---"กูล่ะเซ็งจิต...ไอ้ติสต์แตก"--- P.343 (29-01-11) พิเศษย้อนหลัง Happy New Year จร้า *[]*
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ---"กูล่ะเซ็งจิต...ไอ้ติสต์แตก"--- P.343 (29-01-11) พิเศษย้อนหลัง Happy New Year จร้า *[]*  (อ่าน 2689719 ครั้ง)

ออฟไลน์ LoveAholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
กรี๊ดดด  มิกกี้  ถูกใจพี่ที่สุดเลย

อย่างอิไผ่ มันต้องเจอแบบเน้

สอยให้ร่วงไปเล้ย อย่าได้แคร์เฮีย

มัวแต่อ้ำอึง มันยิ่งได้ใจ ตอนหน้าขอ

อย่างนี้อีกน๊า กวนมาหลายตอนแล้ว

จะได้สาสมกันหน่อย   o13

CaroL

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ ชินจัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 307
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ไผ่......... กวนตรีน !!  :z6:

รักมิคกี้เหมือนเดิม  :กอด1:

patiharn

  • บุคคลทั่วไป
หึหึ....เจ้าไผ่นี่กวน :z6:จริงๆ

MaIOcEaN

  • บุคคลทั่วไป
เห็นหัวเรื่องเปลี่ยน  ตอนใหม่จะมาแล้วสินะ  อิอิ

เป็นกำลังใจให้คนแต่งและคนโพสต์ครับ :L2:

-N-

  • บุคคลทั่วไป
Part 60



“แล้วตกลงมันจะเอายังไงเนี่ย”  ไอ้มิกกี้อยู่ๆ ก็ถามขึ้นกลางวงข้าวทั้งๆ ที่ช้อนยังคาอยู่ในมือ

“อะไร…”  ผมแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจคำถาม  มือข้างนึงถือแก้วกาแฟ  ส่วนอีกข้างดูเอกสารและสมุดโน้ตในมือ  ไล่ตามองดูคร่าวๆ

“ไผ่ไง  เฮียคิดว่ามันจะเอาไงต่อไป”  

“ไม่รู้สิ  ก็คงไม่ไงหรอกน่า  อย่าไปคิดมาก”

“…”



หลังจากที่ยังคงจดจ่ออยู่กับข้อมูลตรงหน้า  ผมก็ได้ยินเสียงครืดเหมือนอะไรบางอย่างครูดพื้น  เมื่อเงยหน้าขึ้นมาดู…ปรากฏว่าเป็นไอ้หนูที่กำลังลากเก้าอี้จากฝั่งตรงข้ามมานั่งแหมะข้างตัวผมแล้วในตอนนี้

“เฮีย  ผมซีเครียดนะเนี่ย”  ภาษาไรของมันวะ ซีเครียด -*-

“เรื่อง?”  

“เว้ยยยย….เฮียยยยย  อย่ามาทำมึนนะ  ไอ้ไผ่ไงเล่า  ไอ้เหี้ยไผ่อ่ะ!” คราวนี้มันเอามือมากดสมุดที่มีโพสต์อิทแปะมากมายลงกับโต๊ะ  สายตาจ้องมาแบบเคืองๆ

“เฮ้ออออ ก็บอกแล้วว่ามันไม่มีอะไรหรอก  มันเองก็บอกมาจนหมดเปลือกแล้ว  คงไม่ได้คิดอะไรนอกจากนั้นแล้วล่ะ”  



ผมพยายามจะจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด  เพราะกับไอ้แค่เรื่องที่ต้องจัดการส่งงานไปส่งงานมาระหว่างไทยกับเพื่อนร่วมงานที่อเมริกาก็ปวดหัวพออยู่แล้ว  ที่จริงจะให้ง่ายคือ  บินไปจัดการเองด้วยตัวเองที่นู่นซะก็คงไม่เหนื่อยเป็นเท่าตัวแบบนี้  แต่ก็เพราะอะไรล่ะ….เพราะไอ้ตัวที่ส่งเสียงฮึ่มๆ อยู่ข้างผมตอนนี้น่ะแหล่ะ  ถึงต้องจัดการสองไม้สองมืออยู่แบบนี้  ให้ตายสิ

“แต่ยังไงมันก็แปลกๆ อยู่ดี”  เจ้าหนูยังไม่เลิก  มันรีบเอามือขวางแผ่นกระดาษเอสี่สีขาวที่ผมกำลังจะหยิบขึ้นมาทันที

“แปลกยังไง?”

