[story]"คำว่ารักของฉัน เคยส่งผ่านไปถึงเธอบ้างไหม" By Yo เองครับ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [story]"คำว่ารักของฉัน เคยส่งผ่านไปถึงเธอบ้างไหม" By Yo เองครับ  (อ่าน 102508 ครั้ง)

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
"ตอนที่ 15/3"

หลังจากที่รับทราบแผนการณ์ต่างๆ ที่พ่อคนหัวหมดวางแผนเอาไว้

พวกเราสองคนก็จัดการกับอาหารที่พนักงานนำมาเสิร์ฟด้วยอารมณ์ที่แจ่มใส

รอจนได้เวลาที่คนขับรถมารับ ผมกับบูมจึงนั่งรถกลับไปที่รีสอร์ทพร้อมกัน

ทันทีที่รถแล่นเข้ามายังรีสอร์ท พี่วิทย์ก็มายืนรออยู่ด้านหน้าทางเข้า ตรงตามที่บูมคาดเดา

( ระหว่างที่อยู่บนรถ บูมถามพี่คนขับรถว่า พี่วิทย์โทรมาเช็คหรือเปล่าว่า ผมกลับกรุงเทพ ไปหรือยัง และกลับไปกับใคร

ซึ่งพี่คนขับรถไม่ได้รู้เรื่องด้วยจึงรายงานไปตามความจริง) ทำให้บูมสามารถคาดเดาเหตุการณ์ได้

“อ้าวเราสองคนเจอกันได้ยังไงเนี่ย พี่นึกว่าน้องโยกลับกรุงเทพฯแล้วซะอีก”พี่วิทย์โกหกหน้าตายมาก ๆ

“เอ่อ............”ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรเลย เจ้าบูมตัวดีก็รีบชี้แจง

“ยังหรอกครับพี่ พอดีเราสองคนเพิ่งรู้ความจริงบางอย่าง และเพิ่งปรับความเข้าใจกันได้

แล้วกะว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน สองต่อสอง ตามลำพังกันต่อ

เพื่อรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่ใครบางคนอิจฉาให้กลับมาแนบแน่นเหมือนเดิมน่ะครับ”

บูมพูดช้า ๆ แถมยังมาโอบเอวผมไว้แน่น

“อ้าวแล้วงานที่รีสอร์ทล่ะ น้องโยจะว่ายังไงครับ”พี่วิทย์ถามด้วยสีหน้าไม่พอใจนิด ๆ

“พี่ก็ทำไปสิครับ โยเค้าโทรไปคุยกับคุณป้าแล้ว พอดีพวกเราจะมีสอบกัน

เลยกะว่าจะไปติวกันในห้อง สองต่อสอง ตามลำพัง” โห แต่ละคำ สองแง่สองง่ามมาก แถมบูมยังส่งตาหวานมาที่ผมอีก

“………………”พี่วิทย์อึ้ง แต่พยายามเก็บอารมณ์ไว้

“โย เมื่อกี้เรารีบอ่ะ เลยใส่กางเกงในของโยสลับกับของเราอ่ะ

เดี๋ยวกลับไปที่ห้องแล้วโยช่วยถอดมาเปลี่ยนให้หน่อยนะ”บูมพูดกระซิบที่หูผมแต่ใช้เสียงค่อนข้างดังเพื่อให้พี่วิทย์ได้ยิน

ถึงตอนนี้ผมสังเกตเห็นพี่วิทย์เริ่มกำหมัดแน่นแล้วครับ คิดว่าน่าจะโมโหน่าดู

“ขอบคุณนะครับพี่วิทย์”บูมพูดยิ้ม ๆ

“เรื่องอะไร”พี่วิทย์ตอบแบบห้วน ๆ

“ก็เพราะพี่นั่นแหละ ทำให้ผมกับแฟนผม เข้าใจกันมากขึ้น แถมยังแนบแน่นกันมากขึ้น

ไม่อย่างนั้นโยก็เอาแต่อิดออดอยู่ได้”บูมพูดพลางยิ้มกรุ่มกริ่ม...... อืมมม น่ะ ดูดิครับพูดมาได้ บูมนะบูม

“เอ่อ......ผมก็ต้องขอบคุณพี่วิทย์เหมือนกันที่ทำให้ผมรู้ใจตัวเองว่า คนที่ผมแคร์จริง ๆ คือใคร”

ผมพยายามใช้คำที่ไม่ทำร้ายจิตใจพี่วิทย์มากนัก เพราะดูจากสีหน้าพี่วิทย์ในตอนนี้ดูแย่มากพอสมควรแล้ว

“งั้นเดี๋ยวผมกับแฟน เอ้ย โยน่ะ ไปที่ห้องก่อนนะครับ พอดียังมีอะไรทำค้างต่อ แล้วถือโอกาสลาเลยนะครับพี่”

บูมพูดพลางกระชับเอวผมเป็นเชิงว่าให้เดินตามไป ผมกับบูมเลยเดินออกไปจากตรงนั้น

หลังจากที่เราเดินเข้าไปในห้องแล้ว บูมก็หัวเราะออกมาเสียงดัง จนผมอดที่จะปรามไม่ได้

“หัวเราะอะไร ชอบนักที่จะเอาความรู้สึกคนอื่นมาเล่น”ผมตีแขนบูมเบา ๆ

“อ้าวก็มันดันมายุ่งกับแฟนคนอื่นทำไม โยเห็นหน้ามันไหม สะใจว่ะ”บูมหัวเราะชอบใจ

แต่ผมมาคิดอีกที บูมทำแค่นี้ก็ดีแล้ว เพราะสิ่งที่บูมคิดในตอนแรกมันร้ายมากจนผมต้องปรามเพราะไม่อยากมีเรื่อง

แค่นิด ๆ หน่อย ๆ ก็พอ บูมเลยยอมทำตามผม

แต่มีข้อแม้ว่าให้ผมพูดกับพี่วิทย์ประมาณว่า รักบูมที่สุดอะไรประมาณนี้เพราะจะได้ทำให้พี่วิทย์ตัดใจจากผม

“บูมน่ากลัวมากเลยอ่ะ ถ้าวันนึงเกิดเราทะเลาะกัน เราไม่โดนบูมตามเก็บหรอ”

ผมพูดขำ ๆ แต่ใจจริงก็แอบหวั่นเล็ก ๆ เพราะบูมเนี่ยร้ายไม่ใช่เล่น

“ไม่หรอกน่า แต่ก็ไม่แน่นะ ถ้าโยมีชู้เมื่อไหร่ คอยดูเถอะ”บูมยิ้มน่ากลัว

หลังจากนั้นผมก็ช่วยบูมแพคกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ ระหว่างที่ผมนั่งรออยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นมา

“จะกลับได้หรือยัง หลงเสน่ห์หนุ่มเชียงรายจนไม่เป็นอันเรียนเลยนะ มีงานรออยู่เต็มไปหมดเลย”

เสียงไอ้โบกระแนะกระแหนดังออกมาจากปลายสายด้านหนึ่ง

“เออ จะกลับแล้ว เราไม่ได้หลงเสน่ห์หนุ่มเชียงรายโว๊ยยยย มาทำธุระ เดี๋ยวก็เอาไปปล่อยข่าวมั่ว ๆ อีก”ผมพูดอย่างรู้ทัน

“โยคุยกับใครอยู่หรอ มานี่หน่อยได้ป่ะครับ” บูมร้องเรียกผม

“นั่นไง ไหนบอกไม่มีหนุ่ม ชักแปลก ๆ แล้ว เดี๋ยวนี้ปิดบังนะ จำไว้”ไอ้โบมันดันได้ยินเสียงบูมแต่โชคดีที่มันจำเสียงไม่ได้

“เออ ว่าไงก็ช่างเหอะ แล้วค่อยคุยกันนะ”จากนั้นผมก็วางหูและเดินไปหาบูม

หลังจากที่ผมกลับมาถึงกรุงเทพฯ

ผมกับบูมก็นั่งรถแท็กซี่กลับด้วยกันเพราะบ้านผมเป็นทางผ่านเลยแวะให้แท็กซี่จอดส่งผมที่บ้านก่อนแล้วค่อยไปส่งบูมอีกทีนึง

“พรุ่งนี้บูมมารับนะครับ แล้วเดี๋ยวบูมโทรมาหานะ”

“………….”ผมพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ แล้วผมก็เดินเข้าบ้านไป

ผมเดินเข้าไปสวัสดีพ่อกับแม่ผม พร้อม ๆ กับ เล่าเรื่องราว ต่าง ๆ ที่ได้เกิดขึ้น เกือบทั้งหมดให้ฟัง

แล้วก็ขอตัวขึ้นไปบนห้องเพื่อเก็บของและอาบน้ำ

ทันทีที่ผมขึ้นไปบนห้องมือถือของผมก็ดังขึ้น

“น้องโยหรือครับ คือว่า พี่อยากจะขอโทษเราในสิ่งที่พี่ทำลงไป พี่อาจจะเห็นแก่ตัวมากไปหน่อย

แต่พี่ทำเพราะพี่ชอบน้องโยจริง ๆ นะครับ”เสียงพี่วิทย์ดังขึ้นทันทีที่ผมรับสาย

“ไม่เป็นไรครับพี่ แต่ผมก็ต้องขอโทษจริง ๆ คือผม.......”

“พี่เข้าใจ ว่าน้องโยชอบบูม แต่พี่ขอได้ไหมว่า ยังไงเราก็ยังคงเป็นพี่เป็นน้องกันได้ ใช่ไหมครับ”

“ได้ครับพี่ ได้แน่นอน”ผมยิ้มอย่างดีใจ

“แต่ถ้าวันไหนที่ บูมทำให้น้องโยเสียใจ พี่ขอแค่ให้น้องโยคิดถึงพี่คนแรกจะได้ไหมครับ

พี่จะรอ รอจนกว่าน้องโยจะหันมามองพี่บ้าง”พี่วิทย์พูดเสียงเศร้าจนผมอดสงสารไม่ได้

“พี่วิทย์อย่ามารอผมเลยครับ พี่ยังมีคนดี ๆ อีกเยอะที่มาสนใจพี่ ผมไม่อยากให้พี่วิทย์ต้องมาเจ็บปวดกับผมอีก

เราเป็นพี่เป็นน้องกันก็ดีแล้วเนอะ”ผมพยายามพูดให้พี่วิทย์ตัดใจ

“พี่จะพยายาม แต่ยังไงพี่ก็จะไม่มีวันลืมน้องโยหรอกครับ ไม่ว่าจะอีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปีก็ตาม”

พี่วิทย์พูดอย่างหนักแน่น จนผมต้องถอนใจ

“พี่ไม่กวนเราแล้ว ถ้ามีโอกาสพี่จะไปเยี่ยมนะครับ”

“ครับพี่”

หลังจากที่ผมวางสายจากพี่วิทย์แล้วผมก็เดินเข้าไปอาบน้ำ และล้มตัวลงนอน

ผมต้องสะดุ้งตื่นอีกครั้งเพราะเสียงมือถือผมที่ดังขึ้น ผมลุกขึ้นไปหยิบมือถือมาดู

ตายแน่ ๆ 37 missed calls เบอร์เดียวกันเด๊ะ จะใครที่ไหนละครับ ก็บูมนั่นแหละมีหวังชีวิตผมต้องจบสิ้นแน่ ๆ

จบตอนที่ 15/3 ครับ
**********************************

ขออนุญาตไม่โพสต์ตอบทุ้เพื่อนๆ นะครับ

เราจะได้ไปกันแบบว่องๆ

พูห์ :serius2:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
"ตอนที่ 16"

…………….ผมกดรับสายอย่างหวั่น ๆ แล้วก็เป็นจริงดังคาด ผมต้องเอาหูออกมาจากมือถือทันที

    “ทำไมไม่มารับสาย คุยกับใครอยู่ @#$%*()(*&&^%^%$####$%^^&&**^%&&”

บูมพูดมาเป็นชุดเลยครับ จนผมรับแทบจะไม่ทัน

    “ป่าว เราแค่เผลอหลับไปอ่ะ ก็มันเหนื่อยนิ”ผมพูดตอบกลับไปหลังจากที่โดนเทศก์หลายกัณฑ์

    “อ้าวหลับหรอกหรอ นึกว่าคุยกับหนุ่มที่ไหนไม่ยอมรับสาย งั้นไม่กวนแล้วนะครับ

พรุ่งนี้บูมจะไปรับตอน แปดโมงเช้านะครับ ถ้ายังไม่ตื่นเดี๋ยวจะขึ้นไปปลุกด้วยตัวเองเลยนะ”

โอ้โห ทำไมเปลี่ยนอารมณ์เร็วอย่างนี้ก็ไม่รู้ ผมละงงจริง ๆ

    “อืมมม บูมก็ไปนอนเถอะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ฝันดีนะครับ”

    “ครับ ฝันดีครับ”

    ผมตื่นขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัวไปมหาวิทยาลัยในตอนเช้า ด้วยความรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษ เพราะอะไรน่ะหรือครับ

ก็เพราะว่าวันนี้จะมีคนมารับไปมหาลัยด้วยกันอ่ะดิ อิอิ

    ผมลงมาชั้นล่าง ทักทายพ่อกับแม่ที่อยู่พร้อมกันบนโต๊ะอาหารแล้ว

แม่ผมคงสังเกตุเห็นว่า ทำไมวันนี้ผมอารมณ์ดีผิดปกติ เลยอดแซวไม่ได้

    “วันนี้มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ เห็นยิ้มร่าลงมาตั้งแต่เช้าเลยนะ”แม่แซวผม

    “ไม่มีอะไรครับแม่ แค่ตื่นขึ้นมาแล้วสดชื่นแค่นั้นเอง”ผมตอบและยิ้มให้

    “เออ วันนี้มาแปลก ปกตินอนขี้เซาต้องปลุกแล้วปลุกอีกแทบทุกวัน วันนี้มันยังไงกันถึงตื่นเช้าได้ละเนี่ย”พ่อผมแซวอีกคน

    “...................”ผมไม่ตอบอะไรได้แต่อมยิ้มเฉย ๆ

    นั่งทานอาหารเช้าไปสักพักนึง เสียงมือถือก็ดังขึ้น ผมกดรับสาย ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน บูมนั่นเอง

บูมบอกว่าเค้ากำลังเลี้ยวรถเข้ามาแล้วให้ไปยืนรอได้เลย ผมเลยเอ่ยลาพ่อกับแม่ แล้วเดินออกไปยืนรอบูมข้างนอกบ้าน

    หลังจากที่ผมขึ้นไปบนรถบูมแล้ว บูมก็ยื่นขนมปังให้ผมบอกว่ากลัวผมจะหิวเลยซื้อมาฝาก

ผมยิ้มอย่างดีใจ ที่บูมก็ห่วงผมเหมือนกัน เราคุยกันไปตลอดทาง จนเกือบจะถึงมหาวิทยาลัยแล้ว ผมเลยนึกขึ้นได้ว่า


    “เออ บูม จอดส่งเราที่หน้ามหาวิทยาลัยนะ เดี๋ยวเราเดินไปที่ตึกเอง”ผมบอกบูม

    “อ้าวจะเดินทำไมล่ะ ไกลออก ยังไงก็ต้องเรียนด้วยกันอยู่แล้วนิ ไปด้วยกันเลยดีกว่า”บูมถามอย่างสงสัย

    “เอ่อ...คือเราว่า เรื่องของเรา อย่าเพิ่งให้ใครรู้เลยนะ เอาไว้หาโอกาสเหมาะ ๆ

ก่อนดีกว่านะ”ผมพยายามอธิบายเหตุผลให้บูมฟัง แต่ดูเหมือนบูมจะไม่สนใจเลย

    “อ้าวทำไมล่ะ ไม่เห็นจะแคร์เลย คนจะคิดยังไงก็ช่าง ยังไงวันนึงเค้าก็ต้องรู้อยู่ดี” บูมพูดจริงจัง

    “เถอะน่า นะ รอให้ถึงวันนั้นก่อนนะ แล้วค่อยให้เค้ารู้”ผมยังคงยืนกราน เพราะหวั่นใจเหมือนกัน

ก็บูมออกจะป๊อปปูล่า ขนาดนั้น

    “ตามใจแล้วกัน แต่เราจะทำตัวตามปกติ ไม่ปิดนะ” โห...ไม่ให้ความร่วมมือเลยอ่ะ

    “โหหหหห ถ้าบูมทำแบบนั้นก็ถือว่าประกาศเลยอ่ะดิ คนคงจะรู้ทั้งคณะ ก็บูมอ่ะใช่ย่อยที่ไหน” ผมเริ่มวิตก

    “ไม่สนหรอก อย่าไปแคร์คนอื่นเลยโย ขอแค่เราเข้าใจกันก็พอ” บูมพูดพลางจับมือผมแล้วบีบมือผมเบา ๆ

    “อืมมมม......ก้ได้ตามใจ”

    รถของบูมแล่นไปจอดที่ลานจอดรถ และเราก็ลงจากรถมาพร้อมกัน สิ่งที่ผมคิดไว้ก็เกิดขึ้นจริง ๆ

    “เฮ้ย........บูม หายหัวไปไหนตั้งหลายวันวะ”ชายคนนึงซึ่งเป็นเพื่อนในกลุ่มของบูมตะโกนเรียก

    “ไปทำธุระมาว่ะ”บูมหันไปตอบ

    “อ้าว โยมาได้ไงเนี่ย มากับบูมหรอ” ก็เห็น ๆ อยู่ว่าลงจากรถมาด้วยกันดันมาถามอีกตอนนี้ผมเลยทำหน้าไม่ถูกเลย

    “อืมมม พอดีเราขออาศัยรถบูมมาน่ะปิ๊ก”ผมตอบเลี่ยง ๆ

    “กูขับไปรับมาเองแหละ”อ้าวบูม ตรงไปไหมเนี่ย ตอนนี้ปิ๊กเริ่มมองดูบูมกับผมแปลก ๆ

    “ไม่มีอะไรหรอก พอดีบ้านเราอยู่ใกล้กันน่ะ”ผมรีบหาข้อแก้ตัว

    “เออ ไม่ยักรู้ว่ามึงสนิทกับโยด้วย ไม่เคยเห็นพวกมึงคุยกันเลยนิ”ปิ๊กถามอย่างสงสัย

    “แล้วมึงจะไปเห็นได้ไงวัน ๆ เอาแต่หม้อหญิงไปเรื่อย”บูมแซวเพื่อนสนิท

    “เออ จริงว่ะ นี่กูมีอะไรเด็ด ๆ เล่าให้ฟัง”ปิ๊กพูดพร้อมกับลากบูมเดินนำไปด้วยกัน

    ผมเลยตัดสินใจชิ่งก่อนดีกว่าเลยตะโกนตามหลังไป “เราไปก่อนนะ เดี๋ยวต้องไปหาเพื่อนที่โต๊ะอ่ะ”

ผมตะโกนบอก แล้วบูมก็หันมาส่งยิ้ม พยักหน้าแล้วเดินต่อไปกับไอ้เจ้าเพื่อนสุดแสบ

    พอผมเดินไปถึงที่ซุ้มประจำของกลุ่มผม สายตาของเพื่อน ๆ ทุกคนที่นั่งอยู่ก็จับจ้องมาที่ผม

ผมคิดอยู่ในใจว่า ไอ้โบ แน่ ๆ มันต้องเอาเรื่องที่ได้ยินเสียงผู้ชายคุยกับผมมาป่าวประกาศแน่ ๆ

และก็เป็นจริงแบบที่ผมคาดการณ์ไว้ คำถามแรกที่ผมได้รับจากพวกมัน.......

    “ตกลงเค้าเป็นใคร”ออฟถาม

    “เค้าน่ะใคร”ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แต่ตาผมน่ะหันไปจ้องไอ้โบที่ตอนนี้ทำสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “ไม่ต้องมาแกล้งเลย ใคร.......”ออฟพยายามคาดคั้น แต่ไม่มีวันซะหรอก ก็จับไม่มั่นนี่ ใครจะบอก

    “อ๋อออ ก็พี่วิทย์ไง ลูกเพื่อนป้าไง”

    “คิดว่าเราจะเชื่อหรอ อย่ามาไก๋หน่อยเลย จะบอกดี ๆ หรือจะบอกทั้งน้ำตา”

คราวนี้ไอ้โบมันทนไม่ไหวจนต้องถามออกมา

    “ไม่เชื่อก็ตามใจดิ ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว ไปเถอะ”ผมพยายามเลี่ยงคำถามทั้งหลายและเดินนำไปยังตึกเรียน

    ผมเดินไปที่ห้องเรียน ก่อนจะเข้าห้อง ดันมาเจอเจ้าปิ๊ก ยืนอยู่หน้าห้องเรียนกับกลุ่มเพื่อนของบูม

แต่ไม่ยักกะเห็นบูม ผมพยายามหลบปิ๊กเพราะถ้าปิ๊กพูดเรื่องที่เจอผมนั่งรถมากับบูมในตอนเช้า

เพื่อนในกลุ่มผมจะต้องรู้แน่เลย ผมเลยต้องพยายามเดินเลี่ยง ๆ แต่ว่า

    “โย โย ไอ้บูมมันบอกให้ไปเจอที่ซุ้มนั่งด้านหลังตึกอ่ะ บอกว่ามีธุระจะคุยด้วย”

ไอ้เจ้าปิ๊กตัวดีดันมองเห็นผมและตะโกนเรียก

    “อืม....ขอบใจนะ”ผมตอบพร้อม ๆ กับหลบหน้าเพื่อน ๆ ทั้งกลุ่มที่ตอนนี้จ้องมองผมเป็นตาเดียวกัน

แล้วผมก็เดินแยกออกไป


    ผมเดินมาหาบูมที่นั่งอย่างสบายอารมณ์ด้านหลังตึกเรียน พอเห็นผมเดินมา บูมก็กวักมือเรียกผมให้มานั่งที่ซุ้มด้วยกัน

    “โย เดี๋ยวตอนคาบเช้าเราจะไปทำธุระเป็นเพื่อนปิ๊กนะ ไม่ต้องรอกินเข้ากลางวันนะ

เพราะเราจะกลับมาเรียนคาบบ่าย แล้วค่อยกลับด้วยกันนะครับ”บูมพูดและยิ้มอย่างอารมณ์ดี

    “โหหห เรื่องแค่นี้ ทำไมไม่โทรมาบอกล่ะ”ผมพูดแบบน้ำเสียงขุ่นนิด ๆ

ที่เพราะแค่สาเหตุเล็ก ๆ ทำให้ผมเป็นเป้าสายตาของเพื่อน ๆ

    “ก็โยไม่เปิดมือถืออ่ะ เราไม่อยากไปเจออาจารย์หน้าห้องเดี๋ยวจะเรื่องมากอีก เลยฝากไอ้ปิ๊กไปบอก”บูมบอกเหตุผล

    “เออ จริงด้วย เฮ้ออออ”ผมมองที่มือถือ พร้อมกับถอนหายใจ

    “มีอะไรหรือเปล่า ไม่อยากให้เราไปหรอ งั้นเราไม่ไปก็ได้”บูมพยายามเอาใจผม

    “เปล่าไม่มีอะไร บูมก็ไปกับปิ๊กเถอะ”ผมยิ้มอย่างฝืด ๆ

    “อืมมม แล้วเจอกันนะครับ”บูมเอ่ยลาพร้อมกับยื่นแก้มข้างนึงออกมา

    “อะไร ไม่เอาหรอก เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”ผมรีบห้ามบูม

    “ไม่เอา หอมก่อน ไม่งั้นไม่ให้ไปนะ”บูมยังตื้อแถมทำท่าจะมากอดผมอีกจนผมต้อง

    “อ๊ะ.....xxx”ผมจูบบูมไปทีนึงเพราะตอนนั้นไม่เห็นมีใครอยู่รอบ ๆ

    “แล้วเจอกันนะครับ”บูมยิ้มและขโมยจูบผมทีนึง ผมตกใจทำท่าจะตีแขนบูม แต่บูมก็รีบวิ่งหนีไป

    ผมเดินเข้าห้องมาด้วยรอยยิ้ม เพราะยังคงขำกับท่าทีของบูมเมื่อสักครู่นี้อยู่

แต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อรู้สึกถึงรังสีแปลก ๆ แผ่ออกมาจากกลุ่มผมเอง

    “ไปสนิทกับบูมตั้งแต่เมื่อไหร่ ร้ายนะ ทีแรกก็นึกว่าใคร เสียงคุ้น ๆ

ที่หายไปน่ะ หายไปด้วยกันใช่ไหม”ไอ้โบแอบกระซิบผม แต่ผมก็ยังคงแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้

    “ใครสนิทกับใคร ก็แค่เดินไปคุยธุระนิดหน่อยเอง”ผมรีบแก้ตัว

    “ธุระนี่ต้องจูบกันด้วยหรือเปล่า”โบทำสีหน้าล้อเลียน คราวนี้ผมใจหายวาบไม่นึกว่าไอ้เจ้าตัวแสบจะตามผมไปด้วย

    “บ้า ใครจูบใคร”ผมถามกลับไปอย่างเคือง ๆที่พลาดให้ไอ้โบเจ้าโทรโข่งมันเห็น

    “จะใครซะอีกล่ะ.....”มันถามพลางเหล่ตามาทางผม

    “แล้วโบบอกพวกเพื่อน ๆ หรือยัง”ผมต้องยอมจำนนด้วยพยาน

    “ยัง...........กำลัง”ดูมันดิครับ ไอ้ตัวความลับรั่วไหล

    “อย่าเพิ่งบอกนะ สัญญานะโบ เรายังไม่อยากให้ใครรู้ในตอนนี้”ผมกระซิบบอกโบ แต่ดูท่ามันจะไม่เป็นผล

เพราะมันไม่เข้าใจอะไรเลย ตอนนี้มันเลยหันหน้าไปกระซิบให้ไอ้กายฟังแล้ว

จากนั้นพวกมันก็กระซิบต่อไปเรื่อย ๆ จนทุกคนหันมาทางผม

    “ไอ้โบมึงตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”ผมทำท่าจะบีบคอไอ้โบจนมันต้องรีบลุกหนีแถมยังแลบลิ้นใส่ผมอีก

    “จำไว้เลยนะ”ผมอาฆาตไอ้โบ แต่ก็ต้องตัวลีบเมื่อเห็นสายตาของเพื่อน ๆ ทุกคนหันมาทางผม

    “ตอนกลางวันพวกเรามีเรื่องต้องซักจำเลยแล้วล่ะ อย่าแอบหนีไปนะ ไม่งั้นจะป่าวประกาศให้ทั่วเลย”

ออฟตัวดี พูดด้วยสีหน้าเรียบ ๆ แถมทำท่าอย่างกับผมเป็นจำเลยแล้วพวกมันเป็นตำรวจยังไงอย่างงั้นเลยอ่ะ

ผมเลยได้แต่ทำหน้าจ๋อย ๆ แล้วพยักหน้ารับ

    ทันทีที่อาจารย์ปล่อย ผมก็โดนเพื่อน ๆ ดึงตัวออกมา น่าจะเรียกว่าลากออกมามากกว่า

เพราะพวกมันทั้งฉุดทั้งกระชาก ยิ่งกว่านักโทษซะอีก พวกมันทำกับผมอย่างกับว่าผมเป็นจำเลยจริง ๆอย่างงั้นแหละ

พอลากผมไปถึงที่ซุ้ม พวกมันแต่ละคนก็เรียงหน้ากระดานเล่นงานผม เอ๊ยไม่ใช่ ซักฟอกผมทุกเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ

ผมก็ต้องเล่า ๆ ๆ ๆให้พวกมันฟัง เกือบทุกเรื่อง จนพวกมันพอใจ

    “สรุปว่า แกกับบูมก็เป็นแฟนกันแล้วล่ะสิ” ออฟสรุปเหตุการณ์ทั้งหมด

    “เออ....แต่ห้ามบอกใครนะ ไม่งั้นเลิกคบ”ผมใช้ดาบประกาศิตเพื่อพิชิตพวกปากหอยปากปู

    “เออ ๆ ๆ ไม่บอกหรอก”พวกมันยอมรับคำเสียงอ่อย ๆ

    “ไม่ได้พูดเล่นนะโว๊ยยยยยย”ผมย้ำคำ จนพวกมันพยักหน้ารับ

    “แล้วที่รักมึงไปไหนซะล่ะ”ไอ้กายกวนตีนเลยนะ

    “มึงก็ไปถามไอ้โบสิ ไปแอบฟังมาไม่ใช่หรอ”ผมประชดมันแต่แทนที่มันจะสลดเสือกเสร่อตอบเสียงใสแจ๋ว

    “ไปทำธุระเป็นเพื่อนปิ๊ก เดี๋ยวเค้าจะกลับมารับโยกลับบ้านด้วยกัน”

พอไอ้โบพูดจบเสียงวี๊ดวิ๊วก็ดังออกมาจากพวกเพื่อน ๆ ผม

    “เออ เราหิวข้าวแล้ว ไปกันได้หรือยัง หรือจะไม่กิน อิ่มทิพย์หรือ????”

ผมพูดแบบงอน ๆ จริง ๆ อายมากกว่า แล้วก็เดินนำออกไป

    ตลอดทั้งอาทิตย์ บูมทำตัวเป็นปกติเหมือนตอนที่พวกเราอยู่ที่เชียงใหม่

คือ บูมจะคอยเข้ามาแหย่ผม เข้ามาพูดหวานๆ บ้าง เข้ามาแกล้งบ้าง จนคนในกลุ่มผมเริ่มสนิทกับบูมมากขึ้น

 เลยแซวกลับไปตลอดผมละอายจริง ๆ

ส่วนผมเองก็เริ่มสนิทกับกลุ่มของบูมเช่นกันเพราะเจ้าปิ๊กเวลาเดินอยู่กับเพื่อน ๆ ในกลุ่ม

พอเจอผมก็จะมาทักทายพูดคุยด้วยทุกครั้งจนผมเริ่มที่จะสนิทกับคนในกลุ่มเค้ามากขึ้น

แพทเองก็มีส่วนอยู่มากเพราะจะคอยเรียกผมไปนั่งคุยเป็นเพื่อนในกลุ่มบูมตลอด

 (ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่าแพทก็สนิทกับกลุ่มบูมเช่นกันจนเกือบเป็นกลุ่มเดียวกัน

แต่พวกแพทชอบที่อยู่ด้วยกันเองมากกว่า เพราะเป็นผู้หญิงด้วยกัน) จะมีก็แต่สิ่งที่ทำให้ผมรำคาญใจอยู่เสมอ

ก็คือความป๊อปปูล่าของบูมซะมากกว่า เวลาเดินไปไหนมาไหนก็มักจะมีคนเข้ามาทัก เข้ามาคุยตลอด

ทั้ง ๆ ที่รู้จักและไม่รู้จักกัน ซึ่งบางครั้งผมก็อยู่กับเค้าด้วย หรือเพื่อนผมคาบข่าวมาบอก ทีแรกผมก็ไม่คิดอะไร

แต่หลัง ๆ มันมากขึ้น เพราะเป็นประจำเลยเวลาอยู่ด้วยกันมักจะมีผู้หญิงเอาของมาให้ เอาขนมมาฝาก ส่งจดหมายมาบ้าง

อะไรต่อมิอะไรบ้าง จนผมเริ่มคิดว่า ผมไม่เหมาะกับบูมเลย เพราะแต่ละคนที่เข้ามาหาหลายคนหน้าตาดีมาก ๆ

แต่ตัวผมเองกลับหน้าตาธรรมดามาก จะดีหน่อยก็ตรงที่ ขาวและ ตี๋แค่นั้นเอง

ส่วนเรื่อง แต่งตัวผมไม่ค่อยจะถนัดนัก ทำให้ผมดูเฉย มาก ๆ จนไอ้โบและเพื่อน ๆ ผม มันทนไม่ไหว..........

    “นี่โย เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวแบบนี้ซะทีวะ”ไอ้โบเอ่ยขึ้นขณะนั่งทานข้าวกลางวันด้วยกัน

    “ทำตัวแบบไหนวะ.........”ผมพูดไปโดยที่ไม่ได้สนใจคำพูดของมันยังคงตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต่อ

    “ก็เมื่อไหร่ ไอ้คุณโย จะเลิกเฉย และเลิกโทรมแบบนี้ซะที เห็นเป็นแบบนี้ตั้งแต่ มัธยมแล้ว

 น่าจะเปลี่ยนตัวเองบ้างไอ้โบพูด ทำให้พวกเพื่อน ๆ ผมพยักหน้ายอมรับ

    “แล้วจะให้เราทำยังไง ก็มันเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ช่างมันเถอะ”ผมไม่สนใจ กินข้าวต่อ

    “ไม่ได้.......... พวกเราตกลงกันแล้วว่า พวกเราทุกคนจะต้อง โมดิฟายด์ตัวเองกันใหม่หมด

ซึ่งโยเองก็ต้องทำ เพื่อความเสมอภาค” ออฟพูด ก็มันนั่นแหละตัวตั้งตัวต

ี โธ่รู้หรอกน่าอยากให้แฟนตะลึงกับลุคใหม่ของตัวเองแต่ไม่กล้าทำคนเดียว

เลยต้องเอาคนอื่นมาทำด้วยจะได้ไม่เก้อ ไม่เขิน

    “จะทำไรก็ทำเหอะ แต่เย็นนี้เราไม่ว่างนะ”ผมพูดเพราะเย็นนี้มีนัดกับบูม แต่ใจจริงไม่อยากไปทำมากกว่า

    “ไม่ได้ แกต้องไปทำด้วยกัน นี่เป็นคำสั่ง (เป็นใครวะมาสั่ง)........นั่นไงเดี๋ยวเราไปขอบูมให้

(เฮ้ยย ไปขอทำไมวะ)”ออฟเห็นบูมเดินมากับเพื่อน ๆ เค้าเลยรีบวิ่งไปหาบูม

แล้วคุยกันสักพัก บูมก็พยักหน้ารับ แล้วมันก็เดินกลับมา

    “แกไปคุยอะไรกับบูมวะ”ผมถามหลังจากที่ออฟนั่งลงตรงที่เดิม

    “ก็ไปขออนุญาตที่จะนำตัวแฟนที่รักของเค้าไปเที่ยวกันน่ะสิ”ออฟตอบกระแนะกระแหน

    “แล้วเค้าว่าไง”ผมถาม

    “ก็จะว่ายังไงก็โอเคสิคะ ระดับนี้แล้ว เดี๋ยวเค้าก็มา

นั่นไงเดินมาด้านหลังแล้ว”ออฟชี้มือไปที่บูมซึ่งเดินแยกออกจากกลุ่มมาที่ผม

    “โย เดี๋ยวไปธุระเสร็จ ตอนจะกลับบ้านโทรหาเรานะ เราจะไปดูหนังคอย”บูมเดินมาพูดกับผม

    “ไม่ต้องหรอกเรากลับเองก็ได้”ผมพูดเพราะเกรงใจบูมที่ต้องมานั่งรอซึ่งไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่

    “ไม่เป็นไรหรอก พอดีเพื่อนเราชวนไปดูหนังพอดี แล้วเจอกันนะครับ”บูมพูดยิ้ม ๆ แล้วเดินจากไป

    “โอ๊ยยยย ตกหลุมรักบูมแล้วอ่ะ คนอะไรน่ารักจัง จะนั่งดูหนังรอ ถ้าไม่ใช่แฟนโย เราเอาแล้วนะเนี่ย”ไอ้โบปากหมาอีกละ

    “ก็เอาสิ แต่เดี๋ยวให้เราถาม............”ยังไม่ทันจะพูดจบไอ้โบก็ตีที่แขนผมจนผมร้อง

“มึงกลัวเค้ามากเลยหรอวะ ทีงี้ทำเป็นหงอ”ผมพูดขำ ๆ

    “ของกูเอาไว้ขึ้นหิ้งโว๊ยยยยยยยยย” จากนั้นพวกเราก็หัวเราะเพราะขำกับท่าทีของไอ้โบที่กลัวแฟนขึ้นสมอง

    “แล้วมึงขออนุญาต ผู้ปกครอง เอ้ย แฟนมึงหรือยังวะโบ”ผมถามกวน ๆ

    “เออ.....น่า กูทำอะไรทำไมต้องขอด้วยวะ”ไอ้โบพูดด้วยความมาดมั่น

    “อย่าไปเชื่อ มันให้เราโทรไปขอตั้งแต่เมื่อวาน มันกล้าที่ไหน” สมน้ำหน้า ออฟเผามันจนไหม้เลยครับ

แล้วพวกเราก็หัวเราะกัน จนไอ้โบหันไปดุใส่ออฟที่ตอนนี้หัวเราะท้องแข็งแล้ว

    หลังจากเลิกเรียนตอนเย็น ผมกับเพื่อน ๆ ก็ไปเดินที่สยาม เพื่อเข้าไปที่ร้านทำผม

ซึ่งออฟกับโบไปสืบมาแล้วว่าที่ไหนดีบ้าง เราเดินเข้าไปที่ร้านที่มีชื่อเสียงร้านนึง

แล้วไอ้โบ กับ ออฟก็เริ่มที่จะจุ้นจ้าน บอกช่างทั้งหลาย ว่าให้ช่วยปรับลุคใหม่

ทำนั่นทำนี่ตามที่ได้สืบมา ทั้งทรงผม สีผม ต่าง ๆ ให้ดูดีขึ้น

โดยเฉพาะผม มันให้คนที่ดูท่าทางอาวุโสที่สุดเป็นคนจัดการ.............

    ผมนั่งตัดผม เปลี่ยนสีผม ซึ่งกินเวลาหลายชั่วโมง ทั้ง ๆ ที่ใจจริงผมก็ไม่ค่อยชอบเข้าไปนั่งที่ร้านทำผมแบบนี้หรอก

 เพราะขี้เกียจนั่งนาน ๆ แต่ก็ต้องจำใจทำเพราะไหน ๆ ก็มาแล้ว ผมต้องทนนั่งรอ กัดสีผมเป็นชั่วโมง ๆ

จนเริ่มเบื่อและหงุดหงิดมาก ๆ จนเวลาผ่านไปนานพอสมควร

ผมนึกขึ้นได้เลยรีบโทรไปบอกบูมว่าให้กลับไปก่อนเลยเพราะยังทำธุระไม่เสร็จ

ซึ่งบูมก็เข้าใจและบอกว่าจะโทรหาผมตอนก่อนนอน จากนั้นผมก็ต้องมานั่งทนรอ ต่อไป จนกระทั่งเสร็จ............

    เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย นี่มัน......................... ผมอุทานอยู่ในใจ

    จบตอนที่ 16 เมื่อคืนกะว่าจะมาต่อให้ในตอนดึก ๆ แต่พอดีเผลอหลับไปซะก่อน อ่ะคับ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
"ตอนที่ 17"

    ผมตกใจกับลุคใหม่ที่เพิ่งจะเคยเห็น เพราะตั้งแต่จำความได้ ผมแทบจะไม่เคยเปลี่ยนทรงผม

หรือ กัดสีผมเลยสักครั้งเดียว การปรับเปลี่ยนลุค ในครั้งนี้เลยทำให้ผมถึงกับอึ้งเลยทีเดียว

    “โห โยตัดผมกับเปลี่ยนสีผมแบบนี้ดูดีขึ้นตั้งเยอะเลยนะ เห็นไหมละ

เชื่อหรือยังเอ็กซ์ตรีมเมคโอเวอร์จริง ๆ”ออฟแซวผมหลังจากทำผมเสร็จเช่นกัน

    “ไหน ๆ ๆ ขอดูบ้างดิ เฮ้ย โยเปลี่ยนไปจริง ๆ ว่ะ แล้วบูมจะจำได้หรอวะ

อย่างนี้ต้องขอบใจเรานะที่ชวน”ไอ้โบพูดตามหลังพร้อมกับพยักหน้าอย่างภูมิใจ

    “แม่งรู้งี้เราให้พี่คนนี้ตัดดีกว่า ดูดิช่างเราตัดผมเราซะสั้นเลย”ไอ้กายบ่น จนพวกผมอดขำไม่ได้

    หลังจากที่พวกเราออกมาจากร้านตัดผมแล้วก็เดินไปเรื่อย ๆ เปื่อย ๆ พอเหนื่อยสักพักก็ไปหาอะไรกินกันต่อ

    “เฮ้ย หิวแล้ววะ ไปหาอะไรกินกันก่อนเหอะ”กายบ่นพร้อมกับลูบที่ท้องเป็นสัญญาณ

    “กินอะไรดีล่ะ”ผมถามเพราะปกติแล้วผมมักจะกินอะไรก็ได้ไม่ค่อยเรื่องมากเท่าไหร่

    “ไปกิน สุกี้ดีกว่า ไม่ได้กินด้วยกันตั้งนานแล้ว”โบออกความเห็นซึ่งทุกคนก็พยักหน้าตกลง

    เราเดินต่อกันไปยังร้าน MK เลือกไปนั่งด้านบน จริง ๆ ก็ไม่ได้เลือกเองหรอกครับ

เพราะ คนจัดคิวบอกเหลือโต๊ะ สำหรับ สี่ พอดีที่ชั้นบน พวกผมเลยต้องขึ้นไปนั่งที่ชั้นบน

โดยผมนั่งอยู่ริมด้านใน โบนั่งด้านนอก อีกฝั่งก็จะมี ออฟนั่งตรงข้ามผม แล้วก็กาย

    ระหว่างที่พวกเรารออาหารอยู่ ก็มีผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาหาที่ โต๊ะ

ซึ่งดูจากท่าทางแล้วน่าจะเป็นนักศึกษา เพราะยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่เลย

    “เอ่อ สวัสดีครับ พอดีมีคนฝากมาขอเบอร์โทรศัพท์อ่ะครับ”นักศึกษาชายคนนั้นเอ่ยมาทางไอ้โบกับผม

    “คนไหนครับ”ไอ้โบตาลุกวาวเลยมองหาใหญ่ว่าคนไหน เดี๋ยวเหอะจะไปบอกแฟนแล้วจะรู้สึก

    “คนนั้นอ่ะครับ”ชายหนุ่มชี้ไปยัง ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามเยื้อง ๆ กับโต๊ะที่พวกผมนั่งอยู่

หน้าตาก็ดูดีพอสมควร ออกไทย ๆ ไม่ขาวมาก แต่คิ้วเข้มรับกับใบหน้าดีเหมือนกัน

 พอหนุ่มคนนั้นเห็นว่าเพื่อนกำลังชี้ไปที่ตัวเองก็พยักหน้ารับ พร้อมกับเสยผมให้ดูเท่ห์ (ใจจริงผมคิดว่าทำไมเห่ย อย่างงี้วะ)

    “หน้าตาน่ารักดีนะแก ให้ไปเลยสิ อย่าปล่อยให้พลาดนะ”ออฟหันไปมองชายหนุ่มพร้อมสะกิดส่งเสียงเชียร์

    “เฮ้ย พวกแกอย่าไปบอกใครนะ อ่ะนี้เบอร์ครับ”ไอ้โบเน้นคำ ซึ่งพวกผมก็รับมุขและเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร

พร้อม ๆ กับเอาปากกามาเขียนเบอร์ใส่กระดาษที่เค้ายื่นมาให้

    จากนั้นชายหนุ่มคนนั้นก็เดินกลับไปที่โต๊ะตัวเอง ผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไรต่อ หลังจากคิดอะไรเพลิน ๆ

ชายหนุ่มคนนั้นก็เดินกลับมาอีกทีนึงด้วยสีหน้า เอ๋อ ๆ นิด ๆ แถมเกาหัวด้วย

    “ขอโทษครับเมื่อกี้นายให้เบอร์ใครมาอ่ะ”ชายหนุ่มคนนั้นถามไอ้โบ

    “อ้าวก็เบอร์ของเราอ่ะดิ ถามได้”ไอ้โบตอบยิ้ม ๆ

    “เฮ้ยยยย เพื่อนเราไม่ได้ขอเบอร์นาย เค้าขอเบอร์คนนี้ต่างหาก”ชายหนุ่มคนนั้นชี้มาทางผม

ซึ่งกำลังจะกินลูกชิ้นอยู่พอดีเลยอ่ะ ผมแทบจะสำลักออกมา

    “ไอ้โย เค้าขอเบอร์นายแน่ะ”ไอ้โบพูดแบบไม่ค่อยพอใจเพราะเพิ่งหน้าแตกมาหมาด ๆ

    “เบอร์เราหรอ............”ผมถามอึ้ง ๆ

    “ครับผม เบอร์นายอ่ะดิ ชื่อโยหรอ ชื่อน่ารักนะ”ชายหนุ่มยิ้มให้

ผมหันกลับไปมองหนุ่มคิ้วเข้มที่นั่งอยู่อีกด้าน คราวนี้เค้าพยักหน้ายิ้ม ๆ ให้ผมด้วย

    “เอ่อ คือ..............”ยังไม่ทันที่ผมจะตอบปฎิเสธ ไอ้เจ้ากายตัวดี

รับกระดาษมาจดเบอร์ผมแล้วยื่นให้จนผมต้องร้องออกไป

    “จะบ้าหรือไงวะ กาย เรามีแฟนแล้วนะ บูมยิ่งอารมณ์ร้าย ๆ อยู่

เดี๋ยวก็โดนปาดคอหรอก”ผมตวาดไอ้กายอย่างอารมณ์เสียหลังจากที่ชายหนุ่มที่มาขอเบอร์แทนเพื่อนเดินกลับไป

    “ไม่เห้นจะเป็นอะไรเลย โยดูที่ ออฟชั่นของไอ้หมอนั่นดิ ฟูลออฟชั่นเลยนะ ท่าทางก็ดีกว่าบูมซะอีก”

อ้าวเวร ไอ้กายเริ่มจะหาเรื่องสร้างความร้าวฉานมาแล้ว

    “เราไม่สนใจหรอก ถ้าเรามีปัญหากับบูม คนแรกที่จะโดน คือนายนะ”

รังสีอาฆาตเริ่มฉายออกมาจากตัวผม จนไอ้กายเริ่มหนาว ๆ ร้อน ๆ

    “เฮ้ย ไม่มีอะไรหรอก แค่ขำ ๆ น่า อย่าซีเรียสดิ”กายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กินสุกี้ต่อแต่ผมดินั่งแทบไม่ติดแล้ว

    หลังจากที่เรากินสุกี้เสร็จ ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ผมต้องโบกแท็กซี่กลับเพราะมันค่อนข้างดึกพอสมควร

ส่วน ออฟกับโบไปทางเดียวกัน ส่วนไอ้เจ้ากายตัวดี ไปต่อกับเพื่อนมันที่ สีลม

    ขณะที่ผมกำลังรอแท็กซี่อยู่ ก็มีรถสปอร์ตสีดำ แล่นมาด้วยความเร็ว มาหยุดจอดที่หน้าผมพอดี

