเครื่อง” ผมอธิบายซ้ำ

“แล้วหออยู่ไหนล่ะ”

“อยู่หลังมอครับ”

“โอเค ไงเดี๋ยวไปกับผมแล้วกันนะ”

จากนั้นผมก็แยกกับหมงและไอ้แอ๋ว เพื่อนคุณเพื่อนๆ ไปเอารถมอเตอร์ไซที่จอดไว้แถวคณะผมเอง แล้วก็พาโอ๊ตซ้อนไปส่งเขาที่หอ

“ว่างๆอยากไปไหน คุณก็มายืมใช้ได้นะ” ผมบอกโอ๊ต

“ครับ หนึ่งใจดีจัง แต่ผมขับไม่เป็นน่ะครับ”

“เหออออ  ขับมอไซไม่เป็นเหรอ มันก็เหมือนๆกับขี่จักรยานนั่นล่ะ”

“ผมขับไม่เป็นจริงๆครับ ที่บ้านไม่มีมอไซ”

“อ่า งั้นเดี๋ยวสอนให้ได้ เอาเปล่า”

“โอเคครับ ไงฝากตัวด้วยนะครับ คุณครู”

นี่ผมต้องเป็นครูสอนขับรถมอเตอร์ไซให้โอ๊ตไปแล้วเหรอนี่ ถึงหอโอ๊ตเราก็มีการแลกเบอร์โทรศัพท์กัน ตอนนี้ผมก็เริ่มจะคิดๆมาบ้างแล้วว่าโอ๊ตนั้นอาจจะสนใจผมก็เป็นไปได้ จริงไหมครับ?

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด