ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
1 (ก้าวแรกของการเดินทาง)
บันทิตจบใหม่จากรั้วมหาลัยชื่อดังกำลังจะก้าวออกสู่สังคมภายนอก ที่มองไปทางไหนก็มีแต่การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน สิ่งใดที่สามาถกอบโกยได้ ต้องเอาไว้ก่อน นคร เด็กหนุ่มที่มีใจมุ่งมั่นที่จะหางานทำให้ได้หลังจากที่จบมา ไม่อยากจะกลับไปหาพ่อแม่ ณ ตอนนี้ น้อง ๆ ที่อยู่ที่บ้านก็กำลังเข้าสู่วัยกำลังเรียน นครมีครอบครัวที่อบอุ่น พ่อแม่น้องชาย และน้องสาว อยู่ด้วยกันทั่วหน้า แต่ด้วยที่ต้องเข้ามาเรียนถึงเมืองหลวง จึงไม่อยากจะกลับไปตอนนี้ ขออยู่สู้กับชะตาชีวิตสักครั้งก่อน แม้ว่านครจะไม่ทำงานที่เมืองหลวง ที่ ๆ นครจากมาก็สามารถทำให้ชีวิตครอบครัวนครอยู่ได้ แต่อยากที่จะพิสูจน์ตัวเอง ที่ร่ำเรียนมาขนาดนี้แล้ว ต้องทำให้ได้
“ไอ้คร มึงจะไม่กลับบ้านหรอ” เพื่อนที่เรียนมาด้วยกันและอยู่หอพักเดียวกัน
“กูอยากหางานทำก่อน แล้วค่อยกลับวะ ตึง” นครตอบเพื่อน
“เฮ้ย มึงจะหาที่นี้ทำไม บ้านมึงก็มีที่ให้ทำ กลับไปพลิกพื้นดินพ่อมึงซิวะ” เพื่อนตึงแนะนำ
“เอาไว้กูตกงานก่อน แล้วค่อยกลับ แล้วมึงละจะไปไหนต่อ” ถามเพื่อนร่วมห้อง
“กูว่าจะกลับบ้านก่อนวะ ญาติกูให้กูไปต่างประเทศ”
“เอาอย่างนั้นเลยหรือวะตึง”
“เออ ก็เขาปูทางให้กูมาอย่างนี้ กูก็ต้องไป” พื่อนร่วมห้องพูด
“ทำไงวะ กูอยากไปมั่งจัง”
“ไอ้นี้ เห็นคนอื่นไปก็อยากไป แล้วมึงจะเอายังไงกับชีวิตมึงวะ พรุ่งนี้จะต่อหอหรือจะย้ายออกเลย”
“กูว่าจะต่อซะก่อน แล้วมึงจะเดินทางกลับตอนไหน”
“ก็ถ้ามึงยังอยู่ ก็จะฝากของไว้ให้มึงก่อน แล้วมึงก็ค่อย ๆ ส่งกลับไปบ้านให้กูที เพราะกูอาจจะต้องไปทำเรื่องไปต่างประเทศเลย กูฝากด้วยนะ”
“เออ ๆ ไม่มีปัญหา ขอค่าจัดส่งมาให้กูก็แล้วกัน” นคร กล่าว
“ไอ้ห่า กับเพื่อนกับฝูงมึงก็ไม่เว้นเลยหรือวะ”
“อาวกูยังไม่ได้ทำงาน กูก็ยังกินเงินเก็บจากพ่อกูอยู่”
“แล้วมึงจะไปไหนก่อนวะ อันดับแรก”
“กูว่าจะไปสถาบันสิ่งแวดล้อม ก่อน เห็นเขารับสมัครพนักงานหลายตำแหน่ง”
“มันตรงสายเราไหมนั้น มึง”
“ทำไงได้ สายเราก็ยังไม่มีการเปิดรับสมัครนี้หว่า เอาอันไหนได้ก็เอาก่อน นี้ก็ว่าจะไปซื้อหนังสือเตรียมสอบมาไว้อ่านเหมือนกัน”
