[story]"คำว่ารักของฉัน เคยส่งผ่านไปถึงเธอบ้างไหม" By Yo เองครับ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [story]"คำว่ารักของฉัน เคยส่งผ่านไปถึงเธอบ้างไหม" By Yo เองครับ  (อ่าน 102555 ครั้ง)

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ขอบคุณ คุณ Yo เองครับ ที่อนุญาตให้นำเรื่องราวดีๆ มาให้อ่านกัน

ขอความกรุณาเพื่อนๆ อย่านำเอาเรื่องราวในเรื่องนี้ไปเผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากคุณ "Yo เองครับ" ก่อนนะครับ

เพราะ เรื่องนี้มีบางส่วนมากจากชีวิตจริง ตัวละครทุกตัวมีชีวิตอยู่จริง

ขอบคุณครับ

หมูพูห์ :teach:


**********************************************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขอนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ



กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://thaiboylovestory.ueuo.com/webboard/index.php?topic=459.0


**********************************************************

 “เอ่อ...โยเป็นแฟนกับผมนะครับ” บูมหนุ่มรูปงาม ขาว ตี๋ สูง 178 หนัก 68 พูดขณะกำลังก้มลงจูบผม

“ครับ” ผมหลับตาพริ้มเพื่อรอการจูบของชายหนุ่มรูปงามซึ่งผมแอบหลงรักมานาน

โย! โย! โย! ตื่นได้แล้วลูก นี่มันจะ เก้าโมงแล้ว จะไป มหาวิทยาลัยทันเหรอลูก เพิ่งเปิดเทอมวันแรกก็จะสายเลยนะ อ้าวนี่ ทำอะไรน่ะ นี่แม่นะไม่ใช่สาว ๆ จะมาจูบอะไรกันจ๊ะ แม่พูดขณะปลุกผม

“อ้าว แม่เองเหรอครับ” ผมตื่นขึ้นมา และ ผิดหวังกับภาพที่ปรากฎ อยู่ตรงหน้า

“ก็แม่เองสิ แล้วจะมีใครมาปลุกคนขี้เซาแบบนี้ ไม่เอาละรีบ ๆ ไปอาบน้ำ ไปเรียนเถอะลูก”แม่พูดพร้อมกับส่ายศีรษะกับความขี้เซาของผม

“ขอนอนต่ออีกหน่อยนะครับแม่”ผมอ้อน

“ได้จ๊ะ ถ้าไม่กลัวว่าไปแล้วจะโดนอาจารย์ดุก็ตามใจ เห็นบอกว่าวิชานี้ อาจารย์ดุมากเลยไม่ใช่หรอ” แม่พูดยิ้ม ๆ

“เออ ใช่ วันนี้เรียนกับไอ้โหดนี่หว่า” ผมพูดพร้อมลุกขึ้นมากหยิบเสื้อผ้าด้วยความรวดเร็วและวิ่งเข้าห้องน้ำ

หลังจากนั้นประมาณ 10 นาทีผมก็แต่งตัวเสร็จและเดินลงบันไดมาชั้นล่างเพื่อใส่รองเท้า

“อ้าวไม่ทานข้าวเช้าหรอลูก” แม่ถาม ขณะตั้งโต๊ะทานข้าวเช้า

“ไม่ล่ะครับแม่ เดี๋ยวไปไม่ทัน แม่หวัดดีครับ” ผมในชุดมหาวิทยาลัยตอบ ขณะใส่รองเท้า

“จ๊ะ”หญิงวัยกลางคน อมยิ้มและส่ายหน้ากับพฤติกรรมของผมด้วยความเอ็นดู


เวรแล้วกู กูจะไปทันไหมเนี่ย ทำไมซวยอย่างงี้วะ ดันลืมตั้งนาฬิกาปลุก แถมมือถือก็ปิดอีก เฮ้ออออ

แต่เมื่อคืนฝันดีจัง แฮะ ผมคิด และอมยิ้มออกมาขณะโบกรถแท็กซี่ไปมหาลัย แต่แม่ไม่น่าปลุกเร็วเลยไม่งั้นละก็....ผมเพ้อและจินตนาการต่อ


รถแท็กซี่ขับผ่านประตูมหาวิทยาลัยแล้วมาจอดเทียบที่ตึกเรียน ผมจ่ายเงินและวิ่งหน้าตาตื่นไปยังห้องเรียน

อ๊อดดดดดดดดด อ๊อดดดดดดดดดดดดดด เสียงอ๊อดดัง เป็นสัญญาณให้นักศึกษาเข้าห้องได้แล้ว

ประตูห้องเรียนกำลังปิดโดยชายวัยกลางคนท่าทางดุดัน

“เดี๋ยวครับอาจารย์ รอเดี๋ยว” ผมวิ่งกระหืด กระหอบมาอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่า อาจารย์จะไม่ได้ยินเสียงผม และประตูก็ถูกปิดลง

“โห ไรวะ แม่ง”ผมสบถ ขณะวิ่งมาหยุดที่หน้าห้องเรียน

“อ้าว ไอ้โหดมันล็อคห้องแล้วหรอ” เสียงชายหนุ่มผู้หนึ่งดังขึ้นมาทางข้างหลังของผม เป็นเสียงที่ผมเคยได้ยินและ แอบประทับใจมาตลอด

ผมหันหลังไปมองพร้อมกับหยุดสายตาไว้กับ บูมชายหนุ่มผู้ซึ่งผมแอบหลงรักมาตั้งแต่เข้ามหาลัยปีหนึ่ง

“บูมมาไม่ทันเหมือนกันหรอ” ผมเริ่มการสนทนาขณะที่หัวใจผมเต้นแรงขึ้น แรงขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะยืนไม่ติด

“อืมม พอดีเราไปจอดรถตรงซาฟารีน่ะ เลยเดินมาไกล มาไม่ทันไอ้โหดเลย” ชายหนุ่มรูปงามพูดพร้อมกับส่ายหน้า “แล้วนี่ว่างตั้งเกือบ 3 ชั่วโมงจะไปไหนดีเนี่ย แม่งเอ๊ยยยย ไม่น่าเลย” บูมพูดและแสดงท่าทีหัวเสีย

ผมได้แต่นิ่งและมองกับท่าทีกระฟัดกระเฟียดของชายหนุ่มตรงหน้า แต่ยิ่งมองเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ผมหลงรักชายผู้นี้มากเท่านั้น

“เออ แล้วเจอกันนะ” บูมพูดแล้วขณะโบกมือให้แสดงการลา

อืมมม ผมได้แต่นิ่งไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านี้ทั้ง ๆ ที่อยากจะชวนบูมไปไหนต่อไหนใจแทบขาด

แต่ปากผมเหมือถูกก้อนหินก้อนยักษ์มาถ่วงเอาไว้

เฮ้อออ แล้วกูจะทำอะไรดีวะ ผมคิดในใจ ไปเล่นเน็ตดีกว่า ผมคิดแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปหาเพื่อน

ออฟ หรอ อื้อ....มาไม่ทันว่ะ ไอ้โหดปิดประตูก่อน จดเล็กเชอร์ให้ด้วยนะ เราไปรอห้องเน็ต มุมเดิมนะ ผมพูดและวางสายโทรศัพท์กับเพื่อนสนิทที่เป็นผู้หญิงของผม

จากนั้นผมก็เดินไปยังห้องเน็ต ซึ่งคนก็ไม่ได้พลุกพล่านมากนักเพราะยังเป็นชั่วโมงเช้าอยู่ ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะมุมสุดซึ่งเป็นที่นั่งประจำของผมและพวกกลุ่มเพื่อนของผม

ผมเล่นเน็ต เช็คเมล์ ไปได้สักครู่ใหญ่ ก็เริ่มเบื่อเพราะไม่มีอะไรทำ จึงเดินออกมาหาหนังสืออ่านด้านนอกซึ่งเป็นห้องสมุด

ผมมองหานิตยสารหลายเล่มที่น่าสนใจ โดยที่สายตาไม่ได้มองเลยว่ามีคนมาแอบหลับอยู่ด้านหลัง

“โอ๊ยยยยยย จะฆ่ากันหรือไงวะ คนกำลังหลับสบาย ๆ อยู่”เสียงชายผู้หนึ่งดังขึ้นมาทางด้านข้าง ๆ ผม

“โทษครับ พอดีเลือกหนังสือเพลินเลยไม่ได้มอง”ผมรีบขอโทษ

“อ้าวบูมเองหรอ นึกว่าใคร”ผมพูดขณะมองไปยังชายหนุ่มซึ่งกำลังยืนขึ้นมา

“ถ้าเป็นเราแล้วจะไม่ขอโทษหรือไง เหยียบมาได้ เจ็บนะโว๊ย” บูมพูดพร้อมกับทำท่าทางอารมณ์เสีย

“เปล่า ก็...ก็เราขอโทษแล้วไง แล้วจะให้เราทำไงอีก” ผมพูดไม่เป็นคำ (กลัวบูมจะโกรธจริง ๆ)

“ให้ทำยังไงหรอ มาให้เหยียบทีดิ มาเลยยยยย”บูมกวนผมพร้อมกับทำท่ายียวน แล้วยกขาข้างนึงขึ้นมาเหมือนจะเหยียบผม

“เฮ้ยยยยย”ผมอุทานออกมา

“555 ล้อเล่นน่าแค่นี้ตกใจไปได้ คนไรวะ ขวัญอ่อนชิบเป๋งเลย ตัวก็โตแล้วยังขวัญอ่อนอีก เราล้อเล่น แต่นายต้องชดใช้ที่ทำให้เราตื่น ดูดิเนี่ยอีกตั้ง ชั่วโมงกว่าถึงจะหมดคาบไอ้โหด

นายต้องเลี้ยงข้าวเราเป็นการชดเชย”บูมพูดพร้อมกับชี้ไปด้านโรงอาหาร

“ได้ดิ เราเลี้ยงนายก็ได้”ผมพูดพร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

“ไปเหอะเราหิวแล้ว”บูมชวนขณะเอามือลูบไปที่ท้อง

จากนั้นเราสองคนก็เดินไปยังโรงอาหารและเลือกซื้ออาหารโดยผมให้บูมเป็นคนเลือก ส่วนผมเป็นจ่ายเงิน ก็ผมได้สํญญาไว้แล้วนิ

พอได้อาหารครบแล้วผมกับบูมก็เลือกหาโต๊ะตัวนึงทางด้านนอกของโรงอาหาร เพื่อชมวิวภายนอกไปด้วยขณะทานข้าว

“เออ โยรู้จักแพทไหม ที่หน้าตาหมวย ๆ นั่งอยู่ใกล้ ๆ กลุ่มนายอ่ะ เราเห็นนายเคยคุยด้วยนิ เค้ามีแฟนหรือยังวะ”บูมเริ่มบทสนทนาในขณะที่ผมกำลังจะตักอาหารเข้าปาก

มันเป็นการเริ่มบทสนทนาที่ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดมาก ทั้ง ๆ ที่คนที่ผมแอบชอบมานั่งทานอาหารด้วย

“อ๋อ แพทหรอ รู้จักดิ แต่ไม่ค่อยสนิทนะ ทำไมหรอ บูมชอบหรอ”ผมถามทั้งๆ ที่ใจจริงอยากให้เค้าตอบว่า ไม่ แต่แล้ว...........

“อืมมม เราแอบชอบเค้าอยู่อ่ะ แต่เราไม่กล้าไปคุยด้วย เราอายว่ะ ไม่กล้าเข้าไปจีบ”บูมพูดพร้อมกับตักอาหารเข้าปาก

“จริงดิ แล้วจะให้เราช่วยยังไงล่ะ”ผมถามแบบไม่ค่อยเต็มเสียง ภายในใจรู้สึกเจ็บแปล็บ ๆ ยังไงบอกไม่ถูก

“นายขอเบอร์โทรแพทให้เราหน่อยได้ป่ะ แต่อย่าบอกใครนะว่าเราขอ เราอายว่ะ” บูมเอ่ยขณะจ้องมาที่ผมด้วยสายตาวิงวอน

“ได้ดิ ทำไมจะไม่ได้ เดี๋ยวตอนเย็นเราขอให้เลย แต่จะให้เอาเบอร์ให้ที่ไหนล่ะ หลังเรียนวิชาสถิติ ได้ป่ะ”ผมพูดและพยายามเบือนหน้าไปที่อื่นเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกเจ็บปวด

“เฮ้ยยยย ไม่ได้ เพราะเราจะโดดไปเที่ยวกับเพื่อนว่ะ นายโทรมาหาเราตอนประมาณ สองทุ่มละกันนะ อ่ะนี่เบอร์บ้านเรา 02-xxxxxxx”บูมพูดและยิ้มอย่างดีใจ

“อืมมม ได้ แล้วเราจะขอให้นะ”ผมพูดพร้อมกับมองมายังชายหนุ่มอีกครั้ง

“อย่าลืมนะ ... อืมมม ขอบใจสำหรับอาหารเช้า เราต้องไปแล้วเดี๋ยวเพื่อนเราตามหา แล้วโทรมานะ” บูมพูดขณะลุกขึ้นยืน

“โอเค ตามนั้นแหละ”ผมตอบ

หลังจากบูมเดินจากไปสักพักนึง ความรู้สึกเศร้าใจ เสียใจ ที่เมื่อสักครู่นี้ผมได้แอบซ้อนเอาไว้ได้เริ่มแสดงออกมาด้วยสีหน้าและแววตาผม

ซึ่งในขณะนี้มันเริ่มก่อตัวด้วยน้ำใส ๆ ที่ตอนนี้เอ่อล้นออกมาจนผมห้ามไม่ได้

ทำไม ทำไม...ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย เมื่อคืนผมยังฝันดีอยู่เลย แต่ทำไมตอนนี้ในใจผมเริ่มที่จะแตกสลาย จากคำพูดเพียงไม่กี่คำของเค้าคนนั้น ผมคิดพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา

หลังจากผมได้ยินคนที่ผมแอบรักขอร้องให้ผมทำในสิ่งที่ผมปฏิเสธไม่ได้ มันทำให้ทั้งวันผมเรียนอะไรไม่รู้เรื่องเลยได้แต่เฝ้าคิดว่า ผมจะทำอย่างไรต่อไปดีกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดแบบนี้

แต่สุดท้ายผมก็ขอเบอร์โทรของแพท เพื่อที่จะได้โทรไปพูดคุยกับชายหนุ่มที่ผมเฝ้าแอบมองอยู่ทุกวัน มันเป็นความรู้สึกที่ทรมาน ทั้งๆ ที่ผมรู้ว่า เค้าไม่ได้ชอบผม

 และผมต้องทำหน้าที่เป็นสื่อกลางให้เค้ากับผู้หญิงอีกคนนึงรักกันโดยที่ผมได้แต่แอบเจ็บลึก ๆคนเดียวโดยไม่ได้บอกใคร เพราะมีเพียงเพื่อนสนิทไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าผมเป็นเกย์

และผมก็ไม่เคยบอกใครว่าผมแอบชอบใคร เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ผมอยากเก็บไว้ โดยที่ไม่ให้ใครรู้

“หวัดดีครับ ขอพูดกับบูมหน่อยครับ” ผมพูดโทรศัพท์ ขณะที่มองไปยังนาฬิกาที่ห้องนอน ซึ่งขณะนี้เป็นเวลาประมาณ สองทุ่มกว่า ๆ แล้ว

“อืมมม พูดอยู่ครับใครน่ะ”บูมตอบ

“เราเอง โย จำไม่ได้หรอ อย่างงี้ไม่เอาเบอร์ให้แล้วแค่นี้นะ”ผมตอบอย่างงอน ๆ นิด ๆครับ

“555 ล้อเล่นน่า จำได้คร๊าบบบบบบ แล้วเบอร์อ่ะ”บูมถาม

“โหหหหห รีบเชียวนะ นี่เบอร์ 01-xxx-xxxx”ผมบอกทั้ง ๆ ที่ใจจริงไม่อยากจะให้แต่......

“เออ แล้วโยกลับบ้านนานแล้วหรอ”บูมถามผมหลังจากที่ผมบอกเบอร์แพทเสร็จ

“นานแล้ว แล้วบูมล่ะ แล้วจดเบอร์ยังเนี่ยะ ไม่มีให้รอบสองนะ ของดีมีครั้งเดียว”ผมถามด้วยความแปลกใจว่าทำไม เค้าไม่ต้องขอเวลาเพื่อเตรียมปากกา กระดาษมาจดเบอร์เลย

 แต่แล้วผมก็ได้รับคำตอบที่ทำให้ผมปวดร้าวมากขึ้นไปอีก

“ไม่ต้องจดหรอก เบอร์คนสำคัญเราก็ต้องจำได้ขึ้นใจอยู่แล้วว่าแต่ว่าโยช่วยเป็นพ่อสื่อให้เราหน่อยได้เปล่า เราไม่กล้าว่ะ”บูมเอ่ยถาม

“เฮ้ย มากไปป่าว จะให้เราเป็นพ่อสื่อได้ยังไง ไม่เอาหรอก เราไม่เคยเป็น”ผมตอบปฏิเสธด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าว

“ไรวะแค่นี้ก็ไม่ได้ งั้นช่วยถามเรื่องเกี่ยวกับแพทให้เราหน่อยได้ไหม ประมาณว่ามีแฟนหรือยัง ชอบคนแบบไหน บ้านอยู่ไหนอารายเงี๊ยะ”บูมยิงคำถามมาเป็นชุด

“เออ ๆ ๆ ได้ แต่ต้องเป็นพรุ่งนี้นะเราจะถามให้”ผมตอบรับคำขอแบบเสียไม่ได้ทั้ง ๆ ที่ในใจเจ็บปวดจนแทบจะระเบิดออกมา

“ขอบใจเว้ยยยยย”บูมแสดงความดีใจจนออกนอกหน้า “เออ แล้ววันนี้เรียนเป็นไงบ้างอ่ะ ยากป่ะ เราไม่ค่อยเข้าใจ สถิติเลย เลยไม่เข้าเรียนดีกว่า ขี้เกียจ”บูมเอ่ยถาม

“เราก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ก็ยังดีที่ไปเรียน ไม่เหมือนใครบางคนที่ไม่เข้าใจยังไม่ไปเรียนอีก แล้วจะสอบได้ป่าวเนี่ย”ผมตอบด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับหยอกเล็ก ๆ

“โหหห ไร เราไม่ตกหรอก เดี๋ยวก็มีคนมาติวให้”บูมพูด

“ใครเหรอ แพทหรอ แพทก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกันยังถามเราตลอดคาบเลย”ผมเดาว่า คนที่บูมพูดถึง คงจะเป็นแพทแน่ ๆ

“อ้าวก็โยไง ไหน ๆ ก็ช่วยเรามาแล้ว ช่วยเรื่องนี้อีกหน่อยไม่ได้หรอ นะ นะ นะ นะ”บูมอ้อน

“ไม่ได้”ผมแกล้งกลับไป ทั้งที่ใจผมอ่อนยวบ จากลูกอ้อนเมื่อตะกี้

“โห ไรวะ อ๊ะจ้างก็ได้ นะ นะ นะ”บูมอ้อนต่อด้วยน้ำเสียงที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน มันทำให้ผมยิ่งหลงรักผู้ชายคนนี้เพิ่มขึ้น

“เราคิดค่าจ้างแพงนะ บูมไม่มีเงินจ้างเราหรอก”ผมพูดพลางหัวเราะ

“ไม่มีเงิน เอาตัวเข้าแลกได้ป่าว”บูมตอบกลับมา ทำให้ผมเริ่มแอบมีหวังในใจเล็กๆ แต่แล้ว “ล้อเล่นน่า โยไปสอนแพทให้หน่อยดิ เราจะได้ไปเรียนจากแพทไง เจ๋งป่ะความคิดเรา”บูมพูดพร้อมกับทำเสียงหล่อ

“เออ”ผมหุบยิ้มพร้อมตอบกลับไปอย่างงอน ๆ “เราง่วงแล้วล่ะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ บาย” ผมรีบชิงตัดบทก่อนที่ผมจะรู้สึกแย่ไปกว่านี้จากบทสนทนาต่อจากนี้ไป

“อ้าวไรวะ เด็กอนามัยนี่หว่า ยังไม่สี่ทุ่มเลย เออ ๆ ๆ ไปเหอะ บาย อ้อแล้วอย่าลืมเรื่องที่ขอไว้นะ”บูมตอบกลับมาอย่าง งง ๆ

“ได้....บายนะ”ผมตอบพร้อมกับวางหูไป

หลังจากผมวางหูโทรศัพท์ไป ผมก็ทิ้งตัวลงนอนที่เตียงในใจก็คิดอยู่ว่า กูโง่หรือฉลาดที่ทำแบบนี้ ทั้ง ๆที่รู้ดีว่าผมต้องเจ็บปวดแต่ทำไมผมไม่ปฏิเสธกับคำขอ ของบูมชายคนที่ผมหลงรัก

แต่แล้วแว๊ปนึงที่ผมนึกไปถึงน้ำเสียงที่ขี้อ้อนของบูม ผมก็อดอมยิ้มไม่ได้ แล้วผมก็หลับไปโดยที่ยังไม่รู้คำตอบว่าผมควรจะทำหน้าที่ของผมต่อไปดีหรือไม่

..........................................
จบตอนที่ 1 จริงๆ นี่เป็นงานเขียนชิ้นแรกของผม ได้แรงบันดาลใจมาจากพวกพี่ ๆนักเขียนในบอร์ดนี้ เลยเอาชีวิตจริงของผมส่วนหนึ่งมาดัดแปลงทำเป็นนิยายเรื่องนี้

ยังไงก็ขอให้ติดตามนะครับ ผมจะพยายามเขียนให้ดีที่สุดครับผม
..............................................
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-12-2006 19:58:47 โดย หมูพูห์ »

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
มาหั้ยกำลังใจพี่พูห์........... :angellaugh2: :angellaugh2:

จารออ่านต่อนะ.....มาต่อเร็วด้วย........... :laugh: :laugh:

ว่าแต่.......... :confuse:.........ชื่อเรื่องชื่อนี้จิงหรอ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2006 17:10:28 โดย ][GobGab][ »

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
มาให้กำลังใจคนเก่ง
เพื่อนๆที่ชอบเรื่องมันๆ เร้าจายต้องเรื่องนี้ครับ
 :like6:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
                                                                     :yeb:  เรื่องนี้นี่เอง สู้สู้ๆจ้ะพูห์ :yeb:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
รออ่านด้วย  เอาแบบซาดิสม์ ตบจูบเลยนะ ชอบอะ 55555   (ล้อเล่นเน้อ  มะช่ายยยย  :-[ )

เป็นกำลังใจให้โยคนแต่ง  กับหมูพูห์คนโพสคับผม  :yeb:

sak

  • บุคคลทั่วไป
,=มาตามอ่านด้วยคน   
         
                 จะรอดูครับ ว่า มันส์ หยดย้อยขนาดไหน

Tantalum

  • บุคคลทั่วไป
แค่เริ่มเรื่องก็มีมรสุมเล็ก ๆ แล้ว อิอิ น่าสนุก จะติดตามต่อไปนะคับ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
"ตอนที่ 2"

   
แม้ว่าจะต้องเสียความรักไป แม้ว่าจะไม่เหลือใครสักคน
    มันจะเจ็บจะช้ำกี่หน แต่คนคนนี้ไม่ท้อใจ
    แม้ว่าในวันนี้มีน้ำตา จะข่มมันให้ไหลอยู่ข้างใน
    ความฝันนั้นจบไป แต่ยังเหลือตัวฉัน
    อดทนแล้วปลอบใจ จะไม่ยอมหมดหวัง


    เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับย้อนถามตัวเองว่า เราควรจะทำหน้าที่พ่อสื่อที่แสนจะทรมานนี้ต่อไปหรือไม่

คิดไปคิดมา ผมก็คิดได้ว่า ถ้าผมไม่ใช้โอกาสนี้ที่จะได้เข้าใกล้คนที่ผมรักแล้ว ผมจะยังมีโอกาสดี ๆแบบนี้อีกไหม

โอกาสแบบนี้ไม่ได้หามาได้ง่าย ๆ แม้ว่าผมจะต้องเสียใจกับเหตุการณ์ที่ผมจะได้รับรู้ต่อไปจากนี้ ก็ไม่เป็นไร

ขอแค่ผมได้ใกล้ชิดและได้แอบรักเค้าคนนั้นต่อไปแค่นั้นผมก็พอใจ ผมขอแค่นั้นจริง ๆ

    หลังจากที่ตัดสินใจได้แล้ว ในชั่วโมงเรียนผมก็ได้แอบถามเพื่อนของแพท เรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับตัวแพทมากมาย เพราะผมสนิทกับเพื่อนของแพทมากกว่า และเพื่อนน่าจะเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุด

ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะผมได้ข้อมูลมากมายสำหรับที่จะคุยกับบูมในคืนนี้

    แต่ผมจะยังไม่บอกเค้าทั้งหมดหรอกเพราะผมอยากได้ยินเสียงเค้าทุกวัน มันเป็นความสุขเล็ก ๆ น้อยๆ ที่ผมผู้ซึ่งทำหน้าที่พ่อสื่อคนนี้จะยังพอหาได้ในขณะนี้

    หลังเลิกเรียนผมกลับบ้านและทำกิจกรรมต่างๆ จนได้เวลาที่ผมนัดกับบูมเอาไว้ ผมจึงได้โทรศัพท์ไปหา

    “บูมหรอ เราโยนะ เรื่องเมื่อวานเราถามให้เรียบร้อยแล้วนะ”ผมถามและพยายามปรับน้ำเสียงที่ดูเศร้าให้เป็นปกติ

    “เรื่องไรหรอ”บูมถามอย่าง งง ๆ

    “อ้าวเวร ก็เรื่องแพทไง ไม่อยากรู้แล้วเหรอ ทำไมเปลี่ยนใจง่ายอย่างนี้วะ”

    “เออ ๆ ๆ ตกลงว่าไงบ้าง...”บูมถามอย่างสนใจ
   
    “เอาเรื่องไหนก่อนดีวะ เออ...ตกลงแพทมีแฟนแล้วนะ แต่เพิ่งเลิกกันไปเมื่อ สองเดือนก่อนเองตอนนี้ยังไม่มีใคร”ผมบอกข้อมูลที่ผมได้รับมาเมื่อเช้าจากปากของเพื่อนแพท

    “อ้าวหรอ คิดอยู่แล้วเชียว...เคยเห็นเดินอยู่ที่สยามกับผู้ชายคนนึงเมื่อสามเดือนที่แล้ว แต่เค้าเลิกกันแน่หรอ ข้อมูลไม่ผิดแน่นะคร๊าบบบบ คุณพ่อสื่อ”บูมถามเพื่อความแน่ใจ

    “ไม่ผิดหรอกน่ามือชั้นนี้แล้ว”ผมพูดด้วยความมั่นใจในข้อมูลที่มีมา

    “ชั้นนี้น่ะชั้นไหน”บูมกวน

    “เออ น่ะ กวนแบบนี้ไม่บอกให้รู้แล้วดีกว่าไปสืบเองเถอะ”ผมเริ่มงอน

    “ไรวะ แค่นี้ก็ต้องงอนด้วย บอกหน่อยน่า นะ นะ นะ นะ บอกหน่อยนะครับ”บูมพูดด้วยน้ำเสียงขี้อ้อน

    “เอามา ห้าร้อยค่าจ้างแล้วจะบอก”ผมพูดปนหัวเราะ เพราะผมชอบเวลาที่บูมมาอ้อนด้วยเสียงน่ารักๆ ทำให้ผมยิ่งรักเค้ามากขึ้นไปอีก

    “โหไรวะ หน้าเลือดชิบเป๋งเลย เงินไม่มีหรอก ติดไว้ก่อนได้ป่าวแล้วชาติหน้าค่อยคืน” บูมเริ่มบ่น

    “ชาติหน้ายังจะเจอกันอีกหรอ แค่ชาตินี้ก็เกินพอแล้ว” ผมพูดพร้อมกับคิดว่า อย่าให้ผมต้องมีสภาพแบบนี้ในชาติหน้าหรือชาติไหน ๆ อีกเลย

    “ก็อยากเจอโยอีกชาติหน้าไม่ได้หรอ” บูมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่ดูจริงจัง

    “......................”ผมอึ้งพูดไม่ถูกกับมุขที่บูมปล่อยออกมาไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนกันแน่

    “555 แค่นี้มีอึ้งด้วย อยากเจอโยเพราะจะได้มีพ่อสื่ออีกไง”บูมรีบเปลี่ยนเรื่องพูด

    “โธ่เอ้ย นึกว่า”ผมแอบเสียใจที่คำตอบไม่ได้เป็นแบบที่ผมคิด

    “นึกว่าไร”

    “เปล่า เออ เอาที่อยู่บ้านแพทหรือเปล่าเราจดมาให้แล้วนะ”ผมเอ่ยถามเพื่อกลบเกลื่อน

    “เอาดิ แต่ไว้ก่อนดีกว่า เพราะมีที่อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ เราคงไม่ตามไปเฝ้าเค้าที่หน้าบ้านหรอก แค่รู้ว่าตอนนี้เค้าเลิกกับแฟนเราก็ดีใจแล้ว

    ขอบใจนะ เพื่อน!” บูมพูดเน้น คำว่า เพื่อน จนผมอดรู้สึกไม่ได้ว่าเค้าต้องการสื่อให้ผมรู้หรือเปล่าว่าเราคงเป็นได้แค่เพียงเพื่อนกันเท่านั้น

    “ไม่เป็นไร แล้วเมื่อไหร่จะคุยกับเค้าสักทีล่ะ เราจะได้ไม่ต้องคอยเป็นพ่อสื่ออีก” ผมพูดทั้ง ๆ ที่อดสะท้อนใจไม่ได้

เพราะเมื่อวันนั้นมาถึง ผมนั้นแหละที่จะเจ็บปวด และผมก็จะไม่ได้ยินเสียง บูมชายหนุ่มที่ผมแอบรักอีกต่อไป

    “ยังหรอก รอให้เราแน่ใจและมีข้อมูลมากกว่านี้ก่อนเว้ย เค้าบอก รู้เค้ารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”บูมบอก ซึ่งผมก็แอบดีใจอยู่ลึก ๆที่จะได้โทรคุยกับบูมอีก

    “เออ เอาไว้เราจะหาข้อมูลมาให้อีกนะ อยากรู้ไรก็บอกมา”ผมเอ่ยถาม

    “ถ้าคิดได้แล้วจะบอก แล้วนี่โยกินข้าวหรือยังอ่ะ เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะหรอก”บูมเอ่ยถามผมด้วยความเป็นห่วง (แอบเข้าข้างตัวเองนิดหน่อย)

    “เรียบร้อยแล้ว บูมล่ะ”ผมตอบ

    “เรียบร้อยก่อนหน้าที่โยจะโทรมาแป๊ปนึง เออ แล้วพรุ่งนี้โยว่างหรือเปล่า พอดีเพื่อนเราต้องกลับไปทำธุระช่วงบ่าย เราเลยว่าง ไ

ปกินข้าวด้วยกันไหม เราเป็นเจ้ามือเอง ตอบแทนที่โยช่วยให้ข้อมูลเราไง”บูมเอ่ยปากชวน

    ผมยิ้มและดีใจที่มีโอกาสได้ไปทานข้าวกับบูม แต่แล้วผมก็ต้องหุบยิ้มเมื่อได้ยินประโยคที่ว่า

    “แต่ว่า อย่าลืมถามเรื่องแพทมาให้เราด้วยนะ”บูมพูดต่อ

    “เออ ๆ ๆ ขาดไม่ได้เลยนะ”ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มให้เป็นปกติ พลางคิดว่าทำไมจะต้องมี แพท แพท แพท ต่อท้ายด้วยนะ ทำไม