“ไม่รู้  รู้แต่มันแหม่งๆ…โอ๊ยยย”  ผมดีดนิ้วใส่มือไอ้หนูที่ยุ่งวุ่นวายกับการขัดขวางไม่ให้ผมได้ทำงานซะเหลือเกิน

“เอาน่า  ปล่อยมันไปเถอะ  แค่นี้ก็ปวดกบาลจะตายแล้ว”

“…ใช่สิ  ก็เฮียเป็นคนไปกับมันนิ  ไม่ใช่ผม  ถ้าผมไปกับมัน  อยู่ด้วยกันกับมัน  เฮียจะกังวลแบบผมรึเปล่าล่ะ”  



น้ำเสียงนี่น้อยใจอย่างเห็นได้ชัดจนผมอยากจะขยี้หัว ขยี้หู ขยี้ตาตัวเองจริงๆ  ไอ้กร่างที่กระโดดด่าอีกฝ่ายเหยงๆ เมื่อกี้หายไปไหนแล้ววะ  เหลือแต่ไอ้เด็กเอาแต่ใจ ทำหน้ายู่ปากยื่นจนน่าหมั่นเขี้ยวอยู่ตรงนี้….แถมยังยกขายาวๆ ทั้งสองข้างขึ้นกอดไว้บนเก้าอี้  หันหน้ามาทางผมเหมือนอยากจะเรียกร้องความสนใจเต็มที่ยังไงยังงั้น


ผมค่อยๆ กดปลายปากกาดังแป๊ก  แล้ววางลงบนโต๊ะ  หันไปมอง    ไอ้ตัวที่นั่งทำหน้ามุ่ยอยู่แล้วก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งมันเล็กๆ น้อยๆ ว่าแล้วก็ยื่นมือออกไปดึงเก้าอี้มันให้ขยับเข้ามาใกล้จนได้ยินเสียงเสียดสีดังเอี๊ยดอ๊าด  มิกกี้เองก็ตกใจนิดหน่อย  สองมือผละจากขาตัวเองไปจับกับเก้าอี้ไม่ให้เซหล่นลงไป  


เห็นอย่างนั้นเลยเอื้อมมือไปดึงขาทั้งสองข้างของมันให้เหยียดตรงมาบนหน้าตักผม  ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเราสองนั่งประจันหน้ากันบนเก้าอี้  โดยที่ไอ้หนูมันเอาขามาเกยกับเก้าอี้ของผมอยู่แบบหมิ่นเหม่  


“แต่เหมือนมันจะชอบเรามากกว่านะ…”  อีกฝ่ายหยุดนิ่งคิดไปสักพักว่าผมพูดเรื่องอะไร  พอนึกออกก็หัวเราะเสียงแค่นออกมา

“เหอะ…ชอบบ้าไรของมัน  กวนประสาทน่ะสิไม่ว่า  ทำตัวปัญญาอ่อน”  กล้าพูดเนอะ…กล้าพูด ไอ้ทำตัวปัญญาอ่อนเนี่ย

“ถามจริง  แล้วจำมันไม่ได้เลยรึไง  ไอ้ไผ่มันถึงได้ตามจองล้างจองผลาญแบบนั้นน่ะ?”

“เหอออออ  ขอเหอะเฮีย  คนในมหาลัยมีเป็นล้าน  กะไอ้หน้าจืดนั่นใครจะไปจำได้  วันๆ ต้องเจอคนกี่คนก็ไม่รู้  คนละคณะอีกต่างหาก”  มันก็เว่อร์ไปนั่น  แต่ผมก็พอจะเข้าใจนะครับ  ยิ่งสมองอย่างไอ้มิกกี้ด้วยแล้ว  ถ้าไม่อยากจะจำก็อย่าหวังว่าจะให้มันจำเลย…ความจำสั้นยิ่งกว่าลำไส้ปลาทองอีก

“เพราะฉะนั้นก็ไม่เห็นมีอะไรน่าห่วง  ในเมื่อเราไม่ได้สนใจ  ชั้นไม่ได้สนใจ  แล้วมันจะทำอะไรได้”  ผมบอกเสียงเรียบ  มือก็นวดขาแห้งๆ ของไอ้หนูไปด้วย  

“…กวนส้นตริงไง”  

“เฮ้อออ นี่เราอารมณ์ร้ายแบบนี้บ่อยมั้ยเนี่ย  ปกติไม่เห็นจะเคยเป็นนอกจากตอนเมา” ผมบอกไปตามตรงเพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เห็นมันโวยวายขนาดนี้  ไม่นับตอนที่ผมกับมันทะเลาะกันช่วงแรก  แล้วมันหนีไปแดรกเหล้าวุ้นวายเวิ่นเว้อกันไป

“…อยากรู้ก็ไปถามไอ้นัทเอาดิ”  มันนั่งหน้ามุ่ย  มือก็เริ่มเลื้อยไปหยิบเอกสารผมมาพับเล่น  อ้าว เฮ้ยๆ…ว่าแล้วเลยตีมือมันไปเพี๊ยะนึง

“เดี๋ยวนี้ช่างไล่นะ หืม? ให้ไปถามคนนั้นคนนู้นเอาเอง  เป็นอะไร  เป็นใบ้รึไง  พูดเองไม่ได้เนี่ย”  

“โอ๊ยๆๆๆ เฮียยย เบาๆ หน่อยเด้!”  



ไอ้มิกกี้ดิ้นพล่านเมื่อโดนผมจับกดตรงข้อเท้าแล้วบิดพลิกไปมา  เห็นอย่างนั้นจึงค่อยๆ คลายมือ  แล้วนวดต่อไป  เจ้าหนูมันมองผมแบบเซ็งๆ ประมาณว่า ‘ตบหัวแล้วลูบหลัง’ ได้อีก  



“ผม…เจ็บนะ”  ไอ้หนูเงียบไปพักนึง  ก้มหน้านิ่ง  สองแขนยังคงท้าวไปกับเก้าอี้ทางด้านหลัง  ส่วนขาข้างนึงพาดไปกับตักผม  อีกข้างก็ไม่พ้นกำมือที่กำลังบีบๆ คลึงๆ อยู่ไม่ห่าง

“หืม…มิกกี้?”  ผมพยายามจ้องอีกฝ่ายเพื่อบังคับกลายๆ ให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาดีหน่อยซิว่าเป็นอะไร

“เจ็บ…”  

“โอ๋ๆ มานี่มา  เจ็บตรงไหน หืม?”  





ผมลอบยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นท่าทางงอแงของไอ้คนตรงหน้า  ดูมันสิครับ  คนละคนรึเปล่าเนี่ย…จะไม่ให้ถามได้ไงล่ะ  อยู่กับผมล่ะง๊องแง๊งยังกับเด็กอายุ 15-16  ไม่รู้ว่าผมจะสปอยด์มันมากเกินไปรึเปล่า…. แต่ เอ…เท่าที่จำได้ก็ไม่เคยสปอยด์หรือตามใจอะไรมันเลยนะ  มีแต่ดุกับว่าล้วนๆ  


ว่าแล้วก็ยกข้อเท้าเจ้าหนูที่วางอยู่บนตักผมขึ้นมาเล็กน้อย  และก้มลงไปประทับจูบๆ เบาราวกับจะให้มันผ่อนคลายความเจ็บลง  อยากจะบอกว่าเกิดมาผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้ใครมาก่อน…แม้แต่กับมาร์ชก็ตาม  มิกกี้เองก็ดูจะตกใจ  พยายามชักเท้ากลับแต่ก็ไม่กล้าทำแรงเพราะปากผมจ่ออยู่กับปลายเท้ามัน
 

“เฮีย…อย่า  สกปรก”  

ผมละปากออกมาแล้วยิ้มให้ไอ้หนูที่มองตรงผมแบบเกรงใจ  มือมันยังพยายามดันหน้าผมออกห่างจากเท้าให้มากที่สุด  

“บ้าเปล่าเฮีย  ทำแบบนี้เดี๋ยวนรกก็กินบาลผมหรอก  เฮียแก่กว่านะ”  มันบอกผมเบาๆ ออกแนวกลัวๆ

“หึหึ  เชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอเรา…ไม่เห็นเป็นไร  เดี๋ยวบอกยมบาลให้ว่า ‘เต็มใจ’”

“เฮียยยยยยยยยยยย ไม่เอาาาาา”  



พอมันมีโอกาสก็รีบดึงขาหลบใหญ่เลยครับ  เห็นแล้วก็ขำดี  สักพักเมื่อมันแน่ใจแล้วว่าพ้นรัศมีการจับกุมและอยู่ในเขตปลอดภัย  ก็เงยหน้าขึ้นมามอง  อมยิ้มนิดๆ ออกแนวกวนตรีนตามสไตล์ของมันนั่นแหล่ะ (มีการไปว่าคนอื่นกวนส้นนะ  ควรจะส่องกระจกดูหน้าตัวเองซะบ้าง…)  แล้วก็ทำปากยื่นเข้ายื่นออก  ดูแล้วพิลึก


“เอาตรงนี้ดีกว่า”  ได้ยินอย่างนั้นแล้วถึงกับเผลอหัวเราะออกมาเล็กน้อย  แล้วก้มลงไปยังเป้าหมายตามที่อีกฝ่ายต้องการ  แนบปากลบประทับกันทั้งๆ  ที่ยิ้มอยู่นั่นแหล่ะ  ไอ้หนูเองก็คงขำด้วย  มันหัวเราะออกพ่นลมใส่ริมฝีปากผมเป็นระยะ


เราจูบกันเล่นๆ อยู่อย่างนั้นแค่แป๊บเดียว  ผมก็ผละออก  แล้วเปลี่ยนไปหอมแก้ม  หอมหน้า หอมจมูกมันแทน  มิกกี้เองก็เคลิ้มสิครับงานนี้  มันได้แต่หลับตาพิงปล่อยน้ำหนักมาทางผมเต็มที่  


“มิกกี้….อย่าคิดมากเลยน่า  ไปหาอะไรทำซะปะ  ปิดเทอมอยู่แต่บ้านแบบนี้ไม่เบื่อรึไง  หืม?”  ไอ้หนูได้ยินอย่างนั้นก็ลืมตาโพลง  มันบีบมือลงตรงไหล่ผมอย่างแรงจนหน้านิ่วเล็กน้อย

“….ไม่เอา”
“ทำไมล่ะ  ไปเที่ยวกับพวกไอ้นัท กับเพื่อนๆ ก็ได้ป่ะ  อยากไปเที่ยวไหนรึเปล่า?”  ผมยังคงพยายามหาเรื่องให้มันลืมไอ้ไผ่ให้ได้  และที่สำคัญ…ไม่อยากให้มันมาจดจ่ออยู่กับเรื่องของผมและอเมริกา

“เฮียไปรึเปล่าล่ะ?”

“….มิกกี้  ชั้นต้องทำ…”

“ถ้าเฮียไม่ไป  ผมจะไปทำไม  ไอ้พวกนั้นเดี๋ยวเปิดเทอมก็เจอหน้าจนเบื่อ  แต่กับเฮีย…จะอยู่ให้ผมเจอจนถึงเปิดเทอมรึเปล่าก็ไม่รู้”  



คำพูดนั่นมันเสียดแทงจนผมปวดใจจี๊ดๆ  เพราะอะไรน่ะเหรอ…เพราะที่เจ้าหนูมันพูดเป็นเรื่องจริงทั้งนั้นยังไงล่ะครับ  ซึ่งแน่นอนว่าขาทั้งสองข้างนี้คงยืนอยู่ในแผ่นดินไทยอีกไม่นานแล้วแน่ๆ  ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะถึงเดือน  หรือจะอีกแค่ไม่กี่วัน  เพราะตอนนี้เพื่อนทางนู้นก็เร่งยิกๆ ให้รีบไปช่วยมันจัดการซักที  เร็วเท่าไหร่ได้ยิ่งดี….


ผมไม่ตอบ…ได้แต่ดึงตัวไอ้คนตรงหน้าเข้ามากอดแน่นๆ มันเองก็รู้ว่าการกระทำนี้หมายความว่า ‘ไม่ปฏิเสธ’ และความเป็นไปได้ที่ผมจะไม่อยู่ถึงจนเปิดเทอมค่อยๆ ใกล้ความจริงเข้ามาเรื่อย  


ต่อให้ไม่ได้รักกัน…แต่อยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตด้วยกันมาขนาดนี้  สำหรับผมและมันก็เรียกได้ว่า 1 ปีกว่าๆ แล้ว  ย่อมต้องผูกพันกันเป็นธรรมดา  ไปรับไปส่ง  นั่งกินข้าวด้วยกัน  นอนพร้อมกันแทบจะทุกวัน…. แค่นึกว่าวันไหนจะต้องตื่นขึ้นมาโดยไม่มีอีกคนอยู่ข้างๆ  ไม่รู้ว่าสำหรับอีกฝ่ายแล้วมันจะหนักหรือเบาขนาดไหน  


ผมเชื่อว่าไอ้ตัวยุ่งมันจะผ่านไปได้… ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายเสียหน่อยนี่นะ  แต่ก็ไม่ได้ทำให้มีความสุขสักเท่าไร  รวมถึงผมด้วยเช่นกัน







แล้วบ่ายวันนั้นมิกกี้ก็ติดผมแจไม่ห่าง…หลังจากที่กินข้าวเสร็จ  ผมก็เปลี่ยนมานั่งที่โต๊ะทำงานเพื่อใช้โน้ตบุ๊คและคุยโทรศัพท์จัดการเรื่องธุระประปรังทั้งหลายทั้งแหล่  ตอนแรกไอ้หนูมันก็มานั่งอยู่ตรงปลายเท้าผม….ทำตัวซะน่าสงสารเชียว  แต่มันไม่ได้น่าสงสารขนาดนั้นหรอกนะครับ  เพราะในมือมันอ่ะมีเกมส์คาอยู่  นิ้วที่กดปิ๊ดๆ แทบมองตามไม่ทันเลยทีเดียว  ไหนวะไอ้ตัวที่มาทำเป็นอ้อนอย่างงู้นอย่างงั้นอย่างงี้ -*-


แล้วมันก็ขยับไปมา  หัวโงนเงนพิงขาผมแทบจะล้มลง  เลยต้องเดือดร้อนย้ายสถานที่ทำงานไปบนโซฟาตัวยาวแทน  โดยมีผมนั่งอยู่ที่ริมด้านนึง  และมีไอ้หนูนอนเอาหัวหนุนตัก  ปลายเท้าเหยียดไปอีกด้านสบายอารมณ์  


เห็นอย่างนั้นแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยดียังไงไม่รู้…ใช่ว่าไม่อยากให้มันมาอยู่ใกล้ตลอดเวลาหรอกนะครับ  แต่อยากให้มันทำตัวเหมือนเดิมมากกว่า  เพราะยิ่งใกล้กันมากกว่าปกติ  ตอนที่จากกัน….มันจะยิ่งทรมานน่ะสิ


และแล้วก็เหมือนสวรรค์เห็นใจ…ส่งตัวช่วยมาให้ผมพอดิบพอดี



















…ติ๊งต่องงง….


“มิกกี้…ลุกก่อนเร็ว”  ผมก้มลงกระซิบบอกไอ้ตัวที่นอนงัวเงียอยู่บนตัก  แบบนี้แหล่ะครับ  นอนกลางวันมันจะตื่นลำบากกว่านอนกลางคืนแล้วตื่นเช้า  ปกติไอ้มิกกี้มันจะเป็นคนตื่นง่าย นอนง่ายน่ะ  แต่คราวนี้เลยยังไม่ยอมลุกเท่าไร  ได้แต่ขยับหัวออกจากตักผม  แล้วพลิกตัวหันข้างไปนอนตามแนวยาวโซฟาตามเดิม


ทันที่ผมเปืดประตูก็ต้องถึงกับถอนหายใจ  แต่ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี  เพราะไอ้คนตรงหน้ามันคงช่วยอะไรได้บ้าง  ถึงเลือกไม่เจอจะถูกใจกว่าก็เถอะ  


ผมไม่ได้พูดอะไร…เหมือนอีกฝ่ายจะรู้เรื่องรู้ราว  เพราะมันเองก็รู้เรื่องที่ผมจะไปอเมริกาเช่นกัน   เจ้านั่นยื่นถุงอะไรบางอย่างมาให้แล้วพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงถามว่าเป็นไงบ้าง  ส่วนผมก็พยักหน้าตอบ  ประมาณว่า ‘ก็ดี’  นี่ตกลงพวกกรูจะเล่นละครใบ้กันใช่มั้ยเนี่ย -*-


ผมชี้นิ้วไปข้างในห้องนั่งเล่นตรงโซฟาเมื่อหมอนั่นทำท่ามองหา  มันยิ้มแล้วเดินดุ่ยๆ เข้าไปทันที




“ไอ้ลิง! นอนอะไรเวลานี้วะ!”  นั่นไงล่ะครับ  เอาเลยไอ้สองตัวนี้  ไม่รู้มันจะชอบหยอกไอ้มิกกี้ไปถึงไหน  

“…อื้ออออออออ  หนกหู  เฮียยยยย  พี่ซันมาได้ไงอ่ะ!!”  อ้าว  แล้วมาถามตรูทำไมฟะเนี่ย  ผมเดินเข้าไปดูเห็นไอ้ตัวยุ่งมันหยิบหมอนอิงโซฟามาปิดหน้าปิดตาเป็นเชิงรำคาญซะเต็มที่

“จะรู้มั้ยล่ะ  มาทำไมวะ?”  ผมแกล้งทำเป็นหันหน้าไปถามไอ้คนที่กำลังกดหมอนลงกับหน้าไอ้หนูจนมันดิ้นอึกอักๆ

“ลุกๆ ลิงเอ้ย  มานี่!”  

“โอ๊ยยยย  อะไรเล่า!”






ในขณะที่ผมกำลังดูไอ้สองตัวนั้นมันยื้อกันไปมา  ก็มีมือเย็นมาวางแปะที่หัวไหล่  หันไปดูก็ต้องยิ้มกว้างครับ  คว้าไอ้สุดที่รักมากอดแน่นๆ  เจ้าตัวเองก็กอดผมแบบเต็มเหนี่ยวเช่นเดียวกัน

ผมจูบลงบนหน้าผากหอมๆ นั่นทีนึง  ก่อนที่มาร์ชจะหันไปมองสองคนที่เล่นมวยปล้ำกันอยู่บนโซฟาอย่างระอา
 

“ไปไหนนนนน ไม่ไปปปปปป เฮียช่วยผมด้วยยยยยย”  อยู่ๆ ไอ้ซันก็อุ้มมิกกี้ขึ้นพาดบ่าเลยครับ  ผมเองยังงงๆ ว่ามันทำได้ยังไง  ตัวไอ้หนูก็ไม่ได้เล็กขนาดนั้น  เสียงไอ้ตัวยุ่งร้องลั่นท่ามกลางเสียงหัวเราะของมาร์ชและไอ้ซัน


























….ตุบ….ตุบ….กึงๆ…


ผมยืนพิงกำแพงเหล็กอยู่ข้างๆ สนามบาสเก่าใกล้กับคอนโด มือนึงก็คีบบุหรี่คอยสูบเข้าปาดเรื่อย สายตามองดูภาพตรงหน้า  บวกกับหูก็ฟังเสียงเฮฮาจากฝั่งตรงข้ามที่เป็นสนามฟุตบอลดังมาให้ได้ยินเป็นระยะๆ


“ตกลงพี่แดนต้องไปเมื่อไหร่?”  มาร์ชยืนกอดอก  แม้ปากจะพูดกับผม  แต่สายตายังคงมองไปในสนามบาส  

“….”  

“บอกมาเถอะน่า”  อีกฝ่ายคาดคั้นเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ

“…ไม่ถึง 2 สัปดาห์ อย่างมาก”  คราวนี้ฝ่ายที่ต้องละจากสนามบาสมาถลึงตาใส่เป็นเจ้ามาร์ชเองแหล่ะครับ

“ล้อเล่นป่ะเนี่ย”

“จะล้อเล่นทำไมเล่า  ถึงได้เครียดอยู่นี่ไง…ทางนู้นเค้าต้องให้ไปเจรจากับอีกบริษัทที่หุ้นกัน  แล้วจะให้ประชุมทางโทรศัพท์รึไง  มีหวังล่มแน่ๆ  เลื่อนก็ไม่ได้  ยังไงตัวก็ต้องไป”  ว่าแล้วก็คีบบุหรี่ทวนใหม่ขึ้นมาจุด  หวังว่ามันจะช่วยให้หายปวดหัวขึ้นมาได้บ้าง





“เฮ้ยยยยย แมร่งงงงงงง”  เสียงไอ้ซันร้องขึ้นมาหลังจากการ์ดหลุดปล่อยให้ไอ้มิกกี้มันลอดไปเลย์ลูกลงแป้นได้  

“ฮ่าๆ คนละชั้นกันเว้ยยยย”  เจ้าหนูวิ่งไปหยิบลูกบาสที่กลิ้งไปไม่ห่างมาเลี้ยงไว้ต่ำๆ

“ไวสมเป็นลิงเลยนะมรึง หึหึ”  


จากนั้นก็มีเสียงโวยวายไอ้มิกกี้ดังขึ้นมาตากความคาดหมายแหล่ะครับ  มันโม้งเม้งแล้วหันมาทางผม  พร้อมกับทำหน้ายู่ไปด้วย  แต่ก็มองมาได้ไม่นานเพราะลูกบาสในมือโดนไอ้ซันตบแย่งไปแล้ว



“พี่แดน  ตกลงมิกกี้ไม่ไปด้วยใช่มั้ย?”  มาร์ชหันมาเข้าประเด็นต่อพร้อมกับหยิบขวดน้ำเย็นเจี๊ยบจนไอเกาะมาบิดเปิดฝาเบาๆ

“…คงไม่  ชวนแล้วแต่ไม่ยอมไป”  ผมตอบกลับไปลอยๆ  ตาก็มองตามตัวขาวๆ ที่ตอนนี้ใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบวิ่งไปมาในสนามบาส  เหงื่อสะท้อนกับแสงอาทิตย์ยามเย็นสีส้มจนเหมือนตัวมันเรืองแสงนิดๆ  คิ้วเข้ม จมูกโด่งและปากสีแดงเข้มที่กำลังอ้าเผยอเพื่อบริหารลมหายใจตอนวิ่ง
 






ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนคิดว่าเป็นแค่ภาพไอ้หนูเล่นบาสธรรมดาๆ เหมือนทุกวัน… แต่ตอนนี้อยากจะหยุดเวลาแล้วสต๊าฟทุกสิ่งทุกอย่างไว้อย่างนี้จริงๆ

…ไม่รู้อีกนานแค่ไหน  ถึงจะได้กลับมาเห็นภาพนี้… คนตรงหน้านี้อีก…






“ทำไมล่ะ?”  มาร์ชถามขึ้นมาเล่นเอาผมตื่นจากความคิดตัวเอง

“รายนั้นไม่ชอบต่างประเทศอยู่แล้ว  ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เรื่อง….หึ ถ้าไม่อยู่แล้วจะแดรกเอฟรึเปล่าก็ไม่รู้”  ผมหัวเราะเบาๆ

“ไม่หร้อกกก  อาจารย์สอนพิเศษภาษามีตั้งมากมาย  ไหนจะเจ้าของภาษาตามสถาบันก็เยอะแยะ…ไม่จำเป็นซักหน่อยที่มิกกี้จะต้องมี ‘ครู’ แค่คนเดียว”  มาร์ชพูดลอยๆ แล้วยกขวดน้ำขึ้นดื่มแก้กระหาย

“….หมายความว่าไง”

“ก็…มิกกี้มันยังเด็กเหอะพี่แดน  เดี๋ยวมันได้เจออะไรใหม่ๆ คนใหม่ๆ มันก็ลัลล้าไปได้เรื่อย  ยิ่งนิสัยมิกกี้ด้วยแล้วเป็นคนง่ายๆ สบายๆ เข้ากับใครก็ได้”  

“….มาร์ช” ผมเริ่มขมวดคิ้ว  เพราะไม่เข้าใจว่าคนข้างๆ ต้องการจะสื่ออะไรออกมา

“ผมว่าเรื่องนี้ถึงมันจะเจ็บกับ ‘ไอ้หนู’ ของพี่ในช่วงแรกก็เถอะ  แต่ผมว่าคนที่จะทำใจได้เร็วก็คือมิกกี้  ส่วนไอ้คนที่จะตรอมใจตายน่ะ…จะเป็นใครไปได้อีก”  




แม้ในใจนึกอยากจะเถียง…ความจริงได้แต่กลืนคำพูดตัวเองลงคอดังเอื้อกเอาไว้  


“พี่แดนไม่รู้ตัวหรอก…. เมื่อไหร่ที่บอกว่าตัวเองเข้มแข็ง  เมื่อไหร่ที่นึกว่าอีกฝ่ายจะต้องเสียใจมากกว่าเรา  ตัวเราเองนั่นแหล่ะ…ที่จะต้องเสียใจที่สุด  เพราะมารู้ตัวอีกที  ทั้งความคิด…การกระทำ และสายตาของเราก็ตกอยู่ที่เค้าคนนั้นแล้ว”  

ผมฟังมาร์ชพูดไป  และแอบเหลือบไปมองอีกฝ่าย….ที่กำลังจ้องมองไปยังสนามบาสข้างหน้า  สถานที่เดียวกับผม…แต่เพียงคนละจุดหมาย


“แล้ววันนึงที่เราคิดว่า… เราเลือกที่จะไป  เพราะคิดว่านั่นคือทางที่ดีที่สุด  สุดท้าย…เราก็ไปแต่ตัว  เพราะทุกอย่างมันอยู่ที่เค้าหมดแล้ว”  

“หึ…ข้อมูลจากประสบการณ์ตรงงั้นสิ”  ผมนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่มาร์ชหนีไอ้ซันไปอเมริกาแล้วก็ยิ้มอย่างเอ็นดู  สายตามองไปยังร่างที่กำลังยกแขนไปมา  ตั้งการ์ดกันไม่ให้ไอ้ซันทะลุไปยังแป้นบาสได้  

“ก็ด้วย… แล้วก็คำแนะนำจากเท่าที่สังเกตดูด้วย”  

“แต่ชั้นกับมิกกี้ไม่ได้เลิกกัน  แค่ห่างกันเฉยๆ”  

“ห่างกันแบบนี้มันก็เหมือนเลิกกันไปครึ่งนึงแล้วล่ะ”  

“…ปากเสีย”  ผมพูดพึมพำกับตัวเอง  แบบไม่คิดให้อีกฝ่ายได้ยิน

“หะ! พี่ว่าผมเหรอ! อ๋ออออ เดี๋ยวนี้กล้าว่าผมแล้วงั้นสิ อะไรวะเนี่ยยยยย”



ไอ้มาร์ชโวยวายแบบไม่ได้เอาจริงเอาจังเท่าไหร่นัก  สังเกตจากหน้ามันที่ยังเปื้อนรอยยิ้มประปราย  แต่เหมือนจะแกล้งหยอกผมมากกว่า  จึงทำเป็นผลักผมแล้วเอนตัวเข้ามาใกล้จนหลังผมชิดติดกับกำแพง
 

…วืดดดดด….ปังง!!



ผมสะบัดมือเร่าๆ เล็กน้อยเพราะเจ็บจากการปัดลูกบาสที่ลอยละลิ่วมาจากกลางสนามบาสพุ่งตรงมายังผม… ไอ้คนปานี่ก็แม่นซะเหลือเกิน  เล็งมาตรงหัวได้พอดิบพอดี  ถ้าปัดไม่ทันคงมืมึนไปหลายนาที


“เฮ้ยยย ไอ้ซัน เล่นไรของมรึงวะ  อันตรายนะเว้ย!”  มาร์ชร้องโวยวายหันไปด่าไอ้คนที่ถอดเสื้อครึ่งบนโชว์กล้ามท้องกำลังวิ่งมาทางพวกผมแบบไม่ยี่หระ  ราวกับแค่จะมาเก็บลูกบาสก็แค่นั้น

“โทษทีๆ หึหึ”  

“สาดเอ้ย….”  ผมสบถเล็กน้อย  ก่อนจะลอบถอนหายใจ


ไอ้ซันเดินไปคว้าเอามือมาร์ชที่ถือขวดน้ำขึ้นมาดื่มทั้งอย่างนั้น  แถมยังทำเท่เหมือนหมาเปียก  เอาน้ำราดหัวตัวเองอีกพอเป็นกระสัยแล้วสะบัดไปมา  จนมาร์ชต้องร้องด่า  เอามือป้องไม่ให้น้ำกระเด็นเปื้อนตัวเอง


“เฮีย  เป็นไรเปล่า!?”  

ผมมองคนตรงหน้า  แล้วคลี่ยิ้มออกมา…ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวมันเบาๆ  แล้วชวนกันกลับบ้าน



































++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++=

มาอีกแล้ว มันมาแล้วววววววว ไอ่บทโศก :fire: (เตรียมเผาศพคนเขียน)

dek_jun_rai

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
^
^

อ่านะ จะเผาวันไหนก็อย่าลืมชวนกานบ้างนะ หุ หุ หุ  o18

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
อ่านตอนนี้แล้วหดหู่เล็กน้อย

จะต้องจากกันแล้วใช่ไหมอ่ะ

ไม่อยากให้อยู่ไกลกันเลยอ่ะ

ยิ่งช่วงที่มาร์ชมาพูดกะเฮียอ่ะ

อ่านๆไปก็สงสารเฮียแกจังเลย

ดูท่าฝ่ายคนแก่จะตรอมใจซะก่อนซิเนี่ย

ปล.ชอบมิกกี้เวอร์ชั่นขี้อ้อนจังเลยอ่ะ

รออ่านตอนต่อไปจ๊ะ

MaIOcEaN

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
ขอตามรีบนไปเผาด้วยคน  เครียดกันทั้ง2ฝ่ายแล้วสิ  มิกกี้ อย่าทิ้งเฮียนะ ถ้าจะทิ้ง บอกด้วย เด๋วจาไปเซ๊งต่อ :z1:

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
อ่าวๆ เห้ยๆ อะไรกันวะเนี่ย  :z3:

มาจากไหนอีกกกก

บทโศกาสาหัสเนี่ย  :m16:

เตรียมเครียดเลยเชียววว  :o12:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






CaroL

  • บุคคลทั่วไป
“พี่แดนไม่รู้ตัวหรอก…. เมื่อไหร่ที่บอกว่าตัวเองเข้มแข็ง  เมื่อไหร่ที่นึกว่าอีกฝ่ายจะต้องเสียใจมากกว่าเรา  ตัวเราเองนั่นแหล่ะ…ที่จะต้องเสียใจที่สุด  เพราะมารู้ตัวอีกที  ทั้งความคิด…การกระทำ และสายตาของเราก็ตกอยู่ที่เค้าคนนั้นแล้ว” 

ชอบข้อความด้านบนครับ


ออฟไลน์ ┠┨ ¡ Þ Þ ☻ ❣ ╰╰

  • นู๋ รัก BoYs' lOvE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 723
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:....บอกดั้ยคำเดียว....ว่า    :เฮ้อ:

ความรักมักมีอุปสรรคเสมอ...สู้ต่อปัย...ตั่วเฮีย...

พี่มิกกี้...อ้อน  น่ารักจังจัง...

ออฟไลน์ ลูกหมีน้ำแดง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
สงสารเฮีย เครียดอีกแล้ว เอาน่าอุปสรรคคือบททดสอบของชีวิต   :o12:
 


ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1


บรรยากาศซีเครียดไม่ชอบเลย


 :sad4:


ออฟไลน์ ┗◎┗◎

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +734/-7
ลิงน้อยน่ารัก จั๊กๆๆๆ  :m1:

ออฟไลน์ ToeY_@_KP

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
จะว่าไป..

ก็สงสารเฮียแดนเหมือนกันเน้อ.... :เฮ้อ:

MaeMoo

  • บุคคลทั่วไป
สงสารเฮียแดน

จากกันทั้งที่ยังรักกันอยู่ มันทรมานกว่าการเลิกกันซะอีก


.........


orion

  • บุคคลทั่วไป
เฮียเราน่าสงสารอ่ะ :monkeysad:

gypsy

  • บุคคลทั่วไป
เฮ่อ เศร้า

สงสารคนรักกัน

ทำไมนะ คนเขียนช่างเล่นตลก

พาอุปสรรคมาหาสองคนได้ตลอด

ชิชิ

 :m16:

ออฟไลน์ CanonDNattari

  • ☆.•:*´เชื่อในสิ่งที่เห็นและต้องการให้เป็น ¨`*:•☆
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 701
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
อ่านแล้วใจหวิว ๆ ชอบกล  :sad11:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






alterlyx

  • บุคคลทั่วไป
ฟิตมาจากไหนคะเนี่ย ... ช่วงนี้มาต่อเร็วเหลือเกิน ............... เวลาที่เหลือ ก็น้อยลงไปทุกที่
"สุดท้าย…เราก็ไปแต่ตัว  เพราะทุกอย่างมันอยู่ที่เค้าหมดแล้ว”    :m15: พูดแบบนี้ ฆ่ากันให้ตายดีกว่า

Forever_ever

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้ออออ อ่านตอนนี้แล้วเครียดจัง
ขอให้ตอนหน้ามีทางออกที่ไม่เศร้าเน้ออออออ


ดีใจ ดีใจ ตอนนี้มี ซัน มาร์ช มาด้วย คิดถึงจัง

ออฟไลน์ NeN~

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
เหยยยยย ฟังมาร์ชพูดแล้วมีสิทธิ์เป็นไปได้สูงนะเอ๊ย ขนาดห่างเฮียก็แปบเดียวคราวนั้นยังเกือบถูกสาวสอยไปแล้วเลย

ไม่ได้จะว่าน้องเปลี่ยนใจง่ายนะ แต่บางทีรักแท้แพ้ใกล้ชิด เหอๆๆ

kaewpoo

  • บุคคลทั่วไป
ต้องจากกันแล้วจริงๆๆหรอ ไม่จากกันไม่ได้หรอ เศร้าๆๆ :m15:

ออฟไลน์ faire

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เตรียมเศร้า เง้อ

มาร์ชพูดดีมากๆตอนนี้  :L2: :L2:

แล้วเฮียจะทำยังไงล่ะทีนี้

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
เง้อออ....งเอาอีกแล้ว..มาร์ชมาพูดงี้คนอ่านเลยจิตตกตามไปด้วยเลย...."แค่ห่างก็เหมือนเลิกกันไปครึ่งนึงแล้ว" :m15: :m15:

เฮีย..พานู๋มิกไปด้วยเหอะ ...

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ไม่ไปได้ไหมอะ เฮีย
ไม่สงสาร ไม่คิดถึง ไม่รักไอ้หนูแล้วเหรอ

RomeO_C_Leng

  • บุคคลทั่วไป
เง่อ ๆ ไม่ถึงสองอาทิตย์แล้วจิ


มาต่อไว ๆนะครับ

ออฟไลน์ nopkar

  • เป็ด indy
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2159
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-3
ง่ะ

อย่าโศกเยอะมากนะครับ

 :m15:

teenza

  • บุคคลทั่วไป
มาร์ชเขามีประสบการณ์ตรง
เฮียแดนฟังหน่อยก็ดีนะ
อ่านตอนนี้แล้วก้นึกถึงตอนที่มาร์ชหนีซันไปเมกา
ปล คนโพสอย่าทำร้ายคนแต่งเลย เดี๋ยวอดอ่านนิยายอะ :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด