เสียงโครมครามเปรี้ยงปร้างดังออกมานอกจอทำเอาไอ้คนที่นั่งพิงโซฟาในอ้อมแขนผมจ้องไอ้กรอบสี่เหลี่ยมบานใหญ่ตาไม่กระพริบ แต่มือก็ยังล้วงหยิบเอามันฝรั่งทอดมาใส่ปากแบบไม่หยุดเช่นเดียวกัน ผมไม่ค่อยได้สนใจหนังเท่าไหร่หรอกเพราะไม่ใช่แนว ไอ้ตัวดีนี่สิเป็นคนไปหาซื้อหาเช่ามาทั้งหมด เลยหันเหไปหาเศษหาเลยกับเจ้าตัวดีกว่า… ว่าแล้วก็หอมหัวเน่ามันไปทีนึง พร้อมกับใช้มืออีกข้างลูบต้นขาที่พาดอยู่บนตักผมไปด้วย
ไอ้มิกกี้หันมามองผมนิดนึง ก่อนจะดูหนังต่อ แล้วกระเถิบตัวมาชิดกันมากขึ้น หัวซบอยู่ที่ซอกคอทำเอาจั๊กจี๋ขึ้นมานิดหน่อยเพราะผมนิ่มๆ นั่น
“เหนื่อยมั้ย?” คำตอบที่ได้เป็นเพียงอาการส่ายหน้า แล้วหยิบมันฝรั่งมาจ่อปากแทน ผมเลยก้มลงกัดกร้วมแล้วดูดนิ้วมือเอาเศษผงที่ติดอยู่ไปด้วย ไอ้มิกกี้ชักนิ้วออกแล้วแย่งไปดูดเอง เพราะมันชอบนักล่ะเวลาเศษมันฝรั่งผสมกับเกลือ (และผงชูรส) ติดที่นิ้ว บางทีก็บอกว่ากินเพื่อให้มันติดนิ้ว แล้วดูดๆ กะนิ้ว… นี่แหล่ะ อร่อยที่สุดแล้ว อร่อยกว่ากินเป็นชิ้นๆอีก -*-
“พรุ่งนี้กลับกี่ใมง?”
“อา…เดี๋ยวนะ… กี่โมงวะ อ้อ ประมาณ 5 โมงมั้ง ไม่แน่ใจเหมือนกัน” เจ้าหนูตอบแบบมึนๆ เพราะยังคงตั้งสมาธิอยู่กับเนื้อหาของหนังตรงหน้ามากกว่าที่จะคุยกับผม
“แล้วใครจะไปเอาของ?”
“ก็…เดี๋ยวผมไปเอาก็ได้ ไม่ไกลจากตึกมาก แต่ไม่รู้เค้าปิดกี่โมงอ่ะ”
พวกผมกำลังพูดถึงพวกของตกแต่งบ้านนี่แหล่ะครับ ตอนนี้พวกเราก็ย้ายมาอยู่ที่นี่แล้ว โดยรวมถือว่าเสร็จไป 80% เหลือแค่ตกแต่งภายในนิดหน่อยเพราะของที่สั่งไปยังไม่มาบ้าง ยังอยู่ระหว่างการขนส่งบ้าง เลยไม่อยากเสียเวลา มาอยู่มันก่อน จัดเพิ่มทีหลัง
“พรุ่งนี้กลับดึกนะ” ผมบอกอีกฝ่ายก่อนจะถอนหายใจ
“…กี่โมงอ่ะ”
“ก็อาจหลังเที่ยงคืน” ผมตอบไปตามความคาดคะเน เพราะช่วงนี้เป็นไฮซีซั่น งานเข้าที่บริษัทแบบล้นทะลัก บวกกับงานชิ้นใหญ่ที่ผมต้องพิจารณามากมาย ทำเอาคนในบริษัทถึงขั้นขาดแคลนแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตอนนี้เลยวุ่นทั้งรับงานในงานนอก แล้วไหนจะต้องมาเทรนเด็กใหม่อีก หนักเลยครับ
“ไหวเปล่าเฮีย?”
คราวนี้ไอ้หนูมันยอมเงยหน้าขึ้นมาจากจอทีวี แล้วมองหน้าผม… คิ้วเข้มนั่นขมวดเข้าหากัน ดวงตาแฝงแววความเป็นห่วงแบบจริงใจจนอดส่งยิ้มเล็กๆ ไปให้ไม่ได้ เผื่ออีกฝ่ายจะคลายความกังวลไปได้บ้าง
“จิ๊บๆ น่า เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”
“แล้วปัญหาใหญ่ก็มาแทน?” มิกกี้ยิ้มกวนตรีนจนผมต้องตบกบาลมันไปทีนึง
เสียงงี๊ดของไอ้ลูกหมาดังไม่ไกลจนพ่อมันต้องอุ้มขึ้นมากอดเอาไว้บนตัก
“ไรดิ๊กกี้ หิวเหรอ กินมะ?” เจ้าหนูทำท่าจะป้อนมันฝรั่งให้ แต่ก็ทำเป็นแกล้งยื่นใกล้ยื่นไกลบ้างจนไอ้หมามันงับลมไปหลายรอบ นิสัยนะนิสัย…ติดใครมาเนี่ย
“ให้มันไปทั่ว เดี๋ยวก็ท้องเสียหรอก” ผมมองด้วยหางตา แล้วเอ่ยปากเตือน
“เอ้ย แค่เลย์เอง ไม่เป็นไรหรอก”
สุดท้ายมันก็ไม่ได้ให้ครับ ปากทำเป็นพูดแต่ในใจคงกลัวว่าลูกรักจะเป็นอะไรไปจริงๆ เลยได้แต่ให้มันนอนแล้วจับลูบหัวลูบหางอยู่อย่างนั้น ส่วนตัวพ่อมันก็เริ่มเลื้อยไหลมานอนตักผมแทน ตอนนี้กลายเป็นว่าผมนั่งอยู่คนเดียว ไอ้สองตัวที่เหลือนอนตัวยืดตัวยาวบนโซฟาไปเรียบร้อยแล้ว
“มิกกี้…ง่วงก็ไปนอนกันป่ะ” ผมบอก พร้อมกับทำท่าดันตัวอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น แต่ก็โดนขืนไว้
“ไม่อาวววว ขอดูก่อน อีกนิดเดียวจะจบแล้ว นะๆ”
สุดท้ายไอ้ตัวแสบก็นอนหลับตายตาตักผม เลยต้องปลุกเป็นการใหญ่ให้ลุกไปนอนที่เตียงดีๆ มันก็เดินสะลึมสลือขึ้นบันไดไป ตอนขึ้นบันไดมีการงงด้วยนะ… หันหน้ามาหาผม แล้วยืนนิ่ง เลยถามไปว่า “เป็นอะไร?” มันเงียบไปสักพักก่อนจะบอกว่า “มีบันไดด้วย…ไม่ชิน” แค่นั้นแหล่ะ ผมหลุดหัวเราะออกมาเลย เด็กน้อยเอ้ยยย
“เดี๋ยวเหอะ อย่าเพิ่งนอน ไปแปรงฟันก่อน เมื่อกี้กินอะไรมา” ผมรีบคว้าต้นแขนไอ้คนที่กำลังเตรียมกระโดดลงเตียงเต็มแก่ไว้ มันหน้ามุ่ย แต่ก็ต้องยอมเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ… เสียงก่อกแก่กข้างในแสดงว่าเจ้าตัวคงกำลังจัดการธุระของตัวเองอยู่
ผมเองก็เดินตามเข้าไปเหมือนกัน แล้วหยิบยาสีฟันกับแปรงสีฟันของตัวเองบ้าง… เราสองคนยืนอยู่ในห้องน้ำ ส่องกระจกและฟองสีขาวเต็มปากกันอยู่แบบนั้นโดยที่ผมยืนเยื้องมาทางด้านหลังเล็กน้อย
แม้ว่าสิ่งรอบข้างจะเปลี่ยนไป ห้องน้ำที่เคยเล็กก็เปลี่ยนมาใหญ่จนแทบนอนได้สามคน…
ผมเองก็รู้สึกแก่ลง โดยที่คนข้างๆ กลับกลายเป็นหนุ่มเต็มตัวมากขึ้น…
แต่สิ่งเดียวที่ยังเหมือนเดิมคือ… ในเงากระจกใบนี้ ยังมีคนสองคนที่เคียงข้างกันมาตลอด เรายืนในตำแหน่งเดิม ท่าเดิม และหน้าแบบเดิมๆ ไม่เปลี่ยนแปลง
และเจ้ามิกกี้ก็เอนมาพิงผมทั้งๆ ที่มือยังจับแปรงสีฟันขยับขึ้นลงในปากเป็นจังหวะ ผมเลยแกล้งมันด้วยการเอาแปรงตัวเองแหย่เข้าปากมันบ้าง มันเองก็รับมุข เอาแปรงตัวเองออกแล้วยิงฟันเหมือนให้ผมแปรงให้…
“โอ๊ยยย” เจ้าตัวอยู่ๆ ก็ร้องออกมาจนผมต้องหยุดมือ
“เป็นไร?”