    “555555”บูมหัวเราะ

    “เออ แล้วพรุ่งนี้กี่โมงล่ะ หลังเรียนจิตวิทยาคาบเช้าหรือเปล่า”ผมตัดบทก่อนที่ความน้อยใจจะมากกว่านี้

    “แม่นแล้วคร๊าบบบบบบ”บูมตอบอย่างอารมณ์ดี “เจอกันที่ห้องสมุดตรงที่นายจะเหยียบเรานะ โอเคนะ บายครับ”บูมพูดและวางสายโทรศัพท์

    หลังจากที่บูมวางสายโทรศัพท์มันทำให้ผมสับสนว่า ทำไมเค้าไม่นัดเจอกับผมหน้าห้องเรียนทั้ง ๆที่ผมและเค้าก็เรียนด้วยกัน

    ทำไมต้องเป็นห้องสมุดที่ผมกับบูมได้พบกันและไปกินข้าวด้วยกันครั้งแรก ทำไม..... ผมได้แต่แอบคิดอยู่ในใจแล้ววางโทรศัพท์ลงไป

    จบตอนที่ 2 แล้วครับ ขอบคุณครับที่เข้ามาอ่านกัน
***********************************************

][GobGab][       ชื่อเรื่องนี้จริงๆ ตอนแรกก็งเหมือนกันครับ ว่าชื่อนี้จริงเหรอ ต้องอ่านไเรื่อยๆ นะครับ

b|ueB[o ]YhUb   ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคร้าาาาาาาาบ

[{ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว}]   เรื่องไหนเหรอ แน๋ว

มูมู่น้อย    ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ เรื่องนี้รับรองความมันส์ครับ

sak ต้องติดตามต่อไปครับ

Tantalum ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-12-2006 10:19:48 โดย หมูพูห์ »

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

   
แม้ว่าจะต้องเสียความรักไป แม้ว่าจะไม่เหลือใครสักคน
    มันจะเจ็บจะช้ำกี่หน แต่คนคนนี้ไม่ท้อใจ
    แม้ว่าในวันนี้มีน้ำตา จะข่มมันให้ไหลอยู่ข้างใน
    ความฝันนั้นจบไป แต่ยังเหลือตัวฉัน
    อดทนแล้วปลอบใจ จะไม่ยอมหมดหวัง


แอบรักเขานี่น่าสงสารเนอะ...................โยจะทนได้แค่ไหนกัน :impress:

ป.ล.....ว่าแต่เพลงนี้เพลงไรนะคับพี่พูห์.........ลืมอ่ะ.......กลายเป็นปลาทองไปเมื่อไหร่ไม่รู้ :try2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-12-2006 11:36:17 โดย ][GobGab][ »

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ลุ้นโคตรๆ ทำไมบูมถึงไม่มองตาคนตรงหน้าหนอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
มาแย้ววว   ตอดไว้โย  หมาหยอกไก่ไปเรื่อยๆ  อย่างน้อยก็ได้ใกล้บูมอะเนอะ  ว่าแต่ชื่อเรื่องเหมือนเศร้าหง่า  รออ่านอยู่เน้อ   :yeb:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
" ตอนที่ 3"

    หลังจากที่ผมที่ผมตื่นนอนในวันรุ่งขึ้นอย่างอารมณ์ดีเพราะวันนี้ผมมีนัดกับคนที่ผมรัก ผมพยายามแต่งตัวให้ดูดีที่สุด รวมทั้งฉีดน้ำหอมด้วย

    ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วผมเป็นคนที่ไม่ค่อยจะพิถีพิถันกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ แต่สำหรับวันพิเศษแบบนี้มันก็ต้อง นิดนึง.....

    “อ้าววันนี้ฉีดน้ำหอมด้วยเหรอลูก เห็นท่าวันนี้ต้องมีอะไรพิเศษแน่เลย”แม่พูดพลางอมยิ้ม

    “เปล่าหรอกครับแม่ แค่มีนัดกินเข้านิดหน่อยน่ะครับ”ผมตอบอย่างอารมณ์ดี

    “กับใครหรือลูก ทำไมไม่พามาให้แม่รู้จักบ้างล่ะ”แม่ถาม

    “ยังไม่ขนาดนั้นครับแม่ แค่ไปกินข้าวกับเพื่อนธรรมดาเองครับ”ผมรีบกลบเกลื่อน

    “ยังไงก็ขอให้มีความสุขนะจ๊ะ อย่าลืมพามาให้แม่เห็นล่ะ”แม่ยิ้มอย่างรู้ทัน

    “ไม่เอาแล้วไม่พูดดีกว่า ผมไปแล้วนะครับแม่ หวัดดีครับ”ผมรีบชิงตัดบทแล้วเดินออกจากบ้านไป

    หลังจากนั้นผมก็ไปมหาวิทยาลัยและเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีเข้าไปทักกับเพื่อน ๆ ของผมที่อยู่ในห้องเรียน...

    “อ้าวโย...แหม...วันนี้มีอะไรมาดลใจให้คุณโยของเราใส่น้ำหอมมามหาลัยได้เนี่ย ดูดิฟุ้งทั้งห้องเลย”ออฟ ผู้หญิงที่เป็นเพื่อนสนิทของผมเริ่มแซว

    “เออใช่ ตั้งแต่คบกับมันมาเคยเห็นมันใส่น้ำหอมมามหาลัยที่ไหน วันนี้มีอะไรพิเศษวะ”กายเพื่อนชายอีกคนหนึ่งของผมเอยถามด้วยเหมือนกัน

    “ไม่มีอะไรหรอก พอดีวันนี้มีนัดนิดหน่อย เราคงจะไปโยนโบว์ลิ่งด้วยไม่ได้นะ”ผมรีบออกตัว

    “ไรวะมีนัดแล้วทิ้งเพื่อนเลยหรอ ใครวะ ใครที่มันโชคร้ายได้มึงไป”โบเพื่อนที่เป็นเกย์ของผมเริ่มแขวะ

    “ไม่เอาละ ขี้เกียจพูดละ ไป ไป...ไป นั่งที่ได้แล้วจะได้เริ่มเรียน”ผมตัดบท

    หลังจากผมนั่งลงกับโต๊ะแล้ว ผมก็เริ่มสอดส่ายสายตาของผมไปหาชายหนุ่มที่ผมแอบรัก แต่เอ...วันนี้ทำไมถึงไม่เห็นเค้าละ หรือว่าเค้าจะไม่มาเรียนวะ

    “โย โย โย”ไอ้โบที่นั่งข้าง ๆสะกิดผม

    “อะไรวะ สะกิดอยู่ได้”ผมหันหน้ากลับมาสนใจไอ้โบ

    “มองหาใครวะ”โบถามหยั่งเชิง

    “ป่าว ถามแค่เนี๊ยะ ทำไมต้องมาสะกิดด้วยวะ”ผมหงุดหงิดนิดหน่อย

    “ไม่ใช่ ก็แค่อยากรู้ว่า นัดกับใครบอกเราบ้างดิ เราอาจช่วยได้นะ”มันเสนอความช่วยเหลืออย่างจริงใจ (รึเปล่าวะ)

    “บอกแล้วไงไม่มีอะไรหรอกน่า ถ้ามีแล้วจะบอก (คำยอดฮิต)”ผมพยายามบิดบัง

    “เออ ตามใจ แต่สัญญานะ ว่าจะบอก”แน๊ะยังจะถามอีกไอ้โบนี่มันน่า.....

    “เออ”ผมพูดเพื่อตัดความรำคาญ แต่จริง ๆ แล้วผมแค่ไม่ต้องการให้มันรู้ว่า ผมนัดกับใครไว้หรอก เพราะผมได้สัญญาไว้แล้วว่าจะแอบรักคนๆนั้นต่อไป เลยไม่อยากทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่

    “นักศึกษา พอแค่นี้นะครับ ใครมีคำถามอะไรถามได้นะครับ เชิญครับ”อาจารย์พูดเป็นสัญญาณหลังจากหมดคาบ

    “เฮ้ย เราไปก่อนนะแล้วเจอกัน”ผมพูดแล้วรีบลุกขึ้นเดินหลังจากอาจารย์ปล่อยแล้ว

    ขณะเดินออกไปทางด้านหลังห้อง ผมก็ยังพยายามเหลียวหลังมามองหาบูม ว่าเค้าอยู่ตรงไหนและกำลังทำอะไรอยู่ แต่ก็ไม่เห็น....

    “มันต้องมีอะไรแน่ ๆ เลยวันนี้ไอ้โยมาแปลก รีบมารีบไป ปกติถ้านัดกันไปโยนโบว์ลิ่งมันเคยพลาดสักที่ไหน”ออฟเริ่มสงสัย

    “ปล่อย ๆ มันบ้างเหอะ มันจะได้มีแฟนกับเค้าสักที”โบเอ่ยขึ้นแล้วมองตามหลังผม

    หลังจากนั้นผมก็เดินออกจากห้องเรียนเพื่อไปยังห้องสมุดที่อยู่อีกตึกทางด้านนึงของมหาลัย ตามที่ได้นัดแนะกับบูมไว้ ผมรีบเดินด้วยการก้าวอย่างรวดเร็วจนขาแทบจะสะดุดกันเอง

    หลังจากนั้น ไม่ถึง ห้านาที ผมก็มาถึงที่ห้องสมุด ผมหยุดถอนหายใจ เฮือกใหญ่ พลางพูดกับตัวเองว่า...

    “เอาวะเป็นไงเป็นกัน”ผมพูดเบา ๆ เพื่อเรียกความมั่นใจออกมา

    ผมผลักประตูของห้องสมุดพลางยื่นบัตรนักศึกษาให้กับบรรณารักษ์ และเดินเข้าไปมองหาบูม แต่ก็หาไม่เจอ พลางคิดไปว่าเราอาจจะรีบมาเร็วไป

    ผมเลยเดินเลือกหานิตยสารมาอ่านเพื่อเป็นการฆ่าเวลาไปพลาง ๆก่อน...

    หลังจากที่ผมเลือกนิตยสารได้แล้วผมก็กำลังจะเดินออกจากคอกหนังสือที่จัดไว้เป็นล็อค ๆ ออกมานั่งที่โต๊ะ แต่แล้วสายตาของผมก็มองไปเห็น.....

    บูมกับแพทเดินมาด้วยกัน จากห้องอินเตอร์เนตซึ่งอยู่ถัดเข้าไปด้านในจากโซนล็อคนิตยสาร แถมทั้งคู่ยังคุยกันอย่างกระหนุงกระหนิงราวกับว่าเป็นแฟนกันมานานแล้ว ....

    ผมรู้สึกปวดใจอย่างรุนแรง กับภาพของเค้าสองคนที่อยู่ตรงหน้าผม น้ำตาของผม เริ่มที่จะไหลรินออกมาอย่างมากมาย ขาที่เคยแข็งแรงของผม

   แต่ทำไมบัดนี้ผมรู้สึกเหมือนกับว่ามันกำลังจะอ่อนแรงลงไปทุกที มือที่ถือนิตยสารอย่างแน่นหนากลับปล่อยมันตกลงมา พร้อม ๆ กับร่างของผมที่ทรุดตัวลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

   ทำไมผมถึงไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่จะยืน ทำไมผมถึงอ่อนแอแบบนี้ ทำไม.....

    ผมทรุดตัวอยู่กับพื้นด้วยความเศร้า จนกระทั้งผมมองเค้าทั้งคู่เดินหายออกไปจากห้องสมุดพร้อม ๆ กัน ความคิดของผมเริ่มที่จะประเดประดัง ถาโถมเข้ามาอย่างมากมาย

    ทำไมเค้าทั้งสองคนถึงได้สนิทสนมกันอย่างรวดเร็วเช่นนี้? แค่ผมบอกบูมเมื่อวานว่า แพทเพิ่งเลิกกับแฟน แล้วเค้าไปรู้จักสนิทสนมกันตอนไหน? ทำไมมันช่างรวดเร็วเช่นนี้? แล้วที่สำคัญ

    ทำไมบูมชายหนุ่มผู้ซึ่งผมแอบหลงรักอย่างจริงใจมาตลอด กับลืมสัญญาที่ให้ไว้กับผมลงได้อย่างง่ายดายเช่นนี้? ผมเป็นแค่ตัวอะไรในสายตาเค้า? ผมมันไม่มีค่าเลยใช่ไหม? ทำไม? ทำไม?.......


    ผมไม่รู้ว่านั่งจมอยู่กับความคิด และความเศร้าแบบนี้ไปนานเท่าไหร่ จนกระทั้งเวลาผ่านไป บรรณารักษ์เดินผ่านมาหยุดมองและถามผมว่า...

    “ทำไมนักศึกษามานั่งตรงนี้คะ ไม่มีเรียนหรอ”บรรณารักษ์ถามอย่างแปลกใจ

    “........................”ไร้ซึ่งเสียงและความรู้สึกในหัวใจของผมที่จะรับรู้กับสิ่งใดๆ ทั้ง ๆ ที่บรรณารักษ์ก็ยืนอยู่ตรงหน้า

    ผมไม่ตอบคำถามบรรณารักษ์สาวแต่กลับลุกขึ้นยืนจากนั้นผมก็เดินออกจากที่ตรงนั้นไปด้วยความรู้สึกว่างเปล่า มันเหมือนราวกับว่ามีรูโหว่ขนาดใหญ่อยู่ที่กลางหัวใจของผม

   ผมเดินไปเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย ไร้ซึ่งความคิดและความรู้สึก มีเพียงแต่รอยคราบน้ำตาที่บัดนี้มันเหือดแห้งอยู่ภายในดวงตาของผม

    “โย .... โย ใช่ไหม มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ จะไปด้วยกันหรือเปล่าพอดีเรากลับมาเอาของ พอดีลืมไว้ในล็อคเกอร์”ไอ้โบวิ่งเข้ามาถามผม

    “...................................”ผมเงียบ

    “เป็นไรวะ แล้วเรื่องนัดเดทล่ะทำไมยังไม่ไป”โบถามเมื่อนึกขึ้นได้

    “.............................”ผมเงียบ และยิ่งรู้สึกจุกกับคำถามที่เพื่อนรักของผมถามมาเมื่อสักครู่นี้

    “เป็นไรวะ ร้องไห้มาหรอ เฮ้ยเป็นไร ใครทำอะไรแกวะ”โบถามขณะมองเห็นคราบน้ำตาของผม

    “ไม่มีอะไรหรอก มันจบแล้ว....ใช่มันจบแล้ว.....จบแล้วจริง ๆ”ผมพูดด้วยความรู้สึกว่างเปล่าพร้อมกับเดินต่อไปข้างหน้าอย่างไรจุดหมาย แต่แล้วโบมันก็ยังตามมาสะกิดผม

    “มีอะไรบอกเราได้นะ หรือว่าโยไม่ไว้ใจเรา”โบถามด้วยความเป็นห่วง

    “ป่าว ไม่มีอะไรหรอก”ผมพูดพลางปรับเสียงให้เป็นปกติ

    “ไม่มีอะไรก็แล้วไป แต่ถ้ามีอย่าลืมสัญญาที่จะบอกเรานะ เราอาจช่วยนายได้”โบพูดอย่างจริงใจ จริง ๆ

    “ขอบใจว่ะ โบรีบไปเหอะขืนช้าไม่ทันพวกมันเล่นโบว์ลิ่ง เดี๋ยวเราจะกลับแล้ว เหนื่อยนิดหน่อยว่ะ แล้วเจอกันนะ”ผมพูดลา เพราะไม่อยากให้เพื่อนเห็นสภาพผมในเวลาแย่ ๆ แบบนี้

    “อ้าวไม่ไปด้วยกันหรอ อืมม ๆ ๆ เราเข้าใจว่ะ แล้วเจอกัน”โบเอ่ยอย่างเข้าใจ

    จริง ๆ แล้วโบ ก็เป็นเพื่อนที่ดีของผมมากๆ เลยครับ เพราะมันจะคอยเอาใจใส่เพื่อนๆ ทุกคนเหมือน ๆ กัน แต่ไม่ต้องเชียร์ผมให้คู่กับโบหรอกครับ เพราะเดี๋ยวฟ้ามันจะผ่าเอา 555

    หลังจากที่ผมแยกกับโบแล้วผมก็กลับมาบ้านโชคดีที่แม่ยังไม่กลับจากไป shopping ไม่อย่างงั้นผมก็คงต้องตอบคำถามของแม่อีกมากมาย

    ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะสะกดอารมณ์เพื่อตอบคำถามของแม่ไปได้นานขนาดไหน ผมไม่อยากให้แม่เห็นภาพที่อ่อนแอของผมเลย

    ผมจึงรีบขึ้นไปขังตัวเองอยู่บนห้องโดยที่เขียนโน้ตทิ้งไว้ว่า

    ทานข้าวแล้วครับ อิ่มจัง ปวดหัวนิดหน่อย ทานยาแล้วนอนก่อนนะครับแม่


    จบตอนที่ 3 ขอบคุณครับที่ติดตาม

**************************************
][GobGab][                นึกไม่ออกอะน้องถุง  ปลาทองเหมือนกัน


b|ueB[o ]YhUb         บูมอาจจะมีความในใจอะไรก้ได้นะหนูบลู


มูมู่น้อย                           เศร้าไม่เศร้า ก็ต้องตามดูกันต่อไปนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2006 15:25:14 โดย หมูพูห์ »

abcd

  • บุคคลทั่วไป
                                            :yeb: อ๋อ ก้อแน๋วเคยเหงเรื่องนี่ที่บอร์ดปาล์มไงพูห์ :yeb:

                                                            แต่ไงก้อจะตามรออ่านที่พูห์โป๊ดนะ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ตอนที่ 4
ผมนอนขังตัวเองอยู่กับความเศร้าภายในห้องนอนของผม ความสับสนว้าวุ่นภายในจิตใจทำให้ผมไม่สามารถข่มตัวเองให้หลับลงได้

มีแต่คำถามมากมายตลอดเวลาว่าทำไมบูมถึงผิดนัดผม และทำไมเค้ากับแพทถึงได้สนิทกันเร็วเช่นนี้

ผมคิดวนไปวนมา อยู่หลายรอบก็ยังหาบทสรุปไม่ได้ จนกระทั้งผมลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปหยิบโทรศัพท์เพื่อต่อสายไปยัง.......

“สวัสดีครับ บ้าน.... ขอสายใครครับ”เสียงชายหนุ่มที่คุ้นเคยดังออกมาจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง

“บูมหรอนี่เราเองนะ”ผมพูดกับชายหนุ่มที่ทำให้ผมรู้สึกปวดร้าวเมื่อตอนกลางวันนี้

“โยหรอ ทำไมไม่ไปตามนัด รู้ไหมเราไปรอตั้งนาน ทำไมเป็นคนผิดสัญญาแบบนี้วะ ถ้าจะไม่ไปนายน่าจะบอกเราก่อน เราจะได้ไม่ไปรอ คนอะไรวะนัดแล้วผิดคำพูด”บูมต่อว่าผมด้วยน้ำเสียงโกรธจัด

“เอ่อ....คือ”ผมงงกับคำพูดที่บูมพูดออกมาพลางนึกย้อนกลับไปเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน

“ทีหลังไม่อยากไปกินข้าวกับเราก็บอกมาดีๆก็ได้ ทำไมนายทำแบบนี้”บูมพูดด้วยน้ำเสียงที่ตัดพ้อ

“คือว่า เราไปแล้ว เราไม่เห็นบูมไง เราเลยเดินกลับออกมา”ผมพูดโกหก (ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมผมต้องโกหกไปอย่างนั้น)

“แล้วทำไมไม่นั่งรอเราล่ะ เราไปสายแค่ สิบนาทีเอง แค่สิบนาที นายรอเราไม่ได้หรอ อะไรวะ”บูมเริ่มโมโหนิด ๆ

“พอดีเรามีนัดกับเพื่อนด้วยไง เพื่อนเราเลยขึ้นมาตาม ยังไงก็ขอโทษด้วยแล้วกัน”ผมโกหกต่อ

“โห อะไรวะคนเรานัดกันแล้วยังทำแบบนี้อีก เอางี้นายต้องเป็นคนเลี้ยงข้าวเราเพื่อเป็นการไถ่โทษเลย แล้ววันหลังอย่าผิดสัญญากับเราอีกนะ”บูมเริ่มอารมณ์เย็นลงแล้ว

“ก็ได้ ๆ เอาอย่างงี้ก็ได้ วันไหนล่ะ นายนัดมาแล้วกัน”ผมพูดและแอบยิ้มอยู่ในใจ

“วันอาทิตย์พรุ่งนี้แล้วกัน เดี๋ยวเราขับรถไปรับ เอาเบอร์มือถือนายมาหน่อยดิ เรายังไม่มีเบอร์นายเลยจะโทรไปหาก็ลำบาก

แล้วจดเบอร์มือถือเราด้วยนะ เวลาเลื่อนนัดจะได้โทรมาบอกเราไม่ใช่ให้เราไปนั่งรอตั้ง สองชั่วโมง อ่ะนี่ 0x-xxx-xxxx เบอร์เรา”บูมเริ่มบ่นอีกแล้วครับ

“เอ้า เบอร์เรา 0x-xxx-xxxx แล้วจะนัดกันที่ไหนล่ะ”ผมถาม

“ก็บ้านนายนั่นแหละจะได้ไม่ผิดนัดเราอีก บ้านนายอยู่แถวไหนล่ะ”บูมถามกลับมา

หลังจากนั้นผมก็อธิบายทางมาบ้านผมให้บูมรู้ ซึ่งมันก็เป็นทางผ่านระหว่างทางกลับบ้านของเค้าพอดี ผมเลยไม่ต้องอธิบายอะไรมากนัก

แค่นัดแนะกันว่าจะมารับตอนสิบโมงเช้าไปกินข้าวกลางวันกันแค่นั้นเอง แต่บูมก็ไม่วายทำให้ผมต้องสะอึกกับคำขอของเค้าอีกเช่นเคย.....

“อย่าลืมสืบข้อมูลของแพทมาให้เราด้วยล่ะ เราจะได้มีข้อมูลเพิ่ม โอเคตามนี้ละกันนะครับ ไว้เจอกันบายครับ”บูมพูดจบก็วางสายลง

หลังจากที่ผมวางหูโทรศัพท์ลงแล้ว ผมกลับยิ่งสับสนและสงสัยเพิ่มขึ้นอีกว่าทำไมบูมไม่บอกผม ว่าเค้ากับแพท สนิทกันแล้ว

ทำไมเค้ายังต้องพึ่งข้อมูลจากผมอยู่ ทำไมเค้าไม่ถามแพทเอง คิดวนไปวนมาหลายรอบแล้วผมก็เผลอหลับไป

เช้าวันรุ่งขึ้นผมตกใจตื่นตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงเช้าเลย ทั้ง ๆ ที่ปกติกว่าผมจะลุกจากเตียงก็ปาเข้าไป เที่ยงกว่าแล้ว

ก็วันนี้ผมมีนัดสำคัญนิจะตื่นสายได้ไงล่ะจริงไหมครับ ผมลุกขึ้นมาอาบน้ำ แปรงฟัน และเลือกชุดที่จะใส่ไปทานข้าวกับบูม

เลือกอยู่พักใหญ่กว่าจะเลือกได้ และไม่ลืมที่จะฉีดน้ำหอมเพื่อเพิ่มความมั่นใจ

หลังจากนั้นผมก็เดินลงมาข้างล่างประมาณ เก้าโมงครึ่ง เห็นแม่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่พอดี....

“แม่ครับวันนี้แม่กับพ่อ ไม่ต้องรอทานข้าวนะครับแม่ ผมจะออกไปทานข้างนอกกับเพื่อน ค่ำ ๆ ผมถึงจะกลับครับ”ผมพูดพลางนั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ แม่ผม

“นั่นแน่ มีเดทอีกแล้ว ใครล่ะลูกไม่พามาให้แม่กับพ่อดูตัวสักทีล่ะ”แม่ถามยิ้ม ๆ

“ไม่มีอะไรหรอกครับแม่ เพื่อนจริง ๆ ครับ นี่ใกล้เวลานัดแล้วผมไปยืนรอข้างนอกบ้านดีกว่า”ผมยิ้ม และ ลุกเดินออกไปยืนคอยที่สวนหน้าบ้าน

สักพักไม่นานผมก็เห็นรถสปอร์ตสีแดง มาจอดที่หน้าบ้าน และบีบแตรเรียก ผมจึงเดินออกไปดูก็เห็นว่าเป็นบูม

ซึ่งวันนี้บูมใส่เสื้อเชิ้ตสีดำตัดกับผิวสีขาวน่ารักมาก ผมยิ้ม ๆ แล้วเดินออกไปเปิดประตูขึ้นรถ

“ทำไมวันนี้แต่งตัวแบบนี้อ่ะ”บูมถามผมยิ้ม ๆ

“ทำไมหรอ น่าเกลียดหรอ ไม่เข้ากับเราหรือไง”ผมลุกลี้ลุกลนขยับไปมาพลางส่องกระจกส่องหลังรถยนต์สำรวจดูตัวเอง

“55555555 ป่าวหรอกล้อเล่น แค่ไม่เคยเห็นโยแต่งตัวแบบนี้ไง ถ้าเห็นข้างนอกคงจำไม่ได้”บูมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

จริง ๆ แล้วผมก็แต่งตัวไม่ได้น่าเกลียดอะไรหรอกครับ ก็แค่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีน้ำเงิน กับกางเกนยีนส์

แค่นี้เองอ่ะครับแต่คงเป็นเพราะ ปกติเวลาผมกับบูมเจอกัน ก็มีแต่ใส่ชุดเครื่องแบบมหาวิทยาลัยแค่นั้นเอง เลยรู้สึกแปลกตา

“มาขำแต่เรา แล้วบูมล่ะ 5555555555555”ผมแกล้งขำกลับไป

“ทำไม เราทำไมหรอ”เอาละครับได้ผล บูมเริ่มสำรวจตัวเองบ้างแล้ว

“เฮ้ย ๆ ๆ ขับรถดี ๆ ดิ อย่ามัวแต่ส่องดูตัวเอง เราล้อเล่น”ผมขำกับพฤติกรรมของชายหนุ่มตรงหน้า

“อะไรใครส่องอะไร เรามั่นใจอยู่แล้ว”บูมพูดกลบเกลื่อน แล้วเราสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน

“ตกลงไปกินที่ไหนดีล่ะ”ผมถาม

“ขับไปเรื่อย ๆ ดีป่ะ เจอที่ไหนน่าสนใจแล้วค่อยแวะ”บูมเสนอความคิด

“ก็ได้ แต่อย่างให้ถึง สุไหงโกลกนะ เดี๋ยวเราหิวข้าวตายซะก่อน”ผมแซว

“ไม่ถึงหรอก เดี๋ยวถึงแค่ชุมพรก็เลี้ยวกลับแล้ว”ดูดิครับยังจะมาแหย่อีก

“แล้วสรุปพวกเราจะไปกันแถวไหนดีล่ะ”ผมถามอย่างเป็นจริงเป็นจัง

“เดี๋ยวก็รู้”บูมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

หลังจากผมนั่งรถต่อไปได้สักพักนึง ผมก็มองสำรวจหาซีดีเพลงเพื่อหยิบขึ้นมาฟังฆ่าเวลา

“นายเลือกเอาดิ เรามีเป็นสิบ ๆ แผ่นเลยอยู่ในเก๊ะน่ะ”บูมถามเมื่อหันมามองเห็นผมกำลังดูซีดีเพลง

“ขอบใจ”ผมตอบ

หลังจากที่ผมเปิดเพลงไปได้สักพักนึง (ก็เพลงที่มีเนื้อหาประมาณ รัก ๆ อะไรแบบนี้แหละจำไม่ได้) บูมก็เริ่มถามคำถามผม

 แต่แปลกตรงที่ทำไมเค้าถามแต่เรื่องราวต่างๆ ของผม ไม่ยักกะมีเรื่องของแพทบ้างเลย

“เฮ้ย โย ปกติวันอาทิตย์นายทำอะไรวะ”บูมถาม

“วันอาทิตย์ ถ้าเราไม่มีนัดกะเพื่อนเราก็จะอยู่ที่บ้านว่ะ เราไม่ค่อยชอบเดินห้าง เมื่อยขา”ผมตอบพลางเหลือบไปมองหน้าชายหนุ่ม

“เออ เหมือนกันเลยว่ะ แต่เราชอบดีดกีตาร์อยู่บ้านมากกว่า แต่วันไหนเซ็ง ๆ อยากออกไปข้างนอกก็นัดกับเพื่อนแต่ส่วนใหญ่เพื่อนเรามันมีแฟนหมดแล้วนี่สิ

แม่งเวลานัดเลยไม่ค่อยว่าง”บูมพูดไปพลางหันหน้ามามองผม

“บูมเล่นกีตาร์เป็นด้วยหรอ เราก็อยากเล่นเป็นนะ แต่เรียนยังไงก็หัดไม่เป็นสักที”

“ไว้เราสอนให้ แต่ต้องมีข้อแม้นะ ถ้าเรานัดโยออกไปเที่ยวข้างนอกห้ามปฏิเสธนะ เป็นการตอบแทนที่เราช่วยสอนกีตาร์ไง”บูมพูดขณะจ้องหน้าผม

“โห อะไรวะ ถ้านายนัดทุกวันเราไม่แย่หรอ”ผมแกล้งพูดไปอย่างงั้นเอง แต่ใจจริงก็อยากให้เค้านัดทุกวันอยู่แล้ว

“ไม่ขนาดนั้นหรอก นะ นะ นะ นะ ได้ป่าวล่ะ”เริ่มอ้อนอีกแล้วครับ มาไม้นี้ทุกที เวลาที่ผมเห็น หนุ่มตี๋ คนนี้อ้อนทีไร

ผมอยากจะเข้าไปฟัด อยากไปหอมแก้มเค้าทุกครั้งเลย คนอะไรน่ารักมาก ๆ

“เออ ก็ได้ ทำเป็นเด็กไปได้”ผมหัวเราะ

“เย้ สัญญานะ”บูมแสดงอาการดีใจเหมือนเด็ก ๆ

“ครับสัญญาครับ”ผมตอบรับ

หลังจากที่รถมาจอดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งบนถนน ศรีนครินทร์

ผมกับบูมก็ลงจากรถและเดินเข้าไปในร้านเพื่อสั่งอาหาร สวนอาหารแห่งนี้ ค่อนข้างร่มรื่น มีซุ้มต่าง ๆ แยกเป็นสัดส่วน ผมกับบูมก็เดินไปเลือกซุ้มเพื่อนั่งรับประทานอาหาร

จากนั้นบริกรก็มารับออเดอร์รายการอาหาร เราสั่งอาหารกัน 3-4 อย่าง แล้วบริกรก็เดินออกไป

“บูมเคยมาทานที่นี่หรอ บรรยากาศดีเนอะ”ผมถามพลางมองไปรอบ ๆ

“อืมม มากับที่บ้านครั้งนึง เห็นว่าดีเลยพาโยมาไง”บูมบอกพลางมองไปรอบ ๆ เช่นกัน

“แล้วนี่ เมื่อไหร่ บูมจะสอนกีตาร์เราล่ะ” ผมถามพลางจ้องหน้าชายหนุ่ม

“แล้วแต่โยละกันเราว่างตลอดแหละ”บูมบอก

“ได้แล้วเราจะบอกอีกทีนะ เออ ไหนว่าจะถามข้อมูลของแพทไง จะเอาเรื่องอะไรล่ะ”นั่นดูสิครับ ปากผม ดันมาพูดทำไมกับเรื่องแพท บรรยากาศแบบนี้ด้วยไม่น่าปากบอนเลย

“เออ เกือบลืม ตกลงนายได้ข้อมูลอะไรบ้างล่ะ”บูมรีบถามเมื่อนึกขึ้นได้

“ก็เยอะพอสมควร เช่น แพทชอบดอกกุหลาบสีขาว เคยมีคนให้แล้วแพทประทับมากเลยนะ”ผมบอกกลับไป

