Part 36 มาแบบเร็วทันใจ
สรุปคือ… ไอ้ซันจะถอนหุ้นที่ลงทุนตั้งบริษัทร่วมกับมาร์ชครับ ซึ่งถือว่าค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่นะ มันไม่ได้บอกเหตุผลชัดเจนมากนัก แต่เห็นว่าเพราะมันอยากให้มาร์ชได้ทำตรงจุดนี้อย่างเต็มที่ แต่สำหรับตัวมันแล้ว… มันอยากทำงานที่มันรักจริงๆ ก็คือ งานออกแบบ… ตอนนี้ได้ออกแบบพวกแปลนบ้านก็จริง แต่ไม่ค่อยตรงกับสายที่มันเรียนมาเท่าไรนัก มันเลยอยากทุ่มเวลาส่วนที่เหลือไปทางด้านนี้มากกว่า
“ก็ไม่เห็นต้องถอนหุ้นเลยนี่วะ ปล่อยไว้แบบนั้น มรึงจะไปทำอะไรก็ทำ” ผมค้าน พอรู้เหตุผลที่ทะเลาะกันก็พอจะเข้าใจเลยว่าทำไมมาร์ชมันถึงโกรธ หัวฟัดหัวเสียได้ขนาดนั้น
“ก็เข้าใจ… แต่ก็ไม่อยากทำอะไรหยิบโหย่ง มือนึงจับอย่างนึง มือนึงจับอีกอย่าง มันจะล่มทั้งคู่น่ะสิ” ไอ้ซันมันว่า
“กรูเห็นมรึงก็จับทีละหลายอย่างได้นี่ น้องกรู…อาพล ไหนจะเรื่องกรูอีก หึ” ผมแค่นหัวเราะในตอนท้าย พูดแล้วเจ็บใจว่ะ
“เออๆ ชาตินี้จะไม่ยอมปล่อยน้องเลยใช่มั้ยเนี่ย ไอ้พี่ติดน้องเอ้ย”
“ไม่ ต่อให้ยังไงก็ไม่ปล่อย…ระวังท้ายครัวไว้เถอะมรึง ไว้มีโอกาส…”
“โหๆ พูดงี้จะดีเหรอออออ… เฮียคร้าบบบ เฮียยย” ผมล่ะหมั่นไส้จริงๆ เวลามันทำเป็นส่งเสียงเรียก ‘เฮีย’ เนี่ย…
“ทำไม กรูไม่ได้จะทำอะไรซะหน่อย จะบอกว่าระวังโดนคนอื่นตีท้ายครัวแค่นั้นเอง” ผมกลืนน้ำลายลงคอตัวเองหนึ่งเอื้อก
“อ้อเหรอ… ระวังตัวเองดีกว่ามั้ง หึหึ”
“จะเข้าเรื่องมั้ย เชี่ยนี่”
“เออ ก็นั่นแหล่ะ…จบ ก็จะถอนหุ้นออกมา ทำเรื่องเรียบร้อยแล้ว แค่…ไม่ได้บอกมันเท่านั้นเอง” ไอ้ซันทำเสียงอ่อยตอนท้าย สายตาจับจ้องไปยังแผ่นหลังที่นั่งห่างออกไปบนโซฟาห้องรับแขก
“สมควร”
“ขอบคุณมาก”
“มรึงก็รู้น้องกรูเป็นคนยังไง ทำไมมรึงยังทำแบบนี้วะ…ลองมีเรื่องอะไรไม่บอกมันดูสิ อาละวาดแน่ นี่คงถึงขีดสุดเลยสินะ เล่นวิ่งแจ้นหนีออกมาแบบนี้” ผมทำเสียงเหนื่อยใจ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเจ้ามาร์ชน่ะมันเอาแต่ใจใช่ย่อยที่ไหน แล้วถ้าตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ไม่ใช่คนที่จะเลิกง่ายๆ ด้วย…ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ชอบคิดเองเออเอง…
“ก็…รู้ไง”
“แบบนี้สงสัยคิดไปไกลแล้วว่ามรึงอยากเลิก…ทั้งเรื่องงาน และ เรื่องตัวมันเอง” ผมพุ่งเข้าประเด็นอย่างรวดเร็ว
“ถูก” ไอ้ซันถอนหายใจยอมรับ
“แล้วนี่…ดีกันจริงๆ หรือแค่หลอกๆ” ผมมองดูไอ้คนข้างๆ แล้วสงสัย เพราะถ้าคุยกันเรียบร้อยแล้วมันไม่น่าจะทำท่าทางเป็นกังวลแบบนี้
“ปนๆ กันล่ะมั้ง…เฮ้อออ ก็แค่อยากให้ส่วนนี้เป็นของของเค้า เผื่อ…เราเลิกกัน เค้าจะได้ได้ดี อย่างน้อยก็มีอะไรเหลือไว้บ้าง…แก้ไม่ตกว่ะ”
“ปัดโธ่เว้ย… สรุป มรึงจะเลิกกับน้องกรู?” ผมส่ายหน้าอย่างหัวเสีย ตัดสินใจถามไอ้ซัน
“ไม่” มันทำเสียงแข็งหันมามองหน้าผมอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรนัก
“งั้นก็ไม่ต้องถอน…จบ จะเลิกค่อยถอน”
“…หึ คิดอะไรง่ายจังนะ” ดูเหมือนมันจะเหวอไปเล็กน้อย แล้วกลับมายิ้ม
“แล้วจะคิดยากไปทำหอกอะไร ชีวิตจะตายวันตายพรุ่งอยู่แล้ว ไม่แน่…วันดีคืนดีกรูอาจทวงน้องคืนก็ได้ หึหึ” ผมหัวเราะ มือควานหาบุหรี่ในกระเป๋า แต่ก็ไม่เจอ…
“ตลอดเลยนะ”
“กรูเป็นพี่ กรูมีสิทธิ์…มีเรื่องอะไรก็เคลียร์ๆ กันเองละกัน โตกันแล้ว ไม่ต้องลามมาบอกกรู แต่จะเลิกกันค่อยมาบอก กรูจะปิดซอยฉลอง”
คราวนี้ไอ้ซันระเบิดหัวเราะออกมาเลยครับ มันรู้…ว่าผมแค่แกล้งพูดไปงั้นแหล่ะ กัดจิกกันมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่คราวนั้น… ที่ตัดสินใจยกมาร์ชให้มัน ผมก็ไม่มีอะไรติดคาในใจแล้วล่ะครับ แค่บางครั้งก็รู้สึกขัดหูขัดตากับการกระทำของไอ้สองตัวนี้บ้างก็เท่านั้นเอง คนมันเคยๆ นี่หว่า…มีน้องอยู่ใกล้ๆ พอต้องเห็นน้องไปใกล้คนอื่นมันก็ตะขิดตะขวงเป็นเรื่องธรรมดา (รึเปล่าวะ?)
ผมเดินหนีมันมาแล้วเข้าไปในห้องนอนเพื่อปลุกไอ้ตัวยุ่งของผมบ้าง…ไอ้ซันเองก็เดินไปนั่งแหมะลงที่โซฟาข้างๆ แฟนมัน
…แอ๊ด…
ร่างของเจ้าหนูขยับเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า… คาดว่าคงนอนเต็มอิ่มแล้วล่ะครับถึงได้รู้สึกตัว
“..เฮีย?” นี่สิ…ต้องเสียงนี้เท่านั้น คนอื่นอย่ามาอาจหาญเรียกแบบนี้เชียว
“ครับ…เป็นไงบ้างเรา” ผมนั่งลงบนเตียงข้างๆ มัน แล้วเอื้อมมือไปลูบตามใบหน้าและลำคอเพื่อดูว่ายังมีไข้อยู่หรือไม่ ปรากฏว่าตัวไม่ร้อนแล้วครับ เหงื่อแตกค่อนข้างเยอะเพราะเช็ดตัวหลายรอบ
“อือ… เมื่อยอ่ะ” มันพลิกตัว บิดขี้เกียจไปมา ทำตาหยี
“ก็นอนท่าเดียวตลอด สลบไปเลยล่ะสิ”
เจ้าหนูคราง อือ แทนคำตอบ…มันหลับตาลงอีกครั้งทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองหลับไม่ลงแล้ว ผมหัวเราะในลำคอ เฮ้ออ เด็กน้อยเอ้ย…
“อย่าเพิ่งนอน ไปกินข้าวก่อน มีข้าวต้ม…แล้วจะได้กินยาอีกรอบ” ผมดึงผ้าห่มมันออก ลูบหัวสองสามที
“..อือ ลุกไม่ไหวอ่ะ อุ้มหน่อย”
“หึหึ..”