“ทิ่มเหงือกเลยยยยยยยยยยยยยย” มันว่าอย่างงั้นแล้วเบะปาก ผมเลยเปิดน้ำใส่แก้วแล้วยื่นให้มันบ้วนฟองทิ้งซะ หน้าตอนนี้ยังกะคนกลืนเดตตอลแล้วน้ำลายฟูมปาก -*-
“ไหน…มาดูซิ เป็นแผลรึเปล่า?” ผมรีบง้างปากมันให้อ้าออกหลังจากที่เราทั้งคู่บ้วนทำความสะอาดปากเรียบร้อยแล้ว
ไอ้ตัวแสบมันอ้าปากยอมให้ผมดู ผมก็ถามว่าตรงไหน… มันก็ชี้ๆ ดูเหมือนชี้มั่วซั่วไงไม่รู้
“ไหนล่ะ…ตรงนี้รึเปล่า?” ผมก้มลงจุ๊บที่ปากล่างมันทีนึง พร้อมกับเอานิ้วเขี่ยรอบๆ ริมฝีปากไปด้วย ไอ้หนูไม่ตอบ ได้แต่ส่ายหัวนิดๆ แล้วชี้ไปอีกข้าง
“ตรงนี้เหรอ?” คราวนี้ผมแนบจูบลงไปเบาๆ จนอีกฝ่ายดูดปากตอบ หึหึ
“อือ…ตรงนี้ด้วย” มิกกี้พูดเสร็จก็โอบคอผมเลยครับ
เราสองคนจูบแบบทีเล่นทีจริงมากกว่า… ขบปากกันไปขบปากกันมา แกล้งงับกันบ้างตามประสา จนหลังเราทั่งคู่ล้มลงบนที่นอนใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เราสองคนนอนตะแคงหันหน้าเข้าหากันโดยมีเจ้าหนูกอดผมไว้แน่น มันจูบคางสากๆ ของผมหลายครั้งแล้วซุกหน้าเข้าหาหน้าอก
“เฮีย…ขอบคุณนะครับ”
ผมได้แต่ยิ้ม…แล้วกอดตอบกลับ กระซิบเบาๆ ว่า “ด้วยความยินดี…หนูน้อย” ทำเอาอีกฝ่ายคงขัดฟันถึงขั้นต้องงับเข้าที่แผ่นอกผมซะเกือบเต็มแรง
“รักนะ…”
ไม่ทันได้ตอบกลับ มัวแต่อมยิ้มอิ่มเอมใจกับตัวเองก็ได้ยินเสียงกรนฟี้ๆ ซะแล้ว… ถึงปากจะบอกไม่เหนื่อย แต่วันนี้ท่าทางจะเสียพลังงานไปไม่เบา เพราะไหนจะต้องดูคนงานที่มาแต่งบ้านเพิ่มเติม และไหนจะจัดของ เก็บของอีกมากมาย ส่วนใหญ่ก็เป็นของที่เจ้าตัวเค้าสะสมแหล่ะครับ มากมายหลากแนวตามสไตล์ ผมจะไปช่วยก็ไม่ได้เพราะแค่เห็นก็ปวดหัวแล้ว เผลอๆ จะจับโยนทิ้งทีละชิ้น… มันคงไม่รู้ตัวหรอกมั้ง
ผมนอนลูบหัวอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น… ความคิดที่จะทดสอบประสิทธิภาพเตียงใหม่เลยต้องเป็นอันล้มพับไปเพราะตัวการดันนอนหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องรู้ราวซะนี่
แต่แล้วก็ต้องเงี่ยหูฟังเมื่อได้ยินเสียงคุ้นๆ
“งี้ดๆ…” เสียงนี่มัน…
แล้วก็คาตาเลยครับ อยู่ๆ หัวล้านๆ ของไอ้ลูกหมาตัวโปรด(มิกกี้)มันก็โผล่ขึ้นมาข้างเตียง ขามันตะเกียกตะกายพยายามปีนมาก แต่ท่าทางจะไม่ค่อยไหวเลยส่งเสียงร้องให้ช่วย เตี้ยแล้วไม่เจียม -*-
ผมนอนยกแขนขึ้นชันหัวมองดูว่ามันจะทำยังไง เสียงดังตุ๊บแสดงว่ามันคงกลิ้งตกลงกับพื้นไปแล้ว หึหึ สมน้ำหน้า… สักพักก็ส่งเสียงร้องงี๊ดๆ อีกครั้ง พร้อมกับขาหน้าที่ปีนป่ายขึ้นมาบนเตียงอย่างทุลักทุเล อยากจะมีส่วนร่วมอะไรนักหนาวะเนี่ย!?
สักพักมันก็ทำหน้าตาเหนื่อย (อันนี้คิดไปเอง) และขึ้นมานั่งขาแผละอยู่บนเตียงได้สำเร็จ มีการนั่งขาอ้าออกจากกันด้วยนะครับ นึกออกมั้ย เหมือนลุงแก่ๆ น่ะ…น่าเกลียดจริงๆ ไม่เห็นมันจะน่ารักน่าชังตรงไหน แถมพอปีนขึ้นมาก็มานั่งหน้าตายจ้องผมตาไม่กระพริบ มันคงเห็นว่าพ่อมันหลับไปแล้วเลยหันมาสนใจผมแทน…
พอผมขยับตัวนิดนึง มันก็ทำท่าจะสะดุ้ง แล้วจะลุกตาม แต่พอผมนื่ง มันก็กลับมานั่งขาเผละตามเดิม…
พอผมหาว… มันก็หาวตามอีกน่ะ!
เป็นไรมากมั้ยเนี่ย!?
สรุป…
คืนนั้นผมกับไอ้หมาบ้าก็นอนจ้องตากันเกือบทั้งคืน ตื่นมาตอนเช้ายังไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตรูจะทำไปทำไม!? สุดท้ายก็ตรูเองนี่แหล่ะที่เป็นเอามาก -*-
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หน้าตามันกวนจิงๆ 