“จริงหรอ แล้วโยชอบดอกอะไร”บูมถามผม

“เราหรอ เราชอบกุหลาบสีแดงมากกว่า”

“อ่ะงั้นนี่เราให้”บูมพูดพลางหยิบดอกกุหลาบที่ปักบนแจกันตรงโต๊ะอาหารมาให้ผม

“เฮ้ยยยยยย จะบ้าหรอนี่มันของร้านเค้านะ”ผมรีบห้าม

“555555 ล้อเล่น”บูมหัวเราะ

หลังจากนั้น บริกรก็มาเสิร์ฟอาหาร เราสองคนทานไปได้สักพักก็อิ่ม เลยนั่งต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อชมบรรยากาศ

“บูมน่าจะชวนแพทมาที่นี่นะ”เอาอีกละครับท่าน ทำไมปากผมชอบแกว่งไปหาเสี้ยนจริง ๆ

“อืมมมม”บูมตอบสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

“กลับกันหรือยัง”ผมถามเพราะนี่ก็จะเกือบบ่าย สองแล้วครับ จริง ๆ ก็อยากอยู่ต่อ แต่กลัวบูมเค้าเบื่อน่

“อืมมม ไปสิ มื้อนี้เราเลี้ยงนะ”บูมพูด

“เฮ้ย ไหนว่าจะให้เราเลี้ยงไง”ผมเริ่มโวยวาย

“ก็โยค่อยเลี้ยงเราอาทิตย์หน้าอีกทีไง อาทิตย์นี้เราเลี้ยงไปก่อน โอเคนะ สัญญานะ”บูมรีบชิงตัดบท

“...................”ผมได้แต่พยักหน้าและยิ้มอย่างอารมณ์ดี

หลังจากนั้นเราก็เรียกบริกรมาเช็คบิล และเดินขึ้นไปบนรถ

“ยังไม่อยากกลับเลยอ่ะ ไปต่อได้ป่าว”บูมถามขณะกำลังสตาร์ทรถ

“ไปไหนต่อละ”ผมถามกลับ พลางแอบดีใจอยู่ในที

“เราอยากขับรถไปเรื่อย ๆ อ่ะ โยจะเบื่อไหม”บูมบอก

“ไม่เบื่อหรอก (ถ้ามีบูมอยู่ด้วยใครจะไปเบื่อ)”ผมพูดและแอบคิด

หลังจากนั้นเราก็ขับรถกันไปตามถนนเรื่อย ๆ และคุยกันตลอดทาง ทำให้ผมกับบูมรู้สึกสนิทสนมกันมากขึ้น

มันทำให้ผมรู้ว่าบูมเป็นลูกชายคนที่สามจากพี่น้องสี่คน แถมบูมยังเป็นคนขี้เหงาอีก

เวลาเหงา ๆ บูมมักจะหยิบกีตาร์ขึ้นมาเกาเล่นเป็นประจำ เพราะที่บ้านทำแต่งานเลยไม่ค่อยมีเวลาได้เจอกันเท่าไหร่

พวกเราต่างถามนั่นถามนี่กันตลอดจนเวลาใกล้ค่ำ บูมจึงขับรถพาผมกลับมาที่บ้าน

“แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ”ผมเอ่ยลาขณะรถมาจอดที่หน้าบ้านผม

“อืมมม เจอกัน”บูมพูด

หลังจากนั้นผมก็เดินเข้าไปในบ้าน ทักทายพ่อกับแม่ และเดินขึ้นห้องไป

จบตอนที่ 4 แล้วครับ ตอนนี้ไม่ค่อยเศร้าเท่าไหร่ เพราะอยากเบรกอารมณ์เศร้ากันบ้าง ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามครับ

************************************************
[{ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว}]                 เจอสาวกปาล์มอีคนแล้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2006 15:23:01 โดย หมูพูห์ »

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อที 2 ตอนเลย...... :impress:กะลังสนุก

ว่าแต่จะเศร้าแล้วหรอ............. :try2:

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
จะเศร้าแล้วหรอ  :impress:
เพิ่งจะได้ว่างอ่านเนี่ย อย่าเศร้ามากนะ เป็นเด็กอ่อนไหว  :monkeysad:

ว่าแต่ เป็นเด็กปาล์มเหมือนกันหรอเนี่ย  ไม่ได้เข้าไปนานแล้ว  :kikkik:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ใจตรงกัน แต่กรรมมาบัง
 :seng2ped:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
อ้างถึง
“ไม่เบื่อหรอก (ถ้ามีบูมอยู่ด้วยใครจะไปเบื่อ)”ผมพูดและแอบคิด


ทำไมไม่พูดออกไปล่ะ :seng2ped:

sak

  • บุคคลทั่วไป
 :impress2: :impress2:


            สงสัยว่า บูมเนี่ย    น่าจะเริ่มมีใจซะแล้วสิเนี่ย  :kikkik: :kikkik: :seng2ped:

       :sad4: :sad4: :impress: :impress:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

ยังไม่เคยแอบรักใครซักที

มีแต่รักแล้วลุยโลด  สุดท้ายก้อบัวแล้งน้ำ

สงสารโยจัง  ได้ข่าวมาว่าแอบรักนี้มันเจ็บลึกๆ นะ   :monkeycry2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
"ตอนที่ 5"

เช้านี้ผมตื่นไปมหาวิทยาลัยด้วยความเบิกบานใจเป็นที่สุด นั่งรถไปก็อมยิ้มไป ทำไมโลกใบนี้ถึงช่างสดใสเช่นนี้ผมคิดในใจ

ผมเดินเข้าไปทักทายเพื่อน ๆ ในกลุ่มซึ่งมากันพร้อมหน้าพร้อมตาที่ซุ้มที่นั่งด้านหน้าตึกเรียน

“เฮ้ย เป็นไงบ้าง โยนโบว์เมื่อวันเสาร์หนุกป่าววะ”ผมเอ่ยถามขึ้นอย่างอารมณ์ดี

“ก็งั้น ๆ แหละ แล้วโยเป็นไงบ้าง เห็นโบบอกว่าท่าทางแกดูเศร้า ๆ นิเมื่อวันเสาร์”ออฟถามขึ้น

“เออ ใช่”เพื่อน ๆ ผมพูดขึ้นมาเกือบจะพร้อม ๆ กัน

“ป่าว ไม่มีอะไร มันแค่เรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยน่ะ อย่าคิดมาก”ผมพูดพลางหันหน้าไปจ้องโบเป็นเชิงตำหนิ

“อ้าวเป็นงั้นไป เพื่อนก็อุตส่าห์ห่วง”โบพูดโดยที่ไม่กล้ามองผม

“เออ ยังไงก็ขอบใจเว้ย”ผมยิ้ม

“แล้ววันนี้มีโปรแกรมไปไหนหรือเปล่าวะ”ผมถามขึ้น

“ไม่ว่ะ วันนี้เราต้องรีบกลับบ้าน พอดีที่บ้านเราต้องไปธุระ ไม่มีใครอยู่ดูแลบ้าน”ออฟเอ่ยขึ้นมา

“งั้นก็ไปถล่มบ้านแกเลยดีกว่า ไปป่ะ”โบถามความเห็นเพื่อน ๆ

“เออ ไปดิ ไม่มีอะไรทำเหมือนกัน”กายเพื่อนอีกคนนึงสนับสนุน

“ตกลงตามนี้แล้วกันนะ”อ้าวเวร ไอ้โบด่วนสรุปโดยที่ไม่ถามความเห็นผมเลยสักนิด แต่พอมันมองเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีของผมมันเลยถาม

“หรือว่าโยไปไม่ได้ มีเดทอีกหรือไง”โบถามอย่างกับรู้ใจผมอย่างนั้นแหละ

“เปล่าไม่มี ไปก็ไปสิ”ผมต้องจำใจรับปาก แม้ใจจริง ๆ แล้วอยากจะแอบไปเจอกับบูมมากกว่า

หลังจากที่พวกผมตกลงกันเสร็จแล้วก็ทยอยกันเดินเข้าไปนั่งในห้องเรียน เพราะใกล้เวลาเข้าห้องเรียนแล้ว แต่ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน

ผมเดินไปที่ห้องน้ำซึ่งตั้งอยู่ระหว่างตึกพอดี จังหวะที่ผมกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ ผมเห็นบูมเดินมากับเพื่อน ๆ ของเค้าพอดี ผมเลยตะโกนทักเค้า.....

“เฮ้ย บูมมมมมมมม”ตะโกนเสียงดังนิดหน่อย

“...............................”เงียบ

“บูมมมมมม”เรียกอีกทีเผื่อไม่ได้ยิน แต่จริง ๆ แล้วผมว่าเค้าน่าจะได้ยินนะ

“..............................”เงียบอีกครับ แล้วกลุ่มของบูม ก็เดินผ่านผมไปโดยที่บูมไม่ได้สนใจผมเลยแม้แต่นิดเดียว

“รู้จักเค้าหรอ ทำไมเค้าเรียกแล้วไม่ตอบล่ะ”ผมแอบได้ยินเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มบูม พูดกับบูมหลังจากที่กลุ้มเค้าเดินผ่านผมไป

แต่แล้วคำตอบของชายคนที่ผมหลงรักตอบกลับมา มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าฟ้าได้ผ่าลงมาตรงกลางศีรษะของผมอย่างแรงพอดี

“ไม่รู้จักนิ อย่าไปสนใจเลย ทักผิดคนมั้ง”บูมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบโดยที่ไม่ได้มองมาที่ผมแม้แต่เล็กน้อย

ผมรู้สึกงงกับคำพูดของชายหนุ่มคนที่พาผมไปทานข้าวเมื่อวานนี้ แต่วันนี้กลับบอกว่าผมทักคนผิดและเค้าก็ไม่รู้จักผม ผมสงสัยว่ามันเกิดอะไรกันขึ้น นี่มันอะไรกัน

ทำไมเมื่อวานเราสองคนยังดีกันอยู่เลยแต่ทำไมวันนี้กลับเป็นแบบนี้ ผมได้แต่คิด ๆ ๆ แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

หลังจากที่ผมเข้าห้องน้ำเสร็จก็เดินกลับไปที่ห้องเรียน และนั่งลงตรงมุมหนึ่งซึ่งเพื่อน ๆ เหลือที่ว่างไว้ให้

ตลอดทั้งชั่วโมงเรียน ผมเรียนไม่รู้เรื่องเลย เพราะมัวแต่คิดว่านี่มันเกิดอะไรกันขึ้น สลับกับการมองไปยังบูม จนไอ้โบเริ่มสังเกตุเห็น

“เฮ้ยเป็นอะไรวะ เห็นจ้องบูมอยู่ได้”ไอ้โบถามผม (จริง ๆ แล้วบูมค่อนข้างที่จะ hot พอสมควรเพราะหน้าตาดี แถมเคยประกวดเดือนคณะด้วย

แต่ไม่ได้รับคัดเลือกเพราะไม่สนิทกับรุ่นพี่เลยชวดไป ทำให้คนรู้จักเค้าเกือบทั้งคณะ ผิดกับตัวผมที่ดูธรรมดา ๆ เลยไม่มีคนรู้จักมากนัก)

“เปล่า ๆ ๆ แค่มองไปเฉย ๆ ไม่ได้มองบูม”ผมรีบปฏิเสธ แต่ดูเหมือนโบจะไม่ค่อยเชื่อที่ผมบอกเท่าไหร่ ก็มันเล่นจ้องผมตลอดเลยว่าผมกำลังทำอะไรจนผมเริ่มที่จะรำคาญ

“จะจ้องอีกนานไหม”ผมเริ่มหงุดหงิด

“ไม่ได้จ้อง ก็บอกมาก่อนดิว่ามองบูมทำไม”อ้าวไอ้นี่เสื..ก อีกละ

“ก็บอกแล้วไงว่าเปล่า”ผมเริ่มเสียงเข้มขึ้นมา

“เออ ๆ ๆ ไม่มองก็ไม่มอง”มันเริ่มรู้ตัวแล้วครับ จากนั้นมันก็หันไปสนใจในสิ่งที่อาจารย์สอน

ส่วนผมก็นั่งคิดแต่เรื่องนี้อยู่ตลอดทั้งคาบเหมือนเดิม จนกระทั้งอาจารย์พักเบรค

ผมก็เห็นบูมกำลังเดินออกไปข้างนอกคนเดียว ผมรอสักพักนึงแล้วรีบเดินตามออกไป เพราะไม่ต้องการให้ไอ้โบจับได้

ผมเดินไปจนทันบูมแล้ว เลยเอ่ยถามขึ้นว่า

“ทำไมนายทำแบบนี้”ผมถามแบบโมโหนิดหน่อย

“แบบนี้แบบไหน”บูมตอบด้วยน้ำเสียงปกติ

“ก็ทำไมเราทักแล้วไม่ตอบเรา ที่หน้าห้องน้ำเมื่อตอนเช้าไง”ผมพูดลำดับเหตุการณ์

“เราไม่เห็น”บูมพูดแล้วเดินหนีไปเลย ผมพยายามจะเดินตามไปถามเพื่อให้ได้คำตอบ

แต่เพื่อนผมก็ดันมาเรียกเอาไว้ซะอีกทำให้ผมต้องเดินเข้าไปในห้องอย่างเซ็ง ๆ

หลังจากเลิกเรียนเสร็จแล้ว ผมก็พยายามหาโอกาสแอบหนีออกมาเพื่อที่จะได้พูดคุยกับบูมสองต่อสอง

แต่โอกาสไม่ค่อยจะเป็นใจเท่าไหร่นัก เพราะอะไรนะหรือครับ ก็เพราะพวกเพื่อน ๆ ตัวดีของผมไง คอยจะลากผมไปไหนมาไหนอยู่นั่นแหละอย่างกับจะรู้ว่าผมไม่ค่อยอยากจะไปด้วย

ทำให้ผมกับบูมไม่ได้มีโอกาสคุยกันสองต่อสองเลยจนกระทั่งเลิกเรียนคาบบ่าย ผมเลยต้องไปบ้านออฟต่อ ด้วยความเซ็ง ๆ

พอไปถึงบ้านออฟผมก็แทบจะไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้เลยเพราะมัวแต่ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน ๆ ทั้งร้องคาราโอเกะ ทำกับข้าวกินกัน และอะไรต่อมิอารายมากมายจนกระทั่งได้เวลากลับบ้าน

ผมกลับมาถึงบ้านตอนประมาณ 3 ทุ่มกว่า ๆ พอเข้ามาในตัวบ้าน แม่ก็พูดขึ้นมาว่า

“มีคนโทรมาหาลูกน่ะ ชื่ออะไรก็ไม่ยอมบอก แม่ถามแล้วเค้าก็บอกจะโทรมาอีกที โทรมาตั้งสามรอบบอกว่า โทรศัพท์มือถือลูกไม่ได้เปิด”แม่ผมบอกพลางหันไปกดรีโมตทีวีเพื่อเปลี่ยนช่อง

“อ้าวหรอครับ พอดีแบตผมหมดน่ะครับแม่ แล้วเค้าว่าจะโทรมาอีกหรือเปล่าครับ”ผมถามต่อพลางสงสัยว่าใครโทรมา

“ไม่รู้สิจ๊ะ เค้าไม่ยอมบอกอะไรเลย”แม่พูดขณะดูละคร

“ถ้างั้นผมขึ้นไปข้างบนแล้วนะครับแม่ เดี๋ยวเค้าคงจะโทรเข้ามือถือผมเอง”ผมพูดพลางถอดรองเท้าแล้วเดินขึ้นไปข้างบน

หลังจากที่ผมเสียบที่ชาร์ตถ่านมือถือ แล้วเปิดเครื่องสักพักก็มีโทรศัพท์ดังขึ้น

“โย นี่โบนะ ถามจริง ๆ เหอะทำไมเมื่อเช้านายเอาแต่จ้อง บูมวะ หรือว่า นายชอบบูม”โอ้โห ไอ้นี่ ถามตรงไม่มีอ้อมค้อมเลยครับ

