Part 18
“เฮีย เป็นแบบให้หน่อย เดี๋ยวต้องวาดพอร์เทรทส่งจารย์’อ่ะ”
วันหนึ่งไอ้หนูเดินเข้ามาหาผม พร้อมกับในมือถือกระดานวาดรูปใบโต…มันยืนใส่เสื้อคอวีตัวกว้าง แขนยาว ขายาวยืนทำหน้าตาไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ปลายตรีนผม
“ไม่เอา” ผมยังคงนอนบนพรมอุ่นปูลาดในห้องนั่งเล่น มือข้างนึงยันหัวตัวเองไว้กับพื้นเพื่อเวลามองดูหนัง อีกข้างก็ล้วง…ล้วงถุงขนมกรุบกรอบใส่ปากเคี้ยวเล่น
“ทำไมอ้าาาาา” ดูมันครับ…ไอ้มิกกี้มันทำท่าดราม่าได้อีก เจ้าหนูร้องเสียงดัง ท่าทางหน้าตาโอดครวญราวกับโดนน้ำมนต์สาด สองเข่าทรุดลงกับพื้น แล้วเอากำปั้นทุบหมอนตึงๆ (ไม่กล้าทุบกับพื้น…เพราะกลัวเจ็บ)
“ไปวาดหมา วาดแมวข้างล่างไป๊” ผมว่า เคี้ยวเลย์รสหัวหอมกรุบๆ
“มันต้องวาดโคนนนนนนนนนนนนนนน”
ไอ้หนูยังโวยวายไม่เลิก เกาะขาผมแกว่งไปมาเหมือนปลิง ผมเลยส่ายหัวด้วยความรำคาญก่อนที่จะชี้ข้ามหัวไปอีกห้อง…มันมองตามนิ้วผม แล้วทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถาม…
“ไปส่องกระจกแล้ววาดตัวเอง” ผมยังคงไม่สนไอ้ตัวที่ทำหน้างง เอานิ้วตรีนขึ้นมาเกาขาตัวเองยิกๆ
“เฮียยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
“โว้ยยยย จะโวยวายหาเตี่ยเรอะ!” เริ่มรำคาญสิครับ ก็คราวนี้ไอ้มิกกี้โยนบอร์ดทิ้ง แล้วกระโดดทับตัวผมเต็มๆ
“เฮียก็ยอมผมซักทีเด่ะ”
เฮือกกก สาดนรก! มึงไปหัดพูดอะไรแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ผมกลืนน้ำลายสองสามอึก มองไอ้หน้าขาวปากแดงหัวถูกไถไปข้าง แต่ก็ยังดูน่ารักน่าตบนอนกลิ้งไปมาบนพุงผม ยอม…ให้ยอมอะไรล่ะ มึงสิต้องเป็นฝ่ายยอมกรูสิ!
“ยอมเยิมบ้าบออะไร คนอื่นมีเยอะแยะ ก็ไปวาดคนอื่นสิวะ” ผมยังคงเบี่ยงไปเรื่อย แล้วผลักไอ้ตัวดีลงจากตัว มันกลิ้งกลุกๆๆๆ ไปข้างๆ ก่อนที่จะยันตัวเองลุกขึ้นมา เดินไปหยิบกระดานแล้วมองหน้าผม
“ก็ได้! ไปวาดพี่ชินก็ได้!”
เจ้ยยยยยยย ผมตาเบิกโพลงหูตั้ง ไปหาไอ้ชินถึงห้องจะเหลือกลับมาเรอะ ยิ่งวันก่อนไอ้ชินมันเพิ่งเห็นเจ้าหนูในลุคใหม่ ตานี่วาวยิ่งกว่าเดิม ผมหันหลังหน่อยเดียว โดนชวนเข้าห้องอีกแล้ว ไอ้มิกกี้ก็หัวเราะเอิ้กอ้ากอยู่ได้ ไม่ได้รู้ตัวเล้ยยยว่าจะโดนล่อตรูดซะแล้ว
ผมมองไอ้คนที่ยืนยิ้มกริ่มราวกับรู้เท่าทันความคิดผม ใช่ซี้…รู้จุดอ่อนกรูนี่ ผมถอนหายใจเฮือก แล้วพยักหน้าทิ้งตัวลงกับหมอนใบใหญ่ เจ้าหนูยืนท้าวสะเอวหัวเราะฮ่าๆ ด้วยความสะใจ แล้วรีบทิ้งตัวลงนั่งข้างบนโซฟาสูงกว่าผมทันที

“ค้ำหัวผู้ใหญ่มั้ย ลงมานี่!” ผมลากขามันที่ห้อยต่องแต่งอยู่หน้าผมให้ลงมาข้างล่าง เจ้าตัวร้องเหวอด้วยความตกใจ เกาะโซฟาแน่น
“ไรวะ นิดเดียวเอง เฮียก็ขึ้นมานอนบนโซฟาเด่ะ”
ไอ้หนูยังคงทู่ซี้นั่งบนโซฟา แล้วสะบัดขาออกจนหลุดการกอบกุม นั่งเปิดกระปุกใส่ดินสอ EE ที่มีแบบเดียวกันประมาณ 2 โหลได้…แถมยังเหลาซะไส้โผล่มายาวเหยียด ผมล่ะไม่เข้าใจเลยว่าไอ้เด็กอาร์ตเนี่ยเค้าจะต้องตุนดินสอ EE ไว้มากมายทำไม แท่งเดียวก็พอใช้แล้ว ….นี่ไปไหนมาไหนเหมือนเป็นกฎเหล็กห้ามพกน้อยกว่า 6 แท่งต่อวัน…หรือมันเป็นญาติกับกระทิงแดง ห้ามดื่มเกินวันละ 2 ขวด!?
“แล้วต้องทำไงบ้าง?” ผมนอนเอามือหนุนหัวตัวเอง มองอีกฝ่ายที่กำลังจัดอุปกรณ์ต่างๆ ให้เข้าที่
“เฮียก็อยู่เฉยๆ ไปนั่นแหล่ะ เดี๋ยวผมวาดของผมเอง”
“อืม”

แล้วผมก็อยู่เฉยๆ อย่างที่มันว่าจริงๆ แหล่ะครับ นอนดูทีวีไป หัวเราะก๊ากไป ยกขาขึ้นพาดไอ้หนูมั่ง พลิกซ้ายทีขวาที ไม่ก็สะกิดไอ้มิกกี้ดังป๊าบๆ ชี้ให้ดูสามช่าในทีวี ยกมือขึ้นกุมท้องไปด้วย
“โอ๊ยยยยยยย อยู่นิ่งๆ เป็นมั้ยเฮียยยยยยย” ไอ้มิกกี้โกรธจนโยนกระดานปลิว ผมเห็นแล้ว แม่ง…ขำกว่าเท่งอีก
“ก็นิ่งอยู่นี่ไงวะ”
“นิ่งบ้านเฮียดิ ฮึ่ย!” เจ้าหนูส่งเสียงฟึดฟัดหงุดหงิด บอกแล้วว่าเลือกแบบผิดคนไอ้หนู หึหึ
“อยากให้อยู่นิ่งๆ มั้ยล่ะ”
ผมหัวเราะกรุ้มกริ่มจนไอ้มิกกี้มันเหมือนจะเห็นสัญญาณอันตรายรีบกระเถิบตัวหนี แต่ใครจะไปทันไอ้เสือปืนไวอย่างผมล่ะครับ ว่าแล้วก็คว้าข้อเท้ามันที่ห้อยเหยียบอยู่บนหน้าท้องผมทันที ไอ้หนูสะดุ้งเฮือก…
“ท..ทำไรเฮีย!” มันร้องถามเสียงสั่น…และร่วงดังปุลงมาบนตัวผมเรียบร้อย จุกเล็กน้อย แต่เพื่อคอมพลีทมิชชั่นการกลั่นแกล้ง ไอ้แดนทนด้ายยยย
“นั่งวาดตรงนี้ แบบจะได้อยู่นิ่งๆ ไง” ผมหัวเราะในลำคอ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าไอ้หนูกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนตัวผมแล้วครับ มันหน้าแดงฉ่า ก่อนที่จะรีบดันตัวเองขึ้นนั่ง และจะลุกออกไป…เรื่องอะไรจะยอมล่ะ มุมกำลังสบายเลย
“จะบ้าเรอะ! แบบนี้จะวาดได้ยังไงเล่า!”
“วาดได้สิ วาดแบบซูมๆ ไง ไม่ดีเหรอ…นึกว่าชอบซะอีก หึหึ”
ยิ่งผมสะกิดต่อมอายของไอ้หนูได้มากเท่าไหร่ ยิ่งสะใจมากเท่านั้น…ก็ดูหน้าขาวของมันที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีละม้ายคล้ายลูกตำลึงสุก ดูไม่มีเบื่อกันเลยทีเดียว… พอมันจะลุก ผมก็ใช้สองมือกดเอวอีกฝ่ายไว้แน่น ยิ่งมองจากมุมนี้…อืม… ยิ่งน่าคิดนะเนี่ย แถมแถวๆ นี่มันนั่งทับอยู่เนี่ย อีกนิดเดียวจะถึง… เอ่อ … นั่นแหล่ะครับ ไหนจะคอเสื้อแบบวีเว้าลึกของมันอีก เห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้วลูกเอ้ย
“ค..ใครจะไปวาดได้ ปล่อยนะเฮีย” มันดิ้นคลุกคลัก หมายจะดันตัวเองขึ้นให้พ้น แต่ก็ไม่สำเร็จ
“เร็ว จะวาดไม่วาด ไม่งั้นจะไม่เป็นแบบให้แล้วนะ” ผมยื่นคำขาด ไอ้มิกกี้มองผมทำหน้ามุ่ยไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ต้องหยิบกระดานมาแล้ววางบนอกผมดังอั่ก!
“อูยยยย…” ตัวงอสิครับงานนี้…เจ็บนะนั่น
“สม” แน่ะ…ทำเป็นกลั้นยิ้ม มันน่านัก!
เสียงอี๊ดๆ อ๊าดๆ แกรกกก…ดังวนไปวนมา ไม่ก็แคว่กๆ ฟืดดด มันเหมือนเป็นยากล่อมแสนวิเศษในตอนบ่ายวันเสาร์ที่แสนสบายอย่างยิ่ง ผมปิดทีวีไปนานแล้วเพราะท่านี้มันเงยหน้าดูไม่ได้ เดี๋ยวคอเคล็ดเปล่าๆ เลยชมนกชมไม้ไปเรื่อย ปล่อยให้ไอ้หนูที่นั่งอยู่บนตัว มองหน้าผมสลับกับวาดรูปไปมาบนอก…
ลมเย็นดีชะมัด… แถมยังสบายตัวพิลึก ทั้งๆ ที่โดนทับอยู่แท้ๆ
ผมหลับไปตอนไหนไม่รู้ครับ ก่อนที่จะเข้าภวังค์แอบได้ยินเสียงหัวเราะเล็กๆ ในลำคอของอีกฝ่ายด้วย แต่เอาเถอะ… เปลือกตามันหนักเหลือเกิน ขอสักงีบละกัน..
“โอยย…” ผมลืมตาตื่นเพราะความปวดเมื่อยท่อนล่างอย่างรุนแรง เปล่าครับ ไม่ได้โดนตุ๋ย…อย่าเพิ่งคิดไปไกล กะจะเปลี่ยนท่านอนสักหน่อยแต่กลับขยับไม่ค่อยได้ เกิดไรขึ้นวะ?
พอลืมตาขึ้นมองเท่านั้นแหล่ะก็รู้ทันที…เจ้าหนูนอนซุกตัวผมโดนยกขาขึ้นพาดกับเอวผมไว้ นอนไปได้ไงวะท่านี้เนี่ย… ซูฮกจริงๆ มันนอนทำเสียงแจ่บๆ อยู่ข้างหูผม มือก็พาดแถวแผงอก นอนขดเป็นวงกลมเชียว เด็กน้อยเอ้ย…
จะลุกก็ลุกไม่ได้ ทั้งที่ผมจะเขยิบตัวหนีมันก็ทำได้แท้ๆ แต่พอเห็นหน้าที่นอนนิ่งนี่แล้วกลับไม่อยากไปกวนเท่าไร เลยได้แต่มองไปรอบห้อง ลมเย็นยามบ่ายพัดเข้ามาผ่านกระจกตรงระเบียง ผ้าม่านสีขาวโปร่งสะบัดพลิ้ว มันพัดเข้ามาในห้องทำให้เหล่าหนังสือและเศษกระดาษที่กองอยู่บนทำงานกระพือไปมา โชคดีที่ผมหาของหนักทับไว้ ไม่งั้นคงต้องวิ่งไปตามเก็บจนวุ่น…. ยกเว้นกระดานวาดรูปที่ถูกวางพาดไว้กับโซฟา รูปวาดโดนลมพัดจนพลิกไปมา ผมยกแขนขึ้นไปจับมันไว้เพราะกลัวปลิวหรือหัก
เออ…สรุปวาดเสร็จยังวะเนี่ย ว่าแล้วก็ขอแอบดูหน่อยละกัน
ผมหยิบกระดานลงมาอย่างทุลักทุเล…ก็เล็กที่ไหนล่ะ แถมไอ้คนที่นอนทับอยู่ครึ่งตัวนี่อีก จะขยับแต่ละทียากเย็นเหลือเกิน ….เอาเถอะ ผมหยิบมันตั้งขึ้นแล้วก็เห็นรูปร่างด้วยดินสอเป็นชายคนหนึ่งกำลังหลับ ผมล่ะขำปนแปลกๆ นี่ตัวเองเหรอเนี่ย ก็ดูดีนะ ฮ่าๆ สงสัยมันจะวาดตอนที่ผมหลับไปแล้วแหงๆ
น่าตลก… ไม่คิดว่าตอนตัวเองหลับจะทำหน้าตามีความสุขขนาดนี้
แต่มันไม่ได้มีแค่แผ่นนั้นแผ่นเดียว… ผมถือวิสาสะดูรูปด้านหลังๆ ที่ซ้อนอยู่กับแผ่นแรก และก็ต้องตะลึง… ก็นั่นมันรูปตัวผมทั้งนั้นนี่นา ไม่ว่าจะเป็นตอนนั่น ตอนยืน ตอนดูทีวี ตอนกินข้าว ตอนเหม่อ ตอนทำงาน หรือแม้กระทั่ง…ตอนยิ้ม
ผมพลิกดูไปเรื่อยๆ มันมีไม่ต่ำกว่าสิบรูปแน่ๆ … ให้ตายเถอะ ไอ้หนูมันแอบไปวาดรูปผมตอนไหนวะ แถมแต่ละรูปก็เหมือนบรรจงวาดขึ้นมาด้วย ไม่ใช่แบบขอทีไปที …และคำถามก็ผุดขึ้นมาในใจ ในเมื่อมันแอบวาดรูปผมมาตั้งหลายรูปแล้ว ทำไมยังจะต้องมาขอวาดใหม่ด้วย เอาไอ้พวกนี้ส่งๆ ไปก็ได้นี่หว่า
“อือ หนาว....” ไอ้ตัวเล็กบ่นงึมงำ ทำตัวสะท้านเล็กน้อย แล้วขดตัวเข้าหาผมมากกว่าเก่า เห็นแบบนั้นเลยรีบพับรูปกลับมาหน้าแรก วางกระดานลงบนโซฟาอย่างเดิม…
“ไปนอนในห้องป่ะ” ผมกระซิบบอกมัน… แต่ก็นั่นแหล่ะครับ คนง่วงก็คือคนง่วง มันทำหน้ารำคาญส่ายหัวนิดๆ แล้วก็หลับไม่ได้สติต่อ
“เฮ้”
“อือ..”
“เฮ้ มิกกี้”
เงียบ…เฮ้อออ ผมล่ะเซ็งจิต เจ้าหนูไม่ขยับเขยื้อนอีกแม้แต่น้อย ผมเลยได้แต่นอนเป็นหมอนข้างให้มันกอดอยู่แบบนั้น ….ลอบมองหน้าขาวๆ ของมัน ผิดเองนะที่มางีบแบบนี้ ขอค่าส่วยหน่อยละกัน
ว่าแล้ว… การกระทำไวกว่าความคิด… ปากผมมันไปแนบกับขมับไอ้หนูเมื่อไหร่ไม่รู้ อา…นิ่มปากชะมัด หึหึ มันเหมือนเป็นไปตามธรรมชาติ.. ผมค่อยๆ เลื่อนลงมากดปากกับหน้าผากเจ้าหนู ระหว่างคิ้วเรียว ดั้งจมูก แล้วเอาจมูกเขี่ยกับจมูกเล็กๆ ของมันเล่น มิกกี้ทำหน้ายู่เล็กน้อยเพราะโดนกวนใจ… ยกมือขึ้นเกาจมูกตัวเองอย่างลวกๆ แล้วก็หลับต่อ
เด็กน้อยเอ้ย… ผมหัวเราะเบาๆ แล้วฝังจมูกลงบนแก้มขาวของมันอีกที ถ้ามันมาเป็นน้องชายจริงๆ ก็ดีน่ะสิ จะทั้งรักทั้งหวงยิ่งกว่าเจ้ามาร์ชเลยคอยดู จะจับฟัดเช้าเย็นไม่ให้ลุกไปไหน ปากบางนี่อย่าหวังจะรอด…จะจูบให้มันแดงช้ำเลือด ปิดท้ายด้วยการกัดผิวขาวๆ จนเป็นรอยไปทั้งตัวไม่เว้นแม้แต่นิ้วเท้า หมั่นเขี้ยวชะมัด!
สงสัยจิตใต้สำนึกมันจะแกร่งจริงๆ นั่นแหล่ะครับ ทันทีที่คิดแบบนั้น…ผมก็ก้มลงหอมที่ซอกคอขาวของไอ้มิกกี้ กลิ่นข้าวโพดอ่อนๆ ลอยมาแตะจมูก ไม่รู้ทำไม…กลิ่นประจำตัวเจ้าหนูมันเป็นกลิ่นนี้จริงๆ บอกไม่ถูก… และก็ทำไปแล้ว ผมลงมือเลียเข้าที่คอมัน เหนือไหปลาร้าไปนิดเดียว…
ทำไมล่ะ ก็แค่อยากชิมว่านอกจากกลิ่นแล้ว… ยังรสข้าวโพดด้วยรึเปล่าเท่านั้น ผิดเหรอครับ? ผมก็ยังอยู่ในวัยอยากรู้อยากลองนะ (เหรอ) เจ้าหนูครางอือ มันหดคอลงนิดนึง คิ้วขมวดแน่น…ตาหลับปี๋
ไม่สนแล้วว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวหรือไม่… ผมอ้าปาก แล้วจัดการฝังเขี้ยวลงเนื้อมันทันที
“อะ…โอ๊ย!” ไอ้หนูสะดุ้ง ลืมตาโพลง
“ฮ…เฮีย ทำอะไร…อะ โอย ปล่อย เจ็บ…ฮือออ”
ผมละปากจากคอเจ้ามิกกี้.. แล้วก้มลงเลียแผลแดงช้ำ ดูดมันซ้ำสองสามที… อร่อยอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย
“เจ็บ…ไอ้เฮีย ปล่อย ปล่อยยยยยยยยยยยย” อีกฝ่ายร้องไห้น้ำตาไหล ดันตัวผมออกทันที มันลุกนั่งขึ้นจับคอตัวเองครางหงิงๆ ไม่รู้ทำไม ผมกลับไม่รู้สึกสงสารเลยแม้แต่นิดเดียว มีแต่อยากทำมากขึ้นเรื่อยๆ …เรื่อยๆ
ผมยิ้ม… เลียริมฝีปากตัวเอง
“โอ๊ยย บ้าไปแล้วเหรอเฮีย! บ้าไปแล้วใช่มั้ย! กัดกันทำไมเนี่ยยยยย เจ็บนะเว้ยยย เลือดไหลเปล่าวะ!?” เจ้าหนูนั่งโวยวายเมื่อเห็นผมไม่ร้อนไม่หนาวกับคำด่าสักเท่าไหร่ มันพยายามจะก้มลงดูแผลที่คอตัวเอง แต่ก็ทำไมได้ เลยลุกไปส่องกระจกในห้องน้ำ แล้วก็ร้องเสียงดังลั่น
“อ๊ากก ห้อเลือดเลยยยย ….ไอ้เฮียยยยยยยยยยยยยยยย!” ไอ้มิกกี้สภาพหัวฟูเพิ่งตื่น วิ่งเข้ามาหมายจะกระทืบผม จังหวะที่มันยกเท้าขึ้น ผมก็คว้าหมับเข้าที่ขาทันทีจนอีกฝ่ายเสียการทรงตัว ล้มลงหงายหลัง แต่ผมรีบลุกไปรับไว้ก่อน
“ค่านายแบบไง”
ผมปล่อยตัวไอ้หนูที่ทำหน้าแดงร้อนฉ่าลงกับพื้น… แล้วเดินหัวเราะจากไป วะฮ่าๆ การแก้แค้นของผู้ใหญ่เริ่มต้นขึ้นแล้ว (แน่ใจนะว่าผู้ใหญ่ =___=ll)
แถม… ผมหันหลังกลับไปมองไอ้มิกกี้ที่นั่งคว่ำหน้าลงกับพื้น เอาหัวตัวเองโขกกับหมอนใบโตโป๊กๆ เลยเดินเข้าไปดูว่ามันเป็นอะไร…
“เฮ้ มัวแต่ท…โอ๊ยยยยย!” สาดนรก! ผมโดนเจาะยางเข้าเต็มๆ!
“กร๊ากกก ฮ่าๆๆๆ ไอ้ผู้ใหญ่โง่ โดนหลอก”
เจ้าหนูชี้หน้าผมหัวเราะงอหงายที่เห็นว่าแผนลอบสังหารสำเร็จ… ยืนกระต่ายขาเดียวเหยงๆ มือนึงกุมขาตัวเอง แสรดดดด ไม่น่าเลยกรู… ความอ่อนแอคือจุดอ่อน เวรกำ สัจจะไม่มีในหมู่โจรจริงๆ! (แล้วมันเกี่ยวอะไรกันวะ งง…-*-)
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โอย แค่กัดซอกคอก็เลือดกำเดาจะหมดตัว ถ้า***ไม่ตายกันไปข้างนึงเลยเรอะ~! 
กี๊สสสส แต่งตัวแบบนี้ใช่เลย หนูมิคกี้ อ๊างงงง น่ารักกกกกก
อยากให้จูบใช่ม้ายยยย ทำปากแบบเน้ เฮียแดนไปจูบหน่อยเด่ะ~~!