ผมสังเกตเห็นชายหนุ่มคนนึงกำลังกดกระจกลง แล้วตะโกนเรียกผม

    “โยครับ บ้านอยู่ไหน ให้เราไปส่งไหมครับ”ชายหนุ่มคนนั้นตะโกนออกมาจากในรถ

    “นายเป็นใครน่ะ...........”ผม งง ๆ เพราะไม่เคยรู้จักเค้ามาก่อนทำไมถึงรู้จักชื่อผมได้ก็ไม่รู้

    “เราชื่อ ปอนด์ ครับ เมื่อกี้เจอกันใน MK ไง จำไม่ได้หรอ ว๊า...แย่จัง ไม่มีคนสนใจเลยเรา”

ชายหนุ่มพูดแบบงอน ๆ จนผมอดสงสัยไม่ได้ แล้วมันจะมาเกี่ยวอะไรกัน คนไม่รู้จักกันจะไปจำหน้าตาทำไม จริงป่ะครับ

    “เออ ขอโทษนะเราจำไม่ได้จริง ๆ ไม่เป็นไรนายกลับไปเถอะ เดี๋ยวเรากลับเองได้”ผมตอบไปแบบสุภาพ

    “ไม่เป็นไรครับ ปอนด์ อยากไปส่งโยจริง ๆ นะครับ ไปด้วยกันเถอะ เนี่ยรถติดแล้วนะ”ปอนด์เริ่มหาเหตุผลเข้ามาอ้าง

    “ไม่หรอก เดี๋ยวเพื่อนเรามารับแล้วนั่นไง”ผมแกล้งทำเป็นชี้ ๆไปส่งเดช

เพราะไม่อยากไปกับคนแปลกหน้า แล้วก็เดินหนีไป

    ปิ๊น ปิ๊น แตรรถดังตามหลังผมมา พร้อมกับเสียงตะโกนของชายหนุ่ม

    “ดึก ๆ จะโทรไปหานะ อยากรู้จักจริง ๆ อ่ะ”ปอนด์ตะโกนออกมา

โดยไม่แคร์สายตาชาวบ้านประมาณ หมื่นกว่าคนที่สยาม (เว่อร์ไปนิด)

    “....................”ผมไม่ตอบเอาแต่เดินจ้ำหนีแบบสุดชีวิต พลางคิดไปในใจ ซวยแล้วกู

    ปิ๊น ปิ๊น ปิ๊น เสียงแตรรถดังไล่รถของปอนด์ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบขึ้นไปขับรถออกไปจากตรงนั้นทันที

    “เฮ้ออออออออออออออออออออออออออออออออ ถึงบ้านซะที”ผมอุทานออกมาเมือ่เดินขึ้นมาถึงห้องนอนของผม

จากนั้นผมก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วโทรศัพท์มือถือผมก็ดังขึ้น

    “ถึงบ้านแล้วหรอครับ ปอนด์บอกจะไปส่งก็ไม่ยอมดูดิ ถูกรถบีบแตรไล่หลังเลย”เสียงตัดพ้อแปลกๆ

ของชายหนุ่มที่ผมไม่คุ้นเคยดังขึ้นจนผมรู้สึกอึดอัด

    “เอ่อ คือ.............”ผมอึกอักทันทีตั้งแต่รู้ว่าเป็นเจ้าหมอนั่น

    “ทำไมต้องอึกอักด้วยอ่ะ

ไม่อยากคุยกับปอนด์หรอครับ”เจ้าของเสียงดูจะเข้าใจความหมายจากลักษณ์ของเสียงที่ผมพูดออกไป

    “เอ่อ คือ เปล่าหรอก แค่เราเหนื่อย ๆ น่ะ”เอาอีกแล้วทำไมผมต้องเกรงใจเค้าด้วยนะ ไม่กล้าปฎิเสธออกไปอีกแล้ว

    “วันนี้เรียนหนักหรอครับ โยเรียนคณะอะไรที่ไหนอ่ะ”ปอนด์ถาม

    “เราเรียน......... ที่..........”

    “โหหหห ตั้งไกลทำไมมาเดินกันที่สยามล่ะ”

    “พอดีเพื่อน ๆ เค้าอยากจะเปลี่ยนลุคกันน่ะ เราเลยโดนลากมาทำด้วย” ผมละสงสัยตัวเองจริง ๆ ไปบอกเค้าทำไม


    “อืมมม เราว่าสีผมกับทรงผมตอนนี้ก็เข้ากับโยมาก ๆ เลยนะ น่ารักออก ดูดิเรายังชอบเลย”

ปอนด์พูดพร้อมกับหัวเราะออกมา มันทำให้ผมอึดอัดมาก ๆ แต่ไม่รู้จะหาวิธียังไงให้เค้าวางสาย

    “หรอ ขอบใจนะ”ผมคิดได้ว่า ถามคำตอบคำนั้นอาจจะทำให้เค้าเบื่อก็ได้ เอาวิธีนี้แหละ

    “จริง ๆ เราชอบจริง ๆ พรุ่งนี้มีเรียนป่ะ”ปอนด์ถาม

    “มี”ผมตอบสั้น ๆ

    “เรียนกี่โมง เดี๋ยวเราไปหาที่มหาวิทยาลัยได้ไหม อยากชวนโยไปทานข้าว ดูหนังอ่ะคับ”ปอนด์ยังคงถามต่อไป

    “ไม่ได้หรอก เรามีนัด” แผนเริ่มจะไม่เข้าเค้าก็มันเล่นถามมาหลายคำถาม ต้องเปลี่ยนแผนใหม่ซะแล้ว

    “ไม่เป็นไร นัดกับเพื่อนก็ cancle ได้ มาเดทกับเราดีกว่านะ หรือไม่งั้นโยให้เพื่อนมาด้วยก็ได้

 เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง”ไอ้ปอนด์ทำไมไม่เข้าใจเลยนะว่าเราอึดอัด

    “ไม่หรอก พอดีเราต้องทำรายงานน่ะ ไม่ว่างจริง ๆ”ผมพยายามปฎิเสธ

    “รายงานอะไรหรอ เราช่วยได้ป่ะ เราเก่งนะ”ปอนด์เสนอตัว ถึงตอนนี้ผมเริ่มมองนาฬิกาแล้วครับ

เพราะใกล้จะได้เวลาที่ หนุ่มซาดิสต์ (บูม) จะโทรมาหาแล้ว ผมต้องพยายามหาทางวางสายให้เร็วที่สุดจนต้องตัดสินใจ

    “อืมมม ไม่ได้หรอก เดี๋ยวแฟนเราว่าอ่ะ เค้ายิ่งขี้หึงอยู่ด้วย เนี่ยเค้าโทรมาแล้วเราต้องวางก่อนนะ

 แล้วค่อยคุยกันใหม่”ผมพูดออกไปตามตรง ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้นเพราะนี่ 1missed calls แล้ว

มีสายเรียกซ้อนแต่ไม่ได้รับ ตายแน่ ๆ

    “อ้าวมีแฟนแล้วหรอ อืมมม ก็น่าจะมีแล้วอ่ะนะ เพราะน่ารักแบบนี้ใครจะปล่อยไป

เราน่าจะเจอกันเร็วกว่านี้ โยว่าไหม” โหหหห นี่ปอนด์นายไม่ได้ สลดเลยนี่หว่า คิดผิดหรือเปล่าเนี่ย

    “อืมมม เรามีแล้วล่ะ ขอโทษด้วยนะ”ผมพยายามเน้นเสียงให้รู้ว่า มีแฟนจริง ๆ

ขณะนั้น 3 ครั้งแล้วครับท่าน missed calls

    “ไม่เป็นไรไม่ได้ความผิดของโยสักหน่อย มีแฟนแต่ยังไม่ได้แต่งงานก็ไม่เป็นไรยังถือว่ามีสิทธิ์อยู่”

เอาอีกละทำไมผมต้องเจอแต่คนอย่างนี้ด้วยวะ

    “เออ ปอนด์แฟนเราโทรมาแล้วล่ะ ไว้คุยกันนะ”ผมต้องรีบวางสายเพราะเท่าที่นับ ๆ น่าจะ 6-7 missed calls แล้ว

    “ก็ได้แล้วเราจะโทรหาอีกนะครับ ฝันดีครับ”จากนั้นปอนด์ก็วางสายไป

    ผมรออีกสักพักนึงเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก ผมจึงรีบกดรับสาย

    “ทำไมมารับสายช้าจังเลย เราโทรไปหาตั้ง 6-7 ครั้งกว่าจะรับ”เสียงตัดพ้อมาจากปลายสายดังออกมา

    “เราอาบน้ำอยู่อ่ะ เลยมารับไม่ทัน” เฮ้ออออ ต้องโกหกอีกละ

    “ทำอะไรในห้องน้ำหรือเปล่ามารับช้าจัง ให้เราไปช่วยเอาป่ะ”โหหหหหห ความคิดคนเรา ผมงี้อายเลย

    “ใครจะไปทำอะไรในห้องน้ำ ในห้องน้ำก็ต้องอาบน้ำดิ”ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้

    “จริงอ่ะ วันหลังเดี๋ยวจะไปทำอะไรในห้องน้ำด้วย”ผมพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์

    “ทำอะไร”ผมถามกลับไป

    “อ้าวห้องน้ำก็ต้องอาบน้ำดิ 555”ดูความกวนของบูมดิครับ

    “บ้า........แล้ววันนี้ดูหนังสนุกหรือเปล่า”

    “อืมมม ไม่สนุกหรอก ในโรงหนังอ่ะหนาวจะตายไม่มีคนในจับมือเลย”ผมพูดอ้อน ๆ

    “ก็เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าดิ จะได้อุ่น”ผมตอบ

    “วันหลังเวลาดูหนังกัน เราจะเอามือล้วงไปในกระเป๋ากางเกงโยนะ จะได้อุ่น” ทำไมบูมทะลึ่งจังวะ ผมคิด

    “ลามกว่ะ.........”ผมตอบกลับไปขำ ๆ

    “5555……….เออ วันนี้โยไปทำอะไรมาอ่ะ นานเชียว ถามไปออฟก็ไม่บอก บอกว่าธุระสำคัญให้รอดูพรุ่งนี้จะรู้”บูมถาม

    “ไม่มีอะไรหรอกเดี๋ยวมารับก็เห็นเองแหละ”ผมกะจะเซอร์ไพส์บูมนิดหน่อย

    “หรอ ว๊า อยากรู้อ่ะเดี๋ยวนอนไม่หลับ บอกหน่อยได้ป่ะ นะ นะ นะครับ”บูมอ้อนอีกครั้ง

    “ไม่ได้หรอก เดี๋ยวไม่เซอร์ไพส์”ผมใจแข็ง

    “ไม่รู้ก็ได้ เชอะ”บูมเริ่มงอน

    จากนั้นเราก็คุยกันเรื่อยเปื่อย จนเวลาเกือบห้าทุ่มแล้วผมก็วางสาย และล้มตัวลงนอน.......

    จบตอนที่ 17

forsaken

  • บุคคลทั่วไป
ลงมาให้อ่านจุใจเลยนะครับ พูห์ ทีเดียว 3 ตอนเลย ฮิฮิ
อิอิ ว่าแล้วว่าโยต้องน่ารัก :like6:
บูมมารับโย ต้องมีตะลึ่ง! แหง่ม ๆ   :kikkik:
หลุดจากพี่วิทย์มาได้ ไหงมีมือที่ 3 มาอีกอ่าครับ  :interest:
รออ่านตอนต่อไปดีก่า... ^^

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
โธ่เอ๊ย บูมนึกว่าจะมีแผนเด็ดอาราย  :haun5: ไม่สะใจกองเชียร์เลย


meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
มาทีตาลายเลยแฮะ :really2:

ว่าแต่เปลี่ยนลุคตัวเองแล้วบูมจะชอบมั้ยน้อ

รออ่านต่อครับ ชอบจังเลยมีมือที่3อีกแว้ววววววววว :yeb:

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
โอ้วมาทีเป็นชุด สะใจคนอ่านเลยคับผม...อารมรืลื่นไหลดี...มาต่อไวๆนะครับ :yeb:

นายโยเปลี่ยนลุคแล้ว บูมเห้นแล้วจะตะลึงแค่ไหนนะนี่... :kikkik:

มีมือที่สามมาสร้างสีสันให้ชีวิตอีกแล้ว อิอิ ลุ้นๆๆ :angellaugh2:




ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
โยนี่ท่าทางจะน่ารักนะเนี่ย  มีแต่คนมาชอบ  แต่ว่าขี้เกรงใจไปหน่อย  ไม่ไหว ไม่ไหว  รออ่านต่อคับผม  :yeb:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ะ.... :o......มาทีเดียวเป็นชุดเลย

อ่านกันจนตาลายเลย............. :try2:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
"ตอนที่ 18"

    เช้านี้ผมกระสับกระส่ายแต่งตัวตั้งแต่เช้า เพราะอยากให้บูมเซอร์ไพส์ กับลุคใหม่ที่ผมเพิ่งจะเปลี่ยนมา

ทันทีที่บูมขับรถมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านผม ผมก็ขึ้นรถไปนั่งที่ประจำของผมพลางจ้องบูม เพราะอยากจะรู้ว่า บูมจะคิดยังไงกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปของผม

    “.....................................”ผมจ้องมองบูม เพื่อลุ้นว่าจะพูดอะไร

    “อ่ะนี่ขนมปังเราซื้อมาฝาก” แป๋วววววว ไม่เห็นบูมพูดอะไรเลย

    “เอ่อ คือ วันนี้อากาศดีเนอะ” ผมพูดแก้เขิน พลางจับที่ผมเป็นการส่งซิกส์

    “หรอ เราว่า มันก็ร้อนแบบนี้ทุกวันแหละ”บูมตอบหน้าตาเฉยไม่สนใจเลยอ่ะ

    “หรอ แต่เราว่าอากาศดีจริง ๆ นะ” ผมพูดพลางเอาหน้ายื่นไปดูกระจกส่องหลังรถแล้วจับที่ผม

    “ไปเถอะ เดี๋ยวสายนะ” ฮือออออ ไม่สนเราเลย

    ผมนั่งงอนบูมตลอดทางที่รถขับไปยังมหาวิทยาลัย บูมพูดด้วยผมก็ไม่ยอมพูดด้วย แถมหันหน้าออกไปด้านนอกรถบ้าง แกล้งหลับบ้าง จนมาถึงมหาวิทยาลัย

    พอรถจอดที่ลานจอดรถปุ๊ป ผมก็ก้าวเดินลงจากรถไปโดยไม่รอบูมเลย ผมเดินจ้ำ ๆ ๆ ๆ จนไปถึงที่ซุ้มประจำของผมอย่างหงุดหงิด

    “เฮ้ยย โยไปกินรังแตนที่ไหนมาวะ ทำไมหน้าอย่างกะตูด”ไอ้โบ ปากหมาแต่เช้าเลยนะ คนยิ่งอารมณ์เสียอยู่

    “ป่าว อย่าถามมากได้ไหม คนกำลังอารมณ์หงุดหงิดอยู่”ผมตอบกลับไปตาขวาง ๆ

    “ทะเลาะกับแฟนอ่ะดิ ท่าทางแบบนี้” กายถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอก

    “เออสิ ถามได้”ผมยิ่งหงุดหงิดไปกันใหญ่

    “เออ โย เมื่อวานไอ้นั่นที่เจอที่ MK มันโทรมาหาเราล่ะ มันถามว่าโยมีแฟนจริง ๆ หรือเปล่า เราเลยบอกไปว่ามีแล้ว”ไอ้โบรีบบอกข่าว

    “เออ ดีแล้วแหละ เมื่อวานก็โทรมาตื้อมากเลยว่ะ ขนาดบอกมีแฟนแล้วนะ”ผมเลยสงบสติอารมณ์ลงหน่อยแล้ว

    “แต่มันบอกว่าไม่สนใจว่ะ นี่มันถามเราว่า เลิกเรียนกี่โมง เรียนตึกไหนด้วย”ไอ้โบเล่าต่อ

    “แล้วโบบอกไปหรือเปล่า”

    “โทษทีว่ะ พอดีเราอยู่กะแฟน ถ้าไม่บอกมันไม่ยอมวางสายอ่ะ โยก็รู้ถ้าแฟนเรารู้เราตายแน่ ๆ เลย” โธ่ ไปบอกมันทำไมวะไอ้โบบบบบบบบบ

    “แล้วมันว่าไงอีก”ผมรีบถาม

    “มันว่าจะมาหาว่ะ ตอนเลิกเรียน”

    “เฮ้ยยยยยยยยย ทำไงดีวะ เราไม่อยากเจอกับมันนะ งั้นเดี๋ยวคาบบ่ายเราแอบออกมาก่อนดีกว่า”

    “ว่าไงกันจ๊ะ ใครจะแอบออกมาก่อน” ออฟยิ้มร่าเดินเข้ามาที่ซุ้มแล้ววางของลงกับโต๊ะ

    “ก็ไอ้โยนั่นแหละ แค่ตัดผมใหม่เปลี่ยนสีนิดหน่อยเสือกมีคนจะตามมาหาที่มหาวิทยาลัย” ไอ้กายรีบประชด

    “หรอจริงดิ ขนาดนั้นเลยหรอ เออ โย เมื่อกี้เราเดินสวนกับแอนนี่ที่อยู่กลุ่มต้าร์ที่เป็นดาวคณะน่ะ เค้าเข้ามาขอเบอร์โยแน่ะ

เห็นว่าโยทำผมใหม่แล้วน่ารักดี แต่เราไม่ได้ให้ไปหรอกนะ เพราะเราบอกว่าโยมีแฟนแล้ว”ออฟบอก

    “เออ ดีแล้วล่ะ แค่นี้เราก็จะตายแล้วล่ะ เฮ้อออ”ผมถอนหายใจ

    “แต่ท่าทางจะจริงอย่างที่ไอ้กายว่าว่ะโย ลองถ้าแอนนี่มาขอเบอร์แสดงว่าแกเข้าขั้นแล้วนะโว๊ยยยยยยย”ไอ้โบแซวผม

ซึ่งจริง ๆ แล้ว แอนนี่จะเป็นพวกผู้หญิงที่บ้าผู้ชายอะไรพวกนั้นอ่ะครับ

    “เฮ้อออออ ช่างเหอะขี้เกียจคิดแล้วปวดหัว จำไว้เลยนะไอ้กาย ถ้าเรามีปัญหากับบูม แกตายยยยยยยย”ผมหันไปมองไอ้กายอย่างโมโหนิด ๆ

    “กลัวหรอ.........”ไอ้กายทำท่าไม่สนใจแล้ววิ่งมาตีผมทีนึงแล้วรีบหนีไปที่ห้องเรียน

    ผมเดินไปที่ห้องเรียนพร้อม ๆ กับกลุ่มผมซึ่งปกติเวลาเดินไปไหนมักไม่ค่อยมีใครสนใจ

แต่ทำไมวันนี้ สายตาหลายคู่เอาแต่ จ้อง กับ จ้องมองผมด้วยสายตาแปลก ๆ พลางซุบซิบไปมา จนผมเริ่มรำคาญ

    “นี่พวกนั้นมันเป็นอะไรวะ ทำไมมันต้องกระซิบกันด้วยวะเวลาเราเดินผ่าน”ผมพูดออกมาอย่างหงุดหงิดหลังจากนั่งลงที่โต๊ะแล้ว

    “ก็คงเห็นของแปลกมั้งแก อย่าไปคิดอะไรมากเลย ก็เล่นโมดิฟายด์กันทั้งกลุ่มนิ” เออ อาจจะจริงวันนี้ทุกคนในกลุ่มผมมีสีสันกันหมดเลย

    “เฮ้อออ หวังว่ามันคงจะเป็นแบบนี้ไม่นานนะ พูดตามตรงรำคาญว่ะ”ผมพูดอย่างหงุดหงิดซึ่งทุกคนก็เข้าใจ

    “เฮ้ยยยยย โย แฟนแกมานั่นแล้วไง”ออฟชี้ให้ผมดูบูมซึ่งเดินเข้ามากับกลุ่มเค้า ผมยิ้มให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มของบูมตามปกติ

แต่ที่ไม่ปกติ เอ๊ะทำไมวันนี้บูมไม่มองผมเลยอ่ะ .... เออ ใช่เรางอนกันอยู่นิ ถ้างั้นไม่สนใจก็ได้ ผมคิด

    “ทำไมบูมไม่มองแกเลยวะ ปกติต้องเดินมาหาแล้วนะ แกไปทำอะไรเค้าวะ”ออฟถามเพราะยังไม่รู้เรื่อง

    “นี่ออฟไปจี้มัน โยมันทะเลาะกับบูมอยู่”โบแอบกระซิบออฟ

    “อ้าวหรอ โทษที”ออฟบอกแล้วหันกลับไป

    คาบเช้าทั้งคาบผมเรียนแทบจะไม่รู้เรื่องเลยครับ เอาแต่มองบูมตลอดเลยอ่ะ อยากรู้ว่าเค้ามองมาที่ผมบ้างหรือเปล่า

แต่เปล่าเลยบูมไม่มองมาเลย มีแต่เพื่อน ๆ เค้ามองมาที่ผมแล้วก็ยิ้มให้ซึ่งผมก็ยิ้มตอบกลับไปแค่นั้น เป็นอย่างนี้ตลอดทั้งคาบเลย จนหมดคาบเช้า

    “ไปเหอะว่ะ เริ่มมึนแล้ว แล้วแกต้องไปกินข้าวกับบูมหรือเปล่า อุ๊ป.......โทษทีลืมไป”ออฟถามอย่างลืมตัว

    “ช่างเหอะ ไปเถอะ”ผมพูดพลางหันไปมองบูมอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เค้าเดินออกไปกับเพื่อน ๆ เค้าแล้ว

    ผมเดินไปกินข้าวกลางวันด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายทำให้กินอาหารไม่ค่อยลง กินไปได้ไม่กี่คำก็อิ่มจนเพื่อน ๆ ต้องปลอบ

    “ทะเลาะกันแค่นี้แป๊ปเดียวก็คืนดีกันแล้ว ไม่มีอะไรหรอก”ไอ้โบปลอบผม

    “อืมมม ใช่ งอนกันวันละนิดจิตแจ่มใสนะ”ออฟพยายามพูดให้ผมสบายใจ (หรือเปล่า)

    “โยก็ไปขอโทษเค้าดิ จะได้หายงอนกัน”กายแนะนำ

    “เราไม่ผิดนะกาย ทำไมเราต้องขอโทษก่อน คิดดูดิ อุตส่าห์เปลี่ยนตัวเองใหม่แต่ไม่สนใจเราเลย”

ผมบอกเหตุผลอย่างลืมตัว (ไม่กล้าบอกเหตุผลให้เพื่อน ๆ รู้เพราะกลัวว่าเราขี้ใจน้อยอ่ะครับ)

    “โห เรื่องแค่นี้เอง นี่แกจะบ้าหรือเปล่าวะ”ไอ้กายเริ่มทับถม เห็นมะไม่น่าหลุดปากเลยอ่ะ

    “นี่ไม่ใช่แค่นี้นะ โยเราเข้าข้างแก เพราะถ้าเป็นเรา เราก็โมโหเหมือนกัน”เย้ ออฟเป็นวันเดอร์วูแมนมากๆที่มาเข้าข้างเรา

