"ตอนที่ 6"
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงแม่เคาะประตูเรียกผม ในตอนเช้า
“ลูกตื่นหรือยังจ๊ะ......โยตื่นเร็วลูก แม่มีธุระจะคุยด้วย เร็ว ๆ หน่อยจ๊ะ....โยยยยยย”แม่เรียกผมเสียงดัง
“อะไรรรร ครับแม่ ยังเช้าอยู่เลยผมมีเรียนบ่ายครับวันนี้”ผมงัวเงียไม่ค่อยอยากจะตื่นเพราะวันนี้ผมมีเรียนคาบบ่ายวิชาเดียวเองเลยไม่ต้องไปมหาวิทยาลัยแต่เช้า
“โย แม่จะให้ลูกขึ้นไปเยี่ยมลุงกะป้าที่อยู่เชียงใหม่แทนแม่หน่อย
พอดีลุงเค้าไม่ค่อยสบายนอนอยู่ที่โรงพยาบาล แม่จองตั๋วเครื่องบินให้แล้วนะจ๊ะ”แม่บอกเหตุผลที่ทำให้ต้องปลุกผมในเวลาเช้าแบบนี้
แล้วผมก็เดินมาเปิดประตูห้องให้แม่พลางถามด้วยความงัวเงียเป็นที่สุดว่า
“วันไหนครับแม่”ผมยังงัวเงียอยู่เลยไม่ได้ยินว่าแม่จองตั๋วเครื่องบินให้แล้ว
“วันนี้เลยจ๊ะพอดีป้าอ้อเพิ่งโทรมาบอก แม่กับพ่อก็เป็นห่วงลุงเค้า แต่พอดีพ่อติดธุระต้องไปงานแต่งงานลูกชายเพื่อนสนิทของพ่อกับแม่เลยไปไม่ได้
ยังไงลูกก็ไปเยี่ยมแทนแม่หน่อยนะจ๊ะ พรุ่งนี้หรืออีกสองวันค่อยกลับก็ได้”แม่ผมมัดมือชกเลยครับ
“ครับ ๆ ๆ แม่ แล้วเที่ยวบินออกกี่โมงครับ”ผมตอบรับคำ
“10.25 จ๊ะ เร็ว ๆ เข้า รีบล้างหน้าแต่งตัวได้แล้วเดี๋ยวตกเครื่อง”แม่เดินเข้ามาพร้อม ๆ กับช่วยผมจัดของเอานั่นเอานี่ใส่ในกระเป๋าเดินทาง
“คร๊าบบบบบบบ”ผมเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยท่าทีอิดออดนิดหน่อย
“ลูกกะจะไปกี่วันจ๊ะ แม่ไม่ได้จองตั๋วขากลับไว้ให้นะ”แม่ตะโกนถามพลางจัดการกับที่นอนผม
“พรุ่งนี้ก็คงกลับแล้วครับแม่ขี้เกียจไปอยู่นาน น่าเบื่อออก แล้วนี่ก็เพิ่งเปิดเรียนยังไม่อยากขาดเรียนอ่ะครับแม่”
ผมตะโกนกลับมาจากห้องน้ำพลางคิดในใจที่จริงเราไม่อยากจากบูมไปต่างหากอิอิ
“ตามใจ งั้นแม่ไปรอข้างล่างนะจ๊ะ ”แม่พูดแล้วเดินออกไป
“เดี๋ยวแม่จองไฟท์กลับให้ผมด้วยนะครับ เอาเย็น ๆ สักหกโมงเย็นพรุ่งนี้นะครับแม่”ผมตะโกนตามหลัง
“จ๊ะ”แม่ตอบสั้น ๆ แล้วเดินลงไป
หลังจากที่ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วผมก็เดินถือกระเป๋าลงมาข้างล่าง จริง ๆ แล้วผมไปแค่วันเดียวไม่ต้องเอากระเป๋าเดินทางไปหรอกครับ
มันจะดูเว่อร์เกินไป แต่ของฝากนี่สิครับ เต็มกระเป๋าเลย ผมละกลุ้มไม่รู้จะพูดยังไงดี หลังจากลาแม่แล้วผมก็นั่งรถไปสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องไป เชียงใหม่
หลังจากที่เครื่องผมลงจอดก็เกือบเที่ยงพอดี ผมเดินลงจากเครื่องเข้ามายังสนามบิน ผ่านด่านต่าง ๆ แล้วมองหาป้าผม กับ พี่น้อยคนขับรถของป้าที่มารับผมที่สนามบิน
ทันทีที่ป้าเห็นผมก็รีบเดินเข้ามากอดแล้วลูบหัวผมอย่างเอ็นดู ผมทักทายสวัสดีป้าแถมด้วยของฝากที่เต็มกระเป๋า ป้ายิ้มอย่างใจดีแล้วให้พี่น้อยยกกระเป๋าขึ้นรถไป
ผมนั่งรถกับป้าผมไปที่บ้านของป้าซึ่งอยู่นอกตัวเมืองเชียงใหม่ไปนิดหน่อย พอถึงบ้านของป้าผม ท่านก็สั่งคนงานเอาของ ๆ ผมไปเก็บ
แล้วสั่งงานนิดหน่อยหลังจากนั้นก็พาผมไปเยี่ยมลุงที่โรงพยาบาลในตัวเมืองเชียงใหม่
พอผมถึงโรงพยาบาลก็แปลกใจที่อยู่ ๆ ก็มีผู้ชายหน้าตาดี ผิวขาว คิ้วเข้ม แบบไทยเหนือ อายุน่าจะมากกว่านิดหน่อยมารอรับผมกับป้าที่ด้านหน้าโรงพยาบาล
“สวัสดีครับคุณน้าอ้อ(ชื่อป้าผมครับ) คุณอาเป็นอย่างไรบ้างครับ”ชายหนุ่มผิวขาวเอ่ยถามหลังจากที่ทักทายกับป้าผมเสร็จ
“ไม่เป็นไรมากหรอกจ๊ะ วิทย์ โรคคนแก่น่ะ แล้ววิทย์ไม่ไปเรียนหรอวันนี้”ป้าผมพูดกับชายหนุ่มเหนือหน้าตาดีคนนั้น
“ไม่ได้ไปครับ วันนี้ผมไม่มีเรียนครับ พ่อเลยให้ผมมาเยี่ยมคุณอาแทน เพราะพ่อผมติดงานที่รีสอร์ตมาไม่ได้ครับ”ชายหนุ่มตอบ
พอป้าผมเห็นผมยืน งง ๆ อยู่ก็เลยแนะนำให้ผมรู้จักกับชายหนุ่มคนนั้น
“นี่โยหลานน้าเองมาจากกรุงเทพฯมาเยี่ยมลุงเค้าน่ะ พอดีแม่กับพ่อของโยติดธุระมาไม่ได้”ป้าผมเริ่มแนะนำผมให้ชายหนุ่มคนนั้นรู้จัก
“นี่พี่วิทย์ ลูกชายเพื่อนลุงที่เป็นหุ้นส่วนทำรีสอร์ตด้วยกันในเชียงราย ที่ป้าเคยพาเรากับแม่ไปเมื่อปีก่อนไง”ป้าเริ่มแนะนำพี่วิทย์มั่ง
หลังจากที่ป้าแนะนำตัวผมกับพี่วิทย์เสร็จผมก็สวัสดีทักทายตามมารยาท แต่ที่ผิดสังเกตุคือ ทำไมพี่วิทย์เอาแต่จ้องหน้าผมอยู่นั่นแหละ จ้องนานมาก จนผมเขินทำอะไรไม่ถูก
หลังจากนั้นผมก็ไปเยี่ยมลุงคุยกันได้พักใหญ่ก็กำลังจะกลับ แต่ป้าเค้าอยากจะอยู่เฝ้าลุงมากกว่าเพราะเดี๋ยวหมอจะเข้ามาดูอาการลุงอีกที
ป้าเลยฝากฝังผมไว้กับพี่วิทย์ให้ช่วยพาผมกลับไปที่บ้านของป้าผมแทน
“ยังไงฝากวิทย์ด้วยนะ พอดีน้องเค้าจะกลับกรุงเทพฯพรุ่งนี้น่ะ ยังไงก็ฝากด้วยนะจ๊ะ
กลับบ้านกับพี่เค้านะลูกป้าต้องขอโทษด้วยที่ไปส่งไม่ได้แล้วเจอกันเย็น ๆ นะจ๊ะ”ป้าฝากผมกับพี่วิทย์ แล้วหันมาบอกผม
“ได้เลยครับคุณอา ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจอยู่แล้ว”พี่วิทย์รับปากเป็นมั่นเหมาะ
แต่ผมนี่สิไม่ค่อยจะแน่ใจเท่าไหร่เลย เพราะผมไม่รู้จักพี่วิทย์เลยแถมพี่วิทย์ยังชอบมาจ้องผมอีก
“ครับคุณป้า ไม่เป็นไร ยังไงก็ขอให้คุณลุงหายไว ๆ นะครับ คุณแม่กับคุณพ่อก็ฝากความระลึกถึงมาด้วย”ผมพูดกับคุณลุงของผมที่นอนอยู่บนเตียง
“เอ่อออ ไว้ลุงหายจะไปเยี่ยมที่กรุงเทพนะ จะได้ไปปล่อยแก่ซะหน่อย เหอะ ๆ ๆ จะได้ไม่ต้องมาเป็นโรคคนก่งคนแก่แบบนี้”ลุงผมหัวเราะ
“นี่แน่ะ จะไปปล่อยแก่ที่ไหน จะเข้าโลงอยู่แล้ว ตาแก่นี่”ป้าตีแขนลุงเบา ๆ ผมได้แต่อมยิ้ม แล้วขอตัวออกไปกับพี่วิทย์
หลังจากนั้นผมกับพี่วิทย์ก็เดินไปยังที่จอดรถของโรงพยาบาล พี่วิทย์ก็ได้เอ่ยถามผม...
“ทำไมมาแค่วันเดียวเองล่ะครับโย พี่ยังไม่ได้พาโยเที่ยวเลย”อ้าวพี่ เพิ่งรู้จักกันแท้ ๆ
“พอดีเพิ่งเปิดเทอมอ่ะครับ เลยไม่อยากขาดเรียนนานๆ”ผมตอบ
“น้องโยเรียนที่ไหนครับ ปีอะไร”พี่วิทย์ถามพลางจ้องหน้าผมอีกละ
“ปี 2 ครับพี่ คณะ.......ที่มหาวิทยาลัย...... ตรงรังสิตน่ะ”ผมตอบพี่วิทย์พลางเดินให้เร็วขึ้น
“จริงดิครับ พี่ก็มีเพื่อนเรียนที่เดียวกันกับน้องด้วยนะ ชื่อพี่โน้ต รู้จักป่ะครับ”พี่วิทย์ถามยิ้ม ๆ แล้วเดินไปไขกุญแจเพื่อเปิดประตูขึ้นรถ
“โห ไม่รู้จักหรอกครับพี่ คนชื่อโน้ตมีเป็นสิบคน ที่คณะใครจะไปรู้จักครับว่าคนไหน”ผมพูดขณะกำลังก้าวขึ้นไปบนรถของพี่วิทย์
“เออ นั่นสิ แต่พี่ว่า โน้ตน่าจะรู้จักโยนะ รุ่นน้องน่ารักแบบนี้ ใคร ๆ ก็น่าจะรู้จัก”เอาแล้วสิครับ หางเริ่มโผล่แล้วพี่วิทย์
“ไม่หรอกพี่ ผมหน้าตาธรรมดาจะตาย ไม่มีใครรู้จักหรอกครับ”ผมตอบพลางคิดในใจ มาไม้ไหนวะ
“5555555 อย่าถ่อมตัวเลยครับ เออ เดี๋ยวอีกสองเดือนพี่จะไปที่กรุงเทพ น้องโยมาเจอพี่ได้ป่ะ
พอดีพี่ต้องไปทำธุระให้พ่อตั้งอาทิตย์นึง”พี่วิทย์ถามผม พลางจ้องหน้าผมอีก
“ก็ได้ครับพี่ แล้วไว้เจอกันครับ”ผมอึกอัก ๆ เพราะบอกตามตรงว่าตอนนี้ผมไม่ได้ชอบพี่วิทย์เลย ตอนนี้ในใจผมมีแต่บูมเท่านั้น
“งั้นขอเบอร์มือถือ น้องโยหน่อยได้หรือเปล่าครับจะได้ติดต่อกัน”พี่วิทย์เริ่มรุกหนักขึ้นแล้ว
“ครับ ๆ 0x-xxx-xxxx”ผมตอบ
หลังจากนั้นพี่วิทย์ก็ถามอะไรผมอีกมากมาย จนผมเริ่มรู้สึกเบื่อไม่อยากจะตอบ
แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดีพอดีนึกขึ้นได้ว่าต้องโทรไปบอกเพื่อนผมเรื่องผมไม่ไปมหาวิทยาลัย เลยได้โอกาส.....
“พี่เดี๋ยวแป๊ปนึงนะครับ พอดีผมลืมโทรบอกเพื่อนว่าผมไม่ได้ไปมหาวิทยาลัยวันนี้อ่ะครับ”ผมรีบชิงพูดก่อนที่พี่วิทย์จะเริ่มถามอะไรผมอีกมากมาย
“เฮ้ย ออฟหรอ (ไม่ต้องงงครับผมจำเบอร์ออฟได้คนเดียว ก็เบอร์มันจำง่ายที่สุดเลยอ่ะ) วันนี้เราไม่ไปเรียนนะ
ตอนนี้เราอยู่เชียงใหม่เพิ่งเยี่ยมลุงของเราเสร็จ จะกลับพรุ่งนี้ ยังไงจดเล็คเชอร์ให้ด้วยนะ แค่นี้นะ บาย”ผมวางสายจากออฟ พี่วิทย์ก็รีบถามมาทันทีเลยครับ
“แฟนโยหรอ ออฟน่ะ”พี่วิทย์ถามแล้วทำหน้าเศร้า
“แฟนที่ไหนกันพี่ เพื่อนผม ผมยังไม่มีแฟนเลยครับ”ผมตอบกลับไป พี่วิทย์นี่หน้าบานเลยครับ
“จริงหรอครับ ไม่หลอกพี่นะ พี่จะได้มีหวัง”พี่วิทย์พูดพลางทำหน้าดีใจ
“จะหลอกพี่ไปทำไมครับ แล้วพี่วิทย์หวังอะไร”ผมถามกลับพลางทำสีหน้าไม่ค่อยจะดี
“เปล่า ๆ ๆครับ “พี่วิทย์รีบปฏิเสธ
หลังจากนั้นไม่นาน รถก็ขับไปจอดที่หน้าบ้านของป้าผม ผมเลยหันไปขอบคุณพี่วิทย์ที่มาส่ง แล้วกำลังจะเดินลงไป
“คืนนี้ออกไปเที่ยวกับพี่ไหมครับ น้องโย พี่เลี้ยงเอง จะพาไปทัวร์ให้รอบเมืองเลย”พี่วิทย์เสนอ
“ผมก็อยากไปนะครับพี่ แต่ผมเหนื่อยมากเลยครับ พรุ่งนี้ต้องกลับกรุงเทพฯ อีก เอาไว้โอกาสหน้านะครับ”ผมตอบปฏิเสธอย่างนิ่มนวล
“ก็ได้ครับ แต่ถ้าคราวหน้าน้องโยมาเชียงใหม่อย่าลืมบอกพี่นะครับ สัญญานะ”พี่วิทย์หน้าเจือนไป แต่ก็ยังยิ้มอยู่
“แล้วพรุ่งนี้พี่จะมารับ ไปส่งที่สนามบินนะครับ เครื่องออกกี่โมงครับ”พี่วิทย์เสนอ
“ไม่ต้องมารับก็ได้ครับพี่ ผมเกรงใจน่ะ เดี๋ยวป้าผมก็ให้พี่น้อยไปส่งผมก็ได้ครับ”ผมพูดอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรครับ พี่อยากไปส่งจริง ๆ”พี่วิทย์ทำหน้าอ้อน ผมเลยใจอ่อนครับ บอกเวลาที่เครื่องจะออกไป
“แล้วเจอกันนะครับ พรุ่งนี้ตอน 4 โมงเย็น”พี่วิทย์ยิ้ม
“ครับแล้วเจอกัน ขอบคุณนะครับ บายครับ”ผมตอบแล้วโบกมือให้ แล้วก็หันหลังเดินขึ้นบ้านไป
หลังจากที่ผมเข้ามาในห้องที่ป้าผมเตรียมไว้ให้ ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงบูม ถ้าบูมทำกับผมแบบที่พี่วิทย์ทำอยู่ขณะนี้
ผมคงจะมีความสุขที่สุดเลย แต่มันไม่ได้เป็นแบบที่ผมคิด ผมยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า
ตกลงแล้วผมเป็นตัวอะไรกันแน่ วันไหนที่เค้าต้องการก็เข้ามาพูดคุยด้วย
วันไหนที่เค้าไม่สนใจก็ทำเป็นไม่รู้จัก คิดแล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะต้องมานั่งเสียใจกับโชคชะตาของตัวเอง จนเวลาผ่านไป เกือบจะหกโมงเย็นแล้ว
ผมกำลังจะเดินลงไปดูว่าป้าผมกลับมาหรือยังแต่แล้วโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น
“ทำไมวันนี้ไม่ไปมหาลัย รู้ไหมว่าคนเค้าเป็นห่วง”เสียงชายหนุ่มที่ผมคุ้นเคยและเพิ่งคิดถึงเมื่อสักครู่นี้ดังขึ้นมาจากปลายสายอีกสายหนึ่ง
“นายสนใจเราด้วยหรอว่าเราจะไปไม่ไปน่ะ นึกว่าไม่เห็นเราแล้วนายจะสบายใจซะอีก”ผมพูดกับบูมด้วยน้ำเสียงน้อยใจที่สุด
“ใครบอก เราเป็นห่วงนะ โยอย่าคิดมากสิ เอาเป็นว่าให้นายจำไว้ว่าเราเป็นห่วงนายก็พอ”บูมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“บูมห่วงเราจริง ๆ นะ”ผมพูดแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจเป็นที่สุดที่ได้ยินคำนี้
“อืมมมม เราห่วงว่าถ้าไม่มีนายเราก็จะไม่ได้ข้อมูลของแพทเพิ่มน่ะสิ”เอาอีกละครับ แพทอีกแล้วเบื่อจริง ๆ คำแสลงประจำตัวผมในตอนนี้
“เออ ๆ ๆ เรามันก็ทำได้แค่นี้แหละ”ผมหุบยิ้มลงทันที
“5555555555555555555555555 แล้วตอนนี้โยทำอะไรอยู่ล่ะ”บูมหัวเราะแล้วถามผม
“เรามาเยี่ยมลุงที่เชียงใหม่ พอดีลุงเค้าไม่ค่อยสบายแล้วแม่กับพ่อเราก็ไม่ว่างเลยส่งเรามาเยี่ยมแทน พรุ่งนี้เราก็กลับแล้ว
แต่คงไปมหาวิทยาลัยอีกวันนึงนะเพราะเรากลับไฟท์เย็น”ผมตอบ
“จะให้เราไปรับไหม พอดีพรุ่งนี้เย็นเราว่าง”บูมเสนอ
“ไม่เป็นไรหรอก เรากลับเองได้”ผมแกล้งปฏิเสธ แต่ใจจริง อยากให้บูมมารับมาก ๆ อิอิ
“ไม่เป็นไร เราว่างจริง ๆ แล้วเครื่องจะลงกี่โมงล่ะเราจะได้ไปรอ”โอ้โห ประทับใจจังเลย อิ อิ
“เครื่องลง ตอนประมาณหกโมงเย็น”ผมพูดกับชายหนุ่มขณะที่ผมอมยิ้มด้วยความปลื้มใจเป็นที่สุด
“ดีเลย พอรับโยเสร็จแล้วไปทานข้าวกันนะ คราวนี้โยเลี้ยงเรามั่ง”บูมพูดกับผม
“โหหหหห ไรวะ คนอุตส่าห์มาจากเชียงใหม่นึกว่าจะมีคนเลี้ยงข้าว”ผมแกล้งแหย่บูมเล่น ๆ
“5555555555 ก็เราเลี้ยงไปแล้วไง แล้วอย่าลืมของฝากเรานะ”บูมทวง
“งกว่ะ เออ ๆ ๆเดี๋ยวเราซื้อให้ เอาช้างไปฝากเชือกนึงเลยมะ”ผมแหย่บูม
“ถ้าแบกมาได้ก็แบกมานะครับ”ดูดิบูมท้า
“จัดให้”ผมยังไม่เลิก แล้วเราก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน
“เออ....โย วันเสาร์หน้าวันเกิดแพทใช่ไหม โยอย่าลืมช่วยเราคิดนะว่าเราจะซื้ออะไรให้แพทดี”บูมเอ่ยถามผม
“.......................................”ผมเงียบ ไม่ใช่เงียบเพราะผมหึงแพทหรอกนะ แต่เพราะผมไม่เคยบอกบูมต่างหากว่าวันเกิดแพทวันไหน
“อย่าลืมนะ ช่วยคิดด้วย แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ บายครับ”บูมเอ่ยลาแล้ววางโทรศัพท์ไป
ส่วนผมก็ งง สิครับ เพราะผมไม่เคยบอกเรื่องวันเกิดแพทกับบูมเลย แล้วเค้ารู้ได้ยังไงว่าวันเกิดแพทมันวันไหนกันแน่
ผมเลยมานั่งคิดย้อนกลับไปก็นึกไม่ออกว่าผมเคยบอกเรื่องวันเกิดของแพทกับบูมวันไหน คิด ๆ ๆอยู่นาน
พอดีป้าผมให้คนรับใช้เดินขึ้นมาเรียกไปทานเข้า ผมเลยเลิกคิดแล้วเดินลงไปทานข้าวกับป้าผม
จบตอนที่ 6 ขอบคุณครับที่ติดตามเนื้อเรื่องเริ่มที่จะสลับซับซ้อนขึ้นนิดหน่อยพร้อม ๆ กับตัวละครที่เพิ่มขึ้นยังไงก็ขอให้ติดตามกันต่อไปนะครับ
อาจจะไม่ได้มา update กันทุกวันเพราะช่วงนี้ ติดธุระนิดหน่อยแต่ก็จะพยายามครับผม
************************
จบตอนที่ 6 แล้ว คุณ Yo เองครับ เขามีธุระ ทิ้งช่วงไปนาน
ส่วนตัวผม นายพูห์ เอง ขอลาเพื่อนๆ หนีเที่ยวสัก 2 วันนะครับ
พูห์ครับ