ไม่เกี่ยงครับ…ผมช้อนตัวมันขึ้นในอ้อมแขน แล้วลุกขึ้นทันที เจ้าหนูดูตกใจเล็กน้อย แต่ก็หัวเราะชอบใจ….ใช่สิ นอนสบายเลยนี่ มันซุกหน้าเข้ากับอกผมแนบชิดจนรู้สึกได้ถึงไอร้อนที่ส่งผ่านทางลมหายใจระริน ผมพามันออกมานอกห้องโดยใช้ขายันประตูให้เปิดออก มาร์ชกับซันเองพอเห็นอย่างนั้นเลยลุกขึ้นตามบ้าง แต่เจ้าหนูยังคงนอนหลับตา อมยิ้มอยู่ในมือผม
“อ้อนใหญ่เลยนะ”
มิกกี้สะดุ้งทันทีเมื่อมาร์ชทักพร้อมเสียงหัวเราะเล็กน้อย…มันลืมตามองซ้ายมองขวาเลิ่กลั่ก…สุดท้ายสายตาคู่นั้นมาหยุดลงที่ผม มันรีบกระซิบบอกให้ผมเอามันลงกับพื้น และซุกหน้าหนี…แต่เรื่องอะไรจะทำตามล่ะ จะอายทำไมก็ไม่รู้ คนกันเองทั้งนั้น…ผมเลยเปลี่ยนจากที่อุ้มมันท่าเจ้าสาว มาอุ้มท่าเด็กแทน เจ้าหนูตกใจเอาขาเกี่ยวเอวผมไว้แน่น…สองมือรัดคอจนแทบหายใจไม่ออก และก้มหน้าซบลงกับบ่าผม
“กินข้าวกัน” ผมว่าอย่างนั้นแล้วเดินไปที่โต๊ะกินข้าวในครัว… ทั้งสองคนเดินตามมา มองเจ้าหนูที่เกาะตัวผมแน่นด้วยความขำขัน จนกระทั่งมาถึงโต๊ะนั่นแหล่ะที่ผมต้องพยายามแกะมือมันออกแล้วหย่อนตูดมันลงกับเก้าอี้
“น้องมิกกี้…พี่ทำเองนะ กินเยอะๆ” มาร์ชยื่นชามข้าวต้มมาให้ที่หน้าเจ้าหนู…โดยมีซันอ้าปากเหมือนกำลังจะบอกว่า ‘เวฟเอง’ แต่ก็โดนตาดุๆ ปรามเอาไว้
“…ขอบคุณครับ” เจ้าหนูเงยหน้าหันไปมองมาร์ชทีหนึ่ง แล้วจึงค่อยๆ หันหน้าตรงมาดูข้าวต้มร้อนฉุยข้างหน้าตัวเอง
“ไม่ต้องเกร็งหรอก…ทำตัวตามสบาย อ้อ นี่ซัน เอ่อ …เพื่อนพี่เอง” มาร์ชชี้ไปที่คนข้างๆ
“แฟน” มันแก้
ไอ้หนูทำตาโต มือถือช้อนค้างในมือ มันหันไปมองหน้ามาร์ช หน้าไอ้ซัน…และหันมามองหน้าผม มืออีกข้างก็ยกขึ้นพยายามชี้ไปชี้มา ปากพะงาบๆ จนผมต้องเอามือไปกดมือที่กำลังชี้โบ้ชี้เบ้ของมันลง แล้วยัดข้าวต้มเข้าปากมันซะ
“ซัน!...น้องตกใจ!” มาร์ชหันไปกระซิบเอ็ดใส่คนข้างๆ ส่วนไอ้ซันก็นั่งยิ้ม ยักคิ้วให้มิกกี้อีกตะหาก ห่าเอ้ย

“เฮีย…แฟนพี่มาร์ช…” เจ้าหนูกลืนข้าวพร้อมน้ำลายลงคอ แล้วเอียงหัวมากระซิบที่ข้างหูผมบ้าง
“อาฮะ” ผมตอบแบบผ่านๆ มือก็ตักข้าวต้มในจานเจ้าหนูมาเป่าๆ ก่อนจะวางทิ้งไว้เพื่อให้มันเย็น
“เฮีย…แฟนพี่มาร์ช!”
“เอออ รู้แล้ววว” ผมคิ้วขมวด … จะย้ำทำไมนักหนาวะ
“อ้าววว แฟนพี่มาร์ชๆ อ่ะ เฮีย! ไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง…อุ๊บ!” ผมยกข้าวต้มเข้าปากเจ้าหนูอีกครั้ง จะโวยวายทำไมวะ
สงสัยมันจะเริ่มรู้ว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เลยหันมานั่งนิ่งๆ แย่งช้อนในชามผมมาตักข้าวต้มตัวเองกิน ผมเลยต้องเอาช้อนมันเปลี่ยนมาใช้เองน่ะสิ… มีการหันหน้ามาค้อนแบบงอนๆ ปนงงๆ ด้วย มันบ่นกับตัวเอง ‘ไหนบอกพี่มาร์ชกลับแล้ว…ฮึ่ย’ แต่ผมก็ทำเป็นหูทวนลม ไม่ได้ยินอะไร มองไอ้คนข้างๆ แล้วยิ้ม กินข้ามต้มต่อไป
“มิกกี้…เรียนคณะอะไรนะ?” มาร์ชหันหน้ามามองผมกับเจ้าหนูทีหนึ่ง ทำหน้างุนงงเมื่อเห็นว่าพวกผมกระซิบกระซาบคุยอะไรกันสักอย่าง… ไอ้หนูรีบหันหน้ามาทำเป็นปกติทันที
“สิน’กำครับ”
“โห งานหนักเลยล่ะสิ…เค้าว่ากันว่างานเยอะ” มาร์ชหันมาทำท่ากอดอกสนใจ
“อื้ม ก็เยอะอยู่…”
“แต่ชอบอู้เป็นประจำ” ผมแทรกระหว่างบทสนทนาของทั้งคู่
“ไม่เคยอู้เว้ย…เฮียแหล่ะขี้อู้ ขี้มั่ว…ขี้ตู่อีกต่างหาก” ไอ้มิกกี้หันมาขู่ใส่ผมฟ่อๆ
“…ตอนไหนวะ เฮ้ นั่งดีๆ” ผมเอื้อมมือไปตีขาเจ้าหนูที่ยกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้…ให้ตายเถอะ สมเป็นเจ๊กจริงๆ ขนาดกินบนโต๊ะสูงแล้วยังต้องยกเข่าขึ้นมาชัน -*-
“โอ๊ย ตีคนป่วยอ๊ะ!” เจ้าหนูทำปากยื่น หน้าทู่

ไม่รู้ว่าภาพตรงหน้าจะสร้างความขบขันให้ไอ้แขกสองตัวนั่นหรือเปล่า เพราะมันมองหน้ากันแล้วยิ้มออกมา…แถมยังทำท่าเหมือนกำลังกลั้นเสียงหัวเราะขีดสุดอีกต่างหาก ให้พวกนี้…
“แล้วพี่มาร์ชกับพี่ซัน…ทำงานหนักป่ะครับ” มันคงนึกขึ้นได้ว่าต้องถามกลับตามมารยาท
“ก็…เรื่อยๆ น่ะ” ไอ้มาร์ชมองหน้าซันหนึ่งที ก่อนที่จะก้มหน้าลง และเงยขึ้นมายิ้มให้มิกกี้
“เรื่อยๆ ก็ดีแล้ว…ผมเรียนหนักจะตาย อยากทำงานแล้วอ่ะ” เริ่มแล้วครับ…อาการปากไม่อยู่สุขของเจ้าหนู พอหายไข้ล่ะซ่าเชียวนะ
“ทำงานน่ะหนักกว่าอีก…เรียนสบายจะตาย แต่พี่เรียนที่เมกามา ก็ไม่สบายเท่าไหร่หรอก แต่มันอิสระกว่าไง”
“โห เรียนเมกาเหรอ?? เท่จัง…พี่ซันด้วยเหรอ??” ไอ้หนูทำตาโตเป็นวาว
“เปล่า พี่เรียนไทย” ไอ้ซันหันมาตอบ
“เท่เหรอ…พี่ก็ไปกับพี่แดนนั่นแหล่ะ พี่แดนคอยดูแลตลอดตอนอยู่ที่นู่น” มาร์ชตอบไปอย่างอัติโนมัติพร้อมรอยยิ้ม …แล้วมันก็หันไปคุยอะไรสักอย่างกับซัน แต่ดูเหมือนว่าไอ้ซันจะจับสังเกตได้…ว่าเจ้าหนูเงียบลงไปทันตาเห็น มันส่งสายตามาทางผม กระตุกคิ้วสองสามทีแต่ปากนี่คุยกับมาร์ชอยู่…สามารถจริงนะมรึง
“…ไม่เห็นเฮียเล่าให้ฟังเลย” ไอ้มิกกี้ก้มหน้าลง เขี่ยข้าวต้มในจานตัวเองเล่น…เอาแล้วไงล่ะ งานเข้าแล้วกรู
“ก็แค่ไปเรียน ส่วนชั้นก็ไปทำงาน ก็แค่นั้น…” ที่จริงมันมีหลายเรื่องแต่ก็ข้ามๆ ไปมั่งละกัน หลักๆ มันก็แค่นั้นจริงๆ
“นานเปล่า?”
“4-5 ปีได้มั้ง”
“นานกว่าอยู่กับผมอีก…” มันพูดเสียงเบาที่ทำให้มาร์ชและซันไม่ได้ยิน แต่คนที่นั่งใกล้อย่างผมได้ยินเต็มสองรูหู แถมไอ้หนูยังคงเขี่ยหมูเล่น แบ่งเป็นสามชิ้นเท่าๆ กัน…เพื่ออะไรก็ไม่รู้
“นานกว่ามั้ย…ก็ต้องนานกว่าอยู่แล้ว อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด เป็นคนอุ้มมาร์ชคนที่สองหลังจากแม่มันเองด้วยซ้ำ…อุ้มก่อนพ่อมันจะอุ้มเสียอีก…”
“…ผมรู้” มิกกี้ตอบรับเสียงอ่อย สายตาเริ่มช้อนขึ้นมามองมาร์ชกับซันที่ถกเรื่องในทีวีกันไปมาอย่างเมามัน
“เพราะนั่นเป็นน้อง…เข้าใจมั้ย แต่นี่ไม่ใช่” ผมหยิบทิชชู่ตั้งอยู่กลางโต๊ะไปเช็ดที่มุมปากเจ้าหนู และยิ้ม…
“แล้ว…ผมเป็นอะไร?”
สิ่งที่ผมก้มลงไปกระซิบข้างแก้มนิ่มนั้น ทำให้เจ้าของมันยิ้มออกมาได้…แต่ก็ต้องพยายามหุบเอาไว้เมื่อไม่ให้ผิดสังเกต

มันเลิกเขี่ยหมูในจานแล้ว แต่กลับมาแบ่งให้ผมแทน…เมื่อเห็นว่าจานผมว่างเปล่าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมหัวเราะ แล้วเอาไปใส่คืนให้มัน…แต่มันไม่เอา ใส่คืนมาให้ผมอีกต่างหาก มีการบอกว่า ‘อิ่มแล้ว กินให้หน่อยดิ’
“ไม่กินเหรอ งั้นเอามา” อยู่ๆ ไอ้ซันก็ยื่นช้อนมา หมายจะตักหมูในชามผมซะงั้น
“เฮ้ยยย ไม่ให้” ไอ้หนูรีบดึงชามผมหลบทันที
“ไรวะ เห็นเขี่ยกันไปมาอยู่ได้ มาๆ เดี๋ยวกินให้ หึหึ”
“ไม่เอา ไม่ให้ ของเพ่ยังไม่หมดเลย มาแย่งของคนอื่นกินได้ไงเล่า!”