“นี่โทรมาตั้งหลายครั้งด้วยเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ เมื่อกี้อยู่บ้านออฟเราก็บอกแล้วไงว่า ไม่มีอะไร บ้าหรือป่าววะ

ถามซ้ำถามซากได้ทั้งวัน หรือว่า แกชอบบูม”ผมถามด้วยความสงสัยเพราะเห็นมันสนใจเหลือเกิน

“เปล่า ๆ ๆ ไม่ได้ชอบ แค่อยากรู้แค่นั้นเอง”โบรีบแก้ตัว ซึ่งจริง ๆ ผมก็รู้ว่ามันไม่ได้ชอบหรอก

เพราะถ้ามันชอบจริงๆ แฟนมันที่อยู่ที่หอเดียวกันกับมันคงจะตามมาเช็คบิลแน่ ๆ แฟนมันขี้หึงจะตายไป

ไม่ว่ามันจะพูดกับผู้ชาย เกย์หรือว่า ผู้หญิง ขนาดแรก ๆ แฟนมันเกือบจะวางมวยกันกับผมแล้ว ดีนะที่ผมกับมันเป็นแค่เพื่อนกันจริง ๆ เลยไม่มีอะไร ผ่านได้สบายมาก

“เออ ๆ ๆ แค่นี้แหละจะไปอาบน้ำแล้ว เจอกันนะโว๊ยยยย”ผมตัดบท

“เฮ้ย ๆ ๆเดี๋ยว”มันรีบพูดแต่ผมไม่สนใจหรอก กดปิดมือถือซะเลยขี้เกียจอธิบาย

คืนนั้นหลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จ กำลังจะเข้านอนก็อดคิดไม่ได้เรื่องที่บูมทำกับผมเมื่อเช้าและท่าทีที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่มระหว่างพักเบรค

นั่นมันเป็นสัญญาณของอะไรกันแน่ ผมคิดอยู่นานก็คิดไม่ออก เลยเผลอหลับไป

จบตอนที่ 5 ขอบคุณครับที่ติดตาม

****************************************

][GobGab][                              รีบมาต่อให้ครับ เพราะจะไม่อยู่เมืองไทย หนีเที่ยวสักสองวันนะครับ

Pompparazzi                          ขอบคุณครับป้อมสำหรับการติดตาม เพิ่งจะรู้ว่าป้อมก็เด็กปาล์มเหมือนกัน

b|ueB[o ]YhUb                       เหมือนเราสองคนงัย หนูบลู

[{ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว}]                           นั้นสิแน๋ว คนปากแข็งเป็นแบบนี้ทุกคนรึป่าวนะ

sak                                            ต้องติดตามตอนต่อไปนะครับ

oaw_eang                              เจ้ไม่เคยแอบรักใครจริงๆ เหรอ แล้วเจ้รู้ได้ยังงัยละครับ ว่ามันเจ็บลึกๆ เอิ๊กๆๆ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2006 11:39:06 โดย หมูพูห์ »

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
"ตอนที่ 6"

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงแม่เคาะประตูเรียกผม ในตอนเช้า
 
“ลูกตื่นหรือยังจ๊ะ......โยตื่นเร็วลูก แม่มีธุระจะคุยด้วย เร็ว ๆ หน่อยจ๊ะ....โยยยยยย”แม่เรียกผมเสียงดัง

“อะไรรรร ครับแม่ ยังเช้าอยู่เลยผมมีเรียนบ่ายครับวันนี้”ผมงัวเงียไม่ค่อยอยากจะตื่นเพราะวันนี้ผมมีเรียนคาบบ่ายวิชาเดียวเองเลยไม่ต้องไปมหาวิทยาลัยแต่เช้า

“โย แม่จะให้ลูกขึ้นไปเยี่ยมลุงกะป้าที่อยู่เชียงใหม่แทนแม่หน่อย

พอดีลุงเค้าไม่ค่อยสบายนอนอยู่ที่โรงพยาบาล แม่จองตั๋วเครื่องบินให้แล้วนะจ๊ะ”แม่บอกเหตุผลที่ทำให้ต้องปลุกผมในเวลาเช้าแบบนี้

แล้วผมก็เดินมาเปิดประตูห้องให้แม่พลางถามด้วยความงัวเงียเป็นที่สุดว่า

“วันไหนครับแม่”ผมยังงัวเงียอยู่เลยไม่ได้ยินว่าแม่จองตั๋วเครื่องบินให้แล้ว

“วันนี้เลยจ๊ะพอดีป้าอ้อเพิ่งโทรมาบอก แม่กับพ่อก็เป็นห่วงลุงเค้า แต่พอดีพ่อติดธุระต้องไปงานแต่งงานลูกชายเพื่อนสนิทของพ่อกับแม่เลยไปไม่ได้

ยังไงลูกก็ไปเยี่ยมแทนแม่หน่อยนะจ๊ะ พรุ่งนี้หรืออีกสองวันค่อยกลับก็ได้”แม่ผมมัดมือชกเลยครับ

“ครับ ๆ ๆ แม่ แล้วเที่ยวบินออกกี่โมงครับ”ผมตอบรับคำ

“10.25 จ๊ะ เร็ว ๆ เข้า รีบล้างหน้าแต่งตัวได้แล้วเดี๋ยวตกเครื่อง”แม่เดินเข้ามาพร้อม ๆ กับช่วยผมจัดของเอานั่นเอานี่ใส่ในกระเป๋าเดินทาง

“คร๊าบบบบบบบ”ผมเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยท่าทีอิดออดนิดหน่อย

“ลูกกะจะไปกี่วันจ๊ะ แม่ไม่ได้จองตั๋วขากลับไว้ให้นะ”แม่ตะโกนถามพลางจัดการกับที่นอนผม

“พรุ่งนี้ก็คงกลับแล้วครับแม่ขี้เกียจไปอยู่นาน น่าเบื่อออก แล้วนี่ก็เพิ่งเปิดเรียนยังไม่อยากขาดเรียนอ่ะครับแม่”

ผมตะโกนกลับมาจากห้องน้ำพลางคิดในใจที่จริงเราไม่อยากจากบูมไปต่างหากอิอิ

“ตามใจ งั้นแม่ไปรอข้างล่างนะจ๊ะ ”แม่พูดแล้วเดินออกไป

“เดี๋ยวแม่จองไฟท์กลับให้ผมด้วยนะครับ เอาเย็น ๆ สักหกโมงเย็นพรุ่งนี้นะครับแม่”ผมตะโกนตามหลัง

“จ๊ะ”แม่ตอบสั้น ๆ แล้วเดินลงไป

หลังจากที่ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วผมก็เดินถือกระเป๋าลงมาข้างล่าง จริง ๆ แล้วผมไปแค่วันเดียวไม่ต้องเอากระเป๋าเดินทางไปหรอกครับ

มันจะดูเว่อร์เกินไป แต่ของฝากนี่สิครับ เต็มกระเป๋าเลย ผมละกลุ้มไม่รู้จะพูดยังไงดี หลังจากลาแม่แล้วผมก็นั่งรถไปสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องไป เชียงใหม่

หลังจากที่เครื่องผมลงจอดก็เกือบเที่ยงพอดี ผมเดินลงจากเครื่องเข้ามายังสนามบิน ผ่านด่านต่าง ๆ แล้วมองหาป้าผม กับ พี่น้อยคนขับรถของป้าที่มารับผมที่สนามบิน

ทันทีที่ป้าเห็นผมก็รีบเดินเข้ามากอดแล้วลูบหัวผมอย่างเอ็นดู ผมทักทายสวัสดีป้าแถมด้วยของฝากที่เต็มกระเป๋า ป้ายิ้มอย่างใจดีแล้วให้พี่น้อยยกกระเป๋าขึ้นรถไป

ผมนั่งรถกับป้าผมไปที่บ้านของป้าซึ่งอยู่นอกตัวเมืองเชียงใหม่ไปนิดหน่อย พอถึงบ้านของป้าผม ท่านก็สั่งคนงานเอาของ ๆ ผมไปเก็บ

แล้วสั่งงานนิดหน่อยหลังจากนั้นก็พาผมไปเยี่ยมลุงที่โรงพยาบาลในตัวเมืองเชียงใหม่

พอผมถึงโรงพยาบาลก็แปลกใจที่อยู่ ๆ ก็มีผู้ชายหน้าตาดี ผิวขาว คิ้วเข้ม แบบไทยเหนือ อายุน่าจะมากกว่านิดหน่อยมารอรับผมกับป้าที่ด้านหน้าโรงพยาบาล

“สวัสดีครับคุณน้าอ้อ(ชื่อป้าผมครับ) คุณอาเป็นอย่างไรบ้างครับ”ชายหนุ่มผิวขาวเอ่ยถามหลังจากที่ทักทายกับป้าผมเสร็จ

“ไม่เป็นไรมากหรอกจ๊ะ วิทย์ โรคคนแก่น่ะ แล้ววิทย์ไม่ไปเรียนหรอวันนี้”ป้าผมพูดกับชายหนุ่มเหนือหน้าตาดีคนนั้น

“ไม่ได้ไปครับ วันนี้ผมไม่มีเรียนครับ พ่อเลยให้ผมมาเยี่ยมคุณอาแทน เพราะพ่อผมติดงานที่รีสอร์ตมาไม่ได้ครับ”ชายหนุ่มตอบ

พอป้าผมเห็นผมยืน งง ๆ อยู่ก็เลยแนะนำให้ผมรู้จักกับชายหนุ่มคนนั้น

“นี่โยหลานน้าเองมาจากกรุงเทพฯมาเยี่ยมลุงเค้าน่ะ พอดีแม่กับพ่อของโยติดธุระมาไม่ได้”ป้าผมเริ่มแนะนำผมให้ชายหนุ่มคนนั้นรู้จัก

“นี่พี่วิทย์ ลูกชายเพื่อนลุงที่เป็นหุ้นส่วนทำรีสอร์ตด้วยกันในเชียงราย ที่ป้าเคยพาเรากับแม่ไปเมื่อปีก่อนไง”ป้าเริ่มแนะนำพี่วิทย์มั่ง

หลังจากที่ป้าแนะนำตัวผมกับพี่วิทย์เสร็จผมก็สวัสดีทักทายตามมารยาท แต่ที่ผิดสังเกตุคือ ทำไมพี่วิทย์เอาแต่จ้องหน้าผมอยู่นั่นแหละ จ้องนานมาก จนผมเขินทำอะไรไม่ถูก

หลังจากนั้นผมก็ไปเยี่ยมลุงคุยกันได้พักใหญ่ก็กำลังจะกลับ แต่ป้าเค้าอยากจะอยู่เฝ้าลุงมากกว่าเพราะเดี๋ยวหมอจะเข้ามาดูอาการลุงอีกที

ป้าเลยฝากฝังผมไว้กับพี่วิทย์ให้ช่วยพาผมกลับไปที่บ้านของป้าผมแทน

“ยังไงฝากวิทย์ด้วยนะ พอดีน้องเค้าจะกลับกรุงเทพฯพรุ่งนี้น่ะ ยังไงก็ฝากด้วยนะจ๊ะ

กลับบ้านกับพี่เค้านะลูกป้าต้องขอโทษด้วยที่ไปส่งไม่ได้แล้วเจอกันเย็น ๆ นะจ๊ะ”ป้าฝากผมกับพี่วิทย์ แล้วหันมาบอกผม

“ได้เลยครับคุณอา ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจอยู่แล้ว”พี่วิทย์รับปากเป็นมั่นเหมาะ

แต่ผมนี่สิไม่ค่อยจะแน่ใจเท่าไหร่เลย เพราะผมไม่รู้จักพี่วิทย์เลยแถมพี่วิทย์ยังชอบมาจ้องผมอีก

“ครับคุณป้า ไม่เป็นไร ยังไงก็ขอให้คุณลุงหายไว ๆ นะครับ คุณแม่กับคุณพ่อก็ฝากความระลึกถึงมาด้วย”ผมพูดกับคุณลุงของผมที่นอนอยู่บนเตียง

“เอ่อออ ไว้ลุงหายจะไปเยี่ยมที่กรุงเทพนะ จะได้ไปปล่อยแก่ซะหน่อย เหอะ ๆ ๆ จะได้ไม่ต้องมาเป็นโรคคนก่งคนแก่แบบนี้”ลุงผมหัวเราะ

“นี่แน่ะ จะไปปล่อยแก่ที่ไหน จะเข้าโลงอยู่แล้ว ตาแก่นี่”ป้าตีแขนลุงเบา ๆ ผมได้แต่อมยิ้ม แล้วขอตัวออกไปกับพี่วิทย์

หลังจากนั้นผมกับพี่วิทย์ก็เดินไปยังที่จอดรถของโรงพยาบาล พี่วิทย์ก็ได้เอ่ยถามผม...

“ทำไมมาแค่วันเดียวเองล่ะครับโย พี่ยังไม่ได้พาโยเที่ยวเลย”อ้าวพี่ เพิ่งรู้จักกันแท้ ๆ

“พอดีเพิ่งเปิดเทอมอ่ะครับ เลยไม่อยากขาดเรียนนานๆ”ผมตอบ

“น้องโยเรียนที่ไหนครับ ปีอะไร”พี่วิทย์ถามพลางจ้องหน้าผมอีกละ

“ปี 2 ครับพี่ คณะ.......ที่มหาวิทยาลัย...... ตรงรังสิตน่ะ”ผมตอบพี่วิทย์พลางเดินให้เร็วขึ้น

“จริงดิครับ พี่ก็มีเพื่อนเรียนที่เดียวกันกับน้องด้วยนะ ชื่อพี่โน้ต รู้จักป่ะครับ”พี่วิทย์ถามยิ้ม ๆ แล้วเดินไปไขกุญแจเพื่อเปิดประตูขึ้นรถ

“โห ไม่รู้จักหรอกครับพี่ คนชื่อโน้ตมีเป็นสิบคน ที่คณะใครจะไปรู้จักครับว่าคนไหน”ผมพูดขณะกำลังก้าวขึ้นไปบนรถของพี่วิทย์

“เออ นั่นสิ แต่พี่ว่า โน้ตน่าจะรู้จักโยนะ รุ่นน้องน่ารักแบบนี้ ใคร ๆ ก็น่าจะรู้จัก”เอาแล้วสิครับ หางเริ่มโผล่แล้วพี่วิทย์

“ไม่หรอกพี่ ผมหน้าตาธรรมดาจะตาย ไม่มีใครรู้จักหรอกครับ”ผมตอบพลางคิดในใจ มาไม้ไหนวะ

“5555555 อย่าถ่อมตัวเลยครับ เออ เดี๋ยวอีกสองเดือนพี่จะไปที่กรุงเทพ น้องโยมาเจอพี่ได้ป่ะ

พอดีพี่ต้องไปทำธุระให้พ่อตั้งอาทิตย์นึง”พี่วิทย์ถามผม พลางจ้องหน้าผมอีก

“ก็ได้ครับพี่ แล้วไว้เจอกันครับ”ผมอึกอัก ๆ เพราะบอกตามตรงว่าตอนนี้ผมไม่ได้ชอบพี่วิทย์เลย ตอนนี้ในใจผมมีแต่บูมเท่านั้น

“งั้นขอเบอร์มือถือ น้องโยหน่อยได้หรือเปล่าครับจะได้ติดต่อกัน”พี่วิทย์เริ่มรุกหนักขึ้นแล้ว

“ครับ ๆ 0x-xxx-xxxx”ผมตอบ

หลังจากนั้นพี่วิทย์ก็ถามอะไรผมอีกมากมาย จนผมเริ่มรู้สึกเบื่อไม่อยากจะตอบ

แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดีพอดีนึกขึ้นได้ว่าต้องโทรไปบอกเพื่อนผมเรื่องผมไม่ไปมหาวิทยาลัย เลยได้โอกาส.....

“พี่เดี๋ยวแป๊ปนึงนะครับ พอดีผมลืมโทรบอกเพื่อนว่าผมไม่ได้ไปมหาวิทยาลัยวันนี้อ่ะครับ”ผมรีบชิงพูดก่อนที่พี่วิทย์จะเริ่มถามอะไรผมอีกมากมาย

“เฮ้ย ออฟหรอ (ไม่ต้องงงครับผมจำเบอร์ออฟได้คนเดียว ก็เบอร์มันจำง่ายที่สุดเลยอ่ะ) วันนี้เราไม่ไปเรียนนะ

ตอนนี้เราอยู่เชียงใหม่เพิ่งเยี่ยมลุงของเราเสร็จ จะกลับพรุ่งนี้ ยังไงจดเล็คเชอร์ให้ด้วยนะ แค่นี้นะ บาย”ผมวางสายจากออฟ พี่วิทย์ก็รีบถามมาทันทีเลยครับ

“แฟนโยหรอ ออฟน่ะ”พี่วิทย์ถามแล้วทำหน้าเศร้า

“แฟนที่ไหนกันพี่ เพื่อนผม ผมยังไม่มีแฟนเลยครับ”ผมตอบกลับไป พี่วิทย์นี่หน้าบานเลยครับ

“จริงหรอครับ ไม่หลอกพี่นะ พี่จะได้มีหวัง”พี่วิทย์พูดพลางทำหน้าดีใจ

“จะหลอกพี่ไปทำไมครับ แล้วพี่วิทย์หวังอะไร”ผมถามกลับพลางทำสีหน้าไม่ค่อยจะดี

“เปล่า ๆ ๆครับ “พี่วิทย์รีบปฏิเสธ

หลังจากนั้นไม่นาน รถก็ขับไปจอดที่หน้าบ้านของป้าผม ผมเลยหันไปขอบคุณพี่วิทย์ที่มาส่ง แล้วกำลังจะเดินลงไป
 
“คืนนี้ออกไปเที่ยวกับพี่ไหมครับ น้องโย พี่เลี้ยงเอง จะพาไปทัวร์ให้รอบเมืองเลย”พี่วิทย์เสนอ

“ผมก็อยากไปนะครับพี่ แต่ผมเหนื่อยมากเลยครับ พรุ่งนี้ต้องกลับกรุงเทพฯ อีก เอาไว้โอกาสหน้านะครับ”ผมตอบปฏิเสธอย่างนิ่มนวล

“ก็ได้ครับ แต่ถ้าคราวหน้าน้องโยมาเชียงใหม่อย่าลืมบอกพี่นะครับ สัญญานะ”พี่วิทย์หน้าเจือนไป แต่ก็ยังยิ้มอยู่

“แล้วพรุ่งนี้พี่จะมารับ ไปส่งที่สนามบินนะครับ เครื่องออกกี่โมงครับ”พี่วิทย์เสนอ

“ไม่ต้องมารับก็ได้ครับพี่ ผมเกรงใจน่ะ เดี๋ยวป้าผมก็ให้พี่น้อยไปส่งผมก็ได้ครับ”ผมพูดอย่างเกรงใจ

“ไม่เป็นไรครับ พี่อยากไปส่งจริง ๆ”พี่วิทย์ทำหน้าอ้อน ผมเลยใจอ่อนครับ บอกเวลาที่เครื่องจะออกไป

“แล้วเจอกันนะครับ พรุ่งนี้ตอน 4 โมงเย็น”พี่วิทย์ยิ้ม

“ครับแล้วเจอกัน ขอบคุณนะครับ บายครับ”ผมตอบแล้วโบกมือให้ แล้วก็หันหลังเดินขึ้นบ้านไป

หลังจากที่ผมเข้ามาในห้องที่ป้าผมเตรียมไว้ให้ ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงบูม ถ้าบูมทำกับผมแบบที่พี่วิทย์ทำอยู่ขณะนี้

ผมคงจะมีความสุขที่สุดเลย แต่มันไม่ได้เป็นแบบที่ผมคิด ผมยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า

ตกลงแล้วผมเป็นตัวอะไรกันแน่ วันไหนที่เค้าต้องการก็เข้ามาพูดคุยด้วย

วันไหนที่เค้าไม่สนใจก็ทำเป็นไม่รู้จัก คิดแล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะต้องมานั่งเสียใจกับโชคชะตาของตัวเอง จนเวลาผ่านไป เกือบจะหกโมงเย็นแล้ว

ผมกำลังจะเดินลงไปดูว่าป้าผมกลับมาหรือยังแต่แล้วโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น

“ทำไมวันนี้ไม่ไปมหาลัย รู้ไหมว่าคนเค้าเป็นห่วง”เสียงชายหนุ่มที่ผมคุ้นเคยและเพิ่งคิดถึงเมื่อสักครู่นี้ดังขึ้นมาจากปลายสายอีกสายหนึ่ง

“นายสนใจเราด้วยหรอว่าเราจะไปไม่ไปน่ะ นึกว่าไม่เห็นเราแล้วนายจะสบายใจซะอีก”ผมพูดกับบูมด้วยน้ำเสียงน้อยใจที่สุด

“ใครบอก เราเป็นห่วงนะ โยอย่าคิดมากสิ เอาเป็นว่าให้นายจำไว้ว่าเราเป็นห่วงนายก็พอ”บูมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“บูมห่วงเราจริง ๆ นะ”ผมพูดแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจเป็นที่สุดที่ได้ยินคำนี้

“อืมมมม เราห่วงว่าถ้าไม่มีนายเราก็จะไม่ได้ข้อมูลของแพทเพิ่มน่ะสิ”เอาอีกละครับ แพทอีกแล้วเบื่อจริง ๆ คำแสลงประจำตัวผมในตอนนี้

“เออ ๆ ๆ เรามันก็ทำได้แค่นี้แหละ”ผมหุบยิ้มลงทันที

“5555555555555555555555555 แล้วตอนนี้โยทำอะไรอยู่ล่ะ”บูมหัวเราะแล้วถามผม

“เรามาเยี่ยมลุงที่เชียงใหม่ พอดีลุงเค้าไม่ค่อยสบายแล้วแม่กับพ่อเราก็ไม่ว่างเลยส่งเรามาเยี่ยมแทน พรุ่งนี้เราก็กลับแล้ว

แต่คงไปมหาวิทยาลัยอีกวันนึงนะเพราะเรากลับไฟท์เย็น”ผมตอบ

“จะให้เราไปรับไหม พอดีพรุ่งนี้เย็นเราว่าง”บูมเสนอ

“ไม่เป็นไรหรอก เรากลับเองได้”ผมแกล้งปฏิเสธ แต่ใจจริง อยากให้บูมมารับมาก ๆ อิอิ

“ไม่เป็นไร เราว่างจริง ๆ แล้วเครื่องจะลงกี่โมงล่ะเราจะได้ไปรอ”โอ้โห ประทับใจจังเลย อิ อิ

“เครื่องลง ตอนประมาณหกโมงเย็น”ผมพูดกับชายหนุ่มขณะที่ผมอมยิ้มด้วยความปลื้มใจเป็นที่สุด

“ดีเลย พอรับโยเสร็จแล้วไปทานข้าวกันนะ คราวนี้โยเลี้ยงเรามั่ง”บูมพูดกับผม

“โหหหหห ไรวะ คนอุตส่าห์มาจากเชียงใหม่นึกว่าจะมีคนเลี้ยงข้าว”ผมแกล้งแหย่บูมเล่น ๆ

“5555555555 ก็เราเลี้ยงไปแล้วไง แล้วอย่าลืมของฝากเรานะ”บูมทวง

“งกว่ะ เออ ๆ ๆเดี๋ยวเราซื้อให้ เอาช้างไปฝากเชือกนึงเลยมะ”ผมแหย่บูม

“ถ้าแบกมาได้ก็แบกมานะครับ”ดูดิบูมท้า

“จัดให้”ผมยังไม่เลิก แล้วเราก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

“เออ....โย วันเสาร์หน้าวันเกิดแพทใช่ไหม โยอย่าลืมช่วยเราคิดนะว่าเราจะซื้ออะไรให้แพทดี”บูมเอ่ยถามผม

“.......................................”ผมเงียบ ไม่ใช่เงียบเพราะผมหึงแพทหรอกนะ แต่เพราะผมไม่เคยบอกบูมต่างหากว่าวันเกิดแพทวันไหน

“อย่าลืมนะ ช่วยคิดด้วย แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ บายครับ”บูมเอ่ยลาแล้ววางโทรศัพท์ไป

ส่วนผมก็ งง สิครับ เพราะผมไม่เคยบอกเรื่องวันเกิดแพทกับบูมเลย แล้วเค้ารู้ได้ยังไงว่าวันเกิดแพทมันวันไหนกันแน่

ผมเลยมานั่งคิดย้อนกลับไปก็นึกไม่ออกว่าผมเคยบอกเรื่องวันเกิดของแพทกับบูมวันไหน คิด ๆ ๆอยู่นาน

พอดีป้าผมให้คนรับใช้เดินขึ้นมาเรียกไปทานเข้า ผมเลยเลิกคิดแล้วเดินลงไปทานข้าวกับป้าผม

จบตอนที่ 6 ขอบคุณครับที่ติดตามเนื้อเรื่องเริ่มที่จะสลับซับซ้อนขึ้นนิดหน่อยพร้อม ๆ กับตัวละครที่เพิ่มขึ้นยังไงก็ขอให้ติดตามกันต่อไปนะครับ

อาจจะไม่ได้มา update กันทุกวันเพราะช่วงนี้ ติดธุระนิดหน่อยแต่ก็จะพยายามครับผม

************************

จบตอนที่ 6 แล้ว คุณ Yo เองครับ เขามีธุระ ทิ้งช่วงไปนาน

ส่วนตัวผม นายพูห์ เอง ขอลาเพื่อนๆ หนีเที่ยวสัก 2 วันนะครับ

พูห์ครับ :teach:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586


ทำไมคนชื่อวิทย์มันถึงได้ชอบหน้าหม้อจังวะ

เห็นมาหลายคนแระ

Tantalum

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องราวสลับซับซ้อนดีจัง มีหลายปมให้แก้ หุหุ ท่าทางความวุ่นวายจะมาเร็ว ๆ นี้

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
หัวใจจะบอกคุณเอง มันจะเต้นตามจังหวะของมัน
โดยที่คุณไม่อาจควบคุมมันได้

need_not2know

  • บุคคลทั่วไป

ลำบากใจน่าดู เป็นพ่อสื่อให้คนที่ตัวเองรักเนี่ย

ไม่เข้าใจพฤติกรรมคุณบูมเท่าไหร่ คงต้องติดตามตอนต่อๆและต่อๆไป

มาต่อเร็วๆนะ รออยู่ สนุกจริงๆ (>.<)

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
รอด้วย  บูมแอบรักโย แล้วเอาแพทมาเป็นข้ออ้างเปล่าเนี่ย   :like6:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

ถ้าบูมทำกับผมแบบที่พี่วิทย์ทำอยู่ขณะนี้ ............ผมคงจะมีความสุขที่สุดเลย

แต่มันไม่ได้เป็นแบบที่ผมคิด ผมยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า.....ตกลงแล้วผมเป็นตัวอะไรกันแน่

การยอมเป็นตัวอะไรสักตัว................เพื่อคนที่เรารัก...............

ถึงแม้มันจะเจ็บ........แต่ก็ยอม....................... :impress:

มารออ่านต่อนะคับพี่พูห์...........หนีเราไปเที่ยวซะและ :teach:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2006 14:35:01 โดย ][GobGab][ »

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
"ตอนที่ 7"

ผมเดินลงไปทานข้าวกับป้าผม ซึ่งนั่งรอผมอยู่ที่โต๊ะอาหาร ผมเดินอ้อมมานั่งด้านข้างของป้าผมพลางเอ่ยขอโทษ

“ขอโทษนะครับคุณป้า ที่ต้องทำให้รอนาน” ผมเอ่ยขอโทษที่ทำให้ผู้ใหญ่ต้องมานั่งคอย

“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะลูกป้าก็เพิ่งมาถึงเอง”ป้าผมบอกอย่างไม่ถือสา

“ทานข้าวครับคุณป้า”ผมเอ่ยเป็นมารยาท

“ทานเถอะลูกตามสบายนะจ๊ะ”ป้าผมพูดอย่างอ่อนโยน

“ทานแล้วนะครับ”หลังจากที่ผมพูดจบก็เริ่มรับประทานอาหาร หลังจากที่ผมกับป้าทานอิ่มกันแล้ว ป้าผมก็พูดกับผมว่า

“วันนี้เป็นยังไงบ้างลูก กับพี่วิทย์น่ะ”ป้าถามยิ้ม ๆ”ดูท่าพี่วิทย์คงจะถูกชะตากับเรามากนะ ปกติป้าเห็นเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร

แต่วันนี้มาแปลก รับอาสาพาเรามาส่งถึงบ้าน”ป้าผมพูดด้วยความแปลกใจ แต่ผมคิดว่าผมรู้แล้วล่ะครับว่าเป็นเพราะอะไร

“พี่วิทย์ก็ดีครับ อัธยาศัยก็ดี”ผมตอบสั้น ๆ

“อืมมมม วิทย์เค้าเข้ากับผู้ใหญ่ได้ดีมากเลยนะจ๊ะ เวลาที่รีสอร์ตมีปัญหาก็ได้วิทย์นี่แหละคอยทำเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ตลอด

เราน่ะต้องดูแบบพี่เค้าไว้เป็นตัวอย่างนะ ถ้าเรียนจบเมื่อไหร่ป้าจองตัวเรากับแม่และพ่อเราแล้ว ว่าจะมาให้ช่วยทำรีสอร์ตต่อ

เพราะป้ากับลุงไม่มีลูก มีแต่โยคนเดียวแหละจ๊ะ ยังไงก็พยายามเรียนรู้จากพี่เค้านะ”

ป้าผมเริ่มหว่านล้อมเพราะจริง ๆ แม่ผมก็พูดอยู่ประจำว่าจะให้ไปทำงานที่รีสอร์ตของป้าผมที่เชียงราย

แต่ผมไม่ชอบอ่ะครับ เลยพยายามเลี่ยงไม่ไป

“ครับ ๆ ๆป้า ไว้ผมจะคิดอีกที”ผมตอบรับคำเพื่อให้ป้าไม่เสียกำลังใจ แต่ในใจคิดว่าไม่เด็ดขาด

“ไม่ต้องคิดแล้วล่ะ แบบที่ป้าบอกน่ะดีแล้ว เออนี่ โย พรุ่งนี้ลูกจะกลับไปที่กรุงเทพฯ ป้าฝากพี่วิทย์ด้วยสิลูก

เห็นพ่อพี่วิทย์เค้าโทรมาบอกป้าว่า วิทย์มีธุระที่กรุงเทพฯต้องทำ สักสองสามวันน่ะ”ป้าเอ่ยฝากฝังพี่วิทย์กับผม

ทำให้ผมประหลาดใจอย่างมากที่อยู่ดี ๆ พี่วิทย์ก็จะไปกรุงเทพกับผมทั้ง ๆ ที่พี่เค้าเพิ่งบอกผมว่าจะไปอีกสองเดือนข้างหน้า

“อ้าวพี่วิทย์เค้าไม่ได้ไปอีกสองเดือนข้างหน้าหรอครับคุณป้า”ผมถามอย่างสงสัย

“ไม่รู้สิจ๊ะ เห็นพ่อพี่วิทย์บอกว่า ตาวิทย์เค้าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องไปทำเรื่องอะไรสักอย่างที่กรุงเทพฯนี่ล่ะ

เลยรีบบินไป พอดีเจอจังหวะโยจะกลับพอดี พ่อพี่วิทย์เลยมาฝากฝังไว้กับป้า”ป้าตอบผมถึงเหตุผลที่ทำไมพี่วิทย์ถึงจะไปกับผม

“หรอครับ ... ได้ครับคุณป้า แต่พี่วิทย์จะไปกี่วันครับ”ผมถามกลับแต่สีหน้าไม่สู้ดีนัก เพราะผมนัดกับบูมไว้น่ะสิครับ

“สัก สอง สาม วันจ๊ะ เค้าจองโรงแรมเรียบร้อยแล้ว แต่ป้าอยากให้โยไปส่งพี่เค้าหน่อยที่โรงแรม ป้าจะได้วางใจ”ป้าบอก

“.........................”ผมอึ้งอยู่นานเพราะคิดว่าจะทำยังไงดีที่นัดบูมเอาไว้

“ได้ไหมจ๊ะ”ป้าเริ่มคะยั้นคะยอ

“ครับ ๆ ๆได้ครับ เดี๋ยวผมจะพาไปส่ง”ผมรับคำอย่างเซ็ง ๆ แต่ต้องทำสีหน้าปกติเพื่อกลบเกลื่อน

“ขอบใจจ๊ะ โยรีบขึ้นไปนอนเถอะลูก นี่ก็ดึกมากแล้ว ป้าก็จะเข้านอนละ เพราะพรุ่งนี้ป้าจะไปเยี่ยมลุงแต่เช้า จะไปด้วยกันไหมจ๊ะ”ป้าผมเอ่ยถามพลางลุกขึ้น

“ไปครับผมจะได้ไปลาคุณลุงด้วย งั้นผมไปนอนแล้วนะครับคุณป้า ราตรีสวัสดิ์ครับ”ผมพูดพลางขอตัวไปนอน

“จ๊ะหลับฝันดีนะลูก”ป้าผมพูดแล้วเดินเข้าห้องนอนไป

ผมเดินขึ้นมายังห้องที่ผมพัก แล้วล้มตัวลงหา พลางคิดหาวิธีที่จะแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าเพื่อไม่ให้บูมกับพี่วิทย์ต้องเจอกัน

คิดอยู่นานจนในที่สุดผมก็คิดออก เลยกดโทรศัพท์ไปหาบูม...

“สวัสดีครับ นี่บ้าน...... ขอสายใครครับ”เสียงชายหนุ่มที่ผมหลงรักตอบกลับมาเมื่อรับสาย

“บูม เราเอง”ผมพูด

“เราน่ะใคร เราไม่รู้จักใครที่เชียงใหม่ นอกจากจะเอาของฝากติดมาด้วยเราถึงจะนึกออก”บูมตอบกลับมา

“งกว่ะ เดี๋ยวเราซื้อให้ แต่ต้องส่งทางขนส่งนะ เพราะเครื่องบินเค้าไม่ให้โหลดช้างลงเครื่อง”ผมตอบกลับไปยิ้ม ๆ

“โหหหหห คนเรา ไปเชียงใหม่ไม่บอก แล้วยังไม่ยอมซื้อของมาฝากอีก”บูมพูดแบบงอนนิด ๆ

“ครับบบบ ซื้อให้อยู่แล้ว แต่บูม พอดีเราอาจจะเลื่อนไฟท์นะ ยังไงไม่ต้องมารอเราหรอก

เพราะเรายังไม่ชัวร์ว่าจะกลับมาไฟท์ไหนกันแน่ ยังไงไว้เจอกันที่มหาวิทยาลัยก็ได้”ผมเริ่มแผนการที่เพิ่งคิดมาได้

“ไรวะ เราอุตส่าห์วางโปรแกรมเรียบร้อยแล้วนะ ไม่เลื่อนไม่ได้หรอ”บูมพูดแบบงอน ๆ

“พอดีติดธุระนิดหน่อยน่ะ ยังไงก็ขอโทษนะ”ผมรู้สึกไม่ดีเลยที่โกหกบูม

แต่ผมคงทำใจไม่ได้ที่จะให้ชายหนุ่มคนที่ผมหลงรักต้องมาเจอผมขณะกำลังกลับมาพร้อมกับชายหนุ่มอีกคน แม้ว่าบูมจะไม่ได้รักผมก็ตามแต่ผมก็ยังแคร์เค้าอยู่ดี

“เออ เออ เออ ยังไงก็กลับดีๆ แล้วกัน แล้วไว้ไปกินข้าวกันวันอื่นก็ได้”บูมพูดแบบห้วน ๆ สงสัยจะงอน

“เอาน่า ไม่โกรธนะ เราเลี้ยงบูม สองมื้อเลยอ่ะ”ผมเริ่มง้อ

“สามได้ป่ะ”บูมบอก

“ได้ดิ ทำไมจะไม่ได้”ผมเริ่มยิ้มอย่างโล่งอกที่แผนเป็นไปได้ด้วยดี

“ยังไงก็กลับดี ๆ นะครับ เราต้องไปนอนแล้วล่ะ พรุ่งนี้มีเรียนเช้า ไม่ได้ไปเที่ยวเหมือนใครบางคนที่เชียงใหม่”ดูสิครับยังไม่วายว่าผมอีก

“555555 ก็บอกแล้วไงไม่ได้มาเที่ยว ยังไงก็เจอกันที่มหาวิทยาลัยนะ บายครับ”ผมพูดและวางสายลงไป

สำเร็จครับ! แผนที่ผมวางไว้สำเร็จไปได้ด้วยดี ผมยิ้มออกมาอย่างโล่งอก แต่แล้วเสียง ติ๊ด ๆ ๆ ๆ เสียงมือถือผมดังเพราะมีข้อความเข้า

ดีใจจังพรุ่งนี้จะได้ไปกรุงเทพฯกับน้องโยแล้ว พี่ต้องฝันดีแน่เลย ไว้เจอกันนะครับ ฝันดีครับ.....พี่วิทย์

นี่สิครับตัวปัญหา ผมจะดีใจหรือเสียใจกับข้อความตรงหน้าดีนะ ผมคิดพลางมองไปยังข้อความที่มือถือ แล้วก็ล้มตัวลงนอน

ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าผมก็รีบอาบน้ำ แต่งตัวเพื่อไปเยี่ยมคุณลุงพร้อมกับป้าของผม

พอสาย ๆผมก็ขอตัวไปเดินหาซื้อของฝากให้แม่กับพ่อ รวมถึงเพื่อน ๆตัวดีของผม และที่สำคัญก็บูมไงครับ

ผมเลือกของฝากไปได้เกือบจะครบทุกคนแล้ว เหลือแค่บูมคนเดียวไม่รู้จะซื้ออะไรไปให้ดี บังเอิญสายตาผมหยุดอยู่ที่

งานไม้แกะสลักชิ้นหนึ่งรูปร่างแปลกดี เป็นของเก่าๆ ผมเลยหยิบขึ้นมาดู เพื่อที่จะซื้อไปฝากบูม

เจ้าของร้านเลยเล่าให้ผมฟังว่า งานชิ้นนี้มีตำนานเพราะคนที่แกะสลักงานชิ้นนี้เป็นช่างที่เก่งมาก

แต่ต้องมาจบชีวิตเพราะคนที่เค้าแอบรักไปแต่งงานกับคนอื่นโดยที่ช่างแกะสลักยังไม่ได้บอกรักกัยคนที่ตัวเองแอบชอบเลย

ช่างแกะสลักเลยเศร้าใจและตรอมใจแขวนคอตาย ก่อนตายเค้าได้แกะสลักงานนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้ใครก็ตามที่แอบหลงรักใครสักคนนึงอย่าได้เป็นอย่างเค้า

ผมว่ามันตรงกับเรื่องราวระหว่างผมกับบูมเลยแฮะ ผมเลยซื้องานชิ้นนี้ไปฝากเค้า แต่คงจะไม่เล่าเรื่องราวให้เค้าฟังหรอกครับ รู้แค่คนเดียวก็พอ

หลังจากที่ผมเลือกซื้อของเสร็จก็ใกล้เวลาที่ผมจะต้องกลับแล้ว ผมนั่งรถกลับไปที่บ้านคุณป้าเพื่อเอาของฝากเก็บใส่กระเป๋า

แล้วนั่งรถไปที่โรงพยาบาลเพื่อร่ำลา คุณลุงกับคุณป้า แล้วผมก็ได้เจอกับพี่วิทย์ที่นั่งยิ้มรอผมอยู่ในห้องของคุณลุงพร้อมด้วยกระเป๋าใบเล็ก ๆ อีกหนึ่งใบ

“ป้าฝากน้องด้วยนะลูก”ป้าฝากฝังผมกับพี่วิทย์อีกแล้วครับ

“อย่าพาเจ้าโยไปซิ่งล่ะ เดี๋ยวใจมันจะแตกซะก่อน”ลุงผมก็ด้วยอีกคน

“ครับผมจะดูแลอย่างดีเลยครับ”พี่วิทย์รับคำพลางหันมายิ้มให้ผมแถมยักคิ้วให้อีก

“ผมลาแล้วนะครับคุณลุงหายไว ๆ นะครับ คุณป้าผมไปแล้วนะครับ สวัสดีครับ”ผมร่ำลาแล้วก็เดินออกมาเพื่อไปขึ้นรถกับพี่วิทย์

“เดี๋ยวน้องโย นั่งข้างหลังกับพี่นะ พอดีพ่อพี่ให้คนขับรถมาส่ง”พี่วิทย์บอกพลางทำท่าจะช่วยผมหิ้วกระเป๋า

“ไม่เป็นไรครับพี่ผมถือเองได้ครับ ขอบคุณ”ผมขอบคุณพลางคิดแล้วจะรอดไหมเนี่ยกู

หลังจากที่ผมกับพี่วิทย์ ไปถึงสนามบินก็เช็คอิน เอกสารต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว (ก็พี่วิทย์นั่นแหละที่คอยทำทุกอย่างให้) แล้วเราก็ขึ้นเครื่องไป

ขณะอยู่บนเครื่องพี่วิทย์ก็ถามนั่นถามนี่ผม จนผมเริ่มรู้สึกรำคาญ แต่ไม่รู้จะทำยังไงดี คิดว่าจะแอบหลับสักหน่อย

แต่พี่วิทย์ก็ปลุกผมให้ตื่นอยู่ได้ ดีนะที่นั่งเครื่องแค่ไม่กี่นาที ถ้าหลายชั่วโมงผมคงเป็นบ้าแน่ ๆ
 
“น้องโยพรุ่งนี้ว่างไหม ไปเที่ยวกับพี่หน่อยสิ”พี่วิทย์ถามผม หลังจากที่ถามมาประมาณ 100 กว่าคำถาม

“ผมต้องไปเรียนครับพี่ ผมมีเรียนตลอดทั้งวันเลยพรุ่งนี้”ผมตอบ

“ว้าแย่จังอย่างงี้พี่ก็นั่งเหงาอยู่ที่โรงแรมคนเดียวสิเนี่ย”พี่วิทย์บ่น

“อ้าว...แล้วพี่ไม่ไปทำธุระหรอครับ เห็นว่ามีธุระที่จะต้องทำอย่างเร่งด่วนเลยรีบมากรุงเทพฯ”ผมถามแบบไม่ค่อยเชื่อ ที่พี่วิทย์บอกว่ามีธุระ เลยต้องรีบมาที่กรุงเทพฯ

“เออ พอดีพี่นัดไว้อีกวันนึงน่ะ พอดีคนที่พี่จะติดต่อด้วยเค้าไม่ว่าง”พี่วิทย์รีบแก้ตัว

“แล้วทำไมพี่วิทย์ไม่มากรุงเทพฯพรุ่งนี้ละครับ จะได้ไม่ฉุกละหุกแบบนี้”ผมแกล้งถามจี้ไป

“ก็......555....พี่ก็อยากมากับโยไง”ดูสิครับคำตอบของพี่วิทย์ งง ไหมละเนี่ย

หลังจากนั้นเครื่องก็ลงมาแตะพื้นที่กรุงเทพฯ ผมกับพี่วิทย์เลยหยุดการสนทนาที่ดูเหมือนว่าจะมีพี่วิทย์คอยถามอยู่ฝ่ายเดียวลง

เราเดินออกมายังตัวอาคารขาออก พี่วิทย์อาสาหิ้วกระเป๋าให้พลางดึงกระเป๋าผมไปถือ เราเดินออกมาด้านนอก

ผมรู้สึกกระหายน้ำมาก ๆ พี่วิทย์เลยอาสาเป็นคนไปซื้อน้ำมาให้ดื่ม หลังจากที่ผมดื่มน้ำเสร็จแล้ว

เราก็เรียก taxi หน้าอาคารเพื่อไปส่งพี่วิทย์ที่โรงแรมตามสัญญาที่ให้ไว้กับป้า โดยที่ผมไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีใครแอบดูพฤติกรรมของผมกับพี่วิทย์อยู่


หลังจากที่รถ taxi จอดที่โรงแรมแห่งหนึ่งใกล้ ๆ กับ ห้างเกสรพล่าซ่า

ผมกับพี่วิทย์ก็ลงจาก taxi เพื่อไปเช็คอินในโรงแรม ขณะที่พี่วิทย์กำลังกรอกเอกสารอยู่ ผมก็จะขอตัวกลับ

แต่พี่วิทย์ไม่ยอม เพราะพี่วิทย์จะชวนผมไปเลี้ยงข้าวเพื่อเป็นการตอบแทน

“เดี๋ยวผมกลับแล้วนะครับพี่ นี่ก็เย็นมากแล้ว”ผมขอตัวลากลับ

“เดี๋ยวสิครับน้องโย อยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนพี่ก่อน พี่ยังไม่ได้เลี้ยงโยเป็นการตอบแทนเลยที่มานั่งคุยเป็นเพื่อนพี่บนเครื่อง”พี่วิทย์ชวน

“ไม่เป็นไรครับพี่”ผมตอบและทำท่าจะกลับ

“ยังไงก็ทานข้าวเป็นเพื่อนพี่ก่อน นะ นะ นะ พี่ไม่อยากทานคนเดียว”พี่วิทย์เริ่มอ้อน

โดนไม้นี้ผมก็เลยต้องไปทานข้าวเป็นเพื่อนพี่วิทย์ ไม่ได้เพราะชอบพี่เค้าหรอกครับแต่ผมเกรงใจน่ะ

ทีพี่เค้ายังพาผมไปส่งที่บ้านป้าได้เลยตอนที่ผมอยู่ที่เชียงใหม่ ผมเลยต้องไปทานข้าวเป็นเพื่อนพี่เค้า

ผมเลือกที่จะไปทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้ ๆ โรงแรมเพื่อตัดปัญหาจะได้รีบกินรีบชิ่งกลับ

พอทานอาหารเสร็จผมก็ขอตัวกลับโดยไม่ฟังคำขอของพี่วิทย์ ที่จะให้ผมพาไปนั่นไปนี่อีก (ใจร้ายเกินไปหรือเปล่าก็ไม่รู้)

จริง ๆ แล้วผมยังไม่ได้โทรหาบูมเลย เพราะวันนี้ที่จริงผมต้องนัดทานข้าวกับบูมแต่ต้องเลื่อนออกไป เลยรู้สึกไม่ค่อยดี ผมจึงขอตัวรีบกลับบ้านไป

จบตอนที่ 7 แล้วครับ ขอบคุณครับที่ติดตามอ่านกัน

*********************************

oaw_eang                                ที่ผ่านมา แฟนเจ้มีแต่คนชื่อวิทย์เหรอครับ

Tantalum                                  นี้เพียงแค่บทเริ่มต้นนะครับ ยังมีอีกเยอะ

b|ueB[o ]YhUb                       แต่บางที่หัวใจก็ไม่ตรงกันนะ

need_not2know                     ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ

มูมู่น้อย                                         ต้องตามต่อไปนะครับ อาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด คริคริ

<<--Yาย_โO-->>                       ไม่กล้าเอามาลงหรอกครับ กลัวอะ

][GobGab][                             เคยทำบ่อยสิครับ น้องถุง อิอิอิอิ




gobgab

  • บุคคลทั่วไป
มาอ่านต่อแล้วนะคับ.......... :angellaugh2:

นั่งรอมาตั้ง 2 วัน...........  :impress:

ป.ล.........พี่พูห์คับ....ไร่เรื่องจะยอมเป็นตัวอะไรที่มีเขาอ่ะ....ไม่เอานะ

คนมันหยิ่งศักดิ์ศรีอ่ะ :laugh: :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด