Part 28
หลังจากที่จัดการธุระเสร็จอะไรเสร็จ…(อย่างที่รู้ๆ กัน =__=) ผมกำลังว่าจะออกไปตามไอ้ตัวยุ่งข้างห้องซะหน่อย แต่อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียง เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ ดังลั่นออกมา…เล่นเอาผมหันซ้ายหัวขวา เฮ้ย! เสียงไรวะ… แล้วสักพักก็มีอีก เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ วีดวิ้วๆๆๆๆ ดังตามเป็นระลอก ….ผมลองจับลองติจูดละติจูดและองศาทิศทางดูแล้ว มาจากห้องไอ้มิกกี้แน่นอน
พูดให้ดูเว่อร์ไปแบบนั้นแหล่ะครับ…ที่จริงเพราะห้องอื่นเค้าไม่มีหรอก ไอ้ทำเสียงบ้าเสียงบออะไรแบบนี้ ก็จะมีแต่ไอ้ห้องที่ชอบออกนอกระบบคนส่วนใหญ่เค้าทำกันนี่แหล่ะ
สงสัยเพื่อนมาล่ะมั้ง?... ทำไมช่างมาได้เวลาเหมาะเจาะจริงๆ วะ ผมเลยเก็บข้าวเก็บของอะไรในห้องรอจนกว่าไอ้พวกลูกลิงทั้งหลายจะกลับไปก่อน ไม่อยากไปยุ่งมาก แมร่ง เดี๋ยวชวนกรูแดรกเหล้าอีก
แต่ไม่ทันไร…ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องข้างๆ เปิดออก พร้อมกับเสียงจ้อกแจ้กๆ เจี๊ยวจ๊าวของบรรดาเพื่อนๆ มัน ผมทำเป็นไม่สนใจ จนกระทั่ง…
“เดี๋ยวก่อน…บอกเฮียก่อนว่าจะไปเล่นบาส” อ่าว เสียงไอ้ลิงของกรูนี่หว่า มาพูดอะไรลับๆ ล่อๆ แถวหน้าห้องวะ
“จะบอกทำไมวะ ตัวไม่ได้ติดกันซะหน่อย มรึงก็ปล่อยเฮียแกไปตามทางมั่งเหอะ” อ่าว เสียงนี่…แมร่ง ไอ้เป้เป็นแน่แท้ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยนะมรึง
“แต่…”
“เชื่อกรูดิวะ ไม่รีบไปเดี๋ยวแมร่งคนแย่งสนามใช้นะมรึง วันนี้วันอาทิตย์ ไอ้พวกเชี่ยแมร่งเป็นเชี่ยอะไรชอบมาเล่นเวลาเดียวกะกรู” แล้วมรึงเป็นเชี่ยอะไรพูดอยู่สองคำ เชี่ย กับ แมร่ง เนี่ย
“ขอกรูบอกเฮียแป๊บเดียว”
“เออๆ ตามใจมรึง”

แล้วสักพักก็มีเสียงเคาะประตู ก๊อกๆ…ผมทำเป็นทิ้งระยะห่างไม่เปิดเลยทันที ให้เหมือนค่อยๆ เดินมาจากข้างใน (ตอแหลซะไม่มี -*-)
“ว่าไง” ผมเปิดประตูทักไอ้คนที่ยืนทำหน้าเอ๋อใส่ที่คาดผมกับเสื้อบาสเรียบร้อยแล้วข้างหน้า…แล้วไล่สายตามองไอ้ตัวแสบทั้งหลาย พวกมันยกมือไหว้ผมระนาวแบบเดิม แต่ก็รีบเอาลงทั้งๆ ที่มือยังไม่ทันถึงหน้าอกเลยด้วยซ้ำ นี่พวกมรึงตั้งใจจะไหว้กรูจริงๆ รึเปล่าวะ!?
“ผมไปเล่นบาสนะ”
“ที่ไหน?” ทำหน้าไม่พอใจไว้ก่อนไอ้แดน หึหึ
“อ่า…ที่มอครับ” นั่นไง…ทำหน้าหมาหงอยแล้ว ไอ้หนูคลึงลูกบาสในมือเล่นไปมา หันไปมองเพื่อนทีนึง แล้วหันมามองผม
“กลับกี่โมง?” ผมยังคงยืนกอดอกพิงขอบบานประตูซักอีกฝ่าย
“โหหหหห เฮียยยย เป็นพ่อหรือพี่วะเนี่ยยยย มีเวลากลับบ้านด้วย” ไม่ใช่ไอ้มิกกี้หรอกครับ ไอ้ลูกลิงต่างหาก มันยืนทำหน้ากรุ่มกริ่มใส่กันจนน่าตบกบาล คันปากอยากบอกว่าไม่ใช่ทั้งพ่อและพี่ แต่เป็นผัวต่างหาก หึหึ
“มรึงหุบปากไปเลยไอ้นัท” ผมชี้นิ้วไปที่หน้าไอ้ตัวต้นเหตุ มันยกมือขึ้นทำท่ารูดซิปปิดปากตัวเอง แล้วหัวเราะกับเพื่อนๆ เสียงเบา
“ไปเถอะ…อย่ากลับดึกละกัน” ผมเอื้อมมือไปลูบหัวไอ้ตัวยุ่งแล้วผลักเบาๆ เป็นเชิงบอกให้เดินตามเพื่อนๆ ที่นำหน้ากอดคอกันหัวเราะไปก่อนแล้ว
“ครับ…เจอกันนะ” อีกฝ่ายยืนยิ้มหน้าบาน โบกมือบ๊ายบายให้ผมราวกับเป็นเด็ก เออ…สำหรับผมมันก็ยังเด็กจริงๆ แหล่ะนะ
“อืม…”
หลังจากนั้นผมก็ทำงาน ปั่นงาน…นั่งเล่นเน็ต โหลดเว็บโป๊ (เจ้ย!) ไปเรื่อยเปื่อย…น่าเบื่อชะมัด แล้วสักพักไอ้ไมล์ก็โทรมาถามผล ผลอะไรน่ะเหรอครับ…ผลที่มันทิ้งพวกเราสองคนไว้ว่ามีอะไรคืบหน้ามั้ย ว่าแล้วก็เลยเล่าให้มันฟังซะเลยว่ามีอะไรบ้าง แต่ไม่ได้เล่าส่วนที่ผม….เอ่อ นั่นน่ะ หรอก แมร่ง เดี๋ยวโดนสบประมาทตาย แค่นี้ก็โดนคนอ่านสบว่าเสื่อมจะแย่ละ ไม่ไหวๆ

ผมเดินไปหาอะไรกินรองท้องในตู้เย็น อืมมม นมก็ดีแหะ…ว่าแล้วก็เอามากินซักลิตร กร๊ากก เน้นว่าลิตร… เพิ่งจะมารู้ตัวอีกอย่างว่า ตัวเองเริ่มกินอาหารตรงเวลาก็เพราะเจ้าหนูนี่แหล่ะ มันน่ะบังคับเคี่ยวเข็ญให้ผมกินแต่อาหารถูกตามหลักโภชนาการ และต้องกินเป็นมื้อเป็นเวลาด้วย ยิ่งวันไหนที่มันลงมือทำอาหารเองนะ…อย่าให้พูด บนโต๊ะนี่ยังกับอาหารฮ่องเต้ มีทั้งเนื้อ ผัก อาหารจำพวกนึ่ง ต้ม ทอด มีครบหมดทุกอย่าง และที่ขาดในแต่ละมื้อไม่ได้คือซุป ข้างๆ จานข้าวจะมีถ้วยน้ำซุปไว้ดื่มให้คล่องคอแทนน้ำครับ มันบอกว่าน้ำให้ดื่มทีเดียวหลังทานอาหารเสร็จ… นี่เป็นวิธีกินของคนจีน เออ…บ้านมรึงจีน แต่บ้านกรูเลี้ยงแบบฝรั่งปนไทยว่ะ =__=
เพราะฉะนั้นเวลาหิว หรือไม่มีไรกิน ผมก็จะหยิบนมมาดื่มเป็นอันดับแรก
“เฮียแก่แล้ว…กินเสริมแคลเซียมในกระดูกซะบ้าง เดี๋ยวมันเปราะ” ไอ้มิกกี้เคยพูดไว้แบบนี้ พร้อมกับสีหน้าจริงจัง แต่ผมไม่รู้ว่ามันจริงจังหรือล้อเลียนกันแน่
“เออ แก่แล้วแต่มีแรงเหนี่ยวมรึงละกัน” ผมยกมือทำท่าจะโบกอีกฝ่าย จนมันต้องรีบเบนตัวหลบหนี หัวเราะร่ากับปฏิกิริยาของผม
เหมือนจะเล่นๆ…แต่มันก็ได้ผลนะครับ ตอนแรกๆ ผมไม่ยอมทำตามหรอก เรื่องอะไรล่ะ แต่จากการที่มันพูดกรอกหูกับบังคับผมทุกวัน… ตอนนี้เลยกลายเป็นชีวิตประจำวันที่ขาดไม่ได้เสียแล้ว
หลังจากเริ่มอิ่มท้อง…หนังตาก็เริ่มหย่อน บรรยากาศข้างนอกก็เป็นใจให้กรูง่วงเหลือเกิน ฟ้าเหลืองๆ ปนส้มยามเย็ม เสียงอีการ้องแกว๊กๆ ไปมา…ลมเย็นเอื่อยๆ อืมมมม นอนตอนนี้จะปวดหัวเปล่าวะ
แต่เอาเถอะ…ไม่ไหวแล้ว ขอซักนิดละกัน

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่ารอบกายตัวเองกลายเป็นสีดำมืด…แสงไฟรำไรจากนอกระเบียงส่องเข้ามา …อืมม สะบัดหัวสองสามทีเพื่อไล่อาการมึนๆ ผมนอนนิ่งแบบนั้นเพื่อปรับสายตาให้ชินกับความมืด ว่าแล้วก็ควานหามือถือ…หยิบขึ้นดู อา สามทุ่มละ… นี่หลับไปนานเหมือนกันแหะ
หลังจากที่เริ่มตื่นเต็มตา ผมเดินไปหยิบบุหรี่บนโต๊ะทำงาน แล้วออกมานอกระเบียง… อ่าว กลับมาแล้วนี่หว่า แสงไฟจากห้องข้างๆ ส่องออกมา พร้อมกับเงาของคนข้างในที่เดินวุ่น ผมหยิบบุหรี่ขึ้นสูบแล้วยืนพิงระเบียงมองห้องอีกฝ่ายอยู่แบบนั้น…
เสียงดังตึงตังๆ ดังออกมาเป็นระยะ หึหึ…ทำอะไรอยู่นะ ทำไมดูยุ่งเหยิงเสียจริงๆ
สักพักก็มีเสียง ‘เฮ้ย!’ …เงียบ… ‘ฮ่าๆๆ เฮ้ย!’ … เงียบ เอ่อ นี่ถ้าไม่รู้จักมันคงคิดว่าไอ้ห้องนี่มันบ้าแหงๆ ผมยกมือขึ้นกุมขมับตัวเอง แล้วยิ้มอยู่คนเดียวแบบนั้น… ให้ตายเถอะ ไอ้มิกกี้เอ้ย ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาบรรยายเลยจริงๆ
ผมยืนสังเกตการณ์อยู่แบบนั้น… นานเหมือนกัน ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียง ครืดดดด… จะหลบก็หลบไม่ทันเสียแล้ว ไอ้มิกกี้เดินออกมาตากผ้าอะไรสักอย่างที่คาดว่าน่าจะเป็นพวกผ้าเช็ดสีอะไรของมัน ตอนแรกไอ้หนูก็ไม่รู้ตัวหรอกนะครับว่าผมยืนอยู่ เพราะผมปิดไฟหมด…มันยืนสะบัดๆ ผ้าสองสามที ก่อนที่จะพาดกับราวระเบียง เอาที่หนีบผ้าเหน็บสองข้างกันปลิวไปกับลม
มันก็หันซ้ายหันขวาเหมือนหาอะไรสักอย่าง… แล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองตรงระเบียงห้องผม
“เฮ้ย!” ไอ้ตัวยุ่งร้องเสียงหลง ตัวแข็งชะงัก
“หึหึ ทำอะไรอยู่ วุ่นวายจังนะ” ผมยิ้มทักอีกฝ่ายในความมืด มีเพียงแสงสีแดงจากปลายบุหรี่เปล่งแสงวาบๆ ตามจังหวะการสูบของเจ้าของ
“ตกใจหมดอ่ะเฮีย! นึกว่าผี!” มันถอนหายใจอย่างโล่งอก พร้อมกับขาเริ่มที่อ่อนจนต้องเกาะราวระเบียงไว้
“ผีบ้าอะไรล่ะ แล้วนี่กลับมานานรึยัง?”
“ก็พักนึง…เฮียแหล่ะ ตื่นแล้วทำไมไม่เปิดไฟ อยู่มืดๆ ทำไมเนี่ย” ไอ้ตัวดีมันตอบกลับมา มือก็หยิบผ้าอีกผืนมา ตากข้างๆ กัน…ว่าแต่
“รู้ได้ไงวะว่าหลับ” นั่นแหล่ะครับ
“ก็…ผมเข้าไปหาแล้วเห็นเฮียหลับอยู่บนโซฟา”
และแล้วผมก็เข้าใจถ่องแท้… อืมมม ถึงว่า จำได้ว่าตอนหลับน่ะไม่ได้ปิดไฟนะ ผมเปิดไฟใหญ่ไว้เพราะกำลังนั่งทำงานอยู่ กะว่าจะแค่แอบงีบไง ไปๆ มาๆ ล่อหลับซะหลายชั่วโมงเลยเว้ย แล้วแถมยังมีผ้าห่มผืนเล็กมาคลุมให้พร้อมกับหมอนหนุนหัวอีก มันแน่ๆ
“แล้วเข้ามาในห้องได้ยังไง?” ก็แหงสิครับ…ผมล็อกไว้นะ
“อ้อ…แหะๆ” ไอ้หนูยืนทำหน้าตาบอกไม่ถูก หัวเราะฝืนๆ อยู่แบบนั้น..ไอ้เด็กน้อยเอ้ยยย
“งัดเข้ามาใช่มั้ย”
“อือ ขอโทษครับ…ก…ก็ผมเรียกแล้วเฮียไม่ตอบ โทรหาก็ไม่รับ เลยนึกว่า…นึกว่า” มันชี้ไม้ชี้มือประกอบการอธิบาย หรือ จะเรียกว่าแก้ตัวก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก
“ทำไม นึกว่าตายคาห้องไปแล้ว?” ผมยักคิ้วข้างหนึ่งเป็นเชิงถามอีกฝ่าย
“ก็…”
“ทำไมไม่คิดว่าไปข้างนอกบ้างล่ะ”
“เออว่ะ จริงด้วย” เจ้าหนูเอากำปั้นทุบมือตัวเองแบบท่านึกออก…ยังมีหน้ามาเออว่ะอีกนะมรึง =_=
“เฮ้อออออ” ผมส่ายหัว ถอนหายใจอย่างระอา
“งือ…ขอโทษครับ อย่าทำหน้างั้นดิ ไม่ได้เข้าไปขโมยของหรอกนะ”
“รู้แล้วน่า แต่มันก็ไม่ควรทำ” ผมสั่งสอนเสียงเข้ม จนไอ้หนูยืนจ๋อยอยู่ในระเบียงข้างๆ
“…ครับ ไม่ทำแล้ว” มันรับปากเสียงค่อย…
“หึหึ เอาเถอะ มาห้องนี้ม่ะ”
ทันทีที่พูดเสร็จ ไอ้มิกกี้ก็เงยหน้ายิ้มกว้าง กระดิกหาง…ให้ตายสิ เหมือนหมาไม่มีผิด ต้องหมาพวกไฮเปอร์ด้วยนะอย่างโกลเด้น ที่โง่ๆ เอ๋อๆ พอดุหน่อยก็หงอย พอชมหน่อยก็ดี๊ด๊า… เดาอารมณ์ไม่ยากเหมือนกันเลยวุ้ย
เจ้าหนูพยักหน้ารับ แล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันที คาดว่าคงเข้าไปเก็บของอะไรตามประสานั่นแหล่ะครับ ผมก็เดินเข้าไปตัวเองไปเหมือนกัน แล้วก็นึกขึ้นได้…เลยเดินกลับมาที่ระเบียง จะตะโกนบอกว่าห้องไม่ได้ล็อกนะ เข้ามาได้เลย แต่ก็ต้องชะงัก! เมื่อเห็นไอ้ตัวยุ่งกำลังปีนระเบียงอยู่!
“เฮ้ยๆๆๆๆๆๆๆๆ ทำอะไร!?” ผมรีบบี้บุหรี่ลงกับขอบปูนแล้วโยนมันทิ้ง ก่อนที่จะเดินไปส่งเสียงเรียกไอ้ตัวที่กำลังก้าวเท้าข้ามระเบียงมา
“ไปแล้วๆ” มันว่างั้น แล้วระเห็จตัวเองออกมายืนนอกระเบียงเป็นที่เรียบร้อย
“ไปใช้ประตูดีๆ สิวะ! อย่าข้ามมานะเว้ย!” ผมยกไม้ยกมือทำท่าไม่ถูก แมร่งงงง ไม่ใช่ตึกเตี้ยๆ ชั้นสองชั้นนะมรึงงง นี่มันเกือบสิบชั้นเลย ตกลงไปไม่ใช่แค่ตายอ่ะ ชาติหน้าไม่ต้องผุดต้องเกิดเลย ไอ้มิกกี้เอ้ย!
“แบบนี้เร็วกว่า…เฮียรับหน่อยๆๆๆๆ”
ผมไม่สามารถพูดห้ามอะไรได้อีกแล้ว …ตอนนี้ขอเอื้อมตัวเอื้อมมือไปรับไอ้ตัวยุ่งข้างหน้าที่กระโดดข้ามระเบียงไกลเกือบสองเมตรมาก่อน แมร่งเอ้ยยยยยยยยยย กรูเสียวเยี่ยวแทบราด ไอ้เด็กเวร!
“อูยยย เกือบไม่ถึง” ไอ้ลิงบินบ่นทันทีที่ปีนข้ามระเบียงผมเข้ามาด้านในได้
“โอ๊ยยย!” นั่นก็เป็นเสียงมันอีกแหล่ะ ก็ผมโบกหัวเข้าให้ซะเต็มแรง ห่าเอ้ยยยยยย ทำกรูอายุสั้นได้อีก เฮ้ออออ ว่าแล้วก็ดึงไอ้ตัวแสบที่ยืนกุมหัวตัวเองน้ำตาเล็ดเข้ามากอดเต็มอก
“ให้ตายเถอะ…อย่าทำแบบนี้อีกนะรู้มั้ย” ผมกระซิบเสียงค่อย มันเหมือนไม่มีแรงเอาเสียดื้อๆ เคยเป็นมั้ยครับ…ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้เป็นคนกระโดดด้วยซ้ำนะ
“…ทำไมอ่ะ กลัวผมตกลงไปเหรอ?”
“ยังมีหน้ามาถาม…” ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นราวกับจะให้เป็นเครื่องปลอบประโลมและสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองว่า…อีกฝ่ายไม่เป็นไรแล้วนะ…ไม่เป็นไรแล้ว
“สบายมากน่า อยู่บ้านปีนต้นมะม่วงให้แม่บ่อยๆ” ไอ้หนูยังคงทำท่าระริกระรี้ภายในวงแขนผม น้ำเสียงไม่มีความหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย
“นั่นมันต้นมะม่วง นี่ตึกชั้นแปด…ทำอะไรให้มันพอดีซะบ้าง ไอ้คนข้างๆ เนี่ยหัวใจจะวาย เข้าใจมั้ย”
ผมยังคงหายใจแรง…แขนกอดรัดอีกฝ่ายแน่นจนแอบกลัวว่ามันจะหายใจไม่ออก สักพักจึงค่อยๆ คลายลง ไอ้หนูไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่พยักหน้าแล้วก็ยืนนิ่งให้ผมกอดอยู่แบบนั้น คงรู้ว่าผมน่ะกลัวแล้วก็ตกใจขนาดไหน… หลังจากที่เริ่มทำใจได้แล้ว ผมก็ก้มหน้าลงจูบเข้าที่หัวน้อยๆ ของมัน แล้วลูบเบาๆ …อยู่กับมันนอกจากจะไม่เคยเบื่อแล้ว ยังอาจตายได้ทุกวินาทีอีกต่างหาก ให้ตายเถอะ!
“ขอบคุณนะครับ…” งงสิครับ อยู่ๆ ไอ้มิกกี้ก็พูดขอบคุณขึ้นมา
“ขอบคุณที่เป็นห่วงผม…” มันเงยหน้าขึ้นมาในอ้อมกอดแล้วยิ้มให้ ยิ้มแบบที่ผมไม่เคยเห็นมันยิ้มได้กว้างขนาดนี้มาก่อน
“ไม่ห่วงไอ้ลิงตัวนี้ จะให้ไปห่วงหมาห่วงแมวที่ไหน” ตอนแรกจะพูดคำว่า ไม่ห่วง ‘แฟน’ แต่ดีนะที่กลั้นไว้ก่อน… เกือบหลุดไปแล้วเรา มันกระดากปากชอบกลนี่หว่า กับเด็กอายุห่างกันเกือบ 7 ปีแบบนี้
“โด่…เดี๋ยวลิง เดี๋ยวหมา เดี๋ยวค่าง เริ่มงงละเนี่ยว่าตัวเองเป็นอะไร” มันทำปากยื่นๆ แบบที่ชอบทำเป็นประจำ แล้วยกมือขึ้นลูบผมตัวเอง เพราะโดนมือผมขยี้ซะยุ่ง
“หึหึ”
ผมจูงมือมันเข้ามาในห้อง แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายยืนงงอยู่ตรงกลางห้องรับแขก…ก่อนที่จะเดินไปเปิดไฟ และหายเข้าไปในห้องนอนตัวเองสักพัก พร้อมกับของในมือ…
“มานี่” ผมกวักมือเรียกไอ้มิกกี้ให้เดินเข้ามาหา มันก็ทำตามแต่โดยดี
“เฮียกินข้าวรึยัง… ผมทำแซนวิชไว้ใน…”
“เดี๋ยวค่อยกิน นี่…ให้” ผมนำสิ่งของที่เพิ่งรื้อมาจากในลิ้นชักวางไว้บนฝ่ามือน้อยของเจ้าหนู มันหยิบขึ้นมามองแบบงงๆ
“กุญแจ?”
“อืม กุญแจ” ผมบอก และยิ้มกับท่าทางเปิ่นๆ ของมัน
“กุญแจไรอ่ะ ตู้เซฟเฮียเหรอ? เฮียยยยยยยยยจะตายแล้วเหรอออออ จะยกสมบัติให้ผมใช่มั้ยยยยย”
…ป๊าบบบ….
“อูยย ล้อเล่นนิดเดียว” มันยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมหัว สงสัยวันนี้โง่ไปอีกหลายขุม เจอผมโบกไม่ยั้ง
“กุญแจห้อง!”
“กุญแจห้อง? ห้องใคร? ห้องเฮียอ่ะนะ?” ไอ้มิกกี้ยังงงได้อีก มรึงจะงงอะไรนักหนาวะ!?
“เออออออ เก็บไว้ ทีหลังจะได้ไม่ต้องงัดต้องแงะ หรือปีนระเบียงเข้ามาอีก” ผมส่ายหน้าอย่างระอา เฮ้อออ เอาเข้าไป ไม่เข้าใจระบบความคิดความอ่านของมันเลยจริงๆ
“เอ๋~~~~~~~~~ให้ผมเหรออออออออ” เจ้าหนูทำหน้าระรื่น ตาวาวขึ้นมาทันใด มันหยิบกุญแจมือตัวเองขึ้นมาดู สลับกับมองหน้าผมเหมือนถามว่า จริงเหรอๆๆๆ อยู่แบบนั้น
“อย่าเผลอไปทำหล่นที่ไหนล่ะ”
ไอ้หนูทำหน้าลัลล้าโยนกุญแจในมือเล่นไปมา แล้วอยู่ๆ มันก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ รีบวิ่งออกไปนอกห้องทันที… ผมคิดในใจทำอะไรวะ แล้วก็มีเสียง แกร๊กๆ…
“ทะด่า~~~~” เอ่อ…มันไปลองกุญแจครับ แล้วไอ้มิกกี้ก็ทำแบบนั้น…เปิดปิดประตูไปมาอยู่ประมาณสามรอบได้ มันกำลังจะทำรอบที่สี่แต่ผมด่าก่อน เลยเดินหน้าจ๋อยเข้ามา แต่สักพักก็ยิ้มร่า หยิบพวงกุญแจห้องตัวเองขึ้นมาสอดกุญแจห้องผมไว้ด้วยกัน แล้วชูให้ผมดู ว่าคู่กันนะ… หึหึ เด็กเอ้ยเด็ก
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มาแบบเช้าๆ 