เพราะว่าสองคนนั้นนั่งตรงข้ามกันพอดี เลยกลายเป็นว่าแย่งของกินกันไปมาแทน…ส่วนผมกับมาร์ช ได้แต่จ้องหน้ากันด้วยความระอา เออ เอาเข้าไป…-*- ผ่านไปสักพัก ท่าทางไอ้มิกกี้จะสู้เจ้าซันที่เอาแต่หัวเราะร่าไม่ได้ มันเลยรีบตักหมูทั้งหมดขึ้นมา แล้วเข้าปาก อมไว้ทันที…
“อ้าๆๆ” มาจาก ฮ่าๆๆ เพราะมีหมูสามชิ้นเต็มปาก…เฮ้อ แฟนกรู
“ยัดเข้าไปได้ไงวะนั่น” ไอ้ซันมอง อ้าปากค้าง แล้วหัวเราะ
“เอ่ง” เอ่อ แปลว่า เก่ง…นี่กรูต้องแปลทุกคำเลยใช่มั้ยเนี่ย -*- แถมยังมีการนั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้ ยืดตัว กอดอกด้วยความมั่นใจ กรูจะบ้า
“เอ้าๆ กินดีๆ สิ..เดี๋ยวก็ได้ติดคอตาย”
“เอิ้กๆๆ อด” โอเค…อันนี้ไม่ต้องแปล ไอ้มิกกี้หัวเราะร่าเหมือนคนจะขาดอากาศหายใจตายเพราะไอ้หมูที่ยัดอยู่เต็มปาก ผมล่ะเสียวแทนจริงๆ
“ไอ้ลิงเอ้ย…” ไอ้ซันหัวเราะ แล้วขิงในถ้วยตัวเองไปใส่ชามเจ้าหนูแทน
“ไอ่เอาๆๆๆๆๆๆ!”
“กินสิ จะได้สุขภาพดี หายไวๆ …ท่าจะระบมหนัก หึหึ”
แมร่งเอ้ย…หลังจากที่ไอ้ซันพูดไปได้สักพัก เจ้าหนูก็ยังคงไม่รู้ตัว ได้แต่เขี่ยขิงในจานออกให้มากที่สุด…แต่พอสักพักมันคงเริ่มจะนึกออก เลยนั่งแก้มปูดหน้าแดงอยู่แบบนั้น
หลังจากนั้นเจ้าหนูและไอ้ซันเลยกลายเป็นปรปักษ์กันแบบฮาๆ ไปโดยปริยาย และ ตามมาด้วยฉายา ‘ไอ้ลิง’ ที่ไอ้ซันเป็นคนตั้งให้ จนบางครั้งทั้งผมและมาร์ชยังแอบเห็นด้วยและเผลอเรียกบ้าง มิกกี้น่ะเหรอครับ?... แรกๆ มันก็ไม่ยอมหรอก แต่หลังๆ สงสัยตระหนักได้ว่าตัวเองเป็นลูกพี่ลูกน้องกับลิงจริงๆ เลยไม่ค่อยเถียงเท่าไหร่ มันบอกว่า งั้นขอเป็นชิมแปนซี ละกัน เพราะฉลาดดี…บางที ผมยังคิดเลยว่า ไอ้ชิมแปนซีเนี่ย อาจจะฉลาดกว่ามันอีก
แต่อย่างน้อย…วันนี้ ตอนนี้ ผมก็รักไอ้ชิมแปนซีของผมแหล่ะครับ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จบได้น่าร๊ากกกก
ฮ แดนหล่อชะมัด เอิ้ก