    “เรื่องแค่นี้อย่าไปคิดมากดิวะ รีบไปคุยกับเค้าเหอะ อย่าให้เรื่องแค่นิดหน่อยทำให้ชีวิตคู่มีปัญหาดิ”ไอ้โบพูดอย่างกับผู้มากประสบการณ์

    “เออ ๆ ๆ เดี๋ยวตอนเย็นเราไปคุยกับเค้าก็ได้”ผมตอบอย่างยอมจำนน

    “หวัดดีครับ นั่งด้วยคนได้ไหมครับ”เสียงชายหนุ่มคนนึงดังมาจากด้านข้าง ๆ ผมเสียงคุ้น ๆ แหะ

    “ผมมาขัดจังหวะหรือเปล่าครับ อยากคุยด้วยจังเลยอ่ะเห็นพวกโยคุยกันสนุกดี” ปอนด์พูด

    “เฮ้ยปอนด์ มาได้ไงอ่ะ”ผมอุทาน แต่ยังไม่ทันที่ผมอนุญาต ปอนด์ก็มานั่งข้าง ๆ ผมแล้วครับ

    “ก็คิดถึงไงเลยมาหา แหะ แหะ”ปอนด์หัวเราะแห้ง ๆ

    “เฮ้ยยยย ไอ้ปอนด์กูไปรอนี่ห้องนะ”ชายหนุ่มคนนึงตะโกนเรียกปอนด์

    “เออ เดี๋ยวกูตามไป”ปอนด์ตอบกลับ พร้อม ๆ กับสายตาของพวกผมที่จ้องไปยังเค้า

    “อ้าวทีแรกก็นึกว่าเรียนคนละมหาวิทยาลัย เห็นว่าเราเรียนไกลแต่ไปเดินสยาม”ผมแขวะปอนด์ที่ตอนนี้ได้แต่ยิ้ม

    “เออใช่ แถมยังมาล้วงความลับกับเราอีก นายจะเอาไงกันแน่”ไอ้โบเสริม

    “ไม่ได้เอาอะไรหรอกครับ แค่อยากรู้จักโยก็แค่นั้นเอง”ปอนด์พูดยิ้มอาย ๆ

    “เค้ามีแฟนแล้วยังจะไปตามราวีเค้าอีก”ออฟพูดกับปอนด์ “นี่ไงมีคนที่ว่างอยู่ไม่ไปจีบละ”ออฟพูดจบก็เหล่ตาไปที่กาย

    “เฮ้ยเราไม่ได้เป็นเกย์โว๊ย”กายส่ายหัวพัลวัน

    “ถึงเป็นผมก็ไม่จีบหรอกครับ จีบโยดีกว่าเนอะ”ปอนด์พูดยิ้ม ๆ แถมทำตาเชื่อม ๆ ใส่ผม จนขนลุกซู่เลย

    “เฮ้ยยยย เกี่ยวอะไรกับเรา”ผมบอกปัดเพราะไม่อยากยุ่ง

    “ถึงมีแฟนแล้ว เป็นกิ๊กก็ได้ แต่จะให้ดีเลิกกับแฟนแล้วมาเป็นแฟนเราจริง ๆ เลยดีกว่า”ปอนด์พูดพร้อมกับจับมือผมไปถือไว้

    “เฮ้ยยยยยยยยยยย”ผมร้องและชักมือออก

    “ไอ้โย นั่น ตรงนั้น”ไอ้โบหรี่ตาพลางพยักเพยิดให้หันไปมองด้านหลัง

    “บูม” ผมอุทาน “เอ่อ......คือ”ยังไม่ทันที่ผมจะพูดแก้ตัวอะไรเลย บูมซึ่งยืนอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ร

ู้ มองผมด้วยสายตาเย็นชาน่ากลัวแล้วเดินจากไป

    “เราว่าปอนด์นายกลับไปก่อนดีกว่านะ”กายพูดกับปอนด์เพราะน่าจะเดาความรู้สึกผมในตอนนี้ได้

    “นั่นแฟนโยหรอ ท่าทางโหดว่ะ”ไอ้เจ้าปอนด์ปากเสียไม่เลือกเวลาอีกละ

    “เออ ปอนด์ไปก่อนเถอะ”โบพูดพร้อมกับดึงตัวไอ้ปอนด์ออกจากโต๊ะ

    “รีบไปอธิบายให้บูมฟังสิโย เดี๋ยวเราช่วยพูดให้ก็ได้”ออฟพยายามช่วยผมแก้ปัญหา

    “................................”ผมยังคงอึ้งอยู่ เพราะไม่รู้ว่าจะหาคำแก้ตัวอย่างไรดี ที่จริงผมก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอกครับ

แต่เวลาที่บูมโกรธมักจะไม่ค่อยมีเหตุผลพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ผมเลยคิดว่าน่าจะรอให้อารมณ์เย็นก่อนแล้วค่อยคุยกันดีกว่า

    “รอให้เค้าอารมณ์เย็นกว่านี้ดีกว่า แล้วค่อยคุย เดี๋ยวเราเคลียร์กับเค้าเองตอนเย็นไม่มีอะไรหรอก”ผมบอกออฟเสียงอ่อย

    “ถ้ามีอะไรให้เราช่วยก็บอกนะ”ออฟลูบหลังผมเพื่อปลอบ

    “ขอบใจ”

    หลังจากที่เรากินข้าวเสร็จก็ใกล้จะได้เวลาเข้าเรียนคาบบ่ายแล้ว พวกเราจึงเดินไปรอที่ห้องเรียนเลย

พวกผมเข้าห้องเรียนไปนั่งได้สักพักนึง กลุ่มของบูมก็เดินเข้ามาในห้อง

แต่พอบูมเห็นว่าผมนั่งอยู่ในห้องก็กระซิบอะไรกับเจ้าปิ๊กไม่รู้แล้วปิ๊กก็บอกเพื่อน ๆ ว่าให้ไปที่ห้องสมุดกันก่อน

พวกเค้าเลยเอาหนังสือจองไว้แล้วเดินออกนอกห้องไป

    ผมเห็นท่าทีที่บูมทำแล้ว อดรู้สึกเสียใจไม่ได้ ทำไมเค้าไม่เฉลียวใจเลยสักนิดนะ

 น่าจะนึกถึงตอนพี่วิทย์บ้างว่าพวกเราผ่านอะไรมาเยอะน่าจะเข้าใจกันถึงจะถูก นี่กลับโมโหแล้วเดินออกไป

ยิ่งคิดผมก็ยิ่งเสียใจ น้ำตาเริ่มจะไหลออกมาจนพวกเพื่อน ๆ ผมต้องปลอบใจ

    หลังจากที่เราเรียนไปได้สักพักนึง ผมก็สังเกตเห็นว่ามีโทรศัพท์เข้ามาหาบูม ทำให้บูมต้องเดินออกไปข้างนอก ผมจึงตัดสินใจเดินตามออกไป

    ผมเดินหาบูมอยู่สักพักนึงก็หาไม่เจอ ไม่รู้ไปโทรศัพท์ที่ไหน ผมจึงตัดสินใจเดินไปหาที่หลังตึกเรียน

 แล้วภาพที่ผมเห็นตรงหน้ามันทำให้ผมแทบจะหมดเรี่ยวแรงทรุดตัวลงไป สิ่งที่ผมเข้าใจไปเอง สิ่งที่ผมคิดว่าผมผิด มันไม่ใช่เลย..............

    จบตอนที่ 18 รีบเอามาลงให้ก่อนเพราะอาจจะต้องไปทำธุระหลายวันครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ยังไงก็ขอให้ติดตามกันต่อไปนะครับ ขอบคุณครับ

**********************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2007 14:04:12 โดย หมูพูห์ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






dokebi

  • บุคคลทั่วไป

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
ง่ะ ค้างคาอีกแล้ว :serius2:

ขอบคุณมากครับที่มาต่อให้อ่าน
ปูเสื่อนอนรอต่อไป :yeb:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
จะเกิดอะไรขึ้นอีกละเนี่ย  :serius2:

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ยๆๆๆ พูห์จะมาหยุดอยู่แบบนี้ไม่ได้นะ :serius2:

เรื่องจะเป็นยังไงต่อนี่ โยไปเจออะไรเข้าถึงกะเข้าอ่อนหมดเรี่ยวหมดแรง.... :sad5:

มาเร็วๆๆนะพูห์ ....นะ นะ นะ นะ  :impress:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
"ตอนที่ 19"

    ..............ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้ คือ ภาพที่ชายหนุ่มคู่รักสองคนกำลังกอดกันอยู่ แต่มันผิดตรงที่ ชายหนุ่มคนนั้น

ก็คือบูม คนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนผม และผู้ชายอีกคนนั้น ผมไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ซึ่งตอนนี้เค้ากำลังซบลงตรงอกของบูมอยู่

ผมทนเห็นภาพที่บาดตาบาดใจแบบนี้ไม่ไหว ผมกำลังจะก้าวถอยหลังกลับไป จังหวะเดียวกันนั้นเอง บูมเริ่มสังเกตเห็นว่าผมมายืนอยู่ที่ตรงนั้นแล้ว

แต่ชายหนุ่มกลับไม่ได้มีท่าทีแสดงอาการผิดปกติอะไรเลย ราวกับว่าผมเป็นอากาศธาตุอย่างไงอย่างงั้น

แถมเจ้าตัวยังกระชับอ้อมแขนกับชายอีกคนเอาไว้ให้แน่นกว่าเดิม และยังยิ้มให้ผมเหมือนกับไม่แคร์เลยว่าผมจะรู้สึกอย่างไร

    ผมมองภาพตรงเบื้องหน้าได้สักครู่นึง จนตอนนี้ผมเริ่มที่จะทนไม่ไหวแล้ว ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดเรื่องผมนึกว่า ผมเองที่เป็นคนผิด งอนอะไรไม่รู้เรื่อง

แต่มาตอนนี้ผมเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว ทำไมเค้าไม่สนใจผม ทำไมเค้าไม่แคร์ผม ผมเข้าใจหมดแล้ว หมดแล้วจริง ๆ .... แต่ทำไมนะ

ทำไมตอนนี้ผมถึงไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่พูดอะไรออกมา ขาสองข้างของผมในตอนนี้ทำไมถึงต้องสั่น น้ำตาที่ถูกเก็บกักไว้ทำไมจะต้องไหลออกมา

ตอนนี้ผมต้องพยายามฝืนตัวเองเพื่อไม่ให้ชายที่อยู่ตรงหน้ารับรู้ว่าผมกำลังเสียใจและเจ็บปวดกับสิ่งที่เค้าทำ

ผมพยายามรวบรวมกำลังที่มีเหลือทั้งหมด แม้จะน้อยนิดก็ตามตัดสินใจก้าวเดินออกไปอย่างช้า ๆ

เหมือนผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับภาพที่เค้าสองคนกำลังกอดกันอยู่

ทันทีที่ผมเดินก้าวพ้นออกมาจากภาพที่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดที่สุดแล้ว ผมก็เริ่มเดินไปเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ โดยไร้จุดหมาย เหมือนกับร่างที่ไร้วิญญาณ

ขณะที่ร่างของผมเดินมาไกลจนเกือบจะถึงถนนใกล้ ๆ กับทางออกของมหาวิทยาลัยแล้ว...............

“โย โย เป็นอะไรหรือเปล่า.....โย ให้เราไปส่งไหม”เสียงชายหนุ่มดังแว่ว ๆ

เข้ามาในโสตประสาทการรับฟังของผมแต่ดูเหมือนว่าเสียงที่ดังอยู่นี้จะไม่ได้ไปกระทบกับความรู้สึกอะไรของผมเลย

เพราะผมยังคงเดินต่อไปเรื่อย ๆ เหมือนคนไร้วิญญาณ

“โยเป็นอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวปอนด์ขับรถไปส่ง”ปอนด์ฉุดผมที่เดินอยู่ ให้ขึ้นไปบนรถที่จอดอยู่ด้านข้าง ๆ

ทันทีที่ผมเข้าไปในรถ เหมือนกับความรู้สึกของผมที่ถูกเก็บเอาไว้ ความอดทน อดกลั้นของผมได้สิ้นสุดลง

ตอนนี้ทั้งน้ำตาและอารมณ์ของผมถูกระเบิดออกมาอย่างสุดทนแล้ว

“ฮือออออออ ฮือออออออออออ”ผมร้องไห้พลางเอาหน้าไปซบไว้ที่คอนโซลหน้ารถของปอนด์

    “โยเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวเรื่องร้าย ๆ มันก็จะผ่านไปเอง”ปอนด์พูดปลอบผมราวกับว่าเค้ารู้ในสิ่งที่ผมได้พบเจอมา

    “ฮืออออออ ไม่มีวันนั้นแล้ว ไม่มีอีกแล้ว ไม่มีแล้วจริง ๆ เราสองคนไม่มีวันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว...ฮือ ๆๆๆ”

ผมร้องไห้ฟูมฟายอย่างไม่อายทั้ง ๆ ที่ผมเองก็ไม่ได้สนิทกับปอนด์เลย

    “ไม่เป็นไรนะครับ แค่คน ๆ เดียวอย่าไปเสียใจเลยนะ”ปอนด์ลูบที่หลังผมเพื่อปลอบ

    “ฮืออออออ ฮืออออออ ปอนด์ พาเราไปจากที่นี่ได้ไหม เราไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”ผมหันไปบอกชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

    “ได้ครับ ไป ไป เราไปที่อื่นกัน”ปอนด์บอกผมพร้อม ๆ กับสตาร์ทรถแล้วขับออกไป

    หลังจากรถแล่นออกไปแล้ว ปอนด์ก็ได้พาผมไปที่สวนสาธารณะแห่งนึงเพื่อสงบสติอารมณ์

    “ตอนนี้สบายใจขึ้นหรือยังอ่ะครับ”ปอนด์ถามผมด้วยความเป็นห่วง

    “เราผิดเองแหละ เราผิดที่เป็นฝ่ายไปรักเค้าก่อน ผิดที่ไปสารภาพรักเค้าก่อน เราผิดเองจริง ๆ”ผมตอบไปคนละเรื่องเลยครับ

ตอนนี้ประสาทการรับรู้ของผมเริ่มจะเพี้ยนๆไปบ้างแล้ว

    “โยไม่ผิดหรอก เราผิดเองมากกว่าที่เราไปยุ่งวุ่นวายกับโย ทำให้โยต้องเลิกกับแฟน เราขอโทษนะ”ปอนด์ขอโทษเสียงอ่อย

    “นายไม่ผิดหรอก ถึงไม่มีนาย เราก็ไม่มีความหมายในสายตาเค้าอยู่ดี เพราะฉะนั้นนายไม่ผิดหรอก”ผมพูดย้ำไปย้ำมา

 แล้วก็ก้มลงไปร้องไห้ที่คอนโซลหน้ารถยนต์เหมือนเดิม

    “ลงไปรับอากาศดี ๆข้างนอกดีกว่านะ จะได้สงบสติอารมณ์ได้ไง”ปอนด์ชวนผมลงจากไปข้างนอก

    ผมเดินเข้าไปที่สวนสาธารณะอย่างคนเหม่อลอย เดินชนนั้นชนนี่ตลอดจนปอนด์ต้องจูงมือผมเดินไปหามุมสงบ ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์

    เราสองคนเดินมานั่งที่เก้าอี้ตัวนึงด้านหน้าสระน้ำ ผมนั่งนิ่ง ๆ ไม่ได้คุยกับปอนด์นานแค่ไหนก็ไม่รู้ จนกระทั่งเสียงมือถือของผมดังขึ้น

ผมรู้สึกเหมือนไม่มีเรี่ยวแรงที่จะรับโทรศัพท์ จนผมต้องบอกให้ปอนด์ช่วยรับสายแทน...

    “เอ่อ ไม่ใช่ครับ ผมปอนด์ครับ พอดีโยมีเรื่องนิดหน่อยผมเลยมาอยู่เป็นเพื่อน”ปอนด์พูดสายกับคนที่โทรมาหาผม

    “ครับ ๆ แล้วโบจะมาที่นี่หรอ”ไอ้โบนั่นเองที่โทรมาคงเห็นผมหายไปนานมั้ง

    “เราอยู่ที่สวน.........ด้านในใกล้ ๆกับศาลาจีน ใกล้ ๆ สระน้ำน่ะ อือ อือ ครับ บายครับ”ปอนด์วางหูไป แล้วส่งมือถือมาให้ผม

    “เดี๋ยวโบกับเพื่อน ๆ ของโยจะมาหานะ เดี๋ยวเราอยู่รอเป็นเพื่อนนายก่อน แล้วค่อยกลับแล้วกัน”ปอนด์พูดกับผม

    “ขอบใจนายมากนะที่มาอยู่เป็นเพื่อนเรา ขอบใจจริง ๆ”ผมเอ่ยขอบใจปอนด์ด้วยความรู้สึกดีกับความมีน้ำใจของชายหนุ่ม

    “ไม่เป็นไรหรอก เราดีใจที่เราได้อยู่ใกล้ ๆ โยนะ”ปอนด์พูดกับผม แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไร

เพราะผมไม่อยากจะคิดเรื่องแบบนั้นในตอนนี้ ซึ่งปอนด์ก็น่าจะเข้าใจ

    เรานั่งด้วยกันอีกสักพักนึง ไอ้โบกับเพื่อน ๆ ของผมก็มาถึง พอปอนด์เห็นเพื่อน ๆ ของผมมา ก็จะขอตัวกลับ

    “เพื่อนๆโยมาแล้ว เรากลับละ เดี๋ยวคืนนี้เราโทรหานะครับ”ปอนด์พูดแล้วเดินออกไป ผมได้แต่ยิ้มให้

    “ขอบใจนะปอนด์”ผมยิ้มให้ปอนด์อีกครั้ง ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกเป็นมิตรกับชายหนุ่มคนนี้มากขึ้นกว่าเดิม

    “เฮ้ย โยมีอะไรหรือเปล่าวะ ทำไมมานั่งอยู่ที่นี่กับไอ้นั่นสองต่อสองวะ”ไอ้กายพูดจี้ใจดำผม

    “ฮือออออออ กายยย เรา เราเลิกกับบูมแล้ว เราเห็นเค้ายืนกอดกับผู้ชายอีกคนด้านหลังตึก ตอนที่เราเดินตามเค้าออกมา”ผมร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

    “จริงดิ ไม่จริงมั้ง เพื่อนเค้าหรือเปล่า”ออฟถามผม

    “จริงสิเราเห็นมากับตา แถมพอรู้ว่าเราเดินมาเจอเข้า เจ้าตัวยังมายิ้มเยาะเย้ยเราอีก เรา เรา เรา...........”ผมร้องไห้ออกมาจนพูดไม่รู้เรื่องแล้ว

    “แม่งเอ้ยยยย ทีแรกก็นึกว่าจะรักเพื่อนกูจริงที่ไหนได้”กายหัวเสีย

    “นายแน่ใจหรอโยว่าเค้ามีคนอื่น นายไม่ได้คิดไปเองแน่นะ”โบถามผมอย่างมีเหตุมีผล

    “เราไม่ได้คิดไปเอง แกลองคิดดูนะ ถ้าเค้ารู้ว่าเรายืนอยู่ตรงนั้น ทำไมเค้าไม่อธิบายล่ะว่าไม่ใช่แฟน เป็นเพื่อนหรืออะไรก็ได

้ แต่นี่เปล่าเลยกลับกอดกันแน่นขึ้น เหมือนกับเป็นสัญญาณให้เรารู้ว่านี่ล่ะแฟนเค้า แล้วยังมีหน้ามายิ้ม เยาะเย้ยเราอีก”ผมอธิบายเหตุผล

พร้อมเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลอยู่

    “เออ มันก็จริง”โบเริ่มคล้อยตามผม

    “แล้วแกจะทำไงต่อไปอ่ะโย”ออฟถามด้วยความเป็นห่วง

    “ไม่รู้เหมือนกัน ออฟเราคงไม่ไปเรียนสักสองสามวันนะ ช่วยจดเล็กเชอร์แทนเราด้วย เราขอเวลาทำใจและตั้งสติหน่อย”ผมบอกออฟ

    “ได้ เราช่วยโยเรื่องนี้ได้เสมอ แต่สิ่งที่เราช่วยไม่ได้ก็คือความรู้สึกของโยเอง แกต้องช่วยตัวเองนะ ไม่มีใครช่วยแกได้

ถ้าแกไม่ยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง ตัดใจด้วยตัวเอง ถึงพวกเราจะปลอบไปก็ไม่มีความหมาย”ออฟพยายามพูดให้ผมตัดใจ

    “เราจะพยายามนะออฟ ขอบใจ”ผมตอบกลับไป

    ผมนั่งอยู่ที่นั่นอีกสักพักนึงก็ขอตัวกลับบ้าน พอผมกลับมาถึงที่บ้าน ผมไม่อยากให้แม่ผมเห็นผมในสภาพแบบนี้เลย

ผมเลยทิ้งโน้ตเอาไว้ว่า ผมรู้สึกเพลียมากอยากนอนพัก แล้วผมก็ขึ้นไปบนห้องนอน

   

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ตอนนี้ผมอยู่คนเดียวบนห้องนอนของผม ภาพต่าง ๆ ที่ผมมีความสุขกับบูมมันเหมือนจะ รีวายด์

กลับเข้ามาในหัวสมองของผม ผ่านมาผ่านไปหลายรอบ
 
จนมาถึงภาพที่ทำให้ผมต้องเจ็บปวด ผมยิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดกับภาพที่ผมเห็นบูมยืนกอดกับคนอื่น และภาพที่เค้ายิ้มเยาะเย้ยผม

จนผมต้องร้องไห้ออกมา แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น………

    “โยหรอครับ ปอนด์นะ เป็นไงบ้างดีขึ้นหรือยัง”ปอนด์ถามผมด้วยความเป็นห่วง

    “อืมมม ขอบใจนะ เราดีขึ้นมากแล้ว”ผมแกล้งตอบออกไปเพราะไม่อยากให้ใครเป็นห่วง

    “ดีขึ้นเราก็ดีใจแล้วล่ะ เราต้องไปทำรายงานแล้วนะ แล้วเราค่อยโทรไปคุยกับโยใหม่นะครับ”ปอนด์พูดแล้ววางสายไป

    ผมรู้สึกดีอีกครั้งที่ปอนด์โทรมาแสดงความห่วงใยผม แต่พอผมกลับมานั่งคนเดียวอีกครั้ง

ความรู้สึกเดิม ๆ ก็เริ่มกลับเข้ามาอีก มันเหมือนกับการรีวายด์ ภาพกลับไปกลับมา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ผมได้แต่ร้องไห้ ร้องไห้อย่างคนไม่มีสติ จนกระทั่งหลับไป………..

    ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้า แล้วเดินมานั่งขดตัวอยู่ที่มุม ๆ นึงในห้อง น้ำตาที่ดูเหมือนเพิ่งจะเหือดแห้งไปกลับเริ่มไหลออกมาอีกครั้งโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

ทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่ทันเริ่มคิดอะไรเลย แค่ภาพแรกที่เข้ามาในหัวของผมคือ บูมยืนกอดกับคน ๆ นั้นอยู่อย่างมีความสุข

 แค่ภาพตรงนั้นก็ทำให้น้ำตาผมหยดลงมาเองได้ ผมนั่งร้องไห้อยู่ที่ตรงนั้นจนกระทั้งแม่ขึ้นมาเรียกผม

    “โย โย ตื่นได้แล้วลูก วันนี้มีเรียนไม่ใช่หรือจ๊ะ”แม่ตะโกนถามผมจากด้านนอก

    “ครับแม่เดี๋ยวผมไปเรียนตอนบ่ายครับ”ผมพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติซึ่งดูเหมือนจะไร้ผล

    “โย เป็นอะไรหรือเปล่าลูก เสียงลูกเหมือนกำลังร้องไห้อยู่เลยจ๊ะ”แม่ผมถามด้วยความเป็นห่วง

    “ไม่มีอะไรครับแม่ ไม่มีอะไรจริง ๆ ครับ”ผมตอบกลับไป

    “ไม่มีอะไรจริง ๆนะจ๊ะ มีอะไรก็บอกแม่ได้นะลูก”แม่ถามผมอีกครั้งด้วยความห่วงใย

    “ครับแม่ ไม่มีอะไรจริง ๆ ครับ”ผมตอบย้ำอีกครั้งนึง เพื่อให้แม่ไม่เป็นห่วงผม

    “งั้นแม่ไปก่อนนะจ๊ะ”

    “ครับ สวัสดีครับ”

    หลังจากได้ยินเสียงแม่เดินลงไปแล้ว ผมก็มานั่งขดตัวอยู่บนเตียง ตอนนี้น้ำตาผมหายไปหมดแล้ว

อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกอบอุ่มและเป็นห่วงเป็นใย ที่แม่ส่งผ่านมาถึงตัวผมละมั้งที่ทำให้น้ำตาที่กำลังไหลอยู่ กลับเหือดแห้งลงไป

 มีแต่เพียงความรู้สึกเหงาว้าเหว่เข้ามาแทนที่ ผมมองไปที่มือถือ พยายามนึกรายชื่อเพื่อน ๆ ว่าจะโทรไปหาใครดี

แต่จนแล้วจนรอดผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับใครดี นี่อาจจะเป็นแบบที่เค้าพูดกันละมั้งว่า

 บางครั้งเรามีเพื่อนเป็นร้อยคนแต่กลับไม่มีใครสักคนที่เราสามารถระบายอะไร ๆ ได้ในตอนที่เรารู้สึกทุกข์ใจมาก ๆ

ไม่ใช่เพราะผมไม่สนิทกับเพื่อน ๆ ผมหรอกนะครับ แต่ไม่รู้สิเวลานี้มันคิดได้แค่นี้จริง ๆ สมองมันตื้อไปหมด

ผมขดตัวอยู่บนเตียงสัพักนึง เสียงมือถือผมก็ดังขึ้น………….

    “เฮ้ยโย เป็นไงบ้าง เราเป็นห่วงว่ะเลยโทรมาหา”ไอ้โบโทรมาได้จังหวะพอดีเลยครับ

    “โบ เราเหนื่อย เราเหนื่อยมากจริง ๆ การมีชีวิตอยู่มันเหนื่อยจริง ๆ นะ”ผมตอบกลับไปอย่างหมดแรง

    “เฮ้ย อย่าพูดแบบนั้นสิ แกต้องเข้มแข็งนะ อย่าเป็นแบบนี้ เดี๋ยวเรากับเพื่อน ๆจะไปหานะ”โบพูดปลอบผม

    “เออ แค่นี้นะ เราไม่ไหวจริง ๆ วะ เราอยากจะพัก”ผมพูดแล้วก็วางหูไปอย่างหมดแรง

    หลังจากที่ผมวางสายไม่นานนักโบก็มาถึงบ้านผมพร้อมกับ ออฟและกาย ผมเปิดประตูให้พวกมันเข้ามาในห้องแล้วก็มานั่งขดตัวอยู่ที่เตียงตามเดิม

    “โย อย่าทำแบบนี้ได้ไหม เราเข้าใจนะว่าตอนนี้แกรู้สึกยังไง แต่ฉันเห็นสภาพแกตอนนี้แล้ว อยากจะร้องไห้ตามว่ะ”ออฟพูดน้ำตาซึม

    “เออใช่ แกไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ แกต้องเข้มแข็งสิ แกยังมีพวกเรานะ แกยังมีเพื่อน โยได้ยินไหม”ไอ้โบตะโกนใส่หูผม

 ซึ่งมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยเพราะตอนนี้ใจผมถูกปิดตายซะแล้ว

    “ปล่อยมัน มันจะเป็นอะไรก็ช่างมัน ให้มันเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว”กายพูดอย่างโมโห

    “ทำไมแกพูดแบบนี้วะกาย เพื่อนกำลังแย่นะโว๊ย”ไอ้โบเดินไปผลักอกไอ้กาย

    “ใช่ ทำไมกายพูดแบบนี้ล่ะ”ออฟเสริม

    “ก็ถ้ามันคิดว่าทำแบบนี้แล้วดีก็ช่างมัน ปล่อยให้พ่อกับแม่มันเสียใจไงที่ลูกเป็นแบบนี้”กายพูดต่อ

    “หยุดได้ไหม ขอเราอยู่คนเดียวสักพักเถอะ เราเหนื่อยจริง ๆ ถือว่าเราขอร้องเถอะ”ผมตะโกนออกมาอย่างสุดทน

    “เห็นไหม เราบอกแล้วว่าปล่อยมัน มันคิดว่าเพื่อนสำคัญที่ไหน คนที่สำคัญที่สุดสำหรับมัน นั่นไงตอนนี้มันมีแฟนใหม่ไปแล้ว”กายพูดอย่างเหลืออด

    “............................”ผมนิ่งไม่โต้ตอบอะไรมีแต่เพียงน้ำตาที่ไหลออกมาอีกครั้ง

    “จะไปร้องไห้ให้มันทำไม ......ได้ยินไหมโย แกยังมีเพื่อน แกยังมีพวกฉัน ไอ้โย ..... ได้ยินไหม ได้ยินเสียงพวกฉันบ้างไหม”กายเดินเข้ามาเขย่าตัวผม

    “……………” ผมได้แต่ร้องไห้

    “อย่าทำแบบนี้โย แกยังมีพวกฉัน ฮือออออ แกยังมีพวกฉันนะ เราเป็นเพื่อนกันนะโย อย่าทำแบบนี้”กายกอดผมแล้วร้องไห้ออกมา

ทั้ง ๆ ที่ปกติ กายเป็นคนที่เข้มแข็งที่สุดในกลุ่ม แต่ต้องกลับมาเสียน้ำตาให้กับสภาพผมในตอนนี้

    “เรา เรา เรา.............เราขอโทษ”ผมบอกกายเสียงแผ่ว ๆ

    “แกยังมีพวกฉันนะโย”ออฟกับโบเดินเข้ามากอดผมด้วย

    “โย แกไม่เป็นไรแล้วนะ วันนี้พวกเราจะอยู่เป็นเพื่อนนะ”ออฟบอกผม

    “ขอบใจจริง ๆ ขอบใจมาก ๆ”ผมพูดแล้วก็ร้องไห้ออกมาอีก แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องของบูม แต่เพราะตื้นตันใจที่มีเพื่อนที่ดี ๆ แบบนี้

    สรุปว่าวันนี้พวกผมโดดเรียนมาอยู่ที่บ้านผมกันหมด วันนี้ทั้งวัน ออฟกับโบช่วยทำอาหารให้ผมทาน กายคอยนั่งอยู่เป็นเพื่อนคุยนั่นคุยนี่ตลอด

 ทำให้ผมคลายความเสียใจลงไปได้บ้าง จนถึงตอนเย็นพวกมันก็ยังคงเป็นห่วงผมเลยให้ไอ้โบมาอยู่เป็นเพื่อน

โดยให้ออฟโทรไปบอกแฟนมันว่า ผมป่วยต้องมาช่วยดูแล ไอ้โบจึงมานอนค้างกับผมที่บ้านได้

    “โบว่าเราโง่หรือเปล่าวะ ที่จริงจังกับความรักมากไป”ผมพูดกับโบขณะนอนอยู่บนเตียง

    “อะไรนะ ไม่หรอกว่ะ ใคร ๆ ก็เป็นแบบนี้”โบตอบผม

    “หรอ แต่เรามาคิดดูอีกทีนะ เราอาจจะจริงจังมากไปไง”ผมพูดเป็นนัย เพราะตอนนี้ผมตัดสินใจที่จะเปลี่ยนนิสัยตัวเองอีกครั้งเพื่อจะได้ไม่เจ็บแบบนี้อีก

    “อย่าไปคิดมากเลยว่ะโย อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ปล่อยมันผ่านไปเถอะ คิดว่าเริ่มต้นใหม่ละกันนะ

ชีวิตมันยังอีกยาวไกล คนดี ๆ ยังมีอีกเยอะว่ะโย”โบปลอบผม

    “อืมมม เราคิดว่าเราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่จริง ๆนะ เราจะไม่เป็นแบบเดิมอีก เราจะไม่จริงจังกับใครอีกแล้ว”ผมพูดพึมพำเบา ๆ

    “นอนเถอะเพรุ่งนี้จะได้ไป มหาวิทยาลัยกัน”โบบอกแล้วก็เงียบไป ไม่รู้ว่ามันได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่า

    “ต่อจากนี้ไปเราจะไม่รักใครอีกแล้ว เพราะเราไม่อยากเจ็บปวดอีก”ผมพึมพำกับตัวเองเบา ๆ แล้วก็หลับไป

จบตอนที่ 19 แล้วครับ ขอโทษด้วยครับที่หายไปนานพอดีเพิ่งกลับมาจากธุระเมื่อวาน ทีแรกว่าจะมาอัพให้

แต่พอมา rewrite อีกทีคำผิดเพียบเลยอ่ะ  เลยเอามาโพสให้วันนี้แทน.....

หลังจากตอนนี้ไป เพื่อน ๆ อาจจะได้เห็นด้านมืดในตัวโยมากขึ้น ยังไงก็อย่าเพิ่งเกลียดกันนะครับ ขอให้เป็นกำลังใจให้โยด้วย

*******************************************

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
"ตอนที่ 20"

    เช้านี้ผมไปมหาวิทยาลัยพร้อม ๆ กับโบ ซึ่งที่จริงแล้ววันนี้คาบเช้าผมไม่มีเรียนหรอกครับ แต่ที่อยากจะไปมหาวิทยาลัยตอนเช้าๆ

เพราะผมอยากที่จะเริ่มลองเปลี่ยนตัวเองในแบบที่ผมคิดไว้ ซึ่งวิธีนี้ยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้หรอกครับนอกจากตัวผมคนเดียว

ผมเลยลากไอ้โบไปเป็นเพื่อนด้วย เพราะยังประหม่านิดหน่อย

    เรานั่งรถตู้มาถึงมหาวิทยาลัย จากนั้นผมกับโบก็ไปนั่งที่ซุ้มประจำของพวกเรา

ตอนนี้ไอ้โบแอบไปหาที่โทรคุยกับแฟนมัน เหลือผมนั่งอยู่คนเดียว ผมเริ่มลังเลที่จะทำในสิ่งที่ผมคิดเมื่อคืนนี้ คิดว่ามันถูกหรือเปล่า

 แต่จะทำไงได้ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ต้องเดินหน้าอย่างเดียวแล้วล่ะ

    “สวัสดีครับ ผมชื่อโยนะ นายชื่ออะไรครับ นั่งด้วยคนได้ไหม”

ผมเดินเข้าไปทักชายหนุ่มหน้าตาดีคนนึงที่นั่งอยู่ที่ซุ้มถัดออกไปประมาณ 2 ซุ้มเป็นเป้าหมายแรก

    “ผมชื่อตี๋ครับ”ชายหนุ่มคนนั้นตอบด้วยอาการ งง ๆ

    “นั่งด้วยคนได้ป่ะ อยากมีเพื่อนคุยด้วยอ่ะ นายมานั่งรอใครหรอ”ผมยิ้มให้และรีบทำการผูกมิตรทันที

    “เรามานั่งรอแฟนครับ เดินมานั่นไง”ตี๋ชี้ไปที่ผู้หญิงคนนึงซึ่งกำลังเดินมาหา

    “อ้าวมีแฟนแล้วหรอครับ ขอโทษครับ ผมไม่กวนละ พอดีนึกขึ้นได้ว่ามีธุระอ่ะครับ”

ผมพูดอาย ๆ เพราะหน้าแตกหมอไม่รับเย็บที่ดูคนผิดได้ไงไม่รู้ เลยรีบเดินก้มหน้าออกมา

    “ไอ้โยเมื่อกี้มึงไปคุยอะไรกับเค้าวะ”โบถามผมหลังจากที่ผมเดินมาถึงที่ซุ้มแล้ว

    “เปล่า เราแค่อยากรู้จักเพื่อนใหม่ ๆ จะได้ลืมเรื่องเก่า ๆ ไง”ผมบอกพลางหลบสายตาโบที่จ้อมมองผมอยู่ด้วยความแปลกใจ

    “นี่แกจะบ้าไปแล้วหรอ ทำไมถึงทำแบบนี้วะ นี่หรอที่แกว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง พอเลยอย่าบ้าไปหน่อยเลย”ไอ้โบว่าผมอย่างรุนแรง

    “โบ แกไม่รู้หรอกว่า ตอนนี้ความรู้สึกเรามันเป็นยังไง แกอย่ายุ่งเรื่องนี้เลยนะ เราสัญญาว่าจะไม่ให้กระทบเรื่องการเรียน”ผมบอกโบด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ

    “ตามใจแกนะ ถ้าแกคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะทำให้ลืมเรื่องของบูมลงไปได้ก็ตามใจ”ไอ้โบพูดประชด

    “แต่อย่างน้อยถ้าเรามีใครในตอนนี้ เราอาจจะลืมเค้าได้นะโบ”ผมบอกด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด จนโบได้แต่ส่ายหน้า

    “สวัดดีครับโย เป็นไงดีขึ้นแล้วใช่ป่ะ เราเป็นห่วงแทบแย่ เมื่อคืนทำรายงานเสร็จกะว่าจะโทรไปหา แต่กลัวจะรบกวนน่ะ เพราะมันดึกแล้ว

โชคดีจังวันนี้เจอโยตั้งแต่เช้าเลย”ปอนด์เดินเข้ามาเอ่ยทักทายผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

    “ไม่รบกวนหรอกครับ สำหรับปอนด์น่ะ จะโทรมาดึกแค่ไหนก็ได้เราไม่ว่าหรอก ตอนนี้เราว่าง”ผมพูดเปิดทางให้ปอนด์

ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับปอนด์เลย นอกจากคำว่าเพื่อน

    “จริง ๆ นะ ว๊า.....แย่จัง ไม่มีเวลาคุยด้วยเลย เดี๋ยวปอนด์ไปเรียนก่อนนะครับ เดี๋ยวตอนกลางวันปอนด์โทรหานะ”

ปอนด์แสดงอาการดีใจจนออกนอกหน้า แล้วขอตัวจากไป

    หลังจากที่ปอนด์เดินพ้นไปแล้วไอ้โบก็ดึงผมเข้าไปคุยในซุ้มทันที

    “เฮ้ยยย โยเอาจริงหรอวะ ถ้าแกไม่คิดอะไรอย่าไปดึงปอนด์มาเกี่ยวด้วยเลยนะ”โบถามผมเพราะรู้สึกเป็นห่วง

    “เราก็แค่ลองเปิดใจดู ใครจะเข้ามาตอนนี้เราจะรับหมด เผื่อจะมีคนที่แทน......”ผมพูดได้แค่นั้นเพราะไม่อยากเอ่ยถึงคนที่ทำให้ผมต้องเจ็บปวด

    “เฮ้อออออออออ”โบถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะไม่รู้ว่าจะห้ามผมได้อย่างไร

    ตลอดช่วงเช้านี้ผมได้ทำความรู้จัก (ก็จีบนั่นแหละ) กับคนไปทั่วไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย เกย์ ซึ่งมีบางคนที่ผมแห้วรับประทาน

แต่หลาย ๆ คนที่คิดว่าน่าจะมีโอกาส แล้วยังมีคนที่เดินเข้ามาหาผมเองก็มีบ้าง

ส่วนมากจะเป็น คนที่อยู่ในคณะเดียวกับผมซะมากกว่า ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง รวมไปถึง แอนนี่ หญิงร้อนแรงประจำคณะที่ ออฟเคยบอกว่าสนใจผมรวมอยู่ด้วย

แต่พวกเพื่อน ๆ ผมรีบห้ามเอาไว้เพราะรู้ดีว่าคนนี้แหละตัวอันตรายห้ามเข้าไปยุ่งเด็ดขาด

    “โยมันจะดีหรอ ที่แกไปให้ท่ายัยแอนนี่อ่ะ มันมากไปนะ เดี๋ยวก็ซวยหรอก แกก็รู้นี่ว่า แอนนี่ น่ากลัวแค่ไหน”ออฟพูดเตือนผม หลังจากได้ฟังคำบอกเล่าของโบ

    “ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ก็แค่เปิดใจรับคนอื่นบ้างไม่เสียหายนิ จริงป่ะ”ผมพูดแบบไม่ใส่ใจในสิ่งที่ทำ

แต่มาคิด ๆ ดูแล้วผมก็เห็นด้วยนะครับที่จะไม่เข้าไปยุ่งด้วย เพราะแอนนี่น่ากลัวจริง ๆ เคยมีเรื่องกับกายด้วยอ่ะ

ผมเลยไม่ยุ่งดีกว่า แล้วเริ่มหันไปหาเหยื่อรายใหม่ต่อไป

    “สวัสดีครับพี่ พี่น่ารักจังเลย เป็นพี่รหัสให้ผมได้ป่ะคับ”ผมเดินไปป้อรุ่นพี่หนุ่มคนนึงซึ่งเรียนอยู่คณะเดียวกันที่นั่งอยู่ที่ซุ้มฝั่งตรงข้าม

    “ได้สิครับ น้องรหัสน่ารัก ๆ แบบนี้หาง่าย ๆ ซะที่ไหน พี่ชื่อ น้อต นะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ น้องโย”ชายหนุ่มเอ่ยทักชื่อผมขึ้นมาทั้ง ๆ

ที่ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลยอ่ะ ทำให้ผมแปลกใจมาก ๆ

    “พี่รู้จักชื่อผมได้ไงอ่ะครับ”ผมถามอย่างสงสัย

    “ไม่รู้จักได้ไง เราอ่ะดังจะตาย”พี่น้อตพูดยิ้ม ๆ ยิ่งทำให้ผมสงสัยมากขึ้นไปอีก แถมยังคุ้น ๆ กับชื่อนี้ยังไงก็ไม่รู้

    “ผมเนี่ยนะดัง ไม่จริงหรอกครับ”ผมตอบ

    “อืมม....เอาเป็นว่าพี่รู้จักน้องโยแล้วกัน แต่เรื่องพี่รหัสนี่ น้องโยสัญญาแล้วนะ ว่าให้พี่เป็นพี่รหัสเราจริง ๆ นะ”พี่น้อตยิ้มอย่างมีเลศนัย

    “จริงดิครับ อ่ะนี่เบอร์ผม 0xxxxxxxx”

    “งั้นพี่ขอถ่ายรูปเราเป็นที่ระลึกได้ป่ะ”พี่น้อตพูดพลางถ่ายรูปผมด้วยมือถือซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร

    “พี่น้อตยังไม่ให้เบอร์ผมเลยอ่ะ ไหนว่าจะเป็นพี่รหัสผมไง”ผมทวงเบอร์โทรพี่น้อตด้วยน้ำเสียงแบบอ้อน ๆ

    “อ่ะครับพี่ลืม พอดี พี่กำลังดีใจที่ได้น้องรหัสน่ารัก ๆ ไง”พี่น้อตพูดพลางกดมือถือเพื่อยิงเข้ามาที่เบอร์ผม

    “งั้นเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของเรา พี่ขอเลี้ยงข้าวน้องโยได้ไหมครับ”พี่น้อตชวนผมไปทานข้าว

    ระหว่างที่ผมกำลังคิดว่าจะตอบรับคำชวนของพี่น้อตดีหรือไม่ ผมก็เห็นบูมกำลังเดินมากับไอ้หนุ่มคนนั้นสองต่อสอง

มันทำให้ผมรู้สึกแปลบ ๆที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก ผมจึงต้องรวบรวมสติ และตอบพี่น้อตว่า......

    “ได้ครับพี่ เราไปทานข้าวกันดีกว่าครับ ผมหิวแล้วอ่ะ”ผมตอบรับคำชวน ทั้ง ๆ ที่ทีแรกกะว่าจะขอตัวกลับไปที่ซุ้ม

    “ครับ ๆ ไปกัน”พี่น้อตลุกขึ้นยืน ซึ่งเป็นจังหวะพอดีกับบูม ที่เดินมาถึงที่ซุ้มที่ผมนั่งพอดี

ซึ่งผมก็รีบเดินเข้าไปควงแขนพี่น้อตโดยที่ผมแกล้งทำเป็นไม่สนใจบูม ซึ่งตอนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าผม

แต่ผมกลับยิ่งเอาตัวเข้าไปประชิดกับตัวพี่น้อต จนพี่น้อตเริ่มรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ไม่ว่าอะไร แล้วเราสองคนก็เดินออกมานำหน้าบูมออกไป

    ผมรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันจะได้ไปกระทบกระเทือนใจของบูมบ้างหรือเปล่า หรืออาจจะไม่เลยก็ตาม

 แต่การที่ผมทำให้เค้าเห็นว่า ผมเองก็มีดีพอที่จะมีคนมาจีบเหมือนกัน ไม่ใช่ว่ามีแต่บูมคนเดียวที่มีคนอื่นได้ ก็ทำให้ผมสะใจมากพอสมควร

    หลังจากที่ผมเดินควงมากับพี่น้อตได้สักระยะนึงผมก็รีบผละตัวออกจากพี่น้อต จนพี่น้อตแซว

    “เมื่อกี้ยังควงพี่อยู่เลย ใกล้ถึงโรงอาหารกลัวแฟนมาเห็นหรอไงครับรีบชิ่งเลยนะ”พี่น้อตแซวยิ้ม ๆ

    “เปล่าครับพี่ ผมไม่มีแฟน ผมแค่............”ผมกำลังจะพูดต่อ พอดีปอนด์โทรเข้ามาพอดี

    “ครับโยพูดครับ”

    “ตอนนี้โยอยู่ไหนครับ ปอนด์เลิกเรียนแล้ว อยากไปหาจัง”ปอนด์เริ่มหยอดคำหวาน จนผมเริ่มที่จะอึกอัก

    “เรามากินข้าวกับพี่รหัสที่โรงอาหารน่ะ”

    “หรอครับ ปอนด์ไปกินด้วยคนได้ป่ะ จะได้แนะนำตัวให้พี่รหัสโยรู้จักไง”

    “เอ่อ คือ เราต้องขอพี่รหัสเราก่อนนะ”

    “ครับ ปอนด์อยากไปหาจริง ๆ นะ”

    “พี่น้อตครับคือ เพื่อนของโยเค้าอยากมาทานข้าวด้วย พี่จะว่าอะไรไหมครับ”ผมถามพี่น้อตที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

    “เพื่อนหรือว่าแฟนครับ ถ้าแฟนพี่ไม่ยอมนะ”พี่น้อตแซวผม

    “เพื่อนครับ เพื่อนจริง ๆ ตอนนี้ผมโสดนะ”ผมพูดแล้วหัวเราะ

    “ได้สิครับ แต่ใจจริงพี่อยากนั่งทานกับโยสองต่อสองมากกว่านะครับ”พี่น้อตมองผมด้วยสายตาหยาดเยิ้มเลยอ่ะ

    “แฮะ แฮะ แฮะ”ผมหัวเราะแห้ง ๆ แล้วผมก็บอกให้ปอนด์มาหาที่โรงอาหาร

    หลังจากที่ผมนั่งทานข้าวกับพี่น้อตได้สักครู่นึง ปอนด์ก็เดินเข้ามาหา และเอ่ยทักทายพี่น้อต

แต่ดูเหมือนพี่น้อตจะรู้ว่า ปอนด์ไม่ใช่เพื่อนผมธรรมดาแต่เป็นคนที่เข้ามาจีบผมต่างหากเลยแกล้งถามหยั่งเชิง...........

    “ปอนด์รู้จักกับโยตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”พี่น้อตถามหยั่งเชิง

    “อ๋อออ เพิ่งรู้จักเองครับพี่ แต่อีกไม่นานก็คงจะสนิทกันมากขึ้น”ปอนด์พูดพลางยิ้มหวานมาที่ผม

    “อ้าวไม่สนิทกันหรอกเหรอ อย่างนี้พี่ก็มีคู่แข่งแล้วอ่ะสิ”พี่น้อตพูดจนปอนด์หันมาจ้องพี่น้อตอย่าง งง ๆ จนผมต้องรีบแก้สถานการณ์

    “แล้วปอนด์ทำรายงานเสร็จแล้วหรอ มีอะไรให้เราช่วยไหม”ผมรีบเปลี่ยนเรื่องพูดเพราะท่าทางฤกษ์จะไม่ค่อยดีแล้ว

    “เสร็จแล้วครับ...เออ โยเย็นนี้ว่างไหม ไปดูหนังกันป่ะ”ปอนด์หันมาสนใจในสิ่งที่ผมพูด

    “เย็นนี้พี่ก็ว่างนะครับ น้องโยไปด้วยกันสิ พี่จะได้ไปด้วย”เอาสิครับทีนี้ ปอนด์หันไปจ้องพี่น้อตแบบไม่สบอารมณ์ แต่พี่น้อตก็ยักไหล่ไม่สนใจ

    “เอ้อ เย็นนี้ผมไม่ว่างครับ พอดีนัดกับเพื่อน ๆ เอาไว้ครับ

 ไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะ”ผมรีบหาทางออกเพราะไม่งั้นผมจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอย่างแน่นอน

    “ว้า....เสียดายอ่ะ”ปอนด์บ่นเสียดาย

    พวกเราคุยกันต่ออีกสักพักนึงแล้วพี่น้อตก็ขอแยกตัวออกไปเพราะเพื่อน ๆ พี่น้อตโทรมาตาม ทำให้ผมต้องอยู่กับปอนด์ สองต่อสอง......

    “เราไม่ค่อยชอบพี่รหัสของโยเลยอ่ะ”ปอนด์บอกแล้วเบ้ปาก

    “อ้าว ทำไมล่ะ พี่น้อตก็น่ารักดีนี่”ผมพูดยิ้ม ๆ

    “ใครว่า กับโยก็ดีหรอก แต่เวลาพูดกับเรา พี่เค้าชอบมากวนอ่ะ”ปอนด์บอก

    “ไม่ละมั้ง ปอนด์อ่ะคิดมาก ไม่มีอะไรหรอก”ผมบอกปอนด์

    ทันใดนั้นผมก็สังเกตเห็นบูมเดินมากับเพื่อน ๆในกลุ่ม แต่ไม่ยักกะเห็นไอ้เจ้าคนนั้นเดินมาด้วยเลย

 ประจวบกับมีเศษอะไรไม่รู้ลอยมาติดที่ผมของปอนด์พอดี ผมเลยเอามือไปดึงออกให้โดยลุกขึ้นยืนเอาตัวเอี้ยวเข้าไปใกล้ ๆ

จนหน้าผมกับปอนด์เกือบจะติดกัน อันที่จริงผมไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ แต่ผมต้องการให้บูมเห็นในสิ่งที่ผมทำ

ผมจึงต้องแสดงแบบ โอเวอร์แอคชั่นไปนิดนึง แล้วโชคก็ดูเหมือนจะเข้าข้างผมเพราะบูมหันมาเห็นพอดี แถมปอนด์ก็ดูเหมือนจะเป็นใจด้วย

 เพราะปอนด์เอามือมาจับมือผมเอาไว้ ผมจึงยิ้มให้ แล้วแอบเหล่ไปสังเกตอาการของบูม แต่ก็ดูเหมือนว่าเค้าจะไม่ได้สนใจอะไรเลย (หรือเปล่าไม่รู้)

เพราะเค้าหันกลับไปสั่งอาหารกับเพื่อนเค้า จนผมเริ่มรู้สึกเจ็บใจมากขึ้น.........

    “โยเป็นอะไรหรือเปล่าอยู่ ๆ ก็ทำสีหน้าเหมือนไม่พอใจอะไรขึ้นมา

ปอนด์ทำอะไรให้โยโกรธหรือเปล่าครับ”ปอนด์บอกหลังจากสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของผม

    “ปะ ปะ เปล่า เราแค่ไม่ค่อยสบายนิดหน่อยอ่ะปอนด์”ผมรีบแก้ตัว

    “เป็นอะไรมากหรือเปล่า ไปห้องพยาบาลไหม เดี๋ยวเราพาไป”ปอนด์พูดด้วยความเป็นห่วง

    “ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจนะ ปอนด์ไปนั่งที่ซุ้มกับเราไหม”ผมเอ่ยชวนชายหนุ่มตรงหน้า

    “ไม่ดีกว่าครับ เพราะเรามีเรียนต่ออ่ะ เดี๋ยวเราต้องไปหาเพื่อนเราด้วย”

    “อ้าวหรอ....งั้นเดี๋ยวเราไปหาเพื่อน ๆ ก่อนนะ”

    “ให้ปอนด์ไปส่งนะ”ปอนด์เสนอ

    “ไปสิ”ผมยิ้มให้แล้วเดินไป

    จากนั้นผมกับปอนด์ก็เดินไปที่ซุ้มด้วยกัน แต่ก่อนที่จะถึงซุ้มประจำของผม ปอนด์ก็ขอตัวกลับแล้วบอกว่าคืนนี้จะโทรหาผม

ซึ่งผมก็พยักหน้ารับรู้ แล้วเราก็แยกจากกันไป

    ทันทีที่ผมเดินมาถึงที่ซุ้ม ผมก็เริ่มรู้สึกถึงรังสีแปลก ๆ แผ่ออกมาจากเพื่อน ๆ ของผมแต่ละคน จนผมทนไม่ไหว....

    “เป็นอะไรกันหา เห็นจ้องอยู่ได้”ผมถามพวกเพื่อน ๆ ผม

    “พวกฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอก มีแต่แกน่ะคนเดียวที่เป็น แกเป็นบ้าไปแล้วหรอไงโย แกรู้ตัวไหมว่าแกกำลังทำอะไรอยู่”ออฟถามผมอย่างทนไม่ไหว

    “เราไปทำอะไร ก็แค่เราไปกินข้าวมา แค่นั้นเอง”ผมตอบไปอย่างหน้าตายทั้ง ๆ ที่ผมก็รู้ว่าพวกมันหมายถึงอะไร

    “อย่ามาทำเป็นเซ่อ แล้วไอ้พี่คนนั้นนั่นมันใคร นี่แกจะบ้าไปแล้วหรอไง ระวังจะกู่ไม่กลับนะ”โบบอกผมอย่างห่วงใย

    “เรารู้น่ะว่าเรากำลังทำอะไรอยู่นะโบ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พวกแกก็ด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เราจะไม่มีทางเป็นแบบเดิมอีกแล้ว เชื่อเราสิ”

ผมบอกพวกเพื่อน ๆ ผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนพวกมันได้แต่ส่ายหน้า

    “เออ เห็นเหยื่อรายใหม่แล้ว เดี๋ยวมานะ”ผมเห็นรุ่นน้องในคณะคนนึงหน้าตาน่ารักดี ตี๋ ๆ หน่อย ผมเลยขอตัวไปจีบน้องเค้า


    ผมทำตัวแบบนี้ คือ จีบคนเค้าไปทั่ว ให้ท่าคนโน้นทีคนนี้ที ใครมาจีบก็เล่นด้วย จนตอนนี้ ผมรู้จักคนมากขึ้นเยอะเลยทั้ง รุ่นพี่ รุ่นน้อง ในคณะ ต่างคณะ

 มีคนที่เดินเข้ามานั่งในซุ้มเพื่อคุยกับผมค่อนข้างเยอะในแต่ละวัน จนบางครั้งผมแทบจะไม่มีเวลาให้เพื่อน ๆ ผมเลย

จนกระทั่งเข้าสู่เทอมที่สอง ผมก็ยังทำตัวในลักษณะเดิม การเรียนที่เคยอยู่ในเกณฑ์ที่ดีก็เริ่มตกลงไป เพื่อน ๆ ผมก็แทบจะไม่มีเวลาให

้ จนพวกมันอดน้อยใจผมไม่ได้ จนโบเคยว่าผมมาแรง ๆ ทีนึง

แต่ผมก็กลับไปทำตัวแบบเดิมอีก จนพวกมันทนไม่ไหว เลิกสนใจผมเลย ไม่มาตามตื้อ ไม่มาสนใจผมเหมือนเคย ผมก็อดที่จะรู้สึกเสียใจไม่ได้นะ

 แต่ในเมื่อผมเลือกที่จะทำในรูปแบบนี้แล้ว ผมก็ต้องทำใจยอมรับในสิ่งที่ผมตัดสินใจ

    ตลอดระยะเวลาหลายเดือน ปอนด์ก็ยังคงโทรมาหาผมทุกวัน ๆ ถามผมอย่างห่วงใยสม่ำเสมอ เรานัดกันออกไปทานข้าวบ้าง

ไปดูหนังบ้างจนผมเริ่มที่จะสนิทและผูกพันกับปอนด์มากขึ้น ซึ่งอันที่จริงแล้วปอนด์นิสัยดีมาก ๆ ผิดกับทีแรกที่เห็นว่าขี้เก็ก

แต่ลึก ๆ แล้วปอนด์ค่อนข้างเป็นคนที่อ่อนโยนเอามาก ๆ เอาอกเอาใจผมตลอด เทคแคร์ ดูแลผมดีมาก ๆ

แต่แม้ว่าผมจะรู้สึกดีกับปอนด์มากแค่ไหนหรือแม้ผมจะสนิทกับปอนด์มากเท่าไรก็ตาม

แต่สิ่งที่ผมให้ปอนด์ได้ก็เพียงแค่คำว่าเพื่อนเท่านั้น เพราะคำอื่นที่นอกเหนือจากนี้ผมได้ยกให้คนอื่นไปแล้ว แม้ว่าเค้าจะไม่เคยเห็นคุณค่าของมันก็ตาม

 แต่ปอนด์สิ ดูเหมือนว่านับวีนจะยิ่งถลำลึกลงไป ลึกลงไปมากขึ้น เรื่อย ๆ ที่จริงต้องโทษที่ตัวผมเอง เพราะเวลาที่ผมเห็นบูมเดินผ่านมา

 ไม่ว่าผมจะอยู่กับใครก็ตาม ผมจะเข้าไปคลอเคลีย ลูบหัว เข้าไปกอดบ้าง โอบเอวบ้าง เป็นอย่างนี้เสมอ ๆ จนดูเหมือนเป็นกิจวัตรไปแล้ว

ซึ่งหลัง ๆ มานี้ผมไม่ค่อยเห็นบูมเดินกับเค้าคนนั้นแล้ว แต่ผมก็ยังคงแสดงกริยาแบบนั้นอยู่ ปอนด์เองก็โดนผมทำแบบนี้ค่อนข้างบ่อย

จนบ้างครั้งปอนด์เกือบที่จะมาจูบผม ดีที่ว่าผมไหวตัวทันเลยแก้สถานะการณ์ไว้ได้

พี่น้อตที่ตอนแรกผมกะจะจีบในตอนนี้กลับกลายเป้นว่า พี่น้อตเหมือนจะเป็นพี่ชายจริง ๆ ที่แสนดีมาก ๆ ด้วย

เพราะพี่น้อตไม่ได้มาคิดจะจีบอะไรผมตั้งแต่ทีแรกแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมถึงรับเป็นพี่รหัสผมก็ไม่รู้ แล้วอีกอย่างคือพี่เค้ามีแฟนอยู่แล้ว

แต่พี่น้อตก็ยังคงคอยมาให้คำปรึกษา มาเตือนผมบ้าง มาดุผมบ้าง มาลากผมเข้าไปเรียนบ้าง จนทุกคนที่เห็นต่างนึกว่าพี่น้อตเป็นพี่ชายของผมจริง ๆ นะเนี่ย

    ตอนนี้ชีวิตผมก็ยังคงอยู่ในวังวนแบบนี้ ต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั้ง สอบmid-term ผ่านพ้นไป คะแนนที่ผมได้รับเรียกได้ว่า ล้ำเส้นมานิดหน่อย

บางตัวก็แทบจะไม่ถึงครึ่ง บางตัวก็ต่ำกว่าครึ่ง จนเพื่อน ๆ ผมเริ่มจะทนพฤติกรรมของผมไม่ไหว

จึงนัดคุยกับผมที่ห้องประชุมในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นห้องส่วนตัวอย่างจริงจังสักที

    “โย นี่แกบ้าพอหรือยัง หา.........หา แกบ้าพอหรือยัง”ออฟพูดกับผมอย่างเหลืออด เมื่อเห็นผมเดินเข้ามาหา

    “เรียนก็ไม่ใส่ใจ นัดกับเพื่อนก็หายหัว นี่แกรู้ไหมแกทำอะไรอยู่”โบเสริม

    “ใช่ นี่แกจะบ้าเพราะผู้ชายคนเดียวแบบนี้นี่นะ แกเอาชีวิตแกไปแลกกับมันทำไม ทำตัวเหมือนคนไร้ค่า”กายบอกผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “.....................................”ผมเงียบเพราะตกใจไม่คิดว่าพวกเพื่อน ๆ ผมจะโมโหมากมายแบบนี้

    “ดูคะแนนแกสิ เทอมที่แล้วก็แทบจะไม่ถึง สอง นี่กลางภาคก็เกือบไม่ผ่านสักตัว แกเป็นอะไรโย”ออฟถามย้ำอีกครั้ง

    “ออฟอย่าไปพูดกับมันเลย ตอนนี้มันสติแตกไปแล้ว ปล่อยให้มันบ้าผู้ชายแบบนี้ไปเถอะ อย่าไปสนใจมันเลย”โบบอกออฟ

พลางมองผมอย่างดูถูก ซึ่งตั้งแต่ที่ผมรู้จักโบมาหลายปี ไม่เคยที่โบจะมองผมด้วยสายตาแบบนี้เลยทำเอาผมอึ้งไปจริง ๆ

    “แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง หา...........บอกฉันสิ จะให้ฉันทำยังไง”ผมตะโกนบอกพวกมันอย่างเหลืออด

    “แกก็น่าจะรู้ดี...เลิกบ้าซะที กลับมาเป็นโยคนเดิมได้แล้ว”กายพูด

    “กาย ก็รู้ว่าเราทำแบบนั้นไม่ได้ เรายังตัดใจไม่ได้”ผมพูดเสียงอ่อยพลางหลบสายตาเพื่อน ๆ

    “งั้นแกก็จริงจังไปเลยสักคนสิ ใครก็ได้ ปอนด์ก็ได้ พี่น้อตก็ได้”โบบอก

    “พี่น้อตมีแฟนแล้วเค้าไม่คิดอะไรกับเราหรอก ส่วนปอนด์ เราไม่ได้คิดอะไรเกินเลยด้วยจริง ๆ นอกจากความเป็นเพื่อน”

    “แล้วที่แกไปลูบหน้าลูบตาเค้า กอดเค้าบ้างล่ะ โอบเอวบ้างล่ะ นี่มันหมายความว่าอะไรมิทราบ”ออฟถามอย่างสงสัยแกมประชด

    “ก็เรา........เราแค่อยากประชดบูมแค่นั้นเอง”ผมตอบไปตามความจริง

    “ประชดด้วยการแสดงอาการให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าแกชอบเค้าเนี่ยนะ ทำไมแกเป็นคนแบบนี้วะ

 แกเคยคิดถึงปอนด์บ้างไหมว่าปอนด์เค้าจะคิดยังไง”กายถามผมอย่างไม่ค่อยพอใจ

    “เราไม่รู้ ไม่รู้อะไรทั้งนั้น........อย่ามาคาดคั้นอะไรกับเราได้ไหม”ผมตะโกนออกมาแล้วเอามือปิดหู

    “เฮ้อออออออ โยเอ๋ย เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ด้วยนะ”โบพูดอย่างปลง ๆ

    หลังจากการสนทนาในครั้งนี้ พวกเพื่อน ๆ ผมก็ให้ผมสัญญาว่าผมจะกลับไปตั้งใจเรียนแบบเดิม เพราะก่อนหน้านี้ผมมีคะแนนอยู่ในกลุ่มผู้นำมาโดยตลอด

 แต่พอระยะหลังจากเกิดเหตุการณ์ทำให้คะแนนผมตกลงไปอย่างมาก และที่สำคัญคือ พวกมันให้ผมเลิกการติดต่อกับพวกที่ผมไปขายขนมจีบทั้งหลายให้หมด

 แถมให้ผมเปลี่ยนเบอร์มือถือใหม่ และนัดเจอกันที่ใหม่แทนที่จะเป็นซุ้มเดิม จะได้ไม่มีคนเดินเข้ามาหาอีก ทีแรกผมก็จะไม่ยอมพวกมันหรอก

 แต่ที่ผมต้องจำใจยอมรับเพราะมันจะเอาเรื่องผลการเรียนของผมไปเป็นตัวประกัน ถ้าผมไม่ทำตามมันจะคาบข่าวไปเล่าให้พ่อกับแม่ผมฟังเรื่องการเรียน

 ผมเลยต้องยอมจำนน เพราะถ้าพวกมันไปบอกแม่ หรือ พ่อผมจริง ๆ ผมต้องโดนเทศน์แน่ ๆเลย

ดีไม่ดีอาจจะถูกจับไปทำงานที่เชียงใหม่แทนที่จะได้เรียนที่หรุงเทพฯอีกต่างหาก ผมเลยต้องยอมอ่อนข้อให้ก่อน......

    ระหว่างนั้นผมเริ่มกลับมาเรียนอีกครั้งนึง โดยที่เรียนรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้างเพราะผมห่างไปนาน ต้องคอยอาศัยเพื่อน ๆ ในกลุ่มคอยช่วยเหลือ ติวให้บ้าง

 ให้ยืมเล็คเชอร์บ้าง ถ้าไม่เข้าใจจริง ๆ ก็ไปขอยืมเล็คเชอร์มาจากเพื่อนอีกกลุ่มนึง ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็กลุ่มของแพทนั่นแหละครับ

 ผมเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติอีกครั้ง มาเรียน ไปเดินห้างกับพวกไอ้โบตอนเย็น มีคนที่ผมเคยจีบ ๆ มาหาบ้างประปลาย มีที่สม่ำเสมอก็คือ

 ปอนด์ที่ยังคงโทรมาหาผมทุกวัน ก็จะให้ทำไงได้เค้ารู้เบอร์โทรที่บ้านผมแล้วนิ จะให้ปฎิเสธก็เป็นไปไม่ได้ อีกอย่างปอนด์ก็เป็นคนที่น่าคบด้วยจริง ๆ

 ส่วนพี่น้อตก็ยังคงเป็นพี่ชายที่แสนดีอย่างสม่ำเสมอ อาจจะดูดุไปบ้างแต่ก็เป็นห่วงผมอย่างจริงใจจริง ๆ

ส่วนเรื่องบูมผมก็เริ่มจะทำใจขึ้นมาได้อีกติ๊ดนึงแล้ว แม้ว่าจะเป็นแค่เศษเล็ก ๆ

 แต่ก็ยังดีที่ตอนนี้ผมไม่ต้องไปกังวลว่าจะต้องคอยทำให้บูมเห็นว่าผมกำลังกอดกับใครอยู่

ผมได้ก้าวผ่านจุดนั้นมาแล้ว แต่ผมก็ยังคงแอบมองเค้าอยู่ตลอดเวลา ส่วนพวกเพื่อน ๆ เค้าก็ยังคงยิ้มให้ผมเหมือนเดิมซึ่งผมเองก็ไม่ได้อะไร

ก็ยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน จนเวลาล่วงเลยไปใกล้จะสอบ final เพื่อขึ้นไปปีสามแล้ว .....

    “ฮัลโหล นี่พี่วิทย์นะครับ น้องโยสบายดีหรือเปล่าครับ”สิ้นเสียงกับปลายสายผมตกใจจนโทรศัพท์แทบหล่น............


    จบตอนที่ 20 แล้วครับ ช่วงท้าย ๆ เรื่องผมจะพยายามกระชับเนื้อเรื่องให้ได้มากที่สุดนะครับ เพราะกะว่าจะไม่ให้จบเกินตอนที่ 25 ประมาณนั้น

ยังไงก็ขอให้ติดตามอ่านบทสรุปส่งท้ายความรักในเรื่องนี้ได้นะครับ ขอบคุณครับ

******************************************

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
ไหงเป็นงี้ไปได้หว่า :sad4:

แล้วบูมเป็นอะไรไปอ่ะ โอ้ยๆๆๆไม่เข้าใจโว้ยยยยยยยยยยยยย เป็นอะไรกันเนี่ย :serius2: :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ไม่เข้าใจด้วยคน  :serius2:  :serius2:  :serius2:  :serius2:

อะไรกันนี่ อุตส่าห์ฝ่าฟันอะไรมาหลาย ๆ อย่างด้วยกัน และจะมาเข้าใจผิดกันด้วยเรื่องแค่นี้

ทำไมไม่คุยกันดี ๆ   :serius2:  :serius2:  :serius2:

dokebi

  • บุคคลทั่วไป
เฮอจะมีอะไร ทำให้คนสองคนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือเปล่า หรือว่าจะไม่มีวัน ................................. :monkeysad2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้ยๆๆ มันเกิดอะไรขึ้นนี้....บูมทำอะไรอ่ะของบูมนะ ไม่มีปี่มีขลุยเลย :confuse:


น่าสงสารโยจัง ความคิดที่จะประชดคนที่เรารัก มักเกิดขึ้นกับหลายๆคนเลยนะ...ผมก็ด้วยคนนึง


ความเสียใจ อารมณ์ตอนนั้นทำให้เราทำอะไรลงไป ทั้งๆที่ไม่ใช่ตัวเรา..........


แต่ในทึ่สุดสิ่งที่จะทำให้เรากลับมาเป็นคนเดิมก็คงจะเป็นครอบครัว และเพื่อนๆ ที่รักเราจริง...


โยโชคดีที่มีเพื่อนที่รักและเป็นห่วงโยอย่างจริงใจ.....


เรื่องราวต่อไปจะเป็นยังไง ก็จะรอติดตามต่อนะครับ.....แต่อึดอัดนะ ทำไมบูมไม่พูดไม่ทำอะไรเลย... :untrust:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ไม่เข้าใจด้วยคน  บ้ากันไปหมดเลย  งง  โยอ่อนแอจังเลย  เฮ้อ  รออ่านต่อดีก่า  :yeb:

box_breathe

  • บุคคลทั่วไป
ตกลงนายบูมนี่เป็นอะไรไปนี่ !!

รีบๆมาต่อเร็วๆน้า....  :monkeycry2:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
"ตอนที่ 21"

    “ฮัลโหล นี่พี่วิทย์นะครับ น้องโยสบายดีหรือเปล่าครับ”สิ้นเสียงกับปลายสายผมตกใจจนโทรศัพท์แทบหล่น............

    “พี่วิทย์...........”ผมตกใจมากๆ ที่อยู่ ๆพี่วิทย์ก็โทรศัพท์เข้ามาที่มือถือใหม่ของผม

เพราะว่าตั้งแต่ผมเปลี่ยนเบอร์มือถือใหม่ตามคำสั่งของเจ้าพวกเพื่อน ๆ ตัวดีของผม

ผมก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้พี่วิทย์รู้เลย แล้วอยู่ ๆ พี่เค้าจะรู้ได้ไง

    “ครับน้องโย พี่เองครับ เปลี่ยนเบอร์มือถือใหม่ไม่ยอมบอกพี่เลยนะ กลัวว่าพี่จะไปวุ่นวายใช่ป่ะ”พี่วิทย์พูดน้ำเสียงตัดพ้อ

    “เปล่าครับพี่ พอดีช่วงนี้มีเรื่องนิดหน่อยอ่ะครับ เลยลืมบอกพี่วิทย์ไป”ผมพูดเพื่อปลอบใจพี่วิทย์

    “ก็แน่ดิครับ เห็นว่าน้องโยมีคนมาจีบเยอะแยะเลย เลยลืมพี่คนนี้แล้วอ่ะดิ”พี่วิทย์พูดเสียงเศร้า

    “ไม่ได้ลืมครับ แต่.........”ผมกำลังจะพูดต่อ แต่ เอ๊ะ ทำไมพี่วิทย์รู้เรื่องนี้ล่ะ “แล้วพี่วิทย์รู้ได้ไงครับ อย่าบอกนะว่า เดา”ผมถามอย่างสงสัย

    “เอาเป็นว่าพี่รู้แล้วกันน่ะ แต่ลุคใหม่น้องโยน่ารักจริง ๆ นะ พี่อยากจะเห็นด้วยสายตาตัวเองจะแย่อยู่แล้ว

เห็นแต่รูปอ่ะ เห็นท่าเดี๋ยวปิดเทอมนี้ต้องลงไปกรุงเทพฯซะแล้ว”

    “เฮ้ยยยยย.....อย่างนี้ไม่ธรรมดาแล้ว มีรูปผมด้วย ตกลงพี่วิทย์จะบอกได้หรือยังว่า พี่วิทย์รู้เรื่องผมได้ยังไง”

 ผมรู้สึกแปลกใจในสิ่งที่พี่วิทย์พูด

    “555 อ่ะ บอกก็ได้ .... จำตอนที่พี่ไปหาน้องโยที่กรุงเทพฯได้หรือเปล่าครับ ที่พี่บอกว่ามีเพื่อนอยู่ที่คณะน้องโยด้วยน่ะ

 คนนั้นแหละ”พี่วิทย์อธิบายแล้วผมก็คิดตาม จนสุดท้าย

    “........ไอ้พี่น้อต........มิน่าละ ทำไมชื่อถึงคุ้น ๆ”ผมอุทานชื่อ ตัวต้นเหตุ ออกมา

    “ใช่แล้วครับ เนี่ยอ่ะ ซี้พี่เลยนะ”

    “แล้วไอ้พี่น้อตมันเผาผมว่ายังไงบ้างอ่ะครับ”

    “ไม่มีอะไรหรอกครับน้องโย ว่าแต่ตอนนี้พี่มีสิทธิ์แล้วใช่ไหมครับ”

    “สิทธิ์อะไรครับพี่”ผมถาม งง ๆ

    “ก็สิทธิ์ที่พี่จะได้จีบน้องโยได้สะดวกไงครับ”พี่วิทย์พูดจนผมอึ้งตอบไม่ถูก

    “เอ่อ ... คือ”ผมไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาแก้ตัวได้ เพราะแม้ว่าผมจะพยายามเปลี่ยนตัวเองแบบไหนก็ตาม

บทสรุปที่ได้ ก็ยังคงเป็นแบบเดิม

    “น้องโยยังไม่ต้องตอบพี่ตอนนี้ก็ได้ พี่รอน้องโยได้เสมอครับ แต่ที่ทำให้พี่เสียใจมาก ๆ ก็คือ

ทำไมเวลาน้องโยมีอะไรไม่สบายใจน้องโยไม่บอกพี่เลย อย่างน้อยพี่ก็เป็นคนนึงที่รักน้องโยด้วยใจจริง

 แม้ว่าพี่จะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก แต่พี่ก็ยินดีที่จะรับฟังความทุกข์ของน้องนะครับ”

พี่วิทย์พูดด้วยความจริงใจ จนผมรู้สึกอบอุ่น

    “ขอบคุณจริง ๆ ครับพี่วิทย์ แต่เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ช่างมันเถอะครับ”ผมบอกด้วยความรู้สึกประทับใจ

    “ถ้าอย่างงั้น เวลามีอะไรน้องโยมีอะไรไม่สบายใจต้องบอกพี่นะครับ ไม่ใช่ให้พี่ตามสืบจากไอ้น้อต”

    “อ้าว ตกลงนี่ที่ไอ้พี่น้อตมันเป็นสปายหรอกหรือเนี่ย โหหหห ที่เค้ายอมรู้จักผมนี่เป็นเพราะพี่วิทย์หรอกหรือ”

    “555 ทีแรกก็ใช่อ่ะครับ แต่พอหลัง ๆ มันบอกว่า มันรักน้องโยเหมือนน้องมันคนนึงเลยนะ

ดีนะที่มันไม่ได้ชอบผู้ชาย ไม่งั้นพี่คงไม่กล้าปล่อยน้องโยให้เป็นน้องมันหรอก”

    “แล้วตอนนี้ที่รีสอร์ตเป็นยังไงบ้างครับพี่วิทย์”

    “ก็เรื่อย ๆ นะครับ กำลังรอผู้บริหารคนใหม่อีกสองปีข้างหน้ามาช่วยบริหารอยู่ไง

เหมือน ๆ กับพี่ทีรอน้องโยให้มาช่วยดูแลหัวใจให้เช่นกัน”

    “โห พี่วิทย์คิดได้ไงเนี่ย.....555”

    “จริง ๆ นะครับ พี่ไม่ได้ล้อเล่นนะ มีแต่โยอ่ะที่ใจแข็ง”

    “คือ ผม.....ผม”

    “ไม่เป็นไรครับน้องโย พี่บอกแล้วว่าพี่รอได้ พี่จะรอจนกว่าน้องโยจะรักพี่จริง ๆ

เออ...นี่ก็ดึกมากแล้วพี่ไม่กวนเรานอนแล้วนะครับ ฝันดีนะครับน้องโย”

    “ครับพี่ ขอบคุณจริง ๆ ครับพี่วิทย์”

    หลังจากที่ผมวางหูจากพี่วิทย์แล้ว กำลังจะเดินไปอาบน้ำ ปอนด์ก็โทรเข้ามาพอดี

    “ว่าไง ทำไมวันนี้โทรมาซะดึกเลยล่ะ”ผมพูดขณะรับสายของปอนด์ ซึ่งพักหลัง ๆ

 มานี้ผมเริ่มที่จะสนิทกับปอนด์มากขึ้นอาจจะเป็นเพราะว่าตั้งแต่ผมมีเรื่องกับบูม

 และเริ่มที่จะเปลี่ยนตัวเองผมกับปอนด์ก็คุยกันแทบจะทุกวัน

 แถมปอนด์ยังเป็นคนที่คอยให้กำลังใจและคอยปลอบผมอยู่เรื่อย ๆ ทำให้ผมรู้สึกดีกับปอนด์มาก ๆ

    “ใครว่า เราโทรมาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่โยนั่นแหละที่ติดสายอยู่อ่ะ คุยกับใครอยู่เหรอ”ปอนด์พูดแบบงอน ๆ

    “คุยกับพี่ที่เชียงใหม่ ทำไมหรอ”ผมตอบไปตรง ๆ เพราะผมไม่ได้คิดอะไรกับปอนด์จริง ๆนอกจากคำว่าเพื่อน

    “โห นี่ขนาดหนุ่มเชียงใหม่ยังมาหลงเสน่ห์โยเลยหรอ ไม่ได้การละ เราต้องเร่งทำคะแนนแล้ว”ปอนด์หยอก

    “ทำคะนงคะแนนอะไร พี่วิทย์เค้าโทรมาถามว่าสบายดีไหมแค่นั้นเอง”

    “ไม่รู้ล่ะ พรุ่งนี้ต้องไปกินข้าวเย็นกับเราด้วยนะ”ปอนด์พูดกึ่งบังคับ

    “เรื่องอะไร เชื่อก็กลัวดิ...แต่ถ้าเลี้ยงเราจะไป 555”

    “ก็ได้เราเลี้ยงก็ได้ ว่าแต่ว่าโยต้องไปจริง ๆ นะ ไปคนเดียวด้วย คราวก่อนก็ให้เราเลี้ยง

โยเล่นพาไปยกแก็งค์ คิดดูดิ...ฟูจิ...เราแทบจะกระเป๋าฉีก”ปอนด์พูดติดตลก

    “555 อ้าวก็เราถามแล้วไงว่าอยากพาไปที่ไหน ปอนด์ก็เลือกไปฟูจิเองไม่ใช่หรอ” ผมแซว

    “ก็ทีแรกนึกว่า จะไปกันแค่สองคนอ่ะ นี่เล่นพาเพื่อนไปอีกสามเป็น สี่คน แถมออฟยังพาแฟนไปอีก

โห แต่ละคนอย่างกับไม่ได้กินอะไรมาเป็นปีอย่างงั้นอ่ะ เรานี่เหงื่อตกเลยดีนะที่พกบัตรเครดิตไป”ปอนด์บ่นนิด ๆ

    “เอาน่ะ แค่นิดเดียว ขนหน้าแข็ง นายหัวปอนด์ไม่ร่วงหรอก”ผมแซว

(ลืมบอกไปว่าปอนด์เป็นคนกรุงเทพแต่พ่อแม่มีธุรกิจฟาร์มหอย ฟาร์มกุ้งที่ภาคใต้ ผมเลยแซวปอนด์ว่าเป็นนายหัวบ่อย ๆ)

    “นาน ๆ ทีก็พอได้ แต่ถ้าบ่อย ๆ เราก็ไม่ไหวอ่ะ ตกลงครั้งนี้เราไปสองคนนะ โยนะ

เราไม่ค่อยได้ไปไหนด้วยกันสองต่อสองเลย”

    “เอาไว้พิจารณาอีกทีได้ป่ะ ไปกินกันแค่สองคนไม่สนุกหรอก”

    “เราอยากไปไหนกับโยสองต่อสองบ้างอ่ะ นะ นะ ได้ป่าว สัญญาว่าจะขับรถไปส่งถึงบ้านเลย”

    “ก็ได้ แล้วจะไปกินกันที่ไหนล่ะ”

    “เออน่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้เอง ความลับ”

    “ถ้าความลับงั้นไม่ไปก็ได้”

    “โห ไรวะ แค่นี้งอน เอาเป็นว่า พรุ่งนี้ก็รู้เองนะ ไปนะ นะครับ”

    “อืม ๆ ๆ”

    “เย้ ตกลงไปจริง ๆ นะ เดี๋ยวปอนด์ไปรับพรุ่งนี้ตอนเย็นที่ห้องสมุดนะครับ งั้นไม่กวนละ แค่นี้นะครับ ฝันดีครับ”


    วันรุ่งขึ้นผมไปเรียนตามปกติ ผมเดินผ่านซุ้มที่ผมเคยนั่งประจำด้วยความรู้สึกหดหู่

ชวนให้นึกถึงวันเวลาเก่า ๆ ที่ผมทำตัวไม่ดี จนเพื่อน ๆ ต่อว่า ดีนะที่ผมยังมีเพื่อนที่ดี

เพื่อนที่คอยประคับประคองผมให้เดินไปในทางที่ดี ถ้าผมไม่มีเพื่อน ๆ แบบนี้ บางทีผมอาจจะเสียคนไปเลยก็ได้

 .....ผมเดินต่อมาเรื่อย ๆ จนถึงห้องเรียน ซึ่งเพื่อน ๆ ผมก็มานั่งรอกันหมดแล้ว ช่วงใกล้สอบ

อาจารย์ส่วนใหญ่ต้องเร่งสอนให้จบตามหลักสูตรและเนื้อหาที่ตัวเองออกข้อสอบไป ช่วงนี้พวกเราเลยต้องเรียนค่อนข้างหนัก

 ผมเองก็เช่นกัน ตอนนี้ผมเรียนทันเพื่อน ๆ แล้ว แต่ผมต้องขยันมากกว่าพวกมันเป็นพิเศษ

 เพราะว่าคะแนนช่วงกลางภาคผมไม่ดีมาก ๆ เลยต้องทำคะแนนปลายภาคให้ดี ๆ

จริง ๆ แล้วผมไม่ต้องเครียดขนาดนั้นก็ได้ แต่ผมไม่อยาก ดร็อปเรียน อยากจะไปเรียนพร้อม ๆ กับพวกมัน

ผมเลยต้องพยายามมากกว่าที่เคยเป็น แต่ถึงอย่างนั้นก็เหอะ ผมก็ยังคงแอบมองบูมอยู่เสมอ ๆ

 และมีบางครั้งที่สายตาของเรามาประสานกัน แต่ตัวผมเองที่คอยหลบตาเค้าอยู่เสมอ ไม่รู้เป็นเพราะอะไรเหมือนกัน

วันนี้เองก็ใช่ ขณะที่ผมจ้องไปยังบูมที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหน้าผม

 บูมก็หันหลังกลับมาคุยกับเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านหลังและมองมาที่ผมพอดี แทนที่ผมจะยิ้มให้เค้า

แต่กลับก้มหลบสายตาเค้าแทน มันเป็นแบบนี้เสมอ ๆ จนตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่า นับวันเรายิ่งห่างกันไปไกลขึ้นทุกที ทุกที.....

    ในตอนเย็น ผมกับเพื่อน ๆ มานั่งที่ห้องสมุด ซึ่งตอนนี้กลายเป็นจุดนัดพบของพวกเราแทนซุ้มเดิมที่ผมเคยนั่งประจำ

 ผมนั่งอ่านหนังสือรอปอนด์ไปพลาง ๆ ส่วนพวกเพื่อน ๆ ผมวันนี้มันมีโปรแกรมไปดูหนังกัน

ทีแรกพวกมันก็จะชวนผมไปด้วยแต่ผมดันมาติดธุระกับเจ้าปอนด์นี่แหละ

พวกเพื่อน ๆ ผมเลยมานั่งรอเป็นเพื่อนเพราะพวกมันกะไปดูรอบดึกๆ กัน

แล้วอีกอย่างพวกมันก็ยังไม่ค่อยจะวางใจให้ผมอยู่คนเดียว คงกลัวว่าผมจะยังคิดไม่ได้ละมั้ง เฮ้ออออออออออ..........

    “ว่าไงจ๊ะปอนด์ ชวนโยไปกินข้าวคนเดียวเลยนะ”ออฟแซวปอนด์ที่เดินเข้ามาหาผม

ตอนนี้ปอนด์เริ่มจะสนิทกับเพื่อน ๆ ในกลุ่มผมมากขึ้นแล้ว

    “แหะ แหะ แหะ”ปอนด์หัวเราะแห้ง ๆ

    “ใครจะไปเลี้ยงแกไหวล่ะออฟ กินอย่างกับเครื่องดูดฝุ่น ไม่อิ่มซักทีแถมยังพาแฟนไปกินอีก

 ถ้าเป็นฉันคงหนีกลับไปให้แกจ่ายกันเองแล้ว”ไอ้โบกัดออฟที่ตอนนี้หันกลับไปจะเอาเรื่องโบเช่นกัน

    “ใช่สิฉันมันกินเยอะนี่ แต่ฉันน่ะกินของถูก ๆ กินเยอะก็ไม่เท่าไหร่ แต่แกสิโบ กินแต่ละจานนี่ไม่คิดว่าเค้าเลี้ยงเลยนะยะ

 เล่นเกือบกระเป๋าฉีก ถ้าเป็นฉัน ฉันคงไล่แกให้ไปนั่งกินคนเดียวแล้ว”ออฟแขวะกลับ

    “พอเลย พอเลย มิน่าเค้าถึงไม่กล้าเลี้ยงพวกแกกัน ว่าแต่ว่า ให้เราไปด้วยได้ป่ะ หิวเหมือนกัน”กายพูด

    “เอ่อ.....วันนี้ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะครับ วันนี้เราขอไปกับโยสองคนนะ

ไว้วันหลังเราจะมาให้ล้มทับอีก จริง ๆนะ เราสัญญา” ปอนด์บอก

    “สัญญาแล้วนะ ได้ยินใช่ไหมแก ปอนด์สัญญาแล้ว”ดูออฟสิครับ

หันไปดีใจกับไอ้โบจนออกนอกหน้ากะอีแค่กินฟรีเฮ้อออออออออ

    “ครับสัญญา ..... ไปกันหรือยังครับโย” ปอนด์พูดพลางหันมาเรียกผม

    “ไปดิไป ไปก่อนนะแล้วเจอกัน” ผมหันไปเอ่ยลาเพื่อน ๆ พลางสะกิดออฟที่กำลังวาดฝันกับอาหารฟรีมื้อเด็ด

    ผมนั่งรถไปกับปอนด์จนถึงที่สยาม ปอนด์นำรถไปจอดและพาผมเดินเข้าไปกินอาหารที่ร้าน MK

    “MK เนี่ยนะ ไม่เห็นต้องปิดเป็นความลับเลย นึกว่าจะพาไปกินที่ไหนซะอีก”ผมบ่นกับปอนด์หลังจากได้ที่นั่งแล้ว

    “ก็ MK นี่แหละ โยจำไม่ได้หรอ ว่าที่นี่เป็นที่แรกที่เราเจอกันเลยนะ ปอนด์อยากมาเลี้ยงอาหารโยที่นี่

เพราะวันนี้เป็นวันเกิดปอนด์อ่ะครับ โยคงไม่ว่าอะไรนะที่ปอนด์เลือกที่นี่แทนที่จะเป็นที่อื่น” ปอนด์พูดยิ้ม ๆ

    “อ้าววันนี้วันเกิดปอนด์หรอกหรอ ไม่เห็นบอกเราเลย แย่จังเราไม่ได้เตรียมอะไรมาให้เลย ข

อโทษจริง ๆ นะ”ผมขอโทษปอนด์อย่างรู้สึกผิดจริง ๆ

    “ไม่เป็นไร ก็ปอนด์ไม่ได้บอกโยนี่ แล้วโยจะรู้ได้ไงอ่ะครับ แค่โยมากินข้าวกับปอนด์

ปอนด์ก็มีความสุขที่สุดแล้ว”ปอนด์ยิ้มกว้าง

    “งั้นวันนี้ให้เราเลี้ยงนะ ห้ามปฎิเสธ ไม่งั้นเราโกรธจริง ๆ ด้วยนะ” ผมขู่แกมบังคับ

    “โห เอางั้นเลยหรอ ได้ครับ งั้นปอนด์ไม่เกรงใจแล้วนะ” ปอนด์ยิ้มอย่างดีใจ แล้วหันไปกวักมือเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร

 ระหว่างนั้นผมก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ จริง ๆแล้วผมไม่ได้ตั้งใจจะไปเข้าห้องน้ำหรอกครับ

แต่จะแอบไปซื้ออะไรให้ปอนด์น่ะ เลยรีบแว๊ปไปซื้อของในสยามแทนที่จะไปห้องน้ำ

    ผมเดินหาซื้อของขวัญให้ปอนด์ แต่ไม่รู้จะซื้ออะไรให้ดี เผอิญผมเดินไปเห็นสร้อยคอที่ทำจากทองคำขาว

มีจี้ห้อยรูปตัว P ไว้ด้วยผมเลยตัดสินใจซื้อสร้อยอันนี้ให้ เพราะตัว P แทนคำว่า ปอนด์พอดี

จากนั้นก็รีบไปให้เค้าห่อของขวัญให้

 ผมเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายเพราะกลัวว่าปอนด์จะสงสัยที่ทำไมผมถึงไปเข้าห้องน้ำนาน ๆ

พอได้กล่องของขวัญเสร็จ ผมแทบจะวิ่งไปที่ร้าน MK เลยอ่ะครับ หลังจากที่ผมมาถึงที่ร้านแล้ว

ผมก็เดินเข้าไปที่โต๊ะพลางส่งยิ้มให้ชายหนุ่มที่นั่งรออยู่ ตอนนี้อาหารถูกนำมาวางเรียบร้อยแล้ว

 ปอนด์เห็นผมเดินมาก็อดแซวไม่ได้

    “โหไปตั้งนาน ทีแรกนึกว่าจะหนีไปซะแล้ว”ปอนด์แซวผม

    “ป่าว พอดีเจอเพื่อนน่ะ เลยทักทายนิดหน่อย”ผมแกล้งโกหกปอนด์เพราะต้องการจะ เซอร์ไพส์เค้า

    “งั้นกินกันเลยนะ”

    จากนั้นผมกับปอนด์ก็นั่งกินสุกี้กันจนอิ่มเรียบร้อยก็เรียกพนักงานมาเช็คบิล

 จากนั้นเราสองคนก็ไปเดินเล่นกันต่อเพื่อย่อยอาหาร เราสองคนเดินเล่นกันสักพัก

ปอนด์ก็ชวนผมไปดูหนัง ซึ่งผมก็ตกลงเพราะวันนี้เป็นวันเกิดเค้านิ ต้องตามใจหน่อย

    เราไปดูหนังกันที่ MBKโดยผมให้ปอนด์เป็นคนเลือก ส่วนผมได้แต่เป็นคนจ่ายเงินเพราะผมขอเป็นเจ้าภาพเอง

 เรานั่งดูหนังกันไปสักพักนึง (ไม่ใช่หนังโรแมนติคนะ แต่เป็นพวก แอคชั่นมากกว่า)

 ผมก็แอบเอากล่องที่ผมซื้อให้เป็นของขวัญไปวางไว้บนตักของปอนด์

ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวหันมายิ้มอย่างดีใจ เหมือนกับเด็ก ๆ ไม่มีผิดเลยครับ

    “โหหห ที่หายไปนี่เป็นซื้อมาให้เราหรอ ขอบใจมาก ๆ เลยนะ”ปอนด์หันมากระซิบผม

    “อืมม....อย่าเขย่าดิ เดี๋ยวค่อยแกะรอให้หนังจบก่อนนะ”ผมเตือนปอนด์เพราะตอนนี้เค้าไม่สนใจหนังที่ดูแล้วอ่ะครับ

 แต่หันไปสนใจของขวัญแทน

    “รอไม่ไหวแล้วอ่ะ แกะเลยได้ป่าว”ปอนด์พูดอย่างกับเด็ก ๆ

    “รอก่อนดิ หนังใกล้จะจบแล้ว”ผมปรามปอนด์อย่างขำ ๆ

    “ก็ได้”ปอนด์พูดแล้วก็ยังคงสนใจกับของขวัญที่ผมซื้อให้อยู่ดี

    พอหนังจบ เราสองคนเดินออกมาจากโรงหนังไปแวะกินไอศกรีมกันก่อนกลับ

    “แกะได้ยังอ่ะ”ปอนด์ถามหลังจากนั่งลงที่โต๊ะ

    “แกะก็แกะสิ”ผมตอบยิ้ม ๆ

    หลังจากที่ปอนด์แกะของขวัญออกดูแล้วเห็นเป็นสร้อยรูปตัว P ยิ่งยิ้มใหญ่เลย

แบบแสดงอาการดีใจมาก ๆ จนผมอดขำไม่ได้

    “ทำไมต้องยิ้มขนาดนั้นด้วยล่ะ”ผมถามอย่างขำขำ

    “จะให้ไม่ดีใจได้ไง วันนี้ปอนด์ได้รับของขวัญชิ้นพิเศษจากคนที่สำคัญมาก ๆ สำหรับปอนด์

ปอนด์ก็ต้องดีใจสิ”ปอนด์พูดยิ้ม ๆ แต่ผมสิ อึ้งเลยครับ เฮ้ออออ ผมคงลืมคิดไปว่าปอนด์เค้าคิดกับผมมากกว่าคำว่าเพื่อน

 แม้ว่าสิ่งที่ผมทำไปจะทำไปเพียงแค่ในฐานะของความเป็นเพื่อน แต่สิ่งที่ปอนด์คิดนี่สิ มันไม่ใช่เลย

    “ไม่เป็นไรหรอก เพื่อเพื่อนแค่นี้จิ๊บจ๊อย”ผมต้องแอบเตือนให้ปอนด์รู้ว่า เราเป็นเพื่อนกันนะ

โดยพยายามถนอมน้ำใจปอนด์ให้มากที่สุด

    “.....................................”ปอนด์อึ้งกับคำพูดของผม ดวงตาที่สดใสกลับสลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด

จนผมต้องแกล้งเปลี่ยนเรื่องพูด

    “แล้วนี่ปอนด์จะใส่เลยหรือป่าว”ผมแกล้งเปลี่ยนเรื่องพูด

    “ใส่เลย โยช่วยใส่ให้หน่อยได้ป่าว นะ นะ”ปอนด์มีสีหน้าสดใสขึ้นมาหน่อย

    “ก็ได้”ผมรับสร้อยเส้นนั้นมา และก้มลงสวมสร้อยให้ปอนด์

    ทันทีที่ผมเงยหน้าขึ้นมามอง ผมก็ต้องตกใจจนแทบช็อค

    ..................................................................บูม..........................................นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่

    จบตอนที่ 21แล้วครับ ตอนนี้ผมพยายามจะบีบเนื้อเรื่องให้จบตามที่คิดไว้ในตอนแรกให้ได้ แต่ไป ๆ มา ๆ

 ทำไมยิ่งตัดมันยิ่งยืดก็ไม่รู้ 555 เอาเป็นว่าจะพยายามสรุปให้จบละกันนะ อย่าเพิ่งเบื่อกันไปซะก่อนนะครับ

******************************************************************

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
อ่านแล้วอึดอัด  :monkeysad:

เมื่อไหร่อะไรต่อมิอะไรมันจะลงตัวซะทีน้า  :monkeysad:

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
โอยยย บีบใจคนอ่านจริงๆ  :sad5:  บูมโล่มาจากไหน แล้วจะยังไงกันนี่....


มาต่อไวๆนะคร้าบบพูห์ จุ๊บๆ  :myeye:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
อารายว๊า  . . .  :serius2: :serius2: :serius2:
ช่างอ้ายบูมมันเต๊อะ มันจะยังไงก็ช่างมัน
เกลียดบูมแล้วอ่ะ :monkeysad:

ตามอ่านไม่เคยเบื่อเลยครับ รีบเอามาลงต่อนะครับ :yeb:

forsaken

  • บุคคลทั่วไป
 :impress: อย่าปล่อยให้รอนานนะครับ กะลังซาหนุกเลย ลุ้น ๆ บูมมาได้งาย ....
<อยากให้ 2 คนนี้กลับมาคืนดีกานจาง :like2:>

_blue_

  • บุคคลทั่วไป
 :seng2ped: เซ็งบูม
หงะ ..... มา ต่อไวๆ นะกั๊บ .... :monkeylove2:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
"ตอนที่ 22"
..................................................................บูม..........................................นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่

ผมตกใจกับภาพที่ปรากฎเบื้องหน้า เมื่อผมเห็นชายหนุ่มที่ผมรักกำลังจ้องมองดูผม ซึ่งกำลังใส่สร้อยคอให้กับชายหนุ่มอีกคนนึงอยู่

ในตอนนี้ความรู้สึกของผมไม่ได้ต้องการที่จะทำไปเพื่อประชดประชัน หรือต้องการทำไปเพื่อที่จะให้อีกฝ่ายต้องเจ็บปวด

แต่ผมเองกลับรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างประหลาดทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้เป็นอะไรกับบูมแล้วก็ตาม
 
ผมมองตามบูมที่เดินผ่านผมไปด้วยความรู้สึกผิดและกระวนกระวายใจ จนต้องตัดสินใจลุกขึ้นไปเพื่อไปตามหาเค้า

เพื่อที่จะอธิบายเหตุการณ์ต่างๆให้เค้าได้รับรู้

“ปอนด์เราไปเข้าห้องน้ำแป๊ปนึงนะ เดี๋ยวเรามา”ผมบอกปอนด์ที่ขณะนี้กำลังสนใจกับสร้อยคอที่ผมซื้อให้อยู่อย่างมีความสุข

“อืมมม....อย่าไปนานนะเดี๋ยวไอศกรีมละลาย”ปอนด์บอกผมแล้วก็หันไปให้สนใจกับสร้อยต่อ

ผมเดินออกมาหาบูมอย่างเร่งรีบ เพราะอยากจะเข้าไปอธิบายเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นอย่างไร ผมเดินหาบูมไปได้สักพักใหญ่ก็รู้สึกหมดหวัง

เพราะหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอจนผมเลิกที่จะหาแล้ว ผมเลยเดินเข้าไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างมือ ก่อนจะกลับไปหาปอนด์

ขณะที่ผมกำลังล้างมือที่อ่างล้างหน้าอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงคนกำลังเปิดประตูเข้ามาในห้องน้ำ

ทีแรกผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะคิดว่าคงจะมีคนมาเข้าห้องน้ำ แต่แล้วสิ่งที่ทำให้ผมต้องหันหลังกลับไปก็คือ…..

“คนนั้นแฟนโยหรอ น่ารักดีนะ”เสียงชายหนุ่มที่ผมกำลังตามหาอยู่ดังมาจากทางด้านหลังของผมจนผมต้องรีบหันกลับไปมอง

“เปล่านะ เค้าไม่ใช่แฟนเรา บูมอย่าเข้าใจผิดสิ”ผมรีบแก้ตัวอย่างร้อนรนไม่รู้เป็นเพราะสาเหตุอะไรทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว

“ไม่ต้องมาหลอกเราหรอก เห็นคุยกันกระหนุงกระหนิงตั้งแต่ในโรงหนังแล้ว”บูมพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเศร้า

และแววตาที่แสดงอาการเจ็บปวดจนผมเริ่มที่จะทำตัวไม่ถูก

“เพื่อนกันจริง ๆ ... ไม่เชื่อก็ตามใจ เพราะตลอดเวลาบูมก็ไม่เคยเชื่ออะไรเรา ไม่เคยสนใจว่าเราจะทำอะไร เป็นยังไง

 รู้สึกยังไงอยู่แล้วนี่”ผมตอบไปด้วยความรู้สึกน้อยใจมาก ๆ จนน้ำตาเกือบที่จะไหลออกมา

“โยรู้ได้ยังไงว่าเราไม่เคยสนใจโย มีแต่โยนั่นแหละที่ไม่เคยรู้อะไรเลย”บูมมองผมด้วยแววตาที่เจ็บปวด

“ใช่สิ เราไม่เคยรู้อะไรเลย บูมถึงได้มีคนอื่นไงล่ะ”ผมพูดประชดด้วยความรู้สึกอัดอั้นและน้อยใจอย่างที่สุด

“ใครที่มีคนอื่นก่อนกันแน่ ถ้าเราน่ะ ไม่ใช่แน่นอน”บูมตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“พอเถอะ เถียงไปก็เท่านั้นมีแต่จะทำให้เสียความรู้สึกมากไปกว่านี้”ผมรีบตัดบทเพราะไม่อยากให้เราต้องรู้สึกแย่มากไปกว่านี้

 “แล้วนี่บูมมาดูหนังกับแฟนหรอ” ผมถามกลับไปบ้าง

“อืมมมม.....ใช่มั้ง”บูมตอบกวน ๆ จนผมเริ่มที่จะโมโหบ้างแล้ว

“ไม่ต้องมาแกล้งฟอร์มหรอกใช่ก็บอกว่าใช่ ตอนนี้โสดแล้วนิ จะทำอะไรก็ทำไปเถอะ เราไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว เราจะไปหาเพื่อนเราก่อนละ

เค้ารอเรานานแล้ว”ผมพูดจบก็ตัดสินใจเดินออกไป

“โยเองก็เหมือนกันแหละ ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีหรอก เราก็ไม่ได้สนใจโยตั้งนานแล้ว จำไว้ด้วย”บูมตะโกนไล่หลังผมออกมา

ทันทีที่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมก็ต้องชะงัก เมื่อผมเห็น คนที่ทำให้ผมต้องเลิกกับบูม คนที่เป็นมือที่สามระหว่างเรา คนที่บูมยืนกอดด้วยวันนั้น

ยืนรอบูมอยู่ตรงทางออกของห้องน้ำพอดี ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกตบหน้าฉาดใหญ่จนหน้าผมชา ผมพยายามเก็บความรู้สึกเสียใจเอาไว้

 แล้วเดินผ่านออกไป จนถึงที่สเวนเซนต์ ผมตัดสินใจบอกปอนด์ว่าขอตัวกลับบ้านก่อน เพราะติดธุระ ทีแรกปอนด์จะไม่ยอมให้กลับ

 เพราะปอนด์สัญญาว่าจะไปส่งผมที่บ้าน แต่ผมคงให้ปอนด์ไปส่งไม่ได้ เพราะผมเองไม่สามารถที่จะเก็บความรู้สึกเสียใจนั้นไว้ได้นาน

ผมเลยรีบเอ่ยลาและออกไปจากร้านด้วยความรวดเร็วทิ้งปอนด์ที่กำลัง งุนงงเอาไว้

ผมเดินออกมาจากห้าง แล้วเรียกแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน ตลอดทาง คนขับรถคงรู้สึกประหลาดใจ ที่อยู่ดี ๆ คนที่นั่งอยู่ด้านหลังเอาแต่ร้องไห้ ร้องไห้

ไปตลอดทางจนถึงบ้าน ผมเช็ดน้ำตาให้แห้งสนิท เพราะไม่อยากให้พ่อกับแม่ผมเห็นว่าผมกำลังร้องไห้

หลังจากที่ผมเช็ดคราบน้ำตาหมดแล้วผมก็เดินเข้าบ้านไป และรีบขอตัวขึ้นไปนอนโดยอ้างว่ารู้สึกเพลียมาก ๆ ซึ่งทั้งพ่อกับแม่ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร

 มีแค่เพียงความห่วงใยส่งผ่านมาให้ ว่าให้ผมพักผ่อนมาก ๆ ซึ่งผมก็เอ่ยขอบคุณแล้วเดินขึ้นไปที่ห้อง

พอผมเดินมาถึงที่ห้องนอน ตอนนี้ ความรู้สึกอัดอั้นที่ถูกเก็บเอาไว้ มันระเบิดออกมา น้ำตาที่ผมพยายามข่มไว้ ก็ไหลออกมาอาบแก้มผมทั้งสองข้าง

ทำไมนะ ทำไมบูมถึงต้องมาทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดอย่างนี้อยู่เสมอ ทำไมผมถึงลืมเค้าไม่ได้สักที ทั้ง ๆ ที่ผมเองก็พยายามที่จะเปลี่ยนตัวเอง

และเปิดใจให้กับคนหลาย ๆ คน แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมาเลย ทำไมผมต้องมานั่งเสียใจอยู่คนเดียวแบบนี้อีก ทำไม ทำไม.........

ผมตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยความรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ อย่างกับคนจะเป็นไข้ ผมเลยเดินลงมาข้างล่างเพื่อที่จะหยิบยาแก้ไข้มากิน

ซึ่งโดยปกติตู้ยาบ้านผมจะมีขวดยาค่อนข้างเยอะ เรียกได้ว่าถ้าเป็นอะไรที่ไม่ร้ายแรงมากผมก็จะไม่พยายามไปหาหมอหรอกครับ

ผมจะหยิบยามาทานเองซะมากกว่า ตอนนี้ผมเลยหยิบยาเม็ดเล็ก ๆ สีขาวที่รู้สึกคุ้นตาว่าเป็นยาแก้ไข้ขึ้นมาทานไป 2 เม็ด แล้วก็ขึ้นไปนอนต่อ

 พอผมนอนไปได้สักพักนึง ผมก็รู้สึกตัวว่า ร้อน ๆ หนาว ๆ อึดอัดอย่างบอกไม่ถูก มันค่อย ๆ เริ่มจากอาการไม่ค่อยมากเท่าไหร่ เป็นมากขึ้นไปเรื่อย ๆ

จนผมเริ่มหายใจติดขัดอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกอึดอัดมาก ๆ ผมกำลังจะเดินลงไปปลุกพ่อกับแม่ผมเพื่อให้ท่านพาไปหาหมอ

แต่พอผมยืนขึ้น ก็รู้สึกว่าหัวหมุนไปหมด ทรงตัวแทบจะไม่อยู่ ผมเลยตัดสินใจกดหาชื่อเพื่อนที่ผมเม็มเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือด้วยมือที่สั่นเทา

 และตาผมก็เริ่มพล่ามองไม่ค่อยจะเห็นแล้วด้วย แต่ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรออกไป ผมก็หายใจไม่ออกจนต้องตะโกนออกมาจนสุดเสียง

ช่วยด้วยเราไม่ไหวแล้ว.................

ผมถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด เนื่องจากผมกินยาแล้วมีอาการแพ้อย่างรุนแรงไปถึงสองเม็ด แล้วผมเองก็ยังมีไข้สูงอีกต่างหาก

 ทำให้ร่างกายผมเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงจนหายใจไม่ออกและหมดสติไป

ผมตื่นขึ้นมาในตอนสาย ๆ ของอีกวันนึง ด้วยความรู้สึกอ่อนเพลียอย่างมาก มองไปรอบ ๆ ก็ไม่มีใครอยู่ จนสักพักนึง แม่ผมก็เดินเข้ามาหา.....

“เป็นยังไงบ้างลูก”แม่ถามผมด้วยความเป็นห่วง

“ผมหิวน้ำครับแม่”ผมตอบเสียงแผ่ว หลังจากนั้นแม่ก็รินน้ำให้ผมทาน

“ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ”ผมถามแม่ผมด้วยความสงสัย

“อ๋อ เพื่อนลูกเค้าพามาน่ะจ๊ะ ทีแรกเค้ามากดกริ่งเรียก แม่ก็นึกว่ามีธุระอะไรทำไมถึงมาหากลางค่ำ กลางคืน ดึก ๆ ดื่น ๆ พอเค้าบอกว่าโยเกิดเรื่อง

 แม่ตกใจแทบจะหมดสติเลยนะ แต่โชคดีนะที่เค้าอุ้มโยมาส่งที่โรงพยาบาลทันเวลา

 ไม่อย่างนั้นหมอบอกว่าอาจจะแย่ก็ได้นะจ๊ะ”แม่ผมอธิบายเรื่องราวตอนที่ผมไม่ได้สติ

“อ้าวหรอครับ ไม่น่าหยิบยากินซี้ซั้วเลยอ่ะ ทีแรกนึกว่าใช่ยาแก้ปวดนะ เห็นวางไว้อยู่ในขวดยาแก้ปวดที่ผมกินประจำอ่ะครับ”ผมบ่นอุบ

“น่าตีจริง ๆ นะเรานี่ ไม่ได้เปิดไฟอีกแล้วล่ะสิ แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่า เวลาลงมาหยิบยาทานเองให้เปิดไฟแล้วอ่านฉลากทุกครั้ง

 เตือนกี่ครั้งก็ไม่เชื่อ”แม่ผมส่ายหน้าด้วยความระอาที่ผมไม่ค่อยเชื่อฟังคำที่แม่สอนจนเกิดเรื่อง

“ผมขอโทษครับแม่ที่ทำให้เป็นห่วง ว่าแต่ว่า ใครเป็นคนพาผมมาส่งที่โรงพยาบาลอ่ะครับ ตอนนั้นผมกดชื่อใครก็ไม่รู้ จำไม่ได้”

ผมถามอย่างสงสัย นึกว่าจะขอบใจเค้าสักหน่อย

“อ๋อ...................”ยังไม่ทันที่แม่ผมจะบอกเลยว่าใครเป็นคนพาผมมาส่งที่โรงพยาบาล

 เจ้าสามคนสหายรักก็เปิดประตูเจี๊ยวจ๊าวส่งเสียงดังแบบไม่เกรงใจคนที่กำลังป่วยบ้างเลย

หอบเอาถุงขนมเข้ามาเยอะมากอย่างกับจะมาปิกนิกกันอย่างงั้นแหละ

“สวัสดีครับคุณแม่”พวกมันสวัสดีแม่ผมพร้อมกัน

“วันนี้คุณแม่สวยจังเลยครับ”ไอ้โบปากหวานจนแม่ผมยิ้มด้วยความดีใจ

“ปากหวานจริง ๆ นะเราเนี่ย แม่ไม่กวนละ เดี๋ยวแม่จะออกไปทำธุระกับพ่อสักหน่อยฝากโยด้วยนะลูก”แม่ผมตบบ่าไอ้โบแล้วขอตัวออกไปทำธุระกับพ่อผม

“โยมีอะไรก็เรียกนางพยาบาลนะลูก หรือไม่ก็โทรไปหาแม่นะจ๊ะ เดี๋ยวค่ำ ๆ แม่จะมาเฝ้านะ

เพราะวันนี้แม่ต้องออกไปทำธุระกับพ่อเราน่ะ”แม่ผมเดินมาลูบหัวผมแล้วเดินออกไป

หลังจากที่แม่ผมคล้อยหลังออกไป ไอ้พวกเพื่อน ๆ ผมก็เริ่มจะซักจำเลยแล้วอ่ะครับ

“เป็นไง ประชดชีวิตหรือไงแก กินยาฆ่าตัวตายขนาดนี้เลยหรอ”ออฟปากดีเลยนะคนยิ่งไม่สบายอย
ู่
“เรานึกว่าโยจะทำใจได้แล้วซะอีก นี่เล่นกินยาฆ่าตัวตายเลยหรอวะ ทีแรกไอ้โบโทรมาบอกเรา เราตกใจแทบแย่

 ดีนะที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก”กายพูดด้วยความเป็นห่วง

“ทีแรกเราโทรไปที่บ้านก็ไม่มีคนรับสาย ดีนะที่แม่โทรมาบอก ถึงได้รู้ ทำไมแกทำแบบนี้วะโย”ไอ้โบถามผมด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนิด ๆ

“นี่พวกแกจะบ้าหรอ คิดว่าเราคิดสั้นหรือไงที่จะต้องมาฆ่าตัวตายเนี่ย เราแค่แพ้ยาอ่ะ พอดีเมื่อวานไม่สบายเลยไปหยิบยากิน

ที่ไหนได้ ดันหยิบยาผิดขวด ดันไปหยิบยาที่ตัวเองแพ้มากินเลยเป็นแบบนี้”ผมอธิบายให้พวกมันเข้าใจก่อนที่มันจะนึกว่าผมกินยาฆ่าตัวตายจริง ๆ

“ไม่เชื่อหรอก แกเนี่ยนะหยิบยาผิด แล้วแพ้ยาอะไรถึงขั้นหมดสติแบบนี้”ออฟคะยั้นคะยอถาม

นี่สรุปจะให้กินยาฆ่าตัวตายให้ได้เลยใช่ไหมเนี่ย เฮ้อออออออออ เพื่อนผม

“ไม่เชื่อก็ตามใจ ว่าแต่ถ้าพวกแกไม่ได้พาเรามาแล้วใครพามาเรามาส่งวะ แถมอุ้มเรามาจากห้องด้วย”ผมอดที่จะสงสัยไม่ได้

“ไม่รู้ว่ะลืมถามแม่แกไป พอดีกำลังตกใจ เอ....หรือว่าอาจจะเป็นปอนด์ก็ได้นะ”ไอ้โบเดา

“ไม่หรอกมั้ง เมื่อเช้าปอนด์ยังเดินมาถามหาโยกับเราเลย”กายบอก ทำให้ผมยิ่งสงสัยไปกันใหญ่

ก๊อก ก๊อก ก๊อก.....เสียงคนเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของพวกเรา

หลังจากนั้นประตูก็ถูกเปิดออกด้วยนักศึกษาสาวคนนึงที่พวกผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี

“แพท............มาได้ไง”ผมถามอย่างสงสัย

“แพท..............”พวกเพื่อน ๆ ผมเดินเข้าไปทักทาย (และลากตัวแพทเข้ามา)

“อ่ะนี่โยเราซื้อ แบรนด์มาฝาก หายเร็ว ๆ นะ”แพทยิ้มให้

“ขอบใจนะ แล้วรู้ได้ไงอ่ะว่าเราอยู่ที่นี่ ไอ้พวกนี้มันไปป่าวประกาศหรอ”ผมถามแพท พลางหันไปทำตาดุใส่พวกเพื่อนผม

“ป่าว....พวกเราไม่ได้บอกนะ”พวกเพื่อน ๆ ผมส่ายหน้าปฎิเสธ

“เปล่าหรอก ก็เมื่อวานโยโทรเข้าไปที่เครื่องเราน่ะ ทีแรกก็ว่าจะไม่รับละเบอร์ใครไม่รู้ แต่พอรับมาเรานี่ตกใจแทบแย่

ดีนะที่จำเสียงโยได้”แพทเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟัง

“อ้าวเราโทรไปเบอร์แพทหรอกหรอ”ผมถาม

“อืมมม....ใช่ ทีแรกเราก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน แต่คิดว่าโยไม่น่าจะล้อเล่น เลยรีบมาที่บ้านโยไง”แพทเล่าต่อ

“อ้าวหรอ ..... แล้วนี่อย่าบอกนะว่าแพทอุ้มเราลงมา”ผมถามเล่นขำขำเพราะยังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้

“ใครว่าเราอุ้มโยลงมา คนอื่นต่างหาก เราอุ้มไม่ไหวหรอก”แพทพูดยิ้ม
 
“แล้วตกลงใครอุ้มเราลงมาส่งที่โรงพยาบาลหรอ”ผมถามอย่างสงสัยมาก ๆ

“ก็จะใครซะอีกล่ะ.........บูมไงที่เป็นคนอุ้มโยมาส่งที่โรงพยาบาล.................”แพทพูดจบ ผมกับเพื่อน ๆ ก็ได้แต่อึ้งจนพูดไม่ออก

จบตอนที่ 22 แล้วครับ ขอบคุณที่ติดตาม ผมเห็นท่าจะเป็นไปแบบที่ทุกคนว่า เพราะผมสรุปไม่ลงจริง ๆ

ทั้ง ๆ ที่จะพยายามบีบแล้วแต่ดันมีเหตุการณ์แทรกขึ้นมาอีกทำให้ต้องขยายเรื่องออกไปอีก เฮ้ออ....

***********************************************

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด