Part 51
วันรุ่งขึ้นพวกเราก็ทำกิจวัตรกันตามปกติ…. มีไอ้ตัวยุ่งน่ะแหล่ะที่ทำหน้ามึน บ่นปวดหัวแต่เช้า ช่วยไม่ได้นี่นะเล่นซัดไปซะขนาดนั้น ไม่อยากจะถามว่าจำได้มั้ยว่าเมื่อวานทำอะไรไปบ้าง เพราะคำตอบคงมาแบบมึนๆ เหมือนมันในตอนนี้
“เฮีย…วันนี้ผมไปเที่ยวกับเพื่อนนะ” เจ้าหนูพูดไป มือก็ควานหามือถือบนเตียงไปด้วย
“เอาสิ ไปไหนกันล่ะ?”
“ก็…กะว่าจะไปเล่นบาสสนามใหม่ตรงแถวหมู่บ้านไอ้โจ้มันอ่ะ เห็นมันบอกอย่างหรู มีฟิตเนส สปา ห้องอาบน้ำด้วย” อีกฝ่ายอธิบายไปแล้วท่าดีใจเมื่อเจอมือถือตกลงไปตรงหลืบหัวเตียง
“อืม อย่ากลับดึกล่ะ” พูดเสร็จก็วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะหลังจากจิบจนหมดแก้ว
“ครับผม แล้ววันนี้เฮียทำไรอ่ะ?”
“อยู่ห้องนี่แหล่ะ…ไม่ค่อยอยากไปไหน”
ก็อย่างว่าแหล่ะครับ…จะบอกว่าช่วงนี้เลื่อนลอยก็ว่าได้ ที่จริงอยากจะบอกไอ้หนูเหมือนกันว่าอยากจะชวนไปดูหนัง แต่ในเมื่อมันเอ่ยมาขัดซะก่อนว่าจะออกไปเที่ยวกับเพื่อน ผมเลยต้องเบรกเอี๊ยดจนตัวแทบโก่ง เอาเถอะ…ยังไงซะก็มีเวลาอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป็นจะต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ต่างคนต่างก็ต้องมีสังคมตัวเอง และโลกส่วนตัว
“…งั้นผมไม่ไปแล้วก็ได้” มิกกี้ตอบเสียงเบา ทำหน้าหงอย เหมือนลังเลเมื่อได้ยินผมบอกว่าไม่ได้ออกไปไหน

“หืม? ทำไมล่ะ?”
“ก็เฮียอยู่คนเดียวอ่ะ…”
“เฮ้ยยย จะบ้ารึไง อยู่คนเดียวไม่ตายซักหน่อย ทำไมจะต้องมาอยู่ด้วยล่ะ” ผมตอบไปแบบติดตลก พร้อมกับบิดขี้เกียจซ้ายที ขวาที
“ก็….”
“ไม่ต้องพูดมาก จะไปก็ไป อยากเล่นไม่ใช่รึไง ดูหน้าก็รู้แล้ว” ไม่อยากจะบอกว่าหางกระดิกขนาดนั้น..เอ ว่าแต่ผมเห็นหางมันได้ไงวะ
“…อือ” มันพยักหน้าหงึกๆ หางที่ดูจะกระดิกระริกระรี้ตกลงหน่อยนึงเหมือนเกรงใจ
“ไปเถอะ แล้วรีบกลับมา”
ผมยิ้ม…แล้วคว้าเจ้าหนูเข้ามากอด หอมแก้มแรงๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนลงมาจุ๊บเข้าที่ริมฝีปากนิ่มสีซีดของอีกฝ่าย มันเองก็ท่าจะชอบเพราะเห็นอมยิ้มเล็กๆ และกระซิบบอกว่า ‘ขอบคุณครับ’
“เอ้อออออออออออออ ลืมมมมมมมมมมมมมม” อยู่ๆ ไอ้หนูก็ตะโกนเสียงดังจนผมต้องหรี่ตา กลั้นหายใจเพราะแสบแก้วหู
“…โอย อะไรเนี่ยหะ!?”
“เดี๋ยวมาๆๆๆ”
ไอ้คนพูดมันรีบวิ่งหายวับออกนอกห้องไป…พร้อมกับเสียงปิดประตูดังปังตามมา ส่วนผมได้แต่ยืนงงกับมันว่าเกิดอะไรขึ้นวะ เวลาผ่านไปสักพัก คิดว่าน่าจะ 10 วิได้ ไม่รู้มันวิ่งหรือหายตัวไปกันแน่ถึงได้เร็วขนาดนี้ ไอ้มิกกี้ก็วิ่งร้อยเมตรกลับเข้ามาในห้อง หอบแฮ่กๆ
สภาพทุกอย่างเหมือนเดิมเป๊ะ… ยกเว้นเหงื่อเม็ดเบ้งบนหน้าผากมันกับ…แว่นกันแดดทรงเรย์แบนที่ป้ายราคายังห้อยโตงเตงเฉียดแก้มเจ้าหนูไปมา
“หล่อง ปันนนนนน หล่อง เหล่าาาาา หม่าน เล๋ย โทว โท้ว กอง เสอย หวิง ปั๊ด เยา”
ไอ้ตัวแสบยืนเก๊กที่หน้าประตู ก่อนจะร้องเพลง…แล้วเดินเยื้องยุรยาตรเข้ามาหาผมที่ยืนอ้าปากเหวออยู่กลางห้อง มันค่อยๆ ถอดแว่นออก แล้วยักคิ้วให้ผม ไม่รู้ว่ามันร้องถูกรึเปล่านะ แต่คาดว่าคงไม่ได้เพี้ยนมาก ก็บ้านมันจีนซะขนาดนั้นนี่หว่า
“ลืม…ของขวัญคร้าบบบบบ” มิกกี้ยื่นแว่นมาให้ผม แต่มันไม่ได้เอาใส่มือ กลับสวมให้แทน…
“หึหึ ไหนล่ะผ้าพันคอ ไม่ครบเซ็ทเลย” ผมหัวเราะในลำคอ ก็เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้มันต้องมีผ้าคล้องคอยาวๆ ด้วยนี่ เดี๋ยวแถมออปชั่นคาบบุหรี่ให้ด้วย เท่ใช้ได้เลยเว้ยเฮ้ย
“อืมมมม…ไม่เอา เฮียเหมาะกับนี่มากกว่า…”
“…กับ?” ผมเลิกคิ้วขึ้นถาม
“เรียงเบอร์คร้าบบบบบบบ เรียงเบอรรรรรรรรรรร์”


ป๊าบบบบบบ!
ไอ้มิกกี้โดนผมเตะเข้าที่ก้นอย่างจัง มันน่านักให้ตายเถอะ! เจ้าตัวถึงกับร้องโอ๊ย แต่คงไม่มาก เพราะเห็นกระดกตูดหลบทัน แถมยังหัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจอีกต่างหาก ไอ้ตัวแสบเอ้ยยยยยยย
“หล่อขนาดนี้มาว่ากันได้…แล้วดูซิ ป้ายราคาก็ยังไม่เอาออก เท่าไหร่เนี่ย 199 ใช่มั้ย?” ผมถอดแว่นออกมาดูขามันที่มีป้ายสีขาวห้อยอยู่
“…ใครบอก ติดเอาไว้ เดี๋ยวหาว่าซื้อของก็อปมาให้”

ว่าแล้วผมก็พลิกด้านหน้าขึ้นมาดู มียี่ห้อ Rayban ตัวสีขาวบนพื้นแดงเด่นหรา พอกลับด้านมาดูก็เห็นว่าเป็นรูปวาดเขี่ยๆ ลายเส้นการ์ตูนเป็นตัวมิกกี้เม้าส์กระพริบตาให้ข้างหนึ่งพร้อมรอยยิ้ม ฟันหลอข้างหน้าสองซี่…ผมล่ะเกือบจะหลุดขำออกมา
“ให้ๆๆๆๆๆ” เจ้าหนูพูดรีพีทไปมาเหมือนตุ๊กตาพานาโซนิก
“เออ ไม่ต้องย้ำมาก รู้แล้วว่าให้”
“…..” ดูมัน ทำปากยื่นปากยาวอีก
“ครับบบบ ขอบคุณครับบบบ”