“กูเอาใจช่วยก็แล้วกัน แต่ตอนนี้กูหิว ออกไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า” เพื่อนร่วมห้องชวน
“เออ ขอกูเก็บของอีกนิดหนึ่ง” จากนั้นก็เก็บของเครื่องใช้ต่าง ๆ ให้เข้าที่ นิสัยของนครจะเป็นคนเจ้าระเบียบหน่อยหนึ่ง แต่ไม่ใช่กระเดียดออกทางเกย์ หรือกระเทย เพียงแต่เป็นผู้ชายเจ้าระเบียบ แม้แต่การวางรองเท้าหน้าห้อง มันก็ต้องให้หัวท้ายเท่ากัน บางครั้งตึงกลับมามันก็เขี่ย ๆ ออก แล้วไอ้ครก็จะไปเก็บ ซึ่งตึงรู้ดีและชอบด้วยเพราะเวลาที่ทำสกปรก นครก็จะเป็นคนจัดเก็บให้เรียบร้อย แม้ว่าจะแลกกับเสียงบ่น ก็ถือว่าคุ้มดี หรือแม้แต่บางครั้งที่ทั้งสองเอาแฟนสาวมาเที่ยวที่ห้องก็จะได้รับการชมจากเพื่อนสาวว่าห้องเป็นระเบียบดูดี น่ามาพักบ่อย ๆ
“งั้น กูออกไปรอมึงที่หน้าหอนะเว้ย” เพื่อนร่วมห้องบอก แล้วเดินออกจากห้องไป นครจึงต้องรีบเก็บห้องให้เรียบร้อย โดยเร็ว
“ไอ้ห่า แทนที่จะช่วยกู มึงเสือกชิงหนี” เสียงบ่นไปตามเรื่องตามราว
“ที่ทำรก ๆ ไม่รู้จักเก็บ พอกูทำเสร็จมึงก็มานอนสบาย แต่ก็เออ ยังไงมันก็จะไปแล้วนี้หว่า แล้วกูมาบ่นมันทำไมวะ บ่นมันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง จนจบแล้ว กูโง่หรือเปล่าวะ” พึมพร่ำกับตัวเอง รีบ ๆ ออกจากห้อง มาถึงหน้าหอพักก็เห็นเพื่อนตัวดี นั่งหลีหญิงอยู่หน้าหอพัก
“ไอ้ตึง มึงนี้ ระวังยายส้มมาจับได้เถอะมึง แล้วมึงจะรู้สึก”
“ไอ้ห่า ระวังปาก ถ้าเขารู้ก็จากปากมึงละหว่า” เพื่อนตอบกลับ
“ปากกู หรือว่าพฤติกรรมมึง” นครตอบกลับบ้าง
“ไป ๆ กูหิว อยากกินสุกี้วะ ไปกันไหม” สองเกลอเดินกอดคอกันไป จากหอพัก กำลังเดินตามริมฟุตบาท ส่งถนนหลวงด้านนอกที่มีการจราจรที่ติดคัด คนต่างเดินวิ่งกันตามวิถีชีวิตของตัวเอง สองเกลอเดินมาถึงร้านอาหารเล็ก ๆ ที่ทำขึ้นเป็นร้านอาหารตามสั่ง บนเนื้อที่เล็ก ๆ ของตัวตึก โดยชั้นบนแบ่งให้เป็นห้องเช่า วันนี้ดูคนจะบางตามาก ขนาดว่าบางตา ก็ยังแน่นร้าน ถือว่าร้านอร่อย คนถึงนิยมมาทาน มองเห็นโต๊ะด้านในสุดว่างอยู่ ก็เลยเดินเข้าไป
“แดกอะไรดี ไอ้ตูดหมึก” เสียงพ่อครัวร้องทักไอ้ตึง
“อาวเส้นหน่อยวันนี้ อยากกินเส้นเฮีย”
“แล้ว คร มึงเอาอะไร” พ่อครัวหันมาถาม