ผมรีบบอกก่อนที่ปากมันจะห้อยไปมากกว่านี้ เสร็จแล้วเลยเอาแว่นขึ้นมาสวมใหม่อีกครั้ง ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นพาดบ่าไอ้หนู แล้วดึงรวบเข้ามาจนจมูกเราทั้งคู่ชนกัน
“ขอบคุณนะ…นึกว่าจะไม่มีอะไรให้ซะแล้ว” ที่จริงผมก็พูดไปงั้นแหล่ะครับ เพราะไม่ได้คิดว่ามันจะซื้ออะไรให้หรอก แค่เซอร์ไพรส์ปาร์ตี้ก็ตกใจระคนดีใจแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ… แต่ที่จริงมันยังไม่ครบอ่ะ”
“…เหลืออะไรอีก?”
“ก็เหลือ…ไม้เท้าอ่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปซื้อมาให้นะ จะได้ออกไปไหนสะ…อื้อ!”
ก่อนที่มันจะกวนตรีนผมไปมากกว่านี้ เลยต้องรีบปัญหา จัดการกับไอ้ปากหมาๆ นี่ซะก่อน…ผมลงมือประกบปากเจ้าหนู มันถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นสูงเพราะโดนรัดคอเอาไว้ ปากก็อึกๆ อักๆ แบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่ทันไรปากน้อยนั่นก็เริ่มนิ่ง แล้วเริ่มกลับมาจูบตอบแทน
ผมยืนมองหน้ามันที่หลับตาปี๋อยู่แบบนั้น ปากก็ไม่ได้หยุด…แต่ก็เกือบชะงักเมื่ออีกฝ่ายอยู่ๆ ก็ลืมตาโพลงซะงั้น!
“หลับตาสิ…” ผมละปากมาเล็กน้อย แล้วพูด ก่อนที่จะลงมือจูบต่อเบาๆ
“…อืมมม อืออ ไม่เอา จะดู” พูดได้ไม่เต็มปากยังจะมาเถียงอีก ยุ่งจริงๆ ไอ้ตัวนี้
“บอกให้หลับตา…”
“ไม่…”
“มิกกี้”
“ไม่ต้องมาดุเลย ไม่กลัว”
ใช่สิ…เดี๋ยวนี้ทำเป็นรู้ทาง มีไม่กลงไม่กลัว เลยจะทำเป็นถอดแว่นออกมา แต่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็โวยวายบอกว่า ‘อย่าถอดดิๆ’ แล้วกดแว่นเข้ากับสันดั้งผมเหมือนเดิม สุดท้ายก็ต้องเลยตามเลย ใส่มันอยู่แบบนั้นทั้งๆ ที่อยู่ในห้อง
“ไปเถอะ เดี๋ยวจะไม่ได้ไปพอดี หึหึ” ผมยกมือขึ้นลูบแถวสะโพกเจ้าหนู แอบขัดใจเล็กน้อยเพราะกางเกงยีนส์มันหนาไปหน่อย แต่ก็เพลินดีเพราะเดี๋ยวนี้เด็กเค้านิยมใส่ขาจิ้งเหลนกันทั้งนั้น… อ้อ ขาเดปนั่นแหล่ะครับ แต่เห็นใส่แล้วมันขาลีบเหมือนจิ้งเหลนเลยเรียกอย่างนั้น แถมยังรัดซะจนอึดอัดแทนเลยทีเดียว
“…ก็ได้ๆ”
ถึงว่าทำไมหนักๆ ที่แท้ขาไอ้หนูมันพาดเข้ากับเอวผมแล้วครับ ไอ้หมอนี่…ไวชะมัด ชอบเหมือนกันล่ะสิ ว่าแล้วก็ตบตูดมันไปอีกที พร้อมกับกัดเบาๆ ที่แก้ม มันยิ้มรีบหลบหน้าหนี แต่หันปากมาจูบที่คางผมแทน
“งั้นไปแล้วนะคร้าบบบบบ”
“อืม… รีบกลับล่ะ”
“อื้อ” ไอ้ตัวยุ่งหันมายิ้มกว้างจนตาหยี ก่อนจะรีบคว้าหมับเข้าที่เป้สะพายหลังที่แน่นตุง คาดว่าข้างในคงมีอุปกรณ์กีฬากับเครื่องแต่งกายหลายอย่าง

เสียงปิดประตูตามหลังดัง..ปัง ทำเอาผมอดถอนหายใจไม่ได้ ปากบอกว่าไม่เหงาๆ แต่พอเสียงโวยวายนั่นเงียบลงก็แอบใจหายไม่ได้
เสร็จแล้วจึงนั่งลงหน้าโต๊ะทำงานตัวเก่า เปิดโน้ตบุ๊คขึ้นเพื่อเช็คเมลล์และข่าวคามคืบหน้าต่างๆ

เวลาผ่านไปสักพักได้ก็มีเสียงกดออดดังไปทั่วห้อง…
ลืมเอากุญแจไปรึไงนะ ไม่ก็สงสัยลืมขออะไรสักอย่างอีกแน่ๆ ไอ้มิกกี้เอ้ยยย ชอบเป็นแบบนี้เรื่อย ของก็พะรุงพะรังเต็มกระเป๋าแล้วนะนั่น ยังจะเอาอะไรไปเพิ่มอีก สงสัยต้องใส่หาบแบกขึ้นหัวถึงจะพอ -*-
“ลืมอะไรอีกล่ะเรา…” ผมเปิดประตูพร้อมกับเอ่ยแซว แต่กลับต้องรีบแผ่วเสียงลงในท้ายประโยคเมื่อเห็นว่าคนที่มาเยือนนั้นไม่ใช่เจ้าหนู แต่เป็น…

“ลืมเสื้อครับ ที่ฝากเอาไว้” ไอ้หน้าตี๋คิ้วเข้มในชุดลำลองแบบเกาหลีพูดทักทายขึ้นแบบไม่สะทกสะท้าน
“ลงไปเอาร้านข้างล่างสิ นี่ไม่ใช่ร้านซักรีด” คาดว่าหน้าเซ็งๆ กับน้ำเสียงสุดทนคงแสดงออกอย่างชัดเจน อีกทั้งมือที่รีบปิดประตูนั่น แต่ทำไม๊ ทำไม ไอ้บ้านี่ถึงไม่เคยเข้าใจเลยวะ
“อ้าว เดี๋ยวๆๆ อย่าเพิ่งปิดดิเฮียคร้าบ ผมจะไปตรัสรู้ได้ยังไงว่าเสื้อมันยังอยู่ข้างล่าง ก็นึกว่าจะมีคนใจดีไปเอามาให้แล้วซะอีก” ไอ้ไผ่เกร็งมือดันประตูไว้ไม่ให้ปิด โชคดีที่ผมยังมีสามัญสำนึกไม่ออกแรงดันทับนิ้วมันให้หักไปรู้แล้วรู้รอด
“เสียใจ แถวนี้ไม่มีคนใจดี”
ผมพยายามจะปิดประตู…โดยมีเสียงโวยวายจากไอ้คนที่ยืนแกร่วด้านนอก แต่เหมือนโชคจะเข้าข้างมัน เมื่ออยู่ๆ ก็มีเสียงลุงพรรณ พนักงานประจำเก่าแก่ของคอนโดผมเดินหลังค่อมเข้ามาหา
“คุณแดนครับ มีจดหมายด่วนจากต่างประเทศมาครับ” แกยื่นซองจดหมายของ DHL ส่งให้ผมอย่างงกๆ เงิ่นๆ
“…ขอบคุณครับลุง เอ้ย! ไม่ต้องเลย ออกมานี่” อีกมือนึงก็รับจดหมายนั่นมา ส่วนอีกมือก็ไวพอที่คว้าคอเสื้อไอ้ไผ่ที่กำลังมุดเข้ามาในห้องผมได้ทันเวลาพอดี
“โหย อะไรอ่ะ เร็วชะมัด” มันบ่น พร้อมกับพยายามสะบัดตัวออกจากการจับกุม
“นี่…ส่งมาเมื่อไหร่ลุงพรรณ?”
ผมรีบถามอีกฝ่ายทันทีเมื่อเห็นว่าจัดส่งมาจากที่ไหน… นี่มัน…
“ก็เมื่อเช้านี่เองแหล่ะครับ” ลุงแกตอบ และเดินไปสอดจดหมายเข้าใต้ประตูห้องอื่นต่อเมื่อผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
ตอนนี้ไม่มีอารมณ์มาสนไอ้เด็กไผ่ที่ถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้องผมเรียบร้อยแล้ว ได้แต่จ้องมองซองจดหมายในมือ …ใจนึงก็อยากเปิด แต่อีกใจนี่สิ… มันคิดไปไกลแล้ว
“อะไรน่ะ?” หมอนั่นเดินเข้ามามองของในมือผมแล้วถามด้วยความสอดรู้สอดเห็น แล้วยื่นมือมาเหมือนพยายามจะแย่งไปดู
“อย่ายุ่ง” ผมยกซองขึ้นให้พ้นมืออีกฝ่าย
“หึหึ ทำหวงๆ” ดูน้ำเสียงมันสิครับ น่าตบชะมัด -*-
“…แล้วเข้ามาทำไม ไม่ไปเอาเสื้อข้างล่างล่ะ”
“เดี๋ยวค่อยไปเอา” มันตอบแบบไม่ยี่หระ เพิ่งสังเกตว่าในมือหยิบเอาไอติมมาตักกินสบายใจเฉิบตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“เอามาจากไหน?”
“ในตู้เย็น”
โอ๊ยยย…กรูล่ะอยากตาย นี่มันมีความเกรงใจกันบ้างมั้ยเนี่ยยย ที่สำคัญไอ้ไอติมถ้วยอันนี้มันของเจ้าหนูด้วยน่ะสิ ถ้ามันกลับมาไม่เห็นต้องโวยวายแน่ๆ จะบอกว่าขโมยมากินเองก็ไม่รู้จะเชื่อรึเปล่า เพราะเคยบอกไว้ว่าไม่ชอบรสนี้
“…ออกไป” ผมพยายามไล่อย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้
“แล้วตกลงนี่ส่งมาจากไหนอ่ะ?” ไอ้ไผ่ทำเป็นไม่ได้ยิน ยังคงหันมาสนใจของในมือผมแทน
“บอกว่าอย่ายุ่ง ออกไป แล้วเอาไอติมไปเก็บด้วย”
“…ว้าว จากอเมริกานี่ อะไรน่ะ…Real Estate Company?”
เฮ้อออ…ใครก็ได้เอาไอ้ห่านี่ไปเก็บที ผมรีบพับจดหมายแล้วยัดใส่กระเป๋าเสื้อ ส่วนไอ้ไผ่ก็มองตามแบบอยากรู้จัด จนผมต้องส่งสายตาดุๆ ไปให้ทีนึง แต่ดันลืมไปว่าใช้กับไอ้หมอนี่ไม่ได้ผล
“Estate นี่มันอสังหาฯ ไม่ใช่เหรอ….” มันยังคงพยายามเดาไปเรื่อยตามประสา ไม่รู้จะมาเจือกอะไรเวลาแบบนี้ -*-
“เอาล่ะ หมดเวลาสนุกแล้ว ออกไปเดี๋ยวนี้” ผมดันตัวไอ้ ส. ใส่เกือกออกไปนอกห้อง แต่ก็โดนมือปลาหมึกนั่นคว้าหมับเข้าที่แขนเสื้อไว้ก่อน
“จะรีบไปไหนๆ พักเดี๋ยวนึงสิ” สาดดดดด เป็นอิกคิวซังรึไงมรึงน่ะ =_=
“ไผ่…หยุดเล่นได้แล้ว”
“ผมก็ไม่ได้บอกว่าเล่นซักหน่อย” มันพูดหน้าตาจริงจังไม่แพ้กับผม เล่นเอารู้สึกแปลกๆ ไปเหมือนกัน
“งั้นก็ปล่อย แล้วลงไปเอาเสื้อ”
“…ไปด้วยกันหน่อยสิ”
“เรื่อง?? ไปเองไม่ได้รึไง”
“…ผมจำทางไม่ได้” โหหหหห เชื่อตายละ ไอ้หอกหัก คอนโดเล็กแค่เนี้ยมาทำเป็นบอกจำทางไม่ได้ ทีมาห้องกรูล่ะคล่องปรื้ดๆ
“ถามยามข้างล่างเอา”
“เฮียยยยยยยแดนนนนนน…ไปเป็นเพื่อนหน่อยนะ ไม่ไปก็ไม่ปล่อย เอาสิ”
ผมล่ะอยากจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เป็นบ้าอะไรของมันวะเนี่ยยยย…รู้จักกันก็ไม่ใช่ คุยกันแค่ไม่กี่ครั้ง แถมตรูยังทำท่าไม่รับแขกขนาดนี้ด้วยแล้วมันยังจะเอาอะไรกับตรูอีกกกกกก ไม่ค่อยจะเข้าใจว่ามันต้องการอะไรถึงได้ทำแบบนี้ จะว่ามาชอบก็ไม่น่าใช่…เรื่องอะไรมันจะต้องมาชอบกรูฟะ หน้าตามันก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ผู้หญิงน่ารักมีมากมายให้เลือก เสือกอะไรกะชีวิตกรูนักหนาเนี่ย!!
เราทั้งคู่ยืนนิ่งกันอยู่แบบนั้น…ผมสะบัดแขนสองสามทีไอ้ไผ่มันก็ไม่ปล่อย แถมหน้าตายังดูเอาจริงซะด้วย เลยได้แต่ถอนหายใจเสียงดัง แล้วเดินออกมานอกห้อง ปิดประตู….
“มาด้วยตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง…อิดออดอยู่ได้” โอโหๆ ดูมันพูดเข้า สรุปกรูผิดใช่มั้ยเนี่ย!?
“อย่าพูดมาก จะไปก็ไป เสร็จแล้วก็ไสหัวกลับบ้านซะด้วย” ผมตอบมันด้วยความเซ็ง เดินนำหน้าลิ่วๆ ไปกดลิฟท์ทันที
“ฮึกๆ ใจร้าย”
มาทำเป็นแกล้งบีบน้ำตา จะทำอะไรก็ให้มันเนียนๆ หน่อยได้มั้ย… จะร้องไห้ เสือกยิ้มทำหอกอะไรวะ ไอ้เด็กเวรนี่ ผมว่ามิกกี้มันแสบแล้วนะ แต่รายนั้นแสบแบบให้อภัย เพราะมันน่ารัก แต่รายนี้แสบแบบหวังผลอะไรสักอย่าง ทำเอาคิ้วข้างขวากระตุกดิ๊กๆ ชอบกล
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โอย ไม่ไหวแระ เจ้าพ่อเซี้ยงไฮคนนี้น่ารักเกิ้นนนน แต่อิไผ่ เอามันออกปายยยย 