“ดู น่าเสียใจจังเฮีย เวลาคุยกับไอ้คร เสียงอ่อนเชียว เวลาคุยกับผมนี้เหมือนจะไปรบกันที่ไหน”
“ก็กูไมถูกชะตากับมึง ว่าไง คร จะเอาอะไร” พ่อครัวตอบดื้อ ๆ
“ตามใจเฮียครับ ฝีมือเฮียผมกินได้อยู่แล้ว” นครก็มีฝีปากเปราะทานเหมือนกัน
“ไอ้นี้ก็ โห กูเชื่อเลย เล่นพูดอ่อนพูดหวานให้เขาเห็นใจให้ของแดกเยอะๆ”
“ไอ้ตึงมึงอย่าพาล ก็เท่าเดิมทุกครั้ง มึงยังมาเอาส่วนของกูไปกินด้วยซ้ำ”
“ก็ของมึงมันได้เยอะนี้หว่า กูได้นิดเดียว” ไอ้ตึงยังคงเถียง
“หรือว่ามึงจะเอาทั้งร้านเลยไหม ฮะไอ้หมึก” เสียงพ่อครัวดังขึ้น คนในร้านหันมาดูเป็นตาเดียว เมื่อไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นก็ก้มหน้าก้มตาทานอาหารที่ตัวเองสั่งต่อ แต่ถ้าใครมาที่นี้บ่อยจะรู้เลยว่านี้เป็นการทักทายกันแบบธรรมดาของเจ้าของร้านกับไอ้คนที่ชื่อว่าตึง
“ไม่เอา เดียวกินไม่หมด สงสารหมามัน” ยังที่จะเถียงกลับไป
“ไอ้ตึง มึงก็ คนทำให้มึกแดกนะโว้ย ตั้งแต่ปีหนึ่งจนจบจะกลับบ้านแล้ว”
“ก็กูจะไม่ได้เจอแก แล้วนี้หว่า ฝากความคิดถึงไว้หน่อย จะเป็นไรไป”
“เดียวมึงก็ได้ กระทะที่กำลังทอดอะไรลอยมาฝากรักมึงหรอกไอ้ตึง กูไม่อยากร่วมชะตากรรม”
“เฮีย เอาอร่อย ๆ สุดฝีมือหน่อยนะ วันนี้มื้อสุดท้ายแล้ว”
“มึงจะไปตายแล้วหรอ” พ่อครัวตอบกลับมา
“เปล่า ครับเฮีย ไอ้ตึงมันจะกลับไปบ้านแล้วครับ พวกเราจบกันแล้ว”
“อาวหรอ งั้น วันนี้เฮียเลี้ยงเต็มที่ แสดงความยินดีที่มันจบวะ คร”
“จริงหรอเฮีย ทำไมวันนี้เฮียน่ารักกว่าปกติอะ” ไอ้ตึงทำตาเล็กตาน้อยใส่
“เออ ขอบใจ แต่กูก็เป็นของกูมาอย่างนี้ ตั้งนานแล้วโว้ย” จากนั้นอาหารหลาย ๆ อย่างก็ถูกลำเลียงออกมา สองเกลอต่างโชยกันอย่างเต็มที่
“กูอิ่มแล้วกูจะไปหาน้องไก่ก่อนถึงจะกลับหอ” นครบอกเพื่อน
“เออ กูก็ว่าจะไปหายายส้มจี๊ดก่อน จะไปลามันหน่อยก่อนไปเมืองนอกด้วย”
“อืม งั้นก็แยกกันก็แล้วกัน”
“เออ ๆ ไม่มีปัญหา รีบกินเถอะ” สองหนุ่มทานข้าวเสร็จก็ออกจากร้านไป
“ไอ้เสือ วันนี้ฉลองเต็มที่นะเว้ย กันเลี้ยง” เพื่อน ๆ ร่วมวงที่ร้านอาหารกล่าวขึ้น
“เออ ขอบใจถ้ากันได้กลับมา กันจะเลี้ยงพวกแกคืนวะ” ชายที่เพื่อน ๆ เรียกว่าเสือตอบ
“แล้วต้องไปนานกี่ปีวะ กว่าจะกลับ”
“ระวังตัวหน่อยก็แล้วกันนะเพื่อน กับภารกิจที่ต้องแบกรับ”
“อือ ก็ต้องเอาชีวิตเข้าแลกวะ” คนที่แบกรับภารกิจเอย
“แกนี้เก่ง กันทึ่งตัวแกวะ เข้าไปได้ไงถึงในรังมัน”
“ก็ มันหน้าที่นี้หว่า ก็อยากจะเลิกอยู่เหมือนกัน อยากกลับมาเป็น ตชด. เล็ก ๆ ที่ไม่ต้องออกไปไหนมาไหน หรือทำอะไรเสี่ยง ๆ นัก”
“แล้วของที่มันตามล่าอยู่นี้ ยังอยู่ไหมวะ”
“คงหนักละซิเมื่อคืน หน้าตาซีดเลย” เพื่อนแหย่ เป็นการขัดจังหวะการพูดคุย
“บ้า จริงหรอวะ” แต่ก็ทำไม่เชื่อ
“เออ เป็นไก่ต้ม เอาไปกี่ทีวะ สาวที่ไหน” เพื่อน ๆ แซว
“มันก็ต้อง แม้ ต้องคุ้ม ๆ หน่อยซิวะ” แล้วแก้วเหล้า หกใบก็ถูกยกขึ้นมาชนกันกลางอากาศ จนเวลาล่วงเลยมาเกือบห้าทุ่ม ที่จะต้องไปรายงานตัว
“เฮ้ย เกือบห้าทุ่มแล้ว กันไปก่อนนะเพื่อน อีกปีเจอกัน” คนกล่าวลุกขึ้นเก็บสัมภาระ
“เออ เพื่อนโชคดีนะเว้ย” เพื่อน ๆ กล่าว แทบจะลุกขึ้นเดินไม่ไหว คนที่จะไปรายงานตัวเดินออกจากร้าน มุ่งหน้าไปที่จุดนัดหมาย ในสภาพที่เมาเดินแทบจะไม่ตรง เดินเข้าซอยเปลี่ยวที่จะลัดออกถนนใหญ่อีกสายหนึ่ง
“เฮ้ย พี่เหยื่อมา” เสียงคนที่โตกว่า เอยขึ้น
“เฮ้ย ระวังหน่อยนะเว้ย แผนที่คงอยู่กับมัน” ลูกพี่กล่าว พร้อมทำสัญญาณให้ลูกน้องหลบ คนที่สภาพเมาเดินเข้ามาในวงล้อมของพวกมัน ที่บางส่วนแอบซุ่มตรงข้างทาง
“สิบตำรวจตรีจุติ ขอของเราคืน” เสียงหัวหน้ากลุ่มถาม
“ของอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง” คนสภาพเมาตอบกลับไป
“เมาขนาดนี้จะไปไหนได้ เฮ้ยพวกเราลุย” เมื่อหัวหน้าให้สัญญาณ เหล่าสมุน ก็ออกมารวบตัวคนเมา คนเมาก็ถูกฝึกมาดี ทำให้ไม่ยอมให้จับง่าย ๆ แต่คนน้อยย้อมแพ้คนเยอะ คนที่เมาก็โดนซ้อมซะสะบัดสะบอมไปทั้งตัว นอนแน่นิ่ง
“เฮ้ย ดูซิมีของอยู่ด้วยหรือเปล่า” เสียงหัวหน้าทีมสั่งลูกน้อง เหล่าลูกน้องก็ลงมือค้นหา
“เฮ้ย ทำอะไรวะ ตำรวจครับทางนี้ครับ” เสียงเรียกทำให้คนเหล่านั้นหันไปมอง เมื่อได้ยินคำว่าตำรวจแค่นั้นก็เผ่นกันหางจุดตูด
“พี่ ๆ เป็นไงบ้างครับ พี่” นครเข้าไปเขย่าร่างคนนอนแน่นิ่ง สักครู่คนที่โดนซ้อมก็ปรือตาขึ้นมอง
“น้อง... เอานี้ไป...แล้วบอกพวกเขามาช่วยพี่ อย่าให้ของข้างในตกในมือพวกนี้ เอาไปให้คนที่ชื่อ คริต” คนที่บาดเจ็บจับกระเป๋าใส่มือ
“อะไรครับพี่” นครยังคงถาม
“เอาไปที่จุดนัดหมายที่ หน้าโรงพยาบาล พวกเรารออยู่ที่นั้น”
“เฮ้ย มันหลอกพวกเราโว้ย ไปเอามันให้ตาย” สิ้นเสียงหัวหน้ากลุ่ม พวกคนเหล่านั้นก็กรูกันเข้ามา นครต้องรีบวิ่งออกไปที่จุดนัดหมายตามที่ คนบาดเจ็บสั่ง วิ่งแบบไม่คิดชีวิต
“เฮ้ย ของอยู่โน้น เอามันไปโน้นแล้ว จะเก็บมันไว้ทำไมวะ มันหมดความหมายแล้ว” สิ้นเสียงพูด เสียงที่ดังก้องขึ้นก็ทำให้กลายคนหยุดนิ่งหนึ่ง แต่นครกับรีบวิ่งหลบหายไปในพงป่าเปลี่ยวกลางใจเมืองนั้น หาทางออกไปโรงพยาบาลตามคนที่มอบหมายของให้ โดยเร็วที่สุด เสียงตามล่ายังคงตามมาเรื่อย ๆ นครพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมให้มากที่สุด ฝั่งหนึ่งของป่าเป็นโกดังเก็บสินค้า นครและพยายามหลบเข้าไปในบริเวณนั้น โชคดีอย่างหนึ่งคือมันมืดสนิท ทำให้การตามล่าทำไปด้วยความยากลำบาก
โผล่พ้นโกดังเก็บของออกมาได้ รีบหาทางไปที่โรงพยาบาล แล้วคนที่จะเอาสิ่งที่อยู่ในมือนี้ไปส่ง มันคืออะไร นครมองดูกระเป๋าลายพรางนั้นอีกครั้ง สูดลมหายใจอีกครั้ง เอาไงก็เอากันวะ วิ่งออกตัวสุดชีวิต มาเรื่อย ๆ จนถึงหน้าโรงพยาบาล แม้ว่าจะเงียบเฉียบแต่ก็ยังมีคนเดินไปมาอยู่ นครเคว้งไม่รู้จะไปทางไหนต่อ มองซ้ายขวา หมุนรอบ ๆ ก็ไม่เห็นใครมา นครหอบหายใจตัวโย จนต้องก้มตัวด้วยความเหน็ดเหนื่อย
“ปลาบินบนฟ้า” เสียงทักขึ้น จากขอทานสวมแว่นตาดำ เสื้อผ้าขาดรุ่งหริ่งที่ถือขันและไม้เท้าเข้ามา
“ปลาบินบนฟ้า” กล่าวขึ้นอีกครั้ง นครมองงง คืออะไร ทำหน้างง
“ลุง ผมไม่มีครับ ผมเพิ่งหนีเขามา เอาสิ่งนี้มาส่งเขา”
“แล้วคนที่ให้ไปไหนแล้ว” เสียงขอทานยังคงพูดต่อ
“ผมไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนที่ผมออกมานั้น ได้ยินเสียงปืนครับ” ขอทานจับมือนครได้ รีบหลบเข้าไปหลังโรงพยาบาล
“จะ ๆ พาผมไปไหน” นครตะกุกตะกัก ตกใจ
“จะรอให้มันมาฆ่าหรอ ไปกันก่อน”
“ผมไม่เข้าใจ มันคืออะไร” ปากก็ถาม แต่เท้าก็ยังเดินตามหลังไปเรื่อย ๆ
“ไม่ต้องรู้มาก ไปกันเถอะ”
“ไปไหน แล้วผมมาเกี่ยวอะไรด้วย” พอมาหยุดที่ห้องหนึ่ง ขอทานผลักประตูเข้าไป และดึงนครเข้าไปด้วย ภายในห้องที่เป็นห้องซักรีด
“ขอของที่หมู่เขาฝากมาให้ผม” นครเริ่มลังเล กอดกระเป๋าเข้าอก
“ไม่ได้ครับ ผมไม่รู้ว่าคุณอยู่ฝ่ายไหนของคนที่ฝากของมา แล้วคุณชื่ออะไร”
“ทำไม ชื่อเสียงใยสำคัญ” ถูกถามย้อนมา
“เฮ้ย ค้นให้ทั่วโรงพยาบาล ถ้าไม่ได้ตัว พวกมึงไม่ได้กลับไปหานายแน่ ๆ” เสียงจากข้างนอกทำให้คนที่อยู่ข้างในเริ่มกังวล
“ยิงปืนเป็นหรอเปล่า เอานี้” หยิบปืนออกมาจากกองผ้าโยนให้นคร นครรับทั้งที่ยิงไม่เป็น มือไม้สั่น
“ผม...ยิง ...ๆ ...ไม่เป็นครับ”
“เอาเถอะ ไว้ป้องกันตัว มันเก็บเสียง ระวังหน่อยก็แล้วกัน” ขอทานที่ตอนนี้สลัดคราบขอทานออกไปแล้ว กลายเป็นชายชุดดำที่ทะมัดทะแมน จับมือนครเดินออกมาจากห้องด้วยความระมัดระวัง
“เฮ้ยมันอยู่นั้น” แล้วเสียงปืนก็กระหน่ำ ตามมา
“หมอบลง แล้วตามมาเร็ว” พูดและเล็งปลายปืนกลับไป ลั่นไกออกไป แม่นเหมือนจับว่าง คนที่วิ่งตามมาล่วงเหมือนใบไม้
“ถ้าเป็นอย่างนี้ ข่าวมันรั่วแน่ ๆ” คนชุดดำพูดขึ้น นครยังคงทั้งคลานทั้งวิ่งสลับกัน
“เราต้องออกด้านข้างโรงพยาบาลแล้ว มันเป็นป่า ฉันบอกให้กระโดดก็กระโดดนะ”
“ผมไม่เคยครับ”
“ไม่เคยก็ต้องเคย ไม่งั้นเราไม่รอดแน่ ไป๊ ไปกันได้แล้ว” ชายชุดดำดุนหลังนครให้กระโดขึ้นกำแพง
“มันอยู่นั้น เร็ว” แล้วเสียงปืนก็ตามมาอีก ภาพที่เห็นด้านตรงข้ามก็คือ ป่าที่เป็นปลัก และรกทึบมาก ๆ ไม่มีเวลาที่จะตัดสินใจอีกแล้ว ตัดสินใจกอดกระเป๋าใบนั้นแล้วกระโดดลง โชคดีที่ตรงที่โดดลงเป็นดินที่แห้ง ติดกับกำแพง ชายชุดดำตามลงมาอย่างรวดเร็ว
“ไปทางนี้” ชายชุดดำฉุด แต่ขาเจ้ากรรม เกิดอาการเจ็บแปลบขึ้น
“ไม่ไหวครับพี่ ผมเจ็บขา”
“เจ็บก็ต้องไป ไม่งั้นจะเป็นศพเหมือนกับหมู่ติ” คำว่าเป็นศพทำให้นครต้องรีบตะเกียกตะกายออกจากบริเวณนั้นให้ได้ วิ่งตามหลังชายชุดดำออกมาเรื่อย ๆ
“เราจะไปออกไหนครับ”
“เราจะต้องติดต่อคริตให้ได้ก่อนตอนนี้” ชื่อนี้ทำให้นครตื่นตัว เราต้องทำภารกิจนี้ให้ได้
“แล้วเขาอยู่ไหน”
“กองบัญชาการ ตอนนี้เราหาทางออกจากตรงนี้ให้ได้ก่อน ไปเร็ว” นครรีบวิ่งตามหลังไปเรื่อย ๆ เสียงปืนดังแว่วตามมา ถือว่าไกลมาก และอีกอย่างเสียงรถตำรวจก็ดังขึ้นมา
*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
ทิพย์โมบอร์ดนิยาย